ทุกอณูฤทัย (2567)

เรื่องย่อ : ทุกอณูฤทัย (2567/2024) เรื่องราวความสนุกเริ่มต้นขึ้นเมื่อพินัยกรรมเจ้าปัญหาเป็นเหตุให้ปลัดหญิงคนเก่งต้องแต่งงานกับทายาทหนุ่มบริษัทค้าไม้ ผู้ต้องสงสัยในขบวนการค้าฝิ่นเถื่อนที่เธอกำลังสืบอยู่ ยิ่งสืบยิ่งใกล้ชิด จากความไม่ไว้ใจแปรเปลี่ยนเป็นความเชื่อใจ แต่เรื่องกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อทั้งคู่ต้องเจออุปสรรคความรักจากคนรอบข้างและอันตรายจากผู้ร้ายตัวจริง ปฏิบัติการกวาดล้างขบวนการค้าฝิ่นจึงดำเนินไปพร้อมกับภารกิจหัวใจอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

เคหาสน์นางคอย 2565

เคหาสน์นางคอย (2565/2022) เคหาสน์นางคอย..เรื่องราวลึกลับที่ซ่อนอยู่ในเคหาสน์หลังใหญ่ ตั้งตระหง่านบนยอดผาหันหน้าออกสู่ทะเลอย่างสง่างาม ที่มักมีเสียงกรีดร้องหรือบางทีก็เป็นเสียงเพลงหวานปนเศร้าแว่วตามลมทุกค่ำคืน จนชาวบ้านละแวกนั้นต่างซุบซิบนินทาว่ามีผีสิง หรือบางคนก็เล่าลือว่ามาจากหญิงบ้าที่ถูกกักขังบนยอดหอคอย ว่ากันว่าหญิงสาวผู้นั้นมักจะสวมหน้ากากคริสตัลสีชมพูไว้ตลอดเวลา เพื่อปกปิดใบหน้าที่แท้จริงของตนเอง กุ้ง (ปภาวดี ชาญสมอน) สาวสวยจากเมืองกรุง เมื่อจำต้องแบกภาระหาเงินมาดูแล แม่นารี (นาตยา จันทร์รุ่ง) และต้องหาเงินมาชดใช้หนี้นอกระบบ เธอจึงจำเป็นต้องรับงานที่ได้รายได้เยอะ ๆ คือการดูแลคนป่วยที่เคหาสน์นางคอย กุ้งหนีมาพร้อม กั๊ก (คริสตี้หลุยส์ นามวงษ์) และ จุ่ม (รัฐธีร์ วรโรจน์โยธิน) เพื่อนสนิทที่ยืนยันจะมาเป็นเพื่อน การมายังเคหาสน์นางคอยของกุ้งครั้งนี้ พาให้เธอได้มาพบกับ สักกทัศน์ (กิตตน์ก้อง ขำกฤษ) คุณชายจากตระกูลราชมรรคา ผู้สืบทอดหน้าที่ทนายให้กับตระกูลคเชนทราต่อจาก สักกรินทร์ (กิตติพล เกศมณี) พ่อของเขา ในการดูแลพินัยกรรม เขาได้ตกหลุมรักกับกุ้งตั้งแต่แรกพบ กุ้งมาทำงานแทน ชมพลอย (ฉัตรธิดา ปูคะวนิช) สาวใช้คนเก่า ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ วันแรกที่กุ้งได้พบ ประพิมพรรณ (เกวลิน คอตแลนด์) ผู้ที่เธอต้องดูแลที่อยู่ห้องบนหอคอย เธอก็ต้องแปลกใจ เพราะประพิมพรรณใส่หน้ากากคริสตัลสีชมพู ครอบตั้งแต่ศีรษะ มีช่องให้เห็นเฉพาะดวงตา จมูก และปากเท่านั้น เหตุผลที่เธอใส่หน้ากาก ก็เพราะไม่อยากให้ใครเห็น กุ้งสงสารประพิมพรรณ และถึงจะถูกอาละวาดตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ แต่เธอก็ยินดีจะดูแลประพิมพรรณอย่างดี เคหาสน์หลังนี้ที่ดูสง่างามน่าหลงใหลของคนภายนอกที่พบเห็น แต่ได้ซ่อนความลับสุดอมหิตไว้ และนั้นทำให้ชีวิตของกุ้งต้องพบเจอกับเรื่องราวลึกลับมากมาย และยังมีภัยอันตรายที่ต้องเผชิญ คำตอบ และความจริงคืออะไร ชวนค้นหาไปด้วยกันใน...เคหาสน์นางคอย

รางรักพรางใจ (2564)

รางรักพรางใจ (2564/2021) เก็จอุษา ตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลพร้อมความทรงจำที่หายไป โดยมี เทียน ผู้ชายหน้านิ่งเฝ้าอยู่ข้าง ๆ เขาเล่าให้เธอฟังว่า เธอถูกทำร้ายและนำร่างมาทิ้งไว้ที่สะพาน หมอชาญชล เจ้าของไข้ลงความเห็นว่าสมองของเธออาจกระทบกระเทือนทำให้ความทรงจำหายไป เก็จอุษาเครียดมากเพราะเทียนเล่าให้ฟังว่า เธอไม่มีญาติที่ไหน เหลือเพียงแค่น้องสาวหนึ่งคนแต่ยังติดต่อไม่ได้ แถมเธอยังแต่งงานแล้ว กับทิว พี่ชายของเขา เก็จอุษามักจะมีอาการฝันร้ายเห็นร่างตัวเองชุ่มไปด้วยเลือดจนตกใจตื่นบ่อย ๆ เธอตัดสินใจขอร้องให้ เทียน มานอนเป็นเพื่อนเธอ แต่เทียนปฎิเสธบอกว่าไม่เหมาะเพราะเขาเป็นแค่น้องชายของสามีเธอเท่านั้น เก็จอุษาสงสัยว่าทำไมสามีถึงไม่มาดูแลเธอเอง แต่เทียนก็ไม่ยอมตอบว่าทำไม! ถึงวันออกจากโรงพยาบาลเทียน มารับเก็จอุษากลับบ้าน เก็จอุษากลับไม่ได้รู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่แม้แต่นิดเดียว และที่น่าตกใจเมื่อเก็จอุษาก็ได้รู้ว่าทิวสามีของเธอถูกยิงตายที่บ้านหลังนี้! โดยที่ตำรวจยังไม่สามารถหาฆาตกรได้ และผู้ต้องสงสัยในใจเทียนก็คือ เก็จอุษานั่นเอง เขาทำทุกวิถีทางเพื่อกระตุ้นความทรงจำของเก็จอุษากลับมา! ด้านเก็จอุษาที่ยังจำอะไรไม่ได้ แต่เธอก็รู้สึกว่าคนรอบๆตัวเธอไม่มีใครเป็นมิตร หรือชอบเธอเลย เก็จอุษารู้สึกอึดอัดกับตัวตนของเธอ และพยายามหาคำตอบว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับตัวเธอก่อนหน้าความทรงจำที่หายไป นอกจากนี้เธอยังรู้สึกอึกอัดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเทียน เพราะเขาดูจับจ้องเธอทุกฝีก้าว แม้ตอนเขาไม่อยู่ วันหนึ่งเก็จอุษาได้รับอุบัติเหตุ เทียนพาเธอไปทำแผลที่โรงพยาบาล ที่นั่นเธอได้พบกับหมอเมธิช ท่าทางแปลกๆของหมอทำให้เธอสงสัย จนได้รู้ความจริงว่าหมอเมธิชเคยเป็นแฟนเก่าของเธอก่อนที่จะแต่งงานกับทิว เหตุความหึงหวงของทิว ก็เป็นข้อสันนิษฐานหนึ่งที่ ผู้กองชวิศ เพื่อนของเทียนตั้งเอาไว้ ทำให้เทียนสงสัย และจับตาดูเธอไม่ห่าง จนมีชายชุดดำลอบเข้ามาทำร้ายเก็จอุษาที่บ้าน ทำให้เทียนบอกว่าเขาจะมาอยู่ที่บ้านกับเก็จอุษาด้วย เก็จอุษาบอกเด่ยวชาวบ้านจะนินทา แต่เทียนกลับบอกว่าเขาไม่สนใจว่าใครจะมองยังไง แค่ให้เก็จอุษาวางตัวให้ดีก็พอ ระหว่างนั้นเก็จอุษาก็รู้สึกว่าสิ่งที่ทุกคนบอกมันไม่ใช่ตัวตนของเธอ ทำให้เธอพยายามเริ่มต้นสืบหาความจริง โดยเริ่มสืบจากเก้า ลูกคนงานที่ดูเป็นมิตรกับเธอที่สุดแล้วในบ้าน แต่เก้ากลับอาละวาด และสติแตกทุกครั้งที่ถูกถามถึงวันที่เกิดอุบัติเหตุ หรือเรื่องทิว เก็จอุษาขอเทียนไปทำงานที่โรงงานน้ำตาล ที่นั่นเก็จอุษาได้พบกับจีรา เลขาสาวที่เทียนฝากให้คอยดูแลเก็จอุษา และคณิณหัวหน้าฝ่ายบัญชี ที่ทุกคนก็แอบแปลกใจกับท่าทีของเธอที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากเก็จอุษาที่เย่อหยิ่งเป็นเก็จอุษาที่มีน้ำใจ และเป็นกันเอง เก็จอุษาเองก็พยายามสืบหาความจริงจากคนเหล่านี้ ด้านเทียนเมื่อได้ใกล้ชิดกับเก็จอุษามากขึ้นเขาเห็นว่าเก็จอุษาไม่ได้เหมือนเดิม หรือเหมือนที่คนอื่นๆบอก เขาเห็นเพียงผู้หญิงที่สับสนในตัวเอง และความสดใส เอื้ออาทร จิตใจดี ยิ่งใกล้ชิดยิ่งทำให้เขาสับสน และต้องคอยย้ำเตือนตนเองว่าไม่ควรรู้สึกดีกับพี่สะใภ้มากไป ส่วนเก็จอุษาเองก็เช่นกัน เธอรู้สึกอบอุ่น และปลอดภัยเมื่อได้อยู่ใกล้เทียน แต่ความจริงที่ ทิว ต้องตายอาจเป็นเพราะเธอ คือเรื่องที่เธอต้องพิสูจน์ และค้นหาความจริง! เขา และเธอ จะค้นพบความจริงที่สุดท้ายจะต้องลงเอยด้วยรัก หรือความเจ็บปวด ร่วมค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเก็จอุษา พร้อมลุ้นไปกับความรักที่ก่อตัวขึ้นบนเส้นแบ่งของหัวใจ และจริยธรรม ที่พวกเขาต้องเลือกว่าจะข้ามไปทางไหน! และการไขปริศนาเรื่องราวฆาตกรรมครั้งนี้ไปด้วยกันใน “รางรักพรางใจ” ทางช่อง 7 HD กด 35

จากศัตรูสู่หัวใจ 2563

เรื่องย่อ : จากศัตรูสู่หัวใจ (2563/2020) โสภิตา อัณธำรง (อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ) ลูกสาวคนโตของ โภคิน อัณธำรง (วิทย์-ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล) เจ้าพ่อวงการค้าไม้ ฉายานางพญา เป็นคนเชื่อมั่นในความคิดตนเองแบบสุดโต่ง เจ้าระเบียบ ไม่รู้จักการประนีประนอม ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ไม่มีตรงกลาง โสภิตาเกลียดการโดนหักหลัง เพราะในวัยเด็ก แม่ของเธอหักหลังพ่อด้วยการคบชู้ และพากันหนีหายไปโดยทิ้งเธอและ สราริน อัณธำรง (แจมมี่-ปาณิชดา แสงสุวรรณ) น้องสาวโดยไม่เหลียวหลังกลับมา โสภิตา จึงต้องรับบทบาทเป็นทั้งพี่และแม่ดูแลสรารินอย่างเข้มงวด เพราะหลังจากแม่ทิ้งเธอทั้งสองไป สรารินก็กลายเป็นเด็กเศร้าสร้อย อมทุกข์ พูดจากน้อยคำ จนต้องสื่อสารผ่านทางตัวหนังสือ จนกระทั่งสรารินโตเป็นสาว อานุภาพของความรักทำให้สรารินยอมพูดจากับผู้คนเพิ่มมากขึ้น แต่โสภิตากลับขัดขวางความรักในครั้งนี้แบบสุดตัว เพราะแฟนหนุ่มของน้องสาวคือ เจตน์ (มิกค์ ทองระย้า) ที่เพิ่งพ้นโทษออกมาจากคุกในคดีฆ่าคนตาย !!! เจตน์ อดีตนักกีฬายิงปืนอนาคตไกลที่เคยติดทีมชาติ แต่ชีวิตต้องพบจุดพลิกผันครั้งใหญ่ เมื่อเกิดวิวาทกับเพื่อนนักกีฬายิงปืน อีกฝ่ายมีพวกมากกว่าจึงรุมทำร้ายเขา อารมณ์เลือดร้อนบวกสัญชาตญาณทำให้เจตน์ใช้ปืนยิงขู่ฝ่ายตรงข้าม แต่กระสุนนัดนั้นโดนเข้าที่จุดสำคัญของคู่กรณี ทำให้ฝ่ายนั้นเสียชีวิต เจตน์ถูกฟ้องในข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ศาลพิพากษาจำคุก 6 ปี รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุกเพียง 3 ปี (ตามมาตรา 290) เมื่อเจตน์พ้นโทษออกจากคุก เขาก็โดนบิดาซึ่งยึดมั่นถือมั่นในชื่อเสียงของวงศ์สกุล ตัดขาดจากครอบครัว และห้ามใช้นามสกุลเดิมอีก เจตน์เสียใจหนักหันไปพึ่งเหล้าจนเมามาย เดินโซซัดโซเซไปบนสะพาน และที่นั่นเขาได้พบกับสราริน ที่กำลังจะกระโดดลงน้ำเพื่อฆ่าตัวตาย เจตน์แกล้งจะฆ่าตัวตายไปพร้อมกับสราริน เพราะชีวิตเขาก็บัดซบเกินกว่าจะทนมีชีวิตอยู่ต่อไป สรารินหลงกลลืมเรื่องฆ่าตัวตาย หันมาปลอบโยนให้กำลังใจเจตน์แทน ความรักเริ่มก่อตัวและพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่เจตน์ไม่ระแคะระคายเลยว่า เขารักสรารินเพียงข้างเดียว !! สรารินเก็บซ่อนผู้ชายอีกคนไว้ไม่ให้ใครล่วงรู้ แม้แต่โสภิตาพี่สาว โสภิตากีดกันน้องสาวจากเจตน์ ดูถูกถากถางเจตน์สารพัด และใช้ความเจ้าเล่ห์ทางธุรกิจกลั่นแกล้ง ธุรกิจร้านกาแฟของเจตน์จนลูกค้าหดหาย เจตน์ปะทะคารมกับโสภิตาหลายครั้ง จนวันหนึ่งเขาถูกกลุ่มนักเลงรุมทำร้ายแล้วนำไปทิ้งไว้ข้างถนนในสภาพเจ็บปางตาย พร้อมคำขู่ให้เลิกยุ่งกับสราริน หนำซ้ำยังเผาร้านกาแฟของเจตน์จนหมดเนื้อหมดตัว เจตน์ปักใจเชื่อว่าโสภิตาอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ แต่ความจริงแล้ว โสภิตาไม่รู้เห็นด้วยเลย คนที่ส่งนักเลงไปซ้อมเจตน์และเผาร้านกาแฟคือ รวิน (บิ๊ก-ทองภูมิ สิริพิพัฒน์) คู่หมั้นของโสภิตานั่นเอง รวินแอบหลงรักสราริน จนเกิดความหึงหวง ไม่อยากให้สรารินสมหวังกับเจตน์ เมื่อเจตน์ถูกกีดกันทุกทาง จนไม่สามารถติดต่อสรารินได้ เจตน์จึงบุกไปที่บ้านอัณธำรง แต่กลับพบคนในบ้านสวมชุดดำไว้ทุกข์ เขาลองโทรเข้าเบอร์บ้าน คนใช้ที่รับสายบอกเพียงว่าสรารินตายแล้ว เธอฆ่าตัวตาย !!! เจตน์ช็อกกับข่าวร้ายที่ได้รู้ เขาไปร่วมงานศพแฟนสาว แต่ถูกโสภิตาไล่เหมือนหมูเหมือนหมา เจตน์เกลียดโสภิตา และโทษว่าเป็นความผิดเธอที่สร้างแรงกดดันจนสรารินรับไม่ไหว และเลือกความตายเป็นทางออก ขณะที่โสภิตาก็มั่นใจว่า เจตน์คือต้นเหตุการตายของน้องสาว สรารินฆ่าตัวตายด้วยการกินยานอนหลับ และสิ่งที่ทำให้โสภิตาตกตะลึงคือ น้องสาวตกเลือดและติดเชื้อหลังจากทำแท้ง โสภิตาปิดเรื่องท้องไว้เป็นความลับ เพราะกลัวบิดาจะทนแบกรับความสะเทือนใจครั้งนี้ไม่ไหว และเมื่อยิ่งอ่านสมุดบันทึกของสราริน ความโกรธเกลียดเจตน์ก็ยิ่งทวีคูณเป็นร้อยเท่าพันทวี สมุดบันทึกคือกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การค้นพบว่า ใคร ? คือ คนรักปริศนาของสราริน ใคร ? คือ พ่อของเด็กในท้อง ข้อความในสมุดบันทึกก่อให้เกิดข้อกังขามากมาย สรารินเขียนเรื่องราวของชายคนหนึ่งไว้เกือบทุกหน้าโดยไม่ระบุชื่อเสียงเรียงนาม น่าเสียดายที่โสภิตาทนอ่านตัวหนังสือที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของสรารินได้เพียงไม่กี่หน้า โสภิตาก็มั่นใจว่าผู้ชายที่สรารินเขียนถึงคือเจตน์ โสภิตามั่นใจเสมอว่า เธอมองคนไม่ผิด แต่จิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง คนที่ไว้ใจ อาจเป็นคนใกล้ตัว ที่โสภิตาคาดไม่ถึง !!! จุดเริ่มต้นแห่งการค้นหาความจริง กลโกง และการหักหลัง เริ่มขึ้นเมื่อโสภิตาบังเอิญได้ยินแผนการลักลอบนำเข้าไม้ผิดกฎหมายของ กรีฑา (พีท ทองเจือ) ผู้เป็นหุ้นส่วนของบริษัทอัณธำรง และเป็นเพื่อนสนิทของพ่อเธอ โสภิตานำเรื่องนี้ไปบอกรวินผู้เป็นคู่หมั้น เพื่อขอคำปรึกษา รวินห้ามโสภิตาแจ้งตำรวจ ควรหาหลักฐานมัดตัวกรีฑาให้ดิ้นไม่หลุด เพราะเกรงว่ากรีฑาอาจมีกลุ่มอิทธิพลหนุนหลังอยู่ โสภิตาคล้อยตามโดยไม่รู้เลยว่ารวินคือหนึ่งในขบวนการขนไม้เถื่อนของกรีฑา....คนที่รัก คือคนที่หักหลัง !!! เมื่อกรีฑารู้ว่าเธอแอบได้ยินแผนชั่วของเขา กรีฑาจึงคิดกำจัดเธอโดยเร็วที่สุด มีการจ้างคนจัดหามือปืนเป็นทอด ๆ และมือปืนที่รับงานสังหารโสภิตา ก็คือเจตน์ ที่โดนมรสุมชีวิตเล่นงานจนเดินทางไปสู่ทางตันเขาตัดสินใจรับงานนี้ ในวันชี้เป้า ชายหนุ่มถึงกับช็อกเมื่อเห็นว่าเหยื่อของเขาคือโสภิตา ผู้หญิงเลือดเย็นที่ทำลายชีวิตเขาและคนที่เขารัก วันสังหารถูกกำหนดขึ้นในทันทีที่เจตน์ยอมรับงาน วันนั้นรวินพาโสภิตาไปกินอาหารที่โรงแรม โดยที่ไม่รู้ตัวว่าเจตน์จับตาดูอยู่ตลอด มือปืนหนุ่มรอจังหวะโสภิตาอยู่ตามลำพัง เขาจับเธอได้อย่างง่ายดาย เพราะเธออยู่ในอาการไม่สบายจึงไร้เรี่ยวแรง จังหวะที่เจตน์เอาปืนจ่อหัวเพื่อดับชีวิตโสภิตา หญิงสาวไม่ร้องขอชีวิตเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังด่าทอเจตน์ว่าเป็นคนชั่วที่ทำลายลูกในไส้ของตัวเอง ทำให้สรารินฆ่าตัวตาย เจตน์ตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน สรารินมีลูกกับเขาได้อย่างไรทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสรารินเลย เจตน์เปลี่ยนใจไม่ฆ่าโสภิตา เพื่อสืบค้นความจริงทั้งหมด เจตน์พาโสภิตาไปขังไว้ที่อพาร์ตเมนต์ของ สุพงษ์ (ดนฐ์-กณิณ ปัทมนันถ์) เพื่อนสนิท คนที่เกลียดกันเข้าไส้กลับต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันในอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ โสภิตาคิดว่าเจตน์จับตัวเธอมาเพราะความแค้นส่วนตัว ซึ่งเจตน์ก็ไม่แก้ต่างใด ๆ ขณะที่เจตน์ก็หาว่าเธอวางเพลิงร้านกาแฟของเขา โสภิตาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่เจตน์ก็ไม่เชื่อ ระหว่างที่ถูกขังให้สิ้นอิสรภาพ หญิงสาวหาทางหนีตลอดเวลา แต่เจตน์รู้ทันทุกครั้ง สงครามคารมระหว่างสองคนเกิดขึ้นบ่อยครั้งโดยไม่มีใครยอมใคร หลายครั้งเจตน์อยากเลิกยุ่งกับเรื่องนี้ แล้วปล่อยเธอไปตามชะตากรรม แต่พอคิดถึงสราริน เขาก็ทำไม่ลง ขณะเดียวกันเขาก็ไม่รู้ว่าศัตรูของโสภิตาคือใคร และตอนนี้ไม่ใช่โสภิตาคนเดียวที่ตกอยู่ในอันตราย เจตน์ก็เอาชีวิตของตัวเองแขวนไว้บนเส้นด้ายด้วย ถ้าพวกมือปืนรู้ว่าเขาช่วยชีวิตเหยื่อ คงมีการล่าหัวฆ่าตัดตอนเขาเกิดขึ้น เจตน์จึงยอมบอกความจริงว่าไม่ได้จับตัวโสภิตามาสะสางแค้นส่วนตัว แต่มีคนจ้างฆ่าเธอต่างหาก โสภิตามั่นใจว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดคือกรีฑา เธอมองเจตน์ในแง่ดีขึ้นและไม่คิดหนีอีก ด้านโภคินกำลังหัวใจสลายกับการหายตัวไปของลูกสาวคนโต แม้จะมีภรรยาใหม่อย่าง สุภัทรา (พิม-พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) คอยอยู่เคียงข้าง แต่ความเครียดก็ส่งผลให้ร่างกายที่ไม่แข็งแรงยิ่งทรุดโทรม รวินอาสาเข้าไปช่วยดูแลงานที่อัณธำรงวู้ดแลนด์ ทำให้รวินพบสุภัทราถี่ขึ้น แม้สุภัทราจะเป็นแม่เลี้ยงของโสภิตา และอีกไม่นานรวินก็จะเป็นลูกเขยของนาง แต่เขากลับรู้สึกอึดอัดที่อยู่ใกล้หญิงสูงวัยผู้นี้ มีบางอย่างในแววตาและท่าทีของสุภัทราที่บอกว่านางไม่ได้มองรวินเป็นแค่ว่าที่ลูกเขย แต่ลึกซึ้งเกินกว่านั้น !!! เจตน์จัดฉากให้กรีฑาหลงเชื่อว่าโสภิตาตายแล้ว ขณะเดียวกันก็เดินแผนต่อด้วยการส่งโสภิตากลับบ้าน โดยอนุญาตให้โสภิตาโทรหาคู่หมั้น แต่เจตน์ยังไม่ทันพาเธอไปส่งยังจุดนัดหมาย ก็มีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งบุกไปที่อพาร์ตเมนต์ ทั้งสองจึงต้องหนีไปอยู่ที่บ้านสวนของเพื่อนเจตน์ที่อยุธยาชั่วคราว เจตน์ยิ่งมั่นใจว่ารวินรู้เห็น เพราะกลุ่มชายฉกรรจ์บุกมาที่คอนโดหลังจากโสภิตาส่งข่าวบอกคู่หมั้นแค่เพียงไม่นาน แต่โสภิตาไม่ยอมเชื่อ แถมยังด่าเจตน์ว่าฆ่าลูก เจตน์ได้สืบรู้ความจริงจากหลักฐานนามบัตรร้านอาหาร ซึ่งเป็นสถานที่นัดหมายเจอกันของสรารินกับผู้ชายปริศนา จนพบว่าพ่อของเด็กในท้องเป็นใคร ? ร่วมกันไขปริศนาการตายของสราริน และจากศัตรูจะเดินทางมาสู่หัวใจได้อย่างไร ? ติดตามชมกันต่อได้ละคร จากศัตรูสู่หัวใจ ที่ออกอากาศทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 HD กด 35 ละคร จากศัตรูสู่หัวใจ เริ่มตอนแรกวันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม 2563

ม่านบังใจ (2563)

ม่านบังใจ (2563/2020) เมื่อ ทัฬห์ พรากชีวิตพ่อของ เฟื่องลดา ไปด้วยอุบัติเหตุ และเธอเข้าใจผิดว่าเขาใช้เงินบีบบังคับให้แต่งงานด้วย เธอจึงยอมแต่งงานกับเขา เพื่อหวังปอกลอกสมบัติตามคำแนะนำของแม่เลี้ยงจอมงก แม้ความใกล้ชิดจะทำเธอหวั่นไหว แต่ทิฐิกั้นหัวใจเธอไม่ให้ยอมรับความจริง กว่าที่เธอจะรู้ว่าเขารักเธออย่างจริงใจ ทุกอย่างก็อาจสายเกินไป

