นายร้อยสอยดาว (2561/2018) ละครสร้างสรรค์ แนวโรแมนติก คอมเมดี้ ยุคไทยแลนด์ 4.0 ที่มาพร้อมกับเกียรติและศักดิ์ศรี บนเส้นทางชีวิตของลูกผู้ชายเหล่านักเรียนเตรียมทหารที่ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่คิด เพื่อวันหนึ่งจะคว้าดาวแห่งเกียรติยศมาไว้บ่นบ่าให้ได้ พร้อมกับความผูกพันอันเหนียวแน่นของผู้ร่วมทางที่ฟันฝ่าทุกข์สุขมาด้วยกัน จนถึงวันแห่งความภาคภูมิใจ กลายเป็นมิตรภาพของคำว่าเพื่อน และบทพิสูจน์ความรักต่างฐานะระหว่างนักเรียนนายร้อย จปร. กับนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิง กำกับการแสดงโดยผู้กำกับมากประสบการณ์ ประยูร วงษ์ชื่น และนักแสดงนำรุ่นใหม่ที่มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวความสนุก สุดประทับใจ ลงจอให้ได้ชมกันแล้ววันนี้ นายร้อยสอยดาว บทประพันธ์ของ พลเอก บัญชร ชวาลศิลป์ เป็นละครที่ได้รับความนิยม ถูกนำกลับมาสร้างใหม่อีกครั้งในชื่อ นายร้อยสอยดาว เวอร์ชั่น สอยดาวมาร้อยบ่า ซึ่งเวอร์ชั่นนี้ได้มีการปรับบทใหม่ให้เข้ากับยุคสมัย อีกทั้งเป็นครั้งแรกที่ให้ทหารและตำรวจเข้ามามีบทบาทในการดำเนินเนื้อเรื่องพร้อม ๆ กัน โดย เด่นดนัย (ศุภณัฐ พงศ์พศุตม์) ลูกชาย จ่าแม้น (ชลิต เฟื่องอารมย์) ต้องการเรียนต่อทางด้านนิเทศศาสตร์ แต่กลับถูกบังคับให้มาสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร จนเมื่อวันประกาศผลสอบ ทำให้เขาได้พบกับเพื่อนใหม่อีกหลายคนที่เข้าไปเรียนด้วยกัน กว่าพวกเขาจะจบการศึกษาต้องผ่านบททดสอบมากมายที่ต้องใช้ทั้งการเรียนรู้ ความมุ่งมั่น อดทน เพื่อจะคว้าดาวมาประดับบนบ่าให้สำเร็จ เด่นดนัย หลงรัก เหมือนดาว (ดุจฤดี เทพวงษ์) นักเรียนนายร้อยตำรวจหญิง ซึ่งเป็นน้องสาวของ ว่องไว (อดุลยรัศมิ์ สุวรรณจักรา) เป็นลูกของ พลโท สมหมาย (เฉลิมพร พุ่มพันธ์วงศ์) กับ คุณหญิงพิมพ์ผกา (นาตยา จันทร์รุ่ง) แต่อุปสรรคด้วยฐานะแตกต่างกันทำให้เขาต้องพิสูจน์ตัวเองให้เห็น เพื่อเอาชนะใจเธอและครอบครัว พร้อมกับชมอุดมการณ์ทั้งคู่พระ-นางที่ลงไปปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้

โคกอีเลิ้งเริงร่า 2556

เรื่องย่อ : โคกอีเลิ้งเริงร่า (2556/2013) ตำบลโคกอีเลิ้ง พื้นที่ชนบทที่กำลังได้รับการพัฒนาโดย ปลัดโอมชนะ (รังสิต ศิรนานนท์) ปลัดหนุ่มนักพัฒนาคนเก่งที่เดินหน้าให้ความรู้กับคนในโคกอีเลิ้ง เป็นปลัดหนุ่มรูปหล่อพ่อรวย แต่โดนตัดออกจากกองมรดก เพราะพ่อกับแม่อยากให้กลับไปบริหารธุรกิจของที่บ้าน พบู (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) พยาบาลสาวประจำโรงพยาบาลตำบลโคกอีเลิ้ง ชุมชนตำบลโคกอีเลิ้งได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วเพราะความร่วมมือ ความมีน้ำใจของคนในชุมชนโคกอีเลิ้ง ไม่ว่าจะเป็น ครูกมลมิตร (สุรศักดิ์ โชติทินวัฒน์) ซึ่งครูกมลเป็นครูหนุ่มหล่อมาดเข้ม พ่อแม่รวยที่ดิน แต่ติดจำนองเพราะช่วยญาติ จึงถูกแม่พเยียกีดกันไม่ให้เข้าหอ เพราะพเยียรู้ว่าที่นาถูกจำนอง ครูจึงใช้ความจริงใจเพื่อพิสูจน์รักแท้กับพรไพร ซึ่ง ครูพรไพร (ณิชานันท์ ฝั้นแก้ว) เป็นครูที่สอนโรงเรียนเดียวกับครูกมล และยังเป็นพี่สาวของพบูอีกด้วย ภายหลังจากที่ปลัดโอมชนะและพบู ครูกมลมิตรและครูพรไพรได้ตกลงคบหาดูใจ เป็นคู่รักกันแล้ว การดำเนินชีวิตของพบูยังคงเหมือนเดิม ถึงแม้จะถูกกีดกันโดยคุณแม่พเยีย คือจะแวะเวียนมาทำผมที่ร้าน เจ๊แน่งน้อย (กรุณา มอริส) ร้านทำผมซาลอนสุดกิ๊ฟเก๋กลางหมู่บ้าน แหล่งรวมสารพัดข่าวชั้นดี ถือเป็นสถานที่ซึ่งผู้หญิงทุกคนโดยเฉพาะลูกค้าสาวที่ช่างเม้าท์เรื่องต่างๆ ในโคกอีเลิ้งจะแวะเวียนมาทำผมเสมอ เพราะนั้นหมายถึงจะได้อัพเดมทข่าวสารไปด้วย และยังมีร้านประจำอีกหนึ่งร้านที่พบูจะแวะมาซื้อโอเลี้ยงร้านโกแฉะเจ้าประจำ ร้านกาแฟ โกแฉะ (แฉ่ง ช่อมะดัน) เป็นร้านกาแฟร้านเดียวในตำบล เป็นจุดศูนย์รวมของคนทุกเพศทุกวัยในโคกอีเลี้ง เปรียบเสมือนโต๊ะสภากาแฟขนาดเล็ก และยังเป็นร้านประจำที่กำนันคงและผู้ใหญ่ถึก มักจะมานั่งจิบกาแฟ โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ถึก (ปราบ ยุทธพิชัย) และ กำนันคง (สุเทพ ประยูรพิทักษ์) ถือเป็นคู่ปรับ ไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด แม่เพยีย (นาตยา จันทร์รุ่ง) แม้ลูกสาวทั้งสองจะแต่งงานแล้ว แต่พเยียก็ยังไม่ยอมรับปลัดโอมและครูกมล แต่ก็ยังหวงลูกสาวทั้งสองอยู่ดี โดยยื่นข้อเสนอให้สองเขยว่า จะไม่ให้ส่งตัวเข้าหอเด็ดขาดจนกว่าครูกมลจะปลอดหนี้และปลัดจะได้รับมรดกร้อยล้าน ส่วน พ่อตะโพน (สุรชัย สมบัติเจริญ) ผู้เป็นสามี แม้จะถูกใจชอบพอและสนับสนุนว่าที่ลูกเขยทั้งสองอย่างไร ก็ไม่กล้าขัดใจแม่เพยีย ตะโพนเป็นคนชอบเสียงเพลงและเล่นดนตรี โดยเมื่อมีเรื่องงานสังคมบันเทิงในหมู่บ้านจะไปช่วยงานเต็มที่ ทำให้มีเรื่องนี้เรื่องเดียวที่พ่อตะโพนกล้าขัดใจกับแม่พเยีย แต่เพยียก็ยอมให้พบูและพรไพรได้แต่งงานกัน แต่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดในพิธีแห่ขันหมาก โดยมีแก๊งของ กำนันคง และ เส้นใหญ่ (นันทศัย พิศลยบุตร) ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของกำนันคง รวมทั้งหลานสาว แจนจิรา (ฐิตินันท์ สุวรรณถาวร) มาร่วมมือกันวางแผนก่อกวนเพื่อชิงปลัดโอมจากพบู และยังขึ้นรถขยายเสียงประกาศทั่วโคกอีกเลิ้งว่า วันนี้เป็นวันอัปมงคลทำให้แม่เพยีย เลื่อนการส่งตัวเข้าหอระหว่าง ปลัดโอมชนะกับพบู และพรไพรกับกมล เมื่อแม่เพยียไม่ยอมให้ปลัดโอมชนะและกมลเข้าหอกับพบูและพรไพร ทั้งสองคนจึงทำทุกทางที่จะเข้าหอให้ได้ โดยได้รับความช่วยเหลือจาก ผู้ใหญ่ถึก ซึ่งเป็นน้องชายของแม่เพยีย ความวุ่นวายเริ่มเกิดขึ้นในโคกอีเลิ้ง มีชาวบ้านมาร้องเรียนเกี่ยวกับถนนในโคกอีเลิ้งกับปลัดโอมชนะมากมายว่า มีถนนชำรุดทั่วโคกอีเลิ้งจะไปไหนก็สัญจรลำบาก จึงมีการประมูลซ่อมถนนเกิดขึ้น โดยที่ผู้ใหญ่ถึกร่วมประมูลอีกเช่นเดิม แต่ที่แปลกกว่านั่นคือ ตะโพนได้ลงร่วมประมูลครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ทำให้กำนันคงกลัวว่าจะไม่สามารถประมูลสร้างถนนได้ จึงจะใช้วิธียัดเงินให้กับปลัดโอมชนะ แต่ก็โดนปลัดปฏิเสธกลับไป ผลสุดท้ายคนที่ชนะการซ่อมประมูลก็ไม่ใช่ตะโพนและกำนันคง แต่เป็นคนมาจากที่อื่นมาประมูลไปได้อย่างเฉียดฉิว หลังจากที่การประมูลซ่อมถนนเสร็จสิ้นไป กำนันคงก็อยากที่จะใช้เส้นให้เป็นนายก อบต. โดยการสั่งให้ไอ้ลูกชิ้นและไอ้ถั่วงอก ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทไปขู่ให้นายก อบต.คนปัจจุบันลาออก เพื่อที่จะได้ให้เส้นใหญ่ลงสมัครนายก อบต. แต่การแข่งขันเลือกนายก อบต.ในปีนี้ไม่ง่ายอย่างที่กำนันคงคิด เพราะตะโพนได้ลงสมัครด้วย เพราะสาเหตุมาจากที่รถขนดินของกำนัน ทำให้พบูเกิดอุบัติเหตุ จึงทำให้ตะโพนแค้นใจมาก จึงลงสมัครแข่งกับพวกของกำนันคง ทั้งสองฝ่ายต่างเสนอนโยบายต่างๆ เพื่อที่พี่น้องชาวโคกอีเลิ้งสนใจ โดยตะโพนได้ชูนโยบาย ไม่กลัวเมีย เมื่อเพยียรู้เข้าก็โกรธตะโพนมาก แต่ผลการเลือกตั้งคนที่ได้รับเลือกเป็นนายก อบต.ก็เป็นคนหนุ่มโคกอีเลิ้งรุ่นใหม่ไฟแรงได้ตำแหน่งไปแทน เมื่อมีสิ่งแปลกใหม่เข้ามาในโคกอีเลิ้ง ทำให้ชาวโคกอีเลิ้งต่างสนใจกับสิ่งๆ นั่นก็คือ ธุรกิจขายตรงอาหารเสริมสุขภาพได้เข้ามาขายในโคกอีเลิ้ง ทำให้ทุกคนต่างแย่งกันที่จะมีอาหารเสริมเพื่อสุขภาพกิ๊บๆ ไว้ครอบครอง แต่พบูก็สงสัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะสามารถช่วยสุขภาพได้จริงหรือไม่ จึงได้นำไปตรวจสอบกับคุณหมอที่โรงพยาบาล ผลที่ได้ก็คือ มันคือทรายไม่มีประโยชน์ใดๆ กับร่างกายเลย ทำให้โกแฉะรีบโทรไปที่บริษัทที่ผลิตเพื่อที่จะคืนสินค้า จนได้ทราบว่าบริษัทนี้ได้หนีไปแล้ว ส่งผลให้แต่ละคนต้องเสียเงินกับอาหารเพื่อสุขภาพวาเลนไทน์กิ๊บๆ ไม่ว่าจะเป็น โกแฉะ แม่เพยีย รวมทั้งกำนันคงที่เสียเงินไปมากที่สุด จากนั้น มีการกระจายข่าวทั่วโคกอีเลิ้งว่าจะมีกองถ่ายมาถ่ายที่โคกอีเลิ้ง ทำให้ทุกคนในโคกอีเลิ้งต่างตื่นเต้น แต่งตัวหล่อ สวย เพื่อที่จะได้เป็นดารา สาวๆ ทั่วโคกอีเลิ้งมาต่อคิวทำผมกันที่ร้านแน่งน้อยกันแน่นร้าน เพื่อที่ผู้กำกับและแมวมองจะสนใจพาไปเป็นดารา ชาวโคกอีเลิ้งต่างวาดฝันที่จะเปลี่ยนโคกอีเลิ้งให้เป็นฮอลลีวู๊ด แต่ก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เพราะแท้ที่จริงแล้วไม่ใช่กองถ่ายหนัง และความฝันจะเป็นดาราไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้ ด้านโรงเรียนโคกอีเลิ้ง ได้มีการจัดการแข่งขันกิจกรรมโรงเรียนหวานแหว๋ว ทำให้คุณครูแต่ละคนในโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นครูกมล ครูพรไพร รวมทั้ง ครูหวาน (ชัชฎาภรณ์ ธนันทา) เป็นครูที่เพิ่งย้ายมาจากโรงเรียนโคกอีลอย ได้มาตกหลุมรักครูกมล ครูหวานคิดที่จะหาวิธีในการที่จะชนะในกิจกรรมโรงเรียนหวานแหว๋ว เพื่อครูกมลจะได้หันมาสนใจ ครูหวานจึงคิดไปกู้เงินจากครูใหญ่เพื่อที่จะได้ซื้อชุดเครื่องเสียง ทีวีมาเปิดให้เด็กๆ ได้ดูกัน ส่วนครูกมลก็ได้ผลิตจานดาวเทียมขึ้นมาเอง เพื่อที่จะให้นักเรียนได้เรียนทางไกล แต่ก็ทำให้ครูใหญ่เกิดไฟช๊อตขึ้นจากผลงานจานดาวเทียมของกมลที่นำเอากระทะมาเป็นจานดาวเทียม แต่พรไพรกลับให้เด็กๆ จัดห้องเรียนด้วยสิ่งประดิษฐ์ที่นักเรียนทำเองอย่างประหยัด ทำให้พรไพรชนะเลิศ ในโครงการโรงเรียนหวานแหว๋ว ครูหวาน ได้เปิดร้านเบเกอรี่ ขนมอบใหม่ในโคกอีเลิ้ง เนื่องจากไม่เคยมีอะไรแบบนี้มาก่อนในหมู่บ้านเล็กๆ แถมยังห่างไกลอย่างนี้ เพราะโดยปกติแล้วขนมกับของว่างของชาวโคกอีเลิ้ง ก็จะเป็นขนมไทยๆ อย่างเช่นกล้วยบวชชี ถั่วเขียวต้มน้ำตาล ข้าวต้มมัด อะไรทำนองนี้ ขนมปัง ขนมเค้กและขนมอบต่างๆ ที่คนในเมืองใหญ่นิยมกัน ไม่ใช่ของที่หากินได้ง่ายในหมู่บ้าน ใครที่อยากกินขนมปังหรือเค้ก ก็จะต้องนั่งรถประจำทางเข้าไปในตัวจังหวัด ดังนั้นทุกคนต่างสนใจกับเบเกอรี่ของครูหวาน ความอลหม่านในโคกอีเลิ้งยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีเทคโนโลยี 3G เข้ามาในโคกอีเลิ้ง และยังมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเช่น แทปเลต คอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟน ทำให้คนในโคกอีเลิ้งเริ่มใช้โทรศัพท์กันมากขึ้น จนกำนันคงได้คิดธุรกิจเกี่ยวกับโทรศัพท์ จึงได้เปิดร้านขายโทรศัพท์ในโคกอีเลิ้ง ชาวบ้านต่างแห่กันมาซื้อมากมาย จากที่เทคโนโลยีได้เข้ามาในโคกอีเลิ้ง ทำให้ทุกคนในโคกอีเลิ้งต่างหมกหมุ่นอยู่กับแต่เทคโนโลยีใหม่ๆ และโทรศัพท์ จึงไม่มีใครคุยกับใคร คอยที่จะจ้องอยู่ที่หน้าจอ เพื่อที่จะคุยผ่านโปรแกรมไลน์ และโปรแกรมแชทต่างๆ ทำให้มีการพูดคุยกันน้อยลง ด้านพบูและโอมชนะ ก็ยังไม่สามารถที่จะเข้าหอกันได้ เพราะการขัดขวางของแม่เพยีย มิหนำซ้ำยังโดนแจนจิราคอยมาขัดขวาง และสร้างความแตกร้าวระหว่างพบูและโอมชนะอยู่บ่อยครั้ง ส่วนพรไพรต้องเสียใจกับครูกมลอยู่ตลอด เพราะครูหวานชอบมาทำตัวสนิทสนมกับครูกมลอยู่ ทำให้พรไพรและกมลเกิดการเข้าใจผิดกัน อาการเสียใจของพบู และครูพรไพรไม่ต่างกัน ทั้งคู่ต่างปรับทุกข์ถึงความเปลี่ยนแปลงของคู่รักตน ปลัดโอมและครูกมลจะปรับความเข้าใจกับพบูและครูพรได้หรือไม่ และจะพิสูจน์ให้แม่พเยียเห็นอย่างไร กำนันคง, เส้นใหญ่ จะสร้างความวุ่นวายอะไรโคกเลิ้งอีก ต้องติดตามความอลหม่านตามประสาบ้านทุ่งใน โคกอีเลิ้ง เริงร่า

สวนอาหารบานใจ 2555

เรื่องย่อ : สวนอาหารบานใจ (2555/2012) “สนุกสนานครื้นเครง อลเวงอลหม่าน กับสวนอาหารสุดสำราญบานตะไท” กำนันบุรุษชาติ (โน๊ต-วัชรบูลย์ ลี้สุวรรณ) กำนันหนุ่มรุ่นใหม่นักพัฒนา แห่งตำบลทางเสือผ่าน ผู้ที่มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาท้องถิ่นตามอุดมการณ์เดียวกับบิดา ซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้ว และได้ทิ้งมรดกไว้ให้บุรุษชาติมากมาย ทำให้กำนันบุรุษชาติตกเป็นที่หมายปองของบรรดาสาวน้อย สาวใหญ่ ลามไปจนถึงบรรดาแม่หม้ายทั้งหลายในตำบล บุรุษชาติมีเพื่อนร่วมงานอย่าง นายขลุ่ย (เหม-เหมวรรษ นิตยารส) สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยคนสนิทของกำนันบุรุษชาติ เป็นผู้ที่มีความรู้เรื่องการเกษตรเป็นอย่างดี นายขลุ่ยแอบหลงรัก หนูหวานแหว๋ว (มะนาว-ศรศิลป์ มณีวรรณ) ลูกสาวนายอำเภอแสวง (ปรินทร์ วิกรานต์) หวานแหว๋วเป็นหญิงสาวที่หลงใหลในวัฒนธรรมเกาหลีมาก ทั้งดนตรี เสื้อผ้า หน้า ผม รวมถึงอาหาร หวานแหว๋วหลงรักกำนันบุรุษชาติ โดยมี คุณนายรื่นวจี (กบ-ปภัสรา เตชะไพบูลย์) ผู้เป็นแม่ที่คอยวางแผนให้ลูกสาวได้มีโอกาสใกล้ชิดกับกำนัน เพราะคิดอยู่เสมอว่าลูกสาวของตนจะต้องได้คนที่ดี ร่ำรวย มีชื่อเสียงในสังคมเท่านั้น ถึงจะเหมาะสม บานใจ (ทับทิม-อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์) สาวแก่นแก้ว ก๋ากั่นวัย มีบุคลิกห้าวหาญคล้ายผู้ชาย จบการศึกษาจากสถาบันอาชีวศึกษา ด้านเครื่องยนต์ มีความใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถไถนา มีเบื๊อก (โบกัส- ธีระธันญ์ ขจรชัยเดชาวัฒน์) น้องชายตัวแสบที่คอยช่วยเหลือ และตามร่วมวีรกรรมพิทักษ์ความถูกต้องให้เกิดขึ้นในตำบลทางเสือผ่าน บานใจไม่ถูกกับ นายดั้ง (เขต-ธาราเขต เพ็ชรสุกใส) ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ ผู้ใหญ่บ้านยมโดย (หมู-กลศ อัทธเสรี) นายดั้งชอบตั้งตัวเป็นนักเลงใหญ่ประจำท้องถิ่น บานใจกับนายดั้ง ไปบังเอิญเจอกันที่ร้านอาหารสร้อยสวรรค์ โดยมี สร้อยสวรรค์ (เมษ์- บัณฑิตา ฐานวิเศษ) เป็นเจ้าของ ทั้งสองเผชิญหน้ากันแบบไม่มีใครยอมใคร เวลาไม่นานทั้งบานใจและนายดั้งได้สร้างความพังพินาศให้แก่ร้านอาหารสร้อยสวรรค์ สร้อยสวรรค์โมโหมาก สั่งให้ นายแหว่ง (ปราบ ยุทธพิชัย) ตามไปเรียกเก็บค่าเสียหาย จากนางเบิก (ต้อม รัชนีกรณ์ พันธ์มณี) ผู้เป็นแม่และ นายห้อย (จิ๊บ เฉลิมพร) ผู้เป็นพ่อ ประเมินค่าความเสียหายนับแสน พ่อแม่ของบานใจแทบเป็นลมเมื่อรู้เรื่องวีรกรรมที่เบื๊อกกับบานใจไปก่อขึ้น ร้านอาหารสร้อยสวรรค์ที่ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับสำนักนางชีด้วยความเงียบสงัด เพราะเหตุทะเลาะวิวาทระหว่างนายเบื๊อกและนายดั้ง ทำแขกกลัวโดนลูกหลงจนไม่กล้าเดินผ่าน การทำร้านอาหารถ้าไม่เคยทำ ไม่รู้หรอกว่าปัญหามันมีมากมายขนาดไหน เด็กเสิร์ฟทำหน้าหงิกเพราะหึงแขก นักร้องท้องแล้วท้องอีก เผลอไม่ได้เผลอเป็นท้องกับนักดนตรี แม่ครัวที่คิดว่าตัวเองหล่นมาจากฟากฟ้าทำอาหารรสชาติแล้วแต่อารมณ์ ปัญหาต่างๆ มากมายที่มีอยู่ตลอดเวลา.....สร้อยสวรรค์จึงท้าให้บานใจมาบริหารงานสวนอาหาร ภายในเวลาสามเดือนบานใจจะต้องบริหารสวนอาหารให้ได้ โดยไม่เจ๊งและนำเงินมาชดใช้ค่าเสียหาย.....แต่ถ้าบานใจไม่สามารถบริหารร้านอาหารได้ ที่นาครอบครัวนางเบิกจะถูกยึดและตกเป็นของสร้อยสวรรค์ทันที และ “สวนอาหารบานใจ” ถูกเนรมิตขึ้นภายในสามวัน พร้อมทีมงานที่ประกอบไปด้วย...พ่อที่เคยแต่ต้อนควายเข้าคอก มาทำหน้าที่พนักงานต้อนรับ..แม่ที่เคยแต่ตำน้ำพริก ผักต้ม ต้องมาเป็นแม่ครัวใหญ่…น้องชายจอมซนอีกคน มารับตำแหน่งเด็กเสิร์ฟ พี่แรมจันทร์ (อ้อม- ประถมาภรณ์ รัตนภักดี) อดีตนักร้อนลูกทุ่งสาวเสียงดี เซ๊กซี่ ที่ตัดสินใจวางไมค์ไปแล้ว กับ นายเชิด (เอเอ- ปัญญาพล เดชสงค์) อดีตนักดนตรีหนุ่ม มาดเซอร์ สายตาเจ้าชู้ แฟนเก่าของแรมจันทร์ ถูกบานใจตามตัวมา เพื่อหวนกลับขึ้นบรรเลงดนตรีในสวนอาหารอีกครั้ง และ จ่าดับ (กล้วย เชิญยิ้ม) มาคอยดูแลความปลอดภัยให้กับสวนอาหารบานใจ “สวนอาหารบานใจ” จึงเปิดขึ้นอย่างทุลักทุเลและดำเนินกิจการไปอย่างสับสนอลเวง ภายใต้เสียงวิพากษ์โจษจันของชาวบ้านทั้งตำบลว่าบานใจนั้นหาเรื่องหมดตัว หนูหวานแหววสนใจในตัวกำนันบุรุษชาติเป็นอย่างมาก หากกำนันหนุ่มนั้นเพียงแค่ให้เกียรติหญิงสาวในฐานะลูกสาวท่านนายอำเภอเท่านั้น ท่าทางสุขุมฉลาดล้ำของบุรุษชาติจึงทำให้หนูหวานแหววและคุณนายรื่นวจีให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย ขณะเดี๋ยวกันสร้อยสวรรค์ก็หลงใหลในตัวกำนันบุรุษชาติเช่นกัน....นายขลุ่ยเองได้ตกหลุมรักหนูหวานแหว๋วอย่างถอนตัวไม่ขึ้น แต่สำหรับหนูหวานแหว๋วกลับมองนายขลุ่ยเป็นเพียงหนุ่มข้าราชการต๊อกต๋อย บ้านนอกเท่านั้น แต่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจจริงของบานใจ อีกทั้งแนวคิดด้านการปรุงอาหารไทยอันเลิศรส เสริมด้วยสมุนไพรที่ถือเป็นองค์ประกอบในการปรุงอาหาร เพื่อสุขภาพอย่างหลากหลาย จนเป็นที่รู้จักโด่งดังไปทั่ว ทั้งแนวการบริหารสวนอาหารที่แปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร ทำให้กำนันบุรุษชาติ ได้กลายมาเป็นแขกประจำของสวนอาหารอย่างไม่รู้ตัว กำนันหนุ่มนักพัฒนาผู้มีแบบแผนในการทำงานและการใช้ชีวิต ที่พร้อมอุทิศให้กับลูกบ้านเพื่อมุ่งพัฒนาตำบลของตนให้มีความเจริญ มีอาชีพทำมาหากินไม่เป็นหนี้ และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างพอเพียง แต่ชีวิตทุกย่างก้าวไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หรือเพราะเหตุผลใดที่เกินจะคาดเดา เมื่อได้มาพบกับเจ้าของสวนอาหารบานใจ ทำให้กำนันบุรุษชาติที่เป็นนักวางแผนชั้นยอด ต้องมาคิดวางแผนเรื่องหัวใจของตัวเองเพื่อพิชิตหัวใจหญิงสาวอย่างบานใจ และตัวบานใจเองผู้รับหน้าที่เป็นผู้บริหารสวนอาหารจะสามารถบริหารหัวใจตัวเองได้หรือไม่ !? ต้องติดตามชม..

