กุหลาบไร้หนาม 2553

กุหลาบไร้หนาม (2553/2010) นันทวดี วิปกรณ์ อาศัยอยู่ในบ้านเก่าโกโรโกโสกับ สร้อยสอางค์ หัวหน้าพาร์ตเนอร์ผู้เป็นแม่ และ พวงสร้อย นักพนันตัวยงผู้เป็นยาย ถึงจะอยู่บ้านโทรม ๆ แต่นันทวดีก็มีเงินเดือนที่ ธวัช พ่อของเธอส่งให้ เธอจึงแต่งตัวหรูหรามีเงินใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย นันทวดีชอบเที่ยวมากกว่าเข้าห้องเรียน จึงไม่ยอมเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย สร้อยสอางค์ก็เห็นดีเห็นงามด้วย วันหนึ่งนวลใจ ผู้เป็นแม่เลี้ยงส่งข่าวมาบอกว่าธวัช เสียชีวิตและแบ่งมรดกไว้ให้ โดยมีเงื่อนไขว่านันทวดีต้องเข้าไปอยู่ในบ้านวิปกรณ์ให้ครบ 5 ปี จึงจะได้รับเงินมรดก นันทวดีอยากได้เงินและอยากไปแก้แค้น นวลใจ กับ วารี ย่าแท้ ๆ ที่สร้อยสอางค์กับพวงสร้อยเพียรพูดกรอกหูตั้งแต่เด็กว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจ เธอจึงตัดสินใจเข้าไปอยู่ในบ้านวิปกรณ์ นันทวดีมีน้องร่วมบิดาอีก 2 คน คือ อนุธวัช ซึ่งกำลังเรียนอยู่ที่อเมริกา และ นุชรี นิสิตมหาวิทยาลัยชื่อดัง เธอเกลียดน้องตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า และยิ่งได้เห็นชีวิตอันหรูหราของนุชรี นันทวดีก็ยิ่งเกลียดเพราะเธอคิดว่านั่นคือชีวิตที่เธอควรได้ นันทวดีจึงคิดว่าเธอต้องเอาชนะนุชรีทุกเรื่อง แม้ในใจจะริษยาแต่นันทวดีก็ซ่อนความรู้สึกได้มิดชิดคำพูดอ่อนโยนที่เธอแสดงออก ทำให้นวลใจกับนุชรีรักและไว้ใจนันทวดียกเว้นวารีเท่านั้นที่หวาดระแวงนันทวดี นันทวดีได้พบกับ ร้อยโทสารัตถ์ นายทหารหนุ่มรูปหล่อ นันทวดีพึงใจสารัตถ์ตั้งแต่แรกพบและเมื่อรู้ว่าสารัตถ์เป็นคู่หมั้นของนุชรี นันทวดีก็คิดจะแย่งทันที โดยหาโอกาสโปรยเสน่ห์ใส่สารัตถ์ที่มาหานุชรีทุกวัน จน สีดา เพื่อนสนิทนุชรี เห็นว่าสารัตถ์สนิทกับนันทวดีมากเกินไป จึงเตือนนุชรีให้ระวัง นุชรีไม่เชื่อและบอกว่าสีดาอคติกับนันทวดีเพราะไม่ถูกชะตา นันทวดีไม่ยอมเรียนต่อมหาวิทยาลัย ตามที่นวลใจขอร้อง แต่ขอเรียนตัดเสื้อแทนเพราะอยากเอาตัวไปใกล้ชิดกับลูกค้าของร้านที่เป็นผู้ดีมีเงิน การไปเรียนตัดเสื้อทำให้นันทวดีได้พบสารัตถ์โดยบังเอิญ สีดาผ่านมาเจอสารัตถ์อยู่กับนันทวดีก็ประชดประชันอย่างไม่พอใจ นันทวดีสะใจที่สีดามาเจอเพราะอยากให้ นุชรีรับรู้ว่าสารัตถ์มากับตน แต่แกล้งทำทีเป็นห่วงว่านุชรีอาจเข้าใจผิด สารัตถ์ที่ยังไม่ได้คิดอะไรเกินเลยปลอบให้ นันทวดีหายกังวลและยิ่งชื่นชมว่านันทวดีเป็นพี่ที่ดีที่ห่วงความรู้สึกของน้องสาว นันทวดีได้รับเชิญให้เป็นนางแบบกิตติมศักดิ์เดินแบบการกุศลในงานบอล เมื่อสารัตถ์รู้ก็แอบมาร่วมงานโดยไม่บอกนุชรี ทำให้นันทวดีรู้ว่าสารัตถ์ก็มีใจให้เธอเช่นกัน นันทวดีใช้มารยาหญิงโดยใช้หาญพงศ์ นักธุรกิจหนุ่มลูกชาย คุณนายเฮียง เจ้าของร้านทอง ขาไพ่ของพวงสร้อย มาร่วมงานบอลด้วยจึงใช้เป็นเครื่องยั่วให้สารัตถ์หึง สุดท้ายสารัตถ์ก็ทนความอึดอัดไม่ไหวไปดักเจอนันทวดีที่ร้านตัดเสื้อ ประชดประชันเรื่องหาญพงศ์และถามถึงเรื่องที่นันทวดีหลบหน้า นันทวดีตีหน้าเศร้าอ้างว่าไม่กล้าสู้หน้าสารัตถ์เพราะละอายใจที่หลงรักคู่หมั้นของน้องสาว สารัตถ์หายโกรธและตัดสินใจไปบอก พลโทสวี ผู้เป็นพ่อว่าจะขอถอนหมั้นนุชรีเพื่อแต่งงานกับนันทวดี สวีโกรธมากแต่ก็ขัดใจลูกชายคนเดียวไม่ได้ จึงให้ คุณหญิงรุจิรา ภรรยาเป็นตัวแทนไปพูด นวลใจตกใจมากจึงไปถามไถ่กับนันทวดี นันทวดีตีหน้าเศร้าสารภาพว่ารักกับสารัตถ์จริง แต่จะแต่งงานกับหาญพงศ์แทนเพราะไม่อยากให้นุชรีเสียใจ นวลใจหลงกลในความเสียสละจึงบอกให้นันทวดีแต่งงานกับสารัตถ์ นุชรีเสียใจมากเมื่อรู้ว่าสารัตถ์นอกใจเธอไปรักกับพี่สาว ขณะที่สารัตถ์กับนันทวดีชื่นมื่น นุชรีก็เสียใจอย่างหนักจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ วารีทนไม่ได้จึงพาหลานสาว ไปพักรักษาแผลใจที่ชายทะเลโดยมีสีดาตามไปช่วยดูแล...นุชรีเสียใจมากเกือบคิดสั้นฆ่าตัวตาย แต่สติก็ช่วยให้เธอดับความคิดชั่ววูบนั้นลงได้ นันทวดีหวังว่าการแต่งงานจะทำให้เธอใช้ชีวิตเป็นอิสระ หรูหรา มีเงินใช้ฟุ่มเฟือยโดยไม่ต้องทำงาน เมื่อทุกอย่างไม่เป็นดังใจเธอจึงหงุดหงิดและคิดว่าผู้ชายที่ต้องพึ่งแต่เงินจากพ่อแม่อย่างสารัตถ์จะไม่ใช่พระเอกที่เธอฝันไว้เสียแล้ว ด้านสีดาคิดจับคู่ให้นุชรีจึงพา นัดดา เลขาฯ เอกท่านทูต ลูกพี่ลูกน้องที่เพิ่งกลับจากอังกฤษมาร่วมงานด้วย สีดาพานัดดาไปอยู่ในกลุ่มเพื่อนของนุชรี นันทวดีได้รับการแนะนำให้รู้จักกับนัดดาทั้งคู่คุยกันอย่างถูกคอ ทำให้สีดาไม่พอใจที่นัดดาให้ความสนใจนันทวดีมากกว่านุชรี นานวันนันทวดีก็ยิ่งเบื่อกับชีวิตที่ต้องแอบอิงพ่อผัวแม่ผัว และอิจฉานุชรีที่มีนัดดาคอยรับคอยส่ง เพราะนัดดามีตำแหน่งเป็นว่าที่ท่านทูต ซ้ำยังรวยกว่าสารัตถ์หลายเท่า นันทวดีทนไม่ได้ที่เห็นนุชรีได้ดีกว่าตนจึงหาเรื่องทะเลาะกับสารัตถ์จนเขาโกรธระงับอารมณ์ไม่อยู่ตบหน้านันทวดี ทำให้นันทวดีใช้เป็นข้ออ้างขอหย่าและกลับมาอยู่บ้านวิปกรณ์ เมื่อนัดดามาส่งนุชรี นันทวดีที่แสร้งทำเป็นจะออกจากบ้านจึงขอติดรถไปด้วย สีดาไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้ ส่วนนุชรียิ่งหนักเพราะแม้จะพบกันบ่อย ๆ แต่นัดดาก็ไม่เคยเอ่ยว่ารัก นุชรีจึงไม่กล้าคิดไปไกลว่าตนเป็นเจ้าข้าวเจ้าของนัดดา นันทวดีใช้มารยาสร้างความสนิทสนม นัดดาเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่งนันทวดีจึงดูไม่ออกว่านัดดาคิดกับเธออย่างไร แต่เมื่อนัดดายินดีขับรถไปส่งและรอรับเธอกลับจากการทำธุระ นันทวดีก็อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ แต่เมื่อรู้ว่านัดดาขอนุชรีแต่งงาน เธอจึงคิดวางแผนทุกอย่างเพื่อจะแย่งนัดดามาให้ได้ โดยหลอกล่อนัดดามาที่บ้านแล้ว ชงเหล้าผสมยาจีนชนิดหนึ่งให้ หลังดื่มเหล้าหมดแก้วนัดดาก็รู้สึกถึงอารมณ์ประหลาด กลิ่นหอมของนันทวดีทำให้เขาหยุดความปรารถนาไว้ไม่อยู่ทำให้เขาล่วงเกินนันทวดีตามแผนสร้อยสอางค์ นัดดาเสียใจกับสิ่งที่เขาทำลงไปมาก แต่เขาก็โล่งใจเมื่อนันทวดีเอ่ยปากว่ารักเขามากและไม่อยากให้นุชรีเสียใจเป็นครั้งที่สอง เธอจะเก็บเรื่องทั้งหมดเป็นความลับและขอแค่นัดดามาหาเธอบ้างก็พอ คำหลอกลวงของนันทวดีทำให้นัดดาซึ้งใจในความเสียสละ ด้วยความรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปนัดดาจึงยังคงไปหานันทวดี และความรู้สึกผิดของทั้งสองก็จบลงบนเตียงนอนทุกครั้ง ด้านนันทวดีก็พยายามจะให้นุชรีรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับนัดดาให้ได้ นันทวดีจะทำลายความรักระหว่าง นันดา กับ นุชรี ได้หรือไม่ และความรักระหว่างนุชรีกับนัดดาจะลงเอยเช่นไรต้องติดตามชม ละครกุหลาบไร้หนาม ทุกวันพุธ - พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ละครกุหลาบไร้หนาม เริ่มตอนแรกวันพุธที่ 14 กรกฎาคม 2553

