บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
เรื่องย่อ : Reset การเกิดใหม่ของดวงดาว (2568/2025) ในวันที่ได้รับรางวัลเกียรติยศสูงสุดในชีวิต “อาร์มิน” กลับถูกคนรักอย่าง “ชาลี” หักหลัง แอบไปมีสัมพันธ์กับ “แซม” นักแสดงรุ่นน้อง ทั้ง3คนทะเลาะกันอย่างรุนแรง จนอาร์มินเสียชีวิต แต่ความตายไม่ใช่จุดจบ กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้อาร์มินย้อนกลับมาอดีตอีกครั้งในวันที่เขาเพิ่งเริ่มต้นกับการเป็นนักแสดง และมีบุคคลปริศนาที่ชื่อ “ธาดา” มาวนเวียนในชีวิต ทั้งที่เขาไม่เคยมีอยู่ในความทรงจำมาก่อน
ดั่งดวงตะวัน (2550/2007) ในยุคสมัยพ.ศ.2518 เป็นยุครุ่งเรืองของการแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตร จากโรงเรียนชายอันเกรียงไกร 4 โรงเรียน นำทัพโดยหนุ่ม สุดหล่อ เท่ โด่งดังที่สุดในรุ่น 4 คนคือ หิน อ๊อด แก้ว และธง สาวๆ เรียกพวกเขาทั้ง 4 ว่า จตุรเทพ และจากการแข่งขันฟุตบอลนี้ ทำให้ทั้ง 4 คน ได้รู้จักจนกลายเป็นเพื่อนรัก จวบจนกลายเป็นหนุ่มใหญ่ในปัจจุบัน หิน จอมเกเร ภายหลังเรียนจบเข้ารับราชการเป็นตำรวจ แต่ด้วยความประพฤตินอกคอก เลือดร้อน ชอบลุยจับโจรมือเปล่า ทำให้ได้เป็นแค่จ่า จ่าหินมีลูกชาย ชื่อดิน เข้ารับราชการเป็นตำรวจเหมือนจ่าดิน แต่นิสัยแต่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทำให้เลื่อนขั้นเป็นหมวดในเวลาไม่นาน ติดตามต่อได้ใน ดั่งดวงตะวัน
หยกลายเมฆ (2552/2009) ความรักของหนุ่มสาวต่างเชื้อชาติ เรื่องราวอดีตรักอันขมขื่นของผู้ให้กำเนิด ทำให้เธอต้องลัดฟ้าไปไกลถึงแดนมังกร ถิ่นที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งทางธุรกิจ ความริษยา และมนต์ขลังของความรัก...วังวนของประวัติศาสตร์กำลังจะเกิดขึ้นซ้ำรอยเก่าอีกครั้ง...พร้อมกับดนตรีแห่งความรักบทใหม่ก็เริ่มบรรเลงเช่นกัน...
Rock Letter คำว่ารักจากก้อนหิน (2560/2017) ละครฉลองครบรอบ 130 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น (130th Anniversary of Thailand – Japan Diplomatic Relations) เกี่ยวกับความรัก และมิตรภาพที่ดีต่อกันระหว่างชาวไทยและชาวญี่ปุ่น เป็นเรื่องของ “วีนา” (มาช่า วัฒนพานิช) บ.ก.สาวคนเก่ง ซึ่งเดินทางไปเมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับ “อาย” (มาย-วิรพร) ผู้อยู่ในความดูแลของเธอ เพื่อตามหาผู้รับจดหมายและก้อนหินลายพระจันทร์ให้ชายชาวญี่ปุ่นผู้เสียชีวิตจาก “สึนามิ” ในเมืองไทยเมื่อ 10 ปีก่อน โดยมี “ยู โอฮาร่า” (KEN YAMAMURA) ชาวญี่ปุ่นที่มีบาดแผลในใจเป็นผู้ช่วย ที่เซนได วีนาและอายได้พบกับ “นัท”(เคน-ภูภูมิ) วิศวรกรหนุ่มที่เพิ่งอกหัก กำลังเรียนทำราเมงกับ “โยชิ โมริตะ” (KYOICHI KOMOTO) เจ้าของร้านราเมงรสเลิศแห่งเมืองเซนได การเดินทางครั้งนี้ วีนาได้ช่วยให้ยูก้าวข้ามผ่านความทุกข์ในอดีตได้สำเร็จ ส่วนนัทกับอายก็ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันจนกลายเป็นคู่รัก สุดท้ายวีนาและอายก็พบว่าคนที่กำลังตามหานั้นก็คือ โยชิ พี่ชายของเจ้าของก้อนหินนั่นเอง ก่อนจากกัน วีนาไม่สามารถตอบรับความรู้สึกดีๆที่ยูมีให้ได้ แต่มิตรภาพของเขาและเธอจะคงอยู่ตลอดไป
เหตุเกิดในครอบครัว (2550/2007) สวัสดีครับ ผมชื่อ ปอ อายุ 10 ขวบ มีพี่สาวชื่อ ปา อายุ 12 เราทั้งสองเป็นครอบครัวตัว ป. จริงๆ เพราะพ่อของเราชื่อ ปุณย์ ส่วนแม่ก็ชื่อ ปัท ช่วยขยับเข้ามาชิดๆ เอียงหูเข้ามาใกล้ๆ ซิครับ ผมมีเรื่องจะนินทาพ่อกับแม่ของผมให้ฟัง แม่ของผมนะครับจัดเป็นผู้หญิงเก่งคนหนึ่ง ไม่ใช่ประเภทช้างเท้าหลังอย่างผู้หญิงไทยโบราณ แม่ผมเป็นนักวิชาการฝีปากกล้า ที่เดี๋ยวไปอภิปรายที่นั่น เดี๋ยวมาบรรยายที่นี่ มีชื่อเสียงไม่หยอกครับ แต่พออยู่ในบ้านแม่จัดเป็นแม่บ้านที่ไม่เอาไหนเลยเพราะขนาดไข่ดาวยังทอดไหม้ สู้พ่อผมก็ไม่ได้ เพราะแม้พ่อจะทำงานอยู่บริษัทฝรั่งเงินเดือนแพง แต่พ่อก็ทำกับข้าวอร่อยกว่าแม่เสียอีก (ผมไม่ได้เข้าข้างพ่อนะครับ) และก็เพราะเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งอย่างนี้แหละครับ ที่มักจะเป็นจุดก่อให้เกิดศึกย่อยๆ ขึ้นในครอบครัวของผม จากเรื่องไข่ก็บานปลายเป็นเรื่องสิทธิระหว่างเพศจนอาจเลยเถิดไปถึงเรื่องการเมืองก็ยังได้ พ่อผมนะหรือครับจะสู้ฝีปากแม่ผมได้ อย่างเก่งก็แค่มานินทาให้ผมฟังลับหลังว่าแม่นะพูดจนลิงยังหลับ และก็เช่นทุกครั้งเหมือนกันที่พอมวยคู่ใหญ่เริ่ม ก็มักลามให้เกิดมวยคู่เล็กของผมกับพี่ปาเสมอ ก็แหม...ทีพ่อแม่ยังขัดแย้งกันบ่อยๆ ผมกับพี่ปาก็เลยได้กรรมพันธุ์เรื่องนี้มาเต็มๆ ยังดีที่เราไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกัน การวิวาทกันจึงเกิดแค่ในบ้านเท่านั้น แต่ปัญหาของครอบครัวผมไม่ได้มีแค่นี้นะครับ เพราะพ่อผมนะไม่ถูกชะตาอย่างแรงกับ คุณยาย มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ก็ใครต่อใครว่าพ่อผมนะเป็นคนปากไม่ดีหนึ่งล่ะ ส่วนอีกอย่างก็เพราะคุณยายเคยหมายตา ลุงฉัตร ผู้ที่ปัจจุบันมีฐานะการงานที่ก้าวหน้าจนเกือบจะได้เป็นนายพลอยู่รอมร่อ แต่สุดท้ายก็ต้องมาคลาดแคล้วกันไปเพราะแม่มาลงเอยกับพ่อแทน (ผมว่าที่คุณยายไม่ชอบพ่อ คงเพราะเหตุผลข้อแรกมากกว่า) นิยายรักของพ่อกับแม่ผมเริ่มต้นอย่างโรแมนติกที่เมืองนอกตอนที่แม่ไปเรียนต่อปริญญาโท ส่วนพ่อแม้จะจบเพียงวิทยาลัยธุรกิจแต่ก็ได้ช่องและจังหวะทำให้ได้ทำงานกับองค์กรฝรั่งตั้งแต่อยู่เมืองนอก และก็คงเพราะบรรยากาศเป็นใจทำให้พ่อแม่ตัดสินใจแต่งงานกันอย่างสายฟ้าแลบที่นั่น เล่นเอาคุณยายเต้นเป็นเจ้าเข้าเหมือนกัน แต่จะทำอย่างไรได้ก็คนรักกันนี่ ในช่วงนั้นพ่อแม่ยังรักกันจ๋าอย่างที่เรียกว่าน้ำต้มผักยังว่าหวาน และตอนแม่เป็นสาว พ่อก็ว่าแม่น่ารักที่เป็นคนรั้นและขี้งอน แต่ทำไมพอเวลาผ่านไปพ่อถึงเปลี่ยนความคิดก็ไม่รู้ หนำซ้ำญาติผู้ใหญ่ของผมทั้งสองฝ่ายก็ดูจะไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่ เพราะคุณยายกับ คุณย่า ผมไม่เหมือนกันเลย เป็นคนแก่คนละประเภทโดยสิ้นเชิง คุณยายผมน่ะแม้จะอายุย่างเข้า 60 แต่ก็ยังดูสาวกว่าอายุ แต่งตัวทันสมัย ชอบตีกอล์ฟแถมเป็นคุณหญิงเสียด้วย ส่วนคุณย่าผมเป็นแค่คหปตานีเจ้าของสวนที่เมืองนนท์ที่เป็นคนแก่ชาวบ้านธรรมดาๆ แม่ผมนะชอบนินทาคุณย่าบ่อยๆ ว่ากะเร่อกะร่า ว่าที่จริงผมรักคุณยายเหมือนกัน แต่ดูเหมือนผมจะเอียงไปทางคุณย่าเสียมากกว่า ดูจะมีญาติทางฝ่ายแม่คนเดียวเท่านั้นที่ดูจะพูดคุยได้ถูกคอกับพ่อคือ น้าใหม่ น้าใหม่เป็นผู้หญิงครับ สวยเสียด้วยเป็นตั้งดอกเตอร์ ใหม่ทั้งชื่อแล้วก็ความคิดอ่าน แต่งเนื้อแต่งตัวสมัยใหม่เปี๊ยบ แต่บางอย่างไม่ยักเหมือนแม่ของผม คือน้าใหม่ทำกับข้าวเก่งชะมัด และแม้น้าใหม่จะเป็นลูกสาวคนเล็กของคุณยาย แต่ดูคุณยายจะไม่รักใคร่เท่าไหร่ ฤทธิ์ที่ชอบขัดคออยู่เสมอๆ จนคุณยายจัดน้าใหม่เป็นประเภทขวางโลกเช่นเดียวกับพ่อของผม ส่วนพรรคพวกของพ่ออีกคนก็คือ ลุงป๋อง ลุงป๋องเป็นเพื่อนสนิทของพ่อและยังเป็นเพื่อนที่ดีของผม ถึงจะแก่กว่าผมตั้งสามรอบก็ตาม ลุงป๋องเขาเป็นม่ายเมียตายมาหลายปีแล้ว มีลูกชายคนเดียวเรียนอยู่เมืองนอก โดยมีอดีตแม่ยายคอยดูแลให้ ผมเคยได้ยินลุงป๋องบ่นกับพ่อว่าที่ไม่คิดจะแต่งงานใหม่เพราะยังเข็ดความวุ่นวายจุ้นจ้านของแม่ยายไม่หาย พักหลังๆ มานี่แม่ผมไม่ค่อยอยู่ติดบ้านเท่าไหร่เพราะแม่ต้องออกสมาคมข้างนอกบ่อยๆ รวมถึงต้องไปเล่นกอล์ฟที่นั่นที่นี่ ทำให้ลูกจ้างที่มีอยู่แล้วสองคนคือ ศรี กับ คำใส ไม่พอรับผิดชอบงานในบ้าน เราถึงได้แม่บ้านคนใหม่มา แข เป็นแม่ม่ายสาวใหญ่ หน้าตาสะสวยและทำอาหารอร่อย ตั้งแต่แขมาอยู่ดูพ่อจะอารมณ์ดีขึ้นหน่อยเพราะกาแฟของพ่อคงมีรสชาติอร่อยขึ้นกว่าที่ผ่านมา ปัญหาครอบครัวของผมเริ่มขึ้นจริงๆ จังๆ ก็ตอนที่พ่อของผมตกงานล่ะครับ ใช่ครับยุคนี้เรื่องตกงานนั้นง่ายกว่าได้งานซะอีก แล้วผู้ใหญ่อายุ 30 กว่าอย่างพ่อก็คงปรับตัวลำบากที่ถูกลอยแพเสียอย่างนี้ จากเรื่องนี้ล่ะครับทำให้ลุกลามไปยังเรื่องอื่น ก็ในขณะที่เส้นกราฟชีวิตพ่อผมพุ่งลง กราฟของแม่กลับพุ่งสวนทางขึ้นเพราะแว่วๆ ว่าแม่จะได้เป็นรองอธิบดี ส่วนลุงฉัตรก็กำลังเฟื่องไม่ต่างกันเพราะได้เป็นถึงนายพล และเข้ามามีบทบาททางการเมืองด้วย ยิ่งเมื่อเทียบกับพ่อผมตอนนี้ ลุงฉัตรยิ่งถูกเชิดชูให้เด่นโดยคุณยายอย่างนอกหน้า ซ้ำยังคอยนินทาคุณหญิงภรรยาลุงฉัตรด้วยว่าเชยเสียไม่มี โอ๊ย...สารพัดจะค่อนขอดเขา ฟังๆ ดูภรรยาลุงฉัตรจะสู้แม่ผมไม่ได้สักอย่าง แถมระยะหลังๆ แม่ยังไปออกรอบกับสมาคมกอล์ฟที่มีลุงฉัตรร่วมอยู่ด้วยบ่อยเข้า (ดูเหมือนจะมีคุณยายเป็นใจอยู่ด้วย) และพ่อก็ได้ยินคุณยายสรรเสริญลุงฉัตรมากขึ้นเท่าไหร่ พ่อกับแม่ก็ยิ่งมีเรื่องขัดใจกันไม่เว้นแต่ละวัน แต่ตัวต้นเหตุคงไม่ใช่ลูกกอล์ฟกลมๆ หรอกครับ น่าจะเป็นลุงฉัตรเสียมากกว่า ยิ่งผนวกรวมคุณยายที่ชอบแขวะพ่อเรื่องตกงานจนพ่อมาบ่นกับผมว่าคุณยายกับแม่ทำให้พ่อรู้สึกเหมือนคนไร้ค่า แหม...ถ้าผมโตได้รวดเร็วกว่านี้ ผมจะทำงานหาเลี้ยงพ่อเอง ถึงพ่อแม่จะปึงปังใส่กันแต่ก็แปลกแฮะ เขาไม่ยักแยกห้องกัน เห็นโกรธกันทะเลาะกัน แต่แล้วพอถึงเวลานอนเขาก็นอนห้องเดียวกัน ผมไม่เข้าใจเลยว่าคนเราที่เคยรักกันมากๆ ถึงขนาดตกลงปลงใจอยู่ด้วยกันในบ้านเดียวกันทำไมถึงได้โกรธกัน มันไม่เหมือนผมกับพี่ปานี่ พี่ปากับผมน่ะโกรธกันทะเลาะกันอยู่ตลอดเวลาเหมือนกัน แต่ผมกับพี่ปาไม่ได้ตกลงกันมา ไม่ได้เต็มใจอยู่ด้วยกันเองในบ้านเดียวกัน มันเกิดตามกันมาเป็นพี่เป็นน้องกันเอง ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงได้ แต่อย่างพ่อกับแม่ตกลงกันเองแท้ๆ ทีเดียวว่าจะอยู่ด้วยกัน และแล้ว ลุงรอง พี่ชายของแม่ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณยายก็ได้เป็นรัฐมนตรี แต่ผมแอบได้ยินพ่อเรียกตำแหน่งของลุงรองว่ารัฐมนตรีหยิบฉวย และก็เพราะตำแหน่งนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบ้านคุณยายเป็นการใหญ่ ใครต่อใครหมั่นมาเยี่ยมเยียนกันไม่ซ้ำหน้า รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง ตำแหน่งรัฐมนตรีของลุงรองพลอยทำให้ ป้าชื่น ภรรยามีหน้ามีตาขึ้นมาทันที พี่จ้อย ของผมเปลี่ยนแปลงไปด้วย พี่จ้อยคือลูกชายคนเดียวของลุงรอง อายุแก่กว่าผมสามปีกว่า เรียนค่อนข้างเก่ง แต่ผมไม่ใคร่ชอบพี่จ้อยเท่าไรนัก เพราะพี่จ้อยเป็นคนเจ้าอารมณ์ยังไงไม่รู้เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แล้วก็โม้เก่งชะมัด ว่าที่จริงลุงรองเขาได้เป็นรัฐมนตรีเรื่องมันก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับครอบครัวเรา แต่ก็เกี่ยวกันจนได้นั่นแหละ เพราะคุณยายถือเป็นเกียรติยศอย่างยิ่งของวงศ์สกุล แม่เองก็ตื่นเต้นยินดีและพลอยได้รับผลดีไปด้วย ผมค่อนข้างจะรู้สึกของผมเองว่าตั้งแต่ลุงฉัตรมีชื่อเสียงดังขึ้น ลุงรองได้เป็นรัฐมนตรี แม่ของผมก็ชักจะมีชื่อในหนังสือพิมพ์ขึ้นมาบ้างเหมือนกัน ในที่สุดแม่ผมก็ได้เป็นรองอธิบดีจริงๆ นะแหละ แหม...หนังสือพิมพ์บางฉบับบางคอลัมน์สวดกันยับไปเลยครับ เขาเรียกแม่ว่ารองอธิบดีสาวสวยที่สุดของยุค มีอยู่คอลัมน์หนึ่งเขียนเป็นนัยๆ ถึงความสัมพันธ์ของแม่และลุงฉัตรสมัยยังหนุ่มสาวมากๆ แต่แหม...ผมก็ไม่อยากให้ใครพูดอะไรๆ ถึงแม่แบบนี้เลย แล้วก็เกิดเรื่องอีกจนได้ เมื่อวันที่แม่ได้รับตำแหน่งใหม่ พอกลับถึงบ้านพ่อซึ่งนั่งดื่มเบียร์อยู่ก็ไม่วายพูดประชดประชัน จนเกิดเรื่องทะเลาะกัน ก็นี่แหละครับวันต้อนรับตำแหน่งของแม่ในครอบครัววันแรก ผลก็คือผมกับพี่ปาต้องนั่งกินข้าวกันสองคน (ตามเคย) ต่างคนต่างเงียบกริบ ไม่เห็นอร่อยสักนิดเดียว ให้ตายซี (อุทานอย่างลุงป๋อง แต่ไม่เหมือนนักหรอกครับ ของลุงป๋องเขาไม่ตายเฉยๆ แต่ตายอย่างมีห่...อยู่ด้วย) แล้วแม่ก็โทรศัพท์ถึงคุณยายเพื่อถ่ายทอดเรื่องที่โต้เถียงกับพ่อไปเมื่อครู่ก่อน เดี๋ยวนี้แม่กับคุณยายดูช่างสนิทสนมกลมเกลียวกันกว่าก่อนๆ ผมจำได้ว่าเมื่อตอนผมยังเล็กๆ ช่วงที่ครอบครัวเรากำลังมีความสุขดีที่สุด (ผมประมาณเอาจากการที่พ่อแม่ไม่เคยโต้เถียงกัน และมีการสัพยอกหยอกล้อเที่ยวเตร่ด้วยกันตามประสาพ่อแม่ลูก) ตอนนั้นน่ะคุณยายไม่ได้เข้ามายุ่งกับครอบครัวของเราเท่าไหร่หรอกครับ บ้านผมตอนหลังๆ นี่แย่มากครับ แล้วก็ยิ่งแย่ลงทุกวันด้วย บางทีคนอื่นเขาอาจไม่รู้สึกกัน แต่ผมรู้สึกว่าพ่อแม่หมางเมินต่อกัน ทำยังกับว่าต่างคนต่างอยู่ทั้งๆ ที่เขาก็ยังนอนห้องเดียวกันอยู่ แต่พ่อผมนะหลังๆ นี่ไม่ค่อยกลับบ้านหรอกครับ บางทีก็หายไปตั้งวันสองวัน พ่อบอกผมว่าพ่อไปนอนบ้านคุณย่า ผมไม่เคยได้ยินแม่ถามหรือต่อว่าอะไรพ่อเลย เห็นแต่แม่เฉยๆ ไม่รู้ไม่ชี้ แม่ผมเป็นรองอธิบดีฝ่ายอะไรก็ไม่รู้อยู่แค่ครึ่งปีเท่านั้นเองก็ได้เป็นอธิบดี ทีแรกพ่อก็ทำหน้าชื่น อาจจะเป็นเพราะกลัวแม่ว่าอิจฉาแม่ แต่ก็ชื่นอยู่ไม่นานเพราะข่าวคราวเกี่ยวกับแม่และลุงฉัตร เป็นข่าวทำนองซุบซิบในหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์เก่าๆ ของแม่และลุงฉัตร ผมว่าพวกเราลูกๆ นี่ ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อเรา บางทีมันก็ขึ้นอยู่กับความรักที่พ่อแม่เขามีต่อกันเหมือนกันนะครับ ผมพูดยังงี้จะแก่แดดไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ซี พ่อยิ่งหงุดหงิดหนักขึ้น กระทั่งวันหนึ่งแม่นัดผมกับพี่ปาเอาไว้หลายวันแล้วว่าจะไปตีกอล์ฟที่ศรีราชา แล้วจะเลยค้างพัทยากันสักหนึ่งคืน...ครับ...ก็คงไปพบกับเพื่อนสนิทมิตรสหายของแม่นั่นแหละ เห็นจะรวมทั้งลุงฉัตรด้วย เรื่องมันไม่น่าจะเป็นเรื่องขึ้นมาเลย ก็พอพ่อรู้ว่าผมไม่สบายเท่านั้นเอง พ่อก็ถือเอาโอกาสนี้จะให้แม่งดการไปศรีราชา แม่ไม่ยอม พ่อเลยเอะอะใหญ่หาว่าแม่รักสนุก รักที่จะไปเล่นกอล์ฟมากกว่าห่วงลูก แล้วก็เลยลามปามไปถึงเรื่องลุงฉัตร โอ๊ย...ผมกับพี่ปาไม่เคยเห็นพ่อกับแม่โมโหโทโสใส่กันอย่างรุนแรงแบบนี้มาก่อน พ่อพูดจาหยาบคายหลายคำ ตอนนี้ผมชักเห็นใจแม่ซึ่งเป็นถึงอธิบดี พี่ปาตัวสั่น เขาเป็นโรคกลัวคนทะเลาะกันครับ ยิ่งพ่อกับแม่ด้วยแล้ว พี่ปาเขามักจะหนีเข้าห้องปิดประตูเลย แต่ที่สุดแม่ก็พาพี่ปาออกไป คงไม่ได้คิดอยากจะไปตีกอล์ฟหรอกครับ คงเลี่ยงการปะทะคารมกับพ่อมากกว่า และพี่ปาก็มาเล่าให้ผมฟังทีหลังว่าแม่ไปปรึกษากับคุณยายเรื่องที่พ่อเป็นยังงี้ แต่คุณยายกลับสรุปว่าพ่อนั่นแหละเป็นตัวขัดขวางความเจริญของแม่ แล้วไม่วายตบท้ายถึงความดีของลุงฉัตร เข้าทำนองยุให้รำตำให้รั่วเลยครับ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา พ่อกับแม่ผมก็ดูยังกับว่าเป็นคนแปลกหน้าที่จำเป็นต้องอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน แม่ก็ทำอะไรๆ ตามปกติของแม่ เว้นแต่ไม่พูดกับพ่อ ส่วนพ่อก็กลับบ้างไม่กลับบ้าง พอตกเย็นพ่อก็แต่งตัวออกจากบ้านก่อนกินข้าวเย็น บางคืนก็กลับดึก บางคืนไม่กลับเลย ระหว่างที่เหตุการณ์ในครอบครัวของผมตึงเครียด อีกไม่ถึงเดือนต่อมาแม่ก็เกิดจำเป็นจะต้องไปเมืองนอกครับ เดินทางไปราชการต่างประเทศเป็นเวลายี่สิบวัน แม่ไปแล้วพ่อก็กลับมานอนบ้านตามปกติทุกวัน ไม่ใช่มาบ้างไม่มาบ้างอย่างตอนที่แม่อยู่ ส่วนพี่ปาก็ไปค้างอยู่บ้านคุณยาย เราสองพี่น้องจึงต้องแยกจากกันชั่วคราว ผมกับพ่อก็เลยต้องอยู่กันเพียงลำพังกันในบ้านของเรา น้าใหม่แวะมาหาหลายครั้งเหมือนกัน บางครั้งก็เลยอยู่กินข้าวเย็นด้วย และบางครั้งอีกเหมือนกันมีลุงป๋องร่วมโต๊ะกับเราอีกคนหนึ่ง ลุงป๋องกับน้าใหม่ดูเขาถูกคอกันดี แต่ก็ถูกแบบขัดๆ กันยังไงก็ไม่รู้ ผมเห็นเขาชอบเถียงกันแต่เขาก็คุยกันได้ทีละนานๆ ดูเขาจะสนุกที่ได้โต้เถียงกันด้วย ไม่ยักเหมือนพ่อกับแม่ผม พอเถียงกันละก็เป็นได้เรื่อง หรือจะเป็นเพราะเขาไม่ได้แต่งงานกันอย่างพ่อกะแม่ผมก็ไม่รู้ ถ้าคนเราแต่งงานกันแล้วอีกหน่อยเป็นเหมือนอย่างพ่อกะแม่ผมล่ะก็ ผมเองก็ชักจะกลัวการแต่งงานตั้งแต่อายุแค่สิบขวบเสียแล้วล่ะซี แล้วก็คุณยายอีกแหละครับที่ชอบทำตัวเป็นนินจา คือคอยหาจังหวะที่พ่อไม่อยู่จะได้มาเยี่ยมผม แล้วพูดชอบกลๆ ให้ผมดูแลพ่อให้ดี ให้ระวังแขไว้ด้วย เขาบอกน่าห่วงเพราะน้ำตาลใกล้มด ผมไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกันเลย ผู้ใหญ่เนี่ยชอบพูดอะไรอ้อมค้อมจัง จนกระทั่งคำใสมาเล่าให้ฟังว่า พี่ศรีเขาเล่าให้คุณยายฟังเรื่องที่แขเขามีอะไรๆ กับพ่อผม ตอนคุณยายพูดถึงแข ผมลืมไปเพราะมันไม่สำคัญสำหรับเด็กๆ อย่างผม แต่ตอนนี้สัญชาตญาณบางอย่างบอกผมว่า ท่ามันจะไม่ใช่เรื่องเล็กเสียแล้ว และหากมันเป็นจริงอย่างคำใสเขาเล่า ผมก็ไม่มีปัญญาจะโทษหรอกว่าพ่อหรือแม่ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายผิด มันเหลือสติปัญญาของเด็กวัยเก้าขวบสิบขวบอย่างผมจริงๆ เราเด็กๆ อย่างมากก็ได้แต่เป็นผู้ยอมรับผลแห่งความผิดที่เราไม่อาจตัดสินลงโทษใครได้ก็แค่นั้นเอง ต่อมาผมไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติในบ้านของเรา แขก็ยังเป็นแขคนเดิม ทำงานเรียบร้อย ช่างเอาใจเราทั้งพ่อทั้งลูกอย่างเดิม ไม่เห็นแขทำท่าเป็นแม่เลี้ยงที่ตรงไหน บางทีพ่อคงคิดว่าอะไรต่ออะไรมันคงยังเป็นความลับอยู่ จนกระทั่งถึงกำหนดกลับของแม่ พ่อดูตื่นเต้นยินดีนิดหน่อย ปนกับอาการครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ส่วนผมกับพี่ปานั่นลิงโลดเลยทีเดียว ไม่ใช่อะไรหรอกครับดีใจจะได้ของฝากจากแม่น่ะ พอพ่อกับแม่พบกัน ผมก็ไม่เห็นว่าแม่จะแสดงว่าโกรธอะไรพ่อเลย เพียงแต่ไม่มีเวลาพูดด้วยเพราะใครต่อใครรวมถึงลุงฉัตรก็มารับกันถ้วนหน้า ผมกับพี่ปาก็พลอยได้เจอหน้ากันหลังจากคุยกันไป (ทะเลาะกันบ้าง) ทางโทรศัพท์ แล้วแม่ก็กลับชวนผมให้ไปกินข้าวกับพี่ปาที่บ้านคุณยายโดยที่พ่อไม่ยอมตามไปด้วย แม้แม่จะชวนให้ผมอยู่ด้วยกันที่บ้านคุณยาย แต่ผมอยากจะกลับไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อมากกว่า วันแล้ววันเล่าแม่ก็ไม่ยอมกลับบ้านเรา พี่ปาเขาก็เลยอยู่กับแม่ที่บ้านของคุณยาย พ่อเคร่งขรึมและกินเหล้ากลับมาจากข้างนอกทุกครั้งที่ออกไปเวลากลางคืน ผมรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าน่ากลัวพ่อกับแม่โกรธกัน คราวนี้เห็นจะถึงขั้นแตกหักกันเสียก็ไม่รู้ แล้วก็คำใสตัวการอีกนั่นแหละที่แอบเอาจดหมายที่แขเขียนค้างไว้มาให้ผมอ่าน ผมถึงได้รู้ว่าเรื่องยุ่งยากต่างๆ น่าจะจบลง ก็เพราะแขเขาเขียนขอโทษแม่และจะยอมลาออก พอผมไปบอกพ่อ พ่อเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะรั้งอะไรแขไว้ อีกไม่กี่วันแขก็ออกไปทำงานบ้านฝรั่ง ถึงผมจะต้องทนกินข้าวแฉะและกับข้าวไม่ได้ความก็ไม่เป็นไร ขอให้แม่กลับมาอยู่บ้านเราดีกว่า แต่จนแล้วจนรอดแม่ก็ไม่เห็นว่าจะกลับมาเสียที ผมได้ทราบจากน้าใหม่ว่า แม่เขาไม่ยอมยกโทษให้ความมักง่ายที่ผู้ชายเห็นเป็นเรื่องธรรมดาหรอก จะมีคนบ้านคุณยายที่ยังใยดีพ่ออยู่ก็คงจะเป็นพี่ปาที่แอบโทรมาให้ผมคอยดูแลพ่อ แหม...พ่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้วทำไมต้องให้ผมดูแลด้วยล่ะ เอ...ผมให้สงสัยเป็นกำลัง เขาไม่เข้าใจกัน แต่อยู่ด้วยกันมายังไงตั้งสิบกว่าปี จนวันหนึ่งพ่อบอกผมว่าจะไปอยู่บ้านคุณย่าที่เมืองนนท์ ในขณะที่ผมมีชีวิตที่แสนสนุกสนานเป็นเด็กชาวสวน สำหรับพี่ปาคงถูกคุณยายกับแม่และ พี่แจ๊ด ลูกสาวคนโตของลุงรองช่วยอบรมพี่ปาเสียจนกระทั่งมีรสนิยมวิไล กลายเป็นพวกไฮโซไซตี้ไปแล้ว และแล้วโดยที่ผมไม่คาดฝันน้าใหม่กับพี่ปาก็มาเยี่ยมผมที่บ้านคุณย่า ผมล่ะคิดถึงพี่ปาเสียจริงๆ แต่เรื่องอะไรจะบอกให้เสียเกียรติล่ะ เอ...อย่างพ่อกับแม่ยังงี้ เขาจากกันไปตั้งหลายๆ วัน ถ้าเขาได้พบกัน เขาจะเป็นเหมือนผมกับพี่ปาไหมหนอ? พี่ปาเขาบ่นว่าเซ็ง ชักไม่อยากอยู่กับคุณยายในรั้วบ้านเดียวกันกับลุงรองป้าชื่น ก็จะเอาอะไรกับสาวน้อยวัยสิบขวบอย่างพี่สาวผม ผมเลยชวนพี่ปานอนค้างบ้านคุณย่า แต่พี่ปาต้องกลับไปเพราะไม่ได้ขอแม่ไว้ก่อน แค่เรื่องพ่อกับแม่ก็นับว่าแย่อยู่แล้ว แต่ก็กลับเกิดเรื่องขึ้นอีก เมื่อผมเหม็นเบื่อท่าทางขี้เบ่งของพี่จ้อยที่คิดว่าตัวเองใหญ่เสียเต็มประดา ผมก็เลยพูดอย่างที่พ่อชอบพูดว่า อีกไม่นานก็เป็นรัฐมนตรีตกกระป๋อง เย็นนั้นก็เกิดเรื่องเพราะพี่จ้อยเอาไปฟ้องป้าชื่นแล้วก็คุณยาย พ่อผมก็ยิ่งตกที่นั่งลำบากถูกเหม็นหน้ามากขึ้นซิครับ ผมไม่รู้ตัวผมหรอกว่าผมเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่หมู่นี้ผมเล่นอะไรๆ ดูมันไม่ใคร่สนุกอย่างเมื่อมาอยู่บ้านคุณย่าใหม่ๆ เสียเลย ออกจะเบื่อๆ ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับผมดูเหินห่างไม่เหมือนตอนที่อยู่บ้านโน้นและตอนที่ผมยังเด็กๆ อยู่ ผมบอกไม่ถูกหรอกครับว่าผมรู้สึกอย่างไร เด็กขนาดผมจะให้แจกแจงความรู้สึกออกมาอย่างละเอียดย่อมเป็นไปไม่ได้ ก็ผู้ใหญ่เองบางทียังไม่รู้จักอารมณ์ ไม่รู้จักตัวของตัวเองเลยนี่ครับ แล้วผมก็เห็นข้อเปรียบเทียบจากครอบครัว แดง เพราะแม่ของเขาดุอย่างกับเสือ แต่แดงก็รักแม่มาก ส่วนพ่อก็ขี้เมาและมักจะมีเรื่องตบตีกับแม่ทุกคืน แต่ผมไม่เห็นว่าพ่อกับแม่ของแดงเขาจะเลิกกันเลย ทั้งที่ปัญหาเขาเยอะกว่าพ่อแม่ผมอีก ผมล่ะไม่เข้าใจผู้ใหญ่จริงๆ ผมกับพี่ปาไม่ค่อยได้พบหน้ากันเลย กับแม่ก็เคยมาหาผมที่โรงเรียนสองครั้ง ครั้งหลังเจอะกับพ่อเข้าพอดี แหม...