เรือนล้อมรัก 2554

เรื่องย่อ : เรือนล้อมรัก (2554/2011) บ้านฉัตราการเรือนไทยหลังงามที่ ล้อมเดือน (ฝนทิพย์ วัชรตระกูล) อาศัยอยู่ในรั้วเดียวกันมาตั้งแต่เด็กกำลังจะถูกยึด เพราะคุณนายลินดา (ดร.ปัทมาฆะ สุคนธมาน) ยอมให้ กันต์ลอง (ปัญญาพล เดชสงค์) ลูกเขยที่ไม่เอาไหนเอาโฉนดไปจำนองไว้กับ เจ้าสัวธารินทร์ (กลศ อัทธเสรี) จอมงกและหน้าเลือด เพื่อเอาเงินไปลงทุนทำผับ ตามคำวิงวอนขอร้องของ ลีลาวดี (แวร์ โซว) ลูกสาวซึ่งเป็นแม่ม่ายลูกติด ที่หลงผัวหนุ่มจนไม่ลืมหูลืมตา แต่ทั้งลูกสาวและลูกเขยไม่เคยส่งทั้งต้นและดอกตามที่รับปากเอาไว้ ถึงแม้ล้อมเดือนจะได้ชื่อว่าเป็นทายาทของตระกูลฉัตราการ แต่เธอก็ไม่เคยได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีเหมือน ปานฉัตร (ณัฐวรา หงษ์สุวรรณ) ลูกสาวของลีลาวดี เพราะคุณนายลินดาโกรธ อานนท์ (เจษฏา รุ่งสาคร) ลูกชายคนเล็กที่ไปคว้าเอา ดวงดาว (ชัชฏาภรณ์ ธนันทา) สาวรับใช้ในบ้านมาเป็นเมีย ล้อมเดือนจึงต้องอยู่เหมือนคนอาศัยที่ เรือนล้อมรัก บ้านหลังเล็กที่พ่อสร้างไว้อยู่กับแม่และลูก เมื่อพ่อกับแม่จากโลกนี้ไปก่อน ล้อมเดือนจึงต่อสู้ดิ้นรนหาเงินเลี้ยงตัวเองและเรียนหนังสือไปด้วย โดยมี แป๋วแหวว (กรุณา มอริส) คนรับใช้ที่อยู่กันมานานและ ม่านไผ่ (ธราภา กงทอง) เพื่อนนักศึกษาคอยเป็นกำลังใจ แทนตะวัน (กันตพงศ์ บำรุงรักษ์) ลูกชายสุดรักสุดหวงคนเดียวของเจ้าสัวธารินทร์ ถูกส่งให้ไปหัดทวงหนี้กับลูกหนี้ที่ผิดนัด โดยมี พงษ์ทวี หรือ โกโผ่ง (ปราบ ยุทธพิชัย) คอยเป็นพี่เลี้ยง แต่แทนตะวันไม่เคยทำสำเร็จแม้แต่รายเดียว รวมทั้งลูกหนี้ที่บ้านฉัตราการ เพราะเขาเป็นคนจิตใจดีมีเมตตาต่างจากผู้เป็นพ่อ ล้อมเดือนไปขายของริมฟุตบาธแล้วถูกเทศกิจไล่จับ จึงวิ่งมาหลบในรถของแทนตะวันที่ลืมล็อคประตู พอลงจากรถด้วยความรีบร้อนเลยทำหนังสือเรียนหล่นเอาไว้ แทนตะวันจึงเอามาคืนให้และอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมเธอจึงต้องทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ก็เป็นลูกหลานของบ้านฉัตราการ แทนตะวันได้โอกาสที่ เยาวลักษณ์ (ฐรินดา กรรณสูต) น้าสาวที่รักตัวเองเหมือนลูก โกรธผู้เป็นพ่อที่ไปแสดงท่าทีหึงหวง นิพนธ์ (ธัญวิศิษฐ์ เสียงหวาน) อาจารย์ที่มาสอนทำอาหารแบบตัวต่อตัวถึงบ้าน แทนตะวันเลยบอกว่าถ้าจะให้น้าสาวหายโกรธ พ่อจะต้องเลื่อนกำหนดยึดบ้านฉัตราการออกไป แทนตะวันเอาข่าวดีเรื่องเลื่อนการยึดบ้านไปบอกล้อมเดือน ทำให้ทุกคนรู้สึกโล่งใจ แต่ล้อมเดือนกลับทำงานหาเงินหนักขึ้น เพื่อจะเอาเงินมาช่วยคุณย่าไถ่บ้านคืนให้ได้ พิณนรี (บัณฑิตา ฐานวิเศษ) ดารานางแบบชื่อดังโมโหที่ถูกเจ้าสัวสั่งห้ามไม่ให้คบกับลูกชาย เธอจึงส่งรูปที่ใกล้ชิดกับแทนตะวันไปให้หนังสือพิมพ์ลงข่าว เจ้าสัวโมโหมากจึงไปว่าจ้างล้อมเดือนให้มาเป็นคู่รักกำมะลอของแทนตะวัน เพราะเจ้าสัวรู้จักล้อมเดือนตอนที่พงษ์ทวีขับรถไปชนเธอ เจ้าสัวจึงนึกชอบในความงกแบบตรงไปตรงมาของล้อมเดือน โดยที่ไม่รู้ว่าเธอเป็นลูกหลานบ้านฉัตราการ ล้อมเดือนยอมรับงานเพราะเห็นว่าเป็นรายได้ดี และยังมีสัญญาที่จะไม่ทำให้เธอต้องเสียหายหรือเสียเปรียบ เพราะล้อมเดือนเรียนด้านกฎหมายจึงทำทุกอย่างแบบรัดกุม แทนตะวันดีใจที่รู้ว่าล้อมเดือนคือผู้หญิงที่พ่อจ้างมาเป็นคู่รักชั่วคราว คุณนายลินดาพอรู้เรื่องจากลีลาวดีจึงเรียกล้อมเดือนมาต่อว่า ที่เธอจะทำให้ชื่อเสียงของตระกูลเสียหาย และไม่ชอบเอาหลานสาวไปขัดดอกด้วย เมื่อครบกำหนดบ้านฉัตราการต้องถูกยึดตามสัญญา เพราะกันต์ลองกับลีลาวดีไม่มีปัญญาหาเงินมาไถ่ถอนได้ คุณนายลินดาจำเป็นต้องมาพูดกับล้อมเดือนเพื่อให้หลานนอกคอก ช่วยไปขัดดอกเป็นเวลา 1 ปีตามข้อเสนอแนะของแทนตะวัน ล้อมเดือนยอมเพราะไม่อยากให้บ้านต้องตกเป็นของคนอื่น โดยล้อมเดือนขอให้แทนตะวันจดทะเบียนสมรสกับเธอ เพื่อป้องกันเกียรติของเธอที่แทบไม่มีเหลือแล้ว และเธอก็จะเซ็นใบหย่าไว้ให้โดยไม่เรียกร้องอะไรเมื่อครบสัญญา เจ้าสัวตกใจเมื่อรู้ว่าเด็กสาวที่ตัวเองเคยจ้างมาเป็นคู่รักกำมะลอให้กับลูกชาย เป็นหลานสาวขัดดอกของคุณนายลินดา จึงไล่ล้อมเดือนออกจากบ้านแต่เธอไม่ยอมไป เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามสัญญา และล้อมเดือนยังได้ทำงานในฝ่ายกฎหมายของบริษัทอีก เยาวลักษณ์เห็นดีด้วยเพราะรักและเอ็นดูล้อมเดือน ทำให้เจ้าสัวไม่กล้าขัดเพราะตัวเองแอบรักน้องเมียอยู่ เจ้าสัวไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ จึงแกล้งล้อมเดือนให้ทำงานบ้านเยี่ยงคนรับใช้บ้าง ให้ไปเจรจาเรื่องไล่ที่หรือทวงหนี้ที่ไม่น่าจะได้คืน เพื่อเป็นการบีบล้อมเดือนทางอ้อม ถ้าทำไม่สำเร็จก็จะถูกยกเลิกสัญญา แต่ล้อมเดือนทำทุกอย่างสำเร็จชนิดที่เจ้าสัวคาดไม่ถึง และยังให้ หม่าเหมิ่น (ขมิ้น เชิญยิ้ม) คนขับรถคอยสะกดรอยตามแทนตะวันว่าแอบไปไหนกับล้อมเดือนบ้างหรือไม่ ธีระ (เจจินตัย อันติมานนท์) กันต์ลอง และ พิณนรี ร่วมมือกันเพื่อหาคนมาซื้อบ้านฉัตราการ โดยให้พิณนรีเข้าไปล้วงความลับเรื่องธุรกิจของเจ้าสัว เพราะตัวเธอเองก็ต้องการที่จะไปจับแทนตะวันอยู่แล้ว ส่วนคุณนายลินดารู้ทันความเลวของลูกเขย จึงไม่ยอมให้ความช่วยเหลือลีลาวดีในเรื่องเงินอีก ม่านไผ่รู้เรื่องที่ธีระกับกันต์ลองวิ่งเต้นขายบ้านฉัตราการ จึงเตือนล้อมเดือนให้รู้ตัว แทนตะวันพยายามจะเอาชนะใจล้อมเดือนให้ได้ แต่ล้อมเดือนปิดกั้นหัวใจของตัวเอง เพราะคิดว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงขัดดอกเท่านั้น ล้อมเดือนตัดสินใจพาปานฉัตรมาอยู่ในบ้านเจ้าสัวเพราะไม่มีทางเลือก มิฉะนั้นปานฉัตรจะหาเงินใช้ด้วยการถ่ายรูปโป๊ลงหนังสือตามคำยุยงของกันต์ลองอีก จนทำให้คุณย่าเกิดความอับอายและไม่สบายใจ พอเข้ามาอยู่ในบ้านเจ้าสัวปานฉัตรโดนดูถูกว่าเป็นนางแบบโป๊ และยังต้องทำงานบ้านเหมือนคนรับใช้ เพราะแป๋วแหววบอกว่าทุกคนที่อยู่บ้านนี้ต้องช่วยกันทำงานบ้านด้วย พอมีโอกาสปานฉัตรจึงแอบย่องเข้าห้องแทนตะวัน พอเจ้าสัวจับได้จึงไล่เธอออกจากบ้านทันที พอกลับบ้านฉัตราการปานฉัตรก็โดนกันต์ลองข่มขืน เพราะคุณนายลินดากับลีลาวดีไปถือศีลอยู่ที่วัด โชคดีที่ล้อมเดือนมาช่วยไว้ทัน ทำให้ปานฉัตรและ กระแต (ธิญดา เจริญรัตน์) คนรับใช้ของลีลาวดี เริ่มเห็นความดีของล้อมเดือนและเห็นความเลวของกันต์ลอง แต่ปานฉัตรไม่ยอมเอาเรื่องกันต์ลอง เพราะไม่อยากให้แม่และยายต้องเสียใจ กันต์ลอง ธีระ และ พิณนรี วางแผนจับเจ้าสัวไปเรียกค่าไถ่ 50 ล้านบาท เพื่อจะได้เอาเงินมาไถ่บ้านฉัตราการ ส่วนที่เหลือจะได้แบ่งกันใช้ แต่กันต์ลองทำความลับรั่วแทนตะวันและล้อมเดือนจึงไปช่วยเจ้าสัวสำเร็จ ล้อมเดือนขอร้องไม่ให้เจ้าสัวแจ้งความจับกันต์ลอง เพราะกลัวฉัตราการจะเสียชื่อเสียง เจ้าสัวจึงขอข้อแลกเปลี่ยนโดยให้ล้อมเดือนออกไปจากชีวิตของแทนตะวัน ล้อมเดือนยอมและกลับมาอยู่ที่ เรือนล้อมรัก พร้อมทั้งเปิดสำนักงานทนายความเป็นของตัวเอง โดยมีม่านไผ่และปานฉัตรมาร่วมกันทำงาน แทนตะวันพยายามช่วยเหลือล้อมเดือนด้วยความรักอย่างจริงใจ แต่ล้อมเดือนปฏิเสธทั้ง ๆ ที่ใจยังรักแทนตะวัน พร้อมทั้งฉีกทะเบียนสมรสทิ้ง ทำให้แทนตะวันเสียใจมาก แทนตะวันยังไม่เลิกล้มความตั้งใจที่เอาชนะใจของล้อมเดือนให้ได้ ทำให้เจ้าสัวโมโหจนเผลอไล่แทนตะวันออกจากกองมรดก เพราะคิดว่ายังไงลูกชายก็ไม่ไหนไม่รอด แทนตะวันเสียใจจึงตัดสินใจออกจากคฤหาสน์หลังโต โดยไม่เอาสมบัติติดตัวมาแม้แต่ชิ้นเดียว แทนตะวันกับนิพนธ์ร่วมหุ้นกันเปิดร้านขายลูกชิ้นปิ้ง โดยมีล้อมเดือนคอยเป็นกำลังใจ และวางแผนออกข่าวไปตามหน้าหนังสือพิมพ์ ทำให้ลูกชิ้นปิ้งทายาทเจ้าสัวโด่งดังเป็นที่รู้จักของใครต่อใคร พิณนรีเมื่อเห็นว่าแทนตะวันถูกตัดออกจากกองมรดก จึงคิดจะจับเจ้าสัวแทนเพราะเห็นแก่เงิน แต่ถูกเยาวลักษณ์เล่นงานด้วยความหึงหวง จนกระเจิงออกจากคฤหาสน์เจ้าสัวแทบไม่ทัน ล้อมเดือนเตรียมหาซื้อบ้านหลังใหม่ เพราะเธอรู้ดีว่าไม่มีทางหาเงินมาไถ่บ้านฉัตราการได้แน่นอน เมื่อครบกำหนดวันที่บ้านฉัตราการจะถูกยึด เจ้าสัวมาประกาศความเป็นเจ้าของด้วยความภาคภูมิใจ แต่พอเดินลงมาจากบันไดบ้านฉัตราการ เจ้าสัวก็ล้มลงมาอย่างกระทันหัน ทำให้กลายเป็นอัมพฤกษ์ แทนตะวันต้องกลับไปดูแลเจ้าสัวเพื่อทดแทนบุญคุณ ทำให้ต้องห่างเหินจากล้อมเดือน กันต์ลองแกล้งทำดีกับลีลาวดี เพื่อใช้เธอไปขอร้องให้คุณนายลินดาเซ็นยินยอมขายบ้าน แต่พูดไม่สำเร็จจึงถูกกันต์ลองลงมือทำร้ายด้วยความโมโห แทนที่ลีลาวดีจะตาสว่างเพราะปานฉัตรก็ได้พูดเตือนสติไปแล้ว แต่เธอกลับคิดว่าปานฉัตรไปเป็นพวกของล้อมเดือนแล้ว จึงรุมใส่ร้ายกันต์ลอง เธอจึงไม่เชื่อใครนอกจากตัวเอง กันต์ลองได้ใจจึงลอยหน้าอยู่ในบ้านฉัตราการได้ต่อไป เมื่อสบโอกาสก็ใช้กำลังเข้าปลุกปล้ำปานฉัตรอีก แต่ครั้งนี้ชีวิตถึงฆาตลีลาวดีมาพบพอดี เธอจึงตัดสินใจฆ่ากันต์ลองเพื่อปกป้องลูกสาว ล้อมเดือนยื่นมือเข้ามาเป็นทนายว่าความให้ จนลีลาวดีหลุดพ้นข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา เมื่อสิ้นกันต์ลองทุกคนในบ้านฉัตราการกลับมามีความสุขกันอีกครั้ง และพร้อมที่จะไปใช้ชีวิตที่บ้านหลังใหม่ด้วยกัน เมื่อรักแท้ถูกตีราคาเป็นเรื่องเงินทอง จิตใจที่ดีงามถูกมองข้ามเพียงเพราะอคติ แล้วจะมีสิ่งใดที่เอาชนะจิตใจที่มืดบอดของเจ้าสัวธารินทร์ได้ ล้อมเดือนจะมีวันทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงได้หรือไม่ เรือนล้อมรัก บ้านที่เคยเต็มไปด้วยความอบอุ่น และความทรงจำของพ่อกับแม่จะไกลเกินเอื้อมสำหรับเด็กกำพร้าอย่างเธอหรือ ไม่ ติดตามหาคำตอบ และเป็นกำลังใจในรักแท้ที่ต่างฐานะ ระหว่างล้อมเดือนและแทนตะวัน ใน ละครเรือนล้อมรัก

