Dek Dehn เด็กเดน (2548/2005) เด็กเดน เรื่องราวของ แจ็ค (แจ๊คแฟนฉัน) นักเรียนมัธยมที่พยายามจีบหญิงจนเป็นเหตุของนักเรียนสองสถาบัน ก่อเหตุยกพวกตีกันกลางเมือง จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ หนึ่งในนั้น คือวิว (แพททริค ชานนท์) กับน้องอิ๋ว (ณัฐกุล พิชยะพงษ์ไพบูลย์) น้องสาวสุดที่รักของชาญ(ธนากร โปษยานนท์) ได้รับบาดเจ็บจนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา เหตุการณ์ครั้งนี้ ชาญหัวใจแทบสลาย เจ้าหน้าที่รวบตัวนักเรียนได้จำนวนหนึ่ง หนึ่งในนั้นมี แจ็ค อาจารย์ดุสิต(ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง) และวณิพก(ใหม่ วงไอน้ำ) ติดร่างแหไปด้วย ทุกคนจึงโดนส่งไปฝึกอบรมในโครงการบุรุษอาชีวะ ในค่ายทหารแห่งหนึ่งในภาคใต้ ซึ่งมีผู้กองอภิวัฒน์( ปั๋ง ประกาศิต) จ่าสมหมาย (ฐิติ พุ่มอ่อน) จ่าชะเอม (ทวีศักดิ์ นกเทศ) จ่าสมร (อุบลวรรณ บุญรอด) เป็นครูฝึก แต่แจ็ค อาจารย์ดุสิตและวณิพก และหัวโจกสองสถาบันนำโดย ขิง (หลุยส์ สก๊อตต์)และแว่น (นันทศัย พิศยบุตร)กับพวกแว่น (นันทศัย พิศยบุตร)วางแผนหนีออกจากค่ายแม้จะพ้นออกมาได้แต่ต้องไปอยู่ในเหตุการณ์สมรภูมินองเลือดอีก และจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาอีก
ต้มยำกุ้ง (2548)

The Protector ต้มยำกุ้ง (2548/2005) การเดินทางข้ามโลกของ “ขาม” (จา พนม ยีรัมย์) เด็กหนุ่มบ้านป่าที่ชีวิตต้องพลิกผันโดยเงื้อมมือของผู้มีอิทธิพลระดับประเทศที่ลักพาช้างพลายสองพ่อลูก ซึ่งเด็กหนุ่มและ “พ่อของขาม” (โสรธร รุ่งเรือง) เขารักดั่งชีวิต และมีความมุ่งหมายอันสูงสุดที่จะมอบเป็นคชบาทแด่ในหลวง ไปขาย ณ ประเทศออสเตรเลีย ทางเดียวที่จะช่วยเหลือและรักษาชีวิตของช้างอันเป็นที่รักของเขาได้ นั่นก็คือ การบุกตะลุยถึงถิ่นเสือ โดยการเดินทางข้ามโลก เรื่องไม่ง่ายอย่างใจคิด แม้เขาจะได้รับความช่วยเหลือจาก “จ่ามาร์ค” (หม่ำ จ๊กมก) นายตำรวจไทยและ “ปลา” (บงกช คงมาลัย) สาวไทยที่ถูกหลอกมาขายตัวในซิดนีย์ก็ตาม แต่ที่นั่น เขากลับต้องไปพัวพันกับการไล่ล่าของแก๊งมาเฟียที่นำโดย “มาดามโรส” (จิน ซิง) ที่มีลูกสมุนต่างชาติที่เต็มไปด้วยฝีมือทางการต่อสู้อย่าง “จอห์นนี่” (จอห์นนี่ เหงียน) และ “ทีเค” (นาธาน โจนส์) พร้อมลูกสมุนย่อยที่มีฝีไม้ลายมือทางการต่อสู้เหลือรับอย่าง “คาโปเอร่า” (ลาธีฟ คราวเดอร์) และ “วูซู” (จอน ฟู) อย่างไม่ได้ตั้งใจ ณ วินาทีนี้ การต่อสู้ข้ามชาติเพื่อเอาชีวิตรอดของเด็กหนุ่มและเพื่อนพ้อง ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เพื่อตามหาและช่วยเหลือ พ่อใหญ่ และ ขอน ช้างพ่อลูก ที่เปรียบได้กับญาติพี่น้องของเขา นำไปสู่บททดสอบและการต่อสู้ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาให้โลกได้ล่วงรู้ถึง อานุภาพของ "ไม้มวยไทยโบราณ" ที่หนักหน่วง รุนแรง และยังไม่เคยได้รับการเปิดเผยมาก่อน โดยเฉพาะ "ตำนานมวยคชสาร"

ซุ้มมือปืน (2548/2005) “ซุ้มมือปืน” คือเรื่องราวที่สะท้อนตัวละครที่เกี่ยวข้องในโลกอาชญากร ธุรกิจผิดกฎหมาย อำนาจและอิทธิพลมืด ตัวหนังเองไม่ได้เน้นเรื่องราวไปที่ตัวของมือปืนอย่างเดียว แต่โยงใยไปถึงระบบหรือตัวคนที่เกี่ยวข้องซึ่งล้วนหลากสีสันอาชีพไม่ว่าจะเป็นมือปืนรับจ้าง เจ้าพ่อหรือผู้มีอิทธิพล นักการเมือง และพวกในเครื่องแบบนอกรีตและแตกแถวในสังคมไทย หนังเล่าเรื่องผ่าน “สหายแทนไท” (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) มือปืนรับจ้างอดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ที่ผ่านสมรภูมิรบมานักต่อนักจนว่ากันว่าเป็นมือปืนระดับพระกาฬที่หาตัวจับยาก เป้าหมายของเขาแต่ละรายล้วนเป็นผู้มีอิทธิพลในสังคม โดยที่หลายคนอาจไม่เคยคาดขึ้นว่าบ่อยครั้งที่จุดเริ่มต้นของความสูญเสียเลือดเนื้ออาจเกิดจากปมความขัดแย้งเพียงจุดเล็กๆ ที่ขยายผลไปสู่วงกว้างของผู้คนหลากรายระดับชั้นในสังคม ดังเช่นที่กำลังเกิดขึ้นในครั้งนี้ที่เริ่มต้นจากการไม่ลงรอยในเส้นทางธุรกิจระหว่าง “กำนันเบิ้ม” (ธนิตย์ จิตนุกูล) และ “หลีเม้ง” (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) เจ้าพ่อยาเสพติดรายใหญ่ โดยมีตัวกลางคือ “ชบา” (บงกช คงมาลัย) อดีตคนรักกำนันเบิ้ม แม่ม่ายสาวที่หน้าฉากคือเจ้าของบาร์ แต่แท้จริงแล้วเบื้องหลังคือคนจัดหามือปืนให้กับผู้มีอิทธิพล ได้รับว่าจ้างให้ส่งมือปืนชั้นดีไปเก็บขาใหญ่แห่งเยาวราชอย่างหลีเม้ง อันนำไปสู่ปมแห่งความขัดแย้งระหว่างผู้มีอิทธิพลทั้งในและนอกเครื่องแบบ ซึ่งเกี่ยวพันและโยงใยไปสู่ “เสธ.