ทัฬห์ พฤทธานนท์ (เวียร์-ศุกลวัฒน์) ขับรถด้วยความเร็ว เพื่อที่จะไปให้ทันการแสดงปิดภาคเรียนของลูกแก้ว(แฟรี่-ปารย์ชนก) ทำให้ไม่เห็น เฟื่อง(หลุยส์-อัมรินทร์) ที่เดินคุยโทรศัพท์มือถือ และข้ามถนนลงมา ตัดหน้ารถอย่างกะทันหัน รถของทัฬห์ชนเฟื่องล้มลงอย่างแรง เฟื่องอาการสาหัสทัฬห์รีบพาเฟื่องส่งโรงพยาบาล ในขณะที่รออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน สร้อยทอง(พิม-พิมพ์พรรณ) ภรรยาของนายเฟื่อง และ สร้อยสน(เนย- ปภาดา ) ลูกสาวของสร้อยทองรีบร้อนมาเยี่ยมอาการ สร้อยทองโวยวายหาคนรับผิดชอบ ทำให้ทัฬห์รีบแสดงตัว และขอรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่าง สร้อยทองเปลี่ยนท่าทางไปทันที ที่ได้อ่านนามบัตรของทัฬห์ว่าเป็นเจ้าของโรงแรมชื่อดังอันดับต้นๆของประเทศไทย และกลับเปลี่ยนเป็นต่อว่าเฟื่องว่าชอบเดินไปคุยโทรศัพท์ไปคิดอยู่แล้วว่าสักวันจะต้องเกิดอุบัติเหตุทำให้สร้อยสนแปลกใจกระซิบถามสร้อยทอง แต่สร้อยทองปรามไม่ให้พูดมาก และบ่นว่าพ่อเจ็บจะตายขนาดนี้ ทำไมเฟื่องลดา (มุกดา นรินทร์รักษ์) ถึงยังไม่มาเยี่ยม ยังไม่ทันขาดคำเฟื่องลดาก็โผล่เข้ามาอย่างรีบร้อน เป็นเวลาเดียวกับที่หมอออกมาจากห้องฉุกเฉินพอดี เฟื่องลดารีบถามอาการของพ่อ และเธอก็ถึงกับช็อค เมื่อหมอแจ้งให้รู้ว่า เฟื่องเสียชีวิตแล้ว เฟื่องลดาเสียใจมาก ถามถึงผู้ที่ขับรถชนพ่อของเธอจากสร้อยทอง เฟื่องลดาหันมามองทัฬห์ เมื่อเห็นสีหน้าของเขาก็รู้ทันทีว่า ทัฬห์คือคนที่ขับรถชนพ่อของเธอ เฟื่องลดา โกรธแค้นและเกลียดชังทัฬห์มาก ตรงเข้าทุบตีต่อว่าทัฬห์อย่างสติแตกในขณะที่ทัฬห์ได้แต่ยืนนิ่งไม่โต้ตอบสีหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ สร้อยทองและสร้อยสนรีบเข้ามาห้าม แต่เฟื่องลดาก็ยังไม่ยอม จนโดนสร้อยทองตบหน้าอย่างแรง และบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ทัฬห์กลับบ้านมาด้วยความเครียด และต้องเครียดหนักมากขึ้นเมื่อลูกแก้วไม่ยอมพูดกับเขาเพราะโกรธที่ทัฬห์ผิดสัญญาไม่ไปดูการแสดงที่โรงเรียน ทัฬห์พยายามอธิบายเหตุผล แต่ลูกแก้วไม่ยอมฟัง และพูดอย่างน้อยใจว่าถ้าแม่ยังอยู่ แม่ก็คงไม่ทำตัวเหมือนพ่อหรอก เพราะแม่รักลูกแก้ว พ่อทำให้คุณแม่ต้องตาย ลูกแก้ววิ่งหนีขึ้นห้องไปทัฬห์ตกใจจะตาม แต่ มณฑิรา (ฝ้าย-สุภาพร) เพื่อนสนิทของ ศราวัณ(แม่ของลูกแก้ว) มาเยี่ยมพอดีห้ามทัฬห์ไว้ และบอกว่าจะช่วยคุยกับลูกแก้วให้ หลังจากดูแลให้ลูกแก้วเข้านอนแล้ว มณฑิรามาดูแล ปลอบใจทัฬห์แต่ทัฬห์ไม่ต้องการ ขอร้องให้มณฑิรากลับไป ในงานศพของเฟื่องที่ทัฬห์รับเป็นเจ้าภาพและมาร่วมงานทุกวัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้เฟื่องลดารู้สึกดีขึ้นมาได้เลย ตรงกันข้าม เฟื่องลดาพยายามที่จะกลั่นแกล้งเอาคืนทัฬห์ทุกอย่างตามประสาเด็ก ผิดกับสร้อยทองที่เอาอกเอาใจทัฬห์ เพราะต้องการจะจับทัฬห์ให้กับสร้อยสน ทัฬห์รู้สึกแปลกใจกับท่าทางที่สร้อยทองมีกับเฟื่องลดาและสร้อยสน และเขาก็บังเอิญได้ยินสร้อยทองแอบมาคุยกับ เสี่ยนภ (เอ-พศิน) ว่าจะจัดการเรื่องเฟื่องลดาให้ ทำให้ทัฬห์รู้ว่าแท้จริงแล้วสร้อยทองเป็นแม่เลี้ยงของเฟื่องลดา และคิดจะขายเฟื่องลดาให้กับเสี่ยนภ ทัฬห์นึกเป็นห่วงเฟื่องลดาทันที และรู้สึกว่าตัวเขาควรจะมีส่วนรับผิดชอบและปกป้องเฟื่องลดา ทัฬห์กลับบ้านมาเจอ ร้อยตำรวจโทไทว์ (ยูโร-ยศวรรธน์) น้องชาย ทำให้ทัฬห์นึกอะไรขึ้นมาได้จึงยุให้ไทว์จีบเฟื่องลดา ถ้าไทว์ทำให้เฟื่องลดายอมแต่งงานด้วยได้เขาจะออกค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างแล้วเขาก็เล่าให้ไทว์ฟังถึงความจริงที่มีเสี่ยต้องการซื้อตัวเฟื่องลดา เขาเป็นห่วง เพราะท่าทางของสร้อยทองเป็นคนเห็นแก่เงิน หากเฟื่องลดาได้แต่งงานกับไทว์ เธอจะปลอดภัย และอีกประการหนึ่งทัฬห์ เห็นว่าไทว์ใช้ชีวิตหนุ่มโสดมานานจึงสมควรจะมีครอบครัวได้แล้ว ไทว์ยังไม่รับปากพี่ชาย และเมื่อไปถึงงานศพ ไทว์ได้พบเฟื่องลดาที่กำลังต้อนรับแขกอยู่กับ กานดา (พลอยไพลิน ตั้งประภาพร) เพื่อนสนิท ก็รู้สึกถูกใจในความสวยน่ารักของเฟื่องลดาแต่เมื่อเขาเห็นอาการแข็งกระด้าง และแววตาที่มองทัฬห์อย่างเคียดแค้น ทำให้ไทว์ขยาดไม่กล้าจีบเธอตามคำแนะนำของพี่ชาย ประกอบกับไทว์มีแฟนอยู่แล้ว คือ สิริโสภา(เจสสิก้า สมปอง) จึงปฏิเสธพี่ชายไป หลังจากเฟื่องตาย สร้อยทองมักไปขอเงินจากทัฬห์อยู่เสมอ ซึ่งทัฬห์ก็ช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ เพราะหวังว่าสร้อยทองจะดูแลเฟื่องลดาให้ดี สร้อยทองก็ฉลาดพอที่จะไม่ใช้วิธีบังคับเฟื่องลดา เพราะเธอรู้ว่าเฟื่องลดาเป็นเด็กดื้อรั้น ทะนงตัว เธอจึงทำตัวเป็นแม่เลี้ยงแสนดี สร้อยทองพูดจาหว่านล้อมจนเฟื่องลดาใจอ่อนเลิกล้มความตั้งใจที่จะเรียนและหางานทำ เฟื่องลดาไปสมัครเป็นครูพี่เลี้ยงเด็ก โรงเรียนที่ลูกแก้วเรียนอยู่ ลูกแก้วทำตัวเหมือนเด็กมีปัญหาจนคุณครูที่ดูแลเอือม จึงส่งมอมให้เฟื่องลดาเป็นคนดูแลลูกแก้ว เฟื่องลดาล่อหลอกลูกแก้วจนลูกแก้วรู้สึกชอบและสนุกกับการที่ได้อยู่กับเฟื่องลดายอมเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังว่าพ่อไม่รัก และทำให้แม่ต้องตาย ทำให้เฟื่องลดารู้สึกสงสารและเอ็นดูจนสนิทสนมกับลูกแก้วมาก โดยไม่รู้ว่าลูกแก้วเป็นลูกสาวของทัฬห์ ด้านเสี่ยนภรบเร้า สร้อยทองเรื่องที่จะเอาตัวเฟื่องลดา สร้อยทองคิดวางแผนโดยแกล้งชวนเฟื่องลดา และสร้อยสนไปเที่ยวที่ชะอำ โดยนัดแนะให้เสี่ยนภไปเจอที่ชะอำด้วย สร้อยทองกับเสี่ยนภแกล้งดีใจว่าไม่ได้เจอกันนาน เสี่ยนภชวนทุกคนไปพักที่บ้านพักของตัวเองสร้อยทองตอบรับด้วยความเต็มใจ เป็นเวลาเดียวกับที่ทัฬห์เองก็พยายามจะปรับความเข้าใจกับลูกแก้ว จึงชวนลูกแก้ว ไทว์ไปพักที่โรงแรมสาขาที่ชะอำ ทั้งหมดมาเจอกันที่ชายหาดโดยบังเอิญ สร้อยทองรีบออกหน้าชวนทัฬห์ไทว์ และลูกแก้วไปทานข้าวที่บ้านพัก เฟื่องลดาไม่เต็มใจแต่ก็ตกใจที่ได้รู้ว่าลูกแก้วเป็นลูกของทัฬห์และสงสารลูกแก้วที่อยากมาเล่นกับตัวเอง จึงจำใจต้องต้อนรับทัฬห์ ไทว์รู้สึกถูกชะตาที่สร้อยสนเป็นแม่บ้านแม่เรือนทำกับข้าวออกมาต้อนรับทุกคน ทัฬห์แปลกใจที่เห็นลูกแก้วสนิทสนมและดูไว้ใจเฟื่องลดามาก ในเวลาทานอาหารเฟื่องลดา แอบแกล้งทัฬห์อย่างสะใจ ทัฬห์รู้ทันแต่ก็แกล้งทำเฉย ด้านสร้อยสนรู้สึกพอใจท่าทางเอาอกเอาใจและเป็นสุภาพบุรุษของไทว์ จนสร้อยทองเองก็มองออก และแอบสนับสนุนให้สร้อยสนจับไทว์ให้อยู่ ทัฬห์เจอเสี่ยนภก็รู้ทันทีว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลกับการที่สร้อยทองพาเฟื่องลดามาพักผ่อนคราวนี้ คิดหาทางจะช่วยป้องกันเฟื่องลดา ไทว์ช่วยสร้อยสนเก็บล้างถ้วยชามและพูดคุยด้วยอย่างเป็นกันเองทำให้สร้อยสนถึงกับหวั่นไหวมีความสุขมาก ทัฬห์มาเดินตามหาลูกแก้วแล้วชะงักที่เห็นลูกแก้วหัวเราะมีความสุขอยู่กับเฟื่องลดา ภาพความทรงจำของศราวัณกับลูกแก้วเขามาในความคิดทัฬห์รู้สึกเจ็บปวดตั้งแต่ศราวัณตายเขายังไม่เคยเห็นลูกแก้วร่าเริงแบบนี้เลยพอทัฬห์เข้ามาทั้งเฟื่องลดาและลูกแก้วต่างก็มีท่าทางบึ้งตึงใส่ทัฬห์ ทัฬห์ชวนลูกแก้วกลับและพูดเตือนเฟื่องลดาอ้อมๆให้รู้จักระวังตัวเพราะมาพักต่างที่แต่เฟื่องลดาไม่สนใจ ทัฬห์อุ้มลูกแก้วแล้วต้องตกใจที่ลูกแก้วตัวร้อนจัด เฟื่องลดาตกใจรีบพาลูกแก้วกลับโรงแรม เฟื่องลดารีบเช็ดตัวเอายาไข้ป้อนทำอย่างคล่องแคล่วจนทัฬห์แปลกใจ ลูกแก้วอ้อนให้เฟื่องลดาอยู่ด้วย ทัฬห์ได้โอกาสขอร้องให้ช่วยดูแลลูกแก้วหน่อย เฟื่องลดาอึกอักทัฬห์บอกจะขออนุญาตสร้อยทองให้เอง เสี่ยนภโมโหที่ทุกอย่างผิดแผนไปหมดเลยปล้ำสร้อยทองแทนเสียเลยด้วยความเมา สร้อยทองแค้น หลังกลับจากชะอำ เฟื่องลดาได้พบทัฬห์ที่มารับลูกแก้วบ่อยขึ้นทำให้ได้ใกล้ชิดและเห็นว่าความจริงว่าทัฬห์รักลูกแก้วมาก เฟื่องลดามาสอนพิเศษลูกแก้วในวันหยุดที่บ้าน ทำให้ได้เจอกับมณฑิรา มณฑิราพยายามแสดงให้เฟื่องลดารู้ว่าตัวเองมีความสัมพันธ์ที่พิเศษกับทัฬห์และพูดเตือนทางอ้อมให้เฟื่องลดาดูแลแค่ลูกไม่ต้องลามปามมาถึงพ่อ ด้านเสี่ยนภมาเร่งรัดสร้อยทองอีกโดยเอาเรื่องหนี้สิ้นที่สร้อยทองยืมไปก้อนโตมาอ้าง ทำให้สร้อยทองต้องโกหกเฟื่องลดาว่าเมื่อครั้งเฟื่องยังมีชีวิตอยู่ได้สร้างหนี้สินไว้มากมายและตอนนี้กำลังจะถูกฟ้องล้มละลาย ตนจึงไปกู้เงินจากทัฬห์ และตอนนี้ทัฬห์ก็เร่งรัดหนี้สินโดยไม่ยอมผ่อนผันให้แม้ว่าตนจะอ้อนวอนขอร้องอย่างไรก็ตาม โดยจะยอมยกหนี้สินให้ก็ต่อเมื่อเฟื่องลดายอมแต่งงานด้วย เฟื่องลดาโกรธแค้นทัฬห์มาก สร้อยทองจึงยุให้เฟื่องลดาแต่งงานกับทัฬห์เพื่อปลอกลอกทรัพย์สินของเขาเพื่อเป็นการแก้แค้น ทั้งที่ในความจริงแล้วสร้อยทองมาบอกกับทัฬห์ว่าเสี่ยนภต้องการซื้อตัวเฟื่องลดาในราคาสูงเพื่อแลกกับหนี้ก้อนโตที่เฟื่องทำไว้ทัฬห์จึงให้เงินที่มากกว่าแก่สร้อยทอง และขอให้เฟื่องลดาอยู่ในความปกครองของเขาห้ามยกให้ใครอีกทั้งนั้น และจะแต่งงานกับเธอเมื่อเธอต้องการเท่านั้น แต่สร้อยทองที่โลภมากคิดแผนการนี้เพื่อให้เฟื่องลดามีโอกาสเข้าไปปลอกลอกชายหนุ่มนำเงินมาให้เธอมากขึ้น ส่วนเฟื่องลดายอมแต่งงานกับทัฬห์ด้วยความแค้น เพราะเห็นใจแม่เลี้ยง ในวันแต่งงาน ทุกคนให้การต้อนรับเฟื่องลดาเป็นอย่างดีแม้นกระทั่ง ดวงใจ แม่บ้านเก่าแก่ของทัฬห์มีเพียงมณฑิราที่ถึงกับช็อคจนพูดไม่ออก ส่วนเฟื่องลดาเครียดคิดหนักหาทางที่จะเอาตัวรอดจากทัฬห์(อย่างเด็กๆขำๆ) เพราะคิดว่าทัฬห์จะล่วงเกินและหยาบคายกับเธอให้สมกับที่เธอเกลียดเขา แต่เขากลับทำตรงกันข้าม เฟื่องลดาที่ทำเหมือนเก่งแต่ความจริงก็จะกลัวเขาทุกครั้งที่เขาเข้าไปเอาของใช่ส่วนตัวในห้อง จนทัฬห์แอบแกล้งเอาบ่อยๆความน่ารักใสซื่อของเฟื่องลดาเกือบทำให้ทัฬห์เผลอลืมความตั้งใจของตัวเองแต่ลูกแก้วก็เข้ามาขัดจังหวะไว้ได้ เฟื่องลดาแปลกใจตัวเองที่ไม่ขัดขืนแต่กลับรู้สึกหวั่นไหวใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก เฟื่องลดาชอบไปพูดคุยกับดวงใจและให้ดวงใจสอนเรื่องงานครัวให้จนดวงใจเอ็นดูเฟื่องลดาหลอกถามเรื่องศราวัณจนรู้ว่าศราวัณขับรถชนต้นไม้คอหักตายคาที่เพราะไปหาทัฬห์ที่ชะอำ ทำให้ทัฬห์เสียใจมาก จากนั้นทัฬห์ก็กลายเป็นคนเงียบขรึม เฟื่องลดาคุยกับลูกแก้วพยายามจะให้ลูกแก้วเข้าใจกับทัฬห์ว่า ทัฬห์ไม่ใช่คนที่ทำให้แม่ลูกแก้วตายทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุแต่ลูกแก้วกลับบอกว่าเพราะคุณแม่ทะเลาะกับคุณพ่อถึงขับรถไปชนต้นไม้ เฟื่องลดาสงสัยว่าลูกแก้วรู้มาจากไหน มณฑิราพยายามจะเข้ามาดูแลลูกแก้วเหมือนเดิมพยายามบอกลูกแก้วว่าเฟื่องลดาจะมาแย่งความรักจากทัฬห์ไป แต่ลูกแก้วบอกไม่สนใจ เฟื่องลดาแอบได้ยินเลยรู้ว่าคนที่คอยเสี้ยมให้พ่อลูกผิดใจกันก็คือมณฑิรานั่นเอง เฟื่องลดาเห็นใจทัฬห์และลูกของเขามากขึ้น ทัฬห์ช่วยเหลือครอบครัวของเฟื่องลดาทุกอย่างแม้นกระทั่งสร้อยสนที่มีฝีมือในการทำอาหารด้วยการรับเข้าเป็นเชฟครัวไทยของโรงแรม สร้อยสนทำอาหารไทยรสชาติดีพร้อมการตกแต่งที่สวยงามจนลูกค้าชื่นชอบมาก ไทว์แอบมาหาสร้อยสนในห้องเตรียมอาหารของโรงแรม สร้อยสนตื่นเต้นดีใจมากไทว์ขอร้องให้สร้อยสนทำอาหารจานพิเศษเพื่อเซอร์ไพรส์สิริโสภา และซ่อนแหวนแต่งงานในจานอาหาร แต่ไทว์ก็ต้องเสียความรู้สึกอย่างมากเมื่อสิริโสภาไม่ได้ตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นแหวนแต่งงานในจานอาหารแต่กลับถามว่าไทว์เองก็ร่ำรวยไม่ใช่น้อยจะขอแต่งงานกับเธอทั้งที่ทำให้ได้แค่นี้นะเหรอ ไทว์ถึงกับอึ้งไปไม่ถูกและเริ่มเห็นธาตุแท้ของสิริโสภาว่ารักเขาที่เงินนั่นเอง คืนนั้นไทว์ดื่มเหล้าจนเมาไม่ได้สติอยู่ที่ห้องอาหารของโรงแรม สร้อยสนโทรไปบอกทัฬห์ ทัฬห์สั่งให้ลูกน้องเปิดห้องในให้ไทว์พัก สร้อยสนเป็นห่วงเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ไทว์ไทว์ลืมตัวเผลอลวนลามสร้อยสน แต่สร้อยสนกลับเต็มใจเพราะรักไทว์อยู่แล้ว ไทว์ตื่นมางงๆเห็นตัวเองถอดเสื้อผ้าหมดพยายามทบทวนแต่ก็นึกไม่ออกอีกทั้งไม่เห็นใครในห้องคิดว่าตัวเองฝันไป ไทว์ตัดสินใจไปง้อสิริโสภาอีกครั้งแต่ก็ต้องอึ้งเมื่อเห็นสิริโสภาไปควงกับ กาย (ป่าน-คมกฤษณ์) หนุ่มไฮโซนักเรียนนอก ไทว์คิดตัดสินใจเลิกกับสิริโสภา ด้านสร้อยสนอยากตัดใจเลยขอทัฬห์ย้ายไปอยู่สาขาที่ชะอำ ทัฬห์สงสัยแต่ก็ยอมให้ไป สร้อยสนขอร้องไม่ให้บอกใครนอกจากเฟื่องลดาอ้างว่าอยากไปทำงานเงียบๆกลัวแม่ตามไป สร้อยทองที่ติดการพนันเริ่มไม่พอใจเงินเดือนที่เฟื่องลดาให้ทุกเดือน จึงเริ่มแผนใหม่โดยขอย้ายเข้าไปอยู่บ้านของทัฬห์อ้างว่าเหงาไม่มีเพื่อนเพราะสร้อยสนก็ไปทำงานอยู่ต่างจังหวัด สร้อยทองพยายามขอเฟื่องลดาดูแลเงินทองทั้งหมดเองแต่เฟื่องลดาบอกไม่ได้จริงๆทำให้สร้อยทองไม่พอใจที่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด ทัฬห์พอใจที่เฟื่องลดาเข้มแข็งรู้จักแยกแยะไม่อยู่ใต้อาณัติของสร้อยทองเหมือนเดิม พูดคุยกับเฟื่องลดามากขึ้น สองคนมีท่าทางจะเริ่มญาติดีกันแต่พอ กวิน (เบน- สันติราษฎร์) พี่ชายของกานดาซึ่งเคยชอบเฟื่องลดาอยู่กลับมาจากเมืองนอก กวินขอให้เฟื่องลดาหย่าจากทัฬห์ซะเขาจะชดใช้หนี้แทนให้เอง ท่าทางของกวินทำให้ทัฬห์หึงหวงเฟื่องลดาโดยไม่รู้ตัว ทำให้พูดจาไม่ดีกับเฟื่องลดาทำให้เฟื่องลดาโกรธและโกหกว่ากวินเป็นคู่รักของเธอ เพื่อให้เขาโกรธบ้างแต่ทัฬห์ก็อนุญาตให้กวินมาหาเธอที่นี่ได้ เพื่อให้ทัฬห์ได้ศึกษานิสัยใจคอของกวิน หากเห็นว่าดีพอจะปล่อยให้เฟื่องลดาไปแต่งงานกับเขาได้ เฟื่องลดางงแต่ก็ทำตามที่เขาบอกเพราะอยากประชด กวินจึงกลายเป็นแขกประจำของบ้านไป มณฑิรามาเห็นรีบพูดว่าสองคนนี่สมกันถ้าเขารักกันจนขาดกันไม่ได้ทัฬห์ก็น่าจะปล่อยเฟื่องลดาไป ทัฬห์ทั้งโกรธและรำคาญจึงพูดให้รู้ว่าเขาเป็นคนแต่งงานกับเฟื่องลดาเองไม่ใช่เฟื่องลดาจับเขา และอยากบอกให้มณฑิราเลิกหวังในตัวเขาเสียที มณฑิราโกรธจนแสดงธาตุแท้ออกมา ลูกแก้วมาเห็นตกใจว่ามณฑิรา มณฑิราโกรธจนเผลอว่าลูกแก้วเจ็บๆจนลูกแก้วร้องไห้ ทัฬห์โมโหขอให้มณฑิรากลับไป(เหมือนไล่)มณฑิราโกรธว่าโง่ทั้งพ่อทั้งลูก เฟื่องลดาว่าไม่ต้องห่วงเธอจะคุยกับลูกแก้วให้เอง ทัฬห์รู้สึกดีกับเฟื่องลดามากขึ้น สร้อยทองเรียกเฟื่องลดามาต่อว่าที่ไปญาติดีกับทัฬห์แต่เฟื่องลดาว่าพอได้รู้จักทัฬห์จริงๆตัวเองคิดว่าทัฬห์เป็นคนดี สร้อยทองคิดแผนร้ายไปบอกทัฬห์ว่าเฟื่องลดาทุกข์ใจอยากเลิกกับทัฬห์เพราะต้องการแต่งงานกับกวิน สองคนเขารักกันมานาน (เพราะหวังให้ทัฬห์หย่าและแบ่งทรัพย์สิน) ทัฬห์เสียใจคิดว่าเป็นเรื่องจริง ทัฬห์เริ่มเย็นชากับเฟื่องลดาอีกจนคืนหนึ่งทัฬห์ตัดสินใจบอกเฟื่องลดาว่าจะปล่อยเธอเป็นอิสระ เฟื่องลดาจะได้ไปอยู่กับคนที่ตัวเองรัก เฟื่องลดาน้อยใจเข้าใจว่าทัฬห์ไม่เคยมีใจให้เธอเลยจึงตอบตกลงขอบคุณที่เข้าใจเธอทัฬห์อึ้งที่เฟื่องลดายินดี ต่างคนต่างไปแอบเสียใจ กาย ถูกตำรวจจับได้ว่ารวยเพราะฟอกเงินจากยาบ้าจนกลายเป็นข่าวดัง สิริโสภา จึงกลับมาง้อไทว์ เธอคิดว่าที่เขายังไม่มีแฟนเพราะรอเธออยู่ สิริโสภาชวนไทว์ไปทะเลไทว์ยอมไปเพราะอยากรู้ใจตัวเองว่ายังรักสิริโสภาอยู่หรือเปล่า ที่โรงแรมเขาได้ทานอาหารไทยและจำรสชาติฝีมือของสร้อยสนได้ ไทว์รีบไปหาสร้อยสนถามว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ สร้อยสนดีใจคิดว่าไทว์จำเรื่องคืนนั้นได้และจะมาหาเธอแต่ต้องผิดหวังที่เห็นสิริโสภาเธอพยายามทำตัวเป็นเจ้าของไทว์เพื่อไม่ให้เสียหน้าและบอกว่าอยากย้อนเวลากลับไปคืนที่ไทว์ขอแต่งงานอีกครั้ง ไทว์ขอร้องให้สร้อยสนทำอาหารจานพิเศษเหมือนคืนนั้นพร้อมทั้งให้ซ่อนแหวนแต่งงานไว้เหมือนเดิม สิริโสภาตื่นเต้นในขณะที่สร้อยสนเสียใจมากแต่ก็ต้องทำให้ทั้งน้ำตา ทัฬห์มาหลบรักษาแผลใจอยู่ที่ทะเลกับลูกแก้ว ลูกแก้วสงสารที่ทัฬห์ไม่ร่าเริง ทัฬห์ทำสนุกชวนลูกแก้ววิ่งเล่นทั้งวัน ตกกลางคืนตัวเองกลับเป็นไข้นอนซม ลูกแก้วทำอะไรไม่ถูกโทรหาเฟื่องลดา เฟื่องลดารีบมาดูแลทัฬห์ ทัฬห์ไข้ขึ้นจนไม่รู้ตัวเพ้อหาเฟื่องลดา เฟื่องลดาดีใจที่รู้ว่าทัฬห์รักตัวเองทัฬห์หายดีใจที่เห็นเฟื่องลดามาดูแลเขาแต่ก็แกล้งดุลูกแก้วที่โทรไปตาม ทำบึ้งตึงเมินเฉยกับเฟื่องลดา ม่านบางๆที่บดบังใจและความรู้สึกของทั้งสองคนจะทลายลงได้หรือไม่ ต้องติดตามในละครเรื่อง “ม่านบังใจ”
พรายสังคีต 2563

เรื่องย่อ : พรายสังคีต (2563/2020) การเปลี่ยนแปลงโจทย์เพลงที่จะใช้ในการประกวดดนตรีไทยระดับอุดมศึกษา ภายใต้ชื่องาน ‘สังคีตศิลป์ถิ่นไทย’ อย่างกะทันหัน จากเพลงบุหลันมาเป็นเพลงแขกมอญ ส่งผลให้ผู้ดูแลวงดนตรีอย่าง โฉมยงค์ (ปนัดดา เรืองวุฒิ) เป็นทุกข์มาก เพราะรู้ดีว่านักดนตรีจากมหาวิทยาลัยคู่แข่งมีความชำนาญในการบรรเลงเพลงแขกมอญชนิดหาตัวจับยาก นั่นทำให้ลูกศิษย์ของหล่อนตกเป็นรองตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่งด้วยซ้ำวันแข่งขันใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ หนทางเดียวในการแก้ไขปัญหาที่โฉมยงค์พอจะนึกออกก็คือหาเพลงแขกมอญฉบับที่แตกต่างออกไปจากของคู่แข่ง หล่อนมองไม่เห็นใครที่จะช่วยได้นอกจาก ยชญ์ (อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์) อดีตนักศึกษาของภาควิชาสังคีตศิลป์ ยชญ์เป็นเจ้าของร้านเสียงสังคีต ซึ่งเป็นร้านขายเครื่องดนตรีไทยที่เก่าแก่มากที่สุดร้านหนึ่ง ที่สำคัญชายหนุ่มเป็นทายาทของตระกูล ‘วิจิตรวาทิน’ ตระกูลนักดนตรีเก่าแก่ที่สืบทอดเชื้อสายกันมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น บรรพบุรุษผู้มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งของตระกูลนี้คือ ครูพุก (วัชรบูล ลี้สุวรรณ) ซึ่งเป็นเอตทัคคะด้านการบรรเลงซอสามสายในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ โดยครูพุกได้ประพันธ์เพลงแขกมอญทางเดี่ยวซอสามสายเอาไว้ ชื่อเพลง ‘ท่วมธรณี’ ยชญ์มีผู้ช่วยสาวที่ชื่อ อิงอร (ณัฐชา นวลแจ่ม) ซึ่งยชญ์ชื่นชมในการทำงานและนิสัยใจคอมากโดยไม่รู้ว่าที่อิงอรมาทำงานกับยชญ์ก็เพื่อจะหาโอกาสขโมยโน้ตเพลงท่วมธรณีตามคำสั่งของ ปกรณ์ (พีรวัศ กุลนันท์วัฒน์) แฟนหนุ่มผู้มีใบหน้ามีแผลเป็นที่น่ากลัวด้านหนึ่งและเป็นเหลนของ นายกล้า (พีรวัศ กุลนันท์วัฒน์) ลูกชายบุญธรรมของ ครูเทิด (ศรราม เทพพิทักษ์) ปกรณ์เป็นหนึ่งในเหยื่อที่ตกอยู่ในบ่วงเวรกรรมจากคำสาปแช่งของครูเทิด ปกรณ์ผู้ซึ่งฝึกฝนสมาธิจนสามารถใช้ทิพจักขุญาณในการล่วงรู้อดีต ปัจจุบัน และอนาคต แต่ไม่ทันการณ์เพราะยชญ์ได้มอบสำเนาโน้ตเพลงทางเดี่ยวซอสามสายพร้อมทั้งบทร้องให้แก่โฉมยงค์เพื่อนำไปให้นักศึกษาฝึกซ้อมสำหรับการประกวดที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ โดยนักดนตรีที่จะทำการบรรเลงซอสามสายคือ เมญากร (พิมประภา ตั้งประภาพร) ส่วนผู้ทำการขับร้องคือ พวงแพร (ปริตา ไชยรักษ์) ครั้งแรกที่เมญากรเห็นโน้ตและตั้งท่าจะสีซอ สายซอทั้งสามก็ขาดผึงพร้อมกัน! ทั้งศิษย์ทั้งครูจึงต่างจุดธูปเพื่อขอขมาเจ้าของบทประพันธ์ผู้ล่วงลับไปแล้ว แต่ก็ยังคงเกิดเหตุการณ์แปลกๆชวนให้เด็กๆคิดไปว่าเพลงท่วมธรณีน่าจะมีอาถรรพ์อะไรสักอย่างโดยไม่รู้ว่าจริงๆแล้วคือการกระทำของ ดร.พิบูล (อุเทน พรหมมินทร์) เพื่อต้องการให้ทีมแพ้เพราะหวังตำแหน่งและหุ้นส่วนใหญ่กับมหาวิทยาลัยคู่แข่ง แต่ในที่สุดโฉมยงค์ก็จับได้ว่าเป็นการกระทำของดร. ทำให้เด็กเลิกหวาดกลัวและกลับมาซ้อมเพลงกันอย่างจริงจัง ด้านปกรณ์นั่งสมาธิเห็นการตายของโฉมยงค์หลังการร้องเพลง ทำให้ปกรณ์รีบร้อนจะมาห้าม แต่เกิดวูบหมดสติต้องเข้าโรงพยาบาล พวงแพรไม่สบายทำให้โฉมยงค์ต้องร้องเพลงท่วมธรณีแทนไปก่อน และระหว่างที่ซ้อมอยู่คนเดียวในห้องซ้อมซึ่งตรงกับคืนวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง โฉมยงค์เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดกับตัวเอง เลือดจำนวนมากไหลออกมาจากทวารทั้งเก้าของหล่อน แม้พยายามจะหยุดร้อง แต่กลับควบคุมตัวเองไม่ได้...หล่อนขาดใจตายในห้องดนตรีทันทีที่ร้องเพลงท่วมธรณีจบเพราะอาถรรพ์จากคำสาปของเทิดซึ่งเป็นพี่ชายของครูพุกและเป็นเจ้าของบทประพันธ์อันแท้จริง และมันเป็นการปลุกวิญญาณของเทิดที่ถูกจองจำให้ออกมาได้ ตำรวจไม่สามารถหาการตายของโฉมยงค์ได้ และสุดท้ายก็ลงความเห็นว่าโฉมยงค์ตายเพราะภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ในขณะที่วิญญาณของเทิดได้พยายามตามหากล้าและ ดวง (ญาดา เทพนม)เพื่อจะแก้แค้นอีกครั้ง โดยไม่รู้ว่ากล้าได้กลับมาเป็นปกรณ์นั้นเอง ยชญ์ยังคงต้องทำหน้าที่ในการซ้อมเพลงท่วมธรณีต่อไป ทั้งๆที่เขารู้สึกแปลกๆ พวงแพรเองก็ไม่อยากร้อง แต่ในที่สุดเมื่อวันประกวดมาถึงพวงแพรก็ต้องร้องเพลงท่วมธรณี แต่แล้วทุกคนก็ต้องตกใจเมื่อพวงแพรเองก็เสียชีวิตด้วยลักษณะอาการคล้ายกับโฉมยงค์บนเวทีการประกวดนั้นเอง ยชญ์และเมญากรเริ่มแน่ใจว่า เพลงท่วมธรณีต้องมีอาถรรพ์จริงๆ ทั้งสองคนจึงเริ่มลงมือสืบ และในที่สุดก็ได้เจอกับปกรณ์โดยมีอิงอรเป็นสื่อให้ได้พบกัน จนทำให้ได้รู้เรื่องราวเบื้องหลังของโน้ตเพลงท่วมธรณีว่าจริงๆแล้ว ผู้ประพันธ์เพลงนี้ก็คือครูเทิด(ศรราม เทพพิทักษ์) ซึ่งเป็นพี่ชายของครูพุก ด้วยความแค้นในอดีตที่เกิดขึ้นกับกล้า(พีรวัศ กุลนันท์วัฒน์) ลูกชายบุญธรรมและดวง(ญาดา เทพนม) เมียรักในอดีต ที่ครูเทิดจับได้ว่าเล่นชู้ เขาสาบานกับตัวเองว่าจะตามล่าหญิงร้ายชายเลวคู่นั้นจนกว่ามันทั้งสองจะตาย แต่แม้แต่จะตาย ครูเทิดยังไม่สาแก่ใจ เพราะได้แต่งเพลงสาปแช่งขอผูกพยาบาท ตามไล่ล่ากล้าและดวง รวมถึงหน่อเนื้อเชื้อไขของพวกมันทั้งสองทุกชาติไป ที่แม้แต่ผู้ใดหยิบมาร้องก็ต้องตายตกตามกันไปดั่งอาถรรพ์ที่สาปไว้! ยชญ์ และเมญากร พยายามช่วยกันแก้ไข เรื่องราวต่างๆ แต่ความอาฆาตของครูเทิดนั้นแรงกล้าทำให้มีคนต้องสังเวยด้วยความตาย ความอาฆาตของเทิดจะจบลงตรงที่ใดต้องติดตามใน “พรายสังคีต”