คู่เดือด 2553

คู่เดือด (2553/2010) คู่เดือด น้ำงาม อำเภอชายแดนทางภาคเหนือของประเทศ ดินแดนบริสุทธิ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ ผู้คนที่มีน้ำใจโอบอ้อมอารี ดินแดนที่มีแม่น้ำสายใหญ่กั้นเขตแดนระหว่างเพื่อนบ้านอีกสองประเทศต่างคบค้าสมาคมกันฉันพี่น้องมาเนิ่นนาน ในหมู่บ้านมีวัดถ้าผาน้ำไหลที่เป็นวัดเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ และมีเด็กชายดำตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ถูกสายใจแม่บังเกิดเกล้ามาทิ้งไว้ให้หลวงพ่อสิงโตที่เป็นเจ้าอาวาสเลี้ยงก่อนจะหนีไปอยู่กับสามีใหม่ หลวงพ่อสิงโตเลี้ยงให้ดำเติบโตมาด้วยความไม่บกพร่องทางจิตใจ พร้อมกับสอนศิลปะป้องกันตัวไม่ว่าจะเป็นมวยไทยกระบี่กระบอง ซึ่งเป็นวิชาที่หลวงพ่อมีติตัวมาตั้งแต่ยังไม่บวชได้ถูกถ่ายทอดให้ดำจนหมด

น้ำตาลไหม้ 2552

น้ำตาลไหม้ (2552/2009) “ปวัน” (อธิชาติ ชุมนานนท์) ได้รู้จักกับสาธร (มนตรี เจนอักษร) หนุ่มใหญ่ที่ดูจะเป็นคนกว้างขวางในสถานที่เที่ยวกลางคืน และสาธรก็ได้ช่วยปวันไว้จากการมีเรื่องกับฝรั่งที่เมาเหล้า ปวันรู้สึกถูกชะตาจึงชวนไปดื่มต่อ สาธรเมามาก ปวันจึงพาไปพักที่บ้านตัวเอง และพาไปส่งบ้านในตอนเช้าเขาจึงรู้ว่าสาธรเป็นข้าราชการที่มีตำแหน่งสูงและ ท่าทางภูมิฐานผิดจากที่เห็นเมื่อคืน “พาณี” (ดวงใจ หทัยกาญจน์) เป็นน้องสาวของ “พิมลา” (อรสา พรหมประทาน) แม่ของปวัน ไม่ค่อยชอบใจสาธร พาณี เป็นคนเลี้ยงดูปวันมาตั้งแต่คลอดเพราะพิมลาร่างกายอ่อนแอ พาณีหลงรัก “พนานต์” (กษมา นิสสัยพันธุ์) และได้เสียกันโดยที่พิมลาก็รู้เรื่อง หลังจากที่พิมลาตายพาณีก็อยู่กับพนานต์ จนกระทั่งเขามีผู้หญิงเข้ามาเรื่อยๆและสามีของหญิงที่ไปติดพันยิงตาย ปวันถูกส่งไปเรียนเมืองนอกเมื่อกลับมาจึงสนิทกับพาณีมาก ปวันรู้สึกถูกใจ “ธุมา” (ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ) สาวสวยนักออกแบบของบริษัท เขาสนใจเธอในขณะที่เธอก็พอใจเขาเช่นกัน แต่ปวันกลับไปเช็คประวัติของธุมาจึงรู้ว่าเธอแต่งงานแล้ว โดยที่สามีกำลังทำปริญญาเอกอยู่ที่อเมริกา ปวันตัดสินใจถอยออกห่างจากธุมา ส่วน “แจ้งหล้า” (พศิน เรืองวุฒิ) ทนายความเพื่อนของปวันที่ขับรถชนรถของธุมาก็ถูกใจเธอแต่เมื่อรู้ว่าเธอแต่ง งานแล้วก็ตัดใจ ติดตามต่อได้ใน น้ำตาลไหม้

ลูกไม้เปลี่ยนสี 2552

ลูกไม้เปลี่ยนสี (2552/2009) น้ำ ทิพย์นักศึกษาแพทย์ปีสุดท้ายมีความรักอยู่กับชาตรี ซึ่งเป็นนักศึกษาแพทย์ด้วยกันและได้วางแผนอนาคตว่าจะแต่งงานกันทันทีเมื่อ เรียนจบ ความรักของทั้งสองดำเนินไปโดยไม่มีปัญหาใดๆจนถึงวันที่น้ำทิพย์แนะนำให้ ชาตรีรู้จักกับฤทัย ฤทัยเป็นคนสวยมีเสน่ห์และคบอยู่กับบัญชา ที่มีฐานะยากจน ฤทัยจึงคิดจับชาตรีที่พรั่งพร้อมกว่า โดยแกล้งมาปรึกษาปัญหาหัวใจกับน้ำทิพย์เพื่อหวังจะได้ใกล้ชิดชาตรีมากขึ้น ชาตรีเริ่มหวั่นไหวและเผลอใจไปมีความสัมพันธ์กับฤทัยในที่สุด ฤทัยรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง จึงบอกเลิกบัญชาและอ้างว่าลูกในท้องเป็นลูกของชาตรี น้ำ ทิพย์รู้เรื่องระหว่างชาตรีกับฤทัยจึงซึมเศร้าและเจ็บปวดมากจนกลายเป็นโรค เครียดจนเรียนหนังสือต่อไม่ได้ ประสพเพื่อนร่วมห้องเดียวกันที่แอบรักน้ำทิพย์ต้องคอยปลอบใจ น้ำทิพย์ใช้ความรักที่ประสพมีให้เธอเป็นเงื่อนไขในการบังคับให้เขาซึ่งเป็น แพทย์ฝึกหัดประจำธนาคารเก็บน้ำเชื้อ ขโมยน้ำเชื้อของชาตรีที่ได้บริจาคไว้ออกมา น้ำทิพย์ท้องจึงกลับไปอยู่ที่บ้านสวน สร้างความอับอายให้น้ำเงินผู้เป็นแม่ แม่ตรอมใจตายด้วยความผิดหวัง ชีวิตของน้ำทิพย์จึงเหลือเพียง ลุงทองดี ป้ามาลัย โดยที่ประสพยอมรับเป็นพ่อของเด็กในท้อง ในขณะที่ชาตรีได้แต่งงานกับฤทัย หลังจากเรียนจบแพทย์ น้ำทิพย์ยังติดตามข่าวคราวของชาตรีกับฤทัยด้วยความแค้นจนกลายเป็นคนเครียด ถึงขั้นโรคจิต ติดตามต่อได้ใน ลูกไม้เปลี่ยนสี

