มัดหัวใจยัยซุปตาร์ 2565

มัดหัวใจยัยซุปตาร์ (2565/2022) เมคอัพอาร์ติสต์หนุ่มที่ทุ่มสุดตัว เพื่อมัดหัวใจซุปตาร์สาวรุ่นพี่ รัฐกรเมคอัพอาร์ติสต์หนุ่มและเป็นยูทูบเบอร์ชื่อดังแอบหลงรักซุปตาร์สาวอย่างวาสิตามาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าหญิงสาวจะมองว่าเขาเป็นเพียงน้อง (สาว) คนหนึ่งเท่านั้น แต่แล้วก็ดันเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมา วาสิตาตั้งท้องกับชายหนุ่มโดยไม่ได้ตั้งใจ และได้รู้ความจริงว่าเขาไม่ได้เป็นน้อง (สาว) อย่างที่เธอเข้าใจ และเขาไม่ได้เป็นอย่างที่คนทั้งประเทศคิด เพื่อพิชิตหัวใจของหญิงสาว รัฐกรจึงต้องพิสูจน์ตัวเองทุกอย่างเพื่อให้วาสิตาได้รับรู้ถึงความรักที่แท้จริงของเขา แม้ว่ามันจะมีอุปสรรคมากแค่ไหนเขาก็ไม่หวั่น

ดั่งดวงหฤทัย 2563

ดั่งดวงหฤทัย (2563/2020) เจ้าหญิงมณิสรา แห่งทานตะ ถูกส่งตัวให้เดินทางขึ้นไปตามแม่น้ำกัปตาฬี เพื่อไปอภิเษกกับเจ้าหลวงรังสิมันต์แห่งกาสิก แต่วายุ ทหารองครักษ์ แกล้งพูดให้มณิสรา รู้ถึงความโหดเหี้ยมของเจ้าชายรังสิมันต์แห่งกาสิก จนทำให้มณิสรากลัวการแต่งงานครั้งนี้มาก อีกทั้งเธอก็ไม่มีใจรักให้กับรังสิมันต์อยู่แล้ว มณิสราจึงตัดสินใจหนีจากขบวนเรือ ที่กำลังล่องในแม่น้ำ แล้วหนีเข้าไปในป่าแห่งพันธุรัฐทันที โดยไม่รู้เท่าทันวายุ ว่าเขาต้องการส่งตัวชยารพี พี่สาวต่างมารดาของมณิสราไปแต่งงานกับรังสิมันต์ แทน ในขณะที่มณิสราวิ่งหนีไปอย่างไร้จุดหมาย ก็ได้พบกับบ้านพักของ เจ้าชายทยุติธรบวรรังสี มกุฎราชกุมารแห่งพันธุรัฐ พระเชษฐาของเจ้าหญิงทรรศิกา ซึ่งกำลังมาพักผ่อนอยู่กับทหารคนสนิทอย่างธารเทพ ที่บ้านพักในป่า มณิสราเข้ามากินข้าวปลาอาหารในบ้าน แล้วเผลอหลับไป เมื่อเธอตื่นขึ้นมา พบกับทยุติธร และธารเทพ เธอตกใจกลัว แต่สุดท้ายก็สารภาพ ว่าเธอคือเจ้าหญิงมณิสรา หนีขบวนเสด็จมา เพราะไม่ต้องการอภิเษกกับชายที่ตนไม่ได้รัก เจ้าหญิงทรรศิกาเองก็ไม่สบายใจ เรื่องการหายตัวไปของมณิสรา ในดินแดนของพันธุรัตน์ จึงเดินทางไปพบกับทยุติธร ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ เช่นเดียวกับที่เจ้าหลวงรังสิมันต์แห่งกาสิก ก็ เสด็จไปพันธุรัฐอย่างลับ ๆ เพื่อสืบหาข้อเท็จจริงเรื่องการหายตัวไปของมณิสรา และจัดการกับเรื่องนี้ด้วยพระองค์เอง ระหว่างทาง ทรรศิกาเกือบพลัดจากหลังของเจ้าสีนิล ม้าของตนเอง แต่ก็มีชายคนหนึ่งช่วยชีวิตเธอไว้ ต่อมาเธอยังต้องอยู่ในป่าอันหนาวเหน็บ ทรรศิกาได้พบกับนายพรานหนวดเคราครึ้มนั่งก่อไฟอยู่ เธอจึงเข้าไปขอความช่วยเหลือ แต่ปรากฎว่าถูกวางยาสลบในน้ำชา และถูกลักพาตัวไป ชายผู้นั้นเปิดเผยตัวตนในเวลาต่อมา ว่าคือเจ้าหลวงรังสิมันต์แห่งกาสิก ทรรศิกาถูกจับตัวไป เธอจึงคิดว่าตนกลายเป็นเชลยทางการเมือง สำหรับแลกเปลี่ยนตัวกับเจ้าหญิงมณิสราเสียแล้ว ทรรศิกาได้รู้จักกับราชองครักษ์คู่ใจของเจ้าหลวงรังสิมันต์ ที่ชื่อ ราชิดและเบนลีอีกด้วย รังสิมันต์ แกล้งทำตัวเป็นคนโหดร้าย ใจคอโหดเหี้ยม ยิ่งทำให้ทรรศิกา ไม่ชอบใจมากยิ่งขึ้น รังสิมันต์พาทรรศิกาเดินทางไปเหมันตาลัยราชนิเวศน์ที่กาสิก ระหว่างทาง ทรรศิกาได้เห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อถึงเหมันตาลัย เจ้าหลวงแนะนำให้ทรรศิการู้จักกับมาลัย พระพี่เลี้ยงอาวุโส หัวหน้านางกำนัลทั้งหมด เจ้าหญิงได้รับการดูแลที่ดีเยี่ยงเจ้าฟ้าหญิงกาสิก นอกจากนั้น เจ้าหลวงรังสิมันต์ ยังให้ กะวาน มาอยู่เป็นเพื่อน คอยดูแลทรรศิกาอย่างใกล้ชิด รวมถึง พากระรอกน้อย เด็กชาวเขามาอยู่เป็นเพื่อนเล่นกับทรรศิกาด้วย พัชรธาร ผู้เคยเป็นคู่หมายตั้งแต่วัยเยาว์ของเจ้าหลวง อีกทั้งเป็นพระญาติสายใกล้ชิดกันกับรังสิมันต์ เธอไม่พอใจมากที่เห็นรังสิมันต์ใกล้ชิดกับทรรศิกา และให้เกียรติอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้ง วายุ และ ชยารพีก็เดินทางมาถึงกาสิก ชยารพี บอกกับรังสิมันต์ ว่าอาสาจะแต่งงานแทนมณิสรา แต่รังสิมันต์ ปฎิเสธข้อเสนอ ซ้ำยังบอกให้ชยารพีกับวายุ กลับบ้านเมืองตนไปเสีย พัชรธารให้วายุร่วมมือกับตนไปลอบทำร้าย ทยุติธร และธารเทพ ที่กำลังเดินทางมายังชายแดนกาสิก เพื่อช่วยเหลือทรรศิกา แต่โชคดี รังสิมันต์ มาช่วยทยุติธร ไว้ได้ทัน รังสิมันต์ยืนยันว่าคนร้ายไม่ใช่คนของกาสิก รังสิมันต์ขอให้ทยุติธร แต่งงานกับมณิสรา และตนเองจะแต่งงานกับทรรศิกา แต่ทยุติธร ไม่ต้องการให้ทรรศิกากลายเป็นสิ่งของที่มาต่อรองเรื่องทางการเมือง หากรังสิมันต์กับทรรศิการักกันจริงขอให้ปล่อยตัวทรรศิกามาก่อน แล้วให้ทรรศิกาเป็นฝ่ายตัดสินใจเอง พระเทวีรู้ความจริงเรื่องการหายตัวไปของทรรศิกา พระเทวีโกรธทยุติธรมาก เมื่อรู้ว่าทยุติธร นำตัวมณิสรามาหลบซ่อนไว้ แทนที่จะจัดขบวนเสด็จส่งมณิสรากลับอย่างสมพระเกียรติ มณิสราเครียดจัด ตัดสินใจจะฆ่าตัวตาย โชคดีพระเทวีมาช่วยไว้ทัน มณิสราร้องไห้เสียใจที่ไม่สามารถลิขิตชีวิตของตนเอง พระเทวีจึงขอให้มณิสรามาเป็นลูกสาวของตนเองอีกคน และลุกขึ้นยืนหยัดต่อสู้เพื่อบ้านเมืองอีกครั้ง นานวันไป เมื่อทรรศิกาได้ใกล้ชิดกับรังสิมันต์ จึงได้รู้ว่า เขาไม่ใช่คนโหดเหี้ยมอย่างที่ตนเองคิด ซ้ำยังเป็นคนเด็ดขาด แต่มากไปด้วยความอบอุ่นและจริงใจ รังสิมันต์ให้เกียรติเธอเสมอมา ความกลัว ความเกลียดชัง แปรเปลี่ยน เป็นความรักของคนทั้งคู่ในเวลาต่อมา รังสิมันต์ จัดงานพิธีใหญ่ขึ้น เขายืนเด่นสง่าอยู่หน้าบัลลังก์ โดยมีคณะเสนาบดีพร้อมหน้า กรมวังประกาศพิธีอุปภิเษก ถวายพระยศแด่ทรรศิกากัญญาวดีแห่งกาสิก ดำรงพระยศเทียบเท่าเจ้าฟ้าหญิงแห่งกาสิกทุกประการ รังสิมันต์สวมมงกุฎให้ทรรศิกา ทั้งสองยืนคู่กันอย่างสง่างาม รังสิมันต์เดินทางไปส่งทรรศิกาที่พันธุรัตน์ เมื่อถึงชายแดน เขากลับถูกลอบยิง หัวใจของทรรศิกาแทบหลุดลอยตามรังสิมันต์ไป โชคดี ธารเทพ ทยุติธร และมณิสรามาทันเวลา ทยุติธร ช่วยรังสิมันต์ไว้ ด้วยการถ่ายเลือด ต่อชีวิตให้กับเขาอีกครั้ง มณิสราขอโทษที่ตนเองเป็นต้นเหตุทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย แต่รังสิมันต์ไม่ถือโทษกับเธอ ซ้ำยังบอกอีกว่า เขาดีใจที่ได้มีโอกาสใกล้ชิดทรรศิกา และรักกันในที่สุด รังสิมันต์ขอให้เขาได้เป็นพี่ชายของมณิสรา ไม่ว่าจะเกิดเรื่องใดที่ทำให้เธอไม่สบายใจ ขอให้เขาได้ดูแลมณิสรา เยี่ยงน้องสาวตลอดไป มณิสราปลื้มใจมาก ข้อผูกพันเรื่องการหมั้นหมายเป็นอันหมดสิ้นกันนับตั้งแต่บัดนี้ ทยุติธรดีใจมากที่เรื่องราวจบลงด้วยดี ทยุติธร พามณิสรากลับมาที่ทานตะ เล่าความจริงทุกอย่าง ทำให้เจ้าหลวงรู้ความจริง เรื่องที่วายุ และชยารพี วางแผนการณ์ชั่วร้ายต่าง ๆ สุดท้าย ทั้งสองคน จึงต้องรับโทษต่อไป เจ้าหลวงอับอายไม่น้อยที่มณิสรากับรังสิมันต์ถอนหมั้นกัน แต่เมื่อทยุติธรบอกว่า ในไม่ช้า เมื่อมีพิธีบรมราชาภิเษกกษัตริย์แห่งพันธุรัฐขึ้น เขาจะขอแต่งงานกับมณิสราต่อไป เจ้าหลวงจึงดีใจที่มณิสราจะได้เป็นราชินีแห่งพันธุรัฐ เมื่อรังสิมันต์กลับมากาสิก จึงประกาศยกเลิกการหมั้นหมายกับมณิสรา ทหารหลายฝ่ายไม่พอใจ เพราะถือเป็นการหยามเกียรติ ทหารอยากให้ทำสงคราม แต่รังสิมันต์ยืนยัน จะไม่ยอมรบ แต่จะใช้วิธีทางการทูตแทน เพราะเลือดในตัวของเขาครึ่งหนึ่ง เป็นของทยุติธร เลือดแห่งพันธุรัฐ เขาจะไม่ยอมทรยศต่อความดีเป็นอันขาด หลังจากประชุมเสร็จ อาการป่วยของรังสิมันต์ก็กำเริบ เขากลัวจะไม่ได้เห็นหน้าทรรศิกาอีก จึงรีบเดินทางไปหาที่พันธุรัฐ เขาสารภาพว่ารักทรรศิกาด้วยใจจริง พระเทวีมาเจอ จึงรีบให้หมอหลวงรักษาให้หายดี รังสิมันต์ บอกกับพัชรธาร ว่าเขารักเธอแบบน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น พัชรธารยอมรับในความรักที่รังสิมันต์มีต่อทรรศิกา เธอจึงไปเป็นนักบวช คอยช่วยเหลือชาวบ้าน แจกจ่ายอาหารให้ผู้ทุกข์ยาก และยินดีกับคนทั้งสองจากใจจริง เมื่องานราชาภิเษกมาถึง ทยุติธร ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งพันธุรัตน์ โดยมีมณิสรายืนเคียงข้าง รังสิมันต์ ราชิด เบนลี เข้าร่วมพิธีด้วย รังสิมันต์ขอพระเทวีแต่งงานกับทรรศิกาอย่างเป็นทางการ พระเทวีตกลงใจ เพราะเห็นแก่ความรักที่แท้จริงของคนทั้งสอง เบนลี กับกะวาน ก็ได้ครองรักกัน ทยุติธรได้แต่งงานกับมณิสรา ส่วนรังสิมันต์ก็ได้แต่งงานกับทรรศิกา ทุกคน อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ทั้งกาสิก พันธุรัตน์ และทานตะ ผูกพันแน่นแฟ้น ไม่มีสิ่งอื่นใด มาทำลายความมั่นคง ผาสุกนี้ได้อีกต่อไป

สัตยาธิษฐาน 2562

สัตยาธิษฐาน (2562/2019) เด็กชายภาคินตกใจตื่นกลางดึกนับครั้งไม่ถ้วน แล้วที่เขาฝันเห็นเรื่องราวในอดีต คมดาบฟาดอากาศลงมาที่ตัวเขาเต็มแรงจนเขาเสียชีวิตทันที ภคินีผู้เป็นแม่ ทนไม่ได้จึงส่งภาคินไปเรียนต่างประเทศ หลายปีผ่านไป จนภาคินเรียนจบวิชาการออกแบบอัญมณี มาทำงานที่โรงงานผลิตอัญมณีของครอบครัว ภคินีนอนใจว่าลูกชายคงหลุดพ้นจากฝันร้ายในวัยเยาว์ โดยไม่รู้เลยว่าภาคินปิดบังไม่ให้มารดารู้ว่า ความฝันนั้นยิ่งชัดเจนมากขึ้นทุกที ประหนึ่งว่าเกิดขึ้นจริงๆ มีแต่นายแพทย์สหัสคุณเพื่อนสนิทเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้