เรื่องย่อ : สมหวัง...สู้สู้ (2554/2011) หลังจาก โต้ง (เขตต์ ฐานทัพ) ครีเอทีฟค่ายเพลงกับ น้ำขิง (ปุณยาพร พูลพิพัฒน์) สาวนักประชาสัมพันธ์ตัดสินใจที่จะแต่งงานกัน ทั้งสองจึงนัดกันที่จะไปลองชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ร้านวิวาห์ของ ผ่องพรรณ (มณีนุช เสมรสุต) แม่หม้ายลูกติดที่เป็นครูสอนร้องเพลงด้วย และเป็นเพื่อนบ้านที่ดีของโต้งและน้ำขิง แต่โต้งกลับมาช้าเพราะมัวแต่ทำงานจนลืมเวลา โดยมีสมหวัง สุนัขแสนรู้คอยเตือนแต่โต้งก็ไม่ได้สนใจ พอเห็นเวลาล่วงเลยไปมากแล้วโต้งจึงรีบขับรถไปอย่างรวดเร็ว จนเป็นเหตุให้รถเฉี่ยว รุ้งแก้ว (ธิดารัตน์ จักรสิงโต) ดีเจสาวที่หน้าร้าน ด้วยความตกใจโต้งรีบประคองรุ้งแก้วไปส่งโรงพยาบาล จังหวะเดียวกับที่น้ำขิงเดินออกมาหน้าร้านพอดี ขณะเดียวกัน แจ๊ค (มณฑล ปริวัฒน์) ขับรถผ่านมา น้ำขิงขอให้แจ๊คขับรถตามรถโต้งไปที่โรงพยาบาล พอไปถึงโรงพยาบาล บัวลอย (อรุณ ภาวิไล) กับ ไข่หวาน (สมิทธิ์ สุขไพบูลย์) ลูกน้องของ เสี่ยจั๊ว (สุเทพ ประยูรพิทักษ์) พ่อของแจ๊คที่ปลอมตัวมาเป็นหมอ บอกให้โต้งเซ็นหนังสือรับผิดชอบถ้ารุ้งแก้วและลูกในท้องเป็นอะไรไป โต้งจำเป็นต้องเซ็นเพราะคิดว่าตัวเองเป็นคนผิด โดยหารู้ไม่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นแผนการที่แจ๊คสร้างขึ้นมา เพราะอยากให้โต้งกับน้ำขิงเกิดการเข้าใจผิดกัน เพราะแจ๊คหลงรักน้ำขิงมานาน ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็มีรุ้งแก้วเป็นเมียลับ ๆ อยู่แล้ว แผนการครั้งนี้สำเร็จเพราะน้ำขิงมาทันเห็นโต้งประคองรุ้งแก้วออกจากโรงพยาบาลพอดี รุ้งแก้วบอกให้แจ๊ครับผิดชอบลูกในท้องของเธอ แต่แจ๊คขอให้รุ้งแก้วร่วมมือกับเขาเพื่อแก้แค้นครอบครัวโต้งก่อน เพราะในอดีตพ่อของเขาถูก โต (ขมิ้น เชิญยิ้ม) พ่อของโต้งมาแย่งคนรักไป ถ้าการแก้แค้นสำเร็จเขายินดีที่จะรับผิดชอบรุ้งแก้วและลูกในท้อง รุ้งแก้วเชื่อเพราะรักแจ๊คมากและยังโดน แจ่มใส (ราตรี วิทวัส) แม่ที่ติดการพนันและเป็นลูกหนี้รายใหญ่ของเสี่ยจั๊ว คอยกำชับให้เธอคอยช่วยเหลือแจ๊คมิฉนั้นไม่มีบ้านจะอยู่ รุ้งแก้วจำเป็นต้องฝืนใจทำตามที่แจ๊คและเสี่ยจั๊วคอยบงการทุกอย่าง น้ำขิงเสียใจและโกรธโต้งมากเลยคิดที่จะล้มเลิกงานแต่งงาน เธอจึงไปปรับทุกข์กับ หมอเฟิร์น (ชมพูนุช ปิยธรรมชัย) เพื่อนสนิทที่เป็นสัตวแพทย์ ส่วนโต้งก็ให้ เต๋อ (วิชญ จารุจินดา) เพื่อนสนิทเจ้าของบริษัทค่ายเพลงและเป็นแฟนกับหมอเฟิร์น ช่วยเป็นสื่อกลางอธิบายให้น้ำขิงเข้าใจว่าตนกับรุ้งแก้วไม่ได้มีอะไรกัน แต่ก็ไม่สามารถช่วยได้เพราะน้ำขิงไม่ยอมรับฟัง สมหวังเห็นเจ้านายเครียดก็ไม่สบายใจจึงไปปรึกษา ข้าวเหนียว (สุนัขของน้ำขิง) และเรียกสุนัขเพื่อนบ้านมาประชุมด่วน เพื่อหาทางช่วยให้โต้งและน้ำขิงคืนดีกัน โดยมีสมาชิกสุนัขเข้าร่วมประชุมคือ ข้าวสวยสุนัขของผ่องพรรณ, ต้มยำสุนัขของ ปราชญ์ (เอกพัน บรรลือฤทธิ์) ตำรวจนักสืบประจำหมู่บ้าน และ จิ๊กโก๋สุนัขของ เปรื่อง (ไพโรจน์ สังวริบุตร) พ่อหม้ายลูกติด ที่แย่งกันจีบผ่องพรรณแข่งกับปราชญ์ชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร แก๊งสี่ขาวางแผนแกล้งป่วยไม่ยอมทานอาหาร หมอเฟิร์นแนะนำให้พาแก๊งสี่ขาไปพักผ่อนตากอากาศแล้วอาการก็จะดีขึ้น เพราะสุนัขทุกตัวป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ต้องรักษาด้วยการบำบัดทางจิตใจ ทุกคนจึงพร้อมใจกันพาสุนัขไปพักผ่อนโดยมีหมอเฟิร์นกับเต๋อไปด้วย แก๊งสี่ขาวางแผนให้โต้งกับน้ำขิงดีกัน โดยแอบหนีเข้าไปในป่าเพื่อให้ทั้งสองตามหา แต่เหตุการณ์กลับพลิกผันทำให้ น้องโทน (ด.ช.นครินทร์ สุขไพบูลย์) ลูกชายของเปรื่อง และ น้องพริ้มเพรา (ด.ญ.ธนันท์รัฐ ศรีหาจันทร์) ลูกสาวของผ่องพรรณหลงป่า เพราะถูกแจ๊คที่มาตามหาน้ำขิงหลอกให้พาไปหาน้ำขิง พอเจอเรื่องร้ายกลางป่าแจ๊คกลับทิ้งเด็ก ๆ แล้วหนีเอาตัวรอด พริ้มเพราเดินข้ามสะพานไม้ที่เก่าจนพลาดตกสะพาน แล้วไหลไปตามกระแสน้ำที่เชี่ยว โทนร้องเรียกให้คนช่วย!!!....สมหวังกับข้าวเหนียวเข้าช่วยพริ้มเพรา ที่เกาะติดอยู่กลางกระแสน้ำเอาไว้ได้ ในขณะที่โต้งและน้ำขิงช่วยกันตามหาสุนัขของตัวเอง น้ำขิงสะดุดล้มจนเจ็บข้อเท้าโต้งคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้ทั้งสองมีโอกาสปรับความเข้าใจกันเรื่องรุ้งแก้ว เสี่ยจั๊วและแจ๊คเจ็บใจมากเมื่อรู้ว่าโต้งกับน้ำขิงกลับมารักกันและไม่ยกเลิกการแต่งงาน จึงคิดแผนร้ายใช้รุ้งแก้วกับแจ่มใสเป็นเครื่องมือ โดยเอาเงินมาเป็นตัวล่อแจ่มใส ในวันที่โต้งยกขันหมากมาสู่ขอน้ำขิง แจ่มใสพารุ้งแก้วมาโวยวายว่า โต้งทำลูกสาวท้องแล้วไม่รับผิดชอบ และยังจะไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นอีก น้ำขิงได้ยินเสียงเอะอะจึงออกมาดู รุ้งแก้ววิ่งไปกอดน้ำขิงแล้วร้องไห้ฟูมฟาย และขอโต้งซึ่งเป็นพ่อของลูกในท้องคืน น้ำขิงจำรุ้งแก้วได้ว่าเป็นเพื่อนสมัยเรียนของเธอ และยังเป็นคนเดียวกับที่โต้งประคองไปโรงพยาบาล แจ่มใสแกล้งร้องไห้ฟูมฟายขอความเป็นธรรมจากคนที่มาร่วมงาน และต่อว่าน้ำขิงจนเธอรู้สึกอับอายและโกรธโต้งมาก เสี่ยจั๊วกับแจ๊คก็มารุมว่าโต้งเสีย ๆ หาย ๆ รุ้งแก้วยืนยันว่ามีความสัมพันธ์กับโต้งจริง และเธอเคยอยู่ที่บ้านโต้งด้วย เพื่อความบริสุทธิ์ใจโต้งพาทุกคนไปพิสูจน์ความจริงที่บ้าน เมื่อไปถึงบ้านโต้งถึงกับตกใจ เพราะข้าวของเครื่องใช้ของรุ้งแก้วอยู่ในห้องนอนของเขา โด่ง (ไพโรจน์ ใจสิงห์) พ่อของน้ำขิงโกรธมากจึงเข้าไปต่อยโต้ง และบอกว่าโต้งไม่ใช่ลูกผู้ชาย ทำให้งานแต่งระหว่างโต้งกับน้ำขิงถูกล้มกลางคัน แจ๊คตามจีบน้ำขิงและค่อยพูดให้ร้ายโต้งอยู่ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันรุ้งแก้วกับแจ่มใสก็ย้ายเข้ามาอยู่บ้านโต้ง โดยที่โต้งไม่อาจจะปฏิเสธได้ เพราะพ่อเป็นคนอนุญาตเพื่อเห็นแก่เด็กในท้อง เฟิร์นและเต๋อทนเห็นสถานการณ์ระหว่างเพื่อนรักทั้งสองคนต่อไปไม่ได้ จึงวางแผนให้ทั้งคู่มาทำงานร่วมกัน ซึ่งทั้งคู่ก็ยอมรับที่จะทำงานให้ โดยที่น้ำขิงตอบตกลงไปอย่างเสียไม่ได้ น้ำขิงร้องไห้เสียใจทุกวันที่เห็นภาพโต้งคอยเอาใจรุ้งแก้ว เมื่อทนไม่ไหวน้ำขิงตัดสินใจไปอยู่ที่รีสอร์ตของพ่อที่พัทยา โต้งมาหาน้ำขิงที่บ้านเพื่อปรึกษาเรื่องงาน แต่ไม่พบ ผ่องพิศ(กรุณา มอริส) ดีไซเนอร์น้องสาวผ่องพรรณ บอกว่าน้ำขิงไม่อยู่ไปพัทยา โต้งตัดสินใจตามไปทันที ส่วนแจ๊คก็มาหาน้ำขิงที่พัทยาและมาถึงก่อนโต้ง จึงชวนน้ำขิงไปทำบุญที่วัดเพื่อสร้างภาพว่าตนเป็นคนดี พอกลับออกมาจากวัดได้เจอกับโต้งที่มาวัดเช่นกัน แต่ทั้งคู่ต่างนิ่งเฉยใส่กัน โตมาหาโด่งเพื่อขอร้องให้น้ำขิงช่วยทำการประชาสัมพันธ์ตลาดน้ำ 4 ภาคของตน เนื่องจากระยะหลังนักท่องเที่ยวลดลงโดยมีโต้งคอยช่วย โด่งยอมช่วยเหลือในฐานะที่เป็นเพื่อนมานาน แจ๊คและเสี่ยจั๊วแอบได้ยินจึงคิดวางแผนร้ายกลั่นแกล้ง โดยใช้รุ้งแก้วกับแจ่มใสเป็นเครื่องมือเช่นเคย ตลาดน้ำ 4 ภาคเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นมากมาย ทั้งฉก ชิง วิ่งราว นักท่องเที่ยวไม่ได้รับความปลอดภัย ทำให้ธุรกิจของโตแย่ลงซึ่งก็เป็นไปตามแผนที่สองพ่อลูกวางไว้ โต้งกับน้ำขิงช่วยกันประชาสัมพันธ์ และจัดกิจกรรมต่าง ๆ เข้าช่วย จึงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ยิ่งสร้างความแค้นใจให้กับเสี่ยจั๊วและแจ๊คมากขึ้น ถึงแม้จะทำงานร่วมกันน้ำขิงยังปฏิเสธโต้งเรื่องที่จะกลับมารักกันเหมือนเดิม โต้งพยายามต่อรองทุกทางเพราะรักน้ำขิงมาก น้ำขิงจำใจยื่นขอเสนอให้คบกันแบบเพื่อน โต้งตอบตกลงอย่างไม่มีทางเลือก เพราะไม่อยากเสียน้ำขิงไป ทั้งที่หัวใจทั้งคู่ยังคงรักกัน พ่อของหมอเฟิร์นได้อาหารสัตว์มาเป็นสปอนเซอร์ในการจัดงานโรงพยาบาลสัตว์ โดยมีเต๋อรับหน้าที่ถ่ายโฆษณาให้กับลูกค้าแต่มีข้อแม้ว่า ต้องให้สมหวังกับข้าวเหนียวเป็นพรีเซนเตอร์ แต่เหตุการไม่คาดคิดเกิดขึ้นเมื่อสุนัขหายไป จากการวางแผนของสองพ่อลูกสุดแสบ เป็นเหตุให้เต๋อไม่สามารถถ่ายทำได้ทันตามกำหนด เต๋อเครียดมากเพราะถ้าผิดสัญญากับลูกค้า จะต้องถูกปรับเป็นเงินหลายล้านบาท เสี่ยจั๊วจึงแกล้งเสนอตัวเข้ามาที่จะช่วยจ่ายค่าปรับแทน แต่ต้องให้เขาเข้ามาถือหุ้นใหญ่ในค่ายเพลงของเต๋อ เมื่อไม่มีทางเลือกเต๋อจึงยอมถึงแม้โต้งจะไม่เห็นด้วยก็ตาม เสี่ยจั๊วมีโอกาสเจอกับ บุญกล้า (เทวัญ ไชยสมบูรณ์) เด็กหนุ่มบ้านนอกเกิดถูกใจ โดยมีบัวลอยและไข่หวานสองลูกน้องตัวแสบคอยจัดแจงให้ เพราะตั้งแต่เมียตายและจนแจ๊คโตเป็นหนุ่ม เสี่ยจั๊วยังไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนอีกเลย ทั้งสองต่างสงสัยว่าเสี่ยจั๊วจะชอบไม่ป่าเดียวกัน ทางด้านเสี่ยจั๊วก็เริ่มไม่มั่นใจในตัวเองเหมือนกัน โต้งไม่อนุญาตให้รุ้งแก้วและแจ่มใสมาอยู่ด้วยที่บ้าน เพราะไม่อยากให้น้ำขิงเข้าใจผิด แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะแผนการของสองแม่ลูก ที่มีเสี่ยจั๊วและแจ๊คได้วางแผนไว้ให้ รุ้งแก้วบอกให้แจ่มใสเลิกเล่นการพนัน เพราะไม่อยากใช้ชีวิตที่ต้องเป็นเครื่องมือของเสี่ยจั๊วอีก แจ่มใสบอกถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่าย รุ้งแก้วบอกเธอจะไปเป็นนักร้องในค่ายเพลงของเสี่ยจั๊ว และบอกแจ่มใสว่าเธอไม่ได้ท้อง พร้อมทั้งวางแผนทำเป็นแท้งลูกเพื่อให้แจ๊คหลงเชื่ออีก เสี่ยจั๊วใช้อำนาจในการเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของค่ายเพลง พาบุญกล้าไปฝากโต้งและเต๋อช่วยจัดการ ทำให้บุญกล้ากลายเป็นนักร้องดังให้ได้ และยังพ่วงรุ้งแก้วไปอีกคนตามความต้องการของแจ๊ค สมหวังมีส่วนช่วยให้บุญกล้ามีความมั่นใจและร้องเพลงได้ดีขึ้น แจ๊คเริ่มทำธุรกิจผิดกฎหมายโดยที่เสี่ยจั๊วไม่รู้ โดยบังคับให้รุ้งแก้วขายยาเสพติดให้กับคนในวงการ ยาเสพติดเริ่มแพร่กระจายไปในชุมชนหมู่บ้านมากขึ้น ปราชญ์และเปรื่องสงสัยบัวลอยกับไข่หวาน จึงวางแผนสืบราชการลับเพื่อหานายทุนค้ายาให้ได้ ทางการส่ง นีน่า (กัณจนาณัฏ พัฒนะสิริกุลชัย) มาช่วยปราชญ์และเปรื่องในคดีนี้ โต้งและเต๋อถูกตำรวจจับในคดีมียาเสพติดไว้ในครอบครอง ซึ่งเป็นแผนการที่แจ๊ควางไว้เพื่อต้องการแก้แค้นทั้งสองคน น้ำขิง หมอเฟิร์น และทุกคน รวมทั้งแก๊งสี่ขาต่างช่วยกันหาหลักฐานมาสู้คดี เพราะไม่เชื่อว่าโต้งและเต๋อมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด สมหวังกับข้าวเหนียวพร้อมพ้องเพื่อนสืบหาหลักฐานได้สำเร็จ จนตำรวจสามารถจับกุมบัวลอยกับไข่หวานและผู้ค้ารายใหญ่ได้ แจ๊คถูกตำรวจไล่ล่าจึงจับน้ำขิงเป็นตัวประกัน โต้งและทุกคนพยายามหาทางช่วยน้ำขิง สมหวังมีส่วนสำคัญที่เข้าช่วยน้ำขิงได้สำเร็จ แต่ถูกแจ๊คยิงบาดเจ็บสาหัส สมหวังเสียเลือดมากหมอเฟิร์นต้องการเลือดที่เป็นกรุ๊ปเดียวกันด่วน โต้ง น้ำขิง เต๋อ ต่างช่วยกันประกาศหาเลือดของสุนัขแต่หาไม่ได้ สุดท้ายสมหวังก็ได้เลือดของข้าวเหนียวมาช่วยได้ทันเวลา ความรักของสมหวังกับข้าวเหนียวสุดแสนจะแฮปปี้ แต่…ความรักของเจ้านายอย่างโต้งและน้ำขิง จะลงเอยกันด้วยดีเหมือนสุนัขตัวเองอย่างไร ? โปรดติดตามหาคำตอบและรับชมเรื่องราวที่สนุกสนานระหว่างคนกับสุนัขแสนรู้ใน ละครสมหวังสู้สู้ ได้ทุกวันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 18.45 น.ทางช่อง 7 สี ละครสมหวังสู้สู้ เริ่มตอนแรกวันพฤหัสบดีที่ 24 มี.ค. เป็นต้นไป