สุพงศ์” (สมภพ เบญจาธิกูล) อีกหนึ่งตัวหมากสำคัญในโลกแห่งอำนาจและอิทธิพลมืด โดยมี “อิฐ อัมพวา” (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) อดีตทหารหนุ่มอนาคตไกลผู้ผันตัวเข้าสู่วงจรอุบาทว์ และเป็นศัตรูต่างขั้วอุดมการณ์ของสหายแทนไทมาก่อนหน้า ทุกความเคลื่อนไหวของบรรดาเจ้าพ่อทั้งหลายล้วนตกอยู่ในสายตาของ “สารวัตรชาติ” (สันติสุข พรหมศิริ) ตำรวจฝีมือดีที่มีภารกิจในการกวาดล้างงานนอกระบบทุกรูปแบบ ซึ่งเขาจะเป็นผู้ที่จัดการให้วงจรอุบาทว์เหล่านี้หมดสิ้นไปหรือเลือกที่จะให้โลกของอาชญากรรมที่เต็มไปด้วยอำนาจและเงินตราดังกล่าวคงอยู่ และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวของ “ซุ้มมือปืน” ที่ไม่ว่าคุณจะเป็นใครหรืออยู่ชนชั้นใดของสังคมก็ไม่มีสิทธิ์หลีกเลี่ยงวงจรดังกล่าวที่ค่อยๆ คืบคลานเข้าสู่วิธีแห่งการดำรงอยู่ของคุณโดยไม่รู้ตัวดังเช่นที่เกิดขึ้นกับ “ไอ้น้อย” (ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) เด็กหนุ่มนักดนตรีที่ชะตากรรมต้องกับเลือดและความตาย…
ซี-อุย (2547/2004) ปีพุทธศักราช 2489 หนุ่มชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ลี่ฮุย หรือ ซีอุย ดั้นด้นข้ามน้ำข้ามทะเลมาแผ่นดินไทยเพื่อแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า พร้อมมีดเล่มเดียวที่มารดามอบให้เป็นสมบัติติดตัว แต่เมื่อมาถึงทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เขาโดนรังแกถูกเหยียดหยามจากคนรอบข้าง เขาพยายามดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อความอยู่รอด จนเขาเริ่มล้มป่วย คิดถึงแม่ เวลาเดียวกัน สัญชาติญาณความอยู่รอดก็เริ่มบีบบังคับเขามากยิ่งขึ้น เขาเริ่มฆ่าเด็ก ควักหัวใจ และตับออกมาเพราะความเชื่อว่าตับและหัวใจเด็กจะทำให้เขารู้สึกแข็งแรงขึ้น และเมื่อใดที่เขารู้สึกอ่อนแอ เขาจะฆ่าและฆ่าอีก เพื่อให้ตนเองพ้นจากความอ่อนแออีกครั้ง เมื่อเหตุการณ์ดำเนินมาถึงทางตันเขาถูกจับได้และยอมรับสารภาพในการกระทำที่เขาทำ เขาถูกตัดสินประหารชีวิต สังคมเริ่มกลับมาสู่ความปลอดภัยอีกครั้ง แต่ทำไมยังคงมีเด็กหายและถูกฆ่าอีก หรือซีอุยที่ตายไปนั้นเป็น…?
สุริยะฆาต (2547/2004) ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เปลี่ยนเขาให้เป็นมนุษย์อำมหิต เมื่อ ทศภาคย์ ทราบข่าวการโดนยิงของแฟนสาวชื่อ จิรัตติกาล จึงรีบขับรถไปหา ระหว่างทางนั้นเกิดมีรถบรรทุกพ่วงกำลังเลี้ยวออกมาสู่ถนนใหญ่ ทำให้ทศภาคย์เสียหลักพุ่งชนสะพานพลิกคว่ำเสียชีวิตทันที ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับการเกิดสุริยะคราส หลังจากนั้น หมอผัน ผู้มีอาคมแก่กล้า ได้ทำพิธีปลุกวิญญาณควบคุมร่าง ทศภาคย์ ให้ฟื้นคืนชีพขึ้นเพื่อให้ช่วยกำจัดศัตรู โดยที่ ทศภาคย์ ไม่ว่าศัตรูที่ตัวเองตามฆ่านั้น คือ จิรัตติกาล เหตุการณ์จะเป็นเช่นไร เมื่อ จิรัตติกาล รู้ความจริง ทศภาคย์ ตายแล้ว
สายล่อฟ้า (2547/2004) ไอ้ตุ่น (โหน่ง ชะชะช่า) กับ ไอ้เต่า (เต๋า - สมชาย เข็มกลัด) เป็นเพื่อนคู่ซี้คู่ฮาประจำหาดพัทยา ไอ้ตุ่นเป็นเซียนพระที่ได้มรดกกิจการมาจากเซียนต่ายพ่อมัน ส่วนไอ้เต่าเป็นเซียนบอลที่คลั่งไคล้เพลง "สายล่อฟ้า" ของพี่ป้อม-อัสนี เข้าไส้ ไปคาราโอเกะทีไร มันแหกปากร้องเพลงนี้จนหวิดหัวแตกมาแล้วหลายเที่ยว คืนหนึ่งที่บาร์คาราโอเกะไอ้ตุ่น ไปตกหลุมรักสาวนางหนึ่งเข้าโดยไม่รู้เลยว่า น้องนก (เมย์ - พิชญ์นาฏ สาขากร) เป็นเด็กของ กำนันหมู (เล็ก - สมชาย ศักดิกุล) มาเฟียใหญ่ของพัทยา ที่ไอ้เต่าเช่ามาเอาใจเพื่อน หลังจากคืนแห่งความทรงจำ น้องนกก็หายตัวไป