ต้มยำกุ้ง 2 (2556)

ต้มยำกุ้ง 2 3D (2556/2013) เมื่อสาเหตุการฆาตกรรม เสี่ยสุชาติ เจ้าของปางช้างผู้กว้างขวาง คือการถูกกระแทกเข้าอย่างจังในจุดตาย 3 แห่งโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ หลักฐานทั้งหมดบ่งชี้มัดตัว ไอ้ขาม เนื่องจากเขาเป็นคนสุดท้ายที่ถูกพบอยู่ในที่เกิดเหตุกับผู้ตาย ขามจึงต้องหลบหนีจากการจับกุมและการตามล่าเพื่อทวงแค้นจาก ปิงปิง-ซือซือ หลานสาวฝาแฝดของเสี่ยสุชาติ แต่โชคยังเข้าข้างเมื่อระหว่างการหลบหนี ขามได้รับการช่วยเหลือจาก จ่ามาร์ค ตำรวจสากลที่ถูกส่งมาจากซิดนีย์เพื่อจัดการภารกิจบางอย่าง ขามหนีการตามล่าพร้อมกับการตามหา ขอน ช้างตัวเดียวที่เป็นเสมือนทั้งเพื่อนและพี่น้องที่ถูกขโมยไปเมื่อหลายวันก่อน ยิ่งหนีขามก็ยิ่งต้องเข้าไปพัวพันกับองค์กรลึกลับที่ถูกควบคุมโดย แอล ซี นายใหญ่ผู้คลั่งไคล้การสะสมนักสู้จากทั่วโลกอย่างลับๆ ทำให้เหล่านักสู้ที่ถูกตีตราด้วยตัวเลข ไม่ว่าจะเป็น ทเวนตี้ หรือ Number 2 ล้วนแต่มีเป้าหมายอยู่ที่การจัดการไอ้ขามเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างของนายใหญ่

รักละไมล์ (2555/2012) แดน (ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ) นักเชิดหุ่นละครเล็ก ผิดหวังกับสังคมที่ไม่ใส่ใจรักษาวัฒนธรรม เลยตัดสินใจทิ้งบ้านเกิดเมืองนอนเดินทางไปหาสถานที่และผู้คนที่ชื่นชอบในศิลปะหุ่นละครเล็กที่เขาอยากภูมิใจนำเสนอ ซึ่ง แดน เชื่อว่าสังคมที่นั่นต้องรักและหวังดีกับศิลปวัฒนธรรมแขนงนี้ จนกระทั่งพรหมลิขิตให้เขาได้พบกับ แพรวา (สิรี ลูเธอร์) สาวลูกครึ่งไทยที่ไปใช้ชีวิตที่ประเทศแคนาดาตั้งแต่ยังเล็ก และมีเหตุจำเป็นต้องกลับมายายในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตามคำขอของแม่ที่อยากให้ลูกสาวได้กลับไปเห็นชีวิตแบบไทย ๆ บ้าง จนถึงขนาดถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ลูกสาวมีโอกาสตั้งรกรากที่บ้านเกิดเมืองนอนของแม่ แต่แล้วเมื่อ แพรวา กลับมาเมืองไทย เหมือนเป็นโชคร้ายอย่างไงก็ไม่รู้ทำให้เธอต้องเจอกับเรื่องยุ่ง ๆ วุ่นวายมากมาย จนในที่สุดก็มีพระเอกขี่ม้าขาวมาอย่างแดน ที่ยื่นเสนอตัวช่วยเหลือและพาไปแจ้งความกับตำรวจ และต่อจากนี้ไป ทั้งคู่ก็จะต้องเริ่มเดินทางและเรียนรู้ความต่างของ 2 วัฒนธรรม ภาษา และแหล่งท่องเที่ยวทั่วไทย ที่หล่อหลอมให้เขาและเธอได้เรียนรู้กันและกัน
ห่วยขั้นเทพ Suck Seed!! ชีวิตมันต้องลองซักซี้ดนึง!! (2554/2011) เป็ด (จิรายุ ละอองมณี) เด็กประถมสุดเห่ย ที่ไม่เคยฟังเพลง นอกจากจะไม่ชอบฟังเพลงและยังเข้าใจเอาเองผิด ๆ ว่า เพลงเร็วเรียกเพลงร็อค เพลงช้าเรียกเพลงรัก ส่วนเพลงไทยนั้นก็มีแค่สองประเภทคือ เพลง แกรมมี่ และ อาร์เอส เป็ด หัดเล่นดนตรีเพียงเพราะแอบหลงรัก เอิญ (ณัฐชา นวลแจ่ม) เพื่อนร่วมห้องได้ทำให้เขารู้จักกับเพลง และความรัก เอิญ สอน เป็ด ว่าเวลาเราฟังเพลงก็จะเหมือนมีเพื่อนมาอยู่ข้าง ๆ เป็ด เลยอยากเป็นคนข้าง ๆ เอิญ บ้าง ยิ่งรู้ว่า เอิญ เป็นสาวหูเหล็ก เป็นสาวกเพลงร็อคที่คลั่งไคล้กีตาร์ฮีโร่เป็นชีวิตจิตใจ เป็ด จึงเกิดแรงฮึดที่จะผันตัวเองจากไอ้แหยขี้อายให้กลายเป็น ร็อคเกอร์ แต่รักครั้งแรกก็ต้องแตกสลาย เมื่อเธอต้องย้ายไปไกลแสนไกล เวลาผ่านไปไวถึง ม.6 เอิญ ก็กลับมาพร้อมกับความน่ารักและฝีมือกีตาร์ขั้นเทพ เป็ด ที่ยังเห่ยเหมือนเดิมจึงจับมือกับ คุ้ง (พชร จิราธิวัฒน์) มือกีตาร์ของวงนั้นมีบ้านเป็นโรงรับจำนำซึ่งเปรียบเสมือนดีสนีย์แลนด์ของเพื่อน ๆ ของเก่าของคนอื่นจะกลายมาเป็นของเล่นชิ้นใหม่ของ คุ้ง เสมอ ตั้งแต่ประถมยันมัธยมคุ้งคือผู้นำเทรนด์ ไม่ว่าจะเป็นเกมส์แฟมิคอม โรลเลอร์เบลด ตู้สติ๊กเกอร์ เกมเต้น โฟโต้ฮันท์ คุ้ง เป็นต้องได้ประเดิมเป็นคนแรก เป็นเพื่อนสนิทสุดเกรียนที่วัน