โคกอีเลิ้งหรรษา 2552

เรื่องย่อ : โคกอีเลิ้งหรรษา (2552/2009) โอมชนะ (วัชรบูล ลี้สุวรรณ) ขับรถมาตามถนนลูกรังของโคกอีเลิ้ง ฝ่าย ตะโพน (สุรชัย สมบัติเจริญ) กมล (รพีภัทร เอกพันธ์กุล) พร (รุ้งรดา เบญจมาธิกุล) และ ชาวบ้านก็ขับรถมาตามทางพร้อมกับร้องเพลงอย่างสนุกสนาน จู่ๆ ก็มีรถมอเตอร์ไซต์ตัวป่วน แซงรถของพวกโพนขึ้นไป โอมชนะเห็นเข้าก็หักรถหลบตกลงข้างทาง ฝ่ายรถของโพนก็หักหลบเช่นกัน ทั้งหมดถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ที่โรงพยาบาล โอมชนะซึ่งเจ็บหนักกว่าใครได้รักษาเป็นคนสุดท้าย เพราะ กำนันคง (สุเทพ ประยูรพิทักษ์) กับ เส้นใหญ่ (นันทศัย พิศลยบุตร) สองพ่อลูกแซงคิวให้ชาวบ้านที่เป็นฐานเสียงของตนก่อนโดยไม่ฟังคำค้านของ ผู้ใหญ่ถึก (เอกพัน บันลือฤทธิ์) ที่เห็นโอมเลือดไหลอาบหน้า เมื่อ พบู (กัญญา รัตนเพชร์) เย็บแผลให้โอม โอมร้องลั่นโรงพยาบาล ทั้งๆ ที่ การบูร (กัณจนาณัฏ พัฒนะสิริกุลชัย) ฉีดยาชาให้โอมแล้ว พบูกับการบูรจึงฉีดยานอนหลับให้โอม แล้วตอนหลังการบูรก็พบว่าตัวเองหยิบน้ำเกลือไปฉีดให้โอมแทนยาชา พบูอยู่เวรกลางคืน โอมห่อตัวด้วยผ้าห่มเพราะหนาวไปขอน้ำพบูกิน แต่พบูที่กลัวผีขึ้นสมอง นึกว่าโอมเป็นผี จึงตีด้วยเครื่องวัดความดันโลหิตแบบไม่ยั้ง เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ต้องรีบมาห้าม วันรุ่งขึ้น พบูหวิดเกือบขี่รถชนโอมที่ทางแยก โอมจึงเรียกพบูว่านางยมมะบาลแทนนางพยาบาล รัฐมนตรีแจ้งว่าต้องการมาเยี่ยมโคกอีเลิ้ง ทุกคนต่างวุ่นวายกับการต้อนรับรัฐมนตรี พรต้องสอนให้ ดช.จ๊อบ อ่านหนังสือให้ออก เรื่องมันคงไม่ยาก หากจ๊อบเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่..ขณะที่พรสอนหนังสือ กุมารทองก็เกิดเข้าร่างจ๊อบ กุมารทองในร่างจ๊อบสั่งให้พรปล่อยเด็กๆ กลับบ้าน พรไม่ยอม แต่ ครูดวงใจ (อ้อ ช่อมะดัน) เข้ามาบอกให้พรปล่อยเด็กๆ กลับบ้านตามคำขอของกุมารทองในร่างจ๊อบ พรจำต้องทำตามที่ครูดวงใจบอก พรกับกมลหาวิธีปราบกุมารทอง หลายวันต่อมา ขณะที่พรตรวจการบ้าน จ๊อบไม่ได้ทำการบ้านมา พรจะตีจ๊อบ แล้วกุมารทองก็มาเข้าจ๊อบอีก กุมารทองร้องห้ามไม่ให้พรตีจ๊อบ พรแกล้งสลบไปแล้วลุกขึ้นยืนตาขวาง พรตีกุมารทองในร่างจ๊อบ กุมารทองในร่างจ๊อบร้องโวยวาย สุดท้าย พรก็บอกว่า “ทำไมจะตีไม่ได้ ก็ข้านี่แหล่ะ แม่กุมารทอง ข้าอนุญาตให้ครูตีไอ้ลูกกุมารทองจอมขี้เกียจเองแหล่ะ” ตั้งแต่นั้นมา ดช.จ๊อบก็ไม่มีกุมารทองมาเข้าสิงอีกเลย วันที่รัฐมนตรีมา ทุกคนยืนรอรับที่หน้าโรงพยาบาล ภาพที่พบูเห็นบอกถึงความสามัคคีของคนในหมู่บ้านจริงๆ โดยเฉพาะทรงผมของผู้หญิงในหมู่บ้านตั้งแต่สาวรุ่นไปจนถึงสาวใหญ่ ทุกคนล้วนทำผมตีโป่งฟูฟ่อง ทรงยอดฮิตยอดถนัดของเจ๊น้อยช่างเสริมสวยคนเดียวของโคกอีเลิ้งนั่นเอง แสงแดดเริ่มร้อนขึ้นทุกที เสียงมอเตอร์ไซต์แล่นมาแต่ไกล กำนันคงส่งเสียงว่า“ท่านมาแล้วๆ” ทุกคนยืดตัวตรงเตรียมพร้อม มอเตอร์ไซต์วิ่งฝ่าฝุ่นตลบมาจอดตรงหน้ากำนันคง บุรุษไปรษณีย์นั่นเอง เขาส่งซองโทรเลขให้กำนันคง แล้วขี่มอเตอร์ไซต์ออกไป กำนันคงเปิดอ่าน แล้วเป็นลมไป โอมรับโทรเลขมาอ่านแล้วพูดกับทุกคนว่า “ท่านรัฐมนตรีเลื่อนการตรวจเยี่ยมออกไป อย่างไม่มีกำหนด” ชาวบ้านที่ยืนอยู่เริ่มทยอยล้มลงราวกับใบไม้ร่วงที่เกรียมแดด เมื่องานกาชาดจังหวัดมาถึง กำนันคงกับผู้ใหญ่ถึกตกลงจะเอาควายไปขายเป็นสินค้าโอท็อป โอมรีบห้ามและอธิบายเรื่องสินค้าโอท็อป ทุกคนตกลงเอาเนื้อเค็มไปขายเป็นสินค้าโอท็อป พบูกับพรต่างก็เป็นห่วงเพราะคิดว่าอีเผือกควายแสนรู้ของที่บ้านจะต้องถูกแปร รูปเป็นเนื้อเค็ม โคกอีเลิ้งได้รางวัลโอท็อปยอดเยี่ยม กำนันคงขึ้นไปรับรางวัลด้วยใบหน้าซีดเซียว สร้างความสงสัยให้ทุกคน กำนันคงบอกว่าคุณนายผู้ว่าจะไปดูงานทำเนื้อเค็มที่โคกอีเลิ้ง ทุกคนดีใจ แต่พอกำนันคงบอกว่าเนื้อเค็มที่เอามาขายนั้นครูกมลไปหาซื้อมาจากตลาดกลาง ทุกคนก็หน้าซีดตามกำนันคงไปโดยปริยาย ชาวโคกอีเลิ้งต้องหาทางไม่ให้คุณนายผู้ว่ามาดูการทำเนื้อเค็มได้ โอมกับกมลจับเจ้าแต้มแมวของพบูไปแห่นางแมวขอฝนเพื่อจะได้ทำการตากเนื้อเค็ม ไม่ได้คุณนายผู้ว่าก็จะได้ไม่มา พบูไม่พอใจจึงไปเอาเจ้าแต้มกลับบ้าน แต่ฝนเกิดตก กมลกับโอมดีใจที่ขอฝนสำเร็จ แต่แล้วการบูรก็บอกว่าเป็นฝนเทียม เพราะเมื่อวานโทรทัศน์ออกข่าวการทำฝนเทียม โอมกับกมลหน้าแตก เจ๊น้อย (กรุณา มอริส) ขอให้พบูประกวดนางสงกรานต์ พบูพาการบูรไปให้เจ๊น้อยส่งประกวดแทน การบูรปฏิบัติงานพยาบาลไปก็ต้องทำตัวเป็นนางงามไปด้วย พบูเห็นแล้วขัดตา ผู้ใหญ่ถึกรู้ว่าการบูรจะประกวดนางสงกรานต์ก็ห้าม เพราะไม่อยากให้ลูกสาวเสียใจที่ตกรอบแรก พบูจึงพา แก้ว (ธัญ ญรัศม์ จิราภัทร์ภากร) มาประกวด แก้วคว้ารางวัลชนะเลิศไปได้ เจ๊น้อยดีใจมาก คิดพาแก้วไปประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส พบูห้ามเจ๊น้อยไม่ให้พาแก้วไป เจ๊น้อยโกรธคิดว่าพบูอิจฉาแก้ว และแล้วเมื่อเจ๊น้อยกลับมาจากกองประกวดก็โวยวายใส่พบูที่ไม่ยอมบอกว่าแท้ จริงแล้วแก้วเป็นกระเทย กำนันคงเป็นไข้หวัด 2009 เมื่อกำนันคงหายดีแล้วก็ไปหาเสียงเลือกตั้งสส. แต่ปรากฏว่ามีแต่คนรังเกียจ เมื่อโนเอมี่ (พลอยมณี ศุภเวทย์เวหน) ดารานางแบบอินเตอร์กลับมาเยี่ยมบ้านที่โคกอีเลิ้ง กำนันคงก็วางแผนให้เส้นใหญ่ไปชวนโนเอมี่มาช่วยหาเสียง โนเอมี่ยินดีช่วย พบูไม่พอใจที่โนเอมี่กลับมาที่โคกอีเลิ้ง เพราะคิดว่าโนเอมี่ได้ดีแล้วกลับมาเยอะเย้ยเธอ ย้อนอดีตไปตอนที่พบูยังเป็นเด็ก ตอนนั้นโนเอมี่ เป็นแค่ยัยดำขี้กาที่เดินตามหลังก้นเธอเฉิบๆ แต่บัดนี้กลับได้เป็นดารานางแบบอินเตอร์ไปซะแล้ว โนเอมี่ บอกว่าที่เธอดังขึ้นมาเพราะเธอเปลี่ยนชื่อตามที่หมอดูบอก พบูกับเจ๊น้อยจึงเปลี่ยนชื่อตามที่โนเอมี่ แนะนำหลังจากนั้น เจ๊น้อยได้โชคทองจากฝาน้ำอัดลม ส่วนพบูได้โทรศัพท์มือถือจากซองบะหมี่ ชาวบ้านที่รู้ข่าวก็พากันเปลี่ยนชื่อจนปลัดโอมสับสนว่าใครชื่ออะไร นาโอมี่เริ่มเอาวัฒนธรรมในตัวเมืองเข้ามาทั้งแฟชั่นเสื้อผ้าสายเดี่ยวทรงผม ต่างๆ และล่าสุดคือโทรศัพท์มือถือ เส้นขายโทรศัพท์มือถือให้ชาวบ้านในระบบเงินผ่อน ชาวบ้านอยากมีไว้ใช้ก็ซื้อกันใหญ่ แม้กระทั่งบ้านอยู่ใกล้กันอย่าง โกแฉะ (แฉ่ง ช่อมะดัน) กับเจ๊น้อย เจ๊น้อยใช้โทรศัพท์มือถือโทรสั่งกาแฟอาโก อาโกขายของดีขึ้นนับตั้งแต่มีมือถือ ส่วนกำนันคงเมื่อไปหาเสียงกับโนเอมี่ ก็ถูกมองข้ามความสำคัญไป เพราะชาวบ้านต่างก็อยากเจอโนเอมี่ เมื่อถึงวันเลือกตั้ง ปรากฏว่ากำนันคงสอบตก ส่วนโกแฉะก็เริ่มเหงา เพราะทุกคนอยู่บ้านแล้วโทรสั่งกาแฟให้ไปส่งที่บ้าน อาโกจึงยกเลิกการขายกาแฟแบบเดลิเวอรี่ สิ่งที่ชาวโคกอีเลิ้งได้รับจากการใช้มือถือก็คือ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายให้เส้น และค่าโทรศัพท์ที่แพงหูฉี่ ปลัดโอมให้ทุกคนอยู่อย่างพอเพียงจะได้ไม่มีหนี้ ทุกคนเชื่อ ยกเว้นเจ๊น้อย วันหนึ่งมีโจรเข้ามาในหมู่บ้านแล้วเห็นเจ๊น้อยใช้โทรศัพท์มือถือและจำนาโอ มี่ได้ จึงเข้าไปจี้นาโอมี่กับเจ๊น้อย จนหมดตัว ปลัดโอมนำมาเตือนให้ทุกๆ คนในหมู่บ้านฟังและถือโอกาสให้ทุกคนกลับมาใช้ชื่อเดิมกัน เพราะขนาดเจ๊น้อยกับนาโอมี่เปลี่ยนชื่อแล้วก็ยังมีโจรมาจี้เลย ทุกคนเชื่อคำแนะนำของปลัดโอม กำพล (มณฑล ปริวัตร) เพื่อนของเส้นแนะนำให้คงกับเส้นเล่นแชร์ข้าวเปลือก ทั้งคู่ลงเล่นแชร์และได้เงินตอบแทนมากมาย เส้นไปอวดคนที่ตลาดเรื่องแชร์ข้าวเปลือก ชาวโคกอีเลิ้งต่างก็มาลงแชร์กัน รวมถึงเจ๊น้องกับอาโกแฉะด้วย โอมเตือนทุกคนแต่ไม่มีใครฟัง สุดท้ายทุกคนไม่เว้นแม้แต่เส้นกับคงถูกพลโกง กำนันคงเจ็บใจคิดมากจนเข้าโรงพยาบาล โอมแจ้งตำรวจนำกำลังจับกำพล กำพลมาดักจับพรกับพบูไปเป็นตัวประกัน กมลช่วยพรไว้ได้ กำพลไล่ตามไปจับพบูที่วิ่งหนีเข้าป่า กำพลยิงพบู แต่โอมกับเส้นใหญ่เอาตัวกำบังกระสุนปืนให้พบู ทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บ ผู้ใหญ่ถึกกับกำนันคงมาถึงที่เกิดเหตุพอดี จึงยิงกำพลเสียชีวิตก่อนที่กำพลจะฆ่าโอมกับเส้นใหญ่ โอมกับเส้นถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล พบูมาดูแลโอมด้วยความเป็นห่วง การบูรไม่สบายใจที่เส้นไม่ยอมฟื้น หมอมานะบอกว่าถ้าเส้นไม่ฟื้น เส้นก็จะเป็นเจ้าชายนิทราไปตลอดชีวิต การบูรร้องไห้เรียกเส้น เส้นฟื้นขึ้นมาเห็นการบูรร้องไห้ก็งง เส้นเห็นพบูพยาบาลโอมอย่างมีความสุขก็รู้ตัวว่าพบูไม่ได้รักตัวเอง จึงเศร้า การบูรมาปลอบเส้น เส้นถามว่าการบูรทำใจเรื่องโอมได้แล้วเหรอ การบูรบอกว่าการที่ได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข เราก็มีความสุขแล้วล่ะ เส้นคิดตาม เมื่อเห็นรอยยิ้มของพบู เส้นก็เห็นด้วยกับคำพูดของการบูร หลังผ่านเรื่องราวร้ายๆไปได้ โคกอีเลิ้งก็มีข่าวดี การบูรได้รับพระราชทานปริญญาบัตร การบูรดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเส้นใหญ่แอบชอบการบูร กำนันคงกับผู้ใหญ่ถึกมีลุ้นให้เส้นใหญ่กับการบูรรักกัน และเลิกทะเลาะกันไปโดยปริยาย ส่วนโอมแต่งงานกับพบู และพรแต่งงานกับกมล ด้วยความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวของคนในชุมชน โคกอีเลิ้งจึงกลายเป็นโคกอีเลิ้งหรรษาและสงบสุขตราบเท่าทุกวันนี้

รักข้ามรั้ว 2552

เรื่องย่อ : รักข้ามรั้ว (2552/2009) เกื้อ ได้รับมอบบ้านในหมู่บ้านริมแม่น้ำนครชัยศรี จากก้อยซึ่งเป็นพี่สาว โดยก้อยมีข้อแม้ว่าเกื้อต้องดูแลศรรัก สุนัขของเธอ และเธอจะจ่ายค่าเลี้ยงศรรักให้ เดือนละหมื่นห้า วันแรกที่เกื้อมาถึงบ้านพี่สาว ก็ถูกแม่พลอย ถูกเจ้าศรรัก และซอนย่า สุนัขของแม่พลอยตามกวด และถูกคนทั้งหมู่บ้านวิ่งไล่ตามเป็นพรวน จน พ.ต.ต. อมรศักดิ์ จับใส่กุญแจมือ เกื้อถูกปล่อยตัว เพราะแม่พลอยอ่านจดหมายในกล่องที่เขาทำตกไว้หน้าบ้าน และบอกทุกคนว่า เขาคือเกื้อ น้องชายพี่ก้อย เจ้าของบ้านหลังที่ติดกับเธอ และเป็นเจ้าของศรรัก เย็นวันหนึ่ง เกื้อกับพลอยตกใจที่เห็นคุณนายรัชนี ร้องไห้ โดยมีคุณโชติคอยปลอบใจ คุณนายรัชนีบอกซันนี่ สุนัขของเธอหายไป เข้าใจว่าเร้กเก้ ที่ชอบแกล้งสุนัขของเธอจะขโมยไป พลอยรีบกลับมาบ้าน และร้องไห้โฮ เมื่อศรรักกับซอนย่าไม่อยู่บ้าน ระหว่างที่ทุกคนพากันปลอบใจคุณรัชนีที่คิดถึงซันนี่มาก รุจน์หนุ่มหล่อก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเจ้าเร็คคอร์ดสุนัขแสนรู้ของเขา โชติบอกทุกคนว่ารุจน์เป็นลูกชายของเขา รุจน์ฝากโชติดูแลเร็คคอร์ดเพราะเขาต้องเก็บของย้ายมาอยู่เป็นเพื่อนโชติ โชติไม่เคยเลี้ยงสุนัขจึงปฏิเสธ พลอยรับอาสาดูแลเร็คคอร์ดให้ รุจน์ขอบใจพลอย เกื้ออดหมั่นไส้รุจน์กับพลอยไม่ได้ เกื้อ พลอย ตามด้วยคุณนายรัชนี วิภา คุณโชติ ย่องตามเข้ามาหยุดอยู่หน้าบ้านเร้กเก้ เร้กเก้เลี้ยงฉลองกับเพื่อนๆ ด้วยการเล่นเพลงร็อคดังสนั่นหวั่นไหว เร้กเก้บอกเพื่อน สบายใจที่เล่นดนตรีแล้วไม่มีเสียงหมาหอนรับ เกื้อ พลอย และทุกคนยิ่งมั่นใจ รุจน์ หนุ่มหล่อเดินเข้ามาพอดี ทุกคนหันมอง นิก เป้ พาคนรับซื้อสุนัขมา สุนัขทั้ง 3 ตัวกำลังถูกอุ้มขึ้นรถ ขณะที่พลอย รุจน์ เกื้อเดินมาถึง พลอยมองสุนัข 3 ตัว ที่ถูกอุ้มขึ้นรถอย่างสงสัย ศรรัก กับซอนย่า พอเห็นนายมาก็เห่าและดิ้น จนสีที่พ่นสุนัขไว้เปื้อนเนื้อตัวคนอุ้ม แม่พลอยจำสุนัขทั้ง 3 ตัวได้ จึงเอะอะว่าขโมย นิก กับ เป้ รีบหายไป หมอภัทรินดามาตรวจอาการของสุนัข 3 ตัวที่ถูกลักพาตัวไปอีกครั้ง เกื้อทำท่าจะจีบหมอดา แต่น้องส้มจุกก็มาพอดี ส้มจุกคิดว่าหมอดาคือแม่พลอย ที่อยู่ข้างบ้านเกื้อ จึงออกอาการหึง ดึงเกื้อมาต่อว่า ที่แกล้งบอกเธอว่า สาวข้างบ้านแก่ทึนทึก ปากมาก แม่พลอยได้ยินเข้าก็ฉุน น้องส้มจุกพาน้องหมาชื่อน้องเชอรี่มาเล่นกับศรรัก ศรรักฟัดน้องเชอรี่จนขนหลุดติดปาก ความตกใจทำให้เกื้อตะโกนว่า “ไอ้จุกไปงับเขาทำไม” น้องส้มจุกโกรธ ร้องไห้ที่ตนเองมีชื่อเหมือนหมา คุณนายรัชนีตามหาปลาทองหัววุ้นหรือน้องชมพู่ของเธอที่ซันนี่ซุ่มซ่ามทำโถปลา ตกแตก เกื้อพบศพน้องชมพู่นอนแอ้งแม้งอยู่หลังบ้าน ศรรักหรือเจ้าจุกกระดิกหางอวดนาย เกื้อรีบทำลายหลักฐานก่อนคุณนายรัชนีจะเอาเรื่อง เร็กเก้วางแผนกับนิก และเป้ว่าจะต้องหาเงินเพื่อซื้อกลองชุดใหม่ให้ได้ เพื่อเข้าแข่งขันร็อคชิงถ้วยเยาวชน นิกบอกนึกออกแล้ว เกื้อกลับจากที่ทำงาน พบเร็กเก้พานิกกับเป้ที่พันแผลทั้งตัวเข้ามา เรียกค่าเสียหายที่ถูกเจ้าจุกกัด หมอดามาหาแม่พลอยพอดี หมอดาขอดูแผล แต่นิกกับเป้ไม่ยอม วิ่งหนี เร็กเก้บอกถ้าเพื่อนเขาเป็นอะไร เกื้อเข้าคุกแน่ รุจน์กับเกื้ออาสาจะสืบเรื่องนี้เอง เกื้อ รุจน์ พลอย หมอดา ไปดักซุ่มที่บ้านเร็กเก้ นิกกับเป้เอาผ้าพันแผลออกเพราะร้อน หมอดาเอากล้องถ่ายไว้ พ.ต.ต.อมรศักดิ์ เข้ามาจับทั้งสี่คน นึกว่าเป็นขโมย เสียงเอะอะทำให้เร็กเก้ นิก เป้ วิ่งออกมาดู โดยไม่ได้พันแผล ทุกคนจึงได้เห็นกับตาว่าทั้งหมดเป็นแผนของเร้กเก้ เป้ นิก พ.ต.ต.อมรศักดิ์ พาน้องมินต์ น้องมายด์ มาฝากแม่พลอยเพราะคุณวิภามีธุระ ส่วนอมรศักดิ์ต้องไปติดต่องานที่อยุธยา เกื้อบอกเขากำลังจะไปที่นั้น เพราะมีธุระตอนเช้า อมรศักดิ์ติดรถเกื้อไป กลางดึกคืนนั้น ไฟดับทั้งหมู่บ้านมีเสียงกุกกักดังอยู่หน้าบ้าน ผู้ร้ายสองคนถือปืนเข้ามา พลอยเงื้อมไม้จะหวด แต่พลาด คนร้ายจับพลอย และน้องมินต์ น้องมายด์มัดไว้ ศรรักเข้ามาต่อสู้กับคนร้าย ซอนย่าออกวิ่งตามคนมาช่วย พ.ต.ต.อมรศักดิ์ลืมเอกสารไว้ที่บ้านจึงขอให้เกื้อพากลับไปเอา เกื้อขับรถเข้ามาพอดีกับซอนย่าวิ่งออกมาตามคนไปช่วย ซอนย่าวิ่งนำเกื้อกับอมรศักดิ์ไปจับโจร โจรถูกจับได้ทั้งหมด พลอยเก็บของเพื่อไปเมืองจันท์กับหมอดา รุจน์จะไปด้วย เกื้อหูผึ่ง เพราะเมืองจันท์นั้นพ่อกับแม่เขาอยู่ เกื้ออาสาขับรถให้จะได้ถือโอกาสกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ของเขา ทั้งหมดเดินทางไปเมืองจันทร์ เกื้อพาพลอยหลงป่า พลอยไม่โวยวายอย่างที่เกื้อคิด แต่กลับช่วยหาทางกลับ เกื้อเริ่มทึ่ง บอกว่าถ้าเป็นน้องส้มจุกคงกรีดจนเสือเผ่นหมดป่าแล้ว แก๊งค์ลักพาตัวเด็กมาลักตัวน้องมินต์ น้องมายด์ไป พลอยกับเกื้อช่วยกันตามหา ในที่สุดก็เจอและจับแก๊งค์ลักเด็กส่งตำรวจได้ในที่สุด หลังผ่านเรื่องราวต่างๆ มาด้วยกัน เกื้อกับพลอยก็เริ่มผูกพันกันมากขึ้น พลอยได้รับจดหมายจากทางบ้านว่าแม่ป่วย เกื้อรับอาสาไปส่ง ที่บ้านพลอย ทองคำพ่อของพลอยไม่ค่อยชอบเกื้อ เพราะต้องการให้พลอยแต่งงานกับคุณภู ลูกชายพ่อเลี้ยงแสนคำ แต่จันทร์ทิพย์แม่ของพลอยนั้นชอบใจเกื้อ พัฒน์พี่ชายพลอยซึ่งเคยเป็นแฟนกับก้อยพี่สาวเกื้อก็เอาใจช่วยเกื้ออีกแรง ทองคำไล่เกื้อกลับกรุงเทพ พลอยเห็นใจเกื้อจึงกลับมากับเกื้อ หมอดากับรุจน์ และคนอื่นๆ วางแผนให้เกื้อกับพลอยรักกันโดยให้ศรรักแกล้งป่วย แต่แผนการไม่เป็นผลสำเร็จ เพราะเกื้อกับพลอยยังคงเป็นคู่กัดกันอยู่เหมือนเดิม ทองคำย้ายมาอยู่กันท่าเกื้อที่บ้านพลอย ทองคำทำทุกทางเพื่อให้เกื้อตัดใจจากพลอย แต่แล้วทองคำก็พบว่าพ่อเกื้อเป็นเพื่อนสนิทของตน ทั้งคู่ตัดสินใจให้ลูกชาย และลูกสาวของตนแต่งงานกัน แต่พลอยปฏิเสธ และประกาศว่าจะไม่แต่งงานกับเกื้อ ทุกคนพากันงงไม่รู้สาเหตุ หมอดา รุจน์และคนอื่นๆ พยายามสืบหาสาเหตุที่แม่พลอยไม่ยอมแต่งงานกับเกื้อ ซอนย่าได้ฟังพลอยบ่นกับตัวเองว่าไม่อยากแต่งงานกับเกื้อเพราะเกื้อไม่เคย บอกว่ารักเธอ ซอนย่ารีบไปบอกศรรัก ศรรักกับซอนย่าพยายามบอกเกื้อเรื่องพลอย แต่ไม่รู้จะสื่อสารอย่างไรเพื่อเกื้อเข้าใจ ศรรักเกิดความคิดสื่อสารให้เกื้อรู้เรื่องพลอยโดยเปิดเพลงให้เกื้อฟัง เกื้อได้ฟังเพลงแล้วคิดออก เกื้อรีบไปบอกรักพลอย แต่โอกาสที่จะอยู่กันสองต่อสองนั้นไม่มีเลย สุดท้ายเกื้อก็ไม่ได้บอกรักแม่พลอย ทองคำหมั่นเขี้ยวเกื้อ จึงยื่นข้อเสนอไปว่า ถ้าเกื้อไม่สามารถบอกรักพลอยก่อนพระอาทิตย์ตกดินของวันรุ่งขึ้นก็ไม่ต้องมา แต่งงานกับพลอย เกื้อร้อนใจแต่หาตัวพลอยไม่เจอ เกื้อเหนื่อยจนเผลอหลับไป ตอนเช้าภพเอาจดหมายของพลอยมาให้ เกื้ออ่านแล้วได้รู้ว่าพลอยกลับเชียงรายไปแล้ว เกื้อขับรถตามไปบอกรักพลอย แต่ถูกอมรศักดิ์เรียกเขียนใบสั่งซะก่อนระหว่างทาง เกื้อมองดูเวลาสายมากแล้ว เสียงของทองคำยังดังก้องหูเกื้อ ถ้าเกื้อบอกรักพลอยไม่ทันพระอาทิตย์ตกดินก็จะไม่ได้แต่งงานกับพลอย เกื้อขับรถอย่างร้อนรนจนรถเกือบพลิกคว่ำ เกื้อออกตามหาพลอยตามสถานที่ที่เขาเคยไปกับพลอยเมื่อครั้งมาเยี่ยมบ้านพลอย เกื้อหาพลอยจนเหนื่อยล้า พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าลงทุกทีทุกที ในที่สุดเกื้อก็ตัดสินใจรวบรวมกำลังที่เหลืออยู่ตะโกนบอกรักพลอยจากเนินผา สูง เสียงตะโกนของเกื้อดังแว่วผ่านมา ศรรักกับซอนย่าได้ยินเสียงเกื้ออย่างชัดเจน ศรรักกับซอนย่ารีบวิ่งไปตามเสียงเพื่อไปหาเกื้อ เมื่อเกื้อเห็นศรรักกับซอนย่า เกื้อดีใจ ซอนย่ากับศรรักรีบพาเกื้อไปพบพลอย ที่นั่นเกื้อได้สารภาพรักกับพลอย ทั้งคู่โผเข้ากอดกันด้วยความรัก ศรรักกับซอนย่าดีใจกับความรักที่สุขสมหวังของเจ้านายของตน

ใจสู้มุ่งสู่ฝัน 2551

เรื่องย่อ : ใจสู้มุ่งสู่ฝัน (2551/2008) เสียง เชียร์กระหึ่มกึกก้องไปทั่วสนามกีฬาเซปักตะกร้อ ทุกคนต่างก็มารอดูลูกตบล้อเกวียนของเตชิน และหนึ่งในนั้นก็มีโค้ชนำชัย ซึ่งเป็นโค้ชทีมชาติได้มาดูด้วยเพื่อมาคัดเลือกนักกีฬาเข้าร่วมทีมชาติ การแข่งขันของคู่นี้ดำเนินไปอย่างดุเดือดทั้งลีลาและชั้นเชิงสูสีกันมากแต้ม ผลัดกันนำผลัดกันตาม จนคนดูและคนเล่นหายใจหายคอแทบไม่ทันและสิ่งที่ทุกคนในสนามกำลังรอคอยอยู่ นั้น ก็คือ ลูกตบล้อเกวียน เตชินกระโดดหมุนตัวกลางอากาศคล้ายกับกงล้อที่กำลังหมุน ลูกตะกร้อกระทบเท้าของเตชินและพุ่งตรงไปยังฝ่ายตรงข้าม แต่ลูกตะกร้อกลับพุ่งกลับมายังฝ่ายของเตชินอย่างรวดเร็วด้วยลูกตบซันแบ็กของ ประกาศิต

ผอ.ชาญวิทย์ เรียกครูพละทุกคนมาประชุมเรื่องการคัดตัวนักกีฬาไปร่วมแข่งขันกีฬามัธยมแห่ง ชาติซึ่งจะมีขึ้นในปลายปีนี้ ผอ.ชาญวิทย์ต้องการเหรียญทองมากที่สุด โดยเฉพาะกีฬาเทนนิสซึ่งอดีตโรงเรียนนี้เคยเป็นแชมป์สี่ปีซ้อนแต่หลังจากครู อำนวยถูกดึงตัวให้ไปเป็นโค้ชกับโรงเรียนคู่แข่งตั้งแต่นั้นมา โรงเรียนนี้ก็ไม่เคยได้รับเหรียญใดๆ อีกเลย ความหวังนี้จึงตกมาอยู่ที่ครูสอนเทนนิสคนใหม่ชื่อครูเปียโน เธอหนักใจที่ ผอ.คาดหวังกับเธอไว้สูงมากถึงแม้เธอจะเคยเป็นแชมป์เยาวชนมาก่อนก็ตาม แต่การที่เปียโนมาเป็นครูพละที่นี่ก็เพราะความจำเป็นบางอย่าง นั่นก็คือเธอต้องการใบรับรองว่าเธอเป็นครูพละเพื่อที่จะไปยื่นต่อกองประกวด นางสาวไทย ซึ่งนี่คือความฝันของเธอตั้งแต่วัยเยาว์ เรื่องนี้เป็นความลับมีเพียงแม่และพ่อของเธอเท่านั้นที่รู้ เพราะแม่เธอเป็นคนฝากเธอเข้าทำงานที่โรงเรียนนี้เอง

เตชิน รู้สึกว่าโรงเรียนนี้เน้นไปทางกีฬาฝรั่ง เขาจึงเสนอกีฬาเซปักตะกร้อซึ่งเป็นกีฬาไทยๆ ขึ้นมาเพื่อให้เด็กรุ่นใหม่รู้จักกีฬาของไทยที่นับวันก็จะถูกกลืนหายไปกับ สังคมตะวันตก แต่ทุกคนเห็นว่าเป็นเรื่องตลกโดยเฉพาะ ครูสมพร ซึ่งเป็นครูสอนฟุตบอลที่เห็นว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะนำเหรียญทองหรือแม้กระทั่ง เหรียญทองแดงมาให้กับโรงเรียน เพราะเด็กที่นี่ไม่มีพื้นฐานกีฬาประเภทนี้เลย และที่สำคัญโรงเรียนเอกชนที่มีแต่ลูกคนรวยๆ เรียนกันคงไม่มีใครอยากเตะตะกร้อ เพราะทุกอย่างต้องดูอินเตอร์ แต่เตชินก็ยังยืนยันว่าจะสร้างทีมเซปัคตะกร้อขึ้นมาและพร้อมที่จะเอาตำแหน่ง ของตัวเองเป็นประกัน ถ้าเขาไม่สามารถนำชัยชนะมาได้ ผู้อำนวยการเห็นว่าเตชินมีความมุ่งมั่นและเห็นว่าเตชินเองก็เป็นอดีตนักกีฬา ตะกร้อดาวรุ่งที่มีชื่อเสียงมาก่อน จึงอนุญาตให้เตชินจัดทีมนักกีฬาตะกร้อขึ้นมา แต่พอเสร็จการประชุมผู้อำนวยการก็สร้างความกดดันกับเตชิน โดยเน้นว่าห้ามให้เขาเสียหน้าเป็นอันขาด

ในวันรับสมัครนักกีฬา มีเด็กไม่กี่คนที่เข้ามาร่วมชมตะกร้อและเด็กแต่ละคนไม่มีความสามารถพอจะเป็น นักกีฬาได้เลย ปัญหาอีกอย่างนั่นก็คือ สนามกีฬา สำหรับฝึกซ้อมไม่มีเป็นของตัวเองเพราะเป็นชมรมที่เกิดขึ้นกะทันหัน

ลุงหมอกซึ่งเป็นภารโรงรู้สึกสงสารเตชินจึงหาที่ฝึกซ้อมให้ นั่นก็คือลานจอดรถที่ติดกับสนามเทนนิสเอาไว้เป็นที่เล่นชั่วคราวไปก่อน โดยลุงหมอกนำปูนขาวมาโรยตีเส้นและเอาเน็ตมาขึงกับเสาไฟฟ้าแค่นี้ก็เป็นสนาม ตะกร้อได้แล้ว เด็กๆ ในชมรมพากันลาออกเพราะเห็นความไม่พร้อมของชมรมแต่เหลือเพียง โฟกัสคนเดียวที่มีศักยภาพด้านกีฬาต่ำสุดแต่มีความตั้งใจจริงยังอยู่

ชมรมเทนนิสซึ่งอยู่ข้างๆ มีเปียโนเป็นครูสอนก็มีปัญหาเหมือนกันเพราะเด็กๆ มาสมัครเยอะเกินไป โดยเฉพาะวัยรุ่นชายที่ไม่ได้ตั้งใจมาเป็นนักกีฬาแต่จุดประสงค์หลักก็เพื่อ เข้ามาจีบสาวในชมรมที่ขึ้นชื่อว่าสวยทั้งครู สวยทั้งนักเรียน เด็กสาวหลายคนล้วนเป็นลูกคุณหนูไฮโซหน้าตาดีๆ ทั้งนั้น โดยเฉพาะ น้ำค้าง ไข่มุก และสีรุ้ง ซึ่งเป็นดาวของโรงเรียนนี้ ชมรมเทนนิสจึงได้ฉายาว่า ชมรมรวมดาว

ในชมรม สีรุ้ง และ ไข่มุก เป็นนักกีฬาเทนนิสซึ่งทั้งคู่ก็เก่งไม่แพ้กัน จึงเป็นสาเหตุให้ทั้งสองสาวต้องชิงดำชิงแดงกันเป็นที่หนึ่งของครูสาว เพื่อจะได้เป็นตัวแทนไปแข่งขัน ส่วน น้ำค้าง เป็นฝ่ายสันธนาการของชมรมมีหน้าที่คอยบริการน้ำท่าให้เพื่อนๆ

กลุ่มของนาย ฟีม และ บอส นักเรียนชั้น ม.4 ทั้งคู่เป็นคู่หูที่แสบพอๆ กัน พวกเขาสร้างความวุ่นวายให้กับชมรมเทนนิสอย่างมาก เพราะเอาแต่แซวสาว จนพวกเธอไม่มีสมาธิในการซ้อม เปียโนจึงตัดปัญหาโดยการไล่นักเรียนชายออจากชมรมจนหมดให้เหลือเพียงนักเรียน หญิงเท่านั้น

ถึงไม่ได้อยู่ชมรมเดียวกัน แต่ได้ใกล้ชิดกันก็ยังดี บอส จึงชวน ฟีม มาสมัครเป็นนักกีฬาตะกร้อ เตชิน รู้ทันความคิดของสองคนนี้จึงจับมาฝึกอย่างหนักเพื่อไม่ให้มีเวลาแซวพวกสาวๆ อีก

แต่ปัญหายังไม่จบ จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ไม่รู้ แต่ลูกกลมๆ ของทั้งสองฝ่ายก็มักจะกระดอนข้ามมาอยู่เสมอ จึงทำให้เกิดการปะทะคารมของทั้งสองชมรมขึ้นบ่อยๆ โดยเฉพาะ เปียโน กับ เตชิน ซึ่งต้องคอยห้ามนักเรียนทั้งสองฝ่าย สุดท้ายครูทั้งสองกลับทะเลาะกันเอง ทำให้คนทั้งคู่กลายเป็นคู่กัดกัน ในสายตาของเตชิน เปียโน ไม่เหมาะกับการสอนพละอีกต่างหาก เธอจะใส่ชุดสวยงามและรองเท้าส้นสูงตลอดเวลาไม่ตั้งใจสอน ดีแต่แต่งตัวสวยไปวันๆ เขาจึงพูดกับเธอตรงๆ ว่า ถ้าทำตัวเหลาะแหละแบบนี้อย่ามาสอนให้เสียเวลาเลย ไปประกวดนางงามไปเล่นละครหรือไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์มากกว่านี้น่าจะดี กว่า เพราะไม่อย่างนั้นเด็กจะไม่ให้ความเคารพและนับถือ เปียโน โกรธจัด ด้วยความที่เธอเป็นคนที่ไม่เคยยอมใครจึงท้าพนัน ว่าในการนำนักกีฬาไปแข่งครั้งนี้ถ้าใครแพ้กลับมามือเปล่า คนนั้นจะต้องลาออกและเธอจะพิสูจน์ให้เห็นว่า สวยๆ อย่างเธอนี่แหละจะนำชัยชนะมาให้โรงเรียน เตชิน รับคำท้าทันที

ไข่มุก หัวโจก ของชมรมเทนนิส ชวนเพื่อนร่วมกันแอนตี้ครูเปียโน โดยไม่ให้ความร่วมมือในการฝึกซ้อม เปียโน เริ่มเข้าใจในคำพูดเตือนสติของเตชินและในใจของเปียโนก็แอบขอบคุณเตชินอยู่ ลึกๆ แต่ก็อดโกรธไม่ได้ที่โดนเตชินดูถูก เธอสัญญากับตัวเองว่าตั้งแต่นี้เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่

ส่วนพ่อของทั้งสองเจอหน้ากันทีไรก็ต้องแขวะใส่กันตลอด ทั้งที่เมื่อก่อนเคยเป็นเพื่อนรักกันแท้ๆ ธีระนาถ เคยรับราชการเป็นครูแต่ตอนนี้เกษียรแล้ว เขาเปิดชมรมดนตรีไทยที่บ้านเพื่อให้เด็กๆ และคนทั่วไปในชุมชนมาเรียนกัน ธีระนาถ พ่อของเตชินมักจะพูด แซว ทรงผมเอลวิสของส่ง ธรรมทัศ ที่ไม่เข้ากับหน้าแป๊ะยิ้มเอาเสียเลย ส่วนธรรมทัศเองก็มักจะพูดกระทบกระทั่งเรื่องความเชยของธีระนาถทั้งเล่นดนตรี ไทย ทั้งการแต่งตัว แต่ฝีปากสู้ธีระนาถไม่ได้ก็มักใช้ไม้ตายโดยการทวงเงินค่าเช่าที่ แล้วรีบเดินจากไป แต่ลึกๆ แล้วสาเหตุของการไม่ถูกกันนั่นก็คือ สมัยที่ทั้งคู่หนุ่มๆ เคยรักผู้หญิงคนเดียวกัน นั่นก็คือ แม่ของ เปียโน แต่สุดท้ายคนที่ได้ครอบครองเฉิดโฉม คือ ธรรมทัศ เพราะฐานะที่ร่ำรวยจึงทำให้ผู้ใหญ่ของเฉิดโฉมยกเธอให้กับเขา แต่ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแล้วก็ตาม ธรรมทัศก็ยังรู้สึกหึงๆ และไม่ไว้ใจธีระนาถตลอดเวลาเพราะรู้ดีว่าหัวใจของเฉิดโฉมนั้นเคยมีธีระนาถ นั่งอยู่ในห้องหัวใจ

เปียโน เปลี่ยนตัวเองไปเป็นคนละคนจนทุกคนไม่เชื่อสายตา เธอดูจริงจังมากขึ้น ไม่เหยาะแหยะเหมือนเมื่อก่อน ทั้งการแต่งตัว ก็ดูเปลี่ยนไปจน เตชิน ตกใจ การแข่งเทนนิสประเภทคู่ของสโมสรที่เปียโนจะพาเด็กๆ ไปลับฝีมือใกล้เข้ามา แต่ไข่มุกและสีรุ้งไม่เชื่อฟังการสอนของเปียโนเลย ถึงเธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้ว แต่ภาพเก่าๆ ของเธอก็ยังอยู่ในหัวของเด็กๆ เพื่อเป็นการสั่งสอน เปียโนเลยท้าแข่งกับไข่มุก ซึ่งเป็นหัวโจก ถ้าเปียโนชนะ ไข่มุกต้องยอมเชื่อฟังเธอทุกอย่าง แต่ถ้าเปียโนแพ้ ไข่มุกอยากทำอะไรก็เชิญตามสบาย ข่าวนี้ดังไปทั่วโรงเรียน ในวันแข่งขันทั้งครู และนักเรียนมารอลุ้นจนล้นขอบสนาม ผลปรากฏว่า เปียโน ชนะขาด

เตชิน พบว่า บอส มีลูกเตะที่หนักหน่วงจึงวางตัวให้ไปอยู่ตำแหน่งเสิร์ฟ แต่ต้องปรับเรื่องการใช้แรงและการกำหนดทิศทางของลูก ส่วนฟีมที่อยากเป็นตัวตบแต่กลับได้เป็นตัวชงทำให้เขาไม่พอใจเท่าไหร่ ส่วนโฟกัสต้องคอยเก็บลูก แต่ระหว่างที่ว่างก็แอบเดาะลูกคนเดียวจนเตชินเห็นแววเลยเอามาเป็นตัวสำรอง สำหรับตัวตบเขายังหาไม่ได้

ผอ.ชาญวิทย์ ตามตัววิทยา ลูกชายคนเดียวของเขาให้กลับมาช่วยบริหารโรงเรียน ทำให้เขาได้พบกับครูเปียโน เขาถึงกับตะลึงในความงาม เขาพยายามตามจีบเปียโนจนดูเหมือนทั้งสองคนเป็นแฟนกัน เพราะขณะที่เปียโนซ้อมกีฬาให้เด็กๆ วิทยาก็ไปนั่งดูที่ขอบสนามอยู่เสมอ แต่เปียโนก็ไม่ได้มีท่าทางว่าจะชอบเขาเลย มีเพียงวิทยาเท่านั้นที่คิดไปคนเดียว

ระหว่างที่เตชินกำลังฝึกเด็กๆ เล่นตะกร้อ เขาสังเกตเห็นนักเรียนชายคนหนึ่งมายืนดูพวกเขาซ้อมอยู่เสมอ แต่ก็อยู่แค่พักเดียวแล้วก็กลับไป

เด่นดนัย เป็นเด็กยากจนแต่เรียนดี มีโอกาสเรียนที่นี่เพราะได้รับทุนจาก ผอ.ชาญวิทย์ ตกเย็นต้องไปช่วย ชื่น ซึ่งเป็นแม่ ขายของชำในตลาด ส่วนพ่อตายตั้งแต่เขายังเด็ก เด่นดนัย มีนิสัยเก็บตัวเงียบไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่เรื่องเรียนเขาเป็นที่หนึ่งทุกครั้ง เขาชอบมาดูเพื่อนๆ ซ้อมตะกร้อแต่ไม่อยากเข้าชมรมเพราะต้องรีบกลับบ้านไปช่วยแม่ขายของ เตชินลองให้เขาเล่นให้ดูปรากฏว่าเด็กคนนี้แหละคือตัวตบที่เขาตามหา เตชินจึงไปขออนุญาตกับแม่ของเขาและสัญญาว่าซ้อมเสร็จเมื่อไหร่จะรีบไปส่งที่ บ้านทันที ชื่นดีใจมากที่ลูกตัวเองจะได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ วัยเดียวกันบ้าง เพราะสงสารลูกที่ต้องรีบกลับมาช่วยแม่ทำงานจนเด่นดนัยเกือบจะไม่มีเวลาของ ความเป็นวัยรุ่นอีกเลย

เตชิน ฝึกซ้อมเด็กๆ จนมีความพร้อม ครูทุกคนในโรงเรียนไม่อยากจะเชื่อว่าวันนี้ชมรมอนาถากลายเป็นชมรมตะกร้อขึ้น มาจนได้ เตชินสามารถนำทีมชนะการแข่งขันนัดกระชับมิตรระหว่างโรงเรียนด้วยลูกตบล้อ เกวียนที่ฝึกให้กับเด่นดนัย ส่วนเปียโนก็ใช่ย่อยเพราะเธอสามารถนำทีมเทนนิส เอาชนะสโมสรต่างๆ ได้เช่นกันจึงทำให้เธอเป็นที่ยอมรับของทั้งสองสาวและคนในโรงเรียนมากยิ่ง ขึ้น ทำให้ ผอ.ชาญวิทย์ เอ่ยปากชมเชย

ความสัมพันธ์ของเปียโนกับเตชินก่อตัวขึ้นเพราะเตชินไปเชียร์การแข่งขัน เทนนิสทุกแม็ตพร้อมกับเด็กๆ ในชมรม ทำให้วิทยารู้สึกหมั่นไส้ที่คนทั้งคู่สนิทสนมกัน

กลุ่มของ ไข่มุก สีรุ้ง จากที่ไม่ชอบ บอส กับ ฟีม เท่าไหร่เพราะเห็นว่าเป็นคนที่เกเรไปวันๆ แต่ตอนนี้ทั้งสองกลับมีความตั้งใจมุ่งมั่นฝึกซ้อมทำให้พวกเธอชื่นชมในตัวพวก เขา ถึงบอส กับฟีม จะเริ่มจริงจังกับการเล่นกีฬาจนนิสัยเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่รู้จักแบ่งเวลาจึงทำให้การเรียนเขาตกต่ำกว่าเดิม พ่อแม่ของพวกเขาเลยสั่งให้ออกจากชมรมตะกร้อ ทั้งสองขอโอกาสกับผู้ปกครองอีกครั้งว่าจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเพราะการเล่น ตะกร้อมันคือส่วนหนึ่งของพวกเขาไปแล้ว แม่ของบอสยื่นเงื่อนไข ถ้าการเรียนยังคงตกต่ำลงไปอีกคราวนี้ต้องออกจากชมรม ไข่มุก และ สีรุ้ง เห็นใจบอสกับฟีมมากจึงช่วยกันติวหนังสือให้กับพวกผู้ชาย จนกลายเป็นความสนิทสนม

ส่วนเด่นดนัย รู้สึกเป็นห่วงชื่นที่ต้องทำงานหนักอยู่คนเดียวจนช่วงนี้เริ่มป่วย หลายครั้งที่เขาอยากออกจากโรงเรียนเพื่อไปช่วยแม่ทำงานหาเงิน ไม่อยากให้แม่ลำบาก เด่นดนัยเก็บความทุกข์นี้ไว้คนเดียว มีเพียงน้ำค้างเท่านั้นที่สามารถเป็นเพื่อนระบายความทุกข์ในใจของเขาได้

วิทยา ต้องการหักหน้าเตชิน โดยการนำทีมของโค้ช ประกาศิต คู่ปรับเก่าของเตชินเข้ามาแข่งถึงโรงเรียน การแข่งตะกร้อกับทีมของประกาศิตมีเวลาเตรียมตัวไม่มากนัก เขาจึงฝึกเด็กหนักขึ้นกว่าเดิมจนร่างกายแต่ละคนล้าไปหมด คนมาดูการแข่งขันครั้งนี้จนล้นสนาม ธีระนาถขนดนตรีไทยไปชุดใหญ่ทั้งฆ้องวง กลองยาว ไปนั่งเชียร์กันถึงขอบสนามสร้างสีสันให้กับการแข่งขันเป็นอย่างมาก การแข่งขันครั้งนี้ดุเด็ดเผ็ดมัน แต่ไม้ตายลูกเตะล้อเกวียนของเตชินก็กลับพ่ายแพ้ให้แก่ลูกตบซันแบ็คของฝ่าย ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง มันทำให้เหมือนฝันร้ายของเขากลับมาอีกครั้ง

วิทยา สะใจในความพ่ายแพ้ครั้งนี้ของเตชินมาก ส่วน ผอ.ชาญวิทย์ ให้กำลังใจเตชินแต่สำหรับเตชิน เขารู้สึกมืดแปดด้านเพราะไม่รู้จะเอาชนะลูกตบซันแบ็คอย่างไร เตชินหมดกำลังใจที่จะต่อสู้ ธีระนาถ พ่อของเตชินจึงเตือนสติให้สู้กับความกลัวที่มีต่อลูกตบซันแบ็กหากเตชินยัง หนีต่อไป ก็เท่ากับว่าต้องแพ้ไปตลอดชีวิต ทุกครั้งที่เตชินมีปัญหาเขามักจะระบายออกด้วยการเล่นดนตรีไทย เขาเล่นดนตรีได้เกือบทุกชนิด นั่นก็เป็นเพราะว่าธีระนาถพ่อของเขาได้ปลูกฝังและฝึกซ้อมให้กับเขาตั้งแต่ เด็กๆ ถึงแม้ว่าช่วงแรกๆ เตชิน จะต่อต้านดนตรีอยู่บ้างเพราะเขาชอบเล่นกีฬามากกว่า จนวันหนึ่งเตชินค้นพบว่าดนตรีที่พ่อของเขา พล่ามสอนให้นั้นมันมีประโยชน์กับเขามากเสียงดนตรีที่ฟังแล้วซาบซึ้งใจอย่าง ขลุ่ยหรือซอก็ทำให้เขามีสมาธิ ส่วนฆ้อง ระนาดและกลองเขาใช้ระบายอารมณ์เมื่อยามที่หงุดหงิดหรือเครียดเตชินจะตีดนตรี พวกนี้จากทำนองที่เล่าร้อนดุดัน จนค่อยๆ อ่อนลงและแผ่วเบา และสติกับสมาธิก็กลับมาเหมือนเดิม ธีระนาถบอกกับเตชินอยู่เสมอว่า ถ้าหากเรามีดนตรีในหัวใจ ชีวิตก็จะเบิกบานเพราะดนตรีก็คือศิลปะแขนงหนึ่งที่จะทำให้เรามีความสุขและ อิ่มเอมกับเสียงของมัน