ไอ้ตุ่นพยายามตามหาจนถูก อีปลา (น็อต - อนุชา ฉัตรแก้ว) กะเทยแม่เล้าหลอกฟันเงินไปแสนหนึ่ง ร้อนถึงไอ้เต่าที่กำลังอยากจะยืมเงินเพื่อน ไปคืนหนี้โต๊ะบอลอยู่พอดีต้องไปทวงให้ อีปลาขอใช้คืนเป็นโคเคน โดยเอาไปขายให้ เฮียหมา (หม่ำ มกจ๊ก) แต่ด้วยความซื่อผสมความเซ่อ ไอ้เต่ากลับโดนเฮียหมาต้มซ้ำเข้าไปอีก เมื่อเข้าตาจนไอ้เต่าจึงไปดักจับ น้องหนู (แป้ง - อรจิรา แหลมวิไล) สาวลูกครึ่งมาเรียกค่าไถ่ ข้างไอ้ตุ่นซึ่งหลงรักน้องนกหัวปักหัวปำ บ้าเลือดเข้าไปขอตัวเธอคืนจากกำนันหมู กำนันหมูยื่นข้อเสนอ ให้มันเอาเงินมาซื้อความรักในราคาสามล้าน พอดีกับที่ ผู้ใหญ่หมี (แบล็ค ผมทอง) เรียกไอ้ตุ่นไปดูพระ มันได้ทีจึงแกล้งตีเป็นของเก๊ แล้วทำเลียนแบบไปขายเองได้เงินมาสามล้าน ไอ้ตุ่นได้เงินไปไถ่ตัวนกสมใจ รวมทั้งใช้หนี้ให้ไอ้เต่าด้วย แต่อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อผู้ใหญ่หมีรู้ความจริงว่าเสียรู้ไอ้ตุ่น และ ไมเคิล พ่อของน้องหนูที่ไอ้เต่าลักพาตัว ดันเป็นเพื่อนกับกำนันหมูอีกที ไอ้ตุ่นกับไอ้เต่าจะเอาชีวิตรอดหรือไม่ น้องนกจะซึ้งในความรักของตุ่นหรือเปล่า แล้วไอ้เต่าจะได้กลับไปครวญเพลงสายล่อฟ้าอีกหรือไม่ มีแต่ยุทธเลิศเท่านั้นที่รู้!
ทวารยังหวานอยู่ (2547/2004) ในปี พ.ศ. 2525 ปีแห่งการสมโภชน์กรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี กรุงเทพฯ สดใส ไร้เดียงสาอยู่กับแฟชั่นสีสันหวานแหวว เสียงเพลงจากวงสตริง และหนังทีวีกำลังภายใน กำลังฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง มือกลองหนุ่ม เบ๊ (กฤษดา สุโกศล แคลปป์) ศิษย์โปรด อาจารย์ตึ่งโป๊ะ (ปราณี กี่บุตร) สำนักกลองเทวดา ที่พยายามฝึกวิชากลองเทวดาให้ถึงขั้นที่ 10 แต่ระหว่างนั้น เขากลับพบว่า ตัวเองตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่าคนตาย จนต้องหลบหนีการไล่ล่าของนักสืบมือปราบ ไอ้หูดำ (นิพนธ์ ชัยศิริกุล) ที่มี ซื่อบื้อ (ริชาร์ด ออฟ ไลออน ฮาร์ท) สุนัขดมกลิ่นเป็นผู้ชี้เบาะแส เบ๊พยายามพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองให้ทุกคนรู้ โดยมี ต้น (นันทกา วรวณิชชานันท์) ศิษย์พี่ร่วมสำนักกลองเทวดา คอยให้กำลังใจและช่วยเหลือ จนต้นกับเบ๊เกิดความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง ระหว่างหนีเอาตัวรอด เบ๊ได้พบเจอผู้คน และเรื่องราวพลิกผันมากมาย หลายคนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเบ๊ จนกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงในยุคนี้
เกิดมาลุย (2547)

เกิดมาลุย (2547/2004) โดยเรื่องราวพูดถึงการเผชิญหน้า กับเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดในชีวิต ที่อยู่นอกเหนือจากความควบคุม อันนำมาซึ่งความเป็นความตายของผู้คนจำนวนมาก เมื่อตกอยู่ภายใต้การจับกลุ่มของผู้ก่อการร้าย ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย ที่ตั้งใจสร้างความปั่นป่วนให้กับประเทศไทย พร้อมกับชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมชายแดน ที่พวกเขาและเธอตั้งใจนำข้าวของมาบริจาค และช่วยพัฒนาหมู่บ้าน วิธีเดียวที่จะรักษาชีวิตของพวกพ้องและชาวบ้าน คือต้องนำเอาความสามารถเฉพาะตัวทางด้านกีฬาในแต่ละประเภท มาผสมผสานในการต่อสู้ด้วยมือเปล่า โดยมีเงื่อนไขของเวลา ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นให้ได้

2508 ปิดกรมจับตาย (2547/2004) ปี พ.ศ.2508 ที่ตลาดอำเภอท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เกิดเหตุการณ์ปล้นครั้งยิ่งใหญ่ โดยการรวมตัวกันของโจรถึง 17 คน โจรกลุ่มนี้บุกเข้าปิดล้อมตลาดและสถานีตำรวจ กวาดเงินทองและทรัพย์สินไปมากมาย รวมทั้งยิงถล่มสถานีตำรวจอำเภอท่าเรือ อย่างไม่เกรงอาญาแผ่นดิน ก่อนจะพากันหลบหนีการจับกุมไปอย่างไร้ร่องรอย การยิงถล่มสถานีตำรวจที่เกิดขึ้น ถือเป็นการกระทำที่ตบหน้าตำรวจฉากใหญ่ สารวัตรพิชิต ถูกเรียกตัวมาจากกองปราบ เพื่อรับผิดชอบในคดีนี้โดยเฉพาะ และเริ่มงานไล่ล่าโจรกลุ่มนี้กันอย่างเอาจริงเอาจัง ทางด้านเสื้อร้ายทั้ง 17 คนก็เกิดความขัดแย้งเมื่อต่างก็ต้องการสมบัติที่ปล้นมาได้เป็นของตนแต่เพียงผู้เดียว สัมผัสการปะทะกันอย่างดุเดือด เมื่อตำรวจออกล่าโจร และโจรตามล่ากันเอง