ๆ คิดแต่จะหม้อหญิง พ่วงด้วย เอ็กซ์ (ธวัช พรรัตนประเสิรฐ) มือกลองบ้าพลังที่อยากสอยดาวโรงเรียนที่แอบชอบอยู่ รวมกันเป็นสามตัวห่วย ตั้งวงเพื่อจีบสาวสวย คุ้ง อาจจะมีชะตากรรมเป็นถึงไอดอลของโรงเรียน ถ้าจะไม่มีกรรมมาบังให้คุ้งดันมีฝาแฝดชื่อ เค น้องชายที่ทั้งเรียนเก่งกว่า ที่สำคัญเคยังเป็นมือกีตาร์ของวงโรงเรียนที่ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนเข้าประกวด Hot Wave Music Award ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความฮ็อตของ เค จะทำให้ คุ้ง กลายเป็นแค่ฝาแฝด เค ในสายตาของทุกคน ในปีสุดท้ายของชีวิตมัธยมปลาย เมื่อวงของ เค ลงสมัคร Hot Wave โดยมี เอิญ เข้าร่วมในฐานะนักร้องนำ เป็ด และ คุ้ง จึงจับมือกันปฏิวัติตัวเองฟอร์มวง SuckSeed ขึ้นมา หาญกล้าท้าแข่งเพื่อพิสูจน์ให้คนที่พวกเขาทั้งรักทั้งอยากเอาชนะได้เห็นว่า พวกเขาไม่ใช่แค่ "ตัวห่วย" อย่างที่ใคร ๆ คิด
เดอะ สเก๊าท์: บิดพิภพทะลุโลก (2552/2009) ไม่มีใครเคยคาดคิดว่าการตั้งแคมป์ลูกเสือที่ดูแสนจะธรรมดา ๆ ของโรงเรียนระดับประถมแห่งหนึ่ง จะกลายมาเป็นการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นเร้าใจอย่างชนิดที่พวกเด็ก ๆ จะต้องจดจำไปอีกนานเท่านาน เมื่อครูผู้คุมกองลูกเสือสามัญ ตัดสินใจตั้งแคมป์บริเวณใกล้กับปราสาทเก่าแก่แห่งหนึ่งกลางป่าใหญ่ ที่ดูสงบเงียบและน่าจะปลอดภัยสำหรับเด็ก ๆ เหล่านี้ แต่แล้วเมื่อค่ำคืนมาเยือน ปราสาทเก่าแก่ที่เด็ก ๆ เหยียบย่างเข้าไปกลับกลายเป็นดินแดนแห่งความมหัศจรรย์ของมิติแห่งกาลเวลา ที่นำพาพวกเขาไปพบกับงูยักษ์ที่ทั้งดุร้าย และว่องไวกว่าอสรพิษทุกชนิดที่เคยรู้จัก รวมทั้งกบบินได้ และอีกมากมายสารพัดที่ทำให้การเดินทางข้ามเวลาครั้งนี้ของพวกเขาเป็นความทรงจำที่ไม่อาจจะลืมเลือน
The Sanctuary สามพันโบก (2552/2009) ในปี พ.ศ.2440 เมื่อกลุ่มโจรมีดสั้นอาบยาพิษ บุกเข้าไปในวังหลวง เพื่อขโมยเครื่องราชบรรณาการ ที่สำหรับมอบให้กับทูตอเมริกา ทั้ง 3 ชิ้น เพื่อตอบแทนที่อเมริกาเป็นตัวแทนในการเจรจา ไม่ให้ไทยเสียดินแดนทางใต้ให้แก่ฝรั่งเศส กลุ่มโจรขโมยเครื่องราชฯ ทั้ง 3 ได้สำเร็จ แต่หนีไม่รอด จึงคิดฝังเครื่องราชฯ ไว้ในที่ใดสักแห่งหนึ่งภายในวังหลวง แต่อาจารย์แสวง หัวหน้าทหารอารักขาเครื่องราชฯ พลาดฆ่าโจรทั้งหมดตายอย่างไม่ตั้งใจ เพราะไม่รู้ว่าของทั้งหมดถูกซ่อนอยู่ที่ไหน จึงสละชีพเพื่อรักษาความลับด้วยการฆ่าตัวตาย เลือดไหลริบลงสู่ใต้ติน ไหลไปที่เครื่องราชฯ ทั้ง 3 เหล่านั้น นั่นดั่งเหมือนหน้าที่ที่ต้องตามไปคุ้มครองของนั้นตลอดไป กรุงเทพฯ ปี พ.ศ.2552 ในยุคปัจจุบัน, เครือข่าย มาเฟียวิสา (วินสโตน โอเมก้า) ผู้ซึ่งอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ปล้นในครั้งนั้น ได้ว่าจ้าง แพททริค (รัสเซลล์ หว่อง) อดีตผู้อำนวยการ, นักสำรวจงานใต้ดินข้ามชาติ ใช้สัญญาณแซทแทลไลท์ จากกองทัพสหรัฐ โดยมีนักฆ่าสาวสุดเซ็กซี่ เซริน่า (ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) มาสำรวจหาจนพบว่าของอยู่ที่ใต้วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งมี กริช (ไพโรจน์ บุญเกิด) เหลนของอาจารย์แสวง เป็นเด็กวัดอยู่ที่นี่ กริชเด็กหนุ่มผู้มีความสามารถด้านการต่อสู้ ผู้เห็นเหตุการณ์การสำรวจทั้งหมด โดยมี ปลายฟ้า (อินทิรา เจริญปุระ) นักศึกษาโบราณคดี เป็นคนช่วยเหลือเพียงคนเดียวที่รู้ว่าหน้าตาของเครื่องราชฯ ทั้ง 3 เป็นยังไง ทั้งสองจะสามารถทวงสมบัติของชาติคืนมาได้อย่างไร จะทันการณ์รึไม่ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร แล้วจุดพลิกผันจะเป็นเช่นไร