เขาต่างทำหน้าพิลึกล่ะครับ พ่อก็ตีหน้าขรึม แม่ก็ตีหน้าเคร่ง ผมขี้เกียจถามแล้วว่าเมื่อไหร่แม่ถึงจะกลับไปอยู่บ้านเราพร้อมกับพ่อ ผมต้องยอมรับความจริงว่าพ่อแม่เขาเลิกกัน ไม่ใช่เพียงแค่แยกกันอยู่เพียงไม่กี่วันเหมือนอย่างที่ผมเข้าใจในตอนแรกๆ เพราะนี่มันก็หลายเดือนเต็มทนแล้ว ตอนขับรถออกมาพ่อก็เหม่อๆ ไม่รู้คิดถึงแม่หรือเปล่า ทำให้เผลอขับรถไปชนกับคันหน้าเขาเฉยเลย แหม...ผมอยากรู้จัง แม่ผมเขาจะขับรถใจลอยเกือบชนใครเข้าอย่างพ่อผมหรือเปล่า? ชีวิตผมลุ่มๆ ดอนๆ ต่อมาอีกหลายเดือน จนพ่อมาบอกผมว่าจะต้องไปทำงานที่มาเลเซีย เป็นงานขั้นทดลอง เขาจะต้องไปอยู่ที่นั่นช่วงแรกสามเดือน ระหว่างอยู่บ้านคุณย่าซึ่งมีที่ซุกซนเยอะแยะแล้วก็ตามใจผม กับอยู่บ้านคุณยายผู้จู้จี้ ยังไงๆ ผมก็อยู่กับคุณย่าดีกว่า ตอนพ่อไม่อยู่ลุงป๋องมาเยี่ยมผมบ่อยเหมือนกัน หรือจะเป็นเพราะรู้ว่าน้าใหม่มาหาผมเสมอๆ ก็ไม่รู้ บางทีลุงกับน้าเขาก็พบกันและชอบคุยกันครั้งละนานๆ ระยะหลังๆ มานี้ผมเห็นลุงป๋องเขามองน้าใหม่ด้วยสายตาแปลกๆ แพรวพราวยังไงไม่รู้ น้าใหม่บอกผมว่าแม่คิดถึงผมเลยให้น้าใหม่มารับไปค้างด้วย ผมเลยใจอ่อนไปหาแม่ แม่ก็ชวนให้ผมพักอยู่ต่อที่บ้านคุณยาย ผมก็เล่นแง่ว่าจะอยู่กับแม่ที่บ้านเราเท่านั้น เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นภาระที่ผมต้องอยู่คอยดูแลพ่อ ก็พอดีที่พี่ปาเขากลับมาจากโรงเรียน เขาทำท่าดีใจวิ่งมาหาผมแล้วก็ขอแม่ว่าจะไปค้างบ้านคุณย่ากับผม แม่จึงจำใจต้องอนุญาต แต่แล้วพี่ปาเขาไม่ยอมกลับไปอยู่บ้านคุณยายจริงๆ แหละ แม้วันรุ่งขึ้นน้าใหม่มารับกลับเขาก็ไม่ยอมกลับ ทีเมื่อตอนพ่อกับแม่แยกกันใหม่ๆ ผมยังจำได้ว่าพี่ปาเขาเจ้ากี้เจ้าการสั่งผมนักให้ผมเป็นเพื่อนพ่อ พี่ปาเขาจะอยู่เป็นเพื่อนแม่ แต่ก็มีปัญหาเกิดกับพี่ปา คือการที่เขาต้องนั่งรถเมล์ไปโรงเรียนนี่แหละครับ เลยถูกเพื่อนๆ ล้อจนเก็บเอาอารมณ์โกรธมาอาละวาดให้ผมฟังบ่อยๆ ก็เขาเคยแต่นั่งรถยนต์ไปเรียนเหมือนเพื่อนของเขานี่ครับ แล้วแม่ก็อุตส่าห์ขับรถมารับผมกับพี่ปาแล้วพาไปส่งบ้านคุณย่า แม้ผมจะสงสารที่แม่จะต้องขับรถไกลๆ แต่คนอย่างผมก็ไม่ตกหลุมอุบายตื้นๆ ของแม่หรอกครับที่จะให้พวกเราสงสารแล้วไปอยู่ด้วย แม่จึงไม่วายบ่นน้อยใจว่าไม่มีใครรักแม่สักคน จริงๆ ผมก็สงสารแม่เหมือนกัน แม้บางทีจะดูเหมือนพ่อแม่จะไม่รักเรา แต่ว่าที่จริงแล้วทั้งพ่อทั้งแม่เขาคงรักเราหรอก แม้ว่าเขาจะโกรธกันเองและไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนอย่างพ่อแม่ผม พี่ปาเขียนจดหมายถึงพ่อและเล่าให้ฟังว่าเขามาอยู่บ้านคุณย่ากับผม เขาเขียนตอนหนึ่งว่า...หนูอยากให้พ่อแม่คืนดีกัน แม่คงคิดถึงพ่อเหมือนกัน แต่แม่เป็นคนมีทิฐิ พวกเราไม่รู้หรอกครับว่าทิฐิแปลว่าอะไร ดูเหมือนลุงป๋องจะแปลว่าต่างคนต่างไม่อยากง้อกันนี่แหละ ก็คงเหมือนผมกับพี่ปาเวลาโกรธกัน ต่างคนต่างไม่ยอมง้อกันก่อน แต่ไปๆ มาๆ ต่างคนต่างก็เผลอลืมไปว่าเราโกรธกัน โดยเฉพาะตอนดูโทรทัศน์เรื่องที่เราชอบดูทั้งคู่ เลยเผลอวิพากษ์วิจารณ์เสียนี่ แต่พวกผู้ใหญ่เขาจะเป็นอย่างเราหรือเปล่าก็ไม่รู้ซี อีกไม่กี่วันผมกับพี่ปาก็ได้รับจดหมายตอบจากพ่อบอกว่าคิดถึงตามธรรมเนียม ไม่ได้พูดถึงแม่เลย พ่อคงคิดว่าที่พี่ปาเขาเขียนไปเรื่องแม่นั้น เขาคงแก่แดดเขียนไปเอง ทำไมหนอพ่อเขาถึงไม่บอกมาสักคำว่าเขาก็อยากคืนดีกับแม่ ก็คงให้คำว่าทิฐิเหมือนแม่นี่แหละ เฮ้อ...ต่างคนต่างทิฐิ พวกเราลูกๆ ก็แย่กันเท่านั้นเอง เกิดมาเป็นลูกที่พ่อกับแม่เขาเก็บเอาเจ้าตัวทิฐิเข้าไว้กันคนละมากๆ นี่ ผมละเบื่อที่ซู้ด แต่แล้วไม่รู้ยังไง วันหนึ่งแม่ก็บอกเราสองคนว่า แม่จะกลับมาอยู่บ้านเราสักพัก เราตื่นเต้นที่จะได้กลับไปอยู่บ้านกับแม่ แม้ว่าพ่อจะไม่อยู่ก็ตาม ก็ยังดีกว่าอยู่บ้านคุณย่าโดยไม่มีทั้งพ่อทั้งแม่ แต่ก็บังเอิญมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นครับ เกิดเปลี่ยนรัฐบาลขึ้นมาอย่างกะทันหันด้วยเหตุผลอะไรมันนอกเหนือความสามารถที่จะรับรู้ของเด็กๆ อย่างผม แล้วทีนี้ลุงรองก็ต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย เพิ่งเป็นเก้าอี้กำลังจะอุ่นๆ เท่านั้นเอง ประโยคท้ายนี่ก็ลุงป๋องของผมตามเคยเป็นคนพูดให้ผมจำขี้ปาก เรื่องมันไม่น่าจะเกี่ยวกับผมและพี่ปา แต่ก็เกี่ยวเข้าจนได้ เพราะแม่งดเรื่องที่เราจะกลับไปอยู่บ้านเอาไว้ชั่วคราว แม่อ้างว่าเขาจะว่าได้ว่าพอเห็นเขามีบุญก็วิ่งเข้าไปหา หัวใจผมห่อเหี่ยวลงไปหลังจากพองโตมาสองสามวัน แล้วแม่ก็เกิดมีเรื่องกระทบกระเทือนเรื่องงานของแม่ในอีกไม่นานต่อมาครับ โดยคำสั่งของรัฐมนตรีคนใหม่ให้แม่เป็นผู้ตรวจราชการประจำกระทรวง ดูเหมือนว่าตำแหน่งของแม่จะกลับถอยลงแม้จะอยู่ในอัตราเงินเดือนเดิม เรื่องแม่ถูกย้ายตำแหน่ง แม่คงเสียใจเหมือนกัน บังเอิญอีกสองวันต่อมาโรงเรียนหยุดกลางเทอม นอกจากผมกับพี่ปาไม่ได้กลับไปอยู่บ้านแล้ว ยังไม่ได้พบแม่อย่างเก่าเสียด้วย ผมลืมเล่าเรื่องพี่จ้อยเข้าไป แปลกนะครับเรื่องลุงรองพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี พี่จ้อยเขาดูอายๆ ชอบกล อันที่จริงไม่เห็นว่าน่าอายอะไร ถึงเราจะยังเด็กๆ เราก็ต้องเรียนรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่ตำแหน่งคงที่ มีระยะเวลามีเทอม หรือจะเป็นเพราะพี่จ้อยแกเบ่งเอาไว้มากก็ไม่รู้ ผลสุดท้ายผมกับพี่ปาก็ต้องผิดหวังไม่ได้กลับไปอยู่บ้านเรากับแม่ พ่อก็หายเงียบไปเหมือนกัน พ่อคงนึกว่าเราสองคนพี่น้องมาอยู่รวมกันที่บ้านคุณย่าสบายดีแล้ว เพราะพ่อคงไว้ใจคุณย่าให้เลี้ยงลูกของพ่อยิ่งกว่าให้อยู่กับทางด้านแม่ พ่อก็เลยหายเงียบไปเลยทั้งเดือน หรือพ่อจะมีแฟนใหม่จริงๆ อย่างที่ลุงป๋องพูดเล่นอยู่เสมอก็ไม่รู้ ลุงป๋องเคยพูดบ่อยๆ ว่าผู้ชายใกล้ใครก็มักจะอดไม่ได้ โดยเฉพาะถ้าห่างจากภรรยา แล้วนี่พ่อกำลังว้าเหว่ กำลังโกรธกับแม่ด้วย เกือบเดือนหลังจากนั้นผมจึงได้รับจดหมายจากพ่อ พ่อเขียนมาบอกสั้นๆ ว่าถ้าผมกับพี่ปาอยากไปอยู่กับแม่ที่บ้านคุณยายก็ให้ไปอยู่เถอะ สงสารแม่เขา คุณย่าอ่านจดหมายแล้วก็หัวเราะว่าน่ากลัวพ่อจะมีเมียใหม่แล้วจริงๆ แต่ทว่าพี่ปาเขาคงกลัวเหมือนกัน เด็กผู้หญิงมักอ่อนไหวกว่าเด็กผู้ชายนี่ครับ อยู่ๆ พี่ปาเขาเป็นอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ เขาเกิดปวดท้องไม่สบายขึ้นมากะทันหัน ผมเลยฝากพี่จ้อยไปบอกแม่ พอกลับมาบ้านผมก็ไม่เห็นพี่ปาเขาเป็นอะไร เห็นนอนอ่านหนังสือการ์ตูนอย่างสบายใจ แต่พอคืนนั้นแม่กับน้าใหม่มาหา อยู่ๆ เขาก็เกิดปวดท้องขึ้นมา ยังกับว่าเขาแกล้งเรียกร้องความสนใจอย่างนั้นแหละ พี่ปากลายเป็นโรคปวดท้องเป็นประจำ นอกจากปวดท้องแล้วยังหงุดหงิดอีกด้วย เราเริ่มทะเลาะกันอีกเหมือนตอนอยู่บ้าน จนคุณย่าบ่นว่ามีกันสองคนพี่น้องน่าจะรักกันให้มาก ผู้ใหญ่เขาไม่รู้หรอกครับว่าไอ้ที่หมั่นพูดหมั่นจี้อยู่เสมอว่า พ่อก็ไม่มีแม่ก็ไม่มี หรือพ่อแม่ก็เลิกกัน มันทำให้เด็กอย่างพวกเรารู้สึกยังไง ลุงป๋องมาเยี่ยมเราบ่อยคงเพราะพ่อสั่งฝากฝังเอาไว้ แล้วก็ระยะหลังนี่ดูเหมือนว่าลุงป๋องจะมาเพื่อให้บังเอิญพบกับน้าใหม่ด้วย ผมยังบังเอิญแอบได้ยินข่าวใหม่ว่าลุงป๋องเขาแอบตกลงเป็นแฟนกับน้าใหม่ แต่มีข้อแม้ว่าคุณยายจะต้องห้ามล่วงล้ำอธิปไตยของเขาทั้งสอง ลุงป๋องกับน้าใหม่พาพี่ปาไปตรวจที่โรงพยาบาล หมอก็บอกว่าไม่ได้เป็นโรคอะไร แต่พี่ปาก็ยังปวดท้องอีกแหละ ดูท่าทางของเขาไม่ได้แกล้งแน่ๆ พอเรื่องป่วยของพี่ปารู้ถึงพ่อ พ่อก็ส่งข่าวมาว่าจะกลับมาเยี่ยมพวกเราก่อนที่จะเซ็นสัญญากับทางโน้นเป็นการถาวร พอพ่อมาถึงพี่ปาก็เริ่มปวดท้องอีกจนได้ จนเดือดร้อนต้องให้คู่รักคู่ใหม่อย่างลุงป๋องและน้าใหม่ต้องเป็นธุระพาไปหา หมออู๊ด แต่หมอก็กลับแนะนำว่าต้องให้พ่อกับแม่ดีกันพี่ปาถึงจะหาย ว่าที่จริงผมก็งงๆ อยู่เหมือนกัน พี่ปาเขาปวดท้องของเขา ผมไม่เห็นมันจะเกี่ยวกันที่ตรงไหนเลย แต่เรื่องคืนดีของพ่อแม่นั่นแหละครับเป็นเรื่องใหญ่ เพราะดูท่าทางจะไม่มีใครยอมลงให้ใคร แม่ก็กลัวจะเสียหน้าที่ตัวเองต้องเป็นฝ่ายตกต่ำ ข้างพ่อก็ไม่อยากง้องอนแม่ น้าใหม่กับลุงป๋องจึงต้องทำตัวเป็นพ่อสื่อแม่ชักเพื่อประสานรอยร้าวให้ครอบครัว แต่ก็ดูจะไม่มีอะไรก้าวหน้า จนพ่อเขาต้องรีบกลับไปทำงาน แต่ก่อนที่พ่อจะขึ้นเครื่องบิน พ่อเขาก็กอดพี่ปาแล้วบอกว่า บางทีถ้าพ่อกลับมาอีกหน เราทั้งคู่ก็อาจได้กลับไปอยู่บ้านเราเหมือนเก่าก็ได้ น้าใหม่บอกพวกเราว่าพ่อแม่มีหวังกลับมาคืนดีกัน แต่แม่ยังเขินอยู่ แหม..ทีโกรธกันไม่เห็นเตรียมอะไรเลย เราสองคนพี่น้องจึงต้องร้องเพลงรอไปก่อน ครับ...เป็นอันว่าผมกับพี่ปากำลังรอให้พ่อกับแม่เขากลับมาคืนดีกันด้วยความหวัง มีความหวังแบบนี้ผมไม่รังเกียจที่จะรอเลย ให้ตายเถอะ (ขออุทานอย่างลุงป๋องเป็นครั้งสุดท้าย) เด็กอย่างเราคงเป็นอย่างที่ลุงป๋องว่านั่นแหละครับ คือต้องร้องเพลงรอเอาไว้ก่อน รอให้โต รอให้เป็นผู้ใหญ่ รอให้พร้อมที่จะรับผิดชอบบ้านเมืองในอนาคต ก็ผู้ใหญ่เขายกย่องว่าเราเป็นหัวใจ เป็นอนาคตของชาตินี่ครับ ข้อสำคัญระหว่างที่เราเป็นหัวใจของชาติ แล้วก็กำลังรอการรับผิดชอบบ้านเมืองต่อจากผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็ต้องช่วยให้เราพร้อมหน่อยนะครับ อย่าปล่อยให้รอไปตามบุญตามกรรมของเรานะครับ ถ้าอยากเห็นอนาคตของชาติดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ล่ะก็...
เรื่องย่อ : แผลเก่า (2545/2002) ขวัญเป็นลูกชายนายเขียน ผู้ใหญ่บ้านบางกะปิ เรียมเป็นลูกสาวตาเรือง อยู่คลองแสนแสบ เรียมมีพี่ชายชื่อ เริญ น้องชายชื่อ รอด ตาเรืองแพ้คดีรุกที่นาที่ผู้ใหญ่เขียนฟ้องร้อง จึงเป็นอริกับผู้ใหญ่เขียนเสมอมา แต่ขวัญกับเรียมรักกัน และแอบไปมาหาสู่เพื่อแสดงความรักกันตลอดมา ขวัญสาบานต่อเจ้าพ่อไทรว่า จะรักและซื่อตรงต่อเรียมตลอดไป ขณะนั้น ครอบครัวเรียมตามมาพบ จึงจับเรียมกลับไป ล่ามเรียมไว้ไม่ให้ไปพบกับขวัญอีก ขวัญซึ่งคิดถึงเรียมก็ลักลอบมาหา ได้พบและทำร้ายจ้อย นักเลงซึ่งสนิทกับครอบครัวเรียมและหลงรักเรียมอยู่ ตาเรืองเห็นว่า จะห้ามปรามขวัญกับเรียมไม่ได้ จึงขายเรียมให้ไปเป็นคนใช้คุณนายทองคำ เศรษฐินีม่ายในบางกอก ด้วยราคาหนึ่งร้อยบาท คุณนายทองคำเห็นเรียมหน้าตาน่ารักและละม้ายโฉมยง บุตรสาวที่เพิ่งตาย จึงเอ็นดูและเลี้ยงเรียมเหมือนลูก เรียมจึงมีชีวิตเหมือนผู้ดีอยู่ในบางกอก เรียมยังได้พบสมชาย ลูกของพี่ชายคุณนายทองคำ ซึ่งเป็นคนรักของโฉมยง สมชายก็เหมือนคุณนายทองคำที่เมื่อเห็นเรียมก็รักใคร่ คุณนายเห็นทั้งสองสมน้ำสมเนื้อกันก็ส่งเสริม แต่เรียมยังคงรักขวัญอยู่ สามปีผ่านไป ขวัญซึ่งไร้เรียมใช้ชีวิตเหมือนรอวันตายไปวัน ๆ เข้าใจว่า เรียมไปได้ดีในบางกอกจนลืมคนเคยรักคนนี้เสียแล้ว เวลานั้น นางรวย แม่ของเรียมป่วย เรียมจึงขออนุญาตคุณนายกลับบ้านเดิมเพื่อมาเยี่ยมไข้ นางรวยเมื่อลูกสาวมาหาได้ไม่นานก็สิ้นใจ เมื่อกลับมาแล้ว เรียมได้พบกับขวัญ และแสดงให้เขาเข้าใจว่า ยังรักกันไม่เสื่อมคลาย หลังเสร็จงานศพนางรวย สมชายมาตามเรียมกลับบางกอก เพราะคุณนายทองคำล้มป่วยลงเช่นกัน เรียมสองจิตสองใจ ใจหนึ่งไม่อยากกลับเพราะรักขวัญ ใจหนึ่งก็คิดถึงอนาคตอันรุ่งโรจน์ที่บางกอก ขณะนั้น สมชายก็พร่ำพลอดรักเรียม ขวัญแอบมาได้ยินก็โกรธจนบ้าคลั่ง เข้าทำลายเรือที่คนทั้งนั้นจะใช้ไปบางกอก ผู้คนจึงออกติดตามจับขวัญ สมชายใช้ปืนยิงขวัญตาย เรียมจึงคว้ามีดของขวัญมาเชือดคอตัวเองตายตามขวัญไป
เรื่องย่อ : รักสับหลีก (2539/1996) เป็นเรื่องราวของแจ๋มหญิงสาวผู้น่ารัก และมีความมั่นใจ จากความเบื่อหน่ายที่ทางครอบครัวพยายามจับคู่เธอกับผู้เป็นลูกชายของเพื่อนสนิทของทางครอบครัวทำให้แจ๋มที่พยายามหลบเลี่ยงการนัดพบดูตัวได้ตัดสินใจที่จะเดินทางไปเยี่ยมกระปุกผู้เป็นเพื่อนสนิทที่ย้ายไปช่วยงานกิจการร้านอาหารของทางครอบครัวที่ควีนส์ทาวน์ ประเทศนิวซีเเลนด์ โดยจากการใช้ชีวิต และช่วยทำงานในร้านอาหารไทยของกมลา พี่สาวของกระปุก ทำให้แจ๋มนั้นได้พบกับคริสและอาร์ต สองหนุ่มชาวไทย ซึ่งหนึ่งในนั้น คือคู่หมั้นคู่หมายที่เธอพยายมหลบเลี่ยงตั้งแต่อยู่เมืองไทยนั่นเอง
จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า (2549/2006) วรเทพ สุรสิทธิ์ เศรษฐีเจ้าของรีสอร์ตสุรสิทธิ์กำลังป่วยหนัก จึงเรียกทายาททั้งหมดมาฟังประกาศพินัยกรรม ทุกคนประหลาดใจที่มรดกส่วนหนึ่งตกเป็นของหลานสาวของวรเทพ ที่เกิดกับลูกชายคนสุดท้องของตระกูลคือ บุรินทร์ ที่เสียชีวิตไปแล้ว เป็นเหตุให้ ปรเมศวร์ และปารมี สองพี่น้องที่เป็นญาติฝ่าย สาวิกา ภรรยานายวรเทพ ต้องเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อตามหาตัวทายาทนิรนามคนนี้ ในที่สุดก็พบ จันทร์เจ้า ลูกสาวของนายบุรินทร์ในบ้านเกสต์เฮาส์ให้ฝรั่งเช่าอยู่อย่างแออัด จันทร์เจ้าอายุ 18 ปีชอบแต่งตัวเป็นทอมบอย และอยู่ในความดูแลของ มะลิ แคลาย นักร้องที่มีอาชีพเสริมคือการเปิดสำนักทรงหลอกชาวบ้านหากินไปวันๆ โดยมีจันทร์เจ้าเป็นลูกมือ บางครั้งจันทร์เจ้าก็ถูกประทับทรงเสียเอง เพราะพูดภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสได้ เพราะไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เล็กจนอายุ 10 ขวบ พอพ่อเสียชีวิตก็เลยต้องกลับเมืองไทย หลายครั้งจันทร์เจ้าก็ เห็นภาพนิมิตเข้าจริงๆ และช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากหลายๆ หนจนคนแถวนั้นนับถือ จันทร์เจ้าเองก็กลัวความสามารถพิเศษของตัวเองอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อปรเมศวร์และปารมีเข้ามาลองของให้จันทร์เจ้าประทับทรงให้ จันทร์เจ้าเห็นร่างสว่างไสวของคนคนหนึ่งมานั่งร่วมอยู่ด้วย และกระซิบบอกให้จันทร์เจ้าตามปรเมศวร์กลับไปที่ไร่ มะลิไม่ยอมเพราะกลัวจันทร์เจ้าจะถูกหลอก แต่ปรเมศวร์ยืนยันว่าจันทร์เจ้าต้องอยุ่ในความปกครองของเขาตามกฎหมาย จันทร์เจ้าเองก็อยากไปเพราะต้องการรู้เรื่องแม่ที่ตนเองไม่รู้จักมาก่อน จันทร์เจ้าเริ่มเห็นวิญญาณสว่างไสวบ่อยครั้งขึ้น สร้างความหวาดกลัวให้แก่จันทร์เจ้า, มะลิ และข้าวต้มมัด ลูกสมุนวัยเด็กยิ่งนัก ปรเมศวร์พาจันทร์เจ้ากับข้าวต้มมัดไปที่รีสอร์ทสุรสิทธิ์ ปรเมศวร์สั่งให้จันทร์เจ้าทำตัวให้สมกับเป็นทายาทของตระกูลผู้ดี แต่จันทร์เจ้าออกฤทธิ์ออกเดชเต็มที่ทำให้ปรเมศวร์ต้องใช้กำลังกายกำลังใจกำ หราบจันทร์เจ้า ติดตามต่อได้ใน จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า
เลื่อมพรายลายรัก (2553/2010) เรื่องราวความขัดแย้งระหว่างสองตระกูล รังสฤษฎ์ และ จักราวุธ ที่ห้ำหั่นกันในเชิงธุรกิจและเรื่องส่วนตัวเร้นลับที่เกี่ยวพันสองตระกูลเข้าด้วยกัน รังสฤษฎ์ประกอบด้วย กัมปนาท พี่ชายใหญ่ที่มีอำนาจเหนือทุกคน มี บันลือ น้องชายเป็นมือขวาช่วยดูแลกิจการ และ แสนยากร ลูกชายคนเดียวเป็นมือซ้าย และยังมีน้องสาวสุดท้องคือฆรณี ทำหน้าที่แม่บ้านของครอบครัว นิมมาน สาวใหญ่คือผู้นำของจักราวุธ ตามมาด้วย เนืองนิตย์ และ นิจศีล น้องชายที่ช่วยบริหารงานตระกูล เรื่องราวขัดแย้งปะทุขึ้น เมื่อน้องคนเล็กของทั้งสองตระกูลคือ นิจศีลและฆรณีแอบรักและมีความสัมพันธ์กัน จนเกิดทายาทเป็น เริงฤทธา เด็กหนุ่มที่เติบโตโดยไม่ได้รับความรักจากนิจศีลเลย นิจศีลถูกนิมมานพี่สาวบังคับให้ทิ้งทั้งฆรณีและลูกชายไปต่างประเทศ และไปได้ภรรยาใหม่เป็นหญิงอเมริกัน ให้กำเนิดทายาทเป็นสาวสวยอย่าง ญาณิน (นิกกี้) สร้างความด่างพร้อยให้กับฆรณีและตระกูลรังสฤษฎ์เป็นอย่างยิ่ง แสนยากรต้องเข้าไกล่เกลี่ยการพิพาทของฆรณีและนิจศีล เมื่อฆรณีคาดคั้นเรื่องพินัยกรรมที่นิจศีลจะต้องแบ่งให้เริงฤทธาลูกชายของเธอ ไม่ใช่ให้นิกกี้แต่เพียงผู้เดียว จนทำให้นิจศีลที่ป่วยกระเสาะกระแสะขาดใจตายกะทันหัน สร้างความเจ็บปวดให้นิมมานอย่างที่สุดที่ต้องเสียน้องชายที่รักไป ในช่วงงานศพของนิจศีล นิกกี้กลับมาเมืองไทย และซ่อนตัวอยู่กับ แป้ง เพื่อนหญิงจอมเปรี้ยวในผับที่ข้าวสาร ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เธอพบแสนยากรเข้าโดยบังเอิญ และพาเขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องเพราะเธอสาดน้ำเขาจนเปียกปอน เหตุร้ายเกิดขึ้นเมื่อคนร้ายบุกเข้ามาทำร้ายทั้งคู่จนหมดสติ และจัดฉากให้ทั้งคู่นอนเปลือยอยู่ด้วยกัน ทั้งสองตื่นขึ้น กล่าวหาซึ่งกันและกันว่าเป็นตัวการ แต่แล้วก็ต้องสงบศึกเมื่อพบหลักฐานของคนร้าย เป็นกระดุมสูทสลักอักษรตัว R ตกอยู่ ซึ่งแสนยากรรู้ทันทีว่านั่นคือกระดุมประจำตระกูลรังสฤษฎ์ของตน และชี้ชัดว่าคนร้ายคือผู้ชาย แสนยากรพบกับนิกกี้อีกครั้งในงานศพของนิจศีล เขาถึงรู้ว่าเธอคือนิกกี้ ลูกสาวของนิจศีลนั่นเอง นิกกี้แสดงตัวต่อหน้าครอบครัวจักราวุธของตนโดยไม่เกรงกลัวการวางอำนาจของนิมมานป้าใหญ่ ที่พยายามบังคับเธอในทุกเรื่อง เรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้นอีก เมื่อภาพเปลือยของแสนยากรและนิกกี้ถูกสอดอยู่ในหนังสืองานศพที่แจกในงานทุกเล่ม สร้างความอับอายให้แก่ทั้งสองตระกูลเป็นอย่างยิ่ง มีเพียงนิกกี้และเริงฤทธาเท่านั้นที่ไม่ยี่หระ กลับเห็นเป็นเรื่องเซ็กซี่ขำ ๆ แสนยากรรับไม่ได้กับความเป็นสาวหัวนอกของนิกกี้ และเริ่มจะเชื่อว่าเธอคือคนวางแผนเรื่องน่าอายนี้ทั้งหมด นิมมานสอบสวนนิกกี้ว่าไปหลับนอนกับแสนยากรได้อย่างไร นิกกี้ไม่เปิดเผยความจริงที่ตนถูกทำร้าย และรับสมอ้างว่าหลับนอนกับแสนยากรจริง ๆ สร้างความโกรธให้นิมมานอย่างที่สุดสั่งให้นิกกี้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านรังสฤษฎ์ โดยมีทั้งเนืองนิตย์ที่คอยดูแลนิกกี้อย่างดี แต่กับหนุ่มรูปงามอย่าง เรวัต พ่อบ้านและเลขาประจำตัวนิมมาน นิกกี้รู้สึกว่ามีเลศนัยบางอย่างซ่อนอยู่ แสนยากรยืนยันกับนิกกี้ว่าจะต้องสืบเรื่องทั้งหมดให้ได้ นิกกี้เสนอให้แสนยากรมาเป็นแฟนเธอสักเดือนหนึ่ง หลอกคนทั้งสองตระกูล เพื่อเธอและเขาจะได้เข้านอกออกในทั้งบ้านและออฟฟิศจักราวุธ และรังสฤษฎ์ได้ แสนยากรไม่ยอมเพราะเขามีคู่ใจอยู่แล้วคือ รังสิมา แต่นิกกี้ก็ยังตื๊อ และให้บอกความจริงรังสิมาไป แสนยากรไม่เล่นด้วย นิกกี้ขออนุญาตนิมมานเปิดบ้านพักตากอากาศของจักราวุธที่หัวหิน นิมมานคิดแผนให้นิกกี้พบกับแสน และเมื่อทั้งคู่เมาหลับไป นิมมานจึงให้เรวัติจัดการจับนิกกี้และแสนแก้ผ้านอนด้วยกันและถ่ายรูปเก็บไว้เพื่อใช้เป็นหลักฐานยืนยันว่าแสนข่มขืนนิกกี้ หากรังสฤษฎ์จะทำการฟ้องร้อง เริง ตอย เดียร์ และรังสิมาคิดแกล้งนิกกี้จึงจับไปปล่อยไว้ที่เกาะร้างเป็นจังหวะที่นิกกี้ถูกคนร้ายตามฆ่า และแสนตามมาช่วยนิกกี้ไว้ได้ทัน นิกกี้ล้มป่วยและได้แสนคอยดูแล นิมมานสั่งสมุนให้ซ้อมแสนอาการสาหัสและถ่ายคลิปไว้โชว์ให้กัมปนาทดูในคืนที่ทั้งคู่เต้นรำด้วยกัน และบอกว่านี่คือการแก้แค้นที่กัมปนาทเคยส่งคนมาซ้อมนิจศีลอาการปางตายที่บ้านหลังนี้เช่นกัน และในงานเปิดตัวนิกกี้ทายาทคนเดียวของจักราวุธนิกกี้และแสนที่ตกลงจะร่วมมือกันเพื่อตามสืบคนร้ายที่คิดจะทำลายคนของสองตระกูล นิกกี้และแสนจึงประกาศตัวเป็นแฟนกันท่ามกลางแขกเหรื่อ แต่นิมมานและกัมปนาทไม่เชื่อนิกกี้จึงโน้มคอแสนมาจูบเพื่อความสมจริง ทุกคนถึงกับตกตะลึงแต่คนที่เจ็บปวดที่สุดคือรังสิมา แม้ว่าแสนยากรจะอธิบายความจริงว่าเขากับนิกกี้แกล้งคบกัน แต่รังสิมาก็ยอมรับไม่ได้ เธอเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองกลายเป็นสาวเปรี้ยวมั่นใจ และในจังหวะนี้เริงฤทธาก็ได้เข้ามาใกล้ชิดเริงปลอบโยนเธอ และทั้งสองเริ่มมีใจให้กัน แสนยากรเริ่มกบฏกับครอบครัว เพราะเขารับไม่ได้กับเกมสกปรกที่พ่อใช้เล่นงานจักราวุธ เขาพานิกกี้เข้ามาในที่ทำงานและที่บ้าน ท่ามกลางความไม่พอใจของกัมปนาท บันลือ และฆรณีนิกกี้สงสัยท่าทีของบันลือ เพราะเคยเห็นบันลือแอบติดต่อกับเรวัตอย่างลับๆ ล่อๆ นิกกี้แอบเข้าไปสืบค้นในห้องบันลือ บันลือจับได้ แสนยากรต้องแก้สถานการณ์ให้นิกกี้เอาตัวรอดมาได้ และในที่สุดนิกกี้และแสนยากรก็ได้รู้ว่าเรวัติและบันลือแอบมีความสัมพันธ์กันในฐานะคู่รัก ความใกล้ชิดระหว่างแสนกับนิกกี้ ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความเปราะบางของนิกกี้ว่าโหยหาความรักจากพ่อที่ไม่เคยใกล้ชิดดูแลเธอ แสนเริ่มหวั่นไหวในตัวเองขึ้นจริง ๆ แล้ว แสนยากรรู้สึกว่าวิถีชีวิตของเขาที่เต็มไปด้วยกฎระเบียบเริ่มเปลี่ยนไป เขาสนุกที่ได้ไปผจญภัยกับ นิกกี้ สนุกที่ได้เห็นโดมลูกน้องคู่ใจและแป้งทะเลาะกันแต่ก็จีบกันไปตลอดทาง เขารู้สึกมีอิสระและหาความสุขกับชีวิตได้มากขึ้นเพราะนิกกี้แท้ ๆ กัมปนาทเริ่มรับรู้ถึงความสัมพันธ์อย่างลับ ๆ ระหว่างบันลือและเรวัติ กัมปนาทสั่งให้บันลือเลิกคบกับเรวัติเพราะอับอายที่มีน้องชายเป็นเกย์ แต่ทั้งคู่ยังยืนยันที่จะคบกันต่อไป กัมปนาทสั่งลูกน้องมาจัดการเรวัติอาการปางตายแต่บันลือเข้ามาห้ามเลยถูกซ้อมอาการหนักทั้งคู่ เหตุการณ์นี้ทำให้บันลือและเรวัติตัดสินใจจะอยู่กันอย่างเปิดเผยและประกาศตัวเป็นอิสระไม่เชื่อฟังคำสั่งกัมปนาทอีกต่อไป เริงเริ่มคิดทำร้านอาหารเพื่อให้รังสิมารู้ว่าตัวเองมีความสามารถ โดยฆรณีขอร้องให้แสนยากรช่วยเหลือเรื่องเงิน แสนไม่ให้ฆรณีบอกเริงว่าเป็นเงินของตนเพราะเริงไม่ค่อยชอบแสน แต่ก็ทำท่าจะเจ๊งเพราะไม่มีแม่ครัว ในที่สุดแสนยากรจึงขอให้แป้งและโดมเข้ามาช่วยด้านอาหารและการบริหาร ร้านเริ่มจะขายดีลูกค้าเยอะขึ้น ด้านรังสิมาก็เริ่มรู้สึกดีกับเริงมากขึ้นเรื่อย ๆ แสนและนิกกี้สืบเรื่องราวความรักระหว่างฆรณีและนิจศีลรวมถึงแพทริเซียแม่ของนิกกี้ ที่ดูจะมีเงื่อนงำเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นิกกี้ตามเนืองนิตย์มาที่บ้านพักปราณบุรีและได้เห็นรูปแพทริเซีย นิกกี้และเนืองนิตย์มากมาย แต่กลับไม่พบรูปนิจศีลเลยแม้แต่รูปเดียว ทำให้ทุกคนเริ่มสงสัยแต่เนืองนิตย์กลับไม่ยอมพูดอะไร และไล่ทุกคนกลับ แสนและรังสิมาปรับความเข้าใจกันและยอมรับความรู้สึกของตนเองที่มีต่อนิกกี้และเริง ทั้งสองคนจึงเป็นอิสระจากกัน รังสิมาเริ่มเข้ามาช่วยแสนในการสืบหาความจริงเรื่องกระดุมตัว R และก่อนที่รังสิมาจะบอกกับนิกกี้ว่าเห็นทมเป็นคนเก็บกระดุมได้ในงานศพ รังสิมาก็ถูกทมจับโยนใส่รถที่นิกกี้ขับมาอย่างเร็ว ทำให้รังสิมาอาการสาหัส สร้างความแค้นให้เริงเป็นอย่างมาก นิกกี้จึงเสมือนคนที่ถูกใส่ร้ายหาว่าหึงรังสิมาจนคิดอยากจะฆ่าเธอ นิกกี้แอบเข้าไปค้นห้องของเนืองนิตย์เพื่อหาหลักฐานเรื่องนิจศีลกับแพทริเซียอีกครั้งแต่ถูกเนืองนิตย์จับได้และในที่สุดเนืองนิตย์ก็สารภาพความจริงว่าตัวเองเป็นพ่อที่แท้จริงของนิกกี้ ส่วนนิจศีลยอมรับสมอ้างเพื่อแก้แค้นนิมมานที่เข้ามาบงการชีวิตของทุกคน เพราะแท้จริงแล้วนิจศีลเป็นหมันไม่สามารถมีลูกได้ นิมมานเข้ามาได้ยินความจริงทั้งหมดก็เสียใจมาก ทมพยายามจะฆ่าปิดปากรังสิมาแต่ฆรณีก็มาห้ามไว้เพราะรู้ว่ารังสิมาคือคนที่เริงรัก ทมและฆรณีเริ่มจนมุมมากขึ้นเมื่อเริงเข้ามาเห็นทั้งคู่นอนอยู่ด้วยกันบนเตียง เริงรับไม่ได้ที่แม่มีความสัมพันธ์กับคนขับรถจึงทำร้ายทมจนน่วม ในที่สุดฆรณีก็ทนไม่ได้พูดความจริงออกมาว่าทมคือพ่อของเริง เริงเสียใจมากที่รู้ความจริงจะไปบอกกัมปนาทแต่ทมก็ใช้ขวดตีหัวเริงจนหมดสติไป ทมและฆรณีจะตามไปจัดการกับนิกกี้บังคับให้นิกกี้เขียนจดหมายลาตายและยกสมบัติให้กับเริง นิกกี้พยายามบอกความจริงเรื่องพินัยกรรมของนิจศีลและยืนยันว่านิจศีลไม่ใช่พ่อของตนและนิจศีลรักฆรณีคนเดียวตลอดมาไม่เคยแต่งงานกับผู้หญิงอื่นเลย แสนเข้ามาช่วยนิกกี้และให้ฆรณีและทมสารภาพความจริงทั้งหมด แต่จังหวะนั้นนิมมานเข้ามาเจอจะเรียกตำรวจแต่ทมและฆรณีก็จับนิกกี้เป็นตัวประกันและลักพาตัวนิกกี้ไปที่บ้านจักราวุธหัวหิน เพื่อถามความจริงเรื่องนิจศีลอีกครั้ง นิกกี้บอกสาเหตุที่นิจศีลทิ้งฆรณีไปเพราะนิจศีลรู้ว่าฆรณีทรยศท้องกับคนอื่นทั้ง ๆ ที่นิจศีลเป็นหมัน กัมปนาทและนิมมานตามมาและให้ฆรณีสารภาพว่าท้องกับใคร ฆรณีบอกว่าท้องกับทมเพราะถูกข่มขืน เมื่อความจริงถูกเปิดเผย ทมจึงฉวยโอกาสจับนิมมานเป็นตัวประกันแต่เรวัติเข้ามาช่วยนิมมานไว้จนถูกยิงตาย ก่อนที่ทมจะหนีไปได้ท่ามกลางความเสียใจของนิมมานและบันลือที่เรวัติต้องมาตาย นิมมานได้บทเรียนจากการสูญเสียเรวัติจึงขอร้องให้นิกกี้ยอมรับว่าเนืองนิตย์เป็นพ่อ ส่วนฆรณีได้พาเริงไปพบกับทมและขอร้องให้เริงยอมรับว่าทมคือพ่อและเรียกพ่อสักครั้ง เริงยอมรับแต่โดยดีก่อนที่จะรู้ว่ามันคือการพบกันครั้งสุดท้าย เพราะทมได้ยิงตัวตายส่วนฆรณีกินยาตาย เริงเสียใจกับการสูญเสียพ่อและแม่แต่ก็ได้รังสิมาที่คอยเป็นกำลังใจให้ตลอดมา กัมปนาทและนิมมานได้บทเรียนจากการแก้แค้นกันนำมาแต่ความสูญเสียจึงให้เก็บอัฐิของฆรณีไว้ที่เดียวกับนิจศีล ก่อนที่ทั้งสองตระกูลตกลงสงบศึกและยุติความแค้นทั้งหมด เริงฤทธาขอบคุณแสนยากรเมื่อรู้ว่าเขาคือผู้หวังดี และออกเงินทุนร้านของเริงทั้งหมด เริงจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับรังสิมา กัมปนาทและนิมมานหันมาปรองดองกัน และทำท่าว่าจะเริ่มโครงการใหม่ ๆ ร่วมกัน แสนยากรและนิกกี้กลับไปเล่นสงกรานต์ที่ข้าวสารในปีต่อมาอย่างแสนสุข
เรื่องย่อ : น้ำใสใจจริง (2543/2000) น้ำใสใจจริง เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความผูกพันของนักเรียน นักศึกษากลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นผู้บุกเบิกรุ่นแรกในรั้วมหาวิทยาลัยเปิดใหม่ นอกกรุงเทพมหานคร แต่ละคนมาจากคนละที่ ต่างถิ่น ต่างความคิด และต่างนิสัย แต่ไม่มีวันทอดทิ้งกัน แม้ในยามเกิดปัญหา ความเป็นเพื่อนที่คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในยามทุกข์ยากก็คอยให้กำลังใจกัน ร่วมสุขร่วมทุกกัน มีความจริงใจมอบให้แก่กัน ก็จะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคหรือปัญหามาด้วยกันได้
แรงเงา 2 (แรงเงา แรงแค้น) (2562/2019) วีกิจและมุนินทร์ใกล้จะแต่งงานกันเต็มที รอเรือนหอที่กำลังสร้างให้เสร็จลุล่วง ทั้งสองมีทัศนคติที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในการใช้ชีวิตคู่ แต่อย่างไรทั้งสองก็มีความรักเปี่ยมล้นที่ทำให้ทั้งสองประนีประนอมและพบกันครึ่งทางได้ในทุกปัญหา นพนภาหายจากอาการอัมพาตแล้ว แต่ยังเดินไม่คล่องนัก นางกลับมาวางอำนาจในบ้านเช่นเดิม นพนภาโกรธมากที่เจนภพพาต้อมลูกสาวคนสุดท้องไปเรียนต่ออังกฤษ และลาออกจากราชการ นพนภาไม่อยากเชื่อยังคิดว่าเจนภพหนีเธอที่เป็นอัมพาตไปหาเมียแหม่มแน่ๆ เรื่องเดียวที่นพนภาไม่เห็นแย้งคือ ต่อพาก้องคู่รักมาอยู่ร่วมบ้าน เพื่อให้ก้องฝึกกายภาพบำบัดดูแลนพนภา โดยเฉพาะอีกทั้งในปัจจุบัน นพนภาและมุนินทร์ต่างก็รักใครกันเป็นอย่างดี ก่อนถึงวันแต่งงานมีแต่เรื่องวุ่นวาย เมื่อนางพิณแม่ของมุนินทร์เข้ามาเจ้ากี้เจ้าการ เรียกสินสอดเพิ่มเกินเหตุ และงานต้องจัดอลังการตามค่านิยมคนชนบท งานนี้นางพิณมีปากมีเสียงกับนพนภาที่เป็นแม่งานแทนสร้อยคำ วีกิจและมุนินทร์ต้องไกล่เกลี่ยไม่ให้ทางผู้ใหญ่บาดหมางกันมากไปกว่านี้ ในที่สุดงานแต่งก็มาถึง แขกของบ่าวสาวมากันพร้อมหน้า ไม่มีใครรู้เลยว่างานนี้ รัชนกปรากฏตัวขึ้นในฐานะแขกวีไอพี โดยพากลุ่มสมุนมาทั้งทีม ทั้งประพงส์ ศักดิ์ชาย และบอดี้การ์ดอาวุธครบมือ ปิดห้องจัดเลี้ยงเข้ามาอวยพรให้วีกิจและมุนินทร์ครองรักกันไปจนวันตาย ฮันนีมูนของวีกิจและมุนินทร์ต้องล้มเลิกไป เมื่อมุนินทร์ขับรถชน ฤทัย เด็กสาวคนหนึ่งขณะกำลังจะไปฮันนีมูน และเมื่อฤทัยฟื้นขึ้นมากลับจำความอะไรไม่ได้ มุนินทร์จึงต้องรับภาระดูแล และยอมรับผิดชอบในตัวฤทัยอย่างเต็มที่ ทั้งวีกิจและมุนินทร์รับอุปการะดูแลจนกว่าฤทัยจะจำความได้ การตัดสินใจของทั้งสองเจอกระแสต่อต้านจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะนพนภาที่มองออกว่าฤทัยไม่น่าจะมาดี แต่ก็ห้ามความมีมนุษยธรรมของมุนินทร์และวีกิจไม่ได้ ฤทัยอาการดีขึ้น แต่บางครั้งก็มีอาการทางจิตแปลก ๆ วีกิจต้องเข้ามาปลุกปลอบฤทัยให้คลายความกลัว ซึ่งฤทัยกอดวีกิจไว้แน่นไม่ยอมปล่อย จากนั้นฤทัยมีทีท่าเชิญชวนทางเพศกับวีกิจเมื่ออยู่ลับหลังมุนินทร์ มุนินทร์ผู้ทุ่มเทให้กับงานอย่างหนักหลังจากได้เลื่อนตำแหน่ง โดยไม่รู้เลยว่าวีกิจรู้สึกโดดเดี่ยว และเริ่มให้ความสนใจฤทัยมากขึ้นทุกที ในความเป็นเด็กสาวแสนสวยที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ทางเพศ ความรักของมุนินทร์กับวีกิจจะฝ่าฟันปัญหานี้ไปได้หรือไม่ หรือความรักนี้จะหมดอายุลงในที่สุด ติดตามชมละคร แรงเงา 2
พรหมลิขิต Love Destiny 2 (2566/2023) วันหนึ่งขณะที่พุดตานกำลังคุมงานจัดสวนที่ จ.อยุธยา เธอได้ขุดเจอหีบโบราณใบหนึ่งที่ถูกฝังอยู่ใต้ดิน ภายในมีสมุดข่อยโบราณเก่าแก่เล่มหนึ่ง เพียงแค่เธอสัมผัสกับสมุดข่อยเล่มนั้นเธอก็รู้สึกเจ็บปวดคล้ายจะเป็นลม เกิดแสงสีทองสว่างจ้าและร่างของพุดตานก็หายวับไปพร้อมกับสมุดข่อย เมื่อพุดตานลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เธอก็พบเห็นชายหนุ่มรูปงาม แต่งตัวแปลกตาอยู่ตรงหน้า เขาคือหมื่นมหาฤทธิ์ ลูกชายฝาแฝดคนเล็กของออกญาวิสูตรสาครและเกศสุรางค์ สองคนยื้อแย่งคัมภีร์กฤษณะกาลีที่ต่างจับกันอยู่ พุดตานเชื่อว่าสมุดข่อยจะต้องพาเธอกลับบ้าน ในขณะที่หมื่นมหาฤทธิ์ไม่ยอมเพราะคัมภีร์กฤษณะกาลีคือสมบัติล้ำค่าของตระกูลที่ถูกพ่อของเขานำมาฝังเอาไว้นานแล้ว หมื่นมหาฤทธิ์แปลกใจที่พุดตานมีใบหน้าที่ละม้ายคุณแม่ของเขามาก ส่วนพุดตานจะใช้ชีวิตอย่างไรในสถานที่ที่เธอไม่คุ้นเคยแม้แต่น้อย คนแปลกหน้าสองคนที่เพิ่งพบเจอกัน...แต่กลับรู้สึกผูกพันกันอย่างไม่ทราบสาเหตุ ฤๅจะเป็นพรหมลิขิตที่ทำให้เขาและเธอได้กลับมาพบกันและจะไม่มีวันพรากจากกันอีกชั่วนิรันดร์ (ที่มา : ch3plus)
กลกิโมโน (2558/2015) ณ เมืองสึกิ เกิดพายุหิมะถล่มครั้งยิ่งใหญ่ นี่ไม่ใช่ภัยธรรมชาติธรรมดา แต่เป็นฝีมือของ นางปีศาจหิมะ ที่โกรธแค้น โฮชิ เทพเจ้านกกระเรียนที่ไม่ยอมรับรักเธอ นางปีศาจหิมะต้องการให้โฮชิเห็นประชาชนที่โฮชิรักต้องมีอันเป็นไปต่อหน้าต่อตา โฮชิต่อสู้กับนางปีศาจหิมะจนสามารถช่วยประชาชนได้สำเร็จ แต่การต่อสู้ทำให้กิโมโนของโฮชิขาดวิ่น โฮชิกลับสวรรค์ไปไม่ได้ต้องติดค้างอยู่บนโลกมนุษย์ เขาจึงต้องพรากจาก เมียวโจ คนรักที่อยู่บนสวรรค์ โฮชิเฝ้าคิดถึงเธออยู่ทุกลมหายใจ แต่เชื่อว่าเธอเองก็คิดถึงเขาอยู่เช่นกัน โฮชิมั่นใจว่าสักวันจะได้พบกับสาวคนรักอีกครั้ง ไม่ว่านานแค่ไหนเขาก็จะรอ
400 ปีผ่านไปรินดารา สาวไทยแสนสวยที่ได้รับทุนมาเรียนต่อปริญญาโทสาขากายภาพบำบัดที่ประเทศญี่ปุ่น กำลังเดือดร้อนอย่างหนักเพราะทางมหาวิทยาลัยตัดสินใจไม่ให้ทุนเรียนต่อ เหตุเพราะรินดาราลักลอบขโมยสัตว์ทดลองออกไป รินดาราได้แต่ก้มหน้ายอมรับผลการตัดสินใจของมหาวิทยาลัย เพราะรินดาราไม่สามารถพูดออกไปได้ว่า สาเหตุของการขโมยสัตว์ทดลองเป็นเพราะความสามารถพิเศษของเธอที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดทำให้เธอได้ยินเสียงพวกมันร่ำร้องขอให้ช่วยรักษาบาดแผลบนลำตัว รินดาราพยายามทำเฉยเมยต่อเสียงสัตว์เหล่านั้นเหมือนอย่างที่ สุรินทร์ และ ดวงดาวพ่อแม่เคยเตือนเอาไว้ตั้งแต่เด็ก แต่รินดารารู้อยู่คนเดียวว่ายิ่งเธอไม่สนใจเท่าไหร่ ปานรูปดาวบนแผ่นหลังของเธอก็จะยิ่งเกิดอาการปวดแสบปวดร้อนมากขึ้นเท่านั้นเหมือนอะไรบางอย่าง จะเตือนว่ารินดาราไม่มีสิทธิ์เพิกเฉยต่อความสามารถพิเศษเพราะทุกอย่างถูกลิขิตมาไว้แล้ว รินดารามั่นใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ความสามารถพิเศษและปานรูปดาวบนแผ่นหลังจะต้องเป็นที่มาของอะไรบางอย่างที่รอให้เธอหาคำตอบแล้วผลของการไม่เพิกเฉยต้องทำให้รินดาราต้องดิ้นรนทำงานหาเงินเพื่อเป็นค่าเทอมในปีต่อไป ขอให้เป็นงานที่ไม่เบียดเบียนใครรินดาราทำได้หมด แล้วงานล่าสุดของเธอที่มีค่าตอบแทนอย่างงดงามก็คือ การแต่งตัวเป็นเจ้าหญิงอยู่ในสวนสนุก ในขณะที่รินดารากำลังทำงานด้วยความเพลิดเพลินอยู่กับลูกค้า เธอก็ได้ยินเสียงนกบนต้นไม้พูดขึ้นมาว่า มีเด็กผู้หญิงพิการนั่งอยู่บนรถเข็นล้อเลื่อนกำลังพลัดหลงกับคุณอาชายสุดหล่อกับคู่ควงสาวที่มัวแต่จีบกัน และดูเหมือนว่าเด็กน้อยจะมุ่งหน้าไปที่สระน้ำ รินดาราวิ่งไปช่วยเด็กน้อยได้ทันก่อนที่รถจะไถลลงสระน้ำได้อย่างเฉียดฉิว รินดารากอดปลอบเด็กน้อยชื่อว่า อายูมิ มิยาคาวะ ที่เอาแต่ร้องไห้สะอื้นด้วยความตกใจ ก่อนที่ อาคิระ มิยาคาวะ และ ริเอะ ชินเอบะ ผู้ปกครองของเด็กน้อยจะมาพบเข้า ทั้งสองยังไม่ทันจะรู้เรื่องอะไร ริเอะก็กล่าวหาว่ารินดาราอาจจะเป็นพวกตระกูลโคสึกะ ตระกูลศัตรูคู่อาฆาตกับตระกูล มิยาคาวะ ส่งมาลักพาตัวอายูมิ รินดาราทนไม่ได้จึงเถียงกลับจนริเอะพูดไม่ออก แต่คนที่ไม่เคยยอมแพ้ใครอย่างริเอะก็จัดการรินดาราด้วยการทำให้รินดาราถูกไล่ออกจากงาน รินดาราประกาศไว้กับตัวเองว่าจะไม่ขอเจอยัยริเอะกับอาคิระอีกเลยรินดาราอยู่ในสภาพลำบากอีกครั้ง แล้วเหมือนโชคจะเข้าข้างเธอเมื่อมีคนติดต่อผ่านอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยว่าจะให้เธอไปเป็นพี่เลี้ยงดูแลเด็กหญิงพิการที่เมืองสึกิ เมื่อในนิทานแสนสวยงามที่รินดาราฝันอยากไปตั้งแต่เด็ก และเมืองสึกินี้เองที่เป็รแรงบันดาลใจทำให้รินดาราขอทุนเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น แต่ที่ผ่านมารินดาราต้องเรียนหนักและต้องประหยัดเงินทุกบาทจึงยังไม่เคยไปเมืองสึกิสักครั้ง รินดาราตื่นเต้นดีใจดีมากก่อนที่จะพบว่าผู้ที่มาติดต่อเธอคืออาคิระ ผู้ชายมาดขรึมเก๊กหล่อแฟนของยัยผู้หญิงนิสัยไม่ดี รินดารากำลังจะปฏิเสธโดยไม่เสียเวลาลังเลเลยแม้แต่วินาทีเดียว แต่อาคิระที่เหมือนจะอ่านใจรินดาราออกรีบบอกว่า ไม่ใช่เขาที่เป็นคนอยากให้รินดาราไปดูแลหลานสาว แต่เป็นคนอื่น รินดาราสังเกตเห็นได้ว่าอาคิระดูไม่ค่อยเต็มใจอยากจะมาทำหน้าที่นี้สักเท่าไหร่ ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่รินดาราคิด การที่อาคิระยอมมาเชิญรินดาราด้วยตัวเองเป็นเพราะ คุณย่ามิกิ คุณย่าที่เขารักและเคารพมากขอร้องมาว่าให้ทำเพื่อบุคคลผู้มีพระคุณต่อมิยาคาวะ อาคิระขอร้องให้รินดาราไปพบกับเขาคนนั้นด้วยตัวเองแล้วค่อยตัดสิ้นใจว่าจะรับหรือไม่รับงานนี้รินดารายอมไปกับอาคิระเพราะอยากรู้ว่าเขาคนนั้นคือใคร พอถึงที่หมายซึ่งเป็นหน้าอุโมงค์คอกวีสทีเรีย อาคิระบอกให้รินดาราเข้าไปข้างในคนเดียว แล้วภาพของชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าอุโมงค์คอกวิสทีเรียอันสวยสดงดงามราวกับดวงดาวพร่างพรายแม้เวลากลางวัน เขาคนนั้นคือ ท่านชายโฮชิ ชายหนุ่มผู้มีรอยยิ้มอันเปี่ยมสุข แต่แววตากลับแฝงความเศร้าหมอง เพียงแค่คำพูดของเขาไม่กี่คำก็ทำให้รินดาราเหมือนตกอยู่ในมนต์ ตอบรับทำงานที่คฤหาสน์มิยาคาวะทันที โดยที่ไม่รู้เลยว่าการเดินทางไปเมืองสึกิครั้งนี้จะทำให้ได้พบคำตอบที่เธอรอคอยมาตลอดชีวิตณ ขณะเดียวกันที่ตระกูลโคสึกะ ตระกูลศัตรูคู่อาฆาตกับตระกูลมิยาคาวะกำลังร้อนเป็นไฟ เมื่อ ไดซุเกะ ชายชราวัย 70 ปี อ่านพบคำทำนายในตำราโบราณของบรรพบุรุษว่ากำลังมีผู้หญิงเดินทางมาที่มิยาคาวะ และผู้หญิงผู้นี้จะนำพาหายนะมาสู้โคสึกะตระกูลโคสึกะเป็นตระกูลใหญ่ในหุบเขาสึกิ พวกเขาเป็นเจ้าพ่อธุรกิจการเกษตรและเป็นตระกูลผู้ดูแลศาลเทพเจ้าสุนัขจิ้งจอก ซึ่งเป็นเทพเจ้าทางด้านพืชผลทางการเกษตร ขณะที่เทพเจ้านกกระเรียนทองคำคือเทพเจ้าแห่งสุขภาพและชีวิตที่ยืนยาว โดยมีตระกูลมิยาคาวะทำหน้าที่ดูแลศาลให้ สองตระกูลนี้ไม่ถูกกันมาตลอดเพราะความเชื่อและศรัทธาในเทพเจ้าของตัวเอง ตระกูลโคสึกะเข้าใจผิดไปว่าเทพเจ้านกกระเรียนเป็นต้นเหตุทำให้เทพเจ้าจิ้งจอกของพวกเขาสูญสลาย และเชื่อว่าเทพเจ้านกกระเรียนยังกลับขึ้นสวรรค์ไม่ได้ ทว่าไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เทพเจ้านกกระเรียนอยู่แห่งใดบนโลกนี้ ทุกคนในตระกูลโคสึกะจึงถูกปลูกฝังให้ขัดขวางไม้ให้เทพเจ้านกกระเรียนกลับขึ้นสวรรค์ เพราะไม่เช่นนั้นตระกูลโคสึกะจะต้องมีอันเป็นไปฮิเดโนริ โคสึกะ หลานชายวัย 25 ปีลูกของไดซุเกะทำหน้าที่สืบว่าผู้หญิงที่มาคฤหาสน์มิยาคาวะเป็นใครด้วยการส่งฮิโตชิ ผีเด็กตัดผมหน้าม้าสวมชุดยูกาตะสีน้ำเงินที่เขาเลี้ยงไว้ใช้งานให้ไปที่คฤหาสน์มิยาคาวะ ทำให้รินดาราเกือบจะโดนผีหลอกตั้งแต่คืนแรกที่มาอยู่ที่คฤหาสน์มิยาคาวะ แต่รินดารารอดปลอดภัยมาเพราะท่านชายโฮชิมาช่วยไว้ และเขายังมอบเหรียญเซโมริลายนกกระเรียนซึ่งเป็นเครื่องรางของขลังของญี่ปุ่นให้รินดาราเอาไว้เป็นเครื่องคุ้มกันภัยจากอันตรายทั้งปวง ทำให้ฮิโตชิเข้าใกล้รินดาราไม่ได้ทางด้านรินดาราเริ่มงานดูแลหนูน้อยอายูมิด้วยการบริหารให้กล้ามเนื้อคลาย เด็กหญิงร้องไห้ลั่นด้วยความเจ็บปวด อาคิระมาเห็นเข้าก็ไม่พอใจเข้าไปห้ามทันที รินดาราเข้าใจแล้วว่าที่อายูมิอาการไม่ดีขึ้นเป็นเพราะเด็กน้อยถูกประคบประหงมมากเกินไป กล้ามเนื้อไม่ได้ออกแรงอย่างที่ควรจะเป็น รินดาราใช้สิทธิของการเป็นผู้ดูแลอายูมิจัดโปรแกรมชีวิตเด็กน้อยให้หมด อาคิระจำใจต้องยอมรับรินดาราเพราะคำสั่งของคุณย่ามิกิ อาคิระแปลกใจว่าทำไมย่ามิกิต้องทำเหมือนรินดาราเป็นคนพิเศษมาก ไหนจะยังสายตาที่ท่านชายโฮชิมองรินดาราช่างหวานซึ้งและคุ้นเคย อาคิระจ้างนักสืบสืบประวัติของทั้งสอง นักสืบไม่พบข้อมูลใดๆ น่าสงสัย แต่ที่แปลกคือ นักสืบไม่พบข้อมูลของท่านชายโฮชิเลยแม้แต่นิดเดียวว่าเขาเป็นใครมาจากไหนวันหนึ่งรินดาราพาอายูมิเข้าไปในเมืองเพื่อเปิดหูเปิดตา สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กน้อยอยากกลับมาเดินได้อีกครั้ง สองสาวต่างวัยได้พบกับ แป้งร่ำ และ เกียว เจ้าของร้านนวดแผนไทย รินดาราดีใจที่มีคนไทยอยู่ใกล้ๆ ให้อบอุ่นใจ แต่ขากลับรินดาราเกือบถูกสุนัขจิ้งจอกทำร้าย เสื้อผ้าของเธอฉีกขาดเล็กน้อย โชคดีที่อาคิระและโฮชิช่วยเอาไว้ทัน แต่สิ่งที่ทำให้โฮชิตกตะลึงก็คือ ปานรูปดาวบนแผ่นหลังของรินดารา โฮชิแน่ใจแล้วว่าสิ่งที่เขาคิดถูกต้อง รินดาราคืออวตารส่วนหนึ่งของเมียวโจ เมียวโจส่งรินดารามาช่วยทำให้กิโมโนโฮชิปักเสร็จแล้วพาเขากลับสวรรค์ แต่ตอนนี้รินดารายังจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใครโฮชิกับมิกิจะช่วยฟื้นความจำให้รินดารา มิกิจึงวางแผนให้รินดาราขึ้นไปบนหอคอยอันเป็นเขตห่วงห้ามของคุณย่ามิกิ เผื่อว่ากิโมโนโฮชิจำทำให้รินดาราจำได้ว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของเมียวโจ แต่เมื่อกิโมโนโฮชิปรากฎต่อสายตา ปานรูปดาวบนแผ่นหลังของรินดาราเกิดอาการปวดแสบปวดร้อนอย่างรุนแรงจนเธอเป็นลมสลบไป โฮชิรู้แล้วว่าตอนนี้ร่ายหยาบของมนุษย์อย่างรินดารายังไม่สามารถรับพลังงานบริสุทธิ์ของเทพได้ ต้องรอให้ร่างของรินดาราพร้อมด้วยตัวเองเท่านั้น ตอนนี้โฮชิจึงได้แต่เฝ้ารอให้รินดาราจำได้ว่าเธอเป็นใคร มิกิหวังว่าจะถึงวันนั้นเร็วๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปทางด้านฮิเดโนริตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่งแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในสภาพเลือดเต็มตัว เนื้อตัวเปรอะเปื้อนดินโคลน ฮิเดโนริจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งไดซุเกะเข้ามารับรู้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลานชาย จึงรู้ว่าเลือดปีศาจจิ้งจอกในตัวฮิเดโนริเริ่มออกฤทธิ์ สุนัขจิ้งจอกตัวที่ทำร้ายรินดาราก็คือฮิเดโนรินั่นเอง แท้จริงแล้วฮิเดโนริเป็นลูกครึ่งมนุษย์และปีศาจจิ้งจอก พ่อของฮิเดโนริรักกับนางปีศาจจิ้งจอกที่ปลอมตัวเป็นหญิงสาวสวย เมื่อฮิเดโนริกำเนิด ทั้งสองก็ทิ้งเด็กชายไว้กับไดซุเกะก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะตามคนรักเข้าป่าไปอยู่กับฝูงสุนัขจิ้งจอก ไดซุเกะไม่เคยคิดว่าจะบอกเรื่องนี้ให้กับหลานรู้เพราะอยากให้มันเป็นความลับตลอดกาล แต่เมื่อเลือดปีศาจจิ้งจอกในตัวฮิเดโนริกำลังมีพลังอำนาจเหนือเลือดมนุษย์ ไดซุเกะจึงทำพิธีสักยันต์บนแผ่นหลังของฮิเดโนริ และสอนให้ฮิเดโนริรู้จักควบคุมปีศาจจิ้งจอกให้อยู่ภายใต้การควบคุมของฮิเดโนริกว่าฮิเดโนริจะทำใจยอมรับกับสิ่งที่ตัวเองเป็นได้ เขาก็อาละวาดใส่ฮิโตชิหลายครั้ง ฮิโตชิตกใจกลัวจึงเข้าไปหลบในห้องของไดซุเกะ แล้วเขาก็เผลอทำตุ๊กตาฮินะรูปผู้หญิงผมยาวผิวขาวซีด ปากเป็นสีแดงตกแตก ทำให้วิญญาณของนางปีศาจหิมะที่ตระกูลโคสึกะกังขังอยู่ในตุ๊กตาฮินะตัวนั้นมานานหลายร้อยปีถูกปลดปล่อยโดยไม่มีใครรู้ นางปีศาจหิมะเป็นเพียงมวลสารไร้รูปกายมันจึงเข้าไปสิงอยู่ในร่างของ ยูกิ เกอิชา สาวแสนสวยที่เป็นทาสความรักของ มาโกะโตะ ชินเอบะ พ่อของริเอะที่ผ่านมามาโกะโตะให้ความหวังกับยูกิจนเธอรักเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ยูกิเรียกร้องอยากแต่งงานกับเขา มาโกะโตะรำคาญสุดขีดจึงสั่งเก็บยูกิ ยูกิต้องจบชีวิตด้วยความรักความแค้นไม่ต่างจากที่นางปีศาจหิมะที่เคยรู้สึกมาก่อน นี่เป็นช่องโหว่ที่ทำให้นางปีศาขหิมะสามารถสิงร่างของยูกิได้ แล้วนางปีศาจหิมะที่อยู่ในร่างของยูกิก็กลับมาหามาโกะโตะ พร้อมกับซากศพของลูกน้องของเขาที่เธอสูบกินกิเลสตัวพวกมันจนแห้งกรัง ด้วยความกลัวสุดขีดทำให้มาโกะโตะยอมเป็นทาสรับใช้ ช่วยยูกิตามหาเทพเจ้านกกระเรียนชายที่เธอยังรักหมดหัวใจที่ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้วยูกิก็ได้พบกับโฮชิอยู่ในงานทานาตะ ยูกิอยากจะเข้าไปหาเขาแต่พลังของเธอยังน้อยเกินไป ทว่า ยูกิยังรู้สึกที่อย่างน้อยก็รู้ว่าเขายังอยู่ในเมืองสึกิและอยู่กับครอบครัวมิยาคาวะ ยูกิคิดไปเองว่าสาเหตุที่เมื่อก่อนโฮชิไม่รับรักเธอ เป็นเพราะเธอเป็นนางปีศาจหิมะน่าเกลียดน่ากลัว แต่ตอนนี้เธออยู่ในร่างของหญิงสาวแสนสวยแล้วโฮชิน่าจะรักเธอได้ ดังนั้นยูกิจึงสั่งให้ริเอะพาคุณย่ามิกิและอาคิระมาที่บ้าน โดยอ้างว่ายูกิอยากจะสั่งคุณย่ามิกิทอกิโมโน เมื่อพบโอกาสยูกิก็จัดการสะกดจิตคุณย่ามิกิคนใกล้ชิดที่สุดของโฮชิให้ทำตามความต้องการของยูกิ ทำให้หลังจากนั้นเป็นต้นมาคุณย่ามิกิก็เอาแต่พูดถึงยูกิให้โฮชิฟัง และยังขอให้โฮชิไปพบกับยูกิอีกด้วย โฮชิมาพบยูกิตามนัดที่ซุ้มอุโมงค์วิสทีเรียเพราะยูกิจงใจให้ตัวเองเหมือนเมียวโจคนรักของโฮชิ แต่โฮชิกลับไม่มีท่าทีอ่อนไหวกับยูกิเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำเขายังเกิดความสงสัยว่ายูกิไม่ใช่คน โฮชิจึงล่อพายูกิไปที่ศาลเจ้าอันเป็นสถานที่ที่ปีศาจเข้าไม่ได้ ยูกิเกือบจะแสดงท่าแท้ของตัวเองออกมาให้โฮชิเห็น แต่เธอก็เอาตัวรอดมาได้ในงานทานาบาตซึ่งตรงกับวันเกิดของรินดารา รินดาราแปลกใจมากว่าทำไมเธอถึงไม่รู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ปานรูปดาวเหมือนวันเกิดที่ผ่านมา รินดารายอมเล่าเรื่องปานรูปดาวให้โฮชิฟังเพราะเธอไว้ใจเขาอย่างประหลาด โฮชิพูดเป็นในให้รินดาราได้คิดว่าปานรูปดาวอาจจะพอใจที่เธออยู่ในเมืองสึกินี้แล้วก็ได้ รินดารายังไม่เข้าใจที่โฮชิพูดแต่แน่ใจว่าต้องมีอะไร รินดาราพยายามหาคำตอบให้กลับตัวเอง แต่ยิ่งหาเท่าไหร่เธอยิ่งรู้เรื่องประหลาดเกี่ยวกับโฮชิทางด้านฮิเดโนริพยายามทำร้ายรินดาราด้วยการส่งผีไปฆ่าแต่ไม่สำเร็จ เพราะรินดารามีเหรียญเซโมริปกป้อง ฮิเดโนริจึงใช้วิธีเข้าไปทำความรู้จักกับรินดาราเพื่อหาทางทำร้ายเธอ แต่ยิ่งฮิเดโนริอยู่ใกล้รินดารามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งหลงรักในความน่ารักสดใสของเธอมากขึ้นเท่านั้น จนฮิเดโนริเกิดความรู้สึกลำบากใจที่จะฆ่ารินดารา ฮิเดโนริเกิดเกิดความคิดว่าแค่หาทางไล่รินดาราไปให้พ้นจากเมืองสึกิก็น่าจะพอแล้วรินดาราได้เห็นรูปถ่ายเมื่อสมัยห้าสิบปีของพ่อสามีของแป้งร่ำ ผู้ที่ปรากฎอยู่ในรูปหน้าตาละม้ายคล้ายท่านชายโฮชิ รินดาราจึกวางแผนให้ท่านขายไปพบกับพ่อสามีของแป้งร่ำ จนรินดารารู้ว่าท่านชายโฮชิคือผู้ชายในรูปจริง ๆ แต่หน้าตาของท่านชายไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย รินดาราจึงแน่ใจแล้วว่าเรื่องล่ำลือเกี่ยวกับชายหนุ่มที่อยู่บนหอคอยของคฤหาสน์มิยาคาวะก็คือท่านชายโฮชิด้านทางฮิเดโนริรู้เรื่องว่าฮิโตชิแอบหนีไปเล่นกับอายูมิที่คฤหาสน์มิยาคาวะอยู่บ่อยๆ ฮิเดโนริเรียกฮิโตชิมาลงโทษและกักขังเอาไว้ในตุ๊กตาฮิะ แต่ ไอ บังเอิญไปพบเข้าแล้วทำตุ๊กตาฮินะแตก ฮิโตชิหลุดออกมาหาอายูมิ และได้รับการปกป้องจากท่านชายโฮชิ ทำให้ฮิเดโนริได้เจอกับท่านชายโฮชิแล้วรู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาซึ่งขณะเดียวกันนั้นไดซุเกะรับรู้แล้วว่านางปีศาจหิมะหลุดออกไปจากตุ๊กตาฮินะ ไดซุเกะรีบทำพิธีเรียกมันกลับมา แต่มันกลับมาในสภาพของมนุษย์สาวสวยชื่อยูมิ ไดซุเกะจะจัดการกักขังปีศาจหิมะเอาไว้เหมือนเดิม แต่นางปีศาจหิมะที่อยู่ในร่างของยูกิโพล่งออกมาว่า เธอรู้ว่าตอนนี้เทพเจ้านกกระเรียนอยู่ที่ไหนและเธอจะขอให้แก้แค้นเทพเจ้านกระเรียน เพื่อแก้แค้นให้เธอและให้เทพเจ้าจิ้งจอกที่ต้องสลายไป เพราะฝีมือของเทพเจ้านกกระเรียน เมื่อฮิเดโนริรู้เรื่องเข้าจึงกระจ่างแล้วว่าท่านชายโฮชิเป็นเทพเจ้าจริง ๆ ไดซุเกะจึงยอมปล่อยนางปีศาจหิมะโดยไม่รู้เลยว่าทั้งหมดนั้นเป็นแผนการณ์ของนางปีศาจหิมะ นางปีศาจหิมะที่อยู่ในร่างของยูจิหลอกใช้พลังของไฮซุเกะแล้วถ้าทุกอย่างสมหวัง เธอจะจัดการกับไดซุเกะเป็นคนแรกเมื่อได้รับความช่วยเหลือจากไดซุเกะจนมีพลังกลับคืนมา นางปีศาจหิมะที่อยู่ในร่างของยูกิก็ กลับไปพบกับโฮชิที่คฤหาสน์มิยาคาวะ ยูกิอ้างไปว่าที่หายหน้าไปหลายวันเพราะมีธุระส่วนตัว โฮชิจึงไม่สงสัยอีกแล้วว่าโฮชิมีอาการเป็นห่วงผู้หญิงที่ชื่อรินดารามากเป็นพิเศษ จึงอยู่รอพบหน้ารินดารา เมื่อพบหน้ายูกิยังไม่รู้ว่ารินดาราเป็นส่วนหนึ่งของเมียวโจ ยูกิรู้แต่ว่ารินดาราสวยเหลือเกิน ประกอบกับสายตาของโฮชิยามมองรินดาราช่างอ่อนหวานอ่อนโยนจนเธอนึกอิจฉาอยู่ในใจ ยูกิจึงตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่างกับรินดารานางปีศาจหิมะในร่างยูกิหลอกล่อรินดาราเพื่อฆ่า แล้วนางปีศาจหิมะจะสิงเข้าไปอยู่ในร่างของรินดาราเสียเอง แต่นางปีศาจหิมะทำไม่ได้ง่ายๆ เพราะจิตของรินดาราไม่ได้บอบช้ำเพราะความรักเหมือนอย่างยูกิ แล้วอาคิระกับโฮชิก็มาช่วยรินดารา รินดาราตกอยู่ในสภาพแย่มากจากพลังอำนาจประหลาด โฮชิจึงตัดสินใจคืนร่างเป็นเทพเจ้านกกระเรียนเพื่อช่วยรินดารา ทำให้รินดารากระจ่างแล้วว่าโฮชิไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แต่เป็นเทพเจ้านกกระเรียนตามตำนานในนิทาน เท่านั้นยังไม่พอมิกิยังพารินดาราขึ้นไปดูกิโมโนโฮชิบนหอคอยเพียงแค่รินดารายื่นมือไปแตะลายปักรูปนกกระเรียนบนกิโมโน ภาพความจำว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของเมียวโจก็ปรากฎขึ้นในหัว รินดาราได้คำตอบแล้วว่า เธอเกิดมาเพื่อช่วยส่งท่านชายโฮชิกลับสวรรค์ โดยต้องตามหาขนนกกระเรียนทองคำแล้วนำมาปักบนกิโมโนให้สำเร็จ แต่ทั้งหมดนี้อาคิระยังไม่รู้เรื่องรินดาราเริ่มหน้าที่ของตัวเองด้วยการหาข้อมูลของขนนกกระเรียนทองคำ รวมทั้งถามกับ แฮโรลด์ เจ้าของสถาบันอาภรณ์แห่งเอเชียผู้โด่งดังที่มาขอกิโมโนของตระกูลมิยาคาวะไปจัดแสดงในงาน แต่แฮโรลด์ไม่เคยได้ยินว่าขนนกกระเรียนทองคำมีจริง ๆ แต่การสนทนาครั้งนั้นทำให้ริเอะได้ยินแล้วนำไปบอกกับยูกิ ยูกิรวบรวมสิ่งที่รู้มาจนแน่ใจว่ารินดาราคือส่วนหนึ่งของเมียวโจที่ลงมาช่วยพาโฮชิกลับสวรรค์ ยูกิสั่งให้ไดซุเกะและฮิเดโนริคอยหาทางขัดขวางไม่ให้รินดาราหาขนนกกระเรียนทองคำเจอช่วงนั้นรินดาราไปหาเพื่อนชื่อ เคนจิ ลูกครึ่งญี่ปุ่น-ไทย นักศึกษาปริญญาโทคณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลับเดียวกันกับรินดารา เคนจิกำลังทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับเรื่องสัตว์พิเศษในตำนานของเทพนิยายต่างๆ เช่น ล็อคเนสแห่งทะเลสาปล็อคเนส เยติมนุษย์หิมะแห่งฮิมาลัย ฯลฯ รินดาราถามเคนจิเรื่องนกกนกระเรียนทองคำ แต่เคนจิบอกว่ามันเป็นสิ่งที่หายากมาก ร้อยปีถึงวจะมีกำเนิดสักครั้ง ความหวังที่จะช่วยโฮชิของรินดาราดูจะริบหรี่เหลือเกิน แต่แล้วก็เหมือนฟ้าดลใจ เมื่อเคนจิเดินทางมาหารินดาราที่คฤหาสน์มิยาคาวะว่าได้คุยกับ ป้าอัง ญาติของเคนจิที่อยู่เมืองไทยมีขนนกกระเรียนทองคำ และป้าอังก็ยินดีจะมอบขนนกกระเรียนทองคำให้รินดารา และที่ผ่านมาป้าอังฝันว่ามีผู้หญิงมาบอกว่าให้เก็บขนนกกระเรียนนี้ไว้ สักวันพวกเขาจะมารับ ป้าอังเชื่อว่าต้องเป็นรินดารา เพราะผู้หญิงในฝันหน้าเหมือนรินดาราไม่มีผิด รินดารานำเรื่องนี้ไปเล่าให้ย่ามิกิและท่านชายโฮชิฟังโดยไม่รู้ตัวว่าอาคิระกำลังแอบฟังเรื่องทั้งหมดอยู่ อาคิระก็เลยรู้ความจริงทั้งหมด และเขาก็ยินยอมที่จะร่วมมือช่วยปลดปล่อยท่านชายโฮชิกลับคืนสู่สวรรค์ในระหว่างนั้นเองทางเมืองไทยก็ส่งข่าวมาว่าพ่อของรินดารามีอาการป่วย รินดาราและอาคิระจึงตัดสินใจเดินทางไปหาป้าอังพร้อมกับเคนจิที่เมืองไทย เพื่อตามหาขนนกกระเรียนและเพื่อรักษาอาการของพ่อ แต่ถึงกระนั้นไอก็ยังขอติดตามไปดูเส้นไหมที่เมืองไทยด้วย หากความจริงแล้วไอไปตามคำสั่งของฮิเดโนริ ไอรักฮิเดโนริมากแล้วความรักนี้ทำให้ไอมองไม่ออกว่าฮิเดโนริกำลังหรอกใช้เธอรินดารากับอาคิระเดินทางไปเมืองไทยด้วยกัน อาคิระได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของรินดารา ได้เห็นถึงการสู้ชีวิตของหญิงสาวทำให้อาคิระเข้าใจรินดารามากขึ้น ขณะเดียวกันรินดาราก็ได้เห็นมุมอ่อนโยน ความมีน้ำใจของอาคิระที่ปฏิบัติต่อทุกคนในครอบครัวของเธอ ทำให้ความรักก่อเกิดขึ้นในใจของทั้งสองแบบเงียบๆ แต่ทั้งสองยังไม่สามารถคิดสิ่งใดได้ ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการตามหาขนนกกระเรียนทองคำจากญาติของเคนจิขณะเดียวกัยรู้ว่ายูกิไม่ใช่คนอย่างที่เขาเคยคิดจริงๆ แต่โฮชิไม่แสดงออกมาให้ยูกิรู้ว่าเขารู้ความจริง เพราะโฮชิอยากจะช่วยพูดและทำให้นางปีศาจหิมะในร่างยูกิยอมลดกิเลสในใจตัวเอง แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเพราะในของนางปีศาจหิมะลุ่มหลงอยู่ในกิเลศมากเหลือเกินทันทีที่รินดารากับอาคิระไปถึงบ้านป้าอัง กลับพบว่าป้าอังเกิดอาการมึนเบลอ จำไม่ได้แม้กระทั่งว่าตนเองมีขนนกกระเรียนทองคำ เพราะความจริงแล้วที่ป้าอังต้องเป็นเช่นนี้เป็นฝีมือของฮิเดโนริที่แอบสะกดรอยตามมา โดยมีไอเป็นนางนกต่อคอยสือความลับอยู่ ดังนั้นไม่ว่ารินดารากับอาคิระจะทำอะไร ฮิเดโนริจะรู้ความเคลื่อนไหวทั้งหมด แต่มีเรื่องที่ไอกับฮิเดโนริไม่รู้คือ ความสามารถพิเศษได้ยินสัตว์พูดรองรินดารา รินดารารู้เรื่องจากแมวป้าอังว่ามีคนปริศนามาทำร้ายป้าอังให้เป็นแบบนี้ และที่สำคัญแมวรู้ด้วยว่าป้าอังเก็บขนนกกระเรียนไว้ที่ไหน แต่รินดาราไม่ยอมบอกเรื่องนี้กับใครแม้กระทั่งอาคิระเพราะรินดาราไม่รู้แน่ชัดว่าใครคือคนปริศนาพวกนั้น รินดารารอจนกลับมาถึงคฤหาสน์มิยาคาวะถึงนำขนนกกระเรียนทองคำของป้าอังออกมา สร้างความดีใจกับย่ามิกิและท่านชายโฮชิเป็นอย่างมากแต่อาคิระกลับน้ายใจที่รินดาราไม่ไว้ใจเขา ไม่ยอมบอกว่าหาขนนกกระเรียนได้แล้ว รินดาราอธิบายเหตุผลให้อาคิระเข้าใจว่า เธอสงสัยว่ามีหนอนบ่อนไส้อยู่ไกล้พวกเรา แล้วยังไม่ทันขาดคำขนนกกระเรียนทองคำที่ได้มาจากป้าอังก็ถูกมือดีขโมยไปเผาทำลายจนไม่เหลือซาก อาคิระก็เลยวางแผนกับรินดาราสร้างเรื่องขึ้นมาว่ายังมีขนนกกระเรียนทองคำเพื่อล่อมือดีให้ปรากฎตัว จนกระทั่งแผนสำเร็จ ทุกคนมิยาคาวะรู้ว่าไอเป็นสายลับให้โคสึกะมาตลอด ไอกับอาคิระทะเลาะกันอย่างรุนแรงแล้วไอก็หนีออกจากคฤหาสน์มิยาคาวะไปอยู่ที่คฤหาสน์โคสึกะกับฮิเดโนริอาริคะเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น รินดาราคอยปลอบใจ แล้วความใกล้ชิดก็ทำให้ทั้งสองรู้ใจตัวเองว่ารักอีกฝ่ายเข้าเสียแล้ว แต่ไม่สามารถพูดออกมาได้ เพราะต่างไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร และอาคิระก็รู้อยู่แก่ใจว่ารินดาราเกิดมาเพื่อช่วยท่านชายโฮชิไม่ใช่เขา แล้วช่วนนั้นเองรินดาราก็ได้พบกับ ฮิเมะ ลูกนกที่พลัดหลงจากแม่และกำลังถูกแมวไล่จับกิน รินดาราช่วยฮิเมะและเลี้ยงดูมันอย่างดีทางด้านยูกิสั่งให้มาโกะโตะหาเหยื่อมาให้เธอสูบกินกิเลสอีก แต่มาโก๊ะทำไม่ได้เพราะตอนนี้ตำรวจเริ่มตามสืบคดีคนหายไปหลายคน ยูกิโกรธมากจึงสูบกิเลสของมาโกะโตะซะเลย ริเอะเข้ามาเห็นภาพเข้าก็พยายามจะช่วยพ่อแต่ก็ช่วยไม่สำเร็จ มาโกะโตะตายในสภาพที่ไม่ต่างจากเหยือที่เขาหามาให้ยูกิภาพพ่อถูกกินทำให้ริเอะถึงกับเสียสติต้องอยู่โรงพบาบาลด้วยความหวาดกลัว ตอนแรกยูกิจะกินริเอะด้วยแต่ยูกิสัมผัสได้ว่าการที่ริเอะยังมีชีวิตอยู่ในสภาพป่วยเช่นนี้ ความห่วงใยที่อาคิระมีให้ริเอะสร้างความปวดร้าวหัวใจให้รินดารา และเมื่อไหร่ที่รินดาราเจ็บปวดเพราะความรักจนถึงขีดสุด เมื่อนั้นนางปีศาจหิมะจะสามารถสิงร่างของรินดาราได้ ยูกิจึงปล่อยริเอะเอาไว้ก่อน แต่ท่านชายโฮชิรู้ทันแผนของยูกิ เขาจึงพยายามทำให้รินดารากับอาคิระเข้าใจกัน แม้ว่าหัวใจของเขาจะเจ็บปวดเหลือเกินที่ต้องทนเห็นรินดารารักกันกับอาคิระยูกิอยากให้อาคิระกับรินดาราเข้าใจผิดกัน จึงวางแผนกันฮิเดโนริให้จับตัวอายูมิไปลักซ่อน ฮิเดโนริใช้ให้ผีเด็กฮิโตชิที่เขาเพิ่มจับมาใหม่ได้อีกครั้งให้ทำงานนี้ ฮิโตชิยอมทำเพราะเด็กชายโกรธที่อายูมิกลับเขา ฮิโตชิล่ออายูมิมาได้สำเร็จ แล้วยูกิก็สร้างเรื่องว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะความประมาทของรินดารา อายูมิจึงหายตัวไป แต่มันก็ไม่ได้เป็นไปตามแผนของยูกิ เพราะท่านชายโอชิบอกให้อาคิระเข้าใจเสียก่อนว่าเรื่องนี้มีตัวไป แต่มันก็ไม่ได้เป็นไปตามแผนของยูกิ เพราะท่านชายโฮชิบอกให้อาคิระเข้าใจเสียก่อนว่าเรื่องนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังมาจากนางปีศาจหิมะ อาคิระกับรินดาราจึงไม่เข้าใจผิดกันแต่ช่วยกันตามหาอายูมิ แต่ก็ยังหาไม่พบทางด้านโฮชิออกไปพบกับยูมิเพื่อเจรจาให้ปล่อยอายูมิ แต่ยูกิกลับใช้อายูมิเป็นเครื่องมือต่อรองให้โฮชิยอมให้โอกาสเธอ เธอจะทำให้โฮชิรักเธอให้ได้ แต่โฮชิปฏิเสธเพราะยูกิยังไม่รู้จักความรักที่แท้จริงแล้วจะรักใครได้อย่างไร สร้างความโกระแค้นให้ยูกิ ยูกิจึงขู่เอาไว้ว่าจะถล่มเมืองสึกิอีกครั้ง โฮชิได้แต่เก็บเรื่องนี้ไว้ในใจตามลำพัง เพราะตอนนี้ทุกคนกำลังเป็นห่วงอายูมิที่หายตัวไป จนกระทั่งรินดาราตามกาอายูมิพบจากความช่วยเหลือของฮิโตชิที่กลับใจมาช่วยเพื่อนรัก หลังจากที่รู้ว่าแท้จริงแล้วอายูมิไม่เคยรังเกียดเขาเลย เธอแค่ตกใจในครั้งแรกที่รู้เรื่องว่าฮิโตชิไม่ใช่คนเท่านั้นเอง แล้วเหตุการณ์ครั้งนั้นก็ทำให้อายูมิกลับมาเดินได้อีกครั้ง โฮชิจึงตอบแทนน้ำใจของฮิโตชิด้วยการปลดปล่อยเด็กน้อยให้ไปผุดไปเกิดทางด้านยูกิก็กลับไปสั่งให้ไดซุเกะร่วมมือกับเธอถล่มเมื่อสึกิ แต่ไดซุเกะยังไม่ทำเพราะป่วยหนัก ยูกิโกรธก็เลยทำร้ายไดซุเกะพร้อมกับพูดให้เขารู้ความจริงว่า พวกโคสึกะเข้าใจผิดมาโดยตลอด แล้วยูกิก็สูบกิเสลในตัวไดซุเกะ วิญญาณของไดซุเกะที่มีความรู้สึกผิดต่อเทพเจ้านกกระเรียนจึงไปหาฮิเดโนริแล้วเล่าความจริงให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้ฮิเดโนริเข้าใจทุกอย่างและมีความโกรธแค้นนางปีศาจหิมะมาก เขายอมไปปรับความเข้าใจกับพวกมิยาคาวะและขอให้ทุกคนยกโทษให้ไอ อาคิระและย่ามิกิก็เลยยอมให้อภัยไอต่อมายูกิถล่มเมืองสึกิเหมื่อนเมื่อสี่ร้อนปีที่แล้วเพื่อหวังให้ผู้คนในเมืองล้มตายและจะฆ่ารินดารา อาคิระ โฮชิ และฮิเดโนริร่วมมือกับช่วยรินดาราและทำร้ายนางปีศาจหิมะกันอย่างยากลำบาก เพราะพลังของนางปีศาจหิมะมากเหลือเกิน แต่สุดท้ายความสามัคคีและหัวใจที่รักรินดาราก็ทำให้ทั้งสามชายช่วยกับปราบปีศาจหิมะได้สำเร็จเมื่อจัดงานศพของไดซุเกะเสร็จเรียบร้อย ฮิเดโนริก็กลับไปปอยู่ในป่ากับฝูงสุนัขจิ้งจอก เพราะการต่อสู้กับนางปีศาจหิมะครั้งนั้นทำให้เขาไม่สามารถควบคุมพลังของปีศาจสุนัขจิ้งจอกในตัวเองได้อีก และเกรงว่าตัวเองจะทำร้ายมนุษย์ด้วยพลังของปีศาจในตัว ฮิเดโนริจึงยอมทั้งทุกอย่างทั้งตระกูลโคสึกะและไอผู้หญิงที่รักเขาสุดหัวใจ แม้ไอจะพยายามดึงตัวเขาไว้โดยบอกเรื่องที่เธอกำลังท้องกับเขา แต่ฮิเดโนริก็ต้องจากไปพร้อมกับคำสัญญาว่าสักวันจะกลับมาหาเธอกับลูกการต่อสู้ครั้งนั้นก็ทำให้ท่านชายโฮชิบาดเจ็บสาหัส เขาต้องรีบกลับสวรรค์เร็วที่สุด แต่ยังกลับไม่ได้เพราะไม่มีขนนกกระเรียนทองคำ แม้ว่ารินดาราจะเพิ่มค้นพบว่าฮิเมะเป็นลูกนกกระเรียนทองคำ แต่ฮิเมะก็เด็กจนกว่าจะทำขนมาปักชุดได้ ทุกคนมองไม่เห็นทางออกว่าจะเอาขนนกกระเรียนที่ไหนมาปักกิโมโนโฮชิจนกระทั่งแม่ของฮิเมะบินตามหาฮิเมะจนพบแล้วรับรู้ถึงความมีน้ำใจของรินดารา แม่ของฮิเมะก็เลยตอบแทนด้วยการผลัดขนสีทองของตัวเองให้รินดารานำไปปักชุดกิโมโนโฮชิจนสำเร็จแต่ก่อนที่โฮชิจะสวมใส่กิโมโนโฮชิเพื่อกลับสู่สวรรค์ โฮชิรู้ว่ารินดารามีบางอย่างที่ยังติดค้างอยู่ในใจระหว่างความรู้สึกของเธอที่มีต่อโฮชิและมีแต่อาคิระ โฮชิจึงนัดให้ทั้งสองนัดพบปรับความเข้าใจกันที่สวนวีสทีเรีย จนรินดารากับอาคิระเข้าใจกันและยอมสารภาพความรักต่อกัน ริเอะถึงแน่ใจแล้วว่าตัวเองหมดสิทธิ์ในตัวอาคิระอีกต่อไป เธอจึงบินกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่ฝรั่งเศสไม่มายุ่งกับความรักของอาคิระและรินดาราอีกเลย โฮชิจึงกลับสู่สวรรค์ได้อย่างสุขใจเวลาผ่านไป อาคิระพารินดารามาฝากท้องที่โรงพยาบาลในเมือง แล้วรินดาราก็เพิ่งหันไปเห็นผู้ชายที่เดินสวนกัน ชายคนนั้นมีใบหน้าที่ดูอบอุ่นเป็นมิตร เขาก้มหัวแล้วยิ้มทักทายให้กับอาคิระและรินดาราอย่างยินดีปรีดาที่ได้เห็นทั้งคู่มีความสุข ก่อนที่เขาจะเดินหายไปในฝูงชน ใบหน้าของเขาและดวงตาสีเขียวช่างละม้ายคล้ายกับท่ายชายโฮชิเหลือเกินข้ามฟ้าเฉือนคม (2547/2004) เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับเกม 30 วันของการไล่ล่าระหว่างตำรวจฮ่องกงและกลุ่มมือที่สามของฮ่องกงที่กำลังถูกกล่าวหาว่าเชื่อมโยงกับมาเฟียไทย เรื่องราวเริ่มต้นวันที่ 1 เมษายน 2004 โดยมีการโจมตีข้าราชการตำรวจและสิ้นสุดในวันที่ 30 เมษายน 2004 มีผู้เสียชีวิตของพลเมืองดีจำนวนมาก