Macabre Case of Prompiram คืนบาป พรหมพิราม (2546/2003)  “พรหมพิราม” เป็นชื่ออำเภอเล็กๆ ในจังหวัดพิษณุโลก ศพของหญิงสาวคนหนึ่งถูกพบที่ริมทางรถไฟในอำเภอแห่งนี้ การตายของเธอคล้ายกับว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่ท้ายที่สุดจากการสืบสวนของตำรวจถึงเหตุการณ์สืบเนืองอันน่าขยะแขยงที่ไปไกลเกินความคาดหมายก็ได้เปิดเผยออกมา พบว่าเธอชื่อ “สำเนียน” หญิงสาวชาวบ้าน ผู้ซึ่งตกเป็นเหยื่อของความหื่นของพวกผู้ชายเกือบทั้งตำบล ตอนมีชีวิตเธอเป็นคนมีสติไม่ค่อยสมประกอบ และได้ดั้นด้นออกจากภูมิลำเนาเพื่อไปหาสามีที่จังหวัดอุตรดิตถ์โดยรถไฟ แต่ถูกไล่ลงจากขบวนรถที่สถานีรถไฟ อ.พรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก เนื่องจากไม่มีเงินตีตั๋วรถไฟ แต่ไม่รู้เลยว่าจะเป็นการลงรถไฟเที่ยวสุดท้ายในชีวิต เมื่อมีคนพบศพของหญิงสาวดังกล่าวเสียชีวิตโดยปริศนาที่รางรถไฟในเวลาต่อมา เรื่องราวในภาพยนตร์จับความในวันท้ายๆ ของ “สำเนียน” เปิดเผยการตกเป็นเหยื่อที่ถูกรุมโทรมอย่างโหดร้าย เหตุการณ์สืบเนื่องที่ทำให้เธอเหมือนตกลงไปหลุมขวาก ตลอดจนการตายของเธอสะท้อนให้เห็นถึงความความเลือดเย็นที่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์ด้วยกัน ความเสื่อมทรามในก้นบึ้งของจิตใจมนุษย์ถูกตอกย้ำให้เห็นในภาพยนตร์เรื่องนี้จะรบกวนและแม้กระทั่งท้าทายผู้ชมให้ตระหนักถึงมหันตภัยที่ผู้หญิงถูกคุกคาม เรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องหนัก แต่วิธีการนำเสนอในภาพยนตร์ได้ดำเนินไปโดยอาศัยกลเม็ดที่ชวนให้ติดตามอย่างเร้าใจ การเคลือบด้วยอารมณ์ขันทำให้การชมเป็นไปด้วยความราบรื่นโดยไม่เสียประเด็นนั้นเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ ผู้กำกับ “มานพ อุดมเดช” เลือกใช้องค์ประกอบทางด้านเทคนิคพื้นฐานของภาพยนตร์ทั้งในด้านการตัดต่อ, เทคนิคทางด้านภาพ, ดนตรีประกอบ ฯลฯ บอกเล่าเหตุการณ์อย่างมีชั้นเชิงคล้ายกับการปลอกหัวหอมที่จะนำไปสู่ใจกลางของหัวหอม ภายใต้การโปรดิวซ์โดย “ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล” ยกทีมงานผู้อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์แห่งสยามประเทศอย่าง “สุริโยไท” มาผลิตเป็นผลงานที่น่าจับตา ซึ่งรวมถึง “ริชาร์ด ฮาร์วีย์” คอมโพสเซอร์ระดับโลก (Animal Farm, สุริโยไท) มาถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครและบรรยากาศที่น่าสะเทือนใจลงบนตัวโน้ตในภาพยนตร์แนวอาชญกรรมชีวิตระทึกขวัญเรื่องนี้ “สารวัตรหนุ่มใหญ่” (สมภพ เบญจาธิกุล) ที่มากด้วยไหวพริบ และ “ผู้หมวดหนุ่มหน้าใหม่” (กมล ศิริธรานนท์) ที่เพิ่งย้ายราชการมาใหม่ต้องรับผิดชอบคดีการเสียชีวิตของ “หญิงสาวไม่ทราบชื่อ” (พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) เมื่อเข้าไปรับผิดชอบคดีที่ดูเหมือนเป็นการเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ แต่พอเข้าไปใกล้รูปคดีมากยิ่งขึ้นกลับพบเงื่อนงำบางอย่างที่บ่งบอกว่านี่คือคดีฆาตกรรมที่อื้อฉาวที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งดึงเอาผู้คนหลากอาชีพหลายวัยจากชนชั้นต่างๆ ในอำเภอนั้นถึง 30 ชีวิตเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของหญิงสาวรายดังกล่าวภายใต้คดีฆาตกรรมข่มขืนกระทำชำเราหาใช่อุบัติเหตุอย่างที่บางคนคิด ภายใต้แรงกดดันที่ถูกเร่งเร้าจากทุกทิศทางทำให้สารวัตรต้องเร่งคลี่คลายประเด็นและสรุปรูปคดีให้เร็วที่สุด ภายใต้เส้นตายที่ถูกกำหนดและเร่งรัดจากเบื้องบน…