สัมปทานหัวใจ (2561)

เรื่องย่อ : สัมปทานหัวใจ (2561/2018) นาบุญ (เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ) เจ้าของสัมปทานรังนกแห่งเกาะถ้ำ ซึ่งเป็นเกาะเล็ก ๆ ที่อยู่แสนไกลในทะเลอันดามัน เคยแต่งงานกับ เนตรนภา (เมจิ-รัศม์ประภา วิสุมา) แต่ก็เลิกรากันไปเพราะเธอทนความติดดินของเขาไม่ได้ ส่วน ปารเมศ (เชน-ณัฐวัฒน์ เปล่งศิริวัธน์) แต่งงานกับ รัตตวัลย์ (ฐิสา-วริฏฐิสา ลิ้มธรรมมหิศร) มีลูกชายด้วยกันคือ รังรักษ์ หรือชื่อเล่น มันปู (ออม-ชาญคามิน ชยางกูร) แต่อยู่ด้วยกันไม่กี่ปีรัตตวัลย์ก็ทนกับความเจ้าชู้ของปารเมศไม่ไหว เธอตัดสินใจแยกกันอยู่กับสามี พร้อมพาลูกกลับไปอยู่ด้วยกันที่บ้านเดิมที่ภูเก็ตของพ่อแม่คือ รักษา (หนู-สุรศักดิ์ ชัยอรรถ) กับ ตรีสุคนธ์ (ใหม่-นัฏฐา ลอยด์) เศรษฐีที่ประกอบธุรกิจหลากหลาย หนึ่งในนั้นคือเป็นหุ้นส่วนสัมปทานรังนกบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ทั้งสองเลี้ยงดูหลานสาวซึ่งเป็นญาติห่าง ๆ คือ รสสุคนธ์ (อ๋อ-ญาดา เทพนม) และ คันธรส (ฝ้าย-นิชานันท์ ฝั้นแก้ว) ให้เป็นเหมือนพี่น้องของรัตตวัลย์ แต่ก็ไม่ได้มีสิทธิ์ในบ้านมากเท่าเธอ คันธรสเป็นพยาบาลและมีหน้าที่ดูแลสุขภาพของทุกคนในบ้าน ส่วนรสสุคนธ์นั้นดูแลเกี่ยวกับการเงินและบัญชี ทั้งยังต้องเป็นเลขาให้กับรัตตวัลย์อีกด้วย เรือเอก ไผท (จิณณ์-จิณณะ นวรัตน์) เพื่อนรุ่นน้องทหารเรือของนาบุญ แอบรักบุญจิรา ยิ่งประเสริฐ (ฮาน่า ลีวิส) น้องของสาวนาบุญ แต่เขาก็เจียมตัวว่าฐานะของตัวเองไม่สมกับน้องสาวของนาบุญ ทำให้ไผทไม่สมหวังในรักสักที เขาคอยช่วยเหลือนาบุญอยู่ที่ฝั่งเสมอเมื่อนาบุญมีเรื่องเดือดร้อน ส่วนไผทก็มีเรื่องขัดแย้งเพื่อนทหารหน่วยเดียวกันที่จ้องจะทำลายงานของเขาอยู่เสมอ เมื่อนายรักษา (พ่อ) เสียชีวิต น้องชายของรัตตวัลย์คือตรีทิพ ตัดสินใจที่จะขายหุ้นรังนกทั้งหมดเพราะไม่อยากทำอาชีพที่เบียดเบียนชีวิตสัตว์ แม้ว่าปารเมศพยายามคัดค้านไม่ให้ครอบครัวรัตตวัลย์ขายหุ้นรังนกเพราะจะขาดรายได้มหาศาลแต่ก็ไม่มีใครสนใจ หลังจากนั้นไม่นาน ก็เกิดอุบัติเหตุรถชนที่ทำให้ตรีทิพเสียชีวิต เอิบ (เอ็กซ์-ธิตินันท์ สุวรรณศักดิ์) จับตัวรัตตวัลย์กับมันปูลงเรือพาไปที่เกาะถ้ำ หวังจะข่มขืนรัตตวัลย์ก่อนฆ่าทิ้งตามคำสั่ง รัตตวัลย์สู้พามันปูหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วนาบุญก็เข้ามาช่วยทั้งสองคนไว้ได้ทัน แต่ด้วยบุคลิกท่าทางที่ดูน่ากลัวของนาบุญ ทำให้รัตตวัลย์เข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นหัวหน้าโจรสลัดที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด นาบุญคาดโทษลูกน้อง แต่เอิบก็พยายามหาทางกำจัดรัตตวัลย์แบบไม่ให้ใครรู้ รัตตวัลย์จะหนีออกจากเกาะแต่ก็ทำไม่สำเร็จ นาบุญบอกว่าจะส่งรัตตวัลย์กลับไปเองเมื่อถึงเวลาเหมาะสมเพราะเกาะถ้ำอยู่ห่างไกลมากและเป็นฤดูมรสุม นาบุญประกาศว่ารัตตวัลย์เป็นผู้หญิงของตน เพื่อให้คนงานเกรงกลัวไม่กล้ายุ่งด้วย และให้รัตตวัลย์ช่วยทำงานวิจัยและงานบัญชีบนเกาะ แรก ๆ บุหรง (แพรวา-แพรอิศรา ปูคะวนัช) เมียของ สน (เมฆ-วินัย ไกรบุตร) กับ บุหงัน (ซิต-เบนาซิต เพียรรักษ์) ลูกน้องของนาบุญ ไม่ค่อยชอบใจสองแม่ลูก แต่เวลาผ่านไปก็ค่อย ๆ สนิทกันมากขึ้น รัตตวัลย์แอบปลื้มการทำงานของนาบุญที่เก็บรังนกแบบรักษาธรรมชาติและความเป็นสุภาพบุรุษของเขา แต่ก็ยังมีกำแพงระหว่างกันอยู่ ชุมพล (นัท-อติรุจ สิงหอำพล) คนตีราคารังนกของ เถ้าแก่ด่าน (ตู่-พงศนารถ วินศิริ) มาที่เกาะถ้ำ รัตตวัลย์ขอติดเรือกลับฝั่งแต่นาบุญไม่ยอมให้ไปเพราะไม่ไว้ใจ แม้ว่าชุมพลจะเป็นญาติห่าง ๆ ของตนก็ตาม หลังจากชุมพลมาที่เกาะไม่นานก็มีเรือโจรเข้ามาปล้นรังนก รัตตวัลย์กับมันปูต้องหนีอย่างทุลักทุเล รัตตวัลย์ถูกนาบุญช่วยไว้หลายครั้งก็เริ่มเชื่อใจและปลื้มเขามากขึ้น ด้านตรีสุคนธ์ แม่ของรัตตวัลย์ เมื่อสูญเสียคนในครอบครัวต่อเนื่องกันก็ล้มป่วยหนักขึ้น ปารเมศเข้ามารบเร้าเรื่องจัดการสมบัติ ไฉน (หนึ่ง-นึกคิด บุญทอง) ซึ่งเป็นมือขวาของพ่อรัตตวัลย์ก็คอยขัดขวางอยู่ ไผทสืบเรื่องของรัตตวัลย์ก็คิดว่าอาจเป็นฝีมือของคนใกล้ตัวปารเมศ เพราะน้องสาวของเขา พิลาสลักษณ์ (เม็ดพลอย-ภูริชญา เจนจบจริง) ที่เคยมีความสัมพันธ์กับปารเมศนั้นหายตัวไปอย่างลึกลับด้วย ต่อมาก็สืบรู้ว่าปารเมศติดหนี้พนันบ่อนกาสิโนเมืองนอกอยู่หลายล้านและมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงชื่อ ทักษิณา (กี้-รฐกร สถิรบุตร) ด้านรัตตวัลย์เมื่อมั่นใจแล้วว่าปารเมศกับทักษิณาร่วมมือกันกำจัดตน รวมถึงอาจวางแผนฆาตกรรมน้องชายของเธอด้วย รัตตวัลย์ก็ตัดสินใจเผชิญหน้ากับทุกอย่าง ไผท กับ ไต๋จำนง (เขมชาติ โรจนะหัสดิน) จัดการเอาเรือมารับ นาบุญจัดการวางแผนให้ลูกน้องบางส่วนอยู่เฝ้าเกาะ และบางส่วนขึ้นฝั่งพร้อมกับรัตตวัลย์เพื่อคอยอารักขาสองแม่ลูก เมื่อรัตตวัลย์กลับมาที่บ้าน ทุกคนเห็นพวกนาบุญก็ตกใจคิดว่ารัตตวัลย์คบโจรสลัด แต่แม่ของรัตตวัลย์ดูออกว่านาบุญเป็นคนดีและมีชาติตระกูลดี รัตตวัลย์ไปที่โรงแรมพร้อมไต๋จำนง ส่วนสน ลูกน้องของนาบุญซึ่งเปลี่ยนหน้าที่มาเป็นบอดี้การ์ดไปเผชิญหน้ากับปารเมศและทักษิณา ปารเมศตกใจที่เห็นรัตตวัลย์ยังมีชีวิตอยู่ รัตตวัลย์แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องว่าใครคือต้นตอที่สั่งฆ่าตัวเอง แต่ได้รับความช่วยเหลือจากคนที่เกาะก็เลยรอดมาได้ ทำให้ปารเมศยังไม่กล้าทำอะไรรัตตวัลย์ซ้ำ ส่วนชุมพลเมื่อได้รู้เรื่องราวทั้งหมดก็หักหลังนาบุญ แล้วเข้ามาร่วมมือกับปารเมศเพราะหวังผลประโยชน์ นาบุญสลัดคราบชาวเกาะ กลายมาเป็นหนุ่มนักธุรกิจมาดเนี้ยบ แกล้งเข้ามาติดต่องานกับทักษิณาที่โรงแรม ปารเมศเห็นเข้าก็ไม่พอใจเพราะเคยขัดแย้งกันเรื่องธุรกิจและคิดว่านาบุญจะมาแย่งผู้หญิงของตัวเอง ทำให้ปารเมศคิดหาทางเล่นงานนาบุญ นาบุญเจอรัตตวัลย์ที่โรงแรมแต่ก็ทำเป็นไม่รู้จักเพื่อความปลอดภัย นาบุญตีสนิทกับทักษิณามากขึ้นจนทำให้รัตตวัลย์เข้าใจผิด คิดว่านาบุญชอบทักษิณาจริง ๆ ก็แอบนึกเสียใจ รัตตวัลย์พยายามหาทางหย่ากับปารเมศ ไผทสืบเรื่องพิลาสลักษณ์ จนได้รู้ว่าน้องสาวของตัวเองโดนขายใช้หนี้พนันให้กับเศรษฐีชาวต่างชาติแล้วก็นึกเจ็บใจ จึงหาทางช่วยรัตตวัลย์ และหาทางติดต่อเพื่อจะพาน้องสาวกลับมา รัตตวัลย์พยายามออกห่างจากนาบุญ แต่เมื่อได้รู้ว่าเขายังคอยติดตามดูแลเธออยู่เสมอ รัตตวัลย์ก็ยิ่งซาบซึ้งใจ และแน่ใจในความรู้สึกของนาบุญเช่นกัน ปารเมศรู้ว่ามีคนสืบหาหลักฐานว่าทักษิณาร่วมวางแผนกับตน เลยคิดกำจัดทักษิณาไปให้พ้นทาง ปารเมศติดต่อ มิสเตอร์ลี (ปีเตอร์ ไนท์) เศรษฐีชาวต่างชาติ ให้มาที่โรงแรมเพื่อจะขายทักษิณาให้ แต่แสร้งจัดฉากว่าติดต่อธุรกิจกันตามปกติ ปารเมศจัดปาร์ตี้ต้อนรับมิสเตอร์ลีและเชิญทุกคนมาร่วมงาน มิสเตอร์ลีถูกชะตากับรัตตวัลย์ แต่ปารเมศก็ยัดเยียดทักษิณาให้ ปารเมศวางแผนให้มีคนมาจับตัวรัตตวัลย์ไปอีก แต่พิลาศลักษณ์โผล่มาขวางอย่างตั้งใจจะทำร้ายปารเมศด้วยความแค้น นาบุญกับไผทตามมาช่วยรัตตวัลย์ได้ทัน สุดท้ายปารเมศแพ้ภัยตัวเองจนถึงแก่ชีวิต ทักษิณาก็โดนประกาศจับตามกฎหมาย ไผทกับบุญจิราเปิดใจให้กันมากขึ้น จนในที่สุดก็สมหวังในความรัก ส่วนนาบุญเดินทางกลับเกาะถ้ำเพื่อกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม แต่ขณะที่เรือกำลังจะออกจากท่า รัตตวัลย์ก็ขอลงเรือมาด้วยคน นาบุญดีใจที่เธอยอมรับโลกของเขาและเขาก็ยอมรับในตัวเธอเช่นกัน แล้วทั้งสองก็ล่องเรือออกไปด้วยกันอีกครั้ง ติดตามชมละคร สัมปทานหัวใจ ได้ทุกวันศุกร์ เวลา 20.05 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางช่อง 7HD กด 35 หรือทาง Facebook LIVE Official Fanpage BBTV Channel 7 และสามารถรับชมย้อนหลังได้ทาง BUGABOO.TV ละคร สัมปทานหัวใจ เริ่มตอนแรกวันเสาร์ที่ 28 เมษายน 2561

ดอกหญ้าในพายุ 2561

ดอกหญ้าในพายุ (2561/2018) กชกร สาวสวยสุดห้าวต้องเติบโตอยู่กลางป่าจากการเลี้ยงดูของตาผู้เป็น อดีตเสือร้ายเพราะถูกพ่อทอดทิ้งไปแต่งงานใหม่ จนกระทั่งได้พบกับ พงศ์ระพี หนุ่มไฮโซจากเมืองหลวง ที่ต้องมารับชำระหนี้แค้นเพราะความเข้าใจผิด แต่ในที่สุดความแค้นก็กลายเป็นความรัก และชักพาให้ทั้งคู่ต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคมากมาย จากความแตกต่างของสถานะ (ที่มา : inter.bugaboo.tv)

คู่ซ่ารสแซ่บ 2560

คู่ซ่ารสแซ่บ (2560/2017) เรื่องวุ่นๆ เริ่มต้นขึ้น เมื่อลูกสาวเจ้าของโรงงานปลาร้า จับพัดจับผลูมาแต่งงานกับไฮโซหนุ่มเนื้อหอม ผู้ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้ หญิงสาวจากแดนอีสาน ผู้ไม่เคยยอมก้มหัวให้ใคร กับชายหนุ่มที่แสนจะหยิ่งทะนง แถมพกพาความดันทุรังสูงมาตั้งแต่เกิด ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกัน ภายใต้ข้อตกลงของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย สงครามการต่อสู้เพื่อประกาศชัยชนะระหว่างหนึ่งหนุ่มกับหลายสาว จึงเริ่มขึ้นพร้อมๆ กับความรู้สึกผูกพันของคู่รักต่างถิ่น ที่ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ แต่ชัดเจนไปด้วยความรู้สึกของคนสองคน สุดท้ายแล้ว เรื่องราววุ่นๆ จะลงเอยอย่างไร มีเพียง แม่ปลาร้ากับพ่อปลาไหลเท่านั้น ที่รู้คำตอบ หลังจากเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในรอบสิบปี โรงงานทำปลาร้าแปรรูป ‘แม่ศรีไทยแลนด์’ ต้องกลายเป็นโรงงานร้าง เนื่องจากตัวโรงงาน เครื่องจักรในการผลิต ตลอดจนวัตถุดิบฯลฯ อันเป็นส่วนประกอบสำคัญของโรงงานเสียหายจนไม่อาจนำกลับมาใช้งานได้ หายนะที่เกิดขึ้นครั้งนี้ทำให้ เรือนแก้ว(มณีนุช เสมรสุต) ผู้เป็นเจ้าของถึงกับล้มป่วยเข้าโรงพยาบาล เดือดร้อนถึง รสริน (พีชญา วัฒนามนตรี) ลูกสาวคนเดียว ที่ต้องรับภาระในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับโรงงาน รวมทั้งฟื้นฟูสภาพจิตใจมารดา ทั้งที่ความจริงแล้ว รสรินเองก็น้ำตาตกในไม่ต่างจากเรือนแก้วเท่าไรนัก โชคดีที่สองแม่ลูกยังมี สายบัว(ศิรินุช เพ็ชรอุไร) พี่สาวคนเดียวของเรือนแก้วคอยเตือนสติให้กำลังใจ กระทั่งเรือนแก้วมีอาการดีขึ้น หลังออกจากโรงพยาบาล เรือนแก้ว สายบัว และรสริน เริ่มต้นปรึกษาหาทางออกให้กับธุรกิจของครอบครัว ที่เวลานี้ แทบมองไม่เห็นหนทางในการฟื้นฟูกิจการให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ เนื่องจากขาดเงินทุนหมุนเวียน รสรินบอกให้แม่ไปยืมเงินจากญาติทางพ่อซึ่งมีฐานะเข้าขั้นเศรษฐี แต่เรือนแก้วรู้อยู่แก่ใจดีว่าญาติของ อรรณพ ไม่เคยยอมรับเธอในฐานะสะใภ้ และหลังจากอรรณพจบชีวิตลงด้วยโรคร้าย สองแม่ลูกจึงกลายเป็นคนอื่น แม้แต่นามสกุล เรือนแก้วกับลูกสาวยังต้องเปลี่ยนมาใช้นามสกุล ‘เนินสูงชัน’ ตามเดิม เรือนแก้วนึกได้ว่า อรรณพมีเพื่อนรักอยู่คนหนึ่งชื่อศักดิ์สกุล(ทูน หิรัญทรัพย์) ประสบความสำเร็จร่ำรวยจากการทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ เขาได้ให้นามบัตรไว้กับเรือนแก้วพร้อมกับย้ำว่า หากเธอมีเรื่องเดือดร้อนให้ติดต่อเขาได้ทุกเวลา เรือนแก้วจึงตัดสินใจโทรศัพท์เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับโรงงานให้ศักดิ์สกุลฟัง พร้อมทั้งเอ่ยปากขอกู้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อนำมาปรับปรุงโรงงานและซื้อเครื่องจักร ศักดิ์สกุลรีบเดินทางมาพบเรือนแก้วกับรสริน พร้อมนำเช็คเงินสดสามสิบล้านบาทมามอบให้สองแม่ลูก โดยไม่มีสัญญาเงินกู้ เรือนแก้วกับรสรินจึงลังเลที่จะรับความช่วยเหลือ เมื่อสองแม่ลูกถามความเห็นของสายบัว ซึ่งเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายอยู่แล้ว ก็ได้รับคำตอบว่า ขืนรับความช่วยเหลือครั้งนี้ ดีไม่ดี โรงงานแม่ศรีไทยแลนด์ อาจตกเป็นของศักดิ์สกุลในอนาคตก็เป็นได้ เรือนแก้วจำต้องปฏิเสธความช่วยเหลือจากศักดิ์สกุล ศักดิ์สกุลดูเหมือนจะรู้เท่าทันความคิดของสามสาวตระกูลเนินสูงชัน เขาจึงขอคุยกับเรือนแก้วเป็นการส่วนตัว ศักดิ์สกุลจึงเล่าถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างเขากับอรรณพที่ผ่านมาให้เรือนแก้วฟัง ก่อนจะตบท้ายด้วยการเล่าถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ศักดิ์สกุลไม่ต้องการให้ กรพงศ์(ศุกลวัฒน์ คณารศ) ลูกชายคนโตแต่งงานกับ อรอาภา(ธัญกันต์ ธนกิตต์ธนานนท์) ลูกสาวคนเดียวของ รัฐมนตรีวีระ(กฤตย์ อัทธเสรี) นอกจากนั้นเขายังต้องการดัดนิสัย เจ้าชู้ เอาแต่ใจของลูกชาย ที่วันๆ ไม่ยอมทำงานทำการ เวลานี้เขามองไม่เห็นใครที่มีความสามารถมากพอที่จะช่วยลูกชายให้รอดพ้นจากเงื้อมือของอรอาภาได้ นอกจาก รสริน เพียงคนเดียวเท่านั้นและเขาเชื่อว่าผู้หญิงอย่างรสรินนี่ละที่จะปราบพยศลูกชายได้ ถ้าเรือนแก้วคิดจะตอบแทนความช่วยเหลือของเขา ก็ต้องยอมให้รสรินแต่งงานจดทะเบียนกับกรพงศ์ซึ่งจะทำกันแต่เพียงในนามเท่านั้น หลังจากเรือนแก้วนำเงินมาใช้คืนรสรินก็จะเป็นอิสระทันที เรือนแก้วจึงเรียกรสรินมาพูดคุยถึงข้อเสนอของศักดิ์สกุล รสรินตอบปฎิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา เรือนแก้วจนใจไม่รู้จะหาเหตุผลใดมาจูงใจลูกสาวให้ร่วมมือกับภารกิจครั้งนี้ สายบัวซึ่งนั่งฟังเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบจึงเป็นคนชี้หนทางสว่างให้หลานสาว ด้วยการอ้างถึงความเดือดร้อนของคนงานหลายสิบชีวิตที่ต้องตกงาน หลังจากรับฟังเหตุผลยาวเหยียดจากป้าสายบัวในที่สุดรสรินจึงตอบตกลงรับข้อเสนอของศักดิ์สกุล ศักดิ์สกุลที่พอรู้ข่าวก็วางแผน ปรึกษากับ พิมพ์เพทาย(ณัฐชา นวลแจ่ม) ลูกสาวคนเล็กของเขา ที่ไม่ต้องการให้พี่ชายตกเป็นเหยื่อนางแบบสาวที่สวยแต่รูปอย่างอรอาภา และหลังจากสองพ่อลูกคิดแผนการเพื่อรับมือกรพงศ์กับดวงกมล(เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์)ได้แล้ว ศักดิ์สกุลจึงเริ่มดำเนินการตามแผนทันที กรพงศ์ถึงกับร้องลั่นเมื่อศักดิ์สกุลบอกเรื่องที่เขาต้องแต่งงานกับลูกสาวเจ้าของโรงงานทำปลาร้า ไม่ว่าหัวเด็ดตีนขาดยังไง เขาก็ไม่ยอมทำตามคำสั่งของพ่อเป็นอันขาด ศักดิ์สกุลจึงยื่นคำขาดว่า จะยกเลิกบัตรเครดิตทุกใบที่กรพงศ์ครอบครอง รวมทั้งเงินได้รายเดือนที่ได้รับ เมื่อได้ฟังคำพูดของบิดาชายหนุ่มถึงกับคอตก สุดท้ายจึงยอมรับข้อเสนอนั้นแต่โดยดี หลังจากนั้นกรพงศ์และอรอาภาได้มาแอบดูหน้าว่าที่เจ้าสาวก่อนที่บ้านเกิดรสริน ก็เกิดตกใจเพราะเข้าใจผิดว่าจิ้งหรีด(ปรัชญานันท์ สุวรรณมณี)ลูกสาวคนงาน คือ รสริน ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กรพงศ์คิดจะล้มงานวิวาห์ให้ได้ ศักดิ์สกุลได้พากรพงศ์มาที่ขอนแก่นอีกครั้ง กรพงศ์จึงแอบหนีออกมาเที่ยวในเมือง ได้มาเจอกับรสรินซึ่งก็เกิดชอบในหน้าตา และนิสัยของหญิงสาว แต่รสรินไม่ยอมบอกความจริงว่าตัวเองเป็นใคร ทำให้กรพงศ์ยิ่งอยากค้นหาและสุดท้ายก็ตกหลุมรักเธอและอยากพาหนีไปอยู่ด้วยกัน ในระหว่างที่ทั้งคู่ไปเที่ยวที่ต่างๆ กรพงศ์มักจะพูดจาให้ร้ายว่าที่เจ้าสาวว่าเป็นคนไม่สวย หวังแต่จะเกาะครอบครัวตนกิน ทำให้รสรินคิดแผนดัดหลังจนกว่าจะถึงวันแต่งงาน งานแต่งงานระหว่างกรพงศ์กับรสรินจึงเกิดขึ้นท่ามกลางความแปลกใจของแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน และบรรดาหญิงสาวที่เคยควงคู่กับกรพงศ์มาก่อน มีเพียงอรอาภาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ถึงความจำเป็นในการตัดสินใจแต่งงานกะทันหันของชายหนุ่มที่เธอหมายปองในครั้งนี้ เพราะก่อนหน้านั้นดวงกมลยังคงยืนยันว่าต้องการให้เธอเข้ามาเป็นสะใภ้ของศาสตราบุรินทร์เหมือนเดิม อรอาภาจึงขนบรรดาเหล่าเพื่อนนางแบบมาเฉิดฉายในงานแต่งของกรพงศ์กับรสริน และจัดการลักหาตัวจิ้งหรีดที่นึกว่าเป็นรสรินไปทำให้เสียโฉมเพิ่มความอับอายหวังล้มงานวิวาห์ แต่สุดท้ายเมื่อทุกคนมาเห็นรสรินตัวจริง กรพงศ์เกิดอาการตะลึงและโมโหที่ตัวเองโดนหลอก อรอาภารู้สึกเสียหน้าที่เห็นหน้ารสรินที่ทั้งสวย หุ่นดี บุคลิกลักษณะไม่มีเค้าบ้านนอกอย่างที่เธอวาดไว้ อรอาภาต่อว่ากรพงศ์ที่หลอกเธอเรื่องรสริน เพราะอรอาภารู้ดีว่า ถึงกรพงศ์ไม่เต็มใจแต่งงาน แต่พ่อปลาไหลจอมเจ้าชู้อย่างเขามีหรือจะไม่เนื้อเต้นที่ได้แต่งงานกับสาวสวยหุ่นดี ถึงจะเป็นทายาทโรงงานปลาร้า กรพงศ์ยังคงยืนยันหนักแน่นว่าเขากับรสรินแต่งงานกันเพียงในนามเท่านั้น แถมยังหยอดคำหวานว่าทันทีที่เขาหย่าขาดกับรสริน เขาจะรีบแต่งงานกับอรอาภาทันที ชายหนุ่มทั้งแค้นและอยากเอาคืนรสริน ซึ่งเหตุการณ์ทุกอย่างล้วนตกอยู่ในสายตาของรสรินที่เริ่มเก็บข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขา เพื่อจะได้วางแผนรับมือกับการทำหน้าที่ภรรยาพ่อปลาไหล และลูกสะใภ้ตระกูลศาสตราบุรินทร์ในครั้งนี้ ข่าวการแต่งงานของรสรินสร้างความเสียใจให้กับ พลวัฒน์ (ธนากร ศรีบรรจง) เพื่อนชายคนสนิทที่แอบหลงรักรสรินมานาน แต่เธอก็ยืนยันว่าเธอรู้สึกกับเขาแค่เพื่อนเท่านั้น และเธอรู้ดีว่า นวลพรรณ (วรางคนาง วุฑฒยากร) เพื่อนรักของเธอรู้สึกอย่างไรกับพลวัฒน์ เมื่อรสรินแต่งงานกับกรพงศ์แล้ว เธอคิดว่าอีกไม่นานพลวัฒน์คงตัดใจจากเธอได้ แต่ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของนวลพรรณด้วยเช่นกัน หลังจากรสรินก้าวเข้ามาเป็นสะใภ้ของศาสตราบุรินทร์ หญิงสาวต้องย้ายจากต่างจังหวัดมาอยู่ในบ้านศักดิ์สกุลที่กรุงเทพฯ พร้อมกับเริ่มต้นศึกษาธุรกิจบ้านจัดสรรที่ศักดิ์สกุลเพิ่งเริ่มดำเนินโครงการได้เพียงไม่นาน พร้อมๆ กับการทำหน้าที่ภรรยาของกรพงศ์ ด้วยการประกาศตัวกับสาวๆ ทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับสามีตามกฏหมาย นอกจากนั้นเธอต้องดึงชายหนุ่มเข้ามาทำงานที่บริษัท กรพงศ์ต่อต้านทุกอย่างที่รสรินสั่งให้เขาทำ ก่อนแต่งงานเคยทำตัวอย่างไร เขาก็ทำอย่างนั้น รสรินเริ่มถอดใจในการทำหน้าที่ภรรยาของกรพงศ์ เธอคิดจะกลับบ้านไปช่วยเรือนแก้วบริหารโรงงาน เมื่อใช้หนี้หมดแล้วเธอค่อยหย่าขาดจากชายหนุ่ม เวลานี้นอกจากจิ้งหรีดที่เรือนแก้วส่งให้มาอยู่เป็นเพื่อนเธอแล้ว เธอก็แทบไม่มีใครที่สามารถพูดคุยปรับทุกข์ด้วยได้ ขณะที่รสรินเกิดความท้อแท้ โรงงานแม่ศรีไทยแลนด์ก็เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ยอดสั่งซื้อสินค้าจากบริษัทคู่ค้ามีจำนวนเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ส่งผลให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ตรงกันข้ามกับโครงการบ้านจัดสรรของศักดิ์สกุลที่เริ่มประสบปัญหา เนื่องจากถูกมือดีปล่อยข่าวเรื่องการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน กระทั่งทางเขตได้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ แม้ผลการตรวจสอบจะเป็นไปด้วยดี แต่ข่าวที่ออกไป กลับส่งผลกระทบต่อยอดสั่งจอง รสรินรับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับโครงการบ้านจัดสรร เธอจึงโทรไปปรึกษากับนวลพรรณหญิงสาวแนะนำให้รสรินไปขอความช่วยเหลือจากพลวัฒน์ ที่เวลานี้ทำงานอยู่สำนักพิมพ์บ้านแสนสุขซึ่งจัดพิมพ์นิตยสารเกี่ยวกับการตกแต่งบ้าน รสรินตอบตกลงทันทีเพื่อพลิกวิกฤตที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ให้เป็นประโยชน์กับบริษัท รสรินจึงเริ่มต้นภารกิจกอบกู้ชื่อเสียงของบริษัท เมื่อเหตุการณ์ภายในบริษัทเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี รสรินได้รับการยอมรับจากศักดิ์สกุลมากขึ้น ถึงขนาดต้องการให้หญิงสาวกับลูกชายมีความสัมพันธ์กันอย่างจริงจัง แต่อรอาภายังคงเกาะติดกรพงศ์ รสรินเริ่มลุกขึ้นมาตอบโต้ กรพงศ์เริ่มเห็นใจรสริน เพราะนอกจากหญิงสาวจะต้องเป็นฝ่ายรับมือดวงกมลกับอรอาภาแล้ว เธอยังต้องช่วยทำงานในบริษัท ไหนจะต้องคอยดูแลปรนนิบัติเขาในฐานะภรรยา ทั้งเรื่องอาหารการกิน เสื้อผ้า จะยกเว้นเพียงเรื่องเดียวคือเรื่องบนเตียง กรพงศ์ไม่รู้เลยว่า ทุกเรื่องที่รสรินทำให้เขานั้น นอกเหนือจากต้องการตอบแทนบุญคุณของศักดิ์สกุลแล้ว ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่รสรินเก็บไว้ในใจก็คือ เธอต้องการเอาชนะกรพงศ์ให้หันมาสนใจเธอ จากที่เคยตั้งแง่รังเกียจรสริน กรพงศ์เริ่มมีความรู้สึกดีๆ ให้หญิงสาว เขาพยายามหัดกินอาหารที่มีส่วนผสมของปลาร้าที่หญิงสาวทำขึ้นโต๊ะ นากจากนั้นกรพงศ์ยังหันมาศึกษาธุรกิจของครอบครัว เขาเริ่มเข้าไปทำงานในบริษัท พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของชายหนุ่มสร้างความแปลกใจให้กับทุกคนในครอบครัว อานนท์น้องชายสุดหล่อของรสรินเรียนจบกับมาจากเมืองนอก รสรินเข้าใจว่าน้องชายไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น เพราะเธอสั่งไม่ให้ใครบอกน้องกลัวน้องจะเรียนไม่จบ แต่สายบัวกลับส่งข่าวบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับรสรินทั้งหมดให้อานนท์ทราบ ทำให้อานนท์ไม่พอใจครอบครัวของกรพงศ์ และอานนท์ก็เอาความผิดทั้งหมดที่เกิดขึ้นไปโยนให้กับพิมพ์เพทายน้องสาวของกรพงศ์นั่นเอง รสรินเริ่มเห็นตัวตนอีกด้านของกรพงศ์ ที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรับผิดชอบ ความมีน้ำใจ ฯลฯ ซึ่งแต่ละเรื่องล้วนเป็นสิ่งที่สร้างความรู้สึกดีให้กับเธอ แต่หญิงสาวพยายามหักห้ามใจตัวเองไม่ให้คิดเกินเลยกับชายหนุ่ม เพราะรู้ดีว่าหลังจากเรือนแก้วนำเงินมาคืนศักดิ์สกุลครบตามจำนวนที่ยืมไปเสร็จเรียบร้อย เธอก็ต้องหย่าขาดจากกรพงศ์อยู่ดี อานนท์แสดงความไม่พอใจบ้านศาสตราบุรินทร์ทั้งบ้านไม่เว้นแม้แต่ศักดิ์สกุลกับพิมพ์เพทาย จนถูกพิมพ์เพทายตอกหน้ากลับไป อานนท์ขอร้องให้รสรินเลิกกับกรพงศ์แล้วกลับบ้าน แต่รสรินปฏิเสธอ้างว่าต้องทำตามสัญญา ทางด้านแม่ศรีไทยแลนด์ กิจการโรงงานปลาร้าดีขึ้นตามลำดับ พอรู้ข่าวเรื่องศาสตราบุรินทร์ก็กระวนกระวาย อานนท์เห็นพิมพ์เพทายถูกโจมตีในเฟส ก็เริ่มสงสาร อดไม่ได้ที่จะเข้าไปสู้กับพวกเกรียนคีย์บอร์ด จนถูกเอาไปลือว่าเป็นผัวพิมพ์เพทาย แต่แล้วอรอาภาต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อศักดิ์สกุลกับกรพงศ์ปฏิเสธการช่วยเหลือครั้งนี้อย่างไม่ใยดี แถมสองพ่อลูกยังบอกอีกว่า เหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เป็นเพราะแผนการชั่วร้ายของอรอาภา เมื่อเหตุการณ์กลับตาลปัตร อรอาภาจึงเชิดหน้ากลับไปอย่างไม่เหลือเยื่อใย เพราะคิดว่าอีกไม่ช้ากรพงศ์กับครอบครัวจะต้องกลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว ในขณะที่เธอได้เงินมาฟรีๆ ถึงสามสิบล้านบาท อานนท์คิดเข้าทางอรอาภาเพื่อหาวิธีเอา 30 ล้านมาคืน อรอาภาหลงคารมอานนท์จนยอมเลิกกับหนุ่มไฮโซคนใหม่ที่เพิ่งคบแล้วเผยไต๋เรื่องความลับต่างๆ ออกมาจนหมด อานนท์เอาหลักฐานอันนี้ไปบลัฟ รมต.วีระให้คืนเงิน 30 ล้าน พร้อมกับให้แก้ข่าวให้ศาสตราบุรินทร์ รมต.วีระจำใจทำตามทั้งที่ยังแค้น แต่ทำอะไรไม่ได้ พิมพ์เพทายขอบคุณและเผลอกอดเขา ทั้งคู่เริ่มรู้ใจตัวเองว่าเริ่มชอบกันแล้ว แต่ยังคงวางท่ากันอยู่ ขณะที่เหตุการณ์ภายในครอบครัวกำลังคลี่คลายไปในทางที่ดี กรพงศ์กลับกำลังรับรู้ถึงความสูญเสียที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะเขารู้ดีว่า ขณะนี้ครอบครัวเขาต่างหากที่มีหนี้สินติดค้างกับครอบครัวรสรินดังนั้น คงถึงเวลาที่เขาต้องหย่าขาดกับหญิงสาว ตามที่ศักดิ์สกุลได้บอกไว้ เพื่อไม่เป็นการเอาเปรียบหญิงสาว เขาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอหย่ากับรสรินทันที รสรินเข้าใจว่ากรพงศ์ต้องการหย่าเพื่อกลับไปหาอรอาภา หญิงสาวจึงรีบทำตามความต้องการของชายหนุ่มทันที เมื่อต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระแล้ว รสรินได้เข้าไปลาศักดิ์สกุล ดวงกมล พิมพ์เพทาย ก่อนออกเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดทันที ในวันที่รสรินเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด พลวัฒน์ได้ขับรถมารับเธอที่บ้าน เมื่อกรพงศ์เห็นลักษณะท่าทางสนิทสนมที่สองหนุ่มสาวแสดงออกต่อกัน ทำให้เขาเริ่มตระหนักถึงความรู้สึกผูกพันที่มีต่อรสริน หลังจากวันที่หญิงสาวจากไปกรพงศ์เอาแต่เก็บตัวไม่พูดไม่จากับใครอาการซึมเศร้าของชายหนุ่มหาได้รอดพ้นจากสายตาคนในบ้าน เช่นเดียวกับรสริน หลังจากเป็นอิสระและกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิดตามเดิม หญิงสาวได้แต่ทุ่มเทให้กับการทำงานในโรงงานวันๆ แทบไม่พูดไม่จากับใคร เรือนแก้วกับสายบัวต่างเฝ้ามองพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละคนของรสรินด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ เรือนแก้วจึงโทรศัพท์ไปเล่าเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงของลูกสาวให้ศักดิ์สกุลฟัง ถึงได้รู้ว่ากรพงศ์ก็มีอาการเดียวกับรสริน ทั้งสองฝ่ายจึงสรุปว่าสองหนุ่มสาวนั้นรักกัน และจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากทุกคนที่เกี่ยวข้อง และแล้ว...แผนการพิสูจน์รักของกรพงศ์กับรสรินจึงเริ่มต้นขึ้น ในวันที่กรพงศ์ได้รับบัตรเชิญงานแต่งงานระหว่างพลวัฒน์กับรสริน ชายหนุ่มถึงกับพูดไม่ออก ศักดิ์สกุลกับดวงกมลเห็นอาการของลูกชายจึงรีบใส่ไฟว่า รสรินจำเป็นต้องแต่งงานกับพลวัฒน์เพื่อจะได้ลืมกรพงศ์ พร้อมทั้งกู้ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล เพราะไม่อยากเป็นแม่หม้ายตั้งแต่ยังสาว กรพงศ์เริ่มคิดได้ว่า รสรินต้องมีใจให้เขาอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่รีบแต่งงานเพื่อจะได้ลืมเขาตามที่ศักดิ์สกุลกับดวงกมลบอก คิดได้อย่างนั้นแล้ว กรพงศ์จึงรีบขับรถมุ่งหน้าไปหารสรินเพื่อขัดขวางงานแต่งงานที่จะมีขึ้น เมื่อเดินทางไปถึงที่หมาย กรพงศ์รีบบุกขึ้นไปหารสรินถึงห้องนอนของหญิงสาว รสรินซึ่งกำลังแต่งตัวเพื่อเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้นวลพรรณ ถึงกับตกใจและแปลกใจ เมื่อกรพงศ์ตรงเข้ากอดเธอพร้อมทั้งสารภาพความรู้สึกที่มีต่อเธอ ก่อนจะขอร้องให้เธอยกเลิกงานแต่งงานกับพลวัฒน์และกลับไปเป็นภรรยาเขาตามเดิม ด้านอานนท์ก็อ้อมแอ้มขอจีบพิมพ์เพทาย พิมพ์เพทายขอดูความประพฤติก่อนว่าจะไม่เป็นอย่างพี่ชายเธอ อานนท์เลยบอกว่าจะพิสูจน์ให้ดู รสรินดีใจที่ได้ฟังคำสารภาพรักจากกรพงศ์ หญิงสาวตัดสินใจบอกความรู้สึกที่มีต่อชายหนุ่มพร้อมทั้งย้ำว่างานแต่งงานในวันนี้ เป็นงานแต่งของพลวัฒน์กับนวลพรรณ ส่วนเธอเป็นแค่เพื่อนเจ้าสาวให้นวลพรรณแค่นั้น กรพงศ์ได้ฟังจึงหยิบการ์ดที่มีชื่อของรสรินกับพลวัฒน์ให้รสรินดู เมื่อเห็นการ์ดงานแต่งงานนั้นแล้ว รสรินรู้ได้ทันทีว่าเป็นแผนการของเรือนแก้วกับศักดิ์สกุลอย่างแน่นอน หลังจากกรพงศ์ได้ปรับความเข้าใจกับรสรินเสร็จเรียบร้อย สองหนุ่มสาวจึงพากันออกมานอกห้องและได้พบว่าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายพร้อมทั้งคู่บ่าวสาวตัวจริงของงานได้ออกมายืนรอต้อนรับ ต่างพากันส่งเสียงโห่ร้องแสดงความยินดี ที่แม่ปลาร้ากับพ่อปลาไหลได้กลับมาคืนดีกันอีกครั้ง ด้วยความรักความเข้าใจที่มีให้กันตลอดไป...