เตชิน รวบรวมสติแล้วคิดวิธีแก้ลูกตบชันแบ็กแต่ก็คิดไม่ออก วันหนึ่งลุงหมอกแนะนำเทคนิคแก่เตชินว่าต้องทำยังไงถึงสามารถแก้ลูกตบซันแบ็ก ได้ เตชินไม่อยากจะเชื่อคำของภารโรงแก่ๆ แต่เมื่อทำตามคำแนะนำของลุงหมอก ปรากฎว่าสามารถแก้ลูกตบซันแบ็กได้จริงๆ เตชินจึงรีบกลับไปหาลุงหมอกที่ห้องพักแต่ลุงหมอกไม่อยู่ เตชินพบว่าในห้องลุงหมอกมีรูปลุงหมอกสมัยหนุ่มๆ ใส่ชุดนักกีฬาทีมชาติและถ้วยรางวัลเต็มไปหมดเตชินจึงรู้ความจริงว่าลุงหมอก เป็นนักตะกร้อในตำนานที่เขาชื่นชมตั้งแต่เด็กๆ แต่เกิดอุบัติเหตุระหว่างการเล่นจนเอ็นข้อเท้าขาดทำให้เขาไม่สามารถเล่น ตะกร้อได้อีกเลย

เปียโนเองก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้เช่นกัน เมื่อทีมของเธอพบกับทีมของ ครูอำนวย ด้วยลูกตบเอสพิฆาต แต่เปียโนกลับท้าครูอำนวยว่าคราวหน้าเด็กของเธอจะต้องชนะแน่ๆ ครูอำนวยเยาะเย้ยและบอกกับเธอว่าให้ไปฝึกมาอีกสิบปีแล้วค่อยมาเจอกันใหม่ก็ ได้ งานนี้ทำให้เปียโนถึงกับเครียดจัดเพราะไหนจะถูกหยาม และกลัวว่าจะไม่สามารถนำชัยชนะมาให้ ผอ.ได้

เตชิน บอกกับเปียโนว่าถึงแม้ว่าวันนี้เราแพ้แต่พรุ่งนี้เราอาจจะชนะ ขอเพียงอย่าสิ้นหวัง เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้คนทั้งสองเห็นอกเห็นใจกันมากขึ้น ความรู้สึกดีๆ จึงตามมา เตชินบอกกับเปียโนว่าเขาจะพาเด็กๆ ไปฝึกที่ชายทะเล ถ้าหากเปียโนสนใจก็ไปด้วยกันได้ถือเป็นการพักผ่อนไปในตัว เธอรับปากว่าจะไปแต่ขอพาสาวๆ ไปด้วย

ระหว่างอยู่ที่ทะเลเด็กๆ เห็นครูทั้งสองแอบหวานใส่กัน ก็ลุ้นให้ทั้งคู่เป็นแฟนกันจริงๆ ให้ได้ จึงทำตัวเป็นพ่อสื่อแม่สื่อ สร้างเหตุบังเอิญให้สองคนนี้อยู่กับสองต่อสอง

เด็กทุกคนต้องประหลาดใจกับการฝึกแนวใหม่ของเตชิน นั่นคือ ตะกร้อชายหาดซึ่งเป็นเทคนิคที่ลุงหมอกแนะนำมาเพื่อฝึกกำลังขาเพราะพื้นทราย จะมีความหนืดจึงต้องใช้แรงมากกว่าเล่นตะกร้อบนพื้นธรรมดา ขณะที่ทีมของเตชินกำลังซ้อมกันอยู่พวกเด็กๆ ซึ่งเป็นลูกชาวเลแถวนั้นเข้ามาท้าแข่งกับพวกของเตชิน เตชินนั่งดูวิธีการเล่นของเด็กๆ ชาวเลที่ตบลูกและเสิร์ฟลูกแรงและเร็วจนไม่สามารถจับทางได้ว่าจะมาไม้ไหนจน ทีมเตชินแพ้ราบคาบ เตชินจึงนำกลวิธีที่ชาวบ้านเล่นกันมาประยุกต์ใช้ กับการเล่นแบบสากลจนกลายเป็นการเล่นแบบใหม่และคิดว่าวิธีนี้ต้องปราบลูกตบ ซันแบ็กของทีม ประกาศิต ได้แน่ๆ

เมื่อกลับถึงกรุงเทพฯ เด่นดนัยก็พบว่าแม่ป่วยหนักเพราะต้องทำงานอยู่คนเดียว เขารู้สึกแย่มากที่ทอดทิ้งแม่ไป เขาจึงขอลาออกจากทีม การแข่งขันกำลังจะเริ่มในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เตชิน ต้องจัดตำแหน่งกันใหม่ โดยเอาโฟกัสมาแทน ฟีม คือตำแหน่งชง ส่วน ฟีม มาแทน เด่นดนัย คือตำแหน่งตบ ทั้งสามเล่นไม่ค่อยเข้าขากันต้องฝึกกันใหม่เพื่อให้เข้าที่เข้าทาง ทำให้ เตชิน กลุ้มใจมาก

เด่นดนัย นอกจากจะลาออกจากชมรมตะกร้อแล้วเขายังหยุดเรียนไปหลายวัน น้ำค้างรู้สึกเป็นห่วงจึงไปหาเด่นดนัยที่กำลังขายของชำในตลาดเพื่อนำเงินไป รักษาแม่ที่ป่วยอยู่ เด่นดนัยไม่อยากบอกเรื่องนี้กับใคร แต่น้ำค้างนำเรื่องนี้มาปรึกษาเตชินกับเปียโน ทั้งคู่จึงตัดสินใจไปหาเด่นดนัยที่บ้านแต่ไม่พบ กลับเจอแต่ชื่นแม่ของเขาเท่านั้นที่นอนป่วยอยู่ เตชินกับเปียโนจึงพาชื่นส่งโรงพยาบาลและดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด เตชิน และ เปียโนขอร้องให้เขากลับไปเรียนต่อ เพราะเสียดายอนาคตของเด่นดนัย

เปียโนศึกษาวิธีการเล่นเทนนิส ของนักกีฬาระดับโลกหลายๆ คน แล้วเอามาประยุกต์ใช้ให้กับไข่มุกและสีรุ้ง ยิ่งใกล้ถึงวันแข่งขันเปียโนก็ยิ่งกดดัน เพราะหลายคนตั้งความหวังไว้กับเธอสูงมากโดยเฉพาะ ผอ.ชาญวิทย์ และที่สำคัญเธออยากเป็นที่ยอมรับของทุกคนว่าไม่ใช่เธอจะสวยอย่างเดียว แต่ความสามารถก็มีพอตัว

และวันนี้ที่รอคอยก็มาถึง การแข่งขันกีฬามัธยมแห่งชาติ ซึ่งเปียโนจะต้องพาเด็กๆ ของเธอแข่งในวันแรก ไข่มุกและสีรุ้งก็ตั้งใจเต็มที่เพื่อเป็นของขวัญให้กับเปียโน ทั้งคู่แข่งจนถึงนัดสุดท้าย และต้องมาเจอกับเด็กของครูอำนวย ซึ่งเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดแต่ปรากฎว่าผลการแข่งขันเปียโนสามารถนำชัย ชนะมาให้โรงเรียนชาญวิทย์จนได้ เด็กๆต่างใจดีและขอมอบรางวัลนี้เป็นที่ระลึกกับเปียโน

เสียงเชียร์กระหึ่มกึกก้องไปทั่วสนามกีฬาเซปัคตะกร้อ ทีมของเตชินเข้ามาถึงนัดสุดท้ายต้องมาเจอกับทีมของ ประกาศิต การแข่งขันทุกรอบ ธีระนาถ จะนำวงดนตรีไทยไปเชียร์เพื่อเป็นสีสันทำให้เกิดความฮึกเหิมและความตื่นเต้น มากขึ้น ลุงหมอกแต่งตัวเป็นลิเกเต็มยศเป็นหัวหน้านำเชียร์

การแข่งขันเริ่มขึ้นลูกตบล้อเกวียนของทีม เตชินไม่สามารถทำแต้มได้เลย เพราะฟีมไม่ได้ฝึกมาตั้งแต่แรก จึงทำให้ลูกพุ่งไปไม่แรงเท่าที่ควร เกมส์ล่วงเลยมาถึงปลายเซ็ตที่หนึ่งไม่มีท่าทีชนะทีมของประกาศิตได้เลย การแข่งขันตะกร้อมีการถ่ายทอดผ่านทางทีวีซึ่งเด่นดนัยนั่งดูอยู่ในโรงพยาบาล กับแม่ ชื่นสังเกตเห็นว่าลูกชายดูกระวนกระวายนั่งไม่ติดเก้าอี้อยากไปช่วยเพื่อนมาก เธอจึงขอให้เขาไปทำหน้าที่ของตนเอง

ช่วงกลางของเกมส์ที่สองฝ่ายประกาศิตทำแต้มขาดลอย จนกระทั่งเด่นดนัยมาถึง ทุกคนในทีมรวมทั้งเตชินต่างดีใจ เตชินจึงขอเปลี่ยนตัวโฟกัสออกแล้วเอาเด่นดนัยลงแทนในตำแหน่งตบส่วนฟีมมาเป็น ตัวชงเหมือนเดิม เกมส์เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งฝ่ายประกาสิตรุกหนักกว่าเดิม ประเดิมด้วยลูกตบซันแบ็กแต่เด่นดนัยก็สามารถงัดลูกตบซันแบ็กได้ทุกครั้ง เสียงเชียร์ดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเด่นดนัยกระโดดลอยตัวท่าล้อเกวียน ฟาดแข้งไปอย่างแรงจนฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถรับได้ ประกาศิตต้องขอเวลานอกเพื่อปรับกลยุทธ์ ตอนนี้ทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ การแข่งขันเริ่มขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ทีมของเตชินเป็นฝ่ายรุกบ้าง โดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายทำคะแนนได้เลย

เตชินดีใจที่เขาสามารถปราบลูกตบซันแบ็กได้สำเร็จ และได้เอาชนะความกลัวในใจจนหมดสิ้น เขาจะไม่นอนฝันร้ายอีกแล้ว ธีระนาถบอกกับเตชินว่า ถ้าหากคนเรามีความสามัคคีและมีสติในการแก้ปัญหา พลังที่สร้างสรรค์ก็จะเกิดขึ้นทุกอย่างก็จะคลี่คลายไปในทางที่ดี เตชินบอกกับเด็กๆ ทุกคนว่าถึงแม้วันนี้เราจะชนะและได้ถ้วยรางวัล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านั่นคือรางวัลที่ยิ่งใหญ่เพราะสิ่งที่ยิ่งใหญ่นั้น ก็คือรางวัลชีวิตต่างหาก เพราพวกเราได้ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ มาด้วยกันจนวันนี้เราประสบความสำเร็จร่วมกัน มีความรักความสามัคคี นี่แหละที่เขาเรียกว่ารางวัลชีวิต

ผอ.ชาญวิทย์ จัดงานเลี้ยงขอบคุณทั้งครูและนักกีฬาที่นำชื่อเสียงมาสู่โรงเรียน เมื่อเพลงบรรเลงขึ้น เตชินมาขอเต้นรำกับครูเปียโน ส่วนเด็กๆ ก็จับคู่เต้นรำและในคืนนี้เองเตชินได้บอกรักกับเปียโนท่ามกลางสักขีพยานใน คืนแห่งชัยชนะ

ทหารหญิงหัวใจแหวว 2551

เรื่องย่อ : ทหารหญิงหัวใจแหวว (2551/2008) สิบเอกศักดิ์ศรีตำแหน่งพลปืนกลเบา (เอ็ม 26) ประจำหน่วยลาดตระชายแดน โดยมี พันโทเกรียงไกร เป็นผู้บังคับกองพัน ความสัมพันธ์ระหว่างนายกับลูกน้องคู่นี้เหตุเกิดจากการสู้รบที่ชายแดน เมื่อผู้พันเกรียงไกรได้นำกำลังทหารเข้าทำการผลักดันกองกำลังต่างชาติที่ได้ล่วงล้ำเข้ามาในเขตแดนไทยออกไป แต่ผู้พันเกรียงไกรได้เพรี่ยงพร้ำแก่ข้าศึกตกอยู่ในวงล้อมของข้าศึก เหตุการณ์คับขันยากที่จะแก้ไขสถานการณ์ได้ ถ้าไม่ได้นักรบที่มีหัวใจบ้าบิ่นที่มีชื่อสิบเอกศักดิ์ศรี ซึ่งเป็นผู้บังคับหมู่พลปืนกลเบานำทหารตีฝ่าวงล้อมเข้าไปช่วยชีวิตนายออกมาได้อย่างปลอดภัย สร้างความประทับใจให้แก่ผู้บังคับกองพันอย่างพันโทเกรียงไกรอย่างไม่รู้ลืม

เมื่อพันโทเกรียงไกรได้ถูกย้ายเข้ามารับตำแหน่งเป็นผู้บังคับกองพันในกรุงเทพฯ จึงได้ทำเรื่องย้ายสิบเอกศักดิ์ศรีมาอยู่ด้วย หน้าที่และตำแหน่งของพันโทเกรียงไกรก้าวหน้าเป็นลำดับ เช่นเดียวกับหมู่ศักดิ์ศรีก็ได้รับตำแหน่งขึ้นเช่นเดียวกันกับนาย เพราะได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากพันโทเกรียงไกร วิถีชีวิตเริ่มหักเหเมื่อผู้พันเกรียงไกรได้รับตำแหน่งเป็นผู้บังคับการต้องย้ายไปประจำการที่โรงเรียนนายร้อย หมู่ศักดิ์ศรีได้รับยศเป็นจ่ากองร้อยไม่สามารถย้ายตามไปได้ ความห่างเหินเริ่มห่างออกไปตามกาลเวลา ท่านผู้บังคับการมีตำแหน่งหน้าที่ก้าวไกลตามความสามารถ

ส่วนจ่าศักดิ์ศรีความก้าวหน้าเริ่มหยุดนิ่งตามอุปนิสัยที่แข็งไม่ยอมคน มีเรื่องความขัดแย้งต่างๆ ได้พยายามเอาไปปรึกษานายเก่าก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือเหมือนอย่างที่ตั้งใจ เนื่องมาจากคุณนายของผู้การเกรียงไกรไม่ค่อยชอบหน้าจ่าศักดิ์ศรีเท่าใดนัก จ่าศักดิ์ศรีเริ่มท้อแท้หมดกำลังใจหันมาดื่มเหล้าปลอบใจชีวิตก็เริ่มตกต่ำ นายเก่าซึ่งได้รับตำแหน่งใหญ่โตขึ้นเป็นถึงพลโทแล้วได้เรียกเข้าไปตักเตือนหลายครั้งด้วยความหวังดี แต่ว่าจ่าศักดิ์ศรีกลับคิดว่านายเก่าเรียกไปดุด่าจึงมีความเสียใจมากขึ้น หันไปพึ่งยาเสพติด ถึงแม้เมียอันเป็นที่รักและลูกสาวจะเฝ้าอ้อนวอนขอร้องอย่างไรก็ไร้ผลไม่สามารถดึงจ่าศักดิ์ศรีขึ้นมาจากขุมนรกของยาบ้าได้ จนกระทั่งผู้บังคับบัญชาจับได้จึงให้ออกจากราชการ

ชีวิตของจ่าศักดิ์ศรีเริ่มตกต่ำยิ่งขึ้นเมื่อถูกออกจากราชการ แต่ด้วยหัวใจของคนที่เคยเป็นนักรบ บ้าบิ่นมาก่อน ประกอบกับกำลังใจที่เมียและลูกคอยให้กำลังใจมาตลอด จ่าศักดิ์ศรีจึงตัดใจหักดิบเลิกยาเสพติดอย่างเด็ดขาด จ่าศักดิ์ศรีจะตกระกำลำบากปานใดเขาไม่เคยบ่นสู้ทนขับแท็กซี่คู่ใจหาเลี้ยงครอบครัว หวังส่งเสียให้ลูกสาวได้เล่าเรียนสูงๆ เพื่อกอบกู้ความผิดของตนที่คิดพลาดไปอย่างไม่มีวันเรียกร้องคืนได้อีก ส่วนประนอมเมียของเขาก็ไม่เคยย่อท้อทำขนมขายเป็นการหารายได้เสริมให้ครอบครัวมีรายได้เพิ่มขึ้น

เคียงเดือน ลูกสาวคนเดียวของอดีตจ่าทหารนอกราชการที่ถูกปลดเพราะไปติดยาเสพติด มีความแค้นฝังใจกับพวกค้ายาเสพติดที่ทำให้ครอบครัวต้องลำบากจึงตัดสินใจไปสมัครเรียนเป็นนักศึกษาวิชาทหาร หวังว่าในอนาคตจะไปสมัครสอบเข้าทหารหรือตำรวจอาชีพ เพื่อหวังเข้าไปปราบปรามพวกค้ายาให้หมดไปจากประเทศให้ได้ เมื่อได้เข้าไปเรียนในศูนย์ฝึกกำลังสำรองแล้วได้พบเพื่อนที่มีอุดมการณ์เดียวกันอีกหลายคน

โรงเรียนฝึกกำลังสำรองได้นำนักศึกษาหญิงชั้นปีที่ 2 เดินทางไปสอบภาคปฏิบัติที่ศูนย์ฝึกกำลังสำรองที่เขาชนไก่ จังหวัดกาญจนบุรีเป็นครั้งแรก ขบวนรถนักศึกษาหญิงได้ร่วมขบวนสมทบกับนักศึกษาชายเดินทางไปถึงอนุสรณ์สถานประวัติศาสตร์สงคราม 9 ทัพ แห่งทุ่งลาดหญ้า คณะนายทหารได้นำนักเรียนชายหญิงเยี่ยมชมภายในอนุสรณ์สถานและให้นักเรียนได้ฟังวิทยากรบรรยายถึงดินแดนประวัติศาสตร์ ถึงเรื่องราวในครั้งที่พม่าได้ยกทัพเข้ามาทางด้านด่านเจดีย์สามองค์เป็นจำนวนแสนๆ คน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้สั่งให้แม่ทัพของพระองค์นำกำลังเพียง 2 หมื่นนายไปยันข้าศึกเอาไว้ก่อน

เมื่อวิทยากรได้บรรยายมาถึงตอนนี้ทำให้เคียงเดือนกับเพื่อนที่นั่งฟังด้วยความสนใจเกิดมีความประทับใจไปกับวีรบุรษผู้กล้าหาญในอดีตทำให้เกิดจินตนาการเป็นภาพของนักรบไทยในอดีตที่ต่อสู้กับทหารพม่าบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ปกป้องกับเพื่อนนักศึกษาชายได้ร่วมนั่งฟังบรรยายอยู่ด้วย ปกป้องได้จ้องหน้าเคียงเดือนที่นั่งเอามือปาดน้ำตาที่ไหลนองหน้า เคียงเดือนเหลือบมองปกป้องเห็นจ้องมองตนอยู่จึงหลบสายตาด้วยความเขินอาย

ช่วงการฝึกภาคสนามที่เขาชนไก่เป็นช่วงฤดูหนาว แต่อากาศที่ทุ่งลาดหญ้านั้นไม่ใช่เพียงแต่หนาวอย่างเดียว อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา กลางวันร้อนตับแทบแตก กลางคืนกลับหนาวกระดูกแทบร้าว บางวันฝนตกแทบไม่ลืมหูลืมตา นักศึกษาชายหญิงล้มป่วยเป็นไข้กันมากมาย รวมทั้งเคียงเดือนและปกป้องด้วย ทั้งสองได้มีโอกาสได้เจอกันอีกครั้งจึงได้ปรับทุกข์ถึงวิธีการฝึกของครูฝึกที่ค่อนข้างโหด ปกป้องในฐานะเป็นลูกชายนายทหารใหญ่เข้าใจยุทธวิธีการฝึกของครูฝึกเป็นอย่างดี

จึงอธิบายให้เคียงเดือนเข้าใจว่าครูไม่ใช่อยากจะลงโทษนักศึกษาที่ผิดระเบียบวินัยเพียงอย่างเดียว แต่ครูฝึกต้องการให้ลูกศิษย์รู้จักมีความเข้มแข็งในด้านจิตใจด้วย เมื่อต้องไปมีอาชีพการงานจะได้มีจิตใจเข้มแข็งรู้จักมีความอดทนอดกลั้นต่อไปในอนาคต เคียงเดือนจึงมีความสนิทสนมกับปกป้องมากเป็นพิเศษ พร้อมกลุ่มเพื่อนๆ นักศึกษาในกลุ่มของเคียงเดือนก็มีความสนิทสนมกับกลุ่มของเพื่อนๆ ปกป้องเช่นเดียวกัน

หลังจากการฝึกภาคปฏิบัติที่เขาชนไก่แล้ว ปกป้องและเคียงเดือนพร้อมกลุ่มเพื่อนๆ ต่างมีความสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น จนกลายเป็นความรักความเห็นใจ เมื่อปกป้องได้รู้ถึงความตั้งใจของเคียงเดือนที่มีความกดดันในเรื่องที่ต้องมาเรียน รด. เนื่องจากพ่อต้องถูกปลดจากราชการเพราะยาบ้าเป็นต้นเหตุ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมายามใดที่เคียงเดือนมีเรื่องทุกข์ใจหรือท้อแท้ ปกป้องจะคอยเป็นที่ปรึกษาให้กำลังใจตลอดเวลา

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่นักศึกษาวิชาทหารหญิงต้องเข้าไปฝึกภาคสนามที่จังหวัดกาญจนบุรี ปกป้องกับเพื่อนๆ ได้เรียนวิชาทหารถึงปีสุดท้าย (ปี 5) ส่วนเคียงเดือนได้เรียนมาถึงปีที่ 4 ทั้ง 2 ชั้นเรียนได้ไปฝึกภาคสนามที่เขาชนไก่อีกครั้ง ฝึกวิชาดำรงตนอยู่ในป่า ไม่มีอาหารกินต้องช่วยเหลือตัวเองด้วยการหาอาหารป่า หรือจับสัตว์ที่จะพอหาได้มาปะทังชีวิตเพื่อให้อยู่รอด ต้องจับงูหรือแย้มาฆ่ากิน ด้วยความเป็นห่วงว่าเคียงเดือนจะลำบาก ปกป้องจึงแหกกฎปลอมตัวเป็นนักศึกษาหญิงเข้าไปในแดนของนักศึกษาหญิง เป็นช่วงที่ครูฝึกได้นำงูมาปล่อยเพื่อทดสอบใจนักศึกษาหญิง แต่งูได้เลื้อยไปหาปกป้อง ปกป้องตกใจวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงจนครูฝึกจับได้ว่าเป็นผู้ชายปลอมตัวเข้ามาในแดนของนักศึกษาหญิง จึงทำโทษปกป้องภายหลังว่า ปกป้องยอมเสี่ยงเข้ามาเพื่อจะนำอาหารมาให้เคียงเดือนด้วยความเป็นห่วง ยิ่งสร้างความประทับใจให้กับเคียงเดือนที่มีกับปกป้องมากเป็นพิเศษ