191 1/2 มือปราบทราบแล้วป่วน (2546/2003) ตำรวจสายตรวจ 191 สองคนที่ต่างกันสุดขั้ว แต่ต้องมาทำงานด้วยกัน คนหนึ่งเป็นนายร้อยตำรวจไฟแรง อีกคนหนึ่งเป็นจ่าแก่ที่หมดไฟแล้ว ความต่างและทิฏฐิไม่ยอมหันหน้าเข้าหากันของทั้งสอง ก่อให้เกิดความไม่ลงรอยกันมากมาย แต่ละคดีทำให้แต่ละคนได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้นเรื่อย ๆ และเหตุการณ์ก็นำพาให้ได้พบกับนักข่าวสาวคนหนึ่งที่เพิ่งจบใหม่ และเลือกเป็นนักข่าวสายอาชญากรรม เธอกลายเป็นตัวป่วนตลอดการทำงาน แต่ก็เป็นตัวกลางประสานความขัดแย้งของทั้งสองด้วยโดยไม่รู้ตัว หลังจากทั้งสามคนได้ผ่านปัญหาต่างๆ ร่วมกัน ในที่สุด ก็กลายเป็นความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ และความผูกพัน วันหนึ่ง โชคชะตาทำให้ทั้งสามคนมาพบกับ โทนี่ โจรกลับใจที่เข้ากรุงเทพเพื่อตามหาน้องชายชื่อจืด โทนี่กับจืดถูกตำรวจจับ ในฐานะผู้มีส่วนรู้เห็นในการซื้อขายยาทั้งสองยืนกรานปฏิเสธแต่ไม่มีใครเชื่อ ต่อมาหมวดชาติได้เลื่อนยศเป็นร้อยตำรวจโท จ่าได้เลื่อนยศเป็นนายร้อย ส่วนนักข่าวสาวก็ได้รับการยอมรับจากหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานให้เป็นนักข่าวอาชญากรรมดีเด่นและกลายเป็นคนที่รู้ใจของตำรวจหนุ่มในที่สุด
ส้ม+แบงค์ มือใหม่หัดขาย (2546/2003) แบงค์ (ปวริศร์ มงคลพิสิฐ) เป็นเด็กหนุ่มที่ใช้ชีวิตไปวันๆ อยู่ในแฟลตเก่าแห่งหนึ่ง กับแม่ผู้ไม่ไยดีเขานัก ทั้งคู่อยู่ร่วมกัน เหมือนต่างคนต่างอยู่ แม่ไม่เคยรู้เลยว่า ลูกชายของเธอไม่เพียงแค่ติดยา แต่เขายังขายยาเองด้วย ส้ม (วนัชดา ศิวะพรชัย) เป็นนักศึกษาสาว ที่ดูภายนอกก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไป ซ้ำยังเป็นวัยรุ่นที่เอาการเอางาน หาเงินส่งบ้านที่ต่างจังหวัดตัวเป็นเกลียว แต่ใครล่ะจะรู้ว่า งานที่เธอทำอยู่นั้น คือการเป็นหญิงขายบริการ จิ๊กโก๋ปากซอยกับนักศึกษาสาว... ภายใต้รูปลักษณ์ที่ต่างกันอย่างลิบลับนั้น ส้มและแบงค์กลับเหมือนกัน อย่างไม่ยากที่จะเข้าใจ หนึ่ง.. พวกเขาต้องการเงิน และสอง.. พวกเขาอ่อนหัด และมองโลกสวยงามเหมือนกัน ด้วยความเหมือนซึ่งมองไม่เห็นนั่นเอง ที่ชักพาเธอกับเขามาพบกัน ปรารถนาในตัวกัน และรักกันในเวลาอันรวดเร็ว ชีวิตที่ได้รับการเติมเต็ม อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้แบงค์เริ่มฝันอยากให้ส้มมีความสุข และไม่ต้องทำงานอย่างเดิมอีก เขาดิ้นรนหาทางขายยาให้มากขึ้น ...แต่ยิ่งขายได้มากเท่าไหร่ มันย่อมหมายถึงความเสี่ยง ที่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ดูเหมือนว่า ชีวิตของทั้งสอง ที่ไม่เคยมีใครคาดคิดว่า จะมาบรรจบกันได้ กลับกำลังดำเนินเป็นคู่ขนาน ไปสู่จุดหมายเดียวกัน... และที่นั่นคือ หายนะ
องค์บาก (2546)

องค์บาก (2546/2003) ในประวัติศาสตร์หมู่บ้านหนองประดู่ ที่ยาวนานตั้งแต่ครั้นสมัยสงครามไทยกับพม่า ตำนานของครูดำ ผู้แกร่งกล้าด้วยศิลปะการต่อสู้ คือชายไทยผู้กล้าที่เคยแหวกฝ่ากองทัพพม่า ไปแย่งชิงเอาองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ที่ถูกทหารพม่าบุกมาปล้นสดมภ์ และแย่งชิงไปจากหมู่บ้าน เมื่อคราครั้งกระโน้นได้เป็นผลสำเร็จ จนเกิดปาฏิหาริย์แห่งรอยบาก อยู่บนพระพักตร์ขององค์พระ ว่ากันว่าร่องรอยดังกล่าว คือบาดแผลจากการต่อสู้ ที่เกิดจากอิทธิฤทธิ์ขององค์พระศักดิ์สิทธิ์ ที่รับแทนคมหอกคมดาบ ที่ทหารพม่าถาโถมฟาดฟัน เข้าใส่ร่างของครูดำนั่นเอง ว่ากันว่าความเชื่อดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับครูดำ และผู้คนในหมู่บ้านได้ถูกเล่าขาน สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แต่แล้วองค์บากกลับถูก ดอน (วรรณกิตย์ ศิริพุฒ) อดีตลูกหลานบ้านหนองประดู่ ที่ปัจจุบันหันหน้าเข้าสู่โลกแห่งความชั่วช้าอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งเรื่องของยาเสพติด การพนัน และที่ร้ายแรงที่สุด คือการแอบตัดเศียรองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ไปให้กับนักสะสมวัตถุโบราณ ที่มีจิตใจชั่วช้าในกรุงเทพ ในคืนก่อนงานเฉลิมฉลองงานบุญ ที่ชาวหนองประดู่จัดขึ้น เพื่อเฉลิมฉลองศรัทธาต่อองค์บาก ที่ได้หมุนเวียนมาครบ 24 ปี ส่งผลให้เหตุการณ์ดังกล่าว สร้างความสะเทือนใจ ต่อทุกชีวิตในบ้านหนองประดู่ โดยเฉพาะบรรดาผู้เฒ่าผู้แก่ ที่รอวันนี้มาค่อนชีวิต ราวกับว่านี่คือกงล้อแห่งศรัทธา ที่หมุนเวียนบรรจบมา