เรื่องย่อ : บางระจัน (2558/2015) ในปีพุทธศักราช ๒๓๐๑ หลังการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินมาสู่รัชสมัยของสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ หรือสมเด็จพระเจ้าเอกทัศ ความไม่เด็ดขาดในการปกครองทำให้เหล่าเจ้านายและข้าราชบริพารเกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวก เกิดการแข็งข้อของหัวเมืองฝ่ายเหนือ ไม่มีความสามัคคีในหมู่ข้าราชการ ต่างพากันแย่งชิงตำแหน่งหน้าที่ รับสินบน เบียดบังผลประโยชน์ชาติ เอาความสุขใส่ตัว ชาวบ้านเดือดร้อน ข้าวยากหมากแพงทุกหัวระแหง พระเจ้าอลองพญามังลองยกทัพพม่ามาตีไทยทางทวาย มะริด ตะนาวศรี หวังยึดกรุงศรี ทัพไทยแตกพ่ายถึง 3 กองทัพ เดชะบุญของไทยยังมีพระเสื้อเมืองคุ้มครอง พระเจ้าอลองพญาถูกรางปืนแตก บาดเจ็บสาหัส มังลอราชบุตรจึงรีบยกทัพกลับ ลางร้ายแห่งความวิปโยคเริ่มขึ้นเมื่อน้ำหลากสีปูนแดงดั่งเลือดไหลจากเหนือลงสู่อยุธยาเป็นที่โจษขาน ก่อนทัพของพระเจ้ามังระจะยาตราทหารหนึ่งแสนสองหมื่นนายมาแก้แค้นให้พระเจ้าอลองพญามังลอที่สวรรคต ทัพพม่ามีเนเมียวสีหบดีเป็นแม่ทัพฝ่ายเหนือ นำทัพมาจากเชียงใหม่ ตีหัวเมืองแตกระเรื่อย จนมาต่อเรือรบที่กำแพงเพชร มังมหานรธานำทัพฝ่ายใต้เผาเมืองชุมพร ปะทิว ขึ้นมาถึงปราณบุรี กาญจนบุรี และจัดทัพแยกไปตีเพชรบุรี ราชบุรี ความเดือดร้อนยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง เมื่อทัพอังวะปล้น ฆ่า ข่มขืน ชิงทรัพย์สินของชาวบ้านตลอดรายทางเพื่อมุ่งสู่กรุงศรีอยุธยา ที่บ้านคำหยาด แขวงวิเศษไชยชาญ ทหารกรุงศรีเร่งกวาดต้อนชาวบ้านเพื่ออพยพ หนีภัยศึกเข้ากำแพงเมือง เวลาเดียวกับที่ ทัพ หรือเจ้าเสือแห่งบ้านคำหยาด ทหารผู้มีฝีมือดาบไม่เป็นสองรองใคร ฝ่าทัพอังวะที่ปล้นฆ่า ได้กลับมาก้มลงกราบแทบเท้าพ่อแม่ หมู่เที่ยง อดีตทหารกล้า กับ นางจันทร์ ผู้เป็นแม่ จวง น้องสาวบอกทัพ เรื่องที่อดีตเพื่อนรัก นายกองสังข์ และ หมู่ขาบ กำลังเร่งกวาดต้อนครัวไทยไปกรุงศรี ทัพเห็นอาการป่วยของแม่ยังไม่ดี ก็ขอประวิงเวลาไปเอายาจากสุพรรณมาให้แม่ แต่สังข์ที่ถืออำนาจบาตรใหญ่หาเรื่องว่าทัพคิดหนีเกณฑ์ ไม่ยอมเป็นทหารสู้ศึก ทัพรู้ดีว่าความบาดหมางครั้งนี้รุนแรง เพราะสังข์อ้างการอพยพเพื่อหวังรวบรัดจวงเป็นเมีย ขณะที่ขาบเองก็แอบรัก เฟื่อง คนรักของตน ทัพขอร้องเพื่อน แต่สังข์กลับสั่งทหารเข้ารุมจับตัวทัพ จนเกิดการต่อสู้ สังข์และขาบแพ้ แต่สังข์ไม่ยอมเสียเชิงให้อายคน ใส่ร้ายว่าทัพเป็นขบถหนีกองทัพทันที ทัพต้องหนีหลบไปซุ่มซ่อนในป่า เฟื่องที่เฝ้ารอคนรักต้องระทมทุกข์เพราะความพลัดพราก ถึงจะรู้ว่าขาบคิดอย่างไร และแม้ขาบจะทำดีให้แค่ไหน เฟื่องก็ไม่อาจแบ่งใจรักคนอื่นนอกจากทัพได้ ใต้ตาล 5 ต้นที่ทัพและเฟื่องให้สัญญาต่อกันว่าหนาวหน้าคงได้ร่วมชีวิตคู่ แต่บัดนี้กลับต้องรอเวลาทอดยาวหลังศึกผ่านพ้น ต่างจาก แฟง น้องสาวเฟื่องที่แก่นกล้าเกินหญิง แฟงเจ็บใจและตามเอาเรื่องสังข์ ขาบ แทนพี่สาว สังข์กับขาบจึงเร่งเอาทหารจับตัวจวง เฟื่องไป ก่อนจะย้ายครัวหลบหนี แต่ทัพก็ตามไปช่วยคนรักและน้องสาวมาได้ ยิ่งทำให้สังข์ ขาบเจ็บใจ ประกาศจะตามล่าตัวขบถอย่างทัพมารับโทษให้จงได้ เวลาเดียวกับที่บ้านสามโก้ อีกด้านแขวงวิเศษไชยชาญ หมู่บ้านของ สไบ ลูกสาว ผู้ใหญ่แสง กำลังถูก นายกองอูจี นำทหารเลวทัพอังวะเข้าปล้น สไบกำลังจะถูกข่มเหง แต่ ใจ พรานหนุ่มเข้ามาช่วยไว้ พร้อม เจิด พี่ชาย และ จาด พรานใหญ่ผู้เป็นพ่อ ทั้งหมดต้องอพยพหนีโดยการนำของใจ ระหว่างทางใจได้ช่วยสไบไวอีกหลายครั้ง สไบกับใจต่างตาต้องตา ใจต้องใจ แต่ ดอกรัก ญาติผู้พี่ของสไบที่เหม็นหน้าใจคอยหาเรื่องกีดกัน ไม่ให้ทั้งสองได้อยู่ใกล้ชิดกัน ระหว่างทางอพยพ ดอกรักและใจผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะในการช่วงชิงหัวใจสาวงามอย่างสไบ ทัพพาทุกคนอพยพหนีมาที่บ้านกระทุ่มด่าน พึ่งเรือนญาติคือ กำนันพัน อยู่ชั่วคราว ก่อนจะรวบรวมพรรคพวกทหารจากทัพที่แตกพ่าย อย่าง หมู่เคลิ้ม เอิบ ช่วง และ ฟัก พี่ชายของเฟื่องและแฟง อาสาเข้าซุ่มโจมตีตัดกำลังทางเดินทัพของอังวะ ที่กระทุ่มด่าน กลุ่มของสไบหนีตามมาสมทบกับกลุ่มของเฟื่องและแฟง ทั้งหมดรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ หลบภัยอยู่กับชาวบ้านอีกมากมายที่กำลังหนีภัยข้าศึก ไทยกอดคอไทย น้ำตาหลั่ง ตายเถิด จะตายเมื่อไหร่ก็ได้ ตายแทนไทย บ้านใคร ใครก็รัก เมื่อชาติอื่นภาษาใด จะเข้ามาครอบงำ ข่มกันถึงบ้าน แล้วจะนิ่งดูดาย ให้หนีไปไหนได้อีกเล่า ชื่อเสียงของกลุ่มทัพที่หาญกล้าซุ่มโจมตีศัตรูเลื่องลือ จนถึงหูสังข์และขาบ ทั้งสองตามล่าเพื่อนรักมาจนถึงกระทุ่มด่าน และฉวยโอกาสที่เฟื่องเข้าใจทัพผิด เพราะเห็นทัพกอดแฟงที่เอาแต่ปั้นปึ่งหาเรื่องให้โมโห จนสังข์กับขาบจับตัวเฟื่องและจวงไปจนได้ แฟงเสียใจมากที่เป็นต้นเหตุ แต่คนที่ใจแทบขาดคือทัพ เพราะคนรักและน้องสาวตกไปอยู่กำมือของเพื่อนรักเพื่อนแค้น แม้กายห่าง แต่ใจฝากไว้กับนาง ทัพออกตามตัวเฟื่องและจวง แฟงเฝ้าโทษตัวเองที่ทำให้พี่สาวตกระกำลำบาก ถูกพรากจากครอบครัวและชายคนรักไปจนได้ สไบเตือนให้แฟงเตรียมตัวหนีอีกครั้งเมื่อข้าศึกเข้ามาใกล้ แฟงอยากรอพี่สาว แต่ข้าศึกอังวะประชิดกระทุ่มด่าน ขบวนอพยพต้องเคลื่อนออกทันที แฟงใจจะขาดรอนๆ เมื่อต้องไกลจากพี่สาวอย่างไม่รู้ชะตากรรม ระหว่างทางที่ตามหาเฟื่อง ทัพเจอกับกลุ่มก๊กโจร เสือปิ่น ที่อดอยากจนต้องปล้นชิงพี่น้องไทยกันเอง ทัพถูกกักตัวและเกลี้ยกล่อมให้ร่วมเป็นพวกโจร เวลาเดียวกับที่เฟื่องและจวงเข้าใกล้กำแพงกรุงศรี ขบวนของสังข์กับขาบต้องหยุดพักรอที่บ้านพรานตามคำสั่งของ คุณพระนายหมื่นศรี ขบวนอพยพของแฟงกับสไบเจอโจรที่บุกเข้าปล้น ฟักกับกลุ่มผู้ชายสู้ตายเพื่อปกป้องชาวบ้าน แฟงคว้าดาบไล่ฟันโจรอย่างห้าวหาญ ปกป้องคนแก่และเด็กๆ ก่อนจะถูกโจรลากตัวหายเข้าป่าลึก ฟักกับกลุ่มผู้ชายออกตามหา แต่ไม่เจอแฟงแม้แต่เงา สไบหลั่งน้ำตา ไม่รู้ชะตากรรมเพื่อน ขบวนอพยพต้องเร่งเดินทาง บัดนี้สามชีวิตต้องแยกห่าง คนรักห่างกันก็ทุกข์เหลือแสนไม่แตกต่างกัน เฟื่องที่ตกอยู่ในกำมือของขาบ ประวิงเวลาให้ขาบไม่คิดหักหาญน้ำใจ รักษาตัวไว้รอชายคนรัก ขณะที่ทัพก็หาทางเอาตัวรอดจากกลุ่มโจรเสือปิ่น แฟงถูกกลุ่มของ นายแท่น ชาวบ้านศรีบัวทอง แขวงเมืองสิงห์ช่วยไว้ได้ แฟงเห็นความเด็ดเดี่ยวของกลุ่มนายแท่น ที่มี นายโชติ นายอิน นายเมือง ซุ่มโจมตีกองทัพอังวะ เลือดหญิงไทยหวงแหนแผ่นดินหลั่งไหลทั่วกาย แฟงยอมสละแล้วทั้งชีวิต อาสาเป็นหญิงล่อตาล่อใจทหารอังวะมาให้นายแท่นกับพวกฟันจนละเอียด หลายครั้งที่แฟงเกือบไม่รอดเงื้อมือข้าศึกเลวที่จ้องย่ำยีศักดิ์ศรีหญิงไทย แต่หัวใจห้าวของแฟงไม่เคยครั่นคร้ามหวาดกลัว นายดอกไม้ บ้านกรับ นายทองแก้ว บ้านโพธิ์ทะเล สองผู้นำชาวบ้านมาขอร่วมกับกำลังกลุ่มนายแท่นด้วย แฟงและหญิงชาวบ้านคนอื่นพากันทำอุบายล่อทัพอังวะมาให้ถูกนักรบไทยฆ่าลงเสียมาก จนกองทัพอังวะส่งทหารมากมายมาล้อมบ้านศรีบัวทอง นายแท่นต้องพาทุกคนหนีตาย แฟงได้แต่อาลัยที่ต้องพลัดพรากจากเฟื่อง พี่สาวและครอบครัวที่รักไกลออกไปทุกที ขอให้คิดปลื้มไว้ เมื่อตายไปชีวิตหนึ่ง ก็ได้ตายสมศักดิ์ของผู้หญิงเมืองไทย ยามศึกมาติดเมือง ทัพช่วยชีวิตเสือปิ่นไว้ได้จาก ชิด ลูกน้องทรยศ น้ำใจของทัพทำให้เสือปิ่นสำนึกบุญคุณ ปล่อยตัวทัพออกตามหาคนรัก แต่เฟื่องไม่อาจยื้อยุดความปรารถนาล้ำลึกของขาบไว้ได้อีก เฟื่องตกเป็นของขาบ ขณะที่สังข์ใช้กำลังครอบครองกายใจจวง ทัพอังวะเข้าโจมตีขบวนอพยพทหารกรุงศรี สังข์ ขาบสู้ไว้ชื่อไทย แต่ศัตรูมากมายเข้าโอบล้อมไว้ไม่ขาดสาย เฟื่องกับจวงกำลังจะถูกศัตรูรุมข่มเหงในกระท่อม ร่างของทัพบนหลังม้าคู่ใจ อ้ายเลา พุ่งทะยานเข้ามาฟันข้าศึกล้มตาย เลือดนองสังเวยผืนดินไทย สังข์ ขาบซึ้งในน้ำใจของไอ้ทัพเพื่อนแท้ เมื่อต้องสู้เพื่อรักษาดินทุกก้อนของไทย เพื่อนรักทั้งสามละทิ้งความขุ่นเคืองโกรธแค้นในอดีตลงเสียสิ้น หันหลังชนกันประจันหน้าศัตรู พุ่งเข้าฟันข้าศึกจนยับแตกพ่าย สังข์ ขาบซึ้งแก่ใจว่ายามคับขัน ทุกคนต่างพากันเอาตัวรอด คุณพระนายหมื่นศรีละทิ้งลูกน้องเข้าไปหลบก่อนประตูกรุงศรีจะปิดลง เมื่อไม่อาจเข้าสู่กำบังหลังกำแพงกรุงศรีได้ดังหวัง แม้ศัตรูกำลังโอบล้อมไว้ แต่เลือดไทยจะไม่ยอมแพ้ ทัพ สังข์ ขาบพาเฟื่อง จวง และขบวนอพยพที่เหลือบ่ายหน้าเพื่อสู้ร่วมกับไทยอีกนับร้อยที่ค่ายบ้านระจัน คนตายกลางทัพนั้นมีเกียรติ ฝากชื่อไม่ให้ลูกหลานอับอาย ที่ค่ายบ้านระจัน กลุ่มของสไบมาถึง และเจอกับแฟงที่มาอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ทุกคนดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง กำนันพันเรือง ใช้ค่ายบ้านระจันเป็นที่ประชุมสู้ศึกทัพพม่า มี นายทองเหม็น เป็นผู้ใหญ่บ้าน นายทองแสงใหญ่ นายจันหนวดเขี้ยว และหัวหน้าอีก 6 คนที่อพยพมาร่วมกันเป็นผู้นำ อันได้แก่ นายแท่น นายโชติ นายอิน นายเมือง ชาวบ้านศรีบัวทอง นายทองแก้ว บ้านโพธิ์ทะเล นายดอกไม้ ชาวบ้านกรับ และ ขุนสรรค์กรมการ จากเมืองสรรค์บุรี ทุกคนในค่ายมี พระอาจารย์ธรรมโชติ เป็นศูนย์กลางยึดเหนี่ยวจิตใจปลุกปลอบขวัญ เครื่องรางป้องกันภัยก่อนออกศึกทุกครั้ง ทุกคนวางแผนให้บ้านระจันคือด่านหน้าปะทะทัพอังวะไม่ให้ล่วงเข้าอยุธยาได้ ใครอื่นจะช่วยเราอีกไม่ได้เป็นแท้ นอกจากพวกเราต้องร่วมใจกัน ช่วยกันเอง เหลือจะทนดูดายให้ข้าศึกข่มเหง ศึกแรก นายแท่นนำทัพเข้าสู้ และฟาดฟันจนชนะอังวะ เสียงเพลงบ้านระจันปลุกเร้าฮึกเหิมให้ชาวบ้านทุกคนรวมเป็นน้ำหนึ่ง สไบดีใจที่ได้เจอแฟงอีกครั้ง ใจที่ตามดูแลสไบขวางหูขวางตาดอกรักจนพาลหาเรื่อง พวกฟักต้องคอยห้ามปราม สไบไม่ชอบที่ดอกรักทำตัวเป็นเจ้าของ ดอกรักอ้างเรื่องที่ผู้ใหญ่ยกสไบให้ตั้งแต่เด็ก สไบไม่รับรู้เพราะในใจผูกพันอยู่กับพรานใจไปหมดแล้ว ดอกรักสังเกตเห็นใจชอบเข้านอกออกในส่วนต่างๆ ของค่าย เหมือนคอยสำรวจแล้วก็หายตัวไปบ่อยๆ สไบคิดว่าดอกรักระแวง แต่ไม่มีใครระแคะระคายเลยว่าใจคือสายลับอังวะ ใจหรือ อองนาย ติดตามสืบความเคลื่อนไหวในค่าย แล้วลอบออกไปส่งข่าวให้กับ เจิด หรือ อูทิน พี่ชายศิษย์ร่วมสำนัก โดยมี จาด หรือ จอกยีโบ อาจารย์คอยส่งข่าวไปยังแม่ทัพในค่ายที่ปากน้ำพระประสบ ครั้งหนึ่งใจลอบออกนอกค่าย ขณะที่เจิดกำลังสั่งให้ใจเลิกช่วยเหลือสไบ และเร่งหาข่าวของค่ายบ้านระจัน ดอกรักลอบตามมาเห็นความลับ เจิดคิดฆ่าดอกรัก แต่ใจไม่อยากทำให้ทุกคนสงสัย จึงทำอุบายเป็นโดนทำร้ายพร้อมดอกรัก โชคช่วยที่ดอกรักฟื้นขึ้นมาจำใครไม่ได้ กลายเป็นคนบ้าบอเสียสติ ใจยังคงลอบสืบข่าวด้วยความหวังว่าวันข้างหน้าจะพาสไบคนรักกลับอังวะไปร่วมชีวิตใหม่กัน ทัพ สังข์ ขาบ เฟื่อง จวงพาชาวบ้านมารวมกันที่ค่ายบ้านระจัน ทัพ สังข์ ขาบได้เป็นกำลังสำคัญให้กับนักรบไทยที่มีเพียงมีดไม้และใจฮึกเหิม แฟงก้มกราบเฟื่องด้วยความเสียใจ เฟื่องไม่ติดใจความผิดพลั้งของน้องสาว แฟงเห็นสายตาทัพที่ยังมองเฟื่องด้วยอาลัยก็ยิ่งพาลเกลียดสังข์กับขาบ เฟื่องต้องคอยเตือนอารมณ์ชิงชังของเด็กสาว และสอบถามถึงความในใจ แฟงบ่ายเบี่ยงทั้งๆ ที่แอบชอบทัพในความเก่งกล้ามานานแล้ว เฟื่องอ่านใจน้องออกแต่แฟงไม่ยอมรับถ่ายเดียว เฟื่องเองก็จำต้องเงียบนิ่ง เพราะในใจแล้วก็ยังมีความอาลัยในตัวคนรักเก่าอยู่มาก ขาบมองเห็นสายตาเฟื่องก็รู้ดีว่าทำอย่างไรก็ไม่อาจเข้าไปแทนที่ทัพในใจเฟื่องได้เลย ทัพมองเห็นความห่างเหินเย็นชาของเฟื่องที่มีให้ขาบ ก็ไม่อยากเป็นปัญหาให้เฟื่องพะวักพะวง จึงคอยอยู่ห่างจนเฟื่องน้อยใจ แฟงที่ชังน้ำหน้าพี่เขยอย่างขาบก็คอยมากวนใจ เลียบเคียงถามทัพเรื่องเฟื่อง พอโดนทัพเอ็ดไปหลายครั้ง แฟงก็พาลน้อยใจประสาเด็ก ต่อปากต่อคำ ยั่วเย้าอารมณ์ทัพให้คอยนึกถึงไม่ว่างเว้น ความผูกพันของทัพกับแฟงก่อตัวขึ้นอย่างไม่ทันได้รู้ตัว เจิดแฝงตัวกลับเข้ามาในค่ายเพื่อฆ่าสไบตามคำสั่งของจาด เพราะกลัวว่าความรักของใจที่มีให้สไบจะเป็นปัญหาทำให้ใจละทิ้งหน้าที่สายลับ ใจรู้เรื่องก็ตัดสินใจเป็นเจ้าของกายและใจสไบจนหมดสิ้น และบอกกับเจิดว่า หากคิดจะฆ่าสไบเมียรัก ก็จงข้ามศพเขาไปเสียก่อน เอาเลือดพลีให้เมือง ถวายชีพให้แก่เจ้าเหนือหัว ชีวิตที่เราเกิดมาในร่มฟ้าแผ่นดินสยาม เลือดเนื้อก็ต้องเป็นของชาติ เนเมียวสีหบดีแต่งตั้ง งาจุนหวุ่น เป็นแม่ทัพ มาตีบ้านระจัน นายเมืองนำทัพออกไปสู้ ทัพ สังข์ และขาบนำพวกไล่ต้อนฆ่าทัพอังวะจนราบ เยกินหวุ่น นำทัพมาช่วยก็โดนไล่ต้อนจนพ่ายแพ้ ค่ายบ้านระจันครึกครื้นด้วยเสียงโห่ร้องยินดีแห่งชัยชนะ ชื่อเสียงชาวบ้านคนไทยผู้รวมตัวสู้ดังเลื่องลือ เนเมียวสีหบดีไม่ยอมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ส่ง ติงจาโบ และ สุรินทจอข่อง มาตีอีก แต่ก็พ่ายอย่างไร้ท่า สุรินทจอข่องตายกลางสนามรบ ยิ่งสร้างขวัญและกำลังใจให้คนไทยผู้รักและหวงแหนแผ่นดิน หญ้าบางระจัน ไม่ใช่สำหรับช้างศึกหรือม้าพม่ามากิน ในยามพักรบ ชาวค่ายรวมกันฝึกปรือฝีมือดาบและอาวุธ ทัพเองเป็นผู้นำฝึกอาวุธ สังข์หยอกล้อจวง เฟื่องเองก็คอยดูแลขาบที่บาดเจ็บจากรบ ทัพที่มองเห็นรอยยิ้มของเพื่อนและคนรักเก่าก็เกิดเหว่ว้าในใจ แฟงยังตะบึงตะบอนคิดว่าทัพมองเฟื่องด้วยสายตาอาวรณ์ เลยพูดจาประชดจนทัพหันมาเห็นแฟงที่เป็นสาวรุ่นไม่ใช่เด็กเมื่อวานซืนคนเดิม แฟงหนีหน้าทัพเพราะแง่งอน แต่ทัพเฝ้าออดให้แฟงรอกินข้าวด้วยยามกลับจากสนามรบ แฟงกับทัพกำลังจะเข้าใจ แต่ด้วยพลั้งปากไป แฟงพูดเรื่องเฟื่อง ทัพโกรธที่แฟงไม่เชื่อคำรักที่เขาบอกก็โต้เถียงกัน แฟงด่าว่าจนทัพต้องดึงเด็กสาวเข้ามาจูบ ยิ่งทำให้แฟงโกรธว่าทัพดูถูกน้ำใจ สองคนที่ควรจะรักกันให้เป็นสีสันของค่าย กลายเป็นคู่ปรับขวางกันไปทุกเรื่อง ใจหรืออองนายรู้ดีว่าเนเมียวสีหบดีกำลังแต่งนายกองยกทหารร่วมพันมาทำลายค่ายบ้านระจัน ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างของชาวบ้านที่จะตั้งตัวต่อสู้ขวางทางเดินทัพสู่กรุงศรี ดอกรักฟื้นขึ้นพูดจารู้เรื่อง เจิดฆ่าดอกรักปิดปากทันที สไบเสียใจมาก ทัพไม่เชื่อว่าดอกรักตายเอง แต่ก็ยังเก็บความสงสัยไว้เพื่อหาคนลงมือตัวจริง ใจกังวลเรื่องที่ค่ายบ้านระจันอาจจะแตกพ่าย จึงเลียบเคียงชวนสไบหนี แต่สไบยืนยันจะขอตายที่ค่ายร่วมกับพี่น้องทุกคน ใจเริ่มห่วงระหว่างหน้าที่กับชีวิตคนรัก แยจออากา นายทัพเรือถูกส่งมารบ แต่ถูกนักรบบ้านระจันตีแตกพ่าย จิกแกปลัดเมืองทวาย อาสาเป็นนายกองมารบ ทัพเป็นกองหน้าและวางกลศึกไว้รัดกุม แต่ใจที่ลอบส่งข่าวทำให้จิกแกเกือบเอาชนะทัพได้ สังข์ ขาบเข้ามาช่วยไว้ทัน ทัพเริ่มสงสัยว่ากลศึกต้องแพร่งพรายออกไปจากใครสักคนในค่าย สถานการณ์ในค่ายบ้านระจันเริ่มระส่ำระส่าย เมื่อคนอพยพเข้ามามากและเสบียงน้อยลง ทั้งหมดเพราะใจวางแผนให้ทหารอังวะปล่อยข่าวซื้อเสบียงด้วยทองคำ เสบียงในค่ายถูกคนโลภเห็นแก่ตัวขโมยไปขายแก่ทหารอังวะ พ่อค่ายจับได้ก็ลงโทษหนัก ใจเปลี่ยนแผนยุแหย่ให้สังข์กับขาบแตกสามัคคี ทัพเพ่งสายตามองใจ แต่ใจคลายข้อสงสัยด้วยอาสาออกรบในศึกที่ อากาปันญี เป็นนายกอง ทัพเห็นใจฟันทหารอังวะล้มตายหลายคน แต่ใจก็พลาดเมื่ออากาปันญีจะแทง แต่ทัพเข้าขวางและเด็ดหัวอากาปันญีให้ใจรอด ศึกนี้เฟื่อง แฟง สไบ นำผู้หญิงห่มตะเบงมานจับดาบลุกขึ้นสู้เคียงบ่ากับทัพและเหล่าชาย นักรบระจันสู้ศึกด้วยกตัญญูชาติ จนอังวะต้องยกทัพกลับไปอย่างคนแพ้ เลือดตลอดตัวนี้ จะขอหลั่งทาดิน ฝากธรณีไว้บูชาชาติที่อาศัย แผ่นดินได้สุข ใจเห็นความสามัคคี เสียสละได้กระทั่งชีวิตของชาวค่ายระจันก็ใจเริ่มเอนเอียง กังวลว่าถ้าสไบรู้ความเรื่องเป็นสายลับ เค้าคงต้องสูญเสียสไบไปจนชั่วชีวิต แฟงกับทัพได้ใช้เวลาแห่งรักกันเพียงไม่นาน เพราะทัพต้องออกไปลาดตระเวนทำลายคาราวานเสบียงของพม่า แฟงขอสัญญาเพียงทัพต้องกลับมากินข้าวรสมือนาง คืนหนึ่งทัพออกไปกลางดึก แฟงรอจนเช้าทัพยังไม่กลับ แฟงร้อนใจจับดาบออกตามเพราะกลัวทัพเป็นอันตราย แต่ทัพหลงไปในดงศัตรู แฟงลอบปลอมเป็นพม่า จับดาบไปช่วยทัพออกมา ทัพมองไม่ชัดเกือบทำร้ายแฟงด้วยเข้าใจผิด ใจเห็นก็ลอบช่วยทัพกับแฟงออกไป ทัพสั่งขังแฟงไว้ แฟงอาลาะวาดจนเฟื่องอ่อนใจมาช่วยแก้มัด ทัพกลับจากลาดตระเวนไม่เห็นแฟงก็ออกตามหาแทบคลั่ง จนมาเจอแฟงที่ถูกงูกัดเกือบเอาชีวิตไม่รอด ทัพทั้งเคืองทั้งโกรธแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะปากฉอเลาะของแฟง จึงได้แต่วนเวียนลงโทษด้วยจูบอ่อนหวาน เฟื่องที่รู้แน่แก่ใจว่าหัวใจของทัพมีแฟงครอบครองแทนที่ตนไปแล้ว ก็พูดกับทัพให้แต่งงานกับแฟงเสีย ทัพดีใจมาก แฟงยังตั้งแง่แต่ทัพรวบรัดสู่ขอแฟง แล้วจัดงานให้ได้ครึกครื้นมีรอยยิ้มไปทั้งค่าย หลังเวลาแห่งสุข ทุกคนเตรียมป้องกันค่ายแข็งขัน แต่ไม่ทันกับสุกี้นายกองที่ใช้ปืนใหญ่ยิงทำลายค่าย ชาวค่ายล้มตายยิ่งกว่าใบไม้ร่วงเพราะมีเพียงปืน มีด ไม้ ชาวระจันต่างสะอื้นตะโกนเพราะความรักบ้านเกิด หากจะตายเสียแล้ว จะจดจารึกโคนไม้ จะสลักหินและพื้นกระเบื้อง ฝากธรณีแม่ระจัน ฝังไว้ให้คนอยู่หลัง มันร้องไห้ถึงนักรบค่ายระจัน ตลอดไปชั่วลูกหลาน ทัพอาสาเป็นทหารเสือระจัน ควบม้าฝ่าข้าศึกมากรุงศรีเพื่อขอปืนใหญ่ เจิดได้ข่าวก็ควบม้าตามหวังเด็ดหัวทัพ แต่ใจตามมาขวางไว้ ทัพรอดผ่านทัพพม่ามาได้หลายครั้ง โดยไม่รู้ว่าใจคือคนที่ลอบช่วยเหลือมาตลอดทาง เพราะสำนึกว่าทัพเองก็เคยช่วยชีวิตตนไว้ เมื่อมาถึงกรุงศรีทัพได้เจอกับความขัดแย้งของเหล่าเสนาบดีที่รักตัวกลัวตาย ไม่ยอมให้ปืนใหญ่กับชาวค่ายบ้านระจัน เพราะกลัวชาวบ้านจะแพ้แล้วถูกทัพอังวะยึดปืนย้อนกลับมายิงพระนคร ทัพกลับมาพร้อมข่าวเศร้า แฟงที่กำลังท้องได้แต่ปลุกปลอบใจสามี ใจลอบไปส่งข่าวนอกค่าย แต่เฟื่องกับขาบสังเกตเห็น ขาบไม่แน่ใจ ปรึกษาเฟื่องทั้งเรื่องที่ทัพสงสัยว่าใครกันเอากลศึกไปขยายแก่ศัตรู เฟื่องบอกข้อสงสัยกับสไบอย่างระวัง เพราะรู้ว่าสไบรักอยู่กับใจ สไบเองก็รู้สึกถึงความผิดปกติของใจกับเจิดที่หายตัวไปจากค่ายด้วยข้ออ้างต่างๆ สไบแกล้งวางแผนปล่อยข่าวเรื่องทัพกำลังจะพาสังข์ ขาบบุกลุยกันเพียงสามคนให้ถึงใจกลางทัพอังวะ หวังตัดหัวแม่ทัพใหญ่ ใจตกหลุมที่สไบวางไว้ เอากำลังทหารอังวะมาตั้งรอ แต่พอเห็นร่างสไบที่น้ำตานองหน้า ชายหนุ่มใจหล่นวูบ ประจักษ์แล้วว่าสไบรู้ความจริงทั้งหมด สไบด่าว่าขับไสใจให้กลับไปค่ายอังวะ อย่าได้มาให้เจอกันอีกเลย เพราะคราหน้าดาบในมือเธอจะฟันลงบนอกที่ซ่อนหัวใจยอกย้อนหลอกลวงไว้ ใจขอร้องสไบให้หนีไปด้วยกันเพราะค่ายบ้านระจันกำลังจะแตก สุกี้นายกองเตรียมการณ์หักค่ายไว้ทั้งหมดแล้ว สไบด่าว่าใจและยืนยันว่าจะขอตายที่ค่ายระจันเสียดีกว่าจะต้องไปยืนมีลมหายใจบนแผ่นดินอังวะ ใจกอดคนรัก สไบเอ่ยลาทั้งน้ำตา หากว่าต้องเป็นศัตรูก็ขอให้สิ้นสุดแค่ชาตินี้ คืนสุดท้ายของสองคนรักต่างเชื้อชาติ ปวดร้าว โหยไห้ จนรุ่งตะวันขึ้นใจเห็นเพียงผ้าสไบที่คนรักทิ้งไว้ต่างหน้า แฟงตั้งท้อง เฟื่องรู้ก็เอ่ยเตือน แต่แฟงไม่อยากให้ทัพห่วงหน้าพะวงหลังเลยไม่ยอมบอกผัวรัก จนวันหนึ่งแฟงเป็นลมไป ทัพร้อนใจว่าแฟงป่วย แต่พอรู้จากปากเมียว่ากำลังจะมีบุตรน้อย ทัพคิดถึงอนาคตของลูกและเมีย จึงปรึกษาสังข์ขอให้ทำอุบายพาแฟงและลูกน้อยในครรภ์ไปให้พ้นค่ายบ้านระจัน ระหว่างทางไปหาญาติที่นครสวรรค์ แฟงฉุกใจ บังคับถามจนสังข์ต้องบอกความจริง แฟงควบม้าฝ่าศัตรูกลับมา เวลาเดียวกับที่ทัพออกไปลอบปล้นเสบียงตัดกำลังอังวะ ทันทีที่กลับค่ายพอเห็นหน้าแฟง ทัพโผกอดเมียรัก แฟงน้ำตานองหน้า น้อยใจ ผลักไสทัพให้ไปพ้นๆ หากชาตินี้คิดจะปล่อยให้เธออยู่กับลูกอย่างไร้เขา ชีวิตแฟงที่เหลือก็หามีค่าพอจะมีลมหายใจ ทัพซึ้งใจ แฟงบอกว่าหากจะตาย ขอตายไปพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก เพื่อจะได้อยู่ร่วมกันบนสวรรค์ สุกี้นายกองสั่งไพร่พลขุดอุโมงค์ลอบเข้าค่าย และยิงปืนใหญ่ใส่จนชาวบ้านล้มตาย นายทองเหม็นขี่นังเผือกควงขวานออกมาไล่ฆ่าฟันศัตรูที่ล้อมค่าย แต่ไพร่พลอังวะมากมายมหาศาล รุมฟันจนนายทองเหม็นถึงแก่ความตายลงพร้อมนังเผือก ชาวค่ายเสียกำลังใจ บางคนเริ่มหนีเอาตัวรอด แต่พวกทัพทุกคนตั้งสัตย์สาบาน ยอมตายร่วมกัน ใจแอบทำลายกระสุนปืนใหญ่ แต่เจิดจับได้ ใจถูกจอกยีโบลงโทษอย่างหนัก แต่ก็ยังไม่สิ้นความพยายามที่จะช่วยให้คนค่ายระจันได้รอดชีวิตบ้าง ใจถูกสั่งขัง ทัพอังวะรุกหนัก ขุนสรรค์กับนายจันหนวดเขี้ยวสู้จนตัวตาย พระยารัตนาธิเบศร์จากเมืองหลวงมาถึงค่ายบางระจันเพราะรู้กิตติศัพท์ความกล้า ขอให้ชาวบ้านเอาทองมาหล่อปืน ทุกคนมีความหวัง แต่ก็สิ้นสูญเมื่อปืนแตกใช้การไม่ได้ วันจันทร์ 2 ค่ำ ข้างแรม เดือน 8 ปีจอ พ่อค่ายกำนันพันเรือง ทองแสง ปลุกใจชายหญิงชาวค่ายให้สู้ ทัพ แฟง เฟื่อง ขาบ สังข์ จวง ชาวค่ายทุกคนขอบูชาชีวิตให้ชาติ พระอาจารย์ธรรมโชติประสิทธิ์ประสาทวิทยาคมอาคมบำรุงขวัญ เสียงโห่สามลาดังครบกึกก้อง เหมือนเป็นสัญญาณ ลาก่อนค่ายระจันและเมืองสยามที่เกิด ลาสองนี้เป็นเกียรติเป็นศักดิ์ของทหารเองที่ต้องรักษาไว้ ใครอื่นจะแย่งศักดิ์นี้ไปจากตัวมิได้ ถึงตายแล้ว ศักดิ์ชายยังหอมหวน ติดโลก ติดปากคนอยู่หลัง สุกี้นายกองสั่งยิงปืนใหญ่ถล่มค่าย ชาวค่ายระจันชายหญิงถือดาบสองมือตะลุยเข้าต่อสู้ ยอมสละชีพเอากายเป็นโล่กำบัง เอาเลือดทาแผ่นดิน ไม่ให้ศัตรูฝ่าไปได้ กองศพชาวบ้านทับถม แต่ไม่มีใครถอย สังข์กับจวงจับดาบคู่สู้จนลมหายใจสุดท้ายก่อนจะตายเคียงกัน ที่กลางสนามรบ ใจหรืออองนายในชุดทหารอังวะฝ่าไพร่พลเข้ามา ช้อนร่างสไบที่เลือดเต็มร่างไว้แนบอก สไบยิ้ม เอ่ยลาคนรักและขอพบกันอีกครั้งในชาติหน้า ใจสวมกอดร่างสไบไว้ทั้งน้ำตาและหัวใจแหลกสลาย เพราะไม่อาจช่วยคนรักได้ทัน ทัพมาเห็นภาพใจในชุดทหารอังวะ ความผิดหวังแล่นไปทั้งร่าง ใจขอตายด้วยคมดาบทัพ ทัพท้าให้ใจสู้อย่างชาติทหาร ใจกับทัพประดาบใส่กันไม่ยั้ง ทัพมีชัยเอาดาบจ่อคอใจ และเอ่ยให้ใจตัดสินความผิดตัวเอง ใจไม่ทันกดดาบลงที่คอตัวเอง จอกยีโบผู้เป็นครูยิงปืนกระสุนเจาะร่างศิษย์รัก ใจทรุดตายลงเคียงร่างสไบ หวังว่าชาติหน้าจะไม่สิ่งใดขวางกั้นรักนี้ได้อีก เฟื่องกับขาบสู้ทหารอังวะที่หลั่งไหลยิ่งกว่าสายน้ำ เอาร่างรับคมดาบแทนกันจนล้มทรุด ขาบยอมรับคมดาบสุดท้ายแทนเฟื่องจนสิ้นลมหายใจ เฟื่องกอดขาบไว้กระซิบคำรักที่ขาบไม่ทันได้ยิน ก่อนตายเคียงคู่ด้วยรอยยิ้มที่ได้สละชีพนี้รักษาชาติ ทัพกับแฟงสู้จนเลือดหยดหยาดสุดท้าย มือกำดาบมั่น กายมีแผลยับไปทั้งตัว สู้ศึกพลีชีวิต ใจยังโลดลำพอง สาบานจะขอยืนกอดคอกันทั้งชาตินี้ชาติหน้าไม่ห่าง จะกอดกันอยู่ร่วมทุกข์เมืองทั้งสวรรค์แล นรก ปลงใจบูชาชีวิตให้แก่ชาติ ขอฝากนามไว้กับอนุชนสยามที่จะเกิดมาภายหลัง หมู่ศัตรูกรูเข้ามาท่ามกลางฟ้าสีหม่นมัวปกคลุม วังเวงใจไปทั้งค่ายที่ร่างชาวระจันทับถม เลือดนองยิ่งกว่าสายน้ำเชี่ยว ทัพและแฟงพนมมือรำลึกคุณชาติ ไหว้ลาแผ่นดินสยามที่จะกลบหน้าแต่มื้อนี้ อธิษฐานขออำนาจเทพยดาฟ้าดินคุ้มครองชาติ พระศรีสรรเพชรดาญาณที่ศักดิ์สิทธิ์ คุ้มศรีอยุธยาตลอดกว่าฟ้าจะล่ม เมื่อสิ้นคำอธิษฐาน ทัพทิ้งร่างโชกเลือดลงในอกแฟงเมียรัก สองสามีหนุ่มสาวผู้กล้ากอดกันสิ้นลมหายใจไปกับความภูมิใจที่มอบชีวิตและหัวใจไว้เพื่อแผ่นดิน กิตติศัพท์ชาวบ้านระจันที่มีเพียงมีด ไม้ มือเปล่า และหัวใจแกล้วกล้า รักบ้านเกิดเมืองนอน มีใจเจ็บร้อนแทนชาติและเพื่อนร่วมเมือง สู้ศึก สละชีพ กลายเป็นความภาคภูมิ ขนาดแม่ทัพใหญ่พม่ายังเอ่ยสดุดี ขอให้คนในชาติจดจำวีรกรรมเยี่ยงนี้เป็นตัวอย่าง ตราบนี้จนวันหน้าอย่ารู้ลืม...
เรื่องย่อ : แรงเงา (2544/2001) มุตตา หญิงสาวผู้มีนิสัยอ่อนหวานดูบอบบาง ทำงานเป็นเสมียนเล็ก ๆ ที่กระทรวงแห่งหนึ่ง หล่อนหายหน้าไปนับจาก นพนภา ภรรยาของหัวหน้ากอง เจนภพ มาด่าประจานหล่อนที่กระทรวงเรื่องแย่งสามี ด้วยความที่เป็นคนอ่อนแอ ไม่กล้าสู้รบปรบมือกับใคร ทำให้มุตตาไม่สามารถอดทนต่อความอับอายได้ จึงหลบหนีไปอยู่ที่อื่นเป็นเวลา 1 เดือน ช่วงที่มุตตาหายไป วีกิจ หลานชายของเจนภพ ซึ่งมีใจให้กับมุตตาห่วงใยมุตตา และติดตามข่าวคราวของมุตตาอยู่เสมอ เมื่อมุตตากลับมา นพนภารู้ข่าวเข้าก็กลับมาด่าประจานอีก มุตตาหมดความอดทนจึงตบหน้านพนภาไปหนึ่งครั้ง เมื่อเจนภพรู้เข้าก็โกรธ เรียกให้มุตตามาขอโทษนพนภา มุตตาปฏิเสธพร้อมกับยื่นใบลาออก ทำให้เจนภพโกรธมากขึ้นไปอีก เหตุการณ์นี้สร้างความลำบากใจให้กับมุตตาเป็นอย่างมาก มุตตาจึงตัดสินใจย้ายที่พักเพื่อหลบหนีจากผู้คน เมื่อวีกิจรู้เข้าก็ออกตามหามุตตา แต่ไม่พบ เจนภพได้รับโทรศัพท์จากมุตตาเพื่อขอนัดพบด้วยความรัก และปรารถนาที่ยังมีอยู่ในตัวเธอ เจนภพจึงไปพบกับมุตตาตามนัด และขอให้เธอกลับไปทำงานด้วยอีก แต่เธอปฏิเสธ หลังจากนั้นมุตตาก็นัดเจอกับเจนภพบ่อยครั้งขึ้น พร้อมกับโทรศัพท์ไปหานพนภาด้วยการปลอมตัวเป็นผู้หวังดี บอกว่าเจนภพกำลังอยู่กับผู้หญิง ทำให้นพนภาเกิดอารมณ์หึงอย่างรุนแรง และไปอาละวาดกับเจนภพ มุตตาใช้มารยายั่วยวนเจนภพจนเขาคลั่งไคล้ในตัวเธอ มุตตาจึงยื่นข้อเสนอให้เจนภพหย่ากับนพนภา เมื่อวีกิจรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างมุตตาและเจนภพ ก็ขอร้องให้เธอเลิกคบกับเจนภพเสีย วีกิจยังสงสัยในตัวของมุตตามาก เพราะเธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จึงนำลายเซ็นไปให้เพื่อนที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ ผลปรากฏว่าไม่ใช่ลายมือจากคนคนเดียวกัน วีกิจจึงโทรไปหามุตตาตามเบอร์ที่เคยให้ไว้ ก็ไม่มีคนชื่อมุตตาหากแต่เป็นศูนย์วิจัยคอมพิวเตอร์ทำให้ วีกิจกลับสงสัยหนักขึ้นไปอีก สถานการณ์ ของเจนภพและนพนภาเลวร้ายลงทุกวัน เจนภพตัดสินใจพาครอบครัวไปพักผ่อนที่พัทยา มุตตาแอบตามไปและพักอยู่ห้องข้าง ๆ เจนภพ นพนภาอาละวาดหนักหาว่าเจนภพนัดมุตตามาด้วย และนพนภาก็เริ่มมีอาการเป็นโรคประสาทอ่อน ๆ วีกิจกลุ้มใจมากเพราะสงสารหลาน ๆ ที่ต้องทนรับสภาพปัญหาครอบครัว เขาตัดสินใจไปดักรอ มุตตาที่ห้องพักอีกครั้ง และขอร้องให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับเจนภพ มุตตาปฏิเสธแต่กล่าวว่าจะยอมทำตามถ้านพนภาจะยอมคุกเข่าขออโหสิกรรม คำตอบของมุตตาทำให้วีกิจเกิดอารมณ์โกรธมาก และพาลใช้กำลังทำให้มุตตาตกเป็นของเขา ด้วยความที่ทั้งคู่แอบมีใจให้กันในส่วนลึกทำให้ทุกอย่างเลยตามเลย แต่กระนั้นมุตตาก็ยังไม่เลิกราที่จะราวีกับครอบครัวของเจนภพ วีกิจพบเบาะแสว่ามุตตาอาจมีฝาแฝด ชื่อ มุนินทร์ มุตตานัดเจอกับเจนภพเพื่ออำลา แต่เพื่อนของนพนภาเห็นเข้าจึงโทรบอกนพนภา ทำให้หล่อนช็อกหกล้มศีรษะฟาดพื้นเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง และกลายเป็นอัมพาต เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เจนภพหันมาสนใจภรรยาและครอบครัวมากขึ้น เพราะสำนึกผิดว่าเขาเป็นคนทำลายครอบครัวของเขาเอง วีกิจเดินทางไปจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อหาความจริงเกี่ยวกับพื้นเพของมุนินทร์ เขาสืบเสาะจนพบบ้านของมุตตา มุนินทร์พาเขาไปพบกับมุตตา เขาจึงรู้ความจริงว่ามุตตาได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว และเป็นวันครบกำหนดร้อยวันที่ต้องเผาศพเธอพอดี วีกิจรู้ความจริงที่น่าสะเทือนใจอีกว่า มุตตาผูกคอตายขณะตั้งครรภ์ได้ 2-3 เดือน มุนินทร์เรียนจบกลับมาจากอเมริกา พบว่าน้องสาวตายอย่างน่าสลดใจ จึงหาทางแก้แค้นและปลอมตัวเป็นมุตตา ท้ายสุดแล้วเมื่อเจนภพรู้ความจริงจึงเดินทางมาเพื่อกราบศพและขออโหสิกรรมกับ มุตตา หลังงานฌาปนกิจ ศพของมุตตาเรียบร้อย วีกิจก็ขอเริ่มต้นใหม่กับมุนินทร์ แต่มุนินทร์ลังเลในความรักของวีกิจ ไม่แน่ใจว่าเขารักที่ตัวเธอหรือมุตตากันแน่ มุนินทร์ไม่ต้องการเป็นเงาของกันและกันกับมุตตา เธอต้องการให้วีกิจรักเธอที่ความเป็นตัวของเธอเอง วีกิจจะสามารถเอาชนะใจของมุนินทร์ได้หรือไม่
เรื่องย่อ : ดวงใจในมนตรา (2564/2021) พชร แม่ทัพหนุ่มฝีมือฉกาจแห่งเมืองตารวะปุรัมถูก มทิรา หญิงคนรักที่โกรธแค้นในตัวของเขา ใช้มนตร์ดำและกริชกรีดเอาหัวใจของเขาออกมาจากอก แล้วสาปให้หัวใจกลายเป็นเพชร ทำให้พชรไม่มีวันตาย และต้องอยู่อย่างเดียวดายมากว่า 2,000 ปีโดยไร้หัวใจ เขาจะลบคำสาปได้ก็ต่อเมื่อหาหัวใจให้เจอ และเธอถึงจะยอมปลดปล่อยเขา แต่ความแค้นนี้ไม่ได้จบลงโดยง่าย เพราะมทิราสาบานว่าจะตามพชรไปทุกชาติและทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างจากเธอ มทิราซ่อนหัวใจไม่ให้พชรเจอมาตลอด 2,000 ปี หัวใจของเขาจึงกลายเป็นตำนาน และใครๆ ต่างเรียกขานว่า “เพชรดวงใจนักรบ” หลายภพชาติที่ผ่านมาพชรได้เจอกับมทิราหลายครั้ง ทุกครั้งที่ได้เจอมทิรา เธอพยายามหลอกล่อและฆ่าตัวตายต่อหน้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อทำให้เขาเจ็บปวดทุกภพทุกชาติ ปี 2021 พชรในชาตินี้เป็นเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายแห่ง รวมทั้งเกาะที่สวยงามแห่งหนึ่งทางภาคใต้ของไทย ชื่อว่าเกาะมุกดำ เกาะที่ใครๆ ก็เรียกว่าเกาะผีสิง เพราะใครก็เข้าไปไม่ได้ หรือเข้าไปได้แต่กลับมาแบบไร้ชีวิต ในชาตินี้พชรมีเลขาฯ คู่ใจนั่นคือ สินธุ ทหารคนสนิทของพชรเมื่อครั้งตารวะปุรัม เขาเป็นอีกหนึ่งคนที่จดจำอดีตได้ และเคียงข้างพชรทุกชาติตามคำสาบานที่เคยให้ไว้ ในชาตินี้เขาได้กลับมาเจอกับมทิราอีกครั้ง เธอกลับมาเกิดหน้าตาเหมือนเดิมทุกอย่าง และมีชื่อว่า พราวพลอย หรือ พราว ศิลปินผู้ออกแบบงานศิลปะที่โด่งดัง ล่าสุดเธอโด่งดังจากคลิปหิมะตกกลางกรุงในเดือนเมษายน โดยมียอดวิวสูงถึงหลักล้าน พราวพลอยเป็นโรคหัวใจแต่กำเนิด พ่อแม่เสียตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้ พลายพล พี่ชาย และ พริ้มพักตร์ น้องสาว ต้องดูแลพราวเป็นอย่างดี จนบางครั้งน้องอย่างพริ้มก็น้อยใจที่ทุกคนดูแลพราวจนหลงลืมเธอ วิภู เจ้าของรีสอร์ทหรูที่กำลังจะเปิดใหม่ในเกาะเพชร ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากเกาะมุกดำนัก เขาได้ติดต่อให้พราวมาออกแบบงานศิลปะที่จะจัดขึ้นในวันเปิดตัวรีสอร์ทของเขา และในงานนี้จะมี เพชรดวงใจนักรบ มาแสดงด้วย พราวตกลงรับงานนี้ พริ้มผู้เป็นน้องต้องตามมาดูแลพี่สาวด้วย พริ้มเมื่อเจอหน้าวิภูเธอจำวิภูได้ เขาคือรักแรกของพริ้มเมื่อสมัยเรียนมหาวิทยาลัย วิภูแสดงท่าทีเหมือนชอบพราวทำให้พริ้มไม่ค่อยพอใจนักที่พราวจะได้ทุกอย่างไป และเมื่อพชรได้ข่าวเรื่องเพชรดวงใจนักรบทำให้เขาสนใจเป็นอย่างมาก และเขายังได้เจอกับพราว การรอคอยความตายอย่างยาวนานและต้องการจากโลกนี้ไปอย่างคนธรรมดาใกล้มาถึงแล้ว เขาจึงตัดสินใจจับตัวพราวมาที่เกาะมุกดำ เพื่อทำให้พราวจำทุกอย่างได้และปลดปล่อยเขาจากคำสาป แต่พราวในชาตินี้มีเพียงหน้าตาที่เหมือนมทิราเท่านั้น ส่วนนิสัยช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และที่สำคัญเธอจำอดีตไม่ได้เลย เมื่อพราวหายตัวไปจากรีสอร์ทของวิภู พลายพลจึงต้องจ้างนักสืบอย่าง วสิตา หรือ แวนด้า มาช่วยตามหาน้องสาวโดยทันที พลายพลและแวนด้าเป็นคู่กัดกัน เพราะแวนด้าเคยรับงานตามสืบเรื่องพลายพลให้สาวใหญ่อย่าง สมรศรี เธอคิดว่าพลายพลเป็นเกย์ สืบไปสืบมาพลายพลจับได้ทำให้สองคนรู้จักกันไม่ดีนัก แต่เพราะชื่อเสียงของบริษัทแวนด้า พลายพลจึงจ้างแวนด้าตามหาน้องสาวของเขา พชรจับตัวพราวไป เขากลั่นแกล้ง รังแก เพื่อให้เธอยอมสารภาพ ทำให้หัวใจพราวกำเริบบ่อยครั้ง พราวเองก็มองว่าพชรเหมือนคนบ้า ที่พูดถึงเรื่องหัวใจและคำสาปสองพันปี แม้เธอพยายามปฏิเสธแต่พชรมองว่าพราวแกล้งโกหกหลอกลวงเขาเหมือนเช่นที่ผ่านมา ยิ่งทำให้เขาโกรธแค้นเธอ สินธุต้องเข้ามาช่วยคุยให้พชรใจเย็นๆ และเล่าทุกอย่างให้พราวฟัง พชรตัดสินใจเล่าอดีตเมื่อครั้งตารวะปุรัมให้เธอฟัง เรื่องราวความรักที่กลายเป็นความแค้นมานับพันๆปี ที่พชรอยากให้พราวช่วยให้มันจบลง และปลดปล่อยเขาจากความเป็นอมตะในครั้งนี้ อดีตเมื่อยุคตารวะปุรัม 2,000 ปีที่แล้ว พชรเป็นแม่ทัพเอกของตารวะปุรัม ได้ตกหลุมรักกับมทิรา ธิดาเทวาที่งดงามที่สุดในเมือง เธอต้องถือครองพรหมจรรย์เพื่อบูชาองค์เทพ แต่เธอยอมสละทุกอย่างเพื่อให้ได้รักกับพชร เรื่องราวความรักของทั้งสองคนเต็มไปด้วยความโรแมนติก สวยงาม จนหลายคนอิจฉา จนเมื่อมีเรื่องบ้านเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ในยุคนั้นบ้านเมืองแบ่งเป็นสองฝั่งสองฝ่าย ซึ่งพชรเองอยู่ฝั่งเหนือหัวที่ปกครองในยุคนั้น แต่มทิราอยู่ฝั่งตรงกันข้าม พ่อของมทิราเอาความรักระหว่างพชรกับมทิรามากล่อมให้พชรอยู่ฝั่งเดียวกับตน แต่ด้วยความสัตย์ซื่อเห็นบ้านเมืองและเหนือหัวมาเหนือสิ่งอื่นใด พชรจึงปฏิเสธที่จะเข้าพวกกับพ่อของมทิรา และเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้มทิราคิดว่าเขาไม่เคยรักเธอ และเห็นคนอื่นสำคัญกว่าเธอ พชรยังไม่ได้อธิบายแต่กลับต้องออกไปทำศึก จึงทำให้มทิราคิดว่าสิ่งที่ตนเองคิด บวกกับที่ญาติพี่น้องเธอบอกว่า พชรไม่ได้รักเธอนั้นเป็นเรื่องจริง ทำให้เธอเริ่มฝึกเวทมนตร์ดำ แล้วเข้าสู่ด้านมืด ไม่นานนับจากนั้นเกิดศึกชิงบัลลังก์ขึ้นในตารวะปุรัม แต่ฝ่ายเหนือหัวองค์ปัจจุบันและพชรชนะ ทำให้เขาต้องตัดสินใจประหารกบฏ อันได้แก่ ครอบครัวของมทิรา เธอพยายามอ้อนวอนไม่ให้พชรฆ่าครอบครัวของเธอ แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้ เพราะนั่นคือหน้าที่ที่ทหารเอกพึงกระทำ พชรฆ่าตัดหัวกบฏจนหมดสิ้น มทิราใจสลาย รักที่เคยมีต่อเขามากมายกลายเป็นความโกรธแค้นสุมเต็มอก พชรมาหามทิราเพื่อปลอบใจและอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้มทิรามนตร์ดำเข้าแทรก ตัวเธอเองก็เสียใจไม่ต่างไปจากเขา เพราะเธอรักพชรมากและคิดว่าเขาหลอกลวงเธอ เธอจึงใช้เวทมนตร์และกริชที่เขาให้เพื่อเป็นตัวแทนรัก กรีดเข้าที่อกแล้วควักหัวใจของพชรออกมา แล้วสาปให้หัวใจกลายเป็นเพชร และสาปให้พชรไม่มีวันตาย ส่วนเธอจะจองเวรตามไปทำให้พชรรัก และต้องตายต่อหน้าเขาทุกชาติไป แล้วเธอก็ฆ่าตัวตายต่อหน้าพชร และในวันนั้นตารวะปุรัมก็ล่มสลายจมอยู่ใต้ทะเลตลอดกาล พราวได้ฟังเรื่องทั้งหมดจากพชร เธอก็สงสารและรู้สึกเห็นใจ และสัญญาว่าหากเธอคือมทิราจริงๆ เธอจะปลดปล่อยเขาจากคำสาปนี้ ทั้งสองคนเริ่มรู้สึกดีต่อกัน ครอบครัวของพราวและวิภูต่างก็ตามหาพราวแต่ก็ไม่เจอ จนวันที่หัวใจพราวกำเริบหนัก พชรต้องพาพราวไปที่โรงพยาบาลในเมืองและส่งตัวพราวกลับให้กับครอบครัวของเธอ พลายพลและวิภูต่างก็สงสัยว่าพชรคือคนที่จับตัวพราวไป แม้ว่าพราวจะบอกว่าเธอเต็มใจไปพักอยู่กับพชร พลายพลห้ามไม่ให้พชรเข้าใกล้กับพราว แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เพราะตอนนี้ทั้งสองคนต่างก็มีใจให้กัน ไม่ต่างจากทุกชาติที่ผ่านมา และแม้ว่าเธอจะยังจำไม่ได้ว่าเธอคือมทิรา แต่เธอก็สัญญาว่าเธอจะช่วยให้เขาได้หัวใจกลับคืนไปเพื่อล้างคำสาปให้ได้ แต่เรื่องราวดูเหมือนจะวุ่นวายขึ้น เมื่อพราวไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่พชรคิดว่าเป็นมทิรากลับชาติมาเกิด แต่ยังมี มัทนี เลขาฯ คนสนิทของวิภู และ คาริสา เจ้าของเพชรดวงใจนักรบที่เดินทางมาพร้อมเพชร ทำให้ทั้งพชร พราว แวนด้า และสินธุ ต้องช่วยกันสืบว่าใครกันแน่คือมทิรา และเมื่อเจอมทิรา เธอจะยอมคืนหัวใจให้เขาไปและล้างคำสาปให้เขาหรือไม่ แล้วความรักระหว่างพราวและพชรจะสมหวังหรือจบลงด้วยโศกนาฏกรรมความรักอีกครั้ง ติดตามชมได้ในละครรักโรแมนติก ดราม่า แฟนตาซี ครบรส และรับประกันความฟินทะลุจอ กับละคร “ดวงใจในมนตรา”
The Cupids บริษัทรักอุตลุด ซ่อนรักกามเทพ (2560/2017) นันทิสา (ออย) สาวห้าวที่สุดประจำบริษัทคิวปิดฮัต เธอเป็นฝ่ายบุคคลที่มีหน้าที่ดูแลการทำงานของพนักงานให้ทำตามกฎระเบียบ แต่นันทิสากลับเป็นคนที่มาทำงานสายเกือบจะทุกวัน เพราะบ้านเธออยู่ไกลจากที่ทำงาน กว่าจะได้รับอนุญาตจากแม่และยายให้เริ่มเดินทางออกจากบ้านก็ต้องรอจนกว่าฟ้าจะสว่าง เพื่อป้องกันภัยจากความเลวระยำที่เกิดจากไอ้พวกมนุษย์เพศผู้ แล้วสถิติการมาสายของนันทิสาก็ดูจะหนักข้อขึ้นทุกวันตามจำนวนยอดขายรถยนต์ จึงทำให้ ภีม ต้องออกคำสั่งอย่างเด็ดขาดว่า ให้นันทิสาย้ายมาเช่าคอนโดของเขาอยู่ชั่วคราว ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องไล่เธอออก นันทิสาจึงยอมย้ายมาอยู่ที่คอนโดใจกลางกรุงเทพฯของภีม ทำให้นันทิสาได้พบกับ อังค์กูณฑ์ สถาปนิกหนุ่มหล่อเพื่อนข้างห้อง นันทิสามีทัศนคติเรื่องผู้ชายที่ไม่ดีเหมือนแม่กับยาย เพราะแม่กับยายเล่าเรื่องความรักที่เจ็บปวดจากผู้ชายให้เธอฟังตั้งแต่เด็ก แล้วทัศนคติของเธอก็ยิ่งต้องแย่หนักขึ้น เมื่อเธอเห็นว่ามีผู้หญิงมากหน้าหลายตาแวะเวียนเข้าไปในห้องของอังค์กูณฑ์ และทุกคนจะออกมาพร้อมกับท่าทางปวดเมื่อย ทว่าสีหน้ากลับ “ฟินเว่อร์” นันทิสาจึงเข้าใจไปเองว่าอังค์กูณฑ์เป็นพวกบ้ากาม นันทิสาแทบอยากจะย้ายออกไปจากคอนโด แต่เพราะไม่อยากถูกไล่ออก เธอจึงต้องทนอยู่ห้องติดกับไอ้วิตถารต่อไป กว่าจะรู้ว่าสิ่งที่อังค์กูณฑ์ทำคือการวาดรูปนู้ดเท่านั้น ก็ทำให้ความสัมพันธ์ของนันทิสาและอังค์กูณฑ์ไม่ดีเอาซะเลย ขณะเดียวกัน นันท์นลิน น้องสาวของอังค์กูณฑ์ ถูก มารุต แฟนหนุ่มที่คบกันมานานขอแต่งงาน แต่ อารีย์ แม่ของนันท์นลินยังไม่ยินยอมให้แต่ง เหตุเพราะเธอไม่ถูกชะตากับมารุต ดังนั้นอารีย์จึงอ้างไปว่านันท์นลินจะแต่งงานก่อนพี่ชายไม่ได้ นันท์นลินก็เลยต้องทำทุกอย่างเพื่อหาแฟนให้อังค์กูณฑ์ หนึ่งในแผนนี้ก็คือการพาเพื่อนสมัยเรียนที่มีโปรไฟล์ชั้นเลิศ และเคยแอบชอบอังค์กูณฑ์มาทำความรู้จักกับพี่ชาย แต่นันท์นลินเผลอทำมากไป ทำให้เพื่อนๆเข้าไปใจไปว่าอังค์กูณฑ์คลั่งไคล้พวกเธอสุดๆ ทุกคนต่างแวะเวียนมาหาอังค์กูณฑ์ อังค์กูณฑ์ก็ไม่ใจดำพอที่จะปฏิเสธ เพราะไม่ชอบเห็นผู้หญิงเสียใจ เขาขอความช่วยเหลือจาก ชาร์ลี เพื่อนสนิทจอมกวนประสาทก็ไม่ได้ผล โชคดีที่นันทิสามาพบเข้าและช่วยเขาแก้ปัญหาได้ดี อังค์กูณฑ์ก็เลยตัดสินใจชวนนันทิสามาทำหน้าที่แฟนกำมะลอเพื่อไล่ผู้หญิงพวกนั้น นันทิสาก็ยอมทำเพื่อช่วยผู้หญิงไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของอังค์กูณฑ์ และเพื่อเงินสำหรับเป็นต้นทุนเปิดร้านขายอาหารสุขภาพในไอจี เพราะนันทิสามั่นใจว่าเธอทำตามเงื่อนไขหาแฟนแลกหนึ่งล้านของภีมไม่ได้ เธอจะต้องถูกไล่ออก เธอจึงต้องหาช่องทางทำมาหากินอื่นๆไว้ด้วย หลังจากนั้นนันทิสาและอังค์กูณฑ์ก็ร่วมมือกันเป็นแฟน เพื่อขับไล่เพื่อนของนันท์นลินด้วยวิธีอ่อนโยนที่สุด จนเรื่องอังค์กูณฑ์มีแฟนก็ไปถึงหูของครอบครัว อารีย์สั่งให้เขาพาแฟนมาด้วย แล้วกลายเป็นว่าอารีย์ชอบผู้หญิงไม่มีมาดดูจริงใจอย่างนันทิสามาก แต่นันท์นลินไม่ชอบนันทิสา เพราะรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงธรรมดาเกินไปที่จะมาเป็นพี่สะใภ้ของเธอ และนันท์นลินรู้สึกแปลกๆกับพฤติกรรมของพวกเขา จึงคอยตามสืบ โดยมี น้ำผึ้ง ดาราสาวคนรักเก่าของอังค์กูณฑ์ ที่เพิ่งบินกลับมาจากเมืองนอกมาคอยช่วยเหลือ การพยายามปกปิดความจริงของนันทิสาและอังค์กูณฑ์ ก็ยิ่งทำให้ทั้งสองใกล้ชิดกัน ทัศนคติของนันทิสาที่มีต่อผู้ชายก็เปลี่ยนไป ก่อเกิดความรักในใจขึ้นกันอย่างเงียบๆ แต่ก็ได้แค่ซุกซ่อนไว้ในใจเท่านั้น จนกระทั่งน้ำผึ้งสืบรู้เรื่องยายกับแม่ของนันทิสา เธอจึงนำเรื่องที่หลานสาวหัวแก้วหัวแหวนมีแฟน ซ้ำยังอยู่คอนโดเดียวกัน แม่กับยายโกรธมากสั่งนันทิสาให้ลาออกจากบริษัททันที ตอนนี้เองที่อังค์กูณฑ์แน่ใจตัวเองแล้วว่าห่วงใยนันทิสามาก เขาจึงไม่ซุกซ่อนความรักของตัวเองอีกต่อไป แต่เลือกที่จะเปิดเผยความรักความจริงใจทั้งหมดของเขาให้แม่กับยายของนันทิสารู้ เพื่อให้พวกเขาแน่ใจว่าผู้ชายคนนี้รักลูกสาวและหลานสาวของพวกเขาเพียงใด
บ่วง (2555/2012) ศามน(โฬม พัชฏะ) หนุ่มวัยทำงานที่พร้อมด้วยรูปสมบัติ คุณสมบัติ และทรัพย์สมบัติ เขาได้แต่งงานกับ รัมภา(ศรีริต้า เจนเซ่น)สาวสวยที่มีความเพียบพร้อมคู่ควรกับ เขาทั้งสองพบรักกันที่อเมริกาแต่งงานกันจนมีลูกแฝด2คน ชื่อศรุท (กาย ภัทรกร) และศรัย(ใยไหม ชินารดี) ศามนได้รับมรดกจากคุณทวด (เหมียว ชไมพร )ที่เสียชีวิตไปเป็นบ้านสวนเก่าๆ มีตาหล้า(เดียร์ ชุมพร) กับยายคำ(ป๋อง พิมพ์แข)ที่เป็นข้าเก่าของคุณทวดคอยดูแลให้ ศามนจึงขอย้ายงานจากอเมริกามาประจำสาขาที่เมืองไทยแล้วย้ายมาอยู่ที่บ้านสวน ศพของคุณทวดนั้นยังไม่ได้รับการเผ่าใส่โลงตั้งไว้บนเรือนใหญ่ ศามนจึงไม่อยู่เรือนใหญ่ แต่ไปปรับปรุงเรือนเล็กทางด้านหลังบ้านเป็นที่อาศัยแทนซึ่งเรือนเล็กหลังนี้มีความหลังแต่ไม่มีใครรู้ เดือนแรม (ใหม่ สุคนธวา)เพื่อนบ้านเปรี้ยวจี๊ดเข้ามาพัวพันกับครอบครัวของศามน จนได้เป็นเมียของศามน ด้วยบ่วงกรรมที่เคยผูกพันมาแต่ชาติก่อน ศามนเคยเกิดเป็นคุณพระภักดีบทมาลย์(โฬม พัชฏะ) ลูกเขยของคุณทวดเจ้าของบ้าน รัมภาเคยเกิดเป็น ชื่นกลิ่น(ศรีริต้า เจนเซ่น) ลูกสาวของคุณหญิงอบเชย(เหมียว ชไมพร) ซึ่งเป็นคุณทวดเจ้าของบ้านสวนหลังนี้มีลูกสาวหนึ่งคนชื่อ ชิดศรี ชื่นกลิ่นมีต้นห้องชื่อ แพง(นุ่น ศิรพันธ์) อายุไล่เลี่ยกับชื่นกลิ่นคอยอิจฉาชื่นกลิ่นที่ได้ดีกว่าตน แพงแอบหลงรักคุณพระ ขณะที่ชื่นกลิ่นไปนอนโรงพยาบาลเพื่อคลอดลูก คุณพระไปราชการเมากลับบ้าน แพงสบโอกาสจึงร่วมหลับนอนกับคุณพระ แต่เมื่อคุณชื่นกลับมาคุณพระก็ไม่สนใจแพง แพงจึงไปหาหมอเพื่อทำคุณไสยใส่คุณพระ คุณพระหลงแพงหัวปักหัวปำ เรื่องที่แพงทำเสน่ห์ใส่คุณพระรู้ถึงหูคุณหญิง คุณหญิงพาคุณพระไปหาท่านเจ้าคุณ เพื่อช่วยแก้คุณไสย การแก้ไขมนต์ดำในตัวคุณพระทำให้ถึงแก่ความตาย ของกลับเข้าตัวแพง แพงจึงกลายเป็นคนเสียสติ คุณหญิงจึงสร้างเรือนเล็กเพื่อขังแพงและเฆี่ยนตีจนถึงความตาย อกุศลกรรมปัจจุบันแพงจึงเป็นวิญญาณร้ายตามอาฆาตแค้น ทำให้ศามนหลงผิดเป็นชอบไม่สนใจลูกเมีย วรรณศิกา(พุดเดิ้ล ปาจรีย์) อนุกูล(โป๊ป ธนวรรธน์) และ พัชนี(เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา)เพื่อนที่ทำงานคุณศามนสงสารรัมภาจึงพาไปหา ลุงช่วง(เผ่าทอง ทองเจือ) ผู้ที่สามารถมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น ลุงช่วงบอกกับรัมภาว่า บ้านสวนของเธอมีวิญญาณสถิตอยู่ เรือนใหญ่เป็นวิญญาณดีไม่ยอมไปเกิดใหม่เพราะเป็นห่วงลูกหลาน แต่ที่เรือนเล็กมีวิญญาณร้ายวนเวียนอยู่เพื่อต้องการจองเวรรัมภา วรรณศิกา อนุกูลและพัชนีจึงพารัมภาไปนั่งสมาธิกับแม่ชีที่วัด ทำให้ได้รู้เรื่องราวในอดีต รัมภาปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ และแผ่บุญกุศลให้กับแพง เมื่อแพงได้รับกุศลจากรัมภาในชาติปัจจุบันจึงเลิกจองเวร ยอมไปตามชะตากรรม และเมื่อศามนสำนึกได้จึงขอลาบวชเพื่ออโหสิกรรม
บริษัทบำบัดแค้น (2552/2009) จอม (อารักษ์) / เทวัญ – หนุ่มวัยสามสิบต้นๆ ที่กำลังรุ่งโรจน์กับงานอาชีพสถาปนิก ก่อนชีวิตจะพลิกผัน เสียเมียและลูกไปในอุบัติเหตุ ใบหน้าเสียโฉมและสภาพจิตแตกสลาย เขาเหลือแต่ความแค้นตระกูลสิริน โดยเฉพาะนงไฉนที่เขาคิดว่าเป็นต้นเหตุการตายของลูกเมีย เขาพยายามทุกอย่างที่จะทำลายครอบครัวนี้ แม้แต่ทำศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าและปลอมเข้ามาร่วมทำงานกับสิริน ก่อนที่เขาจะรู้ความจริงว่า ต้นเหตุของความสูญเสียทั้งหมดนั้น ไม่ได้เกิดจากนงไฉนแม้แต่น้อย แต่มันมาจากตัวเขาเองแท้ๆ นงไฉน สาวไฮโซที่เป็นเหยื่อต่อความลุ่มหลงของตนเอง เธอรักชาคริตอย่างเหลือเกิน จนกลายเป็นเหยื่อของชาคริตโดยไม่รู้ตัว เขาวางยาเธอ ทำให้สติเธอเลอะเลือน จนทุกคนเข้าใจว่านงไฉนมีอาการทางประสาทจริง เมื่อเธอไปบำบัดจิตที่สปาอารักษ์ นงไฉนเริ่มอาการดีขึ้น และรู้ตัวว่า เธอไม่ได้บ้า จอมเป็นส่วนหนึ่งที่เยียวยาเธอ โดยที่เธอไม่รู้ว่าเขามีแผนชั่วร้ายรอเธออยู่ หลังจากนงไฉนผ่านวิกฤติมาได้พร้อมๆ กับจอม เธอเข้าใจความรักอย่างถ่องแท้มากขึ้น และเลิกลุ่มหลงจนตามืดตามัวอย่างแต่ก่อน
ดอกส้มสีทอง (2554/2011) เรยา วงศ์เศวต(อารยา เอ ฮาร์เก็ต) สาวหน้าตาคมเข้ม หน้าตาออกไปทางแขกมากกว่าไทย เธอเกลียดการเรียนหนังสือตั้งแต่เด็ก วันนี้เธอมาสมัครเป็นแอร์โฮสเตส บริษัทสยามทรานเนชั่นแอร์เวย์ และเข้ารับการสัมภาษณ์โดย สินธร (วรวุฒิ นิยมทรัพย์) ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบุคคล สินธรคือคนที่เรยาใฝ่ฝัน เขามีเวลาในการสานสัมพันธ์กับเรยาไม่มากนักเพราะต้องกลับบ้านตรงเวลาที่ เด่นจันทร์(อภิษฎา เครือคงคา) ภรรยาของเขาเป็นผู้กำหนด เด่นจันทร์ ชลธี เป็นลูกสาวคนเดียวของ นายเดช ชลธี คหบดีผู้มั่งคั่งและร่ำรวยอิทธิพลแห่งเมืองชลบุรี เขาพบกันเมื่อตอนไปเรียนที่อังกฤษ เวลาผ่านไปสองเดือนเธอยืนกรานที่จะแต่งงานโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น คฤหาสน์เก่าของ ท่านเจ้าสัวเชงสือเกียง(ฉัตรชัย เปล่งพานิช) คือสถานที่เกิดของเรยา มารดาของเธอชื่อ ลำยอง ( ปวีณา ชารีฟสกุล ) ลำยองถูกนำมาฝากให้ ยายพุ่ม (อัญชลี ไชยศิริ ) เลี้ยงดู โดยให้เป็นลูกมือช่วยทำอาหารในครัว ลำยองเป็นเด็กสาวสวยกิริยาเรียบร้อย ยามว่างเธอขึ้นไปรับใช้คุณนายทั้ง 4 ของเจ้าสัว คนแรก เม่งฮวย ( จริยา แอนโฟเน ) คุณนายใหญ่จากเมืองจีน เยนหลิง ( รินลณี ศรีเพ็ญ ) คุณนายที่ 2 หลานสาวท่านทูต เหม่เกว่ หรือโรส ( ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์ ) คุณนายที่ 3 อดีตนางเอกคณะอุปรากรจีน คำแก้ว ( วนิดา เติมธนาภรณ์ ) คุณนายคนที่ 4 เป็นชาวเหนือ มีกิริยาอ่อนโยน เรียบร้อย เยนหลิงถูกใจลำยองจึงเอ่ยปากขอลำยองเป็นเด็กรับใช้ประจำตัว นางพุ่มจึงหาอุบายทำให้ลำยองกลับมาเป็นผู้ช่วยในครัวเหมือนเดิม วันหนึ่งลำยองได้พบกับ บังดุล หรือ นายอดุลย์ แขกยามของ คุณหลวงเจริญนิติเวช ชาวอังกฤษ ลำยองรักกับบังดุลในที่สุด เมื่อความรักสุกงอมฝ่ายหญิงได้ตั้งท้องขึ้น บังดุลให้คำมั่นสัญญาว่าจะมาสู่ขออย่างแน่นอน แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดโจรขึ้นขโมยของในตึกนายฝรั่ง นายอดุลย์ถูกแทงตาย ลำยองหัวใจแทบแตกสลาย นางพุ่มจึงขอความช่วยเหลือจากเยนหลิง เพราะเป็นคนเดียวที่ช่วยได้ วันคืนผ่านไปลำยองคลอดบุตรหน้าตาเหมือนแขก ทุกคนจึงเรียกเธอว่าแขก เรยามักเรียกแทนตัวเองว่าฟ้า เพราะใฝ่ฝันจะเป็นนางฟ้าได้ซักวัน ด้วยความกำพร้าทำให้ลำยองเลี้ยงบุตรด้วยความตามใจ บรรดาบุตรสาวและบุตรชายของท่านเจ้าสัว คือ คุณกองแก้ว (ด.ญ. นันท์นภัส เลิศนามเชิดสกุล) และ คุณกรรณิการ์ (ด.ญ. กัญปภัส ฤดีขจรไชย) บุตรสาวของเยนหลิง คุณเกียรติกร(หลุยส์ สก๊อตต์) ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของโรส ทุกคนรุมล้อเลียนเรยาว่าเป็นลูกแขก ด้วยความโกรธเรยาจึงตอบโต้ด้วยความรุนแรงและหยาบคาย ทุกครั้งเรยาจะเอาตัวรอดได้เสมอ แต่วันนี้โชคไม่เข้าข้าง เมื่อเยนหลิงเห็นเหตุการณ์พอดีทำให้เรยาโดนตีเจ็บแค้นและเจ็บปวด หลังจากนั้นมามารดาของเธอเรียกเธอว่าฟ้าโดยไม่เรียกแขกอีกเลย ทุกคนต่างตกใจมากที่เจ้าสัวพาคุณนายแหม่ม ซิลเวีย(เบญจวรรณ อาร์ดเนอร์) ทำให้เกิดความริษยาในหมู่ภรรยาอีกครั้งการศัลยกรรมของเจ้าสัวทำให้ดูดีแต่รูปลักษณ์ภายนอกแต่ภายในยังเป็นชายวัย 60 ปีดังเดิม คุณนายแหม่มชวนไปสังสรรค์ทุกคืนจึงทำให้เจ้าสัวล้มป่วยในเวลาต่อมา เยนหลิงคิดกลอุบายทำไสยศาสตร์จึงสั่งให้ลำยองไปกาญจนบุรีเพื่อให้นำอาคมมาทำลายซิลเวีย ลำยองก็ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร เธอสำนึกในบาปบุญจึงไปพึ่งใบบุญเก่าของสามีด้วยการเข้าไปหานายฝรั่งซึ่งเป็นเจ้านายของบัลดุลเพื่อขอความช่วยเหลือ นายฝรั่งจึงได้ฝากงานให้ลำยอง วันที่ต้องเดินทางไปกาญจนบุรีจึงเป็นวันที่ลำยองพาบุตรสาวออกจากคฤหาสน์นี้อย่างไม่หวนหลับมา เรยาและสินธรลักลอบคบกันอยู่บ่อยครั้งแต่ครั้งนี้โชคไม่เข้าข้าง เมื่อเพื่อนของเด่นจันทร์พบเธอและสินธรที่นิวซีแลนด์จึงทำให้เด่นจันทร์ยื่นคำขาดกับสินธรให้ยุติความสัมพันธ์กับเรยา สินธรยื่นทรัพย์สินให้เรยาเป็นจำนวนมากพร้อมทั้งตำแหน่งงานใหม่ในสายการบินชื่อดังแห่งหนึ่ง เธอย้ายจากคอนโดมาอยู่บ้านกับลำยองโดยที่ลำยองไม่รู้เลยว่าความจริงเป็นเช่นไร ก้องเกียรติ เจนพานิชย์สกุล( วิทยา วสุไกรไพศาล ) ลูกชายคนโตของเจ้าสัว เชงสือเกียง เดินทางเพื่อมาเจรจาธุรกิจที่นิวซีแลนด์ ก่อนบินกลับยุโรปไปรับ ณฤดี ( มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล ) บุตรสาวอัครราชทูตผู้เป็นภรรยาก่อนกลับเมืองไทย เรยาหมายมั่นปั้นมือไว้แล้วว่าจะทำทุกสิ่งให้คุณชายใหญ่แห่งตระกูลเจ้าสัวทิ้งหัวใจไว้ที่นิวซีแลนด์ให้ได้ เรยายื่นข้อเสนอให้ก้องเกียรติเป็นผู้เลี้ยงดูเช่นเดียวกับสินธร ก้องเกียรติก็ยอมรับโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า เมื่อเจ้าสัวล้มป่วยลง เจ้าสัวต้องการให้ ไทรรัตน์ ( โชคชัย บุญวรเมธี ) เป็นคู่ชีวิตของกรองกาญจน์(ณิชชาพัณณ์ ชุณหะวงศ์วสุ) บุตรสาวแต่กรองกาญจน์ชอบใช้ชีวิตโสดและสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยเท่านั้น ท่านเจ้าสัวมักเก็บตัวอยู่ในห้องกุหลาบซึ่งเป็นห้องของโรส คุณนายที่สามผู้ล่วงลับไปแล้ว ซิลเวียเริ่มเบื่อชีวิตในคฤหาสน์แดงที่มีแต่การชิงดีชิงเด่นกัน คนเดียวที่เธอสนใจคือคุณนายที่สี่ อรุณรุ่งเช้าวันหนึ่งท่านเจ้าสัวตื่นขึ้นแต่คว้าหาร่างคุณนายแหม่มไม่เจอ ด้วยอารมณ์หึงหวงที่เกิดขึ้นเองเพราะคิดไปเองว่าคุณนายแหม่มลอบลงไปหาชู้อย่างแน่นอน อารมณ์ร้อนรุ่มอยู่ข้างในทำให้นอนไม่หลับ มีอาการแน่นหน้าอก ประมาณยามสี่เสียงเพลงทำนองหวานเศร้าสร้อยดังกังวานขึ้นท่านลุกนั่ง แม้มีสติเพียงเล็กน้อย ภาพซิลเวียที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกับไทรรัตน์ในบึงน้ำ ยังคงล่องลอยหลอกหลอนอยู่ตลอด ความหวังของเรยาเป็นจริง เมื่อเธอได้คลอดลูกชายเป็นผู้สืบสกุลคนแรกของตระกูลเรยาขอให้ก้องเกียรติหย่าขาดกับณฤดีแต่ก้องเกียรติรู้สึกไม่รักเรยาแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจกลับไทย เรยาร้องไห้ฟูมฟายแต่แล้วก็กลับเป็นแบบเดิม เรยาได้พบ ซี.เค. จิตแพทย์หนุ่มรูปงาม เธอพยายามสานสัมพันธ์แต่เขาได้รักษาระยะห่างเอาไว้ จึงทำให้เรยารู้สึกถึงความเป็นสุภาพบุรุษของ ซี.เค. เรยาจึงกลับเมืองไทยและตัดสินใจยกลูกให้ณฤดี ซี.เค.กลับมาเมืองไทยเพื่อรักษาคำแก้วโดยไม่ได้บอกเรยา เมื่อเรยากลับไปนิวซีแลนด์เธอรู้ว่า ซี.เค. กลับเมืองไทยไปแล้ว เธอจึงตัดสินใจตามหา จนมาพบที่อยู่ของเขาจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ทำให้คฤหาสน์แดงมีโอกาสต้อนรับเรยาอีกครั้ง และเรยาก็ได้รู้ว่า ซี.เค. คือ คุณชายเล็กหรือก้องเกียรติ แห่งตระกูลเชงนั้นเอง ก้องเกียรติคิดว่าเรยาเป็นเพียงนางฟ้าสวยแต่รูป และเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเธอจะโตทันเป็นภรรยาน้อยของพี่ชายของเขาเอง เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร เธอและเขาจะได้ครองรักกันและก้องเกียรติจะทิ้งทิฐิที่เคยมีต่อเรยาหรือไม่ ติดตามชม ดอกส้มสีทอง
เทวดาสาธุ (2549/2006) คุณ ผู้ชมจะสนุกไปกับสถานการณ์ที่เต็มไปด้วย เรื่องราวประหลาด หลากความต้องการของมนุษย์ที่ไม่รู้จักจบจักพอ กับการรับมือของ สาธุ เทวดาหนุ่มมือใหม่ รับบทโดย อ้น-สราวุฒิ ที่บางครั้งถูกบ้าง ผิดบ้าง แต่ก็ค่อยๆ หัดกันไป...แบบใจเย็นๆและคุณจะได้พบว่า วันๆหนึ่งคนเราร้องขอความช่วยเหลือต่อสิ่งศักดิ์มากมาย... บางคำขอ..แปลกพิศดาร อย่างที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนแถมสิ่งศักดิ์ในยุคนี้ ต้องทำตัว up date ทันสมัยสุดๆ ไม่อย่างงั้น จะเอาท์ ไม่รู้เท่าทันคำของ ลูกช้างทั้งหลาย เรื่องราวคำขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (ที่มา: broadcastthai.com)
ลิขิตกามเทพ (2550/2007) พินิจนัย หนุ่มหล่อ ลูกชายของ บดินทร์ พ่อเลี้ยงจอมเจ้าชู้แห่งเมืองตาก เขากำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก มี จินดา แม่บ้าน กับ สุจิตรา น้าสาวที่หวังว่าสักวันจะเปลี่ยนสถานะเป็นแม่ คอยดูแล พินิจนัย ต้องดูแลกิจการสารพัดแทนพ่อ และด้วยนิสัยที่ชอบเก็บตัว เงียบขรึม เอาแต่ใจตัวเอง และไม่สนใจผู้หญิงคนไหนเลย เนื่องจากเคยถูก เภรี ลูกสาวเศรษฐีหักอก เพราะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นหนุ่มบ้านนอกยากจน ด้วยเหตุนี้ทำให้พ่อเลี้ยงบดินทร์ กลัวว่าลูกชายจะกลายเป็นเกย์ กับ ภูษิต เพื่อนรักที่สนิทกันมากของพินิจนัย จึงตัดสินใจจะจับคู่ พินิจนัย กับ ลูกสาวของ คุณนายจันทร์เพ็ญ เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็ก ซึ่งก็เข้าทาง คุณนายจันทร์เพ็ญพอดี โดยนัดกันว่าจะพาลูกชายมาเลือกคู่ที่กรุงเทพฯ พินิจนัยรู้ก็รีบเผ่นหนี ตามภูษิตเข้ากรุงเทพฯทันที ด้านภูษิตเองก็อยากจะให้เพื่อนรักเจอรักใหม่เสียทีจึงพา พินิจนัยไปเที่ยวผับเผื่อเจอสาวๆสักคนจะได้เลิกเกลียดผู้หญิง กานพลู สาวสวยน่าสงสาร อายุ 25 ปี อาศัยอยู่กับ คุณนายจันทร์เพ็ญ ป้าแท้ๆที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด เพราะแม่ของกานพลูผูกคอตายหนีความอับอายจากการท้องไม่มีพ่อ กานพลูทำงานบ้านราวกับคนใช้และยังถูกโขกสับจากภัสสร และ พรรณทิพา พี่สาวทั้ง 2 คนลูกของป้า มีเพียง พิบูลย์ ลูกชายคนเล็กของคุณนายคนเดียวเท่านั้นที่คอยปกป้องกานพลู แต่กลับถูกสองสาวหาว่ากานพลูจะจับพิบูลย์เพื่อ ไต่เต้ามาเป็นน้อง สะใภ้ของพวกเธอ กานพลู มีคนรักชื่อ ภาดา เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง ทำงานที่เดียวกัน กานพลูเก็บเงินซื้อคอนโดแต่ผ่อนใช้ชื่อภาดา ส่วนภาดาก็ต้องการไต่เต้า จึงฉวยโอกาสขณะที่ตาม เภรี ลูกเจ้าของบริษัท ไปประชุมที่ต่างจังหวัด โดยการมอมเหล้าแล้วปล้ำเภรี เองก็ชอบภาดาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงยินยอม วันหนึ่งกานพลูไปเห็นการ์ดเชิญให้ไปงานฉลองหมั้นของภาดากับเภรี กานพลูเสียใจมากจนเกือบฆ่าตัวตาย แต่โชคดีที่ บุตรา เพื่อนสนิท ตามมาพบและพาไปเลี้ยงวันเกิดตนเองที่ผับซึ่งเป็นที่เดียวกับที่พินิจนัยทา เที่ยว พินิจนัยกับภูษิตดื่มแต่น้ำผลไม้ ส่วนกานพลูดื่มเหล้ายอมใจ จนเมามาย ขณะที่บุตรากับเพื่อนคนอื่นๆพากันไปเต้นรำ กานพลูเดินเปะปะจนเกือบถูกพวกวัยรุ่นฉุดโชคดีที่ พินิจนัยช่วยไว้ได้ทัน ภูษิตเห็นก็เข้าใจผิดว่าพินิจนัยหิ้วหญิงมาได้จึงไล่ให้พากลับโรงแรมด้วย ด้านบุตราก็คิดว่ากานพลูหนีกลับบ้านไปก่อน พินิจนัยไม่รู้จะทำอย่างไรดี เพราะขับรถ วนเวียนตามทางที่กานพลูบอกจนใกล้เช้าก็ไม่ถึงสักที พินิจนัยจึงตัดสินใจจอดรถรอจนกว่ากานพลูจะสร่างเมา จนเผลอหลับไปอีกคน รุ่งเช้ากานพลูตกใจตื่นเห็นตัวเองอยู่ในรถกับชายแปลกหน้าแถมสภาพตัวเองก็ดู ไม่ได้จึงเข้าใจว่าถูกพินิจนัยข่มขืน เรื่องลุกลามจนถึงตำรวจ พินิจนัยจึงอ้างว่าเขากับกานพลูเป็นแฟนกันแล้วกอดจูบกานพลูโชว์ตำรวจ ด้านกานพลูก็กลัวตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งเหมือนกันเลยปล่อยเลยตามเลย พินิจนัยเบื่อความวุ่นวายที่กรุงเทพฯจึงขับรถกลับบ้านที่ตากซึ่งก็สวนทางกับ พ่อเลี้ยงบดินทร์ ที่มากรุงเทพ เพื่อมาพบหน้าว่าที่ลูกสะใภ้คุณนายจันทร์เพ็ญกับลูกสาวผิดหวังที่ไม่ได้เจอ ลูกชายพ่อเลี้ยง ด้านพ่อเลี้ยงก็ติดใจอยากได้ลูกสาวคนใดคนหนึ่งของจันทร์เพ็ญมาเป็นภรรยาแต่ เปลี่ยนใจเอาดื้อเมื่อเขาเห็นกานพลู คุณนายยอมยกกานพลูให้แต่โดยดีเพื่อแลกกับเงินห้าล้านบาทกับเครื่องเพชรและ เงินเดือนประจำ พินิจนัยไม่พอใจเมื่อรู้ว่าพ่อของเขาจะแต่งงานกับหลานสาวเพื่อนตัวเอง แต่ก็แอบห่วงพ่อเพราะกลัวโดนหลอก ประกอบกับสุจิตราและสาวิตรี เพื่อนของสุจิตรา ยุยงจนทำให้พ่อลูกทะเลาะกัน และเมื่อถึงวันแต่งงานพินิจนัยกับกานพลู ทั้งคู่ต่างตกใจเพราะไม่คิด ว่ากานพลูจะต้องมาเป็น แม่เลี้ยงของผู้ชายที่ข่มขืนตนเอง ส่วนพินิจนัยก็ถูกภัสสรกับพรรณทิพาเป่าหูว่ากานพลูผ่านผู้ชายชื่อภาดามาแล้ว ก็ยิ่งทำให้พินิจนัย มีอคติกับกานพลู มากขึ้น เมื่อถึงเวลาเข้าหอกานพลูโวยวายไม่ยอม จนบดินทร์เบื่อเลยเรียกอีหนูมานอนแทนส่วนกานพลูก็หนีไปนอนกับจินดาพ่อเลี้ยง แต่งงานได้เจ็ดวันก็หัวใจวายตาย กานพลูจึงกลายเป็นแม่ม่ายทรงเครื่องและเป็นคู่กัดกับลูกเลี้ยงอย่างพินิจนัย กานพลูมางานแต่งงานของภาดาโดยมีพินิจนัยตามติดมาร่วมงานด้วย เมื่อทั้งสี่คนได้พบกันต่างคนต่างตกใจเพราะเภรีพึ่งรู้ว่า พินิจนัย คือเศรษฐีตัวจริง ส่วนภาดาก็ก็อึ้งในความสวยขึ้นและรวยขึ้นของกานพลู ภาดาจึงตัดสินใจทิ้งเภรีเพราะเขาได้ปอกลอกเภรีจนหมดตัว ส่วนเภรีก็คิด จะคืนดีกับพินิจนัยเลยใส่ความกานพลูจนพินิจนัยยิ่งเกลียดกานพลู วันหนึ่งพินิจนัยกับกานพลูเกิดได้เสียกัน จนกานพลูท้อง แต่ทุกคนเข้าใจว่า ท้องกับพ่อเลี้ยงมีแต่จินดาเท่านั้นที่รู้ความจริงทั้งหมด เภรีแค้นกานพลูจึงดักยิงแต่พินิจนัยก็ช่วยเอาไว้ทัน กานพลูแค่หกล้ม ผ่าท้องเอาลูกสาว ออกมาพรรณทิพาแค้นเลยจ้างแก๊งจับเด็กไปขายให้ไปขโมยลูกกานพลู แต่พินิจนัยก็ช่วยไว้ได้ทัน กานพลูจึงตัดสินใจจากไปเพื่อความสบายใจของพินิจนัยแต่ก็ได้พาหัวใจของพินิจ นัยไปด้วย จินดาสงสารจึงบอกความจริงทั้งหมด พินิจนัยเมื่อรู้ว่าเด็กคือลูกสาวของตนเองก็ยิ่งเสียใจ ตามหาแทบพลิกแผ่นดิน ภาดาแค้นจึงสมคบกับเภรีอีกครั้ง ภาดาไปลอบยิงพินิจนัยอาการสาหัส แต่ภาดากับเภรีก็โดนตำรวจจับ จินดาขอร้องให้กานพลูไปดูแลภูษิตก็เข้ามาบอกความจริงเรื่องในผับคืนนั้น ว่าพินิจนัยต่างหากที่ช่วยกานพลูไม่ให้โดนข่มขืน ในที่สุดกานพลูกับพินิจนัยก็ปรับความเข้าใจกันทั้งสองตกลงไปอยู่ในไร่ที่ กานพลูซื้อไว้อยู่กับลูกแห่งนั้นอย่างสงบตลอดไป
เรื่องย่อ : รักสุดท้ายที่ปลายฟ้า (2542/1999) รัก สุดท้ายที่ปลายฟ้า เป็นเรื่องราวความรักครั้งแรกของหญิงสาวคนหนึ่งที่ต้องเจ็บปวด จนทำให้เธอต้องหลบมารักษาแผลใจที่ไร่แห่งหนึ่ง และที่นี่ทำให้เธอได้มาพบกับรักสุดท้าย และเป็นรักสุดท้ายที่รักแรกต้องยอมแพ้ แต่กว่าเธอจะได้รักสุดท้ายมาครอบครอง เธอต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคอย่างมากมาย โดยเฉพาะลูกชายของเขา
เรื่องย่อ : บุญรอด (2543/2000) พัทยา 2540 บุญรอด ทำงานเป็นแม่ครัวอยู่กับคุณป้อม ที่ร้านอาหารรสทิพย์ ฝีมือดี มีแต่คนติดใจ บุญรอด มีพี่สาวชื่อ บุญล้ำ เป็นโสเภณีอยู่ในกรุงเทพฯ และชีวิตเธอที่ พัทยาก็ต้องอยู่ปะปนกับหญิง สาวอาชีพพิเศษนี้ตลอด เช้า กลางวัน เย็น ด้วยรูปร่าง หน้าตาที่ต้องตาฝรั่งอย่างแรง...เธอมักจะถูก ทาบทามให้ไปขายบริการโดยผ่านครู สอนภาษาอังกฤษอย่าง น้ามวล และถูกชักชวนจาก สุณีย์ คุณตัว ที่มานั่งจับฝรั่งแต่ ก็ถูกบุญรอดด่ากลับไปเสียๆ หายๆ และเธอก็มักจะด่าเด็กสาว สมัยใหม่ที่แม้จะ เรียนสูงอยู่ในมหาวิทยาลัยโก้เก๋ แต่ก็ยอมขายตัวเป็นเมียน้อยเสี่ย เมียน้อยนักการ เมือง เพื่อเอาเงินมาซื้อเสื้อผ้า ซื้อกระโปรง ซื้อรถยนต์ มือถือ บุญรอดบอกทุกคน ว่าหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ยอมขายตัว แต่ไม่วายคนรอบข้างก็ยังแอบนินทาว่าร้าย ว่าเธอไม่มีวันพ้นตำแหน่งคุณตัวไปได้ คอยดูสิ... บุญรอด ได้รับจดหมายเรียกตัวจากครูอรพิน ผู้ที่มีบุญคุณชุบเลี้ยงเธอเมื่อครั้งยัง เด็ก ให้อนาคตและการศึกษา บุญคุณที่ทดแทนตลอดชีวิตก็ไม่หมด บุญรอดลา งานเพื่อแวะหาครอบครัวที่อีกอำเภอก่อนจะเข้ากรุงเทพฯ ครอบครัวของเธอ คือ ครอบครัวไทยที่ไม่ได้มาตรฐานแต่เป็นครอบครัวส่วนใหญ่ที่ยังมีอยู่ในสังคม ปัจจุบันการศึกษาต่ำ แม่จะรักแต่ลูกชาย ซึ่งมีอยู่ 4 คน - โต บุญสิน บุญทำ และ บุญทิ้ง แม้ว่าเงินที่ใช้อยู่ในครอบครัวทุกบาททุกสตางค์นั้นมาจากลูกผู้หญิงทั้งสอง คน คือ บุญล้ำและบุญรอดก็ตาม... รอดเห็นว่าถ้าน้องชายอยู่กับแม่ต่อไปคงจะ โดนตามใจจนเสียคนแน่ จึงได้ชวนกันมาอยู่กับคุณป้อม แม่ไม่ยอมจนเกิดปาก เสียงกันแต่ด้วยเหตุผลและความเหมาะสมบุญรอดก็ชนะเสมอ ติดตามต่อได้ใน บุญรอด
เรื่องย่อ : สะใภ้จ้าว (2545/2002) เรื่องราวของสองสาวพี่น้องตระกูล "บ้านราชดำริ" ที่นิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนโตคือ "ศรีจิตรา" ( อินทิรา แดงจำรูญ ) ที่เรียบร้อยเหมือนมารดา แต่ "สาลิน" ( สุนิสา เจทส์ ) คนน้องนิสัยดื้อดึงเหมือนกับบิดา เมื่อบิดาเสียชีวิตพี่น้อง ทั้งสองต้องแยกทางกัน ศรีจิตราผู้พี่ต้องอยู่ที่บ้านราชดำริและอยู่ในโอวาทของป้าทุกอริยาบท แต่สาลิน ต้องไปอยู่กับตา ยายที่บ้านสวน มีอิสระในการดำเนินชีวิตเป็นของตัวเอง สาลินทำงานเป็นบรรณารักษ์ที่ห้องสมุด วันหนี่งเธอจึงพบกับ "พล" ( สราวุฒิ มาตรทอง ) ทำงานอยู่ที่บริษัทน้ำมัน ต้องมาตรวจตลาดจากปั๊มแถวนี้ และมาเดินเล่นในสวนโดยพลการ ทั้งสองคุยกันถูกปาก สาลินจึงพามารู้จักกับตาและยาย ตาชอบพลแต่ยายแสดงออกทันทีว่าหวงหลานสาว สาลินไปเยี่ยมแม่และพี่ที่บ้านราชดำริจึงรู้ว่าพี่สาวของตนถูกคลุมถุงชนให้เป็นสะใภ้จ้าว และโดนส่งตัวไปอบรมมารยาทที่วังวุฒิเวศน์ของ"มรว.กิตติราชนรินทร์" หรือ "ชายรอง" ( สหรัถ สังคปรีชา ) ศรีจิตราต้องก้มหน้ารับชะตากรรมโดยไม่มีปากเสียง สาลินคิดว่าพี่สาวพอ ใจ กับงานแต่งงานครั้งนี้เพราะว่าศรีจิตราไม่แสดงท่าทีใด ๆ ด้านชายรองก็ไม่ยินดีกับการ แต่ง งานครั้งนี้เพราะมีคนรักอยู่แล้วคือหญิงก้อย แต่ชายรองปฏิเสธไม่ได้เป็นพระประสงค์ ของ เสด็จฯ เพราะว่า "มรว.ดิเรกราชวิทย์" หรือ "ชายโต" ก็ไปคว้าคนใช้ "จรวย" มาเป็น เมีย ส่วน "มรว.บดินทรราชทรงพล" หรือ "ชายเล็ก" ( สราวุฒิ มาตรทอง ) ใช้ชีวิตอิสระไม่อยู่ ใน โอวาทของใคร แต่เหตุผลสำคัญของการแต่งงานของชายรอง และศรีจิตราเป็นเพราะเสด็จไม่พอ พระทัยคนรักของชายรองคือ "มรว.หญิงเทวีแสงเพ็ญ" หรือ "หญิงก้อย" ที่เคยผ่านการ สมรสมาแล้ว แต่หญิงก้อยคือคนรักคนแรกของชายรองเมื่อชายรองและศรีจิตราต้อง เผชิญ หน้า กันความเย็นชาก็เกิดขึ้น สร้างความปวดร้าวแก่ศรีจิตรายิ่งนัก เพราะชาย รองไม่ แม้แต่จะ เอ่ยทักศรีจิตราสักคำ แต่ชายเล็กทำให้ศรีจิตราไม่เงียบเหงา เพราะ เขาเป็น คนร่าเริง ไม่ นานนักศรีจิตราก็ต้องทุกข์ใจ เมื่อจรวยบอกว่าชายรองมีคนรัก แล้ว ต่อมา สาลินนำผลไม้ ไปให้พี่สาวที่บ้านชายรอง ก็พบชายหญิงกำลังพรอดรักกันอยู่ และโดนดู ถูกว่าเป็นบ้านนอก จึงบอกไปว่าเป็นน้องของเจ้าสาวชายรอง เธอจึงรู้ทันทีว่า เขาทั้งสอง เป็นใคร เพราะผู้หญิงผู้นั้นกรี๊ดออกมา นั่นคือ ว่าที่เจ้าบ่าวของพี่สาวกับ คนรักเก่า สาลินเห็นใจพี่สาวจึงคิดหาแผนการที่จะล่มวิวาห์ครั้งนี้เธอจึงปรึกษาพล ได้คำแนะนำ ว่าควรหาวิธีให้ชายรองเล็กรักคนรักเก่า แต่สาลินหารู้ไม่ว่าพลนั้นแท้จริงเขาคือชายเล็ก นายชายของว่าที่เจ้าบ่าวของพี่สาวตนนั่นเองหญิงก้อยโกธรที่ชายรองปิดบังเรื่องแต่งงาน ชายรองตามไปง้อถึงบ้านแต่ไม่ยอมลงมา พบหญิงก้อยอยากจะเอาชนะจึงทำเป็นควง อัศนีย์อดีตสามี เพื่อประชดชายรอง แต่ชายรอง ถือทิฐิตอบไม่คิดจะง้ออีก ชายรองไปหา สาลินเพื่อบอกว่าจะแต่งงานกับศรีจิตราและเลิกกับ หญิงก้อยแล้ว สาลินกลับเห็นใจชาย รองรับปากจะช่วยเรื่องหญิงก้อย ด้านหญิงก้อยทราบเรื่อง จากอัศนีย์ว่าชายรองไปหา สาลินบ่อย ๆ จึงไปต่อว่าสาลินถึงที่ทำงาน ชายรองทราบ เรื่องที่ หญิงก้อยระแวงตนจึงคิด จะแกล้งทำดังที่หญิงก้อยระแวงเพื่อแก้แค้นบ้าง อัศนีย์ตามจีบสาลิน ชวนสาลินไปทำงานที่ไนท์คลับเปิดใหม่ของเขา แต่สาลินยื่นข้อเสนอว่าให้ชายรองและ หญิงก้อย คืนดีกันเสียก่อน หญิงก้อยแค้นสาลินที่เป็นหญิงสาวธรรมดาแต่ใครต่อใครก็อยากจะเข้าใกล้จึงให้ข่าว กับหนังสือพิมพ์ เรื่องอัศนีย์และสลิน ทำให้ชายรองไม่พอใจ แสดงท่าทีหึงหวงขึ้นมา สร้างความแปลกใจแก่สาลิน มาก อัศนีย์คิดหาแผนการ เพื่อให้ชายรองไปจากชีวิตสาลินโดยส่งช่อกล้วยไม้ช้างเผือกผูกช่อด้วย สายสร้อย ประดับมุกไปหญิงก้อยในนาม ของ ชายรองแล้วนัดทานข้าว ภายหลังความแตกจึงรู้ว่าชายรองไม่ได้เป็นคนส่งให้ หญิงก้อยกระชากสร้อยขว้างใส่ชายรอง ทำให้เห็นความเอาแต่ใจจนเกินหญิง สัมพันธ์ทางใจจึงสลายลงอย่าง สิ้นเชิง ชายรองพกความไม่สบายใจไปหาสาลิน จึงรู้ตัวว่าตนเองหึง และเผลอจูบสาลินก่อนที่เธอจะจากไป สาลิน สบสนมากว่าเธอมีใจให้ชายรอง ด้านชายรองก็ไปปฏิเสธ การแต่งงานกับเสด็จฯ เพราะว่าตนนั้นมีใจกับสาลิน เสด็จไม่พอพระทัย และเหตุการณ์นี้สร้างความอับอายให้ศรีจิตรา มากเธอจึงหนีออกจากบ้านเกือบถูกรถชนแต่ ชายเล็กช่วยไว้ทัน สาลินลางานเพื่อหนีชายรอง เพราะชายรองคือว่าว่าที่คู่หมั้นพี่สาวของตนเธอไม่อยากให้พี่สาวต้องเสียใจ แต่ ปัญหาก็จบ ลงด้วยว่า ชายเล็กนั่นรู้ว่าใจของตนต้องการศรีจิตรา และศรีจิตรานั้นก็มีใจให้ชายเล็กเช่นกัน ทำให้ ชายเล็กไปบอก เสด็จฯ ว่าตนรักศรีจิตราต้องการจะแต่งงานด้วย เรื่องวุ่น ๆ จึงคลี่คลายลง ชายรองนั่นขอให้เสด็จ จัดงานแต่งของตนอย่าง รวดเร็วเพราะกลัวว่าสาลินจะเปลี่ยนใจ และชายเล็กกับศรีจิตราจะแต่งกันในไม่ช้านี้
เพลิงสีรุ้ง (2552/2009) แค ทลียา หรือ แคท เป็นหญิงสาวที่งดงามอ่อนหวาน ด้วยรูปลักษณ์ที่สวยสง่าและเป็นกุลสตรีที่ดี ทำให้มีหนุ่มมาติดพันมากมาย แคทกลับมีใจให้หนุ่มน้อยรุ่นน้องชื่อ ทินรัตน์ แต่เพราะความทะเยอทะยานอยากร่ำรวยและต้องการความเป็นอยู่ที่เลิศหรู แคทจึงเลือกที่จะแต่งงานกับ นายเทพ เศรษฐีหนุ่มใหญ่ โดยที่ไม่รู้ว่าเทพเป็นบิดาของทินรัตน์ ทินต้องอยู่ในบ้านอย่างไร้ความสุข เพราะรู้ตัวว่าเขาหลงรักหลงรูปของแม่เลี้ยงอย่างไม่อาจตัดใจได้ แคทเป็นเสมือนนางในฝัน ที่ทินยกย่องเทิดทูนหญิงสาวว่าเธองดงามไม่มีที่ติและวางตัวดีเป็นเลิศไม่มี บกพร่อง มีแต่เขาที่เหมือนมีบาปในใจ หลังการแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่อลังการของบิดา ทำให้ทินอยู่ในบ้านอย่างทรมานใจ เขาจึงตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศและกลับมารับช่วงทำงานต่อจากบิดา หลายปีที่แคทเป็นนายหญิงของบ้าน ทินจึงหาเหตุไม่อยู่บ้าน และเดินทางไปติดต่องานต่างประเทศบ่อยๆ โดยที่บิดามิได้สงสัย เขามีห้องชุดหรูหราในใจกลางเมืองพักอยู่เป็นส่วนตัว นายเทพเห็นชอบกับทุกสิ่งที่ทินทำด้วยความรักและเกรงใจลูกชายคนโต ติดตามต่อได้ใน เพลิงสีรุ้ง
เรื่องย่อ : ร่วมงานรัก (2541/1998) ไม่รู้เป็นโชคร้ายของใครกันแน่ ที่เรื่องทุจริตครั้งใหญ่ในองค์กร ชักนำผู้บริหารหนุ่มจอมเฮี้ยบมาพบกับเลขาฯ สาวจอมอู้ และ เมื่อฝ่ายหนึ่งหวัง “เชือดไก่ให้ลิงดู” ขณะที่อีกฝ่ายไม่ยอมอยู่นิ่งเป็น “เป้าสังหาร” เรื่องอลวนชนิดไล่กันไม่จนของเจ้านายหนุ่มกับเลขาฯ สาวจึงเกิดขึ้น แม้ข้อบกพร่องจะเห็นอยู่เต็มสองตา แต่การ “โละ” เลขาฯ เจ้าปัญหากลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อเอ็มดีหนุ่มต้องเผชิญกับเครือข่าย “แชต” ของหญิงสาวที่สามารถแพร่ข่าวลือบ่อนทำลาย “เป้าหมาย” ได้ภายในเสี้ยววินาที ที่ สำคัญ เขายังถูกลากเข้าไปพัวพันกับเธอด้วยข่าวลือชนิดติดเรตไม่เว้นแต่ละวัน ตามด้วยเหตุน้ำเน่าเหลือเชื่อที่ทำให้ต้องถลำลึกทั้งตัวทั้งใจโดยไม่ทันได้ ตั้งตัว เรื่องวุ่น ๆ ของเลขาฯ สาวกับเจ้านายหนุ่มจะลงเอยแบบแฮปปี้เอนดิ้ง หรือต้องชิ่งไปคนละทาง …ลองตามมาลุ้นกัน !
