บริษัท ทีวีซีน จำกัด
เรื่องย่อ : แม่เลี้ยง (2568/2025) เรื่องราวการแต่งงานที่ถูกชี้หน้าว่าแย่งเขามาของ พลอยแสง (แอน สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์) คุณหนูตระกูลผู้ดีตกยากเพราะครอบครัวล้มละลาย กับ อารัญ นักธุรกิจหนุ่มฐานะดีหลงรักพลอยแสงตั้งแต่แรกเห็น ผู้ชายที่พลอยแสงหวังจับเพื่อเป็นบันไดให้เธอกลับมาสู่ความร่ำรวยอีกครั้ง โดยรู้อยู่แล้วว่าอารัญคือผู้ชายที่ ปณาลี (เข็ม ลภัสรดา ช่วยเกื้อ) รักและกำลังจะแต่งงานด้วย ปณาลีคือเพื่อนสมัยเรียนลูกสาวแม่ค้าขายหมูในตลาดที่ร่ำรวยมาจากการขายที่ดินมรดก แต่ถึงแม้จะรวยขึ้นมา ภูมิหลังที่เป็นลูกแม่ค้าก็ยังถูกเพื่อนเปรียบเทียบกับลูกผู้ดีเก่าอย่างพลอยแสงอยู่เสมอ สร้างความเกลียดชังให้กับปณาลีทำให้เธอคอยหาเรื่องพลอยแสงไม่เว้นวัน พลอยแสงแย่งอารัญมาจากปณาลีได้สำเร็จ โดยไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วอารัญแอบมีลูกกับ กันตา สาวใจแตกที่วางแผนจับอารัญด้วยการปล่อยตัวท้องหวังเงิน อารัญรับแต่ลูกไม่รับแม่และเมื่อเขาแต่งงานกับพลอยแสงจึงบอกความจริงเรื่องลูกติดให้พลอยแสงรู้ พลอยแสงตกกระไดพลอยโจนต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงของ ดารินกานต์ เด็กหญิงวัย 12 ปีไปโดยปริยาย หลังจากแต่งงานกลายเป็นคุณผู้หญิงของบ้านอารัญและเป็นแม่เลี้ยงได้ไม่นาน อารัญสามีที่รักของพลอยแสงก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ทิ้งดารินกานต์ซึ่งยังเล็กและถูกแม่แท้ ๆ คอยเป่าหูว่าแม่เลี้ยงไม่มีทางรักลูกเลี้ยงจริง แถมอารัญยังทำพินัยกรรมมอบอำนาจสิทธิ์ขาดในการดูแลมรดกให้พลอยแสง และจะยกมรดกให้กับดารินกานต์เมื่อไรก็ได้ที่พลอยแสงเห็นสมควร ท่ามกลางความงุนงงของทุกคนว่าทำไมอารัญถึงได้ทำพินัยกรรมแบบนี้ กลายเป็นการตอกย้ำให้ดารินกานต์เข้าใจว่าพลอยแสงไม่หวังดีกับเธอและมรดกของเธอ สร้างความเกลียดชังขึ้นในใจของลูกเลี้ยงและพยายามทุกทางเพื่อจะกำจัดพลอยแสงทวงสมบัติของตนคืน ในระหว่างที่อารัญยังมีชีวิตอยู่ พลอยแสงพา มิริน (อุ้ม อิษยา ฮอสุวรรณ) เด็กสาวรุ่นเดียวกับดารินกานต์ (ลีน่า ลลินา ชูเอ็ทท์) ที่กำพร้าแม่ เธอเป็นลูกของคนขับรถในบริษัทของพลอยแสงที่พ่อติดคุกข้อหาขับรถชนคนตาย มาหาอารัญเช่นเดียวกับตอนที่อารัญพาดารินกานต์มาหาเธอ และขอรับเลี้ยงมิรินไว้ในบ้านอีกคน ดารินกานต์คุณหนูอารมณ์ร้อนเกลียดทั้งพลอยแสงและมิริน เพราะคิดว่าทั้งคู่จะมาแย่งของที่เป็นของเธอไป เด็กทั้งคู่จึงไม่ค่อยลงรอยกัน มิรินเป็นคนกตัญญู และมีวิธีคิดที่ไม่ให้ตัวเองเจ็บปวด จึงอดทนกับดารินกานต์มาได้ โดยเอาความกตัญญูต่อพลอยแสงเป็นที่ตั้ง ความไม่กินเส้นของเด็กทั้ง 2 ยิ่งหนักขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อทั้งคู่ดันชอบพฤทธิ์ (พีค กองทัพ พีค) ลูกชายของมารตีเพื่อนบ้านรั้วติดกัน พลอยแสงให้มารตีช่วยสอนพิเศษให้ดารินกานต์กับมิริน ทำให้ทั้ง 3 คนรู้จักสนิทสนมกันตั้งแต่เด็ก ดารินกานต์กับมิรินชอบพฤทธิ์ทั้งคู่ แต่พฤทธิ์กลับแอบชอบมิรินโดยที่มิรินและดารินกานต์ไม่รู้ มีเพียงมิรินที่เข้าใจไปเองว่าดารินกานต์กับพฤทธิ์ต่างฝ่ายต่างมีใจให้กัน เมื่อเติบโตขึ้นความสัมพันธ์ของทั้ง 3 ห่างหายไปพักนึง หลังพฤทธ์เดินทางไปต่างประเทศกับแม่และครอบครัวใหม่ของแม่ จนในที่สุดเมื่อพฤทธิ์กลับมา ความรู้สึกสมัยเด็กจึงย้อนมาอีกครั้ง ก่อนที่พฤทธิ์จะกลับมาดารินกานต์แอบคบกับ ภูวินทร์ (โบ๊ท ธารา ทิพา) เพราะความว้าเหว่ไม่มีใคร ภูวินทร์คือญาติห่าง ๆ ที่ปณาลีรับเลี้ยงไว้ในบ้าน โดยมีจุดประสงค์ในการอุปการะคืออยากให้ภูวินทร์คอยดูแลรับใช้เธอไปตลอดชีวิต เมื่อพลอยแสงรับเลี้ยงมิรินได้ เธอก็เลี้ยงภูวินทร์ได้และจะเลี้ยงให้ได้ดีกว่า แต่การเลี้ยงภูวินทร์ของปณาลีเป็นการเข้มงวดควบคุมแบบเป็นเจ้าชีวิต ซึ่งภูวินทร์เก็บซ่อนความคับแค้นใจมาโดยตลอดและหาทางเอาคืนปณาลีเช่นกัน ผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตของภูวินทร์ คือคนที่เขาต้องการใช้เป็นเครื่องมือเพื่อความสำเร็จและเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของตน หนึ่งในนั่นก็คือ พลอยแสง หญิงสาวที่อายุห่างกับภูวินทร์พอสมควร แม่เลี้ยงและลูกเลี้ยงดันพอใจผู้ชายคนเดียวกัน ไม่มีใครเดาใจภูวินทร์ได้ว่าคนไหนคือตัวจริง และคนไหนคือหมากในกระดานที่เขาจะเขี่ยทิ้ง พลอยแสงศัตรูคนสำคัญคือเป้าหมายที่ดารินกานต์จ้องจะกำจัด เพื่อทวงคืนมรดกในตอนต้น มาถึงวันนี้พลอยแสงกลายเป็นศัตรูหัวใจของดารินกานต์เพิ่มอีก 1 ตำแหน่ง ระหว่างความรักต่อภูวินทร์ผู้ชายที่เข้ามาเติมเต็มและช่วยดูแลคุ้มครองเป็นคนที่เธอต้องการในชีวิต กับความรักของแม่ที่มีต่อดารินกานต์ลูกเลี้ยงที่คอยจ้องวางแผนทำลายล้างเธอทุกเวลา แม่เลี้ยงอย่างเธอจะเลือกเส้นทางไหน และความรักที่มั่นคงของพฤทธิ์จะต้านทานคำขอร้องของพลอยแสงได้อย่างไร หรือว่ามิรินคือผู้เสียสละที่แท้จริงที่ยึดมั่นความกตัญญูยอมหลีกทางให้ดารินกานต์เพราะคำขอของพลอยแสง ทุกปมที่คาใจมีคำตอบอยู่ในละคร แม่เลี้ยง ที่ออกอากาศทุกวันจันทร์ - อังคาร เวลา 20.30 น. ทางช่อง 3 ดูทีวีกด 33 ดูมือถือกด 3Plus ละคร แม่เลี้ยง เริ่มตอนแรกวันจันทร์ที่ 20 มกราคม 2568
แหวนดอกไม้ (2550/2007) พัดยศ ประมุขของบ้านใหญ่กลางกรุง ซึ่งกำหนดให้บรรดาลูกๆ ทั้ง 5 คนต้องสร้างครอบครัวอยู่ใกล้ๆ ในบริเวณเนื้อที่ผืนเดียวกัน เครือเถา ลูกสาวคนโตนั้นประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมสามี ทิ้งลูกสาวชื่อ ตุ้งติ้ง ซึ่งกำลังวัยรุ่นเต็มตัวไว้ในความดูแลของคุณตาและน้าๆ ลูกชายคนรอง ข้าวบิณฑ์ จึงเลื่อนอันดับเป็นพี่ใหญ่ของบ้านโดยปริยายและมีภรรยาชื่อ สายฟ้า ผู้เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติแม่ศรีเรือน
สามทหารเสือสาว ฟ้ากระจ่างดาว (2556/2013) หญิงสาวแหงนมองท้องฟ้าด้วยความประหลาดใจนึกถึงคืนหนึ่งเมื่อสิบกว่าปีก่อน วันที่ซมซานหนีออกมาจากบ้านแม่ นึกถึงเมื่อสองคืนก่อนที่ดาวเริ่มส่องแสงแข่งกับเดือน สองคืนนั้นกับคืนนี้แตกต่างกันลิบลับ ต่างแม้ว่าจะเป็นท้องฟ้าเดิม ดาวดวงเดิม หากวินาทีนี้เมื่อก้าวไปกับชายหนุ่ม มีคณากลับไม่รู้สึกเจ็บปวด หวาดกลัวหรือคุมแค้นแต่อย่างไร ทุกย่างก้าวมีแต่ความมั่นใจและอบอุ่น ความมั่นใจแปลก ๆ เกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยรู้สึก ว่าทุกอย่างก้าวต่อไปนี้ เธอคงไม่ต้องเดินอย่างเดียวดาย คงไม่ต้องเดินอย่างอ้างว้าง มีคณา นักข่าวสาวสายอาชญากรรม ตั้งปณิธานว่จะเป็นนักข่าว และจะนำเสนอข่าวเพื่อโค่นล้มพวกหากินกับการค้าผู้หญิงให้ได้มากที่สุด เมื่อมีคณาเรียนจบมหาวิทยาลัย เธอได้เข้าทำงานที่หนังสือพิมพ์สยามสาร และเธอได้เจอกับ มัทนา และสาระวารี ซึ่งมีปณิธานการทำงานเหมือนกัน จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอต้องไปทำข่าวงานแฟชั่นโชว์การกุศลแทนมัทนา เพื่อนรักของเธอ ซึ่งต้องไปทำข่าวที่ต่างจังหวัด มีคณาไม่เคยชอบอะไรที่เธอตัดสินว่าเป็นเรื่องฟุ้งเฟ้อ ไฮโซ เธอพยายามเกี่ยงให้สาระวารีไปทำ แต่สาระวารีก็ติดทำข่าวในต่างจังหวัดเช่นกัน ในงานนี้ทำให้ได้พบกับ "พ.ต.ต.หิรัณย์" นายตำรวจหนุ่มหล่อ เก่งกาจ จากหน่วยงานนอกเครื่องแบบของ ป.ป.ส. และมีเหตุให้ทั้งสองต้องมาร่วมทำงานด้วยกัน พ.ต.ต.หิรัณย์ จึงฉวยโอกาสนี้ เริ่มสานสานความสัมพันธ์กับมีคณา พร้อมทั้งคลายปมในใจที่เธอเกลียดผู้ชายลง
ลมหวน (2549/2006) วกุล เป็นลูกสาวบุญธรรมของพยาบาลอเมริกันคนหนึ่งชื่อ มิสโรส เซซิล หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ม็อม มิสโรสพบแม่แท้ๆ ของวกุลในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่บังเอิญท้องกับพ่อซึ่งเป็นจิตรกรมีชื่อเสียง แม่ไม่สามารถเลี้ยงลูกที่เกิดนอกสมรสได้จึงยกให้มิสโรสพยาบาลผู้เป็นโสด วกุลทำงานเป็นแอร์โฮสเตสมีเพื่อนร่วมงานที่สนิทชื่อ ทิพยงค์ วกุลกำลังจะลาออกเพื่อย้ายไปอยู่กับมิสโรสที่แม่ฮ่องสอน กัปตันสายการบินจึงแนะนำให้รู้จักกับน้องชายซึ่งเป็นทนายความประจำอยู่ที่โน่นชื่อ วิเชียร วิเชียรมารับวกุลที่สนามบินเชียงใหม่ แล้วพาไปดูบ้านเก่าของครอบครัวเซซิลซึ่งให้เช่าแล้วซ่อมแซมต่อเติมใหม่ ภายหลังมิสโรสมาอยู่เองแล้วทำพินัยกรรมยกที่ดินและบ้านให้กับวกุลก่อนที่เธอจะเสียชีวิต วิเชียรพาวกุลไปดูบ้านเก่าโบราณของสกุลแบรดเล่ย์ ที่เขาเป็นทนายความดูแลด้านกฎหมายให้กับที่นี่ ซึ่งเคยมีสัมปทานป่าไม้กับพม่าในอดีตและบริษัทน้ำมัน มีเครื่องบินส่วนตัว มิสเตอร์แบรดเล่ย์เจ้าของเดิมแต่งงานกับหญิงสาวชาวเขาเผ่าปะหล่อชื่อ ปันสี แต่ทั้งสองเครื่องบินตกเสียชีวิตทั้งคู่ทิ้งลูกชายวัยขวบครึ่งชื่อ ลมหวน ไว้กับ นายเดช พี่ชายของปันสีแม่ของลมหวน และมี แม่ขาว คนเก่าแก่ที่เป็นใบ้หูหนวกชาวปะหล่อคอยติดตามดูแลปรนนิบัติ นายเดชเป็นผู้จัดการมรดกทั้งหมดจากพ่อของลมหวน เพราะตามพินัยกรรมให้เขาช่วยดูแลรับผิดชอบลูกชายวัยขวบครึ่ง วิเชียรเล่าว่าลมหวนเป็นเด็กปัญญาอ่อน นายเดชจึงสร้างโรงพยาบาลส่วนตัวเล็กๆ ทันสมัย มีคนไข้เด็กปัญญาอ่อน 20 กว่าคนพร้อมแพทย์ นักจิตวิทยา พยาบาล โดยไม่เอาตัวไปเข้าโรงพยาบาลของรัฐ ส่วนนายเดชพิการเพราะอุบัติเหตุ มีลูกชายชื่อ เดโช เป็นเพลย์บอยเจ้าสำราญ มักดูถูกและรังเกียจลมหวนว่าไอคิวต่ำ วิเชียรชวนวกุลไปงานเลี้ยงบ้านนายเดชซึ่งเป็นนายจ้าง ทำให้วกุลได้เห็นภาพความงามของหญิงสาวชาวเขาที่เป็นมารดาของลมหวน และบ้านโบราณของตระกูลแบรดเล่ย์ ที่งดงามแบบล้านนาแท้ๆ มีเครื่องดนตรีของปันสีเป็นกีตาร์เก่า ที่วกุลหยิบมาลองเล่นเพราะเธอเล่นกีตาร์ค่อนข้างเก่ง เธอยังติดใจภาพเขียนของปันสีที่ดูมีจิตวิญญาณคอยเฝ้ามองวกุลเหมือนจะร้องไห้และวิงวอนขอความช่วยเหลือ นายเดชเห็นวกุลเล่นกีตาร์ของปันสีก็ไม่พอใจสั่งเก็บเข้าตู้ทันที วิเชียรพาวกุลไปเดินเล่นจนพบกระท่อมตุ๊กตาที่ปันสีรักมาก ตอนท้องหล่อนคิดว่าจะได้ลูกสาวจึงสร้างบ้านตุ๊กตาขนาดเล็กไว้ให้เล่น แม่ขาวหวงบ้านตุ๊กตานี้มาก ไม่ให้ใครมายุ่มย่ามปล่อยให้เถาวัลย์เลื้อยคลุมจนหมด วกุลไม่ทันได้ดูข้างในแม่ขาวก็มาขัดขวางเสียก่อน วกุลกลับบ้านแล้วได้พบความเสียใจมากที่สุดเมื่อรู้ว่าแม่บุญธรรมเสียชีวิตแล้ว วกุลตัดสินใจรับงานเป็นเลขานุการของเดโช แล้วย้ายไปอยู่ที่คฤหาสน์แบรดเล่ย์ วกุลยังคงสนใจบ้านตุ๊กตาเหมือนเดิม และแอบเห็นแม่ขาวและชายแก่ผมหงอกเครายาวทำพิธีแปลกประหลาดในกระท่อมตุ๊กตาตอนกลางคืน วกุลเริ่มใช้ภาษามือพูดกับแม่ขาวและดูแลเมื่อแกป่วยมีไข้สูง เลขานุการของนายเดชชื่อ สมคิด ย้ายมาอยู่ที่คฤหาสน์อีกคนเพื่อเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของวกุล สมคิดยิงปืนแม่นเพราะเคยเป็นตำรวจและถูกให้ออกเพราะรับสินบน วกุลเล่าให้วิเชียรฟังว่าแม่ขาวร้องไห้เมื่อพูดถึงลมหวนว่าเกิดมาปกติทุกประการ แต่นายเดชเอาตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล วิเชียรยืนยันว่าแม่ขาวสติไม่ดี เวลานี้ลมหวนอายุ 25 ปีแล้วยังไม่รู้ประสา น้ำไหลยืด วิเชียรพาวกุลไปพบลมหวน วกุลได้พบกับ หมอพิชิต ที่ดูแลลมหวนและคนไข้กว่า 20 คน ลมหวนอยู่กับคนดูแลชื่อ ชุบ และสมใจ ผู้ช่วยพยาบาล ลมหวนจะกลัวชุบมากเพราะเป็นคนร่างใหญ่กำยำ วกุลได้รู้จักกับนักจิตวิทยาชื่อ เมธี ทั้งสองเป็นมิตรที่ดีต่อกัน วกุลเสนอจะใช้เสียงดนตรีช่วยลมหวนเมธีเห็นด้วย แม่จันทร์ คนงานเก่าแก่ของโรงพยาบาลมาบอกกับแม่ขาวว่า นายเดชไม่ต้องการให้วกุลมาติดต่อกับแม่ขาว และสั่งให้สมคิดมาบอกวกุล วกุลกับเมธีทดสอบทางจิตกับลมหวนพบว่า ลมหวนมีไอคิวปกติ แต่นายเดชรู้เรื่องเสียก่อนเขาพบรายงานของเมธี จึงสั่งทำลายเอกสารและฆ่าเมธี วิเชียรเชื่อวกุลว่าลมหวนปกติเมื่อดูหลักฐานของเมธี แต่กลัวอันตรายจะเกิดกับลมหวน จึงคิดแผนการพาลมหวนหนีไปที่อื่น เดโชบอกว่านายเดชพ่อของเขากำลังจะย้ายไปอยู่เมืองนอก แต่บังเอิญเกิดไฟไหม้ที่โรงพยาบาลเด็กปัญญาอ่อนเสียก่อน ทำให้ลมหวนหนีไปได้พร้อมกับวกุล โดยการช่วยเหลือของ เกี๋ยงคำ เกี๋ยงคำพาวกุลกับลมหวนหนีไปอยู่หมู่บ้านชาวเขาในป่าลึก วกุลกับลมหวนต้องทำงานบ้าน อาบน้ำที่น้ำตกและลำธาร ทำไร่ หาไม้มาทำฟืน วกุลพยายามรื้อฟื้นการใช้ชีวิตใหม่ให้ลมหวนได้รู้จักความจริง ซึ่งเขาไม่เคยรับรู้มาก่อน สมคิดกับเดโชพาพรรคพวกตามไปถึงหมู่บ้านชาวเขา เพื่อฆ่าลมหวนทิ้งตามคำสั่งของนายเดช แต่พวกชาวเขาช่วยป้องกันลมหวนกับวกุลเอาไว้ ลมหวนไม่อยากอยู่ให้พวกชาวเขาเดือดร้อนก็หนีมากับวกุล ระหว่างทางถูกสมคิดกับพวกตามฆ่า ลมหวนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ แต่ตำรวจได้เข้ามาช่วยไว้ทัน และตำรวจได้ปะทะกับพวกของสมคิด และสมคิดถูกตำรวจยิงตาย นายเดชถูกตำรวจจับสำนึกผิดทุกอย่างและฆ่าตัวตายในคุก ลมหวนเข้าบริหารงานในบริษัทด้วยความช่วยเหลือของหลายคน และเข้ารับการศึกษาตามคำแนะนำของวกุล เวลาผ่านไปไม่กี่ปีลมหวนก็เรียนจบปริญญา และเป็นนักธุรกิจได้อย่างสมภาคภูมิ และวกุลก็ไม่ปฏิเสธที่จะแต่งงานกับเขา