สร้อยนาคี 2566

เรื่องย่อ : สร้อยนาคี (2566/2023) อังกาบ (แคทรียา อิงลิช) แค้นใจที่เจตน์ (อานัส ฬาพานิช) หนีไปแต่งงานกับกานดา (สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา) ญาติห่าง ๆ ที่มีสถานะไม่ต่างจากคนรับใช้ในบ้าน ที่หมู่บ้านในหุบเขาของจังหวัดเพชรบูรณ์ อังกาบตามไปแก้แค้น ระหว่างเดินทางกลับ รถเกิดอุบัติเหตุพังยับเยิน แต่ร่างกายอังกาบไม่เป็นอะไร ร่างของเธอถูกนำเข้ากรุงเทพฯ แต่วิญญาณของเธอถูกทาวดีนำไปยังผารุ้ง

ทาวดี (ทิสานาฏ ศรศึก) นางนาคีแห่งนาคนครถูกเมฆา (ดอม เหตระกูล) จองจำไว้ในผารุ้ง เพราะตระบัดสัตย์ ไม่ยอมเข้าหอกับตน แต่กลับทอดกายให้พระทอง (วรพล จินตโกศล) มนุษย์หนุ่มที่เรือแตกกลางทะเล ทาวดีกราบทูลเท็จต่อท้าวนาคาธิบดีว่าต้องการปฏิบัติธรรมและเป็นพรหมจรรย์ ท้าวนาคาธิบดีเป็นผู้ฝักใฝ่ในทางธรรม จึงมอบ “สร้อยนาคี” ให้ทาวดีไว้ป้องกันตัว เมฆาสร้างอุบายแก้แค้นส่งปรางค์อุษา (ณัฐฌา บุญปอง) มาตามหาพระทองทั้งสองรักกันในทันทีและได้เสียกัน ในขณะที่ทาวดีไปบำเพ็ญเพียรที่ถ้ำทอง ทำทาวดีโกรธมาก ออกจากถ้ำทองมาฆ่าปรางค์อุษา แต่เมฆายกกองทัพมาช่วย ระหว่างต่อสู้กันนั้นพระทองกระชากสร้อยนาคีของทาวดีขาด อัญมณีร่วงลงสู่พื้นทรายแล้วหายไปทันที พระทองกับปรางค์อุษาว่ายน้ำหนีไปกลางทะเล แล้วก็ตัดสินใจกลั้นใจตายด้วยกัน เมฆาจองจำทาวดีไว้ในผารุ้ง และสาปว่าหากทาวดีหนีออกไปตามหาพระทองนางจะต้องตายด้วยสร้อยนาคีจากน้ำมือของพระทองชายที่นางรักเท่าชีวิต ทาวดีใช้เวลานับพันปีบำเพ็ญเพียรในผารุ้งจนบารมีแก่กล้า จนสบโอกาสที่ได้พบกับอังกาบ ทาวดีต่อรองขอใช้ร่างอังกาบเพื่อตามหาพระทอง ในช่วงเวลาเดียวกันพ่อแม่ของอังกาบขอให้หลวงพ่อดำ (รอง เค้ามูลคดี) ช่วยพาวิญญาณของอังกาบกลับมา หลวงพ่อดำช่วยอังกาบได้ แต่ขณะที่จะหลุดจากผารุ้งนั้น ทาวดีก็ตามติดมายังโลกมนุษย์เมฆาอยู่ในร่างของมนุษย์โดยวิธีโอปปาติกะ ใช้ชื่อว่าคงคา มีอาชีพเป็นวิศวกร ด้วยความเป็นห่วงเหมือนหมาย(ศิรประภา สุขดำรงค์) ภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ คงคาจึงเร่งปฏิบัติธรรมเพื่ออัญเชิญอัญมณีจากสร้อยนาคีมาเป็นอาวุธของตนก่อนที่ทาวดีจะได้ไป

อังกาบแม้จะรอดชีวิตแต่ดวงจิตที่ยังคิดแค้นกานดากับเจตน์ กลับเป็นดวงจิตที่เปิดรับจิตแห่งมารของทาวดีได้อย่างลงตัว อังกาบขอให้ทาวดีให้ช่วยกำจัดกานดากับลูกในท้อง เธอยอมให้ทาวดีใช้ร่างชั่วคราว แลกเปลี่ยนกับการได้เข้าพิธีแต่งงานกับเจตน์ แต่ทาวดีกลับทำร้ายกานดาไม่ได้ ทาวดีสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างจากครรภ์ของกานดา คืนวันแต่งงานเจตน์ไม่ยอมหลับนอนกับอังกาบ ทำให้เธอเสียใจมากยอมให้ทาวดีใช้ร่างของตน เพื่อจะได้เป็นภรรยาของผู้ชายที่ตนรัก เธอคิดเพียงว่าหลังจากนี้จะหาทางกำจัดทาวดีให้ได้ อังกาบใช้ชีวิตกับเจตน์ไม่กี่วัน เจตน์ก็พากานดากับลูกกลับมาอยู่บ้าน อังกาบตัดสินใจกลับมาอยู่บ้าน และหาหมออาคมมากำจัดทาวดี แต่ก็พ่ายแพ้ทาวดีหมด ทาวดีทำร้ายอังกาบด้วยการนำวิญญาณของอังกาบไปจองจำไว้ในผารุ้ง และเธอก็ใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์ในร่างของอังกาบ ทาวดีในร่างของอังกาบ สั่งทุบศาลพระภูมิแล้วให้สร้างศาลพญานาคขึ้นแทนให้ปุรเสน(ฐปนัท สัตยานุรักษ์) นาคเสนาผู้ซื่อสัตย์มาสถิตแล้วคอยช่วยเหลือคนที่มาสักการะขอพร ยิ่งทาวดีช่วยคนตกทุกข์ได้ยากมากเท่าใด บารมีของทาวดีก็เพิ่มพูนขึ้นเท่านั้น

20 ปีผ่านไป บารมีที่ทาวดีช่วยเหลือผู้คน ทำให้ร่างของอังกาบยังสวยสง่าไม่เปลี่ยนแปลง บุณิกา (ณัฐฌา บุญปอง) ลูกสาวของเจตน์กับกานดา เติบโตเป็นสาว ลูกชายของเหมือนหมาย เป็นหนุ่มหล่อ เรียนจบด้านการออกแบบเครื่องประดับ เขามีชื่อว่าภุชงค์ (วรพล จินตโกศล) คืนหนึ่งเกิดอาเพศภุชงค์ฝันว่าตนจับมือหญิงสาวดิ่งลงสู่ก้นบึ้งทะเล เมื่อตื่นขึ้นมาเขาก็ตัดสินกลับเมืองไทย อาเพศในคืนนั้นทำให้ทาวดีรับรู้ได้ว่าคนที่รอคอยมานานแสนนานนั้นใกล้จะปรากฏตัวแล้ว ด้วยความที่ทาวดีเชื่อว่าบุณิกาคือปรางค์อุษา และด้วยบุพเพสันนิวาสบุณิกาก็ได้พบกับภุชงค์ซึ่งก็คือพระทอง แม้กระทั่งในชาติภพปัจจุบันบุณิกากับภุชงค์ทั้งคู่ก็ตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกเจอ ทาวดีผู้เฝ้ารอคนรัก และการแก้แค้นมานานแสนนาน และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่นางนาคีได้พบกับคนที่เฝ้ารอ (ที่มา : bugaboo.tv)

มรสุมสวาท 2558

เรื่องย่อ : มรสุมสวาท (2558/2015) “สูตรสำเร็จของความรักสุดเข้มข้นสไตล์ตบจูบ ระหว่างลูกสาวเศรษฐีตกยากและมหาเศรษฐีเพลย์บอยหนุ่มใหญ่ ที่ถูกแทรกกลางด้วยหนุ่มน้อยอารมณ์อาร์ติสท์กับนักประชาสัมพันธ์สาว ชีวิตของคนทั้ง 4 ต้องต่อสู้กับมรสุมชีวิตไปพร้อมๆ กับมรสุมความรักในใจที่ตนเองต่างก่อขึ้นจนกลายเป็นพายุร้ายที่ยากจะดับ”

กุมาริกา อิสรเสวี (ทัศนียา การสมนุช) หรือกวางเด็กสาวสดใส วัย 17 ปี เป็นธิดาคนรองของ นายบุรุษ (ฐาปกรณ์ ดิษยนันทน์) อดีตข้าราชการระดับสูง ซึ่งหันไปจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กวางมีพี่น้องทั้ง 5 คน อันได้แก่ วรเทวี (กัญญารัตน์ พงษ์กัมปนาท) พี่สาวคนโต ที่เกิดจากภรรยาเอกที่เสียชีวิตไปเช่นเดียวกับกวาง มานพ (ปวรพัฒน์ จารุศักดิ์วีรกุล) น้องชายคนรองที่เกิดจากภรรยาเก็บซึ่งเลิกรากันไปแล้วของนายบุรุษ และเปี๊ยก (ด.ช.เสฐฐวุฒิ รุมพล) กับแป้ง (ด.ญ.เฟรย่า พิชชา) ลูกชายหญิงที่ถือกำเนิดจาก แม่สะอาด (มัณฑนา หิมะทองคำ) เมียคนล่าสุดที่เป็นคนใช้ในบ้านที่นิสัยทะเยอทะยานอยากเป็นคุณนายและไม่กินเส้นกับวรเทวีอย่างที่สุด

พี่น้องทุกคนของกวางต่างได้รับการตามใจจากนายบุรุษ อย่างมาก เพื่อทดแทนความอบอุ่นที่นายบุรุษ ไม่ได้มอบให้ลูกๆ เพราะมัวแต่ไปทุ่มเทเวลาให้กับบ้านน้อยที่มีอยู่มากมายนั่นเอง พี่น้องทุกคนของกวาง จึงมีนิสัยฟุ้งเฟ้อ มีแต่กวางคนเดียวที่ติดนิสัยค่อนข้างสมถะและละเอียดรอบคอบมาจากมารดา ทำให้กวางมีหน้าที่ต้องคอยควบคุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมทั้งคอยดูแลน้องเล็กๆ ด้วย ขณะที่ วรเทวีนั้น เอาแต่ใจตัวเองฟุ่มเฟือยและดูถูกคนสุดๆ

หน้าตาที่สวยน่ารักและบุคลิกร่าเริงของกวางเป็นที่ติดตาต้องใจ อัครพล ธนะสาสน์ดำรงกุล (ณทรรศชัย จรัสมาส) ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ นางจิตรา (สุภาภร คำนวณศิลป์) เศรษฐีนีใหม่จอมตระหนี่ ที่ร่ำรวยขึ้นมาจากการเป็นนายหน้าค้าที่ดิน ที่มีบ้านอยู่ตรงข้ามกันเป็นอย่างมาก กวางกับอัคร พบเข้ากันได้เป็นอย่างดีเพราะต่างก็เป็นคนรักอิสระ ตรงไปตรงมาชอบการผจญภัยเหมือนกัน แต่จะต่างกันก็ตรงที่อัครพล มีอารมณ์อ่อนไหว ช่างฝันอย่างมาก จนมักปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลทำอะไรตามใจตนเองอย่างไม่เกรงกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ ทั้งสิ้น

เมื่อกวางได้รับเลือกเป็นนักเรียนดีเด่นของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 อัครพล ได้ตัดสินใจพาเด็กสาวไปฉลองและตัดสินใจขอความรักจากเธอ สถานที่ที่เขาพาเธอไป คือ ยอดตึกสูงริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เพิ่งก่อสร้างเสร็จและยังไม่เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการ หากอัครพล เข้าไปได้เพราะเขาในฐานะนักศึกษาสถาปัตยกรรมได้มาฝึกงานที่ตึกนี่และรู้จักทางเข้าเป็นอย่างดี

ระหว่างที่ 2 หนุ่มสาวกำลังเพลิดเพลินกันดินเนอร์กลางแสงตะเกียงพร้อมกับดูแสงไฟในแม่น้ำเจ้าพระยาไปด้วยกันนั้น สยมภู ภักดีนฤเบศร์ (ศุกลวัฒน์ คณารศ) นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ เจ้าของบริษัทคอนสตรัคชั่นที่ควบคุมดูแลการก่อสร้างตึกหลังนี้ ก็ได้เข้ามาดูแลความเรียบร้อยก่อนส่งมอบงาน

สยมภู เป็นนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในแวดวงก่อสร้างตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะต้องเข้ามากอบกู้บริษัทแทนพ่อหรือ นายภักดี (ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล) ที่จบชีวิตลงด้วยไกปืน ด้วยความคิดที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่านายภักดี ทำไปเพราะกิจการบริษัทของครอบครัวกำลังซวนเซ หากสยมภู เป็นคนเดียวที่รู้ความจริงว่าพ่อฆ่าตัวตายเพราะเสียใจอย่างหนักที่แม่ของเขาทิ้งเขากับพ่อหนีไปกับนักธุรกิจต่างชาติที่ร่ำรวย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้สยมภู กลายเป็นคนใจดำอย่างยิ่งในเชิงธุรกิจ ขณะเดียวกันเขาก็เป็นเสือผู้หญิงตัวกลั่นที่ทำทุกอย่างเพราะต้องการแก้แค้นสิ่งที่แม่ทำกับเขาและพ่อ..

ชายหนุ่มไม่เชื่อว่ารักแท้มีในโลกนี้..จึงครองตัวเป็นโสดและไม่เคยคิดจะแต่งงาน สำหรับเขาผู้หญิงเป็นแค่เครื่องมือที่จะนำไปสู่ความสำเร็จเชิงธุรกิจเท่านั้น

นีน่าก็เช่นเดียวกัน สยมภู ต้องการให้แบงก์ซึ่งพ่อนีน่าเป็นประธานสนับสนุนเงินทุนจึงเอาใจนีน่า เป็นพิเศษ เมื่อสยมภูปรากฏตัวขึ้นและขอเข้าไปในตึก รปภ.ถึงกับเหงื่อแตก รีบวิ่งมาส่งสัญญาณให้อัครพลรู้ อัครพลรีบพากวางวิ่งหนีออกจากห้อง ความมืดทำให้ทั้ง 2 เกิดพลัดหลงกัน เด็กสาววิ่งเข้าไปแอบในห้องๆ หนึ่ง ซึ่งสยมภูก็พานีน่าเข้าไปพลอดรักกันพอดี กวางทำเสียงดังทำให้ต้องวิ่งหนีออกมา สยมภู ไล่ตามจับตัวกวางและก็ต้องแปลกใจที่เห็นกวางในชุดนักเรียน ขณะที่กำลังปลุกปล้ำกัน อัครพล ก็เอาไม้เข้ามาฟาดสยมภู ล้มลงแล้วพากวางหนีออกไป

ข่าวสยมภู บาดเจ็บลงหนังสือพิมพ์ กวางถึงกับอึ้งเมื่อรู้ว่าสยมภู เป็นเจ้าของตึก ส่วนอัครพล อึ้งหนักกว่าเพราะสยมภู เป็นคนที่เซ็นใบผ่านการฝึกงานให้เขา และถ้าใบฝึกงานไม่ผ่านก็เท่ากับวิทยานิพนธ์ของเขาต้องมีปัญหา และอัครพล ก็คาดไม่ผิด เพราะอาจารย์เรียกเขาเข้าไปพบและแจ้งว่าสยมภู จะเอาเรื่องถึงผู้ปกครอง อัครพลกลุ้มใจมาก กวางต้องการไปช่วยเป็นพยานว่าเรื่องทั้งหมดเป็นอุบัติเหตุ แต่อัครพลไม่ยอมเพราะกลัวกวางจะเสียชื่อ แต่กวางก็แอบไปเยี่ยมสยมภูที่โรงพยาบาลจนได้ แล้วกวางก็ได้พบระวิวรรณ (ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล) หุ้นส่วนสาวใหญ่ เพื่อนสนิทของสยมภู คอยพยาบาลเขาอยู่ กวางขอร้องให้สยมภูให้อภัยอัครพล สยมภูปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย แถมยังถากถางว่าเป็นเด็กใจแตก กวางโกรธมาก ย้อนสยมภูว่าเขาเองก็เป็นพวกบ้ากามที่ชอบพล่าผลาญผู้หญิงไปวันวันเท่านั้น กวางกลับไปด้วยความแค้น แต่สยมภูกลับรู้สึกอยากจะเอาชนะกวางอย่างรุนแรง สยมภูให้ระวิวรรณช่วยติดต่อปิดข่าวเรื่องที่เกิดขึ้น และตกลงใจจะไม่เอาเรื่องอัครพล ยังความแปลกใจให้ระวิรรณมาก

กวางเองก็คาดไม่ถึงที่สยมภูกลับคำ แต่เธอก็ไม่ได้บอกอัครพลว่าไปพบสยมภู กวางคิดว่าชาตินี้เธอกับสยมภูคงไม่ได้พบกันอีก แต่ก็เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง ธุรกิจบุรุษ มีปัญหาต้องใช้เงินมหาศาล บุรุษจึงไปขอกู้แบงก์ของพ่อนีน่า แต่แบงก์ไม่อนุมัติ ที่นั่นเขาได้พบสยมภู โดยบังเอิญและขอความช่วยเหลือจากสยมภูในฐานะที่เขาเคยเป็นเพื่อนของพ่อสยมภู เขาคะยั้นคะยอให้สยมภู มาดูบ้านซึ่งเขาจะใช้ค้ำประกันเงินกู้ สยมภูมาด้วยอย่างไม่เต็มใจนัก เขาได้พบกวางอีกครั้ง กวางจึงกับตะลึงขณะที่เจอสยมภู แต่สยมภูแกล้งทำเป็นไม่รู้จักกวาง ขณะที่ในใจนั้นเตรียมแผนการที่จะแก้เผ็ดกวางไว้แล้ว ยิ่งได้เห็นว่าอัครพลนั้นอาศัยอยู่บ้านตรงข้าม สยมภูยิ่งรู้สึกหงุดหงิด เขาตกลงรับจำนองบ้านจากนายบุรุษ ในราคาสูงลิ่ว และถือโอกาสเชิญครอบครัวบุรุษไปในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดที่จะจัดขึ้นที่คฤหาสน์ของเขา วรเทวีดีใจมากที่จะได้ไปร่วมงานเลี้ยงนี้กับ ทศพร (บดินทร์ โรจนพงษ์เกษม) คู่หมั้นหนุ่ม ลูกชายรัฐมนตรีคนดังแห่งยุคเพราะรู้ว่าเป็นงานที่หรูที่สุดของปี ขณะที่กวางไม่ต้องการจะไปเลยแต่ขัดคำสั่งของนายบุรุษ ไม่ได้

ที่งานเลี้ยงกวางพบว่าสยมภูม คือผู้ชายประเภทที่เธอไม่ต้องการข้องแวะด้วย เพราะเขาเป็นเพลย์บอยตัวกลั่น เช่นเดียวกับบิดาของเธอ รอบๆ ตัวชายหนุ่มมีแต่หญิงสาวที่ทะเลาะตบตีกันเพราะต้องการครอบครองสยมภู ยกเว้นระวิวรรณ ที่กวางชมชอบในความสง่างามและอัธยาศัยดี โดยที่กวางไม่รู้เลยว่าลึกๆ ระวิวรรณรักสยมภูสุดหัวใจ แต่ต้องทำตัวเป็นเพื่อนเพราะกลัวสยมภู จะตีตัวออกห่าง

