เรื่องย่อ : องค์บาก 3 (2553/2010) หลังจากพ่ายแพ้แก่ ภูติสางกา (ชูพงษ์ ช่างปรุง) สูญเสียทั้ง 2 บิดา ออกญาสีหเดโช (สันติสุข พรหมศิริ) และ เชอนัง (สรพงษ์ ชาตรี) รวมทั้งบรรดาพี่น้องแห่งชุมโจรผาปีกครุฑ ทุกศาสตร์ยุทธ์ที่ถูกบ่มเพาะฝึกฝนมาทั้งชีวิตของเทียน (ทัชชกร ยีรัมย์) ล้วนถูกทำลายย่อยยับจนหมดสิ้น ต้องโทษฑัณฑ์ถูกทรมานพิการเจียนตาย เหลือเพียงแค่ลมหายใจอันรวยริน ฤาชีวิตทั้งมวลล้วนจบสิ้นลง ดั่งคำทำนาย เมื่อครั้งถือกำเนิด ยามใดจับต้องศาสตรา ชีวิตจักมืดมนต้องโทษทุกข์แสนสาหัส ท่ามกลางบ่วงกรรมที่ยังคงดำเนินเกี่ยวพันสืบเนื่องต่อไป บัดนี้ร่างที่ไร้ชีวิตของบุรุษนักสู้ผู้เป็นตำนานได้รับความช่วยเหลือถูกลำเลียงขนย้ายส่งต่อไปยังหมู่บ้านอโรคยา ที่ในอดีต เทียน และ พิม (พริมรตา เดชอุดม) เคยใช้ชีวิตเติบโตเรียนรู้เรื่องสมุนไพรใบยาบ่มเพาะสมาธิ ซึมซับวิชาโขนนาฏศิลป์ โดยมีเหล่าผู้คนในหมู่บ้านทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็กผู้เฒ่าผู้แก่ หรือกระทั่งคนบ้าที่ไร้สติแต่ไม่เคยมีพิษภัยกับใครอย่าง ไอ้เหม็น (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) ก็ต่างมาร่วมกันหลอมจิต ศรัทธารวมเป็นหนึ่งช่วยกันหล่อพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเพื่อส่งจิตระลึกให้เทียนฟื้นคืนสติกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ขณะที่พิมเองได้นำเอาท่วงท่าการร่ายรำดัดตัวตามรูปแบบของนาฏศิลป์โขนโบราณ มาช่วยในการรักษาบำบัดร่างกายที่เสื่อมสลายโดยมี ครูบัว (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) ที่ปัจจุบันกลายเป็นพระบัวเปิดทางให้เทียนได้เริ่มต้นเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกควบคุมร่างกาย กล่อมเกลาสภาวะจิตให้นิ่ง เรียนรู้และต่อสู้กับด้านมืดในใจ เพื่อบรรลุถึงจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ที่หลับใหล หลอมหลวมเข้ากับ พลังศรัทธาอันแรงกล้า จากธาตุธรรมชาติทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ ผสมผสาน จนก่อเกิดการค้นพบ นาฏยุทธ์ ศาสตร์และศิลปะการต่อสู้อันทรงอานุภาพอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ในขณะที่แผนการณ์ต่าง ๆ ของ พระยาราชเสนา (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) ล้วนแต่บรรลุตามความประสงค์แทบทั้งสิ้น โดยมีเป้าหมายหลักคือ การก้าวขึ้นสู่ความเป็น จอมราชันย์ที่พร้อมสยบทุกสิ่ง และแน่นอนว่าเมื่อรวมเหล่านักฆ่ามากฝีมือ และบรรดาไพร่พลที่มีอยู่รายล้อมรอบตัวอันมากมายมหาศาลด้วยแล้ว ภายใต้ผืนนภา และเหนือพื้นพสุธาอันกว้างใหญ่ไพศาลย่อมไร้ซึ่งผู้กล้ารายใดที่คิดจะต่อกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ ภูติสางกา ฑูตสังหารที่มาพร้อมกับ ภูติยุทธ์ ศาสตร์การต่อสู้ที่ไร้รูปแบบและร่องรอย อยู่เคียงข้างและรวมเป็นหนึ่งเดียวด้วยแล้ว ดูเหมือนว่าทุกสรรพสิ่งล้วนสยบนิ่งอยู่แทบเท้าเลยทีเดียว และทันทีที่พระยาราชเสนารู้ว่าบัดนี้เทียนได้รับการชุบชีวิตจากชาวหมู่บ้านคณะโขนด้วยแล้ว คำสั่งเลือดและการระดมเหล่าทหารและขุมกำลังทั้งหมดถูกส่งไปเพื่อทำลายร้างและเข่นฆ่าผู้คนในหมู่บ้านที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างทันท่วงที โดยที่ตัวพิมเองถูกทหารจับตัวกลับไปยังพระราชวังเพื่อสำเร็จโทษอาญาคชฑัณฑ์ (ใส่ตะกร้อให้ช้างเตะ) ต่อหน้าหมู่ทาสและกลุ่มประชาชนทั้งหมด ทำให้เทียนที่บัดนี้กำลังเรียนรู้และก้าวเข้าสู่วิถีสมาธิอันสงบนิ่ง ต้องยอมละตัวเองออกจากดวงจิตอันบริสุทธ์เพื่อเผชิญกับวิบากกรรมและขวากหนามที่เป็นอุปสรรคซึ่งถูกลิขิตไว้อย่างไม่จบสิ้น จากเหล่าอริราชแลศัตรูอันชั่วร้ายที่ยังคงหมายที่จะคร่าเอาชีวิตเทียน ไม่ว่าจะเป็น ภูติสางกา หรือ พระยาราชเสนา เอง ในขณะเดียวกันดูเหมือนว่า ความแค้นและพลังจากด้านมืดในจิตของเทียนเอง ก็พร้อมที่จะถาโถมเข้าครอบงำ ทำลายและทำร้ายเทียนตลอดเวลา ทางเดียวที่จะเอาชนะกรรมที่เริ่มก่อตัวขึ้น นั่นคือต้องเผชิญหน้าและเรียนรู้ที่จะควบคุมและเอาชนะจิตใจตนเองให้ได้ เตรียมพบกับการเผชิญหน้าและศึกการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต กับอภิมหาภาพยนตร์แอ็คชั่นที่คนทั้งโลกรอคอยกับบทสรุปของ องค์บาก 3 จุดกำเนิดขององค์บาก ตำนานการต่อสู้แห่งจิตวิญญาณ หลอมรวมพลังศรัทธาอันมุ่งมั่นที่ไม่เคยดับสูญของบุรุษผู้เกิดมาเพื่อเป็นตำนาน

คนไท ทิ้งแผ่นดิน มหาสงครามเพื่อแผ่นดินสุดท้าย (2553/2010) ภาพยนตร์ไทยอิงแนวประวัติศาสตร์กล่าวถึงกลุ่มบรรพบุรุษไทย ที่รวมตัวกันกอบกู้และต่อสู้จากการรุกรานของกลุ่มชนฮาน เพื่ออิสรภาพและเพื่อความเป็นไท แม้นจะแลกมาด้วยการเสียสละทุกอย่างก็ตาม เมื่อกว่าหนึ่งพันปีก่อน ตอนใต้ประเทศมองโกเลียมีชนกลุ่มน้อยที่เรียกตนเองว่า ไท ที่ตกอยู่ภายใต้กฏระเบียบและการปกครองของเมืองฮานมหาอำนาจ ชาวไท เป็นผู้ซึ่งรักความสงบ ความสุข ไม่คิดร้ายกับผู้อื่นมีความเมตตาและเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนร่วมโลกสิ่งเหล่านี้คือวิถีชีวิตที่ชาว