หมานคร (2547/2004) สิ่งมหัศจรรย์กำลังจะเกิดขึ้นที่เมืองนี้ เมืองที่ “ป๊อด” หนุ่มต่างจังหวัดที่ตั้งใจเข้ามาหาความก้าวหน้าในเมืองหลวง แต่ในที่สุดเค้าก็ค้นพบว่าคิดว่ายังไม่ใช่ที่เขาต้องการ แต่ที่นี่เองเขาได้พบกับ “จิน” หญิงสาวแม่บ้านทำความสะอาด ผู้ที่จะมาจุดประกายความหวังอีกครั้งให้กับป๊อด แต่ยิ่งนับวันความรักของทั้งสองเกิดอุปสรรคต่างๆ นานา ป๊อดเริ่มสังเกตว่าเมืองนี้มีสิ่งที่ผิดปกติ แปลกประหลาดมากมาย ส่วนจินก็มีนิสัยเปลี่ยนไป จนเขารู้สึกเหมือนจิน อยู่ห่างเขาออกไปทุกที ป๊อดเริ่มไม่แน่ใจว่าเมืองนี้มันประหลาดหรือเขาเองที่เป็นสิ่งแปลกประหลาดสำหรับเมืองนี้ แล้วความรักของป๊อดในเมืองจะสมหวังหรือไม่? เตรียมพบคำตอบในเมืองที่ชื่อว่า “หมานคร”
กั๊กกะกาวน์ (My Space) (2547/2004) “กั๊กกะกาวน์“ ผลงานภาพยนตร์ก้าวแรกที่เต็มไปด้วยพลังสร้างสรรค์อันเต็มเปี่ยมของ “นักศึกษาชั้นปี 4 วิชาเอกภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์” กว่า 28 (มั่ว)หัวใจที่มุ่งมั่นที่จะเดินทางบนแผ่นฟิล์ม พวกเขาเลือกที่จะตามหา “โอกาส” ที่จะทำให้ภาพยนตร์สารนิพนธ์ซึ่งเป็นโปรเจกต์สุดท้ายที่พวกเขาจะได้ทำร่วมกันภายในรั้วมหาวิทยาลัยของพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่ “หนังนักศึกษา” ธรรมดาๆ ที่จำกัดคนดูเพียงกลุ่มแคบๆ โดยมีหัวหอกหลักอย่างสองผู้กำกับ “วิทิต คำสระแก้ว” และ “ฤทธิชัย สิริประสิทธิ์พงศ์” ที่หนังสั้นของพวกเขาเคยได้รับรางวัลช้างเผือก มูลนิธิหนังไทย เขียนบทและกำกับภาพยนตร์ และโปรดิวเซอร์ที่หลายคนรู้จักในฐานะนักร้อง “นิหน่า-สุฐิตา เรืองรองหิรัญญา” กุญแจสำคัญที่ทำให้ “ความมุ่งมั่น” ของพวกเขาไป “เข้าตา” ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์มือทองอย่าง “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” ที่มีส่วนสำคัญในการเป็นที่ปรึกษาและสนับสนุนในส่วนงานด้านโปรดักชัน รวมไปถึงรุ่นพี่รุ่นน้องในคณะที่ต่างร่วมช่วย “ปลุกปั้น” ให้หนังเรื่องนี้กลายเป็น “หนังใหญ่” ที่ใครหลายคนต้องจับตามอง รวมไปถึงการผลักดันให้ภาพยนตร์เรืองนี้ได้เข้าไปอยู่ในโปรแกรมฉายของค่ายหนัง “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” ได้เป็นผลสำเร็จ และละลายเส้นแบ่งกั้น “ความเป็นมืออาชีพ” และ “มือสมัครเล่น” อย่างสิ้นเชิง “คงไม่มีใครเข้าใจวัยรุ่นเท่ากับวัยรุ่นด้วยกัน” และโดยเฉพาะเรื่อง “ความรัก” ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอผ่านมุมมองที่ “เข้าถึง” ความรู้สึกของ “ความเหงา“ ที่วัยรุ่นและใครหลายๆ คนต้องเผชิญ การตั้งคำถามกับ “ชีวิต“ และ “ความรัก“ ผ่านตัวละคร “ป่าน“ นศ.แพทย์ชั้นปี 4 ที่กำลังตามหาว่าจริงๆ แล้วชีวิตในแต่ละวันนั้นเธออยู่เพื่ออะไร ท่ามกลางความเหงานั้น เธอรอคอยอะไรหรือใครบางคนอยู่ แล้วช่วงชีวิตหนึ่งก็ทำให้ป่านพบกับ “นิค” ช่างภาพอิสระอารมณ์ศิลปินที่อาศัยอยู่ห้องตรงข้ามกับเธอ หลายครั้งที่เจอกันไม่มีใครกล้าเริ่มบทสนทนา จนวันหนึ่งที่นิคเอ่ยปากคุยทั้งสองจึงเริ่มต้นที่จะมีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกัน ทั้งสองเริ่มเรียนรู้กันและกัน “เธอ” สอนให้ “เขา” ได้เรียนรู้ที่จะเข้าใจผู้อื่น แต่ “เขา” สอนให้ “เธอ” ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ และรู้จักกับคำว่า “รัก“ ที่จะไม่มีวันเลือนไปจากความทรงจำ “ความเหงา” ทำร้ายใครหลายๆ คน แต่บางครั้งมันก็พาให้ใครบางคนมาพบกัน…