เพื่อทดสอบในศรัทธาแห่งความความผูกพัน และพลังแห่งความดีงาม ของผู้คนในบ้านหนองประดู่อีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะกับผู้ที่ได้รับการสืบทอดชะตากรรม จากองค์บากโดยตรงอย่าง ทิ้ง (จา พนม ยีรัมย์) เด็กหนุ่มลูกกำพร้า ที่ได้รับการชุบเลี้ยงเติบโต จนมีสายเลือดของบ้านหนองประดู่อย่างข้นคลั่ก รวมทั้งเคล็ดวิชานวอาวุธ (อาวุธที่ก่อเกิดจากอวัยวะสำคัญ ในร่างกายของมนุษย์ทั้ง 9 อันประกอบไปด้วย 1 ศรีษะ 2 หมัดกร้าวแกร่ง 2 แรงกระทุ้งของศอก ตอกย้ำความหนักหน่วงของ 2 เข่า และความคล่องแคล้วว่องไวของ 2 เท้า) ผสมผสานกับศิลปะมวยไทยโบราณ ที่ได้รับการถ่ายทอดจากพระครู หลวงพ่อผู้เป็นดั่งเสาหลัก ที่เคารพนับถือของผู้คนในหมู่บ้านหนองประดู่ ลูกศิษย์คนสำคัญของครูดำ ปูชนียบุคคลที่มีคุณอนันต์ของหมู่บ้าน การเดินทางมุ่งหน้าสู่หนทางแห่งการต่อสู้ การทบทวนจิตวิญญาณแห่งความใฝ่ดี และการเผชิญหน้ากับโลกใหม่ ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ลุ่มหลงนิยมในวัตถุเงินทอง ท่ามกลางแสงสีของเมืองหลวง ที่เต็มไปด้วยความคดโกง หลอกหลวง และแก่งแย่งชิงดี ทิ้งได้พบกับบททดสอบแห่งศรัทธา และภาระรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น อันตรายมากขึ้น โดยมีคนๆ เดียวในเมืองหลวง ที่จะช่วยทิ้งตามหาดอนได้คือ หำแหล่ หรือ ยืนยง (หม่ำ จ๊กหมก) ลูกชายของผู้ใหญ่น้อย อีกหนึ่งลูกหลานบ้านหนองประดู่ ที่ถูกส่งมาเล่าเรียน เพื่อกอบโกยเอาความรู้ นำกลับไปพัฒนาถิ่นเกิด แต่กลับกลายเป็นว่า ทิ้งถูกหำแหล่ ที่บัดนี้เปลี่ยนรูปโฉมเป็น ไอ้ยอร์จ หนุ่มหัวทองไร้ซึ้งหัวจิตหัวใจ หลอกขโมยเอาถุงห่อของมีค่า ที่รวบรวมเอาแบ๊งค์ยี่สิบเก่าๆ เงินเหรียญ และบรรดาทรัพย์สมบัติของผู้เฒ่าผู้แก่ ลูกหลานของบ้านหนองประดู่ ที่รวบรวมให้ทิ้งเพื่อเป็นทุนรอน ในการตามหาองค์บากในเมืองใหญ่ ไปวางเดิมพันในมวยเถื่อนเสียแล้ว เส้นทางในการเสาะหาองค์บาก ดึงเอาทิ้งเข้าไปเกี่ยวข้อง กับชีวิตของผู้คนอันหลากหลายในเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น เง็ก (รุ่งระวี บริจินดากุล) หญิงสาวสู้ชีวิต ที่ถูกความเหลวแหลกของเมืองหลวง กัดกินทั้งร่างกายและจิตใจ, หมวยเล็ก (ภุมวารี ยอดกมล) เด็กสาวแก่นแก้ว ที่งดงามทั้งหน้าตาและจิตใจ, ไอ้เป๋ง (เชษฐวุฒิ วัชรคุณ) นักเลงหัวไม้ หัวโจกของบรรดาจิ๊กโก๋คุมซอย คู่ปรับคนสำคัญของยอร์จ ความเป็นจริงในความหวังที่ไม่เพียงดูริบหรี่ แต่กลับเริ่มไกลห่าง ออกไปจากตัวทิ้งมากขึ้นทุกที เมื่อจิตศรัทธาแห่งความดีงาม จากคนรอบข้างที่มีต่อองค์บาก ค่อยรางเลือนมากยิ่งขึ้น กลับกันกับชักนำให้ทิ้ง ถล้ำเข้าไปสู่วังวนแห่งการต่อสู้ ที่ดูเหมือนจะขัดกับถ้อยคำที่พร่ำสอนจากพระครู เมื่อทิ้งถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้อง กับเกมการต่อสู้และการไล่ล่า ที่อบอวลไปด้วยความชั่วร้าย จากทั้งคนไทยด้วยกันเองและชาวต่างชาติ และนี่คือจุดเริ่มต้น ของการเดินทางแห่งจิตศรัทธา ที่นำมาซึ่งการต่อสู้ เพื่อพิสูจน์ศักดิ์ศรีของศิลปะการต่อสู้ ที่เรียกขานว่า แม่ไม้มวยไทยโบราณ

น.ช. นักโทษชาย (2545/2002) นักโทษคนหนึ่งต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เมื่อได้รับข้อเสนอให้เป็นสายรายงานเพื่อนนักโทษ และเขาจะต้องเลือกระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวกับการช่วยเหลือคนที่อาจต้องการเขา
เชอรี่ แอน (2544/2001) ภาพยนตร์ที่ตีแผ่คดีดัง “คดีฆาตกรรมของนางสาวเชอรี่ แอน” มีผู้พบศพของนางสาวเชอรี่ แอนที่ป่าแสมใกล้ถนนสุขุมวิทสายเก่า หลักกิโลเมตรที่ 42 แถว บางปู สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 หลังการสอบสวนผู้เกี่ยวข้อง ภายใต้ความรับผิดชอบของ พ.ต.ท.เลิศล้ำ ธรรมนิสา กับ พ.ต.ท.