หนีตามกาลิเลโอ (2552/2009) ปลายศตวรรษที่ 16 เมืองปิซา ประเทศอิตาลี กาลิเลโอ ประกาศผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ของเขาว่า วัตถุ 2 ชิ้นที่มีรูปทรงเดียวกัน และประกอบขึ้นด้วยมวลสารเดียวกัน จะตกถึงพื้นพร้อมกัน แม้จะมีน้ำหนักไม่เท่ากัน อีกทั้งยังประกาศความเชื่อว่าโลกไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาล การปฏิบัติตัวขัดแย้งกับศาสนจักรเช่นนี้ ทำให้ กาลิเลโอ ถูกจับขัง สิ้นสูญอิสรภาพ และชีวิตก็ตกระกำลำบากนับจากนั้น ปี 2009 กรุงเทพฯ ประเทศไทย ห่างจากที่เกิดเหตุแรก 1/4 เส้นรอบวงโลก เด็กสาว 2 คนกำลังประสบปัญหาหนักหน่วงที่สุดในชีวิต เชอรี่ (ชุติมา ทีปะนาถ) นักศึกษาชั้นปีสุดท้ายของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ถูกตัดสิทธิ์สอบและต้องพักการเรียนเป็นเวลา 1 ปี ด้วยความผิดที่เจ้าตัวเห็นว่าเล็กน้อย นั่นคือปลอมลายเซ็นอาจารย์ในใบขออนุญาตใช้ห้องเขียนแบบ นุ่น (จรินทร์พร จุนเกียรติ) สาวร่าเริงแสนงอน เคยท้าเลิกกับแฟนหนุ่ม ตั้ม (ธนากร ชินกูล) มาแล้วหลายครั้ง ทว่า ตั้ม เป็นต้องงอนง้อขอคืนดีกับเธออยู่ร่ำไป แต่ครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้ง ตั้ม ตัดสินใจรับคำบอกเลิกของเธอแต่โดยดี ทั้ง นุ่น และ เชอรี่ ต่างรู้สึกอยากหนีไปให้ไกลจากสถานที่เกิดปัญหา จึงจูงมือกันบินข้ามหลายเส้นรุ้งและอีกหลายเส้นแวง ปลดแอกตัวเองจากแรงดึงดูดของชีวิตทันที แผนของทั้งคู่นั้นแสนง่าย มุ่งมั่นทำงานบริกร เพื่อเก็บเงินไปท่องเที่ยวให้มากที่สุด เป้าหมายของพวกเธอคือ 3 เมืองใหญ่แห่งยุโรปอย่าง ลอนดอน ปารีส และเวนิส สถานที่สำคัญๆ ถูกหมุดหมายลงในใจของสองสาว ไม่ว่าจะเป็นสโตนเฮนจ์ ทาวเวอร์บริดจ์ หอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ โคลอสเซียม เรือกอนโดลา และ หอเอนปิซา ก่อนออกเดินทาง ทั้งคู่ทำสัญญาใจกันไว้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามทิ้งกัน อย่างไรก็ตาม ชีวิตเต็มไปด้วยเรื่องคาดไม่ถึงสารพัด บางครั้งคำสัญญาเป็นมั่นเหมาะก็ถูกสั่นคลอนเสียง่ายๆ เมื่อเจ้าของคำสัญญาอ่อนล้าจากภาระหน้าที่ในชีวิตประจำวัน และบางทีมิตรภาพยาวนานก็แทบถึงกาลแตกหัก ด้วยเหตุผลที่เหมือนจะไม่เป็นเหตุผลว่าเบื่อขี้หน้ากัน นุ่น ยังคาดไม่ถึงอีกด้วยว่า เธอหนี ตั้ม คนหนึ่งไปไกลถึง 1/4 ของโลก เพียงเพื่อจะไปพบความสัมพันธ์ครั้งใหม่กับอีก ตั้ม (เร แม๊คโดแนลด์) ส่วน เชอรี่ ก็คาดไม่ถึงว่าความตั้งใจที่จะออกเดินทางให้หลุดพ้นจากกฎโง่ๆ ของโลก กลับทำให้เธอเรียนรู้ว่า ไม่ว่าจะหนีไปไกลแค่ไหน ทุกคนต่างอยู่บนกฎพื้นฐานข้อเดียวกัน นั่นคือเราไม่ใช่ศูนย์กลางของโลก เช่นเดียวกับที่โลกไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาล
นาค (2551/2008) เรื่องราวของแม่นาคพระโขนงถูกเล่าขานอีกครั้ง เมื่อนาคกับบรรดาเหล่าผีโบราณต่าง ๆ หนีความเจริญของกรุงเทพฯ ย้ายมาอยู่กันที่ชนบทห่างไกลแสงสีและความเจริญแห่งหนึ่ง แต่ก็ยังไม่วายโดนพวกผีเมืองกรุงตามมารังควานไม่เว้นแต่ละวัน จนวันหนึ่งเกิดเรื่องใหญ่ในหมู่บ้านของมนุษย์ละแวกเดียวกับที่นาคอาศัยอยู่ ขณะที่ทางหมู่บ้านกำลังจัดงานวัดกัน ผู้คนกำลังดูหนังกลางแปลงอย่างสนุกสนาน ผีในหนังที่ดูก็มีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ โผล่ออกมาจากจอหนังแล้วจับธี เด็กชายวัย 7 ขวบไปต่อหน้าต่อตาพี่สาวและชาวบ้านที่กำลังแตกตื่น เมื่อนาคเห็นแก้มพี่สาวของธี สูญเสียน้องชาย ความสงสารเห็นอกเห็นใจบวกกับความหลังฝังใจบางอย่าง นาคและพ้องเพื่อนอย่าง เขียวผีหัวขาด, อืดผีเปรตจอมอ้วน และทองผีหมาปากสุนัข จึงตัดสินใจพาแก้มเข้าไปในโลกแห่งวิญญาณที่แสนจะทันสมัย เพื่อช่วยเหลือธีและสะสางสิ่งที่ติดค้างในอดีตของตนเอง นาค, แก้ม และแก๊งค์เพื่อน จึงเดินทางสู่เมืองกรุงแห่งโลกวิญญาณ เพื่อเผชิญหน้ากับจอมราชันย์แห่งภูติผีทั้งหลายที่เป็นตัวการวางแผนให้พวกผีร้ายสามารถขึ้นมาทำลายโลกของมนุษย์ในเวลากลางวันได้โดยไม่ต้องซ่อนเร้นอีกต่อไป
