สู่ฝันนิรันดร 2551

สู่ฝันนิรันดร

สู่ฝันนิรันดร (2551/2008) ตามหาแม่เฟื่อง หลักฐานทางวัตถุคือ เสื้อผ้า นาฬิกา และบัตรเคลือบพลาสติก เป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าสัวเจิมศักดิ์ ราชเสนา คหบดีผู้มั่งคั่งวัย 75 ปี ผู้หนึ่ง ต้องตามหาผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อส่งกลับไปอดีต ตามบันทึกที่ได้เขียนไว้ตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงธนบุรี ซึ่งเป็นคำสั่งของบรรพบุรุษที่ตกทอดกันมา เพราะผู้หญิงคนนี้เป็นต้นตระกูลของราชเสนา ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีตระกูลนี้ ถ้าหาสตรีผู้นั้นไม่เจอ วันหนึ่งช่างภาพสาวที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนในบันทึก มาปรากฏกายต่อหน้าเจ้าสัวเจิมศักดิ์และ พีรพัฒน์ หลานชาย โดยบังเอิญ แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าสัวเจิมศักดิ์สนใจ คือชื่อของเธอที่ถูกเรียกว่าเฟื่อง เหมือนในบันทึก เจ้าสัวเจิมศักดิ์หมดสติ ไปต่อหน้าต่อตาพัชร์เฟื่อง ในขณะที่พัชร์เฟื่องก็ตกใจไม่น้อย นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้พัชร์เฟื่องต้องเจอกับเหตุการณ์ประหลาด เธอเริ่มฝันถึงชายโบราณผู้หนึ่ง ที่มาเรียกเธอด้วยเสียงนุ่มๆ ว่า แม่เฟื่อง... กวิน อาจารย์ประจำคณะโบราณคดี เพื่อนสนิทพัชร์เฟื่อง ได้ขอให้พัชร์เฟื่องไปช่วยให้คำแนะนำ เทคนิคการถ่ายภาพให้กับนักศึกษาของเขา ทำให้พีรพัฒน์ที่เป็นลูกศิษย์กวินได้พบกับพัชร์เฟื่องอีกครั้งและเขาก็ตกหลุกรักเธอเข้าอย่างจัง จนกวินรู้สึกไม่พอใจในพฤติกรรมของนักศึกษาคนนี้ และเริ่มขัดแย้งกับลูกศิษย์ของตัวเอง เจ้าสัวเจิมศักดิ์ได้ออกอุบายว่าจ้างให้พัชร์เฟื่องมาถ่ายรูปบ้านเรือนไทยโบราณของเขา เจ้าสัวเจิมศักดิ์เริ่มเข้าแผนการทันที เริ่มจากพาพัชร์เฟื่องไปชมเรือนไทยและนำภาพเขียนบรรพบุรุษให้ดู ภาพที่เธอเห็นคือภาพชายโบราณที่เธอเคยฝันถึง เจ้าสัวเจิมศักดิ์มอบสร้อยพร้อมจี้หินสีดำให้พัชร์เฟื่อง หลังจากที่เธอทำงานให้เสร็จ โดยอ้างว่าตอบแทนที่เธอถ่ายรูปเรือนไทยของเขาออกมาดี พร้อมกับให้เธอพยายามท่องคาถากำกับอย่าได้ขาด บอกว่าสิ่งนี้เป็นเครื่องรางป้องกันอันตราย แต่พีรพัฒน์กลับพยายามขัดขวางไม่ให้เจ้าสัวเจิมศักดิ์พาพัชร์เฟื่องกลับไปยังอดีต เพราะด้วยความรักที่มีต่อพัชร์เฟื่องนั่นเอง แต่วันหนึ่งเฟื่องทำงานอยู่ใกล้ๆ กับวัดระฆัง และกำลังจะกลับบ้านกับกวิน เธอได้ยินเสียงสวดคาถา "โอมพะพะโลกะระทะวารัง" ตลอดเวลา