ขณะที่ทุกคนรู้สึกสนุกสนาน กวางกลับรู้สึกเซ็งสุดๆ จึงปลีกตัวเดินสำรวจเรื่อยเปื่อยเข้าไปถึงตึกด้านหลังของตัวบ้าน กวางได้เจอกับ วันทนีย์ (วรรษพร วัฒนากุล) เมียเก็บของสยมภู เป็นครั้งแรกในชุดนอนบางเบา แต่ความที่วันทนีย์ โดนสั่งห้ามออกมาร่วมงานเลี้ยงจึงวิ่งหนีไป เมื่อเจอหน้ากวาง ทำให้เด็กสาวไม่แน่ใจว่าฝ่ายนั้นเป็นผีหรือคน ความแก่นซนทำให้เธอตามติดเพราะคิดอยากพิสูจน์จนชนเข้ากับแจกันลายครามแตกกระจาย และเจอกับสยมภูเข้าเสียก่อน

ทั้งคู่ปะทะคารมกันอย่างเผ็ดร้อน สยมภูขอจูบจากกวางแลกกับค่าแจกัน กวางตบหน้าสยมภูอย่างเหลืออด แล้วเธอก็ถูกปิดผนึกริมฝีปากด้วยจุมพิตของชายหนุ่ม เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตายของระวิวรรณ ที่เริ่มสงสัยว่ากวางจะเข้ามาเป็นศัตรูความรักอีกคนหนึ่งของเธอ

หลังจากกลับมาจากงานเลี้ยงของสยมภู วรเทวีได้บอกข่าวดีกับทุกคนในครอบครัวว่าเธอจะแต่งงานกับทศพร และจะเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศพร้อมกัน ทำให้บุรุษกลุ้มใจมาก เพราะลำพังค่าใช้จ่ายในบ้านก็แทบจะไม่พอ เขาตัดสินใจกลับไปกู้เงินเพิ่มจากสยมภู แต่สยมภูยื่นข้อเสนอว่าขอให้กวางมาเจรจาแทน บุรุษแปลกใจเพราะไม่คิดว่าสยมภูจะสนใจลูกสาวของตน ด้วยศักดิ์ศรี ทำให้บุรุษต้องบอกความจริงเรื่องฐานะของบ้านกับวรเทวี แต่แทนที่วรเทวีจะเข้าใจ กลับตีโพยตีพายและขอให้กวางไปพบสยมภูตามข้อเสนอ ขณะที่ข่าวการล้มละลายของนายบุรุษ ก็รั่วออกไปถึงหูครอบครัวและอัครพลเสียก่อน อัครพลรีบมาพบกวางและเสนอตัวช่วยเหลือ สยมภูเห็นกวางไม่ไปตามนัดจึงมาตามที่บ้านและได้เห็นอัครพลสวมกอดกับกวางอยู่ สยมภูจากไปอย่างเสียหน้ามาก

ฝ่ายอัครพล ไปขอเงินแม่เพื่อช่วยครอบครัวกวาง แต่จิตรา ปฏิเสธแถมยังบังคับให้อัครพลไปศึกษาต่อต่างประเทศ อัครพลไม่ยอม จิตรามาเจรจากับกวางให้เงินก้อนนึงแลกกับอนาคตลูกชาย กวางไม่รับ และจำต้องหลอกอัครพลว่าจะตามไปพบที่ต่างประเทศเพื่อให้อัครพลยอมไปเรียนต่อ

ด้วยความที่ไม่สามารถแบกรับภาระที่ประดังประเดเข้ามาได้ บุรุษตัดสินใจหนีไปต่างจังหวัดเพื่อหาทางทำมาหากินและหลบเจ้าหนี้ ทิ้งให้ลูกเมียต้องเผชิญโชคชะตาโดยลำพัง วรเทวีต้องโกหกพ่อแม่ทศพรว่าบุรุษเดินทางไปจัดการเรื่องธุรกิจและข่าวทั้งหมดเป็นเรื่องโคมลอย

ขณะเดียวกันวรเทวี ก็ต้องการเงินก้อนหนึ่งที่จะเอามาช่วยจัดเตรียมงานแต่งงานเพื่อยืนยันว่าฐานะของตนยังดีอยู่ กวางสงสารพี่สาวมากจึงบากหน้าไปหาสยมภูอีกครั้ง คราวนี้สยมภูยอมให้เงินกวางโดยดีแต่แกล้งบีบกวางโดยให้เวลาเพียง 1 เดือน ที่จะเอาเงินทั้งหมดมาคืน ไม่เช่นนั้นจะยืดบ้าน กวางรับปากทั้งๆ ที่รู้ดีว่าไม่สามารถจะทำตามเงื่อนไขได้ วรเทวีได้แต่งงานสมใจแล้วก็ย้ายไปใช้ชีวิตในอเมริกากับทศพร

ครบ 1 เดือน กวางก็ต้องพานางสะอาด กับน้องๆ ย้ายออกจากคฤหาสถ์อิสรเสวี ชีวิตที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทำให้นางสะอาด โกรธเกวี้ยวเป็นอย่างมากและลงโทษว่าทุกอย่างเป็นเพราะความผิดของวรเทวีและกวาง ระหว่างที่หางานทำ กวางต้องทยอยนำเสื้อผ้า ของประดับมีค่าที่หยิบฉวยตอนออกจากบ้านไปขายที่ตลาดของมือ 2 เพื่อนำมาใช้จ่ายในบ้าน และเก็บเป็นค่าทำคลอดให้นางสะอาด ด้วย

สยมภู ผิดหวังมากที่กวางไม่มาพบและขอร้องเขาอีก ชายหนุ่มสั่งให้ ทะนง (สัจจากาจ จิตรพึงธรรม) ทนายหนุ่มคู่ใจปิดคฤหาสน์เอาไว้ และจ้าง รปภ.มาดูแลย่างดี สิ่งเดียวที่ชายหนุ่มนำออกไปจากคฤหาสน์ คือ ภาพสีน้ำมัน รูปกวางน้อย ฝีมือของกวางที่ทิ้งไว้ในห้องนอน และหันกลับไปใช้ชีวิตเพลย์บอยเหมือนเดิม

อัครพลเฝ้ารอกวางอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อกวางไม่เดินทางมาตามนัด อัครพลจึงคิดจะกลับเมืองไทย จิตราต้องสร้างเรื่องว่ากวางพาครอบครัวหนีเจ้าหนี้หายไป ตามตัวไม่ได้และก็แกล้งทำป่วยเพื่อดึงความสนใจจากลูก อัครพลจำต้องเรียนต่ออย่างซังกะตาย ที่โรงเรียนเขาได้พบกับ ปิยะธิดา (ฮาน่า ลีวิส) ลูกสาวทูตไทย ที่ค่อนข้างจะเป็นคุณหนู ไม่ค่อยกล้าแสดงออก ปิยะธิดาหลงรักอัครพล ตั้งแต่แรกพบ บวกกับการผลักดันอย่างสุดชีวิตของจิตรา ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

เวลาผ่านไป 2 ปี กวางเริ่มโตเป็นสาวเต็มตัว พร้อมๆ กับความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น ตลอดเวลากวางต้องเลี้ยงครอบครัวอย่างยากลำบาก จากรายได้อันน้อยนิดจากงานเสมียน แถมการโดนขูดรีดขอโน่นขอนี่จากนางสะอาด และบรรดาน้องๆ ทำให้เด็กสาวต้องกระเหม็ดกระแหม่อย่างถึงที่สุด เธอต้องออกจากบ้านตั้งแต่ตีห้าเพื่อจะได้ไปทันเวลาเข้างานตอน 8 โมงเช้า เพราะกวางไม่ยอมใช้บริการเรือหรือรถสาธารณะเธอเลือกที่จะพายเรือไปจอดที่ท่าน้ำในวัดแล้วเดินไปทำงานแทน นอกจากนี้กวางยังต้องอดข้าวเช้าและเที่ยงเป็นประจำ โดยอาศัยแค่น้ำลูบท้องเอา เธอจึงหน้ามืดตาลายอยู่บ่อยๆ ทำให้เพื่อนร่วมงานพายไม่ค่อยชอบขี้หน้าด้วยคิดว่าเธอสำออยต้องการออดอ้อนหัวหน้ากองหนุ่มโสดจนกวางเสียใจร่ำๆ อยากลาออกเสียหลายครั้ง แต่ทำไม่ได้เมื่อคิดถึงภาระครอบครัวที่เธอต้องรับผิดชอบ

ถึงกระนั้นนางสะอาด ก็ยังไม่เคยซาบซึ้งในบุญคุณของกวาง นางกลับหาเรื่องด่ากวางตลอด นางไม่เคยรู้ว่าที่กวางถึงบ้านค่ำมืดเกือบ 2 ทุ่ม เพราะเลือกประหยัดค่ารถด้วยการเดินจากที่ทำงานกลับบ้าน หากนางกลับคิดว่ากวางไปเที่ยวเตร่อย่างมีความสุข ทิ้งนางกับลูกให้อยู่ในกองทุกข์ และนางนังพาลพาโลไปถึงลูกๆ ของตนทุกคนรวมถึงมานพด้วย ที่วันๆ เอาแต่หายหัวไม่อยู่บ้าน

กวางกลุ้มใจมากับการที่น้องชายหายหน้าค่าตาไปและกลับบ้านดึกทุกวัน บางวันก็มีบาดแผลฟกช้ำหน้าตาแตกกลับมาด้วย หากเมื่อซักถาม มานพก็ไม่เคยปริปากพูด มีแต่ชักสีหน้าบึ้งตึงใส่เธอ ทั้งนี้เป็นเพราะเด็กหนุ่มทำใจรับสภาพที่เป็นอยู่ไม่ได้จึงพยายามหาทางออกด้วยการไปอยู่กับแก๊งลักเล็กขโมยน้อยเพื่อหาเงินใช้สบายมือเหมือนก่อน เขาทำทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นงัดตู้โทรศัพท์สาธารณะ หรือเรียกค่าคุ้มครองจากลานจอดรถในวัด จนไปมีเรื่องกับมาเฟียเจ้าถิ่นเป็นต้น

นอกจากปัญหาเรื่องมานพแล้ว กวางยังต้องเจอสภาพบ้านแตก เปี๊ยกกับแป้งร้องไห้กระจองอแงทุกวันจนกวางทนไม่ได้เปิดฉากทะเลาะกับนางสะอาดขึ้นจนเกิดอุบัติเหตุ สะอาดตกเลือดต้องคลอดลูกกะทันหัน กวางตกใจมากรีบเข้าช่วยพานางสะอาดไปส่งโรงพยาบาล สะอาดคลอดลูกออกมาเป็นผู้หญิง แต่เมื่อครบกำหนดนางสะอาดออกจากโรงพยาบาล กวางก็พบว่านางสะอาดกลับมารออยู่ที่บ้านโดยปราศจากทารกน้อยเสียแล้ว กวางสืบถามจนแน่ใจว่าแม่เลี้ยงใจยักษ์ตัดสินใจเอาทารกน้อยไปทิ้งไว้ที่ห้องน้ำสาธารณะในห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ โรงพยาบาล

กวางต้องพายเรือออกจากบ้านไปตามหาทารกน้อยทั้งกลางดึก เมื่อเธอไปถึงกวางได้เจออัครพลกับปิยะธิดาโดยบังเอิญ อัครพลดีใจมากที่เจอกวาง แต่กวางรู้สึกอับอายมากในความต่ำต้อยของตน จึงหลบหน้าอัครพลแทบไม่ทัน ระวิวรรณซึ่งขับรถมาแถวนั้น มาพบเข้าและจำกวางได้ จึงรับกวางขึ้นรถและไปส่งที่บ้าน ระวิวรรณถึงกับตะลึงที่เห็นสภาพบ้านอันซอมซ่อของกวาง จึงให้เงินช่วยเหลือกวางจำนวนหนึ่ง กวางไม่รับ แต่นางสะอาดฉวยเอาไว้ก่อน กวางขอให้ระวิวรรณเก็บเรื่องที่เจอเธอเป็นความลับซึ่งระวิวรรณก็เต็มใจรับปาก เพราะเธอก็ไม่ต้องการให้สยมภู มาพบกับกวางอีก

แต่พรหมลิขิตก็ทำให้ทะนง เอาภาพข่าวเด็กถูกทิ้งในห้างสรรพสินค้าจาก นสพ.มาให้สยมภูดู สภาพของกวางที่มอบแมมทำให้สยมภูอดสะท้อนใจไม่ได้ และสั่งให้ทนง ระดมกำลังออกตามหากวาง และในที่สุดสยมภู ก็พบว่ากวางทำงานใกล้ๆ ไซด์งานเขานั่นเอง ชายหนุ่มจึงตัดสินใจสะกดรอยตามเด็กสาวกลับบ้านไป และเมื่อพบว่ากวางเดินกลับบ้านแทนที่จะนั่งรถเมล์ และต้องไปพายเรือต่อเพราะบ้านอยู่กลางสวนลึก ชายหนุ่มก็ได้แต่สะท้อนใจทำให้เขาคิดจะช่วยเธอ

หากก่อนที่สยมภู จะตัดสินใจทำอะไรลงไปเขาก็พบว่าลูกน้องของเขาจับพวกตัดช่องย่องเบาได้ที่โกดังสินค้าใหญ่ริมน้ำ สยมภูจึงต้องไปสะสางเรื่องนี้ ขณะเดียวกันเพื่อนของมานพที่หนีออกมาได้ ก็รีบไปบอกกวางให้ไปช่วยมานพทันที ระหว่างทางไปกวางได้เจอกับอัครพลที่จ้างนักสืบสะกดรอยตามกวางมาถึงบ้าน ทำให้อัครพล ตัดสินใจไปช่วยมานพกับกวางด้วย

ด้านสยมภู ได้พบว่าหัวหน้าแก๊งตัดช่องย่องเบาที่กำลังโดนลูกน้องเขารุมกระทืบอยู่ คือ มานพ น้องชายวัยรุ่นของกวางนั่นเอง มานพสารภาพว่าระหวางที่หนีการไล่ลาของมาเฟียเจ้าถิ่น เขาได้พลัดเข้าไปในโกดังเก็บของของบริษัทสยมภู โดยบังเอิญ ที่นี่มานพ ได้พบช่องทางเข้า-ออกโกดัง และพบอุปกรณ์ก่อสร้างจำนวนมาก เช่นสายไฟที่ถอดเอาปลอกออกแล้วแกะทองแดงไปขายได้ มานพจึงตัดสินใจชวนเพื่อนในแก๊งให้มาขโมยสินค้าในโกดังอยู่หลายหนเพื่อหาเงินไปใช้ สยมภู ฟังแล้วตัดสินใจให้โอกาสมานพว่าจะไม่จับเขาส่งตำรวจ ขอแค่ให้เขาไม่สร้างปัญหาให้พี่สาวอีกต่อไป แล้วจะหาโรงเรียนให้เรียนพร้อมงานพิเศษให้ทำ แต่ขอให้มานพเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ

มานพตกลงพร้อมๆ กับกวางและอัครพลไปถึง หากสยมภู ตัดสินใจหลบฉากไปเสียเมื่อเห็นเด็กสาวที่เขาปักใจรักมากับหนุ่มน้อยคู่แข่ง กวางดีใจมากที่น้องชายปลอดภัยและอัครพลยินดีชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดให้กับตัวแทนของสยมภู พร้อมกับสั่งสอนมานพ ให้กลับเนื้อกลับตัว

การเปลี่ยนแปลงของมานพ ทำให้กวางเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเพราะฝีมืออัครพล เธอจึงกลับไปสนิทกับอัครพลอีกครั้ง ท่ามกลางความขัดตาขัดใจของน้องชาย แต่มานพก็ออกปากอะไรมากไม่ได้เพราะติดสัญญากับสยมภูไว้ เด็กสาวยอมให้อัครพลช่วยเธอขายขนมไทยๆ เสริมรายได้พิเศษที่ละแวกท่าช้าง ที่นี่ กวางได้เจอกับสยมภูโดยไม่คาดฝันอีกครั้ง และทำให้สยมภูหมั่นไส้ และหาโอกาสค่อนขอดเด็กสาวต่างๆ หากกวางตัดสินใจทำหูทวนลม เพราะไม่ต้องการเข้าไปข้องแวะกับสยมภูอีก

ความสนิทสนมของคนทั้งคู่ล่วงรู้ไปถึงหูปิยะธิดา ทำให้จิตราไม่พอใจมากออกโรงราวีกับกวางถึงที่ทำงาน และใช้เส้นสายบีบให้หัวหน้ากองไล่กวางออก ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็ไม่ได้เล็ดรอดสายตาของทะนง ไปได้ สยมภูจึงให้ทะนง ประกาศรับสมัครพนังงาน โดยส่งจดหมายไปถึงบ้านกวาง กวางจึงได้เข้าทำงานในบริษัทของสยมภู ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของระวิวรรณ เธอจึงตั้งใจเปิดโปงให้กวางรู้ว่าเจ้านายของกวางคือ สยมภู กวางโกรธมาก ตัดสินใจจะยื่นใบลาออกแต่แล้วเด็กสาวก็พบว่าเธอไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เมื่อเปี๊ยก น้องชายวัย 8 ขวบ ถูกรถชน ต้องใช้เงินค่ารักษาค่อนข้างสูง และเธอก็ไม่ต้องการความช่วยเหลือของอัครพล

กวางตัดสินใจทำงานกับสยมภู เพื่อปากท้องของทุกคน และความอับอายในฐานะอันต่ำต้อยทำให้เธอหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับสยมภู ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นได้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็หนีไม่พ้นเสียงซุบซิบนินทาของพนักงานในบริษัทที่เป็นเด็กเส้น ขณะที่อัครพล ถือโอกาสใช้ตำแหน่งหน้าที่สถาปนิกที่ต้องติดต่องานกับบริษัทสยมภู มาพังพันกับกวาง และชวนเธอไปดูงานนอกออฟฟิศบ่อยๆ สร้างความขัดเคืองให้สยมภู เป็นอย่างมาก

ยิ่งสยมภู หึงหวงกวาง ก็ยิ่งทำให้ระวิวรรณ รู้สึกไม่ปลอดภัย เธอจึงหาทางกลั่นแกล้งกวาง โดยหลอกใช้ให้กวางเข้าไปส่งรายงานให้สยมภู ในไซด์งานก่อสร้างจนเกือบโดนคนงานก่อสร้างปลุกปล้ำ เคราะห์ดีที่สยมภู เข้าไปช่วยทันเวลา แต่ความปากแข็งของสยมภู ทำให้เขาไม่ยอมพูดความจริงในใจออกมา หากกลับพูดจาทำให้กวางเสียใจหนักขึ้นไปอีก เพราะคิดว่าเธอต้องการเฟลิทให้ท่าผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้ ขณะที่อัครพล กลับเข้ามาปลอบขวัญและให้กำลังใจหญิงสาว จนทำให้ปิยะธิดา ทนไม่ได้ขอร้องให้จิตรา ที่ถือหางตนอยู่บังคับให้อัครพล แต่งงานกับเธอโดยเร็ว อัครพลพยายามบ่ายเบี่ยงแต่ไม่สำเร็จ เพราะจิตราหลอกว่าตัวเองป่วยหนักเป็นโรคหัวใจ อัครพลจึงไม่กล้าขัดใจแม่

แต่ยิ่งใกล้วันแต่งานเข้ามาเท่าไหร่ อัครพลก็ยิ่งเทียงไล้เทียวขื่อมาหากวางบ่อยขึ้น เฝ้าย้ำว่าเขาต้องแต่งงานเพื่อความกตัญญู แต่เมื่อแม่ของเขารักษาตัวหายขาดเขาจะหย่าทันที กวางเห็นใจอัครพลมากแต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่กล้าบอกอัครพลตรงๆ ว่าเธอไม่ได้รักเขา ได้แต่ปลอบใจ สยมภูขวางหูขวางตาอย่างหนักจึงพากวางไปดูไซด์งานก่อสร้างที่จังหวัดทางภาคเหนือ กับเขาสองต่อสอง เคราะห์ร้ายที่เสี่ยโอภาส ศัตรูทางธุรกิจของสยมภู จ้างมือปืนมาดักยิงกลางทาง สยมภูขับรถหนีไปในป่าลึก พอดีที่พายุฝนตกหนักทำให้ทางขาด ทั้งคู่จึงต้องพากันหนีกระเซอะกระเซิงขึ้นเขาไป และได้อาศัยอยู่กับหมู่บ้านชาวปะกากะญอ (กระเหรี่ยง) หมู่บ้านหนึ่ง

นางสะอาด โมโหมากที่กวางหายหน้าไปไม่ยอมมาช่วยดูแลบ้านและน้องๆ เหมือนเดิม จึงตามไปอาละวาดด่าที่บริษัท จนทำให้ทุกคนรู้ว่ากวางหายไปกับสยมภู รวมทั้งระวิวรรณ พอดีกับที่ตำรวจพบซากรถของสยมภู หล่นอยู่ในเหว จึงแจ้งกลับมาทางบริษัท พร้อมมีหลักฐานกระเป๋าของกวางกลับมาให้ดู ระวิวรรณล้มทั้งยืน

สะอาดกลับไปที่บ้านเจออัครพล และบอกข่าวเรื่องสยมภูกับกวาง อัครพลช็อค เขาไม่ยอมเชื่อว่ากวางตายแล้ว อัครพลให้เงินมานพไว้ และรับปากว่าจะตามกวางกลับมาให้ได้ เข่าตัดสินใจทิ้งงานแต่งงานไปตามหากวาง จนทำให้ปิยะธิดา อับอายขายหน้าที่ไม่มีเจ้าบ่าวในงานแต่งงาน

ที่หมู่บ้านบนเขา ธรรมชาติอันงดงานและจิตใจอ่อนโยนของชาวบ้านปะกากะญอ ทำให้ทิฐิของกวางและสยมภูค่อยๆ ทลายลง สยมภูขอให้หัวหน้าหมู่บ้านทำพิธีแต่งงานให้เขากับกวาง และตั้งใจจะสารภาพรักกับกวางในวันนั้น แต่อัครพล ปรากฏตัวขึ้นซะก่อน เขาล้มป่วยเป็นมาเลเรีย จนเพ้อไม่ได้สติ กวางปรนนิบัติอัครพลอย่างห่วงใย ทำให้สยมภูช้ำใจสุด เขาตัดสินใจเรียกทะนงขึ้นมารับ

เมื่อทั้งหมดกลับถึงกรุงเทพฯ กวางก็ถูกจิตรา และปิยะธิดา ประณามว่าเป็นผู้หญิงแพศยาจับปลาสองมือ จิตราขู่ว่าถ้ากวางไม่ยอมออกไปจากชีวิตอัครพล จะทำลายทุกอย่างในชีวิตกวาง โดยเริ่มจากการจ้างคนมาเผาบ้านกวางเป็นการขู่ทางอ้อม กวางโดดเข้าช่วยสะอาดที่มัวแต่เก็บของไม่ยอมหนีจนถูกหลังคาพังมาทับกวางบาดเจ็บ นางสะอาดเริ่มมีความรู้สึกที่ดีกับกวาง

ส่วนสยมภูนั้นวุ่นอยู่กับการติดตามตัวคนร้ายที่ลอบยิงเขา ซึ่งคว้าน้ำเหลว เพราะขาดพยานหลักฐานแต่กลับได้พบหลักฐานการวางเพลิงบ้านกวาง ว่าน่าจะเป็นฝีมือของจิตรา สยมภูไปหากวางเพื่อเตือนเมื่อพบกับอัครพล สยมภูก็ขอให้อัครพลเคลียร์ตัวเองก่อน ไม่เช่นนั้นกวางจะลำบาก อัครพลยืนยันว่าเขารักกวางคนเดียว และจะไม่ยอมเลิกรา สยมภูจึงบอกว่าเขากับกวางแต่งงานกันแล้วที่หมู่บ้านปะกากะยอ ขอให้อัครพลยอมแพ้เสีย เมื่ออัครพลถามกวาง กวางจำใจยอมรับ เพราะไม่ต้องการให้คนอื่นต้องเดือดร้อนเพราะตัวเองอีกต่อไป อัครพลเซซังจากไปอย่างเจ็บซ้ำ

ความปากแข็งทำให้สยมภู อ้างว่าที่ทำไปเพราะเป็นทางเดียวที่เขาจะตามหาลูกหนี้คนสำคัญอย่างบุรุษได้ ก็คือกวาง ดังนั้นเขาย่อมปล่อยให้เธอตายไม่ได้ และทางเดียวที่กวางกับน้องๆ จะปลอดภัยจากปิยะธิดา คือ เธอต้องยอมแต่งงานกับเขา

ข่าวงานแต่งงานของกวางกับสยมภู แพร่สะพัดออกไป ทำให้ระวิวรรณร้อนใจมากและพยายามเกลี้ยกล่อมให้สยมภูเปลี่ยนใจ โดยอ้างว่ากวางไม่เหมาะสมกับเขาด้วยประการทั้งปวง แต่เมื่อเธอเห็นสยมภูไม่สนใจฟัง หญิงสาวจึงเปลี่ยนไปยุยงอัครพลให้หาทางยื้อแย่งตัวกวางมาจากสยมภูแทน

อัครพลตัดสินใจขอร้องให้กวางทิ้งทุกอย่างหนีไปอยู่เมืองนอกกับตน แต่กวางเป็นห่วงพ่อและน้องกอรปกับจริงๆ แล้วกวางก็รักสยมภูอยู่ จึงปฏิเสธอัครพลไป ทำให้อัครพลแค้นมาก เขาแอบใช้ตำแหน่งสถาปนิกโครงงานแก้ไขแบบแปลนตึกระฟ้าที่บริษัทสยมภูกำลังจะสร้าง และพร้อมปล่อยข่าวออกไปในวันแต่งงานว่าสยมภูก่อสร้างตึกที่ผิดมาตรฐาน เพราะหวังให้ชายหนุ่มโดนฟ้องร้องหมดตัว ขณะเดียวกันก็ส่งจดหมายขู่จะฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องความเห็นใจจากกวางด้วย

ดังนั้นงานมงคลสมรสของกวางและสยมภูที่จัดขึ้นที่บ้านเก่าของกวาง ซึ่งทำท่าว่าจะจบลงด้วยความสุขสวยงาม เพราะวรเทวี ก็เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเพื่อมาร่วมงานแต่งงานน้องสาวกลับเต็มไปด้วยเรื่องอื้อฉาวของฝ่ายเจ้าบ่าว และฝ่ายเจ้าสาว ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ สร้างความฉงนสนเท่ห์ให้แก่ทุกคนเป็นอย่างมาก ระหว่างที่ทะนงกำลังช่วยสยมภูแก้ไขสถานการณ์ ระวิวรรณก็ได้พบกับวันทนีย์ และรู้ว่าวันทนีย์นั้นอดีตเป็นลูกสาวนักธุรกิจที่ฆ่าตัวตายเพราะล้มละลาย และสยมภูช่วยซื้อบริษัทเอาไว้ วันทนีย์จึงกลายมาเป็นนางบำเรอขัดดอกอยู่ในบ้านของสยมภู ถึงกระนั้นวันทนีย์ก็รักสยมภูมาก งานแต่งงานของสยมภูจึงเปรียบเสมือนงานศพในความรู้สึกของวันทนีย์

ปิยะธิดาพบจดหมายที่อัครพลส่งให้กวางจึงตามไปพบกวางอยู่กับอัครพลตามลำพังที่บ้านของเธอกวางกำลังขอปืนจากอัครพล และขอร้องให้อัครพลกลับไปทำหน้าที่ลูกที่ดีเหมือนกับตน ภาพทั้งคู่กำลังตะกองกอดกันอยู่ทำให้ปิยะธิดาเข้าใจผิด ป่าวประกาศยกใหญ่ว่ากวางหนีเรือนหอมากกกอดเป็นชู้อยู่กับสามีเธอ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้กวางกับสยมภูมองหน้ากันไม่ติด ความหยิ่งทะนงทำให้กวางไม่ยอมแก้ตัวกับสยมภูว่าทุกอย่างที่เธอทำลงไปนั้นก็เพราะห้ามอัครพลไม่ให้ฆ่าตัวตาย ส่วนสยมภูก็เสียใจที่กวางไม่อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาในนาทีวิกฤตเหมือนที่แม่ทำกับพ่อของเขา

ความที่สยมภูต้องแก้ไขวิกฤตที่เกิดขึ้น ทำให้ต้องทำงานอย่างหนักจนแทบไม่มีเวลากลับบ้าน และจะติดต่อกับกวางผ่านทะนงเท่านั้น กวางพยายามให้กำลังใจเขาทุกๆ ทาง แต่ก็โดนระวิวรรณ ที่แทคทีมกับวันทนีย์ขัดขวาง ทำให้สยมภูไม่สามารถรับรู้ความห่วงใยที่กวางให้เขาได้เลย อัครพลนั้นถูกจิตราขู่จะตัดจากกองมรดกถ้าเลิกกับปิยะธิดา จึงตัดสินใจร่วมมือกับโอภาส (ขจรศักดิ์ รัตนนิสสัย) ที่จะประมูลโครงการใหญ่ตัดหน้าสยมภูเพื่อหาเงินก้อนใหญ่ไปตั้งตัว เมื่อระวิวรรณรู้เข้าจึงแอบให้การช่วยเหลือขโมยความลับบริษัทไปให้อัครพลเพียงเพื่อต้องการให้อัครพลพากวางไปครองรักกันได้สำเร็จ

สยมภูแพ้การประมูลเขาบุกไปหาโอภาสและประกาศว่าจะเอาโอภาสเข้าคุกให้ได้ทั้งเรื่องที่ลอบทำร้ายเขาและขโมยข้อมูลของบริษัท โอภาสพูดเป็นนัยว่าให้สยมภูไปเล่นงานคนในเสียก่อน โชคร้ายตกมาสู่กวางอีกครั้ง เมื่อระวิวรรณใส่ร้ายว่ากวางเป็นคนขโมยข้อมูลไปให้อัครพล สยมภูเจ็บปวดใจอย่างที่สุด เขาเอาวันทนีย์มานอนในห้องแทนกวางเพื่อประชด ซึ่งทำให้กวางหมดความอดทน ตัดสินใจส่งหนังสือหย่าให้สยมภูเซ็น ชายหนุ่มโมโหมากปลุกปล้ำกวางจนตกเป็นของเขาในคืนนั้นนั่นเอง กวางน้อยใจการกระทำของสยมภูมาก และตัดสินใจย้ายไปอยู่บ้านเก่ากับแม่เลี้ยงและบรรดาน้องๆ การกระทำของกวางทำให้มานพทนไม่ได้และปริปากบอกความจริงทั้งหมดให้กวางฟังว่าแท้จริงแล้วสยมภูคือคนที่ช่วยทำให้เขากลับตัวเป็นคนใหม่ และเพราะสยมภูต้องการช่วยกวางให้พ้นจากการโดนนางสะอาด กดดันและปิยะธิดารังควานเขาจึงได้ขอกวางแต่งงาน กวางฟังแล้วตื้นตันมากเธอต้องการกลับไปขอโทษสยมภู