ภาคินมีเพื่อนสาวมากหน้าหลายตา แต่ที่สนิทมากที่สุดคือ นวียา แต่ภาคินยังไม่ยอมตกลงปลงใจกับใคร ความรู้สึกลึกๆบอกเขาว่าเขากำลังรอคอยใครคนหนึ่ง คนที่เขาเฝ้าติดตามมาเนิ่นนาน เพื่อที่จะชดใช้อะไรบางอย่างที่เขาผูกพันสัญญากับคนผู้นั้นไว้ วันหนึ่ง ภาคินจอดรถที่สี่แยก เมื่อไฟสัญญาณเปลี่ยนเป็นสีแดง คนที่รอข้ามถนนกลุ่มใหญ่ก้าวลงมา จากตรงนั้น ภาคินก็เห็น รสวัลค์ หญิงสาวหันหน้ามาทางภาคินสบตากันอย่างแรง ภาคินชาวาบไปทั้งตัวเหมือนโลกหยุดหมุน และก่อนที่ร่างของรสวัลค์จะลับไปจากสายตา เขาก็เห็นรสวัลย์ แต่งชุดไทยงดงาม มองมาที่เขา ภาคินแน่ใจว่าเขาเคยพบเธอมาก่อน เป็นชาติที่แล้วอย่างแน่นอน เหตุการณ์ประหลาดนี้ตามมารบกวนภาคินตลอดเวลา ภาคินพบรสวัลค์อีกครั้ง ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง มีลูกค้าลวนลามรสวัลค์ ภาคินเข้าไปห้ามเกิดการชกต่อยกัน เหตุการณ์ยุติลงที่รสวัลค์ถูกไล่ออกจากงาน เมื่อกลับถึงบ้านรสวัลค์เล่าเรื่องให้ธันวา เพื่อนชายที่หลงรักรสวัลค์มานานฟัง รสวัลค์อยากหาเงินพิเศษมารักษามารดา นอกเหนือจากงานพาร์ทไทม์ที่ร้านขายต้นไม้ นอกจากนี้การเรียนวิชาสถาปัตย์แลนด์สเคปในมหาวิทยาลัย จำเป็นต้องใช้เงินมากเป็นค่าอุปกรณ์การเรียนอีกด้วย วันหนึ่งคุณย่าอุบลของภาคินชวนไปดูบ้านโบราณสมัย รัชกาลที่ 3 ที่เจ้าของจะขาย บ้านหลังนี้เป็นของพระยานฤนารถภักดี ขุนนางสามแผ่นดิน เมื่อภาคินเห็นบ้านเต็มตาความรู้สึกคุ้นเคยผูกพันหลั่งไหลเข้ามาเต็มหัวใจ ศาลาท่าน้ำเก่าทรุดโทรมจนเสาและพื้นส่วนหนึ่งจมหายไปในน้ำ ที่นี่ไม่ผิดแน่ภาคินบอกตัวเองในขณะที่ภาพศาลางดงามร่มรื่นใต้ร่มเงาต้นจำปีใหญ่เด่นชัดขึ้นมาในสายตา ภาคินเห็นภาพที่คุณนิ่ม และทด นั่งคุยกันที่ศาลา ที่สำคัญ เขาเห็นภคินีผู้เป็นแม่ที่นั่น แต่แต่งกายเป็นคนสมัยโบราณ ภาคินเพิ่มความแปลกใจมากขึ้นไปอีก กาลเวลาย้อนไปสยามสมัยรัชกาลที่ 4 นางชื่น จูงมือทดลูกชายวัย 5 ขวบ มาที่บ้านคุณพระวสุพินิจ คุณพระตกลงซื้อทดไว้เป็นทาส ให้แม่เอาเงินไปไถ่ศพพ่อที่โดนรุมจนตายที่บ่อน คุณพระมอบหมายให้ตาสมทาสชราดูแลทด ตาสมเป็นคนดีธรรมะธัมโม จึงเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนทดให้เป็นคนดีเช่นกัน คุณนพ คือลูกชายของคุณพระวสุพินิจ ลูกสมุนของคุณนพ ในกลุ่มนั้นมีชิดเป็นหัวโจก ชิดเป็นลูกของชดหัวหน้าทาส จึงทำให้ชิดข่มลูกทาสคนอื่น ยกตนเป็นคนสนิทของคุณนพ วันหนึ่ง ชิดกับเพื่อน ๆ ชวนคุณนพ ไปเล่นน้ำ ลุงสมรู้เข้าก็ไม่ชอบใจ เพราะรู้ว่าคุณนพ ว่ายน้ำไม่แข็ง จึงให้ทดตามไปดู แล้วก็เป็นอย่างคิด คุณนพจมน้ำ ในขณะที่ชิดและเพื่อน ๆ ไม่มีใครลงไปช่วย ทดจึงรีบกระโดดน้ำไปช่วย ตั้งแต่นั้นมา นพก็ยกให้ทดเป็นเพื่อนสนิท ทำให้ชิดและเพื่อน ๆ ไม่พอใจมาก คุณนพยังพาทดไปเรียนหนังสือด้วย ชิดจึงเกลียดทดเป็นทวีคูณ ปัจจุบัน คุณย่าอุบล ตกลงใจ ซื้อบ้านเก่าหลังนั้นไว้ ภาคินดีใจมาก เขาตั้งใจ ไปซื้อต้นจำปี เพื่อมาปลูกที่ศาลาท่าน้ำ และที่ร้านขายต้นไม้นั้นเอง เขาก็พบรสวัลค์ในวันหนึ่งที่ร้านขายต้นไม้ ภาคินไปหาซื้อต้นจำปี ร้านที่รสวัลค์ทำงานพอดี รสวัลค์ ไม่อยากพูดดีด้วย แต่ภาคิน กลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก ภาคินสะดุ้งตื่น ก่อนลุกขึ้นยืนเขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ตรงนั้น ตรงที่มือเขาวางอยู่ เมื่อขุดดูปรากฏว่าเป็นแหวนทองเหลืองโบราณวงหนึ่งถูกฝังอยู่ใต้ต้นจำปีสูงใหญ่ใกล้ๆกับศาลาผุพังที่เขานอนเล่นจนหลับไป ความรู้สึกโหยหารบกวนจิตใจของภาคินตลอดเวลา ทุกครั้งที่เขามองดูแหวน เขารู้สึกคุ้นเคยเหมือนได้จับต้องมาแล้วเป็นร้อยครั้ง กลิ่นดอกจำปีเช่นกัน น่าประหลาดที่ทั้งสองอย่างทำให้เขาคิดถึงผู้หญิงคนนั้นเหลือเกิน ก่อนที่เขาจะตัดสินใจไปหาจิตแพทย์ตามที่สหัสคุณเพื่อนรักแนะนำ อดีต อดีตที่ฉายผ่านเข้ามาในอนุสติ ทดคอยแม่ที่ว่าจะมารับทุกวันแต่ไม่มีวี่แวว วันหนึ่งเหมือนโลกถล่มทลายมาใส่เด็กชาย เมื่อตาสมนำแหวนทองเหลืองมาให้ ทดรู้ทันทีว่าแม่ตายแล้ว แต่ไม่รู้ว่าแม่ตายด้วยอาการทุกขเวทนาอย่างที่สุด นั่นก็คือถูกไฟครอกจนตาย ตาสมปลอบโยนและแนะนำให้ทดอยู่เป็นทาสต่อไปเพราะอย่างน้อยยังมีที่คุ้มกะลาหัวทดรับใช้งานทั้งคุณพระและคุณนพอย่างถวายหัว จึงเป็นที่รักของสองพ่อลูกอย่างยิ่ง คุณพระไปราชการ คุณน้อมภรรยาท้องแก่คลอดก่อนกำหนดเสียชีวิตแต่ทารกรอด คุณพระสั่งโบยหมอตำแยปางตาย คุณนิ่ม บุตรีที่รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์คือแก้วตาดวงใจของคุณพระ โตขึ้นมาชนิดที่เท้าแทบไม่ได้เหยียบดิน คนเลี้ยงชื่อนางใบ มีลูกสาวคนหนึ่งชื่อน้อย คุณนิ่มและน้อยดื่มนมจากเต้าเดียวกัน โตมาด้วยกัน คนหนึ่งเป็นลูกไล่ของอีกคนหนึ่ง นางใบเองรักคุณนิ่มสุดสวาทขาดใจ หารู้ไม่ว่าคือความเพราะความอิจฉาริษยาให้หัวใจของเด็กอีกคนที่เป็นลูกแท้ๆ เวลาคุณนิ่มมีฤทธิ์คนที่ปรามได้ทั้งไม้แข็งไม่นวมมีคนเดียวคือทด เด็กชายวัย 10 ปี ปราบเด็กหญิงวัย5ปี ได้อย่างราบคาบทุกครั้ง ต่อมาทดในวัยรุ่นหนุ่ม รับตำแหน่งทนายหน้าหอของคุณนพผู้ซึ่งเข้ารับราชการในกรมท่า เพราะคุณนพเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษที่ได้เรียนมาจากมิชชันนารีชาวอังกฤษ ทดซึ่งตามคุณนพไปทุกครั้งก็พลอยได้เรียนไปด้วย ทดช่วยงานคุณนพทุกเรื่องแม้แต่เรื่องที่ยากที่สุด ทำให้คุณนพได้ความดีความชอบเลื่อนบรรดาศักดิ์ก้าวหน้าเร็วกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่คนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับทดออกนอกหน้าคือ ชิดทาสที่โตมาด้วยกัน นอกจากเป็นคู่แค้นทางชีวิตแล้ว ชิดยังถือว่าทดเป็นศัตรูหัวใจเพราะชิดหลงรักแย้ม ทาสสาว แต่แย้มกลับมีใจให้ทด คุณนิ่มวัย12 ปี มีฤทธิ์มากขึ้นทุกวัน นิสัยเสียจนผู้คนเอือมระอา ยังคงมีแต่ทดที่ตามดูแลอยู่ แม้คุณนิ่มจะดื้อดึงออกฤทธิ์ออกเดชกับทด จนบางครั้งทดทั้งเจ็บตัวทั้งถูกเข้าใจผิดจากการกลั่นแกล้งของคุณนิ่ม แต่ทดก็มีวิธีสยบคุณนิ่มเสมอ ครั้งหนึ่งทดช่วยคุณนิ่มไม่ให้จมน้ำตาย ทุกคนจึงรู้สึกว่าทดเป็นผู้มีบุญคุณกับครอบครัว เจ้าคุณกับคุณนพทวีความรักใคร่วางใจทดมากขึ้นทำให้ชิดคั่งแค้นมากขึ้นเช่นกัน เมื่อคุณนิ่ม โตเป็นสาวมากขึ้นทุกวัน ทดออกแผนการณ์กับเจ้าคุณและคุณนพให้ส่งตัวคุณนิ่มเข้าวังเพื่อเรียนรู้ธรรมเนียมปฏิบัติของกุลสตรีไทย คุณนิ่มเมื่อรู้ว่าทดเป็นคนต้นคิด ก็แค้นใจมาก น้อยใจที่ต้องจากบ้านไปอยู่ลำพัง แม้กระทั่ง วันที่เธอเดินทางไป คุณนิ่มก็ไม่ยอมพูดกับทดอีกเลย ในวังเสด็จพระองค์หญิง คุณนิ่มต้องฝึกและเรียนรู้อย่างหนัก เพื่อให้มีทุกอย่างให้สมกับความเป็นกุลสตรีลูกผู้ดีชั้นสูง คุณนิ่มแสนจะอึดอัดคับข้องใจ ทวีความแค้นขึ้นทุกวันรอคอยวันที่จะกลับมาแก้แค้นชิดยังคงไม่ชอบหน้าทด เพราะทั้งแย้มทาสสาวที่ชิดหมายปอง กับน้อยทาสอีกคนที่กำลังโต แต่คนที่สองสาวรักกลับกลายเป็นทด อย่างนี้หรือชิดจะปล่อยให้ทดลอยนวล ทอง ทนายหน้าหอของเจ้าคุณจะกลับไปเยี่ยมแม่ที่เจ็บอยู่ที่กรุงเก่า ลาท่านเจ้าคุณแต่ท่านไม่ให้ไป เพราะมีราชการด่วน ทดแนะทองว่าให้รีบไปเพราะงานของเจ้าคุณคือเข้าวังตอนกลางคืน แต่ปรากฏว่าทองกลับมาไม่ทัน เจ้าคุณโกรธจัด สั่งโบยทด แม้คุณนพจะขอเว้นความผิดเจ้าคุณไม่ยอม ขณะที่ทดกำลังถูกโบย คุณนิ่มก็ปรากฏตัวพอดี ทุกคนตะลึงกับสตรีสาวที่งามพร้อมทั้งกิริยาทั้งวาจาตรงหน้า เกือบไม่มีใครเชื่อว่านี่คือคุณนิ่มจอมเฮี้ยวประจำบ้าน เจ้าคุณดีใจเห็นลูกสาวกลับมายกเลิกคำสั่งโบยทด แต่คุณนิ่มกลับขอเป็นผู้โบยทดด้วยตัวเอง ทุกคนตะลึง คุณนิ่มลงหวายแต่ละครั้ง ทดสะดุ้งสุดตัวเพราะเจ็บไม่น้อยแม้เป็นแรงผู้หญิง นัยน์ตาที่สบกันทุกครั้งที่หวายลงหลังกลับเป็นแววตาของคนที่มีใจต่อกันมาเนิ่นนาน คุณนิ่มลงหวาย แต่ภาพที่ทดเคยช่วย เคยทำอะไรให้ เคยปกป้องคุ้มครอง เคยพาไปเที่ยวซุกซนตามที่ต่างๆ กลับชัดเจนในความคิด คุณนิ่มโยนหวายทิ้งเมื่อทดค่อยๆอ่อนแรงฟุบลง เจ้าคุณกับคุณนพตะลึงกับหัวใจเด็ดเดี่ยวของคุณนิ่ม คุณนิ่มแสดงให้เห็นทั้งการบ้านการเรือนแบบกุลสตรีไทยทุกกระเบียดนิ้ว เธอมีกิริยางามละม่อมไปหมดทั้งตัว เป็นที่น่าชื่นชม กิตติศัพท์ความงดงามของคุณนิ่มแพร่กระจายไปในวงสังคมเจ้าขุนมูลนาย หนุ่มๆลูกชายเจ้าพระยานาหมื่นต่างก็ขอให้บิดาพามาดูตัว ในจำนวนนี้คนที่ท่านเจ้าคุณถูกใจและหมายมั่นเป็นเขยคือ หลวงมนูญวงศา หรือคุณพัน ท่านเจ้าคุณชอบคุณพัน เพราะคุณพันเห็นดีเห็นงามกับเจ้าคุณในกรณีที่เจ้าคุณพยายามคัดค้านการเลิกทาส สองคนคุยกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย คนที่ขัดแย้งคือคุณนพ เรื่องการเลิกทาสจึงเป็นหัวข้อขัดแย้งของทั้งสามคนเสมอๆ ทดเฝ้ามองคุณนิ่มอยู่ห่างๆ ภายใต้ความนุ่มนวลเรียบร้อยนั้นวิญญาณของคุณนิ่มคนเก่ายังอยู่ เธอยังดื้อยังแก่น เธอรู้เต็มอกว่าทดแอบมองมาเสมอ ทดพยายามหักห้ามใจตัวเองอย่างหนัก รู้ตัวว่าไม่มีวันเป็นไปได้แม้ว่าบางครั้งสายตาเกลียดชังของคุณนิ่มจะแปรเปลี่ยนเป็นห่วงหาอาทรก็ตาม ขณะเดียวกันคุณนิ่มก็ยังต้อนรับคุณพันและคุณๆทั้งหลายเมื่อเขามาเยี่ยมเยือน ทดไม่เคยรู้สึกว่าตนเองสับสนอย่างนี้มาก่อน ความทุกข์ในรักเป็นเช่นใด ทดรู้แก่ใจแล้ว ปัจจุบัน ภาคินสงสัยว่าเธอมีสัญญาอะไรจากอดีตหรือไม่ เธอไม่ชอบเขาเหมือนที่คุณนิ่มในอดีตไม่ชอบทดหรือเปล่า สหัสคุณจะพาภาคินไปหาจิตแพทย์ แต่ภาคินปฏิเสธ เขาไม่ต้องการคำอธิบายจากวิทยาศาสตร์ใดๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นกับตัวเขา เขาจะตัดสินว่าจะทำอย่างไรต่อไป และนั่นเองทำให้เขาตัดสินใจ สั่งซ่อมศาลาท่าน้ำ เมื่อซ่อมเสร็จเรียบร้อยเขารู้ว่านี่คือศาลาท่าน้ำเดียวกับที่เขาช่วยคุณนิ่มขึ้นมาจากน้ำ เมื่อเธออายุ 5 ขวบ มันคือที่แห่งเดียวกันที่ความรักของเขากับคุณนิ่มเกิดขึ้น เมื่อบ้านซ่อมเสร็จแล้วภาคินใช้เล่ห์กลอุบายจนรสวัลค์ต้องมาจัดสวนให้เขาทำให้เขาได้พบเธอทุกวัน แม้เธอจะปลีกตัวห่างไม่ยอมใกล้ชิดเกินกว่าเรื่องงาน นอกจากนี้ยังมีธันวาที่คอยตามติดรสวัลค์และดูเหมือนรสวัลค์จะมีไมตรีกับธันวาเกินเพื่อน เขารู้ว่ารสวัลค์จงใจแสดงให้เขารู้เพื่อให้เขาเลิกตามตอแยเธอ แต่ภาคินไม่ยอมแพ้ เขารู้อย่างเดียวว่าเขาต้องต่อสู้ รสวัลค์ต้องเป็นของเขาคนเดียว   อดีต เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทดกับคุณนิ่มมีวินาทีที่หัวใจสองดวงเข้ามาใกล้ชิดกันมากขึ้น ทดช่วยชีวิตคุณนิ่มไม่ให้จมน้ำอีกครั้ง วินาทีที่เขาโอบอุ้มตัวคุณนิ่มแนบอกขึ้นมาจากสายน้ำ ใกล้ชิดจนเขารู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงของคุณนิ่มและเขาเชื่อว่าคุณนิ่มก็รู้สึกถึงใจของเขาเช่นกัน เพียงเท่านั้นหัวใจของทดก็เจ็บปวดมากกว่าเก่า คุณนพรู้ความนัยข้อนี้เตือนสติทดเองว่า เป็นไปไม่ได้ที่พระยานฤนารถภักดีจะยอมให้คุณนิ่มรักกับทด คุณนพถูกส่งไปรบกบฏจีนฮ่อ ทดสมัครเข้าร่วมศึกครั้งนี้ด้วย คุณนิ่มร่ำลาทดอย่างอ่อนหวานซาบซึ้งที่สุด ทำให้ทดตระหนักดีถึงความรักของเธอว่าเขาไม่มีวันได้รับจากใครอีก ทั้งสองจากไปรบเป็นแรมปี คุณนิ่มไม่พูดไม่ติดต่อกับชายใดอีกเลย เธอครองตัวบริสุทธิ์ทั้งกายวาจาใจเพื่อคอยทด วันหนึ่งทั้งสองคนกลับจากศึก คุณนพเสียขาจากการรบแต่ไม่ตายเพราะทดพลีชีพเพื่อช่วยคุณนพ ทดแบกคุณนพข้ามน้ำข้ามเขาจนมาถึงหมู่บ้านที่สามารถรักษาขาที่เน่าเฟะของคุณนพได้ คุณนพสัญญาว่าจะช่วยให้ทดสมหวังกับคุณนิ่มให้ได้ เรื่องทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของชิดและน้อย น้อยหลงรักทด แต่ใช้ชิดเป็นเครื่องมือโดยยอมพลีกายให้ชิด และให้ชิดสัญญาว่าจะช่วยให้ตนสมหวังกับทด ทางหนึ่งคือกำจัดคุณนิ่มไม่ให้ได้กับทด และทางหนึ่งคือต้องให้ท่านพระยารู้เรื่องนี้ ชิดและน้อยจัดการจนท่านพระยามาเห็นทดกับคุณนิ่มอยู่ด้วยกันในวันหนึ่ง ท่านสั่งโบยทดให้ตายคาหวาย คุณนิ่มปราดเข้าไปโอบอุ้มชายที่รักประกาศว่าขอตายด้วยกัน ท่านพระยาโกรธมาก น้อยเป็นผู้วางแผนการทั้งหมด ทั้งสองคนรู้ว่าท่านพระยากลับจากราชการเวลาสองยามคืนนี้ ชิดจะปล่อยให้คุณนิ่มลงมาพบทด ชิดจะพาท่านพระยามาขณะที่สองคนอยู่ด้วยกัน ชิดเข้าไปหาคุณนิ่มและเปิดทางให้ไปหาทดบอกว่าทดคอยที่ศาลาท่าน้ำ คุณนิ่มไม่ไปเพราะสงสัยในท่าที ชิดบังคับให้ไป คุณนิ่มขัดขืน ชิดบันดาลโทสะจะข่มขืน นางใบตื่นขึ้นมาช่วยจึงถูกฆ่าตาย คุณนิ่มใช้โอกาสที่ชิดเผลอหนีลงเรือนไป ถึงจะไม่เชื่อเจ้าชิดแต่คุณนิ่มก็ไปที่ศาลาท่าน้ำ ที่นั่น คุณนิ่มพบว่า ทดอยู่กับน้อยทั้งสองคน เสียงทดแผ่วๆ ฟังไม่ค่อยถนัดแต่เสียงน้อยนั้นชัดเจนว่า พี่ทดไม่ได้รักคุณนิ่มจริงๆ หรือ เสียงทดตอบรับแผ่วเบาแต่ก้องกังวานในโสตประสาทของคุณนิ่ม คุณนิ่มตัดสินใจ กระโดดน้ำตาย ครั้งนี้ไม่มีทดมาช่วย เพราะเป็นทดนั่นเองที่ส่งเธอลงสู่สายน้ำอันมืดมิด อนุสติสุดท้ายก้องกังวาน “ไม่ว่าชาตินี้ชาติไหน ขออย่าได้พบพานคนหลอกลวงหลายใจอย่างเขาอีก จะไม่ยอมโดนหลอกอีกเป็นอันขาด” ปัจจุบัน สวนจัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ภาคินให้คุณย่าอุบลขอร้องรสวัลค์ให้ดูแลตกแต่งภายใน ภาคินไม่ปล่อยโอกาสนี้ผ่านไป เขาบอกรักรสวัลค์พร้อมที่จะทำทุกอย่างให้เธอมีความสุข ขอให้เธอแต่งงานกับเขา ภาคินพยายามทำทุกอย่างจนรสวัลค์เริ่มใจอ่อนเกือบจะรับคำ แล้วคืนนั้นรสวัลค์ฝัน ฝันเห็นตัวเองอยู่ในสายน้ำกำลังจะจม บนตลิ่งภาคินประคองกอดนวียา แต่แปลกทั้งสองคนแต่งกายเหมือนคนโบราณ รสวัลค์ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร แต่กิริยาของภาคินที่ประคองอย่างทะนุถนอม ทำให้รสวัลค์รู้ว่าต้องเป็นคนสำคัญ ขณะที่ร่างค่อยๆจมลง เสียงประกาศก้องดังแจ่มชัดว่า “ไม่ว่าชาตินี้ชาติไหน ขออย่าพบพานคนหลอกลวง หลายใจอย่างเขาอีก จะไม่ยอมโดนหลอกอีกเป็นอันขาด” นวียา บอกว่าเธอเป็นคนรักของภาคิน รสวัลค์จึงไม่อยากรับฟังเรื่องใด จากปากของภาคินอีก ภาคินรู้สึกว่าอดีตกำลังฆ่าเขาให้ตายทั้งเป็น เขาเฝ้าไตร่ตรองว่าอะไรทำให้รสวัลค์ตัดรอนเขาไม่ไยดี แม้กำจัดรสวัลค์ไปได้แล้ว ภาคินก็ไม่กลับมาหานวียา แถมยังบอกตรงๆว่าไม่เคยคิดอะไรเกินเพื่อน และเช่นกันรสวัลค์ก็ไม่รับคำขอแต่งงานของธันวา เมื่อเป็นเช่นนี้ ธันวาและนวียา ซึ่งคือชิดกับน้อย จึงต้องร่วมมือกันเหมือนในอดีต ธันวาหลอกรสวัลค์ไปหมายจะข่มขืน แต่รสวัลค์ก็หนีมาได้เพราะภาคินเข้าไปช่วยพอดี รสวัลค์ไม่เอาเรื่องธันวาแต่ขออย่าให้เห็นหน้าอีก ธันวานัดพบนวียาเพื่อปรึกษาแผนการต่อไป หมอสหัสคุณจึงสะกดรอยตามธันวาและรู้ความจริงทั้งหมด ธันวาและนวียาพ้นไปจากชีวิตของทั้งสองคนแล้ว รสวัลค์ถูกพาเข้าไปในอดีตเพื่อรับรู้ถึงเหตุการณ์ในชาติก่อน รับรู้ความเจ็บปวดของการถูกหลอกลวง ภาคินขอให้ฉายภาพฉากสุดท้ายของเขา จิตแพทย์สั่งให้หลับตาแล้วภาพนั้นก็ปรากฏ ทั้งภาคินและรสวัลค์ รับรู้พร้อมกัน เมื่อบ่าวไพร่ช่วยกันหาคุณนิ่มไม่เจอ เจ้าชิดจึงขอให้ท่านพระยาฆ่าทดเสียเพื่อชดใช้และใส่ร้ายทดว่าทดหลอกคุณนิ่มและอยากแต่งงานกับคุณนิ่มเพราะอยากเป็นไท ซึ่งนางน้อยก็พร้อมเป็นพยาน ท่านพระยาโกรธมากจึงให้ชิดฆ่าทดเสีย ทดจำต้องรับความตายที่จะเกิดขึ้น ทดเงยหน้ามองคนเป็นนาย เสียงที่เปล่งออกมา หนักแน่น มั่นคง “หากตัวลูกนี้ ยังมีความดีหลงเหลืออยู่บ้างในชาตินี้ ลูกขอตั้งสัตยาธิษฐานใช้ความจริงใจเป็นหลักอ้าง ใช้ดวงจิตเป็นที่มั่น ขอเฝ้าติดตามนางอันเป็นที่รักทุกชาติภพ เพื่อไขข้องความเข้าใจผิดของนาง ขอให้ลูกเกิดมาเพียบพร้อมยศศักดิ์สมบูรณ์ฐานะไม่เป็นรองใครไม่เป็นทาสเขา ขอให้สามารถครองรักกับนางที่รักสืบไป” ชินเเสยะยิ้มมองร่างที่นั่งนิ่งราวกับไร้ชีวิตด้วยความสะใจ มันเงื้อมดาบฟาดฟันผ่าแล่งลงหน้าอกทันที คุณนพมาถึงก็ห้ามไม่ทัน น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินเป็นทาง ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับบ่าวคนสนิทได้ ในขณะที่ดาบในมือคุณนพจ่อที่คอ บ่าวคนสนิทของคุณนพจับตัวชิดไว้มั่น ชิดสารภาพว่าทุกอย่างเป็นแผนของตนกับน้อย ฉากสุดท้ายของคุณนิ่มตรงกับความฝันของรสวัลค์ ภาคินโอบกอดรสวัลค์อย่างนุ่มนวล ปาดน้ำตาสองข้างแก้มในขณะที่บอกว่า ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนเขาจะรักต่อรสวัลค์คนเดียว สมดังสัตยาธิษฐานที่เขาให้ไว้ก่อนตาย
บ่วงนฤมิต 2562

บ่วงนฤมิต (2562/2019) ขวัญอุมา นักแสดงสาวชื่อดัง ถูกทาบทามให้รับบทนางร้ายเป็นครั้งแรกในละครเรื่อง ‘รอยอดีต’ ทว่าหลังจากอ่านบท ขวัญอุมาก็เริ่มเห็นภาพความทรงจำบางอย่าง เธอจึงไปหาซื้อหนังสือนิยายมาอ่าน จนได้พบกับ ธีรัช โดยบังเอิญ ทั้งคู่ต่างรู้สึกผูกพันกับตัวละครในเรื่องและฝันเห็นเรื่องราวในอดีตว่า ธีรัชในอดีตคือ ปภาคิน ส่วนขวัญอุมาในอดีตคือ ฉัตรชนก ทั้งคู่จึงต้องช่วยกันตามหาความจริง

เด็ดปีกนางฟ้า 2561

เด็ดปีกนางฟ้า (2561/2018) ชีวิตที่หรูหรา ทั้งกิน เที่ยว และช้อปปิ้ง อย่างจุใจของคะนึงนาง (แพทริเซีย กู๊ด) ต้องหมดสิ้นลงจากเหตุการณ์ที่ทำให้โชคชะตาของเธอพลิกผัน แต่เดิมไพรัช (มนตรี เจนอักษร) และรัศมี (จินตหรา สุขพัฒน์) ผู้เป็นพ่อและแม่ของคะนึงนาง เป็นนักธุรกิจใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ ร่ำรวย แล้วไพรัชได้ถูกเพื่อนหลอกให้เล่นหุ้นและโกงเงินไปจนหมดตัว ทำให้ไพรัชกลายเป็นบุคคลล้มละลายโดยพริบตา และอะไรๆในชีวิตของนางก็เปลี่ยนไป ทั้งข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน รถยนต์ กระเป๋า รองเท้าแบรนด์เนมทั้งหลายที่นางเคยได้เป็นเจ้าของก็ถูกรัศมีผู้เป็นแม่นำไปขายจนหมด ส่วนน้องสาวของนาง ได๋ (ชาร์เลท วาศิตา แฮเมเนา) จากเคยที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันก็เริ่มปรับความเข้าใจ ปรับตัวเข้าหากัน เห็นอกเห็นใจกันมากขึ้น ได๋ถูกย้ายจากโรงเรียนอินเตอร์มาเรียนโรงเรียนเล็กๆใกล้บ้าน และเพื่อทางช่วยที่บ้านนางก็ไปสมัครเป็นแอร์โฮสเตสและสอบผ่านรอบแรก จนได้พบกับเพื่อนที่รู้ใจคือนักรบ (วีรกิตต์ วรัตน์ชยุต) และผักกาด (ศรัณยา จำปาทิพย์) แต่ที่สำคัญนางได้พบกับไม้เบื่อไม้เมาคู่ปรับตั้งแต่สมัยมัธยมปลายจนถึงมหาลัยของนางอีกคน คือไวน์ (นวินดา เบอร์ต๊อดตี้) และคู่หูของเธอคือชะเอม (พัชรวลัย พงษ์ภมร) ที่ได้สอบผ่านรอบแรกเหมือนกัน ฝั่งรัศมีก็หวังอยากจะให้นางไปผูกสัมพันธ์กับลูกชายคนเดียวของสร้อยศรี นักธุรกิจที่มีเงินทองคือพิมาน (เมธัส ตรีรัตนวารีสิน) โดยที่รัศมีไม่รู้เลยว่าหลังจากที่สามีของสร้อยศรีพลาดท่าเสียทีถูกหลอกเอาเงินจนสถานะการเงินทางบ้านตกอยู่ในขั้นวิกฤตเช่นเดียวกัน นางเบื่อกับชีวิตจอมปลอมที่ต้องคอยปิดบังเรื่องราวต่างๆในชีวิต จนวันหนึ่งได้เกิดเหตุการณ์ที่ปฐพี (ยุกต์ ส่งไพศาล)โชคร้ายเกิดขับรถเสียหลักพุ่งชนเข้ากับคนขายน้ำเต้าหู้ ทำให้เขาต้องไปช่วยขายน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ แล้วด้วยเหตุบังเอิญนางได้ผ่านไปพบเขาพอดี นางจำเขาได้ในนามของดิน ชายหนุ่มที่เคยเข้ามาช่วยเธอไว้เมื่อครั้งที่รถเสีย นางจึงไปช่วยดินขายน้ำเต้าหู้โดยที่ไม่รู้เลยว่าดินคือปฐพี ที่เป็นโคไพลอตหนุ่มหรือนักบินผู้ช่วยของสายการบินเดียวกับเธอ ส่วนฝั่งของไวน์ ก็พยายามหาทางกลั่นแกล้งนางทุกวิถีทาง ตามตอแย พูดจาถากถาง เรื่องครอบครัวของนางรวมไปถึงเรื่องระหว่างนางกับพิมานที่นางถูกพิมานทิ้ง จากฝีมือของไวน์ที่ไปทำทีเข้าหาสร้อยศรี และบอกเล่าถึงเรื่องครอบครัวของนางที่กำลังล้มละลายอยู่ ทำให้สร้อยศรีสั่งพิมานให้เลิกคบกับนาง นางและไวน์ตั้งตนเป็นศรัตรูหัวใจกันอย่างเต็มพิกัด เมื่อไวน์ได้ท้าทายนางว่าหากใครได้ใจปฐพีก่อนคนนั้นจึงจะเป็นผู้ชนะ นางฮึดสู้ พร้อมรับคำท้า แถมยังบอกอีกว่า คนแพ้จะต้องกราบเท้าลายอมแพ้ และจะต้องออกจากสายการบิน นางกับดินได้มีโอกาสพบเจอกัน ทั้งสองสนิทสนมกันอย่างรวดเร็วนางเล่าเรื่องราวต่างๆของตนเอง ทั้งเรื่องครอบครัว และเรื่องที่มีปัญหากับไวน์และพิมาน โดยที่นางยังไม่รู้ว่า ปฐพีกับดิน คือผู้ชายคนเดียวกัน นางได้เล่าถึงเรื่องที่อยากจะเอาชนะกันกับไวน์ แต่ดินเตือนสตินาง ไม่อยากให้นางเอาชนะกันด้วยเรื่องแบบนี้ แต่ด้วยทิฐิของนาง จึงทำให้ทั้งคู่ผิดใจกัน ดินจึงได้แต่เฝ้าคิดถึงนางแต่ไม่กล้าติดต่อไปจนทำให้อัคนี (ด.ช.ณัฐพัชร์ นิมจิรวัฒน์) หลานชายของปฐพี ได้แต่ปลอบใจและล้อเลียนว่าปฐพีได้ตกหลุมรักนางอย่างเต็มเปาเข้าแล้ว ในการทดสอบรอบสุดท้ายทั้งนาง ผักกาด นักรบ ไวน์ และชะเอม ต่างก็สอบผ่านจนเป็นแอร์โฮสเตสกันได้อย่างสมใจ ในระหว่างที่นางทำงาน นางได้ผ่านวิกฤติบนเครื่อง เมื่อเกิดความไม่เข้าใจกับผู้โดยสาร แต่นางก็สามารถผ่านเรื่องราวไปได้อย่างภาคภูมิใจ จนทำให้เรื่องราวของนางถูกอัพโหลด ลงในโลกโซเชียล จนเป็นที่น่าชื่นชมจึง ทำให้นางได้ไปออกทีวีเพื่อเป็นการโปรโมทสายการบินโดยเพื่อนของนางรวมไปถึงไวน์ก็ได้ไปร่วมรายการด้วย ทำให้ไวน์ได้ทีต้องการที่จะฉีกหน้านางจึงโทรไปบอกพิธีกรรายการถึงเรื่องราวที่บ้านของนางล้มละลาย แต่นางกลับใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสโดยเธอตอบรับความจริงอย่างเข้มแข็ง และพร้อมทั้งบอกว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือครอบครัว ยิ่งทำให้คะแนน ความสงสารและกระแสตอบรับในตัวนางพุ่งกระฉูด ฝ่ายวิเวียน (ฉันชนก ตันสมสกุล) ลูกสาวเจ้าของ สายการบิน และยังเป็นอดีตคนรักเก่าของปฐพี ที่พยายามตามตื๊อปฐพีมาตลอด เริ่มคิดหาทางใช้นางเป็นเครื่องมือในการโปรโมทสายการบินอีกด้วย นางและเพื่อนเพื่อนได้มีโอกาสบินไปทำงานที่ญี่ปุ่น และด้วยครั้งนี้เอง ทำให้นางกับปฐพีสนิทสนมกันมากขึ้น เวลาต่อมาทางสายการบินได้มีการจัดประกวดแอร์โฮสเตส วิเวียนได้ทีจึงมาด่าว่านาง และตามเข้าไปตบนางที่หลังเวที และต่อหน้าสื่อมวลชนอีกมากมาย ด้วยเหตุหึงหวงและแย่งปฐพีมาจากตน นางรู้สึกอับอาย และเสียใจอย่างมาก จึงโทรศัพท์ไปหาดิน แต่นางกลับเข้าไปเห็นว่าปฐพีเป็นผู้รับสายของเธอ จึงทำให้นางได้รู้ว่า ปฐพีและดินคือคนเดียวกัน เธอเองยอมรับว่ารักดิน และรู้สึกเสียใจมากที่ปฐพีไม่บอกความจริง นางจึงหนีไปทำงานที่ญี่ปุ่นกับไคริ (ศุภณัฐ เลาหะพานิช) นักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ทำให้ปฐพีไม่สามารถติดต่อนางได้อีก และด้วยเหตุการณ์บางอย่างจึงทำให้สองครอบครัวทั้งของนางและปฐพีได้รู้จักและสนิทสนมกัน จึงช่วยการวางแผนช่วยเหลือให้ปฐพีและนางได้คืนดีกัน การวางแผนในครั้งนี้จะสำเร็จและทำให้นางใจอ่อนกลับมาให้อภัยปฐพีได้หรือไม่ และเรื่องราวความรักของทั้งเขาและเธอจะเป็นอย่างไรต้องติดตาม “เด็ดปีกนางฟ้า”

เจ้าบ้าน เจ้าเรือน 2559

เจ้าบ้าน เจ้าเรือน (2559/2016)