โคเลสเตอรอลที่รัก (2547/2004) เจษฎาภรณ์ (วัชระ ตังคะประเสริฐ) หนุ่มนักเรียนนอก เพิ่งกลับมาจากลอนดอนพร้อมกับ นาเดีย (แคนดี้ เอเวอรี่) เพื่อนสาวคนสนิท หลังจากเรียนอยู่ที่โน่นนานถึง 8 ปี พอกลับมาถึงบ้านเขาก็ได้ทราบเรื่องจาก สันติ (สมภพ เบญจาธิกุล) ผู้เป็นพ่อว่าเขาจะต้องแต่งงานกับ ลูกเกด (เมทินี กิ่งโพยม) เพื่อนสนิทวัยเด็กที่เคยช่วยชีวิตไว้จากการจมน้ำ เพราะสันติกับ ไพโรจน์ (ครรชิต ขวัญประชา) พ่อของลูกเกดเป็นเพื่อนรักกันเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ เพราะลูกเกดกำพร้าแม่มาตั้งแต่เด็ก ไพโรจน์จึงอยากจะให้คนดีๆ อย่างเจษฎาภรณ์ ช่วยดูแลลูกเกดและบริษัท ไลท์แมน ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการรับสร้างบ้านของเขาต่อไป ไพโรจน์จึงส่งเสียค่าใช้จ่ายในการศึกษาให้กับเจษฎาภรณ์มาโดยตลอดเพราะฐานะครอบครัวของเขาไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนัก พอได้ทราบข่าวเรื่องการแต่งงานเจษฎาภรณ์ก็ยินดีและบอกกับพ่อว่าจะไม่ทำให้ลูกเกดและคุณอาไพโรจน์ผู้มีพระคุณต้องผิดหวังด้วย แต่เมื่อเจษฎาภรณ์มีโอกาสได้เจอหน้าลูกเกดครั้งแรกในงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของเขา ซึ่งไพโรจน์จัดให้อย่างใหญ่โต ทำเอาเจษฎาภรณ์ถึงกับช็อค เพราะลูกเกดเด็กสาวรูปร่างบอบบางที่มองโลกในแง่ดีมีน้ำใจที่เขาเคยรู้จักในอดีตนั้น เดี๋ยวนี้กลายเป็นสาวตุ้ยนุ้ยมีน้ำหนัก หนักกว่า 150 กิโลกรัม ทำให้เจษฎาภรณ์รู้สึกผิดหวังอย่างมากๆ และยังถูกนาเดียซึ่งได้รับเกียรติให้มาร่วมงานในคืนนี้ พูดจาถากถางเกี่ยวกับว่าที่เจ้าสาวหุ่นตุ้ยนุ้ยของเขาด้วย จึงทำให้เจษฎาภรณ์รีบกลับบ้านก่อน โดยอ้างว่าไม่ค่อยสบายเพราะยังรู้สึกเมาเครื่องอยู่ ซึ่งลูกเกดก็ไม่ได้สงสัยอะไรและคิดว่าเจษฎาภรณ์ยังมีความรู้สึกที่ดีๆ กับเธอเหมือนวัยเด็กทุกประการ ในขณะที่เจษฎาภรณ์ได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารของบรษัทไลท์แมนของไพโรจน์นั้น นาเดียก็เปิดกิจการห้องเสื้อเป็นของตัวเอง และนาเดียพยายามที่จะแสดงตัวให้ใครต่อใครได้รู้ว่าเธอกับเจษฎาภรณ์เป็นแฟนกัน โดยที่เจษฎาภรณ์ก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด และยังคงไปเที่ยวด้วยกันสองต่อสองบ่อยๆ ปล่อยให้ลูกเกดต้องคอยโทรศัพท์ตามหาว่าพี่เจษหายไปไหน ไม่ยอมมาเที่ยวหาเธอบ้าง วันวาเลนไทน์ลูกเกดดีใจเป็นที่สุด เพราะเจษฎาภรณ์โทรศัพท์มานัดเพื่อที่จะพาเธอไปดินเนอร์ในคืนนี้ แทนที่คืนนี้จะเป็นคืนที่เธอมีความสุขอย่างที่สุดเหมือนเช่นคู่รักที่จะแต่งงานในเร็วๆ นี้ แต่กลับกลายเป็นคืนที่เธอต้องพบกับความเสียใจมากที่สุด เพราะเจษฎาภรณ์มาพบกับเธอก็เพื่อจะบอกยกเลิกการแต่งงาน และทุกสิ่งทุกอย่างที่ผู้ใหญ่ตกลงกันไว้ ลูกเกดเสียใจที่เจษฎาภรณ์รังเกียจในรูปลักษณ์ของเธอ พอกลับถึงบ้านลูกเกดจึงคิดฆ่าตัวตาย พร้อมทั้งกินยาลดความอ้วนเกินขนาดโชคดีที่แพทย์เยียวยารักษาไว้ทัน เพื่อให้ลูกสาวอันเป็นที่รักดั่งดวงใจกลายเป็นลูกเกดคนใหม่ ไพโรจน์จึงส่งลูกเกดไปรักษาแผลใจและเข้าคอร์สลดความอ้วนที่อเมริกาตามคำแนะนำของหมอ ซึ่งก็ได้ผลเพราะสุขภาพจิตของลูกเกดเริ่มดีขึ้นตามลำดับ ในขณะที่สุขภาพจิตของเจษฎาภรณ์เริ่มแย่ลง เพราะสันติเสียใจที่ลูกชายไม่ทำตามสัญญา และยังทำให้ครอบครัวของผู้มีพระคุณผิดหวัง จึงทำให้โรคหัวใจกำเริบและเขาก็สิ้นใจตายในอ้อมกอดของลูกชาย จึงทำให้เจษฎาภรณ์รู้สึกเสียใจที่เขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อตาย หนึ่งปีผ่านไปเจษฎาภรณ์มีโอกาสได้เจอนางแบบอินเตอร์นามว่า เมทะนี (เมทินี กิ่งโพยม) ในงานเดินแฟชั่นโชว์ห้องเสื้อของนาเดีย เขามีความรู้สึกว่านางแบบคนนี้มีบางสิ่งบางอย่างคล้ายลูกเกดมาก แต่พอเขาเข้าไปทำความรู้จักเธอก็ปฏิเสธว่าไม่เคยรู้จักกับเขามาก่อน แต่เจษฎาภรณ์ก็ยังไม่ละความพยายามที่จะทำความใกล้ชิดและสนิทสนมเธอให้มากกว่านี้ ถึงแม้จะเจอ ณัฐ (ภราดร ศิรโกวิท) คอยกันท่าหรือถูกเมทะนีแกล้งต่างๆ นานา มาแล้วหลายครั้งหลายหนก็ตาม พอเจษฎาภรณ์หันหน้ามาให้ความสนใจในตัวเมทะนีมากขึ้นทุกวัน ทำให้นาเดียคิดแก้เผ็ดเจษฎาภรณ์ด้วยการหันไปคบผู้ชายคนอื่นบ้าง จึงทำให้เจษฎาภรณ์เริ่มจะคิดได้ว่าผู้หญิงที่ดีและมีน้ำใจให้กับเขามาโดยตลอดก็คือลูกเกดนั่นเอง ในที่สุดเจษฎาภรณ์จึงตัดสินใจไปที่บ้านลูกเกดเพื่อพิสูจน์ความจริงใจ และเขาก็ได้รับรู้ความจริงจากณัฐว่าเมทะนีคือใคร และณัฐยังบอกให้เขาต้องชอกช้ำใจมากขึ้นไปอีกว่าลูกเกด ไม่ต้องการพบเขาอีกแล้ว และยังฝากคืนว่าวที่เธอเคยขอจากเขาเมื่อตอนเด็กอีกด้วย เรื่องราวความรักที่ยุ่งๆ ของหนุ่มนักเรียนนอกกับสาวตุ้ยนุ้ยจะลงเอยอย่างไร เตรียมหาคำตอบจากภาพยนตร์ โคเลสเตอรอล..ที่รัก ได้อีกไม่นานเกินรอ