แต่อัครพลกลับเข้ามาขอกวางแต่งงานเสียก่อน หากหญิงสาวปฏิเสธและสารภาพว่าเธอได้หลงรักสยมภูเสียแล้ว พร้อมบอกให้เขากลับไปหาปิยะธิดาแทน หากอัครพลซึ่งตกลงใจแล้วว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกวางต้องเป็นของเขาให้ได้ เขาจึงตกลงใจฉุดกวางไปในที่สุด

มานพ เปี๊ยก และแป้ง ตกใจมากกับการกระทำอุกอาจของอัครพล ทั้ง 3 รีบไปบอกสยมภูให้ตามไปช่วยกวางพร้อมกับบอกสยมภูว่าระหว่างที่เขาเงียบหายไปกอบกู้ธุรกิจอยู่นั้น กวางได้ทำอะไรเพื่อเขาบ้าง คำบอกเล่าของเด็กๆ ทั้ง 3 ทำให้สยมภูตัดสินใจไปตามกวางคืนมา โดยไม่รู้ว่าตัวเองได้ถูกพวกของโอภาสสะกดรอยตามไป

อัครพลพากวางขึ้นเขาไปหมู่บ้านปะกากะญอ อย่างคนเสียสติ โดยอ้างว่าเพื่อลบอดีตกวางกับสยมภูให้หมด เขาบังคับให้หัวหน้าหมู่บ้านจัดงานแต่งงานให้เขา กวางเสียใจมากกับการกระทำของอัครพล จึงตัดสินใจจะโดดหน้าผาน้ำตกฆ่าตัวตายเพื่อจบปัญหาทุกอย่าง สยมภูมาถึงได้ยินที่กวางบอกว่าเธอรักสยมภูเพียงคนเดียวพอดี สมุนโอภาสที่ตามมาเห็นเหยื่ออยู่พร้อมหน้าก็ลั่นกระสุนทันที กระสุนถูกสยมภูล้มลง กวางเข้าเอาตัวบังสยมภูไว้ อัครพลเห็นภาพนั้นแล้วก็ตระหนักว่าเขาไม่มีวันชนะใจกวางได้ จึงเข้าต่อสู้แลกชีวิตกับมือปืนจนเพลี่ยงพล้ำถูกยิงตกหน้าผา แต่สยมภูกับกวางช่วยกันคว้าเอาไว้ ขบวนการชาวบ้านปะกอกะญอ มาถึงพอดีและจัดการกับมือปืนได้หมด แต่อัครพลไม่สามารถมีชีวิตอยู่อย่างพ่ายแพ้ได้ เขาดึงมือออกจากกวางและสยมภู ร่างลอยลิ่วลงสู่กระแสน้ำเบื้องล่างจบชีวิตในที่สุด

วัยมันพันธุ์อสูร 2557

เรื่องย่อ : วัยมันพันธุ์อสูร (2557/2014) ท้องฟ้ามืดครึ้ม เกิดปรากฏการณ์สุริยคราส นี่คือลางร้ายครั้งใหม่ของมวลมนุษย์ อสูรร้ายที่ถูกจองจำใต้บาดาลมานานแสนนานกำลังจะเกิดมาดูโลกจากครรภ์ของหญิงผู้หนึ่ง ไกรสิทธิ์ (บี๋-สวิส) (ทายาทที่สืบเชื้อสายมาจากไกรทอง) รู้ดีว่าชาละวันกำลังจะกลับชาติมาเกิด เขาได้ขโมยทารกมาลงอักขระยันต์แปดเหลี่ยมปิดผนึกวิญญาณชั่วร้ายไว้ และเอาเด็กไปเลี้ยงดูเสมือนเด็กมนุษย์ปกติ ซึ่งในเวลานั้นแสงทอง (เอ๋-รชยา) ภรรยาของไกรสิทธิก็เพิ่งให้กำเนิดทายาทเป็นบุตรชายมาในฤกษ์ยามเดียวกัน เด็กคนนี้คือ ไกรทองกลับชาติมาเกิดนั่นเอง ทั้งไวกูณฐ์ -ไกรทอง (เพชร-ปรัชญ) และนาวิก-ชาละวัน (เขต-ธาราเขต) ถูกเลี้ยงดูเหมือนเป็นพี่น้องคลานตามกันมา พ่อกับแม่มักจะบอกว่าทั้งคู่เป็นฝาแฝดกัน แต่กลับไม่มีสิ่งใดที่เหมือนกันเลยแม้แต่น้อย บุคลิกก็แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ไวกูณฐ์เป็นคนร่าเริง รักสนุก ชอบสังคม เป็นที่ชื่นชอบของเพื่อน ๆ รักกีฬากลางแจ้ง ส่วนนาวิกนั้นมาดนิ่ง ชอบเก็บตัว ขยันเรียนเป็นที่หนึ่งของห้องเสมอ ตรงข้ามกับไวกูณฐ์ที่สอบตกทุกครั้งและกลายเป็นลูกเกเรของพ่อแม่ แต่พี่น้องต่างเผ่าพันธุ์กลับไม่ได้แก่งแย่งความรักกัน ต่างก็รักใคร่กัน ยามเมื่อใครประสบปัญหาอีกคนก็คอยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออยู่เสมอ ไม่ใช่แต่จระเข้เท่านั้นที่ขึ้นมาบนโลกมนุษย์ลูกเงือกสาวนามว่า มุกดา (แพร-วรภร) ก็ผลัดหลงจากพ่อแม่มาอยู่ที่โลกมนุษย์ด้วย ไกรสิทธิ์ผู้เป็นพ่อรู้ว่าไม่ใช่ปลาธรรมดาจึงถ่ายทอดวิชาแปลงกายให้ แต่มีข้อแม้ว่ามุกดาจะต้องปกปิดฐานะที่เป็นเงือกไว้ มุกดาจึงกลายเป็นเพื่อนสาวคนสนิทของไวกูณฐ์ โรคกลัวน้ำของนาวิกเป็นที่สนใจของหม่อนไหม (โซฟี่- อัปสรสิริ) สาวนิเทศศาสตร์ที่มุ่งมั่นจะเป็นนักข่าวมืออาชีพ เธอคิดหาความจริงว่าเพราะอะไรนาวิกถึงได้กลัวน้ำ ลงทุนไปตามสืบถึงบ้านของไวกูณฐ์ แต่สุดท้ายก็ถูกไวกูณฐ์แกล้งเตลิด ในสายตาของหม่อนไหม ไวกูณฐ์คือคนไม่เอาไหน ทำเรื่องไร้สาระไปวัน ๆ ไม่มีอะไรโดดเด่น แต่เขากลับเข้ามาทำให้ชีวิตเธอวุ่นวายได้โดยตลอด ซ้ำไวกูณฐ์ยังมาชอบรุ้งแก้ว (ฝน-ณธิดา) เพื่อนสนิทของหม่อนไหมด้วย หม่อนไหมจึงตั้งตนคอยเป็นไม้กันหมาอย่างไวกูณฐ์ไม่ให้ได้สนิทกับรุ้งแก้วผู้อ่อนโยน ซ้ำยังตั้งตำแหน่งศัตรูหมายเลข 1 ให้กับไวกูณฐ์ไปโดยไม่ต้องคิด เมื่ออายุย่างเข้า 18 ปี ไวกูณฐ์และนาวิกถูกทำนายทายทักว่าจะมีเคราะห์หนัก ไกรสิทธิพยายามหาวิธีแก้ไขแต่ก็ไม่เป็นผล ในวันคัดเลือกนักกีฬาของมหาวิทยาลัย จู่ ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นจนไวกูณฐ์เกือบต้องบาดเจ็บหนัก โชคดีที่ไกรสิทธิ์มาช่วยได้ทัน นาวิกกับรุ้งแก้วรู้ข่าวไวกูณฐ์บาดเจ็บก็รีบมาหาทันที ระหว่างทางผ่านสระว่ายน้ำจู่ ๆ ก็มีพลังบางอย่างพุ่งมาจากสระกระชากตัวนาวิกลงไป รุ้งแก้วหวีดร้องตกใจ นาวิกพยายามดิ้นร้นเอาชีวิตรอด แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งจมลึกเรื่อย ๆ นาวิกหายใจไม่ออก กำลังจะตาย แต่แล้วก็มีเสียงดังขึ้นบอกให้เขาตั้งสติ น้ำคือชีวิตของนาวิก และนั่นทำให้นาวิกรู้ว่าเขาหายใจในน้ำได้ พลังที่ฉุดนาวิกไว้ก็มลายหายไป อักขระที่ลงไว้ในตัวนาวิกเกิดเรืองแสงวาวเปล่งประกาย อาจารย์มกร (อ่านว่า มะ-กอน แปลว่า มังกร)(อู๋-นวพล) แท้จริงแล้วมกรคือ ครูจระเข้ของชาละวันปลอมตัวเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเพื่อสืบหาเด็กที่มีวิญญาณของชาละวันสถิตอยู่ และครั้งนี้เขาก็ได้พบแล้วว่าคือนาวิก แต่แผนของมกรก็ย่อมมีอุปสรรคเพราะยศสินี (เตย-อรัชมน) ทายาทแห่งพระยมที่ปลอมตัวมาเป็นอาจารย์เพื่อตามหาวิญญาณชาละวันที่หายไปเมื่อ 15 ปีก่อนกลับคืนสู่นรกภูมิเช่นเดียวกัน โดยมี ทัณฑ์ (พอร์ช-อริย์ธัช) ยมทูตด้านเจ้าหน้าที่ข้อมูลเป็นผู้ช่วย นาวิกกลุ้มใจอย่างมาก เขาอยากเล่นกีฬาแต่ก็ไม่อยากทิ้งการเรียน ยศสินีจึงยื่นเงื่อนไขว่าถ้าทำให้การเรียนของไวกูณฐ์ดีขึ้น เธอก็จะยอมให้นาวิกเข้าชมรมว่ายน้ำของมกร ไวกูณฐ์โวยวายว่าทำไมตัวเองต้องมาเดือดร้อนด้วย แต่เพราะเห็นแก่นาวิก ไวกูณฐ์เลยจำยอมต้องเข้าคอร์สพิเศษกับยศสินี โดยมีหม่อนไหม รุ้งแก้วและนาวิกมาร่วมช่วยติว ไวกูณฐ์เซ็งที่ต้องมาเจอหม่อนไหมทุกวัน โชคดีที่มีคู่หูตัวแสบอย่างตะโก้ (ไบเบิ้ล-ภูผา) น้องชายตัวแสบวัย 12 ขวบของหม่อนไหมกับปู่ไม้สน (รอง เค้ามูลคดี) ปู่ของหม่อนไหมที่เป็นอัลไซเมอร์ชอบเล่าเรื่องเหนือธรรมชาติอยู่เสมอจนใคร ๆ หาว่าเพี้ยน แต่สำหรับไวกูณฐ์กลับสนุกที่ได้ฟังเรื่องที่ปู่ไม้สนเล่า หารู้ไม่ว่าเรื่องจระเข้กับเงือกที่ได้ฟังนั้นมันมีอยู่จริงใกล้ ๆ ตัวเขานั่นเอง สุดท้ายความพยายามตั้งใจเรียนก็ส่งผลให้ผลการเรียนของไวกูณฐ์ดีขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้ดีระดับท๊อปแต่ก็ถือว่าดีกว่ามาตรฐานของนักเรียนโดยทั่วไป ทำให้ยศสินีต้องยอมปล่อยตัวนาวิกให้กับชมรมกีฬา แต่ยศสินีก็ไม่มีทางวางมือ เพราะเธอรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของมกรดี และเธอจะไม่มีวันให้ชาละวันถือกำเนิดอีกแน่ ยศสินีจึงคอยจับผิดการซ้อมของชมรมกีฬาทุกฝีก้าว มกรรู้ดีว่าถูกจับตาจึงใช้จระเข้แปลงศิษย์รักอย่าง วิมล (แพร-แพรอิศรา) กับนันทา (เกรซ-กรกนกภรณ์) คอยขัดขวางยศสินีและคอยช่วยเหลือให้นาวิกได้ความสามารถพิเศษของชาละวันกลับคืน มกรได้ใช้กีฬาต่าง ๆ เป็นเรื่องกระตุ้นสัญชาติญาณของนาวิกให้ตื่นขึ้น ทำให้นาวิกว่ายน้ำได้เร็วและมีพลังเหนือกว่าคนปกติ แต่เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ ปานอักขระในร่างของนาวิกก็ค่อย ๆ หายไปจนนาวิกล้มป่วย ร่างกายของนาวิกเริ่มคล้ายกับจระเข้ ไกรสิทธิ์รู้เรื่องจึงต้องสะกดอักขระไว้ แล้วตัดสินใจบอกความจริงเรื่องชาติกำเนิดของนาวิกให้ไวกูณฐ์รู้ พร้อมกับฝึกเข้มถ่ายทอดวิชาหมอจระเข้เพื่อให้ไวกูณฐ์ได้เป็นไกรทองอย่างเต็มตัว หากเกิดเหตุร้ายไวกูณฐ์จะได้ใช้พลังความสามารถหยุดนาวิกลงได้ การฝึกเข้มของไวกูณฐ์เป็นการฝึกฝนทั้งทางร่างกายและใจ โดยมีบททดสอบอันหนักถ่วงทั้งจากไกรสิทธิ์และยศสินี เพื่อให้ก้าวพ้นขีดจำกัดของมนุษย์ให้ได้ แต่ความเหนื่อยครั้งนี้เขาก็มีกำลังใจอย่างหม่อนไหมอยู่ข้าง ๆ เพื่อให้นาวิกเป็นชาละวันโดยสมบูรณ์มกรจึงใช้วิธีสะกดจิตดึงจิตใต้สำนึกที่ถูกกักขังไว้ในตัวนาวิกออกมา เป็นผลให้นาวิกเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากผู้ชายที่แสนดีกลายเป็นคนที่แข็งกร้าว อารมณ์ร้อน ชอบใช้กำลัง ใช้ความรุนแรงกับกีฬา จนผู้เข้าแข่งขันบาดเจ็บตาม ๆ กัน แม้ว่านาวิกจะเปลี่ยนไปขนาดไหนรุ้งแก้วก็ไม่เคยห่างนาวิก เธอใช้จิตใจดีในการเตือนสตินาวิก แต่นาวิกก็กลับคลุ้งคลั่งถึงจับตัวหม่อนไหมไว้ พร้อมกับท้าไวกูณฐ์ให้มาแข่งว่ายน้ำกับเขา แต่ไวกูณฐ์ยังไม่พร้อม ซ้ำยังตัดความผูกพันที่โตมาด้วยกันกับนาวิกไม่ได้ มุกดาจึงอาสาลงแข่งแทน นาวิกไม่แข่งกับผู้หญิงส่งให้วิมลกับนันทาแข่งแทน สุดท้ายมุกดาก็ชนะ เธอบอกให้นาวิกปล่อยตัวหม่อนไหมแต่นาวิกปฏิเสธ มุกดาต่อว่าที่นาวิกตระบัดสัตย์ นาวิกโกรธยอมลงแข่งกับมุกดา ศึกความเร็วกลางสายน้ำระหว่างเงือกสาวและจระเข้หนุ่มจึงเริ่มขึ้น แม้มุกดาจะเป็นเงือกแต่เรื่องการว่ายน้ำและการไล่ล่าของเจ้าจระเข้อย่างชาละวันไม่เป็นสองรองใคร จึงทำให้นาวิกชนะมุกดาไปอย่างขาดลอย มุกดาถูกทำร้ายบาดเจ็บ ตราบใดที่ไวกูณฐ์ไม่ลงแข่ง นาวิกก็จะทำร้ายคนขึ้นมากเรื่อย ๆ จนมกรเองก็รู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่ทำให้สัญชาติญาณของจระเข้ในนาวิกกลับคืน ก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลายไปกว่านี้ยศสินีจึงหาทางเจรจากับมกรเพื่อที่จะยุติปัญหา จัดให้ไวกูณฐ์ขึ้นสังเวียนแข่งกีฬากับนาวิก โดยแข่งกัน 2 ใน 3 ของกีฬา (มวย/บาสและว่ายน้ำ) ที่เป็นเครื่องทดสอบทักษะต่าง ๆ ของร่างกายว่าระหว่างทายาทชาละวันอย่างนาวิกกับทายาทไกรทอง 2013 อย่างไวกูณฐ์ ใครกันแน่ที่จะเป็นที่หนึ่ง ศึกการแข่งขันกีฬาระหว่างมนุษย์และจระเข้อสูรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ กำลังจะบังเกิดขึ้น ไวกูณฐ์จะโค่นนาวิกได้หรือไม่ นาวิกจะกลายเป็นชาละวันผู้โหดร้ายต่อไปจริงหรือ ติดตามชมความเข้มข้นของ ละครวัยมันพันธุ์อสูร ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.00 น ทางช่อง 7สี ละครวัยมันพันธุ์อสูร เริ่มตอนแรกวันอังคารที่ 9 กันยายน 2557

ล่ารักสุดขอบฟ้า 2557

ล่ารักสุดขอบฟ้า (2557/2014) เมื่อ คามิน (ศุกลวัฒน์ คณารศ)ราชองครักษ์หนุ่มแห่งเมืองรายา ถูกส่งมาทดสอบและรับ มัทนา (พีชญา วัฒนามนตรี) ว่าที่พระคู่หมั้นสาวไทยของ เจ้าชายมาคี (หลุยส์ เฮส์ดาร์ซัน)องค์รัชทายาทไปเข้าพิธีหมั้นที่รายา แต่ความแก่นซ่าไม่ยอมใครทำให้มัทนาวางแผนกลั่นแกล้งเขา คามินรู้ทันและปราบพยศเธอได้ ความใกล้ชิดทำให้ทั้งคู่รักกัน แต่คามินเลือกทำตามหน้าที่พามัทนาไปหาเจ้าชายมาคี ขณะเดียวกัน การเมืองภายในของรายาก็ระส่ำระสาย เมื่อ นายพลวิฑูร (ฐาปกรณ์ ดิษยนันทน์) คิดยึดอำนาจ เขาวางแผนให้เจ้าชายมาคีผิดใจกับคามินเพราะมัทนา และเป่าหูองค์ราชินีเรื่องคามินคือ โอรสองค์โตของพระราชา หลังจากนั้น คามินก็ถูกใส่ร้ายว่าเป็นกบฎจนต้องหลบหนีโดยมีมัทนาช่วยเหลือ แต่เพราะทนเห็นชาวบ้านเดือดร้อนไม่ได้ คามินจึงกลับมากอบกู้แผ่นดิน มาคียอมรับความพ่ายแพ้ทั้งเรื่องหัวใจและราชบัลลังก์ แต่คามินปฏิเสธตำแหน่งและขอเป็นเพียงองครักษ์ดูแลหัวใจของมัทนาตลอดไป