ไท ยึดถือเป็นแบบอย่างมาช้านาน แต่ก็ยังไม่วายที่จะถูกกดขี่ข่มเหงต่างๆนาๆ จากผู้ปกครองและทหารฮานเมืองมหาอำนาจในยุคนั้น กลุ่มคนไทถูกกดขี่ข่มเหงมาช้านานถึงเวลาแล้วที่พวกเหล่าไทต้องผนึกรวมตัวกันขับไล่ปราบปรามเหล่าทหารและผู้นำฮานเพื่ออิสรภาพสู่มวลชนชาวไท สมัครสมานสามัคคี รักชาติ รักแผ่นดิน รวมพลังให้เป็นปึกแผ่นขับไล่อธรรม เพื่อได้มาซึ่งความเป็นไท อิสรภาพและความยุติธรรม
หนูกันภัย ศึกมหายันต์ ยิงกันสนั่นจอ (2553/2010) วันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2506 เด็กชายคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางเส้นทางชีวิตที่เต็มไปด้วยอุปสรรคและวิบากกรรม ด้วยบิดาเป็นเสือร้ายถูกหมายหัวจับตายทำให้แม่ต้องหอบหิ้วเขาหนีไปอย่างยากลำบาก หลังพ้นพยันตรายทารกน้อยคนนั้นก็เติบโตขึ้นในจังหวัดนนทบุรีที่รู้จักกันดีในนาม หนูโต เมื่อย่างอายุเข้า 6 ขวบเขาก็ค้นพบเส้นทางชีวิตของตัวเองทันทีที่ได้ครองพระตำรามหายันต์ของบรรพบุรุษ ต่อมาทั้งชีวิตและลมหายใจของ หนูโต ก็เต็มไปด้วยความหลงใหลในการร่ำเรียนคาถาอาคม อีกทั้งวิชาเวชมนต์สักเสกเลขยันต์ต่าง ๆ ซึ่งนับวัน หนูโต ก็แก่กร้าขึ้นเรื่อย ๆ และความร้อนวิชาก็เริ่มนำพาปัญหามาเรื่อย ๆ ราวกับถูกสวรรค์ส่งมาลองวิชา ไม่ว่าเด็กเกเรหรือนักเลงบ้านใกล้ในละแวกนั้นจึงไม่เคยมีใครหลีกเลี่ยงการมีเรื่องกับ หนูโต ไปได้ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาพยายามหลบเลี่ยงอย่างดีแล้วก็ตาม ข่าวคราวของเขาดังกระฉ่อนมากขึ้นในวีรกรรมต่าง ๆ ซึ่งทำให้แม่กับพ่อเลี้ยงของ หนูโต เริ่มหนักใจ จึงให้เขาบวชเณร แต่มันกลับทำให้เขาร่ำเรียนวิชาต่าง ๆ มากขึ้นกว่าเดิม การอยู่ในศีลธรรมคือพลังผลักดันให้เขาก้าวเข้าไปอย่างลึกซึ้ง แล้ว เณรหนู ก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วในด้านการสักยันต์ให้ผู้คนแคล้วคลาดปลอดภัยจากเหตุร้ายได้อย่างไม่น่าเชื่อ จนกระทั่งเขาเติบโตขึ้นด้วยวัย 14 ปี วันนี้ หนูโต ก็ยังมีเรื่องกับเหล่านักเลงอยู่เรื่อย ๆ จนเริ่มมีคนพูดถึงเขาไปยังนักเลงทั่วฟ้าเมืองไทยในด้านวิชาอาคมอันแก่กร้าเกินกว่าเด็กอายุ 14 ธรรมดา ๆ จะทำได้ แม้หลายคนจะแปลกใจในสิ่งนั้นแต่ หนูโต คือคนที่ตอบได้ชัดเจนที่สุดว่าตัวเขากับวิชามนต์คาถานั้นคือสิ่งที่เกิดมาคู่กัน ความฮึกเหิมในวิชารวมทั้งวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยศัตรูก็กลายเป็นดาบสองคมทำลายความสุขรอบตัวไปจนหมด เรื่องความรักและความอบอุ่นในบ้านที่เคยมีจึงค่อย