แพรขาว หญิงสาวที่มีลูกติดคือชมพู ต้องออกมาจากคฤหาสน์ของคุณนายแถบทิพย์ เมื่อพัสกร สามีของเธอคว้าดิว สาวนั่งดริ้ง ในคาราโอเกะมาทำเมีย และหอบหิ้วลูกน้อยมาอีกหนึ่งคน อ้างว่าเป็นลูกของพัสกร แพรขาวจึงไปเช่าบ้านของยายเกสร มี ป้าสมพร และนลินอยู่ด้วย ถึงแม้เขมิกา พี่สาวของพัสกร จะยื่นข้อเสนอให้แพรขาวเอาชมพูไปอยู่ที่คอนโด แล้วจะเป็นคนส่งเสียให้ชมพูเรียนหนังสือ แต่แพรขาวก็ไม่ยอม พัสกรจะเอาลูกกลับมาอยู่กับตนให้ได้ ถึงขนาดตามไปอาละวาดกับแพรขาวยื้อแย่งตัวชมพู ทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน แต่ก็ไม่สำเร็จ เขมิกาให้สาโรจน์ ทนายความประจำบริษัทไปช่วยแพรขาวไว้ เพราะสาโรจน์ให้เหตุผลว่าแพรขาวมีสิทธิ์ในตัวชมพูมากกว่าใคร หรือแม้กระทั่งวันที่พัสกรมาอาละวาดที่บ้าน ไรวินท์ วิญญาณเจ้าบ้านเจ้าเรือนที่แพรขาวอาศัยอยู่ ก็ออกมาช่วยแพรขาว ปกป้องชมพูอีกแรง จนพัสกรต้องล่าถอยกลับไป ไรวินท์อยู่คอยเป็นเพื่อนเล่นกับชมพูอยู่เสมอ ในยามที่แพรขาวไปทำงานหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว จวบจนกระทั่ง ลลิต นักธุรกิจหนุ่ม มาซื้อที่ฝั่งตรงข้ามบ้านเช่าของแพรขาวเพื่อทำสปา ลลิตเห็นความงามในตัวแพรขาว ลงทุนมาหาแพรขาวถึงบ้านเพื่อชวนไปทำงานที่สปาในช่วงเสาร์อาทิตย์ ไรวินท์ท้วงติง ด้วยความเป็นห่วง ไม่อยากให้แพรขาวไปทำงานกับลลิต แต่แพรขาวไม่ฟัง เพราะเธอกำลังขัดสนเรื่องเงิน ลลิต สะกดจิตแพรขาวตั้งแต่วันแรกที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับแพรขาว โชคดีที่ไรวินท์ให้ชมพู นำกุหลาบขาวของไรวินท์ติดตัวไป เลยทำให้แพรขาวรอดมาได้อย่างหวุดหวิด .... แพรขาวเห็นไรวินท์ นลินเห็นแพรขาวยืนพูดอยู่คนเดียว จึงเริ่มสงสัย เลยถามแพรขาวว่าคุยอยู่กับใคร แพรขาวจึงบอกกับนลิน ยายเกสร และป้าสมพร ว่าคุยกับไรวินท์ ทุกคนฟังแล้วอึ้ง จนขนหัวแทบลุก สุดท้ายยายเกสร จึงเล่าความจริงให้ฟัง ว่าไรวินท์ ไม่ใช้ผู้ชายธรรมดา แต่เป็นเจ้าบ้านเจ้าเรือนอยู่ที่บ้านหลังนี้ หลังจากที่ในสมัยยังสาว ยายเกสร ได้ซื้อเรือนไม้เก่า ๆ ในราคาถูก มาปลูกที่บ้านหลังนี้ แล้วไรวินท์ ก็เป็นวิญญาณ มาช่วยดูแล ปกป้อง คนในครอบครัวไว้หลายครั้ง พร้อมทั้งมาเข้าฝัน ให้ยายเกสร สร้างเรือนให้อยู่ แยกออกไปจากเรือนใหญ่ ซึ่งก็คือศาลเจ้าบ้านเจ้าเรือนจนถึงปัจจุบัน เมื่อได้ฟังเรื่องราวทุกอย่าง แพรขาวถึงกับอึ้งไป นึกถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ชมพู ตกลงไปในน้ำตั้งแต่วันแรกที่มาถึง และไรวินท์ช่วยชีวิตชมพูเอาไว้ หรือแม้แต่เหตุการณ์ที่พัสกรมาอาละวาดที่บ้าน จนไรวินท์ช่วยไว้ได้อีก หลังจากนั้น ไรวินท์ ก็เริ่มเล่าเรื่องอดีตให้กับแพรขาวฟัง ว่าทำไมวิญญาณเขาถึงติดอยู่ที่นี่ เริ่มตั้งแต่ แรมพ่อของเขา ซึ่งเป็นนักเรียนกฎหมาย ไปสอนหนังสือพิเศษให้กับเล็ก น้องชายของวารี แม่ของไรวินท์ วารีตกหลุมรักแรม ตั้งแต่นั้นมา จนแรมเรียนจบกฎหมาย ได้เป็นทนายความที่สำนักกฎหมาย จวบจนคุณย่าของวารีเสียชีวิต ซึ่งวารีดูแลจนถึงวาระสุดท้าย จึงได้มรดกมากมายจากย่า จนสามารถตั้งตัวได้ ทำให้หญิงใหญ่ กับวีณา น้องสาวของวารีไม่พอใจ สุดท้ายทั้งหญิงใหญ่และวีณาก็ออกเรือนไปหมด แล้ววารีก็ได้แต่งงานกับแรมในที่สุด จนมีลูกด้วยกันคือ ไรวินท์ แล้ววีณาก็เลิกกับสามีมาอยู่ที่บ้านของวารี แรมกับวีณามีความสัมพันธ์กันลับ ๆ แล้วแรมก็ยอมรับความจริงกับวารีในที่สุด วารีเจ็บปวดแต่ก็จำทน จนแรมถูกย้ายไปทำงานที่กำแพงเพชร วีณาก็ตามไปอยู่ด้วย นาน ๆ ที แรมกลับมาหาวารีสักครั้ง แต่วารีก็ยังรักแรมเช่นเดิม ความสัมพันธ์ของไรวินท์กับพ่อจึงห่างเหิน มีเพียงคุณหญิงจีบ ผู้เป็นยาย และน้าเล็ก คอยดูแลเอาใจใส่ไรวินท์เสียยิ่งกว่าไข่ในหิน คุณหญิงจีบยกทรัพย์สมบัติทุกอย่างให้กับวารี รวมทั้งในส่วนของวีณาด้วย เพราะผิดที่วีณา แย่งสามีของวารีไป ต่อมาไรวินท์เริ่มโตเป็นหนุ่ม เล็กก็เสียชีวิตลง เขายกสมบัติทั้งหมดให้กับไรวินท์เพียงผู้เดียว รวมทั้งเรือนใหญ่ด้วย แรมยังคงใช้ชีวิตอยู่กับวีณาที่กำแพงเพชร แต่หน้าที่การงานไม่ได้เจริญก้าวหน้าเท่าที่ควร เพราะวีณายังทำตัวเป็นคุณนาย ดูถูกคนจน ไม่สามารถเข้ากับเพื่อนร่วมงานหรือชาวบ้านได้สักคน สุดท้ายวีณาทนความเงียบเหงาอยู่ต่างจังหวัดไม่ไหว จึงให้แรมย้ายเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ แต่ทำเรื่องยื่นไปเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายแรมจึงลาออกจากราชการ กลับมาทำงานที่สำนักงานทนายความที่กรุงเทพฯแทน แรมกลับมาที่บ้าน วารีดีใจมาก แต่ไรวินท์กลับมีท่าทีห่างเหิน เพราะเสียใจที่พ่อทิ้งแม่ไป แรมขอกลับมาอยู่เรือนใหญ่พร้อมกับวีณา แต่ไรวินท์ไม่ยอม เพราะตอนนี้เขาถือสิทธิ์ขาดในเรือนใหญ่ที่เล็กยกให้ แรมโกรธตรงเข้าทำร้ายไรวินท์ วารีเข้าช่วยจึงได้รับบาดเจ็บ ไรวินท์โกรธพ่อ สงสารแม่จับใจ ยื่นคำขาดให้พ่อกลับมาอยู่ได้เพียงคนเดียว ไม่นับญาติกับวารีอีก แรมกลับไปด้วยความแค้น เงินทองที่ได้จากการทำงานก็ต้องไปเช่าบ้าน จ่ายค่าเลี้ยงดู ค่าแต่งตัวให้กับวีณา จนสุดท้ายวีณาทนไม่ไหวไปมีสามีใหม่ ทิ้งให้แรมอยู่ลำพัง เจ้าของสำนักงานทนายความก็เสียชีวิตลง แรมเลยกลายเป็นคนตกงานตอนใกล้เกษียณ ติดเหล้า ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างน่าเวทนา ไรวินท์ขายเรือนหลังใหญ่ที่เล็กยกให้ แล้วตนเอง กลับมาอยู่เรือนเล็กกับแม่ ไรวินท์เรียนจบรัฐศาสตร์ และเข้ารับราชการที่กระทรวงมหาดไทย ท่านเจ้าคุณที่ซื้อเรือนไป ย้ายเข้ามาอยู่ เขามีลูกสาวสามคน สองคนแรกออกเรือนไป เหลือเพียงสีนวล ลูกสาวคนสุดท้อง วารีแม่ของไรวินทร์ อยากให้ไรวินท์แต่งงานกับสีนวล ผู้หญิงที่พร้อมทุกอย่าง ไรวินท์ตามใจแม่เพราะไม่อยากให้เสียใจ ตกลงใจแต่งงานกับสีนวลในที่สุด ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รัก ป้าของวารีเล่าให้ฟัง ว่า วีณากลายเป็นง่อย ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ น่าเวทนายิ่งนัก ไรวินท์ แอบไปหาพ่อ เห็นสภาพพ่อก็ทนไม่ได้ แอบส่งเสีย หาที่พักให้ใหม่ สร้างความสุขใจให้กับแรมมาก แรมเตือนสติไรวินท์ ว่าแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก อาจทำให้มีปัญหาเกิดขึ้นตามมา ไรวินท์ยังคงเล่าถึงอดีตต่อไปเรื่องที่เขามีความสัมพันธ์กับผู้หญิงถึง 3 คนด้วยกันก่อนที่จะมาแต่งงานกับสีนวล เริ่มตั้งแต่บัวน้อย สาววัยรุ่นร้านขายข้าวแกงที่ตกหลุมรักไรวินท์ จนเขาพาไปเช่าบ้านอยู่ด้วยกันลับ ๆ และไรวินท์ยังให้บัวน้อยดูแลพ่อของตนเองด้วย ความสัมพันธ์ระหว่างแรมและไรวินท์ จึงเริ่มดีขึ้น ส่วน รำไพ น้องสาวของสนอง เพื่อนรักของไรวินท์ ที่มีปัญหากับพี่สะใภ้ จนต้องหอบน้องชายอีกสองคนระเหเร่ร่อนออกมาจากบ้าน ไรวินท์จึงช่วยเหลือ และอยู่กินกับรำไพด้วยอีกคน และคนสุดท้าย สุดสวาท ลูกสาวของหลวงพิทักษ์ ข้าราชการผู้ใหญ่ในกรมปลัดมหาดไทย คนนี้ถึงแม้ไรวินท์จะไม่ได้รักนัก แต่ด้วยความมีหน้ามีตาทางสังคม และไรวินท์เกรงจะมีผลกระทบเรื่องหน้าที่การงาน เขาจึงคบหากับสุดสวาทด้วยอีกคน แพรขาวไม่ชอบใจที่ไรวินท์ ทำตัวเจ้าชู้ จึงต่อว่าเขาอยู่หลายครั้ง ไรวินท์ได้พบกับมาลาตี และหลงใหลเธอมาก จนไม่ได้มาดูแลบัวน้อย สุดท้าย บัวน้อย จึงแต่งงานไปกับคนอื่น ทิ้งให้แรม อยู่บ้านเช่าเพียงลำพัง ไรวินท์ส่งตัวแรมไปโรงพยาบาล โดยให้รำไพมาเฝ้าไข้แทน วารีมาเยี่ยมไข้แรม จึงได้พบกับรำไพ รู้ว่ารำไพเป็นเมียน้อยของไรวินท์ วารีพูดให้รำไพคิด ว่าอย่าทำผิดต่อลูกเมียของไรวินท์ ที่ตอนนี้ สีนวล กำลังตั้งท้องได้5เดือนแล้ว สีนวลเองก็เสียใจจนบอกไม่ถูก วารีพูดอโหสิกรรมให้กับแรมในทุกสิ่งที่ผ่านมา แล้วแรมก็เสียชีวิตในวันรุ่งขึ้น รำไพตัดใจจากไรวินท์ในที่สุด เขียนจดหมายลาให้ไรวินท์ แล้วจากไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ เขมิกา สงสัยว่าลูกของดิว จะไม่ใช่ของพัสกร จึงหาวิธีจะตรวจดีเอ็นเอเด็ก ดิวรีบเอาลูกหนีไปอยู่กับสามี ทำให้พัสกรว้าวุ่นใจมาก แต่ดิวทนความลำบากไม่ไหว เพราะ ไม่มีเงินทองใช้ เลยกลับมาติดต่อพัสกร พอดีลูกป่วย เลยต้องให้พัสกรพาไปโรงพยาบาล แถบทิพย์ เขมินี สาโรจน์ดีใจมาก เพราะจะได้พิสูจน์ดีเอ็นเอของเด็กไปด้วย ผลพิสูจน์ปรากฏว่า ลูกของดิว ไม่ได้เกิดกับพัสกร แถบทิพย์เสียใจมาก ดิวก็รีบพาลูกหนีไป กลัวความผิด ส่วนลลิต ก็ไปติดต่องานต่างประเทศ ให้มาตา ดูแลกิจการสปาแทน พนักงานสาว ๆ ถูกไล่ออก แพรขาวเริ่มหนักใจ พอดีสาโรจน์ยื่นข้อเสนอ เรื่องงานใหม่ เงินเดือนงาม ทำเฉพาะเสาร์ อาทิตย์ให้กับแพรขาว เธอจึงตัดสินใจออกจากลลิตสปา สีนวลเจ็บท้อง วารีว้าวุ่นใจ ไม่มีรถพาไปโรงพยาบาล จึงให้เด็กรับใช้ ไปตามหมอตำแยแถวบ้านมาช่วยทำคลอดให้ สีนวลคลอดลูกสาว ปลอดภัยดีทั้งแม่และลูก ไรวินท์เริ่มรักลูกสาวมากขึ้น ถึงแม้จะไม่ใยดีกับสีนวลนักก็ตาม สีนวลแอบร้องไห้เสียใจอยู่บ่อย ๆ แล้วคดีความเรื่องพินัยกรรมก็ตัดสิน สุดสวาทเป็นฝ่ายชนะ เพราะหลักฐานยืนยันว่า พินัยกรรมของมาลาตีเป็นตัวปลอม สุดสวาทได้ทรัพย์สินทั้งหมดไป มาลาตี บีบน้ำตากับไรวินท์ จนเขาใจอ่อน แล้วทั้งสองก็มีความสัมพันธ์กัน สีนวลสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนไปของไรวินท์ เริ่มระแวง เคียดแค้นไรวินท์มากขึ้นทุกวัน ที่ไม่ใยดีตน ลลิตพยายามจะปลุกปล้ำแพรขาว แต่ต๊อกช่วยเอาไว้จนถูกยิงตาย พอดีมาตาเข้ามา แพรขาวเลยหนีกลับบ้านไป ไรวินท์เป็นห่วงแพรขาวมาก นลิน พาแพรขาวไปแจ้งความ ลลิตกับมาตาตามไปที่โรงพัก หาว่าแพรขาวเข้าไปขโมยของ สาโรจน์มาช่วยแพรขาวอีกแรง ด้วยความอ่อนล้าหมดแรง ทำให้แพรขาวหมดสติไป สาโรจน์นำตัวแพรขาวส่งโรงพยาบาล รุ่งขึ้นเมื่อแพรขาวอาการดีขึ้น จึงไปรับชมพูพร้อมกับสาโรจน์ พบ พัสกรที่จับตัวดิวขังไว้ เขมินี พยายามจะช่วยดิว ออกมา แต่พัสกรมีปืน แพรขาวตกใจจนแทบเป็นลม โชคดีที่สาโรจน์ช่วยไว้ แล้วปืนในมือพัสกรก็ตกลงพื้น ดิวหยิบขึ้นได้ ยิงเข้าใส่พัสกรเข้ากลางอก พัสกรเสียชีวิตในที่สุด แถบทิพย์เสียใจจนแทบไม่ได้สติ สาโรจน์กับแพรขาวต้องเป็นธุระจัดงานเรื่องงานศพให้ ในขณะที่เขมินีต้องอยู่เป็นเพื่อนแถบทิพย์ วิญญาณของพัสกรอาละวาดจนคนในบ้านอยู่กันแทบไม่ได้ ต้องไปอยู่ที่คอนโดเขมินีด้วยกันทั้งหมด รวมถึงแพรขาวกับชมพูด้วย แพรขาวไม่ได้กลับไปที่บ้านเช่านานนับเดือน ทำให้ไรวินท์เหงาหงอยมาก ไรวินท์ดีใจมาก เมื่อแพรขาวกลับมาที่บ้านเช่าอีกครั้ง เขาเล่าเรื่องราวในอดีตให้แพรขาวได้ฟัง สีนวลยังคงดูแลวารีและเลี้ยงดูลูกเพียงลำพัง ไรวินท์ไม่ได้มาสนใจใยดีเธอ จนก้าวเข้าสู่ยุคสงคราม ไรวินท์ให้วารี สีนวลและลูกไปอยู่ที่อยุธยา ส่วนตนเองไปเช่าบ้านที่เมืองนนท์อยู่กับมาลาตี สีนวลเสียใจมากที่จะไม่ได้เห็นหน้าไรวินท์อีก จนกระทั่งลูกของสีนวลเริ่มโต วารีก็ต้องมาตายด้วยโรคท้องร่วงที่กำลังระบาด ไรวินท์กลับไปงานศพแม่ แล้วรุ่งขึ้น ลูกสาวก็มาตกน้ำตายอีก สีนวลเสียใจแทบคลั่ง ไรวินท์ยังไม่มีที่ท่าใยดีกับสีนวลเช่นเดิม สีนวลขอติดเรือไรวินท์กลับไปที่เมืองนนท์ จึงได้พบกับมาลาตี รู้ความจริงว่าไรวินท์มีมาลาตีอยู่ตลอดเวลา สีนวล กลับไปอยู่ที่ตึกใหญ่ ไรวินท์ขอแยกทางกับสีนวล ยกทั้งตึกใหญ่ และเรือนเล็กที่ไรวินท์ เคยอยู่มาตั้งแต่เด็กให้กับสีนวล สีนวลบอกจะรักษาสมบัติทุกชิ้น เก็บไว้ให้ไรวินท์ รอวันที่เขากลับมา ดังคำสั่งเสียของวารี ที่บอกไม่ให้สีนวลทอดทิ้งไรวินท์ มาลาตีเสียใจไม่น้อยที่ไรวินท์ ไม่ได้เอาสมบัติติดตัวออกมาจากบ้านเลย ซ้ำร้ายไรวินท์ยังจับได้อีกว่า มาลาตีปลอมลายมือของพ่อเรื่องพินัยกรรม เรื่องการยกสมบัติให้ ไรวินท์เสียใจมากที่ถูกหลอกมาตลอด ในงานศพของประสม แม่ของสุดสวาท ไรวินท์ก็ไปด้วย สุดสวาทไล่ให้ไรวินท์ออกจากงานไปอย่างไม่ใยดี โทษที่เข้าข้างคนผิดอย่างมาลาตี และใช้ชีวิตอยู่กันอย่างผัวเมียออกนอกหน้า ทั้ง ๆ ที่ไรวินท์ก็มีครอบครัวแล้ว ทำให้ไรวินท์ได้อายมาก ซ้ำร้ายมาลาตี ยังปลอมลายมือว่าเป็นไรวินท์ เขียนจดหมายไปขอเงินกับสีนวลตลอดเวลา จนสีนวลต้องขายข้าวของในบ้าน เอาเงินให้คนของมาลาตีไป โดยไม่รู้ว่าโดนหลอก สุดท้ายไรวินท์จึงจับได้ว่า มาลาตีปลอมพินัยกรรมของคุณพ่อจริง ๆ แต่ด้วยความหลงใหล ทำให้ไรวินท์อภัยให้มาลาตีทุกอย่าง ป้าใหญ่ไปเยี่ยมสีนวลที่กำลังเจ็บหนัก จึงเขียนจดหมายให้ไรวินท์ไปเยี่ยม แต่พอดีเขาติดราชการ มาลาตีจึงไม่ยอมให้ไปเยี่ยม ศรีนวลรอคอยการกลับมาของไรวินท์ ด้วยการใช้มีดกรีดที่ข้างเสาเรือนนับวันรอเขาทุกคืน จนสุดท้ายเธอก็ตรอมใจตาย เพ้อหาไรวินท์จนนาทีสุดท้ายของชีวิต สีนวลยกบ้านให้ไรวินท์ โดยฝากกุญแจไว้กับป้าใหญ่ ไรวินท์กลับไปที่บ้านหลังนั้น เขาไม่เห็นทรัพย์สินใด ๆ หลงเหลือ มีเพียงจดหมายขอเงินที่ลงชื่อว่าเป็นของเขา ซึ่งแท้ที่จริงเป็นลายมือของมาลาตีนั่นเอง ไรวินท์เศร้าและเสียใจเป็นที่สุด รู้สึกถึงความผิด และความโง่เขลาของตัวเอง ที่หลงรักมาลาตีจนไม่ลืมหูลืมตา และไม่ได้มาดูใจสีนวลเลยจนนาทีสุดท้าย ไรวินท์แค้นใจมาลาตีเป็นที่สุด กลับไปดูหีบใส่ของ จึงพบแหวนของแม่ไรวินท์อยู่กับมาลาตี เขาจึงยิ่งมั่นใจ ว่ามาลาตีจะต้องไปเอาสมบัติจากสีนวลมาอย่างแน่นอน มาลาตีสุดจะแก้ตัว เพราะไรวินท์ถือจดหมาย ลายมือของเธอมายืนยัน ไรวินท์ให้มาลาตีสารภาพผิดมาทั้งหมด และขอเลิกกับมาลาตีในที่สุด มาลาตียังไม่หยุดแค่นั้น ยังปลอมลายมือไรวินท์ ไปกู้หนี้ยืมสิน จนเจ้าหนี้มาเอาผิดกับไรวินท์ เขากลัวจะเสียประวัติการทำงาน จึงต้องลาออก นำเงินมาใช้หนี้ โดยที่เขาไม่ได้ก่อ ไรวินท์กลับมาอยู่ที่บ้านของสีนวล ส่วนมาลาตี ก็มีสามีใหม่ ถูกปอกลอกจนหมดเนื้อหมดตัว และผูกคอตายในที่สุด ไรวินท์ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างน่าเวทนา มีเพียงเงินที่เขาเอาบ้านไปจำนองไว้กับป้าใหญ่ ไว้เลี้ยงดูตนเอง อดมื้อกินมื้อ มีเพียงป้าใหญ่ ที่คอยส่งข้าว ส่งน้ำมาให้ แถมยังป่วยกระเสาะกระแสะอีก ไรวินท์เห็นวิญญาณของลูก และสีนวลมาหาเขา สีนวลบอกจะรอคอยวันที่จะได้มาอยู่ด้วยกันกับไรวินท์ ไม่ว่าจะนานเพียงใด ด้วยความตกใจ ไรวินท์จึงวิ่งหนีตกบันไดลงมาเสียชีวิตอยู่ที่เรือนนั้นเอง แพรขาวได้ฟังเรื่องราวทุกอย่างจากไรวินท์แล้วก็รู้สึกเศร้าใจไปด้วย ไรวินท์ยอมรับว่าเขาเสียใจที่ทำผิดต่อสีนวล แต่ยังไงเสีย เขาก็ไม่ได้รักสีนวล และไม่มีวันรัก วิญญาณของสีนวลที่อยู่บนชั้น 2 ของ เรือนหลังเล็ก ยายเกสร ได้แต่เจ็บใจและบอกจะไม่มีวันปรากฏวิญญาณให้ไรวินท์เห็น เพราะกลัวไรวินท์จะหนีเธอไปอีก สีนวลขอเฝ้ามองไรวินท์อย่างนี้ตลอดไป ลลิตหาทางแก้แค้นแพรขาว จึงไปที่บ้านแพรขาวพร้อมกับมาตา มาตาเป็นคนเอาน้ำมันไปราดบริเวณบ้าน แต่เห็นวิญญาณของสีนวลยืนอยู่ จึงตกใจวิ่งหนีไปก่อน ส่วนลลิต ไปที่ห้องขจงแพรขาว ไรวินท์ จึงรีบมาปลุกแพรขาวไปหนีไปที่เรือนยายเกสร รอดไปได้หวุดหวิด ลลิตเจอเข้ากับวิญญาณของต๊อก ต๊อกสิงร่างลลิต มาตาจึงเห็นลลิตเป็นต๊อก ใช้ไม้พายตีจนลลิตตาย ส่วนตัวเอง หนีจนพลาดตกตึกตายตามไปอีกคน วิญญาณของพัสกรยังคงอาละวาด จะเอาแม่ไปอยู่ด้วย จนแถบทิพย์ประสาทเสียแทบไม่ได้นอน แพรขาวต้องนำตัวชมพู และตนเอง ไปนอนเป็นเพื่อนแถบทิพย์ ที่คอนโดเขมินีอยู่บ่อยครั้ง สุดท้ายยายเกสรก็เสียชีวิต ป้าสมพร ตัดสินใจขายที่ และรื้อบ้านทิ้ง วิญญาณของต๊อกมาบอกกับแพรขาวว่า วิญญาณของสีนวลอยู่ที่ชั้น 2 ของเรือนหลังเล็กอีกหลัง ในบ้านของยายเกสร แพรขาวจึงไปหาสีนวล เพื่อเกลี้ยกล่อมให้สีนวลปล่อยไรวินท์ไป เพื่อไรวินท์จะได้ไปเกิด ไม่ต้องทนทุกข์อยู่อย่างโดดเดี่ยว สีนวลยิ่งโกรธ เมื่อเห็นว่าแพรขาวมีใจผูกพันกับไรวินท์ จึงให้วิญญาณร้าย มาทำร้ายแพรขาว ไรวินท์คุกเข่าขอร้องไม่ให้สีนวลทำร้ายแพรขาว สุดท้ายไรวินท์ ยอมสละวิญญาณตนเอง ไปเป็นวิญญาณร้ายแทน เพื่อช่วยชีวิตแพรขาว ความตั้งใจดี ยอมเสียสละจิตวิญญาณเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ทำให้วิญญาณของไรวินท์หลุดพ้นจากบ้านแห่งนี้ สีนวลจึงกลายเป็นวิญญาณที่โดดเดี่ยว ไม่ได้มองเห็นไรวินท์อีกต่อไป วิญญาณของไรวินท์ ตามมาขอบคุณที่แพรขาวทำให้เธอหลุดพ้นจากทุกสิ่ง ซ้ำยังเกลี้ยกล่อมให้พัสกรปล่อยวาง แล้วไปสู่ภพภูมิที่ดี ไม่ต้องวนเวียนอยู่กับอดีตอีก พัสกรจึงจากไปอย่างสงบ บ้านไม้ของยายเกสรถูกรื้อ วิญญาณของสีนวลไม่มีที่อยู่ แพรขาวให้สาโรจน์เป็นธุระ นำไม้ไปสร้างศาลาถวายวัด เป็นศาลาคู่ ชื่อว่าศาลาไรวินท์ และศาลาสีนวล วิญญาณของไรวินท์พาสีนวลมาอยู่ที่ศาลา ทั้งสองต่างอโหสิให้กัน ไม่มีกรรมใดผูกพันกันอีก ไรวินท์มาพบแพรขาวในฝัน เพื่อบอกลา และให้แพรขาวลืมเรื่องราวที่เขาและแพรขาวได้พบกัน เพื่อที่จะได้หมดความผูกพัน และได้แต่งงานกับสาโรจน์ ผู้ชายที่รักมั่นในตัวแพรขาว ตราบใดที่ไม่มีใครพูดถึงไรวินท์ แพรขาวจะไม่สามารถจดจำเรื่องราวระหว่างเขาและแพรขาวได้อีก วิญญาณของสีนวลก็มาขอบคุณแพรขาวเช่นกัน ที่ทำให้เธอมีที่อยู่ ไม่ต้องเป็นวิญญาณเร่ร่อน แพรขาวลืมเรื่องราวระหว่างเธอและไรวินท์อย่างหมดสิ้น เธอแต่งงานกับสาโรจน์ในเวลาต่อมา ชมพูไปเรียนต่อเมืองนอก จนเป็นสาว และแต่งงานมีครอบครัว พร้อมกับลูกแฝด สาโรจน์เสียชีวิตในเวลาต่อมา ชมพูจึงพาครอบครัวกลัวมาอยู่เมืองไทย เธอซื้อเพลงมาฝากแพรขาว ซึ่งเป็นเสียงเปียโนที่ไรวินท์เคยเล่นให้ฟัง ชมพูบอกคิดถึงคุณลุงไรวินท์ ทำให้อดีตที่แพรขาวเคยลืมเลือน กลับมาอย่างสมบูรณ์ เธอร้องไห้คิดถึงไรวินท์ คืนนั้น แพรขาวเสียชีวิต และได้พบกับไรวินท์อีกครั้ง ทั้งสองต่างมีความรู้สึกที่ดีให้แก่กัน ได้พบและอยู่ด้วยกันในที่สุด
พ่อไก่แจ้ 2557

