เจ้าสาวผัดไทย (2547/2004) เจ้าสาวผัดไทย เรื่องราวความรักของ เพชรา แม่ค้าผัดไทยในชุมชนร่วมใจ ที่อยู่ในสภาวะตกกระไดพลอยโจน ต้องเข้าร่วมเกมโชว์แข่งกินผัดไทย 100 วัน ชิงรางวัลเงินสด 1 ล้านบาท พร้อมความรักจากราชินีผัดไทยแม่ค้าคนสวย และในบรรดาผู้เข้าแข่งขัน มากหน้าหลายตาหลากเผ่าพันธุ์ มี สุระชาติ อาจารย์หนุ่มข้างบ้าน ที่ชาวชุมชนเต็มใจนำเสนอรวมอยู่ด้วย ส่วนคู่แข่งคนสำคัญของอาจารย์คือ สุรชาติ หนุ่มรูปหล่อแฟนเก่าของเพชรา ที่พยายามทุกวิถีทางไม่ให้ตนเองปราชัย และที่ขาดไม่ได้ คือเหล่าสมาชิกชุมชนร่วมใจระดับหัวแถว ที่คอยทั้งส่งใจและส่งแรง ช่วยเพชราไม่ขาดสาย ภาพยนตร์แนวโรแมนติก/ตลก เจ้าสาวผัดไทย เป็นผลงานการสร้างของ นครไทยพิคเจอร์ เขียนบท-กำกับฯ โดย มงคลชัย ชัยวิสุทธิ์ นักเขียนนักวิจารณ์ภาพยนตร์ นามปากกา "ตีตั๋ว" ที่เปลี่ยนบทบาทมาเป็นคนเขียนบท-ผู้กำกับฯ และเคยมีผลงานภาพยนตร์เรื่อง เกิร์ลเฟรนด์ 14 ใสกำลังเหมาะ เมื่อปี 2545, ภาพยนตร์เรื่องนี้ อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารโดย กิตติ์ยาใจ ตรีเอกวิจิตร, อำนวยการสร้างโดย ประไพพรรณ ชัยวิสุทธิ์, กำกับภาพโดย วันชัย เล่งอิ๊ว, ดนตรีประกอบโดย ปธัย วิจิตรเวชการ
102 ปิดกรุงเทพปล้น (2547/2004) รัฐบาลออกมาประกาศอิสรภาพให้ชาวไทยทั้งประเทศโดยการประกาศชำระหนี้คืนให้กับ IMF ทั้งหมด สร้างความไม่พอใจให้กับองค์กรลึกลับภายใต้การนำของผู้มีอำนาจและอิทธิพลทางเศรษฐกิจ ทางองค์กรจึงคิดแผนปฏิบัติการปล้นครั้งนี้ขึ้นภายใต้ชื่อว่า “แผนปฏิบัติการปล้น 102 นาที” เพื่อจะขโมยทองหรือเงินทุนสำรองของคนทั้งประเทศ ภายใต้การนำของ “นาวิน” (อำพล ลำพูน) อดีตนายทหารฝีมือดีซึ่งเคยผ่านสมรภูมิรบกับกองโจรพม่าตามแนวตะเข็บชายแดน นาวินถูกเรียกตัวให้เข้ามารับผิดชอบปฏิบัติการนี้จากนายพลอนุสรณ์ผู้ซึ่งนาวินมีหนี้ชีวิตที่ติดค้างอยู่ แผนปฏิบัติการ 102 นาทีเริ่มดำเนินขึ้น พร้อมกับการสืบหาข้อมูลของหัวหน้ากลุ่มองค์กรลับของนายตำรวจฝีมือดี “ปกรณ์” (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) เรียกได้ว่าเป็นตำรวจที่ความรับผิดชอบต้องมาเป็นที่หนึ่ง ปกรณ์มีหน้าที่สืบหาข้อมูลลับของแผนปฏิบัติการนี้ทั้งหมดเพื่อยับยั้งไม่ให้แผนปล้นแบงค์ชาติลุล่วงไปได้ เขาได้เข้ามารับผิดชอบคดีนี้กับเวลาที่หลงเหลืออยู่แค่เพียง 102 นาที หากปฏิบัติการ 102 นาทีสำเร็จเมื่อไร ชาวไทยทั้งประเทศต้องตกอยู่ในภาวะอันตราย ถือเป็นการทำงานภายใต้ความกดดันของปกรณ์เป็นอย่างยิ่งทั้งยังมีความขัดแย้งระหว่างทหารที่ความคิดไม่ค่อยจะลงรอยกัน แต่อย่างไรก็ตาม “เงินต้องถูกโอนให้ IMF เพื่อปลดหนี้ของคนทั้งประเทศให้ได้” นั่นเป็นคำขาดจากรัฐบาล ระเบิดปริมาณมหาศาลถูกวางไว้ทั่วกรุงเทพฯ ปกรณ์จำต้องสืบให้รู้แผนการทั้งหมดในการปฏิบัติการของนาวินครั้งนี้ ในขณะที่แผนปฎิบัติการ 102 นาทีดำเนินไป จุดหมายสูงสุดของแผนก็ค่อยๆ ปรากฏชัดขึ้น ทองคำจำนวน 75 ตันในห้องมั่นคงของแบงค์ชาติคือจุดประสงค์ของปฏิบัติการครั้งนี้ ปกรณ์และทีมกับปฏิบัติการ 102 นาทีของนาวิน ทั้งสองจำต้องขับเคี่ยวกันเพื่อแข่งกับเวลาที่กำลังจะหมดลง รวมทั้งมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นพร้อมๆ กับแผนปฏิบัติการ 102 นาที ปกรณ์กับนาวินใครจะถึงจุดหมายก่อนกันซึ่งเป็นปลายทางที่คนทั้งสองรู้อยู่ในใจ…
อมนุษย์ (2547/2004) เหตุการณ์แห่งคืนขวัญผวา กับการมาเยือนบางอย่าง เกิดขึ้นแบบไม่มีใครคาดคิด ฝนดาวตกลูกใหญ่มหึมา ได้ตกลงมายังหมู่บ้านอำเภอพนมดงรัก ต่อหน้าต่อตาเจ้าหน้าที่ป่าไม้อุทยานชาติพนมดงรัก สวรรค์ (ป๊อบ - สุรชัย แสงอากาศ) ที่เกิดนึกครึ้มอกครึ้มใจ อยากจะเจอเกลอเพื่อนเก่าสมัยเรียนตอนมัธยมปลาย จึงชักชวนกันมาตั้งแคมป์ดูฝนดาวตกกันที่นี่ โดยมี สุจินต์ (บอม - ภูพาน คัญทัพ) นักโบราณคดีข้อมูลใหม่ไฟแรง พร้อมด้วยอายุรแพทย์สาวสวย ฟ้ารุ่ง (มด - ณัฐชา ทรงสุวรรณ) และ รงค์ (ต้น - พิทักษ์ ศัลย์วิวรรธน์) นักเขียนสารคดีผู้ชำนาญด้านการถ่ายภาพ เกิดถ่ายภาพเหตุการณ์ประหลาดไว้ และทั้งหมดจึงยังไม่เดินทางกลับกรุงเทพฯ แต่กลับจะหาชนวนเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น พวกเขาต้องพบกับเหตุการณ์ ที่ชาวบ้าน 2 คนถูกฆ่าตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ โดยหนึ่งในนั้น ทำงานภายในสถานีวิจัยของ ดร.