สู้ยิบตา 2552

สู้ยิบตา (2552/2009) ผู้ใหญ่ผ่าน ผาตั้ง บ้านวังม้า ไม่พอใจสมนึกลูกน้องของเสี่ยเว้ง (วิชัย ชนะค้า) ที่เตือนชาวบ้านไม่ให้ขายที่ดิน ผ่านสั่งผู้ใหญ่ขจร ผู้ใหญ่บ้านดงสะท้อน ให้ส่งลูกสมุนขุนและเรืองรุมกระทืบสมนึกจนเจ็บปางตาย ผ่านโดนลอบยิงคนที่น่าสงสัยคือเสี่ยเว้ง ชีวิน ชุมพร ตัดสินใจพาอุษาและปอนด์กลับบ้านวังม้าหลังเจอพิษเศรษฐกิจ ทั้งคู่ตั้งใจมาสร้างครอบครัวบนที่ดินที่ชีวินได้รับมรดก ช้อยดีใจที่ลูกชายกลับบ้าน ผ่านมาขอเจรจาซื้อที่ดินจากชีวิน แต่ถูกปฏิเสธเขาถูก ชู แจ่ม และเมาลูกน้องของผ่านยิงเสียชีวิต อุษาทั้งเสียใจและเสียขวัญแต่ไม่ยอมแพ้ กริช กรีฑา เพื่อนบ้านที่มีไร่ติดกันมาพบอุษา ทั้งคู่ถูกชะตากันทันทีและเริ่มไปมาหาสู่กัน กริชได้เจอกับสารวัตประชิด เชิงรุก เพื่อนสมัยเรียน กริชได้ให้ข้อมูลเรื่องกว้านชื้อที่ดินและได้รื้อฟื้นคดีอุษาขึ้นมาใหม่ อุษามีความหวังอีกครั้งเธอเปิดร้านอาหารและขนมเพื่อเสริมรายได้ ผ่าน ผวน และกล้า มาที่ไร่ของอุษาได้เจอกับกริชก็ส่งลูกน้องขจรเข้าไปหยั่งเชิง ยามค่ำคืนกรีชไม่ทันระวังตัว โดนลูกน้องของขจร 4 คนทำร้ายปางตาย โดยมีลุงผุยและนุ่นคอยดูแล เมื่อกริชอาการดีขึ้นก็กลับไปเล่นงานทั้ง 4 คน ผ่านใส่ความว่ากริชหาเรื่อง กริชได้ทีจึงบอกว่า 4 คนนี้รุมทำร้ายและขับไล่ตนออกจากวังม้า ติดตามต่อได้ใน สู้ยิบตา

หน้ากากดอกซ่อนกลิ่น 2552

หน้ากากดอกซ่อนกลิ่น (2552/2009) หน้ากากดอกซ่อนกลิ่น เป็นเรื่องราวของ แสนภูมิ (อั้ม อธิชาติ) รีบกลับจากเมืองนอกทันทีที่รู้ว่า สันต์ เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลัน มาลีวรรณ (ธัญญ่า ธัญญเรศ) ภรรยา ของพ่อจัดการงานศพทุกอย่างแทนแสนภูมิ และรอให้เขากลับมาเผา เพราะพินัยกรรมจะถูกเปิดทันทีที่เผาศพ ในอีก 100 วันข้างหน้า แสนภูมิใช้เวลาที่เหลือเที่ยวเตร่จนมาถูกตาต้องใจกับ รมณีย์ (เมจิ พิมพ์อักษิพร) หลานสาวของ สกัด (ชินทัพพ์) ซึ่ง มาลีวรรณเป็นคนแนะนำเพื่อหลอกล่อให้แสนภูมิเข้าแข่งรถที่พัทยา ระหว่างทาง แสนภูมิเห็นอุบัติเหตุรถชน จึงรีบลงไปช่วยจนชายคนนั้นปลอดภัย แต่ไม่ทันได้รับคำขอบคุณจาก ใบเตย (นุ่น ศิรพันธ์) ผู้เป็นลูกสาว ติดตามต่อได้ใน หน้ากากดอกซ่อนกลิ่น

ทางช้างเผือก 2551

ทางช้างเผือก (2551/2008) คุณนายสมถวิล เป็นคนร่ำรวยใจบุญ ชอบอุปการะเลี้ยงเด็กหญิงกำพร้า ดารินทร์ เด็กหญิงกำพร้าถูก ฟองจันทร์ เจ้าของซ่องนำมาให้คุณนายสมถวิลดูแล แต่ เบญจา ลูกสาวคนเดียวไม่เห็นด้วย คุณนายสมถวิลมีลูก 2 คน บุญชนะ ลูกชายคนโตเป็นคนอ่อนแอ เรียบร้อย เงียบขรึม ซึ่งตรงข้ามกับ เบญจา หลังจากที่บุญชนะฆ่าตัวตาย คุณนายสมถวิลจึงต้องเลี้ยง วรัณ และ วาม ซึ่งเป็นลูกของบุญชนะ เบญจาพยายามผลักดันให้ เปรมสุดา ลูกสาวของตนขึ้นเป็นหลานรักของสมถวิล แต่เปรมสุดาไม่สนใจ สมถวิลให้ สุรีย์ เด็กกำพร้ารุ่นแรกดู วารินทร์ โดยมี เอื้องคำ เป็นผู้ช่วย สมถวิลไว้ใจสุรีย์มากจึงทำให้เบญจาไม่พอใจ เมื่อเวลาผ่านไปวรัณเป็นหนุ่มเต็มตัว เกเรไม่สนใจเรียน เกลียดผู้หญิงเพิ่มมากขึ้น เปรมสุดาชอบหมกตัวอยู่กับเพื่อน วามก็ยิ่งเงียบขรึม เวลาที่ไม่พอใจอะไรก็จะไปลงที่เปียนโน สมถวิลจึงหาครูมาสอนให้เป็นเรื่องเป็นราว ดารินทร์เห็นเปรมสุดานั่งกอดจูบกับเพื่อนสาว เมื่อเบญจาทราบเรื่องจึงส่งลูกสาวไปเรียนต่อเมืองนอกกับวรัณ แต่วามต้องการเรียนดนตรีที่มหาวิทยาลัยศิลปกรหยาดทิพย์ ราชปาล สม ถวิลยังคงสนับสนุนเด็กในอุปการะ จึงทำให้เบญจาไม่พอใจคิดว่าเด็กจะปอกลอกแม่ของเธอ ส่วนวามจะกับมาเยี่ยมย่าทุกเดือน ดารินทร์ก็รอวามกลับมาเพื่อที่จะฟังวามเล่นเปียนโน หลังจากไปเมืองนอกหลายปีวรัณและเปรมสุดาก็กลับมาบ้าน วรัณใส่ร้ายวามว่าเป็นเกย์ เพราะพาเพื่อนฝรั่งมาพักที่บ้าน สมถวิลสืบรู้ว่า นอร์แมน มีภรรยาแล้วจึงโล่งใจ ที่มาอยู่ด้วยกันเพราะช่วยกันทำงานเพลง วรัณกลับมาอยู่บ้านและมีพฤติกรรมทำร้ายเด็กสาวขายตัวหลังจากร่วมหลับนอน วาม ส่งตั๋วคอนเสิร์ตที่เค้าแสดงมาให้ สมถวิลจึงชวนดารินทร์ไปดูทำให้เบญจาไม่พอใจ วามแสดงได้ดีมากทำให้ดารินทร์ปลื้มเขามากยิ่งขึ้น ขณะกลับบ้านดารินทร์โดน นายรับ พ่อของเธอจับตัวไปขายที่โรงงานนรก ดารินทร์จึงคิดหาทางหนี วันหนึ่งเพื่อนสนิทที่โรงงานปวดท้องจนตาย ดารินทร์รู้จึงทำเป็นปวดท้องบ้าง เจ้าของโรงงานกลัวเธอจะตายจึงพาส่งโรงพยาบาล และขอความช่วยเหลือจากหมอและแจ้งตำรวจ ดารินทร์จึงรอดออกมาได้ วามและสมถวิลจึงรีบมารับ จึงทำให้เบญจาเกลียดดารินทร์มากขึ้น เพราะแม่ให้ความสำคัญกับดารินทร์มากกว่าเปรมสุดา วรัณกลับจากเมืองนอกและมาช่วยดูแลที่ศูนย์การค้า ต๊ะ-วริษฐ์ ทิพโกมุทวรัณ เริ่มเที่ยวและไปยุ่งกับผู้หญิงที่ซ่อง ฟองจันทร์จึงมาฟ้องสมถวิลทำให้อาการโรคหัวใจกำเริบ ดารินทร์สอบเข้าคุรุศาสตร์ได้ วามเริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีปัญหาทางจิต และคิดว่าวรัณต้องเป็นเช่นกันจึงชวนไปพบจิตแพทย์ แต่วรัณไม่ยอมไปจึงทำให้อาการหนักขึ้น สมถวิลสั่งไม่ให้วรัญไปเที่ยวที่ซ่องอีก เมื่อไม่มีทางออกวรัณจึงไปข่มขืนเอื้องคำจนท้อง สมถวิลจึงให้ทั้งคู่แต่งงานกัน ในวันส่งตัววรัณมีปากเสียงกับสมถวิล จึงขับรถออกไปชนสะพานเสียชีวิต สมถวิลโทษว่าเป็นความผิดของเธอ จึงทำให้อาการทรุดหนักและอีกไม่กี่วันก็ตาย ในงานศพดารินทร์ได้รู้จักแม่ของวาม เมื่อวามเห็นแม่จึงขังตัวอยู่ในห้องที่พ่อฆ่าตัวตาย วิภาดาขอร้องให้ดารินทร์ช่วยพาวามออกมาหาเธอ โดยบอกว่าเธอป่วยหนักอยากบอกความจริงกับลูกก่อนตาย เธอเล่าความจริงว่าที่มีชู้เพราะบุญชนะหมดสมรรถภาพทางเพศ จึงทำความผิดอย่างไม่ตั้งใจ วามไม่ฟังกับทำร้ายดารินทร์ วามออกจาก บ้านให้เบญจาดูแลกิจการทั้งหมด สุรีย์ขอทุนไปเรียนต่อเมืองนอก ดารินทร์ไปเป็นครูบนเขา เมื่อเอื้องคำคลอดลูกก็เสียชีวิต วามไปหาแม่ในวันสุดท้ายก่อนเธอจะตาย แม่ขอให้วามยกโทษให้ วามจึงกลับมาบ้านทุกอย่างดูโทรมและตั้งใจว่าจะฟื้นฟูโรงเรียน เมื่อวามรู้ว่าดารินทร์ไปเป็นครูอยู่บนเขา จึงรีบตามขึ้นไปและขอโทษในสิ่งที่ทำผิด และขอให้ดารินทร์ไปช่วยฟื้นฟูโรงเรียน จากความใกล้ชิดจึงทำให้วามขอวารินทร์แต่งงาน และทั้งคู่ก็แต่งงานและมีลูกด้วยกัน กัญดา ชลชีวะ