สายล่อฟ้า (2547/2004) ไอ้ตุ่น (โหน่ง ชะชะช่า) กับ ไอ้เต่า (เต๋า - สมชาย เข็มกลัด) เป็นเพื่อนคู่ซี้คู่ฮาประจำหาดพัทยา ไอ้ตุ่นเป็นเซียนพระที่ได้มรดกกิจการมาจากเซียนต่ายพ่อมัน ส่วนไอ้เต่าเป็นเซียนบอลที่คลั่งไคล้เพลง "สายล่อฟ้า" ของพี่ป้อม-อัสนี เข้าไส้ ไปคาราโอเกะทีไร มันแหกปากร้องเพลงนี้จนหวิดหัวแตกมาแล้วหลายเที่ยว คืนหนึ่งที่บาร์คาราโอเกะไอ้ตุ่น ไปตกหลุมรักสาวนางหนึ่งเข้าโดยไม่รู้เลยว่า น้องนก (เมย์ - พิชญ์นาฏ สาขากร) เป็นเด็กของ กำนันหมู (เล็ก - สมชาย ศักดิกุล) มาเฟียใหญ่ของพัทยา ที่ไอ้เต่าเช่ามาเอาใจเพื่อน หลังจากคืนแห่งความทรงจำ น้องนกก็หายตัวไป ไอ้ตุ่นพยายามตามหาจนถูก อีปลา (น็อต - อนุชา ฉัตรแก้ว) กะเทยแม่เล้าหลอกฟันเงินไปแสนหนึ่ง ร้อนถึงไอ้เต่าที่กำลังอยากจะยืมเงินเพื่อน ไปคืนหนี้โต๊ะบอลอยู่พอดีต้องไปทวงให้ อีปลาขอใช้คืนเป็นโคเคน โดยเอาไปขายให้ เฮียหมา (หม่ำ มกจ๊ก) แต่ด้วยความซื่อผสมความเซ่อ ไอ้เต่ากลับโดนเฮียหมาต้มซ้ำเข้าไปอีก เมื่อเข้าตาจนไอ้เต่าจึงไปดักจับ น้องหนู (แป้ง - อรจิรา แหลมวิไล) สาวลูกครึ่งมาเรียกค่าไถ่ ข้างไอ้ตุ่นซึ่งหลงรักน้องนกหัวปักหัวปำ บ้าเลือดเข้าไปขอตัวเธอคืนจากกำนันหมู กำนันหมูยื่นข้อเสนอ ให้มันเอาเงินมาซื้อความรักในราคาสามล้าน พอดีกับที่ ผู้ใหญ่หมี (แบล็ค ผมทอง) เรียกไอ้ตุ่นไปดูพระ มันได้ทีจึงแกล้งตีเป็นของเก๊ แล้วทำเลียนแบบไปขายเองได้เงินมาสามล้าน ไอ้ตุ่นได้เงินไปไถ่ตัวนกสมใจ รวมทั้งใช้หนี้ให้ไอ้เต่าด้วย แต่อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อผู้ใหญ่หมีรู้ความจริงว่าเสียรู้ไอ้ตุ่น และ ไมเคิล พ่อของน้องหนูที่ไอ้เต่าลักพาตัว ดันเป็นเพื่อนกับกำนันหมูอีกที ไอ้ตุ่นกับไอ้เต่าจะเอาชีวิตรอดหรือไม่ น้องนกจะซึ้งในความรักของตุ่นหรือเปล่า แล้วไอ้เต่าจะได้กลับไปครวญเพลงสายล่อฟ้าอีกหรือไม่ มีแต่ยุทธเลิศเท่านั้นที่รู้!
ฟอร์มาลีนแมน รักเธอเท่าฟ้า (2547/2004) แก่นเรื่องนี้คือใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง ผมมองว่าคนสมัยนี้แสวงหาเพื่ออะไร ทุกอย่างล้วนเอาไปไม่ได้หากตายไปแล้ว ทรัพย์สมบัติก็เอาไปไม่ได้ การยึดติดในสิ่งต่างๆ หนังเรื่องนี้นำเสนอให้เห็นถึงเหตุของทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรัก โลภ โกรธ หลงซึ่งจะแสดงออกผ่านทางตัวละคร “ฉัตรทอง” คือความโกรธ, “แก้ว” คือความรัก, ความโลภก็คือ “เฮียกวง” ส่วนความหลงก็มีตัวของ “แหว๋ว” ซึ่งเป็นเรื่องชู้สาว ก็เป็นการแบ่งไปตามตัวละครซึ่งตัวละครทุกตัวก็จะแก้ปัญหากันไปตามทิศทางของเขา แต่สุดท้ายทุกคนจะต้องหยุด ทำให้รู้ว่าเมื่อคุณละแล้วก็จะพบความสุข ซึ่งจะเห็นชัดมากในตัวของเอกชัย สุดท้ายก็ต้องยอมรับในสัจจธรรม ทุกคนต้องปล่อยวางเดินสายกลาง ผมเป็น Film Maker มาตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตการทำงาน จวบจนกระทั่งถึงวันนี้เป็นเวลาร่วมสิบปี เงินก้อนแรกที่ได้มาจากการทำงานก็มาจากการทำหนังไทย ผมถือว่าหนังไทยมีบุญคุณกับผม และเมื่อผมได้มีโอกาสเข้ามากำกับภาพยนตร์เรื่อง “ฟอร์มาลินแมน รักเธอเท่าฟ้า” มันจึงทำให้ผมรู้สึกกลัวและเกร็ง กลัวว่าจะทำให้คนดูผิดหวังกับหนังไทย ผมถึงต้องทุ่มเทความรู้ความสามารถทั้งหมดที่มีอยู่ในหัวให้กับการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ทุกคัตทุกเฟรมที่อยู่ในหนังเรื่องนี้ มันได้ผ่านสายตาของผมมาเกินร้อยครั้งเพื่อทำให้มันสมบูรณ์ที่สุดเมื่อต้องผ่านสายตาผู้ชมในครั้งแรก แรงบันดาลใจที่ทำให้คิดทำภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดมาจากความสนใจในเรื่องราวของคนตายแล้วฟื้น ผมพยายามที่จะคิดหาคำตอบว่า ทำไมคนที่ตายไปแล้วถึงฟื้นขึ้นมา และคำตอบมันก็อยู่ในเรื่องนี้ สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นความโชคดีของผมในการนั่งเก้าอี้เป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องแรกก็คือผมได้ทีมงานและนักแสดงที่มีคุณภาพมากๆ ทุกคนล้วนมีความสามารถสูง พวกเขาได้มาแต่งเติมภาพในฝันของผมให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น วิธีกำกับการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ผมจะเลือกใช้การ Improvisation หรือการด้นสดๆ เพื่อจะได้การแสดงที่ดูเป็นธรรมชาติ-สมจริง จึงจำเป็นต้องใช้นักแสดงที่มีจินตนาการและความสามารถสูง ไม่ใช่ทำตามสั่งแต่นักแสดงจะต้องร่วมคิดร่วมจินตนาการไปกับผมด้วย เขาต้องเชื่อว่าเขาเป็นตัวละครในภาพยนตร์จริงๆ ซึ่งนักแสดงทุกคนก็ทำได้ดีเกินคาด ถ้าจะเปรียบภาพยนตร์เรื่อง “ฟอร์มาลินแมน รักเธอเท่าฟ้า” เป็นอาหารจานหนึ่ง มันคงไม่ใช่แฮมเบอร์เกอร์, หูฉลาม, ปลาซาบะ, เนื้อย่างเกาหลี แต่มันเป็นข้าวมันส้มตำรสแซ่บ ที่มีทั้งเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เต็มครบทุกรสชาติถูกปากคนไทย
เดอะ เลตเตอร์ จดหมายรัก (The Letter) (2547/2004) หนังรักที่ “ดวงกมล ลิ่มเจริญ” (โปรดิวเซอร์) ทุ่มเทหัวใจและถ่ายเทจิตวิญญาณตราบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต โดยมี “นนทรีย์ นิมิบุตร” รับหน้าที่โปรดิวเซอร์อย่างเต็มตัวให้กับ “ผอูน จันทรศิริ” ผู้หญิงเก่งที่เป็นทั้งนักแสดง คนเขียนบท และผู้กำกับละครแถวหน้าของเมืองไทยรับหน้าที่ “กำกับภาพยนตร์เป็นครั้งแรก” กับภาพยนตร์ดราม่า-โรแมนติกที่มาพร้อมความประทับใจที่จะทำให้ทุกคนเข้าใจแก่นแท้และนิยามใน “ความรัก” ที่ไม่ได้เริ่มต้นหรือจบลงตรงที่เราได้ค้นพบและเติมเต็มแง่มุมความรักที่เฝ้าค้นหามาตลอดชีวิต แต่เป็นการทำความเข้าใจ “ความหมาย” และ “เรียนรู้วิธีที่จะรักษาคุณค่าของรักแท้ให้คงอยู่” ภายหลังจากคนที่เรารักจากไป พร้อมการตั้งคำถามกับทุกคู่รักว่า “นานเท่าไหร่แล้วที่เราไม่เคยหลั่งน้ำตาอย่างอิ่มเอมให้กับหนังรักดีๆ สักเรื่อง” และเป็นการประกบบทบาทกันครั้งแรกในชีวิตของ “แอน ทองประสม” และ “หนุ่ม-อรรถพร ธีมากร” 2 นักแสดงระดับแถวหน้าของเมืองไทย โดยเป็นการหวนคืนจอภาพยนตร์ครั้งแรกในรอบทศวรรษของ “แอน ทองประสม” หลังจากที่หลั่งน้ำตาถึง 4 ครั้งจากการอ่านบทภาพยนตร์ไป 4 รอบ และเป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของ “หนุ่ม อรรถพร” โดยมีโลเคชันหลักคือ “ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่” ที่ที่ความรักของคนทั้งคู่เริ่มต้นขึ้น ว่ากันว่ารักแท้ที่เป็นรักแรกและรักเดียวในชีวิตหากเกิดขึ้นกับใครสักคน แน่นอนว่ารักนั้นจะไม่เลือนหายไปจากใจ ตราบแม้คนที่เรารักจะไม่ได้อยู่เคียงข้างอีกต่อไปแล้วก็ตาม… สำหรับ “ดิว” (แอน ทองประสม) โปรแกรมเมอร์สาวในเมืองใหญ่ที่ชีวิตมีเพียงจอมอนิเตอร์คอมพิวเตอร์เขียนโปรแกรมของบริษัทเว็บไซต์ดึงเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตไปเกือบหมด ยังดีที่มี “เกด” (สุพิชญา จุลวัฒฑะกะ) เพื่อนรักเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ จนกระทั่งจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตได้เกิดขึ้นกับดิวหลังจากได้รับจดหมายแจ้งข่าวการเสียชีวิตของยายเล็ก ญาติห่างๆ ที่ทิ้งบ้านหลังเล็กและไร่กระเทียมที่เชียงใหม่ไว้ให้ ที่นั่นเกดได้พบกับ “ต้น” (อรรถพร ธีมากร) นักวิจัยหนุ่มประจำสถานีเกษตรที่เชียงใหม่ที่ให้ความช่วยเหลือดิวและเกดที่ต้องพบกับอุบัติเหตุโดยไม่ได้ตั้งใจในระหว่างการเดินทางทำให้พลาดรถเที่ยวสุดท้ายที่จะกลับกรุงเทพฯ ทำให้เกดและดิวมีโอกาสได้แวะศูนย์วิจัยซึ่งเป็นที่ทำงานของต้น นอกจากความอบอุ่นและอ่อนโยนในตัวต้นที่ดิวสัมผัสได้ ดิวยังได้รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาในชีวิตของชายหนุ่มที่แสนบอบบางคนนี้ไม่ได้ต่างอะไรไปกับเธอเลย “ต้นบ๊วย” สูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในพื้นที่ของศูนย์วิจัยเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเดียวที่ไม่ต่างจากญาติของต้น ทันทีที่ลืมตามองดูโลกได้ไม่นานเขาสูญเสียแม่ที่ให้กำเนิดหลังจากคลอดไม่นาน