มั่น (โกวิท วัฒนกุล) และ ดร.วิลาสิณี (อุ้ย - สุธิตา เกตานนท์) นักวิทยาศาสตร์คู่หู ที่ทำการวิจัยอวัยวะคน เพื่อปลูกถ่ายขายให้มหาเศรษฐีทั่วโลก ร่วมกันปกปิดอะไรบ้างอย่าง กับเหตุการณ์ร้ายที่กำลังจะเกิด เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่เคารพ ยายทอง (พิมพรรณ บูรณพิมพ์) หมอผีชาวเขมรประจำหมู่บ้าน ซึ่งเมื่อถูกขับไล่ออกไปก็เกิดความเคียดแค้น และยายทองใช้อำนาจวิเศษ เข้าครอบงำอมนุษย์สัตว์นรกสายพันธ์ใหม่ทั้งหมด เพื่อการแก้แค้น เมื่อเหตุการณ์ยุ่งเหยิง จนทำให้ทางราชการต้องส่ง รตอ.พิชิต (ใหญ่ - ศิระ แพทย์รัตน์) ตำรวจมือดีรุ่นใหม่ มาคลายปมปริศนาพร้อมกับ ดร.นริสรา (เก๋ - ชลลดา เมฆราตรี) ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุ์กรรมโดยเฉพาะ มาร่วมสืบคดีให้จบสิ้น แต่เรื่องราวทั้งหมดไม่จบแค่นี้ เมื่อวันหนึ่ง มะยม (หญิง - นราวัลย์ นิรัตศัย) สาวชาวบ้านที่ผูกคอตายอย่างปริศนาจบชีวิตลง จนทำให้ รตอ.พิชิต, ดร.นริสรา, สรรค์, ฟ้ารุ่ง, รงค์ และสุจินต์ กลุ่มเพื่อนตายกลุ่มใหม่ ต้องคลี่คลายปัญหาทั้งหมด ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และจะสามารถป้องกันอันตราย ที่กำลังจะเกิดกับมวลมนุษยชาติได้หรือไม่ ?
2508 ปิดกรมจับตาย (2547/2004) ปี พ.ศ.2508 ที่ตลาดอำเภอท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เกิดเหตุการณ์ปล้นครั้งยิ่งใหญ่ โดยการรวมตัวกันของโจรถึง 17 คน โจรกลุ่มนี้บุกเข้าปิดล้อมตลาดและสถานีตำรวจ กวาดเงินทองและทรัพย์สินไปมากมาย รวมทั้งยิงถล่มสถานีตำรวจอำเภอท่าเรือ อย่างไม่เกรงอาญาแผ่นดิน ก่อนจะพากันหลบหนีการจับกุมไปอย่างไร้ร่องรอย การยิงถล่มสถานีตำรวจที่เกิดขึ้น ถือเป็นการกระทำที่ตบหน้าตำรวจฉากใหญ่ สารวัตรพิชิต ถูกเรียกตัวมาจากกองปราบ เพื่อรับผิดชอบในคดีนี้โดยเฉพาะ และเริ่มงานไล่ล่าโจรกลุ่มนี้กันอย่างเอาจริงเอาจัง ทางด้านเสื้อร้ายทั้ง 17 คนก็เกิดความขัดแย้งเมื่อต่างก็ต้องการสมบัติที่ปล้นมาได้เป็นของตนแต่เพียงผู้เดียว สัมผัสการปะทะกันอย่างดุเดือด เมื่อตำรวจออกล่าโจร และโจรตามล่ากันเอง
ปักษาวายุ (2547/2004) ลีน่า นักโบราณคดีสาวชาวครึ่งไทย-ฝรั่งเศส เป็นลูกสาวของนักโบราณคดีชาวฝรั่งเศสที่เคยค้นพบ โครงกระดูกสัตว์โบราณยุคเดียวกับไดโนเสาร์ ที่มีโครงร่างคล้ายกับสัตว์ในเทพปกรณัมของภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ ลีน่าได้สูญเสียพ่อไปพร้อมกับซากดังกล่าว หลังจากพ่อของเธอถูกกล่าวหาว่าเหลวไหล นั่นทำให้ลีน่าฝังใจในเรื่องนี้และมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่า สิ่งที่พ่อเธอค้นพบนั้นไม่ใช่เรื่องเหลวไหล ในปี พ.ศ. 2548 ในระหว่างที่ลีน่าและทิม เพื่อนนักโบราณคดีชาวฝรั่งเศส กำลังขุดค้นนั้น ไม่ทราบมาก่อนเลยว่าจะเป็นที่เดียวกับที่ทางการได้ทำรถไฟใต้ดินเฟส 2 และพบกับนายทหารลึกลับกลุ่มหนึ่ง ที่นำโดย แทน ซึ่งไม่เป็นมิตรเลย และพยายามไล่เธอกลับไป โดยพยายามบอกว่า สิ่งที่เธอตามหานั้นอาจจะไม่ใช่แค่สัตว์ธรรมดา ๆ หากแต่เป็นสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัว มีพลานุภาพในการทำลายล้างสูง ก่อนที่มันจะปรากฏตัวออกมาใจกลางกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย และมันไล่ล่าพวกเขา
ไอ้ฟัก (2547/2004) เมื่อ 30 ปี ก่อนที่หมู่บ้านธรรมะสว่าง หมู่บ้านเล็ก ๆ ในภาคกลางอันอุดมสมบูรณ์ของประเทศไทย ที่ซึ่งศาสนา ประเพณี และวิถีชีวิตชาวบ้านผูกพันกันอย่างเหนียวแน่น ฟัก (ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) บวชเรียนตั้งแต่เด็ก และตั้งใจปวารณาตัวทั้งชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนา ชาวบ้านต่างหวังว่า เขาจะเป็นพระสงฆ์ที่น่าเคารพ เป็นที่เชิดหน้าชูตาของวัด แต่เมื่อย่างเข้าวัยหนุ่ม ฟัก กลับตัดสินใจขอลาสึกออกมา เพราะพ่อของเขาเริ่มไม่แข็งแรง จากนั้นเขาก็ถูกเกณฑ์ทหาร เมื่อเขากลับบ้านมา หลังปลดประจำการจากการเป็นทหาร เขาได้พบ สมทรง (บงกช คงมาลัย) หญิงสาวแปลกหน้าโดยบังเอิญ และรู้สึกเหมือนรักแรกพบ แล้วโชคชะตาก็เล่นตลกกับ ฟัก เมื่อเขากลับบ้านเขาพบว่า สมทรง