ร่ายริษยา 2550

ร่ายริษยา (2550/2007) อินทัช นักแต่งเพลงชื่อดังถูก ทำนุ และอำภา ผู้เป็นพ่อแม่ เร่งรัดให้แต่งงานกับ มุกริน ลูกสาวของ ปราโมทย์ และราตรี อินทัชไปพักสมองที่ “แทนรักรีสอร์ท” ซึ่ง แพรใจ เป็นผู้บริหาร ทำให้ทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกันจนเกิดเป็นความรัก ความรักทั้งคู่จะไปด้วยดี หากไม่มี พันทวี ผู้จัดการฝ่ายดูแลลูกค้าของเอเยนซี่ชื่อดังและ นพดล ผู้ช่วยแพรใจที่ ปวีร์ และเบญจา พ่อและแม่ของหญิงสาวให้การอุปการะตั้งแต่เล็ก คอยสร้างความแคลงใจให้ แต่ด้วยความมั่นคงอินทัชจึงสู่ขอแพรใจ แม้ว่าทำนุและอำภาจะไม่ต้อนรับสะใภ้ ความสัมพันธ์ของอินทัชและแพรใจทำให้มุกรินที่หลงรักอินทัชหาเรื่องใส่ร้าย แพรใจ จนกระทั่งอินทัชมีโอกาสแต่งเพลงให้ ปาลิตา ลูกสาว นายหัวปยุต และลักษณา เจ้าของธุรกิจทัวร์ครบวงจรของภาคใต้ ข่าวคราวของปาลิตาทำให้แพรใจ จำได้ว่าปาลิตาคือคู่อริของเธอสมัยเรียน เมื่อปาลิตารู้ว่าแพรใจคือมารความรักแถมยังเป็นคู่อริในวัยเด็ก ยิ่งพยายามทำทุกทางที่จะได้อินทัชมาครอบครอง จนอินทัชเริ่มหลงเสน่ห์ของปาลิตา ติดตามต่อได้ใน ร่ายริษยา

แหวนดอกไม้ 2550

แหวนดอกไม้ (2550/2007) พัดยศ ประมุขของบ้านใหญ่กลางกรุง ซึ่งกำหนดให้บรรดาลูกๆ ทั้ง 5 คนต้องสร้างครอบครัวอยู่ใกล้ๆ ในบริเวณเนื้อที่ผืนเดียวกัน เครือเถา ลูกสาวคนโตนั้นประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมสามี ทิ้งลูกสาวชื่อ ตุ้งติ้ง ซึ่งกำลังวัยรุ่นเต็มตัวไว้ในความดูแลของคุณตาและน้าๆ ลูกชายคนรอง ข้าวบิณฑ์ จึงเลื่อนอันดับเป็นพี่ใหญ่ของบ้านโดยปริยายและมีภรรยาชื่อ สายฟ้า ผู้เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติแม่ศรีเรือน