และสูญเสียพ่อที่รักไปอีกคน ต้นเรียนรู้การต้องเติบโตมาท่ามกลางความเหงาและโดดเดี่ยวอย่างคุ้นเคยมีเพียงรุ่นพี่ รุ่นน้อง และเพื่อนๆ ที่ศูนย์วิจัยเท่านั้น ความเรียบง่ายที่แสนอบอุ่นของดอยอ่างขางและเชียงใหม่ยังคงอยู่ในความรู้สึกในใจของดิว ถึงแม้ว่าตอนนี้ตนเองได้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและการแข่งขันสูงอีกครั้ง ในขณะที่ยังมีเกดเพื่อนรักที่ยังคงตื่นเต้นและวูบวาบใจไปกับการนัดพบชายหนุ่มที่แชตและติดต่อทางอินเทอร์เน็ตเหมือนอย่างเคย วันเวลาผ่านไปทั้งปีใหม่และวาเลนไทน์ แต่สิ่งพิเศษเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของดิวคือการได้มีเพื่อนใหม่อย่างต้นที่ติดต่อกันหลังจากที่กลับมาจากเชียงใหม่ในครั้งนั้น โดยมีโทรศัพท์เป็นสื่อกลางที่ทั้งคู่ได้บอกเล่าความเป็นไปที่เกิดขึ้นในกันและกัน จนกระทั่งดิวต้องพบกับเซอร์ไพรส์เมื่อได้พบกับต้นที่กรุงเทพฯ และความสูญเสียครั้งสำคัญในชีวิตเมื่อเกดเสียชีวิตจากการนัดบอดกับชายหนุ่มทางอินเทอร์เน็ต สิ่งที่เกิดขึ้นร้ายแรงเกินที่หัวใจอันบอบบางของดิวจะรับได้ในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความแห้งแล้ง ดิวตัดสินใจเดินทางสู่เชียงใหม่เพื่อพบกับความอบอุ่นเดียวในชีวิตที่เหลืออยู่ ดูเหมือนว่าสิ่งที่ต้นและดิวต่างเฝ้าตามหามาตลอดชีวิตได้รับการเติมเต็มในกันและกันในที่สุด เมื่อพรหมลิขิตกำหนดให้คน 2 คนที่อาจจะอยู่ที่ใดก็ตามในโลกได้มาพบกัน รักกัน ชีวิตคู่ที่มีความสุขจนหลายคนนึกอิจฉา มันคือรักแท้ ที่เป็นทั้งรักแรกและรักเดียวในชีวิตของทั้งคู่ หลังจากที่แต่งงาน ต้นย้ายมาอยู่กับดิวในบ้านที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นในเรื่องราวและความรักของยายเล็ก ต้นได้พบกับข้าวของที่ถูกเก็บไว้ของยายเล็ก ในนั้นมีจดหมายที่บอกเรื่องราวในอดีตฉบับหนึ่ง ซึ่งถ่ายทอดความรู้สึกในรักที่มีอยู่อย่างเหลือล้นของชายคนหนึ่งที่มีต่อยายเล็ก ต้นประทับใจในข้อความและสิ่งที่ปรากฏอยู่ในจดหมายมาก จนมีความคิดว่าวันหนึ่งอยากจะเขียนจดหมายแบบนี้บ้าง ความรักมีความหมายและมีคุณค่าสำคัญที่เติมเต็มชีวิตให้กับหลายๆ คนรวมทั้งดิว แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างถูกกำหนดไว้และยากที่จะเปลี่ยนแปลง เหมือนการที่สวรรค์กำหนดให้ต้นมาพบกับดิว และพรากต้นไปจากดิว ไม่นานนักหลังจากที่ต้นเกิดไม่สบายอย่างหนัก จนในท้ายที่สุดพบว่าตนเองเป็นโรคร้าย และเหลือเวลาอยู่เพียงน้อยนิด เมื่อดิวต้องพบกับความสูญเสียครั้งร้ายแรงที่สุดในชีวิตคือสูญเสียต้นไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ดูเหมือนหัวใจที่บอบช้ำของดิวมันอ่อนแอเกิดที่จะเยียวยาได้อีกครั้ง เมื่อเหลือดิวเพียงลำพังในโลกใบนี้ แต่แล้วบางสิ่งบางอย่างที่ดิวไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น การมาถึงของจดหมายด้วยลายมือที่คุ้นเคยจากคนเดียวในดวงใจ จากรักแรกและรักเดียว เป็น “จดหมายรัก” ที่ต้นเขียนถึงดิว…
The Sin ชู้ (2547/2004) กลับมาสร้างความฮือฮาอีกครั้งสำหรับ "ชู้" ภาพยนตร์ที่เคยโด่งดังในอดีต จากผลงานการกำกับของ "เปี๊ยก โปสเตอร์" เมื่อกว่า 20 ปีก่อน คราวนี้ "โด่ง - องอาจ สิงห์ลำพอง" บริษัท อะลาดิน เฮาส์ ในเครือบริษัท อาร์.เอส โปรโมชั่น จำกัด (มหาชน) ขอนำกลับมาสร้างความประทับใจอีกครั้ง กับเรื่องราวความรัก ศีลธรรม ความถูกต้อง ระหว่าง 1 หญิง 2 ชาย โดยมี เทพ (แอนดี้ - วัชระ ตังคะประเสริฐ) ช่างภาพหนุ่มผู้รักอิสระ เรียม (เฮเลน นิมา) สาวชาวเล ที่โหยหาความรัก และเชิง (สรพงษ์ ชาตรี) ชายชาวประมงผู้เป็นสามีถูกต้องตามกฎหมาย อุปสรรครักครั้งนี้... มีสายเลือดเดียวกันเข้ามาเกี่ยวข้อง... เรื่องราวของความขัดแย้งของสามชีวิตบนเกาะห่างไกล เมื่อเทพเกิดหลงรัก เรียม หญิงสาวแปลกหน้าเข้าตั้งแต่แรกที่ได้เห็น โดยหารู้ไม่ว่าเธออยู่ในฐานะแม่เลี้ยงของตน รักต้องห้ามไม่อาจปกปิดไว้ได้ เมื่อเรียมตกอยู่ภายใต้อารมณ์รักอันรุนแรงของสามี จนทำให้เทพต้องเข้าปกป้องไม่ว่าจะเสี่ยงเพียงใด