สลัดตาเดียวกับเด็ก 200 ตา (2551/2008) ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยความลับที่ใครต่อใครเฝ้าค้นหา เด็ก 9 คนได้พลัดตกจากเรือสำราญมาติดอยู่บนเกาะกลางทะเล ท่ามกลางความเวิ้งว้างของมหาสมุทรที่เด็ก ๆ ต้องมาดำรงชีวิตเพียงลำพัง ทั้งหาอาหารประทังชีวิต ก่อไฟแก้หนาว หรือกระทั่งต่อเรือเพื่อกลับบ้านพวกเขาก็ได้พบกับโจรสลัดในตำนานที่ล่องเรือมาหาสมบัติที่เกาะนี้ เด็ก ๆ ทั้ง 9 ได้รับการ ช่วยเหลือจากโจรสลัด และพวกเขาก็ได้ช่วยเหล่าโจรสลัดไขปริศนาจากลายแทงจนรู้ที่ซ่อนของสมบัติ แต่ก่อนที่การผจญภัยค้นหาสมบัติจะเริ่มขึ้น ทั้งหมดก็ถูกขัดขวางจากอริเก่าของโจรสลัดจนต้องเกิดการต่อสู้เกิดขึ้น แต่สิ่งที่นอกเหนือความคาดหมายก็คือ การช่วยเหลือจากสัตว์ในตำนาน ทั้งปูยักษ์ ปลาหมึกยักษ์ เต่ายักษ์ แต่การต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นยังไง เหล่าโจรสลัดและเด็ก ๆ จะเป็นฝ่ายชนะหรือไม่ ต้องติดตามชมใน "สลัดตาเดียวกับเด็ก 200 ตา"
ก่อนบ่าย เดอะ มูฟวี่ ตอน : รักนะ…พ่อต๊ะติ๊งโหน่ง

ก่อนบ่าย เดอะ มูฟวี่ ตอน : รักนะ...พ่อต๊ะติ๊งโหน่ง (2550/2007) กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ท่ามกลางไอหมอกในอ้อมอกขุนเขาเขียวชะอุ่มเหนือสุดแดนสยาม ยังมีสามหนุ่ม เด๋อทูบี (ที่ไม่ใช่ดีทูบี) นามว่า ทีป้อ (ศุภณัฐ เฉลิมชัยเจริญกิจ) หล่อซา (ชูเกียรติ เอี่ยมสุข) หม่าจู (สมชาติ ทรงกลด) เป็นขวัญใจของคนในหมู่บ้าน และแล้วกามเทพก็หลบร้อนขึ้นดอยไปแผลงศรไปปักอกทั้งสามเด๋อ เมื่อได้เจอะกับสามสาวเมืองกรุง หนึ่งในนั้นคือ แอนนี่ (อเล็กซานดร้า สติเบิร์ท) ทีป้อถึงกับอุทานเรียกชื่อเธอว่า คุงด่อม้า สวยจาง (แปลให้ คุณดอกไม้สวยจัง) แถวบ้านเรียกว่าตกหลุมรักแบบจังเบอร์ และอุบัติเหตุรักต่าง ๆ ก็พาให้ทีป้อคิดไปไกล หารู้ไม่ว่าตัวเองรักเขาข้างเดียว ฮือ ๆ แต่ช่วงเวลาความสุขช่างแสนสั้น แอนนี่ต้องกลับกรุงเทพไปพร้อมความเข้าใจผิดบางอย่าง ทีป้อและแก๊งสามเด๋อจึงต้องลงดอยเข้าสู่เมืองกรุง เพื่อปฏิบัติการภารกิจที่มีชื่อว่า ตามหาดอกไม้ใจดอย ยังไงละทีนี้ เมืองกรุงออกจะกว้างใหญ่ สามเด๋อเลยเซ่อซ่าไปเจอเรื่องราวอลวนและผู้คนมากมาย ทั้งหมู่บ้านประหลาดที่มีแต่ผู้คนเพี้ยน ๆ กะเทยร่างใหญ่ใจนักเลง คนหน้าเหลี่ยมที่สั่งอาหารชื่อแปลก ๆ แถมยังต้องขี่รถไฟฟ้าถูกตามล่าทั่วเมืองอีกต่างหาก พอได้เจอคุณดอกไม้สมใจก็อกหักดังเป๊าะ เพราะสาวเจ้าดันมี ภคิณ (ตระการ พันธุมเลิศรุจี) เป็นเจ้าของแล้ว ซึ่งภคิณกำลังคิดร้ายกับคุณดอกไม้อยู่ งานเข้าแล้วสิ งานนี้ทีป้อกับแก็งสามเด๋อจะสามารถปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จหรือไม่

ฅนไฟบิน

ฅนไฟบิน (2549/2006) ปี พ.ศ. 2398 เป็นต้นมาได้เกิดอาชีพ “นายฮ้อย” ขึ้นมา เพราะประเทศต้องการทำนาเพื่อนำข้าวส่งออกต่างประเทศ เหล่ากลุ่มนายฮ้อยเหล่านี้ต้อนควายเพื่อมาขายยังกรุงเทพฯ นายฮ้อยบางกลุ่มก็เป็นโจรแฝงมาเพื่อปล้นควายและฆ่าชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนโดยทางการมิได้เข้าช่วยเหลือแต่อย่างใด หนำซ้ำ “พระยาแหว่ง” (ลีโอ พุฒ-พุฒิพงศ์ ศรีวัฒน์) ยังต้องการให้ฆ่าควายให้หมดอีกด้วยเพื่อจะได้ขายรถไถฝรั่งให้กับประชาชนใช้แทนควาย กลุ่มนายฮ้อยโจรเหล่านี้ต้องเผชิญกับ “โจรบั้งไฟ“ (ชูพงษ์ ช่างปรุง) ผู้ออกปล้นด้วยเหตุผล 2 ประการคือ ช่วยเหลือชาวบ้านผู้ทุกข์ยาก และที่สำคัญหาคนที่ฆ่าพ่อแม่ของตน จนกระทั่งเจอกับ “นายฮ้อยสิงห์” (สามารถ พยัคฆ์อรุณ) และเชื่อมั่นว่าเป็นคนฆ่าพ่อแม่ของตนจริงๆ ในขณะที่พระยาแหว่งจ้างโจรปล้นฆ่านายฮ้อยได้หมด แต่กลับไม่สามารถฆ่านายฮ้อยสิงห์คนที่ไม่เคยแพ้ใครได้ พระยาแหว่งจึงวางแผนหลอกใช้โจรบั้งไฟและ “ปอบดำ” (พันนา ฤทธิไกร) ผู้ลึกลับและมีความแค้นอยู่กับนายฮ้อยสิงห์มานาน จึงตกลงใจช่วยเหลือโดยทันที ทั้งพระยาแหว่งและโจรบั้งไฟต่างก็หลงรัก “อีสาว” (กัญญาภัค สุวรรกูฏ) ลูกสาวคนเดียวของปอบดำ แต่ปอบดำก็ไม่ยอมให้ใครได้อีสาวไปครอง… “นายฮ้อยสิงห์” ยังไม่รู้ว่าตนเองถูกปองร้าย… ชีวิตของ “อีสาว” ยังมีความลึกลับที่ยังไม่เปิดเผย… “โจรบั้งไฟ” และ “พระยาแหว่ง” ยังไม่รู้ความลับของ “ปอบดำ” แต่ทั้งสามก็ต้องร่วมมือกันเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ของแต่ละคน…

สุดสาคร (2549/2006) การพบกันระหว่างสุดสาคร กับ ม้านิลมังกร นั่นหมายถึงการจากลาจาก พระเจ้าตา และ แม่นางเงือก และหมายถึงการเริ่มต้นสู่การผจญภัยที่เหนือจินตนาการ เพื่อเดินทางตามหา พระอภัยมณี ผู้เป็นบิดา ไปสู่ดินแดนที่สุดสาครไม่เคยรู้จัก ในขณะเดียวกันทางฝ่าย พระอภัยมณี กับ นางสุวรรณมาลี และสินสมุทร เกิดเรืออับปางลงกลางทะเล นางสุวรรณมาลี กับสินสมุทรลอยคออยู่กลางทะเลและถูกโจรสลัดนามว่า สุหรั่ง จับตัวไว้ หากแต่สินสมุทรผู้มีพลังอำนาจ ได้ปราบโจรสลัดเสียสิ้น สมุนของโจรจึงกลับใจมาช่วยสินสมุทรตามหาผู้เป็นบิดาที่พลัดหลง ส่วนพระอภัยมณี ลอยตามน้ำไปสู่เมืองลังกาและถูกอุศเรนจับไว้เป็นตัวประกันในการทำศึกกับศรีสุวรรณเจ้าเมืองรมจักรผู้เป็นน้องของพระอภัยมณี การผจญภัยของสุดสาครถึงคราวเข้าตาจนอีกครั้งเมื่อพบกับ ชีเปลือย ที่ลวง สุดสาครว่าจะถ่ายทอดวิชาข้ามทะเลน้ำกรดให้ เมื่อหลงเชื่อ ชีเปลือยจึงชิงเอาไม้เท้ากายสิทธ์กับม้านิลมังกรมุ่งหน้าสู่เมืองการเวก และทำให้สุดสาครต้องตกลงไปในก้นเหว ม้านิลมังกรได้จังหวะระหว่างที่ ชีเปลือย เสวยสุขอยู่ในเมืองการเวกนั้น หลบหนีออกมทาช่วยสุดสาคร และด้วยบุญญาธิการสุดสาครจึงรอดตายและขี่ม้านิลมังกรกลับมาเมืองการเวกเพื่อทวงถามความจริงให้กับท้าวสุริโยทัยเจ้าเมืองการเวกและชาวเมือง และเมื่อสุดสาครได้ปราบชีเปลือยจนรู้แพ้ชนะแล้ว จึงออกเดินทางไปปราบเหล่าผีเสื้อยักษ์ ที่คอยก่อกวนชาวเมืองที่ต้องเดินทางค้าขายทางสำเภาเรือ ณ เกาะแห่งหนึ่ง สุดสาครได้ออกไปปราบผีเสื้อยักษ์ ร่วมกับเหล่าทหารผู้กล้าเมืองการเวก แต่ในสำเภา เจ้าชายหัสชัย กับ เจ้าหญิงเสาวคนธ์ แอบซ่อนไปด้วย และเมื่อเจ้าหญิงเสาวคนธ์ขึ้นมาจากท้องเรือก็ถูกผีเสื้อยักษ์โฉบเอาตัวไป สุดสาครจึงขี่ม้านิลมังกรเร่งติดตามไปช่วยเหลือ และปราบผีเสื้อยักษ์เสียราบคาบ และนำตัวเจ้าหญิงเสาวคนธ์กลับมาได้อย่างปลอดภัย ฝ่ายกองทัพอุศเรน เดินทางมาถึงจุดนัดหมายพร้อมกับทำการรบกองทัพศรีสุวรรณ การต่อสู้เป็นไปด้วยความดุเดือด ท่ามกลางการสุมดูของสินสมุทร สุวรรณมาลีที่รอเวลาจะเข้าช่วยเหลือ ทางฝ่ายสุดสาครเดินเรือมาถึงเห็นการรบมาแต่ไกล จึงทราบว่าเป็นการรบกันระหว่างท้าวอุศเรนและศรีสุวรรณผู้เป็นน้าของตน สุดสาครไม่รอช้าจึงตรงเข้าช่วยเหลืออย่างกล้าหาญ ขณะเดียวกันสินสมุทรได้จังหวะจึงนำเหล่าสมุนโจรตรงเข้าช่วยรบ จนในที่สุดความปราชัยเป็นของท้าวอุศเรนแห่งเมืองลังกา สุดสาครแนะนำตนเองกับพระอภัยมณีด้วยการนำปิ่นปักผมจากแม่นางเงือกที่ให้ติดตัวไว้ พระอภัยมณีเห็นดังนั้นจึงทราบเรื่องราวเป็นอย่างดี ทั้งหมดได้พบเจอกันด้วยความปิติสุข