เทพธิดาขนนก 2550

เทพธิดาขนนก (2550/2007) ปอแก้ว สาวนักเรียนนอกมาดคุณหนู ถูกบูรพาและพรทิพย์ สองสามีภรรยาเจ้าของค่ายเทปบูรพามีเดียกรุ๊ป ส่งไปเรียนต่อต่างประเทศ จนเรียนจบปริญญาตรีจึงกลับมาเมืองไทย บูรพาและพรทิพย์หวังให้ปอแก้วทำหน้าที่ดูแลค่ายเทปต่อจากทั้งคู่ ปลายอ้อ สาวบ้านนาเดินทางเข้ากรุงเทพฯทันที่ที่ชนะการประกวดแข่งขันร้องเพลงลูกทุ่ง แต่ปลายอ้อก็ต้องสูญเสียแม่ซึ่งสั่งเสียก่อนตายให้ไปแก้แค้นแทนเผ่าพงศ์ พ่อของปลายอ้ออดีตขุนพลเพลงลูกทุ่งที่ถูกบูรพา อดีตผู้จัดการวงและผู้จัดการส่วนตัวหักหลังยึดวงแล้วฆ่าพ่อของปลายอ้อทิ้ง โดยผู้ที่รู้ความลับนี้แต่เพียงคือ มนต์รัช ครูเพลงคู่บุญของเผ่าพงศ์ที่หายไปจากวงการเพลงลูกทุ่ง ปลายอ้อเดินทางเข้ากรุงเทพฯพร้อมทิดบุญทิ้ง ทั้งคู่ไปรอพบบูรพาที่ค่ายเทปแต่ถูกไล่ออกมา คนขับรถของบูรพาแนะนำให้ไปดักพบที่เทวาคาเฟ่ สถานบันเทิงที่บูรพามักจะไปบ่อยๆ ปลายอ้อจึงไปสมัครงานที่เทวาคาเฟ่ และได้เจอกับคนที่ทำงานในเทวาคาเฟ่มากมาย ทั้ง วันเพ็ญ อดีตนักร้องดาวรุ่งแต่ปัจจุบันขายยำอยู่หน้าเทวาคาเฟ่, ตึ๋ง แฟนเด็กของวันเพ็ญ 3 สาวนักร้องประจำเทวาคาเฟ่ มี เกวลี แววเดือน และ เพียงฟ้า ปอแก้วกลับมาเมืองไทย แต่วันที่พรทิพย์จัดงานเลี้ยงต้อนรับ บูรพากลับไม่อยู่ในงานแต่ไปนั่งดูนักร้องที่เทวาคาเฟ่แทน ปอแก้วพอทราบจึงปวดหัวอย่างรุนแรงทำให้หมดสติ ศุภกฤต นักข่าวบันเทิงประจำหนังสือพิมพ์วันศุกร์บันเทิงมาทำข่าวเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้น จึงได้เจอปลายอ้อ ที่อยู่ในเหตุการณ์ ปลายอ้อสอบถามเรื่องปอแก้วจากศุภกฤตจนทราบเรื่องทั้งหมด ปลายอ้อเริ่มวางแผนจะทำลายตระกูลนี้ทันที ปอแก้วโกรธมากที่เรื่องนี้เป็นข่าวร้อนในวงการบันเทิง จึงตามจะไปเอาเรื่องกับศุภกฤต ในขณะที่บูรพายังแวะเวียนมาที่เทวาคาเฟ่จนได้เจอกับปลายอ้อ ปลายอ้อใช้มารยาอ้อนให้บูรพาผลักดันให้เป็นนักร้อง แต่เพียงฟ้าอดีตคู่ขาเก่าของบูรพาได้ยินจึงนำเรื่องไปบอกพรทิพย์ ปอแก้วทราบจึงตามมาราวีปลายอ้อ แต่บูรพากลับไม่สนใจและรับปลายอ้อเป็นนักร้องในเทวาคาเฟ่พร้อมสัญญาว่าจะพา เข้าเป็นนักร้องในค่าย แต่แสงโสม สาวใหญ่ที่ทำหน้าที่ดูแลนักร้องในค่าย สั่งห้ามโปรดิวเซอร์ทุกคนทำงานเพลงให้ปลายอ้อตามคำสั่งของปอแก้ว วันเพ็ญล้มป่วย ปลายอ้อพาวันเพ็ญไปหาหมอ วันเพ็ญเห็นน้ำใจของปลายอ้อจึงแนะนำให้ปลายอ้อไปสมัครประกวดร้องเพลง ชิงตำแหน่ง “ เทพธิดาขนนก” โดยจะช่วยฝึกฝนให้ ปลายอ้อตัดสินใจลงสมัครพร้อมๆ กับตามหาตัวครูมนต์รัช ที่กุมความลับเรื่องบูรพาไว้ ครบรอบปีการเสียชีวิตของเผ่าพงศ์ ในวันนั้นมีการจัดงานรำลึกอย่างยิ่งใหญ่ มีนักร้องลูกทุ่งรุ่นเก่าชื่อดังมากมายมาร่วมงาน รวมถึงครูเพลงชื่อดัง ไม่เว้น ครูมนต์รัช ที่หายไปจากวงการเพลงลูกทุ่ง โดยมนต์รัชขึ้นไปร้องเพลงที่แต่งให้เผ่าพงศ์ร้องจนโด่งดัง ปลายอ้อจำได้ทันทีว่าเป็นเพลงของพ่อ จึงวิ่งไปหามนต์รัช แต่ว่าบูรพาก็ส่งคนมาฆ่ามนต์รัชเช่นกัน โชคดีที่ศุภกฤตและทรงภพนักข่าวรุ่นพี่ที่ไปทำข่าวช่วยไว้ได้ทัน มนต์รัชจึงเล่าเรื่องราวในอดีตว่า เผ่าพงศ์ มิได้ตายเพราะอุบัติเหตุแต่ถูกฆาตกรรมโดยบูรพา ศุภกฤตสนใจจึงไปพบพลตำรวจตรีทะนง เจ้าของคดี เพื่อขอข้อมูลนอกจากนี้ศุภกฤตยังทำเป็นจีบปอแก้ว เพื่อหาทางเข้าค่ายเทปบูรพาให้สะดวกขึ้น ปอแก้วตัดสินใจหัดเป็นนักร้องเพราะต้องการเอาชนะปลายอ้อ แต่กลับยิ่งทำให้สุขภาพของปอแก้วกลับแย่ลงเรื่อย ๆ ในขณะเดียวกันบูรพาส่งคนออกตามหามนต์รัชให้เจอ ปอแก้วออกเทปชุดแรกโด่งดังกว่าปลายอ้อ แถมปอแก้วยังรู้เรื่องที่ปลายอ้อไปสมัครประกวดร้องเพลงจึงตัดสินใจลงสมัคร แข่งขันด้วย ปลายอ้อใช้มารยาหลอกศุภกฤตให้พาไปพบมนต์รัช เมื่อได้พบปลายอ้อบอกกับมนต์รัชว่าตนเป็นลูกของเผ่าพงศ์ พร้อมนำหลักฐานทุกอย่างที่มีให้มนต์รัชดู โดยเฉพาะจดหมายของแม่ เผ่าพงศ์เชื่อว่าปลายอ้อคือลูกของเผ่าพงศ์จริงจึงตัดสินใจจับปากกาแต่งเพลง อีกครั้งเพื่อปลุกปั้นปลายอ้อ และเมื่อเทปของปลายอ้อชุดที่สองวางแผง ก็โด่งดังจนกลบกระแสเพลงของปอแก้ว ปอแก้วทราบว่ามนต์รัชแต่งเพลงให้ปลายอ้อจึงขอให้ศุภกฤตพาไปพบมนต์รัช แต่พอมนต์รัชทราบว่าปอแก้วเป็นลูกของบูรพาจึงไม่สนใจใยดี ปอแก้วกลับไปด้วยความผิดหวังจึงหักโหมซ้อมเพลงจนเข้าโรงพยาบาล ทุกคนจึงทราบว่าปอแก้วป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมอง ครบปีของการเสียชีวิตของแม่ปลายอ้อ ปลายอ้อกลับไปกราบอัฐิแม่ที่บ้านเกิด เป็นจังหวะที่ปอแก้วขอร้องให้ศุภกฤตพาไปพบมนต์รัชอีกครั้ง แต่เพราะความอ่อนเพลียทำให้ปอแก้วเป็นลม เมื่อมนต์รัชไปช่วยจึงเห็นรอยแผลเป็นที่กลางของปอแก้ว จึงทราบทันทีว่าปอแก้วคือลูกคนเล็กของเผ่าพงศ์ที่ทุกคนนึกว่าตายพร้อมเผ่า พงศ์ แต่ทำไมกลายเป็นลูกของบูรพากับพรทิพย์ มนต์รัชยังไม่ได้บอกใครในเรื่องนี้ แต่ตัดสินใจแต่งเพลงให้ปอแก้ว แล้วถามปลายอ้อว่าแม่ได้พูดถึงน้องบ้างหรือไม่ ปลายอ้อตอบว่าแม่เคยพูดว่าตนมีน้องสาวแต่ตายไปนานแล้ว พลตำรวจตรีทะนงรื้อคดีเผ่าพงศ์มาทำได้สำเร็จ จึงเรียกตัวบูรพามาสอบปากคำ ในวันเดียวที่ปลายอ้อและปอแก้วต้องขึ้นเวทีประกวดชิงตำแหน่งเทพธิดาขนนก กรรมการยังลงมติไม่ได้ว่าจะให้ใครเป็นผู้ชนะ เพราะทั้งคู่ทำคะแนนได้เท่ากัน จึงต้องร้องเพลงตัดสินอีกเพลงปลายอ้อแอบรู้มาว่าบูรพาถูกเรียกตัวไปสอบปากคำ จากศุภกฤต จึงไปบอกปอแก้ว ปอแก้วตกใจจนไม่สบายขึ้นมาอีกทำให้ปลายอ้อได้รางวัลไปอย่างง่ายดาย บูรพาตกเป็นผู้ต้องหาเพราะศุภกฤต ทรงภพ และพลตำรวจตรีทะนงสืบทราบว่า แสงโสมคือคนที่รู้เรื่องที่บูรพาสั่งฆ่าเผ่าพงศ์ จึงรีบรุดไปหาแสงโสม แสงโสมกลัวติดคุกจึงสารภาพ มนต์รัชที่เดินทางไปด้วยถามแสงโสมเรื่องปอแก้ว ทำให้ทั้งหมดทราบว่า ปอแก้วคือลูกของเผ่าพงศ์ และยังเป็นน้องสาวของปลายอ้อ บูรพาหาทางหลบหนีด้วยการจับปอแก้วเป็นตัวประกัน แต่ศุภกฤตมาช่วยไว้พร้อมเล่าความจริงทั้งหมดให้ฟัง บูรพาจึงสั่งลูกน้องให้จับปลายอ้อเป็นตัวประกันแทน มนต์รัชจะเข้าไปช่วยแต่ถูกจับเป็นตัวประกันพร้อม ๆ ปลายอ้อ มนต์รัชจึงบอกว่าปอแก้วเป็นน้องแท้ ๆ ของปลายอ้อให้ปลายอ้อทราบ ปลายอ้อช็อคที่คนที่ตนหวังใช้เป็นเครื่องมือแก้แค้นกลับเป็นน้องสาวสายเลือด เดียวกัน ส่วนปอแก้วก็หัวใจสลายเมื่อรู้ว่าบูรพากลับคิดจะฆ่าตนแถมพรทิพย์ยังมาเสีย ชีวิตเพราะหัวใจกำเริบ วันที่ปลายอ้อต้องขึ้นรับรางวัลเทพธิดาขนนก เป็นวันที่ปอแก้วต้องเดินทางไปผ่าตัด ปลายอ้อขอให้ปอแก้วมาร่วมงาน ปอแก้วแอบไปร่วมงานก่อนขึ้นเครื่องและได้ยินปลายอ้อพูดถึงเรื่องราวในชีวิต ของปลายอ้อ ที่ทำให้ต้องมาร้องเพลงปลายอ้อมอบรางวัลนี้ให้ปอแก้ว เพราะหน้าที่ของปลายอ้อในการพิสูจน์ความจริงเรื่องการตายของเผ่าพงศ์จบลง แล้ว แต่ปอแก้วไม่ยอมรับ มนต์รัชจึงเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดให้แฟนเพลงรู้ว่า ทั้งปลายอ้อและปอแก้วเป็นลูกของขุนพลเพลงลูกทุ่งเผ่าพงศ์ กรรมการและคนดูทั้งหมดพร้อมใจกันยกรางวัลนี้ให้กับสองพี่น้องปลายอ้อขอให้ ศุภกฤต ดูแลปอแก้ว ให้ดีที่สุดขณะที่ผ่าตัดอยู่ที่ต่างประเทศ ส่วนตนจะขอทำหน้าที่นักร้องลูกทุ่ง รอเวลาที่ปอแก้วจะกลับมาร้อง เพลงร่วมกันในตำแหน่ง “เทพธิดาขนนก” สองพี่น้องต่างจากกันด้วยความรักและความเข้าใจ เพื่อรอวันที่จะกลับมาเป็นเทพธิดาเพลงลูกทุ่งต่อไป