ทั้งคู่จึงตัดสินใจจะฝ่าฟันอุปสรรคไปให้ได้แม้จะต้องถูกตราหน้าว่า เป็นชู้ก็ตาม เทพ (วัชระ ตังคะประเสริฐ) ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ ใช้เวลาช่วงหนึ่งของชีวิตไปกับการเดินทางและงานถ่ายภาพ ซึ่งให้บทเรียนในชีวิตมากมาย จนกระทั่งถึงวันที่เขาตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน เพื่อสะสางปมปัญหาที่เคยมีอยู่กับผู้เป็นพ่อ สิบห้าปีที่แล้ว หลังจากที่ชีวิตครอบครัวแตกแยก ภรรยาหนีไปกับชายชู้ ลูกชายหนีออกจากบ้าน เชิง (สรพงษ์ ชาตรี) ก็เหมือนหมดสิ้นทุกอย่าง เขาตัดสินใจย้ายลงใต้เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะชาวประมง หลายปีที่ผ่านไป เชิง ขยายกิจการจนเป็นเจ้าของเรือประมงหลายลำ ลูกเรือส่วนใหญ่เป็นชาวเลที่อาศัยอยู่บนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ จนถึงวันนี้ เขาคือนาย เชิง ที่ทุกคนนับหน้าถือตาและเพิ่งจะแต่งงานใหม่ได้ไม่นาน เรียม (เฮเลน นิมา) คงจะจบชีวิตลงกลางทะเลไปเสียแล้ว หากวันนั้นเรือของนายเชิงไม่ผ่านมาเสียก่อน นายเชิงเสี่ยงชีวิตเข้าช่วยเหลือ เรียม เอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตครอบครัวที่เหลือของเธอไว้ได้หมด เรียมเหลือตัวคนเดียวและไม่มีที่พึ่งอื่นนอกจากนาย เชิง ผู้มีบุญคุณ จนถึงวันนี้ เธอใช้ชีวิตร่วมกับนายเชิงฉันท์สามีภรรยามาได้เกือบครบปีแล้ว แม้นายเชิงจะให้ชีวิตใหม่ แต่ในอีกด้านเขาคือผู้นำความทุกข์และความเจ็บปวดมาสู่เธอ ระหว่างการเดินทางมาถึงเกาะ เทพ ได้พบกับ เรียม ที่ท่าเรือ วูบแรกที่พบ เทพ รู้สึกพึงใจในตัวหญิงสาว แต่เมื่อรู้ความจริงในภายหลังว่า เรียม คือภรรยาคนใหม่ของพ่อ เทพก็ต้องรีบสะกดกลั้นความรู้สึกนั้นไว้ เมื่อ เทพ มาถึง เชิง ต้อนรับลูกชายอย่างเย็นชา เทพ เข้ามาพักอยู่ด้วยชั่วคราว และในช่วงเวลานั้นเองที่ เทพ สังเกตเห็นปัญหาระหว่างสามีภรรยา เทพรู้ดีว่าพ่อเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง ชอบใช้กำลังและนี่เองที่เป็นสาเหตุทำให้แม่หนีไปกับชายอื่น แม้จะต้องการปกป้องหญิงสาวเพียงใด เทพก็ทำได้แค่เฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ ความใส่ใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ เทพ แอบหยิบยื่นให้ ทำให้ เรียม รู้สึกดีขึ้น ทั้งคู่จึงเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้นในระหว่างที่ เชิง ไปออกเรือ จนกระทั่ง เชิง เริ่มผิดสังเกต จึงนำตัว เทพ ออกทะเลไปด้วยกัน หลายต่อหลายครั้งที่ เชิงพยายามทำให้ เทพ รู้สึกว่าไม่มีวันที่ใครจะเอาชนะตนลงได้ โดยที่ เชิง หารู้ไม่ว่าชัยชนะของตนกลับทำให้ เทพ และ เรียม เห็นอกเห็นใจกันมากขึ้น ประกอบกับความเข้าอกเข้าใจกันและกัน ในที่สุดทั้งคู่จึงตัดสินใจก้าวข้ามเส้นแห่งความถูกผิดและเป็นของกันและกันในที่สุด เทพและเรียมลักลอบมีความสัมพันธ์กันในอ่าวเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซึ่งไม่มีใครรู้จัก แต่ไม่นานเชิงก็เริ่มสงสัย เพื่อต้องการจะพิสูจน์ความจริงให้เห็นกับตา เขาจึงเริ่มวางแผนว่าจะออกทะเลติดต่อกันหลายวัน เปิดโอกาสให้ เทพ และ เรียม ได้อยู่กันตามลำพัง ทั้งคู่ใช้เวลาช่วงสั้น ๆ นี้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาของ เชิง ซุ่มดูอยู่โดยตลอด เชิง พยายามข่มความแค้นไว้ในใจ แม้อยากจะฆ่าทิ้งเสียทั้งคู่ด้วยความแค้น แต่ก็ทำได้แค่เพียงไล่ลูกชายให้กลับไป เทพ กับ เรียม ตัดสินใจจะหนีไปด้วยกัน โดยวางแผนไปเจอกันที่ท่าเรือบนฝั่ง ซึ่ง เทพ จะออกเดินทางไปรอล่วงหน้าก่อน แต่แล้วระหว่างทางเทพกลับถูกลูกเรือที่ เชิง ส่งมากักตัวเขาไว้ เมื่อเรียมมาถึงจุดนัดพบไม่เจอ เทพ จึงคิดว่า เทพ ทิ้งตนเสียแล้ว เทพฟื้นขึ้นมาและหนีออกจากเรือที่คุมขังได้สำเร็จ และรีบไปยังจุดนัดพบ แต่ที่นั่น เทพ กลับไม่พบ เรียม เขาหวนนึกถึงที่ ๆ เรียมเคยพูดไว้ เขาจึงรีบเดินทางไปยังอ่าวมรกต ซึ่งเรียมมักพูดเสมอว่าจะเป็นที่ตายของเธอ เส้นทางชีวิตของทั้งสองถูกขีดเส้นแบ่งระหว่างความรักกับศีลธรรมเขาและเธอจะทำอย่างไร?