พ่อไก่แจ้ (2557/2014) อาทิตย์ บวรกิจบรรหาร ทายาทหนุ่มรูปหล่อขั้นเทพ ลูกชายคนเดียวของคุณนายลิ้นจี่ เศรษฐินีแม่หม้าย เจ้าของกิจการโรงงานยาแผนโบราณ และยาโด่ไม่รู้ล้ม อาทิตย์เป็นนักธุรกิจเพลย์บอย ชอบขี่มอเตอร์ไซค์ มีคู่ควงเป็นดาราคนดังสาวสวยระยะสั้น ๆ บ่อยครั้ง แต่ทำตัวกะล่อน ไม่ประกาศตัวเป็นแฟนกับใครทั้งนั้น ล่าสุดก็มีอายูมิ ดาราสาวเซ็กซี่ และน้องแพรวา แอร์โฮสเตสสาวสวยสายการบินดัง ที่เป็นถึงลูกสาวนายพล มาติดพันอยู่

กลุ่มหนุ่มเพื่อนอีก 4 คนของอาทิตย์ ก็ประกาศเจตนารมณ์เดียวกัน คือจะใช้ความเป็นผู้ชายให้คุ้มที่สุดและจะไม่หยุด ถ้าไม่หมดน้ำยา มี เอนก เจ้าของกระเป๋าแบรนด์ดัง (ฉายา ท่านอาจารย์ใหญ่) ทำตัวเป็นขาใหญ่หัวหน้าก๊วน ที่อวดตัวว่าเป็นเซียนแห่งการสับหลีก มีกิ๊กกี่คนไม่เคยถูกจับได้ โทนี่ วิศวกรโรงงาน (ฉายา นักรักออนไลน์) ที่มีความสุขกับการปิ๊งสาวในเน็ต ชอบเล่นเว็บแคม และหลอกเด็ก ๆ ใส ๆ มาส่งเสียเลี้ยงดูคนแล้วคนเล่า โมกข์ อดีตนายแบบรูปหล่อ (ฉายา สมภารกร่าง-ชอบไก่วัด) ที่ยอมตัวแต่งงานกับปะการัง เมียอายุมากกว่าหลายปี ที่รวยระดับชาติ เจ้าของกิจการโรงแรมชั้นหนึ่งแต่พอเมียเผลอ โมกข์ก็จีบสาว ๆ ลูกน้องเมียตัวเองไม่เลี้ยง และ แท่น โปรดิวเซอร์เพลงหนุ่มโสดช่างฝัน ขี้โม้ (ฉายา ป๋าล่าฝัน) ที่หวังฟันบรรดาศิลปินสาว ๆ เกิร์ลแก๊งที่ตนปั้นเอง แต่ก็พลาดมาตลอด ปณิธานของอาทิตย์คงจะบรรลุสมความมุ่งหวัง หากชีวิตนี้เขาไม่ไปพบหญิงสาวที่ไม่เหมือนใครเข้าในวันหนึ่ง เธอคือ มัทนี หักฤทธิ์ศึกสงบ ลูกสาวคนสุดท้อง หัวแก้วหัวแหวนของท่านหาญ หักฤทธิ์ศึกสงบ ที่ธรรมมะธรรมโม สงบสำรวม และคุณนายจำเนียร สตรีนักต่อสู้เพื่อความอบอุ่นเป็นสุขในครอบครัวชื่อดัง ที่มีบทบาทในสังคมว่าเป็นคุณป้ามหาภัย มีปากเป็นอาวุธในการวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมชู้สาวของดาราคนดัง คุณนายจะเชิด ๆ เริด ๆ มากว่าครอบครัวของตนเองนั้นแสนที่จะเพอร์เฟคท์ สามีอยู่ในโอวาท ลูก ๆ อยู่ในกรอบและได้มีครอบครัว แต่งงานกันไปอย่างมีความสุขทุกคน เว้นมัทนี ลูกหลงน้องนุชสุดท้อง เด็กช่างคิด ที่ประกาศตัวว่าเกลียดผู้ชาย ชาตินี้จะไม่แต่งงาน และทำงานเป็นผู้ประสานงานในมูลนิธิคุณภาพชีวิตสตรี อย่างเอาจริงเอาจัง มัทนีสนิทกับเอกชเยศร์ บก.นิตยสารหัวรุนแรง ชอบด่าคนรวยและพวกไฮโซ และแสดงออกว่าเป็นผู้ชายที่บูชาเพศหญิงและต่อสู้เพื่อความยุติธรรมระหว่างเพศมามาก เขาจึงเป็นศัตรูตัวยงกับกลุ่มพ่อไก่แจ้ มีโอกาสเมื่อไหร่เขาเป็นต้องด่า ต้องแฉพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ตลอด ๆ เอกชเยศร์แสดงตัวเปิดเผยว่าเขารักมัทนีฉันแฟน และหวังจะให้เธอรับรักอย่างเป็นทางการสักวัน อาทิตย์พบมัทนีครั้งแรกด้วยปัญหาของโทนี่ ที่ดันไปนัดเด็กสาวในเว็บแคม แล้วเด็กคนนั้นอายุแค่ 16 จึงโดนตำรวจจับ โทนี่อาละวาดว่าเขาถูกเด็กหลอกว่าอายุ 23 อาทิตย์ไปช่วยประกันเพื่อน มัทนีเป็นตัวแทนมูลนิธิที่พ่อแม่มาแจ้งให้ไปช่วยดูแลเด็ก เธอยุให้พ่อแม่เด็กเอาความให้ถึงที่สุด เพื่อเล่นงานพวกผู้ชายเลว ๆ แบบนี้ให้ติดคุกให้ได้ อาทิตย์ตกตะลึงในความงามของมัทนีจนเสียอาการ แต่ไม่ลืมภารกิจปกป้องเพื่อน และช่วยเหลือได้ในที่สุด ขากลับ มัทนีแกล้งขับรถลุยน้ำ ทำน้ำกระเด็นใส่อาทิตย์ทั้งตัว และสะใจที่ความหล่อของเขาต้องเปรอะเปื้อน หาญบอกกับจำเนียรว่าจะไปหาความสงบที่วัด จะได้นั่งกัมมัฏฐาน หลีกหนีไปจากความวุ่นวายของโลกีย์ แล้วก็เก็บของใส่กระเป๋าเล็ก ๆ นุ่งขาวห่มขาวออกจากบ้านไป ทำให้คุณนายจำเนียรตื้นตันในความดีของผัวอย่างยิ่ง แต่ความจริงท่านหาญแอบไปจอดรถ หลบเปลี่ยนเป็นชุดโก๋แก่แบบเจ็บ ๆเพื่อพรางตัว แล้วไปเที่ยวโคโยตี้อย่างสำราญใจ บังเอิญในสถานที่นั้น อเนกกับอาทิตย์ โมกข์และแท่น ก็ไปเที่ยวกิน ดื่มคุย ระบายอารมณ์กัน แต่แล้ว นรี อาจารย์สาวมหาวิทยาลัยแฟนสาวขี้หึงของอเนกโผล่มา เพื่อจับอเนกให้ได้ว่าเขามาเที่ยวซุกซนลับหลังเธอ อเนกและพวกแทบช็อกที่เห็นนรี แต่อเนกก็บอกว่าเขามาที่นี่เพื่อปลอบใจแท่นที่กำลังอกหัก ชวนให้นรีช่วยเป็นที่ปรึกษา นรีเชื่อสนิทแต่นรีหันไปเห็นท่านหาญที่กำลังป้อสาวอย่างได้ที่ นรีจำได้ว่านั่นคือลุงของเธอ นรีจึงรีบโทไปฟ้องคุณป้าจำเนียรทันที จำเนียรให้คนรถขับพามาจับผิดถึงสถานบันเทิงนั้น แต่ท่านหาญเห็นเมียก่อน จึงวิ่งหนีเข้าไปห้องน้ำ จำเนียรตามมาตามล่าถึงห้องน้ำชาย พอดีท่านหาญเจอกับอาทิตย์ จึงวอนไหว้ให้อาทิตย์ช่วย ชายหนุ่มใจอ่อนยอมแลกชุดกับท่านหาญ และสวมแว่นดำเดินออกไปให้จำเนียรเห็น และหลงเชื่อว่าตนตาฝาด แล้วยังช่วยหลอกล่อจนท่านหาญหนีไปได้สำเร็จ จำเนียรต่อว่านรี และเมื่อกลับถึงบ้าน เจอท่านหาญนั่งสวดมนตร์บทสรรเสริญภรรยาอยู่ในห้องพระ ทำให้เธอซึ้งใจจนต้องเข้าไปกราบเท้าว่าผัวช่างแสนประเสริฐ ส่วนท่านหาญรับนัดกับสาวพริตตี้ จึงรีบโทรหาอาทิตย์ ทวงเสื้อผ้าให้อาทิตย์ช่วยมาคืนที่บ้าน อาทิตย์ขี่มอไซค์มาให้อย่างเร็ว แต่พอมากดกริ่ง สาวใช้ที่มาเปิดก็เหมาเอาว่าเขาเป็นหมอนวดที่คุณนายจำเนียรกำลังรออยู่ และรีบลากอาทิตย์ไปที่ระเบียง ให้นวดจำเนียร อาทิตย์พยายามปฏิเสธ แต่ไม่มีใครฟัง โดยเฉพาะจำเนียรที่โอดครวญว่าเจ็บปวดสารพัด พอดีอาทิตย์มีความรู้เรื่องการแพทย์แผนโบราณมาบ้าง เพราะเป็นกิจการครอบครัว จึงช่วยจับจุดบางจุด แก้อาการได้ มัทนีมาเห็น ร้องเอะอะทักอาทิตย์อย่างตกตะลึง แต่ทำให้จำเนียรกลับเข้าใจผิด ว่าอาทิตย์เป็นหมอนวดที่ดังมาก มัทนีค้าน พอดีท่านหาญมาเจอ กลับเข้าช่วยอาทิตย์ว่าเป็นหมอนวดจริงๆ ส่วนหมอนวดตัวจริงมาถึง ก็กลับโดนคนใช้ไล่ไป เพราะดูไม่น่าเชื่อถือ อาทิตย์ได้โอกาส รีบโฆษณายาโด่ไม่รู้ล้มของคุณนายลิ้นจี่ ท่านหาญดีใจ รีบไปหาซื้อมากิน ส่วนอาทิตย์ เมื่อได้รู้ความลับของพ่อมัทนี ก็สะใจมาก ที่ได้รู้จุดอ่อนของครอบครัวหญิงสาวที่เกลียดผู้ชายเจ้าชู้ มัทนีต้องเจออาทิตย์อีก คราวนี้ เป็นเคสของโมกข์ ที่จีบเชอรี่พนักงานพีอาร์คนสวยของโรงแรมเมียตน โดยลืมไปว่าในออฟฟิศเต็มไปด้วยกล้องวงจรปิด ภาพเขานัวเนียพนักงานประสาสมภารกินไก่วัด โดนสมาพันธ์ลูกจ้างหญิงของโรงแรมเอาไปแจ้งต่อมูลนิธิของมัทนีอีก และมูลนิธิก็แจ้งความจะเอาเรื่องในข้อหาลวนลามอนาจาร อาทิตย์ต้องถ่อไปช่วยประกันเพื่อน แล้วก็เลยต้องปะทะกับมัทนี อาทิตย์แกล้งยั่วโมโห มัทนีตัดสินทันที ว่าอาทิตย์เป็นศัตรู ประกาศสงครามกันต่ออย่างดุเดือด นรีรู้ตัวว่าท้อง ทำให้อเนกต้องตัดสินใจแต่งงาน ทีแรกเขาไม่เต็มใจ แต่เขาก็ไม่ต้องการผิดศีลธรรม อเนกร่ำไห้ในท่ามกลางก๊วนเพื่อน เสียดายความโสด นรีเข้าใจผิดคิดว่าอเนกรักเพื่อนมากกว่าตนเอง ทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกัน อาทิตย์ต้องทำหน้าที่เกลี้ยกล่อมให้คนทั้งคู่เข้าใจกันในที่สุด และอเนกเองก็ได้รู้ว่าไม่มีใครรักตนเองเท่ากับนรี สุดท้ายทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันและแต่งงานกันในที่สุด มัทนีกับคุณจำเนียรช่วยนรีจัดพิธีแต่ง อาทิตย์กับเพื่อน ๆ มากันพร้อมหน้า คุณนายลิ้นจี่มาร่วมงานด้วย พอคุณจำเนียรรู้ว่าอาทิตย์เป็นลูกใคร ก็ตื่นเต้นตาโตในความรวย ความรู้สึกหวาดระแวงในตัวชายหนุ่มก็เปลี่ยนมาเป็นความปลื้ม อยากได้เป็นเขยในทันที ส่วนคุณนายลิ้นจี่ได้พูดคุยกับมัทนี คุณนายก็รู้สึกชอบใจในหญิงสาวสวยคนนี้มาก อยากได้มาเป็นสะใภ้จะได้ดัดนิสัยให้อาทิตย์ได้ พวกแม่ ๆ หารู้ไม่ว่าท่านหาญแอบนัดพบน้องโคโยตี้คนนั้น เพื่อทดสอบสรรพคุณของยาโด่ไม่รู้ล้มคุณนายลิ้นจี่ โดยท่านหาญหลอกจำเนียรว่าจะไปกัมมัฏฐาน ท่านหาญพาสาวเข้าโรงแรมเป็นจังหวะเดียวกับที่มูลนิธิที่มัทนีทำงาน พาตำรวจไปทะลายการค้าประเวณีหญิงต่างด้าว ที่โรงแรมนั้นร่วมมือด้วย ตำรวจเคาะประตูทุกห้องให้เปิดห้อง ท่านหาญโทให้อาทิตย์มาช่วย ไม่งั้นฉาวแน่ ๆ อาทิตย์จำต้องซิ่งมอเตอร์ไซค์ แล้วย่องไปช่วยท่านหาญออกมาได้ เอกชเยศร์ ยังทำตัวเป็นคนเห็นแก่ตัว ให้มัทนีเป็นคนดูแลตลอด โดยที่มัทนีไม่รู้ตัว วันหนึ่งเธอขับรถไปส่งเอกชเยศร์ที่บ้าน ขากลับรถมัทนีโดนน้ำเข้าในซอยบ้านชเยศร์ ทำให้รถดับกลางทางในซอยมืด มัทนีตัดสินใจโทรบอกพ่อ ให้ท่านหาญส่งคนรถมาช่วย คนที่มาช่วยเธอกลับเป็นอาทิตย์ในรถโฟร์วีล บิ๊กฟูตและเด็กจากอู่ประจำของเขา เขาลากรถเธอมาพาไปส่งถึงอู่ อาทิตย์พามัทนีไปทานข้าวให้หายเหนื่อย แถมอาทิตย์ก็เซอร์ไพรส์ด้วยการเล่นเปียโนและร้องเพลงรักเพราะมากให้มัทนีฟัง คืนนั้นจบลงด้วยการที่เขาพาเธอไปส่งบ้านอย่างสวัสดิภาพ มัทนีต้องรู้สึกขัดแย้งอย่างหนัก กับส่วนลึกที่มีความสุขและแสนประทับใจ จากการกระทำทั้งหมดของอาทิตย์ กับความคิดในสมองว่าอย่าไว้ใจคนแบบพ่อไก่แจ้จอมเจ้าชู้เด็ดขาด อาทิตย์ดูแลการซ่อมรถของมัทนีอย่างพิถีพิถัน เย็นนั้นอาทิตย์เอารถไปคืนมัทนีแต่กลับพบชเยศร์และทำตัวเข้านอกออกในดุจเจ้าของบ้านแล้วก็ด่าพฤติกรรมผู้ชายเจ้าชู้เพลย์บอยเพื่อประจบท่านหาญกับคุณจำเนียร แต่หารู้ไม่ว่าทุกอย่างที่ตนประณามออกไป ล้วนโดนใจดำของท่านหาญทั้งสิ้น ทำให้ท่านหาญเกลียดขี้หน้าชเยศร์มากขึ้น ๆ เอกชเยศร์เขียนข่าวด่าอาทิตย์กับเพื่อน ๆ จนคนรู้ไปทั่ว อาทิตย์แค้นใจจึงวางแผนกับเพื่อน ๆ ให้มัทนีกับเอกชเยศร์เข้าใจผิดกัน เอกชเยศร์คิดว่ามัทนีปันใจไปให้อาทิตย์จนเขาโกรธมัทนีมาก กว่าจะรู้ความจริงมัทนีก็แทบจะเสียรู้อาทิตย์ซะแล้ว อาทิตย์สะใจมากที่ได้แก้แค้นเอกชเยศร์กับมัทนี และอาทิตย์ยังวางแผนให้โมกข์กับปะการังปรับความเข้าใจกันได้ในที่สุด ทำให้อาทิตย์สุขใจมากที่เพื่อนได้กลับไปใช้ชีวิตคู่อีกครั้งกับปะการัง แต่อาทิตย์กลับเครียดเมื่อมัทนีโกรธเขาอย่างหนัก เพราะตนเองได้หลงรักมัทนีเข้าให้แล้ว เขาหลุดปากถามว่ามัทนีรักชเยศร์หรือเปล่า มัทนีอึ้งบอกว่าชเยศร์เป็นแค่เพื่อน อาทิตย์เลยโพล่งออกมาว่าถ้าเช่นนั้นหากเขาขอเธอแต่งงานเธอจะว่าไง มัทนีตกใจรีบปฏิเสธทันทีว่าเธอเกลียดผู้ชายเจ้าชู้ อาทิตย์ก็พลั้งปากต่อไปอีกว่าถ้าเขาเลิกเจ้าชู้ กลับตัวเป็นคนดี มัทนีจะให้โอกาสไหม คืนนั้น อาทิตย์บุกพบคุณนายลิ้นจี่ถึงห้องนอน ปรึกษาว่าทำไงดี ไม่รู้ทำไม ดันไปขอมัทนีแต่งงาน แถมสัญญาว่าจะเลิกเจ้าชู้อีก คุณนายลิ้นจี่แกล้งดุว่าเป็นลูกผู้ชายต้องรักษาคำพูด แกเล่นเผลอตัวไปแบบนี้จะแก้ไขยังไง อาทิตย์บอกว่าก็ไม่ต้องแก้ไข แต่จะทำตัวให้ดีจริง ให้มัทนียอมแพ้ แต่งงานกับตนให้ได้ในที่สุด อาทิตย์กับมัทนีตกลงใจแต่งงานกัน แต่พอใกล้ถึงวันแต่งอาทิตย์กลับหายหน้าไป ทั้งเอนก โทนี่ แท่น โมกข์ ต่างเศร้าใจที่จะต้องสูญเสียอาทิตย์ไปจากแก๊งพ่อไก่แจ้ มัทนีเริ่มเครียด อาทิตย์หลบไปทำใจ เพราะนอกจากเขากลัวจะสูญเสียความโสดแล้ว เขายังกลัวว่าจะไม่สามารถเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีได้ กลัวว่าจะทำให้มัทนีผิดหวังในตัวเขา สุดท้าย พลอยเชอรีล พี่ที่อาทิตย์ให้ความนับถือ ได้พูดเตือนสติ ให้อาทิตย์นึกถึงความรักที่เขามีต่อมัทนี จนสุดท้ายอาทิตย์ก็มาปรากฎตัวในงานแต่งงานอย่างเฉียดฉิว อาทิตย์พามัทนีไปฮันนีมูนที่ไร่สมุนไพรของพ่อของเขาที่เสียไปแล้ว โดยมีเพื่อน ๆ ทั้งเอนก โมกข์ โทนี่ แท่น และตู้ ปุยฝ้าย เพื่อนของนรี ก็ตามไปด้วย ที่สำคัญเอกเชยศร์ ยังตามไปราวี สร้างความร้าวฉานให้มัทนีกับอาทิตย์ไม่เลิก อาทิตย์เกิดหึงหวงมัทนี จนมีปากเสียงกัน แก๊งพ่อไก่แจ้หาวิธีเล่นงานเอกเชยศร์จนต้องหนีกลับกรุงเทพฯ ไป อาทิตย์กับมัทนีจึงปรับความเข้าใจกันได้ ที่นี่เอง ตู้ตกหลุมรักแท่น ด้วยความที่แท่นเป็นคนเอื้อเฟื้อ ชอบช่วยเหลือ และยิ้มง่าย แท่นจึงไม่รู้ตัวว่าตู้แอบชอบตนเอง หลังจากนั้นเพื่อน ๆ เลยยกขบวนกลับกรุงเทพฯ กันหมด ปล่อยให้คู่บ่าวสาว ข้าวใหม่ปลามัน ได้ฮันนีมูนกันอย่างดูดดื่ม สมใจอาทิตย์เลยทีเดียว ที่กรุงเทพฯ น้ำผึ้ง กิ๊กคนล่าสุดของหาญมาหาหาญถึงบ้าน พอดีเจอเข้ากับคุณนายลิ้นจี่เสียก่อน ตอนที่กำลังจะเข้าบ้าน คุณนายลิ้นจี่รู้ความลับหาญ เกิดรับไม่ได้ แต่ไม่กล้าบอกจำเนียร จึงร้อนใจไปเล่าให้อาทิตย์ฟังถึงที่ไร่ แต่มัทนีเกิดได้ยินเข้า เข้าใจผิดคิดว่าคุณนายลิ้นจี่พูดถึงกิ๊กของอาทิตย์ เลยโกรธอาทิตย์เสียใหญ่โต โดยที่อาทิตย์ไม่รู้เรื่อง มัทนีกลับกรุงเทพฯ ทันที และมีท่าทางมึนตึงใส่อาทิตย์เรื่อยมา ตู้มาช่วยแท่น คิดงานเรื่องถ่ายทำมิวสิควิดีโอ พร้อมกับแก๊งพ่อไก่แจ้ นรี ปุยฝ้าย พร้อมด้วยมัทนีก็มาด้วย อาทิตย์พร้อมกับเพื่อน ๆ เล่นมิวสิควิดีโอพร้อมกับสาว ๆ ด้วย ทำให้มัทนียิ่งไม่ชอบใจขึ้นไปอีก ส่วนตู้ก็เข้าใจในที่สุดว่าแท่นนั้นเป็นคนดี ไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งกับตนเองมากไปกว่าคำว่าเพื่อน ด้านหาญก็แอบเอาเงินส่งเสียให้น้ำผึ้ง สุดท้ายต้องยืมเงินอาทิตย์อีกด้วย มัทนีเริ่มสงสัยเรื่องการใช้จ่ายอาทิตย์ แต่อาทิตย์ไม่กล้าบอกความจริงเพราะกลัวมัทนีจะเสียใจเรื่องพฤติกรรมของพ่อตนเอง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันอีก หาญกลัวความลับเรื่องน้ำผึ้งจะแตก จึงหาเรื่องไล่อาทิตย์ออกจากบ้านเพราะกลัวอาทิตย์จะเล่าให้มัทนีฟัง คุณนายลิ้นจี่เสียใจมากที่อาทิตย์ถูกไล่ออกจากบ้าน จึงบอกให้จำเนียรจับตาดูหาญให้ดี คุณนายลิ้นจี่ยืนยันว่าอาทิตย์เป็นคนดี หาญหลอกจำเนียรว่าจะออกไปบรรยายพิเศษ จำเนียรกับมัทนีตามไปดู อาทิตย์รู้เข้าเสียก่อนจึงพยายามติดต่อให้หาญหนี พบว่าหาญกำลังเอารถเข้าจำนองเพื่อเอาเงินให้น้ำผึ้ง พอดีจำเนียรกับมัทนีมาเจอเข้า หาญโยนความผิดว่าน้ำผึ้งเป็นกิ๊กอาทิตย์ ทำให้อาทิตย์อึ้งมาก ส่วนมัทนีก็เข้าใจผิด ความร้าวฉานระหว่างมัทนีกับอาทิตย์เกินที่จะเยียวยา หาญตามไปหาน้ำผึ้งพบว่าอยู่กับชายคนใหม่ ซ้ำร้ายตำรวจยังนำกำลังตำรวจเข้าจับกุมน้ำผึ้งที่ต้มตุ๋มหลอกเอาเงินผู้ชายมากหน้าหลายตามาแล้วหลายครั้ง ข่าวออกใหญ่โตครึกโครม มีภาพของหาญยืนอยู่ในครั้งนี้ด้วย มัทนีร้องไห้เสียใจที่จะต้องหย่ากับอาทิตย์เพราะรู้ใจตนเองแล้วว่ารักอาทิตย์เข้าจริง ๆ มัทนีกอดหาญร้องไห้เสียใจ หาญเริ่มรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีกที่ตนเองคือคนที่ทำลายชีวิตครอบครัวลูก ยิ่งเมื่อถึงวันที่มัทนีเดินทางไปเซ็นใบหย่ากับอาทิตย์ หาญอดใจหายไม่ได้ สุดท้ายยอมสารภาพความผิดทุกอย่างกับจำเนียรและรีบตามไปที่อำเภอ แต่ไม่ทันอาทิตย์กับมัทนีหย่ากันในที่สุด มัทนีร้องไห้เสียใจพอ ๆ กับที่อาทิตย์จากไปด้วยความช้ำใจที่มัทนีไม่เชื่อในตัวเขาเลย จำเนียรไม่ให้อภัยหาญอีกที่โยนความผิดทุกอย่างให้อาทิตย์ จนทำให้ครอบครัวของมัทนีต้องแตกแยก คุณนายลิ้นจี่ก็มาให้กำลังใจจำเนียร พร้อมปรับความเข้าใจกัน ส่วนพลอยเชอรีลก็มาพบมัทนีถึงบ้าน บอกความจริงเรื่องที่ครั้งหนึ่งเธอเคยแต่งงานเพียงเดือนเดียว แล้วสามีประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ก็มีเพียงแต่อาทิตย์ที่คอยให้กำลังใจ พลอยเชอรีลได้มอบการ์ดแต่งงานให้มัทนีนำไปให้อาทิตย์ พร้อมบอกว่าเธอกำลังจะแต่งงานใหม่กับคนที่เธอรัก ไม่ได้กลัวความรักอีกต่อไปแล้ว พลอยเชอรีลพูดเตือนสติให้มัทนีได้คิดว่าอาทิตย์เป็นคนดี และรักมัทนีเต็มหัวใจ เหตุที่อาทิตย์ต้องเลิกกับมัทนีก็เพราะเขารักมัทนีมากเกินไป เกินกว่าที่จะทำให้มัทนีเสียใจเรื่องพ่อตนเอง นรีเองก็พาหาญมาที่บ้านจำเนียร หาญขอร้องให้จำเนียรเกลี้ยกล่อมให้มัทนีตามอาทิตย์กลับมาให้ได้เพื่อความสุขของลูกเป็นการชดเชยที่หาญเคยทำผิดต่ออาทิตย์และลูกสาวตนเอง เอกเชยศร์พยายามตามกลับมาง้อขอคืนดีกับมัทนี แต่มัทนีปฎิเสธ จำเนียรเองก็ช่วยมัทนีไล่เอกเชยศร์ไปจากบ้าน ทำให้เอกเชยศร์ต้องยอมแพ้ในที่สุด นรีติดต่อกับเอนกเรื่องที่อยู่ของอาทิตย์ ที่ตอนนี้ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า ทั้ง โมกข์ แท่น โทนี่ ด้วย กว่ามัทนีจะเดินทางมาถึง อาทิตย์ก็หนีไปแล้ว มัทนีนั่งรออาทิตย์อยู่วันแล้ววันเล่าจนอาทิตย์ได้คิดเพราะไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน หัวใจของเขาก็ยังติดอยู่ที่มัทนี เขากลับมาหามัทนีอีกครั้งด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความรัก มัทนีบอกกับอาทิตย์ ว่าเธอจะรออาทิตย์ตลอดไป ทั้ง เอนก นรี โทนี่ แท่น โมกข์ ต่างซึ้งไปกับความรักของคนทั้งคู่ ส่วนจำเนียรก็ให้อภัยหาญในที่สุด ครอบครัวที่มีความสุขก็กลับมาอยู่กันพร้อมหน้าอีกครั้ง ติดตามชมความสนุกสนานของ ละครพ่อไก่แจ้
มาลีเริงระบำ 2557