ผู้ใหญ่เห็ด กำนันหอย 2549

ผู้ใหญ่เห็ด กำนันหอย (2549/2006) ตำบลนาดอนได้มีการชิงตำแหน่งกำนัน ปรากฏว่า ผู้ใหญ่หอยแห่งบ้านนาดี ชนะ ผู้ใหญ่ดามพ์แห่งบ้านหนองอีแหล เรื่องนี้สร้างความเจ็บใจให้กับ ประมวล และ บรรทม เป็นอย่างมาก ประมวลจึงให้ เห็ด นักเรียนนอก ลูกสาวคนเดียว ลงสมัครเป็นผู้ใหญ่บ้าน เมื่อเห็ดได้รู้เรื่องราวของกำนันหอยจากคนอื่นๆ ว่า ขวางความเจริญ จึงตัดสินใจลงเป็นผู้ใหญ่บ้าน และได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาพัฒนาบ้านเกิดให้ทันสมัย แต่ก็มักจะไม่ผ่านการอนุมัติจากกำนันหอย เป็นเหตุให้ทั้งคู่ผิดใจกัน เห็ดส่งเจนจัดเพื่อให้ไปดิสเครดิตกำนันหอย แต่ถูก ทิว และ โนรี ชาวบ้านนาดีจับได้และลงโทษ ดังนั้นผู้ใหญ่เห็ดจึงได้ ให้ รฐา หาทางล้มกำนัน รฐารู้สึกคุ้นหน้าเมื่อเจอกับกำนันหอย แต่เธอก็ไม่เห็นด้วยกับการทำงานของกำนันซึ่งดูล้าสมัย ผู้ใหญ่เห็ดแนะนำชาวบ้านให้ใช้รถเหล็กไถนาแทนการใช้กระบือ โดยมี เสี่ยทวีชัย คอยขายให้ แต่กำนันหอยคัดค้านทำให้ นายอำเภอไชยยศ ได้จัดการแข่งขันขึ้นว่าการใช้กระบือกับรถเหล็กอะไรไถนาดีกว่ากัน ซึ่งกำนันหอยชนะขาดลอย สร้างความไม่พอใจกับเสี่ยทวีชัย การทำขวัญข้าวผ่านไปด้วยดี พอถึงถึงช่วงเก็บเกี่ยวชาวบ้านต่างช่วยกันลงแขก ผู้ใหญ่เห็ดและกำนันหอยมีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องของ เทคโนโลยีแทนกระบือ วันหนึ่งขณะที่ผู้ใหญ่เห็ดกับรฐา ขับรถเข้าเมืองรถเกิดมีปัญหาและได้กำนันหอยช่วยไว้ เธอจึงจำยอมไปค้างที่บ้านของกำนันหอย ทำให้เธอก็ได้พบกับวิถีชีวิตเก่าๆของคนที่นั่น ซึ่งเธอไม่สามารถเข้าถึงได้เพราะเธออยากพัฒนาบ้าน และได้ร่วมมือกับเสี่ยทวีชัย เพื่อสร้างรีสอร์ทและสถานที่ท่องเที่ยว เป็นเหตุให้ถูกนายอำเภอตักเตือน เธอคิดว่าเป็นเพราะกำนันหอย เสี่ยทวีชัยรู้เข้าจึงให้ผู้ใหญ่ดามพ์เผายุ้งข้าวของกำนันหอย ทำให้ อุรา แม่กำนันหอยล้มป่วย เข้าโรงพยาบาลหลังจากผู้ใหญ่เห็ดรู้ความจริง จึงไปเยี่ยมพร้อมมอบเงินค่าเสียหายที่ตนยืมจากทวีชัยให้ ผู้ใหญ่ดามพ์ได้ขายที่หนองบัวแดงให้ทวีชัย ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน จนผู้ใหญ่เห็ดไปขอร้องเพื่อชาวบ้าน แต่เสี่ยจะยอมก็ต่อเมื่อเธอเป็นแฟนเสี่ย นายอำเภอทราบเรื่องของผู้ใหญ่เห็ดกับกำนันหอย จึงให้ทั้งสองไปอบรมสัมมนา เห็ดได้เจอกับ ดร.สุชาดา แฟนเก่ากำนันหอย ซึ่งหวังที่จะคืนดีด้วย แต่ต้องผิดหวังเพราะกำนันหอยมีใจกับผู้ใหญ่เห็ด อำภา แกล้งป่วยหวังให้หอยกลับมาอยู่กับตน แต่ต้องผิดหวังเมื่อหอยกลับไปตามหาหัวใจที่บ้านเกิดอีกครั้ง ผู้ใหญ่เห็ดต้องแปลกใจเมื่อเห็นกำนันหอยแสดงวิสัยทัศน์ด้านการเกษตรเหนือ กว่ากำนันอื่นๆ ทำให้เสี่ยทวีชัยคอยป้วนเปี้ยนผู้ใหญ่เห็ด โดยมักแสดงความเป็นเจ้าของอย่างมาก ทำให้ผู้ใหญ่เห็ดเกิดความไม่พอใจและไล่ให้ทวีชัยกลับบ้าน ทำให้เสี่ยทวีชัยแค้น จึงไปแก้แค้นกับที่ชาวบ้าน ซึ่งก็ทำให้ชาวบ้านต้องเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ผู้ใหญ่เลยต้องกลับไปตกลงกับเสี่ยทวีชัย แต่กลับถูกเสี่ยลวนลามแต่โชคดีที่กำนันหอยมาช่วยไว้ได้ทัน หลังจากเรื่องร้ายๆผ่าน กำนันหอยก็ได้แต่งงานกับโนรี และไม่นานก็มีข่าวว่ากำนันหอยถูกโจรทำร้ายจนเสียชีวิต เธอจึงตั้งหน้าตั้งตาทำงานเพื่อเป็นกำนันที่ดีเหมือนกำนันหอย และเมื่อเธอได้ตำแหน่งก็มีปลัดคนใหม่มาแสดงความยินดี เธอก็ตกใจเพราะเขาคือ กำนันหอย ซึ่งเธอคิดว่าเสียชีวิตไปแล้ว

สุดรักสุดดวงใจ 2549

สุดรักสุดดวงใจ (2549/2006) นายสุข อดีตกรรมกรก่อสร้างที่เมียกับลูกเสียชีวิตตอนไฟไหม้บ้าน นับแต่นั้นมานายสุขก็กลายเป็นคนขี้เมายังชีพด้วยการเก็บขยะ และ หาของเก่าขาย นายสุขได้รับความช่วยเหลือจาก นายสุพจน์กับนางเต็มดวง ที่เคยเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง วันหนึ่งขณะที่นายสุขหาของเก่าเพื่อนำไปขาย ก็ได้พบเด็กชาย นอนอยู่ใต้สะพานลอย นายสุขจึงรักใคร่เอ็นดูและรับมาเลี้ยงพร้อมกับตั้งชื่อเด็กคนนั้นว่าสมโชค นาง เต็มดวงต้องช่วยนายสุขดูแลสมโชค จนเมื่อนางเต็มดวงมีลูกสาว 2 คนชื่อ พิมพ์กับแพร จึงได้ว่าจ้างนางเหมือนมาดูแลสมโชค แทนด้วยค่าแรงถูก ๆ เพราะความสงสารนายสุข เด็กทั้ง 3 คนเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน พิมพ์มักช่วยเหลือสมโชคอยู่เสมอ แต่แพรมักจะ สมรู้ร่วมคิดกับ ลิขิตและอ๊อด ที่เรียนอยู่ชั้นเดียวกันคอยกลั่นแกล้งสมโชคอยู่บ่อยครั้ง จนนายสุขปั่นรถซาเล้งไปปาดหน้ารถของนายแพทย์ไชยสิทธิ์ ติดตามต่อได้ใน สุดรักสุดดวงใจ

ตี๋ตระกูลซ่ง 2549

ตี๋ตระกูลซ่ง (2549/2006) เคี้ยง และ กิมเน้ย เคยเป็นเจ้าของคณะเชิดสิงโตมีชื่อ แต่ที่ต้องปิดคณะลงเพราะโดนคณะคู่แข่งซื้อตัวคนเชิดหัวสิงโตไป เคี้ยงจึงได้เปลี่ยนอาชีพมาขายกาแฟอยู่ที่ตลาดเยาวราชเพื่อเลี้ยงดู อากง อาม่า และลูกๆ อีกสี่คนคือ ย้ง พี่ชายคนโตที่ต้องดูแลน้องๆ อีกสามคนคือ หมิง, ฟู่, ไช้ วันหนึ่งอาม่าเกิดล้มป่วยและต้องใช้เงินจำนวนมาก ซึ่งก็พอดีกันกับที่ เจิน ลูกสาวร้านปาท่องโก๋ที่แต่งงานไปกับ หลี่ฟง นักธุรกิจชาวฮ่องกงได้เดินทางกลับมาเยี่ยมครอบครัวของเธอที่เยาวราช และได้รู้เรื่องของเคี้ยงทำให้เธออยากจะช่วยเหลือ เจินเลยขอไช้ไปเป็นลูกบุญธรรม ติดตามต่อได้ใน ตี๋ตระกูลซ่ง