และเข้าใจว่าเป็นเสียงสวดมาจากวัด แต่เมื่อนั่งในรถจะกลับบ้านก็ยังคงได้ยินเสียงสวดอยู่ เสียงดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และเฟื่องก็เผลอสวดคาถาตามจนเป็นเสียงเดียวกันไม่ยอมหยุด ฉับพลันเกิดเสียงเปรี้ยงลงมาที่รถกวิน หลังเหตุการณ์สงบกวินก็ต้องตกใจเมื่อหันมาไม่เจอเฟื่อง ซึ่งไม่รู้หายไปได้อย่างไร ทั้งที่รถยังปิดล็อก กวินร้องหาพัชร์เฟื่องจนสุดเสียง นับเนื่องอดีตกาล ภายในโบสถ์วัดบางหว้าใหญ่สมัยกรุงธนบุรีในปี 2312 พัชร์เฟื่องมาปรากฏกายอยู่ที่นี้ สร้างความตกตะลึงให้กับสังฆราชศรี และทุกคนในโบสถ์ เธอเงยหน้าขึ้นมาและได้พบกับชายโบราณที่เธอแอบหลงรูป หลวงพิพิธราชเสนา นั่นเอง เธอตกใจมากวิ่งหนีออกจากโบสถ์ไป แต่หลวงพิพิธราชเสนาได้กระชากร่างเธอสู่อ้อมแขนของเขา พัชร์เฟื่องกรีดร้องก่อนจะสิ้นสติไป หลวงพิพิธราชเสนาพาเธอมาฝากไว้กับพี่สาวคือ แม่สำลีที่เรือนสวนบางล่างที่อยู่ห่างจากผู้คน พัชร์เฟื่องพยายามเล่าเรื่องว่าเธอมาจากอนาคตให้หลวงพิพิธราชเสนารับรู้ และพยามยามหาทางที่จะไปกลับไปที่วัดบางหว้าใหญ่เพื่อพบกับสังฆราชศรีให้ช่วยพาเธอกลับสู่ปัจจุบัน เฟื่องได้เจอกับ พระยาอนุชิตราชา จางวางกรมพระตำรวจ จางวางผู้นี้ชอบเธอในทันทีเมื่อพบกัน วันหนึ่ง นายจัน หลานชายนิสัยไม่ดีของทองมาก สามีของนางสำลีได้ฉุด สาย บ่าวในเรือนไปเพื่อหวังจะข่มขืน แต่พัชร์เฟื่องแข้ามาช่วยเหลือไว้ได้ทัน และกลับกลายเป็นพัชร์เฟื่องที่เกือบจะพลาดท่าเสียทีให้กับนายจัน แต่หลวงพิพิธราชเสนาเข้ามาช่วยไว้ก่อน เหตุการณ์นี้สร้างรอยแค้นไว้ให้นายจันเป็นอย่างมาก ด้วยความรักและความเป็นห่วงทำให้หลวงพิพิธราชเสนาตัดสินใจที่จะพาพัชร์เฟื่องกับสายมาอยู่ที่เรือนมังคุด เรือนพักของตนที่พระนคร โดยให้สายคอยอยู่รับใช้พัชร์เฟื่อง พุดซ้อน ลูกสาว พระยาราชาเศรษฐี ซึ่งมีใจหมายปองหลวงพิพิธราชเสนาอยู่ไม่น้อย ได้แสดงความเป็นเจ้าของหลวงพิพิธราชเสนาอย่างออกนอกหน้า นางพุดซ้อนวางแผนให้ว่าหลวงพิพิธราชเสนาล่วงเกินตนทำให้ทุกคนเข้าใจผิด จนหลวงพิพิธราชเสนาต้องรับผิดชอบ หลวงพิพิธราชเสนาเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างมากมาย ได้ดื่มเหล้าจนเมามายและเอ่ยปากบอกรักพัชร์เฟื่อง ทางด้านยุคปัจจุบัน กวินและพีรพัฒน์จากไม่ชอบหน้ากัน ก็ได้ร่วมมือกันพยายามค้นหาพยานหลักฐาน ยืนยันว่าพัชร์เฟื่องยังไม่ตาย และค้นหาวิธีพาตัวเธอกลับมาให้ได้ พระยาอนุชิตราชาเทียวมาพาพัชร์เฟื่องบ่อยขึ้น และชวนออกไปเที่ยวข้างนอก สร้างความหึงหวงแก่หลวงพิพิธราชเสนาอย่างมาก