เป็นสาวที่ไม่เต็มเต็ง และยิ่งไปกว่านั้น เธอยังเป็นเมียของพ่อเขาอีก และจู่ ๆ พ่อของเขาก็ตายจากไป ทิ้ง สมทรง ให้เป็นภาระของ ฟัก ที่ต้องดูแล การใช้ชีวิตตามลำพังกับ สมทรง ฟัก ต้องต่อสู้อย่างหนัก กับความต้องการทั้งทางร่างกาย และทางหัวใจที่เขามีต่อเธอ แม้จะยากแต่เขาก็รับเลี้ยงดู และอยู่ร่วมกันกับเธอต่อไป เพราะเขาคิดว่าเป็นหน้าที่ที่พึงมีต่อมนุษย์ผู้อ่อนแอกว่า และที่สำคัญ เขาเองก็มีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตกับเธอ ชาวบ้านเริ่มจับตาพฤติกรรมของหนุ่มสาวคู่นี้มากขึ้น ในที่สุดชาวบ้านก็เชื่อแน่ว่า ฟัก กระทำผิดอย่างร้ายกาจ คือเอาเมียพ่อเป็นเมีย ทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยล่วงเกินใด ๆ ทางกายต่อ สมทรง และเขาก็สาบานกับตัวเองว่า เขาไม่มีวันร่วมหลับนอนกับเธอเด็ดขาด พฤติกรรมแปลก ๆ ของ สมทรง เช่น แก้ผ้าอาบน้ำไม่เป็นที่เป็นทาง ร้อนก็ถอดเสื้อผ้ากลางสวน โกรธก็เปิดผ้านุ่งโชว์ ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ จนถึงขั้นจะขับไล่เธอออกจากหมู่บ้าน ฟัก ต่อสู้กับชาวบ้านอย่างหนักเพื่อรักษา สมทรง ไว้ จนชาวบ้านหันมาเกลียด ฟัก และคิดว่าเขามัวเมาในกาม จนไม่รู้ผิดชอบชั่วดี นำความเสื่อมเสียมาสู่หมู่บ้าน ท่ามกลางกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของสังคม เส้นที่ขีดกั้นระหว่าง ดี - ชั่ว หรือ ถูก - ผิด ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกที่ ฟัก มีต่อ สมทรง การอยากปกป้องดูแลผู้หญิงไม่เต็มเต็งคนหนึ่ง กลายเป็นความผิดด้วยหรือ? คำพิพากษาเรื่องราวความรักอันบริสุทธิ์ ที่ถูกผลักดันให้กลับกลายเป็นเรื่องเศร้าสะเทือนใจของ ไอ้ฟัก
คนเห็นผี 2 (The Eye 2) (2547/2004) “คนเห็นผี 2” (The Eye 2) โปรเจกต์ร่วมทุนสร้างครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างไทยและฮ่องกงโดย 3 โปรดิวเซอร์มือทอง “สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ, ปีเตอร์ ชาน และ นนทรีย์ นิมิบุตร” จาก 3 บริษัทผู้สร้างภาพยนตร์ระดับแถวหน้าแห่งเอเชีย “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล, แอพพลอส พิคเจอร์ส และ ภาพยนตร์หรรษา” ภายใต้การเผชิญหน้าและร่วมชะตากรรมกันเป็นครั้งแรกของ 3 ซูเปอร์สตาร์แห่งเอเชีย “ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี” นักแสดงชายแถวหน้าของเมืองไทย, “ซูฉี” นักแสดงสาวชาวฮ่องกงที่โด่งดังระดับโลก และ “ยูจินเนีย หยวน” (ประกบ “หลีหมิง” ใน “Three อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต”) นักแสดงสาวลูกครึ่งจีน-อเมริกันทายาทสาวของ “จางเพ่ยเพ่ย” ราชินีนักบู๊แห่ง “ชอว์ บราเดอร์ส” “คนเห็นผี 2” (The Eye 2) กลับมาถ่ายทอดเรื่องราวสยองสุดระทึกจากมุมมองของ 2 พี่น้องผู้กำกับตระกูลแปง “ออกไซด์-แดนนี แปง” แห่ง “คนเห็นผี” (The Eye) และ “เพชฌฆาตเงียบอันตราย” (Bangkok Dangerous) และทีมงานระดับหัวกะทิจากคนเห็นผีภาคแรกอย่างโปรดิวเซอร์และผู้เขียนบท “โจโจ้ ฮุย” และผู้กำกับภาพ “เดชา ศรีมันตะ” (เจ้าของรางวัลกำกับภาพยอดเยี่ยมในเทศกาลภาพยนตร์ “Catalonian International Film Festival” ที่ประเทศสเปน) ฯลฯ บอกเล่าเรื่องราวในแนวสยองขวัญสั่นประสาทโดยเล่นกับสถานการณ์ในพื้นที่จำกัดเพื่อปลุกเร้าความตื่นระทึกที่พร้อมเล่นกับความรู้สึกของผู้ชมตั้งแต่ต้นจนจบซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำคัญของภาพยนตร์ในซีรีส์คนเห็นผีจนประสบความสำเร็จไปทั่วโลก มีความเชื่อบางอย่างสำหรับการที่ใครสักคนจะสามารถมองเห็นสิ่งที่เรียกว่า “ผี” ได้นั่นไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ กับคนทั่วไป การที่คนเราจะสามารถมีพลังในการรับรู้ในปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นใน 2 กรณีด้วยกันคือ “การเกิด” และ “การตาย” แต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครรู้เลยว่าถ้าใครสักคนตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีองค์ประกอบของทั้ง 2 สิ่งเกิดขึ้นพร้อมกันจะเป็นอย่างไร จนกระทั่งมันเกิดเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนหนึ่ง ความรักสำหรับคนอื่นอาจเป็นสิ่งสวยงามที่พร้อมเติมเต็มและเป็นพลังของชีวิต