ลมหวน 2549

ลมหวน (2549/2006) วกุล เป็นลูกสาวบุญธรรมของพยาบาลอเมริกันคนหนึ่งชื่อ มิสโรส เซซิล หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ม็อม มิสโรสพบแม่แท้ๆ ของวกุลในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่บังเอิญท้องกับพ่อซึ่งเป็นจิตรกรมีชื่อเสียง แม่ไม่สามารถเลี้ยงลูกที่เกิดนอกสมรสได้จึงยกให้มิสโรสพยาบาลผู้เป็นโสด วกุลทำงานเป็นแอร์โฮสเตสมีเพื่อนร่วมงานที่สนิทชื่อ ทิพยงค์ วกุลกำลังจะลาออกเพื่อย้ายไปอยู่กับมิสโรสที่แม่ฮ่องสอน กัปตันสายการบินจึงแนะนำให้รู้จักกับน้องชายซึ่งเป็นทนายความประจำอยู่ที่โน่นชื่อ วิเชียร วิเชียรมารับวกุลที่สนามบินเชียงใหม่ แล้วพาไปดูบ้านเก่าของครอบครัวเซซิลซึ่งให้เช่าแล้วซ่อมแซมต่อเติมใหม่ ภายหลังมิสโรสมาอยู่เองแล้วทำพินัยกรรมยกที่ดินและบ้านให้กับวกุลก่อนที่เธอจะเสียชีวิต วิเชียรพาวกุลไปดูบ้านเก่าโบราณของสกุลแบรดเล่ย์ ที่เขาเป็นทนายความดูแลด้านกฎหมายให้กับที่นี่ ซึ่งเคยมีสัมปทานป่าไม้กับพม่าในอดีตและบริษัทน้ำมัน มีเครื่องบินส่วนตัว มิสเตอร์แบรดเล่ย์เจ้าของเดิมแต่งงานกับหญิงสาวชาวเขาเผ่าปะหล่อชื่อ ปันสี แต่ทั้งสองเครื่องบินตกเสียชีวิตทั้งคู่ทิ้งลูกชายวัยขวบครึ่งชื่อ ลมหวน ไว้กับ นายเดช พี่ชายของปันสีแม่ของลมหวน และมี แม่ขาว คนเก่าแก่ที่เป็นใบ้หูหนวกชาวปะหล่อคอยติดตามดูแลปรนนิบัติ นายเดชเป็นผู้จัดการมรดกทั้งหมดจากพ่อของลมหวน เพราะตามพินัยกรรมให้เขาช่วยดูแลรับผิดชอบลูกชายวัยขวบครึ่ง วิเชียรเล่าว่าลมหวนเป็นเด็กปัญญาอ่อน นายเดชจึงสร้างโรงพยาบาลส่วนตัวเล็กๆ ทันสมัย มีคนไข้เด็กปัญญาอ่อน 20 กว่าคนพร้อมแพทย์ นักจิตวิทยา พยาบาล โดยไม่เอาตัวไปเข้าโรงพยาบาลของรัฐ ส่วนนายเดชพิการเพราะอุบัติเหตุ มีลูกชายชื่อ เดโช เป็นเพลย์บอยเจ้าสำราญ มักดูถูกและรังเกียจลมหวนว่าไอคิวต่ำ วิเชียรชวนวกุลไปงานเลี้ยงบ้านนายเดชซึ่งเป็นนายจ้าง ทำให้วกุลได้เห็นภาพความงามของหญิงสาวชาวเขาที่เป็นมารดาของลมหวน และบ้านโบราณของตระกูลแบรดเล่ย์ ที่งดงามแบบล้านนาแท้ๆ มีเครื่องดนตรีของปันสีเป็นกีตาร์เก่า ที่วกุลหยิบมาลองเล่นเพราะเธอเล่นกีตาร์ค่อนข้างเก่ง เธอยังติดใจภาพเขียนของปันสีที่ดูมีจิตวิญญาณคอยเฝ้ามองวกุลเหมือนจะร้องไห้และวิงวอนขอความช่วยเหลือ นายเดชเห็นวกุลเล่นกีตาร์ของปันสีก็ไม่พอใจสั่งเก็บเข้าตู้ทันที วิเชียรพาวกุลไปเดินเล่นจนพบกระท่อมตุ๊กตาที่ปันสีรักมาก ตอนท้องหล่อนคิดว่าจะได้ลูกสาวจึงสร้างบ้านตุ๊กตาขนาดเล็กไว้ให้เล่น แม่ขาวหวงบ้านตุ๊กตานี้มาก ไม่ให้ใครมายุ่มย่ามปล่อยให้เถาวัลย์เลื้อยคลุมจนหมด วกุลไม่ทันได้ดูข้างในแม่ขาวก็มาขัดขวางเสียก่อน วกุลกลับบ้านแล้วได้พบความเสียใจมากที่สุดเมื่อรู้ว่าแม่บุญธรรมเสียชีวิตแล้ว วกุลตัดสินใจรับงานเป็นเลขานุการของเดโช แล้วย้ายไปอยู่ที่คฤหาสน์แบรดเล่ย์ วกุลยังคงสนใจบ้านตุ๊กตาเหมือนเดิม และแอบเห็นแม่ขาวและชายแก่ผมหงอกเครายาวทำพิธีแปลกประหลาดในกระท่อมตุ๊กตาตอนกลางคืน วกุลเริ่มใช้ภาษามือพูดกับแม่ขาวและดูแลเมื่อแกป่วยมีไข้สูง เลขานุการของนายเดชชื่อ สมคิด ย้ายมาอยู่ที่คฤหาสน์อีกคนเพื่อเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของวกุล สมคิดยิงปืนแม่นเพราะเคยเป็นตำรวจและถูกให้ออกเพราะรับสินบน วกุลเล่าให้วิเชียรฟังว่าแม่ขาวร้องไห้เมื่อพูดถึงลมหวนว่าเกิดมาปกติทุกประการ แต่นายเดชเอาตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล วิเชียรยืนยันว่าแม่ขาวสติไม่ดี เวลานี้ลมหวนอายุ 25 ปีแล้วยังไม่รู้ประสา น้ำไหลยืด วิเชียรพาวกุลไปพบลมหวน วกุลได้พบกับ หมอพิชิต ที่ดูแลลมหวนและคนไข้กว่า 20 คน ลมหวนอยู่กับคนดูแลชื่อ ชุบ และสมใจ ผู้ช่วยพยาบาล ลมหวนจะกลัวชุบมากเพราะเป็นคนร่างใหญ่กำยำ วกุลได้รู้จักกับนักจิตวิทยาชื่อ เมธี ทั้งสองเป็นมิตรที่ดีต่อกัน วกุลเสนอจะใช้เสียงดนตรีช่วยลมหวนเมธีเห็นด้วย แม่จันทร์ คนงานเก่าแก่ของโรงพยาบาลมาบอกกับแม่ขาวว่า นายเดชไม่ต้องการให้วกุลมาติดต่อกับแม่ขาว และสั่งให้สมคิดมาบอกวกุล วกุลกับเมธีทดสอบทางจิตกับลมหวนพบว่า ลมหวนมีไอคิวปกติ แต่นายเดชรู้เรื่องเสียก่อนเขาพบรายงานของเมธี จึงสั่งทำลายเอกสารและฆ่าเมธี วิเชียรเชื่อวกุลว่าลมหวนปกติเมื่อดูหลักฐานของเมธี แต่กลัวอันตรายจะเกิดกับลมหวน จึงคิดแผนการพาลมหวนหนีไปที่อื่น เดโชบอกว่านายเดชพ่อของเขากำลังจะย้ายไปอยู่เมืองนอก แต่บังเอิญเกิดไฟไหม้ที่โรงพยาบาลเด็กปัญญาอ่อนเสียก่อน ทำให้ลมหวนหนีไปได้พร้อมกับวกุล โดยการช่วยเหลือของ เกี๋ยงคำ เกี๋ยงคำพาวกุลกับลมหวนหนีไปอยู่หมู่บ้านชาวเขาในป่าลึก วกุลกับลมหวนต้องทำงานบ้าน อาบน้ำที่น้ำตกและลำธาร ทำไร่ หาไม้มาทำฟืน วกุลพยายามรื้อฟื้นการใช้ชีวิตใหม่ให้ลมหวนได้รู้จักความจริง ซึ่งเขาไม่เคยรับรู้มาก่อน สมคิดกับเดโชพาพรรคพวกตามไปถึงหมู่บ้านชาวเขา เพื่อฆ่าลมหวนทิ้งตามคำสั่งของนายเดช แต่พวกชาวเขาช่วยป้องกันลมหวนกับวกุลเอาไว้ ลมหวนไม่อยากอยู่ให้พวกชาวเขาเดือดร้อนก็หนีมากับวกุล ระหว่างทางถูกสมคิดกับพวกตามฆ่า ลมหวนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ แต่ตำรวจได้เข้ามาช่วยไว้ทัน และตำรวจได้ปะทะกับพวกของสมคิด และสมคิดถูกตำรวจยิงตาย นายเดชถูกตำรวจจับสำนึกผิดทุกอย่างและฆ่าตัวตายในคุก ลมหวนเข้าบริหารงานในบริษัทด้วยความช่วยเหลือของหลายคน และเข้ารับการศึกษาตามคำแนะนำของวกุล เวลาผ่านไปไม่กี่ปีลมหวนก็เรียนจบปริญญา และเป็นนักธุรกิจได้อย่างสมภาคภูมิ และวกุลก็ไม่ปฏิเสธที่จะแต่งงานกับเขา