รากบุญ (2555/2012) เจติยาเป็นนักศึกษาปีสุดท้ายคณะนิติศาสตร์ ได้สูญเสียบิดาไปจำต้องหางานพิเศษทำ เพื่อค่าเล่าเรียนของตนเองและน้องชาย แล้วยังมีค่ารักษามารดาที่ป่วยโรคไต จนวันหนึ่งเจติยารับกล่องรากบุญลึกลับที่ได้มาจากลุงทวีซึ่งทำงานที่เดียวกันกับเธอเอง สิ่งที่ต้องทำคือการทำความดี ผลตอบแทนที่เธอจะได้รับคือสิ่งที่เธอปรารถนาหนึ่งอย่าง แต่การทำความดีเพื่อแลกมาถึงสิ่งที่ต้องการ เหมือนเป็นการบังคับและเป็นการทำความดีเพื่อหวังผล การช่วยเหลือคลี่คลายคดีปริศนาเมื่อได้ยินเสียงร้องขอจากคนตาย การที่เธอทำงานเป็นผู้ช่วยตกแต่งศพในบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการศพและได้ใกล้ชิดกับศพยิ่งทำให้เธอพบเจอศพได้ง่าย แต่มีข้อแม้ว่าต้องทำเรื่องเหล่านั้นให้สำเร็จไม่เช่นนั้นจะต้องตายและไม่สามารถทิ้งกล่องใบนี้จนกว่าจะหาผู้ครอบครองคนใหม่ได้ เจติยาคือผู้รับการสืบทอดถือกล่องลึกลับต่อจากบิดาของลาภินที่เพิ่งตายจากไป ขณะเดียวกันผลพลอยได้จากการคลี่คลายคดีตกอยู่กับหมวดนวัช เพื่อนบ้านซึ่งเป็นตำรวจ หลังจากบิดาของลาภินตาย พิสัย(น้องชายแม่ลาภิน) เป็นผู้ดูแลบริษัทนิราลัยพยายามกีดกันไม่ให้ลาภินทายาทตัวจริงเข้ามายุ่งเกี่ยวกับบริษัทเพื่อหวังกอบโกยผลประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ พิสัยเริ่มยุแยงให้พนักงานประท้วง ลาภินกลับแก้ปัญหาได้หวุดหวิดโดยมีลุงทวีกับเจติยาคอยสนับสนุนอยู่ ทำให้ลาภินมองเห็นในน้ำใจของเจติยา พิสัยได้จ้างมือปืนมาฆ่าลาภิน จนชูจิตมารู้ความจริงว่าพิสัยคิดทำร้ายลูกของตน เลยปลดออกจากตำแหน่งในบริษัท ยิ่งทำให้พิสัยโกรธแค้นจึงหาวิธีการแก้แค้นด้วยการหลอกใช้ ปริม(เพื่อนนักเรียนนอกลาภิน) เป็นเครื่องมือ ปริมเสียใจและกลัวความผิดจึงคิดสั้นฆ่าตัวตาย ปราณที่ถือกำเนิดจากพลังกิเลสมนุษย์ที่สั่งสมจากความปรารถนาของคนนานหลายร้อยปีที่ไม่ยอมให้เจติยาทำความดีช่วยเหลือคนตายได้สำเร็จ จึงพยายามขัดขวางและฆ่าเจติยาเพื่อปลดปล่อยกล่องรากบุญให้เป็นอิสระจะได้มีสิทธิ์หาเจ้าของคนใหม่ พิสัยปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับปืนและความแค้นฝังเต็มหัวใจ เจติยายอมแลกชีวิตเพื่อช่วยน้องชายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสใกล้จะสิ้นลมหายใจ หมวดนวัชจับกุมพิสัยได้สำเร็จ ท่ามกลางความเป็นความตายของเจติยาได้พบกับมัจจุราชเรื่องราวจะเข้มข้นมากแค่ไหน เจติยาจะรอดพ้นจากความตายหรือไม่ เรื่องราวความรักของลาภินกับเจติยาบทสรุปของกล่องลึกลับจะเป็นอย่างไร
สามทหารเสือสาว มนต์จันทรา (2556/2013) นานครั้งที่พระจันทร์จะโผล่ให้เห็น แต่ทุกครั้งที่เห็นก็มักจะเป็นจันทร์เจ้าแห่งความหลัง จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง กลายเป็น "มนต์จันทรา" เกาะยานกที่ฝั่งทะเลตะวันออก ไกลออกไปถึงเกาะพระฮามในน่านน้ำเขมร เป็นเรื่องระหว่างเขากับเธอ นักข่าวสาว กับ เจ้าพ่อกาสิโน สาระวารี กับ สาระสมา พี่น้องฝาแฝดที่มีความหลังฝังใจตั้งแต่เด็ก ๆ เกี่ยวกับเรื่องการพนันโดยพ่อหลงการพนันอย่างหนักเสียเงินทางทรัพย์สิน จนกระทั่งแม่ไม่สบายสาระวารีไปขอเงินพ่อที่บ่อนเพื่อไปรักษาแม่ แต่พ่อไม่ให้แถมถูกพ่อตลาดไล่ตี "ษมา" ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์เห็นเข้าก็นึกสงสารจึงให้เงินสาระวารี พอสาระวารีกลับถึงบ้านแม่ก็ได้เสียชีวิต ทำให้เธอมีความหลังฝังใจกับเรื่องการพนันอย่างมาก จนเมื่อเป็นนักข่าวแล้ว มีเหตุต้องทำข่าวเกี่ยวกับการเปิดบ่อนคาสิโน่ จึงทำให้สาระวารีกลับมาเจอกับษมาอีกครั้ง แต่เธอกลับจำเขาไม่ได้ ส่วนษมานั้นจำเธอได้แม่นยำ จึงรุกที่จะจีบเธออย่างเต็มที่ และด้วยภารกิจท้าทายที่เสี่ยงตาย จึงเป็นจุดเชื่อมโยงหัวใจของทั้งสอง
เงาพราย (2554/2011) หลังจากที่ ศักยะ(หนุ่ม-ศรราม เทพพิทักษ์) ซึ่งเติบโตอยู่ที่นิวซีแลนด์นานนับสิบปี ตั้งแต่อายุ 12 ปี จนถึงปัจจุบัน แต่ต้องเดินทางกลับเมืองไทย สาเหตุเพราะ นาวาโท หลวงสินาดชลยุทธ์ ผู้เป็นปู่เสียชีวิตลง ตาจอน(ไกรลาศ เกรียงไกร) คนรับใช้เก่าแก่ของบ้านสินาดชลยุทธ์ บอกว่าศักยะสนใจแต่เรื่องส่วนตัวจึงกลับมาดูใจปู่ไม่ทันกระทั่งพินัยกรรมถูก เปิดขึ้น ศักยะ และ นิศรา(อภิสรา ฉวีวงษ์) เป็นผู้ได้รับมรดก แต่ยังเหลือ ลพ ปัญจาวร(กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล) เพื่อนรักของหลวงสินาด ที่ได้รับเงินจำนวน 1 ล้านบาทที่ยังหาตัวไม่พบเพราะเวลาผ่านมานานมากแล้ว ส่วนพระเครื่อง เครื่องรางต่างๆ ตกเป็นของศักยะรวมทั้งของขลังต่างๆ ที่หลวงสินาดสั่งให้นำไปทิ้งลงแม่น้ำที่ปากอ่าวทั้งหมด ติดตามต่อได้ใน เงาพราย
สู้ยิบตา (2552/2009) ผู้ใหญ่ผ่าน ผาตั้ง บ้านวังม้า ไม่พอใจสมนึกลูกน้องของเสี่ยเว้ง (วิชัย ชนะค้า) ที่เตือนชาวบ้านไม่ให้ขายที่ดิน ผ่านสั่งผู้ใหญ่ขจร ผู้ใหญ่บ้านดงสะท้อน ให้ส่งลูกสมุนขุนและเรืองรุมกระทืบสมนึกจนเจ็บปางตาย ผ่านโดนลอบยิงคนที่น่าสงสัยคือเสี่ยเว้ง ชีวิน ชุมพร ตัดสินใจพาอุษาและปอนด์กลับบ้านวังม้าหลังเจอพิษเศรษฐกิจ ทั้งคู่ตั้งใจมาสร้างครอบครัวบนที่ดินที่ชีวินได้รับมรดก ช้อยดีใจที่ลูกชายกลับบ้าน ผ่านมาขอเจรจาซื้อที่ดินจากชีวิน แต่ถูกปฏิเสธเขาถูก ชู แจ่ม และเมาลูกน้องของผ่านยิงเสียชีวิต อุษาทั้งเสียใจและเสียขวัญแต่ไม่ยอมแพ้ กริช กรีฑา เพื่อนบ้านที่มีไร่ติดกันมาพบอุษา ทั้งคู่ถูกชะตากันทันทีและเริ่มไปมาหาสู่กัน กริชได้เจอกับสารวัตประชิด เชิงรุก เพื่อนสมัยเรียน กริชได้ให้ข้อมูลเรื่องกว้านชื้อที่ดินและได้รื้อฟื้นคดีอุษาขึ้นมาใหม่ อุษามีความหวังอีกครั้งเธอเปิดร้านอาหารและขนมเพื่อเสริมรายได้ ผ่าน ผวน และกล้า มาที่ไร่ของอุษาได้เจอกับกริชก็ส่งลูกน้องขจรเข้าไปหยั่งเชิง ยามค่ำคืนกรีชไม่ทันระวังตัว โดนลูกน้องของขจร 4 คนทำร้ายปางตาย โดยมีลุงผุยและนุ่นคอยดูแล เมื่อกริชอาการดีขึ้นก็กลับไปเล่นงานทั้ง 4 คน ผ่านใส่ความว่ากริชหาเรื่อง กริชได้ทีจึงบอกว่า 4 คนนี้รุมทำร้ายและขับไล่ตนออกจากวังม้า ติดตามต่อได้ใน สู้ยิบตา
ตะวันยอดรัก (2555/2012) ภาคิน นายตำรวจหนุ่ม ที่ถูกส่งมายังหมู่บ้านปล่อยเกาะ พร้อมวิริยา ตำรวจหญิงผู้ช่วย ทั้งสองต้องปลอมตัวเป็นสามีภรรยากัน เพื่อสืบเรื่องเส้นทางการขนสินค้าเถื่อนและค้ามนุษย์ทางทะเลเข้าสู่ประเทศไทย โดยตัวภาคินปลอมเป็นครูประชาบาลของโรงเรียนประจำหมู่บ้าน แต่ด้วยความลับนี้มีเพียงดนัย สารวัตรประจำหมู่บ้านเท่านั้นที่รู้ความจริงเกี่ยวกับทั้ง 2 คน จึงได้แนะนำให้ภาคินและวิริยาว่าถ้าอยากรู้อะไรเกี่ยวกับหมู่บ้านให้ไปถาม ตะวัน สาวแก่นลูกสาวสัปเหร่อ เพราะเธอจะรู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่างของคนในหมู่บ้าน ภาคินจึงเดินเพื่อไปพบตะวันที่บ้านของสัปเหร่อเติมผู้เป็นพ่อ แต่ด้วยเสียงคึกโครมดังออกมาจากภายในบ้าน ภาคินจึงรีบเข้าไปดูด้วยวิญญาณของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ จึงได้พบกับตะวันที่อยู่ในชุดกระโจมอกเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ด้วยความตกใจตะวันจึงต้อนรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญด้วยการต่อยเข้าไปที่เบ้าตาของภาคินหนึ่งหมัด ร้อนถึงสัปเหร่อเติมที่ต้องรีบเข้ามาห้ามและนำตัวภาคินไปรักษา และทำให้ตะวันนั้นไม่ชอบขี้หน้าภาคินมาตั้งแต่นั้น แต่ภาคินก็ยังไม่ละความพยายามที่จะตีสนิทกับตะวัน และแอบชื่นชมในตัวของตะวันในใจเงียบๆ จนกระทั่งวันหนึ่งตะวันได้เข้าแข่งขันประกวดร้องเพลงของหมู่บ้าน ระหว่างรอเวลาขึ้นร้องเพลงประกวด ตะวันกลับได้ยินชายลึกลับ 2 คน แอบมาคุยอย่างมีพิรุธกับผู้ใหญ่สมบูรณ์ ผู้ใหญ่บ้านที่ได้ตำแหน่งหน้าที่มาด้วยความมิชอบ จนทั้ง 3 คนรู้ตัวว่าตะวันอาจได้ยินเรื่องที่คุยกัน จึงหาทางจะฆ่าตะวันทิ้ง แต่ภาคินได้เดินผ่านมาเพื่อตามหาตะวันจึงทำให้ชายลึกลับทั้ง 2 คน ไม่สามารถฆ่าตะวันได้เลยทำได้เพียงขังไว้ในห้องน้ำ ตะวันจึงเข้าใจผิดคิดว่าภาคินเป็นคนแกล้งเธอยิ่งทำให้เธอเกลียดขี้หน้าภาคินมากขึ้น จากนั้นตะวันก็ต้องไปพบภาคินที่บ้านแต่ไม่พบใคร กลับ และเอาเรื่องนี้ไปบอกสารวัตรดนัย แต่สารวัตรดนัยไม่เชื่อ ตะวันจึงพยายามติดตามภาคินและวิริยาเพื่อเปิดโปง ทำให้ภาคินและวิริยาทำงานได้ลำบากมากยิ่งขึ้น จนกระทั้งวันหนึ่ง ภาคินและวิริยาแอบไปซุ่มดูผู้ใหญ่สมบูรณ์และพวกขนสินค้าเถื่อนกัน แต่ตะวันกลับโผล่เข้ามาทำเสียงดังทำให้คนร้ายรู้ตัวและออกตามล่าทั้ง 3 คน จนทำให้ทั้ง 3 คนหลงเข้าไปในป่า และวิริยาก็ติดไข้ป่าจนไม่ได้สติ จากเหตุการณ์ณ์นี้ทำให้ตะวันรู้สึกผิดที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อน ภาคินจึงให้ตะวันหาทางหนีกลับไปยังหมู่บ้านเพื่อตามสารวัตรดนัยให้กลับมาช่วย จนตะวันสามารถพาสารวัตรตะวันกลับมาช่วยภาคินและวิริยาได้ แต่ก็ต้องเกิดการปะทะกับกลุ่มผู้ร้ายอย่างรุนแรง ทำให้ตะวันถูกยิงเพราะเข้าไปช่วยภาคินกับวิริยาไว้ในจังหวะที่ทั้งคู่กำลังจะโดนยิง ส่วนตำรวจสามารถจับคนร้ายและขยายผลไปจนจับผู้ใหญ่สมบูรณ์ผู้อยู่เบื้องหลังเอาไว้ได้ ทางด้านภาคินขออยู่ดูแลรักษาตะวันให้ดีที่สุดเพื่อให้สมกับที่ตะวันเสี่ยงชีวิตช่วยเขา แต่ตะวันกลับเข้าใจผิดคิดว่าที่ภาคินมาทำดีด้วยเพราะเพื่อตอบแทนที่ตนได้ช่วยวิริยาคนรักของภาคินเอาไว้ จึงเกิดอาการน้อยใจแอบหนีออกจากรพ. แล้วไปแอบให้ป่าช้าที่เธอคุ้นเคย ทำให้สัปเหร่อเติมและสารวัตรดนัยที่รู้ว่าภาคินและตะวันต่างแอบชอบกันและกันอยู่จึงวางแผนจัดงานอำลาให้ภาคินและนำข่าวนี้ไปบอกกับตะวัน ตะวันต้องการที่จะเห็นหน้าภาคินครั้งสุดท้ายจึงแอบออกมาซุ่มดูที่งาน ทำให้สารวัตรดนัยแอบจับตัวตะวันขึ้นเวที ภาคินจึงสบโอกาสขอตะวันแต่งงานในทันที ก่อนที่ตะวันจะตอบตกลงยอมรับรัก ภาคินจึงขอเปลี่ยนงานเลี้ยงเป็นงานแต่งงานทันที และทุกคนในหมู่บ้านก็ได้พบแต่ความสุขตลอดมา
เรื่องย่อ : แก้วกลางดง (2543/2000) ทรงเผ่า หนุ่มผู้รักป่าเป็นชีวิตจิตใจ ได้เดินทางไปหาพรานจั่น คนสนิทของบิดา ซึ่งมีลูกสาวชื่อเมียวดี ทรงเผ่าขอให้พรานจั่นนำทางเข้าป่า ระหว่างการเดินป่า ทั้งสองพบกับไอ้ลาย (เสือลายพาดกลอน) เกิดการต่อสู้กันขึ้น พรานจั่นปกป้อง ทรงเผ่าจนตัวเองเสียชีวิต ก่อนสิ้นใจ พรานจั่นได้ฝากเมียวดีไว้กับทรงเผ่า เพราะเธอกำพร้า และไม่มีญาติที่ไหนอีกแล้ว หลังจากพรานจั่นเสียชีวิต ทรงเผ่าและเมียวดีออกตามล่าไอ้ลาย ในการเดิน ป่าด้วยกัน ทรงเผ่าพบว่าเมียวดีหาใช่สาวชาวป่าที่โง่เขลา แต่เธอมีความฉลาด รอบรู้ผืนป่าเป็นอย่างดี และที่สำคัญ เธอเป็นคนซื่อและจริงใจ ในการตามล่า ไอ้ลายครั้งนี้ ทรงเผ่าถูกพวกโจรทำร้ายบาดเจ็บ จนถูกส่งเข้าโรงพยาบาลที่ กรุงเทพฯ เมียวดีเดินทางตามลงมาด้วยความเป็นห่วง ครอบครัวของทรงเผ่าเกิดเอ็นดูเมียวดีและรับเลี้ยงเป็นลูก พร้อมให้การศึกษา แต่หวานแฟนของทรงเผ่ากลับตั้งท่ารังเกียจเมียวดี ด้วยความกลัวว่าเมียวดี จะแย่งทรงเผ่าไป ความสวยน่ารักของเมียวดีทำให้อั๋น เพื่อนสนิทของทรงเผ่า และแวว ลูกชาย ป้าวงษ์ เกิดหลงรักเธอ ชีวิตเมืองกรุงไม่เคยให้ความสุขกับเมียวดีเลย เพราะจิตใจของคนที่แวดล้อมเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาโดยเฉพาะหวาน ฟ้าลั่น เพื่อนสนิทเมียวดีเดินทางมากรุงเทพฯ และมาขอพักด้วย ฟ้าลั่นหลงรัก พุดซ้อน แต่กลับถูกผู้หญิงหลอกใช้ ความใกล้ชิดระหว่างทรงเผ่าและเมียวดี ก่อตัวเป็นความรัก แต่ทั้งสองต้องปิดบังเอาไว้ เพราะทรงเผ่ามีคู่หมั้นแล้ว เกิดเรื่องคาดไม่ฝันขึ้น เมื่อเหล่าโจรกลับมาแก้แค้นทรงเผ่า โดยจับตัวทรงเผ่า เมียวดี และหวานไป เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ทรงเผ่ารู้ถึงนิสัยแท้จริงของหวาน ว่าเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมาก และซึ้งในน้ำใจของเมียวดีที่หาวิธีช่วยให้ตนกับหวานหลุดออกมาได้สำเร็จ เมื่อเหตุการณ์ร้ายจบลง ทรงเผ่าขอถอนหมั้นหวานทันทีโดยให้เหตุผลว่าเขาไม่ ยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวเองมากกว่าความรัก ซึ่งสร้างความแค้นเคือง ให้กับรื่นฤทัย มารดาของหวานมาก ถึงกับประกาศตัดความสัมพันธ์ระหว่าง ครอบครัวทั้งสอง เมียวดีหนีจากกรุงเทพฯ กลับบ้านป่าที่เธอรัก ทรงเผ่าตามเมียวดีไปเพื่อขอแต่งงาน แต่ทรงเผ่าก็ผิดหวัง เมื่อรู้ว่าเมียวดีออกไปล่าไอ้ลายที่ฆ่าพ่อเธอ ทรงเผ่าตามไปช่วยเมียวดี และช่วยชีวิตเธอไว้ทัน พร้อมทั้ง ปราบไอ้ลายได้สำเร็จ ทรงเผ่าได้เคียงคู่กับเมียวดีในที่สุด
เรื่องย่อ : รังหนาว (2542/1999) รังหนาว" เพราะสองตระกูลมีความสัมพันธ์กันเป็นอย่างดี ในแวดวงธุรกิจ มัชพลและตยาคีจึง ตกลงแต่งงานกันตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่ ทั้งๆ ที่เคยพบกันเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น แต่ ด้วยอุปนิสัยที่คล้ายคลึงกัน ความรู้และพื้นฐานของชาติตระกูลที่ทัดเทียมกัน ตลอดจนบุคลิก รูปร่างหน้าตาดี ทำให้ทั้งสองคนตกลงแต่งงานกัน โดยทั้งคู่คิดว่าจะสามารถสร้างรังรักอันอบอุ่นขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ในงานแต่งงาน "กัมพล" พี่ชายของมัชพลได้พาเลดี้ชารอน ลูกสาวท่านทูตอังกฤษซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับ "ฟาร่าห์" คู่รักเก่าของมัชพลที่อังกฤษเมื่อ 6-7 ปีก่อน มาร่วมงานด้วยซึ่งเมื่อชารอนโทรศัพท์เล่าให้ฟาร่าห์ทราบถึงงานแต่งงานและ ความร่ำรวยของคู่บ่าวสาว ฟาร่าห์ก็คิดแผนการณ์ที่จะหวนไปหามัชพลอีกครั้งหลังจากหนีมัชพลไปแต่งงานกับ ริคาโด ลูกชายเศรษฐีนักธุรกิจชาวอิตาลีตามความประสงค์ของแม่
เรื่องย่อ : แชมป์เปี้ยนสะบัดช่อ (2545/2002) ทักษ์ ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่เกิดมาเพื่อต่อสู้กับชีวิตบนสังเวียน สู้เพื่อฝัน สู้เพื่อความหวัง ความรัก เพื่อก้าวไปสู่ชัยชนะ กับพ้องเพื่อนวง สะบัดช่อ ทักษ์ หนุ่มนิสัยกตัญญู ดูแลครอบครัวอย่างดี ทักษ์อยู่กับบัวและนางบุล ลา เขามีอาชีพที่เลี้ยงดูครอบครัวด้วยการขายกระเพาะปลา ทักษ์ชอบ ศิลปะมวยไทย วันหนึ่งเขาได้ช่วยเหลือนายจรัลเจ้าของค่ายมวย ส.เพลิน สุข และเข้าไปฝึกมวยได้สักพักก็ต้องออกจากค่ายมวยของนายจรัล เพราะ นายพิชิตถูกชะตาและ ลีลาการชก จึงได้ชวนทักษ์มาอยู่ค่ายของตน โดยมีไท ตามไปเป็นครูฝึก แต่ลูกสาวไม่ค่อยเห็นด้วยนัก เพราะเห็นว่าทักษ์ เหมาะที่จะเป็นพระเอกลิเกมากกว่า และด้วยเหตุผลที่ทักษ์ยอมล้มมวยเมื่อ ตอนที่อยู่กับนายจรัล ติดตามต่อได้ใน "แชมเปี้ยนสะบัดช่อ"
น้ำตาลไหม้ (2552/2009) “ปวัน” (อธิชาติ ชุมนานนท์) ได้รู้จักกับสาธร (มนตรี เจนอักษร) หนุ่มใหญ่ที่ดูจะเป็นคนกว้างขวางในสถานที่เที่ยวกลางคืน และสาธรก็ได้ช่วยปวันไว้จากการมีเรื่องกับฝรั่งที่เมาเหล้า ปวันรู้สึกถูกชะตาจึงชวนไปดื่มต่อ สาธรเมามาก ปวันจึงพาไปพักที่บ้านตัวเอง และพาไปส่งบ้านในตอนเช้าเขาจึงรู้ว่าสาธรเป็นข้าราชการที่มีตำแหน่งสูงและ ท่าทางภูมิฐานผิดจากที่เห็นเมื่อคืน “พาณี” (ดวงใจ หทัยกาญจน์) เป็นน้องสาวของ “พิมลา” (อรสา พรหมประทาน) แม่ของปวัน ไม่ค่อยชอบใจสาธร พาณี เป็นคนเลี้ยงดูปวันมาตั้งแต่คลอดเพราะพิมลาร่างกายอ่อนแอ พาณีหลงรัก “พนานต์” (กษมา นิสสัยพันธุ์) และได้เสียกันโดยที่พิมลาก็รู้เรื่อง หลังจากที่พิมลาตายพาณีก็อยู่กับพนานต์ จนกระทั่งเขามีผู้หญิงเข้ามาเรื่อยๆและสามีของหญิงที่ไปติดพันยิงตาย ปวันถูกส่งไปเรียนเมืองนอกเมื่อกลับมาจึงสนิทกับพาณีมาก ปวันรู้สึกถูกใจ “ธุมา” (ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ) สาวสวยนักออกแบบของบริษัท เขาสนใจเธอในขณะที่เธอก็พอใจเขาเช่นกัน แต่ปวันกลับไปเช็คประวัติของธุมาจึงรู้ว่าเธอแต่งงานแล้ว โดยที่สามีกำลังทำปริญญาเอกอยู่ที่อเมริกา ปวันตัดสินใจถอยออกห่างจากธุมา ส่วน “แจ้งหล้า” (พศิน เรืองวุฒิ) ทนายความเพื่อนของปวันที่ขับรถชนรถของธุมาก็ถูกใจเธอแต่เมื่อรู้ว่าเธอแต่ง งานแล้วก็ตัดใจ ติดตามต่อได้ใน น้ำตาลไหม้
สามทหารเสือสาว มายาตวัน (2556/2013) 2 ปีก่อน วงการบันเทิงได้ต้อนรับดาวรุ่งดวงใหม่ที่แจ้งเกิดจากภาพยนตร์เรื่อง “มายา” เพียงเรื่องแรกและเรื่องเดียวก็ทำให้ เขตต์ตวัน โด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน ทั้งงานโฆษณา งานเดินแบบ ถ่ายแบบ งานอีเวนต์ต่างๆ พุ่งเข้าใส่ เขตต์ตวัน ชนิดไม่มีวันให้ได้พัก กลุ่มแฟนคลับของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทุกเพศทุกวัย มัทนา นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ก็เป็นหนึ่งในนั้น มัทนา เป็นแฟนคลับตัวยง ตามกรี๊ดตามเชียร์ ติดตามข่าวสารผลงานทุกอย่าง แม้แต่ตามเถียงตามแก้ข่าวให้เขตต์ตวัน ในทุกสื่อ แม้แต่เว็บไซต์เล็กน้อย ถ้าเธอรู้ก็ตามแก้ข่าวให้พระเอกขวัญใจได้ตลอด ไม่คาดฝันได้มีข่าวช็อกวงการเมื่อเขตต์ตวัน ถูกจับข้อหาฆ่า ยุพิน หญิงขายบริการตาย...ข่าวอื้อฉาวต่างๆนาๆ ถาโถมเข้าใส่เขตต์ตวัน เขาเองก็ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และตั้งทนายต่อสู้คดี มัทนาเองก็ไม่เชื่อตามให้กำลังใจ ช่วยแก้ข่าวให้ศิลปินขวัญใจชนิดไม่เป็นอันเรียน เขตต์ตวัน ถูกถอดจากการเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าหลายชิ้น เนื่องจากภาพลักษณ์ ไม่ดี สำนักพิมพ์ต่างๆ เริ่มขุดคุ้ย เปิดโปงเรื่องส่วนตัวของเขาไม่หยุดหย่อนโดยที่บางเรื่องไม่เป็นความจริงเลย เขตต์ตวัน เลยฝังใจเกลียดชังพวกนักข่าวเข้ากระดูกดำ ไม่นานนักศาลชั้นต้นก็พิพากษาว่า เขตต์ตวัน ไม่มีความผิด ไม่เกี่ยวข้องกับการตายของยุพิน พวกหนังสือพิมพ์หน้าแตกไปตามๆกัน แต่ก็ไม่วายแขวะเขตต์ตวันไม่เลิก แถมแฉว่าเค้ามีแม่เป็นโสเภณี เขตต์ตวัน หมดความอดทน แถลงข่าวอำลาวงการ สร้างความตื่นตะลึงให้กับแฟนคลับชนิดตั้งตัวไม่ทัน มัทนาถึงกับร้องไห้โฮล้มป่วยไปเลย...หลังจากแถลงข่าว เขตต์ตวันก็หายไปจากวงการจริงๆ ไม่มีใครได้ข่าวตัวเขาอีกเลย 2 ปีต่อมา...มัทนา สำเร็จการศึกษาได้เข้ามาทำงานเป็นนักข่าวของหนังสือพิมพ์สยามสาร เธอได้รับมอบหมายจาก ไชยวัฒน์ บ.ก.หนังสือให้ไปทำข่าว เขตต์ตวัน อดีตพระเอกชื่อดัง ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ภูเก็ต เพราะไชยวัฒน์ได้รับข้อมูลมาจากสายข่าวเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตของเขตต์ตวัน ว่าเขาเคยเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงอยู่ที่วัดสวนป่า จังหวัดภูเก็ต โดย หลวงพ่อจรูญ ผู้ใจบุญที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นจำนวนมาก ทำให้ไชยวัฒน์ต้องการรื้อฟื้นข่าวของเขตต์ตวันขึ้นมาอีก เพราะคิดว่าอย่างไรข่าวของดาราหนุ่มก็ยังเป็นที่สนใจของประชาชนทั่วไป หนังสือสยามสารมีนักข่าวหญิงเหล็กสามคนที่ต่างบุคลิกกันคือ สาระวารี , มีคณา และ มัทนา ทั้งสามสนิทกันมาก มัทนาเป็นรุ่นน้องที่เพิ่งเข้ามาเป็นนักข่าว และได้รับมอบหมายให้ไปสัมภาษณ์เขตต์ตวัน ในขณะที่สาระวารีไปทำข่าวการเปิดบ่อนคาสิโนที่ตราด ส่วนมีคณาทำข่าวการค้าประเวณี บ้านของมัทนาเป็นครอบครัวใหญ่ พ่อกับแม่เป็นอาจารย์ทั้งคู่ พี่สาวคนโต สาวิตรี ก็เป็นอาจารย์ พี่สาวคนรอง ศกุนตลา เป็นนางพยาบาล ส่วนน้องคนสุดท้อง วาสิฐฐี กำลังเรียนมหาวิทยาลัยคณะนิติศาสตร์ แม่ของมัทนามักจะพูดเสมอว่าทำไมมัทนาถึงแหกคอกออกมาทำงานนักข่าวและบอกให้ลาออกอยู่เสมอแต่หญิงสาวก็รักงานนักข่าวมากไม่ยอมลาออกตามที่แม่ขอร้อง เมื่อมัทนาบอกแม่เรื่องจะไปทำข่าวเขตต์ตวันที่ภูเก็ต ศกุนตลาได้ยินเข้าจึงเล่าเรื่องที่ว่าเคยเจอเขตต์ตวันไปเยี่ยมคนไข้ที่โรงพยาบาล ซึ่งคนไข้ผู้หญิงคนนั้นติดยา ศกุนตลาเตือนให้มัทนาระวังตัวด้วย เมื่อมัทนาเดินทางถึงภูเก็ต เธอเข้าพักที่โรงแรมอโณทัย และได้รู้จักชายหนุ่มหน้าตาดีที่เข้ามาแนะนำตัวทำความรู้จักกับเธอ เขาคือ เชน ครอส หรือ เชษฐ์ หนุ่มนักธุกิจค้าไข่มุกอยู่ที่ภูเก็ต หญิงสาวสนิทสนมกับเชนอย่างรวดเร็วเพราะมองเห็นสายตาที่อ้างว้างของเขาแล้วรู้สึกสงสาร มัทนาเริ่มทำงานโดยการเดินไปแอบดูบ้านของเขตต์ตวัน แล้วไปถามร้านค้าแถวนั้น แต่ก็ไม่ได้ข้อมูลมากนัก รู้แต่ว่ามักจะมีหญิงสาวหน้าตาดีเดินเข้าออกบ้านนี้บ่อยๆ มัทนาเดินเลาะชายหาดกลับโรงแรม จนได้พบกับเขตต์ตวันที่ยืนมองพระอาทิตย์ตกดินอยู่ เธอรู้สึกได้ถึงความเหงาโดดเดี่ยวของเขา สักพักมัทนาก็เห็น ลลิสา นางแบบสาวเข้าไปกระแซะเขตต์ตวัน ตามด้วยนางแบบอีกคน ชลบุษย์ ที่ตามมาเรียกเขตต์ตวัน มัทนาจึงสลัดความสงสารออกไป เมื่อมัทนากลับโรงแรม เธอก็ได้รับโน้ตจากเชนซึ่งชวนไปกินมื้อเย็นด้วยกัน เชนคุยเปิดเผยจนมัทนาไม่อยากปิดบังว่าตนเป็นนักข่าวแอบมาสืบเรื่องของเขตต์ตวัน เชนบอกว่าเขตต์ตวันเก็บตัวมากและเกลียดนักข่าว ไม่มีทางยอมให้สัมภาษณ์ เลยแนะให้ปลอมตัวเข้าไปทำงานในบ้านแล้วค่อยๆ สืบหาความจริง มัทนาปิ๊งไอเดียเห็นด้วย มัทนาเริ่มปฏิบัติการสมัครเข้ามาขอทำงานเป็นลูกจ้างบ้านเขตต์ตวัน มัทนาเจอกับ เอกชัย เพื่อนสนิทที่ทำงานกับเขตต์ตวัน เอกชัยรู้สึกถูกชะตาแต่ไม่มีแผนการรับลูกจ้างเพิ่ม มัทนาก็ขอทำงานให้ฟรีพิสูจน์ผลงาน เอกชัยใจอ่อนในความตลกเฮฮาช่างพูดของมัทนายอมให้เข้ามาทำงาน ไม่ทันข้ามวันดี พอเขตต์ตวันกลับมาเจอก็ไม่พอใจ ไล่ตะเพิดมัทนาออกไปจากบ้าน มัทนาเฮิร์ทสุดๆ ฟูมฟายว่าตนเป็นคนจน น่าสงสาร และเคยเป็นแฟนหนังเขตต์ตวัน ทำกับเธอแบบนี้ได้ยังไง มัทนาวิ่งร้องไห้เสียใจออกไปจากบ้านไป เขตต์ตวันและเอกชัยจึงเข้าใจว่าเป็นพวกคลั่งดารา มัทนาเจ็บอกเจ็บใจระบายความร้ายกาจของเขตต์ตวันให้เชนฟัง เชนแนะว่าตื้อเท่านั้นที่ครองโลก มัทนาฮึดสู้อยากเอาชนะเข้าไปสมัครงานใหม่เป็นคนดูแลสวน เอกชัยขำๆ มัทนาตื้อ โชว์ฝีมือทำสวนอีก...เขตต์ตวันออกมาพร้อมนางแบบคู่ใจเจอก็ไล่ตะเพิดออกจากบ้านอีก แถมตำหนิเอกชัยให้ด้วย พร้อมกับขู่ว่าถ้ามัทนาเข้ามาในบ้านจะแจ้งตำรวจจับ ลลิสาเย้ยหยันมัทนาหาว่าเป็นพวกคลั่งดารา มัทนากลับออกด้วยความช้ำใจบ่นกระปอดกระแปดเสียงแรงเคยรัก เคยทำป้ายไฟเชียร์ เธอโทรรายงานบ.ก.พร้อมโทรเม้าท์กับเพื่อนฝูงจนหลับไป พอเช้าอีกวันมัทนาจะไปที่วัดสวนป่าหลวงพ่อจรูญเพื่อเก็บข้อมูลรายล้อมเขตต์ตวันก่อนอย่างน้อยจะได้ไม่มาเสียเที่ยว เธอพบเชนที่กำลังจะออกไปข้างนอกอยู่พอดี เขาชวนมัทนาติดรถไปด้วย ขณะที่อยู่บนรถเชนเล่าเรื่องชีวิตของเขาให้ฟัง มัทนาจึงรู้สึกว่าเขาน่าสงสารและเป็นผู้ชายที่คบได้คนหนึ่ง หลังจากเชนส่งมัทนาลงจากรถที่วัดแล้ว หญิงสาวก็ได้พบกับหลวงพ่อจรูญ เธอชวนคุยไปเรื่อยเปื่อยจนวกมาที่เรื่องของเขตต์ตวัน หลวงพ่อระวังคำพูดไม่เล่าเรื่องอะไรที่ทำให้เขตต์ตวันเสียหาย มัทนามองเห็นเด็กๆ มากมายที่อยู่ในความอุปการะของหลวงพ่อ หลวงพ่อยังบอกอีกว่าเขตต์ตวันมาบริจาคอาหารและทุนค่าเล่าเรียนเด็กๆเป็นประจำ มัทนาก็แอบชื่นชมอยู่ในใจ ไม่เสียแรงที่เป็นแฟนคลับตัวยง หลังกลับจากวัดเธอใจสบายขึ้นเยอะ ภูมิใจความใจบุญของศิลปินในดวงใจ อารมณ์ดีเลยตัดสินใจไปเล่นน้ำทะเล ดำผุดดำว่ายสนุกสนานอยู่ไปมา จู่ๆก็มีวินเซิร์ฟพุ่งเข้าชนที่ศีรษะของเธอ ซึ่งคนที่เล่นวินเซิร์ฟนั้นคือเขตต์ตวันนั่นเอง เขามองไม่เห็นว่ามัทนากำลังว่ายน้ำอยู่ มัทนาโวยวายที่ถูกชนหัว เขตต์ตวันอุ้มเธอไปหาหมอ หมอช่วยดูแผลให้มัทนาและบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก เขตต์ตวันเสนอเงินให้มัทนาเพราะคิดว่าเธอเป็นพวกฉวยโอกาส มัทนาโมโหชกหน้าเขตต์ตวันไปหนึ่งหมัดแล้วยืนกรานจะไปแจ้งความ เอกชัยและเขตต์ตวันกลัวตกเป็นข่าวมากพยายามต่อรอง มัทนายื่นขอเสนอให้เธอเข้าไปทำงานรับจ้างในบ้าน...เขตต์ตวันไม่มีทางเลือกยอมรับข้อเสนอ มัทนาดีใจออกนอกหน้า เขตต์ตวันแอบกำชับเอกชัยให้สืบประวัติ...มัทนาแอบได้ยินเข้าพอดี มัทนาปรึกษากับเชนให้ช่วยจัดฉากหาครอบครัวให้ เอกชัยมาสืบก็หลงกลว่ามัทนาเป็นเด็กฐานะยากจนจริงๆย้ายมาจากจังหวัดอื่นมาหางานทำ คลั่งไคล้เขตต์ตวันเอามากๆ เอกชัยหายสงสัยรายงานเขตต์ตวัน เขาจึงยอมให้มัทนาเข้ามาทำงานเป็นคนรับใช้ในบ้านได้ด้วยความไม่เต็มใจนัก โดยบอกกับเอกชัยว่าจะหาทางบีบให้ออกจากบ้านไปให้เร็วที่สุด มัทนาเข้ามาทำงานในบ้านด้วยความไม่เต็มใจของเจ้าของบ้าน เขตต์ตวันมีเรื่องกับมัทนาไม่เว้นแต่ละวัน สาวๆของเขตต์ตวันทั้งลลิสา และชลบุษย์ อดีตนางแบบที่มาเป็นเลขาของเขตต์ตวัน ก็แสดงอาการไม่ชอบขี้หน้ามัทนานัก แม้ทั้งคู่จะชิงดีชิงเด่นกันแต่พร้อมจะจับมือเล่นงานมัทนาร่วมกันได้ทุกเวลา แต่มัทนาก็ยังมีเชนที่เป็นกำลังใจและคอยช่วยเหลือให้คำปรึกษาอยู่ตลอด ความสัมพันธ์ของเชนและมัทนาก็พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น เวลาจะนัดเจอกันก็ต้องให้เชนปลอมตัวเป็นคนงานรีสอร์ท มัทนากลัวจะมีคนเห็นและจับได้ มัทนายังไม่ละความพยายามในการสืบเรื่องเขตต์ตวัน ทนแรงกดดันต่างๆนาๆ จนรู้ความจริงขณะที่เขตต์ตวันเตรียมงานแฟชั่นโชว์คอลเล็คชั่นใหม่ ว่าแบรนด์เสื้อผ้าหรู “ตะวัน” นั้นเป็นของเขตต์ตวัน และดีไซน์เนอร์ที่ชื่อว่า จันจิรา ก็คือตัวเขตต์ตวันนั่นเอง...มัทนาขอลากลับบ้านเพราะญาติป่วย มัทนามาพบกับเชนและกลับเข้ากรุงเทพไปพร้อมกัน มัทนารายงานข่าวใหญ่ต่อบ.ก.โดยที่ไม่มีภาพไม่มีหลักฐานใดๆ แต่บ.ก.พร้อมจะตีข่าวนี้ในวันที่มีการจัดแฟชั่นโชว์ สื่อแห่ไปงานแฟชั่นโชว์ของ “ตะวัน” มืดฟ้ามัวดินจนมัทนารู้สึกผิด โดนครอบครัวเธอต่อว่าต่างๆนาๆ ด้าน เขตต์ตะวันเองก็เก็บตัวเงียบอยู่ที่โรงแรมเหมือนการจัดแฟชั่นโชว์ทุกครั้ง และหลังจากจบโชว์ทุกครั้งก็จะไม่มีดีไซน์เนอร์เดินมารับช่อดอกไม้อย่างห้องเสื้ออื่นๆ แต่ “ตะวัน” จะจบโชว์ด้วยรูปกราฟฟิคผู้หญิงผมยาวสยายก้มหน้าพร้อมชื่อ แบรนด์ตะวัน เขียนประกบไว้อย่างมีสไตล์...วันนี้ก็เช่นกันลลิสาเดินชุดฟินนาเล่แล้วก็จบด้วยรูปกราฟฟิคเช่นเคย สื่อพยายามสืบจากหลังเวทีก็คว้าน้ำเหลว ไม่มีใครรู้จักดีไซน์เนอร์จันจิรา และไม่มีใครเคยเห็นเขตต์ตะวันเกี่ยวข้องอะไรกับ“ตะวัน” รู้แต่ว่าจันจิราชื่นชอบเขตต์ตะวันมากจนได้แรงบันดาลใจตั้งชื่อแบรนด์ว่า “ตะวัน” แทนที่เขตต์ตวันจะโกรธกลับพอใจที่คอลเล็คชั่นนี้ได้รับความสนใจล้นหลาม แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าความลับรั่วได้ยังไง จึงให้เอกชัยสืบหาเกลือเป็นหนอน เขตต์ตวันรู้สึกติดใจสงสัยมัทนาขึ้นมานิดๆ เพราะเป็นคนใหม่เพียงคนเดียวที่เข้ามาในวงจรชีวิตของตน เอกชัยไม่เห็นด้วยและออกรับแทน เขตต์ตวันและเอกชัยกลับถึงบ้านที่ภูเก็ต มัทนาก็ทำงานรอต้อนรับทำไม่รู้เรื่องรู้ราว เขตต์ตวันพยายามจับผิดว่าเป็นไส้ศึกรึเปล่าแต่มัทนาก็เอาตัวรอดไปได้ทุกที จนกระทั่งแอบตามไปดูตอนมัทนาลากลับบ้านก็เจอครอบครัวจัดฉาก ที่น่ารัก เขตต์ตวันให้ความไว้วางใจมัทนามากขึ้น ความใกล้ชิดทำให้ทั้งคู่สนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนสร้างความไม่พอใจให้ลลิสาและชลบุษย์เป็นอย่างมาก รวมทั้งเชนเองก็แอบหึงมัทนาจนแสดงออกให้มัทนาต้องลำบากใจ ขณะที่ความสัมพันธ์ของเขตต์ตะวันและมัทนากำลังพัฒนาไปด้วยดีก็เกิดความแตก เมื่อมัทนาเจอเพื่อนนักข่าวที่ตลาดขณะที่เขตต์ตวันรออยู่ในรถ เขตต์ตวันไม่ได้ติดใจอะไรแค่รู้สึกสงสัยทำไมมีเพื่อนดูเป็นคนกรุงเทพจัง แต่แล้วเขตต์ตวันหมดข้อสงสัยเมื่อนักข่าวสาวคนนั้นแอบปีนรั้วบ้านตนเพื่อถ่ายภาพบ้านและชีวิตส่วนตัวของตน...เขตต์ตวัน จับตัวได้โกรธมาก โชคร้ายที่เขาจำได้ว่าเป็นเพื่อนมัทนา เขตต์ตวันเอารูปมัทนามาให้นักข่าวสาวดู เธอพูดหมดเปลือกว่ามัทนาคือนักข่าวของนสพ.สยามสาร เขตต์ตะวันโกรธจัดทะเลาะกับมัทนาอย่างรุนแรง ด้วยความรู้สึกผิดหวังและน้อยใจมาก แม้มัทนาจะบอกว่าเธอคือแฟนคลับตัวยง รักและคอยแก้ข่าวให้เขามาตลอดทั้งน้ำตา เธอเข้ามาทำข่าวด้วยเจตนาดีไม่คิดให้ร้ายเขาเลยแต่ เขตต์ตวันก็ไม่ฟังไล่ตะเพิดมัทนาออกไปจากบ้าน ไม่อยากเห็นหน้าเธออีกตลอดชีวิต ทั้งคู่ต่างเสียใจและคิดถึงยามที่ต้องห่างกัน มัทนาทนไม่ไหวกลับมาตื้อขอคืนดี เขตต์ตวันแม้จะดีใจแต่ยังโกรธไม่หายที่ถูกหลอก ไล่ตะเพิดไปอีก...เอกชัย รู้ใจเพื่อนรักดีพยายามทัดทานแต่ยังไงก็ไร้ผล เชนตามมาปลอบใจและให้กำลังใจ ดักคอว่ามัทนาแอบชอบเขตต์ตวัน มัทนาปากแข็งบอกว่าตนเพียงทำหน้าที่ ที่เจ้านายสั่งมาเท่านั้น กลัวตกงาน ไม่ชอบนายนั่นหรอก เชนเลยสารภาพรักมัทนาซะเลย มัทนาอึ้งไปแต่ก็ไม่กล้าหักหาญน้ำใจเชนในทันที เพียงตอบไปว่าขอเวลา ยังไม่พร้อมจะคิดเรื่องนี้กับใครทั้งนั้น ในเมื่อความจริงปรากฏแล้วมัทนาก็เข้าบ้านเขตต์ตวันไม่ได้แล้ว เธอจึงสวมวิญญาณนักข่าวเต็มรูปแบบ มัทนาแอบปีนต้นไม้ที่บ้านของเขตต์ตวัน และแอบถ่ายรูปในบ้านของเขา แต่แล้วจู่ๆ เขตต์ตวันก็ยิงปืนขึ้นฟ้าขู่ มัทนาตกใจหล่นจากต้นไม้ลงมาขาแพลง เขตต์ตวันต้องเข้าไปประคอง ชายหนุ่มโกรธมากยึดกล้องมัทนาไป เธอขอร้องไม่ให้ทำลายกล้องเพราะต้องใช้เวลานานในการเก็บเงินซื้อ เขตต์ตวันเห็นใจจึงแค่ทำลายฟิล์มและคืนกล้องให้หญิงสาว มัทนาขอสัมภาษณ์หน้าด้านๆ เขตต์ตวันยิ่งเดือดดาลไล่เธอไปแต่มัทนาไม่ไป เขตต์ตะวันลากมัทนาไปทิ้งหน้าบ้านทั้งๆ ที่ขาเจ็บ เชนคอยปฐมพยาบาลให้มัทนา ขอให้ถอยกลับกรุงเทพดีกว่า แต่มัทนายังไม่ยอมแพ้แม้ว่าจะปวดหัว ปวดขา และฝนตกพรำๆ เธอตัดสินใจไปเคาะประตูบ้านของเขตต์ตวันเพื่อขอสัมภาษณ์ เอกชัยสงสารบอกให้กลับไปเถอะถึงอย่างไรเขตต์ตวันก็ไม่ยอมให้สัมภาษณ์ มัทนายืนตากฝนรอเป็นเวลา 4 ชั่วโมง จนกระทั่งเอกชัยต้องบอกให้เขตต์ตะวันไปดูมัทนา เขตต์ตวันตัดสินใจไปไล่มัทนากลับ แต่กลับพบว่าหญิงสาวมีอาการไข้ เขาจึงพาเธอเข้ามาในบ้านและให้ดื่มวิสกี้แก้หนาว เขตต์ตวันต่อว่ามัทนาที่ดื้อรั้น เขายืนยันว่าจะไม่ยอมให้สัมภาษณ์เด็ดขาด แต่มัทนาก็ยืนกรานว่าจะไม่ละความพยายาม ทั้งสองเถียงกัน จนมัทนาเป็นลมไปต่อหน้าเขตต์ตวัน เขตต์ตวันไปรับหมอมาดูอาการของมัทนา หมอบอกว่ามัทนาเป็นไข้หวัดและมีอาการขาอักเสบต้องนอนพักเป็นระยะเวลา 3-4 วัน โดยต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิด เขตต์ตะวันแม้จะโกรธมากแต่ความที่ยังรู้สึกดีๆให้กันจึงตัดสินใจ ให้หญิงสาวพักที่บ้าน เมื่อมัทนาฟื้นขึ้นมาเจอเขตต์ตวันที่คอยดูแลอยู่ เธอก็กล่าวขอโทษและบอกว่าจะกลับโรงแรม พรุ่งนี้เช้า เขตต์ตวันแย้งว่าหมอสั่งห้ามใช้ขาสามวัน ต้องอยู่ที่บ้านเขา โดยเขาจะจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแลเธอเอง มัทนานอนป่วยอยู่ที่บ้านของเขตต์ตวัน โดยเวลากลางวันเขตต์ตวันกับเอกชัยจะผลัดกันมานั่งเฝ้าหญิงสาว พอช่วงเวลากลางคืนจะมีพยาบาลที่เขตต์ตวันจ้างมาดูแลแทน การพักอยู่ที่บ้านของเขตต์ตวันทำให้มัทนามีโอกาสพูดคุยกับเขามากขึ้นและเอกชัยก็มักจะเล่าถึงเขตต์ตวันให้ฟัง ทำให้มัทนาเข้าใจชีวิตของเขต์ตวัน มัทนารวมความกล้าขอสัมภาษณ์เขตต์ตวันอีกครั้ง ยืนยันว่าไม่ใช่การแฉทำร้ายทำลายชื่อเสียงเขตต์ตวัน แต่ตนทำหน้าที่ตัวแทนของแฟนๆ ที่รักและคิดถึงเขตต์ตวันอยากรู้ข่าวคราวเท่านั้นเอง คราวนี้ชายหนุ่มตอบตกลง โดยขอให้สัมภาษณ์หลังจากเธอหายเจ็บ มัทนาดีใจมากจนแทบซ่อนน้ำตาไว้ไม่อยู่ ช่วงบ่ายวันหนึ่ง มีชายหนุ่มมาขอพบเขตต์ตวัน เขาเป็นคนที่มาเช่าบ้านอยู่ใกล้บ้านของเขตต์ตวันซึ่งเป็นบ้านหลังเดียวกับที่เจ้าของร้านค้าบอกจะให้มัทนาเช่า ชายคนนี้มาขอพบเขตต์ตวันโดยบอกว่ารู้จักเพื่อนเก่าของเขาดี เขตต์ตวันไปพบ มัทนาเห็นว่าชายคนนี้พยายามเสนอขายอะไรบางอย่าง แต่เขตต์ตวันปฏิเสธไป เมื่อมัทนาอาการดีขึ้นก็อยากออกไปเดินเล่น เขตต์ตวันจำใจพาเธอออกไป เขาเล่าสาเหตุที่ต้องไปอยู่วัดกับหลวงพ่อ และเล่าถึงชีวิตวัยเด็กอันขมขื่น รวมทั้ง จันจิรา น้องสาวที่เขารักมากและตายไปแล้ว และบอกว่าตนสืบสานความฝันของน้องสาวทำห้องเสื้อตะวันขึ้นมา พอพูดถึงน้องสาวเขตต์ตวันก็เศร้ามากทำให้มัทนายิ่งเห็นใจเขามากยิ่งขึ้น... เขตต์ตวันพามัทนาไปหาหลวงพ่อจรูญ และพบเด็กที่อยู่ในความดูแลของท่าน มัทนาตั้งใจจะเขียนสารคดีชีวิตของหลวงพ่อ เธอจึงได้สัมภาษณ์ท่านด้วย ความสัมพันธ์ของเขตต์ตวันกับมัทนาค่อยๆ กลับมาดีเหมือนเก่าหลังจากปรับ ความเข้าใจกันทุกเรื่อง เขตต์ตวันชวนมัทนาไปดูพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพก่อนกลับบ้าน มีหนุ่มสาวจำนวนหนึ่งเข้ามาขอถ่ายรูปกับเขตต์ตวัน มัทนาช่วยขอร้องให้เขาไปถ่ายรูปด้วย ขณะนั้นมีกลุ่มขี้เมาเดินผ่านมาแซวมัทนาว่า ถ้ามีแฟนอย่างเธอจะไม่ปล่อยให้อยู่ห่างๆเลย เขตต์ตวันได้ยินก็จะไปเอาเรื่อง แต่มัทนาห้ามไว้ว่าอย่าไปใส่ใจ เขตต์ตวันแปลกใจตัวเองที่รู้สึกเป็นห่วงนักข่าวสาวคนนี้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หลังจากมัทนาหายดีแล้ว เธอทวงสัญญาที่เขตต์ตวันรับปากจะยอมให้สัมภาษณ์ เขตต์ตวันขอให้มัทนาไม่ให้สัมภาษณ์ 2 เรื่องคือเรื่องคดีความเมื่อ 2 ปีก่อน กับเรื่องของแม่และจันจิราน้องสาวที่ตายไป มัทนาตอบตกลง และรับปากว่าจะไม่เขียนเรื่องที่ทำให้เขตต์ตวันเสียหายเด็ดขาด มัทนาถามถึงคนไข้ที่ติดยาที่ไปรักษากับพี่สาวตน จึงรู้ว่าคนไข้นั้นคือชลบุษย์นั่นเอง ถามถึงเรื่องคดีความว่าเขตต์ตวันไม่อยากจับผู้ร้ายตัวจริงได้หรือ เขาเล่าเรื่องของ ยุพิน ที่ตายไปให้มัทนาฟัง ว่าเธอเป็นผู้หญิงลำปางที่ถูกหลอกมาขาย โดยเพื่อนของเขา ยุพินช่วยให้เขาแจ้งจับเพื่อนคนนี้ได้ แต่ยุพินก็ถูกตามล่า จนในที่สุดต้องตายไป วันที่ตายเพื่อนของเขตต์ตวันโทรไปหัวเราะเยาะ เขตต์ตวันได้ยินเสียงยุพินจึงรีบมาช่วย แต่พอมาถึงหญิงสาวก็เสียชีวิตไปแล้ว ตำรวจมาพบเขาในที่เกิดเหตุ แต่เขาพ้นผิดได้เพราะหลักฐานบ่งบอกว่าเขาไม่ได้เป็นคนฆ่า แต่ชีวิตของเขตต์ตวันก็ถูกนักข่าวทั้งหลายขุดคุ้ยขึ้นมาจนแหลกเหลว ทำให้เขาต้องตัดสินใจออกจากวงการแสดง จากเรื่องของยุพิน ทำให้เริ่มได้กลิ่นว่าเพื่อนของเขตต์ตะวันที่วางแผนนี้คือเชนนั่นเอง แต่มัทนาก็ไม่ระแคะระคายแม้แต่น้อย เมื่อกลับมาที่บ้าน ทั้งสองก็ได้พบกับชาวบ้านและตำรวจมายืนอยู่ที่หน้าบ้านเต็มไปหมด เพราะชายแปลกหน้าที่มาเช่าบ้านอยู่ข้างบ้านตายแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าตายอย่างไร แต่ดูเหมือนว่าเขตต์ตวันและเอกชัยจะรู้ ทั้งสองพูดถึงคน คนหนึ่งที่ตามจองล้างจองผลาญเขตต์ตวันอยู่ เขตต์ตวันพามัทนาไปส่งที่โรงแรมโดยบอกว่าจะมารับช่วงเย็น ที่หน้าโรงแรมมัทนาพบกับเชน เชนรีบหลบฉาก ไม่อยากให้มัทนาอึดอัดใจ เชนกำลังจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ แต่เขาเปลี่ยนใจเป็นกลับช่วงเย็น เชนดีใจมากที่เจอมัทนา จู่ๆ เชนก็ให้ไข่มุกดำกับมัทนาเพื่อเป็นที่ระลึก เธอจำใจรับไว้ เย็นวันนั้นเขตต์ตวันไม่ได้มารับมัทนาตามสัญญาเพราะติดธุระด่วน แต่เขากลับมารับอีกวันและพามัทนาไปปิกนิกที่บ้าน มัทนาอัดเทปสัมภาษณ์เขตต์ตวัน เขาบอกว่าอยากเป็นศิลปิน อยากเขียนรูป แต่ต้องเข้าวงการแสดงเพราะต้องการเงินมารักษาน้องที่ป่วย และเล่าถึงชีวิตในวัดสวนป่าที่อยู่กับหลวงพ่อจรูญ มัทนาประทับใจชีวิตของเขตต์ตวันมากขึ้น เขาถามว่าหญิงสาวจะกลับกรุงเทพเมื่อไหร่ เธอตอบว่าพรุ่งนี้เพราะทำงานเสร็จแล้ว เขตต์ตวันอาสาพาเธอไปซื้อของฝาก เพราะอยากอยู่กับมัทนาให้นานกว่านี้ หญิงสาวเลือกของฝากมากมาย จนเจอผ้าบาติกสีสวย เธออยากได้มากแต่เงินจะหมดแล้ว เขตต์ตะวันซื้อให้เป็นที่ระลึก หลังจากซื้อของเสร็จเขตต์ตวันพามัทนาไปกินข้าวที่ร้านบนเขา ซึ่งมัทนาชอบมากเพราะคิดว่าถ้ากลับกรุงเทพไปก็คงไม่มีโอกาสได้เจอบรรยากาศแบบนี้ ทั้งสองคุยกันด้วยความรู้สึกดีๆ เขตต์ตะวันไปส่งมัทนาที่โรงแรมและบอกว่าจะมารับมัทนาพาไปส่งที่สนามบิน เช้าวันรุ่งขึ้นเขตต์ตะวันมาที่โรงแรมก่อนเวลา พบเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์โรงแรม เจ้าหน้าที่ฝากซองใส่รูปที่จ่าหน้าซองว่า “ภาพถ่ายจากวัดสวนป่าของคุณมัทนา” ให้เขตต์ตะวันไว้ให้มัทนาด้วย เขตต์ตวันรับมาถือนั่งรออดไม่ได้ที่จะแอบเปิดดูเพราะอยากเช็คความเรียบร้อย แต่แล้วเขาต้องตกใจมาก เพราะรูปในซองเป็นรูปโป๊เปลือยของนางแบบที่มาถ่ายเสื้อผ้าให้เขา เขตต์ตวันเข้าใจผิดคิดว่ามัทนาเป็นคนทำ จึงโกรธมัทนามาก ขึ้นไปด่าว่ามัทนาเสียๆหายๆถึงบนห้องพักก่อนจะจากไป มัทนาเสียใจมากพยายามตามไปอธิบายก็ไม่ทัน เธอไปพบเอกชัย เขารู้ว่าไม่ใช่ฝีมือของมัทนาและขอให้เธอใจเย็นๆ เขาจะค่อยๆพูดให้เขตต์ตวันเข้าใจเอง มัทนาจึงเดินทางกลับมากรุงเทพด้วยความเศร้า เมื่อมัทนาถึงบ้าน ก็ได้พบวาสิฏฐีเป็นคนแรก เพราะความซึมเศร้าของมัทนาทำให้วาสิฏฐีถามและจับได้ว่าพี่สาวกำลังมีความรัก วาสิฏฐีรื้อของฝากเจอไข่มุกที่เชนมอบให้จึงขอมัทนา มัทนายกให้เพราะไม่ชอบเครื่องประดับอยู่แล้ว มัทนาไปทำงานด้วยความหดหู่ เชนโทรมานัดพบมัทนาเพื่อพาไปกินข้าวเย็น มัทนาถามไชยวัฒน์ถึงเรื่องรูปภาพที่เขตต์ตวันเจอที่ห้องว่าไชยวัฒน์ได้ส่งไปหรือไม่ ไชยวัฒน์ปฏิเสธ และเริ่มสงสัยว่ามีคนคอยจับตาดูมัทนาอยู่ เชนพามัทนาไปกินข้าวที่ร้านอาหารหรูหรา มัทนาเจอนางแบบที่เป็นเลขาของเขตต์ตวันนั่งอยู่กับเสี่ย ทำให้มัทนานึกถึงข้อความที่ติดมากับรูปว่า นางแบบเสื้อตะวันเรียกได้ทุกคน ขอให้มีเงินพอ เชนถามถึงไข่มุกว่ามัทนาอยากทำเป็นสร้อยหรือกำไลหรือเปล่า มัทนาบอกไม่ต้องการเพราะไม่ชอบ มัทนาพยายามทำงานให้เป็นปกติแต่ข่าวที่เขตต์ตวันกลับมากรุงเทพแล้วพร้อมกับนางแบบลลิสา ทำให้ใจของมัทนาปวดแปลบ สาระวารีพาแขกคนสำคัญคือ ษมา เจ้าของกาสิโนมาที่สำนักงาน พอมัทนาทำความรู้จักแล้วก็ขอตัวกลับบ้าน แต่ขณะที่เดินออกจากสำนักงาน มีมือปืนเข้ามาดักยิง โชคดีที่ษมาผลักมัทนาได้ทัน ปืนเลยแค่เฉี่ยวศีรษะไป สาระวารีพามัทนาไปหาหมอ มัทนานึกถึงเขตต์ตวันว่าใช่เขาหรือเปล่าที่มาทำร้ายเธอ สาระวารีพามัทนากลับบ้าน พบว่าบ้านถูกขโมยงัดแงะเข้ามารื้อข้าวของโดยที่ไม่ได้เอาอะไรไปเลย โดยเฉพาะห้องมัทนาถูกรื้ออย่างหนัก มัทนาโกรธจัดคิดว่าเป็นฝีมือเขตต์ตวันแน่ๆ เธอให้สาระวารีพาไปที่บ้านเขา เมื่อมัทนาไปถึง ก็ต่อว่าเขตต์ตวันทันที เขตต์ตวันตกใจมากที่รู้ว่ามัทนาถูกยิง เขาพยายามอธิบายว่าตนไม่ได้เป็นคนทำ และขอโทษที่เข้าใจผิดเรื่องรูป เขาบอกว่าจะไม่ทำร้ายจิตใจมัทนาอีก มัทนารู้สึกดีใจขึ้นมาทันที สาระวารีพยายามคิดว่าใครกันแน่ที่ปองร้ายมัทนา เขตต์ตวันกับเอกชัยเล่าเรื่องเพื่อนที่โตมาด้วยกัน แต่เพื่อนคนนั้นกลายเป็นคนเลวค้ายา ค้าผู้หญิง หลอกลวงน้องสาวของเขตต์ตวันไปขาย จนเขาต้องแจ้งตำรวจจับทำให้เกิดเป็นความแค้นกันขึ้นมาไม่เลิกไม่รา สาระวารีถามว่าเพื่อนชื่ออะไร เขตต์ตวันบอกว่าชื่อเชษฐ์ เมื่อเล่ามาถึงตอนนี้มัทนาก็หลับไปเสียแล้ว เขตต์ตวันอาสาพามัทนาไปส่งที่บ้าน สาระวารียอมให้ไปเพราะรู้ใจของเขตต์ตวันว่าคงหลงรักมัทนาเข้าให้แล้ว แท้จริงแล้วศัตรูของเขตต์ตวันก็คือเชนนั่นเอง เชนต้องการไข่มุกคืนจากมัทนา เพราะเป็นไข่มุกแท้จากญี่ปุ่น เชนสั่งให้ลูกน้องจัดการเรื่องของมัทนาให้ได้ เขตต์ตวันมาหามัทนาแต่เช้าด้วยความห่วงใย เขาอาสามาเฝ้าหญิงสาวที่บ้านจนกว่าจะหาย และขอมาดูงานเขียนข่าวของมัทนาด้วย ทั้งสองเริ่มกลับมาใกล้ชิดกันเหมือนเดิม เขตต์ตะวันให้เครื่องช็อตไฟฟ้าและสเปรย์พริกไทยกับ มัทนาไว้เพื่อป้องกันตัว และทุกวันหลังจากมัทนาหายแล้วเขาจะไปรับเธอกลับบ้านหรือถ้าเขาไม่ว่างก็จะให้เอกชัยไปรับแทนหนังสือสยามสารที่ลงตีพิมพ์เรื่องของเขตต์ตวันมียอดขายถล่มทลาย ทุกคนต่างสนใจชีวิตของพระเอกสุดหล่อที่หายไปจากวงการนาน 2 ปี นักข่าวสำนักอื่นๆ เริ่มขอสัมภาษณ์เขตต์ตวัน แต่เขตต์ตวันก็ปฏิเสธไปหมด จนนักข่าวอื่นๆต่างหมั่นไส้ลงข่าวว่ามัทนาเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ได้สัมภาษณ์เขตต์ตวัน ตอนนี้มัทนาจึงตกเป็นข่าวในแง่ลบเสียเอง สาระวารีได้รับอุบัติเหตุจากการทำข่าวอยู่ที่ตราด มัทนาต้องไปเยี่ยมด่วน เพราะสาระวารีมีพี่สาวคนเดียวซึ่ง ไม่ว่างมาดูแล เขตต์ตวันมารับมัทนาพอดี จึงขอไปกับมัทนาด้วย เนื่องจากงานแฟชั่นโชว์เสื้อผ้าล็อตใหม่ของตวัน ต้องเลื่อนไปเพราะมีแบบหายไป ทำให้เขตต์ตวันหงุดหงิดมาก แต่ระหว่างเฝ้าอาการสาระวารี เขตต์ตวันกลับคิดแบบเสื้อใหม่ขึ้นมาได้ ซึ่งเป็นแบบเสื้อของมัทนาโดยเฉพาะ ไชยวัฒน์สงสัยเรื่องสาเหตุที่สาระวารีได้รับอุบัติเหตุ ส่วนมีคณาพานายตำรวจหนุ่มชื่อ หิรัณย์ มาแนะนำให้ มัทนารู้จัก หิรัณย์พูดถึงไข่มุกดำที่หายไปจากประเทศญี่ปุ่น ตอนนี้ยังตามจับ
บ่วงเล่ห์เสน่หา (2546/2003) บ่วงเล่ห์เสน่หา เป็นเรื่องราวของ พิกุล ( กมลชนก โกมลฐิติ ) สูญเสียพ่อแม่จากการถูกโจรเสือหาญจับเป็นตัวประกัน เพื่อหลบหนีทีมของร้อยตำรวจเอกไกรยุทธ ( นุติ เขมะโยธิน ) หลังจากพ่อแม่เสียชีวิต พิกุลก็มีชีวิตที่ตกต่ำลง ทำให้เธอต้องทำงานหนักแม้แต่การร่ายรำตามตลาดแลกกับเงินเพียงเล็กน้อย เพื่อไปเจือจุนตนเองและยาย พิกุลเจ็บแค้นและเข้าใจผิดมาโดยว่านายตำรวจผู้นั้นเป็นผู้ฆ่าพ่อแม่ของเธอ และตั้งใจว่าต้องแก้แค้นให้ได้ ต่อมาพิกุลได้ร่วมแสดงอยู่ในคณะละครเร่แก้วเจ้าจอม และบังเอิญคณะแก้วเจ้าจอมได้มีโอกาสแสดงในงานเลี้ยงที่บ้านของร้อยตำรวจเอก ไกรยุทธ เมื่อพิกุลได้พบกับไกรยุทธก็ตกใจและตัดสินใจล้างแค้นจึงโปรยเสน่ห์จนไกรยุทธ หลงใหลในตัวเธอจนในที่สุดก็รับพิกุลมาเป็นภรรยาอีกคนหนึ่งนอกเหนือไปจาก พุดซ้อน ( อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ ) ภรรยาหลวงผู้ไม่มีปากเสียง ต่อ มาไกรยุทธอยากมีลูกชายจึงบอกกับภรรยาทั้งสองว่าหากใครตั้งท้องลูกชายคนแรก ได้เขาจะยกสิทธิขาดในการคุมบ้านเทพพิมานให้ พิกุลจึงไปหาหมอเข้มซึ่งเป็นหมอเสน่ห์เพื่อช่วยทำให้ไกรยุทธมาหลงเสน่ห์เธอ คนเดียวแต่กลับถูกหมอเข้มฉวยโอกาสข่มขืน ต่อมาพิกุลตั้งท้องและให้กำเนิดลูกชายคนแรกชื่อ ชวิน ( วรรธนะ กัมทรทิพย์ ) พิกุลได้สิทธิ์ขาดในการดูแลบ้าน จึงสั่งให้พุดซ้อนไปอยู่เรือนเล็กแทนพิกุลต่อมาไม่นานนักพุดซ้อนก็ให้กำเนิด ฝาแฝดหญิง-ชายชื่อ ช่อชมพู่ ( ธัญญาเรศ รามณรงค์ ) และ ระพีวิชญ์ ( รุ่งเรือง อนันตยะ ) แต่พิกุลก็เป่าหูไกรยุทธว่า พุดซ้อนท้องกับสมภพลูกน้องของไกรยุทธ ทำให้ไกรยุทธทุ่มเทความรักให้กับชวินจนลืมนึกถึงช่อชมพู่ และระพีวิชญ์ เพราะไม่แน่ใจว่าทั้งคู่จะใช่ลูกของตนหรือไม่ พิกุลยังแอบลอบไปหาหมอเข้มอยู่เสมอจนตั้งครรภ์และคลอดลูกสาวออกมาอีกคนหนึ่ง ชื่อว่า ชลนิภา ( ศรุตา เรืองวิริยะ ) พิกุลต้องการให้ลูกทั้งสอง ของเธอแต่งงานกับภูรินทร์ ( อธิชาติ ชุมนานนท์ ) และอารดา ( อาริษา วิลล์ ) ลูกของท่านอธิบดีวินัยกับคุณหญิงกรรณิการ์ แต่ภูรินทร์กับอารดากลับสนใจช่อชมพู่กับระพีวิชญ์มากกว่า เมื่อไกรยุทธเริ่มป่วยพิกุลจึงร่วมมือกับหมอเข้มให้ยาพิษทีละน้อยแก่สามี พร้อมวางแผนให้ชลนิภาใกล้ชิดกับภูรินทร์แต่ชายหนุ่มกลับมีใจแน่วแน่ต่อช่อ ชมพู่ ชลนิภาจึงไปหาหมอเข้มเพื่อทำเสน่ห์แต่กลับโดนลูกสมุนของหมอเข้มข่มขืน เธอไม่กล้าบอกใครแม้แต่แม่ของตน พิกุลบังคับให้ไกรยุทธสู่ขออารดาให้ชวิน ชลนิภารู้ว่าตนกำลังท้องจากฝีมือของลูกสมุนหมอเข้มจึงบอกพิกุลว่าเธอท้องกับ ภูรินทร์ พิกุลเริ่มคบหาหมอเข้มอย่างออกนอกหน้า พุดซ้อนจึงดูแลไกรยุทธแทน เมื่อคุณหญิงกรรณิการ์รู้ความจริงว่าลูกของชลนิภาไม่ใช่เกิดจากภูรินทร์จึงล้ม เลิกการแต่งงานทั้งหมด พิกุลเห็นว่าลูก ๆ ของเธอหมดสิ้นทุกสิ่งจึงใช้ปืนบังคับให้ไกรยุทธยกสมบัติทั้งหมดให้เธอและลูก และบอกความจริงว่าชวินและชลนิภาไม่ใช่ลูกของไกรยุทธ รวมทั้งบอกว่าที่เธอทำไปทั้งหมดก็เพราะต้องการแก้แค้นที่ไกรยุทธเคยฆ่าพ่อ และแม่ของเธอ แต่เมื่อพิกุลได้ทราบว่าผู้ที่ฆ่าพ่อแม่ของเธอคือเสือหาญไม่ใช่ฝีมือของไกร ยุทธ ทำให้เธอรู้สึกหมดหวังในชีวิตจึงฆ่าตัวตาย ภูรินทร์หันมาปรับความเข้าใจกับช่อชมพู่และแต่งงานพร้อมกับคู่ของระพีวิชญ์ และอารดา เมื่อชลนิภาคลอดลูกแล้วชวินจึงตัดสินใจลาออกจากงานและพาน้องสาวของเขาหนีหาย ไปจากสังคม
กุหลาบไร้หนาม (2553/2010) นันทวดี วิปกรณ์ อาศัยอยู่ในบ้านเก่าโกโรโกโสกับ สร้อยสอางค์ หัวหน้าพาร์ตเนอร์ผู้เป็นแม่ และ พวงสร้อย นักพนันตัวยงผู้เป็นยาย ถึงจะอยู่บ้านโทรม ๆ แต่นันทวดีก็มีเงินเดือนที่ ธวัช พ่อของเธอส่งให้ เธอจึงแต่งตัวหรูหรามีเงินใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย นันทวดีชอบเที่ยวมากกว่าเข้าห้องเรียน จึงไม่ยอมเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย สร้อยสอางค์ก็เห็นดีเห็นงามด้วย วันหนึ่งนวลใจ ผู้เป็นแม่เลี้ยงส่งข่าวมาบอกว่าธวัช เสียชีวิตและแบ่งมรดกไว้ให้ โดยมีเงื่อนไขว่านันทวดีต้องเข้าไปอยู่ในบ้านวิปกรณ์ให้ครบ 5 ปี จึงจะได้รับเงินมรดก นันทวดีอยากได้เงินและอยากไปแก้แค้น นวลใจ กับ วารี ย่าแท้ ๆ ที่สร้อยสอางค์กับพวงสร้อยเพียรพูดกรอกหูตั้งแต่เด็กว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจ เธอจึงตัดสินใจเข้าไปอยู่ในบ้านวิปกรณ์ นันทวดีมีน้องร่วมบิดาอีก 2 คน คือ อนุธวัช ซึ่งกำลังเรียนอยู่ที่อเมริกา และ นุชรี นิสิตมหาวิทยาลัยชื่อดัง เธอเกลียดน้องตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า และยิ่งได้เห็นชีวิตอันหรูหราของนุชรี นันทวดีก็ยิ่งเกลียดเพราะเธอคิดว่านั่นคือชีวิตที่เธอควรได้ นันทวดีจึงคิดว่าเธอต้องเอาชนะนุชรีทุกเรื่อง แม้ในใจจะริษยาแต่นันทวดีก็ซ่อนความรู้สึกได้มิดชิดคำพูดอ่อนโยนที่เธอแสดงออก ทำให้นวลใจกับนุชรีรักและไว้ใจนันทวดียกเว้นวารีเท่านั้นที่หวาดระแวงนันทวดี นันทวดีได้พบกับ ร้อยโทสารัตถ์ นายทหารหนุ่มรูปหล่อ นันทวดีพึงใจสารัตถ์ตั้งแต่แรกพบและเมื่อรู้ว่าสารัตถ์เป็นคู่หมั้นของนุชรี นันทวดีก็คิดจะแย่งทันที โดยหาโอกาสโปรยเสน่ห์ใส่สารัตถ์ที่มาหานุชรีทุกวัน จน สีดา เพื่อนสนิทนุชรี เห็นว่าสารัตถ์สนิทกับนันทวดีมากเกินไป จึงเตือนนุชรีให้ระวัง นุชรีไม่เชื่อและบอกว่าสีดาอคติกับนันทวดีเพราะไม่ถูกชะตา นันทวดีไม่ยอมเรียนต่อมหาวิทยาลัย ตามที่นวลใจขอร้อง แต่ขอเรียนตัดเสื้อแทนเพราะอยากเอาตัวไปใกล้ชิดกับลูกค้าของร้านที่เป็นผู้ดีมีเงิน การไปเรียนตัดเสื้อทำให้นันทวดีได้พบสารัตถ์โดยบังเอิญ สีดาผ่านมาเจอสารัตถ์อยู่กับนันทวดีก็ประชดประชันอย่างไม่พอใจ นันทวดีสะใจที่สีดามาเจอเพราะอยากให้ นุชรีรับรู้ว่าสารัตถ์มากับตน แต่แกล้งทำทีเป็นห่วงว่านุชรีอาจเข้าใจผิด สารัตถ์ที่ยังไม่ได้คิดอะไรเกินเลยปลอบให้ นันทวดีหายกังวลและยิ่งชื่นชมว่านันทวดีเป็นพี่ที่ดีที่ห่วงความรู้สึกของน้องสาว นันทวดีได้รับเชิญให้เป็นนางแบบกิตติมศักดิ์เดินแบบการกุศลในงานบอล เมื่อสารัตถ์รู้ก็แอบมาร่วมงานโดยไม่บอกนุชรี ทำให้นันทวดีรู้ว่าสารัตถ์ก็มีใจให้เธอเช่นกัน นันทวดีใช้มารยาหญิงโดยใช้หาญพงศ์ นักธุรกิจหนุ่มลูกชาย คุณนายเฮียง เจ้าของร้านทอง ขาไพ่ของพวงสร้อย มาร่วมงานบอลด้วยจึงใช้เป็นเครื่องยั่วให้สารัตถ์หึง สุดท้ายสารัตถ์ก็ทนความอึดอัดไม่ไหวไปดักเจอนันทวดีที่ร้านตัดเสื้อ ประชดประชันเรื่องหาญพงศ์และถามถึงเรื่องที่นันทวดีหลบหน้า นันทวดีตีหน้าเศร้าอ้างว่าไม่กล้าสู้หน้าสารัตถ์เพราะละอายใจที่หลงรักคู่หมั้นของน้องสาว สารัตถ์หายโกรธและตัดสินใจไปบอก พลโทสวี ผู้เป็นพ่อว่าจะขอถอนหมั้นนุชรีเพื่อแต่งงานกับนันทวดี สวีโกรธมากแต่ก็ขัดใจลูกชายคนเดียวไม่ได้ จึงให้ คุณหญิงรุจิรา ภรรยาเป็นตัวแทนไปพูด นวลใจตกใจมากจึงไปถามไถ่กับนันทวดี นันทวดีตีหน้าเศร้าสารภาพว่ารักกับสารัตถ์จริง แต่จะแต่งงานกับหาญพงศ์แทนเพราะไม่อยากให้นุชรีเสียใจ นวลใจหลงกลในความเสียสละจึงบอกให้นันทวดีแต่งงานกับสารัตถ์ นุชรีเสียใจมากเมื่อรู้ว่าสารัตถ์นอกใจเธอไปรักกับพี่สาว ขณะที่สารัตถ์กับนันทวดีชื่นมื่น นุชรีก็เสียใจอย่างหนักจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ วารีทนไม่ได้จึงพาหลานสาว ไปพักรักษาแผลใจที่ชายทะเลโดยมีสีดาตามไปช่วยดูแล...นุชรีเสียใจมากเกือบคิดสั้นฆ่าตัวตาย แต่สติก็ช่วยให้เธอดับความคิดชั่ววูบนั้นลงได้ นันทวดีหวังว่าการแต่งงานจะทำให้เธอใช้ชีวิตเป็นอิสระ หรูหรา มีเงินใช้ฟุ่มเฟือยโดยไม่ต้องทำงาน เมื่อทุกอย่างไม่เป็นดังใจเธอจึงหงุดหงิดและคิดว่าผู้ชายที่ต้องพึ่งแต่เงินจากพ่อแม่อย่างสารัตถ์จะไม่ใช่พระเอกที่เธอฝันไว้เสียแล้ว ด้านสีดาคิดจับคู่ให้นุชรีจึงพา นัดดา เลขาฯ เอกท่านทูต ลูกพี่ลูกน้องที่เพิ่งกลับจากอังกฤษมาร่วมงานด้วย สีดาพานัดดาไปอยู่ในกลุ่มเพื่อนของนุชรี นันทวดีได้รับการแนะนำให้รู้จักกับนัดดาทั้งคู่คุยกันอย่างถูกคอ ทำให้สีดาไม่พอใจที่นัดดาให้ความสนใจนันทวดีมากกว่านุชรี นานวันนันทวดีก็ยิ่งเบื่อกับชีวิตที่ต้องแอบอิงพ่อผัวแม่ผัว และอิจฉานุชรีที่มีนัดดาคอยรับคอยส่ง เพราะนัดดามีตำแหน่งเป็นว่าที่ท่านทูต ซ้ำยังรวยกว่าสารัตถ์หลายเท่า นันทวดีทนไม่ได้ที่เห็นนุชรีได้ดีกว่าตนจึงหาเรื่องทะเลาะกับสารัตถ์จนเขาโกรธระงับอารมณ์ไม่อยู่ตบหน้านันทวดี ทำให้นันทวดีใช้เป็นข้ออ้างขอหย่าและกลับมาอยู่บ้านวิปกรณ์ เมื่อนัดดามาส่งนุชรี นันทวดีที่แสร้งทำเป็นจะออกจากบ้านจึงขอติดรถไปด้วย สีดาไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้ ส่วนนุชรียิ่งหนักเพราะแม้จะพบกันบ่อย ๆ แต่นัดดาก็ไม่เคยเอ่ยว่ารัก นุชรีจึงไม่กล้าคิดไปไกลว่าตนเป็นเจ้าข้าวเจ้าของนัดดา นันทวดีใช้มารยาสร้างความสนิทสนม นัดดาเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่งนันทวดีจึงดูไม่ออกว่านัดดาคิดกับเธออย่างไร แต่เมื่อนัดดายินดีขับรถไปส่งและรอรับเธอกลับจากการทำธุระ นันทวดีก็อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ แต่เมื่อรู้ว่านัดดาขอนุชรีแต่งงาน เธอจึงคิดวางแผนทุกอย่างเพื่อจะแย่งนัดดามาให้ได้ โดยหลอกล่อนัดดามาที่บ้านแล้ว ชงเหล้าผสมยาจีนชนิดหนึ่งให้ หลังดื่มเหล้าหมดแก้วนัดดาก็รู้สึกถึงอารมณ์ประหลาด กลิ่นหอมของนันทวดีทำให้เขาหยุดความปรารถนาไว้ไม่อยู่ทำให้เขาล่วงเกินนันทวดีตามแผนสร้อยสอางค์ นัดดาเสียใจกับสิ่งที่เขาทำลงไปมาก แต่เขาก็โล่งใจเมื่อนันทวดีเอ่ยปากว่ารักเขามากและไม่อยากให้นุชรีเสียใจเป็นครั้งที่สอง เธอจะเก็บเรื่องทั้งหมดเป็นความลับและขอแค่นัดดามาหาเธอบ้างก็พอ คำหลอกลวงของนันทวดีทำให้นัดดาซึ้งใจในความเสียสละ ด้วยความรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปนัดดาจึงยังคงไปหานันทวดี และความรู้สึกผิดของทั้งสองก็จบลงบนเตียงนอนทุกครั้ง ด้านนันทวดีก็พยายามจะให้นุชรีรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับนัดดาให้ได้ นันทวดีจะทำลายความรักระหว่าง นันดา กับ นุชรี ได้หรือไม่ และความรักระหว่างนุชรีกับนัดดาจะลงเอยเช่นไรต้องติดตามชม ละครกุหลาบไร้หนาม ทุกวันพุธ - พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ละครกุหลาบไร้หนาม เริ่มตอนแรกวันพุธที่ 14 กรกฎาคม 2553
เรื่องย่อ : เมียน้อย (2537/1994) คือเรื่องราวและเส้นทางของเด็กหญิงที่โดดมาเป็น นาง ในฐานะ เมียน้อย ที่ใครๆ แม้แต่ตัวเองก็ไม่อยากประสบ หากใครจะรู้อนาคตของตนเองได้บ้าง ขณะที่ประสบกับปัญหาชีวิต เจ้าของปัญหาชีวิต ย่อมพยายามหาทางออกอย่างดีที่สุดในขณะนั้น แต่จะดีแค่ไหนในสายตาของคนอื่น ย่อมเป็นอีกเรื่องหนึ่งชลา ก็เช่นกัน! สภาพของ เมียน้อย ที่ผ่านพบนั้น สอนให้เธอรู้ว่า ความเจ็บช้ำขมขื่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์ มิได้มาจากสิ่งอื่น นอกจากมนุษย์ด้วยกัน มนุษย์ชอบคิดว่าตนเองวินิจฉัยคนอื่นถูกต้องเสมอ และเมื่อใครทำผิดข้อวินิจฉัยนั้น แต่บางคน บางคนเท่านั้นที่ได้อย่างที่หวัง หากนอกเหนือจากนั้น สิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝัน มักอยู่สุดเอื้อมเสมอ หลายคนชอบพูดกันว่า ยุคนี้เป็นยุคทองของ แฟชั่นนิยม ในการเป็น เมียน้อย แต่ฉันอยากจะบอกว่า ผู้ชายอาจจะคิดอย่างนั้น แต่ผู้หญิงเราไม่เคยคิดจะเป็นแฟชั่น หากทางชีวิตเราต่างหาก ทำให้เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้ชายต้องการ คนของเขา ที่บริสุทธิ์ราวกับน้ำค้างกลางหาวมาประดับเกียรติ เชิดหน้าชูตาเพื่อความภาคภูมิใจว่า ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน แต่สำหรับผู้หญิงเรา ถ้าลงได้รักแล้ว เราไม่เคยสนใจว่าเขาผ่านใครมากี่คน เรารู้แต่ว่า เรารักคนนี้เป็นพอ หากจะคิดกันว่า ฉากผ่าน ของทั้งสองฝ่ายเป็นการแปดเปื้อน ฉันก็อยากจะรู้นักว่า ใครจะแปดเปื้อนมากไปกว่ากัน ผู้ชายคิดกันแต่เพียงว่า จะหยิบชิ้นที่ดีที่สุด ในขณะที่ผู้หญิงเรากลับคิดว่า จะปั้นคนของเราให้ดีที่สุด แม้ในบั้นปลาย ด้วยน้ำอดน้ำทน ด้วยจักผ่อนหนักผ่อนเบา กับการเผชิญหน้ากับความจริงแห่งสภาพ เมียน้อย ชลาจะดำรงตนจนพบรัก พบความเข้าใจ และได้รับความเป็นครอบครัวจาก ตุลา มือกฎหมายระดับเซียนก็ตาม หากบทเรียนอันมีความขมขื่นเป็นปริญญาชีวิตตลอดสิบปีของเธอ ย่อมเป็นคัมภีร์ชีวิตอันล้ำค่าสำหรับลูกผู้หญิงทุกคน สิบปี สอนให้ฉันรู้จักกับการต่อสู้ ช่วงชิง สิบปี สอนให้ฉันรู้จักกับมนุษย์ทุกชนิดและทุกประเภท และสิบปี ที่คำว่า เมียน้อย ประทับตราอยู่บนหน้าฉัน ฉันต้องใช้ทั้งน้ำตาและความอดทนลบรอยนั้นให้เลือนหาย หากใครที่เคยเกลียดคำนี้อย่างจับใจมาแล้ว ได้อ่านเรื่องนี้ผ่านสายตาไปบ้าง ขอให้อ่านต่อไปอีกสักนิดเถิด อ่านเพื่อจะได้รับรู้ว่า เมียน้อยทั้งหมดจะต้องผ่านอะไรมาบ้าง อะไร สิ่งนั้น ที่บรรดาเมียหลวงไม่เคยคิด ไม่เคยประสบ และไม่เคยรู้ถึงความขมขื่นที่เกาะกินใจเราตลอดมา ความขมขื่นของ เมียหลวง เป็นความขมขื่นที่มีหลักประกันหนุนหลัง และมีเสียงของสังคมให้ความเห็นใจ แต่สำหรับพวกเรา ทุกสิ่งทุกอย่างว่างเปล่าเสมอ เรามีแต่คำปลอบใจตัวเองว่า สักวันหนึ่งเถิดน่า เราจะมีใครสักคนที่รักเราจริงๆ ทมยันตี ขอมอบแก่นชีวิตที่เรียงร้อยจากดวงใจอันขมขื่น ของบทประพันธ์เรื่อง เมียน้อย นี้ ปลอบโยนลูกผู้หญิง ให้เข้มแข็งกับ บทเรียน แห่งชะตากรรมของ ความเป็นรอง ให้ได้รับสิทธิในความรู้สึกอันจะต้องเดิน เคียงคู่ เสมอกัน ให้ได้พบคำตอบ ไม่ต้องทั้งหมด ไม่ต้องส่วนมาก ขอเพียงบางส่วน ขอมีใครเพียงสักคนที่รักและเข้าใจ!
ลูกไม้เปลี่ยนสี (2552/2009) น้ำ ทิพย์นักศึกษาแพทย์ปีสุดท้ายมีความรักอยู่กับชาตรี ซึ่งเป็นนักศึกษาแพทย์ด้วยกันและได้วางแผนอนาคตว่าจะแต่งงานกันทันทีเมื่อ เรียนจบ ความรักของทั้งสองดำเนินไปโดยไม่มีปัญหาใดๆจนถึงวันที่น้ำทิพย์แนะนำให้ ชาตรีรู้จักกับฤทัย ฤทัยเป็นคนสวยมีเสน่ห์และคบอยู่กับบัญชา ที่มีฐานะยากจน ฤทัยจึงคิดจับชาตรีที่พรั่งพร้อมกว่า โดยแกล้งมาปรึกษาปัญหาหัวใจกับน้ำทิพย์เพื่อหวังจะได้ใกล้ชิดชาตรีมากขึ้น ชาตรีเริ่มหวั่นไหวและเผลอใจไปมีความสัมพันธ์กับฤทัยในที่สุด ฤทัยรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง จึงบอกเลิกบัญชาและอ้างว่าลูกในท้องเป็นลูกของชาตรี น้ำ ทิพย์รู้เรื่องระหว่างชาตรีกับฤทัยจึงซึมเศร้าและเจ็บปวดมากจนกลายเป็นโรค เครียดจนเรียนหนังสือต่อไม่ได้ ประสพเพื่อนร่วมห้องเดียวกันที่แอบรักน้ำทิพย์ต้องคอยปลอบใจ น้ำทิพย์ใช้ความรักที่ประสพมีให้เธอเป็นเงื่อนไขในการบังคับให้เขาซึ่งเป็น แพทย์ฝึกหัดประจำธนาคารเก็บน้ำเชื้อ ขโมยน้ำเชื้อของชาตรีที่ได้บริจาคไว้ออกมา น้ำทิพย์ท้องจึงกลับไปอยู่ที่บ้านสวน สร้างความอับอายให้น้ำเงินผู้เป็นแม่ แม่ตรอมใจตายด้วยความผิดหวัง ชีวิตของน้ำทิพย์จึงเหลือเพียง ลุงทองดี ป้ามาลัย โดยที่ประสพยอมรับเป็นพ่อของเด็กในท้อง ในขณะที่ชาตรีได้แต่งงานกับฤทัย หลังจากเรียนจบแพทย์ น้ำทิพย์ยังติดตามข่าวคราวของชาตรีกับฤทัยด้วยความแค้นจนกลายเป็นคนเครียด ถึงขั้นโรคจิต ติดตามต่อได้ใน ลูกไม้เปลี่ยนสี
เขยมะริกัน (2547/2004) จอร์แดน หนุ่มนักการทูตชาวอเมริกันถูกบังคับให้แต่งงานกับ เบ็ตตี้ หลานสาวนักธุรกิจใหญ่ชาวอเมริกัน ด้วยเหตุผลของผู้ใหญ่เห็นว่าทั้งคู่นั้นเหมาะสมกัน ทั้งๆ ที่จอร์แดนไม่ได้รักเบ็ตตี้เลยสักนิด ทำให้จอร์แดนหนีไปใช้ชีวิตที่เมืองไทย โดยมี ?เคน? คนขับรถคู่ใจมาอยู่ด้วย จอร์แดนเปลี่ยนชื่อเป็น จอร์จ ทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวซำเหมาอยู่แถวถนนข้าวสาร เขาโดนไกด์ผีหลอกเอาเงินไปจนหมดตัว จอร์จได้เจอกับ สนอง คนขับรถ 3 ล้อซึ่งกำลังถูกเจ้าหนี้ทำร้ายจึงเข้าไปช่วย สนองตอบแทนความมีน้ำใจโดยให้จอร์จและเคนไปอยู่ด้วยกัน สมจิตร เมียของสนองซาบซึ้งในความมีน้ำใจ ติดตามต่อได้ใน เขยมะริกัน
รังนกบนปลายไม้ (2549/2006) ชุมชนแออัด ตั้งอยู่บริเวณริมทางรถไฟ มีครอบครัวของ เหมือนธาร ซึ่งอาศัยอยู่กับตาสมบุญ กับ ยายดวง และน้องสาว หมายทิพย์ ครอบครัวของเหมือนธารอยู่ได้ด้วยเงินบำนาญของยายและการทำงานไปเรียนไปของ เหมือนธาร กระทั่งวันหนึ่งยายดวงประสบอุบัติเหตุหัวฟาดพื้น ต้องนอนไม่ได้สติ ภาระทั้งหมดจึงตกเป็นของเหมือนธาร เพราะตาสมบูรณ์เองก็พิการ ส่วนหมายทิพย์เป็นเด็กใจแตก ไม่ว่าเหมือนธารจะทำงาน หนักแค่ไหนเธอก็ไม่ท้อด้วยความหวังว่าจะดูแลตากับน้องให้ดีที่สุด เผื่อยายฟื้นขึ้นมาจะได้ภาคภูมิใจในตัวเธอ เหมือนธารถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้าง ทำให้เหมือนธารต้องเปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ ติดตามต่อได้ใน รังนกบนปลายไม้
ร่ายริษยา (2550/2007) อินทัช นักแต่งเพลงชื่อดังถูก ทำนุ และอำภา ผู้เป็นพ่อแม่ เร่งรัดให้แต่งงานกับ มุกริน ลูกสาวของ ปราโมทย์ และราตรี อินทัชไปพักสมองที่ “แทนรักรีสอร์ท” ซึ่ง แพรใจ เป็นผู้บริหาร ทำให้ทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกันจนเกิดเป็นความรัก ความรักทั้งคู่จะไปด้วยดี หากไม่มี พันทวี ผู้จัดการฝ่ายดูแลลูกค้าของเอเยนซี่ชื่อดังและ นพดล ผู้ช่วยแพรใจที่ ปวีร์ และเบญจา พ่อและแม่ของหญิงสาวให้การอุปการะตั้งแต่เล็ก คอยสร้างความแคลงใจให้ แต่ด้วยความมั่นคงอินทัชจึงสู่ขอแพรใจ แม้ว่าทำนุและอำภาจะไม่ต้อนรับสะใภ้ ความสัมพันธ์ของอินทัชและแพรใจทำให้มุกรินที่หลงรักอินทัชหาเรื่องใส่ร้าย แพรใจ จนกระทั่งอินทัชมีโอกาสแต่งเพลงให้ ปาลิตา ลูกสาว นายหัวปยุต และลักษณา เจ้าของธุรกิจทัวร์ครบวงจรของภาคใต้ ข่าวคราวของปาลิตาทำให้แพรใจ จำได้ว่าปาลิตาคือคู่อริของเธอสมัยเรียน เมื่อปาลิตารู้ว่าแพรใจคือมารความรักแถมยังเป็นคู่อริในวัยเด็ก ยิ่งพยายามทำทุกทางที่จะได้อินทัชมาครอบครอง จนอินทัชเริ่มหลงเสน่ห์ของปาลิตา ติดตามต่อได้ใน ร่ายริษยา
คู่เดือด (2553/2010) คู่เดือด น้ำงาม อำเภอชายแดนทางภาคเหนือของประเทศ ดินแดนบริสุทธิ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ ผู้คนที่มีน้ำใจโอบอ้อมอารี ดินแดนที่มีแม่น้ำสายใหญ่กั้นเขตแดนระหว่างเพื่อนบ้านอีกสองประเทศต่างคบค้าสมาคมกันฉันพี่น้องมาเนิ่นนาน ในหมู่บ้านมีวัดถ้าผาน้ำไหลที่เป็นวัดเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ และมีเด็กชายดำตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ถูกสายใจแม่บังเกิดเกล้ามาทิ้งไว้ให้หลวงพ่อสิงโตที่เป็นเจ้าอาวาสเลี้ยงก่อนจะหนีไปอยู่กับสามีใหม่ หลวงพ่อสิงโตเลี้ยงให้ดำเติบโตมาด้วยความไม่บกพร่องทางจิตใจ พร้อมกับสอนศิลปะป้องกันตัวไม่ว่าจะเป็นมวยไทยกระบี่กระบอง ซึ่งเป็นวิชาที่หลวงพ่อมีติตัวมาตั้งแต่ยังไม่บวชได้ถูกถ่ายทอดให้ดำจนหมด
เรื่องย่อ : น้ำเซาะทราย (2544/2001) พุดกรอง วิบูลย์สิน แอบรักกับภีม ประการพันธ์ มาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย แต่พุดกรองเลือกที่จะแต่งงานกับพร้อม วิบูลย์สิน จนทั้งคู่มีบุตรชายด้วยกันชื่อ จ้าน ทางฝั่งภีมแต่งงานกับวรรณนรี มีอาชีพเป็นครู มีลูกชายหญิงสองคน ลูกสาวชื่อ ภัทรียา และลูกชายชื่อ ภุมวาร ต่อมาพร้อม สามีของพุดกรองเสียชีวิต จนหลังจากนั้น 1 ปี พุดกรอง ได้ไปร่วมงานสังคมกับวรรณนรี ภีม และพงษ์สนิทจิตรกรรม ซึ่งจัดขึ้นโดยคุณหญิงพรรณราย ซึ่งได้แนะนำให้รู้จักกับพิมุข สามีของคุณหญิงพรรณราย ที่เป็นคู่แข่งในการแย่งชิงตำแหน่งคณบดีกับวรรณนรี เมื่อพุดกรองได้พบกับภีมอีกครั้ง จึงได้มีความรู้สึกดี ๆ ร่วมกัน ภีมก็เริ่มเบื่อวรรณนรีและเริ่มมีปากเสียงกัน จนภีมออกจากบ้านแล้วชวนพุดกรองมาหา ทั้งคู่จึงสภาพกันว่าแอบรักกันมาตั้งแต่เมื่อได้พบกันครั้งแรกแล้ว พุดกรองเริ่มหาวิธีให้มาได้พบกับภีม จนทั้งสองได้เช่าบ้านใช้ชีวิตร่วมกัน เมื่อพงษ์สนิทรู้เรื่องนี้จึงรีบไปบอกวรรณนรี แต่วรรณนรียังไม่เชื่อ พงษ์สนิทได้ยั่วยุให้พุดกรองและภีมมีปากเสียงกัน จนเมื่อวรรณนรีรู้แน่ชัดจึงยื่นคำขาดว่าจะหย่า หากไม่หย่าก็ต้องตัดขาดพุดกรอง ขณะที่พงษ์สนิทอยากให้พุดกรองเลือกตัวเองเป็นคู่ครอง จึงใช้วรรณนรีเป็นเครื่องมือ แต่วรรณนรีเครียดจนเข้าโรงพยาบาล เมื่อภีมและพุดกรองรู้เข้าจึงรู้สึกผิด ในขณะเดียวกันข่าวความสัมพันธ์ของพุดกรองกับภีมก็เป็นเรื่องดัง ประจวบกับพุดกรองตั้งท้องกับภีมด้วย ต่อมาวรรณนรีรู้จักกับทวยหาญ กาญจนสุรัตน์ ทั้งคู่ไปเที่ยวพร้อมกับลูกของวรรณนรี แต่เมื่อกลับบ้านมาก็พบว่าภีมกลับบ้านมา ซึ่งภีมเองไม่พอใจ วรรณนรีจึงขอหย่า แต่ภีมก็ไม่มาตามนัด จนได้พูดคุยกับภีมอีกครั้งแต่ภีมก็ไม่ยอมหย่า จนในที่สุดพุดกรองคลอดลูกชายชื่อ ปูจ๋า ท้ายสุดภีมยอมหย่าหลังวรรณนรีขอพูดคุยเรื่องหย่าอีกครั้ง พุดกรองรู้สึกได้ว่าที่ภีมไม่ยอมหย่าเพราะภีมยังรักวรรณนรีอยู่ พุดกรองได้ไปขอโทษขออโหสิกรรมต่อวรรณนรี แต่วรรณนรีไม่สนใจคำขอโทษเพราะคิดว่าพุดกรองเล่นละครอยู่ สุดท้ายภีมไม่เหลือใคร จึงกลับไปหาวรรณนรี แต่วรรณนรีทำตัวเฉยชา ไม่สนใจภีม
นางบาป (2548/2005) วิษณุ นำเอาตำนานของหมู่บ้านบางบาปมาทำเป็นละคร ซึ่งตามตำนานเล่าว่า พระวนาเทพ และ คุณกำไล ได้พาครอบครัวพร้อมด้วยข้าทาสบริวารมาอยู่ที่นี่ มีนางทาสคนหนึ่งชื่อ นางหยาด ที่ใช้ความสวยยั่วพระวนาเทพจนได้เป็นเมียอีกคนหนึ่ง แต่ด้วยความอยากที่จะเป็นเมียเอก นางหยาดจึงวางยาพิษฆ่าคุณกำไลและลูกๆ เมื่อความจริงถูกเปิดเผยนางหยาดโดนแขวนคอ วิษณุได้ ธนัตถ์ และภาพิมล ดาราชื่อดังมาเป็นพระ-นาง พักตรา แสดงเป็นนางร้าย ปาล เป็นพระรองของเรื่อง วัน เปิดตัวละคร “นางบาป” จัดขึ้นที่สถานที่จริงและ เรืองริน หนึ่งทีมงานของวิษณุได้รู้จักกับนักแสดงที่จะร่วมงานด้วย ซึ่งดาราทุกคนก็เป็นมิตรกับเรืองริน ยกเว้นภาพิมลที่แสดงความไม่ชอบหน้าเรืองริน เพราะเธอหมั่นไส้ที่ดาราชายทั้งสองคนแสดงความสนใจในตัวเรืองรินมากกว่าเธอ ระหว่างการเตรียมงาน วิษณุ, เรืองริน และทีมงานต้องมาดูงานที่บ้านหลังนี้บ่อยๆ จนเรืองรินเริ่มสัมผัสได้กับความแปลกที่เหมือนมีคนแอบจ้องมองอยู่ ติดตามต่อได้ใน นางบาป
ทางช้างเผือก (2551/2008) คุณนายสมถวิล เป็นคนร่ำรวยใจบุญ ชอบอุปการะเลี้ยงเด็กหญิงกำพร้า ดารินทร์ เด็กหญิงกำพร้าถูก ฟองจันทร์ เจ้าของซ่องนำมาให้คุณนายสมถวิลดูแล แต่ เบญจา ลูกสาวคนเดียวไม่เห็นด้วย คุณนายสมถวิลมีลูก 2 คน บุญชนะ ลูกชายคนโตเป็นคนอ่อนแอ เรียบร้อย เงียบขรึม ซึ่งตรงข้ามกับ เบญจา หลังจากที่บุญชนะฆ่าตัวตาย คุณนายสมถวิลจึงต้องเลี้ยง วรัณ และ วาม ซึ่งเป็นลูกของบุญชนะ เบญจาพยายามผลักดันให้ เปรมสุดา ลูกสาวของตนขึ้นเป็นหลานรักของสมถวิล แต่เปรมสุดาไม่สนใจ สมถวิลให้ สุรีย์ เด็กกำพร้ารุ่นแรกดู วารินทร์ โดยมี เอื้องคำ เป็นผู้ช่วย สมถวิลไว้ใจสุรีย์มากจึงทำให้เบญจาไม่พอใจ เมื่อเวลาผ่านไปวรัณเป็นหนุ่มเต็มตัว เกเรไม่สนใจเรียน เกลียดผู้หญิงเพิ่มมากขึ้น เปรมสุดาชอบหมกตัวอยู่กับเพื่อน วามก็ยิ่งเงียบขรึม เวลาที่ไม่พอใจอะไรก็จะไปลงที่เปียนโน สมถวิลจึงหาครูมาสอนให้เป็นเรื่องเป็นราว ดารินทร์เห็นเปรมสุดานั่งกอดจูบกับเพื่อนสาว เมื่อเบญจาทราบเรื่องจึงส่งลูกสาวไปเรียนต่อเมืองนอกกับวรัณ แต่วามต้องการเรียนดนตรีที่มหาวิทยาลัยศิลปกรหยาดทิพย์ ราชปาล สม ถวิลยังคงสนับสนุนเด็กในอุปการะ จึงทำให้เบญจาไม่พอใจคิดว่าเด็กจะปอกลอกแม่ของเธอ ส่วนวามจะกับมาเยี่ยมย่าทุกเดือน ดารินทร์ก็รอวามกลับมาเพื่อที่จะฟังวามเล่นเปียนโน หลังจากไปเมืองนอกหลายปีวรัณและเปรมสุดาก็กลับมาบ้าน วรัณใส่ร้ายวามว่าเป็นเกย์ เพราะพาเพื่อนฝรั่งมาพักที่บ้าน สมถวิลสืบรู้ว่า นอร์แมน มีภรรยาแล้วจึงโล่งใจ ที่มาอยู่ด้วยกันเพราะช่วยกันทำงานเพลง วรัณกลับมาอยู่บ้านและมีพฤติกรรมทำร้ายเด็กสาวขายตัวหลังจากร่วมหลับนอน วาม ส่งตั๋วคอนเสิร์ตที่เค้าแสดงมาให้ สมถวิลจึงชวนดารินทร์ไปดูทำให้เบญจาไม่พอใจ วามแสดงได้ดีมากทำให้ดารินทร์ปลื้มเขามากยิ่งขึ้น ขณะกลับบ้านดารินทร์โดน นายรับ พ่อของเธอจับตัวไปขายที่โรงงานนรก ดารินทร์จึงคิดหาทางหนี วันหนึ่งเพื่อนสนิทที่โรงงานปวดท้องจนตาย ดารินทร์รู้จึงทำเป็นปวดท้องบ้าง เจ้าของโรงงานกลัวเธอจะตายจึงพาส่งโรงพยาบาล และขอความช่วยเหลือจากหมอและแจ้งตำรวจ ดารินทร์จึงรอดออกมาได้ วามและสมถวิลจึงรีบมารับ จึงทำให้เบญจาเกลียดดารินทร์มากขึ้น เพราะแม่ให้ความสำคัญกับดารินทร์มากกว่าเปรมสุดา วรัณกลับจากเมืองนอกและมาช่วยดูแลที่ศูนย์การค้า ต๊ะ-วริษฐ์ ทิพโกมุทวรัณ เริ่มเที่ยวและไปยุ่งกับผู้หญิงที่ซ่อง ฟองจันทร์จึงมาฟ้องสมถวิลทำให้อาการโรคหัวใจกำเริบ ดารินทร์สอบเข้าคุรุศาสตร์ได้ วามเริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีปัญหาทางจิต และคิดว่าวรัณต้องเป็นเช่นกันจึงชวนไปพบจิตแพทย์ แต่วรัณไม่ยอมไปจึงทำให้อาการหนักขึ้น สมถวิลสั่งไม่ให้วรัญไปเที่ยวที่ซ่องอีก เมื่อไม่มีทางออกวรัณจึงไปข่มขืนเอื้องคำจนท้อง สมถวิลจึงให้ทั้งคู่แต่งงานกัน ในวันส่งตัววรัณมีปากเสียงกับสมถวิล จึงขับรถออกไปชนสะพานเสียชีวิต สมถวิลโทษว่าเป็นความผิดของเธอ จึงทำให้อาการทรุดหนักและอีกไม่กี่วันก็ตาย ในงานศพดารินทร์ได้รู้จักแม่ของวาม เมื่อวามเห็นแม่จึงขังตัวอยู่ในห้องที่พ่อฆ่าตัวตาย วิภาดาขอร้องให้ดารินทร์ช่วยพาวามออกมาหาเธอ โดยบอกว่าเธอป่วยหนักอยากบอกความจริงกับลูกก่อนตาย เธอเล่าความจริงว่าที่มีชู้เพราะบุญชนะหมดสมรรถภาพทางเพศ จึงทำความผิดอย่างไม่ตั้งใจ วามไม่ฟังกับทำร้ายดารินทร์ วามออกจาก บ้านให้เบญจาดูแลกิจการทั้งหมด สุรีย์ขอทุนไปเรียนต่อเมืองนอก ดารินทร์ไปเป็นครูบนเขา เมื่อเอื้องคำคลอดลูกก็เสียชีวิต วามไปหาแม่ในวันสุดท้ายก่อนเธอจะตาย แม่ขอให้วามยกโทษให้ วามจึงกลับมาบ้านทุกอย่างดูโทรมและตั้งใจว่าจะฟื้นฟูโรงเรียน เมื่อวามรู้ว่าดารินทร์ไปเป็นครูอยู่บนเขา จึงรีบตามขึ้นไปและขอโทษในสิ่งที่ทำผิด และขอให้ดารินทร์ไปช่วยฟื้นฟูโรงเรียน จากความใกล้ชิดจึงทำให้วามขอวารินทร์แต่งงาน และทั้งคู่ก็แต่งงานและมีลูกด้วยกัน กัญดา ชลชีวะ
เรื่องย่อ : ทานตะวัน (2540/1997) ความเหลื่อมล้ำทางสังคม เป็นผลทำให้เกิดการแบ่งชนชั้น ระหว่างคนจนกับคนรวย คุณนายเกยูรอดีตภรรยานายทหารใหญ่ผู้มีความถือตัวในความร่ำรวยและทนงตนว่าเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วนิสัยเก็บตัวไม่ชอบสุงสิงกับใคร รับ “สาริศ” ลูกชายของน้องสาวมาเป็นบุตรบุญธรรม เพื่อมาดูแลรับใช้ใกล้ชิด และอีกประการหนึ่งก็เพื่อมาขัดขวางผลประโยชน์จากลูกเลี้ยงอย่างเช่นมธุรสกับศมน ลูกติดของท่านนายพล สามีคุณนายนั่นเอง.... “หลีส่วง ” หลานสาวคนโตของอาม่า ผู้ที่มีความหลังฝังใจเกี่ยวกับเรื่องของการแบ่งชนชั้นของสังคมระหว่างคนรวยกับคนจน เมื่อวันวานในอดีตที่เธอและครอบครัวเคยโดนหยามเกียรติจากครอบครัวตระกูลผู้ดีภายใต้ชายคาบ้านหลังใหญ่แห่งนั้น ซึ่งอยู่ติดกับตึกคูหาเล็กๆอดีตบ้านหลังเก่าของเธอนั่นเอง... เมื่อวันหนึ่งเธอกลับมาเพื่อซื้อบ้านและที่ดินผืนนั้น เธอจะทุบทำลายบ้านหลังนั้นเพื่อลบคำสบประมาท และพัฒนาที่ดินสร้างเป็นคอนโดมิเนียมหรู ภายใต้โครงการหลายร้อยล้านบาทของธุรกิจครอบครัวเธอนั่นเองซึ่งบัดนี้ครอบครัวของเธอได้กลายเป็นเจ้าของ ซิตี้ เกรท เซ็นเตอร์ ธุรกิจก่อสร้างหลายพันล้านบาท... หลังจากที่ครอบครัวสร้างอาณาจักรธุกิจก่อสร้างมีฐานะร่ำรวย อาม่าซึ่งสนิทกับหลานสาวคนโตและอาศัยอยู่ด้วยกันบนตึกสูง ชีวิตบนคอนโดมิเนียมอันน่าเบื่อหน่ายทำให้อามาไม่มีความสุข หลีส่วงและน้องๆ จึงตัดสินใจพาอาม่ากลับไปอยู่บ้านเดิมตึกเก่าๆ หลังนั้น กลับไปเปิดร้านขายของชำซึ่งเดิมเป็นอาชีพเก่าของอาม่าและเลี้ยงดูพวกเธอมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าหลานๆจะต้องปรับตัวจากสังคมคนรวยต้องมาอยู่ห้องเล็กๆ แคบๆ แต่ทุกคนก็มีความสุข เพราะทั้งสามเคยเติบโตมากับชีวิตละสังคมแบบนั้น... แต่หลีส่วงกลับมีใจชอบพอกับ “สาริศ” ลูกบุญธรรมของคุณนายเกยูร เรื่องราวมันคงไม่ง่ายนัก ครอบครัวของเธอไม่เห็นด้วยกับความรักของทั้งสอง เธอยังมี “วันชาติ” ชายหนุ่มที่ครอบครัวหมายมั่นปั้นมือว่าจะได้เป็น “ว่าที่ลูกเขย” แต่เพราะความรักมันไม่ได้อยู่ที่คนสองคนมันยังต้องมีหลายฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทั้ง พ่อแม่ ยิกกวงและหลีย้ง (น้องชายและน้องสาว)และศมนเพื่อนชายในอดีต รวมทั้งอดีตภรรยาเก่าของสาริศอย่าง“บุญฑริกา” ที่เข้ามาพัวพันด้วย... เมื่อความจริงเปิดเผยว่าครอบครัวเด็กผู้หญิงที่วันหนึ่งเธอเคยดูถูกดูแคลนเอาไว้กลับมาเพื่อแก้แค้น และได้รู้ว่าหลีส่วงชอบพออยู่กับสาริศ คุณนายเกยูรกลัวว่าหลีส่วงจะพรากลูกชายคนโปรดออกไปจากชีวิต คุณนายไม่สามารถรับได้จึงต้องยอมคืนเงินค่าบ้านงวดแรกเพื่อตัดปัญหาความวุ่นวายไป แต่สาริศมอบเงินขายบ้านทั้งหมดให้กับศมนผู้เป็นน้องชายไปแล้ว... เมื่อความรักเจอเข้ากับทางตันหลีส่วงและสาริศจึงต้องตัดสินใจเลือก สาริศเลือกคุรนายเกยูรผู้เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กเพื่อตอบแทนบุญคุณ แต่เขาก็ไม่ต้องการเลิกกับหลีส่วง เขาจึงกลับมางอนง้อเธออีกครั้ง... หลีส่วงจะตัดสินใจอย่างไรกับปัญหาหัวใจในครั้งนี้...
ในสวนขวัญ (2557/2014) เป็ดปุ๊ก บัวบูชา (ราศรี บาเล็นซิเอก้า) กับ เชียร (ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี) ผู้เป็นบิดาเดินทางไปที่หมู่บ้านเสริมขวัญ เพื่อจะไปซื้อบ้านหลังใหม่ไว้อยู่ด้วยกันเพราะต้องการที่จะหนีให้พ้นจากเรื่องร้อนใจภายในบ้านที่เกิดจากลูกชายและลูกสะใภ้ของเชียรเอง ทั้งคู่ได้พบกับ หทัย (ปนัดดา วงศ์ผู้ดี) สาวใหญ่เจ้าของโครงการ และพิกุล (ดีใจ ดีดีดี) พนักงานของโครงการ หทัยได้เสนอบ้านหลังสุดท้ายของโครงการให้กับเป็ดปุ๊ก ในตอนแรกเป็ดปุ๊กกลัวจะเกินงบ แต่พอได้เห็นบ้านเป็ดปุ๊กก็ตกลงซื้อในทันที
ตั้งแต่ที่ลูกชาย ไก่กุ๊ก ไทรงาม (ดนัย จารุจินดา) แต่งงานกับ เก็จ เก็จเกยูร (พิมพ์อักษิพร วินโกมินทร์) มักจะเกิดปัญหาภายในบ้านอยู่ตลอด โดยเฉพาะเวลาที่ไก่กุ๊กทะเลาะกับเก็จเกยูร เก็จเกยูรมักจะด่าถึงเชียรด้วย ทำให้เป็ดปุ๊กและเชียรตัดสินใจที่จะย้ายออกมาเพี่อความสงบสุขของบ้าน แต่ไก่กุ๊กและเก็จเกยูรก็ยังหาเรื่องเป็ดปุ๊กว่าเอาพ่อไปอยู่ด้วยนั้น ต้องการเงินบำนาญและเงินมรดกของพ่อ ก่อนที่เป็ดปุ๊กจะไป เก็จเกยูรยังให้แมวเมี๊ยว และนกจิ๊บ ขอข้าวของเครื่องใช้ของเป็ดปุ๊ก เมื่อ แก้ว แก้วกรพินธุ์ (ภัทรินทร์ เจียรสุข) เพื่อนร่วมงานของเป็ดปุ๊ก และเป็นน้องสาวของเก็จเกยูร รู้ว่าเป็ดปุ๊กจะย้ายบ้านก็เข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง ซึ่งแท้จริงแล้วสวมหน้ากากคนดีแต่มีแผนร้ายอยู่ในวันที่เป็ดปุ๊กขนของย้ายไปที่บ้านใหม่นั้น เธอได้เจอกับ ไข่มุก (จรรยา ธนาสว่างกุล) เพื่อนบ้านช่างเม้าท์โดย ไข่มุกเตือนเธอว่าให้ระวังโรคจิตนอกกำแพง ทำให้เธอเริ่มระแวงว่าข้างบ้านของเธอที่เป็นสวนรกร้างนั้นเป็นของใคร แต่พิกุลก็ยืนยันว่าเป็นญาติของหทัยเอง เธอรู้สึกชื่นชมต้นไม้ที่ทางโครงการลงให้ พิกุลบอกว่าเป็นฝีมือของคนสวนของโครงการ โอม อลังการ (เปรมมณัช สุวรรณานนท์) ลูกชายของหทัยเข้ามาต้อนรับหญิงสาวเข้าสู่หมู่บ้านแห่งนี้รุ่งขึ้นเป็ดปุ๊กกลับมาที่บ้านใหม่อีกครั้ง ได้พบกับ ไม้ ตฤณ (ปกณณ์ ฉัตรบริรักษ์) คนสวนของหมู่บ้านที่เอาต้นไม้มาลงเพิ่ม เมื่อเป็ดปุ๊กเข้าไปถามไถ่ก็เจอคำตอบกวนประสาทกลับมา และยังเห็นไข่มุกมีท่าทีหวาดกลัวคนสวนหนุ่มคนนี้ เมื่อถึงวันที่ต้องย้ายบ้าน สองพ่อลูกรู้สึกอาลัยอาวรณ์กับบ้านหลังเก่าที่มีความทรงจำอัดแน่นอยู่อย่างอาลัยอาวรณ์โดยเฉพาะเชียรที่ซึมไปชีวิตในบ้านหลังใหม่นั่นช่างเงียบเหงา หดหู่ เชียรเศร้าซึมอย่างหนักเพราะคิดถึงบ้านเก่า เป็ดปุ๊กรู้สึกเป็นห่วงผู้เป็นพ่อมาก แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ทั้งความเครียด ความเหน็ดเหนื่อย และปัญหาต่าง ๆ ทำให้หญิงสาวนั่งร้องไห้เพียงลำพงในห้องนอนโดยที่คิดว่าไม่มีใครเห็น แต่หญิงสาวไม่รู้เลยว่าทุกอิริยาบถที่เธอทำมีผู้จับตามองอยู่ เมื่อเป็ดปุ๊กต้องไปทำงาน ก็รู้สึกห่วงพ่อไม่น้อย พิกุลพาไม้มาหาเชียรเพื่อปรึกษาเรื่องทำสวน เมื่อไม้รู้ว่าเชียรอยู่บ้านคนเดียวก็รู้สึกสงสาร จึงมาพูดคุยทำให้เชียรรู้สึกอุ่นใจยิ่งขึ้นไม้ไม่ใช่แค่คนสวน แต่ยังเป็นเจ้าของร้านต้นไม้ชื่อ สวนขวัญ ตั้งอยู่บริเวณข้าง ๆ หมู่บ้าน ที่ดินข้างบ้านเป็ดปุ๊กก็เป็นของไม้ทั้งหมด ไม้สร้างบ้านบนต้นไม้ไว้เพื่อเป็นห้องนอนและยังเห็นเป็ดปุ๊กร้องไห้เพียงลำพังจากบ้านต้นไม้แห่งนี้ และที่ดินหลังหมู่บ้านก็เป็นของ ย่าขวัญ (พิสมัย วิไลศักดิ์) ย่าแท้ ๆ ที่เลี้ยงดูไม้มาตั้งแต่เด็ก ย่าขวัญอาศัยอยู่กับ ตั๊กแตน (อนุธิดา อิ่มทรัพย์) เด็กสาวผู้กำพร้าที่ย่าขวัญรับมาเลี้ยงไว้ และเอ๋ง สุนัขพันทางหนึ่งตัว ย่าขวัญอยู่ในสวนแห่งนี้มานานรักและผูกพันกับที่ดินผืนนี้มาก เมื่อย่าขวัญบอกไม้ว่าหทัยจะมีกินข้าวด้วย จากที่อารมณ์ดี ๆ ไม้ก็กลับอารมณ์เสียและหนีกลับไปยังบ้านต้นไม้ระหว่างวันทำงานเป็ดปุ๊กไม่ค่อยมีสมาธิในการทำงานเพราะเป็นห่วงเชียร แก้วบอกว่าทำงานที่เป็ดปุ๊กสั่งเรียบร้อยแล้ว เลยโดนแซวว่าเพราะมีกำลังใจดี แฟนเป็นถึงลูกเจ้าของโครงการบ้านจัดสรร ทำให้เป็ดปุ๊กนึกถึงตัวเองว่าเมื่อไหร่จะมีคนเข้ามาในชีวิตบ้าง เมื่อกลับถึงบ้านเป็ดปุ๊กก็พบกับเศษก๋วยเตี๋ยวอยู่ในถังขยะ เชียรจึงสารภาพว่าคนสวนของหมู่บ้านซื้อมาให้ เป็ดปุ๊กจึงเตือนเชียรว่าอย่าสนิทกับคนแปลกหน้าเกินไป เป็ดปุ๊กถามหาคนงานชื่อไม้กับ ราย และคนสวนในหมู่บ้าน โอมได้ยินก็มาเตือนเป็ดปุ๊กว่าไม้เป็นคนไม่ดี ทำให้เป็ดปุ๊กไม่ไว้ใจไม้ยิ่งขึ้นเป็นกังวลจนกระทบกับงาน ทำให้ พิมพา (แวร์ โชว) หัวหน้าของเธอเรียกเข้าไปตักเตือนให้แยกเรื่องส่วนตัวกับงาน เป็ดปุ๊กซึ่งเครียดจากงานไม่พอ กลับถึงบ้านเจอไข่มุกฟ้องเรื่องที่ไม้ปีนเอามาปลาเค็มมาฝากพ่อของตน ทำให้พ่อไม่สนใจอาหารที่ตนซื้อมา เป็ดปุ๊กยิ่งรู้สึกโกรธไม้มากขึ้น แต่เชียรกลับรู้สึกสนิทกับไม้ขึ้นเรื่อย ๆ จนยอมเล่าเรื่องต่าง ๆ ภายในครอบครัว เมื่อเชียรถามไม้กลับเขาเล่าแค่ว่าอาศัยอยู่กับย่า แม่มีสามีใหม่หลังจากคุยธุระเสร็จ แก้วก็ชวนเป็ดปุ๊กโดดงานที่บริษัท เป็ดปุ๊กถือโอกาสกลับไปดูหน้าไม้ให้เห็นจะจะ เพราะไม้ชอบหลบหน้าเธอมาตลอด เมื่อกลับถึงบ้านเห็นไม้ง่วนอยู่ในครัวก็เข้าไปต่อว่า และเชียรก็แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันไม้ก็บอกว่าเข้าแนะนำตัวกลับเป็ดปุ๊กตั้งแต่เอาต้นไม้มาลงที่บ้านครั้งแรกแล้ว แม้ว่าเป็ดปุ๊กและเชียรจะย้ายออกมาจากบ้านเก่าแล้ว แต่ก็มีเรื่องร้อนใจของไก่กุ๊กและเก็จเกยูรตามมา เพราะแมวเมี๊ยวโทรมาฟ้องว่าแม่สั่งไม่ให้คุยกับทั้งคู่ เป็ดปุ๊กพยายามหาทางที่จะทำให้เชียรหายเศร้าโดยพาไปซื้อต้นไม้ที่ร้านสวนขวัญ และเพิ่งรู้ว่าไม้ขายต้นไม้อยู่ที่นี่ เป็ดปุ๊กอยากจะซื้อต้นลั่นทมแต่เห็นชื่อไม่เป็นมงคล แต่ไม้ก็บอกว่าบางคนยังไม่ปลูกก็เห็นร้องไห้ขี้มูกโป่ง ทำให้เป็ดปุ๊กรู้สึกสงสัยเหมือนกับไม้เห็นว่าเธอร้องให้เมื่อคืน แมวเมี๊ยวโทรมาร้องไห้กับเป็ดปุ๊กและเชียรว่าแม่ไม่ยอมให้เลี้ยงเจ้ายักษ์เบิ้ม สุนัขพันธุ์ปลั๊กแล้ว ทำให้ทั้งคู่ต้องไปรับเจ้ายักษ์เบิ้มมาอยู่ที่บ้าน เมื่อกลับไปบ้านเก่าก็พบกับ กะรัต ซึ่งเป็นแม่ของเก็จเกยูรที่มาเลี้ยงดูแมวเมี๊ยว กะรัตต้องการให้เชียรขายบ้านหลังเก่า เชียรไม่ยอมขาย กะรัตได้แต่สงสัยว่าที่ดินนี้เป็นชื่อของใครไข่มุกมาฟ้องเป็ดปุ๊ก ชี้ให้ดูรั้วสังกะสีที่สูงเท่าหน้าต่างชั้นสองของตน และบอกว่าเป็นฝีมือของคนสวนบ้า จะไปฟ้องหทัยให้มารื้อออก ไม้มาพอดีและสวนกลับไปว่าเป็นเพราะไข่มุกที่โยนขยะข้ามมาบ้านคนอื่น หลังจากย้ายบ้านมาสักพักทั้งคู่เริ่มปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตใหม่ได้ กระทั่งวันหนึ่งมีฝนตกหนัก รถติดมาก เป็ดปุ๊กไม่สามารถติดต่อพ่อได้ เธอตัดสินใจขับรถไปที่ร้านสวนขวัญแล้วขอไม้ปีนข้ามรั้วบ้านไปดูพ่อ ซึ่งสาเหตุที่เชียรไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ เพราะยักษ์เบิ้มนั้นทำสายโทรศัพท์หลุด เหตุนี้เองทำให้เป็ดปุ๊กเห็นความมีน้ำใจของไม้ที่ช่วยเหลือเธอ และเริ่มเปิดใจมากขึ้น แก้วมาปรึกษาเป็ดปุ๊กต้องการออกจากที่ทำงานก่อนเวลาเพราะมีนัดกับแฟนอยากให้เป็ดปุ๊กเลื่อนเวลานัดลูกค้าให้เร็วขึ้น แต่แก้วกลับลืมเอาเอกสารของลูกค้ามา ทำให้เป็ดปุ๊กไม่สามารถกลับไปที่ทำงานได้อีก เธอจึงกลับบ้านก่อนกลับเป็ดปุ๊กแวะไปที่ร้านสวนขวัญเพื่อเอาขนมไปฝากไม้กับฝ้าย แล้วจะไปตลาดต่อ ไม้จึงอาสาพาไปเพื่อให้เป็ดปุ๊กได้เลือกชื้อกับข้าวที่เชียรชอบ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มพัฒนาขึ้น ระหว่างทางกลับบ้านเป็ดปุ๊กได้พบกับแก้วและโอม จึงได้รู้ว่าแฟนของแก้วคือโอมนั่นเอง เป็ดปุ๊กได้เจอคนแถวบ้านเก่ามาบอกว่าเก็จกับกุ๊กไก่ตัดต้นไม้ที่อยู่รอบ ๆ บ้านเก่าหมดแล้วรวมถึงต้นกรรณิการ์ความหลังของเชียร ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับแม่ของเป็ดปุ๊กด้วย เป็ดปุ๊กรีบโทรไปถามพี่ชาย เป็ดปุ๊กจึงปรึกษากับไม้ว่าจะไปล้อมต้นกรรณิการ์มาปลูกที่บ้านใหม่ แต่เมื่อไปถึงบ้านกลับพบว่าถูกตัดไปแล้ว ทำให้เก็จกับเป็ดปุ๊กมีปากเสียงกัน และเก็จยังดูถูกเป็ดปุ๊กว่ามีแฟนเป็นแค่คนสวน แต่ก็รู้สึกคุ้นหน้าไม้ ไม้รู้เห็นใจเป็ดปุ๊กและมีความรู้สึกลึกซึ้งกับหญิงสาวขึ้นมาเชียรเศร้าเมื่อรู้ว่าต้นกรรณิการ์ถูกตัดไปแล้ว แต่เป็ดปุ๊กก็สัญญาว่าจะหาต้นใหม่มาให้ แม้รู้ว่าไม่สามารถแทนต้นเก่าได้ ไม้รู้เรื่องดีจึงแอบเก็บเมล็ดจากต้นเก่ามาให้ เชียรรับด้วยความตื้นตันใจ เมื่ออยู่ด้วยกันสองต่อสอง ระหว่างเป็ดปุ๊กกับไม้ไม้รู้สึกถึงหัวใจตัวเองที่เริ่มหวั่นไหว เชียรมาบอกข่าวที่ว่าเก็จจะทำบ้านเก่าเป็นบ้านเช่า เป็ดปุ๊กไม่ยอมจึงไปลุยกับทั้งคู่ สองพี่น้องทะเลาะกัน ไก่กุ๊กเสนอให้เป็ดปุ๊กขายบ้านทิ้งแล้วเอาเงินมาแบ่งกัน เชียรรู้สึกช้ำใจที่ลูกทั้งสองมาทะเลาะกันเพราะแย่งสมบัติ จึงบอกกับทุกคนว่าบ้านถูกโอนเป็นชื่อของเป็ดปุ๊กแล้ว ทำให้เก็จและไก่กุ๊กรู้สึกแค้นใจย่าขวัญก็ถามถึงต้นกรรณิการ์ที่ให้ไป ไม้จึงเล่าเรื่องปัญหาที่บ้านของเป็ดปุ๊กให้ย่าขวัญฟัง แล้วนึกถึงปัญหาของครอบครัวตัวเองเหมือนกัน ศักดิ์ ลูกชายคนเล็กของย่าขวัญมักจะแวะเวียนมาหาย่าขวัญ เพื่อให้ยกที่ดินผืนนี้ให้ตน แต่ย่าขวัญไม่ยอมเพราะต้องการอยู่ที่นี่ไปจนตายไก่กุ๊กมาหาเชียรที่บ้าน ทำเป็นมาขอโทษและให้เชียรกลับไปที่บ้านเก่าเพราะหลาน ๆ คิดถึง เชียรสงสารหลานจึงยอมไป แต่ตกลงว่าจะไปค้างคืนชั่วคราวเท่านั้น ไก่กุ๊กดีใจ เพราะมีแผนจะให้เชียรยอมยกที่ดินให้ เชียรพยายามโทรหาเป็ดปุ๊กแต่ไม่มีคนรับสาย เลยทิ้งโน้ตไว้ที่หน้าบ้าน ขณะนั้นเป็ดปุ๊กถูกพิมพาเรียกเข้าไปต่อว่าที่โดดงานไปช้อปปิ้ง และอึ้งหนักว่าผู้ที่ใส่ร้ายคือแก้วเพื่อนสนิทของเธอ พิมพาถอดเป็ดปุ๊กออกจากการเป็นหัวหน้าแล้วให้แก้วขึ้นเป็นหัวหน้าแทน เป็ดปุ๊กรู้สึกเสียใจมาก เมื่อกลับถึงบ้านก็เจอโน๊ต บอกพ่อไปค้างที่บ้านเก่าอีก ทำให้น้ำตาเธอไหลรินออกมา เป็ดปุ๊กเล่าเรื่องให้ไม้ฟัง ไม้จึงพาเธอไปกินข้าวที่บ้านย่าขวัญ ทำให้หญิงสาวสบายใจขึ้น เธอได้รับกำลังใจจากย่าขวัญ และรู้สึกว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพังบนโลกนี้ แล้วไม้ก็พาเธอไปส่งที่บ้าน ทั้งคู่มอบกำลังใจให้กัน เป็ดปุ๊กรู้สึกอุ่นใจยิ่งขึ้นในกลางดึกมีโจรขึ้นบ้านเป็ดปุ๊ก เป็ดปุ๊กรู้ตัวจึงโทรแจ้งยามหน้าหมู่บ้านก่อนตะโกนเรียกคนมาช่วย ไม้เป็นคนแรกที่เข้ามาช่วย โอมตั้งข้อสังเกตว่าไม้มาได้อย่างไร ไม้จึงตกเป็นผู้ต้องสงสัยทันที โอมและไข่มุกยังหาว่าไม้เข้ามาในบ้านเป็ดปุ๊กเพื่อทำมิดีมิร้ายแต่หญิงสาวไม่เชื่อ เมื่อตำรวจมาถึงพร้อมกับหทัย โอมบอกให้จับไม้เข้าคุก หทัยจึงบอกว่าแท้จริงแล้วไม้เป็นลูกของเธอ เป็นเจ้าของหมู่บ้านเสริมขวัญและหลานชายของเจ้าของที่ดินแถบนี้ เมื่อเรื่องราวจบลง ไม้ชวนเป็ดปุ๊กไปตักบาตรที่หน้าร้านสวนขวัญ แล้วพาหญิงสาวขึ้นไปดูบ้าน ต้นไม้ที่เขาจับตามองดูเธอตลอด ทั้งคู่ได้ปรับความเข้าใจกัน เป็ดปุ๊กอยากรู้เรื่องของหทัยกับไม้ แต่ไม้ก็ไม่ยอมเล่า ศักดิ์มาหาย่าขวัญเพื่อให้ย่าขวัญยกที่ดินให้ พ่อตนจะได้สร้างหมู่บ้านจัดสรรบ้าง แต่ย่าขวัญไม่ยอม ศักดิ์ก็ยังพาลว่าย่าขวัญจะเก็บไว้ให้ไม้ พอรู้ว่าขโมยขึ้นบ้าน เชียรรู้สึกเป็นห่วงเป็ดปุ๊กจึงขอตัวกลับ แต่ทั้งไก่กุ๊กและเก็จเกยูรก็ขอให้อยู่ต่อ ซึ่งเชียรก็รู้ว่าที่ทั้งสองทำเพราะต้องการให้ตนยกบ้านให้ แต่เขาก็ใจแข็งไม่ยอมยกให้เป็ดปุ๊กมาทำงานวันแรกหลังจากถูกลดตำแหน่งก็ถูกเพื่อนร่วมงานจับตามองอย่างใกล้ชิด