แต่บางครั้งที่ความรักกับกลายเป็นยาพิษที่ทำร้ายและทำลายชีวิตของคนอีกหลายคน ดังที่กำลังเกิดขึ้นกับ “โจอี้” (ซูฉี) เมื่อความรักคือความทุกข์ที่พร้อมถาโถมกระหน่ำวนเวียนต่อชีวิตของคนซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่สามารถหลบหลีกได้ หนทางเดียวที่จะหลุดจากห้วงแห่งความเศร้าที่แสนทรมานได้นั้นมีเพียงหนทางเดียวคือความตาย หลังจากที่พยายามลงมือฆ่าตัวตายหลายต่อหลายครั้งด้วยการกินยานอนหลับทำให้โจอี้ตกอยู่ในสภาวการณ์ของความเป็นและความตายที่อยู่เพียงแค่เอื้อม แต่แรงปรารถนาที่เธอต้องการหลับไม่สัมฤทธิ์ผลเมื่อมีคนช่วยชีวิตเธอได้ทัน ไม่มีใครรู้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเพียงการเรียกร้องความสนใจจากความผิดหวังในรักที่โจอี้มีต่อ “แซม” (ติ๊ก เจษฎาภรณ์) ชายคนรักหรือเป็นเพราะภาวะของการป่วยทางจิตที่เกิดขึ้นกับตัวเธอเองอย่างที่หลายคนเข้าใจ เมื่อสถานการณ์เฉียดตายผ่านพ้นไป โจอี้ได้พยายามตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่กลับพบว่าตัวเองตั้งท้อง ความรู้สึกสับสน เหงา และรู้สึกแปลกแยกผุดขึ้นในใจอีกครั้งหลังจากที่เธอพยายามติดต่อขอคืนดีกับแซม แต่กลับลงเอยด้วยคำตอบที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ทำให้โจอี้ย้อนกลับสู่โลกมืดอีกครั้งเธอตัดสินใจทำแท้ง และนั่นเองเป็นจุดที่นำเธอไปสู่ประสบการณ์บางอย่างที่ไร้ซึ่งคำอธิบายซึ่งหญิงสาวอย่างโจอี้ต้องเผชิญด้วยดวงตาของเธอเอง การเกิดประสบการณ์บางอย่างที่ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถมองเห็นได้ ภาพแปลกตาของคนแปลกหน้าที่ไม่เคยแม้แต่จะรู้จัก ความทุกข์ทรมานที่แสนสาหัสจากสิ่งที่เห็นและรู้สึกได้เริ่มคืบคลานเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต นับตั้งแต่ภาพของหญิงสาวคนหนึ่งที่หันมาสบตาเธอบริเวณสถานีรถไฟ ก่อนที่เขาจะทิ้งร่างของเธอเองลงขวางรถไฟทั้งขบวนที่กำลังพุ่งมาด้วยความเร็วใส่ร่างดังกล่าวอย่างจัง ตามด้วยอีกหลายเหตุการณ์ที่ตามคุกคามผ่านเข้ามาในชีวิตซึ่งยากเกินกว่าจะอธิบายได้ เป็นภาพที่ปรากฏขึ้นผ่านการมองเห็นจากดวงตาของโจอี้เอง ดูเหมือนว่าความพยายามที่จะสลัดภาพเหล่านี้ออกไปจากชีวิตทำให้เธอต้องหวนกลับไปหาแซมอดีตคู่รักที่ยังคงมีอิทธิพลสำคัญในชีวิตของเธอ พ่อของเด็กในท้องของเธอที่เขาไม่รู้อะไรเลย แต่ดูเหมือนว่าเขาเองก็ปลงไม่ตกกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ แรงสนับสนุนสำคัญที่ทำให้เธอเชื่อว่าสิ่งที่เผชิญอยู่ไม่ได้เป็นเพราะอาการทางประสาทหรือจิตหลอนแต่อย่างใด แต่นี่คืออาการของ “คนเห็นผี” ต่างหาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการมาถึงของ “ผู้หญิงลึกลับ” (ยูจินเนีย หยวน) คนหนึ่ง มันคือบ่อเกิดของเรื่องราวที่นำไปสู่สถานการณ์ที่รายล้อมไปด้วยคำถามที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด ที่เธอจะต้องค้นหาคำตอบให้ได้ด้วยตัวของเธอเอง
ผีช่องแอร์ (2547/2004) กลุ่มนักดนตรีวัยรุ่น ประกอบไปด้วย พิมพ์นักร้องนำ และเพื่อนร่วมวงดนตรีอีก 5 คน ได้เดินทางมาเล่นดนตรีและเข้าพักในโรงแรมแห่งนี้ ภายในห้องพักที่เหลืออยู่เพียงห้องเดียวเท่านั้น คือห้อง 409 ซึ่งเป็นห้องที่ “แสงดาว” หญิงขายบริการเบอร์หนึ่งของโรงแรมถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมสยดสยอง โดยการตัดคอและนำเอาหัวของแสงดาวมาทิ้งไว้ที่ช่องแอร์ หลังจากเกิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้นกับสมาชิกในวง โดยเริ่มจาก บอยที่ถูกรถชนกระเด็นพุ่งทะลุผ่านกระจกตกลงตายอย่างสยดสยอง และกบ ที่เกิดความกลัวจนถึงสุดขีด หยิบปืนขึ้นยิงมั่วจนไม่สามารถขัดขืนแรงสะกดของแสงดาวที่หันปลายปืนเข้าหาตัวจนปืนลั่นกรอกปากตายคาที่ เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับสมาชิกทุกคน ก็มีแค่ พิมพ์และหนุ่ย เท่านั้นที่มีชีวิตที่เหลือรอด พิมพ์นั่งเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเธอและเพื่อนกลุ่มนักดนตรีให้กับตำรวจฟัง หลังจากที่เธอต้องเสียเพื่อนแต่ละคนไปจนเหลือแค่เธอกับหนุ่ย หนุ่ยต้องเข้าไปนอนในโลงศพทุกคืนเพื่อจะรักษาชีวิตไว้ได้ พิมพ์เล่าต่อว่า ปัจจุบันแสงดาวไม่มาปรากฏตัวให้เธอเห็นเลย อาจเป็นเพราะว่าเธอเป็นผู้หญิงเหมือนกันก็ได้ แล้วคำถามที่ว่า ใครฆ่าแสงดาว เธอก็ให้คำตอบว่า อาจเป็นผู้ชายคนใดคนหนึ่งที่ตายไปนานแล้วอย่างไม่มีคนดูแลและทุกข์ทรมานที่สุดก็เป็นได้ ตำรวจได้นำตัวพิมพ์ไปถ่ายรูปเก็บประวัติแต่เมื่อล้างรูปออกมาผู้หญิงที่อยู่ในรูปนั้นกลับกลายเป็นแสงดาว