ก้านกล้วย (2549/2006) วีรบุรุษผู้มี 4 ขา 2 งา และ 1 งวง ช้างศึกผู้สร้างเกียรติประวัติสูงสุดให้แก่ช้างไทย ในฐานะช้างคู่พระบารมีแห่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อครั้งสงครามยุทธหัตถี ชื่อของเขาคือ “เจ้าพระยาปราบหงสาวดี” หรืออีกนามหนึ่งว่า “ก้านกล้วย” นี่คือเรื่องราวการเติบโตของช้างเชือกหนึ่ง จากลูกช้างซุกซนใช้ชีวิตอิสระอยู่ท่ามกลางป่าลึก แต่แล้วด้วยความอยากรู้เรื่องของพ่อที่หายไปได้นำเขาออกเดินทางสู่การผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ผ่านหลากหลายเหตุการณ์ซึ่งให้บทเรียนใหม่ๆ เปลี่ยนให้เขากลายเป็นช้างที่กล้าแกร่งเต็มไปด้วยพละกำลัง ในขณะที่จิตใจกลับอ่อนโยน บรรดาตัวละครต่างๆ ที่เขาได้พบระหว่างการเดินทาง อาทิเช่น “จิ๊ดริด” นกพิราบสื่อสารขี้โม้, “ชบาแก้ว” ช้างสาวผู้น่ารักและแสนงอน, “ติ่งรูและรถถัง” ช้างรุ่นพี่และรุ่นอาซึ่งเขาได้พบในหมู่บ้าน, “บุญเรือง” ช้างศึกแห่งเมืองหลวง และที่สำคัญ “แสงดา” แม่ซึ่งก้านกล้วยจากมา ล้วนเป็นส่วนที่เข้ามาเติมเต็มสร้างสีสันและความสนุกสนาน พร้อมกันนั้นก็ให้บทเรียนต่างๆ ซึ่งเป็นเสมือนการเตรียมความพร้อมให้เขาก้าวสู่การเป็นช้างศึกเชือกสำคัญในประวัติศาสตร์ นอกจากนี้การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมนุษย์และการได้พบกับผู้คนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น “สมเด็จพระนเรศวรฯ” มหาราชผู้เกรียงไกรของชาติไทย, “ลุงมะหูด” หัวหน้าครูฝึกช้าง, “มังคุด” เด็กมนุษย์ตัวน้อยผู้บริสุทธิ์สดใส ฯลฯ ยังทำให้ก้านกล้วยได้เรียนรู้ถึงมิตรภาพระหว่างคนและช้างอันนำไปสู่การเสียสละตัวเอง โดยเดินหน้าเข้าสู่สงครามอย่างนักรบผู้กล้า เช่นเดียวกับที่พ่อของเขาเคยทำมาเมื่อครั้งอดีตสุดท้าย ขณะอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบ และต้องเผชิญหน้ากับศัตรูผู้น่าเกรงขามเขาก็ได้รับบทเรียนครั้งสำคัญที่สุด นั่นก็คือการเอาชนะความกลัวในจิตใจตัวเอง เมื่อมีชัยเหนือตัวเองก็ไม่มีสิ่งใดในโลกที่จะทำให้เขาพรั่นพรึงได้อีกต่อไป และจุดนี้เองที่ทำให้เขากลายเป็นช้างผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง แม้จุดหมายแรกคือการตามหาพ่อ แต่ในที่สุดก้านกล้วยกลับได้พบสิ่งที่มีความหมายยิ่งกว่า นั่นก็คือมิตรภาพ ความกล้าหาญ และความเสียสละซึ่งอยู่ในตัวเขาเอง เป็นจิตวิญญาณของพ่อที่อยู่กับเขามายาวนาน และนี่คือบทสรุปที่ล้ำค่ายิ่งสำหรับการเดินทางของเขาในครั้งนี้…
โบอา งูยักษ์ (2549/2006) คุณจะไม่มีวันลืม ความสยองขวัญครั้งใหม่ ที่รอกลืนกินทุกคนอยู่ในความดิบเถื่อนของพงไพร “โบอา งูยักษ์” …ท่ามกลางธรรมชาติแห่งขุนเขาและพงไพร มีบางอย่างเร้นกายภายใต้ป่าลึกนั้นอย่างเงียบๆ… “พนา” ชายหนุ่มที่รักการถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ เขาชอบเดินทางไปท่องเที่ยวตามที่ต่างๆ เพื่อเก็บภาพความสวยงามไว้เป็นที่ระลึก วันหนึ่งพนาได้ไปท่องเที่ยวในป่าแห่งหนึ่งแถวเขตชายแดน ขณะที่เพลิดเพลินกับการเก็บภาพธรรมชาติที่สวยงามอยู่นั้น โดยไม่ทันตั้งตัว เขาโดนบางอย่างลากไปกินอย่างน่าสยดสยอง กลุ่มเพื่อนสนิทของพนาที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง คือ “คิน, โก้, เสิด, ก๋อย, สีดา” และ “แพร” แฟนสาวของพนา ทราบข่าวที่พนาหายไปอย่างลึกลับ จึงตัดสินใจที่จะเข้าไปตามหาพนาด้วยตัวของพวกเขาเองในป่า โดยการโดยสารไปกับบอลลูน ด้วยเหตุผลที่ว่าจะได้เห็นวิวด้านล่างของป่าอย่างชัดเจน แต่แล้วพวกเขาก็ต้องมาผจญกับลมพายุฝนรุนแรงจนทำให้บอลลูนตกกลางป่าลึกแห่งหนึ่ง ในค่ำคืนที่ฝนตกกระหน่ำ ทั้งหมดมาหลบฝนที่ใต้รูปปั้นแกะสลักพญานาค ทุกคนประหลาดใจจึงเดินขึ้นไปตามทางบันไดหินจนพบปากถ้ำ ทั้งหมดตัดสินใจเข้าพักแรมในถ้ำลับกลางป่าแห่งนั้น โดยหารู้ไม่ว่าพวกเขาได้ย่างกรายเข้าสู่อันตรายที่ยากจะต้านทานได้ …บางสิ่งกำลังเลื้อยออกจากการแฝงกายภายในถ้ำ เพื่อรับการมาเยือนของแขกผู้ไม่ได้รับเชิญโดยเฉพาะ… “งูยักษ์” ที่อาศัยอยู่ในถ้ำลับนั้น ไม่รีรอที่จะออกมาต้อนรับเหล่าหนุ่มสาวกลุ่มนี้ด้วยการกลืนกินพวกเขาทีละคนๆ ไม่ต่างจากเหยื่ออันโอชะ ผู้รอดตายจากคมเขี้ยวงูยักษ์ของค่ำคืนสยองนั้น จำเป็นต้องกระเสือกกระสนหาทางออกและวิธีทำลายงูยักษ์นั้น ก่อนที่มันจะคืบคลานเข้าใกล้พวกเขาอีกครั้งหนึ่ง แต่เมื่อสุดทางหนี พวกเขาจึงต้องเผชิญหน้าสู้กับมันแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน นี่ดูเหมือนจะเป็นทางเดียวเท่านั้น ที่จะทำให้พวกเขา…รอดชีวิต