มั่งคั่ง ศรีพรพงษ์ นำไปสู่การจับกุม นายวิชัย ชนะพานิช พร้อมบริวาร 4 คน นายเฉลิมรุ่ง นายพิพัฒน์ นายกระสิน และนายธวิช ในข้อหาจ้างฆ่าและร่วมกันฆ่า โดยตำรวจได้แยกย้ายผู้ต้องหาออกคุมขังกระจายไปตามสถานีตำรวจจังหวัดสมุทรปราการ นางไพลิน-พี่สาวของเสี่ยหนุ่ม ได้ว่าจ้างสำนักงานทนายเข้าแก้คดี เพ็ญนภา ธรรมรุ่งโรจน์ ทนายสาวจึงเข้ามารับผิดชอบในคดีนี้ ในระหว่างการถูกคุมขัง ผู้ต้องหาต่างต้องเผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆนาๆ ทั้ง 4 คน ถูกฟ้องร้องด้วยหลักฐานปลอม พยานเท็จ จากการปรุงแต่งของตำรวจชั่ว จนถูกศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิต และส่งตัวไปจองจำที่เรือนจำบางขวาง แพะรับบาปทั้งหมด ต้องรอความหวังจากกระบวนการยุติธรรมของศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว ทุกคนจึงต้องแบกรับชะตากรรมอันเลวร้ายต่อสิ่งที่ตนเองไม่ได้ก่อขึ้น สัมผัสกับเรื่องจริงอันโหดร้าย ของแพะรับบาปและความหมายและคุณค่าของคำว่า “อิสรภาพ” ได้ในภาพยนตร์เรื่อง “เชอรี่แอน”
มือปืน/โลก/พระ/จัน (2544/2001) กรุงเทพมหานคร ปีพุทธศักราช 2554 เป๋ ปืนควาย (เทพ โพธิ์งาม) อดีตมือปืนรุ่นใหญ่ถูกปล่อยตัวออกจากคุก พร้อมสังขารที่ชราภาพ งานแรกที่ได้รับการติดต่อให้สังหาร เถกิง มือปราบตงฉินฉายา ตำรวจเหล็ก เป๋ จัดการรวบรวมทีมงานที่เคยคุ้นมือ ซึ่งปัจจุบันล้วนได้ชื่อว่าเป็น มือปืนตกรุ่น ไปแล้ว ไม่มีใครสนใจจ้าง นี่จึงเป็นงานที่ทุกคนต้องตะครุบ นอกจากเงินค่าจ้างตัวเลขสูงแล้ว ทุกคนต่างมีความหวังที่จะกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง ได้แก่ หมา ลูกบักเขียบ (หม่ำ จ๊กม๊ก หรือ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) มือระเบิดลูกอิสานจอมโว เอ๋อ เอลวิส (เท่ง เถิดเทิง หรือ พงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ) นักฆ่าหมื่นศพ สิงห์สำอาง ผี ไรเฟิล (ถั่วแระ) นักแม่นปืนจิตหลอน ขณะเดียวกัน คิด ไซเลนเซอร์ (สมชาย เข็มกลัด) มือปืนรุ่นใหม่ค่าตัวราคาแพง และทำงานคนเดียว ก็ได้รับการว่าจ้างให้ลงมือฆ่าตำรวจเหล็กคนนี้ด้วยเช่นกัน การปะทะฝีมือระหว่างมือปืนตกรุ่น กับรุ่นใหม่ไฟแรงจึงโหมปะทุ มิหนำซ้ำความจริงเปิดเผยว่ามีการว่าจ้างผิดตัว ชุลมุนฆ่าจึงเกิดขึ้น และกลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการอาชญากรรม ในตอนท้ายของหนัง มือปืนถูกฆ่าเกือบหมด โดยเป๋ถูกคิดยิงตาย หมาโดนระเบิดที่ตัวเองจุดระเบิดใส่ ผีถูกบาซูก้ายิงตาย โดยเหลือคิดที่รอดชีวิต และ เอ๋อ เอลวิส ที่ปรากฏตัวท้ายฉากเครติดในขณะที่กำลังร้องเพลงในคุก พร้อมเฉลยว่าฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าพ่อแม่ของคิดคือใคร สมชาย เข็มกลัด รับบท สมคิด ไทรงาม "คิด ไซเลนเซอร์" นักฆ่ารุ่นใหม่ที่นิยมใช้ปืนติดลำกล้องเก็บเสียง มือปืนวัยรุ่นหัวกบฏ ไร้สังกัด ไร้ซุ้ม ไม่ยอมคบหาสมาคมกับมือปืนในวงการ ประสบการณ์น้อย แต่ทำงานไม่เคยพลาด ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไป ว่าเป็นใครมาจากไหน คิดไม่ชอบเสียงดัง เขาใช้ปืนสั้น 2 กระบอกติดลำกล้องเก็บเสียง ลงมือด้วยความรวดเร็ว แม่นยำ และเงียบเชียบ ชอบลงมือในที่สาธารณะหรือชุมชน แล้วอาศัยความชุลมุนวุ่นวาย หายตัวไปอย่างรวดเร็ว เป็นมือปืนมาแรง และหาตัวจับยากคนหนึ่งในวงการ ในตอนจบคิดละทิ้งความเคียดแค้น เลิกตามล่าคนที่ฆ่าแม่ ยอมทิ้งปืนของเขาและออกเดินทางไกลต่อไปโดยเรือของชาวประมง สุเทพ โพธิ์งาม รับบท "เป๋ ปืนควาย" นักฆ่ามือเก๋าของวงการ เพิ่งเข้าวงการหลังจากติดคุกนานหลายปี นักฆ่าขาเก๋าของวงการ แยบยลหลักแหลม ลงมือแต่ละครั้งไม่เคยพลาด เป็นเพราะเขาวางแผนอย่างรัดกุม แต่มีครั้งหนึ่งที่เป๋พลาดอย่างใหญ่หลวง เป๋ตัดสินใจข้ามถนนโดยไม่ใช้สะพานลอย เลยโดนสิงห์มอเตอร์ไซด์เสย เป๋ต้องนอนโรงพยาบาลหลายวัน เมื่อออกมา เขากลายเป็นคนขาเป๋ เมื่อหมอต้องตัดกระดูกออกไปหลายนิ้ว ด้วยขาที่เป๋ ประกอบกับอายุที่มากขึ้น สายตาที่สั้นลง ทุกอย่างคืออุปสรรคในการทำงาน เป๋เริ่มทำงานพลาดบ่อยครั้ง จนเขา ต้องถอนตัวออกจากวงการ เป๋ออกมาประกอบอาชีพเป็นเซลแมน ขายเครื่องกรองน้ำตามหมู่บ้าน เป๋เหมือนเสือลำบากที่กำลังเมา เพราะดื่มเหล้าอย่างหนัก เป๋เสียชีวิตจากกระสุนปืนของคิด ไซเลนเซอร์ที่เข้าใจผิดว่าเขาคือคนฆ่าแม่ของตน เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา หรือ หม่ำ จ๊กมก รับบท "หมา ลูกบักเขียบ" นักฆ่าที่ยิงปืนไม่เป็น เลยใช้แต่ระเบิดเป็นอาวุธ นักฆ่าผู้ใช้แต่ระเบิดเป็นอาวุธ (เป็นความลับ ...