จึงได้หลุดปากบอกหมั้นพุดซ้อนต่อหน้าพัชร์เฟื่องเป็นการประชด สร้างความเสียใจให้กับพัชร์เฟื่องเป็นอย่างมาก หลวงพิพิธราชเสนาไม่พอใจบ่าวไพร่ ที่ปล่อยให้พัชร์เฟื่องไปเที่ยวกับพระยาอนุชิตราชาตามลำพัง จึงได้เฆี่ยนตีบ่าวไพร่ พัชร์เฟื่องจึงเข้ารับหวายแทนจนบาดเจ็บ หลวงพิพิธราชเสนาตกใจเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าพัชร์เฟื่องจะทำถึงขนาดนี้และได้พยายามขอโทษ ทายาให้ และเอ่ยปากสารภาพรักกับพัชร์เฟื่อง พุดซ้อนเข้ามาเห็นภาพบาดตาบาดใจ จึงคิดวางแผนชั่วร้ายให้นายจันไปลวงพัชร์เฟื่องออกมาจากเรือนมังคุด เพื่อส่งไปขายให้นายจีนบุ้นเส็ง สายทาสที่จงรักภักดีขอตามมาด้วย สายได้พยายามทุกวิถีทางเพื่อปกป้องนายที่รักจึงพลาดพลั้งโดนนายจันข่มขืนและทำร้ายปางตาย พัชร์เฟื่องถูกนำตัวไปลงเรือสำเภาของนายจีนบุ้นเส็ง แต่หลวงพิพิธราชเสนาและพระยาอนุชิตราชามาช่วยไว้ได้ทัน นายจันถูกจับ สารภาพว่านางพุดซ้อนคือผู้ที่อยู่เบื้องหลัง แต่พุดซ้อนไหวตัวทันจึงได้โยนความผิดให้ เผื่อน บ่าวคนสนิทรับผิดแทน เผื่อนเสียใจกับการกระทำของนายที่รักเป็นอย่างมาก จึงตอกย้ำนางพุดซ้อนได้อย่างเจ็บแสบด้วยคำพูด ก่อนที่จะถูกจับไป พบพานสุขทุกข์ เมื่อจบสิ้นเรื่องร้ายต่างๆ พระยาอนุชิตราชาบอกจะส่งคนมาสู่ขอพัชร์เฟื่อง แต่เธอตัดสินใจเลือกหลวงพิพิธราชเสนาเพราะรักมาตั้งแต่ก่อนที่เธอจะมายังกรุงธนบุรีศรีมหาสมุทรอีกด้วย พัชร์เฟื่องมีลูกคนแรกเป็นเด็กผู้ชายชื่อ กิมจู และกำลังตั้งท้องอ่อนๆ เธอมีความสุขเป็นอย่างมากกับชึวิตที่เป็นอยู่ในตอนนี้ แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อกวินและพีรพัฒน์ทำพิธีสวดคาถาเรียกพัชร์เฟื่องกลับ เมื่อเสียงเรียกแห่งมิติเปิดขึ้นอีก พัชร์เฟื่องเอ่ยปากขานรับไปโดยที่ไม่รู้ตัว ในขณะที่เธอกำลังป้อนข้าวลูกชายที่กำลังอ้าปากรอรับข้าวจากมือแม่ เธอก็ถูกถึงกลับสู่ปัจจุบันในทันที ทั้งๆ ที่ข้าวยังอยู่ในมือ เธอไม่สามารถยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เธอต้องจากสามีอันเป็นที่รัก และลูกกิมจูอย่างกะทันหันแบบนี้ได้ เธอพยายามท่องคาถาให้กลับไป แต่หินศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นมิติเวลานั้นได้แตกกระจายไปแล้ว เจ้าสัวเจิมศักดิ์พาเธอไปยังเรือนมังคุด และได้นำเอาสมุดบันทึกที่หลวงพิพิธเขียนเรื่องราวไว้ หลังจากเธอจากมาในบันทึกนี้ได้บอกด้วยว่าถ้ามีลูกสาวให้ตั้งชื่อว่า แก้วกัลยา พัชร์เฟื่องกอดสมุดบันทึกไว้แนบกับอก เพื่อระลึกถึงสิ่งที่ผ่านมาและพยายามยอมรับความจริงที่โหดร้าย