ความสนิทสนมรักใคร่ระหว่าง ปกป้อง กับ เคียงเดือน ได้รู้ถึงจ่าศักดิ์ศรี จึงถูก จ่าศักดิ์ศรีขัดขวางความรักของคนทั้งสองอย่างหนัก เมื่อจ่าศักดิ์ได้รู้ว่าปกป้องเป็นลูกของเจ้านายเก่าของตน ซึ่งรู้ดีว่าความรักของคนทั้งสอง ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะแต่งงานกัน เนื่องจากคุณหญิงแม่ของปกป้องไม่ชอบคนจนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และยิ่งถ้าได้รู้ว่ามาชอบกับลูกสาวของคนซึ่งเป็นลูกน้องเก่าด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีทางที่จะเป็นไปได้อย่างเด็ดขาด จ่าศักดิ์ศรีจึงจำเป็นต้องตัดความสัมพันธ์ของคนทั้งสองเสียก่อนที่จะสายเกินไป ทั้งปกป้องและเคียวเดือนไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง ที่จ่าศักดิ์ศรีกีดกันความรักของเขาทั้งสอง เนื่องจากเหตุผลใด เพราะจ่าศักดิ์ศรีไม่เคยเล่าให้ลูกสาวได้ฟังเลย ส่วนประนอมก็ไม่กล้าที่จะเล่าความจริงให้ลูกสาวได้ฟัง เนื่องจากจ่าศักดิ์ศรีห้ามบอกความจริงในอดีตให้ลูกสาวรู้เด็ดขาด

ปกป้องเมื่อถูกฝ่ายพ่อของเคียงเดือนกีดกันหวงห้ามก็ยิ่งอยากจะเอาชนะ โดยมีเพื่อนๆ ของปกป้องและเพื่อนๆ ของเคียงเดือนเป็นฝ่ายสนับสนุนให้มีการพบกันมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหลังจากการฝึก รด. จนมาถึงงานวันเกิดของปกป้อง ได้ชวนเคียงเดือนไปในงานวันเกิดและได้แนะนำให้รู้จักกับท่านนายพลและคุณหญิง แม่ของปกป้องได้ถามถึงครอบครัวของเคียงเดือน ซึ่งปกป้องได้บอกความจริงถึงชื่อพ่อแม่ของเคียงเดือนให้คุณหญิงฟัง คุณหญิงแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด

หลังจากวันนั้น คุณหญิงได้ไปที่บ้านของเคียงเดือน เมื่อได้พบกับ จ่าศักดิ์ศรี ลูกน้องเก่าของสามี จึงได้ให้จ่าศักดิ์ศรีห้ามปรามลูกสาวว่า อย่าทะเยอทะยานคิดไปเป็นลูกสะใภ้ตนเลยชาตินี้คงรับไม่ได้ สร้างความโกรธแค้นให้กับจ่าศักดิ์ศรีเป็นอย่างมาก และได้โต้ตอบกลับไปกับคุณหญิงว่า ให้ห้ามลูกชายของตัวเองให้ได้อย่าคิดว่ามีเงินแล้วจะซื้อผู้หญิงจนๆ อย่างลูกสาวตนได้ ต่างคนต่างใช้อารมณ์โต้เถียงกันอย่างรุนแรงจนคุณหญิงระงับอารมณ์ไม่อยู่ กล่าวอาฆาตจ่าศักดิ์ศรีด้วยความแค้นแล้วกลับไปอย่างหัวเสีย

เมื่อเคียงเดือนกลับจากโรงเรียนได้ถูกพ่อต่อว่าอย่างรุนแรงและห้ามลูกสาวไปพบกับปกป้องอย่างเด็ดขาด เคียงเดือนเสียใจมากกล่าวหาว่าพ่อเอาแต่อารมณ์ไร้เหตุผล ประนอมพยายามห้ามปรามลูกสาวไม่ให้ต่อปากต่อคำกับพ่อ ทำให้เคียงเดือนน้อยเนื้อต่ำใจกล่าวหาทั้งพ่อและแม่ว่าไม่รักตนไม่ยอมเข้าใจตน ประนอมพยายามจะอธิบายถึงความจริงให้ลูกรู้แต่ก็ถูกจ่าศักดิ์ศรีห้ามไว้เสียก่อน

กำแพงความรักของปกป้องกับเคียงเดือนถูกฝ่ายผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายตั้งป้อมขัดขวางมากขึ้นเป็นทวีคูณ แต่ก็เหมือนยิ่งเพิ่มดีกรีความรักความเห็นใจมากยิ่งขึ้น ประกอบกับได้รับแรงเชียร์จากเพื่อนๆ ของทั้งสองฝ่ายยิ่งทำให้ปกป้องและเคียงเดือนมีความพยายามจะทลายกำแพงความรักที่พ่อและแม่ได้ตั้งขึ้นให้จงได้ตามปรารถนา โดยปกป้องจะมีฝ่ายท่านนายพลคอยให้ท้ายลูกชาย ส่วนเคียงเดือนก็จะมีประนอมผู้รักลูกดั่งดวงใจเป็นกำลังใจคอยเชียร์อย่างลับๆ ไม่ให้สามีรู้ ความรักของปกป้องและเคียงเดือนจึงเหมือนอมตะนิยายรักน้ำเน่าถูกรีไซเคิลกลับมาอีกครั้งด้วยกลยุทธ์ศึกรักศึกรบฝุ่นตลบไปทั้งคนรักและคนเชียร์

ช่วงที่ไปฝึกภาคสนามที่ศูนย์ฝึกเขาชนไก่ เคียงเดือนและกลุ่มเพื่อนๆ 4 คนพลัดหลงทางเข้าไปในป่าลึก จนเป็นเหตุให้ผู้บังคับบัญชาต้องสั่งให้ครูฝึกจำนวนหนึ่งออกค้นหา เมื่อข่าวการเดินทางหลงป่าของเคียงเดือนได้รู้ไปถึงปกป้องที่ไปฝึกภาคสนามอยู่ที่เขาชนไก่ในช่วงเวลาเดียวกัน ปกป้องกับเพื่อนๆ จึงขออาสาไปกับครูฝึกด้วย เพื่อออกค้นหาเคียงเดือนกับนักศึกษาหญิงที่หายไป

เคียงเดือนกับเพื่อนๆ อีก 4 คนได้พลัดหลงเข้าไปในดินแดนของกระเหรี่ยงที่เป็นแหล่งผลิตยาเสพติด และถูกกลุ่มคนร้ายจับตัวเอาไว้ โดยคนร้ายคิดว่าเป็นสายสืบเข้าไปสืบจับยาเสพติด เมื่อหัวหน้ากระเหรี่ยงได้สอบสวนแล้วจึงรู้ว่าเป็นนักศึกษาวิชาทหาร หัวหน้ายิ่งมีความวิตกกังวลมาก ถ้าปล่อยกลับไปเกรงว่าจะนำข่าวแหล่งผลิตยาไปเปิดเผยได้ จึงคิดที่จะฆ่าปิดปากเสีย แต่เคียงเดือนได้พยายามพูดให้เหตุผลว่าถึงฆ่าพวกเธอไป หัวหน้าก็ไม่สามารถอยู่อย่างสบายได้ ถึงยังไงทางตำรวจก็ต้องออกตามล่าจนเจอแหล่งผลิตยาที่นี่แน่นอน สู้ปล่อยให้พวกเธอไปดีกว่า แล้วจะช่วยปิดเรื่องราวทั้งหมดให้เป็นความลับ หัวหน้าเริ่มลังเลใจ จึงสั่งให้ลูกน้องเอาพวกนักศึกษาไปขังไว้ชั่วคราวก่อน

ในช่วงที่เคียงเดือนกับพรรคพวกถูกกักขังอยู่นั้น รื่นรมย์ หนึ่งในกลุ่มได้ใช้เล่ห์มารยาหญิงตีสนิทให้ผู้คุมหลงเชื่อ เธอหลอกล่อจนตายใจแล้วให้เพื่อนๆ ตีผู้คุมจนสลบ จากนั้นทั้งหมดจึงรีบหลบหนีมา แต่ด้วยขาดประสบการณ์ในการเดินป่าจึงทำให้ทั้งหมดหลงทาง ไม่สามารถออกจากป่าแห่งนี้ได้

ปกป้อง และเพื่อนนักศึกษาชาย ได้ติดตามมาพบ จึงได้ช่วยกันรีบพาออกไปอย่างเร่งด่วน แต่ก็ไม่ทันรอดพ้นไปจากป่าได้ ในเมื่อหัวหน้ากระเหรี่ยง ได้ติดตามไล่ล่ามาทันพอดี จึงได้เกิดการปะทะกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ระหว่างการปะทะกันอยู่นั้นครูฝึกได้นำกำลังเข้ามาสมทบจนกระทั่งพวกเหล่าร้ายถอยร่นเข้าป่าไป

เคียงเดือน และกลุ่มเพื่อน แจ้งครูฝึกว่า พวกผู้ร้ายกลุ่มนี้ได้ตั้งแหล่งผลิตยาเสพติดอยู่ที่ชายแดนป่าลึก ขอให้รีบตามเข้าไปทำลายล้างด่วน มิฉะนั้นพวกคนร้ายจะขนย้ายแหล่งผลิตหนี ทางด้านครูฝึกและกำลังสนับสนุนจึงตามล่ากลุ่มคนร้ายไปตามคำบอกเล่าของเคียงเดือน จนกระทั่งเข้าล้อมจับกุมกระเหรี่ยงที่ตั้งโรงงานผลิตยาเสพติดไว้ได้ทั้งหมด

ผู้บัญชาการกองกำลังสำรอง กรมการรักษาดินแดนได้จัดงานรับขวัญกลุ่มนักศึกษาที่ถูกจับ พร้อมกล่าวยกย่องต่อหน้าเพื่อนนักศึกษาที่สนามฝึกกำลังสำรองเขาชนไก่อย่างใหญ่โต สร้างความยินดีปรีดาให้กับเพื่อนและกลุ่มนักศึกษาทุกชั้นปีที่เข้ามาฝึกอยู่ที่นั้น และถือเป็นการปิดภาคการศึกษาในปีนั้นด้วย

หลังจากจบการศึกษา ปกป้อง และ เคียงเดือน ได้นำเรื่องความรักที่ทั้งสองมีต่อกันมาปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ของตน ทั้งสองได้รับการปฏิเสธ พ่อของเคียงเดือนซึ่งไม่ชอบปกป้องอยู่แล้ว ประกาศห้ามลูกสาวคบกับปกป้องอย่างเด็ดขาด ส่วนคุณแม่ของปกป้อง ก็ประกาศห้ามคบกับเคียงเดือน เพราะเห็นว่าฐานะยากจน ไม่สมควรที่จะมาเป็นลูกสะใภ้ ปกป้องและเคียงเดือนผิดหวังจากการที่ถูกกีดกันความรัก เพื่อนๆ จึงวางแผนช่วยเหลือให้ทั้งสองสมหวังให้ได้ โดยการสร้างสถานการณ์ว่าทั้งสองไปกระโดดน้ำตายที่สะพานพระราม 8

เมื่อพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายรู้เข้าจึงเสียใจมาก สารภาพผิดกันทั้งสองฝ่ายว่าเป็นคนฆ่าลูกตัวเองเพราะความคิดผิดๆ แล้วพร่ำรำพันร้องให้เสียใจแทบขาดใจตาย ขอให้เทพผู้ศักดิ์สิทธิ์ประทานชีวิตให้ลูกกลับมาเถอะ ถ้าลูกมีชีวิตกลับมาได้จริงๆ ต่อไปจะไม่ขัดขวางทางรักของลูกทั้งสองอีกแล้ว ลูกต้องการอะไรจะให้ทุกอย่าง

สดใส ซึ่งนั่งเฝ้าดูอยู่นั้นได้พูดปลอบใจพ่อแม่ของเพื่อน แล้วย้ำคำพูดเดิมของพ่อแม่ว่าจริงนะ ถ้า ปกป้อง และ เคียงเดือน ไม่ตายจริงพ่อแม่จะไม่ขัดขวางทางรักของเขาอีกต่อไป ทั้งสองฝ่ายรับปากอย่างแข็งขัน สดใสจึงให้สัญญาณให้ปกป้อง และ เคียงเดือน เดินออกมาจากที่ซ่อนเข้ามาหาพ่อแม่ พ่อของเคียงเดือนโกรธมากที่ถูกหลอก แต่พ่อของปกป้องกับแม่ของเคียงเดือนห้ามไว้ว่าได้สัญญากับลูกแล้ว เป็นผู้ใหญ่ต้องไม่ผิดคำพูด พ่อของเคียงเดือนจึงยอมตกลงตามสัญญา เพื่อนของปกป้องและเคียงเดือนต่างเฮโล แสดงความดีใจที่แผนการสำเร็จตามเป้าหมาย

ตะวันรุ่ง...ที่ทุ่งกระทิง 2549

เรื่องย่อ : ตะวันรุ่ง...ที่ทุ่งกระทิง (2549/2006) บุญชอบ จิตเที่ยงธรรม นักธุรกิจที่ดิน เศรษฐีพันล้าน เป็นคนใจบุญมีคุณธรรม รักครอบครัวและบริวาร เชื่อคนง่าย บุญชอบ มีภรรยา ชื่อมารศรี ผู้มากไปด้วยกิเลส เห็นแก่ตัว รักและเชื่อลูกงมงาย บุญชล เป็นลูกสาวคนโต ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องการเงิน ปากหวาน ร้ายลึก มีสามีเป็นทนายความชื่อปานศักดิ์ นิสัยเจ้าเล่ห์ เห็นเงินเป็นพระเจ้า กลัวเมีย บุญโชค ลูกชายคนที่ 2 ได้รับหน้าที่ให้ดูแลบริษัทจัดสรรที่ดินและโครงการบ้านจัดสรร เป็นหนุ่มเจ้าสำราญ ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย มีภรรยาชื่อปัญชลี มีนิสัยขี้อิจฉา พูดจาสอพลอ เอาดีใส่ตัว บุญชัย ลูกชายคนที่ 3 ผู้ไม่ชอบทำงาน มีนิสัยเห็นแก่ตัว เจ้าเล่ห์ขาดความเมตตา เจ้าชู้ มีภรรยาชื่อน้ำเพชร เป็นคนเจ้าเล่ห์ มารยา เข้าได้กับทุกคนแต่ชอบนินทาลับหลัง ตะวัน เด็กกำพร้าที่บุญชอบเห็นแล้วถูกชะตา จึงขอมากับหลวงพ่อวัดสระแก้ว เมื่อคราวไปทำบุญที่วัด โดยรับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ตะวัน เด็กหนุ่มขยันหัวดี เรียนจบปริญญาตรีเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตะวันเป็นเด็กพูดจาไพเราะ ขยันขันแข็ง จึงไม่แปลกถ้าเขาจะเป็นที่โปรดปรานของบุญชอบพ่อบุญธรรมของเขา แต่สิ่งเหล่านี้กลับสร้างความไม่พอใจให้มารศรีแม่บุญธรรมและลูกอีกสามคน ตะวันจึงถูกกลั่นแกล้งต่างๆนาๆ บุญชอบรู้และเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ก็ไม่สามารถจัดการกับแรงริษยาของภรรยาและลูกที่มีต่อตะวันได้ บุญชอบจึงเรียกตะวันมาพบแล้วให้ตะวันออกจากบ้านไปอยู่ต่างจังหวัด โดยบอกให้ไปพบกำนันผันเพื่อนสนิทของท่านที่ทุ่งกระทิง

ดวง 2549
สาวเต็มพิกัด 2548

เรื่องย่อ : สาวเต็มพิกัด (2548/2005) เรื่องราววุ่นๆ ของ 2 ครอบครัว ครอบครัวแรกนั้นเป็นครอบครัวของ คุณหญิงย่า หรือ คุณหญิงประภัสสร มีลูกสองคนคือ กาญจนา และประมุข กาญจนาซึ่งเป็นพี่สาวมีลูกสองคนคือ ปีโน่ และปูนา ซึ่งได้ทิ้งลูกชายวัย 7 ปี ชื่อ น้องปืน ไว้กับครอบครัวนี้ ส่วนประมุขนั้นไปทำงานต่างประเทศก็ได้ทิ้งลูกชายสองคนคือ เฟียต และฟรุค ให้อยู่กับคุณย่า ปีโน่กับเฟียต เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่ช่วยกันบริหารบริษัทเงินทุนและอีกหลายบริษัทในเครือของคุณหญิงย่าจนรุ่งเรือง ส่วนฟรุคกำลังศึกษาอยู่มหาวิทยาลัย กิจกรรมยามว่างของปีโน่ก็คือเป็นนักแข่งรถมือหนึ่งของประเทศ อีกครอบครัวคือ ครอบครัวคุณป้าสุนีย์ สาวโสดวัย 40 กว่าเจ้าของโรงเรียนอนุบาล และยังมีภาระที่ต้องเลี้ยงดูหลานสาว 3 คนคือ แจ๊ด, แป๊ด, เปรี้ยว ซึ่งแม่ของ 3 สาวเสียชีวิตตั้งแต่พวกเธอยังเล็กๆ แจ๊ดเป็นครูใหญ่โรงเรียนอนุบาล แป๊ดเป็นสถาปนิกของบริษัทรับสร้างบ้าน ส่วนเปรี้ยวยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย และบังเอิญมหาวิทยาลัยเดียวกับฟรุค ป้าสุนีย์นั้นทั้งรักทั้งหวงหลานสาวทั้ง 3 คน เป็นอย่างยิ่ง ขนาดที่ว่าจะต้องคอยรับส่งทั้งไปเรียนและทำงานด้วยตนเองทุกวันชนิดที่ไม่ยอมให้ชายใดเข้ามาใกล้ได้ แต่ทั้ง สุนีย์, คุณหญิงย่า และกาญจนา นั้นรู้จักและมีความสนิทสนมในระดับหนึ่งเนื่องจากร่วมงานกันในสมาคมสิทธิสตรีเด็กและคนชรา แต่สุนีย์ก็ไม่ได้รู้จักใครในครอบครัวนี้นอกเหนือไปจากคุณหญิงย่าและคุณกาญจนาเท่านั้น ในวันหนึ่งคุณหญิงย่าในฐานะประธานสมาคมสิทธิสตรีเด็กและคนชรา ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับสมาชิกสมาคมที่บ้านก็ได้เชิญป้าสุนีย์พร้อมหลานๆ มาร่วมงานเพื่อที่จะให้รู้จักทั้งลูกชายและหลานชาย และมอบหมายให้ 4 หนุ่มช่วยต้อนรับแขก แต่ทั้ง 4 หนุ่มกลับหนีออกไปเที่ยว เลยทำให้คลาดแคล้วไม่ได้เจอกับ 3 สาว ส่วนคุณหญิงย่าพอเห็น 3 สาวก็รู้สึกรักและเอ็นดูเป็นอย่างยิ่ง แต่ในความเป็นจริงนั้นทั้งแจ๊ดและเปรี้ยวนั้นมีโอกาสได้เจอกับหนุ่มๆ บ้านนี้แล้ว โดยแจ๊ดได้รู้จักกับปีโน่แถมยังถูกปีโน่ตามจีบหลังจากที่วันหนึ่งได้ไปส่งน้องปืนที่โรงเรียนอนุบาล แถมยังให้น้องปืนเป็นกามเทพตัวน้อย จนถูกคุณป้ากีดกมาแล้วนั้นเอง ส่วนเปรี้ยวก็ได้พบกับ ฟรุคแบบไม่ค่อยสวยสักเท่าไหร่ จึงทำให้เกิดเป็นคู่กัดกันตลอดเวลา เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใครเท่านั้นเองประมุขกลับมาอยู่เมืองไทยเพื่อที่จะมาช่วยดูแลกิจการ แทนคุณหญิงย่า แต่ขอย้ายตัวเองไปอยู่ต่างหาก ซึ่งบังเอิญไปอยู่ใกล้บ้านของป้าสุนีย์และหลานๆ ในเช้าวันหนึ่งป้าสุนียได้ออกไปวิ่งในสวนสาธารณะก็ไปเจอกับประมุขที่พยายามทักทายและแนะนำตัวเอง แต่ป้าสุนีย์กลับเฉยไม่มีไมตรีตอบ ประมุขจึงคิดว่าจะต้องหาวิธีทำความรู้จักให้จงได้ เพราะว่าไม่เคยมีสาวคนไหนปฏิเสธเขาอย่างนี้มาก่อน ในขณะที่เฟียตขับรถจะไปหาพี่เป๋าหุ้นส่วนบริษัทรับสร้างบ้าน อีกทั้งยังเป็นเพื่อนรุ่นพี่และเป็นหัวหน้างานแป๊ด ก็บังเอิญไปเจอแป๊ดที่รถเสียขณะขับรถกลับบริษัท ก็เสนอตัวช่วย แต่แป๊ดปฏิเสธจนภายหลังถึงได้รู้ว่าเฟียตคือเจ้านายอีกคน ที่จะต้องทำงานร่วมกันแต่การร่วมงานของแป๊ดและเฟียตดูจะไม่ราบรื่นเท่าไหร่นักเพราะความเห็นของทั้งสองคนมักจะขัดแย้งกันเสมอ หลังจากปีโน่รู้ว่าบ้านแจ๊ดอยู่ติดกับบ้านประมุขจึงชวนน้องปืนเข้าไปอยู่ที่บ้านประมุขด้วยเพื่อจะได้ใกล้ชิดกับครูแจ๊ด โดยมีน้องปืนคอยเป็นพ่อสื่อให้เหมือนเดิม ขณะที่ประมุขหาวิธีพิชิตใจสุนีย์นั้น เขาเองก็มีสาวพราวเสน่ห์อย่างพอลล่า ตามตื้อเพราะหวังในทรัพย์สินเงินทองแต่ความที่ผ่านโลกมาเยอะประมุขเลยอ่านเกมพอลลี่ออกและหาทางเลี่ยงพอลลี่ก็ตามตื้อประมุขไม่เลิกลา ยิ่งเมื่อรู้ว่าประมุขสนใจสุนีย์ก็ยิ่งทำให้เธอแค้นและกลัวจะเสียประมุขจึงทำทุกวิธีทางที่จะแทรกกลางให้ได้ ด้านประมุข ยิ่งเจอสุนีย์ปฏิเสธเขาก็ยิ่งหาสารพัดวิธีเพื่อจะพิชิตใจป้าสุนีย์ให้ได้ ไม่ว่าจะทำดีด้วย ก่อกวนความสงบตั้งวงก๊งกับลูกๆ และหลาน หรือแม้แต่แกล้งขับรถชน แต่ให้ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุทำให้สุนีย์ต้องคอยดูแลและระวังทุกคนแม้กระทั่งสาวรับใช้เขียวและหวาน สุนีย์กำชับว่าถ้าใครยุ่งหรือวุ่นวาย จะตัดเงินเดือนให้หมด สุนีย์กันท่าหลานสาวสุดฤทธิ์ จนพลอยให้ตนเองเข้าไปในวงจรประมุขแบบไม่รู้ตัว ส่วนฟรุคและเปรี้ยวรบกันที่บ้านยังไม่พอยังลามไปถึงมหาลัยอีกด้วย จนวันหนึ่งทั้งคู่ต่างก็หนีโจทก์ ฟรุควิ่งหนีแคนดี้ กระเทยที่ตามจีบ และเปรี้ยวก็วิ่งหนีกุ้ง ทอมที่ตามจีบ เปรี้ยวหนีไปแอบอยู่หลังห้องน้ำมหาลัยและไปเจอฟรุคซึ่งแอบอยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองมีปากเสียงก ขณะที่ทั้ง 2 ปะทะคารมกันอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งแคนดี้และกุ้งก็ตามมาเจอฟรุคซึ่งแอบอยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองมีปากเสียงกันอยู่ ทั้งสองหันไปเจอแคนดี้และกุ้งก็ตกใจ ฟรุคลืมตัวคว้าเอาแขนของเปรี้ยวแล้วพากันวิ่งหนีออกมาทางด้านหลังมหาลัย แต่พอหายเหนื่อยก็หันมาทะเลาะกันต่อจนฟรุคทนไม่ไหวเลยขอยุติเรื่องความแค้นส่วนตัวไว้ก่อน และชวนเปรี้ยวจับมือร่วมกันกำจัดกุ้งและแคนดี้ให้ออกจากชีวิตของกันและกัน ถือว่าต่างคนต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกันเปรี้ยวเห็นว่าเป็นข้อเสนอที่เข้าท่า ได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่ายเพราะเธอก็เบื่อยัยทอมเต็มทนแล้วจึงยอมร่วมมือกับฟรุคโดยดี สองคนแสร้งทำเป็นว่ารักกันมากและเป็นแฟนกันเพื่อที่จะให้กุ้งและแคนดี้ตัดใจจากไป เรื่องก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะกุ้งไม่ยอมเลิกลาพาลหาเรื่องฟรุคอยู่บ่อยๆ ส่วนแคนดี้ก็เช่นกันตามด่าว่าเปรี้ยวต่างๆ นานาหาว่ามาแย่งฟรุค ป้าสุนีย์เริ่มกลุ้มใจกับพฤติกรรมของเพื่อนบ้าน เพราะความสงบสุขที่เคยมีมันเริ่มหายไปทีละน้อย ซึ่งผิดกับครอบครัวประมุข ความสนุกท้าทายเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น สุนีย์เลยสั่งกั้นรั้วให้สูงท่วมหัวขึ้น แต่ก็ไม่พ้นความพยายามของประมุขไปได้ เลยสั่งทำหอคอยให้สูงเฉียดรั้วบ้านของสุนีย์เพื่อเอาไว้ขึ้นไปนั่งกินเหล้าและก่อกวนสุนีย์ เรื่องยุ่งๆ วุ่นวายระหว่างสุนีย์กับประมุขกับความรักอลหม่านของหลานสาวทั้ง 3 คน แจ๊ด กับปีโน่ แป๊ดกับเฟียต และเปรี้ยวน้องเล็กสุดกับหนุ่มฟรุค จะลงเอยอย่างไร ติดตามชมได้ใน สาวเต็มพิกัด ทางช่อง 7 สี