มาลีเริงระบำ (2557/2014) เสียงเพลงดังมาจากห้องน้ำหลังบ้านไม้ในหมู่บ้านชนบท ห้องน้ำคือเวที ฝักบัวคือไมโครโฟน กระจกอยู่ตรงหน้า หนูมาลี (มีชื่อจริงพ่อตั้งให้ว่า ด.ญ.มาลีเริงร่า อากาศดี) เด็กสาวหน้าตาผิวพรรณสวยราวกับภาพวาด อยู่ในห้องน้ำวันละหลายชั่วโมง เพียงเพื่อร้องเพลงและเต้นรำเลียนแบบศิลปินดังที่อยู่ในทีวี

หนูมาลี เป็นสาวเหนือจากหมู่บ้านเล็ก ๆ หนูมาลีเติบโตมาด้วยน้ำมือปู่คนเก่งชอบช่วยเหลือแต่เป็นอัลไซเมอร์ชื่อ ปู่เชื้อ และย่าหูตึงใจดีแต่มักทำผิดเพราะฟังไม่ได้ยินชื่อ ย่าหงส์ มาลีเติบโตอย่างไม่มีพ่อแม่จึงใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับทีวีและวิทยุแทบทั้งวันหนูมาลีมีความฝันว่าตนจะได้มีโอกาสเข้าร่วมประกวดร้องเพลงแล้วชนะเลิศ โด่งดังเป็นดาวในเมืองหลวงกับรายการทีวีสักรายการหนึ่งนั่นคือฝันที่หนึ่ง ฝันที่สองของหนูมาลีคือการได้พบพ่อบังเกิดเกล้า เรืองยศ หรือ พ่อเรือง ที่เข้าไปทำงานในกรุงเทพฯ ทุก ๆ เดือนหนูมาลีจะไปที่ไปรษณีย์เพื่อรับเงินที่พ่อเรืองส่งมาให้ ภาพจำสุดท้ายของหนูมาลี คือเมื่อตอนสามขวบ พ่อเรืองในชุดทหารเกณฑ์ เอาข้าวของมากมายมาเยี่ยมปู่ย่า และเข้ามากอดหนูมาลีอย่างรักใคร่ หลังจากนั้นพ่อก็ได้แต่ส่งเงินและจดหมายมา ทุก ๆ วันสงกรานต์ ปู่ ย่า และหนูมาลี จะไปรอที่ปากทางหมู่บ้านแต่พ่อเรืองก็ไม่มา ปู่บอกว่า พ่อเป็นทหารที่เก่งมาก ป่านนี้คงเป็นเจ้าคนนายคน จึงส่งเงินและจดหมายที่มีแต่ความห่วงใยกลับมาบ้านได้สม่ำเสมอ ปู่และย่าภูมิใจในตัวพ่อเรืองมาก สำหรับหนูมาลี พ่อเรืองคือดวงใจ คือจุดหมาย คือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต โดยไม่จำเป็นต้องมีแม่ ! ปู่เคยเล่าให้ฟังว่า พ่อเรืองกับแม่เป็นเพื่อนนักเรียนกัน ทั้งสองแอบได้เสียกันตอนงานลอยกระทง แม่ของหนูมาลีเกิดท้อง ด้วยความที่แม่ของหนูมาลีใฝ่แสงสีในเมืองหลวง หลังจากคลอดลูกก็ทิ้งลูกไว้แล้วหนีเข้ากรุงเทพฯ พ่อเรืองคนนี้เองที่ไปตระเวนหาลูก ถึงกับต้องขโมยเด็กขึ้นรถสองแถวหนีจากสังคมสงเคราะห์ เรืองยศพาหนูมาลีกลับบ้านมาให้พ่อกับแม่เลี้ยง แล้วดิ้นรนไปหางานทำในเมืองหลวงเพื่อส่งเสียให้หนูมาลีได้เรียนสูง ๆ ให้พ่อกับแม่ได้มีเงินรักษาตัวยามเจ็บไข้ พ่อเรืองพูดคุยกับหนูมาลีทางจดหมายปีละครั้ง แต่หนูมาลีส่งจดหมายถึงพ่อเสมอทุกเดือน สิ่งเดียวที่หนูมาลีไม่เข้าใจคือ ทำยังไงพ่อเรืองก็ไม่ยอมให้หนูมาลีออกจากหมู่บ้านไปหาพ่อที่กรุงเทพฯ ทุกครั้งที่หนูมาลีส่งจดหมายก็ได้แต่ส่งเข้าตู้ไปรษณีย์เลขที่ 14 ไปรษณีย์รัชดา โดยไม่บ่งบอกที่อยู่ใด ๆ เมื่อหนูมาลีเรียนจบม.6 หนูมาลีตัดสินใจแน่วแน่ จะเข้ากรุงเทพฯ ไปหาพ่อ หนูมาลีตั้งใจจะไปประกวดร้องเพลงในรายการโทรทัศน์ที่มีชื่อเสียงดังที่สุดในประเทศด้านการหาซูเปอร์สตาร์ สุดท้ายจึงตัดสินใจเดินทางมาที่กรุงเทพฯ หนูมาลีจะไปดักรอพ่อที่หน้าไปรษณีย์ ยังไงเสียพ่อต้องมาไขตู้เอาจดหมายที่ตนส่งมาทุกเดือน ผ่านการเดินทางที่น่าเวียนหัว เข้ากรุงเทพฯ ครั้งแรก เมืองฟ้าอมรตรงหน้าเนืองแน่น ซับซ้อนจนยากที่จะเข้าใจ ทันทีที่ลงจากบขส. หนูมาลีกอดกระเป๋าแน่น พอดีพบเข้ากับอธิ นายตำรวจที่กำลังดักจับ คนส่งยาเสพติด อธิเข้าใจผิด คิดว่ามาลีเป็นคนร้าย จึงไล่จับ มาลีวิ่งหนี จนทองทา เพื่อนของอธิต้องช่วยจับตัวไว้ มาลีต่อสู้ ใช้สนับมือฟันไปที่หน้าอกของทองทาจนเป็นรอยแผลเป็น สุดท้ายทองทา อธิ และมาลีจึงไปสถานีตำรวจด้วยกัน จึงรู้ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด อธิต้องไปจับคนร้ายต่อ ทิ้งให้ทองทาอยู่กับมาลี มาลีไปเฝ้ารอพ่อที่ไปรษณีย์ แต่ด้วยความเป็นห่วง เพราะมืดค่ำ ทำให้ทองทาต้องพามาลีไปพักที่บ้านชั่วคราว แล้วจึงช่วยหนูมาลี ตามหาพ่อต่อไป ท่าทางที่เรียบร้อยสะอาดอ้านของทองทา หยิบจับทำอะไรก็ดูดีงดงามไปหมด ทำให้หนูมาลีอดคิดไม่ได้ว่าทั้งสองเป็นพวกรักร่วมเพศ หนูมาลียังพบใบสมัครร้องเพลง ในกระเป๋าของทองทา หนูมาลีรู้สึกสนิทสนมกับทองทาทันที หนูมาลีถามว่าทองทาจะสมัครการแสดงอะไร ทองทาบอกว่าเขาเป็นแดนเซอร์ เขารักการเต้นเป็นชีวิตจิตใจ หนูมาลีปักใจเชื่อว่า ทองทาเป็นเกย์ เป็นนักล่าฝันจากบ้านนอกเหมือนกันกับตน เพราะทองทาพูดภาษาไทยบางคำแปลก ๆ และมีทีท่าเป๋อ ๆ เปิ่น ๆ เหมือนกันกับตนในเมืองหลวงแห่งนี้ หนูมาลีหารู้ไม่ ทองทาไม่ได้เป็นสาวประเภทสอง เขาเป็นชายหนุ่มปรกติ ที่ชอบดูแลตัวเอง รักศิลปะ เขารักการเต้นทุกชนิดเป็นชีวิตจิตใจ ในวัยเด็กพ่อกับแม่ของเขาแยกทางกัน แม่ที่เป็นนักบัลเล่ต์หนีไปอยู่ต่างประเทศ เขาจึงทิ้งประเทศไทยไปอยู่กับแม่ และเรียนเต้นจนจบปริญญาเอก ทองทามีอาชีพเป็นผู้ออกแบบท่าเต้นและการแสดงโชว์ มีผลงานมากมายในต่างประเทศ ก่อนจะเดินทางมาที่ประเทศไทยเมื่อไม่กี่วันนี้ ทองทาจึงเป็นผู้ชายทั้งแท่งที่มาจากประเทศนอกไม่ใช่เกย์บ้านนอกอย่างที่หนูมาลีเข้าใจทองทารู้สึกประทับใจในความใสซื่อ จริงใจและใบหน้าที่สวยงามของหนูมาลี เขารู้สึกขำกับอาการตีความเอาเองของหนูมาลีหลาย ๆ อย่าง ก็เลยเออออห่อหมกไปกับหนูมาลี อยู่ช่วยเหลือหนูมาลีไปเรื่อย ๆ อย่างน้อยก็ได้นอนเคียงข้างสาวสวยช่างฝันที่พูดคุยสนุกทุกคืนเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะสนิทสนมกับหนูมาลีอย่างรวดเร็ว ทองทาก้มมองที่หน้าอกด้านซ้ายที่มีหัวใจอยู่ตรงนั้น รอยแผลจากสนับมือทำท่าจะกลายเป็นแผลเป็น เหมือนความประทับใจในตัวสาวน้อยที่ดูจะเพิ่มมากขึ้น ไม่มีทีท่าจะลดน้อยลง ! มาลีไปรอพ่อที่ไปรษณีย์ทุกวัน จนได้พบกับชงโค ที่มาเอาจดหมายไป เธอสะกดรอยตามไป และได้พบกับการะเกด การะเกดให้มาลี ตามไปดูเจ้าของจดหมายที่กำลังจะขึ้นโชว์บนเวที ดวงตาสองข้างของหนูมาลีจับจ้องอยู่บนเวทีการแสดง ไฟแสงสีปรากฎ หนูมาลีใจเต้น พ่อเรืองที่ตนรอคอยกำลังจะปรากฎตัวขึ้นตรงหน้า และแล้วชายหนุ่มผิวขาวใบหน้าสวยเฉี่ยวก็ปรากฎขึ้น รอยยิ้มฉาบเครื่องสำอางค์ บนร่างสูงสง่า ปรากฏตัวขึ้นราวกับราชินีแห่งคีตศิลป์ เสียงอันทรงพลังราวกับนักร้องมืออาชีพแทรกมากับดนตรีกระหึ่มบนเวที ! หนูมาลีก้มลงมองรูปถ่ายสีของพ่อเรืองในมือที่สั่นเทาของตน ชายหัวเกรียนในชุดทหารเกณฑ์สีเขียวอุ้มกอดหนูมาลีในวัยสามขวบอย่างรักใคร่ นี่คือวันสุดท้ายที่ได้พบหน้าพ่อเรืองเมื่อ 15 ปีก่อน พ่อเรืองของหนูมาลีไม่ใช่ทหาร ! แต่เป็นกระเทยแต่งหญิง เขาไม่ได้เป็นนายพันหรือนายพลอย่างที่ปู่บอก ไม่ใช่แม้แต่เฮียเจ้าของร้านคาราโอเกะ แต่คือ โรส เจ้าของร้านคาราโอเกะที่สวยและร้องเพลงเพราะมาก นี่เองคือคำตอบ ทำไมพ่อจึงไม่มาหาปู่ย่าและแม้แต่ลูกสาวของตัวเอง เพราะพ่อมีชีวิตอีกด้านที่น่าอับอายและไม่อยากให้ใครรู้ โดยเฉพาะคนในครอบครัว !ไม่เพียงแต่หนูมาลีที่ตกใจ โรสเองก็จำหนูมาลีได้ทันที ทั้งสองไม่ใช่พ่อลูกที่โผเข้าหากันกอดกัน ทั้งสองนิ่งอึ้งมองหน้ากัน ไม่มีคำพูดใด ๆ ! ทั้งสองไม่สามารถบอกได้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกอย่างไรในเวลาเช่นนี้ ความผิดหวังในตัวผู้เป็นพ่อ ทำให้มาลีไม่สามารถเรียกเรืองยศ หรือโรสว่าพ่อได้ สุดท้าย โรสจึงให้มาลีเรียกตนเองว่าพี่โรส หนูมาลีต้องอยู่กรุงเทพฯ ต่อไป ทั้งเรื่องเรียนต่อ และเรื่องการเข้าประกวดร้องเพลง เธอกลายเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านของโรส โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า ทั้งสองคนเป็นพ่อลูกกัน มาลีแสดงทีท่าไม่ชอบบอย คนรักของโรสตั้งแต่แรก แต่บอยก็ไม่ถือสาอะไร มาลีพบว่า เมื่อถอดเครื่องประกอบทั้งหมดออกแล้ว โรสก็เป็นเพียงผู้ชายรูปร่างหน้าตาดี มีท่าทางกระตุ้งกระติ้งมากกว่าปรกติ โรสเป็นคนปากจัด ขี้โวย เอาจริงเอาจัง ดุดัน ตรงไปตรงมา นับแต่วันนั้น หนูมาลีทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านของพี่โรส วัน ๆ หนูมาลีพูดกับพี่โรสไม่กี่คำ พี่โรสเองไม่ได้พูดถึงปู่ย่า ไม่ได้พูดถึงข้อความในจดหมายที่เขียนหากันมาตลอด15 ปี พี่โรสและหนูมาลียังคงไว้ซึ่งการเป็นนายจ้างและลูกจ้างเหมือนคนอื่นแต่มีบางสิ่งที่ไม่เหมือน สิ่งนั้นคือสายตาอันห่วงใย ที่โรสจะทอดมองมาที่หนูมาลีครั้งละนาน ๆ ความผิดปรกติอีกอย่างหนึ่งก็คือ พี่โรสนั้นจะปากไวปากจัด บ่นด่าจิกกัดทุกคนได้ตลอดวลา 24 ชั่วโมง แต่สำหรับเด็กเสริฟที่ชื่อหนูมาลีแล้ว โรสไม่เคยดุด่าสักคำ มาลีสมัครเข้าประกวดร้องเพลงพร้อมกับ ชงโค การะเกด ซึ่งเจ้าของสถานีโทรทัศน์คือเมืองแมน พ่อของทองทา ซึ่งเมืองแมนเป็นคนเจ้าชู้ เห็นแก่ผลประโยชน์และธุรกิจเป็นใหญ่ และภรรยาคนล่าสุดของเขาก็คือ โยทะกา แม่ของมาลีนั่นเอง ที่สถานี มาลีได้พบกับทองทาอีกครั้ง และเธอก็รู้ในที่สุด ว่าทองทาเป็นลูกของเมืองแมน คู่ต่อสู้คนสำคัญของมาลีก็คือ เบลล่า ลูกสาวต่างมารดาอีกคนของเมืองแมน เบลล่าสนิทสนมกับทองทา เธอเข้าประกวดเวทีนี้เช่นเดียวกัน ถึงแม้โยทะกาจะทักท้วงในตอนแรก แต่เพื่อกระแสข่าวและเรทติ้งทางสถานี เมืองแมนจึงให้เบลล่าเข้าประกวดในที่สุด โดยมีบุณฑริก ผู้เป็นยาย เป็นแรงสนับสนุนสำคัญของเบลล่า เมืองแมนเป็นคนเจ้าชู้ เขาได้แม่ของทองทา ช้องนาง เป็นภรรยาคนแรก ช้องนางที่กำลังมีอนาคตในวงการบัลเล่ต์ ยอมทิ้งฝันนักบัลเลต์ระดับโลกเพราะท้องกับเมืองแมน แต่แล้วช้องนางก็ต้องเสียใจเมื่อพบว่าเมืองแมนไม่หยุดอยู่ที่ตนเอง เมืองแมนแอบไปมีเมียน้อย เป็นสาวไฮโซจากตระกูลเก่าแก่ชื่อ บัวบุษบง ช้องนางจึงหย่าและหนีไปต่างประเทศ แต่บัวบุษบงก็อยู่กับเมืองแมนได้ไม่นาน เมืองแมนแอบไปคบกับนางงามระดับประเทศคนดังชื่อ โยทะกา เมื่อบัวบุษบงรู้เข้า บัวบุษบงก็กินยาตายทิ้งลูกสาวชื่อ บุษบาบัณ หรือ เบลล่า เอาไว้ให้แม่ของตนเลี้ยง เมืองแมนแต่งงานกับโยทะกา จากสาวเหนือบ้านนอกมาเป็นนางงาม จากนางงามมาเป็นภรรยามหาเศรษฐี จากภรรยามหาเศรษฐี โยทะกากลายเป็นผู้บริหารรายการทีวีหญิงที่มีความสามารถ มีชื่อเสียง มีหน้ามีตาอยู่ในสังคม เป็นที่รู้จักของคนทั่ว ๆ ไป การแข่งขันเต็มไปด้วยความเข้มข้น ทั้งมาลี การะเกด ชงโค เบลล่า ทิมมี่ โกมินทร์ ภูมิ ซึ่งทางเบลล่านั้นมีครูสอนทั้งร้อง ทั้งเต้นให้อย่างครบครัน ส่วนมาลีนั้นไม่มีใคร จึงขอร้องให้ทองทามาเป็นครูสอนเต้นให้ ทองทาจึงใกล้ชิดกับมาลีมากขึ้น ส่วนอธิก็เริ่มสนิทสนมกับการะเกด และชอบการะเกดมาขึ้นทุกวัน โรสไม่ค่อยเห็นด้วยนักที่มาลีเข้าประกวด เพราะอยากให้มาลีเรียนหนังสือมากกว่า แต่เมื่อได้พบกับทองทา เห็นว่าเขาเป็นคนหนุ่มที่เก่ง และนิสัยดี จึงฝากให้ทองทา ดูแลมาลีอีกแรง มาลีเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อย ๆ ที่เวทีนี้เอง เธอได้พบกับนักร้องชายในฝัน ซีโร่ อดีตผู้ชนะเลิศจากการประกวดปีที่แล้ว ซีโร่รู้ว่ามาลีหลงรักตนเอง จึงพยายามหว่านเสน่ห์ พูดจาหวานใส่มาลีตลอดเพื่อสร้างกระแส ทองทารู้ดีว่าซีโร่ไม่มีความจริงใจต่อมาลี แต่ไม่อยากพูดให้มาลีเสียใจ ส่วนเบลล่าเองก็ไม่พอใจมากที่ทองทาสนิทสนมกับมาลี จึงหาทางกลั่นแกล้งมาลีตลอดเวลา กิจการที่ร้านของโรสไม่ค่อยดีนัก แล้วชงโค ก็ตกรอบจากการประกวด เจ๊ซูซี่ เพื่อนของโรส ที่ชอบหาเด็กสาว ๆ ไปให้กับ เสี่ยวานิช จึงติดต่อชงโคไปถ่ายภาพโป๊ และสุดท้ายก็ไปมีความสัมพันธ์กับวานิชในที่สุด กลายเป็นผู้หญิงกลางคืนเต็มตัว ซูซี่ยังไม่หยุดแค่นั้น ยังหลอกให้การะเกดไปหาวานิช จนถูกข่มขืน ทั้งทองทา และอธิตามไปช่วยไม่ทัน การะเกดเหมือนตกนรกเพราะทำใจไม่ได้ สุดท้ายเธอก็ลาออกจากการแข่งขันในที่สุด เหลือมาลีเพียงลำพัง กิจการที้ร้านของโรสก็ต้องถูกปิดลงชั่วคราว เพราะเจ้าหนี้ตามมาทวงหนี้ อาละวาดจนแขกในร้านหนีกันไปหมด บอย ก็พยายามช่วยโรสทุกวิถีทาง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก สุดท้าย มาลีเริ่มยอมรับในตัวของบอยมากขึ้นโรส แคที่ บอย มาลี จึงกลับไปต่างจังหวัด เพื่อเยี่ยม ปู่เชื้อ กับย่าหงส์ ความลับเรื่องที่โรสเป็นกะเทย ถูกเปิดเผยในที่สุด แต่มาลีก็ยืนยันว่า ไม่ว่าโรสจะเป็นยังไง ก็ยังเป็นพ่อของเธอในที่สุด ทองทา รักและเป็นห่วงมาลีเพิ่มขึ้นทุกวัน ตัดสินใจ ร้องเพลงสารภาพรักมาลีบนเวทีเปิดตัวศิลปินหน้าใหม่ของบริษัท เมืองแมนดีใจมากที่จะได้ทองทา มาเป็นศิลปิน เรียกเงินและเรทติ้งอีกคน ส่วนบรมและแซนดี้ ก็หมายมั่นปั้นมือ จะปั้นทองทาให้โด่งดังให้ได้ มาลีไม่ยอมพบหน้าทองทา จนทองทาต้องตามไปหาที่ต่างจังหวัด โรสเชียร์ทองทาจนออกนอกหน้า แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้พูดคุยกัน ซีโร่ก็ตามมาก่อกวน พูดจาไม่ดีใส่โรสไปหลายคำ แต่สุดท้ายเมื่อรู้ว่าโรสเป็นพ่อของมาลี ก็ถึงกับอึ้งไป การะเกดกลับไปเยี่ยมแม่ที่ต่างจังหวัด เศร้าใจกับชีวิต อธิคอยตามไปปลอบใจไม่ห่าง แต่ยังไง การะเกดก็ไม่ยอมกลับไปร้องเพลงอีก และด้วยความสงสารที่โรสไม่มีทางออก แคที่ จึงยอมออกทุนให้ก้อนใหญ่ เพื่อให้โรสกลับไปเปิดร้านอีกครั้ง ทุกคนจึงกลับไปที่กรุงเทพฯ ป้าบุญมา สมศรี ก็กลับมาทำครัวเช่นเดิม แต่คราวนี้โรส เปลี่ยนคอนเซปต์ร้าน ให้แขกที่มา ได้ขึ้นโชว์ กลายเป็นซุปตาร์กันถ้วนหน้า ทำให้ร้านเริ่มโด่งดัง ลูกค้าจองคิวขึ้นโชว์กันแบบข้ามเดือน มาลีกลับเข้าไปร้องเพลงประกวดอีกครั้งด้วยเพลงที่บอกถึงความคิดถึงที่มีต่อทองทา ซึ่งทองทาเอง ก็เข้าห้องอัดเสียงร้องเพลงด้วยความคิดถึงมาลีเช่นเดียวกัน สุดท้ายคืนนั้นเอง ทองทากับมาลีก็ปรับความเข้าใจกันในที่สุด ทั้งคู่บอกรักกัน และยืนยัน และก้าวไปสู่ฝัน ด้วยการร้องเพลงของทั้งคู่ ในขณะที่เส้นทางการร้องเพลงของมาลีกำลังไปได้ดี โรสกลับมีอาการป่วยมากขึ้น ด้วยการเป็นมะเร็งที่ลำไส้ สุดท้ายเขาตัดสินใจ บอกกับโยทะกาว่า มาลีคือลูกสาวของตนเอง ที่เกิดกับโยทะกา โยทะกาดีใจมาก แต่เมื่อมาลีรู้ความจริง กลับรับไม่ได้ที่โยทะกาทอดทิ้งตนไป ขอมีโรสเป็นพ่อเพียงคนเดียว ซ้ำร้ายเมืองแมนยังคงไม่เลิกนิสัยเจ้าชู้ เอาแต่ได้ เขาไปมีความสัมพันธ์กับเลขาจ๋า เลขาของโยทะกา จนโยทะการู้เรื่องในที่สุด โยทะกาเครียดจัด กินยานอนหลับไปเกินขนาดจนต้องเข้าโรงพยาบาล ทองทาต้องไปดูแล แต่หนูมาลียังไม่ยอมไปเยี่ยม เพราะยังทำใจไม่ได้ เบลล่า เอาจุดอ่อนที่มาลีเรียกโรสว่าพี่ ปลุกกระแสนักข่าวให้เกลียดชังมาลี ที่ไม่ยอมเรียกโรสว่าพ่อ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่มาลีขึ้นเวทีร้องเพลงที่ร้านของโรส และเรียกโรสว่าพ่ออย่างเต็มปาก เต็มคำ โรสดีใจมาก ข่าวของมาลีและโรสแพร่กระจายไป อีกทั้งยังเรื่องที่โรสป่วยเป็นมะเร็ง ยิ่งทำให้ประชาชนเห็นใจเธอมากขึ้น จนคะแนนโหวตขึ้นแซงหน้าเบลล่าไปอีก การะเกดกลับมาร้องเพลงอีกครั้งที่ร้านของโรส แต่อดีต ยังคงทำให้เธอหวาดกลัว ซึ่งอธิก็หาทางจับวานิช เอาผิดให้ได้ แต่เขาก็รอดไปทุกครั้ง สุดท้าย การะเกดจึงยอมเป็นพยานคดีถูกวานิชข่มขืน จนวานิชถูกจับในที่สุด ทั้งการะเกดและอธิ รักและเข้าใจกัน ส่วนชงคง ก็กลับมาอยู่ที่ร้าน เลิกอาชีพค้าบริการ โดยได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากโรส และทุกคน กระแสข่าวของซีโร่เริ่มแผ่วเบาไป เขาจึงคิดหาวิธีสร้างข่าวกับหนูมาลี ด้วยการเข้าไปในห้องแต่งตัว เพื่อถ่ายรูปกับมาลี แสดงว่าสนิทสนมกัน ซีโร่คิดจะลวนลามมาลี โชคดีที่โรสเข้ามาช่วยทัน มาลีแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชนว่า ซีโร่คิดร้ายต่อตนเอง ทำให้ซีโร่หมดอนาคตไปในทันที เมืองแมนมีโอกาสได้เจอมาลีเข้าอย่างจัง จึงเกิดหลงไหล อยากได้มาลีมาเป็นของตนเอง และไม่เหลียวแลเลขาจ๋าอีก โดยที่เมืองแมนไม่รู้ว่า มาลีคบอยู่กับทองทา เมื่อเบลล่ารู้เรื่องจึงแกล้งส่งข้อความทางโทรศัพท์ไปหาเมืองแมน อ้างว่าเป็นหนูมาลี ซึ่งมีใจให้กับเมืองแมน ทำให้เมืองแมนเข้าใจผิดคิดว่าหนูมาลีมีใจให้ อาการป่วยของโรสทรุดหนัก จนทุกคนรู้กันหมด ทั้งโยทะกา มาลี โรส ชงโค การะเกด อธิ สมศรี บุญมา ที่เสียใจที่สุดก็คือบอย เขาร้องไห้ กอดโรส อ้อนวอนให้โรสไปรักษาตัว เพื่ออยู่เป็นกำลังใจให้กับทุกคน สุดท้ายโยทะกาจึงยื่นมือเข้ามาช่วย พาโรสไปรักษาตัว การประกวดร้องเพลงรอบสุดท้ายมาถึง คะแนนของเบล สู้มาลีไม่ได้ เธอจึงคิดหาทางกำจัดมาลี ด้วยการให้คนร้ายจับตัวมาลี ไปที่คอนโดเมืองแมน เมืองแมนปลุกปล้ำมาลี ดีที่โยทะกามาช่วยไว้ทัน เธอใช้ปืนยิงที่ขาของเมืองแมน เพื่อช่วยมาลี ลูกสาวคนเดียวของเธอ ทองทาตามมาอีกคน ต่อสู้กับคนร้าย ที่ลักพาตัวมาลีมา แล้วมอบตัวให้กับอธิ ทองทาพามาลีขึ้นเวทีร้องเพลงทันเวลา แต่เบลล่าก็ใช้กลโกงจนชนะการประกวด มาลีภูมิใจมากที่ได้ร้องเพลง มันคือนาทีที่ยิ่งใหญ่ ที่เธอได้มอบให้กับผู้ชม พร้อมทั้งครอบครัวที่สมบูรณ์อย่างโรส และโยทะกา โรสยิ้มปลื้มที่เห็นหนูมาลีได้ทำให้ฝันเป็นจริง อาการของโรสทรุดหนัก แต่เขากลับดีใจที่ร้านอาหารของเขาขายดิบขายดี จนสามารถปลดหนี้สินได้ โรสทำพินัยกรรมมอบส่วนแบ่งให้กับทุกคน และให้มาลีดูแลกิจการต่อ ฝากฝังให้โยทะกาดูแลมาลีแทนตนต่อไป อธิขอการะเกดแต่งงาน ส่วนทองทาก็ขอมาลีแต่งงาน เพียงรอให้มาลีเรียนจบก่อนเท่านั้น ทั้งคู่ก็จะแต่งงานกัน โรสหมดลมในอ้อมกอดของหนูมาลี ทุกคนเศร้าใจ เมืองแมนไม่สามารถกลับมาเดินได้เหมือนเดิม ซ้ำยังถูกปลดจากการเป็นผู้บริหารสถานี โยทะกาสู้คดี เรื่องที่ยิงเมืองแมน ว่าเป็นการปกป้องลูกสาวตนเอง ทองทาได้ขึ้นเป็นผู้บริหารสถานีแทน โดยมีโยทะกา บรม แซนดี้ เป็นผู้ช่วย ส่วนซีโร่ก็สำนึกผิด กลับมาขอโทษมาลี และทองทาก็ให้โอกาสซีโร่ได้กลับมาทำงานเรื่องการร้องเพลงอีกครั้ง บุณฑริก ยังคงเพ้อเจ้อเรื่องทรัพย์สมบัติ ส่วนเบล ก็ถูกดำเนิคดีเรื่องจ้างวาน คนมาทำร้ายมาลี เบลเริ่มมีอาการเพ้อ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย ด้วยความที่ทะเยอทะยาน ชอบแก่งแย่งชิงดี จนไม่สามารถควบคุมสติตนเองได้ มาลีกลายเป็นนักร้องที่โด่งดัง มีงานไม่ได้หยุด ถึงแม้จะไม่ใช่ผู้ที่ชนะเลิศในการประกวด อีกทั้งความรักที่มีกับทองทาก็ผลิบานขึ้นทุกวัน ถึงวันนี้มาลีจะไม่มีโรสเคียงข้าง แต่เธอก็มีโยทะกาคอยดูแล พร้อมทั้งเสียงเพลงที่อยู่กับเธอไปตลอดกาล ติดตามชม ละครมาลีเริงระบำ
แค้นเสน่หา 2556