ทวิภพ (2547/2004) มณีจันทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษระดับ 6 สาขาประวัติศาสตร์ ประจำกงสุลไทยนครปารีส ถูกเรียกตัวด่วนในคืนนั้น ในฐานะตัวแทนผู้เกี่ยวข้องกับประเทศสยาม อันเป็นที่มาของบันทึกนั้น วัวอิยา ถูกจัด ระดับความสำคัญเพียง “นิยายไร้สาระ” แต่ในความคิดของ มณีจันทร์ มันเป็นสิ่งที่น่าค้นหา …เธอได้ล่วงล้ำเข้าไปในดินแดนแห่งความลับที่ถูกกำหนดไว้จากบันทึกนี้ ดินแดนที่เธอไม่เชื่อว่าเป็นจริงเมื่อแยกจากโลกปัจจุบัน ..หญิง สาวต้องกลับประเทศไทยด้วยเหตุผลบางประการ ที่บ้านเกิดในเมืองไทย มณีจันทร์ สับสนและแยกแยะไม่ออกว่า ตัวเธออยู่ในความเป็นจริงอันใด.. “วันนี้คืออดีตของพรุ่งนี้ ? หรือ วันนี้คืออนาคตของเมื่อวาน ?” “มณีจันทร์” จะอยู่ในตำแหน่งไหนของตัวเธอเอง หลายครั้งที่เธอคิดอยู่เสมอว่า เธอเป็นต้นเหตุของบันทึกเสียเองหรือไม่ ? และการเดินทางครั้งใหม่ของ มณีจันทร์ ก็เริ่มขึ้น เมื่อภาวะสมดุล ความจริงกึ่งฝัน นำ มณีจันทร์ สู่ดินแดนที่แปลกหน้าทีละน้อย ดินแดนนั้นคือบ้านเกิดเมืองนอนของเธอนั่นเอง แต่เธอเป็นคนแปลกหน้าของที่นั่น…เธอได้กลับไปสู่บ้านเมืองของเธอเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว กลับไปสู่ “สยาม” แห่งการเริ่มต้นของอารยธรรมใหม่ กลับไปสู่ รัชสมัยพระจอมเกล้าฯ ยุคแห่งการเอาตัวให้รอดจากการล่าอาณานิคมของตะวันตก ยุคที่ต้องยอมรับว่า “ภาษาอังกฤษคือภาษาอนาคต” “การกลับไปได้เห็น” ของมณีจันทร์เหมือนความฝันที่มีอยู่ในตัวเราทุกคน แต่อย่างไรก็ตาม คำว่า “ไม่มีที่ไหนเหมือนบ้าน” ก็ยังเป็นสิ่งเตือนใจเสมอ ..แต่ที่ไหนล่ะคือบ้านที่แท้จริงของเธอ ? ที่ใดคือปัจจุบันของเธอ ? ความรักอยู่ที่ภพไหน ? การเสียดินแดนครั้งสำคัญที่สุดในสยาม หรือ “วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112”..คือบทสุดท้ายของเรื่องราว รวมทั้งเป็นวิกฤตสำคัญของเธอด้วย เหตุการณ์ที่ปากน้ำ ใน “วิกฤต ร.ศ. 112” ทำให้มณีจันทร์ต้องเสียสละความรัก เพื่อ คงอดีตที่ถูกต้องไว้ มณีจันทร์ ได้เข้าใจว่า “ความทุกข์ที่เกิดจากความรัก ไม่ใช่เพราะมันจากไป หากแต่เพราะมันยังอยู่ต่างหาก”
คน ผี ปีศาจ (2547/2004) จากแรงบันดาลใจที่เคยต้องถูกขังอยู่ในตึกแถวคนเดียวทั้งวันไปจนถึงกลางคืน จนอดไม่ได้ที่จะลองผูกเรื่องและแตกโจทย์ขึ้นมาในลักษณะของบทภาพยนตร์ โดยมี “มะเดี่ยว–ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล” คนรุ่นใหม่ในวัย 22 ปีรับผิดชอบในตัวบทภาพยนตร์และทำหน้าที่ในส่วนของการกำกับภาพยนตร์ ได้ที่ปรึกษาอย่าง “ยุทธนา บุญอ้อม, พงศ์นรินทร์ อุลิศ, ปรัชญา ปิ่นแก้ว” ช่วยผลักดันจนในที่สุดกลายเป็น “คน ผี ปีศาจ” ภาพยนตร์ระทึกขวัญใน “โครงการยักษ์เล็ก” ทางเลือกที่ถูกเปิดขึ้นสำหรับคนทำหนังเลือดใหม่ของทาง “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” และเป็นภาพยนตร์เรื่องยาวเรื่องแรกในชีวิตของมะเดี่ยว หลังจากผลงานหนังสั้น, หนังสารคดีมาก่อนหน้านี้อย่างมากมาย… “จะเป็นอย่างไร เมื่อต้องอยู่ในบ้านที่เป็นตึกแถวสี่ห้าชั้นมืดๆ คนเดียว บรรยากาศของตึกแถวที่แสงเข้ามันจะน้อยมันทึมๆ มืดๆ ไปทุกชั้น แล้วเวลาข้างบ้านจะทำอะไรก๊อกแก๊กๆ จะได้ยินกันหมด พอได้ยินกันหมดก็เออ! อยู่ในบ้านตัวเองหรือเปล่านะ เกิดจินตนาการไปต่างๆ นานา และถ้าเกิดเราติดอยู่ในบ้านมีอะไรแปลกๆ จะทำอย่างไร” และนี่จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราว 4 วันที่เกิดขึ้นในโรงพิมพ์แห่งหนึ่งซึ่งมีขนาด 4 คูหาที่ตัวตึกทะลุถึงกัน ชั้น 1 เป็นโรงพิมพ์ ชั้นลอยเป็นออฟฟิศของป้าบัว ชั้น 2 ที่เป็นห้องนอนที่อยู่อาศัย และชั้นบนสุดเป็นที่พักของคนงาน โดยมีจุดศูนย์กลางของเรื่องราวอยู่ที่ “อุ้ย” (แอร์-ภุมวารี ยอดกมล) เด็กสาวที่หนีตายมาจากต่างจังหวัดซึ่งถูกส่งให้เข้ามากรุงเทพฯ เพื่ออาศัยอยู่กับ “ป้าบัว” (อมรา อัศวนนท์) ญาติห่างๆ หลังจากสูญเสียพ่อและแม่อย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าต่อตาเมื่อถูกสั่งฆ่าจากผู้มีอิทธิพลซึ่งเกี่ยวข้องกับธุรกิจค้ายาบ้า ทำให้เด็กสาววัย 15-16 ที่มีภูมิหลังอยู่ที่จังหวัดพิจิตรอย่างอุ้ยต้องประสบกับภาพหลอนของคนที่ฆ่าพ่อแม่มาไล่ตามฆ่าเพื่อเอาชีวิตของตัวเองอยู่เสมอๆ แต่แทนที่ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของอุ้ยจะดีขึ้นกลับกลายเป็นว่าทันทีที่ก้าวเท้าแรกของสู่โรงพิมพ์แห่งนี้ กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่อุ้ยต้องเผชิญคือความผิดปกติของบรรยากาศสถานที่พร้อมทั้งผู้คนอีก 3 คนที่ดูแปลกตาในโรงพิมพ์แห่งนี้ โดยเริ่มที่ป้าบัวเจ้าของโรงพิมพ์ที่มีอีกหนึ่งอาชีพที่ไม่ธรรมดาคือร่างทรงของเจ้าพ่อ ว่ากันว่าเหตุผลที่ป้าบัวกลายมาเป็นคนทรงเนื่องจากก่อนหน้านี้สูญเสียสามีและลูกชายที่รักมากๆ โดยทิ้งหลานชายปล่อยให้สาวใหญ่วัย 52 อย่างป้าบัวต้องเลี้ยงดู “อาร์ม” (อเล็กซานเดอร์ ไซมอน เรนเดลล์) เพียงลำพัง ความผิดหวังทำให้ป้าบัวมุ่งหาที่พึ่งทางใจ ก่อนที่ในท้ายที่สุดป้าบัวกลับกลายมาเป็นอีกหนึ่งร่างทรงของเจ้าพ่อ แต่คงไม่แปลกใจเท่าอาร์มเด็กชายวัย 11-12 ขวบหลานชายของป้าที่ดูลึกลับไว้ตัวและหวาดกลัวต่อการเข้าห้องน้ำ พร้อมกับพูดถึงใครบางคน อาร์มเชื่อว่าปรากฏอยู่ในบ้านตลอดเวลา ซึ่งอาร์มได้ให้คำจำกัดความต่อเสียงเดิน ร้อง พูดคุยที่คอยกวนอุ้มในยามวิกาลตลอดเวลาว่าบ้านหลังนี้ไม่ได้มีเพียงเรา 3 คนเท่านั้น และรอยแผลเป็นที่อยู่บนหลังของอาร์มก็ไม่ได้เป็นฝีมือของคน สำหรับคนสุดท้ายอย่าง “ไม้” (ธีรดนัย สุวรรณหอม) เด็กหนุ่มลูกจ้างวัย 16-17 คนงานประเภทหาเช้ากินค่ำประจำโรงพิมพ์ ซึ่งไม่เคยพูดจาถูกหูอุ้ยเลยตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกัน ภาพพจน์ของไม้ที่อุ้ยรับรู้มาจากคนงานในโรงงานคือ เพื่อนของไม้เคยงัดแงะบุกรุกเข้ามาในโรงพิมพ์เพื่อขโมยของ ด้วยเหตุบังเอิญที่ทำให้เขาต้องมาพัวพันกับเรื่องราวอันน่าสะพรึงนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นในโรงพิมพ์แห่งนี้ทุกชั่วโมงในแต่ละวันค่อยๆ ผ่านไปทีละน้อยๆ พอๆ กับที่อุ้ยค่อยๆ ซึมซับถึงความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในโรงพิมพ์แห่งนี้ ทั้งจากป้าบัวและอาร์มที่ทำให้อุ้ยต้องอาศัยยาระงับประสาทที่เธอต้องพกติดตัวและพึ่งพามันตลอดเพื่อกัดกร่อนและลดทอนความตึงเครียดที่ตามรุกเร้าเธอโดยไม่ปล่อยโอกาสให้ได้หายใจและทันตั้งตัว จนกระทั่งเธอได้เผชิญและสัมผัสถึงรูปแบบของสิ่งที่ถูกเรียกขานว่า “ปีศาจ” ตรงหน้าเข้าอย่างจัง…
เดอะโกร๋น ก๊วนกวนผี (2547/2004) หมู่บ้านมอญเล็กๆ ที่มีความสงบสุขมาตลอด ชาวบ้านมีความรักใคร่กลมเกลียวกัน คนในหมู่บ้านก็มีความสามัคคีกันทุกครัวเรือน แต่แล้วสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดเมื่อ กาหลง หญิงสาวคนหนึ่งในหมู่บ้านเกิดตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ อันเป็นการตายแบบสยดสยอง สร้างความอกสั่นขวัญหายให้กับคนในหมู่บ้าน ที่ต่างคิดว่าเป็นการกระทำของพวกผีปิศาจ ก่อนตาย กาหลง อาศัยอยู่กับพ่อและแม่พร้อมด้วยลูกน้อยวัย 8 ขวบอีกคน ที่ได้เป็นเณรอยู่วัดประจำหมู่บ้าน นอกจากนี้กาหลงยังมีน้องสาวแสนสวยอีกคนชื่อ ปิปี้ ทำงานอยู่ในเมืองหลวง ในวันแรกของงานศพกาหลง ชาวบ้านต่างทยอยมาร่วมงานกันพอประมาณ ก๊วนขี้เมาจอมแสบนำทีมโดย หนูแดง พร้อมด้วย แตงไทย ไหมดี และสีดา เกิดเมาได้ที่ ก็อุตริขึ้นไปสวดมาลัยแบบผิดๆ ถูกๆ ต่อหน้าศพ แล้วก็ได้เรื่องเมื่อทั้งก๊วนขี้เมาจอมแสบและชาวบ้านที่อยู่ในงาน ต้องเผ่นกันป่าราบกับความสยองที่ต่างเผชิญกันมา ปิปี้ทราบถึงการเสียชีวิตของพี่สาวก็เดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางโดน แดน ลูกชายกำนันโด่งที่หลงรักปิปี้แทะโลมแต่ปิปี้ไม่สนใจ กำนันโด่งเป็นผู้มีอิทธิพลประจำท้องถิ่น นอกจากนี้เบื้องลึกกำนันโด่งยังชอบหลอกล่อสาวๆ หน้าตาดีในหมู่บ้านมาบำเรอ โดยใช้หมอเสน่ห์นามว่าอาจารย์แอ เป็นผู้ทำเสน่ห์ยาแฝดมาให้ วิญญาณกาหลงไม่สงบสุขเมื่อเณรแอได้ปลุกเธอขึ้นมาเพื่อลนเอาน้ำมันพราย แล้วเณรแอยังสะกดวิญญาณกาหลงให้เป็นทาสตังเองอีกด้วย กาหลงได้มาเข้าฝันเณรลูกชายให้หาทางช่วยปลดปล่อยจากความทรมานสำหรับวิญญาณตนเอง