ลูกหนี้ทีเด็ด 2547

เรื่องย่อ : ลูกหนี้ทีเด็ด (2547/2004) ต้นแบบ, เต็มเปี่ยม, กังฟู, เฉียบคม, เจนจัด 5 หนุ่มที่รักความอิสระ เปี่ยมล้นไปด้วยพลังของคนรุ่นใหม่ไฟแรง การที่จะให้เป็นลูกจ้างใคร คอยน้อมรับคำสั่งอย่างเดียวนั้น ทั้ง 5 หนุ่มคิดตรงกันว่า แล้วมันจะท้าทายตรงไหน เมื่อสรุปทุกอย่างได้ตรงใจกันขนาดนี้ เพื่อนรักทั้ง 5 ก็ขอร่วมหัวจมท้าย ทำธุรกิจเป็นของตนเองซะเลย จะได้รวยกันถ้วนหน้า นั่นคือความมุ่งมั่นที่ทุกคนมี ธุรกิจที่ 5 หนุ่มเล็งไว้ก็คือ บริษัทจัดกิจกรรมต่างๆ เพราะเห็นว่ายุคปัจจุบันเป็นยุคที่แทบทุกบริษัทมักจะจัด Event เปิดตัวสินค้าเพื่อเป็นการสร้างชื่อให้บริษัทเป็นที่รู้จักในสังคม เมื่อความคิดเห็นตรงกันทั้ง 5 หนุ่ม จึงตกลงปลงใจเปิดบริษัททันที การระดมทุนเป็นอย่างทุลักทุเลด้วยการกู้หนี้ยืมสินจากคนรอบตัวแม้ดอกเบี้ยจะสูงเท่าตัว แต่ทุกคนก็สมัครใจเป็นลูกหนี้เพื่อหวังว่ากิจการจะไปโลดและสามารถปลดหนี้ได้ในอนาคต และแล้ว บริษัท ไลอ้อนไฟว์ ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง หลังตกแต่งสำนักงานให้ดูดีสมฐานะ เหลือเงินทุนหมุนเวียนอยู่น้อยนิด แต่โชคดีที่มีงานชิ้นแรกเข้าบริษัท ให้ 5 หนุ่มได้ชื่นใจ ทุ่มเทจัดงานเต็มที่ลูกค้าก็หน้าบาน พอถึงเวลาจ่ายเงินเช็คที่ลูกค้าให้มาก็ติดสปริงเด้งดึ๋ง แถมลูกค้าก็ยืนยันเป็นเหมาะ ไม่โกง ไม่หนี ไม่มี ไม่จ่าย 5 หนุ่มก็เลยจ๋อยไปตามๆ กัน รับงานแรกก็เจอแจคพอตเสียแล้ว แถมเงินทุนก็ไม่มีเหลือเลย ทางเดียวที่จะต่อยอดธุรกิจก็คือเงินกู้นอกระบบ แม้ดอกเบี้ยจะพุ่งพรวดราวกับดอกเห็ดแต่เพื่อความร่ำรวย 5 หนุ่มก็ไม่ย่อท้อแม้แต่นิดเดียว โดยมี เฉียบคม ที่คอยปลุกปลอบเพื่อนๆ เสมอว่า เป็นลูกหนี้ได้ก็ต้องเป็นเจ้าหนี้ได้เหมือนกัน เศรษฐีคนอื่นวิ่งแลกเช็คอยู่หลายปีกว่าจะมาร่ำรวยอย่างทุกวันนี้ ต้นแบบ รับงานเปิดโชว์รูมรถยนต์ต่อมาจากบริษัทอื่นที่งานล้นมือ 5 หนุ่มเห็นตรงกันว่างานนี้จะต้องเป็นชิ้นงานมาสเตอร์พีซ เพื่อสร้างชื่อไลอ้อนไฟว์ ให้เป็นที่รู้จักในวงการ และนั่นหมายถึงเม็ดเงินที่จะวิ่งเข้าสู่บริษัท การออร์กาไนซ์งานเปิดโชว์รูมรถยนต์ของบุญชุบ เศรษฐีทีมีจุดอ่อนชอบแอบกิ๊กสาวเอ๊าะๆ ทุกครั้งที่ลับสายตา คุณนายบุญเรือน ศรีภรรยาจอมเวอร์ ชอบโปะเครื่องประดับราวกับตู้เพชรเคลื่อนที่ แต่ตระหนี่เป็นที่สุดจะไม่ยอมเสียอะไรง่ายๆ ถ้าไม่ได้ผลตอบแทนที่พอใจ งานเปิดตัวโชว์รูมรถยนต์ครั้งนี้ได้พลิกชะตาชีวิตของ ต้นแบบให้กลายมาเป็นลูกหนี้ทีเด็ดอย่างถอนตัวไม่ขึ้นทั้งตัวและหัวใจ เมื่อเศรษฐีบุญชุบและคุณนายบุญเรือนเกิดเป็นปลื้มกับฝีมือการจัดงานของไลออนไฟว์ ของทั้ง 5 หนุ่ม พอทราบถึงปัญหา จึงยินดีให้ความช่วยเหลือในเรื่องเงินทุนโดยรับแลกเช็คไว้ ทำให้ทั้ง 5 มองเห็นหนทางสู่ความสำเร็จของไลอ้อนไฟว์ อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม แล้วทั้งหมดย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเช่าที่อยู่ติดกับคฤหาสน์เศรษฐีบุญชุบและคุณนายบุญเรือน ที่นี่เอง ต้นแบบ ได้พบกับ ฟ้างาม ลูกสาวคนสวยของทั้งคู่ ที่เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง แต่เงินทองพวกนั้นไม่เคยทำให้เธอหายว้าเหว่ได้เสียที ฟ้างามมีเพื่อนสนิทคือ นกน้อย ที่ปรึกษาหารือกันได้ทุกเรื่อง ทั้งคู่ติดกันเหมือนตังเม เห็นนกน้อยที่ไหนต้องเห็นฟ้างามที่นั่น นกน้อยชอบพออยู่กับเต็มเปี่ยมเพื่อสนิทของต้นแบบ เมื่อคนรักจับธุรกิจนกน้อยก็คอยช่วยเหลือทุกทางเพื่อให้เต็มเปี่ยมมีกำลังใจในการทำงาน นั่นเป็นเหตุผลที่ฟ้างามจะต้องเข้ามาข้องเกี่ยวกับต้นแบบ และเพื่อนๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งฟ้างามเองก็พอใจที่จะได้เข้ามาใกล้ชิดต้นแบบ ทำให้เธอคลายความว้าเหว่ คลายความเหงาลงไป ฟ้างามและต้นแบบเริ่มมีใจให้กัน แม้คุณนายบุญเรือนจะกีดกันอย่างไรก็ไม่เป็นผล ไลอ้อนไฟว์ เมื่อมีผู้สนับสนุนเรื่องเงินทุนก็หมดกังวลไปได้ ทั้งหมดลุยงานทั่วราชอาณาจักร งานก็มีเข้ามาไม่ขาดสาย ทั้งงานเปิดตัวสินค้า ทั้งรับเป็นโมเดลลิงจัดหานางแบบ นักแสดง ส่งให้กองละคร กองถ่ายภาพยนตร์ อนิจจายิ่งทำงานทุนก็ยิ่งหาย กำไรยิ่งหด เพราะขาดประสบการณ์ในการบริหารจัดการที่ดี รายได้ไม่พอกับรายจ่าย เช็คที่แลกไว้กับเศรษฐีบุญชุบก็ถูกระงับการจ่าย ธนาคารสั่งปิดบัญชีไลอ้อนไฟว์ คุณนายบุญเรือนทราบเรื่องเข้าก็ไม่รอช้า เมื่อเห็นว่าผลประโยชน์ที่ควรจะได้ไม่เป็นไปตามแผน แถมหนี้ก็ทำท่าจะสูญ จึงยื่นคำขาดให้ 5 หนุ่มหาเงินมาชำระหนี้ให้หมดรวมทั้งค่าเช่าบ้านที่ค้างมานานมิฉะนั้นจะไล่ออกจากบ้าน และยึดทรัพย์สินทั้งหมดของ ไลอ้อนไฟว์ เมื่อถึงทางตันที่พอจะประวิงเวลาไว้ก่อนก็คือ เศรษฐีบุญชุบเพราะเฉียบคมรู้ว่าบุญชุบชอบสาวๆ จึงพาสาวๆ จากโมเดลลิงของตนมาล่อใจให้บุญชุบเป็นกันชนไม่ให้คุณนายบุญเรือนทำอะไรได้ถนัดนัก ประกอบกับฟ้างามเองก็เห็น 5 หนุ่มโดยเฉพาะต้นแบบจึงช่วยออดอ้อนบุญเรือนได้อีกแรงหนึ่ง 5 หนุ่มตัดสินใจไปกู้เงินจากเสี่ยสิงห์ผู้หน้าเลือด เจ้าของธุรกิจเงินกู้นอกระบบที่มักจะอาศัยความเป็นนักเลงเอาเปรียบพวกลูกหนี้อยู่เสมอๆ เจนจัด และต้นแบบ เผลอไปทำสัญญาเงินกู้ที่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเป็นลูกหนี้เจ็ดชั่วโคตรแถมดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็แอบแฝงซับซ้อนซ่อนเงื่อนไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เพราะเสี่ยสิงห์ทะลึ่งมาชอบพอกับ ต้นอ้อ คนรักเจนจัดอย่างถอนตัวไม่ขึ้น แถมต้องตา ลูกสาวสุดเปรี้ยวของเสี่ยสิงห์ก็ปิ๊งต้นแบบอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เป็นเจ้าของต้นแบบโดยไม่สนว่าต้นแบบนั้นรักอยู่กับฟ้างาม เมื่อทั้งพ่อทั้งลูกไม่สมหวังในรักก็เคียดแค้นเหล่าลูกหนี้เป็นทวีคูณ ใช้ความเป็นเจ้าหนี้บีบคั้นต้นแบบและต้นอ้อให้ยอมสยบแก่ตนอย่างไม่ละอาย ลูกหนี้ที่ดีขนาดนี้มีหรือผีจะไม่คุ้ม ต้นแบบค้นพบว่าตนและเพื่อนๆ มีหน้าตาเป็นอาวุธแถมมีพรสวรรค์ในการร้องเพลงจึงเข้าหาเศรษฐีบุญชุบเสนอโครงการทำวงดนตรีออกเทปมาขาย บุญชุบลองฟังเดโมเทปดูก็ยินดีสนับสนุน ฟ้างามเองก็เห็นด้วยกับโครงการนี้ แต่เมื่อคุณนายบุญเรือนรู้เรื่องฝันของทุกคนก็สลาย เพราะคุณนายไม่ชอบขี้หน้าหนุ่มๆ กลุ่มนี้ที่ชอบหาสาวๆ มาล่อสามีตน จึงสั่งระงับโครงการออกเทปพร้อมทั้งยื่นคำขาดให้ 5 หนุ่มหาเงินมาใช้หนี้ด่วน ถ้าไม่ได้ก็จะล็อคบ้านเช่าไม่ให้เข้าออก อุปสรรคเพียงเท่านี้หรือจะมาทำอะไรกับใจที่มุ่งมั่นของ 5 หนุ่มได้ เต็มเปี่ยม เฉียบคม กังฟู บากหน้าไปขอกู้เงินเสี่ยเหนียว ซึ่งเหนียวสมชื่อแต่ก็บ้ายอและหวังรวยระดับชาติ เมื่อได้ฟังโครงการออกเทปของต้นแบบและเพื่อน เสี่ยเหนียวตาโตเท่าไข่ห่านเพราะมองเห็นเม็ดเงินที่จะได้จากงานนี้ เสี่ยเหนียวทุ่มไม่อั้นเป็นผลให้เทปชุดแรกของต้นแบบได้วางแผน แต่ปรากฏว่าขาดทุนไม่เป็นท่า แต่สายป่านของเสี่ยเหนียวยังดีอยู่ทำให้เทปชุดสองตามออกมาในเวลาไม่นาน เพลงในชุดสองดังระเบิดเถิดเทิงแต่ยอดขายไม่กระเตื้อง สืบไปสืบมาได้ความว่าโรงงานซีดีเถื่อนของเสี่ยสิงห์ก๊อปแผ่นผีวางขายให้เกลื่อน เสี่ยเหนียวแทบลมใส่เพราะเสียดายเงินทุน 5 หนุ่มก็เจ๊งอีกตามเคย 5 หนุ่มสุมหัวปรึกษากันอย่างจริงจังเพื่อหาสาเหตุว่าทำไมตลอดเวลาที่ผ่านมา ธุรกิจที่กำลังบูมในตลาดนั้นพอพวกเขามาจับงานไหนงานนั้นเจ๊งไม่เป็นท่า หนี้สินที่มีอยู่ก็ท่วมหัวจนไม่รู้จะผัดผ่อนหรือชำระได้อย่างไรแล้ว ฟ้างามรูเรื่องเข้าเลยพาต้นแบบและเพื่อนๆ ไปปรึกษาเศรษฐีบุญชุบผู้เป็นพ่อในฐานะเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาก่อน เศรษฐีบุญชุบเห็นในความมุ่งมั่นของบรรดาลูกหนี้ทั้ง 5 และเห็นว่าโปรเจ็คทั้งหลายที่ 5 หนุ่มเสนอมานั้นล้วนเป็นไอเดียที่ดีทังนั้น จะขาดก็เพียงการบริหารจัดการที่ดี ทำให้งานออกมาได้ไม่คุ้มเสีย เศรษฐีบุญชุบปรึกษากับคุณนายบุญเรือนว่า จะให้โอกาสลูกหนี้ทั้ง 5 อีกครั้ง โดยจะลงทุนให้และให้ทั้ง 5 หนุ่มรับผิดชอบด้านโปรดักชั่นทั้งหมด ส่วนด้านบัญชี การจัดการตนและคุณนายบุญเรือนจะบริหารเอง เมื่อได้ทีมงานที่เข้มแข็งและมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จมาคอยสนับสนุนเช่นนี้ ลูกหนี้ทั้ง 5 ก็มีแรงในการคิดสร้างสรรค์งานต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องธุรกิจออร์กาไนซ์และโมเดลลิงของพวกเขาก็ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ วิกฤตหนี้สินที่เป็นอยู่ลดลงจนหมดไปในที่สุด ผลกำไรก็งอกเงยขึ้นมาให้พวกเขาลืมตาอ้าปากได้ แม้เรื่องธุรกิจกำลังไปได้ดี แต่สิ่งที่ลูกหนี้ทุกคนโดยเฉพาะต้นแบบไม่เคยลืมก็คือเรื่องของหัวใจ เพราะหนี้สินที่เกิดขึ้นโดยแท้ ทำให้เขาได้ปลูกต้นรักร่วมกับฟ้างาม ส่วนฟ้างามก็แน่ใจแล้วว่าตนเองต่างหากที่ตกเป็นลูกหนี้หัวใจของต้นแบบ ลูกหนี้ทีเด็ดของเธอ

ศิลปินเถื่อน 2546

เรื่องย่อ : ศิลปินเถื่อน (2546/2003) เอี้ยมจุ๊นกำลังเร่งเครื่องมอเตอร์ไซด์อยู่กับที่ หน้าคฤหาสถ์หลังหนึ่ง คนซ้อนท้ายใส่หมวกกันน็อครอจังหวะ ก่อนจะวิ่งลงจากรถเครื่อง ตรงไปยังรถยนต์ที่แล่นออกจากคฤหาสถ์ชักปืนยิงแล้วก็วิ่งมาซ้อนท้ายรถ มอเตอร์ไซด์ของเอี้ยมจุ๊น เอี้ยมจุ๊นเร่งเครื่องยกหน้า รถมอเตอร์ไซด์กลิ้งโครมคราม ภาพผู้กำกับทำหน้าโมโหสุดขีดเข้ามาด่าเอี้ยมจุ๊น สั่งให้ธุรกิจกองถ่ายมาไล่เอี้ยมจุ๊นไป จ่ายค่าเจ็บตัวให้หนึ่งร้อยบาท ขณะเดียวกันนั้น รอย อนารยชน ก็กำลังอาราธนาจุดธูปไหว้เหล็กก้อนหนึ่ง ซึ่งรอยมั่นใจว่า เป็นเหล็กไหล กำลังจะลองให้นายหน้าคนซื้อเหล็กไหล ใช้ปืนยิง เพราะถ้ายิงไม่ออกในสามนัด นายหน้าจะยอมจ่ายเงินให้ตามราคาน้ำหนัก หนึ่งบาทต่อหนึ่งล้าน เมื่อยิงนัดแรก เสียงปืนดังแชะ รอยดีใจ แต่นายหน้าบอกว่าลืมใส่ลูกปืน พอเอาลูกปืนใส่ ยิงกระจาย นายหน้าด่ารอย อนารยชนว่าหลอกลวงอีกตามเคย รอยจ๋อย ส่วนเปี๊ยก อาร์ต กำลังยืนวางแผงขายรูปเขียน มีกรอบสวยงามอยู่ริมถนน แถบสีลม มีคนมาซื้อ เปี๊ยก อาร์ต ดีใจว่ามีคนนิยมฝีมือตัวเอง แต่ก็เสียความรู้สึกเมื่อคนซื้อขอซื้อเฉพาะกรอบรูป รูปวาดไม่เอาเพราะมีที่บ้านสวยกว่านี้มากนัก ขณะที่สินจิตกำลังเล่นดนตรีเปิดหมวกยืนดีดกีตาร์แถวศูนย์การค้า มีกล่องกีตาร์เปิด เพื่อให้คนใส่เงิน พอดีกับมีตำรวจเทศกิจมา ต้องหอบกีตาร์และกล่องออกมาวิ่งหนี เงินเหรียญหล่นกระจาย ฝ่ายเป บูรพา กำลังเดินออกจากซอย เจอตำรวจสายตรวจมาขอค้น เพราะมีท่าทีเหมือนขี้ยา ค้นย่ามไม่เจออะไรนอกจากบ๊วยเค็ม มะม่วงดอง เม็ดแตงโม ตำรวจสงสัยถามว่า ทำงานอะไร เปตอบเป็นภาษากวีว่า เป็นเพียงคนเถื่อนช่างฝัน บนคืนวันอันเศร้าหม่น ดื่มกินความเงียบเหงากับใจตน สาธุชนเรียกข้าว่ากวี..... ตำรวจสายตรวจปรึกษากันแล้วสรุปว่า “ บ้า” เลยปล่อยตัวไป ติดตามต่อได้ใน "ศิลปินเถื่อน"

นายร้อยสอยดาว 2541

เรื่องย่อ : นายร้อยสอยดาว (2546/2003) เด่นดนัย เด่นล้ำ ลูกชายจ่าแม้น มีความใฝ่ฝันจะสอบเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยของรัฐในคณะนิเทศศาสตร์ แต่ถูกพ่อบังคับให้สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารไม่ยังงั้นจะไม่ส่งเสียให้ เรียนอะไรเลย เด่นดนัยขอร้องแม่ให้ช่วยพูดกับพ่อแต่แม่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะความที่แม่ตามใจลูกชายคนโตให้เรียนนิติศาสตร์จนลูกชายคนโตต้องเสีย ชีวิตในการประท้วงเรียกร้องรัฐธรรมนูญ จ่าแม้นจึงมีความหวังที่ตัวเด่นดนัยเพียงคนเดียว สาเหตุที่จ่าแม้นบังคับให้เด่นดนัยเรียนเตรียมทหารนั้นเพราะว่าจ่าแม้นถูก ส่งไปรับราชการอยู่ชายแดนไม่มีโอกาสเหมือนเพื่อน ๆ รุ่นเดียวของเขาคือ พันโทปัญญา ซึ่ง มีโอกาสเรียนสอบเลื่อนขึ้นเป็นนายร้อย นายพันและมีลูกชายคือ รท.ปานเทพ เป็นผู้หมวดฝึกนักเรียนเตรียมทหารและนักเรียนนายร้อย จปร. ติดตามต่อได้ใน นายร้อยสอยดาว

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 15 รายการ