แค้นเสน่หา (2556/2013) วันนั้นหม่อมบุหลัน ของหม่อมเจ้ารังสิโยภาสแห่งวังรังสิยา ยืนมองเรือประทับของท่านชายแล่นออกจากท่า มองเห็นแสงตะเกียงอ่อนลงจนลับหายไปในที่สุด ในโสตประสาทยังแว่วเสียงสั่งเสียของท่านชายว่า

ถ้าบุหลันคลอดลูกก่อนท่านเสด็จกลับ ให้ตั้งชื่อลูกชายว่าหม่อมราชวงศ์ศักดินา ถ้าเป็นลูกหญิงให้ชื่อว่าหม่อมราชวงศ์หญิงวิมลโพยม พร้อมทั้งถอดสร้อยพระศอและเหรียญประทาน โดยท่านชายย้ำว่า ได้ฝากฝังบุหลันไว้กับหม่อมเจ้าหญิงแขไขเจิดจรัส พระชายาเรียบร้อยแล้ว นั่นแหละคือสิ่งที่บุหลันหวาดกลัว โดยเฉพาะนางเฟือง พระพี่เลี้ยงผู้จงรักภักดีของท่านหญิง นางเฟืองจึงแค้นแทนท่านหญิง ที่ท่านชายยกเด็กกำพร้าหลานสาวหัวหน้าห้องเครื่องวังรังสิยามาเป็นหม่อม บุหลันสังหรณ์ใจตลอดเวลาว่านางเฟืองผู้นี้แหละคือศัตรูตัวสำคัญ คืนวันหนึ่ง เสียงฝ่ามือนางเฟืองฟาดลงบนแก้มของบุหลัน พร้อมคำอาฆาตรุนแรงว่า ใครทรยศต่อท่านหญิงมันผู้นั้นต้องตาย บุหลันนัยน์ตาเหลือกลาน ขณะที่ถูกลากตัวมายังเรือนแพริมท้องน้ำที่ประตูเปิดกว้างรอคอย คำสั่งนางเฟืองให้ฆ่าบุหลัน แล้วพาไปทิ้งน้ำ บุหลันรู้สึกวาบหวิวขณะที่ปวดท้องอย่างรุนแรง เสียงฟ้าคำรามเปรี้ยง ฝนตกกระหน่ำกลบเสียงหวีดร้องของบุหลันยามใกล้คลอด เสียงหวีดสุดท้ายดังขึ้นพร้อมเสียงอุแว้ของทารกเกิดใหม่ดังกังวานไปทั่วคุ้งน้ำ เวลาดึกคืนวันนั้น นางเฟืองอุ้มทารกน้อยเพศชายคนหนึ่งมาถวายท่านหญิงพร้อมทูลว่าบุหลันคลอดลูกชายและยกถวายให้เป็นลูกชายท่านหญิง ท่านหญิงแปลกพระทัยแต่ก็หลงรักทารกตั้งแต่แรกเห็น หารู้ไม่ว่าขณะนั้นแม่ของเด็กชายนอนสลบอยู่ในเรือที่ไอ้ยอด บ่าวในเรือนพายมุ่งหน้าไปยังรอยตะเข็บแม่น้ำต่อกับทะเล เมื่อถึงที่หมายขณะที่ไอ้ยอดกำลังจะผลักร่างของบุหลันลงน้ำ มันก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติเมื่อมันได้ยินเสียงร้องของทารกอีกคนหนึ่ง ไกลออกไปตามแม่น้ำสายเดียวกัน ที่บ้านปัณณธร คุณหญิงเพ็ง ปัณณธร พจน์ลูกชายคนเดียวและฉัตต์ลูกชายวัยห้าขวบของพจน์ กำลังเศร้าโศกอย่างยิ่ง เพราะราตรีภรรยาที่รักยิ่งของพจน์เพิ่งจะเสียชีวิตในวันนั้น วันเดียวกันละเมียดต้นห้องของคุณหญิงเพ็งวิ่งมาบอกว่ามีผู้หญิงคนหนึ่ง มานอนสลบอยู่ที่ท่าน้ำ พร้อมด้วยชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเป็นใบ้และทารกเพศหญิงอีกหนึ่งคน คุณหญิงเวทนาจึงรับทั้ง 3 ชีวิตให้อาศัยในบ้านปัณณธรต่อไป ผู้หญิงที่มากับสายน้ำให้ทุกคนเรียกว่า จันทร์ ตั้งชื่อลูกสาวว่า รุ้ง จันทร์เป็นที่รักของคนทั้งบ้านโดยเฉพาะคุณหญิงเพ็ง เพราะจันทร์ขยันขันแข็งช่วยงานทุกอย่างในบ้านโดยเฉพาะงานที่ต้องใช้ฝีมือ เช่น ทำอาหาร ร้อยดอกไม้ แกะสลักผลไม้และเย็บเสื้อผ้า คุณหญิงพอใจในตัวจันทร์มากถึงขนาดอยากให้เป็นลูกสะใภ้ พจน์เองแม้จะอาลัยอาวรณ์ภรรยาที่ล่วงลับไปแล้วก็ยังใจอ่อนต่อความดีและความอ่อนหวานของจันทร์ นอกจากนี้จันทร์ยังเป็นแม่นมของจริมา ลูกสาววัยแค่เดือนเศษของพจน์ด้วย จันทร์รักและทะนุถนอมจริมาเช่นเดียวกับรุ้งลูกสาวของตนเอง คนเดียวทีไม่พอใจอย่างยิ่งคือฉัตต์ ลูกชายคนโตของพจน์ ฉัตต์ปักใจว่าเป็นเพราะคนพวกนั้นแม่ของตนถึงตาย ฉัตต์ลั่นวาจาว่าเกลียดที่สุด และความเกลียดชังนั้นไม่เคยจางหายจนกระทั่งเขาโตเป็นหนุ่ม ท่านชายรังสิโยภาสกลับมาถึงวังพบแต่ลูกชายของบุหลัน ส่วนตัวบุหลัน นางเฟืองทูลว่าหนีไปกับชู้คือไอ้ยอด ท่านชายไม่เชื่อว่าบุหลันจะเลวขนาดนั้นแต่ก็อดระแวงไม่ได้ มีผลทำให้ทรงไม่เอาใจใส่คุณชายศักดินา รวมทั้งท่าทีเฉยชาไม่สนใจท่านหญิง จนถึงวันที่ท่านชายลั่นวาจาว่าถ้ารู้ว่าใครเป็นตัวการเรื่องบุหลันจะทรงฆ่าด้วยองค์เอง โดยเฉพาะนางเฟืองที่ทรงรังเกียจอย่างยิ่ง ท่านชายรับสั่งจบ ทรงปิดประตูใส่พักตร์ท่านหญิง นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาสายใยความเป็นสามีภรรยาที่เกาะเกี่ยวอยู่เพียงบางเบาก็ขาดสะบั้น ท่านชายสงสัยนางเฟืองตลอดเวลาว่าต้องมีส่วนในเรื่องราวของบุหลัน ทรงไม่ต้องรอนานเรื่องราวของนางเฟืองก็จบลง ไอ้แคล้วหลานชายนางเฟือง ผู้สมรู้ร่วมคิดฆ่าบุหลันกลับมาขู่เข็นเอาเงิน นางเฟืองจึงฆ่าไอ้แคล้ว แต่มันยังมีชีวิตอยู่จนสารภาพทุกอย่างกับท่านชายก่อนสิ้นใจ ท่านชายเรียกนางเฟืองมาต่อหน้าพระพักตร์ต่อหน้าท่านหญิงด้วย ท่านชายเล่าถึงความโหดร้ายของนางเฟืองที่ทำต่อบุหลัน รับสั่งให้ขังนางเฟืองเพื่อจะส่งตำรวจในวันรุ่งขึ้น แต่คนใจเด็ดอย่างนางเฟืองหรือจะยอมให้ตัวเองถึงมือตำรวจ นางเฟืองเชือดคอตายต่อหน้าพระพักตร์ท่านชายเช่นกัน ท่านหญิงทรงเปิดจดหมายที่นางเฟืองทิ้งไว้ให้ จดหมายนั้นบอกว่าแม้ตายไปวิญญาณก็จะคอยปกป้องท่านหญิง นางเฟืองทำตามคำในจดหมายทุกอย่าง วิญญาณนางเฟืองอยู่กับท่านหญิงตลอดเวลา คอยปกป้องคุ้มครองภัยอันตรายตลอด แต่วิญญาณจงรักภักดีของนางเฟืองไม่ช่วยปัดเป่าความเศร้าหมองลึกซึ้งของท่านหญิงอันเกิดจากท่าทีหมางเมินไม่มีเยื่อใยของท่านชาย ท่านหญิงกลายเป็นคนซึมเศร้าหมดอาลัยตายอยากในชีวิต วิญญาณนางเฟืองทนไม่ได้ ดังนั้นเวลาโพล้เพล้ของวันหนึ่ง ท่านชายทรงประทับอยู่หัวบันได เนตรมองจ้องที่ร่างของท่านหญิงที่ถูกซ้อนทับด้วยร่างของนางเฟือง แววตาเยือกเย็นเหี้ยมโหด รอยยิ้มหยามหยันเหมือนนางเฟือง ที่จมกองเลือดตายในวันนั้น ท่านชายโบกพระหัตถ์ไล่อย่างหวาดกลัว ส่งเสียงร้องโหยหวนก้องวังในขณะที่ทรงเสียหลักกลิ้งหล่นมาตามขั้นบันได ท่านชายเป็นอัมพาตต้องทรงนอนนิ่งจากนั้นเป็นต้นมา จันทร์กับรุ้งอยู่เป็นสุขในความเมตตาของเจ้าของบ้านปัณณธร เว้นแต่ฉัตต์ผู้ที่ยังแค้นและเกลียดชัง รุ้งคือผู้รับบาป ฉัตต์เกลียดรุ้งและแสดงออกทั้งวาจาและกริยา วันหนึ่งถึงขนาดผลักรุ้งกระเด็น พจน์ลงโทษให้รุ้งเฆี่ยนฉัตต์ ไม่มีใครคิดว่ารุ้งจะยอมทำแต่รุ้งยอม ด้วยเหตุผลที่รุ้งรู้อยู่คนเดียวว่าถ้ารุ้งไม่เฆี่ยน พจน์ต้องเฆี่ยนเสียเอง และฉัตต์จะเจ็บมากกว่าเป็นเท่าตัว เหตุการณ์นี้ทำให้ฉัตต์เพิ่มความเกลียดชังรุ้งขึ้นอีก ทำให้ฉัตต์เป็นไม้เบื่อไม้เมากับจริมาน้องสาว ผู้ที่รักรุ้งเหมือนพี่น้องแท้ ๆ จริมาคอยปกป้องรุ้งจากการกลั่นแกล้งของฉัตต์ตลอดเวลา คุณหญิงเพ็งพอใจจันทร์มากขึ้นเป็นลำดับ ถึงกับบอกกับพจน์ให้บอกกับจันทร์ว่าคุณหญิงจะขอจันทร์เป็นแม่จริง ๆ ของจริมา พจน์พอใจจันทร์เป็นทุนอยู่แล้ว แต่คำตอบของจันทร์คือ เธอจะซื่อสัตย์ต่อสามีจนวันตาย พจน์ประทับใจมาก แต่คุณหญิงผิดหวังอย่างแรง พจน์ปลอบคุณหญิงว่า ถึงจะไม่ได้ลูกสะใภ้แต่คุณหญิงก็ได้ลูกสาวและหลานสาวคนใหม่ คุณหญิงทำใจยอมพร้อมทั้งจัดงานรับขวัญจันทร์และรุ้งอย่างยิ่งใหญ่ คนในวงสังคมจึงรับรู้ว่าจันทร์คือน้องสาวของพจน์ และรุ้งคือหลานสาวของคุณหญิง พร้อมทั้งให้ใช้นามสกุล ปัณณธรอีกด้วย วันหนึ่งที่บ้านปัณณธรปรากฏร่างของเด็กชายหน้าตาดี ท่าทางภาคภูมิ นำผลไม้ต่างประเทศหลากหลายมาเยี่ยมคุณหญิง และเพื่อแจ้งข่าวการสิ้นพระชนม์ของท่านพ่อ ฉัตต์เรียกเพื่อนนักเรียนโรงเรียนเดียวกันนี้ว่าชายเดียว คุณหญิงเรียกจันทร์ให้ไปงานศพท่านชายรังสิโยภาสด้วย จันทร์รู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนและทุกอย่างนิ่งสนิท ความรักความอาลัยท่วมหัวใจ ที่งานศพ สายพระเนตรของท่านผู้หญิงแขไขเจิดจรัส รวมทั้งท่านหญิงอัปสราภาน้องสาว ต่างก็จ้องที่จันทร์เป็นตาเดียว ความสงสัยเต็มพระทัยแม้จะรับรู้ว่าผู้หญิงที่หน้าเหมือนบุหลันคนนี้ชื่อ จันทร์ ปัณณธร วันต่อมา จันทร์ขออนุญาตคุณหญิงว่าจะพารุ้งไปงานศพท่านชายด้วย คุณหญิงไม่อนุญาตเพราะไม่สมควรพาเด็กไปงานศพ จันทร์จำใจต้องเล่าความจริงให้พจน์ฟังว่าตนคือหม่อมบุหลัน และรุ้งคือหม่อมราชวงค์หญิงวิมลโพยมน้องสาวฝาแฝดของคุณชายศักดินา เพื่อให้พจน์ช่วยให้รุ้งได้ไปกราบศพท่านพ่อ พจน์กระซิบต่อหน้าโกศท่านชายว่า อย่าได้ทรงห่วงใยคุณหญิงวิมลโพยมเพราะเขาจะดูแลให้เท่าเทียมลูกในไส้ของเขาเอง เวลาของความตื้นตันใจอันใหญ่หลวงจันทร์ เมื่อพารุ้งไปกราบพระศพท่านพ่อและเพิ่มมากขึ้นเมื่อคุณชายศักดินา เข้ามาหมอบกราบพระศพท่านพ่อเคียงข้างรุ้ง ใบหน้าที่แหงนเงยอยู่เคียงคู่กันนั้น แม้จะต่างเพศกัน แต่คล้ายคลึงกันยังสังเกตได้ จันทร์สะท้อนถอนใจอยู่คนเดียวในขณะที่ท่านหญิงผู้ซึ่งทอดพระเนตรเห็นเช่นกัน ต้องข่มความรู้สึกตื่นเต้นหวั่นไหว ลูกสาวนางจันทร์ ปัณณธร ไฉนนอกจะเหมือนบุหลันแล้วลูกยังเหมือนชายเดียวอีกด้วย พจน์บอกจันทร์ว่านางเฟืองตายแล้ว ถามจันทร์ว่าจะเปิดเผยความจริงหรือไม่ จันทร์ปฏิเสธเพราะไม่ต้องการดึงคุณชายศักดินาผู้สูงด้วยเกียรติยศให้ต่ำต้อยลง ส่วนรุ้ง จันทร์จะให้รู้ความจริงเมื่ออายุ 21 ปี จะเลือกและตัดสินใจว่าจะเรียกร้องความเป็น ม.ร.ว.วิมลโพยม คืนหรือไม่ สิบกว่าปีที่ผ่านไป เด็กทุกคนเติบโตขึ้น ฉัตต์ กำลังจะไปเรียนต่างประเทศ รุ้งและจริมาเรียนชั้นมัธยมปลายเช่นเดียวกับคุณชายเดียว ม.ร.วทอแสงรัศมี มีลูกสาวของท่านหญิงอัปสราภา น้องสาวของท่านหญิงแขไขเจิดจรัส เรียนชั้นเดียวโรงเรียนเดียวกับรุ้งและจริมา ก่อนฉัตต์ไปต่างประเทศ เขาซื้อแกรนด์เปียโนให้รุ้งเพราะรู้ว่ารุ้งชอบเล่นเปียโนมาก ทุกคนสงสัยว่าเหตุใดฉัตต์ยอมเสียเงินจำนวนมากให้รุ้ง ทั้งที่ใคร ๆ ก็รู้ว่าฉัตต์ไม่ชอบรุ้ง แต่สำหรับรุ้งทุกครั้งที่เห็นเปียโนเธอทั้งสุขทั้งเศร้าและคิดถึงฉัตต์อย่างรุนแรง ฉัตต์ไปแล้ว คุณชายเดียวยังมาที่บ้านปัณณธรเป็นระยะ ๆ จันทร์เป็นสุขใจเมื่อมีโอกาสได้พบลูกชายบ้าง คนที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับคุณชายเดียวก็คือจริมา ทุกครั้งที่พบกัน ทั้งสองจะเหมือนน้ำกับไฟ ทั้งจิกทั้งกัดไม่มีใครยอมใคร คนที่คุณชายเดียวรู้สึกผูกพันด้วยโดยไม่รู้สาเหตุก็คือรุ้ง ส่วนคุณหญิงทอแสงรัศมีแสดงให้รู้อย่างเปิดเผยว่าตนชอบคุณชายศักดินา เมื่อถูกขัดขวางจากหม่อมแม่ หญิงทอแสงจึงบอกให้รู้ว่าตนรู้เรื่องชาติกำเนิดของชายเดียวแล้ว จึงไม่แปลกอะไรที่เธอจะชอบ คุณชายเดียวไม่มีสายเลือดเกี่ยวข้องกัน แต่เธอไม่รู้หรือพยายามจะไม่รู้ว่า ชายเดียวไม่เคยมีความรู้สึกพิเศษ ๆ กับเธอ พจน์เตรียมการให้จริมาไปเรียนต่างประเทศ ส่วนรุ้งประกาศอย่างเด็ดขาดว่าจะเรียนพยาบาล เพื่อจะได้ดูแล 3 คนที่รุ้งรักบูชาสุดหัวใจ คือคุณย่า ลุงพจน์ และแม่ พจน์เจ็บเป็นโรคร้ายจึงอยู่ได้ไม่เกินปีเดียว แต่สั่งจันทร์ให้ปิดทุกคน จริมามารู้โดยบังเอิญ เธอเสียใจมากที่สุดถึงกับจะไม่ยอมไปเรียน จันทร์ต้องสัญญาว่าจะให้จริมากลับมาดูใจพ่อ จริมาถึงยอมไป แต่สิ่งหนึ่งที่ผิดอย่างยิ่งก็คือ ไม่มีใครบอกฉัตต์ ฉัตต์ไม่รู้แม้แต่เรื่องพ่อเจ็บ เพราะพจน์เขียนจดหมายถึงฉัตต์เตรียมไว้ล่วงหน้าหลายฉบับ และส่งให้ฉัตต์เดือนละฉบับ พจน์มีชีวิตยืนยาวมาก จนมัจจุราชไม่อาจผ่อนผันได้อีกต่อไป ตั๋วเครื่องบินถูกส่งไปให้จริมา เพื่อมาดูใจบิดาในวันสุดท้าย ฉัตต์คนเดียวเท่านั้นที่ไม่รู้ความจริง ส่วนคุณชายเดียวเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ เหตุผลเพราะท่านหญิงสุขภาพอ่อนแอ ประชวรบ่อย ๆ คุณชายจึงไม่กล้าทิ้งท่านไปไกล สถานะทางการเงินในบ้านปัณณธรเริ่มเป็นปัญหาใหญ่ ทั้งฉัตต์และจริมาเรียนต่างประเทศต้องใช้เงินจำนวนมาก คุณหญิงอนุญาตตามคำแนะนำของจันทร์และรุ้งให้เปิดสวนอาหารริมน้ำ กิจการสวนอาหารเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว เพราะอาหารอร่อยสถานที่สวยงามเจริญตา รุ้งบริหารงานในทุกรายละเอียด เพื่อให้สวนอาหารโตเร็วที่สุด ฉัตต์ได้รับเงินสม่ำเสมอแม้แต่เงินซื้อรถแทนคันเก่าที่ใช้การไม่ดี ทอแสงรัศมีพยายามพาตัวมาใกล้ชิดคุณชายศักดินา แต่คุณชายไม่เคยมีไมตรีตอบ ใจคุณชายอยู่ที่รุ้ง นี่เองเป็นสาเหตุทีทำให้คุณชายมาที่ร้านอาหารบ่อย ๆ บางครั้งมาสั่งอาหารไทยโบราณไปถวายท่านแม่ ท่านหญิงพอพระทัยที่ได้เสวยอาหารที่คุ้นเคย บางครั้งความทรงจำเดิม ๆ ทำให้หวนคิดถึงฝีมือนางบุหลันที่เคยทำถวาย จนในที่สุดเมื่อทรงทราบว่า เป็นฝีมือของนางจันทร์ จึงรับสั่งให้คุณชายไปพามาเข้าเฝ้า แม้ว่าจะทรงไม่สบายพระทัยเลยด้วยเกรงว่าสิ่งที่ทรงคิดจะเป็นจริง วันหนึ่งคุณชายพารุ้งมาเฝ้าท่านหญิง รุ้งไม่รู้ตัวเลยว่าสายพระเนตรของท่านหญิงที่มองรุ้งเปลี่ยนแปรเป็นความเกลียดชัง ความอาฆาตแค้น และความมุ่งร้ายหมายชีวิตอย่างรุนแรง มันคือสายตาของใครคนหนึ่งที่แฝงฝังวิญญาณชั่วร้ายอยู่ในวังวนริษยา รอคอยเวลาที่จะเผาผลาญทุกคนที่บังอาจทำร้ายท่านหญิงให้พินาศไป คนแรกที่โดนพิษความแค้นก็คือ นายหญิงอัปสราภาน้องสาวของท่านหญิงที่นางเฟืองรู้ว่ามีใจอิจฉาริษยาท่านหญิงเสมอมา วันหนึ่งท่านหญิงผู้เคราะห์ร้ายสินพระชนม์โดยไม่มีใครรู้สาเหตุ ท่านหญิงทุรนทุรายอยู่ในกองเพลิงแห่งความชิงชัง เพราะเฟืองคอยเสี้ยมสอนปลุกปั่น ยุแหย่ ใส่ไฟอยู่ทุกวี่วัน ท่านหญิงปราศจากความสุข วิญญาณนางเฟืองยิ่งร้อนเร่า แผ่รังสีอำมหิตไปทั่ววัง มีคนเคราะห์ร้ายตายเพราะพยายามจะไปหาหมอผีมาปราบวิญญาณ แต่ไม่มีใครทานทนวิญญาณที่กล้าแกร่งของนางเฟืองได้ ในที่สุด เมื่อท่านหญิงว้าวุ้นใจถึงขนาดล้มเจ็บ นางเฟืองทั้งขู่ทั้งปลอบทั้งยืนยันว่าบุหลันตายแล้ว จันทร์ไม่ใช่บุหลัน แต่ท่านหญิงไม่ยอมเชื่อ ชายเดียวนึกเป็นห่วงรุ้งอยู่ตลอดเวลา แต่เป็นความผูกพันที่เขาเองก็อธิบายไม่ได้ ชายเดียว คอยช่วยเหลือรุ้งอยู่ห่าง ๆ ในขณะที่จันทร์เองก็ทุกข์ใจ เพราะเกรงว่า เด็กทั้งสองจะรักกัน โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า ความรู้สึกของรุ้งและชายเดียว เป็นความห่วงใยฉันท์พี่น้องเท่านั้น อีกคนหนึ่งที่ทุกข์ไม่แพ้กันก็คือคุณหญิงทอแสงรัศมี ทำอย่างไรจึงจะไม่เสียชายให้รุ้ง เธอนึกถึงฉัตต์ เธอเคยเห็นสายตาของฉัตต์ที่มองรุ้ง เธอรู้ตัวว่าภายใต้ความเกลียดชังคือความห่วงหาอาทร ทำอย่างไรให้ฉัตต์กลับมาเป็นผู้ขัดขวางความสัมพันธ์ของรุ้งและชายเดียว ทอแสงมั่นใจว่าฉัตต์รักรุ้ง ฉัตต์ต้องเอารุ้งคืนไปได้ แผนการร้ายผุดขึ้นในหัวของทอแสง จึงเขียนจดหมายในนามผู้หวังดีบอกฉัตต์ว่าพ่อตายแล้ว ฉัตต์โกรธจัดกลับเมืองไทยทันที อย่างที่ทอแสงรัศมีต้องการ โดยเธอและคนที่ถูกพายุอารมณ์พัดอย่างรุนแรงคือรุ้ง ฉัตต์อาละวาดเอาเรื่องรุ้งอย่างหนัก เรื่องสำคัญคือ ปิดบังเรื่องคุณพจน์ตายเพราะต้องการเปิดร้านอาหารเพื่อหาผลประโยชน์เข้ากระเป๋าของรุ้งและแม่จันทร์ รุ้งเงียบสนิทไม่บอกเหตุผลว่าต้องหาเงินมาก ๆ เพราะต้องส่งให้ฉัตต์กับจริมา ฉัตต์ไม่รู้ว่าอะไรพัดพาให้เหตุการณ์ของเขาและรุ้งวุ่นวายขนาดนี้ ในเมื่อเขาคิดถึงรุ้งเกือบตลอดเวลาที่อยู่ต่างประเทศ ภาพของรุ้งตั้งแต่เด็กทารกเป็นเด็กหญิง จนรุ่นสาว เขายังจำได้ทุกบททุกตอน ด้วยความแค้นเขาอาละวาดกับรุ้งไล่รุ้งออกจากบ้าน มากกว่านั้นเขายังหลุดปากขอแต่งงานกับพิสินี เพื่อนสาวที่เรียนมาด้วยกัน ผู้ซึ่งเขารู้ว่าหลงรักเขาอยู่ เขาผูกมัดตัวเองขนาดนี้ใครจะช่วยคลายปมเหล่านี้ให้ จริมากลับจากต่างประเทศ เธอเรียนจบได้ปริญญาเรียบร้อย วันที่จริมากลับถึงบ้านคือวันที่ฉัตต์ไล่รุ้งออกจากบ้าน คุณชายเดียวพารุ้งไปพักที่วังรังสิยา และที่นั่น รุ้งต้องเผชิญกับแรงแค้นของนางเฟืองจนแทบเอาชีวิตไม่รอด นางเฟืองขอยืมมือทอแสงรัศมีเอายานอนหลับให้รุ้งกิน ดังนั้นเมื่อจันทร์ผู้ซึ่งแทบจะด่าวดิ้นสิ้นใจตาม ไปถึงไม่ปรากฏร่างของรุ้งอยู่ที่ใดเลยในวังรังสิมา ยอดตามจันทร์มาตามหารุ้งด้วย ทุกคนได้รู้ในวันนั้นว่ายอดไม่ได้เป็นใบ้ คนทั้งหมดมารวมกันที่วังรังสิยา จันทร์ ยอด จริมา คุณชายเดียว ฉัตต์ ทุกคนพยายามตามหารุ้งแต่ก็ไม่พบ ในห้องบรรทมของท่านหญิง วิญญาณนางเฟืองและท่านหญิงกำลังโต้เถียงกันอย่างดุเดือด ท่านหญิงผู้เสมือนมีแรงฮึดสุดท้ายวอนขอนางเฟืองว่าอย่าทำบาปต่อไปอีกเลย ขอให้นางเฟืองไปเกิดในภพใหม่เถิด นางเฟืองคำรามอย่างโกรธแค้นว่าไฟแค้นกำลังจะหมดสิ้นด้วยความตายของรุ้ง และนังบุหลันก็ต้องอกแตกตายตามลูกสาวมันไป ท่านหญิงอ้อนวอนอย่างสิ้นหวังว่าไฟแค้นนั้นกำลังเผาผลาญตัวท่านหญิงต่างหาก ขอให้นางเฟืองดับไฟนั้นเถิด มีคนตายไปหลายคนแล้วอย่าให้มีอีกเลยคำอ้อนวอนของท่านหญิงเหมือนสายลมพัดผ่าน เพียงแค่พริบตาเดียวผู้ซึ่งเฉลียวใจว่านางเฟืองคงพารุ้งไปที่เรือนข้าหลวงที่นางเฟืองเคยอยู่ ยอดตามไปและนั่นคือจุดจบของยอด ยอดตายด้วยอาการสยดสยอง นัยน์ตาเหลือกราญเหมือนกับเห็นสิ่งทีน่ากลัวที่สุด ท่านหญิงไม่ใช่สื่อที่จะยอมนางเฟืองอีกต่อไป นางเฟืองจึงเข้าสิงทอแสงรัศมี ทุกคนมองร่างของทอแสงรัศมีที่เดินลงมาจากชั้นบน รู้ได้ทันทีว่านั่นไม่ใช่ตัวตนของทอแสงรัศมี นางเฟืองในร่างทอแสงรัศมีกล่าวคำอาฆาตแค้นกับจันทร์และบอกให้เตรียมตัวตาย จันทร์พนมมืออ้อนวอนนางเฟือง เสียงหัวเราะของทอแสงรัศมีดังก้องกังวานไปทั่ววังพร้อมกับแสยะปากบอกว่าเตรียมตัวพบศพของรุ้งได้ ฉัตต์ ชายเดียวพุ่งพรวดไปค้นหารุ้ง ทอแสงรัศมีหัวเราะเยาะหยันตามหลังว่าไม่มีวันพบก่อนที่รุ้งจะตาย จะพบต่อเมื่อรุ้งตายแล้วเท่านั้น รุ้งนอนสลบอยู่ในห้องเก่าของนางเฟือง ในความรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่น รุ้งรู้สึกว่ามีมือของใครคนหนึ่งที่หลั่งความปราณีผ่านมาที่มือ มือนั้นลูบหัวของเธอ เสียงอ่อนโยนแทรกเข้ามาอย่างแผ่วเบาให้เธอแผ่เมตตา ข้างนอกห้อง ชายเดียวพบสายสร้อยของรุ้งตกอยู่หน้าเรือนนางเฟือง สองหนุ่มกระโจนเข้าไปในห้องนางเฟือง แต่ว่างเปล่ารุ้งไม่ได้อยู่ในนั้น บนตำหนัก ทอแสงรัศมีขู่เข็ญอาฆาตจันทร์ จันทร์กราบอ้อนวอนแต่นั่นทำให้นางเฟืองในร่างของทอแสงรัศมีเย้ยหยันยิ่งขึ้น ท่านหญิงลั่นวาจาให้นางเฟืองหยุด ท่านหญิงจะบวชอุทิศแผ่กุศลให้นางเฟืองทั้งหมด ขอให้ทุกคนอโหสิให้นางเฟืองด้วย กรรมใดที่นางเฟืองเคยก่อไว้กับใครท่านหญิงขอรับไว้เป็นกรรมของท่านหญิงเองเพื่อทดแทนความรักของนางเฟือง ทอแสงรัศมีนิ่งงันไปนาน ภาพลางเลือนของนางเฟืองที่ซ้อนอยู่ในร่างทอแสงรัศมี ค่อย ๆ จางลงจนมองได้เห็นแล้ว ทอแสงรัศมีจึงอ่อนตัวจนซวนเซล้มลง ที่ห้องนางเฟืองซึ่งยังคงว่างเปล่าไม่มีแม้แต่เงาของรุ้ง ฉัตต์และชายเดียวที่กำลังยืนงุนงง เพราะที่ห้อง ร่างของนางเฟืองที่โปร่งใสค่อย ๆ ชัดขึ้น สองหนุ่มเห็นแล้ว จันทร์และจริมาวิ่งพรวดเข้ามา ทุกคนหยุดชะงักเลือดในกายแทบจะแข็ง ร่างผอมเกร็งของนางเฟืองออกเดินไปช้า ๆ จนลับตัวนางเฟือง สิ่งมหัศจรรย์ก็บังเกิด ทุกคนเห็นรุ้งที่นอนอยู่ที่พื้นที่สักครู่นี้ว่างเปล่า ร่างของรุ้งจากโปร่งใสค่อย ๆ ชัดเจนเช่นกัน จันทร์ผวาเข้าไปหาลูกสาวร้องไห้เหมือนใจจะขาด เรียกคุณชายเดียวเข้ามาแล้วพูดเสียงแผ่วเบาแต่ก้องกังวานในโสตประสาทของคุณชายว่า แม่ขอบใจคุณชายที่ช่วยชีวิตน้องสาวแท้ ๆ ของคุณชายไว้ได้ เรื่องราวทุกอย่างถูกเปิดเผย ท่านหญิงบวชตามที่สัญญา ไม่มีการรบกวนจากวิญญาณของเฟืองอีก จันทร์ยังคงยืนยันที่จะอยู่ที่บ้านปัณณธรต่อไป ฉัตต์พบบัญชีรายรับรายจ่ายที่รุ้งจดไว้ และเข้าใจแล้วว่าเงินที่เขาใช้สบายๆ อยู่ทางโน้นคือหยาดเหงื่อและแรงกายของคนทางนี้ ขณะเดียวกัน เขาก็ตระหนักว่าท่าทีที่รุนแรงรังเกียจรุ้งคือ หน้ากากที่เขาใช้ปิดบังความรักที่เขาพยายามซ่อนเร้นตลอดมา พิสินีรู้แท้แล้วว่าฉัตต์รักรุ้งหมดหัวใจ จึงยอมถอนหมั้นกลับไปเรียนต่อต่างประเทศ ฉัตต์สารภาพรักกับรุ้ง ทั้งคู่ไปจุดธูปบอกท่านพ่อของรุ้ง ฉัตต์ขออนุญาติแต่งงานกับรุ้งในที่สุด ส่วนความรักความผูกพันที่มีอยู่ในใจของชายเดียวเสมอมานั้น เมื่อเขารู้แล้วว่ารุ้งคือน้องสาวฝาแฝดของตน ชายเดียวก็ดีใจมาก สัญชาตญาณของความผูกพันในสายเลือดนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าสิ่งใด ชายเดียวไม่ปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์ เขายังคงนึกถึงใบหน้าอ่อนหวาน นัยน์ตาขี้เล่นของจริมา ความรักของชายเดียวที่ก่อเกิดตั้งแต่ก่อนที่จริมาจะไปเรียนเมืองนอก จึงไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป ชายเดียวสารภาพรักต่อจริมา งานแต่งงานของ ฉัตต์ กับรุ้ง และ ชายเดียว กับ จริมา ถูกจัดขึ้นในเวลาต่อมา สร้างความดีใจให้แก่ทุกฝ่าย ความแค้นกลายเป็นความรักและการให้อภัย คนที่มีความสุขที่สุดขณะนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากท่านหญิงและจันทร์ ติดตามชม ละครแค้นเสน่หา
ภูผาแพรไหม 2555

