รัศมีดาวการละคร
เมียหลวง (2524/1981) ดร.วิกันดา พันธ์ภากร แต่งงานกับดร.อนิรุทธิ์ ศัลวิทย์ ทุก คนต่างชื่นชมว่าทั้งคู่โชคดีที่เป็นคู่กัน เพราะมีพร้อมทั้งหน้าตา สมบัติและความรู้ ตอนที่ทั้งคู่ไปฮันนีมูนที่ปีนัง อนิรุทธิ์ได้ย้ำกับวิกันดาเสมอว่ารักและบูชาวิกันดามาก วิกันดา มีเพื่อนสนิทสองคน คือ อนงค์นารถและฉวีเพ็ญ ทั้งหมดต่างมีครอบครัวแล้ว แต่ละคนพบเจอปัญหาที่แตกต่างกัน อนงค์นารถมีสามีคือ พลเวทย์ ซึ่งชื่นชอบในการอ่านหนังสือมาก เหมือนไม่มีปัญหา แต่ทำให้อนงค์นารถเบื่อ ส่วนฉวีเพ็ญดูเหมือนจะหนักสุด เพราะสีหนาทสามีของเธอนั้น เสพติดทุกอย่างที่เป็นการพนัน แต่ฉวีเพ็ญสามารถยิ้มได้เมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อน เพราะมีความอดทนสูง แม้จะจนก็ตาม (เรื่องย่อจากนิยายเมียหลวง : ookbee.com)
สี่แผ่นดิน (2523/1980) แผ่นดินที่ 1: รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พลอยเกิดในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บิดาของ พลอย ชื่อ พระยาพิพิธ ฯ มารดา ชื่อ แช่ม เป็นเอกภรรยาของพระยาพิพิธ ฯ แต่ไม่ใช่ฐานะคุณหญิง เพราะคุณหญิงท่าน ชื่อ เอื้อม เป็นคนอัมพวา ได้กลับไปอยู่บ้านเดิมของท่านเสียตั้งแต่ก่อนพลอยเกิด เหลืออยู่แต่บุตรของคุณหญิง 3 คน อยู่ในบ้าน คือ คุณอุ่น พี่สาวใหญ่ อายุ 19 ปี คุณชิดพี่ชายคนรอง อายุ 16ปี คุณเชย พี่สาวคนเล็กแต่แก่กว่าพลอย 2 ปี พลอยมีพี่ชายร่วมมารดาหนึ่งคน ชื่อ เพิ่ม อายุ 12 ปี และมีน้องสาวคนละมารดาซึ่งเกิดจากแวว ภรรยาคนรองจาก แม่แช่ม ชื่อ หวาน อายุ 8 ปี ในบรรดาพี่น้องร่วมบิดา พลอยจะคุ้นเคยกับคุณเชยเป็นพิเศษ เพราะอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ส่วนคุณอุ่นพี่สาวใหญ่นั้น พลอยเห็นว่าเป็นผู้ที่น่าเกรงขาม เพราะเธออยู่บนตึกร่วมกับเจ้าคุณพ่อ ซึ่งเจ้าคุณพ่อก็ไว้วางใจว่าเป็นลูกสาวใหญ่ จึงให้ถือกุญแจแต่ผู้เดียว และจัดการกับการจับจ่ายใช้สอยทุกอย่างภายในบ้าน ส่วนคุณชิดและพ่อเพิ่ม พลอยเกือบจะไม่รู้จักเสียเลยเพราะคุณชิดไม่ค่อยอยู่บ้าน และพ่อเพิ่มนั้นดูจะสวามิภักดิ์คุณชิดมากกว่าพี่น้องคนอื่น ซึ่งพ่อเพิ่มต้องแอบไปมาหาสู่มิให้แม่แช่มเห็นเพราะถ้าแม่แช่มรู้ทีไรเป็นเฆี่ยนทุกที ส่วนหวานน้องคนละแม่ยังเด็กเกินไปที่พลอยจะให้ความสนใจเจ้าคุณพ่อได้ปลูกเรือนหลังหนึ่งให้แม่แช่มกับลูก ๆ อยู่ใกล้กับตัวตึกในบริเวณบ้าน มีบ่าวซึ่งแม่แช่มช่วยมาไว้ใช้ทำงานบ้านต่าง ๆ ชื่อ นางพิศ ตั้งแต่พลอยจำความได้จนถึงอายุ 10 ขวบ พลอยมีความรู้สึกว่า แม่และคุณอุ่นมีเรื่องตึง ๆ กันอยู่เสมอ ซึ่งก่อนที่แม่พลอยจะออกจากบ้าน พลอยสังเกตเห็นว่ามีความตึงเครียดระหว่างแม่และคุณอุ่นมากกว่าปกติ จนกระทั่งคืนหนึ่งแม่ได้เข้ามาปลุกพลอยแล้วบอกว่าจะเอาพลอยไปถวายตัวกับเสด็จ ส่วนพ่อเพิ่มเจ้าคุณพ่อไม่ยอมให้เอาไป คืนนั้นแม่เก็บของอยู่กับนางพิศทั้งคืน พอรุ่งสางแม่ให้นางพิศขนของไปไว้ที่ศาลาท่าน้ำ และให้พลอยไปกราบลาเจ้าคุณพ่อ เมื่อพลอยลาเจ้าคุณพ่อเสร็จแล้วก็เดินมาที่ศาลาท่าน้ำ เพื่อลงเรือโดยมีพ่อเพิ่มนั่งร้องไห้อยู่ที่ศาลาท่าน้ำ พอเรือแล่นออกไป พลอยก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสิ่งต่าง ๆ ที่เห็น จนกระทั่งมาถึงที่ท่าพระ แม่แช่มก็พาพลอยขึ้นจากเรือแล้วเดินเลาะกำแพงวังไปสักครู่หนึ่งก็เลี้ยวเข้าประตูชั้นนอก พลอยนั้นตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น เพราะภายในบริเวณวังนั้นเต็มไปด้วยตึกใหญ่โตมหึมา