เจ้าสาวผัดไทย (2547/2004) เจ้าสาวผัดไทย เรื่องราวความรักของ เพชรา แม่ค้าผัดไทยในชุมชนร่วมใจ ที่อยู่ในสภาวะตกกระไดพลอยโจน ต้องเข้าร่วมเกมโชว์แข่งกินผัดไทย 100 วัน ชิงรางวัลเงินสด 1 ล้านบาท พร้อมความรักจากราชินีผัดไทยแม่ค้าคนสวย และในบรรดาผู้เข้าแข่งขัน มากหน้าหลายตาหลากเผ่าพันธุ์ มี สุระชาติ อาจารย์หนุ่มข้างบ้าน ที่ชาวชุมชนเต็มใจนำเสนอรวมอยู่ด้วย ส่วนคู่แข่งคนสำคัญของอาจารย์คือ สุรชาติ หนุ่มรูปหล่อแฟนเก่าของเพชรา ที่พยายามทุกวิถีทางไม่ให้ตนเองปราชัย และที่ขาดไม่ได้ คือเหล่าสมาชิกชุมชนร่วมใจระดับหัวแถว ที่คอยทั้งส่งใจและส่งแรง ช่วยเพชราไม่ขาดสาย ภาพยนตร์แนวโรแมนติก/ตลก เจ้าสาวผัดไทย เป็นผลงานการสร้างของ นครไทยพิคเจอร์ เขียนบท-กำกับฯ โดย มงคลชัย ชัยวิสุทธิ์ นักเขียนนักวิจารณ์ภาพยนตร์ นามปากกา "ตีตั๋ว" ที่เปลี่ยนบทบาทมาเป็นคนเขียนบท-ผู้กำกับฯ และเคยมีผลงานภาพยนตร์เรื่อง เกิร์ลเฟรนด์ 14 ใสกำลังเหมาะ เมื่อปี 2545, ภาพยนตร์เรื่องนี้ อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารโดย กิตติ์ยาใจ ตรีเอกวิจิตร, อำนวยการสร้างโดย ประไพพรรณ ชัยวิสุทธิ์, กำกับภาพโดย วันชัย เล่งอิ๊ว, ดนตรีประกอบโดย ปธัย วิจิตรเวชการ
ไอ้ฟัก (2547/2004) เมื่อ 30 ปี ก่อนที่หมู่บ้านธรรมะสว่าง หมู่บ้านเล็ก ๆ ในภาคกลางอันอุดมสมบูรณ์ของประเทศไทย ที่ซึ่งศาสนา ประเพณี และวิถีชีวิตชาวบ้านผูกพันกันอย่างเหนียวแน่น ฟัก (ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) บวชเรียนตั้งแต่เด็ก และตั้งใจปวารณาตัวทั้งชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนา ชาวบ้านต่างหวังว่า เขาจะเป็นพระสงฆ์ที่น่าเคารพ เป็นที่เชิดหน้าชูตาของวัด แต่เมื่อย่างเข้าวัยหนุ่ม ฟัก กลับตัดสินใจขอลาสึกออกมา เพราะพ่อของเขาเริ่มไม่แข็งแรง จากนั้นเขาก็ถูกเกณฑ์ทหาร เมื่อเขากลับบ้านมา หลังปลดประจำการจากการเป็นทหาร เขาได้พบ สมทรง (บงกช คงมาลัย) หญิงสาวแปลกหน้าโดยบังเอิญ และรู้สึกเหมือนรักแรกพบ แล้วโชคชะตาก็เล่นตลกกับ ฟัก เมื่อเขากลับบ้านเขาพบว่า สมทรง เป็นสาวที่ไม่เต็มเต็ง และยิ่งไปกว่านั้น เธอยังเป็นเมียของพ่อเขาอีก และจู่ ๆ พ่อของเขาก็ตายจากไป ทิ้ง สมทรง ให้เป็นภาระของ ฟัก ที่ต้องดูแล การใช้ชีวิตตามลำพังกับ สมทรง ฟัก ต้องต่อสู้อย่างหนัก กับความต้องการทั้งทางร่างกาย และทางหัวใจที่เขามีต่อเธอ แม้จะยากแต่เขาก็รับเลี้ยงดู และอยู่ร่วมกันกับเธอต่อไป เพราะเขาคิดว่าเป็นหน้าที่ที่พึงมีต่อมนุษย์ผู้อ่อนแอกว่า และที่สำคัญ เขาเองก็มีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตกับเธอ ชาวบ้านเริ่มจับตาพฤติกรรมของหนุ่มสาวคู่นี้มากขึ้น ในที่สุดชาวบ้านก็เชื่อแน่ว่า ฟัก กระทำผิดอย่างร้ายกาจ คือเอาเมียพ่อเป็นเมีย ทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยล่วงเกินใด ๆ ทางกายต่อ สมทรง และเขาก็สาบานกับตัวเองว่า เขาไม่มีวันร่วมหลับนอนกับเธอเด็ดขาด พฤติกรรมแปลก ๆ ของ สมทรง เช่น แก้ผ้าอาบน้ำไม่เป็นที่เป็นทาง ร้อนก็ถอดเสื้อผ้ากลางสวน โกรธก็เปิดผ้านุ่งโชว์ ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ จนถึงขั้นจะขับไล่เธอออกจากหมู่บ้าน ฟัก ต่อสู้กับชาวบ้านอย่างหนักเพื่อรักษา สมทรง ไว้ จนชาวบ้านหันมาเกลียด ฟัก และคิดว่าเขามัวเมาในกาม จนไม่รู้ผิดชอบชั่วดี นำความเสื่อมเสียมาสู่หมู่บ้าน ท่ามกลางกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของสังคม เส้นที่ขีดกั้นระหว่าง ดี - ชั่ว หรือ ถูก - ผิด ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกที่ ฟัก มีต่อ สมทรง การอยากปกป้องดูแลผู้หญิงไม่เต็มเต็งคนหนึ่ง กลายเป็นความผิดด้วยหรือ? คำพิพากษาเรื่องราวความรักอันบริสุทธิ์ ที่ถูกผลักดันให้กลับกลายเป็นเรื่องเศร้าสะเทือนใจของ ไอ้ฟัก