ภูผาแพรไหม (2555/2012) "ภูผา" ชายหนุ่มที่มีสาวงามล้อมรอบกายถึงสามคน "แพรไหม" "ปรางแก้ว" "เจ้าแสงมณี" หากเขามีหัวใจดวงเดียวมอบให้แพรไหม แต่เพราะความเข้าใจผิดว่าเธอคือคนที่ฆ่าพี่ชาย ทำให้ภูผาต้องห้ามความรู้สึกลึกซึ้งในใจ โดยใช้ความโกรธ เกลียด และความเย็นชา ปิดหัวใจตนเอง "แพรไหม" ผู้ยึดมั่นในความกตัญญู จึงยอมหมั้นหมายกับเจ้าชายหนุ่ม "แสงฉาย" หากในหัวใจกลับผูกพันห่วงใย... "ภูผา" ทุกสิ่งที่เธอทำ เพียงเพื่อเขา เพราะคำว่า "รัก" เพียงคำเดียว ทว่า...เมื่อแรงแค้นและความเข้าใจผิดยังเกาะกุมใจอยู่ อีกหนึ่งก็ต้องกตัญญู ท้ายที่สุดใจทั้งสองดวงจะมีวันได้มาเกี่ยวพันกันหรือไม่? เอาใจช่วยพวกเขาพร้อมกัน

ดวงตาสวรรค์ 2554

ดวงตาสวรรค์ (2554/2011) แพน หรือ พันพร เทพประทาน หญิงสาวนาฏศิลป์สาวผู้มากด้วยฝีมือ แสดงละครรำได้อย่างประทับใจผู้ชม ขนาดเพื่อนชาวต่างประเทศของ ม.ร.ว. ราชาณัต เทวพันธุ์ขอสั่งภาพจิตรกรรมรูปแพนใส่เครื่องรำขนาดเท่าตัวจริง ชายใหญ่ปลาบปลื้มไปกับแพนจนถึงกับหลงรักและขอแต่งงานกับแพนในที่สุด โดยท่านชายผู้เป็นบิดาของชายใหญ่ก็ยินยอม อันที่จริงชายใหญ่เคยรู้จักแพนมาตั้งแต่ทั้งคู่ยังเป็นเด็กครั้งที่ชายใหญ่ได้อพยพหนีภัยสงครามโลกไปอยู่ที่ผักไห่ แต่เมื่อสงครามยุติ กลุ่มเด็กชาวกรุงฯ ได้แก่ ชายใหญ่ หญิงออนและหลานในไส้ คือ เอียดและเล็ก ลูกของราศี พี่สาวของประภากับพลตรี โภคา พากันกลับกรุงเทพฯ วันนั้นเองแพนได้ลอบขึ้นเรือมาจนกระทั่งเล็กมาสังเกตเห็น แพนได้ขอติดตามไปเรียนที่กรุงเทพฯ ประภายินยอมรับอุปถัมภ์แพน และราศีก็ช่วยฝากแพนเข้าเรียนนาฏศิลป์พร้อมกับตั้งชื่อให้ใหม่ว่า พันพร เทพประทาน การที่แพนตกลงใจยอมแต่งงานกับชายใหญ่ทำให้เทิน หนุ่มจากผักไห่ ซึ่งเป็นเพื่อนของแพนมาตั้งแต่เด็ก หัวใจแตกสลาย แพนทำท่าทีเหมือนว่าไม่ได้เคยรักเขามาก่อน เทินพ่ายแพ้แก่ชีวิตและหนีเตลิดไป ระหว่างทางน่านและหทัยได้พบกับเทินที่กำลังป่วยทั้งทางใจและกาย ทั้งสองจึงพาเทินมารักษาตัวที่บ้านพักตากอากาศของตระกูลที่ห้วยทราย ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านพักตากอากาศของโภคา ที่นั้นเทินได้พบภาพถ่ายของตนสมัยเด็กจึงได้รู้ว่า น่านก็คือหนึ่งในเด็กชาวกรุงที่เคยอพยพหนีสงครามมาอยู่ที่ผักไห่ ทั้งน่าน และ หทัยต่างดีใจและอนุญาตให้เทินอาศัยอยู่ที่บ้านได้โดยไม่มีกำหนด ผู้ที่เดือดร้อนที่สุดต่อการหายไปของเทินคือเอียด พี่สาวของเล็ก หญิงออน เริ่มจะสงสัยว่าเอียดจะแอบรักเทิน เพราะเทินเข้ามาสนิทสนมกับครอบครัวตั้งแต่ที่ผักไห่ เมื่อเข้ามาศึกษาต่อในกรุงเทพฯ ทั้งเทินและเล็กก็ยังได้เรียนอยู่ด้วยกันอีก เล็กและหญิงออนกลัดกลุ้มใจ เพราะเอียดไม่เปิดปากบอกใครในเรื่องของความรัก แต่อาการของเอียดก็แย่ลงจนถึงขั้นล้มป่วย แพนเข้าไปมีบทบาทอยู่ในวังสวนทิพย์ ท่ามกลางความไม่พอใจของเหล่าคนเก่าแก่ ในขณะเดียวกัน หทัยซึ่งได้เคยเห็นแพนมาก่อน ก็หมายมั่นว่าจะเชิญแพนมาเป็นนางเอกหนังเรื่องใหม่ ลมลวง หทัยได้ติดตามไปทำความรู้จักกับแพน โดยมี น่าน พาไปพบ และได้รื้อฟื้นความหลังที่เคยรู้จักกันมาก่อนกับหญิงออนด้วย อาการป่วยของเอียดไม่ดีขึ้น ประภาจึงพาเอียดไปพักผ่อนที่ห้วยทรายโดยมีเล็กและหญิงออนไปส่ง ที่นั่นเอียดได้พบกับเทินโดยบังเอิญและทั้งสองได้แสดงมิตรภาพที่ดีต่อกัน ความสุขของคู่อื่น ๆทำให้แพนเดือดร้อนอยู่ในใจ และยิ่งแพนรู้ว่าชายใหญ่ ซึ่งโหมทำงานหนักล้มป่วยลง ด้วยวัณโรคปอด แพนยิ่งร้อนใจ แต่ก็ต้องพยายามรักษาหน้าของตนเองโดยการทำหน้าที่ของสะใภ้วังสวนทิพย์ที่ดี แต่มันขัดกับความรู้สึกที่แท้จริงของตน ในที่สุด แพนจึงติดต่อไปยังหัสดินทร์ภาพยนตร์ เพื่อตกลงยอมแสดงหนังเรื่องลมลวง ทำให้ชายใหญ่ไม่มีความสุขและเกิดปัญหาครอบครัวอย่างแรง ลมลวงประสบความสำเร็จอย่างสูงกลายเป็นหนังยอดนิยมเงินล้านและแพนเองก็ได้มีชื่อเสียงเป็นดาราดวงใหม่ แพนอยากจะหย่ากับชายใหญ่แต่ชายใหญ่ไม่ยอม จึงกลับไปอยู่กับประภา ในวันที่เล็กกลับจากงานเลี้ยงและแพนเป็นคนคอยเฝ้าปิดประตูให้ แพนวางแผนทำเป็นถูกเล็กปลุกปล้ำ เล็กจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ แต่ก็เล่าให้หญิงออนฟัง ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเล็กกับหญิงออนมีปัญหากัน แพนรีบวางแผนที่จะกำจัดหญิงออนออกจากเล็กตลอดไป เมื่อหญิงออนกลับเข้าบ้านสะอึ้งบอกว่าอาจารย์วีระโทรมาว่าชายใหญ่ป่วยอยู่ที่บ้านอาจารย์วีระ และจะให้รถมารับที่วังพาหญิงออนไปบ้านอาจารย์วีระ เล็กได้ทราบข่าวจึงโทรศัพท์ไปเช็คที่บ้านอาจารย์วีระ พบว่ายังไม่กลับจากต่างจังหวัด และชายใหญ่ไม่ได้เป็นอะไร เล็กรีบไปที่วังสวนทิพย์ และออกไปตามหา ระหว่างนั้นเอียดกับหญิงออนกำลังต่อรองกับเชนเพื่อจะให้หลุดพ้นออกมา จนในที่สุดเชนยอมปล่อยตัวทั้งสองคนและขอให้สัญญาว่าจะไม่เอาความ หญิงออนและเอียดกลับมาแล้ว เล็กจึงรีบออกจากบ้านไปรับขวัญ พบแพนยืนขวางอยู่หน้าบ้าน และเล็งปืนขู่จะฆ่าเล็กด้วยปืนของเทินที่แพนแอบขโมยไป ระหว่างนั้นนักข่าวมาที่บ้าน พร้อมตำรวจ ตามที่ราศีแจ้งไป เรื่องหญิงออนและเอียดหายตัวไป แพนจึงตัดสินใจยิงเล็ก แพนรู้สึกผิดมากเกิดกลัวนักข่าว จึงวิ่งหนีออกไปจากบ้านและฆ่าตัวตายตาย ขณะที่โภคารีบพาเล็กไปส่งโรงพยาบาล ก่อนหน้านั้นแล้ว เทินมีหน้าที่ต้องนำกระดูกของแพนกลับไปลอยน้ำที่บ้านเกิด สถานที่ๆ แพนทอดทิ้งไปเพราะคิดว่า ที่นี่ไม่ดีพอ แพนได้ก้าวไปสู่จุดสูงสุดสวยงามด้วยความสามารถของเธอเอง แต่ความที่แพนไม่หยุดที่จะไขว่คว้า และไม่เคยพอเพียง ไม่พอใจกับสิ่งที่ตนมี ทำให้แพนต้องจบชีวิตลงในที่สุด

เชลยศักดิ์ 2553

เชลยศักดิ์ (2553/2010) ก่อนสิ้นลมหายใจสุดท้าย ม.จ.ไตรศักดิ์ สันตติวงศ์ ท่านพ่อของอลิสาและอติศักดิ์ ได้ฝากฝังให้ช่วยสะสางความแค้นระหว่างตระกูลอัศวราชกับสันตติวงศ์ ม.จ.ไตรศักดิ์ถูกพระยาสวามิภักดิ์ราชใส่ร้ายว่าเป็นกบฎจนต้องหนีความอัปยศมาอยู่ที่ม่อนผาหลวง อติศักดิ์กับอลิสารับคำท่านพ่ออย่างแข็งขัน หลังสงครามโลกครั้งที่สองจบฉากลง ร้อยโทโยธิน อัศวรัช ลูกชายพระยาสวามิภักดิ์ราชกลายเป็นวีรบุรุษเสรีไทยที่มีอนาคตรุ่งเรือง มีภิรมยาลูกสาวรัฐมนตรีราชฤทธิ์เป็นคู่หมั้น แต่พระยาสวามิภักดิ์ราชผู้พ่อกลับกำลังผจญปัญหาบริษัทเดินเรือทะเลกำลังล่มสลาย อติศักดิ์ถือโอกาสเข้าซื้อหุ้นบริษัท พร้อมเสนอให้เงินกอบกู้บริษัท พระยาสวามิภักดิ์ราชจำยอมรับเงื่อนไขให้โยธินไปเป็นเชลยที่ม่อนผาหลวงเป็นเวลาหนึ่งปี โยธินได้แต่กัดฟันข่มศักดิ์ศรีตามอติศักดิ์ ไปอยู่ม่อนผาหลวงโดย โกหกภิรมยาว่าไปทำการค้าให้พ่อที่ทางเหนือ ฝ่ายสันตติวงศ์ได้โอกาสแก้แค้นสมใจ ทั้งอติศักดิ์และอลิสาต่างหาโอกาสกดขี่โยธินในฐานะเชลย แต่ความเก่งกาจและความมีเมตตากลับเอาชนะใจคนงานที่ม่อนผาหลวงได้ ไม่ว่าอลิสาจะกลั่นแกล้งอะไร โยธินก็เอาชนะอลิสาได้เสมอ ทำให้อานนท์ชื่นชมโยธินเป็นอย่างมาก อติศักดิ์จึงสั่งให้โยธินเป็นครูของอานนท์ อลิสามักจะเย้ยหยันที่โยธินโกหกปกปิดภิรมยา เรื่องที่เป็นเชลยของสันตติวงศ์ โยธินเสียดสีว่า อลิสาไม่มีวันเข้าใจ เพราะเป็นคนไม่รู้จักความรัก อลิสาโกรธแกล้งสั่งให้โยธินไปส่งจดหมายที่เชียงรัฐโดยใช้เวลาวันเดียว อลิสาอยากให้โยธินรู้ว่า ตนมีคู่รักคือเจ้าขวัญฟ้าแห่งแคว้นเชียงรัฐ อลิสามั่นใจในรักของขวัญฟ้า โดยไม่รู้ว่า ขวัญฟ้าแม้จะรักอลิสาแต่ก็เป็นหนุ่มเจ้าสำราญเจ้าชู้กับผู้หญิงไปทั่ว มีเมียนับไม่ถ้วนอยู่ในคุ้มหลวง และยังมีอินทร์วิไล ญาติสาวที่เจ้าแม่หวังยกเป็นลูกสะใภ้ และแม้แต่สีโบสาวใช้คนสนิทของอลิสาก็เคยเป็นเมียขวัญฟ้า อลิสาหมั่นไส้ความเย่อหยิ่งของโยธินจึงแกล้งใช้โยธิน ไปรับหีบเสื้อผ้าในเมือง โยธินเจอฝนตกหนักเดินทางอย่างลำบาก แต่เมื่อนำหีบเสื้อผ้ามาส่ง อลิสากลับสั่งให้ทิ้งไปอย่างไม่ไยดีแม้ชุดจะเปื้อนเพียงเล็กน้อย ความตรากตรำทำให้โยธินล้มเจ็บลง อลิสาเริ่มรู้สึกผิด แต่โยธินหยิ่งทรนงไม่รับความสงสารจากศัตรู อติศักดิ์แกล้งโยธินหนักขึ้นโดยเชิญรมต.ราชฤทธิ์พร้อมศรีสว่างภรรยาและภิรมยามาเที่ยวม่อนผาหลวง ที่สุดภิรมยาก็ได้พบโยธิน โยธินได้แต่อ้ำอึ้งและอับอาย ภิรมยารู้แต่เพียงโยธินเป็นแขกของอติศักดิ์ ขวัญฟ้ามาม่อนผาหลวง อลิสาจึงจัดงานต้อนรับทุกคน เพราะภิรมยาบังคับทำให้โยธินต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วย ภิรมยาจัดให้โยธินเต้นรำกับอลิสา ส่วนตัวเองไปเต้นรำกับขวัญฟ้า ขวัญฟ้าอยู่เที่ยวกับรมต.เพื่อหวังผลประโยชน์ ภิรมยารบเร้าให้โยธินร่วมเดินทางเที่ยวเมืองเหนือด้วยกัน โยธินจึงถูกอลิสาเยาะหยันไปตลอดทาง จนลืมสังเกตว่าขวัญฟ้าเริ่มสนิทสนมกับภิรมยา สีโบแอบมาหาเจ้าขวัญฟ้า ขวัญฟ้าไม่ไยดีสีโบ สีโบจึงขู่จะบอกอลิสาว่าขวัญฟ้าเคยได้ตนเป็นเมียมาก่อน ขวัญฟ้าต้องใช้เสน่ห์ปิดปากสีโบไปก่อน ภิรมยาแอบมาหาโยธินที่บ้านพักเจอจดหมายของพระยาสวามิภักดิ์ราชจึงรู้สถานะที่แท้จริงของโยธินว่าเป็นเชลย ภิรมยาโกรธมากจึงถอนหมั้นจากโยธินและไปหาขวัญฟ้าแทน งานเลี้ยงและการท่องเที่ยวจบลง อติศักดิ์กลับไปกรุงเทพฯ พบว่าพระยาสวามิภักดิ์ราชป่วยจึงอนุญาตให้โยธินไปเยี่ยมพ่อที่กรุงเทพฯ ได้ โยธินได้ข่าวภิรมยาแต่งงานกับขวัญฟ้าอย่างใจด้านชา ขวัญฟ้าจำใจแต่งงานกับภิรมยาเพราะทำภิรมยาท้อง ภิรมยาหงุดหงิดที่ขวัญฟ้าเย็นชา พาลหึงอลิสาโยนของขวัญจากอลิสาทิ้งไป ทำให้ขวัญฟ้าโกรธมากแต่เพราะอิทธิพลของรมต. ขวัญฟ้าต้องยอมรับภิรมยามาอยู่เชียงรัฐแม้จะตัดใจจากอลิสาไม่ได้ สีโบแค้นที่ขวัญฟ้าแต่งงานกับภิรมยาจึงบุกไปเชียงรัฐเสนอแผนการลักพาตัวอลิสา โดยขวัญฟ้าต้องยอมรับสีโบกลับเป็นเมียตามเดิม ขวัญฟ้าทำตามแผนสีโบปลอมจดหมายภิรมยาให้อลิสามาพบ ฝ่ายอติศักดิ์รู้สึกสังหรณ์ใจขอร้องให้โยธินกลับไปม่อนผาหลวงดูแลอลิสาแทน แต่โยธินไปไม่ทันการณ์ ขวัญฟ้าจับอลิสาและอานนท์ไปไว้ที่ผาปู่เจ้าแล้ว อลิสาเจ็บใจที่สีโบทรยศแต่ก็พยายามหาทางหนี โดยให้อานนท์แอบติดรถคนของขวัญฟ้าไปที่คุ้มหลวงบอกภิรมยาถึงเรื่องที่เกิดขึ้น อานนท์เสร็จธุระจากภิรมยาแล้วบังเอิญเจอกับโยธินที่ตามมาที่เชียงรัฐ โยธินนัดแนะแผนการหนีกับอานนท์ ขวัญฟ้าพยายามปลุกปล้ำอลิสาแต่ไม่สำเร็จ อานนท์เข้ามาขวางเสียก่อน ตกดึกโยธินแอบเข้าผาปู่เจ้าโดยมีภิรมยาตามมาด้วย ภิรมยาไปหาขวัญฟ้าแต่เจออินทร์วิไลเสียก่อน ทั้งสองตบตีกันจนภิรมยาแท้งลูก ด้วยความโกรธภิรมยาจึงยิงอินทร์วิไลเสียชีวิต โยธินเข้าไปช่วยอลิสาแต่พบขวัญฟ้าขวาง ขวัญฟ้าจะยิงโยธิน อลิสาคว้าปืนมาได้เล็งที่ขวัญฟ้า สีโบถือมีดถลันมาจะแทงอลิสา ขวัญฟ้าเข้าขวางจึงถูกสีโบแทงตาย สีโบเสียใจมากที่พลาดแทงจนขวัญฟ้าตาย จึงใช้มีดเล่มนั้นเองฆ่าตัวตายตาม โยธินพาอลิสากับอานนท์หนีออกมา พวกเชียงรัฐตามมาติด ๆ ทั้งสามจึงต้องไต่ลงผา ลุยน้ำข้ามฝั่งอย่างลำบากลำบนจนเจอพวกอติศักดิ์ โยธินพาอลิสากับอานนท์มาพักบ้านชาวไร่ พวกเชียงรัฐมาค้นบ้าน ทั้งสองต้องหลบไปแอบในคอกวัวยิ่งทำให้สนิทสนมกัน ความรู้สึกเริ่มเปลี่ยนไป จนเดินทางกลับมาถึงม่อนผาหลวงได้อย่างปลอดภัย อติศักดิ์ตัดสินใจฉีกสัญญาเชลยทิ้งเพื่อทดแทนที่โยธินไปช่วยอลิสา โยธินกลับโกรธที่อติศักดิ์กับอลิสาตัดสินใจโดยไม่คิดถาม โยธินพาลกับอลิสาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โยธินประชดขี่ม้าออกจากม่อนผาหลวงในวันรุ่งขึ้นเลยโดยไม่ร่ำลาใคร ระหว่างทางอลิสาขี่ม้าตามมาทำให้โยธินใจอ่อนลง ทั้งสองบอกความในใจกัน โยธินให้สัญญาว่าจะกลับมาม่อนผาหลวงอีกครั้งในฐานะอื่นที่ไม่ใช่ เชลย อลิสาสัญญาว่าจะรอคอยจนถึงวันนั้น..