สปาร์คใจนายจอมหยิ่ง ซีซั่น 2 (2565/2022) เรื่องราวของ ซัน (นาย ณภัทร) ยูทูบเบอร์สายท่องเที่ยว เจ้าของเพจ เที่ยวทุกวันซันเดย์ ผู้มีพลังพิเศษในการได้ยินเสียงในความคิดของคนอื่น หลังจากซันได้เจอกับ อันนา (มายด์ ลภัสลัส) นักเขียนนิยายชื่อดังอันนาทำให้ซันได้เรียนรู้ที่จะอยู่กับพลังพิเศษ และใช้มันเมื่อจำเป็น จึงทำให้ทั้งสองพัฒนาความสัมพันธ์จนกลายคนพิเศษของกันและกัน แต่ซันก็ยังไม่เอ่ยปากขออันนาเป็นแฟนเปรียบเหมือนสเตตัส it’s Complicated ซัน, พีต (โมสต์ วิศรุต), เขื่อน (เต้ ดาวิชญ์) และ บราวนี่ (เมโกะ ชนนิกานต์) ซึ่งตอนนี้กำลังคบหาเป็นแฟนพีต รวมทั้งทำงานในตำแหน่ง Co-Producer ให้กับเพจของซันด้วย ทั้งหมดเดินทางไปที่ลำตะคอง และเขื่อนสิรินธร เพื่อถ่ายทำคลิปประกวดในแคมเปญ เที่ยวทั่วไทยหัวใจพองโต เพราะหวังว่าหากชนะจะนำเงินรางวัลมาขยายบริษัทให้มั่นคง เพื่อที่จะได้ขออันนามาเป็นแฟน และให้พีตมีเวลาได้ลาไปเที่ยวพักผ่อนกับบราวนี่บ้าง ด้านอันนาที่ตอนนี้ชีวิตงานกำลังปังสุด ๆ เพราะนิยายของเธอถูกซื้อไปทำละคร และเธอเป็นคนเขียนบทเอง เรียกว่างานกำลังรุ่งสุด ๆ แต่ชีวิตรักไม่รู้จะร่วงหรือไม่ เพราะหมอดูดันทักว่า "ถ้าอันไม่มีแฟนภายในสามเดือน เธอจะต้องขึ้นคานตลอดชีวิต" ร้อนถึงอันนากับ ตุ้บตั้บ (ปิงปอง ธงชัย) ต้องร่วมมือกันทำให้ซันขออันนาเป็นแฟน เพราะหมอดูห้ามเธอขอผู้ชายเป็นแฟน เพราะเธอจะโดนผู้ชายเท...อันนากับตุ้บตั้บจึงวางแผนภารกิจพิชิตใจซัน สปาร์คใจนายจอมหยิ่ง ซีซั่น 2 แต่ระหว่างที่เธอกำลังเดินทางไปดูโลเกชั่นถ่ายทำละครกับทีม เธอได้เจอกับ ตุลย์ (โอบ โอบนิธิ) แฟนเก่าที่เลิกกันไปเพราะตุลย์ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ตุลย์เองก็เป็นยูทูบเบอร์สายท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ที่ขึ้นชื่อว่าหน้าตาดี นิสัยรวยสุด ๆ และตุลย์เองก็กำลังทำคลิปประกวดในแคมเปญเดียวกันกับซัน ตุลย์เองก็เดินทางมาถ่ายทำคลิปที่เขื่อนสิรินธรโดยเขาขอให้อันนาเป็นผู้ช่วย อันนาและตุ้บตั้บก็ตกลง ตุลย์ได้ใกล้ชิดกับอันนาทำให้ความรู้สึกดี ๆ กลับมา เขาอยากจีบอันนาเป็นแฟนอีกครั้ง ทำให้ตอนนี้ซันกับตุลย์กลายเป็นคู่แข่งทั้งเรื่องประกวด และเรื่องหัวใจ จนกลายเป็นเรื่องราวอลวน ว่าซันจะขออันนาเป็นแฟนเมื่อไหร่ ตุลย์ต้องทำยังไงเพื่อให้อันนากลับมาคบกับเขา เมื่อถึงเวลาอันนาจะตัดสินใจว่าจะเลือกใคร และระหว่างที่ทั้งสองทีมทำคลิปประกวดกัน ก็เกิดเหตุการณ์แปลก ๆ ขึ้น ทุกคนต้องร่วมมือกันหาคำตอบว่า ซัน, อันนา หรือ ตุลย์ ที่ตกเป็นเป้าหมายของคนร้าย ที่ไม่รู้ว่าต้องการอะไรกันแน่ ส่วนซันเองก็สงสัยว่าอันนากำลังมีความลับบางอย่างปิดบังเขาอยู่ มาร่วมลุ้นและให้กำลังใจกับการเดินทางครั้งใหม่ ไปพบกับความสวยงามของสถานที่และผู้คนรอบ ๆ เขื่อน รวมทั้งความสัมพันธ์ที่งดงามของพวกเขาได้ในซีรีส์ สปาร์คใจนายจอมหยิ่ง ซีซั่น 2
คุณยายสายเดี่ยว (2550/2007) คุณยายสายเดี่ยว เป็นเรื่องราวของ คุณยายกับหลานที่บังเอิญต้องมาสลับร่างกัน ทำให้ได้เรียนรู้ชีวิตของคนที่ต่างวัยกันอย่างที่ไม่เคยได้รู้มาก่อน แม้นวาด มีสามีคือนายโชคชัยมีอาชีพรับราชการและเสียชีวิตไปหลายปีแล้วมีลูกสองคนคือ มณีรัตน์และเมทินี มณีรัตน์แต่งงานกับเอกชัยที่รับราชการกระทรวงมหาดไทย ทิ้งลูกชายไว้ที่บ้านที่กรุงเทพฯ คือ รดิฐ และจุฑา ส่วนเมทินีแต่งานกับภุชงค์ซึ่งเป็นผู้บริหารบริษัทเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทาง เกษตร มีลูกสาวคนเดียวคือ กษมา รดิฐ เป็นพี่ชายคนโต ส่วนจุฑาและกษมาเป็นทั้งเพื่อนและญาติกัน แม้นวาดเป็นคนที่ถูกสอนมาอย่างหญิงยุคเก่าเธอจึงวิตกกับการเปลี่ยนแปลงรอบ ๆ ตัว เธอชอบจับตามองทุกคนในครอบครัว ส่วนเมทินีมักจะเกิดปัญหากับสามีอยู่บ้างเพราะภุชงค์มองว่าแม่ยายมีมุมมอง ไม่เหมือนคนรุ่นใหม่ แต่ภุชงค์เลี้ยงลูกเหมือนเป็นเพื่อน แม้นวาดจึงไม่เคยเข้าใจว่าทำไมกษมากับภุชงค์ตีเสมอกัน แม้นวาดพยายามจะให้เมทินี ไปเตือนภุชงค์ ทำให้ภุชงค์โกรธแม้นวาดว่าคิดแบบไร้เหตุผล เมื่อหลาน ๆ โตขึ้น แม้นวาดกังวลในตัวของกษมามากกว่าคนอื่น เพราะกษมาค่อนข้างรั้นและเฮี้ยวเปรี้ยวจนเข็ดฟันและมองโลกอย่างวัยรุ่นกษมา กลับมาจากการเป็นนักศึกษาทุนที่ต่างประเทศ โดยนั่งเครื่องมาลำเดียวกับดุสิตและภาวิต แต่ไม่ได้คุยกัน ภาพของกษมาโดนจับตามองจากทุกคนบนเครื่อง เพราะหล่อนทำเหมือนมองไม่เห็นสายตาใคร ทำให้ภาวิตนึกขำหล่อนแต่ไม่ได้ใส่ใจ พอถึงสนามบิน มีสาวสวยมารับภาวิต ชื่อพนิดา ซึ่งเป็นลูกสาวของนาย อดิเรก นักการเมืองอาชีพและคุณบังอรศรีเพื่อนร่วมรุ่นของแม้นวาด กษมาพยายามจะขอไปอยู่หอพักเพราะกลัวว่าจะต้องอยู่กับคุณยายภุชงค์กับเมทินี หว่านล้อมอย่างไรก็ไม่สำเร็จ แต่หล่อนต้องจำใจอยู่กับแม้นวาดจนได้ แม้นวาดมีโลกอีกมุมหนึ่ง จนกลายเป็นปัญหาไปหมดสำหรับกษมาครั้งแรกที่พบกันแม้นวาดแทบหัวใจวายตาย เมื่อกษมาจัดการแปลงโฉมตัวเองไปในสภาพที่แม้นวาดรับไม่ได้ แม้นวาดจึงโทรไปหาทิพย์สมรเพื่อนที่เป็นเจ้าของร้านทำผมเพื่อที่จะให้มาแปลง โฉมกษมาให้เป็นเหมือนเดิม กษมาทั้งโกรธและขำ ที่หล่อนถูกทำเหมือนเด็กเล็ก กษมาแอบไปสมัครเป็นพริ้ตตี้ในระหว่างปิดเรียน โดยไม่บอกใคร นอกจากเพื่อนสนิทอย่างนิลุบล เมื่อหล่อนรู้ว่าคุณยายจะจัดงานเลี้ยงรับเธอในงานวันเกิดของคุณยาย เธอจึงไปหาซื้อของขวัญมาให้และยังนัดดนัยเพื่อนหนุ่มให้มาแสดงตัวเป็นแฟนของหล่อนด้วย ดุสิตอาของภาวิตทำงานอยู่ในบริษัทดนตรีในตำแหน่งประชาสัมพันธ์อาวุโส และได้ชื่อเลื่องลือเรื่องความเจ้าชู้เป็นสุดยอด ตามประวัตินั้นเคยจีบคุณแม้นวาดแต่ไม่สำเร็จ เลยไม่ยอมแต่งงาน ส่วนภาวิตถูกพนิดาตามติดแจ แต่ภาวิตก็ไม่คล้อยตามหล่อนอีกและภาวิตบอกพนิดาว่าถ้าอยากแต่งงานกับเขาก็ ต้องมาอยู่กับเขาที่ร้านขายของเก่า พนิดาคิดมากและไม่กล้าตัดสินใจ บังอรศรีแม่ของพนิดาพยายามแนะนำคุณก้อนทองให้กับพนิดา แต่พนิดากลับเมินเฉย วันหนึ่ง ที่ร้านของภาวิต มีชายแก่คนหนึ่งก้าวมาพร้อมกับย่ามเก่า ๆ เอาหีบไม้คู่หนึ่งมาให้ลวดลายบนหีบไม้นั้นสวยมาก จนภาวิตยอมรับเอาไว้ แม้กลัวว่าเป็นของโจร เมื่อภาวิตรับของแล้วผู้ชายคนนี้ก็หายไป ภาวิตเปิดกล่องดูไม่พบอะไรนอกจากกระดาษเขียนข้อความเอาไว้เป็นคำกลอนแต่ภาวิ ตไม่ได้ใส่ใจ สมพงษ์คนงานในร้านไม่ทราบนำหีบไม้ไปวางโชว์ตอนที่ภาวิตไม่อยู่ เหตุประหลาดเกิดขึ้นกับหีบไม้คู่นั้นเมื่อมีป้ายราคามาปรากฎที่หีบไม้ในวัน ที่กษมามาดูของที่ร้านพอดี มารตีหลานสาวของภาวิตที่มาช่วยสมพงษ์ไม่ทราบเลยบอกขายให้กับกษมา กษมาคิดจะมอบหีบไม้นี้ให้กับแม้นวาดในวันเกิด แต่มีเหตุให้กษมาและแม้นวาดไม่เข้าใจกัน แม้นวาดและกษมาจึงหงุดหงิด กษมานึกในใจอยากให้แม้นวาดเข้าใจตัวเองและแม้นวาดก็อยากให้กษมาเข้าใจตนเอง เหมือนกัน ขณะที่กษมามอบหีบไม้ที่ซื้อมาให้แม้นวาดก็มีอุบัติเหตุตอนเปิดหีบไม้ ทำให้หีบไม้ร่วงหลุดมือไป ทำให้ทั้งคู่หมดสติไปทั้งคืน เช้าวันต่อมากษมาเอ่ยปากอยากดื่มไวน์ ทำให้คนรับใช้ประหลาดใจ พอกษมาเข้าห้องน้ำเธอก็ตกใจเพราะเงาในกระจกกกลับกลายเป็นร่างของ แม้นวาด กษมาในร่างแม้นวาดเอะอะโวยวาย แต่ไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่กษมาในร่างแม้นวาดบอก ทุกคนมองเหมือนเป็นเรื่องตลก กษมาในร่างแม้นวาด ถามหาตัว กษมา จึงทราบว่าอยู่ที่โรงพยาบาล กษมาตัวจริงพยายามหาสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ จึงนึกถึงหีบไม้ที่ทำตกไว้ แต่พอไปหากลับไม่พบ เธอจึงขอเบอร์ ภาวิต จากมารตีเพื่อเรียกภาวิตมาพบ ทำให้ภาวิตรู้ว่ากษมาและแม้นวาดสลับร่างกัน กษมาที่อยู่ในร่างของแม้นวาด ทำให้ลืมตัวทำเรื่องที่ไม่ควรทำหลาย อย่าง กษมาในร่างแม้นวาดมาหาแม้นวาดในร่างกษมาที่โรงพยาบาล ทั้งสองพยายามจะสลับตัวกันแต่ก็ทำไม่สำเร็จ ทั้งสองจำต้องสลับร่างกันอยู่ เวลาต่อ มา กษมา ย้ายมาอยู่บ้านของแม้นวาด ทำให้ภุชงค์เชื่อว่าแม้นวาดทำร้ายกษมา และไม่สบายใจเพราะกษมาเปลี่ยนไป เวลาที่ภุชงค์จะกอดกษมา ก็โดนแม้นวาดในร่าง กษมาทำร้าย ส่วนแม้นวาดที่เขาไม่ชอบหน้าก็พยายามมาเคล้าเคลียกับเขา สองยายหลานสงบศึกและเริ่มเปิดใจให้กันกัน โดยแม้นวาดไปเรียนหนังสือ กษมาไปงานสังสรรค์เพื่อนเก่าและเป็นนายกสมาคมเพื่อนรุ่นเก่ากษมาใน ร่างของแม้นวาดก็สนิทสนมกับภาวิตจนพนิดาหึง และแม้นวาดในร่างของกษมาก็สนิทสนมกับดุสิตมากขึ้น ยิ่งทำให้เกิดเรื่องยุ่งวุ่นวายมากขึ้นจนเวลาผ่าน ไป ภาวิตพยายามหาวิธีที่จะให้กษมาและแม้นวาดกลับคืนร่างเดิม ภาวิตนึกถึงหีบไม้ใบอีกใบพร้อมกับคำกลอนปริศนาในกล่องไม้ จึงบอกให้กษมาและ แม้นวาดตั้งจิตให้มั่นแล้วลองกลับหีบไม้อีกครั้ง ในที่สุดทั้งสองก็ได้กลับสู่สภาพเดิม แม้นวาดและกษมาได้เห็นตัวตน ของกันและกันมากยิ่งขึ้นและเปิดใจ เข้าหากันจนเป็นยายหลานที่รักกันมาก กษมามีความคิดเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นและไม่ทำตัวเหลวไหล ส่วนแม้นวาดย้อนกลับมามอง การใช้ชีวิตของหนุ่มสาว รุ่นใหม่ด้วยใจเป็นกลาง รวมถึงความรักของดุสิตที่มีให้ด้วย จึงรับรักคำขอแต่งงานของดุสิต สำหรับภาวิตและกษมาก็เข้าใจกัน และมีความรักต่อกัน คำกล่าวเรียกแม้นวาดเป็นคุณยายสายเดี่ยว ยังเป็นคำพูดที่ทุกคนประทับใจและอดขำไม่ได้ ถึงแม้ว่าสุดท้ายแม้นวาดจะประกาศในงานสมาคมนักเรียนเก่า ว่าเธอแขวนสายเดี่ยวแล้วก็ตาม
ต้มยำลำซิ่ง (2555/2012) ทูนอินทร์ เจ้าของ ไร่อินสรวง ที่สระบุรี มีความรู้ความสามารถในการแต่งเพลง และร้องลูกทุ่งในระดับอาชีพ แต่ด้วยความเป็นคนขี้อาย เพราะเคยมีประสบการณ์เลวร้ายมาตั้งแต่วัยเด็ก 12 ขวบเมื่อต้องออกไปร้องเพลงในการประกวดลูกทุ่งเยาวชน ทูนถูกเด็กหญิงวัยห้าขวบหน้าฝรั่งที่เป็นคู่แข่งในงาน แกล้งใส่ตุ๊กแกยางลงไปในกางเกง ทูนช็อค กลางเวที ร้องไม่ได้ และฉี่ราดกางเกง กลายเป็นตัวตลกของงาน นับแต่นั้นทูนไม่กล้าร้องเพลงให้ใครฟังอีก จนเมื่อเขามีความรักกับนักร้องสาวที่เขากำลังปลุกปั้นอย่าง ฟ้าใส ทูนแต่งเพลงให้ฟ้าใสหลายเพลง และฟ้าใสเยียวยาให้ทูนหายประหม่า และช่วยให้เขาออกมาร้องเพลงในผับคู่กับเธอได้ ทั้งสองตกลงจะออกเพลงลูกทุ่งโดยร้องร่วมกัน แต่แล้วเมื่อโครงการใกล้เสร็จสมบูรณ์ ฟ้าใสก็ทิ้งทูนไปซบกับค่ายเพลงใหญ่ของ เสี่ยดำรง แถมยังขโมยทำนองบางท่อนของทูนไปด้วย แถมยังรู้ว่าฟ้าใสเป็นเมียน้อยของเสี่ยเข้าอีก ยิ่งทำให้ทูนจิตตกและป่วยใจอยู่เป็นปี เขาไม่สามารถออกมาร้องเพลงต่อหน้าผู้คนได้อีกเลยเป็นการถาวร ร้องทีไรก็สะอื้นไห้เมื่อนึกถึงฟ้าใส ด้วยความรักในเสียงเพลงไม่เสื่อมคลาย ทำให้ทูนลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง เมื่อ พี่เมธ นักร้องนักดนตรีระดับครู และเคยร่วมกันทำบริษัทผลิตรายการมาก่อน มาเปิดร้านอาหารกึ่งผับที่สระบุรี และชักชวนทูนมาเล่นดนตรีให้ที่ร้าน ทูนตั้งวงดนตรีขึ้นโดยมีสมาชิกคือ อินทร น้องชาย และสมุนสองนาย หนวนอู้ และ หนานอิน ชื่อวงว่า “ต้มแซ่บ” งานนี้พี่เมธยังช่วยทูนแต่งเพลงอยู่หลายเพลงแล้วร้องเล่นกันเองในร้าน ทูนหวังว่าสักวันนึงเพลงและวงของเขาจะออกไปฮิตเหมือนวงดังๆทั้งหลายและเขาจะต้องดังสู้กับฟ้าใสให้ได้ แล้ววันหนึ่งทูนก็ติดใจเสียงร้องของสาว รุ้งระวี ศรีแอลเอ สาวลูกครึ่งไทยอเมริกันอยู่ที่แอลเอ กำลังดังจากเพลง “ฝากจิ้มแจ่วไปแอลเอ” ทูนได้เห็นมิวสิคของเธอ และหลงไหลกิริยาอ่อนช้อย แต่ทูนจับพิรุธได้ว่ารุ้งโกหกประชาชน เพราะทูนบังเอิญเจอเธอเดินเล่นอยู่ที่ตลาดน้ำ ทั้งๆ ที่ค่ายเพลงประกาศว่ารุ้งยังเดินทางมาไม่ถึงเมืองไทย ทูนอยากรู้ความจริงถึงกับปลอมตัวไปรับรุ้งที่สุวรรณภูมิพร้อมกับทร และจับได้ในที่สุดว่ารุ้งโกหกจริง เขาช่วยรุ้งพ้นจากการแฉความจริงของนักร้องร่วมค่ายขี้อิจฉาอย่าง จุ๊บแจง แตงร่มใบ, ขวัญข้าว สาวอีสาน กับหนุ่มหน้ามนรูปงาม อาชา อาชาไนย ที่เป็นเกย์ในคราบหนุ่มหล่อล่ำ โดยมีพี่เลี้ยงรุ้งอย่าง จี่หอย และ มะปราง เป็นกำลังสนับสนุน ทูนไม่รู้ว่าที่รุ้งมาเมืองไทยก่อน เพราะเธอคิดถึงเมืองไทยมาก และเธออยากมาตามหาแม่ที่ไม่เคยเจอเธออีกเลยนับสิบปี แม้จะรู้ว่ารุ้งโกหกแต่เพราะหลงเสน่ห์สาวรุ้งเข้าแล้ว ทูนประกาศว่ารุ้งนี่แหละจะเป็นคนที่ร้องเพลงของเขาสู่สาธารณะ ซึ่งพี่เมธและอินทรเห็นว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะรุ้งสังกัดอยู่กับค่ายเพลงยักษ์อิทธิซาวนด์ของ นายอิทธิ พลกำแหง มาเฟียใหญ่ของวงการเพลงลูกทุ่ง และรุ้งเป็นหวานใจคนใหม่ของนายอิทธิเสียด้วย แต่ทูนไม่สนเขาพร้อมจะเสี่ยง และก่อนอื่นเขาจะสืบประวัติรุ้งให้ถ่องแท้ เพราะเขาเชื่อว่ารุ้งปลอมแปลงอดีตตัวเองทั้งหมด ด้านนายอิทธิสั่งให้โปรโมทรุ้งในฐานะหลานสาวไฮโซเด็กนอก แต่ด้วยเลือดความเป็นไทยทำให้เธอหัดพูดแล้วร้องเพลงจากชุมชนคนไทยที่นั่น จนร้องเพลงลูกทุ่งระดับอาชีพ รุ้งกลายเป็นดาวดังในทันที แต่ในความจริงแล้วเธอคือสาวลูกครึ่งจนๆในย่านสลัมของโคราช แม่เป็นนักร้องบาร์ชื่อ นางแสงหล้า ได้เสียกับชายอเมริกันแล้วทิ้งเธอกับลูกไป แสงหล้าสอนลูกสาวร้องเพลงและพาตระเวนประกวดเกือบทุกเวที จนกระทั่งนางได้สามีใหม่จึงส่งลูกสาวไปอเมริกาเมื่อเธอได้เก้าขวบและขาดการติดต่อนับแต่นั้น ทูนได้โอกาสใกล้ชิดกับรุ้งอีก เมื่อบริษัทผลิตรายการของพี่เมธรับโปรเจคท์ถ่ายทำมิวสิค และสารคดีบันทึกเบื้องหลังการแสดงของรุ้งและศิลปินในค่ายของอิทธิ ทูนเสนอตัวเป็นตากล้องให้ โดยมีอินทรเป็นผู้ช่วยกล้อง ทั้งสองเข้ามาในทีมถ่ายทำ ทูนได้ใกล้ชิดรุ้งเต็มที่ และเริ่มสงสัยว่ารุ้งเป็นฝรั่งดองอย่างที่เป็นข่าวลือรึเปล่า เพราะบางครั้งรุ้งก็หลุดบท ทานส้มตำปลาร้าเผ็ดจัดหน้าตาเฉย เมื่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน ทูนต้องช่วยรุ้งจากการกลั่นแกล้งของกลุ่มจุ๊บแจง โดยเฉพาะตัวจุ๊บแจงเองที่เคยเป็นเมียลับๆ ของอิทธิ และเกลียดรุ้งที่มาแย่งทั้งความรักและเพลงดังๆ ไปจากเธอ งานนี้พี่เลี้ยงอย่าง เจ๊จวงใจ สาวใหญ่หน้าเหี้ยมคอยเสี้ยมอยู่ตลอดเวลา ทั้งทูน อินทร พี่จี่หอย และน้องปราง ต้องคอยปกป้องรุ้ง ในการออกทัวร์คอนเสิร์ทสี่ภาค รุ้งไปร้องเพลงที่โคราช ทูนแอบตามรุ้งและจี่หอยที่ออกไปเที่ยวย่านสลัมกลางเมืองและรู้ว่าที่แท้รุ้งมาตามหาแม่แต่ไม่พบ ทูนแน่ใจแล้วว่าเธอเป็นแหม่มตัวปลอม ไม่ได้ไปอยู่แอลเอตั้งแต่สามขวบแน่ๆ ระหว่างที่รุ้งและกลุ่มนักร้องของค่ายไปโชว์ตัวแจกลายเซ็นและซีดีเพลงที่ตลาด รุ้งพบหญิงชราเข้ามาขอลายเซ็น นางขอร้องให้รุ้งร้องเพลงเพลงหนึ่งที่รุ้งเคยร้องประกวดสมัยเด็ก รุ้งร้องให้ฟัง นางร่ำไห้จนรุ้งสงสัยว่านางเป็นใคร แต่นางก็หลบออกไปเสียก่อน ทูนเองก็สงสัยเช่นกัน เพราะเขาจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าสมัยเด็กที่แข่งประกวดกับเด็กแหม่มคนนั้น เขาก็เคยได้ยินแม่ของเด็กร้องเพลงนี้ให้ได้ยิน ทำให้ทูนเริ่มสงสัยว่าเด็กแหม่มตัวร้ายนั้นจะคือรุ้งนั่นเอง และเขาจะต้องสืบความจริงจากรุ้งให้ได้ รุ้งไม่รู้เลยว่าหญิงชราคนนั้นคือนางแสงหล้า แม่แท้ๆ ของรุ้งนั่นเอง ที่นางต้องส่งรุ้งไปอยู่เมืองนอกก็เพราะ นายคำรณ สามีใหม่ที่เป็นนักเลงคุมบ่อนและซ่อง ที่ทั้งซ้อมและรีดไถนางอยู่ตลอด ทำท่าว่าจะล่วงเกินรุ้งถึงขั้นขู่จะส่งรุ้งไปขายตัวที่ชายแดน นางจึงรีบส่งรุ้งไปอยู่กับญาติที่กำลังไปทำงานที่แอลเอ ทูนสนิทกับรุ้งมากขึ้นและพยายามล้วงความลับของรุ้ง รุ้งปรับทุกข์แต่เรื่องที่อิทธิบังคับให้เธอแต่งงานกับเขาโดยที่เธอไม่ได้รัก รุ้งสารภาพประวัติแท้จริงทั้งหมด แต่สิ่งที่รุ้งยังไม่รู้ก็คือทำไมแม่ต้องทิ้งเธอ รุ้งเข้าใจว่าเพราะแม่รักชายชู้คนใหม่ จึงคิดกำจัดเธอเสีย …ทูนเห็นใจ และเริ่มมีความหวังว่ารุ้งอาจจะรักเขาบ้าง รุ้งโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ และคนที่จำรุ้งได้ก็คือนายคำรณพ่อเลี้ยงนั่นเอง ในคอนเสิร์ทครั้งหนึ่ง แสงหล้าตามมาแอบดูรุ้งร้องเพลง แสงหล้าตกใจที่เห็นนายคำรณเข้ามาแสดงตัวกับรุ้ง คำรณขู่รุ้งว่าถ้าไม่จ่ายเงินหลักล้านให้ตน ตนจะเปิดโปงเรื่องการปลอมประวัติของรุ้ง ทั้งเรื่องแม่ที่เป็นหญิงบาร์และขายตัวอยู่ที่โคราช ทูนเข้าปกป้องรุ้ง และขู่กลับนายคำรณไม่ให้มายุ่งกับรุ้งอีก งานนี้ทูนจ่ายนายคำรณไปเยอะ แต่หารู้ไม่ว่าจุ๊บแจงและเจ๊จวงเห็นเหตุการณ์ และเรียกนายคำรณไปซักฟอก และเริ่มแผนการทำลายรุ้งอย่างต่อเนื่อง ด้วยความที่อยากอยู่ใกล้และปกป้องลูกสาว แสงหล้าเสนอตัวมาเป็นแม่ครัวของทีมงานเวลาออกคอนเสิร์ท อิทธิ จวง จุ๊บแจง ขวัญข้าว และอาชาแสดงท่าทางรังเกียจแสงหล้า มีแต่รุ้งเท่านั้นที่ขอให้อิทธิรับแสงหล้าเข้าทำงาน อิทธิเร่งรัดเรื่องการแต่งงานกับรุ้งเพราะเห็นรุ้งสนิทกับทูนเกินเหตุ แต่รุ้งยังไม่พร้อม เธอต้องตาม หาแม่ให้เจอ อิทธิเลยสร้างหลักฐานปลอมว่าแม่ของรุ้งตายแล้ว รุ้งเสียใจมากจนเกิดภาวะซึมเศร้า ร้องเพลงไม่ได้ ทูนช่วยปลอบจนรุ้งคลายใจ อิทธิยิ่งไม่พอใจจะเลิกจ้างทูนแต่ติดขัดที่เซ็นสัญญาไว้แล้ว อิทธิวางแผนจะให้รุ้งเข้าใจผิดทูนและเลิกคบกับทูน จังหวะนั้นฟ้าใสและจุ๊บแจงเข้ามาเสนอแผนกับอิทธิ อิทธิร่วมมือด้วยเพราะเป็นแผนที่แยบยลที่สุด ส่วนความรักระหว่าง ทูน กับ รุ้ง กลับต้องมาผิดใจกันเมื่อฟ้าใสมาหาทูนถึงที่ไร่อินสรวง ฟ้าใสแกล้งให้ทูนดูรอยแผล อ้างว่าเกิดจากการซ้อมของเสี่ยดำรง และตอนนี้เธอกำลังท้องอ่อนๆ ฟ้าใสกลัวว่าจะแท้งลูก เธอทำท่าจะเป็นลม จนทูนต้องเข้ามาประคองกอด และอุ้มฟ้าใสไปนอนในห้องด้านใน รุ้งเห็นภาพในระยะห่าง เธอใจคอไม่ดี ไม่แน่ใจว่าทูนพูดความจริงกับเธอรึเปล่า เพราะเมื่อรุ้งถามทูนว่านัดพบใครวันนี้ ทูนกลับปฏิเสธ รุ้งยิ่งแคลงใจมากขึ้น ความรักระหว่าง ทูน กับ รุ้ง จะเป็นเช่นไร และทั้ง สอง จะล่วงรู้แพ้ร้ายของอิทธิ ได้อย่างไร รุ้งจะได้พบแม่ หรือไม่ ต้องติดตามใน “ต้มยำลำซิ่ง”