ทวิภพ (2547/2004) มณีจันทร์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษระดับ 6 สาขาประวัติศาสตร์ ประจำกงสุลไทยนครปารีส ถูกเรียกตัวด่วนในคืนนั้น ในฐานะตัวแทนผู้เกี่ยวข้องกับประเทศสยาม อันเป็นที่มาของบันทึกนั้น วัวอิยา ถูกจัด ระดับความสำคัญเพียง “นิยายไร้สาระ” แต่ในความคิดของ มณีจันทร์ มันเป็นสิ่งที่น่าค้นหา …เธอได้ล่วงล้ำเข้าไปในดินแดนแห่งความลับที่ถูกกำหนดไว้จากบันทึกนี้ ดินแดนที่เธอไม่เชื่อว่าเป็นจริงเมื่อแยกจากโลกปัจจุบัน ..หญิง สาวต้องกลับประเทศไทยด้วยเหตุผลบางประการ ที่บ้านเกิดในเมืองไทย มณีจันทร์ สับสนและแยกแยะไม่ออกว่า ตัวเธออยู่ในความเป็นจริงอันใด.. “วันนี้คืออดีตของพรุ่งนี้ ? หรือ วันนี้คืออนาคตของเมื่อวาน ?” “มณีจันทร์” จะอยู่ในตำแหน่งไหนของตัวเธอเอง หลายครั้งที่เธอคิดอยู่เสมอว่า เธอเป็นต้นเหตุของบันทึกเสียเองหรือไม่ ? และการเดินทางครั้งใหม่ของ มณีจันทร์ ก็เริ่มขึ้น เมื่อภาวะสมดุล ความจริงกึ่งฝัน นำ มณีจันทร์ สู่ดินแดนที่แปลกหน้าทีละน้อย ดินแดนนั้นคือบ้านเกิดเมืองนอนของเธอนั่นเอง แต่เธอเป็นคนแปลกหน้าของที่นั่น…เธอได้กลับไปสู่บ้านเมืองของเธอเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว กลับไปสู่ “สยาม” แห่งการเริ่มต้นของอารยธรรมใหม่ กลับไปสู่ รัชสมัยพระจอมเกล้าฯ ยุคแห่งการเอาตัวให้รอดจากการล่าอาณานิคมของตะวันตก ยุคที่ต้องยอมรับว่า “ภาษาอังกฤษคือภาษาอนาคต” “การกลับไปได้เห็น” ของมณีจันทร์เหมือนความฝันที่มีอยู่ในตัวเราทุกคน แต่อย่างไรก็ตาม คำว่า “ไม่มีที่ไหนเหมือนบ้าน” ก็ยังเป็นสิ่งเตือนใจเสมอ ..แต่ที่ไหนล่ะคือบ้านที่แท้จริงของเธอ ? ที่ใดคือปัจจุบันของเธอ ? ความรักอยู่ที่ภพไหน ? การเสียดินแดนครั้งสำคัญที่สุดในสยาม หรือ “วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112”..คือบทสุดท้ายของเรื่องราว รวมทั้งเป็นวิกฤตสำคัญของเธอด้วย เหตุการณ์ที่ปากน้ำ ใน “วิกฤต ร.ศ. 112” ทำให้มณีจันทร์ต้องเสียสละความรัก เพื่อ คงอดีตที่ถูกต้องไว้ มณีจันทร์ ได้เข้าใจว่า “ความทุกข์ที่เกิดจากความรัก ไม่ใช่เพราะมันจากไป หากแต่เพราะมันยังอยู่ต่างหาก”
ครูแก แรงรัก แรงอาถรรพ์ (2547/2004) ครูฉาย (จรัล เพ็ชรเจริญ) ครูหนังตะลุงที่มีตัวหนังตะลุงเอกที่เป็นตัวตลก และเป็นตัวชูโรงประจำคณะ โดยท่านให้ความเคารพรัก และเทิดทูนตัวหนังตัวนี้อย่างสูงโดยเรียกอย่างยกย่องว่า ครูแก ซึ่งเป็นขวัญใจของคนดูหนังตะลุงทั่วภาคใต้ที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า ไอ้แก ซึ่งมีคำร่ำลือว่าตัวหนัง ไอ้แก นั้นมีชีวิตมักจะแสดงอะไรแปลก ๆ ได้เสมอ และเมื่อเผลอมันจะลุกขึ้นเดินเหินแอบขึ้นไปยืนปร๋ออยู่กับตัวหนังตัวนางตัวหนึ่งที่ชื่อว่า พยอม (ปรางทอง ชั่งธรรม) ซึ่งตำนานของมันมาจาก แก (ภาณุ สุวรรณโณ) นายหนังตะลุงฝีมือดีผู้ถูกกีดกันจาก พ่อของพยอม สาวคนรักจนทำให้เธอต้องฆ่าตัวตาย เขาได้นำหนังเท้าของเธอมาทำเป็นตัวหนังตะลุงเพื่อให้เป็นตัวแทนของเธอ และเมื่อเขาใกล้เสียชีวิตก็ได้สั่งลูกศิษย์ให้นำหนังเท้าของมาทำตัวหนังตะลุงด้วยอีกตัว จนกลายเป็นตัวตลกยอดนิยม นี่เองเป็นที่มาของความรักอมตะที่แม้แต่กาลเวลาและความตายก็ไม่อาจพรากทั้งคู่ให้จากกันได้
มหัศจรรย์...พันธุ์รัก (2547/2004) เรื่องราวของ แมกซ์ (ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์) อาร์ตไดเรคเตอร์นิตยสารเล่มหนึ่ง ที่อกหักยับเยินเมื่อพบว่า ทราย (สุชาญา ไกรสุวรรณ) แฟนสาวที่กำลังจะขอแต่งงานกำลังอยู่กับชายอื่น ความผิดหวังนี้กลับกลายเป็นเหตุที่ทำให้เขาได้พรวิเศษจากทะเล ทำให้เขาสามารถมองเห็นความคิดที่แท้จริงของคนได้ แมกซ์ ก็รู้สึกสนุกกับการใช้อำนาจนี้มองความคิดของคนอื่น รวมถึงเพื่อนสนิทอย่าง เอก (ชัยลดล โชควัฒนา) เซลล์ขายรถที่กำลังหลอกคนอื่นว่าตัวเองเป็นเจ้าของบริษัท และเพื่อนสไตล์ลิสเกย์ชื่อ ป๊อป (โจอี้ บาซู) ทำให้ แมกซ์ ได้รู้ว่า ป๊อป นั้นแอบหลงรักตัวเองอยู่ แมกซ์ ได้เตือน เอก ให้อยู่กับความเป็นจริง แต่ตัวเขาเองกลับไม่กล้าใช้อำนาจวิเศษนี้กับ พิมภัทรา (รัฐพร วัฒนสมบัติ) หมอสาวที่ตนหลงรัก และมาจากสังคมที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะกลัวความจริงจะทำให้เขาผิดหวัง แม้จะรู้ภายหลังว่า พิม มีแฟนอยู่แล้ว คือ หมอวัชระ (ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี) หมอหนุ่มฐานะและหน้าที่การงานดี แต่สุดท้ายเขากล้าเผชิญความจริงในใจพิมผู้หญิงที่เขารักด้วยตัวของเขาเอง

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 12 รายการ