ชื่อไทย : สู่ฝันนิรันดร

ชื่ออังกฤษ :
ละครช่อง : ช่อง 3
บทประพันธ์ : รัตนสยาม
บทโทรทัศน์ : นลินี สีตะสุวรรณ
กำกับการแสดง : ชูศักดิ์ สุธีรธรรม
แสดงนำ : ลลิตา ปัญโญภาส, เริงฤทธิ์ แมคอินทอช
ออกอากาศ : 6 สิงหาคม 2551 – 17 กันยายน 2551
วันออกอากาศ : พุธ – พฤหัสบดี
เวลาออกอากาศ : 20.30 – 22.30 น.
จำนวนตอน :
ความยาวตอน :
เรทละคร :
เป็นคนแรกที่รีวิว “สู่ฝันนิรันดร”

ยังไม่มีรีวิว

นักแสดงและทีมงาน

หมิว ลลิตา ปัญโญภาส

พัชร์เฟื่อง (ยุคปัจจุบัน)

อ้น สราวุธ มาตรทอง

พีรพัฒน์ (ยุคปัจจุบัน)

แจ๊บ เพ็ญเพ็ชร เพ็ญกุล

หมอพจน์ (ยุคปัจจุบัน)

เก่ง ชาติชาย งามสรรพ์

ผู้กองนัฐพงษ์ (ยุคปัจจุบัน)

กำธร สุวรรณปิยะศิริ

เจ้าสัวเจิมศักดิ์ (ยุคปัจจุบัน)

อี๊ด ดวงใจ หทัยกาญจน์

นัฐฐา (ยุคปัจจุบัน)

หมู สมภพ เบญจาธิกุล

พัชร์ (ยุคปัจจุบัน)

เปี๊ยก สมมาตร ไพรหิรัญ

ดร. เจิมรักษ์ (ยุคปัจจุบัน)

ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา

เจิมศิริ (ยุคปัจจุบัน)

พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา

ดารา (ยุคปัจจุบัน)

เล็ก วิวัฒน์ ผสมทรัพย์

เจิมพัฒน์ (ยุคปัจจุบัน)

ติ๋ว อรสา พรหมประทาน

คุณหญิงวิไล (ยุคปัจจุบัน)

อี๊ด สินีนาฏ โพธิเวส

ยายพุ่ม (ยุคปัจจุบัน)

ก้อย ปาริฉัตร ไพรหิรัญ

ผู้อำนวยการเพ็ญพักตร์ (ยุคปัจจุบัน)

สันติ ต้อยปาน

ผู้กำกับชาญชัย (ยุคปัจจุบัน)

นก ฉัตรชัย เปล่งพานิช

หลวงพิพิธราชเสนา (ยุคอดีต)

ดอม เหตระกูล

พระยาอนุชิตราชา (ยุคอดีต)

อ๋อม สกาวใจ พูนสวัสดิ์

นางพุดซ้อน (ยุคอดีต)

ตั๊ก นภัสกร มิตรธีรโรจน์

จีนบุนเส็ง (ยุคอดีต)

พิศมัย วิไลศักดิ์

แม่อั้น (ยุคอดีต)

เอ พศิน เรืองวุฒิ

นายจัน (ยุคอดีต)

สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์

พระยาราชาเศรษฐี (ยุคอดีต)

หน่อย ณัฐนี สิทธิสมาน

นางเรือน (ยุคอดีต)

น้ำเงิน บุญหนัก

แม่ชุ่ม (ยุคอดีต)

กํากับการแสดง

นักเขียน

รัตนสยาม

บทประพันธ์