เณรน้อยสงสารโยมแม่จึงขะมักเขม้นกับการร่ำเรียนตำราทางไสยเวศย์เพื่อช่วยโยมแม่ หมู่บ้านที่เคยสงบสุขเวลานี้ได้เกิดอาเพศอย่างหนัก เมื่อเกิดผีออกมาอาละวาด แม้แต่หลวงพ่อแนบ และพระเณรในวัดต่างก็กลัวผีกันไปตามๆ กัน กระทอก หนุ่มหล่อประจำหมู่บ้านกับปิปี้เกิดมีความรักชอบพอกัน สร้างความไม่พอใจให้กับแดนและดวงตา ลูกสาวของกำนันโด่ง ที่แอบรักกระทอกอยู่ วิญญาณกาหลงได้พยายามสื่อสารกับคนในหมู่บ้าน โดยการเข้าสิงร่างนางเอกลิเกที่กำลังแสดงแก้บนเพื่อบอกให้ชาวบ้านรู้ว่าเวลานี้มีหญิงสาวกำลังโดนมนต์สะกดของอาจารย์แอ แต่กว่าจะสื่อกันรู้เรื่องก็เกือบจะทำให้ชาวบ้านเผ่นหนีกันเป็นแถว หนูแดงพร้อมชาวบ้านนำกำลังกันไปตามหาหญิงสาว ทางด้านอาจารย์เณรแอระหว่างที่กำลังสะกดสาวชาวบ้าน สัปเหร่อชอบกับพวกเกิดมาเห็นเข้า อาจารย์แอรู้ตัวก็สั่งให้วิญญาณที่ตนเองเลี้ยงไว้ออกไปทำร้ายพวกสัปเหร่อชอบ กลุ่มสัปเหร่อหนีผีมาเจอกับกลุ่มหนูแดงแบบกระชั้นชิด ก็ทำให้หนูแดงและชาวบ้านหนีเผ่นอีกครั้ง เพราะเข้าใจว่าลูกน้องสัปเหร่อชอบที่หน้าตาไม่ต่างอะไรกับผีคือผี ก็เลยเผ่นกันไปคนละทิศละทาง ก่อนที่จะวิ่งมารวมกันอีกทีเมื่อถึงบริเวณวัด เพราะหวังเอาพระเป็นที่พึ่ง ขณะที่หลวงพ่อแนบและพระเณรในวัดต่างก็หวาดๆ กับผีที่อาละวาดอยู่ขณะนี้ พอชาวบ้านวิ่งเข้าวัดและทราบว่าผีกำลังไล่ล่าอยู่ งานนี้ทั้งหลวงพ่อ พระ เณร ต่างก็วิ่งกันจีวรปลิว เมื่อพระยังเผ่นมีหรือชาวบ้านจะอยู่ก็เผ่นกันไปคนละทิศละทาง การอาละวาดของผี ทำให้ชาวบ้านต้องจ้างหมอผีมาปราบ แต่แทนที่หมอผีจะมาปราบผีกลับหนีผีอย่างไม่เหลียวหลัง ทำเอาชาวบ้านต้องเผ่นอีกครั้ง ศึกคาถาอาคมเริ่มระเบิดขึ้น เมื่ออาจารย์แอเตรียมปลุกผีทั้งป่าช้าออกล่าชาวบ้าน ขณะที่เณรน้อยผู้มุ่งมั่นศึกษาวิชาด้านไสยศาสตร์จนช่ำชอง ก็เตรียมที่จะช่วยชาวบ้านให้พ้นจากเณรแอ เณรจะช่วยวิญญาณกาหลงผู้เป็นแม่ได้หรือไม่ กาหลงตายเพราะเหตุใด การต่อสู้ของเณรกับอาจารย์แอจะเป็นอย่างไร หาคำตอบได้ใน เดอะโกร๋น ก๊วนกวนผี
ครูแก แรงรัก แรงอาถรรพ์ (2547/2004) ครูฉาย (จรัล เพ็ชรเจริญ) ครูหนังตะลุงที่มีตัวหนังตะลุงเอกที่เป็นตัวตลก และเป็นตัวชูโรงประจำคณะ โดยท่านให้ความเคารพรัก และเทิดทูนตัวหนังตัวนี้อย่างสูงโดยเรียกอย่างยกย่องว่า ครูแก ซึ่งเป็นขวัญใจของคนดูหนังตะลุงทั่วภาคใต้ที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า ไอ้แก ซึ่งมีคำร่ำลือว่าตัวหนัง ไอ้แก นั้นมีชีวิตมักจะแสดงอะไรแปลก ๆ ได้เสมอ และเมื่อเผลอมันจะลุกขึ้นเดินเหินแอบขึ้นไปยืนปร๋ออยู่กับตัวหนังตัวนางตัวหนึ่งที่ชื่อว่า พยอม (ปรางทอง ชั่งธรรม) ซึ่งตำนานของมันมาจาก แก (ภาณุ สุวรรณโณ) นายหนังตะลุงฝีมือดีผู้ถูกกีดกันจาก พ่อของพยอม สาวคนรักจนทำให้เธอต้องฆ่าตัวตาย เขาได้นำหนังเท้าของเธอมาทำเป็นตัวหนังตะลุงเพื่อให้เป็นตัวแทนของเธอ และเมื่อเขาใกล้เสียชีวิตก็ได้สั่งลูกศิษย์ให้นำหนังเท้าของมาทำตัวหนังตะลุงด้วยอีกตัว จนกลายเป็นตัวตลกยอดนิยม นี่เองเป็นที่มาของความรักอมตะที่แม้แต่กาลเวลาและความตายก็ไม่อาจพรากทั้งคู่ให้จากกันได้
โหมโรง (2547/2004) ณ ประเทศสยาม พุทธศักราช 2429 “ศร” (อนุชิต สพันธุ์พงษ์) เด็กหนุ่มที่มีความผูกพันกับดนตรีไทยมาตั้งแต่เกิด หลังจากที่พี่ชายตนเองต้องจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของคู่ปรับผู้พ่ายแพ้ในการดวลระนาด ศรจึงได้รับช่วงต่อจากพี่ชายโดยมีพ่อซึ่งเป็นครูสอนดนตรีไทยเป็นผู้ฝึกปรือฝีมือจนมีชื่อเสียงร่ำลือในทางระนาด ด้วยความลำพองในฝีมือของตน ศรจึงขอให้พ่อพาเขาไปบางกอก ที่นั่นเองที่ศรได้เรียนรู้ถึงความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกจากฝีมือของนักระนาดเอก “ขุนอิน” (ณรงค์ฤทธิ์ โตสง่า) ศรกลับบ้านด้วยความภาคภูมิใจที่ถูกทำลายไปจนหมดสิ้น แต่ความสับสน ท้อแท้ สิ้นหวังกลับกลายเป็นความมุมานะที่จะฝึกฝนฝีมือจนสามารถคิดค้นเทคนิคการตีระนาดที่ไม่เหมือนใคร ชื่อเสียงของศรร่ำลือไปจนถึงพระบรมมหาราชวัง ศรได้รับการอุปถัมภ์ให้เป็นนักดนตรีประจำราชสำนัก จนได้พบกับ “แม่โชติ” (อาระตี ตันมหาพราน) สตรีผู้สูงศักดิ์ในวังและได้กลายเป็นคู่ชีวิตในเวลาต่อมา และไม่นานศรก็ได้เข้าร่วมแข่งขันดนตรีกับขุนอินอีกครั้ง