ไพรรีพินาศ ป่ามรณะ (2549/2006) ในปี 2530 คำกอง ลีซอ และ นาซอ (ตอนเด็ก) เดินทาง เข้าไปในป่าพญาเมฆ เพื่อหาขุมทรัพย์ตามที่ลายแทงบอกไว้ แต่ต้องมาเจอกับงูยักษ์ตามไล่ล่า จนทำให้ลีซอที่เป็นพ่อของนาซอเสียชีวิต ด้วยเหตุการณ์ครั้งนี้เอง จึงทำให้นาซอเข้าใจว่าคำกองเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อของตัวเองเสียชีวิต จึงเกิดความเค้นต่อคำกอง ในปี 2547 หมวดวุฒิ (วัชระ ตังคะประเสริฐ) กับพรรคพวกจับนักโทษที่แหกคุกออกมาได้คนหนึ่ง สอบปากคำจนรู้ว่าพวกนักโทษที่เหลือนั้นได้หลบหนีไปทางป่าพญาเมฆ ในปัจจุบันนี้ คำกอง ได้บวชเป็นพระอยู่ในวัดแห่งนึ่งใกล้ ๆ กับป่าพญาเมฆ หมวดวุฒิกับพรรคพวกได้เดินทางมายังวัด เพื่อสอบถามร่องรอยของนักโทษกับหลวงพ่อคำกองผู้เป็นพ่อของหมวดวุฒิ หลวงพ่อคำกองได้ดูรูปถ่ายก็รู้ทันทีว่านักโทษที่อยู่ในรูปนั้นคือ นาซอ (ชลัฏ ณ สงขลา) โจรที่ปล้นฆ่าอันโหดเหี้ยม ลูกชายคนเดียวของลีซอเพื่อนเก่า ในคืนนั้นเองนาซอและพรรคพวกที่แหกคุกออกมา ก็ได้กลับมาฆ่าหลวงพ่อคำกอง และได้แย่งลายแทงสมบัติกับพวงกุญแจของหลวงพ่อไป จากนั้นนาซอและ หนานเมือง (สุรชัย แสงอากาศ) ก็ได้เดินทางเข้าป่าพญาเมฆ เพื่อไปหาขุมทรัพย์ตามที่ลายแทงบอกทันที หมวดวุฒิก็ได้ออกตามล่าพวกนาซอที่หลบหนีเข้าป่าทันทีที่รู้ข่าว โดยมีนายพรานกระเหรี่ยงเป็นคนนำทาง และมีการปะทะกันระหว่างตำรวจและกลุ่มโจร ซึ่งต่างฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่าย พวกนาซอได้หลบหนีเข้าไปในป่าอาถรรพ์ หมวดวุฒิจึงตามไปแต่นายพรานกระเหรี่ยงไม่กล้าเข้าไป จึงนำข่าวนี้ไปบอกพรานเฒ่าแทน พอ พรานเฒ่า (ประทีป หาญอุดมลาภ) รู้ข่าว ก็รู้สึกเป็นห่วงหมวดวุฒิ จึงได้ออกเดินทางตามไปกับหลานสาวชื่อ กระแต (ณัฐนันท์ จันทรเวช) ด้านพวกนาซอนั้นก็ได้เจอกับ ฝูงต่อพญาเสือ นับแสนตัว รุมทำร้ายจนทำให้ลูกน้องคนหนึ่งเสียชีวิต ทางด้านหมวดวุฒิที่ตามมาติด ๆ นั้นกลับมาเจอ ฝูงตุ๊กเข้ ไล่กัด ด้วยเหตุการณ์ณ์ครั้งนี้เองจึงทำให้ทั้งสองฝ่ายต้อง หนีเข้าไปในป่านารีผล ป่านารีผล ในคืนนี้เองทำให้จ่าวีได้เจอกับพวก นารีผลที่เป็นสาวสวย มาหลอกยั่วยวนให้หลงใหล และหลอกดูดพลังชีวิตจนตาย จ่าหมึกผู้ที่เห็นเหตุการณ์ครั้งนี้ ก็เกือบพลาดท่าเสียทีพวกนารีผล แต่โชคดีที่หมวดวุฒิและพรานเฒ่ามาช่วยไว้ทัน นาซอและพรรคพวกที่เหลือโดนหมวดวุฒิจับได้ แต่ว่าหมวดวุฒิและพรรคพวกนั้นก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้รับการช่วยเหลือจากสาวชาวบ้านที่ชื่อว่า สีอ่อน (จิรภัทร์ วงศ์ไพศาลลักษณ์) และ คำแพง (ณัฏฐรี วิบูลย์เลิศ) สีอ่อนและคำแพงนั้นจะคอยช่วยหาสมุนไพรเพื่อมารักษาหมวดวุฒิและพรรคพวก ชาวบ้านในหมู่บ้านของสีอ่อนทำการต้อนรับอย่างดีกับพวกที่สีอ่อนและคำแพงพามา ในคืนนั้นเองพรานเฒ่าได้มอบของสิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อคำกองได้ฝากไว้ให้หมวดวุฒิ นั่นก็คือ มีดอาคม กระแตหลานสาวของพรานเฒ่า เริ่มมีความสงสัยกับผู้คนในหมู่บ้านของสีอ่อนว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน เพราะว่าเธอได้อ่านสมุดบันทึกของหลวงพ่อคำกองที่ให้เธอมา แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ ...ความลับของขุมทรัพย์จากเหรียญกาละกำลังรอวันเปิดเผย... ...อดีต ปัจจุบัน อนาคต เกี่ยวข้อง ต่อเนื่อง และส่งผลถึงกัน... ...การเผชิญหน้ากับความจริง และความตาย ที่รอเขาอยู่เบื้องหลังเหรียญกาละ... ...กลายเป็นที่มาแห่งจุดจบที่คาดไม่ถึง...