ผู้คนยักเยียดเบียดเสียดกันตลอด แล้วเดินเลาะกำแพงวังไปจนของที่วางขายก็มีมากมาย พอมาถึงกำแพงสูงทึบอีกชั้นหนึ่ง จะมีประตูบานใหญ่เปิดกว้างอยู่ คนที่เดินเข้าออกประตูล้วนเป็นผู้หญิงทั้งสิ้น แม่แช่มเดินข้ามธรณีประตูเข้าไปข้างในแล้ว แต่พลอยเดินข้ามธรณีประตูด้วยความพะว้าพะวัง จึงทำให้เท้าที่ก้าวออกไปยืนอยู่บนธรณีประตู พลอยตกใจมากวิ่งร้องไห้ไปหาแม่แช่ม แม่แช่มจึงพาพลอยไปกราบที่ธรณีประตูเสียก็หมดเรื่องพลอยได้รู้มาทีหลังว่า หญิงที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูวังและดูแลความสงบเรียบร้อยในวังนั้น ชาววังทั่วไปเรียกกันว่า "โขลน" แม่แช่มพาพลอยเดินไปเรื่อย ๆ ผ่านที่ต่าง ๆ มากมาย ในที่สุดก็มาถึงตำหนักของเสด็จ แม่จะพาพลอยไปหาคุณสายก่อน ซึ่งเป็นข้าหลวงก้นตำหนักของเสด็จคุณสายเป็นข้าหลวงตั้งแต่เสด็จท่านยังทรงพระเยาว์ เสด็จจึงมอบให้คุณสายช่วยดูแลกิจการส่วนพระองค์ทุกอย่าง และดูแลว่ากล่าวข้าหลวงทุกคนในตำหนัก เมื่อพลอยได้พบกับคุณสายแล้ว พลอยก็รู้สึกว่าคุณสายเป็นคนใจดีมาก ไม่ถือตัวว่าเป็นคนโปรดของเสด็จ และยังคอยช่วยเหลือข้าหลวงตำหนักเดียวกันเสมอ คุณสายหาข้าวหาปลาให้แม่แช่มกับพลอยกิน แล้วคุณสายก็จัดการเย็บกระทงดอกไม้เพื่อให้พลอยนำไปถวายตัวกับเสด็จ เมื่อพลอยถวายตัวกับเสด็จเสร็จแล้ว คุณสายก็แนะนำให้พลอยรู้จักกับช้อย ซึ่งเป็นหลานของคุณสาย ช้อยอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับพลอย ช้อยเป็นลูกของพี่ชายของคุณสาย ชื่อ นพ มียศเป็นคุณหลวง แม่ของช้อย ชื่อ ชั้น ช้อยมีพี่ชายอยู่หนึ่งคน ชื่อ เนื่อง ช้อยนั้นเป็นเด็กที่ซุกซนและมีเพื่อนฝูงมาก พลอยจึงเข้ากับช้อยได้ดีทีเดียว พลอยอยู่ในวังได้หลายวันแล้ว ก็ได้รับความรู้ใหม่ ๆ ได้เห็นของใหม่ ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด คุณสายให้พลอยเรียนหนังสือพร้อมกับช้อย ชื่อ มูลบทบรรพกิจ และคุณสายก็ได้สอนทำสิ่งต่าง ๆ ให้เสมอ เช่น การเจี่ยนหมากจีบพลูยาว ใส่เชี่ยนหมากเสวยของเสด็จ ตลอดจนดูแลเครื่องทรงต่าง ๆ ตอนกลางคืน คุณสายให้พลอยไปถวายงานพัดเสด็จตามปกติตอนกลางวันเป็นเวลาว่าง นอกจากคุณสายจะมีอะไรมาให้ทำเป็นพิเศษหรืออารมณ์ไม่ดี ซึ่งตอนกลางวันเป็นเวลาที่พลอยจะได้ติดตามช้อยออกไปเที่ยวนอกตำหนักไปหาเพื่อนฝูงหรือวิ่งเล่น ช้อยช่วยทำให้พลอยคลายเหงาและช่วยชักนำสิ่งที่น่าสนใจต่าง ๆ มาให้พบเห็นหรือได้รู้จักอยู่เสมอ ในที่สุดวันที่พลอยเฝ้าคอยด้วยความประหวั่นใจก็มาถึง เมื่อแม่แช่มจะออกจากวังและได้ทูลลาเสด็จแล้ว พลอยเสียใจอย่างมาก แต่เสด็จก็ทรงเมตตาพลอย ฝากให้คุณสายช่วยดูแลพลอย นอกจากนี้ยังมีช้อยที่คอยอยู่เป็นเพื่อนพลอย ทำให้พลอยรู้สึกดีขึ้น ในวันหนึ่งช้อยได้ชวนพลอยออกไปหาพ่อและพี่ชายของช้อย ซึ่งจะมาเยี่ยมทุกวันพระกลางเดือน ทำให้พลอยรู้สึกรักและผูกพันกับครอบครัวของช้อยไปโดยไม่รู้ตัว วันหนึ่งแม่แช่มได้มาเยี่ยมพลอยถึงในวังพร้อมกับของฝากมากมาย แม่บอกว่าแม่กำลังทำการค้าขายอยู่ที่ฉะเชิงเทรากับญาติห่าง ๆ ชื่อ ฉิม และต่อมาพลอย ก็รู้มาว่า แม่แช่มได้แต่งงานกับพ่อฉิมแล้ว ซึ่งแม่ก็ได้ตั้งท้องแล้ว คุณสายได้พาพลอยไปหาเจ้าคุณพ่อ เพื่อคุยเรื่องงานโกนจุกของพลอยที่เสด็จทรงเมตตาโกนจุกประทานให้ ซึ่งเจ้าคุณพ่อก็ไม่ได้ขัดข้องงานโกนจุกนั้นจะจัดขึ้นที่บ้านของช้อย และทั้งพลอยและช้อยก็ได้โกนจุกพร้อมกัน เจ้าคุณพ่อของพลอยก็มาร่วมงานนี้ด้วย งานโกนจุกนั้นผ่านไปได้ด้วยดี เมื่อคุณสาย พลอย และช้อย เดินทางกลับจากบ้านช้อยมาถึงตำหนักของเสด็จ เสด็จก็มีรับสั่งให้คุณสายขึ้นไปเฝ้าบนตำหนักทันที เสด็จจึงบอกเรื่องที่แม่แช่มตายแล้วที่ฉะเชิงเทรา และมอบภาระให้คุณสายเป็นผู้บอกพลอยให้ทราบ ห้าปีให้หลังจากวันที่แม่แช่มตาย พลอยก็ยังอยู่ที่ตำหนักของเสด็จ พลอยอายุได้ 16 ปีเศษแล้ว นับว่าเป็นสาวเต็มตัว และถ้าใครเห็นก็ต้องชมว่า สวยเกินที่คาดไว้ ส่วนช้อยเมื่อเป็นสาวแล้วก็ไม่ได้ทำให้นิสัยของช้อยเปลี่ยนไปได้เลย ช้อยยังคงเป็นคนสนุกสนานร่าเริง และมีความคิดเป็นของตนเองอย่างแต่ก่อน ซึ่งทั้งพลอยและช้อยได้สละความเป็นเด็กย่างเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์ การที่พลอยสนิทสนมกับช้อย ทำให้พลอยนั้นสนิทกับครอบครัวของช้อยด้วย พี่เนื่องซึ่งเป็นพี่ชายของช้อยได้หลงรักพลอยเข้า จึงทำให้พี่เนื่องมักจะตามพ่อนพมาเยี่ยมช้อยกับพลอย เมื่อพี่เนื่องเรียนทหารจบ พี่เนื่องจึงเปิดเผยความรู้สึกที่มีกับพลอยทำให้พลอยเขินอายไม่กล้าที่จะเจอหน้าพี่เนื่องอีก พลอยหลบหน้าพี่เนื่องอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งพี่เนื่องถูกส่งตัวไปรับราชการที่นครสวรรค์ ทำให้พลอยยอมออกมาพบพี่เนื่องเพื่อร่ำลา พลอยจึงเตรียมผ้าแพรเพลาะที่พลอยเคยห่มนอนให้พี่เนื่อง ซึ่งพี่เนื่องได้ให้สัญญากับพลอยว่าจะกลับมาแต่งงานกับพลอย นอกจากครอบครัวของช้อยแล้ว ญาติของพลอยที่ยังติดต่อกับพลอยอยู่ก็คือพ่อเพิ่ม ซึ่งตอนนี้ได้รับราชการอยู่ที่กรมพระคลัง หอรัษฎากรพิพัฒน์ และคุณเชยซึ่งหลังจากที่พี่เนื่องไปนครสวรรค์ได้ไม่กี่วัน คุณเชยก็แวะมาเยี่ยมพลอยที่วัง ซึ่งขณะนั้นในพระบรมมหาราชวังก็จัดให้มีงานขึ้นที่สวนศิวาลัยพอดี ซึ่งงานนี้ได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพราะพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับจากประพาสยุโรป การจัดงานจึงเป็นไปตามแบบฝรั่ง พลอยจึงพาคุณเชยไปเที่ยวงานที่สวนศิวาลัย และในงานนี้เองทำให้พลอยได้พบกับ คุณเปรม ซึ่งคุณเปรมก็แอบมองพลอยตลอดเวลาจนทำให้พลอยรู้สึกไม่พอใจ หลังจากวันนั้นคุณเปรมก็ได้สืบเรื่องราวของพลอย จนรู้ว่าพลอยเป็นลูกสาวของพระยาพิพิธฯ มีพี่ชายก็คือ พ่อเพิ่ม คุณเปรมได้ทำความรู้จักกับพ่อเพิ่มจนกลายเป็นเพื่อนกัน ซึ่งพ่อเพิ่มพยายามจะแนะนำคุณเปรมให้กับพลอย แต่พลอยปฏิเสธและไม่สนใจ จนกระทั่งวันหนึ่ง พลอยได้รับข่าวของพี่เนื่องมาว่า พี่เนื่องกำลังจะแต่งงานกับสมบุญ ลูกสาวแม่ค้าขายข้าวแกง พลอยรู้สึกเสียใจมาก แต่ก็สามารถทำใจได้ คุณเปรมได้พ่อเพิ่มช่วยเป็นพ่อสื่อให้ แต่พลอยก็ยังไม่สนใจคุณเปรม คุณเปรมจึงเข้าหาทางผู้ใหญ่ โดยให้พ่อเพิ่มพาไปเที่ยวที่บ้าน จึงได้พบกับพระยาพิพิธฯเจ้าคุณพ่อของพลอย และได้พูดคุยกันอย่างถูกคอ หลังจากนั้นไม่นานคุณอานุ้ยซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ของคุณเปรมก็ได้มาทาบทามสู่ขอพลอยจากเจ้าคุณพ่อ ซึ่งท่านก็ไม่ได้ปฏิเสธคุณเปรม และนำเรื่องมาปรึกษากับคุณสายให้คุณสายไปทูลถามเสด็จ เสด็จก็ทรงอนุญาต แต่พลอยนั้นกลับปฏิเสธการแต่งงาน เพราะไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี พลอยจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษาช้อย ซึ่งช้อยนั้นอยากให้พลอยแต่งงานตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ เพราะช้อยเห็นว่าคุณเปรมนั้นรักพลอยจริง ๆ และอีกอย่างก็เพื่อให้พี่เนื่องรู้ว่า พลอยก็ไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอกด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ จึงทำให้พลอยตัดสินใจยอมแต่งงานกับคุณเปรมตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ เมื่อพลอยแต่งงานกับคุณเปรมแล้ว ก็ได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านคลองพ่อยมซึ่ง เป็นบ้านของคุณเปรม วันหนึ่งคุณเปรมพาพลอยไปพบกับตาอ้น ซึ่งเป็นลูกชายของคุณเปรมที่เกิดกับบ่าวในบ้านพลอยไม่ได้คิดโกรธคุณเปรมเลย และยังกลับนึกรักและเอ็นดูตาอ้น พลอยจึงขอคุณเปรมรับตาอ้นเป็นลูกของตน พลอยได้เลี้ยงดูตาอ้นเสมือนลูกของพลอยคนหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานพลอยก็ตั้งท้องตาอั้น ซึ่งเป็นผู้ชายและเป็นลูกคนแรกของพลอย แต่หลังจากพลอยคลอดตาอั้นได้ไม่นาน เจ้าคุณพ่อก็ตาย เมื่อสิ้นเจ้าคุณพ่อแล้ว คุณเชยก็ทนอยู่กับคุณอุ่นที่บ้านคลองบางหลวงไม่ได้ จึงตัดสินใจหนีตามหลวงโอสถไป ทำให้พลอยรู้สึกไม่สบายใจเลย เพราะเป็นห่วงคุณเชยเมื่อเสร็จงานศพของเจ้าคุณพ่อแล้ว พลอยจึงพาตาอั้นเข้าวังเพื่อไปถวายตัวต่อเสด็จ และขอประทานชื่อ เสด็จนั้นทรงตั้งชื่อให้ตาอั้นว่า ประพันธ์ พลอยจึงตั้งชื่อให้ตาอ้นว่า ประพนธ์ พอตาอั้นอายุได้ขวบกว่า ๆ พลอยก็ตั้งท้องลูกคนที่สอง แต่ช่วงที่พลอยตั้งท้องลูกคนที่สองอยู่นั้น พระเจ้าอยู่หัวก็ประชวรและเสด็จสวรรคตในเวลาต่อมา แผ่นดินที่ 2: รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ห้าปีต่อมา เมื่อตาอ้นอายุได้ 7 ขวบ ตาอั้นอายุได้ 5 ขวบ และตาอ๊อดลูกชายคนที่สองของพลอยอายุได้ 3 ขวบ พลอยก็คลอดลูกคนที่สาม เป็นผู้หญิงและตั้งชื่อว่า ประไพ ในช่วงนั้นก็มีเหตุการสำคัญคือสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ตัวพลอยเองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรมาก นอกจากที่ว่าเป็นเรื่อง “ฝรั่งรบกัน” ที่ทำให้ข้าวของแพง หลังจากนั้นวันหนึ่ง คุณอุ่นซึ่งไม่ได้ติดต่อกันตั้งแต่พ่อของพลอยเสียก็มีขอความช่วยเหลือ พลอยจึงรับปากช่วยเหลืออีกทั้งเสนอให้คุณอุ่นย้ายมาอยู่ด้วยกันทำให้คุณอุ่นซึ้งในน้ำใจและความไม่อาฆาตพยาบาทของพลอยมากจนถึงกับร้องไห้ สองปีต่อมาคุณเปรมก็ส่งอั้นและอ๊อดไปเรียนนอก ส่วนอ้นอยากเรียนทหารจึงไปเรียนโรงเรียนทหาร จากนั้นพลอยก็ได้แต่นั่งคอยที่จะรับจดหมายจากลูก ๆ ในช่วงรัชกาลใหม่นี้พลอยก็ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่าง คุณเปรมนั้นแต่งตัวพิธีพิถันกว่าที่เคยในรัชกาลก่อน และมาวันหนึ่งก็ได้มาบอกให้พลอยไว้ผมยาว เพราะในหลวงท่านโปรด และต่อมาก็บอกให้แม่พลอยนุ่งผ้าซิ่นแทนผ้าโจงกระเบน ทำให้พลอยไม่กล้าออกจากบ้านอยู่นาน จากนั้นไม่กี่ปี ตาอั้นก็เรียนจบ และกำลังจะกลับมาบ้าน ส่วนตาอ้นนั้นออกเป็นทหารต้องไปประจำหัวเมืองต่างจังหวัด แต่พลอยก็ต้องตกใจเมื่อตาอั้นกลับมาจริง ๆ พร้อมกันภรรยาแหม่มชื่อ ลูซิลล์ หลังจากนั้นในหลวงก็ประชวรอยู่ไม่นาน และเสด็จสวรรคตในที่สุด แผ่นดินที่ 3: รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังจากรัชกาลที่ 6 เสด็จสวรรคต คุณเปรมก็ล้มป่วยอยู่หลายวัน และความสนใจต่อสิ่งต่าง ๆ ความกระหายที่เป็นแรงผลักดันของชีวิตก็ลดน้อยลง จนพลอยต้องเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายชักชวนให้คุณเปรมสนใจสิ่งต่าง ๆ ผ่านไปไม่นาน ตาอ๊อดก็เรียนจบกลับมาเมืองไทย และไม่นานคุณเปรมก็ออกจากราชการ หลังจากนั้นก็เป็นคนหงุดหงิดง่าย สิ่งที่คุณเปรมพอจะสนใจอยู่อย่างเดียวก็คือการขี่ม้า และมาวันหนึ่งคุณเปรมก็ตกม้าและเสียชีวิตลง ตั้งแต่ที่ตาอั้นกลับมาก็มีความคิดอย่างหนึ่งที่ทำให้แม่พลอยตกใจ ซึ่งก็คือความคิดเกี่ยวกับบ้านเมืองของตาอั้น ซึ่งก็คือความคิดเสรีนิยมและเกี่ยวกับการปกครองแบบประชาธิปไตยที่ได้ไปเรียนรู้ตอนไปเรียนเมืองนอก ในช่วงนั้นผู้คนก็ต่างพูดกันเรื่องเกี่ยวกับคำทำนายที่ว่าพระมหากษัตริย์จะสิ้นพระราชอำนาจ หลังจากนั้นไม่นาน ประเทศไทยก็ได้เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย พอเปลี่ยนการปกครองได้สองเดือนเศษ ตาอ้นก็กลับมาเยี่ยมบ้าน และก็มีเรื่องให้พลอยกลุ้มใจ เพราะตาอ้นนั้นมีความเห็นตรงข้ามกับการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองอย่างรุนแรง และคิดว่าตาอั้นเป็นพวกกบฏ ไม่มีความจงรักภักดี จนถึงกับทำให้สองพี่น้องทะเลาะกันใหญ่โตและไม่คุยกัน จากนั้นไม่นาน ตาอ้นก็ไปรบร่วมกับฝ่ายที่ต่อต้านคณะราษฎร และถูกจับ เป็นนักโทษประหาร และรัชกาลที่ 7 ก็สละราชสมบัติ แผ่นดินที่ 4: รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ประไพหมั้นกับคุณเสวีซึ่งเป็นเพื่อนของตาอั้น และแต่งงานกัน หลังจากนั้นตาอ้นก็ถูกส่งตัวไปอยู่เกาะตะรุเตา ตาอ๊อดก็ถูกกดดันโดยพี่น้องทำให้ต้องออกไปทำงานรับราชการ แต่ก็ทำอยู่ได้ไม่นานแล้วก็ลาออก แล้วจึงตัดสินใจไปทำงานที่เหมืองกับเพื่อนที่ปักษ์ใต้ จากนั้นไม่นาน ก็เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง แต่พลอยก็ยังไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว จนกระทั่งวันหนึ่งที่ทหารญี่ปุ่นเริ่มเข้ามาในเมืองไทย เมืองไทยจึงเจรจาและตกลงเป็นฝ่ายญี่ปุ่น อยู่มาวันหนึ่ง รัฐบาลก็ได้ออกกฎให้ทุกคนใส่หมวกเวลาออกจากบ้าน และห้ามกินหมากพลู รวมทั้งให้เริ่มมีการกล่าวคำว่า “สวัสดี” เป็นคำทักทาย และใช้คำว่า “ฉัน ท่าน จ๊ะ จ๋า” เมื่อพูดกับคนอื่น โดยบอกว่าเป็นการมี “วัฒนธรรม” เพื่อให้ชาติเจริญ ต่อมาไม่นาน พลอยก็ได้รู้ว่าตาอั้นได้หย่ากับลูซิลส์แล้วและกำลังไปมีเมียแล้วชื่อสมใจ และมีลูกสองคนคือแอ๊ดและแอ๊วโดยที่ไม่กล้าบอกแม่พลอยเพราะกลัวแม่จะไม่ถูกใจ แม่พลอยจึงดีใจและรีบไปรับหลานและลูกสะใภ้มาอยู่ที่บ้าน แต่พอมาอยู่บ้านก็อยู่อย่างสงบได้เพียงไม่นานก็เริ่มมีเครื่องบินมาทิ้งระเบิด ทำใหบ้านของแม่พลอยต้องขุดหลุมหลบภัยและต้องคอยระวังตื่นมากลางดึกและไปหลบในหลุมเมื่อได้ยินเสียงเครื่องบิน จนมาครั้งหนึ่งที่พลอยหลบอยู่ในหลุมและรู้สึกถึงความสั้นสะเทือนรุนแรงมาก เมื่อพอพลอยออกมาจากหลุมแล้วก็ได้เห็นว่าบ้านของพลอยเองได้โดนระเบิดเข้าเสียแล้ว จากนั้นพลอยจึงต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านคลองบางหลวงซึ่งเป็นบ้านเกิด พอย้ายบ้านมาได้ไม่นานพลอยก็ได้ข่าวว่าตาอ๊อดเจ็บหนักด้วยโรคมาลาเรีย ตาอ้นที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัวจึงไปอยู่ดูแลตาอ๊อดและยังไม่ได้กลับบ้าน จากนั้นไม่นานตาอ้นก็กลับมาบ้านพร้อมกลับข่าวร้ายว่าตาอ๊อดได้ตายเสียแล้ว อ้นจึงตัดสินใจบวชให้แก่อ๊อด หลังจากนั้นพลอยก็เจ็บอยู่นานหลายเดือน จนกระทั่ง รัชกาลที่ 8 สวรรคตอย่างกะทันหัน เมื่อได้ทราบข่าวการสวรรคตพลอยก็สิ้นใจไปด้วย
ฝ้ายแกมแพร (2528/1985) จารวี กับ ทมนัย ต่างหลอกอ้างชื่อลูกเจ้านายกันทั้งคู่ เพราะเป็นความใฝ่ฝันที่หวังจะสลัดจากฐานะต้อยต่ำของตัวเองไปมีอนาคตที่ดีกว่า แต่เมื่อความลับแตกทั้งคู่ต่างรู้สถานะที่แท้จริงของแต่ละคน กลายเป็นจุดเริ่มต้นของแผนการยกฐานะตัวเอง เมื่อ จารวี และ ทมนัย ตกลงร่วมมือกัน เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากชีวิตเดิมๆ
น้ำเซาะทราย (2522/1979) พุดกรอง วิบูลย์สิน แอบรักกับภีม ประการพันธ์ มาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย แต่พุดกรองเลือกที่จะแต่งงานกับพร้อม วิบูลย์สิน จนทั้งคู่มีบุตรชายด้วยกันชื่อ จ้าน ทางฝั่งภีมแต่งงานกับวรรณนรี มีอาชีพเป็นครู มีลูกชายหญิงสองคน ลูกสาวชื่อ ภัทรียา และลูกชายชื่อ ภุมวาร ต่อมาพร้อม สามีของพุดกรองเสียชีวิต จนหลังจากนั้น 1 ปี พุดกรอง ได้ไปร่วมงานสังคมกับวรรณนรี ภีม และพงษ์สนิทจิตรกรรม ซึ่งจัดขึ้นโดยคุณหญิงพรรณราย ซึ่งได้แนะนำให้รู้จักกับพิมุข สามีของคุณหญิงพรรณราย ที่เป็นคู่แข่งในการแย่งชิงตำแหน่งคณบดีกับวรรณนรี เมื่อพุดกรองได้พบกับภีมอีกครั้ง จึงได้มีความรู้สึกดี ๆ ร่วมกัน ภีมก็เริ่มเบื่อวรรณนรีและเริ่มมีปากเสียงกัน จนภีมออกจากบ้านแล้วชวนพุดกรองมาหา ทั้งคู่จึงสภาพกันว่าแอบรักกันมาตั้งแต่เมื่อได้พบกันครั้งแรกแล้ว พุดกรองเริ่มหาวิธีให้มาได้พบกับภีม จนทั้งสองได้เช่าบ้านใช้ชีวิตร่วมกัน เมื่อพงษ์สนิทรู้เรื่องนี้จึงรีบไปบอกวรรณนรี แต่วรรณนรียังไม่เชื่อ พงษ์สนิทได้ยั่วยุให้พุดกรองและภีมมีปากเสียงกัน จนเมื่อวรรณนรีรู้แน่ชัดจึงยื่นคำขาดว่าจะหย่า หากไม่หย่าก็ต้องตัดขาดพุดกรอง ขณะที่พงษ์สนิทอยากให้พุดกรองเลือกตัวเองเป็นคู่ครอง จึงใช้วรรณนรีเป็นเครื่องมือ แต่วรรณนรีเครียดจนเข้าโรงพยาบาล เมื่อภีมและพุดกรองรู้เข้าจึงรู้สึกผิด ในขณะเดียวกันข่าวความสัมพันธ์ของพุดกรองกับภีมก็เป็นเรื่องดัง ประจวบกับพุดกรองตั้งท้องกับภีมด้วย ต่อมาวรรณนรีรู้จักกับทวยหาญ กาญจนสุรัตน์ ทั้งคู่ไปเที่ยวพร้อมกับลูกของวรรณนรี แต่เมื่อกลับบ้านมาก็พบว่าภีมกลับบ้านมา ซึ่งภีมเองไม่พอใจ วรรณนรีจึงขอหย่า แต่ภีมก็ไม่มาตามนัด จนได้พูดคุยกับภีมอีกครั้งแต่ภีมก็ไม่ยอมหย่า จนในที่สุดพุดกรองคลอดลูกชายชื่อ ปูจ๋า ท้ายสุดภีมยอมหย่าหลังวรรณนรีขอพูดคุยเรื่องหย่าอีกครั้ง พุดกรองรู้สึกได้ว่าที่ภีมไม่ยอมหย่าเพราะภีมยังรักวรรณนรีอยู่ พุดกรองได้ไปขอโทษขออโหสิกรรมต่อวรรณนรี แต่วรรณนรีไม่สนใจคำขอโทษเพราะคิดว่าพุดกรองเล่นละครอยู่ สุดท้ายภีมไม่เหลือใคร จึงกลับไปหาวรรณนรี แต่วรรณนรีทำตัวเฉยชา ไม่สนใจภีม
ดาวเรือง (2522/1979) จินตวัฒน์ เป็นปลัดหนุ่มไฟแรง ถูกส่งตัวไปเป็นปลัดที่ต่างจังหวัดด้วยความหมายมั่นปั้นมือจะไปพัฒนาหมู่บ้าน นายกำจร อาสาพาปลัดเยี่ยมชมหมู่บ้านจนทั่ว ไม่ว่าจะบ้านผู้ใหญ่ผัน ที่วัน ๆ นอกจากตีไก่แล้ว ยังต้องดูแลเมียที่มีถึง 9 คน และลูกชายหนึ่งคนชื่อ นายวรรณ และนายกำจรยังบอกปลัดอีกว่าหากจินตวัฒน์ต้องการพัฒนาหมู่บ้านนี้ทางที่ดีต้องพัฒนาบ้าน ไอ้เรือง ก่อน ดาวเรืองหรือไอ้เรืองหากินสารพัดเพื่อเลี้ยงดู บานชื่น ผู้เป็นแม่ และส่งเสียงพี่ชายคือ พฤกษ์ ที่เรียนใกล้จะจบผู้พิพากษา จินตวัฒน์ระวังท่าทีในการพบกันครั้งแรกกับไอ้เรืองจนถูกดาวเรืองเรียกปลัดว่า ปลัดหน้าขี้ไก่ อิทธิพลของดาวเรืองแผ่ไปทั่วหมู่บ้านที่สำคัญเธอยังเป็นขวัญใจของไอ้วรรณ แต่ซ้ำร้ายดาวเรืองกับไอ้วรรณยังเป็นคู่แข่งเรื่องขายเหล้าเถื่อน จินตวัฒน์เริ่มกิจกรรมพัฒนาหมู่บ้านด้วยการจัดงานวัดจนทำให้จินตวัฒน์รู้สึกสนุกไม่น้อยที่ได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้าน เขาเริ่มเอ็นดูดาวเรืองจนเธอเริ่มจับสังเกตแววตาที่จินตวัฒน์มองมานั้นมีความในอะไรอยู่ลึก ๆ แต่เธอก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ขณะเดียวกันที่พฤกษ์เรียนอยู่กรุงเทพฯ ก็ได้พบรักกับนางแบบสาวอย่าง โรส โดยที่ไม่รู้เลยว่าโรสเป็นคู่หมั้นของจินตวัฒน์ สุดท้ายทั้งสองต้องจากกันแบบคาใจ พอพฤกษ์เรียนจบกลับมาบ้าน พฤกษ์ขอร้องให้ดาวเรืองเลิกทำตัวแบบนี้แล้วกลับไปเรียนต่อ วันหนึ่งวรรณ ดาวเรือง ปลัด ก็เข้าป่าเพื่อจับ เสี่ยกำพล จนเกิดการต่อสู้กัน สุดท้ายเสี่ยกำพลก็ถูกปลัดจับแต่ทั้งพฤกษ์และปลัดต้องเจ็บตัว โรสดูแลปลัดส่วนดาวเรืองดูแลพฤกษ์ แต่เมื่อโรสไม่อยู่ดาวเรืองก็แอบไปเยี่ยมปลัด ส่วนโรสแอบไปเยี่ยมพฤกษ์ แต่ทั้งหมดก็ไม่หลุดรอดสายตาของ เสมอใจ ไปได้ โรสจึงตัดสินใจเล่าความจริงเรื่องที่ตนเองผิดต่อปลัดไปรักกับพฤกษ์ ปลัดเข้าใจและดีใจเป็นที่สุด บานชื่นกับผู้ใหญ่ผันร่วมกันวางจัดประกวดเทพีประจำหมู่บ้าน โดยบานชื่นส่งดาวเรืองขึ้นประกวดแต่สุดท้ายกลายเป็นว่าปลัดวางแผนขอดาวเรืองแต่งงาน สุดท้ายทั้งสองก็ต้องยอมรับในสิ่งที่หัวใจเรียกร้อง ดาวเรืองวันนี้กลายเป็นดาวเรืองดอกไม้ที่สวยที่สุดในใจของปลัด
สาวใช้คนใหม่ (2526/1983) เป็นละครไทยปี 2526 ละครช่อง : ช่อง 5 ผลิตโดย : รัชฟิล์มทีวี, รัศมีดาวการละคร บทประพันธ์ : กาญจนา นาคนันทน์ ออกอากาศ : 23 กุมภาพันธ์ 2526 – 8 เมษายน 2536 แสดงนำ : นิรุตติ์ ศิริจรรยา, รัชนู บุญชูดวง
คุณหญิงนอกทำเนียบ (2523/1980) ความสมหวังในความรัก ย่อมทำให้ผู้ได้รับมีความพอใจ ความริษยาชิงชังย่อม ทำให้ผู้ติดอยู่ในมันปราศจากซึ่งความสุข และเธอก็เริ่มเข้าใจถ่องแท้ถึงคำพูดของคุณหญิงอรุณวตี คุณหญิงผู้ฟูมฟักเธอ คุณหญิงผู้สอนให้เธอ เป็น 'คุณหญิง' ทุกกระเบียดนิ้ว ที่ว่า ศักดิ์ศรีนั้นสำคัญ ทว่า 'เกียรติยศ' ทั้งของตนที่ต้องสร้างสม 'บารมี' ให้มากขึ้น และของคนอื่น หากก็นยังพยายาม...พยายามบนความสับสน ว่า "จริงแล้ว 'ชีวิตของเธอ' ต้องการอะไรกันแน่!" แน่นอน ศจีได้มาเกือบครบแล้ว ยกเว้นสิ่งเดียว คือความนอบน้อมอย่างใจจริง! และมีหรือที่คนคนหนึ่งจะดำรงตนอยู่และทะเยอทะยานได้ โดยปราศจากความรัก สิ่งนี้...ศจีจะหาคำตอบจากผู้ใด
เรื่องย่อ : น้ำผึ้งขม (2523/1980) ปุริม พิษณุการ (ปุ๊) ((นาท ภูวนัย)) นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ ที่ฝังใจเจ็บกับความรักครั้งก่อน ที่ทำให้ชีวิตแทบพังทลายเพราะโรส (อมรา อัศวนนท์) ลูกครึ่งสาวสวยไทย-เยอรมัน ปุริมจึงกลายเป็นคนที่มองผู้หญิงเพียงของเล่นเท่านั้น
โรสกลับมาพบกับปุริมอีกครั้ง เธอกลายเป็นแม่หม้าย ลูกติด เมียเก็บของข้าราชการระดับล่าง แถมด้วยอาการติดสุราขนาดหนักและกำลังขัดสนถึงขนาดยอมขายกังสดาล (หทัยรัตน์ อมตวณิชย์) ลูกสาว ให้เป็นเมียของปุริม กังสดาลมาอาศัยกับปุริม โดยที่จวงจันทร์ (สุพรรณ บูรณะพิมพ์) แม่หม้ายสาวใหญ่ ญาติของเขาไม่เห็นด้วย และตอกย้ำว่ากังสดาลเป็นแค่นางบำเรอของปุริมเท่านั้น
กังสดาลไม่มีทางเลือกจึงจำต้องทนอยู่ เวลาผ่านไป ปุริมพบว่ากังสดาลไม่มีอะไรเหมือนโรสแม่ของเธอเลย ความพยาบาทจึงเริ่มเสื่อมคลายลง
ขณะเดียวกัน เจน หลานชายของปุริมลูก ชายแท้ ๆ ของจวงจันทร์ก็แอบรักกังสดาล ทำให้ปุริมไม่พอใจ จนไล่เจนออกจากบ้าน แต่กังสดาลคอยไกล่เกลี่ยปัญหา จวงจันทร์ใช้ข้ออ้างที่เธอป่วยเป็นโรคหัวใจ ขอร้องให้กังสดาลยอมไปจากชีวิตของปุริม กังสดาลจึงหลบไปพักอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัด ปุริมแอบมาดักพบกังสดาล และเข้าใจผิดว่าเธอกำลังมีรักใหม่กับกรกิตผู้เป็นอา เขายังได้พบกับแสงดาว (สุมาลี ชาญภูมิดล) หญิงสาวผู้เชื่อมั่นในความรัก ผู้เปรียบเสมือน อาของกังสดาล ทั้งสองคบกันอย่างเปิดเผย แต่ปุริมยังหาโอกาสพบกับกังสดาล จนเธอไม่อาจห้ามใจตัวเองได้อีกและยอมอยู่กับปุริม อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ
เมื่อความลับเปิดเผย ทุกคนต่างโกรธเคืองกังสดาล แต่แสงดาวกลับระงับอารมณ์ได้จนน่าแปลกใจ อีกทั้งยังพากังสดาลไปช่วยเตรียมการแต่งงานที่ทุกคนเข้าใจว่าเป็นพิธีระหว่างปุริมกับแสงดาว แต่ในการ์ดเชิญกลับเป็นชื่อกังสดาล ตามแผนของทั้งคู่ที่แกล้งคบกันเพื่อให้กังสดาลแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมา จวงจันทร์ทราบข่าวนี้ถึงกับโรคหัวใจกำเริบและเสียชีวิตในที่สุด ปุริมและกังสดาลเริ่มต้นชีวิตคู่อีกครั้งหนึ่ง ด้วยความรักและบริสุทธิ์ใจของทั้งสองฝ่าย
เรื่องย่อ : สิ้นสวาท (2526/1983) สิ่งอันเป็นที่รัก…ทุกคนปรารถนาที่จะอยู่ใกล้ และเก็บไว้นานๆ ไม่ว่ายามหลับหรือตื่น แม้ทุกลมหายใจ หากเมื่อวันเวลาผ่านเลย บางอย่างอาจแปรเปลี่ยน…เมื่อรู้ว่าสิ่งรักนั้นกำลังจะหลุดลอยไป กว่าจะรู้ค่า…ก็เหลือไว้แต่เพียงความทรงจำ มินตรา ในความหลับชั่วนิรันดร์ คุณพาสิ่งใดติดไปในความทรงจำบ้างหรือเปล่า หรือความเจ็บช้ำทำให้คุณลบผมออกจากหัวใจได้สนิท…คุณสิ้นสวาทโดยไม่เหลือเหยื่อใยเลยหรือมินตรา? ผมยังจำคุณได้แม้แต่ในบัดนี้…ไม่ว่าเวลานั้นผ่านไปนานสักเท่าไหร่ ไม่ว่าแวดวงชีวิตของเราจะเปลี่ยนแปรไปแค่ไหน ภาพคุณยังแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำของผมมิสร่างซา ในความรัก…ทุกอย่างย่อมดีพร้อม เหมือนคุณกับผม แต่ในยามร้างจนลา คุณไม่เคยปริปากพูดอะไรสักคำ ความเงียบของคุณ น่ากลัวยิ่งกว่าอาการตีโพยตีพายของหญิงอื่นร้อยเท่าทวีคูณ แต่ในวังวนแห่งรัก…สายสวาทฤาจะสิ้น หากรักนี้ประดุจสายน้ำ ตัดเท่าไหร่ก็ไม่มีวันขาดสะบั้น สิ้นสวาท…แต่เยื่อใยและเงาอดีตที่หลงเหลือ… กลับยิ่งใหญ่นัก! สิ้นสวาท บทประพันธ์แห่งรักแท้ ของ โรสลาเรน ที่บรรจงมอบแด่ผู้ที่มีหัวใจรัก การครองรักครองคู่เป็นดั่งแก้วที่บางใส ยากต่อการเก็บรักษา และง่ายต่อการแตกร้าว สิ่งเดียวที่สามารถทะนุถนอมรักนั้นได้คือหัวใจรักเท่านั้น การใช้ชีวิตเลื่อนเปื้อนของบุรุษเพศ และมองผู้หญิงเป็นของหอมหวานที่น่าลิ้มลอง…อาจจะก่อให้เกิดสุขเพียงชั่วขณะ…เพราะในความเป็นจริง หญิงทุกคนย่อมต้องการรักแท้และครอบครองเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น! ความรักเป็นสิ่งเดียวเท่านั้น ที่มีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใดในโลก
ตลาดอารมณ์ (2526/1983) เป็นเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่พยายามทำทุกวิถีทางกลับได้รับสิ่งตอบแทนเป็นการเข้าใจผิดและการเกลียดชัง อีกทั้งยังต้องเผชิญจากเหล่าผู้คนรอบตัวที่ต้องการแย่งชิงสมบัติมหาศาลไปครอบครองไว้แต่เพียงผู้เดียว
เขยบ้านนอก (2526/1983)
"โฉมโสภา" คุณหนูไฮโซ นักเรียนนอก เธอรำคาญมารดาที่คอยแต่จะให้เธอออกงานสังคมและจัดหาชายหนุ่มมาให้เธอเลือกเป็นคู่ครอง เธอจึงหนีไปพักที่ไร่ต่างจังหวัด เธอได้พบกับนายนวน หนุ่มบ้านนอกผู้มีอารมณ์ขัน ทะลึ่งทะเล้น เธอมีความสุขทุกครั้งที่พบเขา จากเหตุการณ์คืนหนึ่งที่โรงนา ทำให้เขาต้องตกกระไดพลอยโจน กลายเป้นเขยบ้านนอกของ "คุณหญิงสิรี" ซึ่งไม่เคยปลื้มและยังดูถูกดูแคลนเขามาตลอด สงครามระหว่างแม่ยายไฮโซกับเขยบ้านนอกจึงเกิดขึ้น ด้วยความหึงและความที่เอาแต่ใจตัวเองของโฉมโสภา รวมทั้งแรงยุของแม่ยายที่พยายามทำให้ทั้งสองต้องหย่าขาดจากกัน "นายนวน" ผู้มีหัวใจรักภักดีต่อ "โฉมโสภา" เขาจะทำอย่างไรที่จะชนะใจคุณหนูขี้งอนและแม่ยายไฮโซของเขาได้! เอาใจช่วยกันได้แล้วในเล่ม (ที่มา : m.se-ed.com)