ฝีมือที่ฝึกปรือมาอย่างไม่ท้อถอยทำให้ศรสามารถเอาสติชนะขุนอินคู่ปรับเก่าได้ การเดินทางได้ดำเนินมาถึงจุดเปลี่ยนของบ้านเมือง ประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 7 หรือช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นยุคสมัยของการเปลี่ยนแปลงทั้งการปกครองและวัฒนธรรม ศรได้เดินทางผ่านยุคทองแห่งดนตรีไทย จากวัยหนุ่มสู่วัยชราจนกลายมาเป็นครูดนตรีคนสำคัญ แต่ยุคนี้ดนตรีไทยเริ่มถูกปิดกั้นจากทางรัฐบาลที่ต้องการให้ประเทศเป็นศิวิไลซ์ เป็นอารยะตามแบบตะวันตก สิ่งที่เกิดขึ้นนี้สร้างความปวดร้าวให้กับคนดนตรีไทยทุกคนรวมทั้งศร แต่เขาก็ยังหาญกล้าใช้เสียงเพลงต่อสู้เพื่อให้ดนตรีไทยที่เขารักดั่งชีวิตนั้นอยู่รอดจากการถูกทำลาย…
ปล้นนะยะ (2547/2004) เรื่องราวครั้งหนึ่งในชีวิตของกะเทยสาว 4 คน 4 สไตล์ ที่ตัดสินใจร่วมมือกันปล้นเงินจากธนาคารหน้าปากซอย โดยหวังว่าเงินที่ได้จากการปล้นนั้นจะสามารถทำให้ชีวิตสาวประเภทสองของพวกเธอเติมเต็มจนสมบูรณ์ได้ แต่แผนการปล้นของพวกเธอนั้นไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด เพราะในขณะที่พวกเธอปล้นอยู่นั้นโจรวัยรุ่นอีกกลุ่มหนึ่งกลับบุกมาปล้นธนาคารนั้นพร้อมๆกัน คราวนี้เรื่องวุ่น ๆ ของการต่อสู้แก่งแย่งเงินที่ปล้นจึงเกิดขึ้น กะเทยสาว โจรมือใหม่ ที่รักความสวยความงามมากกว่าทุกอย่างในโลก ต้องเผชิญกับโจรหนุ่มและอุปสรรคต่าง ๆ รวมไปถึงตำรวจผู้ห้าวหาญที่นำพลล้อมอยู่แล้วภายนอกธนาคาร โจรสองกลุ่มประกอบด้วย แก๊งค์สวยประหารทั้ง 4 , โจรวัยรุ่นหนุ่มหน้าใส ทั้ง 4 และรปภ.ธนาคารที่ร่วมมือวางแผนปล้น ต้องติดอยู่รวมกันในธนาคาร โดยมีผจก.สาริน และลูกค้าหลากหลายอาชีพเป็นตัวประกันอยู่ แล้วเรื่องวุ่น ๆ ต่าง ๆ ก็เกิดขึ้นเมื่อโจรทั้งสองฝ่ายต่างพยายามแย่งเงินกัน และหาวิธีหนีเอาตัวรอดจากตำรวจที่ล้อมอยู่ให้ได้ในขณะที่ฝ่ายตำรวจก็พยายามที่จะช่วยเหลือตัวประกันและบุกขจับโจรทั้งหมดให้ได้เหตุการณ์ตึงเครียดที่ตำรวจล้อมจับโจรปล้นธนาคารนี้ยืดเยื้ออยู่ถึงสามวันและโด่งดังไปทั่วเมืองกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนสนใจ ทุกคนเข้าใจว่าสถานการณ์ในธนาคารนั้นคงร้ายแรงและตึงเครียดเมื่อต้องอยู่กับโจรหนุ่มในสถานการณ์วุ่น ๆ ต่าง ๆ เช่น หญิงท้องแก่กำลังจะคลอดลูกออกมา ไฟดับ ไม่มีอาหารกิน และต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขเหมือนออกค่าย ทำให้โจรทั้งสองกลุ่มจากที่เกลียดกันต่างเริ่มรู้กันและเริ่มมีความเข้าอกเข้าใจกัน เห็นใจกันจนเกิดความรู้สึกดีและเป็นมิตรต่อกัน แม้ว่าทั้งสองคนจะเป็นคนคนละแบบที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง นอกจากจะเกิดระหว่างกลุ่มโจรทั้งสอง แล้วยังรวมไปถึงเหล่าตัวประกันคนอื่น ๆด้วย สามวันสามคืนภายในธนาคารนั้น ได้เกิดเรื่องต่าง ๆ ที่ไม่คาดคิดมากมาย
อสิรพิษ (2547/2004) ตำนานการแก้แค้นข้ามชาติภพ ของ อารตี (หญิง จุฬาลักษณ์)ลัทธินอกรีดที่บูชาเทพเจ้างู แต่ถูกทำลายล้างด้วยฝีมือของ สิงหล เธอซ่อนตัวอยู่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพเจ้า 500 ปี ต่อมาบดินทร์ (ต่อ นันทวัฒน์) นักข่าวหนุ่มและคณะได้ทำข่าวยาเสพติดแต่ถูกทำร้าย โดยผู้ที่สืบเชื้อสายจากสิงหล อารตี จึงช่วยเหลือและเมื่อไฟแค้นเพลิงพยาบาทถูกโหม ขึ้นมาอีกครั้งการแก้แค้นด้วยคมเขี้ยวจึงเกิดขึ้น
พันธุกรรมอำมหิต (2547/2004) ดร.ไดอาน่า ลูกสาวคนสวยของ ดร.รุ่ง ผู้เชี่ยวชาญทางด้านพันธุวิศวกรรม และด้วยความสามารถ ในฐานะสาวนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นขององค์การเพื่อสิทธิมนุษยชน ทั้งสองได้ร่วมกันศึกษางาน วิจัยค้นคว้าเซรุ่มต้านพิษงูนานาชนิดและยารักษาโรคภูมิแพ้ แต่เกิดความผิดพลาดทางการทดลอง เมื่อ “งูปีศาจ” ที่มีพิษร้ายแรงแพร่เชื้อเข้าสู่ตัวดร.รุ่ง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมอย่าง รวดเร็วจนกลายเป็นอสูรกายงูพิษกระหายเลือดที่ฆ่าชีวิตคนรอบข้างตายอย่างสยดสยอง จนเหลือ เพียงดร.ไดอาน่ากับ อเล็กซ์ คู่หมั้นคู่หมายที่ต้องร่วมชะตากรรมเดียวกัน เธอจะทำอย่างไร ? เมื่อ เธอต้องเลือกระหว่างการละเว้นชีวิตพ่อ หรือการกำจัดสายพันธุ์อำมหิตที่อาศัยร่างของพ่อล้าง ผลาญชีวิตมนุษย์