รังนกบนปลายไม้ 2549

รังนกบนปลายไม้ (2549/2006) ชุมชนแออัด ตั้งอยู่บริเวณริมทางรถไฟ มีครอบครัวของ เหมือนธาร ซึ่งอาศัยอยู่กับตาสมบุญ กับ ยายดวง และน้องสาว หมายทิพย์ ครอบครัวของเหมือนธารอยู่ได้ด้วยเงินบำนาญของยายและการทำงานไปเรียนไปของ เหมือนธาร กระทั่งวันหนึ่งยายดวงประสบอุบัติเหตุหัวฟาดพื้น ต้องนอนไม่ได้สติ ภาระทั้งหมดจึงตกเป็นของเหมือนธาร เพราะตาสมบูรณ์เองก็พิการ ส่วนหมายทิพย์เป็นเด็กใจแตก ไม่ว่าเหมือนธารจะทำงาน หนักแค่ไหนเธอก็ไม่ท้อด้วยความหวังว่าจะดูแลตากับน้องให้ดีที่สุด เผื่อยายฟื้นขึ้นมาจะได้ภาคภูมิใจในตัวเธอ เหมือนธารถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้าง ทำให้เหมือนธารต้องเปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ ติดตามต่อได้ใน รังนกบนปลายไม้

เลือดสามสี 2548

เลือดสามสี (2548/2005) ปมุต (รอน บรรจงสร้าง) และ เรืองอุไร (รัญญา ศิยานนท์) มีลูกชายด้วยกันสามคน คือ คณิน (วราวุธ บูรพชยานนท์) ชานนท์ (ไชยา มิตรชัย) และนฤนาท (พงค์พิพัฒน์ คงนาค) โดยที่คณินนั้นเป็นคนเรียนเก่ง ไม่เคยทำให้นายปมุตผู้เป็นพ่อต้องผิดหวัง ทำให้เป็นลูกรักของพ่อ ในขณะที่ชานนท์นั้นเป็นลูกชัง เพราะในวันที่ชานนท์เกิด ธุรกิจของปมุตได้ล้มละลาย นายปมุตจึงคิดว่าชานนท์เป็นตัวซวย อีกทั้งชานนท์เป็นคนที่เรียนไม่เก่ง ยิ่งทำให้ปมุตเกลียดชานนท์ขึ้นไปอีก แต่ชานนท์นั้นมีความสนใจในเรื่องของเครื่องยนต์กลไกต่างๆ ส่วนนฤนาทนั้นก็เป็นเพศที่สาม ซึ่งต้องปกปิดไม่ให้พ่อรู้ ทุกครั้งที่ชานนท์โดนพ่อดุด่า หรือทำร้ายมา ก็จะได้รับกำลังใจจาก ตุลยา (เพชรดา เทียมเพ็ชร) หรือติ๊ก เพื่อนสนิท ซึ่งเป็นลูกสาวของร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าแถวบ้าน โดยที่ติ๊กนั้นมีใจให้กับชานนท์อยู่ เรื่องเกิดขึ้นเมื่อคณินสามารถเข้าศึกษาต่อคณะแพทยศาสตร์ได้ ปมุตได้ซื้อมอเตอร์ไซค์ให้เป็นรางวัลกับคณิน แต่วันหนึ่งชานนท์ได้ขี่มอเตอร์ไซค์พาแม่ไปซื้อของที่ตลาด และเกิดอุบัติเหตุ จากอุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้เรืองอุไรผู้เป็นแม่ต้องตาบอด ทำให้ปมุตโกรธชานนท์มาก และชานนท์ได้หนีออกจากบ้านไป ด้วยความเสียใจที่ทำให้แม่ตาบอด ชานนท์ได้คิดจะไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย แต่ก็ได้ ธเนศ (กษมา นิสสัยพันธ์) หนุ่มนักธุรกิจเข้ามาช่วยห้ามไว้และพูดเตือนสติจนชานนท์คิดได้ หลังจากนั้นชานนท์จึงได้ไปอยู่ที่ร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าของติ๊ก และฝึกฝนฝีมือต่างๆ จนเก่ง ต่อมา ปมุตเห็นว่านฤนาทไปเดินแบบที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ทำให้รู้ว่านฤนาทเป็นเพศที่สาม ทำให้ปมุตไม่พอใจมาก ถึงขั้นขังนฤนาทไว้ในห้อง ทำให้ในเวลานั้น สำหรับปมุตแล้ว เหลือคณินแค่คนเดียวที่ยังเป็นลูกที่ดีสุด แต่ลูกที่ดีที่สุดก็กลับทำให้ปมุตต้องผิดหวังอย่างที่สุด เมื่อคณินไปทำ มธุกร (สโรชา วาทิตตพันธ์) แฟนสาวที่ปมุตไม่ชอบท้อง ซึ่งเมื่อมธุกรมาบอกคณิน แต่ได้เกิดความเข้าใจผิดเพราะปมุต ทำให้มธุกรคิดว่าคณินไม่ยอมรับตนและลูกในท้อง มธุกรเสียใจมาก แต่ต่อมานฤนาทก็ได้ช่วยให้มธุกรได้ไปอยู่ที่บ้านของบรรจบ (ญาณี ตราโมท) พี่ชายของปมุตซึ่งเป็นลุง ที่อาศัยกับภรรยาเพียงสองคน และหลังจากนั้นไม่นาน นฤนาทก็ได้ย้ายตามมาอยู่ที่บ้านของลุงอีกคน มธุกรคลอดลูกสาวออกมา ระหว่างนั้น ก็ได้รับความช่วยเหลือจากทั้งชานนท์และนฤนาทที่ต่างก็ทำงานมีเงินเดือนกันแล้ว และในวันหนึ่ง นฤนาทก็ได้พาคณินมาดูหน้าลูกของเขาพร้อมกับปรับความเข้าใจกับมธุกร ที่สุดแล้ว คณินก็ตัดสินใจที่จะออกจากบ้านมาอยู่กับลูกเมียของเขา นั่นทำให้ปมุตเสียใจและผิดหวังอย่างที่สุด ถึงขั้นตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับลูกทั้งสามคน หลังจากนั้นมา ปมุตก็เอาแต่ดื่มสุราจนเมามาย วันเวลาผ่านไป ชานนท์ได้คิดประดิษฐ์เครื่องเตือนภัยจากความร้อนสำหรับคนตาบอด เพราะเคยเห็นแม่ของตนไปแตะโดนกาน้ำร้อนโดยที่มองไม่เห็น และได้ร่วมกับบริษัทของธเนศผลิตสินค้าออกมา และมีบริษัทต่างชาติสนใจขอสั่งซื้อสินค้า แต่ในตอนนั้นเอง ไพศาล (ชัชวาล เพชรวิศิษฐ์ ) รุ่นพี่ของติ๊กที่ชอบดูถูกชานนท์ได้ลอกเลียนแบบเครื่องเตือนภัยนี้ขึ้นมา ทำให้สองบริษัทได้มีการจัดการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องขึ้น ในขณะเดียวกันนั้น พ่อของติ๊กได้เอาหนังสือธรรมะที่เกี่ยวกับพ่อมาให้ปมุตอ่าน ทำให้ปมุตเริ่มเข้าใจสัจธรรม และคิดได้ว่าตนควรจะปฏิบัติตัวเป็นพ่อในแบบไหน ในวันนั้นปมุตได้แอบมาดูการทดสอบประสิทธิภาพนั้นด้วย ซึ่งผลปรากฏว่าชานนท์ชนะ และเมื่อไพศาลจะเข้ามาเอาเรื่องชานนท์ คณินและนฤนาทก็เข้ามาปกป้อง ทำให้ปมุตดีใจที่เห็นลูกทั้งสามคนรักและสามัคคีกัน ต่อมา สามพี่น้องได้กลับไปขอขมาพ่อ โดยที่คณินได้พาลูกเมียไปด้วย ซึ่งปมุตให้อภัยคณินและนฤนาท แต่ยังคงเกลียดชานนท์อยู่ แต่แล้วในวันนั้นเอง ปมุตก็มีอาการโรคหัวใจกำเริบ ต้องส่งโรงพยาบาล ชานนท์ได้พูดความในใจกับนายปมุตโดยคิดว่านายปมุตหลับอยู่ แต่แท้จริงแล้วปมุตได้ยินทุกอย่าง ในวันต่อมา ชานนท์ต้องเข้าพิธีเซ็นสัญญากับบริษัทต่างชาติ และปมุตก็ได้มาในวันนั้นด้วย สองพ่อลูกได้ปรับความเข้าใจกันในที่สุด ชานนท์พาเรืองอุไรไปหาหมอเพื่อรักษาอาการตาบอด ทำให้พบว่าเรืองอุไรหมดโอกาสในการมองเห็นแล้ว เพราะประสาทตาเสียหายไปหมด และถึงแม้เรืองอุไรจะไม่ประสบอุบัติเหตุในคราวนั้นก็ต้องตาบอดอยู่ดี ทำให้ปมุตยิ่งรู้สึกผิดที่โทษชานนท์มาตลอดว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เรืองอุไรตาบอด ท้ายที่สุดแล้ว ชานนท์ได้ซื้อบ้านใหม่ และทุกคนในครอบครัวได้ย้ายไปอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข