บริษัท ซีเนริโอ จำกัด
เรื่องย่อ : เป็นต่อ 2024 (2567/2024) เป็นต่อช่วยชีวิต “ญาดา” ไม่ให้ถูกรถชนแต่ก็ทำให้ตัวเองล้มหัวฟาดกับพื้น ญาดาพาเป็นต่อไปโรงพยาบาล พอใจ พี่หมอน พี่ก๊อบรู้เรื่องจึงมาหาเป็นต่อที่โรงพยาบาล และเมื่อเป็นต่อฟื้นทุกคนก็พบว่าเป็นต่อความจำเสื่อม จำใครไม่ได้เลย แต่กลับจำว่าญาดาคือแฟนของเค้า ทุกคนจึงต้องช่วยกันฟื้นฟูความทรงจำให้กับเป็นต่อ ในขณะเดียวกันพอใจก็ขอให้ญาดาช่วยแกล้งเป็นแฟนเป็นต่อไปก่อน จนกว่าเป็นต่อจะหายดี พี่ยมจับได้ว่าเจ๊มินท์แอบคบกับเอ๋ เจ๊มินท์จึงยอมรับความจริงและบอกเลิกกับพี่ยมเพื่อไปคบกับเอ๋ ทำให้พี่ยมเสียใจมากจนชีวิตเสียศูนย์ พี่ยมพยายามทำทุกทางเพื่อให้ตัวเองลืมเจ๊มินท์และมูฟออนกับชีวิตต่อไป ความรักของพี่ยมและเจ๊มินท์จะจบลงถาวรหรือจะมีวันกลับมารีเทิร์นกันอีกครั้ง ชาวแก๊งค์ BKLจะทำให้ความทรงจำของเป็นต่อกลับคืนมาได้หรือไม่ และความสัมพันธ์ระหว่างเป็นต่อและญาดาจะเป็นอย่างไร ร่วมลุ้นไปกับเป็นต่อ 2024
ตลาดอารมณ์ (2554/2011) ตรัส วิภาคโยธิน (ชาคริต แย้มนาม) เดินทางกลับเมืองไทย เพื่อมาเคารพศพ ไตร วิภาคโยธิน (ดิลก ทองวัฒนา) พ่อของเขา หลังจากตัดขาดกัน เพราะ บงกช วิภาคโยธิน (ปิยธิดา วรมุสิก) หญิงสาวข้างถนนที่พ่อเอามาแทนที่แม่ของเขาในฐานะภรรยาใหม่ ด้วยทิฐิตรัสจึงไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับกิจการมรดกต่าง ๆ ของพ่อแม้แต่นิดเดียว ตรัสมีคนรักคือ ชโลธร ลีลาทิพย์ (ศิริลักษณ์ ผ่องโชค) ที่คบกันตั้งแต่เรียนอยู่ที่อเมริกา ชโลธรได้ทำงานที่บริษัทฯ ของตระกูลวิภาคโยธิน เธอรู้ว่าตรัสเป็นผู้สืบทอดกิจการทั้งหมด จึงหวังจะแต่งงานด้วย ขณะเดียวกัน พิชิต พิชิตสรเดช (รัฐศาสตร์ กรสูต) หุ้นส่วนบริษัท เสือผู้หญิงตัวยง ต้องการจะฮุบบริษัทเป็นของตัวเอง จึงดึงชโลธรมาเป็นพวก โดยยื่นข้อเสนอว่าจะช่วยปกปิดกำพืดให้ ทำให้ชโลธรยอมทำตามที่พิชิตสั่งทุกอย่าง เพราะแท้จริงแล้วชโลธรเป็นแค่เด็กในสลัมไม่ใช่คุณหนูไฮโซ เธอมีแม่คือ พวง (ดวงตา ตุงคะมณี) ขายข้าวแกงอยู่ในซอย แถมยังมีน้องสาวชื่อ ชลาธาร (แอริน ยุกตะทัต) ชโลธรทอดทิ้งแม่และน้องสาวไปชุบตัวอยู่ที่เมืองนอก ขณะที่ รักษา ธรรมรัตน์ (สันติสุข พรหมศิริ) ทนายความประจำตระกูลวิภาคโยธิน พยายามจะอธิบายเหตุผลต่าง ๆ ที่บงกชต้องการให้ตรัสกลับมาบริหารงานตามที่ไตรผู้เป็นพ่อสั่งเสียไว้ก่อนตาย แต่ตรัสปฏิเสธพร้อมประกาศว่าจะไม่เหยียบบ้านวิภาคโยธินเด็ดขาด บงกชจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะใจตรัสให้ได้ และหวังว่าวันหนึ่งตรัสจะยอมให้อภัยเธอ บงกชสั่งเตรียมงานเลี้ยงเพื่อต้อนรับตรัส เธอสั่งให้ ผกายกุล หรือ กั้ง (วรรณรท สนธิไชย) หลานสาวของเธอให้เตรียมตัวสำหรับงานนี้ กั้งรู้ว่าลูกเลี้ยงของบงกชใจร้ายและอยุติธรรมกับบงกชมาตลอด เธอจึงมีอคติกับเขาและไม่อยากจะทำดีกับตรัส แต่แล้ววันหนึ่งตรัสได้ช่วยกั้งจากการถูกลวนลาม ทั้งคู่ต่างก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ทำให้กั้งประทับใจในความเป็นสุภาพบุรุษของตรัสมากจนลืมถามชื่อ มัทนา (ชนิดาภา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์) เพื่อนสาวสุดห้าวของกั้งจึงตั้งชื่อให้ชายปริศนาที่เป็นฮีโร่ช่วยกั้งในวันนั้นให้ว่า ซูปเปอร์แมน หลังจากนั้นมาตรัสและกั้งก็มักได้พบกันเสมอ ๆ ทำให้ วาริน (ศุภกิจ บัวงาม) ลูกชายของรักษาที่แอบชอบกั้งอยู่ไม่พอใจ แต่สุดท้ายวารินก็ต้องยอมถอย เพราะรู้ความจริงว่า ซูปเปอร์แมนของกั้งคือตรัส วิภาคโยธิน จากการวางแผนของบงกช ในที่สุดตรัสกับกั้งก็ได้มาเจอกัน ทำให้ตรัสรู้ความจริงว่ากั้งคือผกายกุลหลานสาวของบงกช ตรัสจริงเข้าใจผิดคิดว่ากั้งร่วมมือกับบงกชหลอกลวงเขามาตลอด ด้วยความแค้นตรัสจึงประกาศว่าจะกลับมาทำงานที่วิภาคโยธิน โดยมีข้อแม้ว่ากั้งจะต้องมาทำงานกับเขาเท่านั้น ความชิงชังและความโกรธแค้นที่ตรัสมีต่อกั้งจะลงเอ่ยอย่างไร?
อุบัติเหตุหัวใจ (2550/2007) เสี่ยใหญ่ เจ้าของ “อัครา คาเฟ่” กำลังขับรถกลับบ้าน โดยมี ชัยวัฒน์ ที่เป็นเพื่อนและผู้จัดการคาเฟ่ขอติดรถไปด้วย ระหว่างทางชัยวัฒน์ถือโอกาสคุยเรื่องที่เขาต้องการถือหุ้นอัคราคาเฟ่เพิ่ม แต่เสี่ยใหญ่ลงไปบนถนนจนโดนรถแท็กซี่ของ พิภพ ชนเอา โดยมี น้ารงค์ หัวหน้าคณะตลกที่คาเฟ่ขับรถตามาพอดีและเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง พิภพถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลพร้อมเสี่ยใหญ่อาการสาหัสทั้งคู่ ภาคภูมิ ลูกชายคนโตของพิภพรู้เรื่องก็รีบมาที่โรงพยาบาล ระหว่างที่นั่งรอที่หน้าห้องผ่าตัดได้เจอกับ อรชุมา ลูกสาวของเสี่ยใหญ่นั่งร้องไห้อยู่ เขาปลอบเธอในฐานะหัวอกเดียวกันสองคนแอบประทับใจกัน ต่อมาเสี่ยใหญ่เสียชีวิตแต่พิภพพ้นขีดอันตราย เมื่ออรชุมารู้ว่าคนที่ชนพ่อเธอตายคือพ่อของชายที่ปลอบใจเธอ อรชุมาก็ประกาศจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด พิพัฒน์ ลูกชายคนเล็กของพิภพต้องการหาเงินรักษาพ่อ เลยขอ เอกชัย เจ้าของคอกม้าคัดตัวเป็นจ๊อกกี้ โดยมี ขิง ลูกสาวของเอกชัยที่ปลื้มเขามากคอยสนับสนุน พิพัฒน์โชว์ลีลาขี่ม้าเก่งจนเข้าตาชัยวัฒน์ ที่แวะมาหาเอกชัยเลยช่วยเชียร์อีกแรง พิพัฒน์ได้เป็นจ๊อกกี้สมใจชัยวัฒน์หวังทำเงินจากการแทงม้าของพิพัฒน์ ทำเป็นเห็นใจเรื่องพ่อบอกให้ตั้งใจฝึกซ้อมให้ดี ถ้าขี่ม้าชนะจะทำเงินมหาศาล พิพัฒน์รู้สึกดีที่ชัยวัฒน์สนับสนุน ภาคภูมิไปที่อัคราคาเฟ่เพื่อเริ่มงานวันแรกที่เขาได้เป็นกัปตัน โดยไม่รู้ว่าอัคราคาเฟ่เป็นของเสี่ยใหญ่ที่พ่อเขาเพิ่งขับรถชนตาย และคนที่มาบริหารแทนคืออรชุมาลูกสาวของเสี่ยใหญ่ เมื่อสองคนเจอกันอรชุมายอมให้ภาคภูมิทำงานที่นี่เพื่อจะได้มีเงินไปรักษาพ่อ เธอหวังว่าพิภพจะฟื้นขึ้นมาใช้กรรมในคุก ภาคภูมิดูแลความเรียบร้อยและแก้ปัญหาในคาเฟ่ได้อย่างดี จนกลายเป็นที่รักของทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักร้องคาเฟ่ จันทร์เพ็ย และ เอมี่ ที่ตบตีกันเพื่อแย่งชิงภาคภูมิ รวมทั้ง ดาวรุ่ง ที่รักอยู่กับ วีระชัย ลูกชายของชัยวัฒน์ที่แอบเลี้ยงดูเธออยู่ลับๆ ก็หันมาร่วมแย่งภาคภูมิด้วยอีกคน ภาคภูมิเริ่มสงสัยว่าเรื่องยุ่งๆ ที่เกิดขึ้นในคาเฟ่เป็นฝีมือของชัยวัฒน์จึงเตือนอรชุมา แต่อรชุมาไว้ใจชัยวัฒน์มาก ภาคภูมิเลยถูกชัยวัฒน์ส่งคนมาทำร้ายบาดเจ็บชงเหล้าไม่ได้ ภาคภูมิเลยสอนอรชุมาชงเหล้าเผื่อเขาไม่สบายทำงานไม่ได้ คืนนั้นทั้งคู่เริ่มเมาและพูดความรู้สึกที่เก็บไว้ในใจ อรชุมาขอบคุณภาคภูมิแล้วหลับไป ภาคภูมิอุ้มอรชุมาไปที่ห้องพักสำรองแล้วมานั่งเฝ้าที่โซฟาจนหลับไป เช้าวันรุ่งขึ้นพนักงานต่างซุบซิบนินทาว่าทั้งคู่อยู่ด้วยกันทั้งคืน อรชุมาถูกชัยวัฒน์และวีระชัยลากไปเตือนว่าอาจเป็นแผนของภาคภูมิ ที่ทำให้อรชุมาใจอ่อนไม่ฟ้องศาล อรชุมาเข้าไปต่อว่าภาคภูมิอย่าหวังว่าเรื่องเมื่อคืนจะทำให้ใจ่อน วีระชัยดูออกว่าทั้งคู่มีใจให้กัน เลยสั่งให้ดาวรุ่งไปเกาะแกะกับภาคภูมิเพื่อแยกทั้งคู่ให้ห่างกัน เมื่อดาวรุ่งท้องวีระชัยก็ใส่ร้ายภาคภูมิว่าเป็นพ่อของเด็กในท้อง แล้วจับดาวรุ่งไปทำแท้ง ดาวรุ่งเสียใจมากที่เสียลูกไปจึงตามไปจะฆ่าวีระชัย แต่แอบรู้ความลับของวีระชัญเสียก่อนจึงหลบหนีออกมาบอกอรชุมา แต่วีระชัยและชัยวัฒน์รู้ตัวจึงตามมาจับ แล้วขับรถชนจนดาวรุ่งเสียชีวิต ทางด้านอรชุมาก็เริ่มระแวงความซื่อสัตย์ของชัยวัฒน์ เมื่อเจอหลักฐานเกี่ยวกับการโอนหุ้นคาเฟ่จึงสืบหาต่อ จนรู้ว่าชัยวัฒน์เป็นคนทำให้พ่อของเธอต้องตาย อรชุมาพยายามจะเข้ามายกเลิกการพิจารณาคดีเพราะต้องการถอนฟ้อง แต่ถูกชัยวัฒน์ส่งคนไปจับตัวไว้แล้วบังคับให้เซ็นยกทุกอย่างให้เขา เมื่อภาคภูมิรู้เข้าก็รีบตามไปช่วยจนถูกยิงปางตาย อรชุมาเสียใจมากจึงเรียกตำรวจไปจับชัยวัฒน์ถึงบ้านพร้อมหลักฐานต่างๆ ชัยวัฒน์พยายามดิ้นเฮือกสุดท้ายด้วยการยิงสู้กับตำรวจจนตายคาที่ ทิ้งให้วีระชัยกลายเป็นผู้รับกรรมทั้งหมด ภาคภูมิสลบไปหลายวันก่อนจะฟื้นขึ้นมาพร้อมกับที่พิภพถูกปล่อยตัวออกมาเป็นอิสระ เมื่อศาลพิสูจน์แล้วว่าชัยวัฒน์เป็นคนอยู่เบื้องหลังทั้งหมด ครอบครัวของภาคภูมิจึงกลับมามีความสุขอีกครั้ง โดยคราวนี้เขามีอรชุมาอยู่เคียงข้างด้วยตลอดไป
คุ้มนางครวญ (2557/2014) คุ้มเวียงแก้วอายุราว 200 ปี มี เจ้าเก็จถวา (พิสมัย วิไลศักดิ์) วัย 70 ปี เป็นเจ้าของคุ้มเวียงแก้วเป็นคุ้มมหึมางดงาม แต่ไม่มีใครรู้ว่า ห่างออกไปราว 2 กิโลเมตร มีคุ้มร้างริมปิงผุผังอยู่หลังหนึ่ง ที่คุ้มร้างนั้นมีข่าวว่าเป็นคุ้มผีสิง เคยมีวัยรุ่นมาลองของและเจอผีจนต้องหนีจับไข้หัวโกร๋น แต่ความจริงแล้วที่นี่มีแก๊งค้ายาเสพติดมาลักลอบใช้เป็นที่กบดานและเรื่องผีก็เป็นเรื่องที่พวกนี้สร้างขึ้น เพื่อกันไม่ให้มีใครมายุ่งกับคุ้มร้างนี้ ฐาปกรณ์ (โอลิเวอร์ บีเวอร์) ผู้กำกับและ มาดามสุ (ศิขรินธาร พลายพฤติ) ภรรยาสาวสวยที่เป็นผู้จัด ได้รับคำสั่งจากช่องให้ทำละครพีเรียด โดยวางตัว ตรีภพ (ยุทธนา เปื้องกลาง) เป็นพระเอก ตรีภพมีเพื่อนสนิทคือ แก้ว (อนุชิต สพันธุ์พงษ์) นักเขียนหนุ่มถังแตก ตรีภพเสนอให้แก้วเป็นคนทำพล็อตละครเรื่องนี้ คืนหนึ่งเกิดพายุใหญ่ ฟ้าผ่าลงมาที่ยอดคุ้ม พวกแก๊งค้ายาเจอห้องใต้ดินมีหลุมศพซ่อนอยู่ และในคืนนั้นเอง พวกมันก็เกิดการทะเลาะวิวาทจนฆ่ากันเองทำให้เลือดซึมลงในหลุมศพ ปลุกให้วิญญาน เจ้านางยอดหล้า (สาวิกาไชยเดช) พร้อมบริวารคือ นางผัน (สิตางค์ ปุณภพ) และ นางเผื่อน (ลักขณา วัธนวงส์ศิริ) ตื่นจากการถูกกักขัง ซึ่งวิญญาณยอดหล้าได้เฝ้ารอการกลับมาของตรีภพคนรักของเธอมานานแสนนาน พิมพ์ดาว (มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ) นางร้ายนิสัยดี อยู่กับแม่จันทรา (พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) ที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยและเป็นนักปฏิบัติธรรมกับน้องสาวชื่อ พิมพ์เดือน (ธนิดา ธนวัฒน์) นักศึกษาวิชาประวัติศาสตร์ปีสุดท้าย พิมพ์ดาวไปงานอีเว้นท์และได้พบกับตรีภพ ทั้งสองมีเรื่องเข้าใจผิดจนเกิดเขม่นกันขึ้น ส่วนฟาก มาลาริน (พรรณวรท ด้วยเศียรเกล้า) นางเอกสาวสวยใสแต่ตัวจริงแรดร้ายก็แอบปลื้มตรีภพ เลยขอให้บีบี (มอริส เค) ผู้จัดการนักปั้นมือทองของเธอใช้เส้นสายจนช่องให้เป็นนางเอกคู่ตรีภพ แก้วส่งเรื่องย่อ คุ้มนางครวญ เป็นมินิซีรีส์รัก 3 เส้า ระหว่างสองเจ้านางกับหนุ่มเมืองใต้ (พระนคร) ช่องอนุมัติและให้เปิดกล้องทันที ในตอนแรกฐาปกรณ์กลัวความไม่มีวินัยของแก้ว แต่จู่ ๆ เพียงแค่ 3 วัน บททั้งเรื่องก็ถูกส่งมา ทีมงานทุกคนพอใจในบทและมีการวางตัวเพิ่ม ตรีภพเสนอฐาปกรณ์ให้เลือกพิมพ์ดาวมารับบทนางร้ายเพราะอยากตอแยกับเธอต่อ ฐาปกรณ์เตรียมงานไปดูโลเคชั่นที่ อ.เวียงแก้ว พ่อเลี้ยงธาดา (ศตวรรษ ดุลยวิจิตร) มาต้อนรับทีมงาน ส่วนแก้วเชิญให้ทุกคนพักที่คุ้มเวียงแก้ว ฐาปกรณ์เลือกคุ้มหลวงเป็นฉากหลัก แก้วเสนอห้องพักมากมายให้นักแสดง แถมยังมีเรือนรับรองกว้างอีก 2 หลัง แม้ว่าจะมีคนเม้าท์ว่าที่นี่มีผี แต่มาดามสุก็ไม่สนเพราะจะได้ลดค่าใช้จ่ายและคิดถึงกำไรที่จะเพิ่มขึ้น ฐาปกรณ์วางแผนจะถ่ายละครทั้งเรื่องที่เวียงแก้ว ไม่ว่าจะเป็นฉากป่า บ่อน้ำพุร้อน ฉากคุ้มหลวงที่คุ้มเวียงแก้วรวมทั้งการเซตฉากเพิ่มเติมอื่น ๆ โดยจะมีคิวถ่ายให้เสร็จในเดือนเดียว บีบีโวยวายที่จะต้องไปต่างจังหวัดนาน ๆ แต่มาลารินหวังใกล้ชิดตรีภพจึงยอมเทคิวให้ พิมพ์ดาวเตรียมตัวเดินทางไปเวียงแก้ว จันทรานั่งสมาธิเห็นนิมิตยอดหล้าและฝูงอีกา เธอจึงมอบเขี้ยวเสือไฟให้พิมพ์ดาวพกติดตัวไว้ก่อนเดินทางไปเวียงแก้ว ตรีภพและพิมพ์ดาวรู้สึกแปลก ๆ กับคุ้มแห่งนี้ แม้จะมีข่าวผีเฮี้ยนเล็ดลอดออกมาจากทีมงาน แต่ฐาปกรณ์ก็สั่งให้ทุกคนหุบปาก ส่วน ราเชนทร์ (อิสริยะ ภัทรมานพ) ดาราไฮโซติดยาและเป็นหนึ่งในแก๊งพ่อเลี้ยงธาดาที่อยากได้งาน เลยใช้เสน่ห์ออดอ้อนมาดามสุให้ได้เล่นละครด้วย ราเชนทร์เกิดชอบพิมพ์ดาว และเธอเองก็ทำดีกับราเชนทร์ ทำให้ตรีภพเริ่มไม่พอใจเพราะความหึงพิมพ์ดาว ในวันบวงสรวง ฐาปกรณ์กับมาดามสุจะจัดไหว้เจ้าที่เล็ก ๆ พอเป็นพิธี แต่บีบีกลับไปพาพิธีกรรายการล่าท้าผี ทั้งชายหญิงมาเป็นเจ้าพิธี 2 พิธีกรยกเมฆด้นสดพูดถึงความดีงาม ศิริมงคล ทันใดนั้นก็มีศพตกจากยอดคุ้มลงกลางโต๊ะเครื่องเซ่น สองพิธีกรกรี๊ดแตกหนีกลับกรุงเทพฯ มาลารินเลยฉวยโอกาสแสร้งทำเป็นกลัวเพื่อให้ตรีภพคอยดูแล ระหว่างการถ่ายทำ อำนาจเขี้ยวเสือไฟบังตาทำให้ยอดหล้ามองไม่เห็นพิมพ์ดาว ยอดหล้าจึงพุ่งความโกรธแค้นหึงหวงไปที่มาลาริน มาลารินเจออุบัติเหตุต่าง ๆ ระหว่างถ่ายทำ ในตอนแรกบีบีเข้าใจผิดว่าเป็นฝีมือของพิมพ์ดาว แต่ต่อมาทุกคนในกองถ่ายเริ่มรู้สึกว่ามีอันตรายที่มองไม่เห็นอยู่รายรอบตัว คืนนั้นยอดหล้าสะกดตรีภพและส่งรถม้าปีศาจไปรับ แต่มาลารินดันย่องเข้าไปหาตรีภพและหลงตามไป มาลารินเห็นรถม้าแล่นสู่กำแพงต้นไม้ที่แหวกเป็นช่องจนถึงคุ้มร้างริมปิง ยอดหล้าสะกดตรีภพให้เห็นคุ้มร้างเป็นคุ้มสวยงาม ยอดหล้าเอาใจตรีภพด้วยการเล่นซึงเพลงรักที่ในอดีตชาติที่เขาเคยแต่งให้เธอ ตรีภพเคลิบเคลิ้ม แต่มาลารินเข้าไปเห็นยอดหล้าในสภาพโปร่งแสงก็กรี๊ดแตก ยอดหล้าทำร้ายมาลาริน ตรีภพตื่นจากสะกดและยอดหล้าหายตัวไป ตรีภพจึงพามาลารินที่สลบกลับคุ้มเอาเกือบเช้า พิมพ์ดาวเห็นเข้าจึงเข้าใจผิดว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์กัน แต่มาลารินกลัวผีจนเพ้อและต้องเข้าโรงพยาบาล พิมพ์ดาวเห็นอาการมาลารินแล้วสงสาร จึงให้เขี้ยวเสือไฟกับมาลาริน ทำให้มาลารินอาการดีขึ้นทันที เมื่อปราศจากเขี้ยวเสือไฟ ยอดหล้าจึงเห็นพิมพ์ดาวและรู้ทันทีว่านี่คือดารารายที่เคยแย่งคนรักของเธอในอดีต ยอดหล้าคลั่งแค้นสุด ๆ จึงมาปรากฏกายให้พิมพ์ดาวเห็นในความฝันและสะกดจิตให้เธอจำอดีตชาติได้ พิมพ์ดาวสะดุ้งตื่นจากฝันจึงรู้ว่าตนคือดารารายที่ในอดีตเนิ่นนานเธอเคยแย่งตรีภพไปจากยอดหล้าแถมยังฆ่ายอดหล้าตาย และบัดนี้เธอกำลังโดนยอดหล้าตามมาอาฆาตและทวงทุกอย่างคืน สุดท้ายพิมพ์ดาวจะชดใช้ผลกรรมที่ตนเคยก่อไว้ในอดีตกับยอดหล้าอย่างไร? และความรักระหว่างตรีภพและพิมพ์ดาวจะได้สมหวังในชาตินี้หรือไม่? ติดตามหาคำตอบได้ใน ละครคุ้มนางครวญ
จ้าวพายุ (2556/2013) อรทัย(โสภิตนภา ชุ่มภาณี) ลูกสาวคนเดียวที่เกิดจากเมียหลวงของศิวา(เกรียงไกร อุณหนันท์) เจ้าของนามสกุลใหญ่ “เจนจรัสตระกูล” หลังจากแม่แท้ๆของเธอตาย ศิวาก็หันไปคว้าเอาอาภา(กัลยา เลิศเกษมทรัพย์) เด็กรับใช้ในบ้านรุ่นราวคราวเดียวกับอรทัยมาเป็นเมีย อรทัยจึงเกลียดอาภามาก สร้างความหนักใจให้ศิวา จนกระทั่งอาภาคลอดลูกชายคือศุวิล หรือ ลม(ไนกี้-นิธิดล ป้อมสุวรรณ) ที่ได้เป็นเจ้าของนามสกุล เจนจรัสตระกูล อีกคนหนึ่ง อรทัยไม่ยอมให้เมียน้อยและลูกมาแย่งความรักและสมบัติของจากพ่อ คืนหนึ่งศิวาไม่อยู่ อรทัยจึงขู่อาภาว่าจะฆ่าลมและขับไล่สองแม่ลูกออกจากบ้าน อาภาจึงพาลมลูกชายวัย5ขวบจากไป อรทัยใส่ร้ายว่าอาภามีชู้ ศิวาไม่เชื่อและได้แต่สงสัยว่าอาภาหนีไปเพราะเหตุใด 20 ปีผ่านไป อรทัยคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบ แต่เธอคิดผิด เมื่อบรรเจิด(ภูธเนศ หงษ์มานพ) สามีของเธอ เริ่มมีพฤติกรรมน่าสงสัย แต่อรทัยก็ฉลาดพอที่จะไม่กระโตกกระตาก ตั้งใจจะสืบเรื่องผู้หญิงที่มาเป็นเมียน้อยของสามีเธออย่างลับๆ อรทัยต้องการให้สุธาวี(เจษ-เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์) ลูกชายที่ดื้อรั้นไม่ได้ดั่งใจ แต่งงานกับฟ้าใส(ลิลลี่-ภัณฑิลา วิน ปานสิริธนาโชติ) หลานบุญธรรมของบรรเจิด เพราะศิวารักและเอ็นดูฟ้าใสมากกว่าสุธาวีหลานแท้ๆของตน ความกตัญญูของฟ้าใสทำให้อรทัยมั่นใจว่าจะควบคุมทุกอย่างได้ แม้ว่าบรรเจิดจะคัดค้าน และสุธาวีเองก็ยืนยันว่าเขาไม่ได้ชอบฟ้าใสแม้แต่น้อย ก็ไม่ได้ทำให้อรทัยเปลี่ยนใจ ศิวาตามหาอาภาและศุวิลจนพบ แต่อาการมะเร็งกำเริบจนต้องเข้าโรงพยาบาล อาภาใจอ่อนและสงสารศิวา แต่ก็ไม่ยอมปริปากถึงสาเหตุการจากมาของตน ศุวิลเติบโตมากับความเกลียดชังพ่อแท้ๆ อาภารู้ว่าถ้าศุวิลรู้ความจริงว่าอรทัยเคยขู่ฆ่า ศุวิลจะไม่ปล่อยอรทัยแน่ แต่ศุวิลก็มีเหตุปะทะกับอรทัยที่โรงพยาบาลจนได้ ฟ้าใสเข้ามาขวางจึงได้รับบาดเจ็บ ฟ้าใสตั้งใจจะทำให้ศุวิลปรับความเข้าใจกับศิวา ศุวิลรำคาญฟ้าใส แต่ความดีของเธอก็ทำให้หัวใจของศุวิลสั่นคลอน แม้ว่าเขาเองจะคบหาอยู่กับปิ่นมณี(ยิปซี-คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์) ก็ตาม ศุวิลไม่เคยรู้ว่าชีวิตลับๆ ของปิ่นมณีคือการขายตัวให้แขกไฮโซ ต่อหน้าเธอแสนดีและเข้าใจเขาเสมอ แท้จริงแล้วความฝันเดียวของปิ่นมณีคือ หาผู้ชายดีๆ รวยๆ สักคน เพื่อหนีชีวิตที่ยากลำบาก เพราะต้องเลี้ยงปาน(ณหทัย พิจิตรา) แม่บังเกิดเกล้าและพัน(จตุรงค์ โกลิมาศ) ผัวใหม่ของแม่ แต่เธอก็ไม่สามารถทิ้งแม่ของเธอได้ ความลับของปิ่นมณีไม่เคยมีใครรับรู้ แม้กระทั่งฟ้าใสเพื่อนสนิทของเธอ ปิ่นมณีอิจฉาชีวิตที่โชคดีของฟ้าใส รวมถึงแก้วตา(ซี-หทัยภัทร สมรรถวิทยาเวช) สาวน้อยใสซื่อเพื่อนสนิทอีกคน ที่ภายใต้หน้ากากสาวอ่อนหวานไร้พิษภัย แต่แท้จริงยอมพลีกายให้กับบรรเจิด สามีของอรทัย เพื่อแลกกับชีวิตที่สุขสบาย ทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่ง หักหลังฟ้าใสเพื่อนสนิทของตน อรทัยระแคะระคายได้เบาะแสเมียน้อยบรรเจิด แต่แก้วตาก็หนีรอดทุกครั้ง แต่ไม่ใช่การช่วยเหลือของบรรเจิดเพียงคนเดียว แต่เพราะเดช(ดิว-ภัทรพล กันตพจน์) คนสนิทของบรรเจิดที่แอบชอบแก้วตาช่วยด้วย ความลับของแก้วตาเริ่มถูก งามเสมอ(หนูอิมอิม ก้าวมหัศาจรรย์) ครูที่โรงเรียนจับตามอง แต่ชนเมศร์(ดิว-อรุณพงศ์ ชัยวินิตย์) ครูอีกคนที่ชอบแก้วตาคอยแก้ตัวให้อยู่เสมอ เมื่อศิวาประกาศว่า จะแบ่งสมบัติของตนครึ่งนึงให้ศุวิล อรทัยจึงแค้นที่สองแม่ลูกจะกลับมาแย่งของๆ เธออีกครั้ง อรทัยเห็นว่า ฟ้าใสเป็นเครื่องมือที่จะทำได้สมบัติทั้งหมด จึงออกคำสั่งให้สุธาวีเอาชนะใจฟ้าใสและแต่งงานให้เร็วที่สุด! แม้ว่าสุธาวีจะคบหาอยู่กับ สราลัย(เมย์-สิรินทร์ ก่อเกียรติ) ลูกสาวรัฐมนตรีอยู่ แต่เขาก็ไม่เคยกล้างัดข้อกับอรทัย จนกระทั่งสุธาวีได้พบปิ่นมณี สุธาวีก็คลั่งไคล้ปิ่นมณีทันที! สราลัยไม่พอใจที่ปิ่นมณีดึงสุธาวีไปจากตน จึงรุมทำร้ายปิ่นมณีแต่ก็แพ้ ยิ่งทำให้สุธาวีพอใจในความแซ่บของปิ่นมณี เมื่อรู้ว่าปิ่นมณีคือแฟนของศุวิล ก็ยิ่งอยากชนะ สราลัยเอาเรื่องปิ่นมณีไปบอกอรทัย อรทัยไม่ยอมรับปิ่นมณี แต่เพราะความหลงเสน่ห์ปิ่นมณี ทำให้สุธาวีกลับลุกขึ้นแข็งข้อกับอรทัย และยืนกรานว่าจะต้องอยู่กับปิ่นมณีให้ได้ สุธาวีเล่าเรื่องที่ศิวาจะยกมรดกให้ศุวิลครึ่งนึงให้ปิ่นมณีฟัง ทำให้ปิ่นมณีไม่ยอมปล่อยศุวิล เพราะยังไม่รู้ว่าศุวิลหรือสุธาวีจะได้ครอบครองสมบัติกันแน่ เธอจึงปกปิดเรื่องที่เธอแอบคบสุธาวีไม่ให้ศุวิลรู้ สุธาวีปะทะกับอรทัยบ่อยขึ้น และยื่นข้อเสนอกับอรทัยว่าจะแต่งงานกับฟ้าใสตามต้องการ แต่จะให้ปิ่นมณีเป็นเมียน้อย อรทัยไม่ยอมเด็ดขาด ปัญหารอบตัวของอรทัยยิ่งทวีคูณ เมื่อเห็นว่าศุวิลกับฟ้าใส เหมือนจะมีสายใยบางอย่างเกิดขึ้น หลายครั้งที่ศุวิลหัวเสียจากอรทัย คนที่โดนลูกหลงก็มักจะเป็นฟ้าใสเสมอ ครั้งนึงที่ศุวิลพลั้งมือทำร้ายฟ้าใส ศุวิลรู้สึกผิดมาก พยายามตามทำดีกับฟ้าใสเพื่อไถ่โทษ เมื่อได้ใกล้ชิดกันก็ทำให้ทั้งสองต่างหวั่นไหวต่อกัน รวมถึงแก้วตา เมื่อได้พบศุวิล ก็ตั้งใจว่าจะไม่ยอมให้ฟ้าใสได้สมหวังกับศุวิลแน่ จึงยกเอาเรื่องศุวิลเป็นแฟนของปิ่นมณีขึ้นมาพูดกับฟ้าใส และแสร้งทำทีว่าเข้าใจความรู้สึกของฟ้าใสที่มีต่อศุวิล แก้วตาขอให้ฟ้าใสรับปากว่าจะไม่หักหลังแย่งศุวิลจากปิ่นมณี ฟ้าใสยอมรับปาก แม้ในใจจะเจ็บลึกๆก็ตาม ฟ้าใสออกห่างจากศุวิล และขอร้องให้เรื่องระหว่างเธอกับเขาไม่มีอะไรเกินเลย เธอไม่อยากหักหลังเพื่อน ศุวิลรับปากเพราะไม่อยากทำให้ฟ้าใสลำบากใจ แก้วตาสมหวังที่กีดกันฟ้าใสออกจากศุวิลได้ เพื่อที่เธอจะได้แอบสร้างความสัมพันธ์กับศุวิลเอง และโชคก็เข้าข้างแก้วตา เมื่อบรรเจิดย้ายบ้านเธอหนีจากการรุกรานของอรทัย ที่สำคัญบ้านนั้นติดกับบ้านของศุวิล! ศุวิลและอาภาไม่เคยสงสัยแก้วตา และไม่เคยรู้ว่าแก้วตาคือเพื่อนของฟ้าใส ทุกครั้งที่ศุวิลไปหาฟ้าใสที่โรงเรียน แก้วตาจะหลบเลี่ยงไปทุกครั้ง มีเพียงสำลี(อุ่นเรือน ราโชติ)ที่ฟันธงว่าแก้วตาเป็นเมียน้อย!! แก้วตาทนไม่ไหวที่ต้องหลบซ่อน จึงระบายเรื่องที่เธอเป็นเมียน้อยบรรเจิดให้กับปิ่นมณีฟัง ปิ่นมณีปลอบใจแก้วตา แต่ความลับนี้กลายเป็นกุญแจดอกสำคัญที่ปิ่นมณีจะใช้ไขเข้าบ้านเจนจรัสตระกูล ปิ่นมณียื่นข้อเสนอจะให้เบาะแสเรื่องเมียน้อยบรรเจิดกับอรทัย แม้ว่าไม่เต็มใจแต่อรทัยก็ตอบรับข้อเสนอปิ่นมณี ที่ขายความลับของเพื่อนสนิทให้อรทัยรู้ หารู้ไม่ว่า ถึงอย่างไรอรทัยก็จะไม่ยอมรับปิ่นมณี ฟ้าใสคนเดียวที่จะช่วยนำเธอไปสู่ชัยชนะระหว่างเธอกับศุวิลได้ อรทัยส่งคนไปทำร้ายแก้วตา แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะเดชคอยส่งข่าวเตือน ด้านปิ่นมณีก็ทวงสัญญาการแต่งงานของเธอกับสุธาวีที่อรทัยเคยให้ แต่อรทัยเสนอให้สุธาวีสืบหาและจัดการกับแก้วตาให้เธอ และจะไม่ขัดขวางเรื่องแต่งงานกับปิ่นมณีอีก สุธาวีจึงรับปาก สุธาวีพาปองพล(พัฒนพล กุญชร ณ อยุธยา) พี่ชายลูกติดพ่อเลี้ยงของปิ่นมณีไปจัดการแก้วตาด้วย แม้ว่าปิ่นมณีจะไม่ลงรอยกับปองพล แต่งานนี้เธอก็ใช้ปองพลกับสุธาวีร่วมมือกันทำร้ายแก้วตาจนปางตาย สร้างความเสียใจให้บรรเจิดและเดช ทาสรักผู้ภักดีของแก้วตา เมื่อฟ้าใสรู้เรื่องแก้วตาก็ตกใจ แก้วตาขอโทษและขอร้องให้ฟ้าใสเข้าใจความรักของเพื่อนกับอา ฟ้าใสหลงเชื่อสงสารจึงยอมทำตาม แต่คิดไว้ว่าจะหาวิธีพูดให้แก้วตาเลิกเป็นเมียน้อยบรรเจิดให้ได้ ลึกๆแล้วแก้วตายังไม่อยากทิ้งบรรเจิด เพราะยังไม่ได้ศุวิลมาครอง แต่เมื่อรู้ว่าปิ่นมณีคือผู้ชี้เป้าให้อรทัยได้รู้ แก้วตาก็สืบจนรู้ว่าปิ่นมณีทำงานขายตัว จึงบอกเรื่องนี้กับศุวิลเพื่อเป็นการแก้แค้น ศุวิลไม่อยากเชื่อ แต่ก็ตามไปดูปิ่นมณี สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขาต้องช็อค เพราะพบปิ่นมณีกำลังนัวเนียกับสุธาวี ศุวิลขอเลิกกับปิ่นมณีทันที เมื่อถูกสลัดจากศุวิล ปิ่นมณีจึงมาเร่งการแต่งงานกับสุธาวี แต่อรทัยก็ไม่รักษาคำพูด ซ้ำยังหันไปบังคับฟ้าใสให้ยอมแต่งงานกับสุธาวี ฟ้าใสยืนกรานไม่ยอมแต่งงานกับคนที่ตนไม่ได้รักเด็ดขาด เพราะในใจลึกเธอรักศุวิลแม้จะรักข้างเดียวก็ตาม คืนหนึ่งสุธาวีเมาและแค้นอรทัยมาก เมื่อกลับมาเจอฟ้าใส สุธาวีจึงใช้กำลังปลุกปล้ำ โชคดีที่ศุวิลมาช่วยฟ้าใสไว้ได้ทัน สุธาวีต่อสู้กับศุวิล สุธาวีเลยจะยิงศุวิล ฟ้าใสเอาตัวเข้าขวางเอาไว้ ฟ้าใสจึงถูกยิงแทน หลังเหตุการณ์นี้ศุวิลขอร้องให้ฟ้าใสมาพักรักษาตัวที่บ้านเขา ศุวิลกลายเป็นคนมีชีวิตชีวา อาภารับรู้ถึงความรู้สึกของทั้งคู่ แต่แม้ว่าจะได้ใกล้ชิดกันแค่ไหน ทั้งคู่ก็ยังรักษาสัญญาที่ว่าจะเป็นเพียงเพื่อนกัน อรทัยรู้ข้อมูลของปิ่นมณีเรื่องจ็อบเป็นโสเภณีชั้นสูง จากการให้ข่าวของปรียะ(ม.ล.อรรถดิศ ดิศกุล) เพื่อนกินของสุธาวี จึงเอาเรื่องนี้มาบอกสุธาวี แต่สุธาวีกลับยอมรับปิ่นมณีได้ แต่อรทัยไม่ยอม สั่งลูกน้องไปดักทำร้ายปิ่นมณีหวังข่มขู่ให้เลิกกับสุธาวี แต่สุธาวีมาช่วยปิ่นมณีเอาไว้ได้ทัน สุธาวีโกรธจนลืมตัว บุกไปเอาเรื่องอรทัย และประกาศว่าปิ่นมณีต้องเป็นเจ้าสาวของเขา! ทำให้อรทัยแค้นมาก ศุวิลยังไม่ยอมรับศิวาเป็นพ่อ ทำให้อาการของศิวาทรุดหนัก อาภาจึงบอกความจริงกับศุวิล ว่าอรทัยขู่ฆ่าศุวิล เธอจึงต้องหนีออกมา ศุวิลจึงโกรธแค้นอรทัยมาก แต่พอฟ้าใสกับอาภาขอร้องให้ใจเย็น ศุวิลก็เย็นอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เมื่อศิวารู้ว่าอรทัยส่งคนไปทำร้ายแก้วตาจนปางตาย เขาก็ยิ่งเสียใจที่ลูกสาวแท้ๆของเขามีจิตใจเหี้ยมโหด จึงตั้งใจจะไม่มอบอะไรให้อรทัยและสุธาวีแม้แต่แดงเดียว อรทัยยอมรับและยังบอกให้ศิวายกสมบัติให้สุธาวีทั้งหมด ไม่อย่างนั้น ตนจะไม่เอาอาภาและศุวิลไว้ ศิวาเป็นห่วงอาภาและศุวิล จึงยอมร่างพินัยกรรม ปิ่นมณีใช้มารยาปั่นหัวสุธาวีจนแตกหักกับอรทัยแล้วมาแต่งงานอยู่กับตน ส่วนบรรเจิดได้ขอแยกทางกับอรทัยถาวร ทำให้อรทัยแค้นใจมาก แต่เรื่องทั้งหมดยังไม่จบลงเท่านั้น เมื่อเดชบุกมากลางงานแต่งงานพร้อมปืนในมือเพื่อล้างแค้นแทนแก้วตา ปิ่นมณีเองก็แค้นแก้วตาที่ขายความลับที่เธอขายตัวให้ศุวิลรู้และทำให้ชีวิตเธอแทบพัง บทสรุปของเรื่องราวความรัก ความแค้น ความเกลียดชังราวกับลมพายุที่โหมกระหน่ำในใจของทุกคนจะจบลงอย่างไร และสายลมรักของฟ้าใสกับศุวิลจะพัดพาฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไปด้วยกันได้หรือไม่?
น่ารัก (2557/2014) ประเทศฮวาซา เป็นรัฐอิสระตอนตะวันตกเฉียงเหนือของไทยใกล้แม่น้ำโขง ต้องการเปิดประเทศให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก จึงมีการเปิดประมูลหาบริษัทที่จะมาผลิตภาพยนตร์สารคดีเพื่อทำการประชาสัมพันธ์ประเทศให้เป็นที่รู้จัก โดยมี นาย (ชาคริต แย้มนาม) เจ้าของบริษัทกับ จีจี้ (คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์) แฟนสาว จากบริษัท GNN ซึ่งเป็นบริษัทผลิตภาพยนตร์สารคดีชื่อดังจากประเทศไทย ที่เข้าร่วมการประมูลงานในครั้งนี้ โดยบริษัทของนายมีทีเด็ดที่เหนือกว่าบริษัทคู่แข่งคือ แนวหน้า (ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) ครีเอทีฟคนเก่งซึ่งเป็นน้องชายของนายนั่นเอง ทั้ง 3 คนประทับใจและชื่นชมความงามของประเทศฮวาซามาก ๆ โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นราชพิธีวันเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวที่ พระราชาธูล (พลวัฒน์ มนูประเสริฐ) ได้พา องค์หญิงโลลิต้า (อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา) องค์หญิงรัชทายาทผู้ที่มีสิริโฉมงดงาม แสนซื่อบริสุทธิ์สดใส เสด็จออกเยี่ยมประชาชน ทำเอานายกับจีจี้ถึงกับเอ็นดูในความน่ารักสดใสขององค์หญิงโลลิต้า เว้นก็แต่แนวหน้าเท่านั้นที่รู้สึกตกใจอย่างมาก เพราะองค์หญิงโลลิต้าคือคนที่เพิ่งมีปากเสียงกับเขาที่กลางตลาดเมื่อตอนบ่าย เพียงเพราะเหตุผลที่เขาแย่งซื้อขนมชิ้นสุดท้ายจากเธอมาได้ จนทำให้เธอโกรธเคืองเขามากมาย หลังจากที่บริษัทนายนายได้รับการไว้วางใจให้เป็นผู้ผลิตภาพยนตร์สารคดีเพื่อประสัมพันธ์ประเทศฮวาซา โดยแนวหน้าได้เสนอความคิดว่าจะผลิตสารคดีท่องเที่ยวแบบกึ่งเรียลลิตี้ โดยมีองค์หญิงโลลิต้าเปรียบเหมือนเป็นฑูตของฮวาซา ซึ่งแนวหน้าจะเล่าเรื่องผ่านตัวละครชายหนุ่มนักผจญภัยที่ได้ยินกิตติศัพท์ความงามขององค์หญิงแห่งฮวาซา จึงเดินทางมาที่ประเทศนี้ ได้พบกับธรรมชาติที่สวยงามและเรียนรู้วัฒนธรรม วิถีชีวิตของคนฮวาซา จนชายผู้นี้ตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ในประเทศตลอดไป ซึ่งแนวหน้าตั้งใจว่าตัวเขาเองจะแสดงเป็นชายในสารคดีเรื่องนี้เอง แต่องค์หญิงโลลิต้ากลับไม่เห็นด้วย เพราะไม่อยากร่วมงานกับแนวหน้าชายคนที่เธอไม่ชอบหน้า องค์หญิงโลลิต้าเสนอให้จีจี้ไปติดต่อพระเอกละครไทยสุดฮอตคนที่เธอคลั่งไคล้คือ ไผท (สน ส่งไพศาล) มาเป็นตัวละครชายหนุ่มนักผจญภัยให้ได้เธอถึงจะยอมให้ความร่วมมือ ซึ่งจีจี้กับนายก็รีบตกปากรับคำทันที ทำให้แนวหน้าถึงกับไม่พอใจและไม่อยากทำโปรเจคท์นี้อีกต่อไป เพราะในอดีตเขากับไผทเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องมหาวิทยาลัยเดียวกัน ซึ่งทั้งคู่เป็นคู่ปรับที่ชิงดีชิงเด่นกันอยู่ตลอด โดยเฉพาะเรื่องความรักของแนวหน้าที่ต้องอกหัก เมื่อถูก ขิง (คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์) สาวสวยที่แนวหน้าหมายปองกลับปันใจไปคบหากับไผท ด้วยเหตุนี้เลยยิ่งทำให้แนวหน้าเกลียดไผทยิ่งขึ้นไปอีก แต่สิ่งที่ทำให้แนวหน้าต้องจำใจยอมทำโปรเจคท์นี้ต่อไปก็เพราะนายกับจีจี้เกิดมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง จนถึงขึ้นที่จีจี้บอกเลิกนายและจะถอนหุ้นทั้งหมดออกจากบริษัท แถมจีจี้ยังประกาศว่าเธอจะต้องติดต่อไผท ให้ยอมร่วมงานกับเธอก่อนหน้านายกับแนวหน้าให้ได้ ซึ่งในขณะนั้นเองไผทกำลังเบื่อชีวิตในวงการบันเทิงเพราะ พี่ฟิน (ปิยะ เศวตพิกุล) ผู้จัดการส่วนตัวชอบรับงานซ้อนจนทำให้ทุกคนเข้าใจผิดคิดว่าไผทเป็นซุปตาร์ที่เรื่องมาก ขี้งกเลือกรับงาน ด้วยเหตุนี้ไผทเลยตัดสินใจร่วมงานกับแนวหน้า เพราะต้องการดัดนิสัยพี่ฟินและหลีกหนีความวุ่นวายในวงการบันเทิงไทย หลังจากที่ทั้ง 3 คนเดินทางมาถึงฮวาซาก็ต้องตกใจสุด ๆ เมื่อพบว่าจีจี้ได้พูดจาหว่านล้อมให้องค์หญิงนำพล็อตเรื่องที่วางไว้ขึ้นมาพิจารณาใหม่ โดยเสนอแนะให้องค์หญิงโลลิต้าเป็นนำผู้แสดงเพียงคนเดียว ในขณะที่องค์หญิงกำลังคิดพิจารณาตามข้อเสนอของจีจี้ นายกับแนวหน้าก็คิดแผนเด็ดขึ้นมาได้โดยต้องทำให้องค์หญิงรักไผทจริง ๆ ให้ได้ ด้วยเหตุนี้แนวหน้าจึงต้องติวเข้มไผทอย่างหนักว่าต้องทำตัวให้เหมือนกับคาแรคเตอร์ในละครถึงจะตรงตามสเปคขององค์หญิงโลลิต้า ซึ่งบทบาทในละครต่างจากตัวตนที่แท้จริงของไผทมาก ซึ่งแนวหน้าต้องไปตีสนิทกับ ชีฟอง (วิชญานี เปียกลิ่น) พี่เลี้ยงขององค์หญิงโลลิต้า เพื่อหลอกถามข้อมูลเกี่ยวกับองค์หญิงโลลิต้า ซึ่งชีฟองก็หลงเชื่อ และยอมร่วมมือทุกอย่าง เมื่อโลลิต้ามาเห็นว่าแนวหน้าจีบชีฟองก็โกรธมาก แต่ชีฟองกลับหลงรักแนวหน้ามาก ๆ จนองค์หญิงโลลิต้าไม่กล้าทำร้ายจิตใจชีฟอง หลังจากไผทรู้ว่าองค์หญิงโลลิต้าชอบเขาจากละครเรื่องอะไร ทำเอาเขาถึงกับช็อกเพราะเป็นเรื่องที่ไผทเล่นไว้แย่ที่สุด แต่ไผทก็ยอมทำทุกอย่างตามคำแนะนำของแนวหน้า เพราะเขารู้สึกหลงรักองค์หญิงโลลิต้าขึ้นมาจริง ๆ แม้จีจี้กับฟินจะมาพยายามข่มขู่ด้วยวิธีไหน ไผทก็ไม่ฟัง เพราะถ้าขาดแนวหน้าไปเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง ที่จะทำให้ผู้หญิงที่มองโลกในแง่ดีอย่างองค์หญิงโลลิต้ามาชอบเขาจริง ๆ ได้ หลังจากที่ทุกคนเริ่มการถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีไปอย่างราบรื่น แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อขิงเดินทางมาที่ฮวาซาเพื่อรับหน้าที่สไตลิสต์ส่วนตัวให้กับไผท ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นแผนการของจีจี้ ที่หวังจะทำให้ไผทและแนวหน้าแตกคอกัน ซึ่งก็เป็นผลสำเร็จเมื่อไผทกับแนวหน้าทะเลาะกันจริง ๆ แต่เป็นการแตกคอที่ทั้งคู่ต่างผลักดันให้อีกคนหนึ่งรับขิงเป็นของตน พอนายรู้เรื่องนี้ก็ขอร้องให้แนวหน้าเป็นคนจีบขิง เพื่อดึงขิงออกมาจากไผทที่กำลังไปได้ดีกับองค์หญิงฯ แนวหน้าอยากให้งานราบรื่นก็ยอมทำตามข้อเสนอของนาย แต่ แนวหน้ากลับทุกข์ใจกว่าเดิมเพราะเขารู้ว่าคนที่เขารักไม่ใช่ขิงแต่กลับเป็นองค์หญิงโลลิต้า ขิงกลายเป็นประเด็นที่ทำให้ชีฟองอกหัก และทำให้เจ้าหญิงโลลิต้าโกรธมาก เธอคิดว่าแนวหน้าเจ้าชู้หลอกให้ชีฟองเสียใจ เธอทะเลาะกับแนวหน้าอยู่ตลอด ไผทเลยต้องทำหน้าที่สานสัมพันธ์ทั้งคู่เข้าใจกัน เพราะไผทกลัวว่าหากองค์หญิงโกรธจนไม่ยอมทำงานต่อ เขากับองค์หญิงจะต้องห่างกัน ดังนั้นไผทเลยลงทุนไปขอร้องให้ขิงทำตัวเป็นทอม เพราะไม่อยากให้ชีฟองอกหัก แล้วก็จัดการทำให้แนวหน้ากับชีฟองดีกัน เพื่อทำให้องค์หญิงโลลิต้าพอใจ พอขิงเห็นนิสัยที่ยอมทำอะไรเพื่อคนอื่นของไผท ก็รู้สึกแปลกใจมาก เพราะในอดีตไผทไม่เคยทำอะไรเพื่อคนอื่นเลยคิดถึงแต่ตัวเองเป็นหลัก ด้วยเหตุนี้ขิงเลยยอมทำตัวเป็นทอมตามที่ไผทขอ และบอกองค์หญิงกับชีฟองว่าตนกับแนวหน้าเป็นแค่เพื่อนกัน พอชีฟองกลับมามีความสุข องค์หญิงโลลิต้าก็ดีกับแนวหน้า เธอเสนอให้แนวหน้าแต่งงานกับชีฟอง ทำให้แนวหน้าน้อยใจองค์หญิงโลลิต้ามาก จึงพยายามหลบหน้าองค์หญิงอยู่ตลอด และใช้ให้ขิงกับนายทำงานแทน ส่วนตัวเขาหนีไปสงบสติอารมณ์นอกเมือง พอขาดแนวหน้าไป ไผทก็ทำตัวไม่ถูก พูดอะไรก็ผิดหูโลลิต้าไปหมด จนทำให้องค์หญิงโลลิต้ารู้ว่าที่ไผทเป็นผู้ชายที่แสนดีตรงตามสเปคของเธอนั้นมาจากการที่มีแนวหน้าคอยเป็นผู้ชี้แนะนั่นเอง ไผทนำเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับองค์หญิงมาปรึกษาขิง หลังจากที่ขิงให้คำปรึกษากับไผทไป เขาก็ได้รู้ใจตัวเองว่าแท้จริงแล้วขิงเป็นคนที่เขารักและเข้าใจเขามากที่สุด ไผทเห็นว่าเรื่องราวเริ่มจะวุ่นวายไปกันใหญ่ เลยไปปรับความเข้าใจกับแนวหน้าว่าเขารู้ใจตนเองแล้วว่าไม่ได้รักองค์หญิงโลลิต้า จนแนวหน้าเข้าใจไผทและยอมกลับมาถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีต่อ หลังจากที่การถ่ายทำดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น จู่ ๆ เจ้าชายชองปอล (อัครัฐ นิมิตชัย) ว่าที่คู่หมั่นขององค์หญิงโลลิต้า เข้ามาก่อความวุ่นวาย โดยเจ้าชายชองปอลได้วางแผนการครั้งสำคัญทำให้แนวหน้าและไผทต้องแตกคอกันอีกครั้ง รวมไปถึงองค์หญิงโลลิต้าและขิงที่มองแนวหน้าและไผทเปลี่ยนไป แผนการของเจ้าชายชองปอลคืออะไร แล้วความรักระหว่างแนวหน้ากับองค์หญิงโลลิต้าและไผทกับขิงจะลงเอยอย่างไร ? ตามชมกันต่อได้ใน ละครน่ารัก
เรือนเสน่หา (2556/2013) พุทธศักราช 2448 ในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ยกเลิกการมีทาสไปแล้ว ผู้ชายโดยเฉพาะเจ้าขุนมูลนายนิยมมีภรรยาหลายคน ขณะที่ฝ่ายชายต่อสู้และแย่งชิงตำแหน่งและหน้าที่ทางสังคม ฝ่ายหญิงก็ต่อสู้เพื่ออำนาจในเรือน ครอบครัวของ คุณหลวงปราบ ธำรงค์นครา (ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) เองก็เช่นกัน คุณหลวงมีภรรยาเอกคือ ชมนาด (น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์) หญิงสาวจากตระกูลสูง และ เอื้องคำ (พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร) ลูกสาวพ่อค้าจากเชียงใหม่ ทั้งสองคนต่างต่อสู้แย่งชิงกันเพื่อให้เป็นคนโปรดของคุณหลวง ชมนาด นั้นมี อีอี่ (รัญญา ศิยานนท์) เป็นบ่าวคนสนิทคอยรับใช้เป็นหูเป็นตาให้ ส่วน เอื้องคำ มี อีมุ่ย (ณหทัย พิจิตรา) บ่าวที่ติดตามมาจากเชียงใหม่เป็นบ่าวคนสนิท และคอยเป็นหูเป็นตาเช่นกัน ทั้งชมนาดและเอื้องคำมักมีเรื่องกันบ่อยครั้ง เพราะเอื้องคำนั้นมีนิสัยเอาแต่ใจ เจ้าคิดเจ้าแค้น จึงไม่ยอมลงให้กับชมนาดเมียเอก ส่วนชมนาดนั้น ภายนอกดูเป็นคนจิตใจดี มีเมตตากรุณา แต่ซ่อนความเลือดเย็นเอาไว้ แต่เอื้องคำและอีมุ่ยมองทะลุเข้าไปถึงใต้ท่าทีเหล่านั้น จึงไม่วางใจในตัวชมนาด เมื่อเมียบ่าวที่ชื่อ สร้อย (อุทัยศรี ศรีณรงค์) เกิดตั้งท้องขึ้นมา ชมนาดก็แอบจัดการฆ่าไปเสียโดยใช้บึ้งชะงัก แล้วแอบใส่ความโยนความผิดให้เอื้องคำ ระหว่างนั้นเอื้องคำเกิดตั้งท้อง คุณหลวงจึงให้รอคลอดลูกให้เรียบร้อย แล้วไสหัวเอื้องคำและอีมุ่ยออกไป เอื้องคำแค้นใจมากที่ไม่มีใครเชื่อตน ด้วยความแค้นเอื้องคำจึงแอบไปบนเรือนชมนาดจะฆ่า แต่ก็พลาดต้องตกบันไดลงมาแท้งลูก ทำให้เอื้องคำไม่เหลืออะไรอีกแล้ว รอเพียงวันที่จะออกไปจากเรือนเท่านั้น ปราฏว่าในวันที่ต้องออกไปจากเรือน เอื้องคำเกิดเสียสติร้องหาลูก ทำให้คุณหลวงสงสารเลี้ยงดูให้อยู่ในเรือนต่อไป แม้เอื้องคำจะตกต่ำลงไปแล้ว ชมนาดก็ยังนอนใจไม่ได้ เพราะยังเหลือ มะลิ (โสภิตนภา ชุมภาณี) เมียบ่าวแสนซื่อของคุณหลวงอีกคนที่เป็นหนามยอกอก ยิ่งไปกว่านั้น มะลิ และ ไอ้มิ่ง (อาณัตพล ศิริชุมแสง) บ่าวชายเกิดไปรู้เห็นเรื่องบึ้งชะงักเข้า ยิ่งทำให้ชมนาดต้องกำจัดมะลิกับไอ้มิ่ง ด้วยการใส่ความว่าทั้งสองคนเป็นชู้กัน เมื่อคุณหลวงมาเห็นก็โมโหมาก สั่งลงโทษและไล่ออกจากเรือนไป มะลิ ไอ้มิ่งและ ป้าพิศ (พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา) ป้าของไอ้มิ่งหนีไปตั้งหลักที่วัด ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านคุณหลวงมากนัก หลวงตาน้อย (สรพงศ์ ชาตรี) พระที่ให้ความช่วยเหลือ ให้ทั้งหมดอยู่ที่กระท่อมท้ายวัด ปรากฏว่า มะลิมีลูกคุณหลวงติดท้องมาด้วย ทำให้ทุกคนยังออกเดินทางไปตั้งรกรากที่อื่นไม่ได้ ต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน ส่วนชมนาดเองก็เกิดตั้งท้องขึ้นมาเช่นกัน วันหนึ่ง อีอี่ไปที่วัดก็แอบเห็นไอ้มิ่งแล้วตามไป จึงได้รู้ว่ามะลิตั้งท้องลูกของคุณหลวงเช่นกัน ชมนาดสั่งอีอี่ให้จัดการพวกของมะลิ เย็นวันนั้นมะลิคลอดลูกแฝดชายออกมา พอตกดึกอีอี่แอบตามมาเผาบ้านหวังให้ทุกคนตายคากองเพลิง มะลิคว้าลูกมาได้เพียงคนเดียว ส่วนลูกอีกคนที่หน้าอกโดนพระที่หลวงตาน้อยให้มาร่วงใส่อกจนเป็นรอยแผลเป็นนั้นคาอยู่ในกองไฟกับป้าพิศ มะลิและไอ้มิ่งหนีออกมาได้ก็สลบอยู่ที่ข้างบ้าน หารู้ไม่ว่าป้าพิศโยนเด็กอีกคนออกมาได้ เด็กไปคาอยู่บนกอผักบุ้ง ทางฝั่งชมนาดที่รออีอี่กลับมารายงานนั้น ก็เกิดเจ็บท้องจะคลอดลูกเช่นกัน แต่ร้องหาบ่าวไพร่ไม่ได้สักคนเพราะบ่าวไพร่มัวแต่ไปช่วยกันดับไฟที่เรือนบ่าว คนที่ขึ้นมาดูชมนาดก็คือเอื้องคำ เมื่อชมนาดคลอดลูกสาว เอื้องคำก็แย่งเอาลูกไป ทำให้ชมนาดรู้ทันทีว่าเอื้องคำแกล้งบ้า เอื้องคำสะใจ อุ้มลูกสาวชมนาดหนีออกไปกับอีมุ่ยในคืนนั้นเอง เมื่ออีอี่กลับมาพบจึงรีบออกไปตามหาเอื้องคำเพื่อเอาลูกชมนาดกลับมา แต่เด็กที่อีอี่ได้กลับมานั้น คือลูกชายของมะลิ ที่หลวงตาน้อยเป็นคนไปพบบนกอบัว ชมนาดจึงตกกระไดพลอยโจนเอาลูกคนอื่นมาเลี้ยงแทนลูกตนเอง อีอี่นั้นแม้จะรู้จากหลวงตาน้อยว่าเป็นลูกของมะลิ แต่ก็มิได้บอกชมนาด ฝั่งมะลินั้นเมื่อเข้าใจว่าลูกอีกคนตายไปในกองเพลิงกับป้าพิศแล้วก็เศร้าโศกเสียใจ พากันย้ายไปตั้งรกรากอยู่ที่อยุธยา ระหว่างทางได้เจอกันหญิงท้องแก่คนหนึ่ง ซึ่งเกิดเจ็บท้องจะคลอดลูกกะทันหัน หญิงคนนั้นรู้ว่าตนจะไม่รอด จึงฝากลูกสาวที่เพิ่งคลอดให้มะลิช่วยดูแลแทนตน ก่อนจะขาดใจตายไป มะลิตั้งชื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นว่า สายหยุดและตั้งชื่อลูกชายของตนว่า เมือง เรือนเสน่หา ส่วนเอื้องคำและอีมุ่ยที่ขโมยลูกชมนาดไป จับพลัดจับผลูได้ไปเป็นเมียของเถ้าแก่ซ้ง (ประกาศิต โบสุวรรณ) เจ้าของโรงฝิ่น เอื้องคำตั้งชื่อให้ลูกสาวชมนาดว่า ชวนชม และได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น เหม่ยฟาง ส่วนอีมุ่ยก็เปลี่ยนเป็นชื่อเง็ก เอื้องคำเลี้ยงดูชวนชมเป็นอย่างดี ให้ฝึกหัดทุกอย่างตามแบบฉบับของสาวชาววัง ท่ามกลางความแปลกใจของอีมุ่ยว่าเหตุใดต้องทำเช่นนั้น คุณหลวงรักและหลงลูกชายคนแรกมาก ตั้งชื่อให้ว่า สุข เพราะเชื่อว่าลูกจะนำมาซึ่งความสงบสุขของบ้าน จากนั้นไม่นาน ชมนาดตั้งท้องอีกครั้ง คราวนี้ชมนาดได้ลูกชาย และให้ชื่อว่า เทพ ชมนาดเลี้ยงดูลูกอย่างลำเอียง ทำให้มีปากเสียงกับคุณหลวงบ่อยครั้ง อีอี่นั้นเฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูสุขด้วยความสงสาร ฝั่งมะลิและไอ้มิ่งก็เลี้ยงดู เมือง และ สายหยุดมาเป็นพี่น้องกัน โดยทั้งสองเข้าใจว่ามะลิและไอ้มิ่งคือพ่อแม่ที่แท้จริงของตน ทั้งที่ความจริงแล้วมะลิและไอ้มิ่งอยู่กันแบบพี่น้องเรื่อยมา 18 ปีผ่านไป รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว คุณหลวงได้เลื่อนขั้นเป็นคุณพระธำรงค์นครา สุขนั้นเติบใหญ่มาท่ามกลางความเกลียดชังของชมนาด เพราะคุณพระรักและหลงในตัวสุขมาก ยิ่งสุขเรียนเก่งและดีเท่าไร ก็ยิ่งเป็นข้อเปรียบเทียบกับเทพ ลูกแท้ ๆ ของชมนาด เทพไม่สนใจการเรียน เอาแต่หาเรื่องเที่ยวเตร่ สนุกสนานไปวัน ๆ ไม่ได้อย่างใจคุณหลวง แม้สุขจะรู้สึกอยู่เสมอว่าแม่ไม่รักตน ก็ยังเฝ้ากตัญญูพยายามทำให้แม่รักตน และไม่เคยอิจฉาริษยาน้องเลย คุณพระนั้นหวังให้เป็นคู่หมั้นคู่หมายกับ เดือน ลูกสาวของ คุณหลวงไว (ศรุต วิจิตรานนท์) เพื่อนของตนเอง ส่วนมะลิและไอ้มิ่งนั้น เลี้ยงเมืองและสายหยุดมาจนเติบโต เมืองไปมีเรื่องกับนักเลงที่จะมาฉุดสายหยุด จนพวกนักเลงตามไล่ฆ่า ทำให้ทั้งครอบครัวนั้นหนีลงเรือ จับพลัดจับผลูเข้ามาอยู่ที่พระนครอีกครั้ง วันหนึ่ง เถ้าแก่ซ้งเกิดรู้ว่าที่แท้ชวนชมเป็นลูกสาวของชมนาดกับคุณพระ ก็ตั้งใจจะไปบอกความจริงกับคุณพระ เอื้องคำเลยใช้แก่นรัญจวนแก่นไม้ที่เพิ่มกำหนัด ซึ่งเอื้องคำเคยใช้ได้ผลมาหลายครั้งทั้งตอนที่ยั่วยวนคุณหลวง และเถ้าแก่ซ้งมาแล้ว แต่คราวนี้ออกฤทธิ์หนักจนทำให้เถ้าแก่ซ้งตายคาอกเอื้องคำ ทำให้เอื้องคำได้ขึ้นเป็นใหญ่ทันที เอื้องคำเลี้ยงดูชวนชมอย่างดี ชวนชมทำตามคำสั่งเอื้องคำทุกอย่าง และเฝ้ารอเพียงวันที่เอื้องคำจะบอกว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของตนเป็นใคร อีมุ่ยเพิ่งจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว ทุกอย่างที่เอื้องคำทำมาทั้งหมด ก็เพียงเพื่อจะรอวันแก้แค้นชมนาด ให้ชมนาดเจ็บปวดอย่างสาสม! โศกนาฏกรรมความเสน่หาอาฆาตบทนี้ จะลงเอยเช่นไร? ติดตามกันต่อได้ในละคร เรือนเสน่หา
เจ้าสาวกะทันหัน (2549/2006) ดิฐ สารวัตสืบสวนอนาคตไกล กำลังปฏิบัติภารกิจสืบจับขบวนการค้ายาเสพติด ทำให้เขาต้องอยู่ในสภาพสกปรกมอมแมม ทั้งที่ดิฐเป็นลูกชายของอดีตรัฐมนตรี เดช และคุณหญิงดารุณี ครอบครัวที่เด่นดังในแวดวงสังคม ดิฐถูกบังคับให้ต้องแต่งงานกับ เจนนี่ สาวเปรี้ยวที่เพิ่งเรียนจบกลับมาจากลอนดอน โดยการจับคู่ของคุณหญิงดรุณีกับ คุณหญิงเพ็ญจันทร์ เพื่อนคู่ซี้ตามคำสัญญาที่ได้รับปากกันไว้ ดิฐปฏิเสธอย่างแข็งขันแต่คุณหญิงดรุณียืนยันว่าถ้าไม่แต่งกับเจนนี่ก็ต้องหา เจ้าสาวให้ได้ในคืนเดียว ไม่อย่างนั้นจะต้องถูกตัดออกจากกองมรดก มหาศาลสถานเดียว ขณะที่ในคืนนั้น ดุจดาว ซึ่งได้รับการอุปการะเลี้ยงดูในฐานะสาวใช้ในบ้านของ คุณนายพวงผกา น้องสาวของคุณหญิงเพ็ญจันทร์ กำลังจะถูก ทวี สามีจอมหื่นของพวงผกาปลุกปล้ำดุจดาวเสื้อผ้าหลุดลุ่ยวิ่งหนีออกมา ไปเจอกับหนุ่มโฉดนักเที่ยวสองนายจะใช้กำลังฉุดคร่าจนดุจดาวสลบไป ดิฐขับรถผ่านไปเจอจึงรีบช่วยเหลือไว้พร้อมอุ้มร่างที่สลบไสลของดุจดาวไปที่ บ้านพัก ขณะที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สกปรกมอมแมมให้ดิฐเพิ่งสังเกตเห็นความงามของ ดุจดาว ติดตามต่อได้ใน เจ้าสาวกะทันหัน
แก้วล้อมเพชร (2551/2008) พิกุล แม่ค้าขายขนมท้องแก่ใกล้คลอด มีสามีชื่อ เดช ติดการพนันมาก วันหนึ่งเดชเสียพนันจึงบังคับเอาเงินจากพิกุล แต่พิกุลไม่ยอมให้ ทั้งคู่จึงทะเลาะกันอย่างรุนแรง เดชพลัดตกบันไดหัวฟาดพื้น พิกุลคิดว่าเดชตายแล้วจึงหนีเข้ากรุงเทพฯ คืนเดียวกัน การุณ กิจจากรณ์ นักธุรกิจผู้ร่ำรวยขับรถพา ลดา ภรรยาท้องแก่กลับกรุงเทพฯระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุชนกับรถประจำทางที่พิกุล นั่งมา ทำให้พิกุลและลดาปวดท้องคลอดลูกกระทันหัน พอพิกุลฟื้นขึ้นมาก็ได้ยินว่าตำรวจกำลังมาที่โรงพยาบาล ทำให้พิกุลกลัวความผิดเพราะคิดว่าตำรวจจะมาจับตนเรื่องที่ฆ่าเดช พิกุลจึงพาลูกหนีเธอวิ่งชนป้ายชื่อเด็กหล่นสลับกัน ด้วยความรีบพิกุลเลยอุ้มลูกสาวของลดาไป
เงาอโศก (2551/2008) มนไท มหัทธธาดา (ป้อง-ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) หนุ่มน้อยวัยสิบแปดหน้าตาคมสัน แถมยังโดดเด่นไปเสียทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นการศึกษา ฐานะ ชาติตระกูล เค้ายังเป็นบุตรชายคนเดียวของเจ้าคุณมหัทธ์ฯ (หมู สมภพ เบญจาธิกุล) และคุณหญิงทับทิม (อ้อย-กาญจนา จินดาวัฒน์) คหบดีผู้มั่งคั่ง มนไทรักอยู่กับวิยะดา หิรัญวัตถุ์ (เป้ย-ปานวาด เหมมณี) สาวสวยรวยเสน่ห์ ซึ่งคุณหญิงทับทิมก็ไม่ขัดข้องเพราะทั้งคู่ต่างมีฐานะเท่าเทียมกัน ท่านอยากให้ทั้งสองหมั้นกันก่อนที่มนไทจะเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ วันหนึ่ง ปี่ (ด.ญ.แพร-ณัฏฐธิดา ดำรงวิเศษพาณิชย์) เด็กหญิงกำพร้าวัยแปดขวบแอบโดดรั้วเข้ามาขณะที่วิยะดากำลังออดอ้อนมนไท ทำให้ปี่อดหัวเราะไม่ได้ ด้วยความอายวิยะดาเข้าไปทุบตีปี่ แต่มนไทห้ามไว้และถามปี่จนรู้ว่าปี่อาศัยอยู่กับยายเทียม (พิสมัย วิไลศักดิ์) ที่กระต๊อบโทรมๆ แถวนั้น และที่แอบปีนรั้วเข้ามาก็เพื่อเด็ดยอดอโศกไปเป็นอาหาร ด้วยความสงสารมนไทให้เงินปี่ไปเล็กน้อย แต่สำหรับปี่แล้วเงินจำนวนนั้นมีค่ามหาศาล และความมีน้ำใจของมนไทก็ตรึงอยู่ในความทรงจำของเธอว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณสูงสุด เจ้าคุณมหัทธ์ฯ เป็นชายเจ้าชู้มีอนุภรรยามากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือนางนวล (วาสิฏฐี ศรีโลฟุ้ง) แม่ของนุชา (โอ๊ค-สมิทธิ์ อารยะสกุล) น้องชายต่างแม่ที่มนไทรักและสนิทมากที่สุด คุณหญิงทับทิมกลัวมนไทจะมีนิสัยเหมือนพ่อ จึงเพ่งเล็ง ลักขณา (ฟาง-พิชญา ศรีเทพย์) เด็กสาวใสซื่อลูกแม่ครัวเป็นพิเศษ ด้วยความกลัวว่าลักขณาจะจับมนไท ทำให้ลักขณาถูกคุณหญิงทุบตีอยู่บ่อยครั้งจนคุณเจียร (เดือนเต็ม สาลิตุล) ซึ่งเป็นทั้งแม่บ้านใหญ่และเพื่อนสนิทของคุณหญิงทับทิมออกปากเตือนมนไท ให้พยายามอยู่ห่างๆ ลักขณาซะ แต่มนไทก็ไม่เชื่อเพราะเค้าคิดกับลักขณาแค่พี่น้อง วันหนึ่งนายเวทย์ (วิวัฒน์ ผสมทรัพย์) บิดาของวิยะดาขับรถชนยายเทียมถึงแก่ความตาย ก่อนตายนางได้ฝากฝังให้นายเวทย์รับปี่ไปเลี้ยง คุณวิมล (ปวีณา ชารีฟสกุล) มารดาของวิยะดาตั้งชื่อให้ปี่ใหม่ว่า ปิยะฉัตร แต่ปี่ก็ยังเป็นแค่เพียงเด็กรับใช้ในบ้านที่วิมลและวิยะดาสามารถจิกใช้ได้ทุกเมื่อ มีเพียงวิภาวรรณ (มด-กัลยา จิรชัยศักดิ์เดชา) น้องสาวของวิยะดาเท่านั้นที่คอยเป็นห่วงเป็นใยปี่จริงๆ วิยะดาแอบใช้ปี่ให้ช่วยส่งข่าวจากเธอไปหามนไทอยู่บ่อยๆ ทำให้ปี่ได้เห็นถึงความอ่อนโยนไม่ถือตัวของมนไท และยิ่งเทิดทูนเขามากขึ้น เมื่อเขาซื้อชุดราตรีมาให้ปี่ใส่ไปร่วมงานเลี้ยงส่งด้วยตัวเอง พอวิยะดารู้เรื่องก็โกรธแค้นมาก ลับหลังมนไทหล่อนก็แอบหยิกปี่ด้วยความอิจฉาแล้วไล่ให้กลับบ้าน
ดอกโศก (2555/2012) พลเอกสุดเขต รัตนชาติพัลลภ (เกรียงไกร อุณหะนันท์) พบว่าเด็กหญิงขายหนังสือพิมพ์ ณ สี่แยกแห่งหนึ่งที่มาเป็นลม ล้มอยู่ข้างรถ คือหลานที่เกิดจากลูกสาวของ สมใจ (ปวีณา ชารีฟสกุล) เมียคนใช้ของตนที่หนีออกจากบ้านไปเมื่อกว่า 30 ปีมาแล้ว สุดเขตจะเอาหลานมาเลี้ยง แต่สมใจไม่ยอม ท่านจึงให้ เพ็ญพักตร์ (เมทินี กิ่งโพยม) ลูกสาวคนโตไปซื้อตัว ดอกโศก จากสามีใหม่ผู้เห็นแก่เงินของสมใจ สุดเขต เปลี่ยนชื่อหลานสาวจาก ดอกโศก เป็น อภิริมย์ฤดี การมาอยู่ในตึกใหม่ของสกุลเก่าแก่ไม่ทำให้ ดอกโศก สุขสบาย ทั้งบ้านมีแต่คนเกลียดชังเธอ นับตั้งแต่เพ็ญพักตร์และ เพ็ญตระการ (แอริณ ยุกตะทัต) ลูกสาว สุดสวย (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) ลูกสาวคนเล็กของคุณดา ช่วงแรก ดอกโศก ไม่ยอมและตอบโต้ด้วยวิธีการของเด็กที่เติบโตมาอย่างตีนถีบปากกัด หลายปีผ่านไป ดอกโศก โตขึ้นพร้อมกับความตระหนักว่าต้องอดทน สงบเสงี่ยมเจียมตนและต้องเอาความดีชนะความโกรธเกลียดทั้งปวง เธอจึงอยู่ได้อย่างมีความสุข เมื่อตอน ดอกโศก ยังขายหนังสือพิมพ์ที่สี่แยก เด็กหญิงได้พบ อัศนัย (ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) ชายหนุ่มใจดีที่ซื้อหนังสือพิมพ์เป็นประจำ อัศนัยรู้สึกผูกพันกับ ดอกโศก อย่างประหลาด และบังเอิญเหลือเกินที่อัศนัยเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับ ตระกูล (เพ็ญเพ็ชร เพ็ญกุล) สามีของเพ็ญพักตร์ เขาจึงมีโอกาสติดตามชีวิตของ ดอกโศก ด้วยความเมตตาจริงใจ คอยปลอบโยนให้กำลังใจและช่วยเหลือ ดอกโศก จนโตเป็นสาวรุ่น ดอกโศก (ลัลณ์ลลิน เตจะสา เวศซ์) จึงบูชาอัศนัย ความผูกพันซึ่กันและกันถูกถักทอจนกลายเป็นความรักอย่างลึกซึ้ง แต่ความรักนี้ต้องซ่อนเร้นเพราะเพ็ญตระการก็หลงรักอัศนัยอยู่เช่นกัน วันหนึ่งอัศนัยพบ ปรียากมล (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) แม่ม่ายสาวสวยที่หวนกลับมาเพื่อรื้อฟื้นความรักความหลังที่มีต่อกันเมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่น ปรียากมลรุกอัศนัยตลอดเวลาด้วยชั้นเชิงของผู้หญิงที่เจนจัดในสนามรัก จนอัศนัยเกือบจะเผลอกายไปหลายครั้ง และเธอยังทราบอีกว่าบัดนี้มีผู้หญิงที่เป็นศัตรูหัวใจถึงสองคน คือ ดอกโศก และเพ็ญตระการ เธอจึงตั้งใจว่าจะสู้จนสุดชีวิต เพื่อไม่ให้สูญเสียอัศนัยไป เมื่อสุดเขตเกิดเสียชีวิตกระทันหัน ดอกโศก ตัดสินใจกลับมาอยู่กับยาย และทำงานเป็นไกด์นำเที่ยว ทำให้เธอได้พบกับ มิสซิสเบนส์ (จารุณี สุขสวัสดิ์) ทันทีที่เห็นสร้อยกางเขนที่ ดอกโศก สวม มิสซิสเบนส์ก็รู้ว่านี่คือหลานสาวที่เกิดจากลูกชายของตนที่ตายไป เธอจึงพา ดอกโศก ไปอยู่อเมริกา เพราะต้องการให้หลานสาวหลุดพ้นจากการรุกรานของปรียากมล และเพ็ญตระการ มิสซิสเบนส์ชักนำ เอ็ดดี้ (กันต์ดนย์ อะคหแซน) หนุ่มน้อยชาวอเมริกันให้ ดอกโศก แต่ ดอกโศก ไม่มีใจให้ใครอีก คุณย่าจึงพาดอกโศกกลับเมืองไทยเพื่อพิสูจน์ความรักของอัศนัยอีกครั้ง ดอกโศก ไปทำงานที่โรงแรมของ ภักดิ์ภูมิ (อรรค นิมิตรชัย) ชายหนุ่มที่หลงรัก ดอกโศก เมื่อแรกพบ แม้ว่าเขาเองจะมี ฉัตรทอง (กวาง เดอะสตาร์) ลูกสาวเพื่อนพ่อที่เป็นคู่หมายกันอยู่ ความรักหลายเส้าดำเนินไปอย่างเข้มข้น เพ็ญพักตร์ผลักดันลูกสาวให้อัศนัยอย่างเต็มที่ ปรียากมลเองก็ใช้ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับอัศนัยเป็นเครื่องผูกมัด แต่อัศนัยไม่ยอมและยังแสดงออกทุกอย่างว่า ดอกโศก เท่านั้นที่เป็นตัวจริง โชคเข้าข้างเพ็ญพักตร์เมื่อรู้ว่าปรียากมลนั้นแท้จริงคือแม่แท้ ๆ ของ ดอกโศก เพ็ญพักตร์จึงหวังจะใช้ความลับนี้เป็นเครื่องมือกำจัดสองแม่ลูกไปให้พ้นทาง แต่การณ์กลับผิดคาด เพราะแทนที่ปรียากมลจะหยุด กลับยิ่งทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะ ดอกโศก
อีสา-รวีช่วงโชติ (2556/2013) อีสา (วรนุช ภิรมย์ภักดี) เกิดมาในแผ่นดินรัชกาลที่ 6 หลังจากที่มีการเลิกทาสแล้ว เกิดมาได้สองสามวันแม่ก็ตาย เพราะตกเลือด ป้าเจิม (รัญญา ศิญานนท์) จึงคอยเลี้ยงดูสา ป้าเจิมมีหน้าที่ช่วยงานอยู่ในโรงครัวของวังหม่อมเจ้าโชติช่วงรวี รวีวาร (ธีรพงศ์ เหลียวรักษ์วงศ์) ท่านชายเข้าพิธีเศกสมรสกับ หม่อมพริ้ม (สินจัย เปล่งพานิช) ซึ่งถือว่าเป็นหม่อมใหญ่ นอกจากนั้นท่านชายยังมีหม่อมอื่น ๆ อันได้แก่ หม่อมลำดวน (ปนัดดา วงศ์ผู้ดี) หม่อมคนที่สอง หม่อมนิ่ม (ลักขณา วัธนวงส์ศิริ) และ หม่อมน้อย ท่านชายทรงมีลูกกับหม่อมต่าง ๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นธิดาทั้งสิ้น หม่อมทุกคนจึงแข่งขันกันอยู่ในทีว่าใครจะให้กำเนิดลูกชาย ผู้จะเป็นผู้รับสืบทอดตราประจำตระกูลรวีวารต่อจากท่านชาย สาโตขึ้นเป็นเด็กสาวหน้าตาสะสวย ป้าเจิมจึงพาสาไปฝากกับหม่อมนิ่มและหม่อมน้อยให้ฝึกรำ สาได้เห็นท่านชายอยู่บ่อยครั้ง และแอบหลงใหลในความสง่างามของท่าน สาโตเป็นสาวอายุได้ 16 ปี ในวังมีงานฉลองพระชนม์มายุครบ 4 รอบ (46 ปี) ของท่านชายหม่อมนิ่มให้สาขึ้นรำเป็นนางรจนา ตอนนางรจนาเสี่ยงพวงมาลัย สาตั้งใจรำโปรยเสน่ห์เต็มที่ และก็ได้ผล ความสวยของสาจับใจท่านชาย จนสาได้เป็นหม่อมของท่านชายในคืนนั้นเอง ท่านชายโปรดปรานสามาก จนหม่อมทุกคนอิจฉา ต่อมาไม่นานสาก็ตั้งครรภ์ สาวาดหวังไว้ว่าตนจะได้ลูกชาย และมีอนาคตที่ดีงาม เมื่อถึงกำหนดคลอด สาให้กำเนิดลูกชายตามที่คาดไว้ แต่หม่อมพริ้มขอลูกของสาไปเลี้ยงเป็นลูกของตน ตอนแรกสาเองไม่แน่ใจ แต่เนื่องจากสาน้ำนมเป็นพิษ และท่านชายก็หลงใหลตัวสามาก ไม่ต้องการให้สาเสียเวลาไปกับการเลี้ยงลูก จึงยกลูกชายให้หม่อมพริ้มไป ท่านชายไปบรรทมที่ห้องสาทุกคืนไม่หยุดหย่อน จนในที่สุดท่านชายก็สิ้นพระชนม์ในคืนที่ไปนอนกับสา เมื่อสิ้นท่านชายก็สิ้นเสาหลักของบ้าน หม่อมพริ้มไม่ต้องการรับภาระเลี้ยงดูหม่อมต่าง ๆ และบ่าวไพร่จำนวนมากมาย หลายคนจึงต้องออกไปจากวัง เหลือเพียงป้าเจิมกับอีสาที่ยังอยู่เลี้ยงดู คุณชายรวีช่วงโชติ (นิธิดล ป้อมสุวรรณ) ลูกชายแท้ ๆ ของสาเอง กับคุณหญิงอีก 3 คนอันเป็นลูกสาวของหม่อมพริ้ม บริเวณรอบตำหนักใหญ่ถูกขายให้กับพระคลังข้างที่ จนหม่อมพริ้มต้องล้อมรั้ว และปล่อยบ้านเล็กบ้านน้อยรอบตำหนักใหญ่ให้เช่าเพื่อหารายได้ ทำให้สาได้รู้จักกับ สมศักดิ์ (ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) หนุ่มรูปงามที่มาอาศัยเช่าบ้านอยู่ สมศักดิ์หว่านเสน่ห์ใส่สาจนสาเคลิบเคลิ้ม แต่กลายเป็นว่า หญิงที่สมศักดิ์หมายปองกลายเป็น คุณหญิงโสภาพรรณวดี (เต็มฟ้า กฤษณายุทธ) ลูกสาวคนโตของหม่อมพริ้ม สาเสียใจมาก เพราะจริง ๆ แล้วก็หลงใหลในตัวสมศักดิ์ แต่พอสารู้ตัวว่าตนตั้งท้องลูกของท่านชาย สาจึงตัดใจยอมรับเป็นแม่สื่อ ส่งจดหมายรักให้สมศักดิ์กับคุณหญิงโสภา จนถึงขั้นนัดพบกัน แต่หม่อมพริ้มจะให้คุณหญิงโสภาแต่งกับงานลูกของญาติท่านชาย แต่เธอไม่ต้องการแต่งงานกับคนอื่น จึงหนีไปตามคำชวนของสมศักดิ์ โดยมีสาเป็นผู้จัดการและติดตามไปด้วยความภักดี สร้างความโกรธแค้นให้กับหม่อมพริ้มเป็นอย่างมาก หม่อมพริ้มประกาศตัดแม่ตัดลูกกับคุณหญิงโสภา และถ้าหากพบตัวสากับสมศักดิ์จะจับเข้าคุกเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ทำให้สมศักดิ์ตกใจและผิดหวังมาก สาเพิ่งรู้ว่าจริง ๆ แล้วสมศักดิ์เป็นคนดีแต่ปาก ที่หลอกพาคุณหญิงโสภาหนีมา เพราะหวังจะเข้าไปเป็นเขยของรวีวารเกาะกินสมบัติของหม่อมพริ้ม แต่พอสถานการณ์ไม่เป็นไปตามคาด สมศักดิ์จึงตกกระไดพลอยโจนต้องเลี้ยงดูคุณหญิงโสภาต่อไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากเป็นช่วงสงครามเศรษฐกิจตกต่ำ สมศักดิ์หางานทำไม่ได้ คุณหญิงโสภาและสาต้องอดอยาก สาสงสารคุณหญิงจึงพยายามเคี่ยวเข็ญสมศักดิ์ให้ออกไปหางานหาเลี้ยงคุณหญิงด้วย สาคลอดลูกออกมาเป็นผู้หญิง คุณหญิงไม่อยากให้ลูกของท่านชายต้องเป็นเด็กกำพร้า จึงรับเป็นแม่ของเด็ก ตั้งชื่อให้ว่า โสภิตพิไล (มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ) แล้วเลี้ยงดูเป็นอย่างดี สาทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงคุณหญิงและลูก พอเห็นคณะละครชาตรีมาแสดงแถวบ้าน สาจึงไปสมัครเป็นนางละคร และได้เป็นนางเอกของคณะละครนั้น สำรวย (รัดเกล้า อามระดิษ) นักแสดงจากคณะละครร้องมาเห็นสา รู้สึกทึ่งในความสวยและความสามารถ จึงชวนสาไปแสดงด้วย สาก็ไปด้วยความเต็มใจ เพราะต้องการหาเงิน และอีกเหตุผลหนึ่งก็เพื่อหลบหนีจากสมศักดิ์ ที่มักจะมาเกาะแกะหาทางใกล้ชิดสาเสมอ เมื่อกลับไปเป็นนางละคร สาก็กลับมาเป็นสาวสวยทรงเสน่ห์เหมือนที่เคย ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสมศักดิ์กับคุณหญิงค่อย ๆ ห่างกันออกไป สมศักดิ์กลับมาติดพันสามากขึ้น วันหนึ่งระหว่างที่เล่นละคร สาเห็นหม่อมพริ้มมาชมละครก็ตกใจมาก ด้วยความที่กลัวหม่อมพริ้มสาจึงลาออกจากคณะ ไม่กลับไปแสดงละครอีก สมศักดิ์เริ่มหาโอกาสใกล้ชิดสามากขึ้น แล้วในวันหนึ่งด้วยบรรยากาศเป็นใจ สากับสมศักดิ์ก็ลักลอบมีความสัมพันธ์ต่อกันจนได้ หลังจากนั้นสาก็ยิ่งพยายามตีตัวออกห่างสมศักดิ์ พอดีกับที่สาได้ไปพบ วิทย์ (กันต์ดนย์ อะคาซาน) เด็กหนุ่มนักดนตรีในหลุมหลบภัย วิทย์ทำงานอยู่ที่คณะละครที่สาไปดูมา วิทย์ติดใจสาจึงชวนสาไปเล่นละครแบบชายจริงหญิงแท้กับคณะละครที่กำลังจะเปิดใหม่ซึ่งสาก็ยินดี เรื่องย่ออีสา สาบอกคุณหญิงว่าจะตนกลับไปเล่นละคร และเสนอให้คุณหญิงพาสมศักดิ์และโสภิตพิไล ย้ายไปอยู่บ้าน ป้าแป้น (ไปรมา รัชตะ) หญิงชาวสวนใจดีที่สาเคยรู้จักที่คลองบางกอกน้อย โดยอ้างว่าจะได้ไม่ต้องหนีลูกระเบิด แต่จริง ๆ แล้วสาต้องการจะหนีห่างจากสมศักดิ์ สมศักดิ์ยังคงแอบมาหาสาที่บ้าน สาไม่เต็มใจ แต่ก็ขัดขืนธรรมชาติของตัวเองไม่ได้ คืนหนึ่งที่ระเบิดลงหนักสมศักด์ขอค้างกับสาที่บ้าน คุณหญิงเห็นสมศักดิ์ไม่กลับบ้าน ประกอบกับเป็นห่วงสาจึงไปหาที่บ้านแต่เช้าตรู่ และได้เห็นสาอยู่กับสมศักดิ์ คุณหญิงเสียใจมากหนีกลับบ้านป้าแป้นทันที สาสั่งให้สมศักดิ์ตามไปง้อขอคืนดี แต่คุณหญิงเสียใจและผิดหวังที่ถูกคนที่รักทั้งสองคนทรยศ จึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย เสร็จงานศพคุณหญิง สาตัดสินใจจดทะเบียนสมรสกับวิทย์เพื่อหนีสมศักดิ์ ทำให้สมศักดิ์เสียใจหันไปดื่มเหล้าอย่างหนัก และในที่สุดก็เมาตกน้ำตาย ในที่เดียวกับที่คุณหญิงฆ่าตัวตายนั่นเอง หลังแต่งงาน สาย้ายไปอยู่ที่บ้านวิทย์ วิภา (สกาวใจ พูนสวัสดิ์) พี่สาวของวิทย์รังเกียจสา เพราะทั้งสาและวิทย์ต่างไม่มีงานทำ วิทย์เป็นศิลปินไม่ยอมทำงานแบบอื่น เอาแต่สีไวโอลินไปวัน ๆ จนสาเองก็เริ่มเบื่อหน่าย วันหนึ่งสาไปพบกับพลเรือนญี่ปุ่นคนหนึ่งในหลุมหลบภัยชื่อ เซกิ (ณัฐ เทพหัสดิน ณ อยุทธยา) เป็นพนักงานบริษัทญี่ปุ่น เซกิหลงรักสา สาเองก็เผลอไผลไปกับความสุขสนุกสนานที่เซกิปรนเปรอให้ ทำให้สากับวิทย์เริ่มมีปากเสียงกัน ต่อมาเซกิรู้ว่าญี่ปุ่นกำลังจะยอมแพ้สงครามกับอเมริกา ด้วยความรักเซกิจึงมอบเงินก้อนใหญ่ให้สาก่อนจะกลับประเทศไป สาจึงตัดสินใจเลิกกับวิทย์แล้วกลับไปอยู่กับป้าแป้น สา ซึ่งบัดนี้เป็นที่รู้จักของทุกคนในนามของ อุษาสาวใหญ่วัย 40 ปี เอาเงินที่ได้จากเซกิมาตั้งไนต์คลับ สากลับมามีชื่อเสียงหอมหวนให้หมู่นักเที่ยว คลับของสามีคนแน่นทุกวัน ทำให้ฐานะของสาร่ำรวยขึ้นอีกมาก จน ประธาน (ปฏิภาณ ปฐวีกานต์) หุ้นส่วนหนุ่มที่แอบหมายปองในตัวสา เพราะหวังเงิน ซึ่งสาก็รู้ทันแต่ก็อดไม่ได้ลอบมีความสัมพันธ์กับประธานอย่างลับ ๆ แต่สาไม่เคยไว้ใจประธานเลย สาเหมือนจะมีความสุขทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเดียวคือ โสภิตพิไลลูกที่แท้จริงของสา ที่คิดว่าตนเป็นเพียงหลานสาว ตอนนี้เรียนจบชั้นมัธยมจากโรงเรียนประจำ และกลับมาอยู่ในบ้านกับสา โสภิตคิดว่าสาเป็นญาติห่าง ๆ ของแม่ และมีศักดิ์เป็นป้า โสภิตเกรงใจสาที่เลี้ยงมา แต่ก็แอบไม่พอใจที่สามีอาชีพที่น่ารักเกียจ ทำให้เธอต้องอับอายเพื่อนฝูง ประธานสนใจโสภิตที่กำลังแตกเนื้อสาว แต่โสภิตไม่ชอบประธานนัก และสาเองก็รู้ทันคอยกีดกันอยู่เสมอ วันหนึ่งสาได้พบกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่คลับของเธอ เขาคือหม่อมราชวงศ์รวีช่วงโชติ รวีวาร สาดีใจมากที่ได้เห็นลูกชายของตนเติบโตมาเป็นชายหนุ่มที่สง่างาม สาสนใจคุณชายรวีอย่างออกนอกหน้า และพยายามสืบเรื่องของคุณชายรวี จนรู้ว่าจบกฎหมายมาจากฝรั่งเศส แล้วตอนนี้เป็นผู้พิพากษา สาพยายามตีสนิทเอาอกเอาใจคุณชายรวี ชวนให้รวีมาที่ไนต์คลับบ่อย ๆ ทำให้ประธานไม่พอใจ คุณชายรวีเองก็รู้สึกถูกชะตากับสา ไม่ได้นึกรังเกียจว่าเป็นคนกลางคืน กลับสงสารที่สาต้องมาทำงานในที่ที่คนดูถูกอย่างนั้น คุณชายรวีชอบเสียงร้องเพลงของสา และมักจะแวะไปที่คลับบ่อย ๆ หม่อมพริ้มได้ข่าวว่าคุณชายรวีไปติดพันนักร้องเจ้าของไนต์คลับ หม่อมพริ้มตักเตือนคุณชาย แต่คุณชายไม่เชื่อ จนกระทั่งวันหนึ่ง หม่อมพริ้มเห็นรูปสาในหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ไม่แน่ใจจึงไปถามยายเจิม ยายเจิมบอกได้ชัดเจนว่าผู้หญิงในรูปคือสา หม่อมพริ้มตกใจมาก เกรงว่าสาจะบอกความจริงกับชายรวี ว่าตัวเองคือใคร หม่อมพริ้มไปหาสาที่บ้าน ทั้งสองคนจำกันได้ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม หม่อมพริ้มห้ามสา บอกคุณชายรวีเรื่องชาติกำเนิดของตน สาให้คำสาบานว่าจะไม่บอก แต่ก่อนจะกลับ หม่อมพริ้มเห็นโสภิตพิไล เธอสงสัยว่าเด็กสาวคือลูกของใคร สาจึงจำใจต้องบอกว่าเป็นลูกของคุณหญิงโสภา ทำให้หม่อมพริ้มเศร้าใจ คิดถึงลูกสาวที่จากไปเพราะความใจแข็งของเธอเอง หม่อมพริ้มคิดจะขอโสภิตมาเลี้ยงแทนคุณหญิงโสภา แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร โสภิตก็ถูกประธานที่ดื่มเหล้าเมาลวนลาม สาเห็นการกระทำของประธานเข้า โมโหจนขาดสติ จึงคว้าปืนยิงประธานล้มลง ถึงแก่ความตาย สาถูกตำรวจจับไป สาไม่ยอมบอกความจริงว่าเธอยิงประธานเพราะลวนลามโสภิต เพราะไม่อยากให้ชื่อเสียงของโสภิตเสียหาย สาถูกนำตัวไปฝากขังไว้ที่เรือนจำแดนนักโทษหญิงเพื่อรอพิจารณาคดี โสภิตพิไลรู้ว่าสาอาจจะถูกพิพากษาประหารชีวิตเพื่อปกป้องตน โสภิตตัดสินใจว่าจะต้องช่วยเหลือสาให้ได้ วันพิจารณาคดีสาถูกนำตัวไปขึ้นศาลโดยมีคนรู้จักสา ลูกจ้าง นักร้อง ร่วมถึงหม่อมพริ้มมานั่งฟังการพิจารณาคดีด้วย สายตาของสาเหลือบไปเห็นผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์คือ คุณชายรวี ซึ่งเป็นผู้พิพากษาในคดีของสา และโดยที่สาไม่คาดฝัน โสภิตพิไลเข้ามาเป็นพยาน โสภิตเล่าเรื่องทั้งหมดให้ศาลฟัง จนสุดท้ายศาลก็ยกฟ้องคดีของสา สาจึงได้เป็นอิสระ คุณชายรวีชื่นชมในความรักและเสียสละที่สามีต่อโสภิต ที่เป็นเพียงหลานสาว ยิ่งคุณชายชื่นชมสามากเท่าไหร่ หม่อมพริ้มก็ยิ่งระแวงมากขึ้นเท่านั้น เกรงว่าอีสาจะมาอ้างความเป็นแม่ แล้วแย่งคุณชายรวีกลับคืนไป หม่อมพริ้มจึงขอให้สายุติความสัมพันธ์ระหว่างสากับคุณชายรวีลง และขอร้องชายรวีให้เห็นแก่ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล เลิกไปคบกับสา และร้ายกว่านั้น หม่อมพริ้มยังตัดสินใจบอกความจริงกับโสภิตพิไล ว่าจริง ๆ แล้วสาไม่ใช่ญาติ แต่เป็นเพียงบ่าวที่ชักนำให้แม่ของเธอหนีตามผู้ชายไป โสภิตโกรธและเกลียดสามาก ทำให้สายิ่งเสียใจสาถูกพรากจากลูกทั้งสอง ด้วยความเสียใจ สาเกือบจะฆ่าตัวตาย แต่ทันใดนั้นสาก็นึกถึงพระรัตนตรัยขึ้นมาจึงทำให้สาหยุดความคิดนั้น สาหันหน้าเข้าสู่พระรัตนตรัยโดยการบวชเป็นชีที่สำนักชีแห่งหนึ่ง ทำให้สามีจิตใจที่สงบขึ้น และหลุดพ้นจากกิเลสตัณหา แต่สาบวชชีได้พักหนึ่ง จิตใจสงบอยู่ได้ไม่นาน นิสัยเดิมของสาที่ติดหลงในกิเลส ความเย้ายวนต่าง ๆ ก็ทำให้สาตัดสินใจสึกออกมา สากลับไปที่วังรวีวารอีกครั้ง เพื่อไปกราบหม่อมพริ้ม และคุณหญิงลูก ๆ ของหม่อมพริ้ม สาไปเยี่ยมโสภิตพิไล ที่บัดนี้หม่อมพริ้มเอามาเลี้ยงดูในฐานะหลานสาว เพราะเข้าใจว่าโสภิตเป็นลูกของหญิงโสภา โสภิตเย็นชากับสา เพราะยังไม่หายโกรธ ที่สาเป็นต้นเหตุให้คุณหญิงโสภาแม่ของเธอ ต้องมีชีวิตที่ยากลำบาก ทำให้สาเสียใจมาก ส่วนคุณชายรวีนั้นรู้เพียงว่า สาเคยเป็นหม่อมคนหนึ่งของท่านพ่อ แต่ก็ยังรักและดีกับสาเสมอ ความอ่อนโยนและเมตตาของชายรวี เป็นเสมือนน้ำทิพย์ชโลมใจสา เรื่องย่ออีสา จากนั้น สาก็ไปเยี่ยมพี่แป้นที่บ้านคลองบางกอกน้อย ทุกคนรักและมีน้ำใจกับสาเหมือนเดิม ใจสว่าง (ภัณฑิลา ปานสิริธนาโชติ) หลานสาวของพี่แป้นเรียนอยู่มหาวิทยาลัยคณะเดียวกับโสภิตพิไล และเป็นมหาวิทยาลัยที่คุณชายรวีเป็นอาจารย์สอน ใจสว่างเป็นเด็กดีสาจึงชวนใจสว่างให้มาอยู่ด้วยกันที่บ้าน เพื่อจะได้ไม่ต้องไปอยู่ที่หอพัก และสาเองก็มีใจสว่างเป็นเพื่อนปรับทุกข์เรื่องโสภิตพิไล เพราะใจสว่างรู้ความจริงทุกอย่าง ที่บ้านของสา เพ็ญศรี เพื่อนของสาเป็นคนช่วยดูแลไนต์คลับให้ระหว่างที่สาเข้าคุกและบวชชี นำเงินที่ได้มาให้สา สาตัดสินใจเลิกทำไนต์คลับ หันมาเปิดร้านทำผมตัดเสื้อ เพราะเห็นแก่โสภิต ว่าจะได้ไม่ต้องอับอายคนที่มีแม่เป็นคนกลางคืน หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง กลุ่มนักการเมืองขึ้นมามีอำนาจ ความสำคัญของตระกูลรวีวารก็หมดลง ทรัพย์สมบัติก็ร่อยหรอไป คุณหญิงหริ พี่สาวคุณชายรวี ต้องการแนะนำให้ชายรวีแต่งงานกับ คุณแหวว สวาทโฉม ลูกสาวของ คุณหญิงเฉิดฉวี และนายพลสันทนา (ภูธเนศ หงษ์มานพ) ที่กำลังเรืองอำนาจ เพราะใกล้ชิดกับท่านผู้นำ ทั้งนี้เพื่อผดุงฐานะของรวีวาร และเป็นการสนับสนุนธุรกิจของ ปวุฒิ สามีของคุณหญิงหริทางอ้อมด้วย ในงานฉลองยศของนายพลสันทนา คุณชายรวี และโสภิต จึงได้รับเชิญไปงานด้วย เพื่อให้คุณชายรวีได้พบกับสวาทโฉม แต่ "ท่าน" เจ้านายของนายพลสันทนาที่มาร่วมงานเกิดถูกตาต้องใจในตัวโสภิต ต้องการให้โสภิตมาเป็นอนุภรรยา จึงให้นายพลสันทนาเป็นธุระจัดการให้ นายพลสันทนารู้ว่าโสภิตเป็นลูกสาวของสา จึงมาติดต่อสาที่ร้านทำผม แต่เมื่อนายพลสันทนาได้พบสาก็เกิดหลงเสน่ห์ สาเองก็ว้าเหว่จึงเผลอใจตกเป็นอนุภรรยาของนายพลสันทนา นายพลสันทนาหลงรักสามากถึงกับให้เงินลงทุน ให้สาเปิดคลับขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพื่อที่เขาจะได้ไปหาสาได้สะดวก เมื่อคุณหญิงเฉิดฉวีรู้เรื่องเข้า จึงตั้งตัวเป็นศัตรูกับสาอย่างเปิดเผย ส่วนตัวโสภิตพิไลเองนั้น กำลังมีความรักกับ ชิษณุ ลูกชายของคุณหญิงศุภลักษณ์ลูกสาวของหม่อมพริ้ม ถึงขั้นจะแต่งงานกับโสภิต แต่เมื่อสารู้ข่าวก็อดไม่ได้ที่จะขัดขวาง เพราะจริง ๆ แล้วโสภิตเป็นลูกสาวของตัวเอง และมีศักดิ์เป็นน้าแท้ ๆ ของชิษณุ สาจึงจำเป็นต้องพาคุณชายรวีไปหาพี่แป้น และเล่าความจริงเรื่องกำเนิดของโสภิตให้คุณชายรวีฟัง โดยมีพี่แป้นเป็นพยานอีกคนหนึ่ง เมื่อคุณชายรวีรู้เรื่องก็ตกใจ จึงหาทางช่วยขัดขวางเรื่องการแต่งงาน คุณชายรวีไปพบชิษณุ ซึ่งคุณชายรวีมีศักดิ์เป็นน้าของชิษณุ ทั้ง ๆ ที่คุณชายรวีมีอายุน้อยกว่า คุณชายรวีเล่าเรื่องทั้งหมดให้ชิษณุฟัง ชิษณุเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงหนีหน้าโสภิตไปทำงานที่โคราช เพื่อตัดปัญหาทั้งหมด โสภิตตามไปหาชิษณุที่โคราช แต่เจอชิษณุอยู่กับอัญมณีคนรักเก่า โสภิตเสียใจดื่มเหล้าจนเมาขาดสติ และเกือบจะถูกทหารจีไอพาตัวไป แต่โชคดีที่ ปรมัตถ์ คนที่เคยชอบเธอสมัยเรียนมาช่วยไว้ได้ทัน ใจสว่างได้รู้ข่าวจากปรมัตถ์ จึงพาคุณชายรวีไปตามหาโสภิตถึงโคราช คุณชายรวีเห็นโสภิตเสียใจมากที่ถูกทอดทิ้ง จึงตัดสินใจบอกความจริง ว่าชิษณุกับโสภิตไม่อาจรักกันได้ เพราะจริง ๆ แล้ว เธอเป็นลูกของสา โสภิตตกใจมากที่ตนเป็นลูกของสา ผู้หญิงที่ตนเคยดูถูกว่าต่ำต้อยและไร้ยางอาย โสภิตไม่อาจสู้หน้าหม่อมพริ้ม จึงกลับไปอยู่กับสา และเมื่อโสภิตไปพบนายพลสันทนา จึงรับปากจะเป็นอนุภรรยาของ "ท่าน" เพื่อประชดสา และประชดทุก ๆ คน สาและคุณชายรวีพยายามห้าม แต่โสภิตก็ไม่ฟัง และยังหนีไปจากบ้าน ที่ "ท่าน" สั่งให้หาเอาไว้ให้ สาพยายามติดตามหาโสภิต แต่เธอไม่ยอมพบสา ระหว่างนั้น คุณชายรวีจำใจต้องแต่งงานกับสวาทโฉม เพราะไม่อาจขัดผู้ใหญ่ได้ ตลอดเวลาคุณชายรวีทำหน้าที่เป็นสามีที่ดี แต่สวาทโฉมเองก็ไม่ได้รักคุณชาย เธอเองก็มีความจำเป็นทำให้ต้องแต่งงานเหมือนกัน ใจสว่างเห็นชัดว่าคุณชายรวีไม่มีความสุข เธอทำได้เพียงให้กำลังใจเขา ยายเจิมล้มป่วยลงใกล้ตาย คุณชายรวีและคุณหญิงศรีลักษณา ไปเยี่ยมยายเจิมที่ห้อง ยายเจิมหลงเห็นคุณชายรวีเป็นท่านชายพ่อของคุณชายรวี เลยหลุดปากพูดเรื่องสาออกมา ว่าสามีลูกชายกับท่านชาย 1 คน คุณชายรวีจึงไปถามความจริงจากคุณหญิงศรีลักษณา และได้รู้ว่าตัวเองคือลูกของสา แต่ด้วยความเข้าใจในเรื่องราวทั้งหมด คุณชายรวีก็ไม่ได้โกรธ หรือรังเกียจที่มีแม่อย่างสาเลย แต่ดีใจด้วยซ้ำที่ได้รู้ความจริง และก็ยังรักหม่อมพริ้มแม่ที่เลี้ยงดูมาเหมือนเดิม นายพลสันทนาช่วยให้สาและใจสว่างได้เจอโสภิต โสภิตได้สติขึ้นมา แต่ก็สายไปเสียแล้ว เพราะอีกไม่นาน "ท่าน" จะกลับจากต่างประเทศ และไม่มีใครสามารถจะปฏิเสธ "ท่าน" ได้ สาได้แต่เสียใจ หม่อมพริ้มได้แต่ก่นด่าสาปแช่งสา ว่าเกิดมาเพื่อทำลายชื่อเสียงของรวีวาร สุดท้ายสาจะหาทางช่วยโสภิตได้หรือไม่ ? และความบาดหมางของสากับหม่อมพริ้มจะลงเอยยังไง ติดตามชมกันต่อได้ใน ละครอีสา รวีช่วงโชติ
จับตายวายร้ายสายสมร (2553/2010) แหวน(บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์) แหม่ม(ป่าน-อุทัยศรี ศรีณรงค์) ลิลลี่(เบสท์-ชนิดาภา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์ สามสาววายร้ายสายสมร เป็นกลุ่มมือปืนรับจ้างที่ตำรวจกำลังออกตามล่าแทบพลิกแผ่นดิน ผู้พันเสือ(แท่ง-ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) และ หมวดจ๊อด(ณัฎฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) สองตำรวจลับ มีธุรกิจบังหน้าเป็นเจ้าของร้านหนังสือและขายของเก่า ทั้งคู่ได้รับมอบหมายให้จับตายกลุ่มวายร้ายสายสมร ผู้พันเสือเป็นคนเคร่งเครียดและจริงจังกับงาน แต่หมวดจ๊อด นายตำรวจหนุ่มคู่หูรุ่นน้องจอมทะเล้น กลับเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนไหว แหวน แหม่ม ลิลลี่ เคยถูกคนร้ายจับไปขายซ่อง แต่หนีออกมาได้ เพราะได้รับความช่วยเหลือจากชายคนหนึ่งที่พวกเธอเรียกว่าพ่อ พ่อเป็นเอเย่นต์รับจ้างฆ่าคนตามใบสั่ง พ่อเอาสามสาวมาเลี้ยงและฝึกให้เป็นนักฆ่าโดยใช้ฉายาว่า สายสมร ทั้งสามจึงรักและผูกพันเหมือนพี่น้องร่วมสาบาน แหวนอายุมากสุด จึงรับหน้าที่เป็นพี่สาวคนโต จิตใจเย็นชา ไม่ไว้ใจใคร โดยเฉพาะผู้ชาย แหม่มเป็นน้องสาวคนกลาง น่ารัก อ่อนหวาน ส่วนลิลลี่เป็นน้องเล็ก ห้าว ปากกล้า ด่าเก่ง สดใส ร่าเริงและผูกพันกับพี่สาวสองคนมาก ระหว่างที่เสือและจ๊อดกำลังออกตามหาวายร้ายสายสมร สองหนุ่มก็ได้รู้จักกับแหวน แหม่ม ลิลลี่ โดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้ว่าเบื้องหลังของอีกฝ่ายเป็นใคร จ๊อดและลิลลี่เริ่มต้นความสัมพันธ์จากการเป็นคู่กัดและพัฒนาเป็นความรัก ในขณะที่แหม่มหลงรักเสือตั้งแต่แรกพบ โดยไม่รู้ว่าเสือสนใจแหวน ส่วนแหวนก็โกหกตัวเองว่าไม่ได้สนใจเสือ แหม่มชอบพูดถึงเสือให้แหวนฟัง จนแหวนต้องถอยตัวออกห่างจากเสือ เพราะกลัวแหม่มเสียใจ แต่แหวนก็ไม่สามารถฝืนใจตัวเองได้จนเธอตกเป็นของเสือในคืนหนึ่ง แหวนรู้สึกผิด จึงขอร้องให้เสือเลิกกับเธอ เสือไม่ยอมและจะไปบอกความจริงกับแหม่มว่า เขารักแหม่มเหมือนน้องสาว แต่แหม่มบังเอิญรู้เรื่องเสียก่อน เธอช็อคมากเพราะไม่คิดว่าแหวนจะหักหลัง แหวนพยายามอธิบาย แต่แหม่มไม่ฟังและประกาศตัดพี่น้องกับแหวน แหวนโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุ จึงคิดสั้นฆ่าตัวตาย แต่เสือเข้ามาพบและช่วยเหลือได้ทันเวลา หลังจากเกิดเรื่องแหม่มก็แยกตัวไปคบกับสองพี่น้องวิปริตคือ จันดารา(ไอซ์-อภิษฎา เครือคงคา) และ อินคา(อาร์-อาณัตพล ศิริชุมแสง) เป็นมือปืนอีกคู่ที่พ่อเลี้ยงไว้ จันดาราเป็นเลสเบี้ยน และเกลียดพวกสายสมร เธอจึงยุให้แหม่มหาทางฆ่าแหวนกับลิลลี่ ส่วนอินคาเป็นพวกซาดิสม์ที่แอบหลงรัก ลิลลี่ และพยายามฆ่าจ๊อดเพื่อให้ได้ลิลลี่มา แต่จ๊อดก็เอาตัวรอดมาได้ และจัดการฆ่าอินคาในที่สุด หลังผ่านพ้นเรื่องราวร้าย ๆ เสือและจ๊อดขอแหวนกับลิลลี่แต่งงาน สองสาวจึงไปบอกพ่อเพื่อขอชีวิตอิสระ แต่พ่อรู้มาว่าเสือและจ๊อดเป็นตำรวจ พ่อจึงให้แหม่มจัดการฆ่าแหวนกับลิลลี่ปิดปากซะ เพื่อตัดตอนไม่ให้ทั้งสองถูกเสือกับจ๊อดจับและเชื่อมโยงมาถึงตัว แหม่มอึ้งหลังรู้ความต้องการของพ่อ แต่ด้วยความผูกพันที่มีให้กันมา แหม่มฆ่าทั้งคู่ไม่ลง จึงบอกความจริงกับทั้งคู่ว่าเสือกับจ๊อดเป็นตำรวจปลอมตัวมาเพื่อจับสายสมรเช่นเดียวกัน เมื่อเสือและจ๊อดรู้ความจริงว่าคนรักของตนเป็นโจรที่ตัวเองกำลังตามล่า ก็ช็อคไม่แพ้กัน สุดท้าย 3 สาวจะจัดการกับความรักของพวกเธอยังไง?
รอยอดีตแห่งรัก (2549/2006) ต้นน้ำ(สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว) เจ้าของแม็กกาซีนชื่อดัง กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับ นุสรา(ญดา โชติชูตระกูล) แฟนสาวไฮโซชื่อดัง ในอีก1อาทิตย์ข้างหน้า ในคืนที่ทั้งคู่ไปงานวันเกิดของต้นน้ำ ขากลับต้นน้ำเมามาก นุสรา จึงอาสาขับรถให้ แต่เธอไม่ทันระวังจึงขับรถชน มีน (พีรชยา พิณเมืองงาม) หญิงสาวที่อยู่ร้านขายอาหารตามสั่งใกล้ๆบริษัทของต้นน้ำ นุสราลงมาต่อว่ามีนที่บาดเจ็บ แต่ระหว่างนั้นอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น นุสราโดนรถที่วิ่งมาจากอีกด้านหนึ่งชนจนนุสราเสียชีวิต ต้นน้ำเสียใจกับการจากไปของนุสรามาก จึงฝังใจเกลียด มีน มาตลอด แม้มีนจะพยายามขอโทษต้นน้ำด้วยวิธีการใด ต้นน้ำก็ไม่ยอมให้อภัยเธอ แถมยังต้องการให้คนที่ตายไปในคืนนั้นคือมีน พี่หวาน(อริศรา วงษ์ชาลี) กับ เม่น(อรรถพร ธีมากร) ญาติสนิทของมีนได้แต่เป็นห่วง เพราะมีนเสียใจ และ ผิดหวังที่ต้นน้ำ คนที่เธอแอบชื่นชมเป็นคนแบบนี้ มีนจึงหนีกลับไปอยู่กับแม่(ทัศวรรณ เสนีย์วงษ์) ที่หัวหิน ต้นน้ำพยายามลืมความเศร้าด้วยการเที่ยวเตร่ โดยมี อัญชลี(ปานวาด เหมมณี) เลขาที่จ้องจะจับต้นน้ำคอยดูแลอย่างใกล้ชิด หมอนเรศ(พนมกร ตังทัตสวัสดิ์) เพื่อนรุ่นพี่ของต้นน้ำ จึงเข้ามาช่วยดูแล ย่าใหญ่(พิสมัย วิไลศักดิ์) เลยแนะนำให้ต้นน้ำไปพักผ่อนพร้อมกับทีมงานที่จะไปถ่ายทำวีซีดีที่หัวหิน แต่การมาพักผ่อนของต้นน้ำครั้งนี้ ทำให้เขาได้พบกับมีนอีกครั้ง ต้นน้ำพยายามหาเรื่องมีน แต่หมอนเรศคอยช่วยเหลือมีน ทำให้ต้นน้ำแกล้งมีนได้ไม่เต็มที่ ระหว่างถ่ายแฟชั่น ต้นน้ำและมีนได้มีโอกาสใกล้ชิด และทำความรู้จักกันมากขึ้น ทำให้ต้นน้ำรู้ว่าแท้จริงแล้วมีนเป็นคนมีน้ำใจและเป็นนักสู้ หลายครั้งที่เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นในกองถ่าย และ อัญชลีก็พยายามเข้ามาช่วยเหลือมีน ทำให้มีนหลงชื่นชมอัญชลี โดยไม่ระแคะระคายในความร้ายกาจของเธอเลย วันสุดท้ายของการถ่ายแบบ นางแบบคนหนึ่งมาไม่ทัน ทีมงานตัดสินใจจับมีนมาแต่งตัว ปรากฎว่ามีนสวยขึ้นทันตาเห็น ต้นน้ำเองก็แอบรู้สึกอยู่ลึกๆ แต่เขากลับแสดงอาการไม่พอใจมีน และยิ่งรู้สึกหมั่นไส้เมื่อรู้ว่า หมอนเรศแอบชอบมีน และชักชวนให้มีนที่เรียนจบผู้ช่วยพยาบาลมาช่วยดูแลย่าใหญ่ เมื่อมีนต้องเข้าไปอยู่ในบ้านต้นน้ำ ต่างฝ่ายต่างได้เรียนรู้นิสัยกันในด้านที่ไม่เคยเห็น แต่ในขณะเดียวกัน มีนก็ต้องปะทะกับ อัญชลี ที่พยายามทำให้ย่าใหญ่ และ ต้นน้ำเข้าใจผิดเธอมาตลอด ย่าใหญ่ได้หลักฐานว่าอัญชลีโกงเงินบริษัทไป แต่อัญชลีก็จัดการย่าใหญ่จนหกล้มต้องเข้าโรงพยาบาล ต้นน้ำเครียดมาก อัญชลีได้ทีเลยใส่ไฟว่าตอนที่ย่าล้ม เห็นมีนคุยอยู่กับเม่น ไม่ยอมมาดูแลย่าใหญ่ ต้นน้ำโกรธมากด่าว่ามีนอย่างรุนแรง จนมีนทนไม่ได้ตัดสินใจขอลาออก ย่าใหญ่รู้เรื่องบอกให้ต้นน้ำไปตามมีนกลับมา แต่พอต้นน้ำไปถึง กลับถูกหวานและเม่นไล่กลับไป ต้นน้ำต้องขอร้องมีนให้เห็นแก่ย่าใหญ่ มีนจึงยอมทำตาม ระหว่างทางต้นน้ำได้ข่าวจากหมอนเรศว่าย่าตกบันไดเสียชีวิต ต้นน้ำถึงกับช็อค หลังจากงานศพของย่า ต้นน้ำพบว่ามีนเก็บข้าวของกลับหัวหินไปแล้ว เขาพยายามมาง้อมีน แต่มีนไม่สนใจ ทำให้ต้นน้ำโกรธเข้าไปลากมีนขึ้นรถเพื่อพากลับกรุงเทพ ทั้งคู่โต้เถียงกันขณะที่ต้นน้ำขับรถ แล้วอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น แต่เหตุการณ์ครั้งนี้จะซ้ำรอยเหมือนตอนที่เขาและเธอได้เจอกันครั้งแรกหรือ ไม่? ติดตามชมเรื่องราวความรักของเขาและเธอได้ในละคร รอยอดีตแห่งรัก
คลื่นรักสีคราม (2548/2005) ลายคราม คือหลานชายคนเดียวของผู้เฒ่าแห่งเกาะคราม โดยจุดกำเนิดของลายครามเป็นปริศนามานาน เพราะเขารู้เพียงว่าแม่ของเขาชื่อ สาหร่าย เป็นลูกสาวของ พ่อเฒ่าลมโชย เจ้าของเกาะคราม และได้เสียชีวิตไปแล้ว หลังจากลายครามเกิดได้ไม่นาน เมื่อลายครามถามถึงพ่อ พ่อเฒ่าลมโชยก็จะชี้ไปที่ท้องทะเลสีครามทุกครั้ง พร้อมกับบอกว่าเขาคือลูกชายของพระสมุทร แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อมีจดหมายที่มาจาก คุณหญิงสุมณี ซึ่งได้อ้างว่าเป็นย่าของลายคราม และต้องการตามตัวลายครามไปเผาศพ ชาคริต ลูกชายคนเดียวของเธอและพ่อแท้ๆ ของลายคราม เมื่อพ่อเฒ่าลมโชยเห็นจดหมายฉบับนี้ เขาจับลายครามมาสาบานกับเจดีย์ที่บรรจุศพของสาหร่ายทันที พร้อมบังคับให้ลายครามอยู่และตายที่นี่ ห้ามไปข้องแวะกับคนกรุงเทพฯ ทุกคน จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ลายครามได้รู้ความจริงว่า แม่ของตนตายเพราะความตรอมใจ เพราะพ่อของเขาหนีไปแต่งงานกับ อรนิจ สาวไฮโซที่มีฐานะ ตอนนี้ลูกชายเจ้าสมุทรผู้เย่อหยิ่งมีหรือจะสนใจฐานันดรเหล่านั้น เขายอมเมินเฉยต่อตำแหน่งทายาทพันล้านหรูหรา และตัดสินใจเลือกใช้ชีวิตเยี่ยงชาวเลบนเกาะครามต่อไป ศราวดี สถาปนิกทันสมัย ที่วันๆ จะนั่งมองอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ โดยมีโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์สื่อสารอิเล็คโทรนิคล้ำยุคอยู่รอบตัว ซึ่งถึงแม้ว่าชีวิตการงานของเธอกำลังไปได้สวย แต่ชีวิตครอบครัวกลับตรงข้ามอย่างเห็นได้ชัด เมื่อแม่ของเธอ ศิวพร ซึ่งเป็นสาวสังคม ติดเหล้าและออกงานปาร์ตี้ทุกวัน แถมยังขอเงินและมักทิ้งศราวดีอยู่เป็นประจำ จนทำให้เธอต้องเรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียว รักตัวเอง งกเงินและบ้าเก็บเงินเป็นชีวิตจิตใจ ติดตามชมได้ในละคร “คลื่นรักสีคราม”
สงครามนางฟ้า (2551/2008) ณ แม่ น้ำสิงคโปร์ ริน(บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์) อดีตแอร์โฮสเตสสาวผู้ผ่านเรื่องราวชีวิตมาก มาย กำลังล่องเรือในแม่น้ำสิงคโปร์เพียงลำพัง…หญิงสาวมองทอดสายตา ออกไปเห็นความสวยงามของประเทศนี้…ที่ซึ่งอาชีพของเธอทำให้เธอได้มาเยือนไม่ รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ในความสวยงามนั้นกลับซ่อนอดีตและเรื่องราวหลากหลายรสชาติไว้ในความทรง จำ… รินสาวสวยสดใสเดินทางมาเข้ารับการฝึกอบรมสำหรับว่าที่พนักงานต้อนรับคนใหม่ของสายการบิน เมขลาแอร์ ในการฝึกอบรมอันหนักหน่วงทำให้รินรู้จักและสนิทสนมกับ หนุ่ย(หยวน-นิธิชัย ยศอมรสุนทร) ว่าที่สจ๊วตหนุ่มและ กิ๊บ(จุ๊บ-ภัทรา มั่นพิริยะกุล) สาวน้อยจอมเจ้าชู้ เพราะความสวยที่โดดเด่นของริน จึงทำให้หญิงสาวได้รับเลือกเป็นตัวแทนของรุ่นในการทำกิจกรรมต่างๆ อยู่เสมอ จน เพื่อนร่วมรุ่นบางคนแอบหมั่นไส้ริน โดยเฉพาะ หน่อย(ไอซ์-อภิษฎา เครือคงคา) หญิงสาวหน้าตาธรรมดา แต่มีผลสอบดีเยี่ยมได้เป็นที่1 ของรุ่น หน่อยอิจฉาที่รินมีความสวยเป็นอาวุธ ทำให้รินก้าวหน้าได้เร็วกว่าตน หน่อยจึงหาโอกาสกลั่นแกล้งรินเสมอตลอดเวลาในการฝึก ติดตามต่อได้ใน สงครามนางฟ้า
หัวใจช็อกโกแลต (2548/2005) ชุณห์ (ปฏิภาณ ปฐวีกานต์) ลูกชายเศรษฐี จอมเรื่องมาก และเย่อหยิ่ง จากตระกูลที่ทำอาชีพการโรงแรมมาหลายชั่วอายุคน เขากำลังมีปัญหากับ ชนม์ (ชลิต เฟื่องอารมย์) พ่อที่เอาแต่บ้างาน และบังคับให้เขาไปดูแลกิจการ ชุณห์ปฏิเสธงานนี้มาโดยตลอด เพราะลึกๆ เขาคิดเสมอว่างานเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยว ชุณห์มีแฟนสาวไฮโซชื่อ ทราย (สกาวใจ พูนสวัสดิ์) ทั้งสองคบกันตั้งแต่เด็ก แต่ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งเข้ากันไม่ได้ เพราะเอาแต่ใจตัวเองทั้งคู่ ด้วยความที่เข้ากันไม่ได้ ทำให้ทรายแอบมีกิ๊กเป็นศิลปินดาวรุ่งพุ่งแรงชื่อ นนท์ (ปัญญาพล เดชสงค์) หวาน (พิยดา อัครเศรณี) รีเซฟชั่นฐานะกลางๆ ที่อ่อนหวาน และยอมคนเสมอ ก็ได้มีโอกาสได้พบกับชุณห์ ในฐานะแขกวีไอพีของโรงแรม แต่การเจอกันครั้งแรกของทั้งคู่กลับไม่น่าประทับใจนักเมื่อชุณห์แกล้งประชดชนม์ผู้เป็นพ่อที่ยื่นคำขาด บังคับให้เขาต้องไปเรียนการโรงแรมที่สวิสเซอร์แลนด์ โดยการแกล้งหวานต่างๆ นานา แต่หวานไม่ปริปากบ่น จนชนม์ยกย่องว่าเป็นนักการโรงแรมตัวจริง ชุณห์พยายามลวนลามหวานเพื่อให้พ่อเห็นว่าเขาไม่สามารถเป็นนักการโรงแรมที่ดีได้ หวานกลัวจนวิ่งหนีเข้าไปในครัว ทำให้ แต๋ม (เจมี่ บูเฮอร์) หัวหน้ารีเซฟชั่น เพื่อนสนิทของหวานนึกหมั่นไส้ชุณห์ขึ้นมาทันที หลังเลิกงานขณะที่หวานกำลังกลับบ้าน ชุณห์มาดักรอเพื่อเอาเงินให้เป็นการขอโทษ แต่หวานไม่รับ และตามมาคุยกับชุณห์ เรื่องที่ชุณห์ทะเลาะกับพ่อ ทั้งสองได้คุยกัน ทำให้หวานมองเห็นถึงแววตาของเด็กชายที่โตขึ้นมาอย่างโดดเดี่ยวของชุณห์ได้ทันที หวานเป็นหญิงสาวที่ใฝ่ฝันจะมีชีวิตคู่ที่สวยงามกับ แมน (กริช หิรัญพฤกษ์) เซลล์แมนหนุ่มจอมเจ้าชู้ ทั้งคู่ตกลงจะแต่งงานกันในอีกไม่นาน แต่วันหนึ่งเส้นทางที่โรยไปด้วยกลีบกุหลาบของหวานก็ต้องหยุดลง เมื่อหวานพบว่าแมนกำลังนอนกับหญิงสาวอื่น หวานเสียใจมากทำให้แต๋มต้องคอยปลอบใจหวานทั้งคืน ในขณะที่ชุณห์มีนัดดินเนอร์กับทรายที่ร้านอาหารแห่งเดิมอีก ที่สำคัญก่อนเวลานัดชุณห์สั่งทำเค้กช็อกโกแลตที่มีแหวนเพชรอยู่ในช็อกบอล เพราะชุณห์กำลังจะขอทรายแต่งงาน และผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลเค้กและโต๊ะอาหารในครั้งนี้คือหวานกับ นพ (สิทธิพร นิยม) เชฟหนุ่มหน้าตาดี ที่หลงรักหวานอย่างบริสุทธิ์ใจ แต่หวานขอลางานเพราะเสียใจจากเรื่องเมื่อคืน ส่วนแต๋มก็มาทำงานสายเพราะคอยปลอบใจหวานอยู่ทั้งคืน ทำให้นพต้องวุ่นวายและประสบอุบัติเหตุแขนหักจากการอารักขาเค้กเซอร์ไพรส์ชิ้นนั้น ชุณห์พยายามให้ทรายตักช็อกบอลลูกนั้นขึ้นมาชิม แต่ทรายไม่เต็มใจนักจึงยัดช็อกบอลนั้นเข้าปากแบบขอไปที ดินเนอร์ขอแต่งงานจึงต้องไปจบลงที่โรงพยาบาลแบบกร่อยๆ ทำให้ชุณห์ยอมหยุดเรื่องแต่งงานไว้ก่อน และเขาเองต้องเดินทางไปอบรมคอร์สการโรงแรมเพิ่มเติมที่สวิสตามคำสั่งของพ่อ โดยชุณห์ขอให้ทรายเก็บแหวนที่อยู่ในท้องเอาไว้ก่อนแล้วค่อยคิดดู เมื่อเรียนจบมาแล้วค่อยมาคุยกันใหม่ นพไปอบรมคอร์สการโรงแรมเพิ่มเติมที่สวิสต่อกับแต๋มไม่ได้ ในขณะที่แมนตามล่าขอคืนดีกับหวานอย่างบ้าคลั่ง แต๋มจึงขอร้องให้หวานไปกับเธอ หวานตัดสินใจบินไปสวิสกับแต๋มทันที เพราะหมดอาลัยตายอยากกับชีวิตรัก วันเดินทางนพตามไปส่งหวานด้วย เขาสัญญาว่าจะรอหวานอยู่เสมอ จนกว่าหัวใจของหวานจะพร้อมรักใครใหม่อีกครั้ง การเดินทางที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเริ่มขึ้น.....หวานและแต๋มได้พบกับเพื่อนคนไทยอีกหลายคน ได้แก่ เพชร (พนมกร ตังทัตสวัสดิ์) ไข่ (กิตติ เชี่ยววงศ์กุล) และที่ไม่คาดฝันคือ ชุณห์ ทุกคนรวมกลุ่มกันได้ดี ยกเว้นแต่ชุณห์ที่มักจะแยกตัวมาอยู่คนเดียวบ่อยๆ เพราะความเหงา และจับได้ว่าทรายมีคนอื่น จนครั้งหนึ่งที่เขาหายตัวไป หวานขอร้องให้เพื่อนๆ ช่วยกันตามหา จนเพชรและไข่ได้รับบาดเจ็บเพราะเสี่ยงตายลงไปตามที่บนเขา แต่ชุณห์กลับปรากฏตัวออกมา และไม่เอ่ยคำขอโทษพวกของแต๋ม ทำให้แต๋มสาปส่งว่าต่อไปนี้แก๊งค์ของเธอจะเป็นศัตรูกับชุณห์ตลอดไป
สองปรารถนา (2553/2010) ปรารถนา ธาราทอง หรือ หนึ่ง (พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร) แต่งงานกับ ธียศ (ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) ตามคำสั่งเสียก่อนตายของ ปองพล (อนุวัฒน์ นิวาตวงศ์) พ่อของหนึ่งและเจ้าของรีสอร์ทบ้านหาดธารา ปองพลมีบุญคุณต่อธียศ ธียศจึงยอมแต่งงานกับหนึ่งแม้จะไม่ได้รัก แต่ในวันแต่งงาน นิชดา (รุจิรา ช่วยเกื้อ) คนรักเก่าของธียศกลับปรากฎตัวขึ้นมาของานทำ เพราะสามีของเธอเสียชีวิตจึงไม่มีใครให้พึ่งพา ด้วยความเห็นใจธียศจึงยอมให้นิชดาอาศัยที่รีสอร์ทโดยให้เป็นผู้ช่วยของตน ราตรีคนสนิทของหนึ่งไม่ไว้ใจนิชดาเพราะเคยเห็นพฤติกรรมแปลก ๆ ของเธอ จึงขอร้องให้หนึ่งไปสืบ แล้วหนึ่งก็พบเงินอยู่เต็มกระเป๋าเดินทางของนิชดา พอไปลองค้นประวัตินิชดาจึงพบว่าเธอคือภรรยาของ เพฑูรย์ (ปราบ ยุทธพิชัย) เลขานักการเมือง ที่เพิ่งรถคว่ำเสียชีวิตไปพร้อมกับเงิน 50 ล้าน หนึ่งตั้งใจจะบอกเรื่องนี้กับธียศ นิชดารู้ทันเลยวางแผนฆ่าปิดปากหนึ่งแต่ไม่สำเร็จเพราะ เฟื่อง (รัญญา ศิยานนท์) คนเก่าแก่ของรีสอร์ทมาเจอจึงช่วยไว้ หนึ่งเอาแต่เพ้อเพราะหวาดกลัวจนเฟื่องเข้าใจผิดว่าธียศเป็นคนวางแผนฆ่าหนึ่ง เฟื่องจึงเอาเสื้อผ้าของหนึ่งไปใส่ให้ราตรี สาวใช้ที่ออกเรือตามหาหนึ่งจนเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต เพื่อให้ทุกคนรวมทั้งธียศเข้าใจว่าหนึ่งตายไปแล้ว ท่ามกลางความวุ่นวายหนึ่งกลับหนีเตลิดหายไป จนไปเจอกับ สาริศ (รัชชานนท์ สุขประกอบ) นายตำรวจหนุ่ม สาริศเห็นหนึ่งมีอาการทางจิตเลยให้ หมอสุรเชษฐ์ (พนมกร ตังทัติสวัสดิ์) เพื่อนสนิท และวรรณวลี (แอริน ยุกตะทัต) น้องสาวที่ทำงานอยู่สถานบำบัดจิตเวชช่วยรักษา แม้ธียศจะสงสัยเรื่องการตายของหนึ่ง แต่เพราะรีสอร์ทบ้านหาดธาราโดนพายุซัดหนักจนเสียหาย ธียศจึงต้องระดมเงินมาซ่อมแซม รวมทั้งปิดบัญชีธนาคารในชื่อ ปรารถนา ธาราทอง ของ ปลา (พอลล่า เทเลอร์) หญิงสาวที่มีชื่อและนามสกุลเหมือนหนึ่ง เมื่อปลารู้ว่าบัญชีถูกปิดจึงชวนวรรณวลีเพื่อนสนิทตามไปทวงหนี้ธียศถึงรีสอร์ท ทำให้รู้เรื่องการตายที่น่าสงสัยของหนึ่ง ปลาเริ่มสืบหาความจริงและได้ใกล้ชิดกับธียศ ทั้งคู่จึงเกิดความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน ด้วยความระแวงและหึงหวงนิชดาจึงสร้างเรื่องข่มขู่ปลาต่าง ๆ นานา โดยให้เข้าใจว่าเป็นฝีมือของธียศ วรรณวลีจึงขอร้องให้ปลากลับกรุงเทพฯ เพื่อความปลอดภัย ด้านสาริศที่รู้ตัวว่าหลงรักหนึ่งก็พยายามสืบประวัติพร้อมกับช่วยรักษาอาการกลัวทะเลของเธอไปด้วย ระหว่างที่ปลาไปหาวรรณวลีที่สถานบำบัด ปลาเกิดทำรูปธียศตกจนหนึ่งไปเห็นเข้าเลยอาละวาดหนัก ทำให้ปลาสงสัยว่าหนึ่งอาจรู้จักกับธียศ เธอจึงตามสืบจาก ภูมิ (ภูริ หิรัญพฤษ์) คนสนิทของธียศ จนรู้ว่าที่แท้หนึ่งคือภรรยาของธียศ ปลาจึงมั่นใจว่าธียศต้องเป็นฆาตกรที่วางแผนฆ่าเมียตัวเอง เธอจึงกลับไปที่รีสอร์ทเพื่อหาหลักฐานเอาผิดธียศ ส่วนหนึ่งที่อาการดีขึ้นมากก็ตัดสินใจกลับมาที่รีสอร์ทอีกครั้ง เพื่อเปิดโปงโฉมหน้าฆาตกรตัวจริง! แต่นั่นจะกลับกลายเป็นโอกาสให้นิชดาปิดบัญชีฆ่าทั้ง สองปรารถนา หรือไม่? ติดตามชม ละครสองปรารถนา
บ่วงวันวาร (2556/2013) สมัย ร.5 ฉัตร (ภาคิน คำวิลัยศักดิ์) และฉาย (อัครัฐ นิมิตชัย) 2 พี่น้อง สำเร็จการศึกษาจากรัสเซีย พระยาโกสินทร์ (สรพงษ์ ชาตรี) จึงคิดจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของบุตรชายทั้งสองอย่างเอิกเกริก แต่ฉายพาแอนนา เมียแหม่มกลับมาด้วย พระยาโกสินทร์จึงฝากความหวังเรื่องลูกสะใภ้สมหน้าสมตาไว้ที่ฉัตรคนเดียว นายชด (เกรียงไกร อุณหะนันทน์) เป็นหนี้พระยาสมาน (ศตวรรษ ดุลยวิจิตร) จึงเอาบัว (วรัทยา นิลคูหา) ลูกสาวคนเดียวมาเป็นทาสขัดดอก พระยาสมานคิดจะเอาบัวเป็นเมียคนล่าสุดให้ได้ จึงฝากให้อยู่ในความดูแลของน้อย (พิชญา เชาวลิต) ทาสในเรือนเบี้ย ทำให้ด้วง (เก็จมณี วรรธนะสิน) เมียทาสที่อยากขึ้นเป็นคุณหญิงคนใหม่ชังน้ำหน้าบัวขึ้นมาทันที จึงเอาเรื่องบัวไปเล่าให้พิศ (พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร) ลูกสาวคนเดียวของพระยาสมานฟัง แต่พิศกำลังวุ่นวายเรื่องเสื้อผ้าที่จะใส่ไปงานเลี้ยงฉัตรและฉาย จึงทำให้ยังไม่ได้เห็นหน้าบัว ในงานเลี้ยง พระยาสมานแสร้งไม่สบายเพื่อขอลากลับก่อน พิศที่หลงรักฉัตรทันทีที่เห็นหน้า ก็แสร้งทำเป็นไม่สบายอ้อนฉัตรเช่นกัน ในขณะที่พระยาสมานแอบกลับบ้านเพื่อจะไปเอาบัวเป็นเมียในคืนนี้ให้ได้ แต่ขณะที่พระยาสมานกำลังจะข่มเหงบัว ฉัตรก็เข้ามาช่วยบัวเอาไว้ได้ทัน เพราะฉัตรพาพิศที่แกล้งไม่สบายกลับมาส่งบ้าน ฉัตรเห็นหน้าบัวก็หลงรักทันที พิศจึงเกลียดบัวตั้งแต่นาทีนั้นจับใจและสั่งย้ายบัวจากเรือนทาสไปอยู่ที่กระท่อมท้ายสวนและหาวิธีกลั่นแกล้งบัวต่าง ๆ นานา ถึงแม้ฉัตรจะรู้ว่าบัวเป็นเพียงทาสขัดดอกก็ไม่ได้รังเกียจ น้อยเป็นคนคอยส่งข่าวสารให้ระหว่างบัวกับฉัตร แต่น้อยก็ต้องระวังตัวแจเพราะกลัวจะถูกพิศลงโทษ หลังจากวันนั้นพระยาสมานยังไม่กล้าทำอะไรบัวเพราะเกรงใจพิศ แต่สั่งเพียร (ภูริ หิรัญพฤกษ์) ลูกทาสที่เกิดจากนางพุ่ม (ปวีณา ชารีฟสกุล) เมียทาสคนหนึ่งให้คอยจับตาไว้ เพียรอยากเอาใจพ่อด้วยหวังว่าจะได้ความเมตตาจากพระยาสมาน จึงเฝ้าดูและส่งข่าวบัวให้พระยาสมานเป็นระยะ เพียรเองก็แอบชอบน้อยมานานแล้ว แต่น้อยไม่เล่นด้วยเพราะรู้ว่าไม่ใช่คนดี วันหนึ่งนายชดไปหาปลาแล้วเกิดงมเอา ตรวนทองคำ ขึ้นมาได้ จึงเอามาไถ่ตัวบัว พระยาสมานเห็นตรวนทองคำเป็นของแปลกมหัศจรรย์ก็อยากได้ จึงสั่งให้เพียรฆ่านายชดหมกป่าแล้วเอาตรวนทองคำมาให้ แต่เมื่อพิศมาเห็นเข้าก็ชอบจึงเอ่ยปากขอจากพ่อ พระยาสมานจึงต้องตามใจลูกสาว ยกตรวนทองคำให้แก่พิศไป นางด้วงโทษว่าพระยาสมานเปลี่ยนใจไปจากเธอเพราะบัว จึงคิดยืมมือพิศฆ่าบัวทิ้งโดยเขียนจดหมายในชื่อบัวลวงฉัตรให้มาที่กระท่อมท้ายสวน แล้วเขียนจดหมายอีกฉบับที่เหมือนกันแล้วเอาไปให้พิศ อ้างว่าได้มาขณะที่บัวฝากน้อยให้เอาไปส่งให้ฉัตร พิศอ่านจดหมายนั้นก็โกรธมาก พุ่งตรงไปที่กระท่อมท้ายสวนทันที ฉัตรไปหาบัวที่กระท่อมท้ายสวนและรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ก็คิดจะพาบัวหนี แต่ไม่ทันพิศที่เข้ามาตบตีบัว ฉัตรจึงลากบัววิ่งหนี พิศวิ่งตามแต่สะดุดตะเกียงแล้วถูกไฟครอกจนเสียโฉม ฝ่ายฉัตรที่พาบัวหนีเกิดไปพบพวกพระยาสมานเข้าอีก จึงยื้อยุดฉุดกระชากกันจนพระยาสมานหกล้มทับหลาวแหลมจนเสียชีวิต พิศที่ตามมาตกใจแทบสิ้นสติเมื่อพบว่าพ่อตาย จึงสั่งเพียรจับฉัตรและบัวล่ามด้วยตรวนทองคำแล้วพาขึ้นเรือไป กลางแม่น้ำ พิศที่เสียใจมากที่ทำดีกับฉัตรเท่าไหร่เขาก็ไม่เคยสนใจ ซ้ำทั้งฉัตรและบัวยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อเธอตายและทำให้เธอเสียโฉมด้วย เมื่อรักกันมากนักก็จงตายไปด้วยกันเสีย และไม่ว่าจะเกิดอีกกี่ชาติก็จะขอจองล้างจองผลาญไม่ให้ฉัตรกับบัวสมหวังในรักได้เป็นอันขาด พูดจบพิศก็ถีบฉัตรและบัวตกน้ำไป พ.ศ.2555 (ปัจจุบัน) ฉัตร, บัว, พิศ, พระยาสมาน, ไอ้เพียร และอีกหลากหลายชีวิตในอดีตชาติ ต่างพากันกลับมาเกิดร่วมกรรมกันอีกในชาตินี้ แต่มีเพียงคน ๆ เดียวเท่านั้นที่สามารถระลึกชาติได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในชาติที่แล้ว และนั่นคือพิศ หนำซ้ำชาตินี้เธอยังได้ตรวนทองคำมาครอบครองอีกครั้งเสียด้วย พิศไม่ต้องการผิดหวังในรักซ้ำอีก เธอจึงเริ่มตามฆ่าบัวอีกครั้ง! ความรักระหว่างบัวและฉัตรในชาตินี้จะถูกจองจำด้วยตรวนทองคำอีกหรือไม่? หาคำตอบได้ใน ละครบ่วงวันวาร
ภาพอาถรรพณ์ (2556/2013) อนงค์วดี สิงหมนตรี (ลัลณ์ลลิน เตจะสา เวศซ์) ทายาทรุ่นปัจจุบันของตระกูลสิงหมนตรี จำใจต้องขายคฤหาสน์เก่าแก่ของตระกูลให้กับ เชษฐา เกรียงไกรฤทธิ์ (ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) เนื่องจาก ปิ่นสุดา (สิรินยา บิชอพ) แม่ของเธอติดการพนันอย่างหนักจนมีหนี้สินหลายล้าน ในวันที่เชษฐาและ มนัสวีร์ (รัชชานนท์ สุประกอบ) ทนายความส่วนตัว เดินทางไปที่คฤหาสน์เพื่อทำสัญญาซื้อขายกับอนงค์วดี เชษฐาได้เดินสำรวจภายในคฤหาสน์ เค้าไปสะดุดกับภาพเขียนของ คุณประยงค์ (พิยดา จุฑารัตนกุล) คุณชวดของอนงค์วดี เป็นภาพของหญิงสาวสวยท่าทางสง่า ดวงตาคมกริบ แต่สิ่งที่ทำให้เชษฐารู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นคุณประยงค์ที่อยู่ในภาพส่งยิ้มกลับมาให้เขา ส่วนมนัสวีร์ก็สะดุดตากับภาพของสาวสวยคนหนึ่ง อนงค์วดีบอกว่านั่นคือรูปของคุณย่าน้อยของเธอ ชื่อว่า คุณอ่อน (พิชญา เชาวลิต) เป็นน้องสาวคนสุดท้องของ เจ้าพระยาสีหศักดิ์ฤทธิรงค์ (นิรุตนิ์ ศิริจรรยา) ผู้เป็นเจ้าคุณปู่ทวดของเธอ ภาพนี้วาดเอาไว้ก่อนที่คุณอ่อนจะจมน้ำตายไปเพราะเรือล่ม มนัสวีร์รู้สึกสายตาผู้หญิงในภาพมองมาที่เขาอย่างตัดพ้อและเศร้าสร้อยอย่างประหลาด ระหว่างที่ทุกคนกำลังเดินดูภาพบรรพบุรุษอยู่นั้น จู่ ๆ ก็เกิดพายุฝนตกลงมาอย่างหนักจน ปู่กลับ (อรรถพร ธีมากร) ผู้ดูแลคฤหาสน์บอกให้ทุกคนนอนค้างที่นี้ และในคืนนั้นเองมนัสวีร์ฝันเห็นคุณอ่อนเดินออกมาจากภาพ เธอเรียกเขาว่า "คุณหลวง" แล้วตัดพ้อเขาว่าเขาเป็นสาเหตุทำให้เธอต้องตาย มนัสวีร์ตกใจตื่นขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว ส่วนเชษฐาฝันว่าตนเดินลงมาที่ห้องโถง สภาพตึกเก่าร้างกลับกลายมีชีวิตชีวา สว่างไสวด้วยแสงเทียน ผู้คนแต่งตัวสวยงามในภาพเขียนพากันเดินออกมาจากรูปภาพ เพื่อไปรวมตัวกันต่อหน้าเจ้าพระยาสีหศักดิ์ฤทธิรงค์ และคุณประยงค์ก็เรียกเขาอย่างอ่อนหวานว่า "เจ้าคุณ" เธอเรียกเขาให้ไปที่ห้องโถง ที่นั่นเขาได้เห็นเจ้าคุณปู่ทวด คุณอ่อน และหญิงสาวคนหนึ่งนุ่งห่มสไบ ไว้ผมทัด หน้าตาเหมือนอนงค์วดีราวกับพิมพ์เดียวกัน ทุกคนเรียกเธอว่า "แม่อร" อนงค์วดีเองก็รู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันเช่นกัน เธอเห็นเชษฐาอยู่ในชุดไทยโบราณ และในความฝันนั้น เธอรู้สึกว่าคุณประยงค์จงเกลียดจงชังเธออย่างเห็นได้ชัด พอรุ่งเช้าเชษฐารู้สึกสงสัยในความฝันกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคุณประยงค์และแม่อร เค้าจึงบอกอนงค์วดีว่าเค้าตัดสินใจจะไม่รื้อตึกทิ้ง แต่จะปรับปรุงตกแต่งตึกขึ้นมาใหม่เพื่อใช้ทำเป็นคลับหรู แต่มีเงื่อนไขว่าเธอจะต้องอยู่ค้างที่นี่เพื่อช่วยเหลือแนะนำเกี่ยวกับการตกแต่งสถานที่จนกว่าจะแล้วเสร็จ แต่ เกษลดา (รฐา โพธิ์งาม) กลับไม่เห็นด้วยที่เชษฐาเปลี่ยนใจไม่ยอมรื้อคฤหาสน์โบราณทิ้ง และยิ่งรู้ว่าเชษฐาคิดจะไปนอนค้างอ้างแรมที่นั่น ยิ่งสงสัยว่าเขาอาจจะมีอะไรปิดบังเธออยู่ ในระหว่างซ้อมแซมคฤหาสน์ เมื่อทั้งคู่ได้ทำงานร่วมกัน ยิ่งทำให้เชษฐาและอนงค์วดีสนิทสนมกันมากขึ้น และยิ่งสนิทสนมกันมากเท่าไหร่ ก็เหมือนจะมีภัยอันตรายเกิดขึ้นกับอนงค์วดีมากเท่านั้น ในตอนกลางคืนทั้งคู่ต่างฝันถึงเหตุการณ์ในอดีตอีกหลายครั้ง จนปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่าชายที่หน้าตาคล้ายเชษฐาที่ใคร ๆ เรียกว่า "เจ้าคุณ" นั้น ในอดีตเคยเป็นเด็กในบ้านที่ลอบรักกับคุณประยงค์ ธิดาสาว ของท่านเจ้าพระยาฯ ต่อเมื่อได้ดีจึงไปรับราชการที่หัวเมืองแล้วมีภรรยาเป็นสาวชาวบ้านชื่อ "อร" ซึ่งมีใบหน้าเหมือนกับอนงค์วดีในชาตินี้ อนงค์วดีเข้าใจว่าวิญญาณคุณชวดคงเข้าใจผิดว่าเธอคือแม่อร ซึ่งในความฝันอนงค์วดีได้รู้ว่าคุณอ่อนลักลอบรักกับชายที่มีศักดินาต่ำกว่าชื่อ "หลวงขจร" ซึ่งมีใบหน้าเหมือนมนัสวีร์ ซึ่งหลวงขจรนั้นมีคู่หมั้นหมายแล้ว และเมื่อหลวงขจรถูกบังคับให้แต่งงาน คุณอ่อนเสียใจมาก จึงพายเรือฝ่าพายุฝนข้ามแม่น้ำไปหาทั้ง ๆ ที่ตนว่ายน้ำ ไม่แข็ง จนกระทั่งเรือล่มคุณอ่อนจึงจมน้ำตายและก็ไม่มีใครหาศพเจอ และทุกครั้งที่มนัสวีร์ต้องไปที่คฤหาสน์เก่าหลังนั้น เขาจะถูกดึงดูดให้ไปที่ริมแม่น้ำอย่างไม่รู้ตัวอยู่บ่อย ๆ จนเกือบจะจมน้ำตาย โชคดีที่ปู่กลับมักจะช่วยมนัสวีร์เอาไว้ทัน ในที่สุดการซ่อมแซมตกแต่งคฤหาสน์ก็เสร็จลง เกษลดาเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการจัดงานเลี้ยงเปิดคลับของเชษฐาอย่างหรูหรา เชษฐาเสนอให้อนงค์วดีทำงานที่คลับของเขาในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายอาหาร เนื่องจากงานคลับเป็นงานกลางคืน เชษฐาจึงให้เธอพักอยู่ที่นี่ ทั้งหมดนี้สร้างความไม่พอใจให้เกษลดามาก เธอจึงมักแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเชษฐาอยู่บ่อย ๆ และย้ายมาอยู่ที่คฤหาสน์หลังนี้ด้วยอีกคน เพียงคืนแรกเกษลดาก็เจอฤทธิ์คุณประยงค์ที่หวงแหนเชษฐา คุณประยงค์ชี้หน้าด่าและเรียกเธอว่า "อีเกด" จนเกษลดารู้สึกหวาดกลัวมาก เธอนำเรื่องนี้ไปเล่าให้เชษฐาฟัง แต่เชษฐากลับไม่สนใจพร้อมไล่ให้เธอกลับบ้าน แต่ด้วยความหึงหวงเกษลดาจึงแข็งใจอยู่ที่นี่เพื่อคอยกันท่าอนงค์วดี นานวันเข้าอนงค์วดีมักฝันเห็นเรื่องราวในอดีตมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอฝันว่าในอดีตเธอมีบ่าวชื่อเกด ติดตามมาอยู่ด้วย บ่าวคนนั้นหน้าตาเหมือนเกษลดา ซึ่งในอดีตชาติเกดยังเป็นเมียบ่าวของเจ้าคุณอีกด้วย และในความฝันบอกชัดว่าเจ้าคุณรักกับคุณประยงค์มาก่อน ยิ่งความจำเป็นทางด้านการเลื่อนขั้นในหน้าที่การงาน ทำให้เจ้าคุณต้องกลับมาพึ่งใบบุญท่านเจ้าพระยาฯ แม่อรผู้เป็นเมียหลวงจึงตกอยู่ในสภาพไม่ต่างจากนังเกดเมียบ่าว ต่อมาแม่อรได้ตั้งท้องลูกคนแรก เจ้าคุณดีใจมากและคิดจะยกย่องเธอเป็นเมียเอก ทำเอาคุณประยงค์ไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่ว่าคุณประยงค์จะอ้อนวอนเจ้าคุณอย่างไร ท่านก็ยืนยันว่าแม่ของลูกจะต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น ดังนั้นคุณประยงค์จึงวางแผนทำร้ายแม่อรจนตกบันไดตายทั้งกลม จากนั้นไม่นานพอคลับของเชษฐาเริ่มมีชื่อเสียง ผู้คนก็หลั่งไหลเข้ามาหาความสำราญมากขึ้น จากคฤหาสน์เก่าร้างก็กลับมามีชีวิตชีวาด้วยแสงไฟและเสียงเพลง จนสร้างความ ไม่พอใจให้กับคุณประยงค์เป็นอย่างยิ่ง เธอจึงเริ่มออกมาจากภาพมาเล่นงานทุกคน แต่คนที่โดนหลอกหลอนหนักที่สุดคือเกษลดา เพราะเธอพยายามออดอ้อนเชษฐาอยู่ตลอด ส่วนตัวเชษฐาเองก็โดนคุณประยงค์สะกดจิตให้หลงติดอยู่ในความฝันบ่อยขึ้น จนตัวเองเริ่มแยกแยะอดีตกับปัจจุบันไม่ออก อนงค์วดีเริ่มไม่สบายใจ เพราะเป็นห่วงกลัวเชษฐาจะได้รับอันตราย เธอตัดสินใจทำพิธีเชิญภาพเขียนคุณประยงค์ลงจากผนังพร้อมกับเอาสายสิญจน์พันไว้ แล้วเอาภาพไปเก็บไว้ที่เรือนเก็บของ ทำให้คุณประยงค์โกรธจัด จึงพยายามสะกดจิตเชษฐาให้มาช่วยตัดสายสิญจน์ออกจากภาพของเธอ แม้อนงค์วดีพยายามจะห้ามแต่ก็ไม่สำเร็จ จากนั้นวิญญาณคุณประยงค์ก็ออกอาละวาดอย่างหนัก และทำร้ายอนงค์วดีจนล้มหมดสติไป เมื่อเชษฐารู้ข่าว ด้วยความรักและเป็นห่วงอนงค์วดี เค้าจึงฮึดสู้กับคุณประยงค์ที่พยายามจะเข้ามาครอบงำชีวิตของเขา เพราะเชษฐาระลึกได้แล้วว่าชาติที่แล้วเขายอมให้คุณประยงค์ครอบงำและทำร้ายแม่อรมามาก ในชาตินี้เขาจะไม่ยอมให้คุณประยงค์มาบงการเขาให้ทำร้ายอนงค์วดีอีก เชษฐาจึงตัดสินใจทำลายภาพของคุณประยงค์ แต่แผนการทำลายภาพไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะแรงรักแรงอาฆาตที่คุณประยงค์มีต่อเชษฐาส่งผลทำให้คุณประยงค์มีพลังอำนาจมากขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายเชษฐาจะสามารถทำลายภาพอาถรรพ์ของคุณประยงค์ได้หรือไม่ บทสรุปของโศกนาฏกรรมความรักที่มาพร้อมแรงอาฆาตแค้นพยาบาทครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร? ติดตามชมได้ใน ละครภาพอาถรรพณ์
หัวใจศิลา (2550/2007) เมื่อหัวใจของเขา ต้องเลือกระหว่างความแค้นและความรัก หัวใจศิลา “เพราะรอยแผลเป็นในใจของชายหนุ่มที่ถูกทำร้าย และดูถูกในอดีตทำให้เขาต้องสวมวิญญาณอสูร เพื่อกลับมาแก้แค้น…แต่ความรักเกิดที่ขึ้นท่ามกลางเหตุการณ์เลวร้ายจะ สามารถลบล้างหัวใจอสูรของชายหนุ่มให้กลับมาเป็นเช่นเดิมได้หรือไม่” ศิลา หรือ ต่อ เป็นลูกของ ไหม เมียน้อยของ ทรงศักดิ์ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ต่อเกิดจากความไม่ตั้งใจของทรงศักดิ์ ไหมพาต่อมาพบทรงศักดิ์ที่บ้าน แต่ถูกไล่ออกมาและไหมก็สิ้นใจในที่สุดทิ้งให้ต่ออยู่เพียงลำพัง ทรงศักดิ์จึงจำใจรับต่อเข้าไปอยู่ในบ้านโดยปล่อยให้ สีดา เมียหลวงของเขาดูแล แต่สีดาก็เกลียดชังต่อและสอนให้ สาวิตต์ลูกชายของเธอรังแกต่อด้วย โกมุท และ มารศรี เป็นผู้ดีเก่าเพื่อนบ้านของทรงศักดิ์ มีลูกสาวสองคนคือ มิ่งขวัญ และ มินตา แต่มารศรีกลับเอาใจและประคบประหงมมิ่งขวัญมากกว่ามินตา มินตาชอบเล่นอะไรแบบเด็กผู้ชาย เธอจึงเป็นเพื่อนเล่นเพียงคนเดียวของต่อ ในขณะที่ต่อมักจะหลบออกมาอยู่คนเดียว ส่วนมิ่งขวัญรังเกียจต่อจนไม่ยอมเข้าใกล้ และด่าต่อว่าเป็นไอ้หมาขี้เรื้อน สกปรกโสโครก วันหนึ่งต่อถูกสีดาทุบตีทำร้ายอย่างทารุณและขังไว้ในห้อง เพราะสาวิตต์ใส่ร้ายต่อว่าขโมยเงินของสีดาไป ในคืนนั้นเขาหาทางหนีออกไปจากบ้านจนได้ หลายวันต่อมามีคนพบศพเด็กชายคนหนึ่งลอยน้ำมา ทุกคนเข้าใจว่าต่อตายไปแล้ว แต่แท้จริงแล้วต่อหนีไปอยู่กับ พิมสุดา หรือ แหม่ม น้าสาวซึ่งเป็นน้องแท้ๆ ของไหมนั่นเอง สิบห้าปีต่อมา มินตาเติบโตขึ้นและทำงานเป็นมัณฑนาการในบริษัทรับออกแบบตกแต่งบ้านแห่งหนึ่ง เธอพา ธันวา เพื่อนร่วมงานไปโรงพยาบาล แต่ความรีบร้อนทำให้ชนกับรถของศิลาที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล ทั้งสองปะทะคารมกันอย่างไม่มีใครยอมใคร มินตารู้สึกคุ้นหน้าว่าเขาคือพี่ต่อที่เธอเคยรู้จัก แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอมรับ ธันวาจำได้ว่าศิลาเป็นมือขวาของเจ้าแม่แหม่มแม่เล้าไฮโซแห่งวงการธุรกิจกลาง คืน มินตาจึงเข้าใจว่าศิลาเป็นแมงดา และซ้อมผู้หญิงจนแท้งจึงต้องพามาโรงพยาบาล แต่ศิลาได้รู้ความจริงจาก อ้อย ว่าที่เธอต้องตกเลือดอย่างรุนแรง เพราะเธอถูกลูกค้าคนหนึ่งซ้อมและลูกค้าคนนั้นคือสาวิตต์นั่นเอง แต่สีดาก็หาทนายมาช่วยให้สาวิตต์รอดพ้นจากความผิด ศิลาจึงรู้ว่าคนพวกนี้ยังอยู่ดีมีสุข และทำความเลวให้คนอื่นเดือดร้อน ความโกรธแค้นที่ศิลามีต่อครอบครัวของสีดาจึงปะทุขึ้นอีกครั้ง ศิลาจึงให้ลักษมีดาราสาวหลอกให้สาวิตต์ติดพนัน และศิลาก็สามารถยึดบ้านของสาวิตต์ที่นำมาจำนองกับตนไป ด้วยเหตุนี้ทำให้สาวิตต์แค้นมากทำให้ทั้งสองชกต่อยกันในขณะนั้นรถสิบล้อที่ จอดไว้เกิดล้อเคลื่อนมาทับขาสาวิตต์จนต้องเป็นคนพิการ และศิลาก็ซื้อหุ้นบริษัทจนได้เป็นเจ้าของ แต่สีดามีแผนโดยร่วมมือกับมารศรีบังคับให้มินตาแต่งงานกับสาวิตต์เพื่อเอาไป ต่อรองกับศิลาให้เอาบ้านคืน ซึ่งศิลาก็ยอมหลังจากนั้นมินตาก็เกลียดศิลา โดยบอกว่าตัวเองรักสาวิตต์ ทำให้ต่อหึงหวงจึงข่มขืนมินตาจนมินตาท้อง หลังจากนั้นสาวิตต์กับสีดาให้คนไปจับศิลากับมินตาไปขัง โดยมีข้อเสนอว่าต้องเอาทุกสิ่งทุกอย่างของศิลาแลกกับอิสระ แต่สุดท้ายลักษมีได้แจ้งตำรวจมาช่วยจนศิลาหนีออกมาได้ แต่มินตาถูกสาวิตต์กับสีดาจับตัวไป และลักษมีถูกยิงตายศิลาตามไปช่วยจนถูกยิงตกน้ำไป ส่วนมินตาได้รับการช่วยเหลือจากตำรวจ และมารศรีกับมิ่งขวัญถูกจับเช่นเดียวกับสาวิตต์และสีดา แต่สุดท้ายศิลายังไม่ตายและกับมาใช้ชีวิตอยู่กับมินตา
ลิขิตรัก ลิขิตเลือด (2549/2006) จุดเริ่มต้น เมื่อ 25 ปีก่อน คัตสึ(ต่อ เรืองฤทธิ์) มือสังหารอดีตยากูซ่า พา นิสา ภรรยาชาวไทยและลูกชายทารกฝาแฝดสองคน หนีการตามไล่ล่าของแก๊งค์ยากูซ่า ไปยังบ้านริมทะเล เพื่อหาทางเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ทันทีที่พวกเขาไปถึง ศัตรูของคัตสึก็ตามไปทัน คัตสึถูกฆ่าตาย ส่วนทารกแฝดถูกพลัดพรากไปคนละทาง เคียว(โกวิท วัฒนกุล) เพื่อนร่วมแก๊งค์ยากูซ่าของคัตสึตามมาช่วยไม่ทัน เขาทำได้เพียงช่วยชีวิตทารกน้อยคนหนึ่งเอาไว้ แล้วรีบหนีไปก่อนตำรวจจะมา ฉัตรชัย(สมภพ เบญจาทิกุล) ตำรวจเจ้าของคดีมาถึง พบว่ายังมีทารกชายรอดชีวิตอยู่คนหนึ่ง เขาจึงนำเด็กส่งโรงพยาบาล เนื่องจากเขาและภรรยาไม่มีลูก เขาจึงนำทารกชายคนนั้นไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ทารกฝาแฝดสองคน จึงเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แฝดผู้พี่คือ ฉัตรเทพ(กัปตัน ภูธเนศ) ถูกเลี้ยงโดยฉัตรชัยนายตำรวจมือปราบผู้ซื่อสัตย์ เขาได้เติบโตขึ้นมาเป็นตำรวจที่มีความสามารถ ส่วนแฝดผู้น้อง ถูกพากลับไป ที่ญี่ปุ่น เขาถูกเลี้ยงดูโดยเคียวนักฆ่ามืออาชีพและถูกฝึกฝนให้เป็นนักฆ่าผู้เชี่ยวชาญเช่นเดียวกับเคียว ชื่อของเขาคือ เคนอิจิ หรือ เคน(กัปตัน ภูธเนศ) ศพปริศนา วันหนึ่งฉัตรเทพถูกเรียกตัวให้ไปทำคดี เมื่อมีผู้พบศพชายชาวญี่ปุ่นที่ถูกซ้อมและสังหารอย่างโหดเหี้ยม ก่อนที่จะนำศพมาทิ้งที่แม่น้ำเจ้าพระยา สภาพศพขึ้นอืดจนไม่อาจระบุได้ว่าเป็นใคร ไม่มีหลักฐานใดๆ นอกจากหมายเลข 4 1 1 3A บนฝ่ามือของคนตาย ฉัตรเทพสั่งให้ จ่าชัย(เหลือเฟือ ม๊กจ๊ก) ตำรวจคู่หูสืบสวนอย่างใกล้ชิด พ่อครัวคนใหม่ เคน หรือ คิมูระ โจ เดินทางไปที่ภัตตาคารกุหลาบขาว เพื่อไปพบกับตั๋ม (ถั่วแระ เชิญยิ้ม) ภารโรงประจำร้าน ตั๋มเป็นนักเลงเก่าที่เป็นหนี้บุญคุณลุงเคียว ตั๋มอ่านจดหมายแล้วจึงพาเคนไปพบกับ เฮเลน (สิรินยา บิชอฟ) ภรรยาสาวสวยของทาคูยะ เจ้าของร้านอาหารแห่งนี้ ซึ่งหายตัวไปอย่างลึกลับ เฮเลนรับเคนเข้าทำงานอย่างง่ายดาย สร้างความไม่พอใจให้กับ ฮะจิ(ปราบ ยุทธพิชัย) ลูกน้องคนสนิทของทาคูยะ ที่ตั้งตนเป็นบอดี้การ์ดของเฮเลนระหว่างที่ทาคูยะหายตัวไป ในวันเดียวกันนั้น เคนได้พบกับ อลิสา(แป้ง อรจิรา) หญิงสาวสวยที่มาที่ร้าน เขาประทับใจในความงาม และความมีชีวิตชีวาของอลิสาตั้งแต่แรกเห็น ไกรลาศ (ดิลก ทองวัฒนา) พ่อของอลิสา และพรรคพวกคือท่าน ศักดา อดีตนักการเมืองที่มีอิทธิพล กับสุวัฒน์ (เอเอ ปัญญาพล) ลูกชาย ได้จัดงานเลี้ยงฉลองกันที่ภัตตาคารกุหลาบขาว เพื่อมาแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อเฮเลน เพราะมีข่าวลือในวงการว่าทาคูยะขัดแย้งกับศักดา ตั๋มชวนเคนกลับไปพักด้วยกันที่แฟลต และมอบโทรศัพท์มือถือให้ เพราะลุงเคียวจะติดต่อเคนผ่านโทรศัพท์เครื่องนี้ เพื่อแจ้งว่าเป้าหมายที่ต้องการฆ่าคือใคร ตั๋มนั้นอาศัยอยู่กับ ต่าย(ฟาง พิชญา) ลูกสาววัยรุ่นเกเรที่จบแค่ชั้นประถม และยึดอาชีพงัดแงะ ฉกชิงวิ่งราวเป็นงานประจำ คืนนั้น ต่ายงัดรถเพื่อขโมยเครื่องเล่นซีดี บังเอิญเป็นรถของฉัตรเทพ ฉัตรเทพจับต่ายได้ แต่โดนต่ายปั้นเรื่องหลอกว่าต้องลักขโมยเพื่อหาเลี้ยงพ่อที่อัมพาตทั้งตัว ฉัตรเทพสงสารเลยปล่อยไปแถมยังโดนต่ายไถเงินไปซื้อข้าว และหลอกให้ไปส่งบ้านอีกด้วย ต่ายแอบประทับใจในตัวฉัตรเทพ เคนไปเริ่มงานวันแรก ก็พบกับการหาเรื่องจากฮะจิ ก่อนร้านเปิด อลิสามาที่ร้านเพื่อถามหารองเท้าบัลเล่ต์ที่เธอลืมเอาไว้ เคนเป็นคนเก็บไว้ให้ และชวนให้เธอกินซูชิ อลิสาปฏิเสธว่าเธอไม่กินปลาดิบเพราะกลัวเหม็นคาว แต่เคนก็ทำซูชิให้เธอกิน จนเธอเปลี่ยนใจ เคนกับอลิสาสนิทสนมกันมากขึ้น อลิสายังบอกอีกด้วยว่า เขานั้นมีหน้าตาละม้ายคล้ายกันกับฉัตรเทพเพื่อนสนิทของเธอมากแต่เคนก็ไม่ได้สงสัยอะไร ฉัตรเทพสืบพบว่าศพปริศนาคือ ทาคูยะ และหมายเลข 14 1 3A บนฝ่ามือคือรหัสตู้คอนเทนเนอร์ เขาและจ่าชัย พากันบุกค้น จนพบว่าในตู้นั้นมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ ฉัตรเทพต้องตกใจเมื่อรู้ว่า บริษัทขนส่งนั้นเป็นของท่านศักดา ปลาตัวแรก เคนได้เจอกับอลิสาอีกครั้ง ในงานนิทรรศการปลาสวยงาม อลิสาเลยรู้ว่าเคนนั้นก็ชอบเลี้ยงปลาเหมือนฉัตรเทพ เธอเลยถือโอกาสนี้แนะนำเคนให้รู้จักกับฉัตรเทพซะเลย แต่ตั๋มดันโทรศัพท์เข้ามาตามตัวเคนกลับบ้านด่วน อลิสาเลยอดแนะนำเคนให้รู้จักกับฉัตรเทพ เคนได้รับโทรศัพท์จากลุงเคียว พร้อมทั้งภาพและข้อมูลของเป้าหมายรายแรก คนนั้นก็คือ ท่านศักดา เคนก็สืบจนรู้มาว่าอีกไม่กี่วันจากนี้ ท่านศักดาจะจัดงานเลี้ยงใหญ่ ฉลองการลาออกจากราชการ เคนคิดว่าเขาจะฉวยโอกาสนั้นลงมือ ในงานนั้น ฉัตรเทพไปรักษาความปลอดภัย ส่วนอลิสาก็ตามไกรลาสและอรทัยไปร่วมงานด้วย เคนฆ่าศักดาสำเร็จ แต่กลับโดนฉัตรเทพยิงบาดเจ็บ ตำรวจปิดล้อมงานเอาไว้ เคนไม่มีทางเลือกจึงจับตัวผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังมาเอาของที่รถเป็นตัวประกัน เมื่อเขาจี้เธอให้ขับรถพาเขาออกไปแล้ว เขาจึงค่อยพบว่าเธอคืออลิสานั่นเอง แต่อลิสาไม่รู้ว่าฆาตกรคือเคน เพราะเคนสวมหมวกอำพรางหน้าไว้ โฉมหน้าฆาตกรลึกลับ เคนใช้ผ้าผูกตาอลิสาเอาไว้แล้วจึงขับรถมาส่งอลิสาอย่างปลอดภัย ยังความสงสัยให้กับฉัตรเทพอย่างมาก รวมทั้งตัวอลิสาเองด้วย ฉัตรเทพถามอลิสาเกี่ยวกับตัวฆาตกรที่พาตัวเธอไป เธออ้างว่าจำอะไรไม่ได้เลย แต่ความจริงแล้วอลิสาแอบซ่อนผ้าผูกตาผืนนั้นเอาไว้ เพราะเธอสงสัยว่าคนที่พาเธอไปคืนนั้นอาจจะเป็นเคน ฉัตรเทพสอบสวนทุกคนในงานเลี้ยง และเขาก็ได้เจอหน้า เคน พ่อครัวซูชิเป็นครั้งแรก ทั้งคู่ต่างตกใจที่หน้าตาคล้ายกัน เคนให้การและเอาตัวรอดไปได้ แต่ด้วยลางสังหรณ์ทำให้ฉัตรเทพแน่ใจว่าเคนโกหก และสงสัยในตัวเคน ฉัตรเทพต้องการจับตาดูเคน เมื่อรู้ว่าต่ายอยู่ห้องติดกับเคน จึงหลอกใช้ต่าย สืบเรื่องเคน ด้วยความที่แอบชอบฉัตรเทพ ต่ายเลยยอมทำให้ ด้านสุวัฒน์ คิดว่าเฮเลนฆ่าศักดาพ่อของเขาตาย จึงตามไปเล่นงาน แต่เฮเลนกลับพูดใส่ร้ายว่าไกรลาสเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ สุวัฒน์เลยสั่งให้ลูกน้องไปดักจับตัวอลิสามาขังไว้ที่โกดังร้าง เพื่อต่อรองกับไกลาส เคนเห็นเหตุการณ์เลยตามไปช่วยอลิสา และฆ่าสุวัฒน์ตาย ฉัตรเทพเองก็ตามไปช่วยอลิสาเช่นกัน แต่เคนกลับพาอลิสาหายตัวไป แล้วในที่เกิดเหตุเคนได้ทำเหรียญห้อยคอรูปปลาโลมาที่ติดตัวเขามาตั้งแต่เล็กหล่น ฉัตรเทพเก็บเหรียญนั้นได้ เขารู้สึกคุ้นเคยกับเหรียญนั้นอย่างประหลาด สัญญาเลือด อลิสารู้ความลับว่าเคนคือมือสังหาร เธอเสียใจมาก เคนอธิบายให้เธอเข้าใจว่าเขาไม่มีทางเลือก อลิสาเชื่อมั่นในความดีของเคน เธอขอให้เคนเลิกเป็นนักฆ่า เคนกรีดเลือดเขียนคำมั่นสัญญาให้กับอลิสา เพื่อพิสูจน์ความจริงใจ เพราะตามความเชื่อของเขา สัญญาที่เขียนด้วยเลือด หากทรยศไม่ทำตาม จะต้องถึงแก่ชีวิต อดีตที่หวนคืนมา เฮเลนได้ตามตัวเคียวมารับเคนกลับญี่ปุ่นโดยด่วน เพราไม่อยากให้ตำรวจตามกลิ่นเจอ ว่าแท้จริงเธอเป็นผู้อยู่เบื้อหลังเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ลุงเคียวมาปรากฏตัวขึ้น และเตือนเคนว่าเขาไม่อาจยกเลิกสัญญาได้ เพราะผิดจรรยาบรรณของนักฆ่า พร้อมทั้งเตือนเคนว่านักฆ่าไม่อาจมีความรักได้ แต่เคนบอกกับลุงเคียวว่าเขาเลือกความรัก และจะไม่ฆ่าใครอีก ในที่สุดลุงเคียวเข้าใจ และยินยอมปล่อยเคนจากไป เคนไม่รู้เลยว่า ด้วยความรักในตัวเด็กน้อยที่เลี้ยงมา ลุงเคียวได้เดินเข้าไปรับทำงานสุดท้ายให้เฮเลนทำแทนเคน ทั้งๆที่รู้ดีว่าตัวเองอาจไม่รอดชีวิตกลับมา ฉัตรเทพกลับไปหาพ่อที่บ้าน ถามถึงเหรียญที่เขาเก็บมา ฉัตรชัยเห็นแล้วตกใจมาก เขาจำได้ว่านั่นเป็นเหรียญแบบเดียวกับที่ติดตัวฉัตรเทพมาตั้งแต่เล็ก เขาเข้าไปห้อง เอารูปถ่ายที่เก็บได้จากกระเป๋าของนิสามาดูอีกครั้ง ในรูป เด็กทารกทั้งสองสวมสร้อยที่มีเหรียญแบบเดียวกัน ฉัตรชัยแน่ใจว่าเคนคือฝาแฝดของฉัตรเทพ แต่เขาไม่ยอมเผยความลับอะไร วันฆ่าปลาใหญ่ เมื่อถึงวันสำคัญคือวันฉลองวันเกิดของอลิสา เคนมาร่วมงานด้วยจิตใจที่มีความสุข เขามองโลกอย่างสดใสเหมือนคนที่เกิดใหม่ โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าหายนะกำลังคืบคานเข้ามารอบๆตัว ฮะจิอดีตลูกน้องของเฮเลน ได้เข้ามาสวามิภักดิ์กับไกรลาส ทำให้ไกรลาสรู้ว่าที่แท้เฮเลนคือ ตัวการสั่งฆ่าพรรคพวกของตน โดยมีเคนเป็นคนลงมือเมื่อเคนมาถึงในงาน สิ่งที่ไกรลาสต้องการคือให้ฮะจิกาโอกาสหลอกเคนไปฆ่า ฉัตรเทพมาที่งานในฐานะเพื่อนของอลิสา เขาจับตาดูเคนอยู่เช่นกัน เพราะการตายของสุวัฒน์ ทำให้ฉัตรเทพเข้าใจแล้วว่าการฆ่าที่เกิดขึ้น เป็นการแก้แค้นระหว่างมาเฟียไทยกับมาเฟียญี่ปุ่น ซึ่งทุกครั้งจะมีเคนเข้ามาเกี่ยวข้อง กับดัก ฉัตรเทพเกลี่ยกล่อมอลิสาให้ร่วมมือกับตำรวจ ใช้ตัวเธอล่อเคนออกมา ด้วยความเข้าใจผิดว่าเคนผิดสัญญาที่ให้ไว้กับเธอ อลิสาเสียใจจึงตกลงร่วมมือกับฉัตรเทพ เคนออกจากที่ซ่อนมาหาอลิสาตามคาดหมาย แต่ในนาทีสุดท้าย ก่อนที่เคนจะโดนฉัตรเทพจับ ความรักที่อลิสามีต่อเคนก็ชนะทุกสิ่ง อลิสาตัดสินใจเอาตัวเองปกป้องเคน ช่วยให้เคนรอดไปได้ ทั้ง 2 หนีหลบไปอยู่ด้วยกัน เคนจะพาลุงเคียวหนีกลับญี่ปุ่น อลิสาสัญญาจะตามไปหาเขาที่นั่น เฮเลนใช้จรรยาบรรณของนักฆ่าบังคับให้ลุงเคียวต้องไปฆ่าไกรลาสอีกครั้ง แต่คราวนี้ กลับโดนกับดักของไกรลาส ที่ให้ตำรวจมาล้อมจับ ในขณะที่ตัวไกรลาสเอง ไปจัดการกับเฮเลนที่กุหลาบขาว เฮเลนถูกฆ่าตาย ตั๋มพาเคียวหนีจากวงล้อมของตำรวจ ตั๋มโดนตำรวจล้อมยิงจนตาย ต่ายเสียใจมากที่โดนฉัตรเทพหลอกใช้ ต่ายถึงกับช็อกไป ส่วนลุงเคียวถูกยิงและสูญหายไป ทุกคนเชื่อว่าลุงเคียวโดนตำรวจยิงจนตายไปแล้ว เคนเสียใจมากที่ลุงเคียวตายด้วยมือฉัตรเทพ เขาหันมาจับอาวุธอีกครั้งเพื่อแก้แค้นให้กับคนที่เขารักราวกับพ่อ เคนเขียนจดหมายขอโทษอลิสาที่ผิดสัญญา และครั้งนี้ เขา- นักฆ่าผู้ทรยศต่อสัญญาเลือด อาจไม่มีชีวิตรอดกลับไป ฉัตรเทพพาต่ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล หลายๆอย่างที่เกิดขึ้นทำให้เขาหยุดคิด และเอะใจ โดยเฉพาะเรื่องที่เคียวมีโอกาสฆ่าเขาได้ แต่กลับไม่ลงมือ ฉัตรเทพเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ เข้าด้วยกัน เขาเริ่มสงสัยว่าตัวเองมีความสัมพันธ์อะไรกับเคนและลุงเคียว ฉัตรชัยพ่อบุญธรรมของเขาเป็นคนเดียวเท่านั้นที่จะตอบคำถามนี้ได้ ขณะเดียวกัน เคนขอนัดพบฉัตรเทพ สะสางความแค้น ความลับแห่งสายเลือด ข่าวการนัดพบของฉัตรเทพและเคนรั่วออกไป อลิสาพยายามหาทางไปหยุดเคน ไกรลาสที่รอดตายมาได้ คิดใช้โอกาสนี้ฆ่าฉัตรเทพ เพื่อให้ตัวเองพ้นจากความผิด ที่ทำมา โดยคิดจะป้ายความผิดให้เคน ฉัตรเทพเดินทางไปพบเคนตามที่นัดไว้ จ่าชัยลูกน้องของฉัตรเทพแอบพาตำรวจไปเป็นกำลังเสริม พร้อมจะบุกเข้าลงมือกับเคนทุกเวลา ส่วนเคนเดินเข้าสู่ที่นัดหมายด้วยแรงแค้น เขาพร้อมแล้วที่จะฆ่า เคนบอกตัวเองว่า การฆ่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เขาเต็มใจ ไม่มีใครในโลกอีกแล้วที่จะหยุดยั้งเขาได้ เค้าต้องการฆ่าฉัตรเทพเพื่อแก้แค้นให้ลุงเคียว ชะตากรรมของสองพี่น้อง ดูเหมือนว่าไม่คนใดก็คนหนึ่งจะต้องตายลงในวันนี้ สุดแท้แต่ว่าใครจะเป็นฝ่ายฆ่าใคร
หีบหลอนซ่อนวิญญาณ (2551/2008) พ.ศ. 2532 ณ คุ้มสายคำ จ. เชียงใหม่ แม่เลี้ยงสายคำ เจ้าของธุรกิจทอผ้าไหมผู้มั่งคั่ง ได้จัดงานเลี้ยงขันโตกเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของตน โดยในงานมีการแสดงฟ้อนเล็บ ซึ่งหนึ่งในช่างฟ้อนคือเอื้องจันทร์ สาวงามที่หนุ่มๆ หมายปอง รวมทั้งขวัญเมือง สามีของเดือนวาด ลูกสาวคนโตของแม่เลี้ยง ส่วนพิมพ์ดาวลูกสาวคนเล็กของแม่เลี้ยงสายคำมีคู่หมายแล้วคือวรุณ พ่อเลี้ยงหนุ่มรูปงาม ซึ่งแม่เลี้ยงสายคำตั้งใจจะประกาศการแต่งงานของสองคนในงานเลี้ยงนี้ แต่วรุณกลับสารภาพว่าเขารักอยู่กับเอื้องจันทร์ ทำให้แม่เลี้ยงสายคำและพิมพ์ดาวโกรธมาก ในคืนนั้นวรุณแอบนัดกับเอื้องจันทร์เพื่อจะหนีตามกันไป โดยให้จุ่นลูกชายของมาลัยช่างทอผ้าเพื่อนของเอื้องจันทร์ มาบอกให้เอื้องจันทร์ไปรอที่โรงทอผ้าไหม เอื้องจันทร์รีบไปตามนัด แต่แล้วจู่ๆ เธอก็โดนทุบศีรษะจนหมดสติ คนที่ทำร้ายเธอคือแม่เลี้ยงสายคำและพิมพ์ดาว ทั้งสองนำร่างของเอื้องจันทร์ไปกลางป่าเพื่อฆ่าทิ้ง โชคดีเอื้องจันทร์ได้สติหนีรอดมาได้ แต่ก็มาเจอขวัญเมืองฉวยโอกาสจะปลุกปล้ำอีก เอื้องจันทร์เลยต้องหนีลงไปหลบในหีบเก็บผ้าโบราณ ขณะที่ขวัญเมืองกำลังจะเจอเอื้องจันทร์ เดือนวาดที่ตามหาขวัญเมืองอยู่ก็เข้ามาขัดจังหวะ ทำให้เดือนวาดเห็นพิรุธที่หีบเก็บผ้าใบใหญ่ พอรู้ว่าเอื้องจันทร์ซ่อนอยู่ในนั้นก็คิดว่าเอื้องจันทร์ต้องแอบลักลอบมาพบกับขวัญเมืองสามีเธอแน่ๆ เลยแกล้งลั่นกุญแจปิดตาย เอื้องจันทร์ตกใจมากเธอร้องขอความช่วยเหลือสุดเสียงแต่ไม่มีใครได้ยิน เดือนวาดสั่งให้บุญตา คนสนิทขนหีบไปทิ้งบึงน้ำหลังบ้าน ระหว่างที่กำลังขนจุ่นมาเห็นเหตุการณ์จึงร้องให้คนช่วย เดือนวาดเลยสั่งให้บุญตาฆ่าจุ่นแล้วทิ้งศพลงในบึงน้ำ ส่วนเอื้องจันทร์ก็โดนเดือนวาดและพิมพ์ดาวจับกดลงไปในหีบ เอื้องจันทร์ต่อสู้สุดชีวิต แต่ก็สู้แรงสองพี่น้องไม่ไหว ในที่สุดเอื้องจันทร์ก็โดนจับขังในหีบ แต่เฮือกสุดท้ายเอื้องจันทร์คว้าสร้อยทับทิมของเดือนวาดติดมือไปด้วย เดือนวาดสั่งให้บุญตาผลักหีบลงน้ำ เอื้องจันทร์จึงขาดใจตายอยู่ในหีบอย่างทรมาน ส่วนวรุณก็โดนลอบทำร้ายจนหมดสติ เมื่อตื่นขึ้นมาก็ไม่พบเอื้องจันทร์แล้ว แม่เลี้ยงสายคำและพิมพ์ดาวเลยใส่ความว่าเอื้องจันทร์หนีตามผู้ชายไป วรุณเสียใจมากและหายหน้าไปด้วยความตรอมใจ ส่วนมาลัยแม่ของจุ่นก็โศกเศร้าเสียใจที่ลูกชายตายไปจนกลายเป็นคนเสียสติ เรื่องราวในคืนนั้นจึงกลายเป็นความลับดำมืดที่ไม่มีใครรู้ว่าเอื้องจันทร์หายไปไหน มีเพียงอุ๊ยทาชายแก่ขี้เมาคนเฝ้าโรงทอผ้าไหมที่เป็นคนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ด้วยความกลัวจึงไม่กล้าปริปากบอกใคร หลังเหตุการณ์คืนนั้น แม่เลี้ยงสายคำก็ปิดตายโรงงานทอผ้าไหม แล้วย้ายครอบครัวลงไปทำธุรกิจที่กรุงเทพฯ พ.ศ. 2550 กรุงเทพ สายไหม(พิชญา ศรีเทพย์) ลูกสาวของขวัญเมืองและเดือนวาดที่เพิ่งเรียนจบ เธอเป็นสาวสมัยใหม่ที่มั่นใจในตัวเอง และต้องการจะทำธุรกิจโฮมสเตย์ที่คุ้มสายคำเรือนไทยเก่าแก่ของครอบครัว ซึ่งทุกคนในบ้านต่างพากันคัดค้าน แต่สายไหมก็รั้นไม่ยอมฟัง เธอเลยชวนติ่มซำ เพื่อนสนิทขึ้นไปดูสถานที่ที่เชียงใหม่ ระหว่างเดินทางสายไหมได้พบกับพรรษา นายตำรวจหนุ่มที่เพิ่งย้ายมารับราชการที่เชียงใหม่ พรรษาประทับใจในตัวสายไหมทันที เมื่อถึงคุ้มสายคำ สายไหมและติ่มซำได้พบกับอุ๊ยทา คนดูแลคุ้มที่ป่วยด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง และมาลัยหญิงบ้าที่อุ๊ยทาต้องดูแล บรรยากาศในคุ้มดูวังเวงน่ากลัวจนติ่มซำอยากจะหนีกลับ แต่สายไหมยืนยันว่าจะปรับปรุงบ้านและโรงงานผ้าไหมเก่าแก่ให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิปให้ได้ กลางดึกคืนนั้น สายไหมฝันเห็นเด็กมากวักมือเรียกให้ตามไปที่บึงน้ำหลังบ้าน เด็กคนนั้นชวนเธอพายเรือออกไปกลางน้ำ แต่ก่อนที่สายไหมจะลงเรือ เกิดได้ยินเสียงกรี๊ดลั่นของติ่มซำซะก่อน สายไหมเลยรีบวิ่งกลับบ้านไปหาติ่มซำ ติ่มซำละล่ำละลักบอกว่าได้ยินเสียงต่างๆ มากมายในฝัน ทั้งเสียงกลอง เสียงกี่ทอผ้าที่ขยับโครมคราม เสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือเป็นภาษาคำเมือง สายไหมเลยปลอบใจว่า ติ่มซำ คิดฟุ้งซ่านไปเอง วันรุ่งขึ้นเรวัติ พ่อเลี้ยงหนุ่มเจ้าของโรงแรมได้ข่าวว่าสายไหมจะมาพัฒนาคุ้มสายคำและโรงทอผ้าไหมเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เขาจึงมาหาและทำเป็นชื่นชมในความคิดของเธอ แต่ความจริงเรวัติอยากจะเป็นเจ้าของคุ้มสายคำมากกว่า แต่ระหว่างที่สายไหมและเรวัติกำลังเดินดูโรงงานทอผ้าด้วยกัน จู่ๆ เธอก็หลงเข้าไปในห้องเก็บผ้าโบราณ สายไหมลองเปิดดูแล้วเกิดเหตุการณ์ประหลาดคล้ายถูกผลักลงไปในหีบ แล้วสายไหมก็ติดอยู่ในนั้นไม่สามารถออกมาได้ พรรษามาที่คุ้มสายคำเพราะนัดกับติ่มซำ เพื่อแลกกระเป๋าเดินทางที่สลับกันที่สนามบิน ทำให้รู้เรื่องที่สายไหมหายตัวไป เลยช่วยกันออกตามหา แล้วพรรษาก็ช่วยสายไหมออกมาได้ทันก่อนที่เธอจะเป็นอันตราย คืนต่อมาสายไหมได้พบกับเด็กชายอีกครั้ง เด็กพายเรือพาสายไหมออกไปกลางน้ำแล้วจู่ๆ เรือก็คว่ำ เด็กจมน้ำหายไป สายไหมรีบกระโดดลงน้ำตามไปช่วย แต่เด็กกลับดึงสายไหมลงไปใต้น้ำ เธอพยายามดิ้นรนจะเกือบจะหมดสติ แต่จู่ๆ เด็กกลับปล่อยร่างของเธอลอยขึ้นมา พอสายไหมรอดมาได้ก็ไปคาดคั้นจนอุ๊ยทาต้องเล่าความจริงให้ฟังว่า เด็กคนนั้นคือชื่อจุ่น เป็นลูกชายของมาลัยที่หายไปตั้งแต่ยังเด็ก มีคนเห็นวิญญานจุ่นแถวบึงน้ำบ่อยๆ เชื่อกันว่าจุ่นคงไปเล่นซนแล้วตกน้ำตายโดยไม่มีใครรู้ ติ่มซำกลัวจนสติแตกรีบเก็บของจะกลับกรุงเทพให้ได้ แต่สายไหมมั่นใจว่าจุ่นไม่ได้คิดจะทำร้ายเธอ แต่ต้องการให้เธอลงไปใต้น้ำเพื่อเหตุผลอะไรบางอย่าง สายไหมจึงขอให้พรรษามาช่วยเธอค้นหาความจริง พรรษาชวนดาบสนิท นายตำรวจคู่หู มาช่วยกันค้นหาบางอย่างใต้บึงน้ำ แล้วพรรษาก็เจอหีบไม้ขนาดใหญ่จมอยู่ใต้โคลนก้นบึง ซึ่งลักษณะของหีบเหมือนกับหีบใส่ผ้าโบราณในโรงทอผ้าไหม แต่ฝาหีบถูกปิดล็อคไว้อย่างแน่นหนา พอเปิดหีบออกทุกคนก็ตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อพบว่าในหีบคือร่างของหญิงสาวในชุดฟ้อนเล็บ ศพนั้นเน่าเปื่อยจนหมดสภาพ เหลือสิ่งที่เป็นหลักฐานคือชุดผ้าไหม เล็บที่ทำจากทองเหลือง และทับทิมสยามเม็ดงามตกอยู่ก้นหีบ ในเมื่อสภาพการณ์บ่งชัดว่าเป็นการฆาตกรรม พรรษาจึงต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง เขาขอเก็บหีบเอาไว้เพื่อเป็นหลักฐาน รวมทั้งทับทิมเม็ดนั้น เพราะเป็นไปได้ว่าอาจเป็นของฆาตกร ข่าวลือแพร่สะพัดออกไป ชาวบ้านต่างเชื่อกันว่าศพในหีบคือผีแม่หญิงเอื้องจันทร์ ประกอบกับมีคนเห็นผีสาวในชุดช่างฟ้อนเล็บ มวยผมสูง หน้าขาวซีด สวมเล็บสีทองออกอาละวาดหลอกผู้คนจนเป็นข่าวลงหนังสือพิมพ์ ทำเอาชาวบ้านหวาดกลัวกันไปใหญ่ เรวัติเห็นเป็นโอกาสดี เลยเสนอซื้อคุ้มสายคำต่อจากสายไหมทันที ติ่มซำเลยช่วยเรวัติกล่อมให้สายไหมขายบ้านและที่ดินเพื่อจะได้กลับกรุงเทพ แต่สายไหมและพรรษารู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล จึงคอยสังเกตการณ์จนในที่สุดก็จับสาวชาวบ้านที่ปลอมเป็นผีเอื้องจันทร์ได้ หญิงคนนั้นสารภาพว่าเรวัติเป็นคนจ้าง ฝ่ายเรวัติพอรู้ว่าโดนจับได้ ก็รีบไปทำลายหลักฐานด้วยการเผาหีบเอื้องจันทร์ทันที แต่เรวัติกลับโดนอิทธิฤทธิ์ผีเอื้องจันทร์ทำร้ายจนตาย ด้านสายไหมก็เริ่มโดนผีเอื้องจันทร์ทำร้ายด้วยวิธีการต่างๆ พอเดือนวาดรู้เรื่องผีเอื้องจันทร์มาทำร้ายสายไหม เธอก็สั่งให้บุญตาหาวิธีปราบจนสำเร็จด้วยการสะกดวิญญาณแล้วเผาทำลายหีบ ทุกคนโล่งใจที่กำจัดผีเอื้องจันทร์ได้ แต่หารู้ไม่ว่าวิญญานของเอื้องจันทร์ได้เข้าสิงสู่ร่างของสายไหมเรียบร้อยแล้ว พรรษาที่กลับกรุงเทพไปกราบหลวงพ่อวรุณที่รับอุปการะเขาตั้งแต่เด็ก และบังเอิญเล่าเรื่องที่คุ้มสายคำให้หลวงพ่อฟัง จึงได้รู้ความจริงบางอย่างเกี่ยวกับเอื้องจันทร์ ทำให้พรรษาเชื่อว่าคนในครอบครัวของสายไหมน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของเอื้องจันทร์ และเขาต้องสืบหาความจริงเรื่องนี้ให้ได้ก่อนที่สายไหมจะเป็นอันตรายมากกว่านี้ อาทิตย์ต่อมาในงานเดินแฟชั่นผ้าไหมประจำปีของบริษัท ผ้าไหมสายคำ ที่โรงแรมหรู สายไหมกับติ่มซำเป็นคนจัดงานนี้ งานแฟชั่นโชว์ดำเนินไปอย่างราบรื่น จนมาถึงโชว์ชุดพิเศษที่ติ่มซำเตรียมไว้ แต่แล้วจู่ๆ ทุกคนก็ต้องช็อคเมื่อมีเสียงกลองดังก้องกังวานจนแสบหู มีแสงสว่างจ้าที่กลางเวที ซ้ำร้ายยังมีหีบผ้าไหมขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ท่ามกลางความตื่นตระหนกของทุกคนในงาน สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อฝาหีบเปิดออก ร่างของช่างฟ้อนคนหนึ่งค่อยๆ ก้าวออกมาจากหีบ ทุกคนตกใจมากที่ช่างฟ้อนคนนั้นคือสายไหม ซึ่งนั่นหมายความว่าเอื้องจันทร์ได้ยึดร่างของสายไหม เพื่อจะได้แก้แค้นทุกคนที่ทำร้ายเธออย่างสาสม แล้วจะมีใครบ้างที่ต้องสังเวยความแค้นนี้ด้วยชีวิต? แล้วพรรษาจะช่วยชีวิตสายไหมให้รอดจากเงื้อมมือของเอื้องจันทร์ได้หรือไม่?
กุหลาบซาตาน (2554/2011) 15 ปีก่อน โชค ชนารณพ (เจมส์-เรืองศักดิ์) ฆ่าครอบครัวเจ้าของที่ดินอันประกอบ ด้วยพ่อ แม่ กับลูกสองคน เพื่อชิงเอาที่ดินมาทำโรงแรม Blue Ocean Marina อันเป็นจุดเริ่มต้น ทำให้เขามีธุรกิจโรงแรมที่ยิ่งใหญ่มาจนทุกวันนี้ ชัช (กัปตัน-ภูธเนศ)น้องชายของโชคไม่เห็นด้วยกับการทำธุรกิจแบบมาเฟียของโชค จึงพยายามห้ามปรามและสอนให้ ชินภัทร (นิว-ชัยพล) ลูกชายคนเดียวของโชคเติบโตขึ้นมาเป็นคนดี เพื่อลบล้างความผิดบาปของครอบครัว ล่าสุดโชคได้สังหารเจ้าของที่ดินเพื่อแย่งชิงโฉนดที่ดินผืนงามที่ ส.ส. ปฐวี เลิศวิทยา (หนุ่ม-อรรถพร) หมายตาเอาไว้ จึงทำให้ทั้งสองเกิดความขัดแย้งกัน วันหนึ่งโชคและครอบครัวกำลังพักผ่อนอยู่ในเรือยอช์ท มีชายคนหนึ่งบุกเข้ามาสังหารโชคถึงบนเรือ แต่คนที่รับเคราะห์แทนกลับเป็นภรรยาของโชคแม่ของชินภัทรที่ต้องตายแทน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโชคเข้าใจว่าเป็นฝีมือของปฐวี มือสังหารหายตัวไปอย่างลึกลับ ชัชเกรงว่าจะเกิดการลงมือซ้ำ เพื่อความปลอดภัยเค้าจึงส่งชินภัทรไปเรียนต่อการบริหารจัดการโรงแรม ที่ SHMS สวิสเซอร์แลนด์ ที่โรงเรียนชินภัทรได้พบกับเพื่อนคนไทย คือ พีชญา (นท พนายางกูร), ภูษณะ (จูเนียร์-กรวิชญ์) และ ไปรมา (พลอย-ธนิดา) ลูกสาวของปฐวี ไปรมาตั้งตัวเป็นศัตรูกับชินภัทรทันทีที่เห็นหน้า เพราะได้รับการบอกเล่ามาจากพ่อของเธอ ว่าพ่อของชินภัทรเป็นมาเฟีย ระหว่างที่ชัชไม่อยู่โชคพาคนไปข่มขวัญปฐวีถึงที่ทำการพรรค ทำให้ปฐวีโกรธมาก และทำให้ไปรมากับชินภัทรขัดแย้งกันมากขึ้น ชัชได้พบกับ โรส ฮอลเลอร์ (บี-น้ำทิพย์) หญิงสาวลึกลับผู้มีสัมผัสพิเศษ มองเห็นอันตรายล่วงหน้าได้ เธอมาเตือนชัชว่าโชคกำลังถูกปองร้ายจากบาปกรรมที่เขาทำเอาไว้ โชคไม่เชื่อโรสและไม่ถูกชะตากับโรสอย่างแรง ในขณะที่ชัชเองกลับเชื่อทุกอย่างที่โรสพูดและหลงรักโรส ทำให้โชคกับชัชเริ่มไม่ลงรอยกัน เพราะโชคเชื่อว่าโรสมีเจตนาร้าย ชัชพาโรสบินไปสวิสเพื่อจัดงานวันเกิดให้ชินภัทร โดยที่ไม่มีใครคาดฝันมือสังหารคนเดิมบุกมาจับตัวชินภัทรในงาน แต่ไม่สำเร็จชัชไล่ยิงมือสังหารจนตกทะเลสาบไป ไม่มีใครพบร่างของมือสังหาร พบแต่เสื้อคลุมที่มีรอยถูกยิงหลายนัด ทุกคนสันนิษฐานว่ามือสังหารน่าจะเสียชีวิต แล้วจมหายไปในทะเลสาบเจนีวา แต่จริง ๆ แล้วมือสังหารไม่ตาย วีณา เฟลแมน (แป้ง-อรจิรา) สาวไทยที่แต่งงานกับหนุ่มสวิสช่วยชีวิตเขาเอาไว้ แล้วพบว่าเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของตัวเอง วีณาจึงให้เขาหลบภัยอยู่ที่บ้านของเธอด้วยความสงสาร ชินภัทรและเพื่อน ๆ พบร่องรอยของมือสังหาร ที่แอบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านวีณา ชัชจึงเดินทางกลับไปสวิสอีกครั้งเพื่อจับตัวมือสังหารให้ได้ เมื่อวีณารู้ความจริงว่ามือสังหารคือ กงพัด (แบงค์-ปรีติ) คนร้ายที่ตำรวจล่าตัว วีณาจึงพาเขาหนีทันเวลาก่อนที่ชัชจะมาถึง วีณาพากงพัดกลับเมืองไทย และเพื่อตามหาอดีตของกงพัด กงพัดได้พบกับโรสเธอบอกให้เขารู้ว่าเขาคือใคร และบอกเหตุผลที่เขาต้องฆ่าโชค แต่วีณาไม่ยอมให้กงพัดฆ่าคนอีก ในเมื่อเขาลืมทุกอย่างไปหมดแล้ว กงพัดตัดสินใจไม่ถูกว่าควรจะทำอย่างไร ในที่สุดความจริงก็เปิดเผย เมื่อชัชและชินภัทรรู้ปูมหลังของกงพัด ทั้งคู่ได้รับรู้ความชั่วร้ายในอดีตของโชค เช่นเดียวกับไปรมาที่ได้รับรู้เบื้องหลังอันโสมมของปฐวี ความผิดบาปที่ทำเอาไว้ในอดีต เป็นหน้าที่ของใครที่จะลงโทษ เป็นหน้าที่ของใครที่จะชดใช้ อะไรคือความยุติธรรม อะไรคือความถูกต้อง ชีวิตต้องล้างด้วยชีวิตจริงหรือไม่ ? วงจรแห่งความชั่วร้ายนี้จะจบลงอย่างไร? ติดตามชมได้ใน ละครกุหลาบซาตาน
อาทิตย์ชิงดวง (2552/2009) รังสี สุริยาทิตย์ (เปี๊ยก พิศาล อัครเศรณี) เป็นทายาทคนเดียวของตระกูลสุริยาทิตย์ เจ้าของศูนย์การค้า The Sun ในวัยหนุ่มรังสีเจ้าชู้มาก เขาแอบมีความสัมพันธ์กับแสงหล้า (สุรัตนา ข้องตระกูล) สาวชาวบ้าน ทั้งที่ตัวเองมีคนรักและคู่หมั้นหมายเป็นสาวสวยที่มีฐานะเท่าเทียมกันอยู่แล้ว คือ ปานระวี (สินจัย เปล่งพานิช) แสงหล้าเองไม่รู้เรื่องปานระวีมาก่อน วันหนึ่งเมื่อเธอได้ข่าวว่ารังสีจะแต่งงาน แสงหล้าจึงต่อว่ารังสีและหนีไปด้วยความเสียใจ รังสีจึงได้แต่งงานกับปานระวีตามที่ครอบครัวได้หมั้นหมายไว้โดยไม่มีอุปสรรค หลังจากนั้นไม่นาน แสงหล้าก็รู้ตัวว่าตั้งท้องจึงเขียนจดหมายไปหารังสีเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ปานระวีมาเห็นซะก่อน เลยรู้ว่ามีผู้หญิงคนอื่นตั้งท้องลูกของรังสี ปานระวีจึงเกรงว่ารังสีจะเอาผู้หญิงคนนี้มาแทนที่เธอ ปานระวีแอบเดินทางไปพบแสงหล้าที่กำลังเดือดร้อนแสนสาหัส เธอเสนอให้เงินก้อนใหญ่กับแสงหล้าเพื่อนำไปตั้งต้นชีวิตใหม่ แลกกับการที่แสงหล้าจะต้องกำจัดเด็กในท้อง ปานระวีบีบคั้นแสงหล้าจนไม่มีทางเลือก ถึงขั้นพาแสงหล้าไปส่งถึงคลินิคด้วยตนเอง ขณะเดียวกันรังสีก็กำลังกลุ้มใจเนื่องจากหมอดูทำนายว่า ตระกูลสุริยาทิตย์จะจบสิ้นลงที่เขาเป็นคนสุดท้าย รังสีต้องการให้ปานระวีให้กำเนิดลูกชายแก่เขา แต่ปานระวีรู้ดีว่าเธอเป็นหมัน ด้วยความกลัวว่ารังสีจะทอดทิ้งเธอไปมีภรรยาใหม่ ปานระวีจึงปกปิดความลับนี้เอาไว้ มีเพียง เนื่อง (ปนัดดา โกมารทัต) คนรับใช้คนสนิทเท่านั้นที่รู้ เมื่อปานระวีเดินทางกลับมาถึงบ้าน ก็ได้รับข่าวร้ายว่ารังสีประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ร่างกายท่อนล่างบาดเจ็บสาหัสขยับเขยื้อนไม่ได้ ปานระวีได้แต่แอบเสียใจในเคราะห์กรรมที่เกิดขึ้น จนเวลาผ่านไปสองปีร่างกายท่อนล่างของรังสีก็พิการถาวร รังสีไม่สามารถให้กำเนิดทายาทได้ จึงหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ปานระวีจึงรับเด็กชายกำพร้าคนหนึ่งมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ตั้งชื่อให้ว่า ภาสกร (ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) ปานระวีและรังสีช่วยกันเลี้ยงดูภาสกรเหมือนลูกแท้ๆ คนหนึ่ง โดยหวังให้ภาสกรเป็นทายาทสืบสกุลสุริยาทิตย์ต่อไป โดยไม่ใส่ใจต่อคำนินทาของวงศาคณาญาติ ที่ไม่ต้องการให้มรดกมหาศาลของรังสีตกไปสู่เด็กกำพร้าอย่างภาสกร ปานระวีจึงต้องคอยปกป้องภาสกรอย่างเต็มที่ โดยมี โชติ (อนุวัฒน์ นิวาตวงศ์) ทนายความคนสนิทของรังสี เพื่อนเก่าของเธอเป็นผู้ช่วยเหลือ เพราะนอกจากโชติจะภักดีต่อตระกูลสุริยาทิตย์แล้ว โชติยังแอบชอบปานระวีอยู่เงียบๆ ยี่สิบปีผ่านไป ที่ จ.ลำพูน รังรอง (พิยดา อัครเศรณี) สาวแสบประจำโรงงาน ที่ยากจนต่อสู้ชีวิตแบบปากกัดตีนถีบ และพร้อมจะมีเรื่องกับทุกคนที่มาขวางทางเธอ รังรองต้องหาเงินไปเลี้ยงแม่ของเธอ ที่ติดเหล้าจนป่วยเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง ซึ่งก็คือแสงหล้านั่นเอง วันหนึ่งรังรองกลับบ้านพบแสงหล้ากำลังเมาอาละวาดมากกว่าทุกครั้ง เพราะได้เห็นข่าวการเดินทางกลับมาเมืองไทยของภาสกรทายาทพันล้านของตระกูลสุริยาทิตย์ รังรองประหลาดใจว่าทำไมแสงหล้าจึงได้ผูกใจเจ็บพวกสุริยาทิตย์ แสงหล้าจึงเล่าเรื่องราวในอดีตให้รังรองฟัง แล้วบอกว่ารังรองคือทายาทที่แท้จริงของสุริยาทิตย์ ที่ปานระวีพยายามจะกำจัดไปตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลก แสงหล้าขอให้รังรองไปแก้แค้น ไปทวงทุกอย่างที่ควรจะเป็นของเธอคืนมา พูดจบแสงหล้าก็สิ้นใจ รังรองเผาศพแสงหล้าด้วยความแค้น เธอตัดสินใจจะเดินทางไปบ้านสุริยาทิตย์ และเป้าหมายอันดับหนึ่งของเธอก็คือ ปานระวี!! ขณะเดียวกันที่บ้านสุริยาทิตย์มีการจัดงานเลี้ยงต้อนรับภาสกร ในงานนี้รังสีตั้งใจจะประกาศยกสมบัติให้กับปานระวีและภาสกรคนละครึ่ง บรรดาญาติๆ ที่มาร่วมงานต่างพากันอิจฉาตาร้อน หนึ่งในจำนวนนั้นมี เพียงพร (พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา) ญาติห่างๆ ของสุริยาทิตย์และ เพียงสูรย์ (ป๊อป คำเกษม) ลูกชายของเธอ ที่ถึงแม้จะเป็นญาติ แต่เพียงสูรย์กลับได้ทำงานอยู่ใน The Sun ในตำแหน่งหัวหน้าแผนกเล็กๆ ต่างจากภาสกรที่เป็นเพียงเด็กกำพร้า กลับจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างไป แต่ด้วยความเกรงใจปานระวี เพียงสูรย์จึงได้แต่เก็บความคับแค้นใจเอาไว้ ผิดกับนภา (วราพรรณ หงุ่ยตระกูล) และฟ้ารุ่ง (อคัมย์สิริ สุวรรณศุข) สองแม่ลูก ที่มาแสดงความยินดีจนออกนอกหน้า เพราะนภาตั้งใจให้ฟ้ารุ่งจับภาสกรเพื่อหวังสมบัติอยู่แล้ว ติดตรงที่ปานระวีรู้ทันคอยเป็นก้างขวางคออยู่ ระหว่างที่งานดำเนินไปรังรองก็มาปรากฏตัวขึ้น แต่เนื่องจากเธออยู่ในชุดไว้ทุกข์ที่เก่าซ่อมซ่อ เนื่องจึงไม่ยอมให้เธอเข้าไปในงาน รังรองยืนยันจะเข้าไปให้ได้ เธอประกาศตัวว่าเธอชื่อรังรองเป็นลูกแม่แสงหล้า และต้องการมาพบรังสีผู้เป็นพ่อ เนื่องตกใจมากเมื่อได้ยินชื่อแสงหล้า เลยรีบไปรายงานปานระวี ปานระวีตกใจมากเช่นกัน รังรองเข้าไปปรากฏตัวในงาน ระหว่างที่รังสีกำลังประกาศยกสมบัติให้ปานระวีและภาสกร รังรองก็ประกาศว่าตัวเธอคือลูกของรังสี ลูกคนเดียวที่สืบสายเลือดสุริยาทิตย์ที่แท้จริง! การปรากฏตัวของรังรองสร้างความแตกตื่นให้กับทุกคนในงาน รังสีถึงกับเป็นลมปานระวีให้โชติจัดการเอาตัวรังรองออกไปจนได้ แต่รังรองยืนยันว่าเธอจะไม่ไปไหนจนกว่าจะได้รับการยอมรับจากรังสี รังสีฟื้นขึ้นมาเขาขอพบหน้าเด็กสาวที่อ้างตัวเป็นลูก รังรองเล่าเรื่องที่เธอรู้มาจากแสงหล้า และแสดงหลักฐานคือแหวนที่เขาเคยให้แสงหล้าเอาไว้ ทำให้รังสีเชื่อสนิท และเนื่องจากรังสีไม่เคยมีลูกที่สืบสายเลือดจากตัวเขาจริงๆ เขาจึงยินดียอมรับรังรองเป็นลูกอย่างง่ายดายด้วยความเต็มใจ โดยไม่ต้องการตรวจดีเอ็นเอ รังรองย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านสุริยาทิตย์ ด้วยความเคียดแค้นปานระวี ที่ทำให้เธอต้องตกระกำลำบากมาตั้งแต่เกิด รังรองบอกกับตัวเองว่า สิ่งที่เธอต้องการมิใช่เพียงเท่านี้แต่เธอต้องการทั้งหมดของสุริยาทิตย์ และเธอสาบานกับดวงวิญญานของแสงหล้าว่าเธอจะทำทุกอย่าง ให้ปานระวีต้องสูญเสียและตกต่ำ อย่างที่ครั้งหนึ่งแสงหล้าเคยเป็น ปานระวีเองก็ไม่ไว้ใจรังรอง เธอสั่งให้โชติไปสอบประวัติของรังรองและแสงหล้าที่ลำพูน จนรู้ว่ารังรองมีประวัติไม่ดี ทั้งทะเลาะวิวาทลักเล็กขโมยน้อย แถมแสงหล้าก็ไม่ได้ตรอมใจตายอย่างที่รังรองเล่า แต่ตายด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง ปานระวีจึงรู้ความจริงว่ารังรองเป็นจอมโกหกมารยาอย่างร้ายกาจคนหนึ่ง ทำให้เธอยิ่งระแวงรังรองและอยากจะกำจัดไปให้พ้นมากยิ่งขึ้น แต่ติดตรงที่ว่ารังสีเห่อลูกสาวคนใหม่มาก ทำให้ปานระวียังไม่สามารถกำจัดรังรองได้ ขณะเดียวกันเมื่ออยู่ลับหลังรังสี รังรองก็แผ่อำนาจใส่ปานระวีอย่างเต็มที่ จนปานระวีทนไม่ไหวแก้เผ็ดรังรองคืนบ้าง แต่รังรองกลับบีบน้ำตาใส่รังสี จนปานระวีกลายเป็นฝ่ายผิดไปในที่สุด ปานระวีได้แต่เจ็บแค้นใจ ภาสกรแอบสังเกตพฤติกรรมของรังรองด้วยความไม่ไว้ใจ เพราะเขารู้สึกได้ว่าเธอไม่ได้เป็นสาวบ้านนอกใสซื่ออย่างที่แกล้งทำ รังรองจับได้ว่าเขาคอยสอดแนมเธอ จึงพลอยพาลไม่ชอบหน้าภาสกรไปด้วยอีกคน การปรากฏตัวของรังรองไม่เพียงแต่จะสร้างความวุ่นวายในบ้านสุริยาทิตย์เท่านั้น นภากับฟ้ารุ่งต่างเดือดเนื้อร้อนใจ เกรงว่ารังรองจะมาแย่งสมบัติจากภาสกร จึงประกาศตัวเป็นศัตรูกับรังรองอย่างออกนอกหน้า แต่เพียงสูรย์กลับยินดีที่ภาสกรมีคู่แข่ง เขาคิดว่าเธอเป็นสาวบ้านนอกซื่อๆ โง่ๆ จึงวางแผนหลอกใช้เธอเป็นเครื่องมือ ด้วยการเข้ามาตีสนิทและยุยงให้รังรองจัดการเขี่ยภาสกรให้พ้นทาง และยังหว่านเสน่ห์กับรังรองด้วย เพราะเขาคิดว่าเมื่อรังรองได้สมบัติมาแล้ว เขาจะแต่งงานกับเธอเพื่อฮุบทุกอย่างมาเป็นของตน รังรองรู้ทันเพียงสูรย์แต่เธอต้องการผู้ช่วยในการต่อกรกับปานระวี จึงแสร้งทำเป็นหัวอ่อนเชื่อคำยุยงของเพียงสูรย์ ไม่นานรังรองก็ขอร้องให้รังสีประกาศรับตนเป็นลูกอย่างออกหน้าออกตา เพื่อลบล้างปมด้อย รังสียอมตามใจรังรองทำให้ปานระวีเสียหน้ามาก นอกจากนั้นรังรองยังขอไปทำงานที่ The Sun โดยอ้างว่าต้องการทำความรู้จักกับธุรกิจของครอบครัว รังสีอนุญาติทำให้ปานระวีไม่พอใจมาก จนมีปากเสียงกับรังสี โชติเตือนปานระวีให้สงบใจ ถึงแม้ว่ารังรองจะเป็นลูกนอกสมรส แต่เธอก็มีสิทธิ์ในสมบัติของสุริยาทิตย์เช่นกัน การที่เธอต้องการมีส่วนร่วมในธุรกิจของครอบครัวบ้าง ไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่ปานระวีเชื่อว่าคนอย่างรังรองต้องมีจุดประสงค์ร้าย ซึ่งก็จริงเพราะรังรองต้องการอยู่ใกล้ปานระวี เพื่อหาโอกาสทำลายเธอ
พรุ่งนี้ไม่สาย...ที่จะรักกัน (2548/2005) ฝ้ายแก้ว เด็กสาวจากเพชรบุรี ตัดสินใจเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพฯ โดยมาอาศัยอยู่กับ ทักษ์ ลูกชายของ ทินกร พ่อหม้ายลูกติดที่มาแต่งงานกับ ฝน พี่สาวของฝ้าย ทำให้ฝ้ายมีศักดิ์เป็นน้าของทักษ์ ทั้งที่ทั้งคู่ต่างมีอายุเท่ากัน ด้วยความที่ฝ้ายเป็นคนช่างพูด และชอบเจ้ากี้เจ้าการไปในทุกๆ เรื่อง ทำให้ผู้ชายที่ทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวมาตลอดอย่างทักษ์รำคาญในบางครั้ง ทั้งสองคนมักจะทะเลาะกันบ่อยๆ ฝ้ายยังคอยดูแลอาหารการกินของทักษ์กับ ทราย น้องสาย และยังช่วยทักษ์ขายเสื้อผ้าที่แผงข้างถนนด้วย ทักษ์เรียนและทำงานควบคู่กันไปด้วย เพื่อส่งเสียน้องสาวคนเดียวคือทราย ให้ได้เรียนในมหาวิทยาลัยเอกชน ทรายเป็นเด็กขี้อายและไม่มั่นใจ เธอมีความลับในใจก็คือ การแอบหลงรัก กวินทร์ รุ่นพี่หนุ่มสุดฮอต ติดตามต่อได้ใน พรุ่งนี้ไม่สายที่จะรักกัน
บ้านเราจงเจริญ (2550/2007) เทศกาล ปีใหม่ย่างกรายเข้ามา หลายต่อหลายชีวิตในกรุงเทพฯ กำลังอยู่ในบรรยากาศแห่งความสุขและการเฉลิมฉลองที่ RCA ย่านบันเทิงที่เต็มไปด้วยแสงสีและความสนุกสนาน จ๋อมแจ๋ม ในชุดซานตี้สาวสุดเซ็กซี่กับเพื่อนๆ กำลังทำงานกันอย่างเหน็ดเหนื่อย หน้าที่ของพวกเธอก็คือการเดินแจกสินค้าตัวอย่างให้กับผู้คนที่มาเที่ยวกลาง คืน แจ๋มเป็นหญิงสาวหน้าตาดีที่อยากเป็นดารา เลยไปสมัครงานที่โมเดลลิ่งของ เจ๊หมิวแต่สุดท้ายหางานทำไม่ได้ เจ๊หมิวเลยพาแจ๋มมารับจ๊อบเดินแจกสินค้า แจ๋มทั้งเมื่อย เหนื่อย และหิว เมื่อเธอถูกเจ๊หมิวหักค่าแรงเพราะแจกของไม่หมดแจ๋มเลยโมโห เอาถุงซานตี้ทุ่มใส่เจ๊หมิวก่อนขอลาออก แต่โชคร้ายถุงอัดเข้าดั้งพลาสติกของเจ๊หมิว เลือดกำเดาสาดกระจายแจ๋มวิ่งหนีเจ๊หมิวไปหลบที่ท้ายรถกะบะจนเผลอหลับไป เจ้าของรถคันนั้นคือ วิทย์ นายหน้าขายที่ดินจอมกะล่อน ใช้เงินเกินตัวจนเป็นหนี้บานเบอะ เจ้าหนี้เลยบุกมาอุ้มที่งานปาร์ตี้ วิทย์หนีออกมาได้อย่างหวุดหวิดแล้วขับรถหนีกลับบ้านที่ต่างจังหวัด โดยไม่รู้ว่าที่ท้ายรถมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญติดมาด้วย วิทย์เกิดวูบหลับ รถเสียหลักแฉลบลงคูน้ำข้างทาง แจ๋มตกใจตื่นขึ้นมาร้องลั่น วิทย์ก็ตกใจที่เห็นผู้หญิงแปลกหน้าติดรถมาด้วย แจ๋มมองไปรอบตัวเห็นทุ่งนาโล่งเตียนก็โวยวายลั่น วิทย์บอกแจ๋มว่าที่นี่คือ ระหว่างนั้น เฮียโอ่ง กับเจ๊อึ่ง คนแถวบ้านของวิทย์ผ่านมาเจอ เลยรับวิทย์กับแจ๋มเข้าหมู่บ้านไป อบต.สนอง พ่อของวิทย์แปลกใจที่วิทย์กลับบ้าน โดยไม่บอกล่วงหน้า แถมยังพาผู้หญิงมาด้วย วิทย์ไม่กล้าบอกพ่อเรื่องที่หนีเจ้าหนี้มา เลยโกหกว่าเขากับแจ๋มเป็นแฟนกัน เฮียโอ่งกับเจ๊อึ่งสองผัวเมียเป็นเจ้าของร้านขายของชำเมาท์กันซะข่าวนี้ลือ กระฉ่อนไปทั่ว อบต.สนองจัดงานทำบุญปีใหม่ที่วัด ชาวบ้านพากันมาร่วมงานเพราะอยากดูหน้าแจ๋ม รวมไปถึงสายชล ชายหนุ่มที่เรียนจบจากกรุงเทพฯ แล้วกลับมาทำเกษตรที่บ้านเกิด แจ๋มสนิทกับสายชลอย่างรวดเร็วจนวิทย์อดหมั่นไส้ไม่ได้ น้ำอ้อย พัฒนากรสาวแก่นกะโหลก ลูกสาวของเฮียโอ่งและเจ๊อึ่งที่แอบชอบสายชลอยู่ เห็นแจ๋มใกล้ชิดสายชลก็อดหมั่นไส้ไม่ได้เหมือนกัน จึงตั้งตัวเป็นศัตรูกับแจ๋มทันที ส่วนวิทย์เครียดเพราะโดนเจ้าหนี้ขู่จะเอาชีวิต วิทย์ไม่รู้จะหาเงินจากที่ไหน แต่ในงานบุญนี้เองที่วิทย์ได้พบทางออก ที่อำเภอจงเจริญมีพื้นดินกันดารแห้งแล้งจนชาวบ้านขายที่ดินไปอยู่ในเมือง สายชลพยายามบอกชาวบ้านรักษาที่ดินเอาไว้ แต่ก็ลำบากเพราะมีโรงงานอุตสาหกรรมมากว้านซื้อที่ดินไปทำโกดังเก็บสารพิษ วิทย์จึงคิดเอาที่ดินของพ่อไปขายเพื่อเอาค่านายหน้าไปใช้หนี้ แต่เรื่องไม่เป็นอย่างที่หวัง เพราะสายชลทดลองทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวทางพระราชดำริของในหลวง เขาทำในที่ดินของเขาเองแล้วได้ผลดี จึงชวนชาวบ้านให้ทำตาม และโน้มน้าว อบต.สนอง ซึ่งมีที่ดินอยู่หลายสิบไร่ให้ทำเป็นแบบอย่างเพื่อให้ชาวบ้านเกิดความเชื่อ มั่น แต่ความคิดของสายชลสวนทางกับวิทย์ เมื่ออบต.สนองตกปากรับคำสายชล วิทย์จึงพยายามขัดขวาง สายชลเริ่มขุดสระในที่ดินของ อบต.สนอง โดยมีน้ำอ้อยคอยช่วยเหลือ วิทย์อาสาเข้าไปช่วย อบต.สนองเลยให้แจ๋มตามไปช่วยวิทย์ แจ๋มชื่นชมสายชลและวิทย์ แต่เธอไม่รู้ว่าวิทย์มีแผนสกปรก น้ำอ้อยสังเกตเห็นพิรุธบางอย่างในตัววิทย์จึงบอกสายชล แต่สายชลไม่เชื่อในที่สุดวิทย์ก็ทำสำเร็จ สายชลทำงานไม่สำเร็จตามที่ อบต.สนองกำหนดไว้ จึงยอมรับความพ่ายแพ้ วิทย์เตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ แจ๋มรู้สึกอาลัยอำเภอจงเจริญ วิทย์ มาถึงกรุงเทพฯ และเตรียมรับเงินจากการขายที่ดิน แจ๋มรู้ถึงแผนร้ายของวิทย์ เธอเสียใจมากที่วิทย์เห็นแก่ตัวคิดทำลายบ้านเกิด จึงทะเลาะกับวิทย์อย่างรุนแรง พอวิทย์คิดได้มันก็สายไปเสียแล้ว อบต.สนองและชาวบ้านได้รับข่าวร้ายว่าบ้านเกิดกำลังจะเปลี่ยนไปเป็นโรงเก็บ สารพิษ สายชลขอโทษน้ำอ้อยที่ไม่เชื่อเธอตั้งแต่แรก ฝ่ายวิทย์ที่สำนึกตัวแล้วจะเข้ามาช่วยเหลือบ้านเกิดของเค้ายังไง ? และบทสรุปความสัมพันธ์ระหว่างวิทย์กับแจ๋มจะลงเอยอย่างไร ?
สกุลกา (2552/2009) ดวง (รัชนีกร พันธ์มณี) สาวใช้ในบ้านเศรษฐีตระกูลกาญจนโรจน์ แอบมีความสัมพันธ์กับรัตน์ (อนุวัฒน์ นิวาตวงศ์) ลูกชายเจ้าของบ้านจนตั้งท้อง พอแม่ของรัตน์รู้จึงบังคับให้ดวงทำแท้ง ดวงจึงต้องหนีมาอาศัยอยู่กับสุดา (ณหทัย พิจิตรา) พี่สาวที่บ้านเช่าในสลัม สุดามีอาชีพรับจ้างซักรีดมีรายได้เดือนละไม่กี่พัน เมื่อดาว (วรรณรท สนธิไชย) ลูกสาวของดวงเกิดมา ก็ป่วยหนักต้องใช้เงินมากมายในการรักษา ดวงไม่มีเงินจึงจำต้องขายตัวหาเงินมารักษาลูก และตั้งแต่นั้นเธอก็ทำงานเป็นหญิงบริการเรื่อยมา เพื่อเก็บเงินส่งเสียให้ลูกเรียนโรงเรียนดีๆ แต่ดวงก็ละอายใจเกินกว่าจะให้ลูกเรียกเธอว่าแม่ จึงขอร้องให้สุดารับดาวเป็นลูกแทน จนกระทั่ง 17 ปีผ่านไป ดาวเติบโตขึ้นมาในโรงเรียนคอนแวนต์ เป็นเด็กสาวที่บริสุทธิ์งดงาม และเข้าใจว่าเธอเป็นลูกสาวของสุดา และดวงเป็นเพียงน้าสาว ติดตามต่อได้ใน สกุลกา
มารยาริษยา (2555/2012) เพียงดาว (บี น้ำทิพย์) ซูเปอร์โมเดลที่เคยผิดหวังจากความรักในอดีต จึงหันไปทุ่มเทกับงานจนกระทั่งได้มาเจอ โอม (นาวิน ต้าร์) ช่างภาพหนุ่มไฟแรง เพียงดาวกับโอมแอบคบกันด้วยความช่วยเหลือของ แต้ว (นิโคล) บก. นิตยสารโมเดล และ อู๋ (มอริส เค) เมคอัพอาร์ติสต์เพื่อนรักของ เพียงดาว ป้ากบ (ธงธง) ช่างแต่งหน้าที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเพียงดาว ได้พบกับ ดีนี่ (พิงค์กี้ สาวิกา) หญิงสาวที่ดูหัวอ่อน แต่ความจริงซ่อนความทะเยอทะยานร้ายกาจเอาไว้ โดยที่ไม่มีใครรู้ ทำให้ป้ากบสงสารเอ็นดู และคิดจะดันดีนี่ให้เป็นคู่แข่งเพียงดาว ป้ากบและดีนี่ทำทุกวิถีทางแม้กระทั่งแกล้งทำร้ายนางแบบคนอื่นให้เดินไม่ได้ เพื่อให้ดีนี่ได้ขึ้นเดินแบบ จนกระทั่งดีนี่สามารถไต่เต้าขึ้นมาเป็นนางแบบชื่อดังเป็นรองแต่เพียงดาวเท่านั้น เมื่อดีนี่พบว่าเพียงดาวรักอยู่กับโอม จึงคิดใช้โอมเป็นเครื่องมือทำลายเพียงดาว ดีนี่ปั่นหัวเพียงดาวด้วยการยั่วยวนโอม จนเพียงดาวหึงหวงและอาละวาดอยู่หลายครั้ง ทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเพียงดาวเป็นคนเจ้าอารมณ์ไม่มีเหตุผล ส่วนดีนี่เป็นผู้ถูกทำร้าย เมื่อโอมต้องไปถ่ายแบบให้ดีนี่ที่ต่างจังหวัด ดีนี่ก็พยายามยั่วยวนโอม แต่เพียงดาวตามมาพบเสียก่อนจึงเข้าไปตบดีนี่ ขากลับเพียงดาวทะเลาะกับโอมบนรถจนเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ ความสัมพันธ์ของโอมและเพียงดาวเริ่มสั่นคลอน พอ ๆ กับชื่อเสียงที่กำลังตกต่ำ ดีนี่ฉวยโอกาสที่ตนเองได้ถ่ายแบบคู่เพียงดาว เอาเศษแก้วใส่ไว้ในรองเท้าตัวเอง และใส่ร้ายว่าเพียงดาวเป็นคนทำ จนทำให้เพียงดาวเป็นที่รังเกียจและโดนแบนจากคนทั้งวงการ ถึงแม้ดีนี่จะเอาชนะเพียงดาวในเรื่องการทำงานได้ แต่เธอไม่ยอมหยุด ดีนี่ตั้งใจจะแย่งโอมจากเพียงดาวให้ได้ ในวันเกิดโอม โอมทะเลาะกับเพียงดาวจนเกือบแตกหัก เพราะดีนี่ยุยง ดีนี่ฉวยโอกาสปลอบใจโอม จนโอมเผลอใจมีความสัมพันธ์กับดีนี่ ส่วนเพียงดาวก็เสียใจ คิดว่าโอมจะทิ้งตนไปจนจะฆ่าตัวตาย โชคดีที่แต้วกับอู๋มาช่วยไว้ได้ทัน ทางด้านโอมเมื่อรู้ว่าเพียงดาวจะฆ่าตัวตายก็กลับมาหาเพียงดาว ทำให้ดีนี่ยิ่งแค้น และยุให้ อาม (กาย รัชชานนท์) น้องชายของโอมให้เกลียดเพียงดาว อามหลงรักดีนี่จึงยอมทำตามทุกอย่าง โดยที่ไม่รู้เลยว่า ฝ้าย (เบสท์ ชนิดาภา) เพื่อนสนิทแอบรักตนเอง ขณะเดียวกัน ณัฐ (ม้า อรนภา) ดีไซน์เนอร์ชื่อดังมาเปิดการแสดงแฟชั่นที่เมืองไทย ณัฐเสนอให้เพียงดาวกลับมาเดินแบบ แต่ในขณะที่เพียงดาวจะเดินแบบดีนี่กลับพูดจายั่วยุเพียงดาว และเปิดเผยว่าตนมีความสัมพันธ์กับโอม เพียงดาวผิดหวังทั้งเรื่องงานและความรักจนคุ้มคลั่งควบคุมสติไม่อยู่จนอู๋กับแต้วต้องพาเพียงดาวส่งโรงพยาบาล ดีนี่หลอกโอมว่าตั้งท้องโอมจึงยอมจำใจแต่งงานกับดีนี่ เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามชมได้ใน ละครมารยาริษยา
เงาอโศก (2559/2016) มนไท (ฌอห์ณ จินดาโชติ) ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมไปทุกอย่าง เป็นบุตรชายคนเดียวของเจ้าคุณมหัทธ์ฯ (จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์) และคุณหญิงทับทิม (ต่อง สาวิตรี สามิภักดิ์) มนไทคบหาอยู่กับวิยะดา (กรณ์ภัสสร ด้วยเศียรเกล้า) บุตรสาวของเวทย์ (ศตวรรษ ดุลยวิจิตร) และวิมล (ณหทัย พิจิตรา) ซึ่งคุณหญิงทับทิมอยากให้ทั้งสองหมั้นหมายกันก่อนที่มนไทจะไปเรียนต่อต่างประเทศ วันหนึ่ง ปี่ (ด.ญ. ชินารดี อนุพงษ์ภิชาติ) เด็กหญิงวัย 8 ขวบ แอบโดดรั้วเข้ามาในสวนหลังบ้าน มหัทธเวศม์พอดี ปี่เห็นวิยะดากำลังออดอ้อนมนไท ทำให้ปี่อดขำไม่ได้ ด้วยความอายวิยะดาไล่ตีปี่ แต่มนไทห้ามไว้และถามปี่อย่างปรานี จนรู้ว่าปี่เป็นเด็กกำพร้าอาศัยอยู่กับยายเทียม (ศันสนีย์ วัฒนานุกูล) และแอบเข้ามาเด็ดยอดต้นอโศกไปเป็นอาหาร มนไทสงสารจึงให้เงินค่าขนมปี่ไปเล็กน้อย แต่สำหรับปี่แล้วเงินจำนวนนั้นมีค่ามหาศาล และความมีน้ำใจของมนไทก็ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเธอว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณ ของเธอ เจ้าคุณมหัทธ์ฯ เป็นชายเจ้าชู้มีอนุภริยาหลายคน หนึ่งในนั้นคือนวล (ขวัญฤดี กลมกล่อม) แม่ของนุชา (กรกฎ ตุ่นแก้ว) ส่วนอีกคนคือละม่อม (นุศรา ประวันณา) มีลูกติดคือลักขณา(รัตนาภรณ์ กลิ่นกุหลาบหิรัญ) ด้วยความกลัวลักขณาจะจับมนไท คุณหญิงจึงคอยจับผิดลักขณา จนคุณเจียร (ปรารถนา สัชฌุกร) ซึ่งเป็นทั้งแม่บ้านใหญ่ และเพื่อนสนิทของคุณหญิงทับทิม ต้องเตือนมนไทให้อยู่ห่าง ๆ ลักขณา แต่มนไทไม่ได้สนใจ เพราะเขาคิดกับลักขณาแค่พี่น้อง วันหนึ่งวิยะดาขับรถชนยายเทียมถึงแก่ความตาย ทำให้ครอบครัวเวทย์ และวิมลรับปี่ไปอุปการะ และตั้งชื่อให้ใหม่ว่าปิยะฉัตร แต่ปี่ก็ยังเป็นเพียงเด็กรับใช้ในบ้าน มีเพียงวิภาวรรณ (แอริน ยุกตะทัต) น้องสาวของวิยะดาคนเดียวที่สงสารปี่ วันที่มนไทจะเดินทางไปเรียนต่อ ปี่วิ่งตามไปมอบผ้าเช็ดหน้าปักชื่อมนไทให้เป็นของขวัญ มนไทจึงหยิบเอาดอกอโศกที่ร่วงกับพื้นส่งให้ปี่เป็นของตอบแทน หลังจากนั้นเวทย์ถูกย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการที่เชียงใหม่ ทำให้ปี่ต้องย้ายตามไปด้วย ส่วนบ้านมหัทธเวศน์ก็เงียบเหงา เพราะความสัมพันธ์ของแม่ลูกเกิดแตกหัก คุณหญิงทับทิมเอาแต่นั่งร้องไห้เสียใจผสมกับความอาลัยคิดถึงที่ลูกชายไป เรียนต่อเมืองนอก หลายปีต่อมา ปี่ (เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา) ซึ่งเติบโตเป็นสาวสวย และมนไทก็เรียนจบ จึงส่งข่าวมาบอกเกื้อ (จารุวัฒน์ เชี่ยวอร่าม) ลูกพี่ลูกน้องและเป็นหมอประจำตัวคุณหญิงว่ายังไม่กลับเมืองไทย จนกว่าจะมีพร้อมทุกอย่างแล้วกลับไปแต่งงานกับวิยะดาเท่านั้น ทางด้านวิยะดากลายเป็นสาวเปรี้ยวที่สุดในเชียงใหม่ เธอลืมมนไทไปหมดแล้ว และมีเป้าหมายจะจับพ่อเลี้ยงพงศ์อินทร์ (ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) ในขณะที่มนไทยังเขียนจดหมายรักมาหาวิยะดาอยู่เสมอ โดยหารู้ไม่ว่าปี่เป็นคนคอยตอบจดหมายแทนในนามของวิยะดา แล้วยังมีผ้าพันคอเสื้อไหมพรมที่เกิดจากฝีมือของปี่ส่งไปให้มนไท วิยะดาคอยตามตื้อพงศ์อินทร์ไม่ลดละ แต่พงศ์อินทร์ไม่สนใจเพราะในใจของเขามีแต่แม้นวาด (รัตน์ฟ้า ไชยชื่นจิตต์) คนรักเก่า พงศ์อินทร์สนิทสนมกับปี่ เพราะรู้เรื่องของเขากับแม้นวาดดี วิยะดาหมั่นไส้ที่พงษ์อินทร์สนใจปี่มากกว่าเธอจึงคิดหาทางกำจัดปี่ พอดีกับที่คุณเจียรเขียนมาขอตัววิยะดาให้ไปดูแลคุณหญิงทับทิมที่อาการทรุด หนัก วิภาวรรณเลยเสนอให้คุณวิมลส่งปี่ไปแทนวิยะดา คุณวิมลเห็นดีเห็นงาม เพราะไม่อยากให้ลูกสาวต้องไปลำบาก ปี่จึงได้เดินทางกลับไปบ้านมหัทธเวศน์อีกครั้ง คุณ หญิงจำปี่ไม่ได้ และเรียกปี่เป็นวิยะดาทุกคำ คุณเจียรจึงให้ปี่รับว่าเป็นวิยะดาไป เพื่อสุขภาพของคุณหญิง ปี่ยอมทำตามด้วยความสงสาร และเฝ้าดูแลคุณหญิงอย่างเอาใจใส่ เกื้อจึงพลอยเข้าใจผิดไปด้วยว่าปี่คือวิยะดา จึงรีบไปบอกมนไทว่าวิยะดามาคอยดูแลคุณหญิงที่ป่วยหนักจนอาการดีขึ้น ทำให้มนไทยิ่งซาบซึ้งในความดีของวิยะดา เขาตัดสินใจกลับเมืองไทยทันที เพื่อไปหาผู้หญิงแสนดีของเขา แต่แล้วเขากลับได้เจอหน้าปี่ มนไทโกรธมากที่ปี่แอบอ้างเป็นวิยะดา แม้คุณเจียรจะบอกว่าเป็นความเข้าใจผิดของคุณหญิงเอง และสาเหตุที่ปี่ต้องมาดูแลคุณหญิง ก็เพราะวิยะดาไม่ยอมมา แต่มนไทก็ยังไม่เชื่อ คุณหญิงดีใจมากที่มนไทกลับมา จึงอยากให้มนไทกับวิยะดาแต่งงานกัน ยิ่งทำให้มนไทเข้าใจผิดคิดว่าปี่ฉวยโอกาสที่จะได้แต่งงานกับเขา เรื่องราวความรักของปี่กับมนไทจะลงเอยอย่างไร ? ติดตามชมได้ในละคร เงาอโศก
นางสิงห์สะบัดช่อ (2555/2012) หลายปีที่อิทธิพลเถื่อนของ กำนันศร (สมเล็ก ศักดิกุล) ปกคลุมบ้านไม้งาม ผู้ใหญ่ทอง (สันติสุข พรหมศิริ) จึงคิดขัดขวางจนเป็นเหตุให้ครอบครัวถูกสังหารหมู่ บัว ลูกสาวกับ แก้ว (อรจิรา แหลมวิไล) เด็กหญิงรับใช้หนีรอดมาได้ แต่ทั้งคู่ก็พลัดพรากกันระหว่างถูกตามล่า แก้วถูกกลุ่มโจรสามเศียร เสือพราย (มานพ อัศวเทพ), เสือเทพ (ดามพ์ ดัสกร) และ เสือยักษ์ (ฤทธิ์ ลือชา) ช่วยไว้พร้อมฝึกฝนวิชาการต่อสู้และอาคมจนกล้าแกร่ง เมื่อแก้วโตขึ้นก็ปลอมตัวเป็นเด็กหนุ่มชื่อ เก่ง กลับมาที่บ้านไม้งามเพื่อแก้แค้น โดยมี ครูเพิ่ม (พลวัฒน์ มนูประเสริฐ) เพื่อนเก่าของผู้ใหญ่ทองคอยช่วยเหลือ พอตกกลางคืนแก้วก็สวมหน้ากากเป็น นางสิงห์ชุดดำ ออกขัดขวางแผนชั่วของกำนันศร เดือดร้อนถึง ผู้กองธัมโม (ปฏิภาณ ปฐวีกานต์) ที่ถูกกำนันศรกดดันให้จับนางสิงห์ ฟาก ย้ง (ภาคิน คำวิลัยศักดิ์) หนุ่มซื่อประจำหมู่บ้านที่รู้ความจริงว่าแก้วหรือเก่งคือนางสิงห์ก็ไม่ยอมเผยความจริง เพราะแก้วเคยช่วยชีวิตตนไว้ กำนันศรคิดจะยก หมอวาสนา (วรรณรท สนธิไชย) ลูกสาวให้แต่งงานกับ จำเริญ (วิทวัส สิงห์ลำพอง) ลูกชายของ เสี่ยเล้ง (อนุวัฒน์ นิวาตวงศ์) หุ้นส่วนในธุรกิจค้าไม้เถื่อนของตน แต่วาสนาไม่ชอบจำเริญ เธอจึงให้ย้งคอยเป็นไม้กันหมา ย้งก็เต็มใจเพราะแอบรักวาสนามานาน ขณะเดียวกันเสี่ยเล้งก็ส่ง เพลินตา (อริญรดา ปิติมารัชต์) ลูกสาวไปอ่อยธัมโม แต่ธัมโมกลับปฏิเสธ ทำให้แก้วเริ่มเชื่อใจธัมโมและยอมร่วมมือด้วยในคราบนางสิงห์ ต่อมาธุรกิจค้าไม้เถื่อนเริ่มวิกฤติ กำนันศรจึงลอบฆ่าธัมโมหวังจบปัญหา แต่จำเริญกลับถูกลูกหลง ทำให้เสี่ยเล้งไม่พอใจและแตกหักกับกำนันศร ทางการได้ส่ง สารวัตรดนัย (ศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์) กับ หมวดเพ็ญพร (บุษกร ตันติภนา) มาเสริมทัพให้กับธัมโม แต่ดนัยกลับรับสินบนจากเสี่ยเล้ง ฟากแก้วในคราบนายเก่งก็ยิ่งสนิทสนมกับธัมโมมากขึ้น ท่ามกลางเสียงนินทาว่าทั้งคู่เป็นพวกไม้ป่าเดียวกัน ธัมโมจึงพยายามอยู่ห่างจากแก้ว ทั้งที่ต่างฝ่ายต่างก็เริ่มตกหลุมรักกัน ขณะเดียวกันแก้วกับเพ็ญพรต่างรู้สึกคุ้นเคยกันอย่างประหลาด เพ็ญพรสืบจนรู้ว่าเก่งคือแก้ว จึงสารภาพกับแก้วว่าตนคือบัวลูกสาวของผู้ใหญ่ทองที่หายสาบสูญไป จำเริญโกรธที่วาสนาไม่สนใจจึงฉุดเธอมาขังไว้ที่โรงไม้กลางป่าของเสี่ยเล้ง กำนันศรตามมาช่วยลูกสาวและฆ่าจำเริญตาย เสี่ยเล้งแค้นใจมากแต่ทำอะไรกำนันศรที่มีวิชาอาคมไม่ได้ ดนัยจึงไปเชิญตัว เชิด ผาดำ (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) นักล่าค่าหัวผู้มีวิชาอาคมมาจัดการปลิดชีพกำนันศร ส่วนวาสนาและครูเพิ่มที่อยู่ในเหตุการณ์ถูกธัมโม แก้ว และเพ็ญพรช่วยไว้ได้ทัน ดนัยใส่ร้ายนางสิงห์ว่าเป็นคนฆ่ากำนันศร แล้วให้เชิดจับตัวครูเพิ่มเพื่อล่อนางสิงห์ออกมาหวังกำจัดให้สิ้นซาก ครูเพิ่มยอมตายเพื่อให้ธัมโมพานางสิงห์หนีไป เมื่อธัมโมได้รู้ความจริงว่าเก่งคือนางสิงห์ เขาไม่อาจจับตัวเธอส่งทางการได้ จึงพาเธอหนีไปหาโจรสามเศียร ส่วนตัวเองก็ยอมให้ดนัยสั่งพักราชการ เมื่อปราศจากนางสิงห์และกำนันศร เสี่ยเล้งก็ครองอำนาจในบ้านไม้งามโดยสมบูรณ์ เชิดได้เสวยสุขแต่ก็ไม่เลิกสันดานเดิมที่ชอบฆ่าคนและมักมากในกาม ไม่เว้นแม้แต่เพลินตาหรือลิ้นจี่ ดนัยกับเสี่ยเล้งเห็นท่าไม่ดีจึงจัดการเก็บเชิด แต่สมุนของเสี่ยเล้งลืมนำมือที่ลงอาคมของเชิดไปเผา ทำให้วิญญาณเชิดเข้าสิงดนัย อำนาจทุกอย่างจึงตกเป็นของเชิดในร่างดนัยไปโดยปริยาย นางสิงห์หาวิธีกำจัดเชิดแต่ต้องอาศัยมีดอาคมของกำนันศรที่ถูกมันยึดไป ยอดกับย้งจึงอาสาบุกไปที่บ้านเสี่ยเล้งเพื่อขโมยมีดเล่มนั้น แต่ยอดเห็นเพลินตาที่ถูกขังก็ทนไม่ได้จึงช่วยออกมา ทำให้ถูกเชิดจับได้และส่งคนมาตามล่า เพลินตาได้รับบาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหว ก่อนตายเธอขออโหสิจากยอดที่เคยหลอกใช้เขา ยอดมีโอกาสได้สารภาพรักเธอในวาระสุดท้าย เขาให้ย้งนำมีดไปให้นางสิงห์ ส่วนตัวเองก็ยอมแลกตายกับเชิด เมื่อนางสิงห์ได้มีดอาคมมาก็ร่วมมือกับธัมโมและเพ็ญพรเพื่อวางแผนกำจัดเชิด งานนี้ นางสิงห์ และ ผู้กองธัมโม จะปราบเหล่าร้ายสำเร็จหรือไม่? ติดตามชมและร่วมลุ้นได้ใน ละครนางสิงห์สะบัดช่อ
ร่างใหม่..หัวใจเดิม (2559/2016) กวิน (ธีรภัทร์ สัจจกุล) ชายหนุ่มที่เพียบพร้อมทั้งการงานและครอบครัว แต่งงานกับภัฏฏินี หรือพัท (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) ที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียน มีลูกชายน่ารักด้วยกันหนึ่งคนชื่อโบ๊ท (น้องซูม-ปัญกร จันทศร) ทั้งคู่มีธุรกิจโรงแรมที่สร้างร่วมกันมา และกำลังดำเนินไปด้วยดี รวมทั้งชีวิตครอบครัวที่แสนสุข ถึงแม้กวินจะมีปัญหาเรื่องสาว ๆ มาติดพันอยู่บ้าง นาลัน (วรรณรท สนธิไชย) หญิงสาวสวยแต่อ่อนแอ เป็นโรคหัวใจมาตั้งแต่กำเนิด ลูกสาวคนเดียวของหมอชยางกูร (เกรียงไกร อุณหะนันทน์) แต่งงานกับภีษมา (ภพธร สุนทรญาณกิจ) หนุ่มขายประกันปากหวานแต่ไม่จริงใจ แม้หมอชยางกูรจะคัดค้านการแต่งงานแต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะนาลันรักและหลงภีษมามาก แต่แล้ววันหนึ่งนาลันก็ได้รู้ความจริงว่าภีษมานอกใจจนเกิดช็อกหมดสติ และในเวลาเดียวกันพัทก็ถูกเก็จแก้ว (พิตต้า ณ พัทลุง) เลขาที่อยากได้กวินเป็นสามี ยุยงปั่นหัวจนทำให้พัท และกวินทะเลาะกันหนัก ถึงขั้นพัทขับรถประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต หมอชยางกูรจำใจทำผิดจรรยาบรรณแพทย์เพื่อยื้อชีวิตลูกสาวเอาไว้ ด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจพัทมาใส่ให้นาลัน เมื่อฟื้นขึ้นมาพัทตกใจมากเมื่อรู้ว่าเธออยู่ในร่างของนาลัน พัทยื่นคำขาดไม่ขอใช้ชีวิตเป็นนาลัน และขอไปตามทางของตัวเอง เมื่อนาลันหายตัวไป ทำให้ภีษมาร้อนใจมาก เพราะเขายังต้องการปอกลอกนาลันอยู่ ด้านกวินเศร้าเสียใจมากที่ต้องสูญเสียภรรยา ไม่เป็นอันทำการทำงาน จนคุณหญิงดุสิตา (กาญจนา จินดาวัฒน์) ผู้เป็นแม่ต้องเข้ามาเตือนสติ ว่ากวินยังมีลูกที่ต้องคอยดูแล กวินจึงคิดได้ และหันมาเป็นคนใหม่ที่ใส่ใจกับงาน และใส่ใจลูกมากกว่าเดิม ส่วนพัทในร่างนาลันมาหาหนูจุ้น (นิติ ชัยชิตาทร) เพื่อนสนิท แม้ว่าตอนแรกหนูจุ้นจะไม่เชื่อว่าพัทอยู่ในร่างของ นาลัน แต่หนูจุ้นก็ยอมให้นาลันมาอาศัยอยู่ด้วย วันหนึ่งนาลันแอบไปหากวินที่โรงแรม ซึ่งวันนั้นมีงานปาร์ตี้ พัทเห็นกวินยิ้มแย้มมีความสุข เธอจึงโกรธ และเสียใจที่กวินไม่รู้สึกทุกข์ใจกับการจากไปของเธอเลย พัทเริ่มเรียนรู้การใช้ชีวิตเป็นนาลัน โดยพาหนูจุ้นมาอยู่ที่บ้านด้วย ทำให้พัทได้รู้ว่าธันวา (ชลวิทย์ มีทองคำ) ทำงานเป็นเชฟที่โรงแรมของกวิน แถมเป็นคู่กัดกับวดี (ศรุชา เพชรโรจน์) น้องสาวของพัทอีกด้วย พัทจึงใช้โอกาสนี้เข้ามาสมัครงานเป็นเลขาของวดีในนามนาลันเพื่อแก้แค้นกวิน ด้วยการทำให้เขารักจนหมดใจ และสลัดทิ้งอย่างไม่ใยดี แต่แผนการไม่เป็นไปตามที่คิด เพราะกวินไม่สนใจนาลันเลยสักนิด แต่กวินรู้สึกเอะใจกับนิสัยบางอย่างของนาลันที่คล้ายพัท ไม่นานพัทในร่างนาลันยอมเปิดใจกับธันวา และวดีว่าตนไม่ใช่นาลัน แต่เป็นพัทที่อยู่ในร่างของนาลัน ตอนแรกทั้งคู่ไม่เชื่อแต่สุดท้ายก็ยินดีที่จะช่วยเหลือพัทเพื่อให้ได้กลับมาใกล้ชิดกับครอบครัวอีกครั้ง ในที่สุดพัทในร่างนาลันก็ได้รู้ว่ากวินยังรักพัทมาก และไม่เคยลืม เธอจึงตัดสินใจบอกความจริงทั้งหมดให้กวินฟังว่า ตัวเองคือพัทที่อยู่ในร่างนาลัน ส่วนเก็จแก้วก็ได้รู้เรื่องนี้จากภีษมา ที่ไปหาทางสืบจากจันทร์แรม (เมย์-สิรินทร์) พยาบาลคนสนิทของหมอชยางกูรเช่นกัน เก็จแก้วจึงถือโอกาสเป่าหูกวินว่ากำลังถูกพัทหลอก พัทในร่างนาลันจะฝ่าฝันอุปสรรค และสามารถพิสูจน์ความจริงให้กวินเชื่อว่าตัวเองคือพัทตัวจริงได้หรือไม่ ? ติดตามชมได้ในละคร ร่างใหม่หัวใจเดิม