Ocean Butterfly ผีเสื้อสมุทร (2549/2006) คนโบราณเตือนไว้ เวลาอายุครบเบญจเพส ให้หนุ่มสาวพึงระวังตัว แต่คงไม่เคยมีใครเตือน "ว่าน" ให้ระวังตัว อย่าเข้าใกล้... ตู้ปลา ในวันเกิดอายุครบ 25 ปีนี้ "ว่าน" (ต้อง ศุภัชญา) สาวเปิ่น เฉิ่ม เบอะเริ่มได้ยินเสียงพูดคุยที่ไม่รู้ที่มา โดยเฉพาะเวลาว่านอยู่ใกล้ตู้ปลา จะว่าว่านอกหักที่ถูกแฟนหนุ่มบอกเลิกก็ไม่น่าจะมีอาการแปลกประหลาดแบบนี้ ว่านตัดสินใจไปไขปริศนาที่ทะเล เพราะท่าทางตัวเองจะอาการหนักขึ้น แต่ว่านจำต้องร่วมเดินทางไปกับ "แทน" (ธันญ์ ธนากร) ช่างภาพถ่ายรูปธรรมชาติ ตั้งแต่เจอกับแทน เวลาว่านมีปัญหายุ่ง ๆ ทีไร แทนก็มักจะปรากฏตัวอยู่คอยช่วยอยู่ใกล้ ๆ เสมอ เมื่อมาถึงทะเล ว่านรู้สึกคุ้นเคยมีอิสระมากขึ้น ได้สัมผัสท้องทะเล ว่านรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งดำน้ำลงไปใต้ทะเลลึก ยิ่งอัศจรรย์ใจเพิ่มขึ้น ว่านค้นพบว่า ตนมีความสามารถพิเศษเวลาอยู่ใต้น้ำ แทนพาว่านมาพักที่เกาะผีเสื้อ แทน เริ่มสังเกตว่า ว่านโตเป็นสาวเต็มตัว ไม่ใช่เด็กเปิ่น เฉิ่มเหมือนที่เคยเห็น ความรู้สึกดี ๆ ระหว่างว่านกับแทนค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น กิตติ (เอ อนันต์) เจ้าของรายการโทรทัศน์ที่วางแผนจัดฉากถ่ายภาพสัตว์ประหลาดใต้ทะเล หวังสร้างให้เป็นข่าวฮือฮา แต่ระหว่างจัดฉากถ่ายทำกลางทะเลอยู่นั้น กล้องถ่ายติดภาพสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดใต้น้ำ กิตติมั่นใจว่าตนพบขุมทรัพย์เข้าให้แล้ว กิตติตั้งใจจะเอาตัวเป็น ๆ ของผีเสื้อสมุทร มาเปิดเผยให้โลกรับรู้ให้ได้ บนเกาะผีเสื้อ ช่วงเวลาที่ความรู้สึกดี ๆ ระหว่างว่านกับ ทนก่อตัวขึ้นที่เกาะผีเสื้อ ว่านได้พบกับ "เฒ่าโล้" (ชาย เมืองสิงห์) ชายชราแห่งท้องทะเล เฒ่าโล้ คล้ายรู้ความลับของว่าน แต่เฒ่าโล้ก็เพียงแต่เตือนว่านว่า ร่างกายว่านจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างแท้จริงหากโดนน้ำ แทนตัดสินใจจะช่วยว่านค้นหาอาการแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับตัวว่าน แทนไม่รู้เลยว่า ความรักกำลังพาเขาดำดิ่งลงไปสู่ปริศนาลี้ลับแห่งใต้ท้องทะเล
ต้มยำกุ้ง (2548)

The Protector ต้มยำกุ้ง (2548/2005) การเดินทางข้ามโลกของ “ขาม” (จา พนม ยีรัมย์) เด็กหนุ่มบ้านป่าที่ชีวิตต้องพลิกผันโดยเงื้อมมือของผู้มีอิทธิพลระดับประเทศที่ลักพาช้างพลายสองพ่อลูก ซึ่งเด็กหนุ่มและ “พ่อของขาม” (โสรธร รุ่งเรือง) เขารักดั่งชีวิต และมีความมุ่งหมายอันสูงสุดที่จะมอบเป็นคชบาทแด่ในหลวง ไปขาย ณ ประเทศออสเตรเลีย ทางเดียวที่จะช่วยเหลือและรักษาชีวิตของช้างอันเป็นที่รักของเขาได้ นั่นก็คือ การบุกตะลุยถึงถิ่นเสือ โดยการเดินทางข้ามโลก เรื่องไม่ง่ายอย่างใจคิด แม้เขาจะได้รับความช่วยเหลือจาก “จ่ามาร์ค” (หม่ำ จ๊กมก) นายตำรวจไทยและ “ปลา” (บงกช คงมาลัย) สาวไทยที่ถูกหลอกมาขายตัวในซิดนีย์ก็ตาม แต่ที่นั่น เขากลับต้องไปพัวพันกับการไล่ล่าของแก๊งมาเฟียที่นำโดย “มาดามโรส” (จิน ซิง) ที่มีลูกสมุนต่างชาติที่เต็มไปด้วยฝีมือทางการต่อสู้อย่าง “จอห์นนี่” (จอห์นนี่ เหงียน) และ “ทีเค” (นาธาน โจนส์) พร้อมลูกสมุนย่อยที่มีฝีไม้ลายมือทางการต่อสู้เหลือรับอย่าง “คาโปเอร่า” (ลาธีฟ คราวเดอร์) และ “วูซู” (จอน ฟู) อย่างไม่ได้ตั้งใจ ณ วินาทีนี้ การต่อสู้ข้ามชาติเพื่อเอาชีวิตรอดของเด็กหนุ่มและเพื่อนพ้อง ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เพื่อตามหาและช่วยเหลือ พ่อใหญ่ และ ขอน ช้างพ่อลูก ที่เปรียบได้กับญาติพี่น้องของเขา นำไปสู่บททดสอบและการต่อสู้ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาให้โลกได้ล่วงรู้ถึง อานุภาพของ "ไม้มวยไทยโบราณ" ที่หนักหน่วง รุนแรง และยังไม่เคยได้รับการเปิดเผยมาก่อน โดยเฉพาะ "ตำนานมวยคชสาร"