นักสู้มหากาฬ 2556

เรื่องย่อ : นักสู้มหากาฬ (2556/2013) ฤทธิ์ ราวี นายทหารผู้ชำนาญการต่อสู้ทุกรูปแบบ ได้วางมือจากการเข่นฆ่า เพื่อมาใช้ชีวิตกับคนรักที่บ้านเกิดในชลบุรี เขาเปิดโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ขึ้น เพื่อปกป้องคนไทยจากการข่มเหงของพวกอันธพาลต่างชาติที่แผ่ขยายอำนาจเข้ามาในพัทยา แม้ว่าจะต้องมีปัญหากับแก๊งมาเฟียต่าง ๆ แต่ด้วยฝีมือที่กาจฉกรรจ์จึงทำให้ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งเขาได้ ต่อมาฤทธิ์ก็ได้รับการติดต่อจาก กรณ์ เพื่อนทหารเก่า ที่ต้องการให้เขาร่วมปฏิบัติภารกิจลับ ในการบุกทลายโรงงานของขบวนการค้ายาเสพติด ที่ตั้งอยู่นอกเขตชายแดนไทย ฤทธิ์ยอมรับงานนี้เพราะอยากรับใช้ชาติ และคิดว่าจะนำเงินค่าจ้างมาพัฒนาสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าซึ่ง ใจทิพย์ แฟนสาวของเขาดูแลอยู่ แต่ภารกิจลับของกรณ์กลับมีเงื่อนงำแอบแฝง เมื่อฤทธิ์พบว่าโรงงานที่เขากับพวกบุกจู่โจมนั้น แท้จริงกลับเป็นห้องทดลองที่ค้นคว้าเกี่ยวกับอาวุธชีวภาพ หนำซ้ำผู้ว่าจ้างของกรณ์ก็ไม่ได้เป็นหน่วยงานของรัฐบาลไทยอย่างที่อ้างไว้ หากแต่เป็นผู้องค์กรโฉดที่มีสมญาว่า "พรายพิฆาต" ซึ่งมีเป้าหมายจะปล้น "น้ำตามัจจุราช" มหาอาวุธชีวภาพไปจากห้องทดลอง ฤทธิ์พยายามขัดขวางกรณ์กับพวกนักรบรับจ้างจนถูกรุมทำร้ายบาดเจ็บสาหัส และถูกกรณ์ใช้ดาบปลายปืนสองเล่มปักตรึงร่างไว้เพื่อให้ตายอย่างทรมาน แต่ขณะที่กรณ์มัวหลงลำพองว่าสามารถโค่นเพื่อนรักได้สำเร็จนั้น ฤทธิ์ที่อยู่ในสภาพปางตายก็ตัดสินใจกดสวิทช์ระเบิดที่ซ่อนอยู่ เพื่อทำลายคลังเก็บสารเคมีทั้งหมดก่อนที่เขาจะสิ้นลม พวกของกรณ์จึงต้องหนีตายโดยมีเพียงสารตั้งต้นในการผลิต "น้ำตามัจจุราช" ติดมือไปเท่านั้น ไม่มีใครคาดคิดว่าน้ำตามัจจุราชที่ระเหยจากคลัง จะซึมเข้าสู่ร่างกายของฤทธิ์ผ่านทางบาดแผล มันทำให้ฤทธิ์คืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับพลังอำนาจในการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วรุนแรงยิ่งกว่ามนุษย์ทั่วไป ฤทธิ์รีบเดินทางกลับพัทยาด้วยความเป็นห่วงคนรัก แต่ทุกอย่างก็สายเกินไป เมื่อกรณ์ได้จ้างพวกมาเฟียคู่ปรับเก่าของฤทธิ์ให้ปล้นฆ่าใจทิพย์แฟนสาวของเขา เพื่ออำพรางคดี ด้วยความแค้น ฤทธิ์จึงตามไปฆ่าพวกมาเฟียถึงรัง ก่อนจะสืบพบความจริงว่ากรณ์และองค์กรพรายพิฆาต คือผู้อยู่เบื้องหลังโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น ฤทธิ์จึงย้อนไปที่กรุงเทพฯ อีกครั้งเพื่อล้างแค้น โดยแฝงตัวเข้าไปในสังเวียนนักสู้เถื่อน เพื่อหาตัวลูกทีมคนหนึ่งของกรณ์ ซึ่งทุกคนรู้ดีว่ามีงานอดิเรกเป็นนักค้ากำปั้น ระหว่างนั้น มาดามหลิว มหาเศรษฐีนีพันล้านผู้ร่ำรวยจากการเป็นหุ้นส่วนในบริษัทขุดเจาะน้ำมัน ก็ได้ส่งคนมาช่วยฤทธิ์เอาไว้ในยามคับขัน เนื่องจากเธอเองก็มีความแค้นต่อองค์กรพรายพิฆาต ที่ได้สังหารครอบครัวของเธอ และทำให้เธอกลายเป็นคนพิการต้องนั่งรถเข็นตลอดชีวิต เพียงเพราะไม่ยอมร่วมมือกับพวกมัน ที่ผ่านมามาดามหลิวได้ตระเตรียมแผนการณ์ที่จะล้างแค้นมาโดยตลอด เมื่อเห็นว่าฤทธิ์มีคุณสมบัติมากพอที่จะปฏิบัติภารกิจนี้ จึงมอบหมายให้ โซเฟีย ผู้ช่วยสาวคนสนิทปลอมแปลงประวัติเขาเสียใหม่ ก่อนจะเปิดตัวในงานเลี้ยงว่าเขาคือ มิสเตอร์โทมัส หลานชายบุญธรรมของเธอ ในตอนกลางวันฤทธิ์จะสวมบทหนุ่มเพลย์บอย เพื่อสืบหาข่าวขององค์กรพรายพิฆาต ซึ่งมีสมาชิกมากมายอยู่ในสังคมชั้นสูง แต่พอตกกลางคืนเขาก็สวมหน้ากากดำออกขัดขวางแผนการณ์ของพวกมันทุกรูปแบบ รวมถึงสังหารสมาชิกระดับแกนนำทุกคน โดยใช้สมญาในการปฏิบัติงานว่า "พยัคฆ์มหากาฬ" ตามชื่อหน่วยรบสมิงดำที่เขาเคยสังกัด และยังมีดาบปลายปืนสองเล่ม แบบเดียวกับที่กรณ์เคยทำร้ายเขาเป็นอาวุธคู่มืออีกด้วย การมาของ มิสเตอร์โทมัส กับการปรากฏตัวของพยัคฆ์มหากาฬถูกเผยแพร่เป็นข่าวหน้าหนึ่งไม่เว้นแต่ละวัน ไอริณ ดารานักบู๊ชื่อดังเป็นบุตรสาวของ ท่านนำชัย นักการเมืองใหญ่ รู้สึกสนใจในตัวฤทธิ์หรือมิสเตอร์โทมัสเป็นพิเศษ จนมีโอกาสได้เจอกันในงานเลี้ยงการกุศล แต่แล้ว มาวิน มาเฟียหนุ่มที่หลงใหลเธอก็ได้เข้ามาข่มขู่เพื่อให้เธอเซ็นสัญญากับบริษัทผลิตภาพยนตร์ของมัน แต่ไอริณก็ปฏิเสธไปเพราะเธอสืบทราบว่าบริษัทของมาวิน แท้จริงมีไว้เพื่อฟอกเงินจากธุรกิจนอกกฎหมาย หลังเลิกงานมาวินได้ส่งลูกสมุนมาอุ้มตัวไอริณที่ลานจอดรถ แต่โชคดีที่ฤทธิ์ได้ปกป้องเธอเอาไว้ ทำให้เขากลายเป็นเพื่อนสนิทของไอริณและมีโอกาสเข้าถึงตัวท่านนำชัย บุคคลที่มาดามหลิวสงสัยว่าเป็นสมาชิกระดับแกนนำขององค์กรพรายพิฆาต ทว่ายังไม่ทันที่ฤทธิ์จะได้สืบความลับ เขาก็ถูก ร้อยตำรวจเอกหญิงณัฐชา มือปราบหญิงปืนดุ ซึ่งเป็นเพื่อนและครูสอนคิวบู๊ให้กับไอริณพบพิรุธเข้าเสียก่อน ณัฐชาสงสัยว่าการที่ฤทธิ์เข้ามาตีสนิทกับครอบครัวของไอริณจะมีเบื้องหลัง เธอจึงคอยขัดขวางไม่ให้ฤทธิ์กับไอริณได้ใกล้ชิดกัน จนฤทธิ์กับเธอต้องปะทะคารมกันหลายครั้ง ณัฐชาตัดสินใจยุติปัญหาด้วยการท้าแข่งกับฤทธิ์ ทั้งในด้านการต่อสู้ การขับรถ ไปจนถึงกีฬาต่าง ๆ ตามแต่ที่เธอถนัด โดยมีเงื่อนไขว่าผู้แพ้จะต้องเลิกยุ่งเกี่ยวกับไอริณ ซึ่งฤทธิ์ก็สามารถเอาชนะณัฐชาได้สำเร็จ หนำซ้ำยังช่วยชีวิตเธอจากอุบัติเหตุในการแข่งครั้งที่สามอีกด้วย แต่แทนที่ณัฐชาจะยอมรับความพ่ายแพ้ เธอกลับมอบหมายให้ จ่าไมตรี กับ หมู่ปรีดา สองคนสนิทคอยตามสืบพฤติกรรมของฤทธิ์แทนเธอ แต่ทั้งคู่ก็ถูก นายชาญ คนขับรถหนุ่มมาดทะเล้นของฤทธิ์ หลอกล่อจนไม่สามารถตามติดได้เลยสักครั้ง ทั้งนี้เพราะนายชาญไม่ใช่คนขับรถธรรมดา แต่เขาเป็นมือปืนระดับพระกาฬที่มาดามหลิวจ้างมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของฤทธิ์นั่นเเอง ความห้าวหาญแกมดื้อรั้นของณัฐชาทำให้ฤทธิ์เริ่มรู้สึกสนใจ เขาสืบประวัติของเธอจนรู้ว่าในอดีตครอบครัวของเธอถูกฆ่าตาย ทำให้เธอมุ่งมั่นที่จะเป็นตำรวจเพื่อปราบปรามเหล่าร้าย เพราะความที่เติบโตมาในบ้านเด็กกำพร้า และต้องดูแลตัวเองมาตั้งแต่เล็ก ณัฐชาจึงไม่มีเพื่อนมากนักนอกเสียจากไอริณที่เรียนจบมาจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน ด้วยความประทับใจนี้เองฤทธิ์จึงไม่เคยเล่นงานณัฐชาขั้นเด็ดขาด อีกทั้งยังมีความสุขเสียด้วยซ้ำที่เห็นเธอมาคอยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ ๆ เขา เพราะเธอมีนิสัยบางอย่างคล้ายกับใจทิพย์คนรักของเขาที่จากไป แต่มาดามหลิวไม่อยากให้ณัฐชามาป่วนภารกิจของตน เธอจึงรายงานพฤติกรรมของณัฐชาให้ สารวัตรราเมศ นายตำรวจหนุ่มซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาได้รับทราบ สารวัตรราเมศจึงได้เข้ามาไกล่เกลี่ยเรื่องที่เกิดขึ้น ฤทธิ์รู้สึกเลื่อมใสในตัวสารวัตรราเมศ เพราะนอกจากจะเป็นตำรวจตงฉินแล้ว ก็ยังมีฝีไม้ลายมือทัดเทียมกับเขาอีกด้วย เช่นเดียวกับผู้กองณัฐชาที่หลังจากใกล้ชิดกับฤทธิ์มากขึ้น เธอก็พบว่าเขาไม่ได้เป็นเพลย์บอยอย่างที่เคยเข้าใจ หากแต่เป็นสุภาพบุรุษที่เชื่อมั่นในรักแท้เสมอมา ฤทธิ์กับผู้กองณัฐชาเริ่มมีใจให้กัน แต่ทั้งสองก็ไม่กล้าแสดงออกเพราะติดที่ไอริณชอบฤทธิ์และสารวัตรราเมศก็ตามจีบณัฐชาอยู่ ไอริณชวนทั้งหมดไปเที่ยวที่บ้านพักตากอากาศของตน เพื่อตอบแทนที่ทุกคนคอยดูแลความปลอดภัยให้เธอในระหว่างถ่ายหนัง แต่คาดไม่ถึงว่ามาวินที่ต้องการล้างแค้น จะโผล่มาเล่นงานไอริณจนเป็นเหตุให้ณัฐชาที่ปกป้องเธอได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ฤทธิ์ตั้งใจจะสวมบทพยัคฆ์มหากาฬเพื่อเล่นงานมาวินนั้นเอง องค์กรพรายพิฆาตก็ได้ส่งคนมาตัดหน้าเขาเสียก่อน มาวินถูกไล่ล่าจนถึงขั้นต้องยอมมอบตัวกับสารวัตรราเมศเพื่อหนีตาย แต่องค์กรพรายพิฆาตก็ยังส่งคนตามไปทำร้ายถึงในเซฟเฮ้าส์ ทำให้มาวินต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทราไปตลอดชีวิต เรื่องราวของมาวินทำให้มาดามหลิวยิ่งมั่นใจว่า ท่านนำชัยจะต้องเกี่ยวพันกับองค์กรพรายพิฆาต พวกมันถึงได้ออกโรงมาเล่นงานมาวิน จึงออกคำสั่งให้ฤทธิ์ในคราบพยัคฆ์มหากาฬไปสังหารท่านนำชัยถึงบ้าน แต่เพราะไอริณกับณัฐชาขัดขวางไว้ แผนการของฤทธิ์เลยต้องพลาดไป เวลานั้นเองที่กรณ์ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในฐานะหัวหน้าองครักษ์คนใหม่ของท่านนำชัย ฤทธิ์แทบจะฆ่ามันทันทีที่เห็นหน้า แต่เพราะมาดามหลิวเตือนสติไว้ เขาจึงต้องแสร้งสวมบทเป็นนายโทมัสต่อไปเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายไหวตัว ส่วนกรณ์ก็แกล้งตีหน้าเซ่อทำเป็นไม่รู้จักฤทธิ์เช่นกัน เพราะมันมีภารกิจใหญ่ต้องรีบสะสาง เนื่องจากก่อนหน้านี้หัวหน้าสาขาของพรายพิฆาตในเมืองไทยได้แจ้งว่า สามารถสะกัด "น้ำตามัจจุราชเทียม" จากสารตั้งต้นที่กรณ์ขโมยมาได้สำเร็จ และมีอานุภาพเหมือนน้ำตามัจจุราชของแท้เกือบทุกประการ จุดด้อยก็คือคนที่ได้รับสารนี้เข้าไปจะมีอาการเสพติดขั้นรุนแรง และจะตายทันทีหากขาดสารนี้เกิน 24 ชม. ความจริงแล้วน้ำตามัจจุราชก็คือสารเคมีที่สกัดขึ้นจากยาเสพติดบางชนิด มันมีประสิทธิภาพในการกระตุ้นเซลล์กับระบบประสาทอย่างรุนแรง คนที่ได้รับสารนี้เข้าไปไม่เพียงจะมีพลังเหนือมนุษย์ธรรมดา แต่ยังมีความสามารถในการสมานบาดแผลเร็วกว่าปกติหลายพันเท่า มันถูกค้นพบโดยหน่วยงานทหารต่างชาติหน่วยงานหนึ่ง และถูกพัฒนาเพื่อใช้สร้างกองทัพอมตะที่มีพลังเหนือมนุษย์ ก่อนจะถูกกรณ์และพวกพรายพิฆาตปล้นชิงไป ต่อมากรณ์ได้นำน้ำตามัจจุราชเทียมไปทดลองใช้กับมาวินที่นอนเป็นอัมพาตอยู่ในโรงพยาบาล ทำให้มาวินที่ฟื้นขึ้นมาต้องกลายเป็นทาสของมัน เนื่องจากเสพติดน้ำตามัจจุราชอย่างรุนแรง กรณ์ส่งมาวินไปตามฆ่าผู้คนมากมายที่เป็นศัตรูกับองค์กรพรายพิฆาต รวมถึงเล่นงานฤทธิ์ที่มันเชื่อว่าคือพยัคฆ์มหากาฬอีกด้วย งานนี้ฤทธิ์แทบจะเอาตัวไม่รอด เพราะคาดไม่ถึงว่ามาวินที่เคยเป็นอัมพาต จะลุกขึ้นมาอาละวาดด้วยเรี่ยวแรงปานช้างสารขนาดนี้ ถ้าไม่ได้ชาญเข้าช่วยเอาไว้พยัคฆ์มหากาฬคงต้องปิดฉากในคืนนั้น ฝ่ายกรณ์ก็สะใจกับผลงานของมันได้ไม่นานนัก เพราะมันลืมไปว่าอดีตหัวหน้ามาเฟียอย่างมาวินไม่เคยยอมก้มหัวให้ใคร ต่อมามาวินจึงได้ทำร้ายเจ้าหน้าที่ในห้องแล็ป แล้วปล้นน้ำตามัจจุราชในคลังเก็บไปจนหมดโดยไม่มีใครขัดขวางได้ พลังที่เหนือมนุษย์ของมาวินบวกกับฤทธิ์ยาทำให้มันคึกคะนองอย่างบ้าคลั่ง เที่ยวก่อเหตุปล้นฆ่าไม่เว้นวัน หนำซ้ำยังฉุดตัวไอริณที่มันลุ่มหลงไปกักขังอีกด้วย ร้อนถึงสารวัตรราเมศกับผู้กองณัฐชาที่ต้องตามล่ามันแทบพลิกแผ่นดิน ทางด้านฤทธิ์เองก็ร้อนใจมากด้วยความเป็นห่วงไอริณ แต่มาดามหลิวมั่นใจว่าหากท่านนำชัยเกี่ยวข้องกับองค์กรพรายพิฆาตแล้ว พวกมันจะต้องช่วยเหลือไอริณอีกแน่ ทุกอย่างเป็นไปตามคำพูดของมาดามหลิว เมื่อพรายพิฆาตได้ส่งคนมาช่วยไอริณที่ถูกกังขังอยู่ในรังของมาวิน แต่พวกมันก็ถูกมาวินที่มีพลังดุจอมนุษย์สังหารจนหมดเกลี้ยง ฤทธิ์ในคราบของพยัคฆ์มหากาฬที่สะกดรอยตามมา จึงได้ปรากฏตัวขึ้นต่อสู้กับมาวินอย่างดุเดือด โดยมีแผนจะล่อมันจากที่กบดาน เพื่อเปิดทางให้สารวัตรราเมศเข้าไปช่วยไอริณ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน…เมื่อฤทธิ์สามารถฆ่ามาวินได้สำเร็จ แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือสารวัตรราเมศจะสมคบกับกรณ์และพวกพรายพิฆาตจับตัวเขาเอาไว้ ก่อนที่ทุกอย่างจะถูกเปิดเผยว่าแท้จริงหัวหน้าสาขาขององค์กรพรายพิฆาตในประเทศไทยก็คือสารวัตรราเมศนั่นเอง ส่วนท่านนำชัยกลับเป็นเพียงหุ่นเชิดที่ถูกพวกมันบังคับให้ทำงานเท่านั้น ฤทธิ์ถูกส่งตัวไปยังห้องทดลองของพรายพิฆาต เพื่อค้นคว้าวิธีผลิตน้ำตามัจจุราชของแท้ และอานุภาพในส่วนที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ ทำให้ฤทธิ์ได้รับความทรมานอย่างแสนสาหัส ไอริณต้องการช่วยฤทธิ์เธอจึงได้ทรยศพ่อด้วยการส่งข่าวให้มาดามหลิว มาดามหลิวจึงได้ส่งโซเฟียกับชาญไปช่วยฤทธิ์ออกมา แต่คาดไม่ถึงว่ากรณ์จะวางกับดักเอาไว้ทำให้มือปืนระดับพระกาฬอย่างชาญต้องจบชีวิตลง เพื่อเปิดทางให้โซเฟียพาฤทธิ์หลบหนีไป ต่อมาผู้กองณัฐชาเริ่มระแคะระคายเรื่องที่เกิดขึ้นจากไอริณ จึงพยายามเข้ามาสืบแต่กรณ์ก็แกล้งฉีดยากล่อมประสาทให้ไอริณจนดูเหมือนคนเสียสติ ก่อนจะโกหกกับผู้กองณัฐชาว่าไอริณติดยาจนเป็นบ้า โดยที่ท่านนำชัยก็ไม่กล้าขัดขวางเพราะถูกพวกพรายพิฆาตขู่เข็ญด้วยเรื่องการคอรัปชั่นที่ท่านเคยหมกเม็ดเอาไว้สมัยเป็นรัฐบาล แต่สุดท้ายท่านนำชัยก็ทนสงสารลูกสาวไม่ได้ จึงแจ้งข่าวให้ผู้กองณัฐชามาช่วยพาไอริณไปกบดาน ส่วนตนก็พลีชีพหวังแลกตายกับราเมศและกรณ์ แต่ก็พลาดท่าถูกฆ่าตายเสียก่อน ผู้กองณัฐชาพาไอริณไปที่กองปราบหวังจะแฉเบื้องหลังของราเมศ ซึ่งแท้จริงเป็นสมาชิกของพรายพิฆาตที่แฝงตัวมาเป็นตำรวจเมื่อหลายสิบปีก่อน ทว่าสารวัตรราเมศก็ใส่ร้ายว่าผู้กองณัฐชาเป็นคนลักพาตัวไอริณไปเพื่อเรียกค่าไถ่ แต่เมื่อถูกจับได้ก็เลยฆ่าท่านนำชัยปิดปาก ทำให้ผู้กองณัฐชากับไอริณต้องถูกตำรวจตามล่าจนหัวซุกหัวซุน และต้องไปซ่อนตัวที่คฤหาสน์ของมาดามหลิว จนได้พบกับฤทธิ์ที่กบดานอยู่ที่นั่น โชคร้ายที่กรณ์กับพวกเกิดพบเบาะแสเข้า มันจึงยกพลถล่มคฤหาสน์ของมาดามหลิวทันที แม้ว่าในตัวอาคารจะมีกลไกรักษาความปลอดภัยและมีเวรยามที่แน่นหนา ก็ไม่อาจต้านทานพวกของกรณ์ได้ เพราะสมุนของมันทุกคนล้วนเป็นอมตะด้วยพลังของน้ำตามัจจุราช มาดามหลิว โซเฟีย ณัฐชา และไอริณพยายามต่อสู้กับพวกของกรณ์ไว้อย่างสุดความสามารถ เพื่อปกป้องฤทธิ์ที่ยังอยู่ในอาการบาดเจ็บ แต่ก็ไม่สามารถต้านทานกำลังของอีกฝ่ายได้ มาดามหลิวจึงให้สามสาวพาฤทธิ์หนีไป ขณะที่ตัวเธอต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้า ณัฐชา ไอริณ และโซเฟียพาฤทธิ์ไปซ่อนตัวที่เกาะแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างไกลผู้คน ไม่นานนักพลังของน้ำตามัจจุราชก็ช่วยให้ฤทธิ์หายเป็นปกติ ในช่วงนั้นเองก็มีข่าวว่ากรณ์ได้สร้างกองทัพขนาดย่อมของตนเองขึ้น โดยให้นักรบทุกคนเสพสารน้ำตามัจจุราชจนมีพลังเป็นอมตะ ก่อนจะทดลองขีดความสามารถด้วยการส่งนักรบเหล่านี้ ไปปฏิบัติการณ์ปล้นฆ่าตามสถานที่ต่าง ๆ โดยมีสารวัตรราเมศร่วมรู้เห็นอย่างลับ ๆ ทำให้บ้านเมืองตกอยู่ในสภาพวุ่นวาย ฤทธิ์กับสามสาวจึงตัดสินใจกลับกรุงเทพฯ เพื่อหยุดยั้งกรณ์ และเปิดโปงเบื้องหลังของสารวัตรราเมศ โดยอาศัยความช่วยเหลือจากจ่าไมตรีกับหมู่ปรีดา ฤทธิ์สามารถจับตัวสารวัตรราเมศและบังคับให้มันพาพวกเขาบุกเข้าไปในฐานทัพของพวกพรายพิฆาต จนเกิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือดกับกรณ์และลูกสมุน ระหว่างนั้นณัฐชา ไอริณ และโซเฟียก็ช่วยกันปิดทางเข้าออกและวางระเบิดคลังแสงของพวกมัน จนทำให้สารวัตรราเมศกับสมาชิกของพรายพิฆาตแทบทั้งหมดต้องจบชีวิตลงในกองเพลิง ขณะที่ระเบิดลูกสุดท้ายจะทำงานนั้นเอง กรณ์ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กับฤทธิ์ ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ในสภาพของอสูรกายที่เสพน้ำตามัจจุราชเข้าไปจนเกินพิกัด มันฆ่าโซเฟียทิ้งอย่างโหดเหี้ยม และพยายามจะฆ่าณัฐชากับไอริณเป็นรายต่อมา แต่ฤทธิ์ก็โผล่มาขัดขวางไว้เสียก่อน เขาให้สองสาวรีบหนีออกไป ก่อนจะกดชนวนระเบิดถล่มฐานทัพของพวกพรายพิฆาตจนสิ้นซาก กรณ์จบชีวิตลงเพราะแรงระเบิด ในขณะที่ฤทธิ์สามารถรอดตายมาได้ราวกับปาฏิหาริย์ เขาเชื่อว่าคงเป็นเพราะผลกรรมดีที่ปกป้องเขาเอาไว้ นับจากนั้นก็ไม่มีใครได้ยินชื่อองค์กรพรายพิฆาตอีกเลย ส่วนพยัคฆ์มหากาฬก็หายสาสูญไปเช่นกัน แต่อีกไม่นาน…เมื่อใดที่ภัยร้ายเข้ารุกรานแผ่นดิน… ฤทธิ์ ราวี จะต้องกลับมาอีกครั้ง ติดตามชม ละครนักสู้มหากาฬ ได้ทุกวันศุกร์ - อาทิตย์ เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี ละครนักสู้มหากาฬ เริ่มตอนแรกวันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน 2556

พรมแดนหัวใจ 2556

เรื่องย่อ : พรมแดนหัวใจ (2556/2013) เรื่องราวความรักความแค้นระหว่างเอ็นจีโอหนุ่มผู้มีอุดมการณ์แรงกล้ากับสาวสวย ลูกเจ้าแม่เงินกู้ ที่มุมมองชีวิตแตกต่างอย่างสุดชั้ว อะไรที่ทำให้หัวใจทั้งสองหลอมรวมกันเป็นหนึ่งได้

อัปสรโสภิต สาวสวยลูกสาวแม่เลี้ยงอมรา ถูกเรียกตัวกลับมาที่บ้านเกิดด่วนทันทีที่เรียนจบปริญญาจากมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ เพราะแม่เลี้ยงเกิดล้มป่วยกะทันหัน ระหว่างทางโสภิตถูกคนร้ายกลุ่มหนึ่งดักปล้นและฉุดลงจากรถประจวบกับที่ จีรณะ เอ็นจีโอหนุ่มที่กำลังลงจากดอย หลังจากที่ไปเป็นอาสาสมัครช่วย ผู้กองเกียรติก้อง ตชด. ที่เป็นเพื่อนสนิท สอนเด็ก ๆ ในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน จีรณะเห็นเหตุการณ์จึงเข้าช่วยโสภิตได้ทัน แล้วจีรณะก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าคนร้ายก็คือนาย บุญมี ผู้ที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี นายบุญมีเป็นชาวสวนที่เป็นลูกหนี้ของ แม่เลี้ยงอมรา และต้องการจะจับโสภิตไปเป็นตัวประกันเพื่อให้แม่เลี้ยงยกหนี้ให้ จีรณะขอให้บุญมีเลิกล้มความคิด แล้วปล่อยให้บุญมีหนีไป โสภิตฟื้นขึ้นได้ยินจีรณะเจรจากับบุญมีจึงคิดว่าจีรณะเป็นคนร้าย เข้าทำร้ายจีรณะจนหัวแตก ก่อนจะหนีกลับไปที่บ้านแล้วพบว่าแม่เลี้ยงผ่าตัดบายพาสหัวใจต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน แม่เลี้ยงอมราเป็นเศรษฐีนีเงินกู้สุดเค็มประจำจังหวัด เป็นที่เกรงกลัวเกรงใจของบรรดาคนใหญ่คนโตตั้งแต่ผู้ว่า สจ. นักการเมืองท้องถิ่น ตำรวจ แม่ค้า ไปจนถึงเกษตรกรตัวเล็ก ๆ

ต่อหน้าแม่เลี้ยง ทุกคนสรรเสริญเยินยอ แต่ลับหลังกลับสาปแช่งให้ตายเร็ว ๆ แม่เลี้ยงมีลูกสามคน คนโตคือพิมพร แต่งงานไปอยู่ต่างประเทศกับสามี คนที่สองคือยศลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่ไม่ทำงานทำการทำตัวไม่เป็นโล้เป็นพาย ขยันหาเรื่องให้แม่เลี้ยงต้องตามแก้ปัญหา แต่เป็นคนปากหวานชอบอ้อนแม่เหมือนเด็ก ๆ แม่เลี้ยงก็ใจอ่อนให้ท้ายยศอยู่เสมอ ส่วนโสภิตเป็นคนสุดท้อง ถูกส่งไปเข้าโรงเรียนประจำตั้งแต่มัธยมเพิ่งเรียบจบปริญญาตรีทางบัญชีมาจากกรุงเทพฯ แม่เลี้ยงตั้งใจให้ลูกสาวคนนี้ช่วยแบ่งเบาภาระงานการของตัวเอง เพราะนิสัยคล้ายตัวเองที่สุด

จีรณะเป็นลูกชายของ ครูเจือ ครูแสนดีที่เป็นครูตัวอย่างประจำจังหวัด มีลูกศิษย์ลูกหาทั้งรักและ เคารพทั่วเมือง ครูเจือเสียชีวิตไปแล้ว แต่จีรณะก็ได้บารมีพ่อ จึงเป็นที่รักของผู้คนไปด้วย จีรณะเรียนมาทางด้านป่าไม้ และกำลังทำโครงการวิจัยพันธุ์พืช ด้วยความที่เป็นคนรักเด็ก จีรณะจึงมักไปช่วยเกียรติก้องสอนหนังสือที่โรงเรียนบนดอยเสมอ และแล้วจีรณะก็ได้เจอเรื่องไม่คาดฝัน เมื่อกลับมาคราวนี้ จิตรา น้องสาวคนเดียวของเขาเพิ่งกินยาฆ่าตัวตายเข้าไป จีรณะพาส่งโรงพยาบาลช่วยชีวิตไว้ได้ทัน จีรณะพยายามถามถึงสาเหตุที่น้องสาวคิดสั้น แต่จิตราก็ปิดปากเงียบไม่ยอมบอกอะไรทั้งสัน จีรณะทำอะไรไม่ได้ แต่เดาสาเหตุว่าน่าจะเกิดจากแฟนหนุ่มที่มาติดพันน้องสาว แต่ก็ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร จีรณะได้เจอกับโสภิตที่มาเยี่ยมแม่เลี้ยง โสภิตรีบโทรแจ้งตำรวจให้มาจับจีรณะ แต่เมื่อตำรวจมาถึงกลับไม่ยอมจับกุม มิหนำซ้ำยังพูดคุยกับจีรณะเป็นอย่างดี แถมยังยืนยันเอาตำแหน่งตัวเองเป็นประกันว่าจีรณะไม่มีทางเป็นคนร้าย เพราะจีรณะคือลูกครูเจือ พ่อพระของลูกศิษย์ โสภิตโกรธมากแต่ก็ไม่กล้าฟ้องแม่เพราะอมราอยู่ในระหว่างพักฟื้น

แม่เลี้ยงอมราขอให้ ชีพ ลูกน้องคู่ใจพาโสภิตไปฝึกการทวงหนี้กับลูกหนี้ รายแรกเป็นพ่อค้าขี้เมา แต่เมื่อไปถึงที่ลูกหนี้ได้หนีไปแล้ว ทิ้งลูกเมียให้รับหน้า ลูกหนี้พยายามอ้อนวอนขอผัดผ่อนหนี้โสภิตเกือบใจอ่อน แต่จีรณะกลับโผล่เข้ามารับหน้าแทนแม่ลูกคู่นั้น โสภิตจึงแกล้งขูดรีดเงินอย่างโหด จีรณะพยายามไกล่เกลี่ยต่อรองผ่อนหนักเป็นเบา แต่โสภิตไม่สน ขู่จีรณะว่าจะเอาสองแม่ลูกติดคุกถ้าใช้หนี้ไม่ได้ตามกำหนดก่อนจะสะบัดหน้าออกไป

ในเย็นวันนั้น สองแม่ลูกลูกหนี้ของแม่เลี้ยงอมราได้ออกรายการสดทางโทรทัศน์ที่ตีแผ่ความยากลำบากของชีวิตเมื่อเจอมรสุมนายทุนขูดรีด โสภิตกลายเป็นเจ้าหนี้หน้าเลือดที่ออกอากาศประจานตัวเองไปทั้งประเทศ โสภิตอายมากเข้าใจว่าจีรณะตั้งใจจัดฉากทำลายชื่อเสียงของตัวเอง จึงทวีความโกรธเกลียดที่มีกับจีรณะมากยิ่งขึ้น ขอให้ชีพไปสั่งสอน แต่พอรู้ว่าชีพยกพวกไปดักทำร้ายจีรณะจริง ๆ โสภิตก็รีบตามไปห้าม เพราะจริง ๆ แล้วโสภิตไมใช่คนนิสัยโหดร้าย โสภิตต้องบาดเจ็บเสียเอง แต่ก็ไม่กล้าให้แม่รู้ ต้องโกหกว่าหกล้ม ชีพเอาเรื่องไปฟ้องแม่เลี้ยงจนได้โสภิตถูกแม่เลี้ยงตำหนิที่ใจอ่อน ขณะเดียวกันก็ให้ชีพยกพวกไปเล่นงานจีรณะอีกครั้ง แต่คราวนี้ลูกศิษย์ตัวน้อยของจีรณะโดนลูกหลง จีรณะเข้าใจผิดว่าเป็นการสั่งการของโสภิตที่แกล้งมาช่วยตนแต่ลอบมาตลบหลังจึงยิ่งแค้นโสภิต แม่เลี้ยงกลับมาพักฟื้นที่บ้าน ยื่นคำขาดให้ยศเลิกกับผู้หญิงทุกคนที่มีอยู่ เพื่อเตรียมตัวไปเป็นลูกเขยของผู้ว่าราชการจังหวัด ยศบ่ายเบี่ยงเกี่ยงว่ายังให้คำตอบไม่ได้ ต้องเห็นหน้าผู้หญิงที่แม่หาให้เสียก่อน แม่เลี้ยงโกรธอาละวาดใส่ยศ ฟ้องโสภิตว่ายศวัน ๆ เอาแต่เจ้าชู้หาเรื่องมาให้แม่แก้ปัญหา นี่ก็เพิ่งจับได้ว่าไปแอบจดทะเบียนสมรสกับนางพยาบาลจน ๆ คนหนึ่ง ผู้หญิงเป็นคนไม่ดี มั่วผู้ชาย พยายามจับคนรวย ๆ แม่เลี้ยงสั่งให้โสภิตรีบไปเจรจากับฝ่ายนั้น โสภิตบ่ายเบี่ยงไม่อยากทำ แต่ถูกแม่เกลี้ยกล่อมจนโสภิตเห็นว่าฝ่ายหญิงต้องการจับยศ จึงยอมรับปาก

วันที่โสภิตไปเจรจากับจิตรา จีรณะกลับมาพอดีได้ยินสิ่งที่โสภิตพูด จึงยิ่งเกลียด ด่าว่าโสภิตอย่าง รุนแรงเพราะเข้าใจว่าโสภิตเป็นผู้หญิงคนใหม่ของยศมาจ้างให้น้องสาวตัวเองหย่า ส่วนโสภิตก็เข้าใจผิดว่าจีรณะเป็นชู้ของจิตรา โสภิตแสดงท่าทางดูถูกจีรณะ จีรณะหมั่นไส้แกล้งให้โสภิตตกนํ้า และเข้าไปช่วยพร้อมกับลวนลามจูบหอมโสภิตเพื่อสั่งสอนให้ลดความยโสลงไป โสภิตกลับบ้านไปด้วยความแค้น จิตราสารภาพกับจีรณะว่า สาเหตุที่ตัวเองฆ่าตัวตายเพราะถูกยศขอให้หย่าโดยอ้างว่าแม่เลี้ยงอมราไม่ยอมรับตัวเองเป็นสะใภ้เพราะจน ยศจำเป็นต้องทำตามคำสั่งแม่คือไปแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ที่แม่หาให้ จีรณะแค้นครอบครัวนี้มาก สั่งให้จิตราเลิกยุ่งกับยศเด็ดขาด

พิมพรหย่ากับสามีฝรั่งหอบลูกชายวัย 6 ขวบคือบ๊อบบี้ เดินทางกลับมาหาแม่ และเกิดพลัดหลงกับ บ๊อบบี้ ที่ท่ารถ พิมพรตามหาลูกแทบคลั่ง แต่ก็หาลูกเจอในที่สุดเพราะจีรณะมาช่วยไว้ จีรณะพาพิมพรไปส่งบ้าน ทำให้รู้ว่าพิมพรเป็นลูกของแม่เลี้ยงอมราและเป็นพี่สาวของยศ จีรณะรีบลากลับก่อน ทำให้พลาดการเจอกับโสภิต พิมพรเป็นไม้เบื่อไม้เมากับแม่เลี้ยงอมราเพราะแม่ไม่ชอบลูกเขยฝรั่ง เมื่อแม่เจอลูกสาวก็ปึงปังใส่ โสภิตต้องเป็นตัวกลางคอยประสานคนทั้งคู่ แต่แม่เลี้ยงอมรารักและหลงหลานลูกครึ่งมาก บ๊อบบี้ก็ปากหวานประจบยายให้ยิ่งหลงมากยิ่งขึ้น

จีรณะได้รับอนุมัติมาเป็นผู้ช่วยงานวิจัยทางการศึกษาที่โรงเรียนประจำจังหวัดชั่วคราว เป็นเวลาเดียวกับที่แม่เลี้ยงอมราใช้เส้นจับหลานชายให้มาเรียนกลางเทอมโรงเรียนที่จีรณะสอนอยู่ บ๊อบบี้มีปัญหาเข้ากับเพื่อนไม่ได้และหนีเรียน จีรณะเข้าช่วยตามหาจนพบ และปราบพยศจนบ๊อบบี้รักและศรัทธา ยกใหจีรณะเป็นฮีโร่ของตัวเอง บ๊อบบี้ไปขอให้ยายจ้างจีรณะเป็นครู ไม่งั้นจะย้ายกลับไปเรียนหนังสือที่เมืองนอก แม่เลี้ยงอมราไปขอร้องให้จีรณะมาเป็นครูโดยไม่เกี่ยงค่าแรง แต่จีรณะไม่ตกลง แม่เลี้ยงผิดหวังกลับไป แล้วไปจ้างลูกหนี้คนหนึ่งซึ่งเคยให้จีรณะคํ้าประกันเงินกู้การศึกษาให้หนีไป จีรณะต้องชดใช้หนี้แทน แม่เลี้ยงเสนอตัวล้างหนี้ให้โดยเสนอข้อแลกเปลี่ยนให้จีรณะมาสอนภาษาไทยให้บ๊อบบี้ จีรณะจำใจต้องตกลงเพราะสงสารบ๊อบบี้และมีแผนอยู่ในใจว่าจะพยายามเปลี่ยนให้ครอบครัวนี้หันมาเห็นใจคนยากจนบ้างพิมพรเริ่มหลงรักจีรณะ และพยายามแสดงออกอย่างชัดเจนว่าขอบ แต่จีรณะกลับทำเฉย ๆ เมื่อโสภิตรู้ว่าจีรณะมาเป็นครูของบ๊อบบี้ก็คัดค้านหัวชนฝา แต่ทำอะไรไม่ได้ ยิ่งมารู้ว่าทิมพรพอใจจีรณะทำให้ยิงหมั่นไส้ เมื่อทั้งสองเจอกันก็เหมือนไม้เบื่อไม้เมา จีรณะรู้ว่าโสภิตเกลียดก็ยิ่งแกล้ง ทำให้ทั้งสองใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น

แม่เลี้ยงอมรายึดที่ดินของนายบุญมี นายบุญมีแค้นมาก เอาเรื่องมาปรึกษาจีรณะว่าจะแก้แค้นสอง แม่ลูกนี้ไม่ปล่อยไว้อีกต่อไป จีรณะพยายามห้าม แต่นายบุญมีไม่ฟ้ง เพราะสงสัยว่าจีรณะจะมีความสัมพันธ์กับครอบครัวของอมรา แต่แท้จริงแล้วจีรณะรู้ว่านิสัยจริง ๆ ของโสภิตไม่ได้เค็มเขี้ยวเหมือนแม่ แต่ยังไม่ทันที่จีรณะจะเกลี้ยกล่อมโสภิต ยศก็มาสารภาพกับโสภิตว่าตัวเองได้เสียกับนิตยา ลูกสาวผู้ว่าฯ แล้ว แต่ก็ไปแอบจดทะเบียนไว้กับจิตราด้วย ถ้านิตยารู้ต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่ ๆ โสภิตจำใจต้องออกหน้าไปพูดเรื่องนี้อีกครั้ง จิตราปฏิเสธไม่ยอมคุยกับโสภิต โดยให้จีรณะออกหน้าแทน จีรณะเองก็เพิ่งรู้ว่าจิตราไม่ยอมเลิกกับยศอย่างที่รับปาก แต่ต้องปกป้องน้องสาว จีรณะกับโสภิตปะทะคารมกันอย่างดุเดือด จีรณะขู่กลับไปว่าถ้าต้องการใบหย่าให้เอาเงินมาจ่าย 20 ล้าน จึงจะยอมให้จิตราหย่าให้ จิตราคิดฆ่าตัวตายอีกรอบ จีรณะแค้นใจยิ่งเกลียดโสภิตมากขึ้น ไม่ยอมไปหาบ๊อบบี้อีก