หมายิงปืนไม่เป็น) หมาเป็นคนโผงผาง พูดจาเสียงดัง เพราะเป็นคนหูตึง ซึ่งเป็นผลมาจากแรงระเบิดของตัวเอง หมามักจะใช้ระเบิดน้อยหน่าเป็นอาวุธ ซึ่งคนอีสานเรียกน้อยหน่าว่า ลูกบักเขียบ หมามีความใฝ่ฝันที่จะเป็นทหาร แต่เขากลับไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด หมาจึงได้แต่แต่งตัวเลียนแบบทหาร และเริ่มศึกษาเรื่องของระเบิด ตั้งแต่ระเบิดขวดยันระเบิดไข่เน่า หมาศึกษาระเบิดจนสามารถทำระเบิดน้อยหน่าขึ้นมาใช้เองได้ในที่สุด ยุคที่การวางระเบิดบ้านคนดังกำลังฮิต หมาได้เงินมากมาย แต่หมากลับใช้เงินหมดไปกับผู้หญิง การเต้นรำและยาบ้า จนในที่สุด หมาก็ติดยาบ้าจนเสียงานเสียการ ทำระเบิดด้านบ่อยครั้ง จนคนเลิกจ้างไปในที่สุด หมาเข้าสู่ยุคตกต่ำ ต้องกลายมาเป็นเสือเต้นแร๊ปโบกรถเข้าปั๊ม แลกเงินเลี้ยงชีพ แต่ได้เงินมาเท่าไร หมาก็ซื้อยาบ้าจากปั๊มที่ตัวเองทำงานอยู่จนหมดไม่เคยเหลือ หมาเสียชีวิตจากระเบิดของตัวเองที่ปลดชนวนจะระเบิดฝรั่งนักฆ่า แต่เอ๋อ ที่ไม่รู้เรื่องได้ยิงหลังของนักฆ่าโดยที่ไม่รู้ว่ามีระเบิดที่หมาปลดชนวนออกไว้ ทำให้ระเบิดทำงานพร้อมกับระเบิดร่างหมา และนักฆ่าฝรั่งไปพร้อมกัน ศรสุทธา กลั่นมาลี หรือ ถั่วแระ เชิญยิ้ม รับบท "ผี ไรเฟิล" นักฆ่าบุปผาชนที่ยิงไรเฟิลจากระยะไกลแม่นยิ่งกว่าจับวาง แต่กลัวผีเป็นที่สุด นักฆ่าผู้รักสันโดษและกัญชาเป็นชีวิตจิตใจ ผีลงมือแต่ละครั้งไม่เคยพลาด และยากที่จะชี้ตำแหน่งเขาได้ เพราะผีสามารถยิงคนจากระยะไกลมากๆ เป็นมือปืนที่ถือได้ว่าแม่นยำที่สุดในวงการ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผีเก็บเป็นความลับ ไม่เคยเปิดเผยให้ใครได้รู้ ผียิงใกล้ไม่แม่น ถ้าอยู่ในระยะใกล้ ผีจะตกที่นั่งลำบากทันที ผีจึงทำตัวห่างไกลกับผู้คนไว้เสมอ ระยะหลังความแม่นยำของผีเริ่มหายไป เมื่อผีสูบกัญชามากจนมือสั่น ทำให้ผีทำงานพลาดบ่อยครั้ง จนผีต้องถอนตัวออกจากวงการ ผีพยายามถือศีลบำเพ็ญเพียร เพราะผีเชื่อว่านี่คงเป็นกรรมที่เขาก่อไว้ ผีทำได้ไม่ดีนัก เขาผิดศีลเป็นประจำ ถึงแม้จะลงทุนนุ่งขาวห่มขาว อาการสั่นกลับยังคงอยู่ ผีปล่อยเลยตามเลย เขาเปลี่ยนอาชีพเป็นคนทรงเจ้า หลอกชาวบ้านที่งมงายไปวันๆ เพื่อเลี้ยงชีพ แต่นานวันเข้าชาวบ้านก็เริ่มจับได้ ผีเปรียบเหมือนเสืออดโซที่กำลังจะอดตาย ผีเสียชีวิตจากการโดนบาซูก้ายิงใส่จนร่างร่วงจากบังเกอร์ และเขาก็ได้พบกับภรรยาอีกครั้งและอยู่ด้วยกันตลอดไป พงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ หรือ เท่ง เถิดเทิง รับบท อดีต "โอ๋ เอ็ม 16 หมื่นศพสิงห์สำอาง" แต่เพี้ยนคิดว่าตัวเองเป็น เอลวิส เพรสลีย์ ใครๆ เลยเรียกว่า "เอ๋อ เอลวิส" ฉายาเดิมคิอ โอ๋ เอ็ม 16 "หมื่นศพสิงห์สำอาง" โอ๋รับจ้างฆ่าคนไม่เว้นว่าจะเป็นหญิงหรือชาย จนกระทั่งวันหนึ่ง โอ๋ ไปเที่ยวที่ เรดิโอ ซิตี้ เพื่อฟังเพลงเอลวิสที่โอ๋ชื่นชอบ วันนั้นร้านถูกวางระเบิด (ฝีมือของหมา) โอ๋โดนลูกหลงส่งเข้าไอซียู พอฟื้นขึ้นมาก็มีอาการเลอะเลือน แต่โอ๋ก็ยังรับงานฆ่าคนได้ แต่พักหลังโอ๋ลงมือแต่ละครั้ง เป้าหมายมักจะรอด แต่คนบริสุทธ์รอบข้างกลับล้มตายกันเป็นเบือ คนจ้างที่มีคุณธรรมหน่อย จึงไม่ค่อยนิยมใช้บริการโอ๋ ยกเว้นการฆ่าล้างโคตร พักหลังโอ๋อาการหนักถึงขนาดคิดว่า ตัวเองเป็นเอลวิส โอ๋เริ่มแต่งตัวเป็นเอลวิส และเริ่มพูดภาษาไทยไม่ชัด การรับงานแต่ละครั้งผู้จ้างต้องพูดภาษาอังกฤษกับเขา จนในที่สุด ก็ไม่มีใครจ้าง หลังจากนั้นชื่อ โอ๋ ก็ถูกเรียกเป็น เอ๋อ แทน เมื่อไม่มีคนจ้าง เอ๋อก็ไม่แคร์ เพราะเขาคือเอลวิส เอ๋อ ตระเวนร้องเพลงตามคาเฟ่ต่างๆ แม้เสียงร้องจะแสนห่วยอย่างไร แต่ก็ไม่มีคาเฟ่ไหนกล้าปฏิเสธเอ๋อ เอลวิสผู้ที่มี เอ็ม 16 ซ่อนอยู่ในกระเป๋ากีตาร์ ในตอนจบ เอ๋อ ถูกจับเข้าคุก และได้เป็นนักดนตรีอยู่ในคุก โดยในฉากที่เล่นดนตรีก็ได้เฉลยคนที่ฆ่าแม่ของ คิด ไซเลนเซอร์ อีกด้วย