สู่ฝันนิรันดร 2551

สู่ฝันนิรันดร (2551/2008) ตามหาแม่เฟื่อง หลักฐานทางวัตถุคือ เสื้อผ้า นาฬิกา และบัตรเคลือบพลาสติก เป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าสัวเจิมศักดิ์ ราชเสนา คหบดีผู้มั่งคั่งวัย 75 ปี ผู้หนึ่ง ต้องตามหาผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อส่งกลับไปอดีต ตามบันทึกที่ได้เขียนไว้ตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงธนบุรี ซึ่งเป็นคำสั่งของบรรพบุรุษที่ตกทอดกันมา เพราะผู้หญิงคนนี้เป็นต้นตระกูลของราชเสนา ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีตระกูลนี้ ถ้าหาสตรีผู้นั้นไม่เจอ วันหนึ่งช่างภาพสาวที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนในบันทึก มาปรากฏกายต่อหน้าเจ้าสัวเจิมศักดิ์และ พีรพัฒน์ หลานชาย โดยบังเอิญ แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าสัวเจิมศักดิ์สนใจ คือชื่อของเธอที่ถูกเรียกว่าเฟื่อง เหมือนในบันทึก เจ้าสัวเจิมศักดิ์หมดสติ ไปต่อหน้าต่อตาพัชร์เฟื่อง ในขณะที่พัชร์เฟื่องก็ตกใจไม่น้อย นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้พัชร์เฟื่องต้องเจอกับเหตุการณ์ประหลาด เธอเริ่มฝันถึงชายโบราณผู้หนึ่ง ที่มาเรียกเธอด้วยเสียงนุ่มๆ ว่า แม่เฟื่อง... กวิน อาจารย์ประจำคณะโบราณคดี เพื่อนสนิทพัชร์เฟื่อง ได้ขอให้พัชร์เฟื่องไปช่วยให้คำแนะนำ เทคนิคการถ่ายภาพให้กับนักศึกษาของเขา ทำให้พีรพัฒน์ที่เป็นลูกศิษย์กวินได้พบกับพัชร์เฟื่องอีกครั้งและเขาก็ตกหลุกรักเธอเข้าอย่างจัง จนกวินรู้สึกไม่พอใจในพฤติกรรมของนักศึกษาคนนี้ และเริ่มขัดแย้งกับลูกศิษย์ของตัวเอง เจ้าสัวเจิมศักดิ์ได้ออกอุบายว่าจ้างให้พัชร์เฟื่องมาถ่ายรูปบ้านเรือนไทยโบราณของเขา เจ้าสัวเจิมศักดิ์เริ่มเข้าแผนการทันที เริ่มจากพาพัชร์เฟื่องไปชมเรือนไทยและนำภาพเขียนบรรพบุรุษให้ดู ภาพที่เธอเห็นคือภาพชายโบราณที่เธอเคยฝันถึง เจ้าสัวเจิมศักดิ์มอบสร้อยพร้อมจี้หินสีดำให้พัชร์เฟื่อง หลังจากที่เธอทำงานให้เสร็จ โดยอ้างว่าตอบแทนที่เธอถ่ายรูปเรือนไทยของเขาออกมาดี พร้อมกับให้เธอพยายามท่องคาถากำกับอย่าได้ขาด บอกว่าสิ่งนี้เป็นเครื่องรางป้องกันอันตราย แต่พีรพัฒน์กลับพยายามขัดขวางไม่ให้เจ้าสัวเจิมศักดิ์พาพัชร์เฟื่องกลับไปยังอดีต เพราะด้วยความรักที่มีต่อพัชร์เฟื่องนั่นเอง แต่วันหนึ่งเฟื่องทำงานอยู่ใกล้ๆ กับวัดระฆัง และกำลังจะกลับบ้านกับกวิน เธอได้ยินเสียงสวดคาถา "โอมพะพะโลกะระทะวารัง" ตลอดเวลา และเข้าใจว่าเป็นเสียงสวดมาจากวัด แต่เมื่อนั่งในรถจะกลับบ้านก็ยังคงได้ยินเสียงสวดอยู่ เสียงดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และเฟื่องก็เผลอสวดคาถาตามจนเป็นเสียงเดียวกันไม่ยอมหยุด ฉับพลันเกิดเสียงเปรี้ยงลงมาที่รถกวิน หลังเหตุการณ์สงบกวินก็ต้องตกใจเมื่อหันมาไม่เจอเฟื่อง ซึ่งไม่รู้หายไปได้อย่างไร ทั้งที่รถยังปิดล็อก กวินร้องหาพัชร์เฟื่องจนสุดเสียง นับเนื่องอดีตกาล ภายในโบสถ์วัดบางหว้าใหญ่สมัยกรุงธนบุรีในปี 2312 พัชร์เฟื่องมาปรากฏกายอยู่ที่นี้ สร้างความตกตะลึงให้กับสังฆราชศรี และทุกคนในโบสถ์ เธอเงยหน้าขึ้นมาและได้พบกับชายโบราณที่เธอแอบหลงรูป หลวงพิพิธราชเสนา นั่นเอง เธอตกใจมากวิ่งหนีออกจากโบสถ์ไป แต่หลวงพิพิธราชเสนาได้กระชากร่างเธอสู่อ้อมแขนของเขา พัชร์เฟื่องกรีดร้องก่อนจะสิ้นสติไป หลวงพิพิธราชเสนาพาเธอมาฝากไว้กับพี่สาวคือ แม่สำลีที่เรือนสวนบางล่างที่อยู่ห่างจากผู้คน พัชร์เฟื่องพยายามเล่าเรื่องว่าเธอมาจากอนาคตให้หลวงพิพิธราชเสนารับรู้ และพยามยามหาทางที่จะไปกลับไปที่วัดบางหว้าใหญ่เพื่อพบกับสังฆราชศรีให้ช่วยพาเธอกลับสู่ปัจจุบัน เฟื่องได้เจอกับ พระยาอนุชิตราชา จางวางกรมพระตำรวจ จางวางผู้นี้ชอบเธอในทันทีเมื่อพบกัน วันหนึ่ง นายจัน หลานชายนิสัยไม่ดีของทองมาก สามีของนางสำลีได้ฉุด สาย บ่าวในเรือนไปเพื่อหวังจะข่มขืน แต่พัชร์เฟื่องแข้ามาช่วยเหลือไว้ได้ทัน และกลับกลายเป็นพัชร์เฟื่องที่เกือบจะพลาดท่าเสียทีให้กับนายจัน แต่หลวงพิพิธราชเสนาเข้ามาช่วยไว้ก่อน เหตุการณ์นี้สร้างรอยแค้นไว้ให้นายจันเป็นอย่างมาก ด้วยความรักและความเป็นห่วงทำให้หลวงพิพิธราชเสนาตัดสินใจที่จะพาพัชร์เฟื่องกับสายมาอยู่ที่เรือนมังคุด เรือนพักของตนที่พระนคร โดยให้สายคอยอยู่รับใช้พัชร์เฟื่อง พุดซ้อน ลูกสาว พระยาราชาเศรษฐี ซึ่งมีใจหมายปองหลวงพิพิธราชเสนาอยู่ไม่น้อย ได้แสดงความเป็นเจ้าของหลวงพิพิธราชเสนาอย่างออกนอกหน้า นางพุดซ้อนวางแผนให้ว่าหลวงพิพิธราชเสนาล่วงเกินตนทำให้ทุกคนเข้าใจผิด จนหลวงพิพิธราชเสนาต้องรับผิดชอบ หลวงพิพิธราชเสนาเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างมากมาย ได้ดื่มเหล้าจนเมามายและเอ่ยปากบอกรักพัชร์เฟื่อง ทางด้านยุคปัจจุบัน กวินและพีรพัฒน์จากไม่ชอบหน้ากัน ก็ได้ร่วมมือกันพยายามค้นหาพยานหลักฐาน ยืนยันว่าพัชร์เฟื่องยังไม่ตาย และค้นหาวิธีพาตัวเธอกลับมาให้ได้ พระยาอนุชิตราชาเทียวมาพาพัชร์เฟื่องบ่อยขึ้น และชวนออกไปเที่ยวข้างนอก สร้างความหึงหวงแก่หลวงพิพิธราชเสนาอย่างมาก จึงได้หลุดปากบอกหมั้นพุดซ้อนต่อหน้าพัชร์เฟื่องเป็นการประชด สร้างความเสียใจให้กับพัชร์เฟื่องเป็นอย่างมาก หลวงพิพิธราชเสนาไม่พอใจบ่าวไพร่ ที่ปล่อยให้พัชร์เฟื่องไปเที่ยวกับพระยาอนุชิตราชาตามลำพัง จึงได้เฆี่ยนตีบ่าวไพร่ พัชร์เฟื่องจึงเข้ารับหวายแทนจนบาดเจ็บ หลวงพิพิธราชเสนาตกใจเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าพัชร์เฟื่องจะทำถึงขนาดนี้และได้พยายามขอโทษ ทายาให้ และเอ่ยปากสารภาพรักกับพัชร์เฟื่อง พุดซ้อนเข้ามาเห็นภาพบาดตาบาดใจ จึงคิดวางแผนชั่วร้ายให้นายจันไปลวงพัชร์เฟื่องออกมาจากเรือนมังคุด เพื่อส่งไปขายให้นายจีนบุ้นเส็ง สายทาสที่จงรักภักดีขอตามมาด้วย สายได้พยายามทุกวิถีทางเพื่อปกป้องนายที่รักจึงพลาดพลั้งโดนนายจันข่มขืนและทำร้ายปางตาย พัชร์เฟื่องถูกนำตัวไปลงเรือสำเภาของนายจีนบุ้นเส็ง แต่หลวงพิพิธราชเสนาและพระยาอนุชิตราชามาช่วยไว้ได้ทัน นายจันถูกจับ สารภาพว่านางพุดซ้อนคือผู้ที่อยู่เบื้องหลัง แต่พุดซ้อนไหวตัวทันจึงได้โยนความผิดให้ เผื่อน บ่าวคนสนิทรับผิดแทน เผื่อนเสียใจกับการกระทำของนายที่รักเป็นอย่างมาก จึงตอกย้ำนางพุดซ้อนได้อย่างเจ็บแสบด้วยคำพูด ก่อนที่จะถูกจับไป พบพานสุขทุกข์ เมื่อจบสิ้นเรื่องร้ายต่างๆ พระยาอนุชิตราชาบอกจะส่งคนมาสู่ขอพัชร์เฟื่อง แต่เธอตัดสินใจเลือกหลวงพิพิธราชเสนาเพราะรักมาตั้งแต่ก่อนที่เธอจะมายังกรุงธนบุรีศรีมหาสมุทรอีกด้วย พัชร์เฟื่องมีลูกคนแรกเป็นเด็กผู้ชายชื่อ กิมจู และกำลังตั้งท้องอ่อนๆ เธอมีความสุขเป็นอย่างมากกับชึวิตที่เป็นอยู่ในตอนนี้ แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อกวินและพีรพัฒน์ทำพิธีสวดคาถาเรียกพัชร์เฟื่องกลับ เมื่อเสียงเรียกแห่งมิติเปิดขึ้นอีก พัชร์เฟื่องเอ่ยปากขานรับไปโดยที่ไม่รู้ตัว ในขณะที่เธอกำลังป้อนข้าวลูกชายที่กำลังอ้าปากรอรับข้าวจากมือแม่ เธอก็ถูกถึงกลับสู่ปัจจุบันในทันที ทั้งๆ ที่ข้าวยังอยู่ในมือ เธอไม่สามารถยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เธอต้องจากสามีอันเป็นที่รัก และลูกกิมจูอย่างกะทันหันแบบนี้ได้ เธอพยายามท่องคาถาให้กลับไป แต่หินศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นมิติเวลานั้นได้แตกกระจายไปแล้ว เจ้าสัวเจิมศักดิ์พาเธอไปยังเรือนมังคุด และได้นำเอาสมุดบันทึกที่หลวงพิพิธเขียนเรื่องราวไว้ หลังจากเธอจากมาในบันทึกนี้ได้บอกด้วยว่าถ้ามีลูกสาวให้ตั้งชื่อว่า แก้วกัลยา พัชร์เฟื่องกอดสมุดบันทึกไว้แนบกับอก เพื่อระลึกถึงสิ่งที่ผ่านมาและพยายามยอมรับความจริงที่โหดร้าย

ดาวจรัสฟ้า 2551

ดาวจรัสฟ้า (2551/2008) ดาวจรัสฟ้า เป็นเรื่องราวของหมอลำสองคณะจะมาประชันกันระหว่างวงของ สาวน้อยเพชรบ้านแพง และ วงหนูภารวิเศษศิลป์ ทั้งสองวงเป็นที่มีฝีมือการแสดงหมอลำได้ดีพอๆ กัน แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อนายเคน ที่เป็นเจ้าของวงสาวน้อยเพชรบ้านแพง ล้มป่วย ถึงกับเส้นเลือดในสมองแตก เพราะ นายก้อง เจ้าของ วงหนูภารวิเศษศิลป์ ใช้วิธีสกปรก จ้างคนไปป่วน ทำให้คนดูแห่ไปดู วงหนูภารวิเศษศิลป์ กันหมด ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้นายเคนล้มฟุบไป และเสียชีวิตในที่สุด หลัง งานศพ ดาวคาดคั้นถาม ฟ้า พี่สาวว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ฟ้า ผู้เป็นพี่สาวก็ไม่กล้าที่บอกให้น้องฟัง ดาวจึงตัดสินใจทำการสืบหาต้นตอว่าใครทำกับพ่อ หลังจากนั้น ดาว จึงแอบไปสมัครเป็นนักร้องประจำวง หนูภารวิเศษศิลป์ ด้วยน้ำเสียงและหน้าตา ดาวได้รับเลือกเป็นนางเอกหมอลำคนใหม่ จึงทำให้พัชรี ลูกสาวของบุษบา ไม่พอใจจึงหาวิธีกลั่นแกล้งดาวให้ออกจากวง แต่ดาวก็อดทนเป็นอย่างสูง โดยมีแหล ตัวตลกประจำวงที่คอยให้กำลังใจอยู่เสมอ ยิ่ง เธอถูกกลั่นแกล้งมากเท่าไหร่ พล ที่เป็นหัวหน้าวงก็ยิ่งเห็นใจ ทำให้เกิดความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ในช่วงเวลา 1 เดือน ที่ดาวได้มาอยู่ในวงหนูภารวิเศษศิลป์ เธอก็ซ้อมร้องเพลง และยังโชว์ลีลาการแสดงหมอลำที่อ่อนช้อยสวยงาม หลัง จากการฝึกซ้อมจบลงก็จะเป็นการประชันเพลงหมอลำกันขึ้นระหว่างวง สาวน้อยเพชรบ้านแพง และวงหนูภารวิเศษศิลป์ เกิดขึ้นระหว่างนั้น พล ก็ได้สารภาพบอกรัก ดาว เธอลำบากใจเป็นที่สุด เมื่อความรักของเธอ ต้องมาเกิดขึ้นกับความแค้น แต่ดาวก็จากพลไป ไปพร้อมกับขึ้นแสดงโชว์ให้กับวง สาวน้อยเพชรบ้านแพง พร้อม กับการที่เหนือกว่าพลทุกอย่าง ทำให้คนดูแห่ไปดูวงสาวน้อยเพชรบ้านแพงกันจนหมด พลบุกไปหา ดาวที่ข้างหลังเวทีด้วยความเสียใจ ฟ้า เดินออกมาหาดาว พลจึงรู้ว่า ดาวเป็นลูกสาวของนายเคนเจ้าของวง สาวน้อยเพชรบ้านแพง ที่เสียชีวิตไปแล้ว ณัฐแค้นดาวหนักขึ้น พยายามหาทางทำร้ายจิตใจฟ้า เพราะฟ้าเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอ ซึ่งต่างจากดาวที่ไม่ยอมใคร ดาว กลับไปคุมวง สาวน้อยเพชรบ้านแพง ที่มีฟ้าผู้เป็นพี่สาวคอยให้ความช่วยเหลือและเป็นนางเอกประจำวง และยังมีนางพิม ผู้เป็นแม่คอยอยู่เบื้องหลัง ให้กำลังใจลูกสาวทั้งสองที่จะกอบกู้วงให้กลับมาเหมือนเดิม และ ในช่วงนั้นเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น งานที่เจ้าภาพมัดจำไว้ ถูกยกเลิกไปเกือบหมด เนื่องจากวงหนูภารวิเศษศิลป์ ใช้วิธีสกปรก ด้วยการตัดราคาลดลง จึงทำให้คนที่จ้างยกเลิกเกือบหมด ดาวตัดสินใจบุกเข้าบ้านพักของพล ดาว และ พล เผชิญหน้ากันทั้งสองโต้เถียงกันอย่างรุนแรง ดาวและพล ประกาศเป็นศัตรูกัน แหล่ และ จ่อย ตัวตลกประจำวง หนูภารวิเศษศิลป์ ต่างเป็นไส้ศึกนำความเคลื่อนไหวของวงหมอลำของตัวเองมาเล่าให้กันฟัง ทั้งสองพยายามทำหน้าที่เป็นกาวใจ ให้ดาว และ พลกลับมาคืนดีกันแต่ก็ถูกกีดกันของฝีมือจากสองแม่ลูก ทัง พัชรี และ บุษบา พยายามขัดขวางตลอดเวลา และในที่ขณะที่สถาณการณ์สงบลงก็เกิดเรื่องขึ้นอีกครั้ง เมื่อฟ้า พบว่าตัวเองตั้งท้อง นางพิมพา โกรธจัด ทุบตีลูก และไล่ออกจากบ้านด้วยความโกรธ ดาวตัดสินใจ จาก พล แม้รู้ว่าพลจะรู้อยู่แกใจว่าเขาไม่ใช่คนทำ ให้ฟ้าท้อง ขณะที่ฟ้ายอมรับสภาพเมียของผู้ชายที่ไม่ได้รัก และเธอก็ถูกกลั่นแกล้งอยู่เสมอ แถมยังถูก ณัฐ พูดประชดประชันอยู่เสมอ การประกวดหมอลำ ชิงถ้วยรางวัลประจำปี งานนี้ เป็นเป้าหมายขอลวงหมอลำทุกวง เพราะถ้าหมอลำวงไหนได้รางวัล นั่นหมายถึงเงิน และชื่อเสียง และวงสาวน้อยเพชรบ้านแพง และ วงหนูภารวิเศษศิลป์ ต้องกลายเป็นคู่แข่งกันอีกครั้ง พลและ ดาว ต่างก็ต้องการเป็นผู้ชนะ ทำให้ฟ้าตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต แต่เธอก็ตัดสินใจเลือกที่จะกลับไปเป็นนางเอกคู่กับดาวที่วงสาวน้อยเพชรบ้าน แพง แต่ในขณะที่วงสาวน้อยเพชรบ้านกำลังแสดงเป็นฉาก สุดท้ายนั่นเอง ร่างของดาวสุดฮวบลง เกิดเรื่องโกลาหล พลวิ่งขึ้นไปรับร่างของดาว ไว้ได้ทัน ก่อนที่เธอจะล้มลงบนพื้นเวที พลสารภาพรักดาว ทั้งน้ำตา และในที่สุด วงหนูภารวิเศษศิลป์และวงสาวน้อยเพชรบ้านแพงยุบรวมกันเป็นหนึ่งกลายเป็นวงดาว จรัสฟ้า ”

กรุงเทพฯ ราตรี 2550

กรุงเทพฯ ราตรี (2550/2007) เรื่องราวของผู้หญิงกลางคืนคน หนึ่ง ซึ่งถูกตัดขาดจากความเป็นเมียและแม่จากกรรมที่เธอไม่ได้ก่อ ความรัก ความแค้น ของคนรุ่นพ่อ รุ่นแม่ คือไฟที่ประทุขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อชะตากรรม ชักนำให้ลูก ๆ ของพวกเขา ต้องมาชิงรักหักสวาทกันเอง

จอมใจ 2550

จอมใจ (2550/2007) เมื่อสมัยเด็กทั้งสามคลุกคลีกับกลิ่นแก้ว ที่เคยเป็นเด็กหญิงตัวอ้วนกลม เด็กสาวสวย มีพรสวรรค์ แต่มีชาติกำเนิดต่ำต้อย เป็นเพียงเด็กก้นครัว หลานสาวกำพร้าของ นางวาด แม่นมผู้ซื่อสัตย์และเจียมตนแห่งสกุลนฤบาล ครอบครัวผู้ดีเก่าที่ภาคภูมิในชาติตระกูลเป็นที่สุด โดยที่ คุณใหญ่ พันตรีภูเบศร์ นฤบาล นายทหารม้ารักษาพระองค์ที่สง่าขรึม อ่อนโยน ใจดี ชอบเสียสละ ลูกชายคนโตของนฤบาล เป็นคนเจ้ายศ เจ้าระเบียบ หัวโบราณและเย็นชา ที่มีลูกชาย 3 คน โดยคุณใหญ่คอยเอาใจคุณกลาง เรือเอกราวิน นฤบาล นายทหารเรือไทยรูปหล่อ เจ้าสำราญ เอาแต่ใจตนเอง ชอบเอาชนะและเจ้าอารมณ์ เป็นศัตรูคู่กัด และ คุณเล็ก ร้อยโทพายัพ นฤบาล นายตำรวจกองปราบที่ไม่เอาเรื่องเอาราวกับใคร มีนิสัยเหมือนเด็ก ๆ ชอบหยอกล้อ แต่เมื่อทั้งสามหนุ่มกลับมาอยู่บ้านหลังจากแยกย้ายไปรับราชการต่างจังหวัด เมื่อจบการศึกษาก็ได้พบว่ากลิ่นแก้วกลายเป็นเด็กสาวสวยมีเสน่ห์ คุณใหญ่หลงรักเธอทันที ขณะที่คุณกลางมีท่าทีเป็นปรปักษ์อย่างเปิดเผย ส่วนคุณเล็กยังให้ความสนิทสนมกันเอง ไม่เปลี่ยนแปลง ติดตามต่อได้ใน จอมใจ

หน้าที่