วันหนึ่ง โสภิตกลับบ้านคนเดียว นายบุญมีกับพวก 3 คนดักรออยู่แล้ว เข้าฉุดโสภิตจะเอาไปข่มขืน จีรณะซึ่งเป็นห่วงอยู่แล้วเข้ามาช่วยได้ทัน คราวนี้นายบุญมีไม่ยอมเปลี่ยนใจ ยื่นคำขาดว่าจีรณะต้องปล้ำโสภิตเป็นเมีย จะได้บังคับให้โสภิตยกหนี้ให้พวกตนได้ จีรณะตกลง ทั้งสามจึงเอาเงินของโสภิตไปเที่ยวผู้หญิงแทน โสภิตเข้าใจว่าจีรณะกับพรรคพวกตั้งใจทำลายเธอ จีรณะจึงผสมโรงและขู่โสภิตเพิ่มเข้าไป จีรณะแกล้งลวนลามโสภิต โสภิตเกลียดจีรณะสุด ๆ จนตัดสินใจกระโดดออกมาจากหน้าต่างขั้นสอง ตกลงมาสลบ เมื่อฟื้นขึ้นมากลายเป็นว่าจีรณะเป็นฮีโร่ของที่บ้านมาช่วยชีวิตโสภิตตามเคย จีรณะพาโสภิตมาโรงพยาบาลเลยพบว่าบ๊อบบี้ป่วยเรียกหาแต่จีรณะ จีรณะจึงต้องจำใจดูแลบ๊อบบี้ พ่อฝรั่งของบ๊อบบี้ส่งทนายให้มาง้อพิมพร แม่เลี้ยงไม่ยอมจึงไล่ทนายกลับ เมื่อเห็นจีรณะกับบ๊อบบี้เล่นด้วยกัน ก็เกิดความคิดอยากได้จีรณะมาเป็นเขยเพื่อดึงลูกและหลานให้อยู่ในเมืองไทย แม่เลี้ยงจึงสนับสนุนพิมพรกับจีรณะ อยู่กลาย ๆ จีรณะต้องไปดูโรงเรียนที่ชายแดน พิมพรตามไปโดยอ้างว่าบ๊อบขอร้องบ๊อบบี้เล่นกับเด็กดอยอย่างสนุกสนาน ขณะที่พิมพรออกอาการรังเกียจและไม่สนุกกับความทุรกันดารบนดอย จึงโทรขอให้โสภิตเอาเครื่องอำนวยความสะดวกตามไปให้ โสภิตจำใจต้องไป จีรณะแอบดีใจที่โสภิตมา เพราะเริ่มหลงรักโสภิตโดยไม่รู้ตัว ก็ใช้อุบายขอให้โสภิตช่วยตนสอนหนังสือบ้าง พาไปเยี่ยมบ้านลูกศิษย์บ้าง เพื่อให้โสภิตได้ซึมซับความยากลำบากของคนที่ขาดทุกอย่าง

วันที่กลับกรุงเทพฯ มีอุบัติเหตุทำให้ตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับมีไม่ครบคน พิมพรพาบ๊อบบี้กลับไปก่อน ส่วนโสภิตจะบินตามไปในวันรุ่งขึ้น โสภิตทะเลาะกับจีรณะ แล้วเกิดหลงทางเข้าป่าไปเจอกับแหล่งเก็บยาบ้าเข้าโดยบังเอิญ ทั้งสองถูกคนร้ายจับจีรณะพาโสภิตหนีออกมาได้โสภิตเป็นไข้ จีรณะแกล้งทำให้โสภิตเข้าใจผิดว่าตกเป็นของตัวเองแล้ว พอกลับมากรุงเทพฯ จีรณะถือไพ่เหนือกว่า บอกว่าจะแฉความสัมพันธ์ของตนกับโสภิต และยังขู่ว่าจะบอกเรื่องที่ยศไปจดทะเบียนกับจิตราให้นิตยารู้ด้วย จีรณะจึงได้ตามติดโสภิตเวลาไปทวงหนี้และแอบผ่อนผัน ช่วยลูกหนี้ของโสภิตตลอด โสภิตไม่กล้าหือ ขณะเดียวกันจีรณะก็แกล้งจีบพิมพรให้โสภิตหึง โสภิตก็แอบหึงแต่ไม่ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง

พีรพงษ์ ลูกชาย ส.ส. ของวังหวัดเมื่อเห็นโสภิตก็ประกาศว่าเจอเจ้าสาวที่จะแต่งงานด้วยแล้ว พ่อของพีรพงษ์ต้องการเงินจากแม่เลี้ยงอมราเพื่อใช้หาเสียง ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายจึงต่างสนับสนุนหนุ่มสาวคู่นี้อย่างออกนอกหน้า ทำให้จีรณะเริ่มหึงและกีดกัน โดยมีบ๊อบบี้เป็นลูกคู่ ยศกับนิตยาทะเลาะกัน ยศกลับมาหาจิตรา จิตราก็ใจอ่อน ลักลอบแอบมาคบกับยศอีก พีรพงษ์เห็นว่าความสัมพันธ์ของตัวเองกับโสภิตไม่คืบหน้าไปสักที จึงวางแผนให้ลูกน้องปลอมเป็นโจรมาจับโลภิตไปแล้วตัวเองทำเป็นไปช่วย เพื่อจะทำให้โสภิตตกเป็นของตน แต่จีรณะกลับเป็นฝ่ายไปช่วยแทน ปรากฏว่าลูกน้องพีรพงษ์เคยเป็นลูกศิษย์พ่อจีรณะมาก่อน เลยปล่อยทั้งคู่ไป จีรณะบาดเจ็บ โสภิตคอยดูแล และในที่สุดทั้งสองก็ตกเป็นของกันและกันจริง ๆ พิมพรบอกอมราว่ารักจีรณะและอยากได้มาเป็นพ่อของลูก แม่เลี้ยงอมรามาปรึกษาโสภิตว่าต้องการให้พิมพรสมหวังในรักและขอให้โสภิตช่วย โสภิตยอมเสียสละให้พี่สาว ประกาศจะแต่งงานกับพีรพงษ์ และจะไปเรียนด็อกเตอร์ต่อที่เมืองนอก จีรณะเสียใจมาก จึงหลบไปสงบใจบนดอยและได้อาโป ชาวเขาที่หลงรักจีรณะคอยปลอบใจ

บ๊อบบี้ล้มป่วยหนัก หมอพบว่าบ๊อบบี้เป็นโรคหัวใจเฉียบพลัน ซึ่งเป็นกรรมพันธุ์มาจากอมรา อมราตกใจมาก พยายามหาหมอมารักษาหลาน แต่ก็ไม่ดีขึ้น บ๊อบบี้บ่นหาจีรณะ โสภิตจึงตัดสนใจขึ้นดอยไปตามหาจีรณะ เป็นเวลาเดียวกับที่พีรพงษ์กำลังลำเลียงยาบ้าข้ามชายแดนมาขาย และจีรณะกำลังตามซุ่มดูแต่โสภิตไม่รู้ตามจีรณะไป ทำให้ทั้งคู่ไปเผชิญหน้ากับพีรพงษ์ พีรพงษ์คิดว่าโสภิตแอบมาหาจีรณะจึงหงหวงมาก ตัดสินใจจะฆ่าจีรณะแต่ตำรวจตามมาทันพอดี พีรพงษ์ถูกจับ ด้วยความแค้น พีรพงษ์จึงซัดทอดแม่เลี้ยงอมราว่าร่วมกันค้ายา แม่เลี้ยงถูกสั่งอายัดทรัพย์สินจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว ขอความช่วยเหลอใครก็ไม่มีใครเต็มใจช่วย แม่เลี้ยงจึงได้ตระหนักว่าที่แล้วมาได้สร้างความเจ็บใจไว้ให้คนรอบข้างมากแค่ไหน เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อบ้านของแม่เลี้ยงเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ไฟไหม้วอดทั้งหลัง ต้องไปอาศัยศาลาวัดชั่วคราว ส่วนบ๊อบบี้ที่อยู่โรงพยาบาลอาการทรุดลงอีก แม่เลี้ยงจึงถอดแหวนทองวงสุดท้ายถวายพระและอธิษฐานขอให้หลานปลอดภัย โดยตัวเองจะยกหนี้ให้กับทุกคน จิตราได้ข่าวว่าหมอที่เชี่ยวชาญเรื่องหัวใจกำลังเดินทางมาเมืองไทยจึงไปหาและขอให้หมอช่วยบ๊อบบี้ด้วยความที่หมอเคยเป็นลูกศิษย์ครูเจือ จึงยอมมาช่วยผ่าตัดโดยไม่คิดเงิน บ๊อบบี้ดีขึ้น พ่อของบ๊อบบี้รู้ข่าวจึงรีบมาเยี่ยม และคืนดีกับพิมพร จะพาบ๊อบบี้กลับต่างประเทศ แม่เลี้ยงจะคัดค้านก็ไม่มีปัญญา ถึงกับล้มป่วย ยศที่ถูกนิตยาเฉดหัวส่งเพราะเห็นว่ายศตกต่ำก็ซมซานมาหาจิตราเพื่อขอคืนดี จิตราเสนอให้อมราไปอยู่บ้านเช่าด้วยกัน แม่เลี้ยงไปอย่างไม่เต็มใจ แต่เพราะความดีของจิตราที่ปรนนิบัติทำให้แม่เลี้ยงใจอ่อน

โสภิตกับจีรณะยังคงงอนไม่แสดงความในใจต่อกัน ยิ่งโสภิตได้เห็นว่าจีรณะสนิทสนมกับอาโปก็ยิ่งพยายามตัดใจ พิมพรขอให้แม่เลี้ยงกับโสภิตไปอยู่เมืองนอกด้วยกัน แต่แม่เลี้ยงไม่ยอมไป เพราะอยากถือศีลไถ่บาป โสภิตตกลงไปคนเดียว จีรณะเสียใจคิดว่าโสภิตไม่มีเยื่อใยด้วย จึงขึ้นดอยไปสอนหนังสือเด็ก จิตรามาบอกจีรณะว่าโสภิตตั้งครรภ์ (โสภิตไปตรวจที่โรงพยาบาลที่จิตราทำงาน) จีรณะจึงรีบตามไปที่สนามบินแต่ไม่ทัน จีรณะกลับมาที่โรงเรียนบนดอย และก็ได้พบว่าโสภิตมาสอนเลขแทนจีรณะอยู่ (จิตราพาอาโปหาโสภิต เพื่อยืนยันว่าไม่มีอะไรกับจีรณะ) จีรณะแกล้งโวยวายว่าไม่มีเงินจ้าง โสภิตบอกให้ติดไว้ก่อน แต่ขอคิดดอกเบี้ยแพง ๆ ในที่สุดพรมแดนหัวใจของคนทั้งสองก็ไม่ถูกปิดกั้นอีกต่อไป

ปิ่นอนงค์ 2555

เรื่องย่อ : ปิ่นอนงค์ (2555/2012) ในอาณาจักรฟาร์มวัวนมอันกว้างใหญ่ไพศาลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย คือบ้านที่ให้กำเนิดทารกน้อยผู้มีชาติกำเนิดต้อยต่ำนามว่า “ปิ่นอนงค์” (พีชญา วัฒนามนตรี) ปิ่นอนงค์เป็นเพียงลูกสาวของนางอุ่นเรือน (สินิทรา บุญยศักดิ์) แม่บ้านของคุณนายครองสุข (อภิรดี ภวภูตานนท์) ผู้ได้รับการขนานนามจากชาวบ้านละแวกนั้นว่าเป็นแม่มดร้ายแห่งไร่ไพศาล เพราะคุณนายมีนิสัยเอารัดเอาเปรียบค่าแรง เห็นแก่ตัว และร้ายกาจกับคนงาน ลูกน้อง รวมไปถึงจิกใช้ปิ่นอนงค์และนางอุ่นเรือนเหมือนทาสในเรือนเบี้ย ด้วยถือว่าพ่อของตัวเองชุบเลี้ยงนางอุ่นเรือนมาแต่เด็ก หนำซ้ำคุณนายก็ยังช่วยส่งเสียปิ่นอนงค์ให้เรียนจนจบปริญญาตรี จนกระทั่งคุณนายเข้ามาอยู่เป็นภรรยาใหม่ของคุณไพศาล (สมภพ เบญจาธิกุล) เจ้าของไพศาลรีสอร์ตแอนด์ฟาร์ม คุณนายก็ยังหนีบนางอุ่นเรือนติดสอยห้อยตามมาอยู่ด้วยกัน นางอุ่นเรือนจึงจงรักภักดีต่อคุณนายเป็นอย่างมาก และสั่งสอนให้ปิ่นอนงค์ ลูกสาวให้เชื่อฟังคุณนายทุกเรื่อง และคอยรับใช้ทรรศนะ (ศุภกิจ บัวงาม) หลานชาย และทัศนีย์ (ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล) หลานสาวของคุณนาย ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นลูกติดจากนายผา (วิทิต แลต) สามีเก่าที่ติดคุกอยู่ ทรรศนะเอ็นดูปิ่นอนงค์มาก คอยดูแลเอาใจใส่ปิ่นอนงค์ตั้งแต่เด็กจนโต และได้ให้คำสัญญาว่าจะแต่งงานกับปิ่นอนงค์เพียงคนเดียว เมื่อทรรศนะต้องจากไปเรียนต่อต่างประเทศ ปิ่นอนงค์จึงเฝ้านับวันรออย่างเหงาหงอย โดยมีจินตนา (อรัชมน รัตนวราหะ) เพื่อนสมัยเรียนวิทยาลัยเกษตรที่ทำงานเป็นปศุสัตว์อำเภอคอยปลอบใจ แต่แล้ววันหนึ่ง ชายแปลกหน้าก็ได้หลงเข้ามาในชีวิตหญิงสาว จนทำให้ชีวิตของเธอต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ในคืนนั้นปิ่นอนงค์เฝ้าบ้านอยู่เพียงคนเดียว เพราะแม่ป่วยต้องไปค้างคืนที่โรงพยาบาล ส่วนคุณนายครองสุขก็เดินทางไปต่างจังหวัดกับเพื่อน จู่ๆ ก็มีผู้ชายรูปร่างล่ำสัน หน้าตาคมคายปีนเข้ามาในห้อง และบังคับข่มขู่ให้ปิ่นรักษาแผลถูกยิง ด้วยความเป็นคนเมตตาหญิงสาวจึงยินยอมปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้แต่โดยดี ระหว่างนั้นคนสวนและตำรวจตามหาคนร้ายมาเคาะประตูเรียก ปิ่นอนงค์แม้จะรู้จากตำรวจว่ามีเหตุฆ่าชิงทรัพย์ในละแวกใกล้ฟาร์ม แต่หญิงสาวก็ตั้งใจช่วยปกปิดให้ชายแปลกหน้าหนีรอดการจับกุมของตำรวจไปได้ แต่ก่อนจากไปชายลึกลับผู้นั้นกลับฝากรอยจูบแรกไว้ให้กับปิ่นอนงค์เป็นการตอบแทน วันรุ่งขึ้น เมื่อปิ่นอนงค์ขึ้นไปพบคุณนายถึงกับตะลึง เพราะชายแปลกหน้าที่เธอช่วยไว้คือ คุณชาลิต(ใหญ่) (ศุกลวัฒน์ คณารศ) ทายาทคนเดียวของคุณไพศาล ธำรงรัตน์ เจ้าของไพศาลรีสอร์ตแอนด์ฟาร์มซึ่งหายสาบสูญไปนานนับสิบปี จนทำให้หลายคนเข้าใจว่าคุณใหญ่ได้ตายไปจากโลกนี้แล้ว การปรากฏตัวของคุณใหญ่ทำให้คุณนายครองสุขแทบหัวใจวาย เพราะนั่นหมายถึงว่ามรดกทั้งหมดที่ตัวเองครอบครองอยู่ต้องตกเป็นของทายาทตัวจริงทั้งหมดตามที่พินัยกรรมระบุไว้อย่างชัดเจนก่อนที่พ่อของคุณใหญ่จะเสียชีวิต ซึ่งคุณนายและหลานชาย หลานสาว ซึ่งแท้จริงเป็นลูกชายและลูกสาวแต่คุณนายปกปิดความจริงไว้ จะกลายเป็นเพียงผู้อาศัยทันที คุณนายครองสุขต้องหาช่องทางที่จะกำจัดคุณใหญ่ให้หลุดจากกองมรดกให้ได้ คุณนายครองสุขจึงให้ธีระ (อรุชา โตสวัสดิ์) ผู้จัดการไร่ ชู้รักคนล่าสุดที่คุณนายไว้เนื้อเชื่อใจที่สุดไปแจ้งความจับคุณใหญ่ในข้อหาฆ่าคนตาย ย้อนกลับไปในอดีต คุณใหญ่ในวัย 16 ปี แอบเห็นคุณนายทะเลาะกับผา สามีเก่าซึ่งออกจากคุกมารีดไถเงินอยู่บ่อยๆ คุณใหญ่ไม่รู้ว่าชายคนนี้เป็นใคร และไม่รู้ว่าทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไร คุณใหญ่เห็นผู้ชายคนนั้นเอามีดออกมาขู่คุณนาย คุณใหญ่จึงคิดเข้าไปช่วยเหลือ เกิดการยื้อมีดกัน จนมีดแทงท้องผู้ชายคนนั้นล้มลง คุณใหญ่ตกใจมาก คุณนายกลัวความแตกเลยบอกให้คุณใหญ่หนีไปให้ไกลๆ เพราะคุณใหญ่ฆ่าคนตาย แล้วอย่ากลับมาอีกไม่อย่างนั้นติดคุกแน่ คุณใหญ่หลงเชื่อ จึงหลบหนีไป ผาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และให้การว่าตัวเองมาสมัครเป็นคนงานกับคุณนาย แต่โดนคุณใหญ่หาว่าเป็นโจรและทำร้ายผาจนบาดเจ็บ คุณนายกลัวว่าความลับเรื่องผาและตัวเองจะถูกเปิดเผย จึงล่อผาออกมาแล้วเอารถไล่ชนจนตาย ส่วนคุณใหญ่ด้วยความเป็นเด็กคิดว่าผู้ชายคนนั้นตายแล้ว จึงกลัวติดคุกไม่กล้ากลับบ้าน หนีเตลิดไปซ่อนตัวอยู่กับปลอด (ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล) ลูกน้องเก่าของไพศาลที่ไปเป็นนายเหมืองทางใต้ และเมื่อคุณใหญ่โตเป็นหนุ่มจึงขอให้ปานเทพ (ภาณุ สุวรรโณ) หรือปั่นลูกชายของปลอดซึ่งเรียนจบทนายความลงไปสืบเรื่องคดีเก่า จนได้ความจริงมาว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้ตายเพราะโดนแทง แต่ตายจากการโดนรถชน ด้วยเหตุนี้คุณใหญ่จึง ตัดสินใจกลับมาที่บ้านพ่ออีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตของพ่อ คุณนายครองสุขก็หวาดกลัวความจริงตรงนี้เช่นกัน เพราะตัวเองแอบใส่ยาให้สามีวันละนิด จนคุณไพศาลร่างกายอ่อนแอลงเรื่อยๆ หากคุณใหญ่มาล่วงรู้เข้า คุณนายก็จะเดือดร้อน เหตุนี้คุณนายจึงแสร้งทำดีเอาใจคุณใหญ่สารพัดด้วยการอาสาหาเมียให้คุณใหญ่ โดยออกอุบายให้ทัศนีย์หลานสาวหว่านเสน่ห์เพื่อแต่งงานกับคุณใหญ่ ทุกคนจะได้อยู่กันอย่างสุขสบายเหมือนเดิม แต่ทัศนีย์เป็นผู้หญิงไม่มีสมอง ชอบผู้ชายหล่อและดูดีจึงรังเกียจที่คุณใหญ่หนวดเคราครึ้ม พูดจาดุดันเหมือนคนบ้านป่าเมืองเถื่อน เลยไม่ยอมทำตามที่คุณนายสั่ง คุณนายเปลี่ยนเป้าหมายใหม่คิดยกปิ่นอนงค์ให้เป็นเมียคุณใหญ่ เพราะเคยเห็นคุณใหญ่เคยแอบมองปิ่นอนงค์ด้วยสายตาพึงพอใจ แรกทีเดียวปิ่นอนงค์ไม่ยินยอมเพราะยังเฝ้ารอการกลับมาของทรรศนะหลานชายคุณนาย แต่พอรู้ข่าวว่าทรรศนะกำลังจะกลับมาเมืองไทยพร้อมอรสอางค์ (อรลีฬห์ โสตถิวันวงศ์) คนรักใหม่ โดยมีแผนจะแต่งงานกันในทันทีที่ถึงเมืองไทย ก็ทำให้ปิ่นอนงค์หัวใจแหลกสลาย ประกอบกับแม่อุ่นเรือนขอร้องลูกสาวให้ทำตามคุณนายสั่งเพื่อตอบแทนบุญคุณของครอบครัวคุณนาย ปิ่นอนงค์ไม่มีความหวังอะไรหลงเหลืออยู่เมื่อไม่มีทรรศนะ เธอจึงยอมตกลงแต่งงานกับคุณใหญ่ แต่แอบเซ็นเงื่อนไขกับคุณใหญ่ไว้ว่าตนเองจะยอมจดทะเบียนแค่ในนามและต้องหย่าให้ภายใน 3 เดือน หลังจากนั้นปิ่นอนงค์จะไปจากที่นี่เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ไม่ขอเป็นทาสคุณนายอีกต่อไป คุณใหญ่ซึ่งแอบมีใจกับปิ่นอนงค์ตั้งแต่แรกเห็น จึงยอมตกลงอย่างง่ายดาย แต่เป้าหมายสำคัญของเขาคือต้องการทวงคืนสมบัติของพ่อกลับคืนมา และถ้าเขาเป็นเจ้าของฟาร์มก็จะสามารถค้นหาหลักฐานต่างๆ ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น แต่คุณใหญ่ก็แอบผิดหวังในตัวปิ่นอนงค์ เพราะคิดว่าหญิงสาวเป็นพวกเดียวกับคุณนายครองสุข ก็คงหวังช่วยเหลือคุณนายและเห็นแก่เงินของเขา จากความรู้สึกดีๆ ที่คิดว่าปิ่นอนงค์เป็นคนจิตใจดีงามกลายกลับเป็นความเกลียดชัง ไม่ไว้วางใจปิ่นอนงค์ ประกอบกับปิ่นอนงค์ให้ความสนิทสนมกับจอม (เหมวรรษ นิตยารส) ลูกชายนายถวิล (ศักราช ฤกษ์ธํารงค์) หัวหน้าคนงานเป็นพิเศษ จอมเองก็คอยมาดูแลปิ่น เพราะกลัวปิ่นจะถูกใหญ่รังแก ทำให้ใหญ่ยิ่งเข้าใจผิดว่าปิ่นชอบยั่วยวนผู้ชาย ทรรศนะพาแฟนใหม่กลับมาในวันแต่งงานของปิ่นอนงค์พอดิบพอดี ทรรศนะเกิดอาการเสียดายปิ่นอนงค์เพราะหญิงสาวอยู่ในชุดเจ้าสาวที่สวยงามอย่างที่สุด ส่วนทัศนีย์น้องสาวของทรรศนะก็แทบอยากวิ่งเข้าไปแย่งตัวคุณใหญ่คืนมา เพราะคุณใหญ่โกนหนวดเคราตัดผมจนหล่อเหลา เหมือนเป็นคนละคนกับคุณใหญ่ในวันก่อน คุณนายครองสุขสมน้ำหน้าหลานสาวที่ไม่ยอมเชื่อฟังแต่ต้น อรสอางค์เห็นทรรศนะจ้องมองเจ้าสาวตาไม่กะพริบ จึงเกิดความสงสัยในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ อรสอางค์แอบถามทัศนีย์ ทัศนีย์เป็นคนปากพล่อยอยู่แล้วจึงบอกอรสอางค์ว่าสองคนเคยรักกัน และใส่สีตีไข่ให้อรสอางค์เห็นว่าปิ่นอนงค์เป็นผู้หญิงร้ายกาจและชอบยั่วยวนผู้ชาย ถึงจะแต่งงานแล้วก็ให้ระวังปิ่นอนงค์จะงาบทรรศนะไปอีกคน ทำให้อรสอางค์หึงหวงและมองปิ่นอนงค์เป็นศัตรูในทันที แต่ด้วยความเป็นผู้หญิงฉลาดทันเกม อรสอางค์จึงแกล้งทำเป็นญาติดีกับปิ่นอนงค์ไปก่อน คุณใหญ่เข้ามาดูแลกิจการไพศาลรีสอร์ตแอนด์ฟาร์มเต็มตัว โดยเอาปานเทพเข้ามาช่วย คุณนายครองสุขไม่พอใจที่ถูกลดทอนอำนาจลง โดยคุณใหญ่โอนหน้าที่การดูแลบ้านและเด็กๆ บนเรือนใหญ่ให้ปิ่นอนงค์ดูแลในฐานะคุณผู้หญิงคนใหม่ของบ้าน แถมยังปลดธีระลงไปเป็นคนงานรีดนมวัวในข้อหายักยอกเงินบริษัท คุณนายครองสุขไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้างัดข้อกับคุณใหญ่ จึงหันไปเล่นงานปิ่นอนงค์ด้วยการยึดเครื่องประดับซึ่งเป็นของหมั้นในงานแต่งไปจนหมด และยังบีบบังคับให้ปิ่นอนงค์คอยรายงานพฤติกรรมคุณใหญ่ทุกฝีก้าว ปิ่นอนงค์ไม่อยากทำแต่ก็ต้องจำใจเพราะคุณนายอ้างแต่เรื่องหนี้บุญคุณ คุณใหญ่รู้ว่าปิ่นอนงค์คอยจับตาเขาขณะที่เขาเข้าไปห้องนอนเก่าของพ่อ และคอยสะกดรอยตามเขาไปหลายแห่งของฟาร์ม คุณใหญ่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่พอสบโอกาสก็วางแผนล่อปิ่นอนงค์ให้ตามไปที่เรือนไม้สวยๆ ในฟาร์มแล้วแอบกอดจูบปิ่นอนงค์โดยหลอกว่าจะปล้ำปิ่นอนงค์เป็นเมีย ปิ่นอนงค์กลัวมากไม่กล้าที่จะสะกดรอยตามคุณใหญ่อีก แต่คนที่ทำหน้าที่แทนคือจอม ที่ปักใจว่าใหญ่เป็นวายร้าย ด้านทรรศนะจิตใจโลเลคิดแย่งปิ่นอนงค์คืนจากคุณใหญ่ ทำให้เกิดทะเลาะกับอรสอางค์จนทรรศนะบอกขอเลิก อรสอางค์เจ็บใจมากประกาศไม่ยอมเลิกกับทรรศนะ คุณใหญ่เองก็เริ่มไม่พอใจที่ทรรศนะคอยวนเวียนวุ่นวายกับปิ่นอนงค์ไม่เลิกรา ส่วนทัศนีย์ก็อยากเป็นเมียน้อยคุณใหญ่พยายามยั่วยวนทุกวิถีทางแต่ทำไม่เคยสำเร็จเพราะปานเทพคอยขัดขวางกวนประสาทอยู่ สุดท้ายทัศนีย์โดนคุณใหญ่แกล้งทำเป็นจะจับรัดโซ่แล้วใช้เข็มขัดฟาด เล่นเอาทัศนีย์วิ่งหนีแทบไม่ทัน แต่ปิ่นอนงค์เห็นทัศนีย์ออกมาจากห้องคุณใหญ่กลางดึกจึงเข้าใจผิดคิดว่าทั้งคู่มีอะไรกัน ปิ่นอนงค์รู้สึกหึงหวงโดยไม่รู้ตัวว่าเริ่มรักคุณใหญ่เข้าให้แล้ว อรสอางค์ขอให้คุณใหญ่ควบคุมเมียตัวเองให้ดีอย่ามายุ่งเกี่ยวกับทรรศนะอีก คุณใหญ่สั่งห้ามปิ่นอนงค์ไม่ให้เข้าไปในฟาร์มเพราะกลัวจะไปเจอกับทรรศนะซึ่งทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายจัดการท่องเที่ยว ทรรศนะคิดรวบหัวรวบหางปิ่นอนงค์ เพราะรู้ว่าปิ่นอนงค์แต่งงานกับคุณใหญ่ตามคำสั่งคุณนายครองสุข จึงแกล้งบาดเจ็บโดนวัวชนแล้วให้ทัศนีย์มาตามปิ่นอนงค์ไปช่วยดู ปิ่นอนงค์หลงกลขึ้นไปหาทรรศนะที่บ้านพักของเขาในฟาร์ม ทรรศนะอ้อนวอนขอคืนดี จะแต่งงานกับปิ่นอนงค์ทันทีที่หญิงสาวยอมเลิกกับคุณใหญ่ แต่ปิ่นอนงค์สารภาพว่าไม่ได้รักทรรศนะแล้วเธอมีคุณใหญ่อยู่ในหัวใจเพียงคนเดียว ทรรศนะผิดหวังอย่างรุนแรงเข้าปลุกปล้ำปิ่นอนงค์แต่คุณใหญ่เข้ามาช่วยได้ทัน คุณใหญ่ชกหน้าทรรศนะ ประกาศห้ามข้องเกี่ยวกับปิ่นอนงค์อีก ส่วนทัศนีย์เมื่อทำตามแผนเสร็จพอจะเดินกลับเรือนใหญ่ก็ถูกธีระที่เมามายอยู่กับพวกคนงานฉุดไปข่มขืน ปานเทพเข้าช่วยไว้ได้ทัน ทำให้พวกธีระหนีกระเจิงไปจากไร่ คุณนายเริ่มทนไม่ไหวที่ทรรศนะโดนรังแก แถมตัวเองก็ถูกตัดค่าใช้จ่ายโน่นนี่หลายอย่างเพราะคุณใหญ่หาว่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย คุณนายคิดฆ่าคุณใหญ่เหมือนที่เคยทำกับพ่อคุณใหญ่โดยสั่งให้ปิ่นอนงค์ใส่ยาให้คุณใหญ่กินทุกวัน ปิ่นอนงค์ทำไม่ลง แต่หากจะปฏิเสธคุณนาย ด้วยนิสัยคุณนายต้องหาทางทำให้สำเร็จจนได้ ปิ่นอนงค์จึงเลือกที่จะช่วยคุ้มครองคุณใหญ่ด้วยการแกล้งยอมทำตามคำสั่งคุณนาย แต่แทนที่จะใส่ยาพิษก็เปลี่ยนเป็นใส่ยาบำรุงให้แทน โชคช่วยปิ่นอนงค์เมื่อคุณใหญ่ไปดูแลฟาร์มจนเปียกฝนทำให้เป็นไข้ล้มป่วย คุณนายคิดว่าเป็นผลจากยาพิษของตน จึงเชื่อใจปิ่นอนงค์ว่าทำตามคำสั่งจริง ปิ่นอนงค์เฝ้าดูแลอาการป่วยคุณใหญ่ คุณใหญ่อ้อนปิ่นอนงค์สารพัดจนปิ่นอนงค์ยอมให้คุณใหญ่นอนกอดทั้งคืนจนเผลอใจตกเป็นเมียคุณใหญ่ด้วยความเต็มใจ ความรักของคนทั้งคู่เริ่มพัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังปกปิดความรู้สึกไม่กล้าแสดงออกให้อีกฝ่ายรู้ตรงๆ ด้านอรสอางค์ยังไม่ยอมแพ้ปิ่นอนงค์ง่ายๆ เมื่อรู้ว่าคุณนายครองสุขกำลังตกที่นั่งลำบาก พลาดพลั้งไปติดหนี้การพนันเป็นล้าน อรสอางค์จึงยื่นข้อเสนอชดใช้หนี้ให้เพื่อแลกกับการได้แต่งงานกับทรรร

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 16 รายการ