และถูกเยาะเย้ยจากคนที่ได้ชื่อว่าเคยเป็นเพื่อนสนิทแถมยังซ้ำเติมเป็ดปุ๊กถึงเรื่องที่เธอตกต่ำจนต้องไปคบกับคนสวน แต่เมื่อเธอรู้ว่าโอมไม่ใช่ทายาทเจ้าของหมู่บ้านจัดสรรตัวจริง หญิงสาวก็พร้อมตีจากทันที ไม้มาบอกข่าวเรื่องงานทำบุญวันเกิดย่าขวัญ เป็ดปุ๊กอยากช่วยงานจึงร่วมมือกับหทัยพาย่าขวัญไปตัดชุดและทำผมใหม่ หทัยเปิดใจเรื่องของเธอและไม้ให้เป็ดปุ๊กฟังทำให้เข้าใจไม้มากยิ่งขึ้น แต่ไม้กลับงอนเป็ดปุ๊กกับหทัยที่ทำให้ย่าขวัญพอใจได้ ไม้บอกว่าเขาจะทำให้เชียรรักเขามากกว่าเป็ดปุ๊กให้ได้จึงถูกเป็ดปุ๊กย้อนว่าไปทำดีกับแม่ตัวเองดีกว่า เป็ดปุ๊กรู้สึกตัวเองเล่นแรงไปหรือเปล่าขณะเดียวกัน หทัยก็ทะเลาะกับ อลงกรณ์ ผู้เป็นสามีและโอม อลงกรณ์ต้องการให้ที่ดินหมู่บ้านแต่หทัยไม่ยอม เพราะที่ดินเป็นของ เสริม สามีเก่า พ่อของไม้ ทำให้โอมยิ่งรู้สึกชิงไม้มากขึ้น อลงกรณ์ลามือจากที่ดินพื้นนี้แต่ก็พยายามหาทางขยายหมู่บ้านโดยใช้ที่ดินของย่าขวัญ แต่หทัยไม่สนับสนุน โอมโกรธหทัยมากทั้งที่เขาและพ่อเป็นคนสร้างมันขึ้นมา โอมโทรนัดแก้วออกมาพบ แต่แก้วปฏิเสธโอม จึงรู้ว่าแก้วดีตัวออกห่างเพราะเขาไม่ได้รวยอย่างที่คิด เมื่อเจอหน้าไม้ โอมก็เหวี่ยงใส่ด้วยความหงุดหงิด และพาลไปถึงเป็ดปุ๊กด้วย ทั้งสองมีเรื่องกัน ไม้หนีหทัยขึ้นรถเป็ดปุ๊กกออกไป เป็ดปุ๊กเกลี้ยกล่อมจนไม้ยอมเปิดปากเล่าเรื่องครอบครัวให้ฟัง ไม้นั่งรถเป็ดปุ๊กไปจนถึงบริษัท แก้วเห็นทั้งคู่เข้าก็ตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นไม้ทันที เมื่อรู้ว่าไม้เป็นเจ้าของหมู่บ้าน จึงวางแผนที่จะเข้าไปตีสนิทกับไม้โดยใช้งานทำบุญวันเกิดของย่าขวัญบังหน้าหทัยหนักใจกับปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น อลงกรณ์เตือนลูกชายอย่าวู่วามเพราะมีแผนการใหญ่อยู่ โดยจะดำเนินการในวันเกิดย่าขวัญ และไม้ก็จะใช้วันนี้สารภาพรักกับเป็ดปุ๊ก พองานวันเกิดมาถึง แขกเหลื่อรู้แปลกใจที่ไม้มาร่วมงาน แล้วยังพาเป็ดปุ๊กมาเปิดตัวด้วย หทัยพาโอมและอลงกรณ์มาร่วมงาน อลงกรณ์รีบประจบย่าขวัญ เพื่อให้ย่าขวัญยกที่ดินให้ ไก่กุ๊ก เก็จ แก้ว กะรัตและศักดิ์ก็ตามมาทำให้ทุกคนแปลกใจ เมื่อเรียงลำดับญาติกันก็รู้ว่ากะรัตเป็นภรรยาศักดิ์ก็คือเป็นสะใภ้ย่าขวัญนั่นเอง แก้วมาตีสนิทกับไม้และเมินใส่โอม โอมยิ่งแค้นใจแม้จะไม่ได้ชอบพอแก้วนัก แต่ไม่อยากให้ไม้ได้ดีกว่า หทัยหนักใจเมื่อเห็นว่าอลงกรณ์กับศักดิ์ซุบซิบกันก็คิดว่าเป็นเรื่องไม่ดีแน่นอน หลังจากงานทำบุญวันเกิดย่าขวัญ ศักดิ์ก็ตามตื้อย่าขวัญเพื่อที่จะเอาที่ดินให้ได้ แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะย่าขวัญยังยืนยันคำเดิมที่ไม่ยอมจะยกให้ แก้วกระหยิ่มใจที่แผนเธอดำเนินไปด้วยดี เก็จจึงอิจฉาน้องสาวเลยบังคับไก่กุ๊กไปคุยกับเชียรให้ยกบ้านหลังเก่าให้ แต่เชียรก็ยังยืนยันคำเดิม ไก่กุ๊กไม่พอใจประกาศตัดพ่อลูกทันที และคิดว่าถ้าเป็ดปุ๊กตาย ทุกอย่างจะเป็นของเขาวันรุ่งขึ้น ศักดิ์ อลงกรณ์ และโอมมาที่บ้านย่าขวัญเพื่อหว่านล้อมอีกครั้ง แต่ไม้เข้ามาขัดขวางทั้งสาม ทำให้ศักดิ์โกรธมากบอกว่าต้องตายกันไปข้าง เชียรก็ครุ่นคิดเรื่องไก่กุ๊กมาพูดเมื่อคืนจึงจะปรับทุกข์กับย่าขวัญ เป็ดปุ๊กกับเชียรไปถึงบ้านย่าขวัญรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ย่าขวัญได้แต่คอยปรับทุกข์กับเชียร แก้วอยากกำจัดเป็ดปุ๊ก เพื่อสมหวังกับไม้ เก็จก็ได้บ้านสมใจ ส่วนอลงกรณ์อยากทำให้ย่าขวัญตาย แต่โอมไม้อยากให้ไม้ตาย ต่างคนต่างอยากให้มีใครบางคนตายเพื่อยุติปัญหาไม้ต้องการปรับความเข้าใจกับเป็ดปุ๊ก จึงติดรถหญิงสาวไปที่ทำงาน ไม้สารภาพรักและยืนยันไม่ได้คิดอะไรกับแก้ว ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันได้ เมื่อถึงบริษัทพิมพาก็เรียกเป็ดปุ๊กไปต่อว่าที่มาทำงานสาย แก้วรีบซ้ำเติม แต่เป็ดปุ๊กบอกว่าไปพบลูกค้าที่เป็นเพื่อนพิมพามา พิมพาแปลกใจเพราะแก้วก็บอกว่าไปพบลูกค้าคนเดียวกันมา แก้วอึ้งหาทางโกหกไม่ทัน พิมพาไม่พอใจแก้วมาก แก้วโมโหเป็ดปุ๊กต่อว่าเป็ดปุ๊กอย่างรุนแรง แต่หารู้ไม่ว่าไม้รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ไม้พาเป็ดปุ๊กไปกินข้าวโดยไม่สนใจแก้ว แก้วคั่งแค้น คิดหาทางกำจัดเป็ดปุ๊กให้ได้อลงกรณ์ปรึกษากับศักดิ์เรื่องที่จะเอาที่ดินย่าขวัญ ทั้งคู่เห็นตรงกันว่าไม้ควรจะต้องกำจัด หทัยได้ยินเข้า อลงกรณ์ตกใจเกิดความรู้สึกผิดขึ้นมา โอมก็คิดจะกำจัดไม้เช่นกัน และลงมือโทรหาใครบางคน ด้านแก้วก็มาปรึกษากับเก็จว่าจะกำจัดเป็ดปุ๊ก เพื่อที่พวกเธอจะได้สมหวัง แต่ทั้งคู่ไม่รู้ว่าไก่กุ๊กแอบได้ยินทั้งหมด จึงเกิดความรู้สึกผิด ไก่กุ๊กจึงโทรหาเชียรเพื่อฝากเตือนให้เป็ดปุ๊กระวังตัว ไม้มาบอกว่าย่าขวัญชวนเชียรไปสวดมนต์ถือศีลที่วัด เชียรตกลงแต่ก็เป็นห่วงเป็ดปุ๊ก ไม้สัญญาว่าจะดูแลเป็ดปุ๊กเอง เชียรจึงไว้ใจในคืนที่ย่าขวัญและเชียรไม่อยู่บ้าน แก้วก็ย่องไปหาไม้เพื่อยั่วยวน หทัยกังวลกับคำพูดอลงกรณ์แวะไปดูไม้ให้เห็นว่าปลอดภัย ขณะนั้นมีคนร้ายบุกเข้ามาทำร้ายไม้ แก้วร้องขอความช่วยเหลือ คนร้ายวิ่งตามแก้ว ไม้วิ่งตามคนร้ายมา คนร้ายเห็นท่าไม่ดีจึงเข้าต่อสู้กับไม้ ไม้ถูกแทงเลือดอาบ หทัยเข้ามาช่วยพอดี คนร้ายจึงตามไปจัดการกับแก้ว แต่ก็มีพวกยามจากหมู่บ้านเข้ามาช่วยจนปลอดภัยซึ่งไม้ไม่เข้าใจว่าคนร้ายต้องการสิ่งใด เป็ดปุ๊กได้ยินเสียงแก้วและโทรเรียกยามให้มาช่วย แก้วกลัวความแตกจึงโกหกว่าไม้หลอกมพาเธอมาข่มขืน ไม้อึ้งที่แก้วโกหก และคนร้ายยังพยายามเอาตัวรอดโดยการโกหกว่าได้ยินเสียงผู้หญิงร้องให้คนช่วยเลยบุกเข้ามา อลงกรณ์พยายามกันทุกคนออกและสรุปว่าไม้เป็นคนก่อเรื่อง แต่หทัยจะให้ตำรวจมาสอบสวน แก้วเริ่มร้อนตัว พยายามโทรหาเก็จและกะรัตเพื่อขอให้ทั้งคู่ช่วย แต่เมื่อทั้งคู่รู้ว่าเกี่ยวกับตำรวจด้วยทั้งคู่จึงถอนตัว แก้วรู้สึกเสียใจมาก ด้าน ภูมิ คนร้ายที่บุกเข้าบ้านก็ถูกกดดัน สารภาพว่าเห็นแก้วจะปล้ำไม้และบอกชื่อคนจ้างวาน ไก่กุ๊กมากราบขอโทษเชียรหลังจากสำนึกได้ ตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เชียรกับเป็ดปุ๊กรู้สึกดีใจมาก ที่ไก่กุ๊กคิดได้แล้วหลังจากถูกจับว่าให้การเท็จ แก้วกลับมาบ้านด้วยหัวใจสลายที่แม่ทิ้งให้เธอเผชิญปัญหาเพียงลำพัง และยังถูกไล่ออกจากบริษัท ความทะเยอทะยานทำให้เธอไม่เหลืออะไรสักอย่าง เช่นเดียวกับหทัยและอลงกรณ์ เมื่อได้รู้ว่าผู้จ้างวานคือโอม โอมจึงคิดจะหนีไปอยู่ที่อื่นแต่ก็พยายามไกล่เกลี้ยให้โอมมอบตัว แม้แต่ย่าขวัญก็ช่วยพูด จนโอมยอมมอบตัวเพราะแพ้ความดีของไม้ เป็ดปุ๊กให้ไม้ปรับความเข้าใจกับหทัย ไม้ได้คืนดีกับแม่และยังเอาชนะใจอลงกรณ์ได้อีกด้วย อลงกรณ์ปรับปรุงตัว หวังว่าลักวันโอมจะออกจากคุกมาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา เมื่อเหตุการณ์ต่าง ๆ คลี่คลาย ไม้มาขอเป็ดปุ๊กบอกว่าเขาอยากดูแลเธอไปตลอดชีวิต ไม้ไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้ แค่เป็ดปุ๊กรักเขาก็พอแล้ว.... ติดตามชม ละครในสวนขวัญเรื่องย่อ : ตะวันยอแสง (2540/1997) ตะวันยอแสง เป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่ชีวิตหักเหตั้งแต่แบเบาะ จากทายาทตระกูลผู้ดีไปเป็นลูกของชาวบ้านที่มีฐานะยากจน หนำซ้ำต้องผจญชะตากรรมกับพ่อเลี้ยงที่คอยคิดร้ายอยู่ตลอดเวลา มีเพียงแม่ที่แม้จะไม่ใช่แม่แท้ๆ แต่ก็เลี้ยงดูรักเหมือนลูกแท้ๆ สุดท้ายโชคชะตาก็นำพาให้เธอกลับเข้าสู่อ้อมอกของครอบครัว แม้จะในฐานะของคนนอกก็ตาม กว่าความจริงจะปรากฏว่าเธอคือทายาทตัวจริงของครอบครัว ก็ทำให้เธอต้องฟันฝ่ากับเรื่องเลวร้ายมากมาย แต่บนความเลวร้ายนั้นก็มีความเมตตาของชายหนุ่มที่คอยดูแลและปกป้องเธออยู่ ตลอด จากความเอ็นดูก็กลายเป็นความรักในที่สุด
เรื่องย่อ : เส้นไหมสีเงิน (2545/2002) คุณยายบุหงา เศรษฐินีม่าย อาศัยอยู่บ้านหลังใหญ่ ดูเหมือนจะมีความสุขแต่แท้จริงแล้วกับเป็นคนแก่ที่เหงาเศร้า เพราะลูกทั้ง 4 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จงกลณีและอุบลวรรณเลี้ยงแม่ไม่ได้สักคน คุณยายจึงย้ายกลับมาอยู่บ้านเดิมกับแม่ครัวเก่าแก่เพียง 2 คน โดยมีเพื่อนบ้านเก่าอยู่รั้วติดกัน คือ คุณตาพจน์ คุณตาพจน์ เป็นชาวสกลนครมีลูกชาย 1 คน ภรรยาตายและมีหลานที่คุณตาต้องรับหน้าที่ดูแลอีก 4 คน คือ แพรวา ไหมคำ ฝ้าย และป่าน คุณตาและหลาน ๆ ผูกมิตรกับคุณยายด้วยการเด็ดผักสวนครัวข้างรั้วให้ ส่วนคุณยายก็ทำอาหารมาให้ และมีการเชิญไปทานข้าวซึ่งกันและกันบ้างเพิ่มความสนิทสนมทำให้คุณยายรู้สึกอบอุ่นรักหลานคุณตาเหมือนหลานตัวเอง ฝ้าย ชวน แพร ไปงานรับน้องใหม่ที่มหาวิทยาลัยทำให้ แพร รู้จักกับมอดลูกชายของอุบลวรรณซึ่งหล่อมาดนายแบบ เรียนดี เก่งกีฬาว่ายน้ำ ร้องเพลงเพราะ มอดแอบชอบแพรแต่แพรไม่สนใจเพราะมอดดูหยิ่งผยอง ไม่ค่อยเป็นสุภาพบุรุษจนกระทั่งแพรได้รู้จักกับหนึ่งลูกชายของจงกลณีที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ และทำงานบริษัททัวร์ที่เชียงใหม่แพรก็แอบชอบหนึ่งพราะดูเขาเป็นคนดีมีน้ำใจและรักคนแก่เหมือนกัน จงกลณีเอาแต่เล่นการพนันจนมรดกและหนี้สินท่วมตัว จึงไปหลอกคุณยายว่าตนจะไปลงทุนค้าขายกับเพื่อน และขอโฉนดบ้านนี้ไปค้ำประกันเงินกู้ แต่คุณยายปฏิเสธเพราะรู้ว่าถ้าให้ไปก็คงไม่ได้ไถ่คืน จงกลณีกลับมาอีก พร้อมนักเลงที่จ้างและขอโฉนดบ้านนี้ไปและหลอกคุณยายว่าตนเป็นหนี้จ่ายเช็คเด้งไปสิบล้าน ถ้าไม่เคลียร์จงกลณีจะถูกฆ่าตายคุณยายถึงกับทรุด อดที่แวะมาต้องเข้าประคองและห้ามคุณยายให้โฉนดที่ดินอันเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายแก่ จงกลณี แต่คุณยายจำใจให้ไปเพราะกลัวนักเลงจะทำร้าย ไหม ป่าน มอด ชวนคุณยายหลบจงกลณีไปพักผ่อนที่สกลนคร แต่ก่อนคุณยายได้เขียนจดหมายทิ้งให้ จงกลณีว่าเปลี่ยนใจไม่ขายบ้านแล้ว พร้อมกับทิ้งเช็คไว้ห้าแสนบาทและโฉนดก็ถูกอุบลวรรณฉกไปต่อหน้าต่อตาบ้านที่สกลนครขาดเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่มอดต้องการ อีกทั้งมอดยังต้องช่วยไหมทำกับข้าวและ ช่วยงานบ้านสารพัดจนจับไข้ คุณยายช่วยเช็ดตัวให้จดมอดซึ้งใจอีกทั้งได้ช่วยไหมให้พ้นจากการถูกข่มขืนจาก เพื่อนบ้านติดกัน ทำให้ไหมรู้สึกดีขึ้นหลังจากกลับมามอดเปลี่ยนแปลงไปเขาไปเช่าห้องแคบ ๆ เป็นนักร้องใน ห้องอาหารหาเงินค่าเช่าและค่าเล่าเรียนเอง ส่วนหนึ่งดัดแปลงบ้านเป็นเกสท์เฮาส์ให้ฝรั่งเช่า แพรช่วยหนึ่งเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์และช่วยตกแต่งเต็มที่ แพรดูมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ชิดหนึ่ง ส่วนไหมกับมอดก็เริ่มมีใจ ให้กัน เมื่ออุบลวรรณมาเห็นบ้านกลายเป็นเกสท์เฮาส์ก็หาว่าคุณยายโดยจงกลณียุคุณยายซึ่งแข็งขึ้นกว่าเดิม น้อยใจว่าอุบลวรรณไม่ใช่แม่อย่ามายุ่งกับสมบัติและให้เอาโฉนดมาคืนด้วย มอดซึ่งเดินออกมาจากบ้านคุณ ตาพอดีก็โดนอุบลวรรณหาว่ามอดมาอยู่กันกับผู้หญิงบ้านนั้น โดยคุณยายเป็นผู้รู้เห็นเป็นใจ มอดทนไม่ได้ ต่อว่าแม่ของเขาว่าดูถูกเพื่อนแล้วยังมาหาเรื่องคุณยายอีกจึงให้แม่เอาโฉนดมาคืน เมื่อเรื่องราววุ่น ๆ ผ่านไปคุณยายเลยต้องทำหน้าที่ให้หลานด้วยความเต็มใจและมีความสุขที่สุดในชีวิตด้วยการไปขอหมั้นแพรให้หนึ่งและขอหมั้นไหมให้มอดติดตามเรื่องราวดรามาสะท้อนสังคมและจะทำให้คุณ ๆ เห็นคุณค่าของคำว่า ” ครอบครัว ”