ๆ หมดไป แถมกลายเป็นความบาดหมางระหว่าง หนูโต กับพ่อเลี้ยงที่เขาเข้าใจว่ามาแย่งความรักจากแม่ไป หนูโต จึงดำเนินหนทางชีวิตด้วยตนเองตั้งแต่บัดนั้น แม้กระทั่งแม่ของเขาก็ไม่สามารถบงการได้อีกแล้ว และชีวิตนักเลงของ หนูโต ก็ค่อย ๆ เด่นชัดมากขึ้นทุกทีจนไม่รู้ตัวเองว่าถูกเพ่งเล็งทำให้เขาต้องเดินเข้าออกคุกตารางอย่างบ่อยครั้ง หลังจากนั้น หนูโต ก็ไม่ค่อยกลับบ้านเอาแต่สร้างอำนาจให้ตนด้วยวิชาเพื่อคุมวงการนักเลงจนเริ่มมีเงินทองและฐานะแต่ศัตรูก็ยังอยู่เท่าเดิม และเวลาที่ล่วงเลยไปในแต่วันนั้นกำลังเผยให้เห็นว่า หนูโต เดินตามรอยของพ่อมาจนถอนตัวไม่ขึ้น การเป็นหนุ่มใหญ่ของเขาจึงกลายเป็นความมืดมนจากฐานะของตนที่เป็นเพียงโจรฆ่าคนในสายตาทุกคน แต่ก็ไม่มีใครหรือตำรวจหน้าไหนจัดการกับความร้ายกาจของมนต์คาถาได้เลย ส่วนแม่กับพ่อของหนูโตก็ได้แค่หาทางช่วยดึงเขากลับมาอยู่ห่าง ๆ แม่เล็กจึงวางอุบายให้หนูโตบวชพระแก้บนจนได้
บางระจัน ๒ (2553/2010) ภายหลังวีรกรรมของกลุ่มนักรบบ้านระจัน ที่ร่วมกันต่อสู้กับกองทัพพม่าจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต แม้จะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ แต่เรื่องราวของพวกเขากลับกลายเป็นตำนานแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง ปลุกให้ชาวบ้านผู้กล้าอีกหลายคนทิ้งจอบ เสียม มาจับดาบสู้กับพม่า หลายหมู่บ้านลุกขึ้นต่อต้านการรุกรานจากพม่าด้วยกำลังอันน้อยนิด แม้ว่าอยุธยาเมืองหลวงจะอ่อนแอจากความแตกแยก แต่ชาวบ้านตัวเล็กๆกลับพยายามยืนหยัดต่อสู้เพื่อผืนแผ่นดินบ้านเกิด ทำให้การเคลื่อนทัพของพม่าเต็มไปด้วยอุปสรรค โดยการนำของพระอาจารย์ธรรมโชติกลุ่มผู้กล้าชุมเขานางบวชรวมตัวกันขึ้นมาเป็นนักรบผ้าประเจียด คอยซุ่มโจมตี และปล้นสะดมกองทัพพม่าเพื่อปลดปล่อยเชลยคนไทยหลายร้อยคน จากที่เคยเป็นเสี้ยนหนามเล็กๆ นอกสายตา สุกี้แม่ทัพพม่าประกาศล่าหัวกลุ่มนักรบผ้าประเจียด แม้ว่าต้องฆ่าคนไทยจนหมดทุกหมู่บ้านก็ตาม ทหารพม่าเริ่มไล่ฆ่าชาวบ้านทุกคนเพื่อบีบให้นักรบผ้าประเจียดยอมมอบตัว แม้ว่าชาวบ้านบางคนจะยอมสละแม้กระทั่งชีวิตก็ไม่ยอมเผยความลับ แต่ก็มีบางคนเพียงแค่เงินทอง และลาภยศก็เปิดปากมันได้ สุกี้นำทัพเข้าปิดล้อมที่ซ่อนของกองทัพนักรบผ้าประเจียดได้ในที่สุด หากไม่มีความช่วยเหลือจากอยุธยา และไม่มีปาฏิหาริย์จากฟ้า เลือดของคนไทยจะไหลนองพื้นแผ่นดินเกิดอีกครั้ง กลุ่มกำลังนักรบผ้าประเจียดเพียงไม่กี่ร้อย ยกดาบขึ้นโห่ร้องก่อนเข้าประจันบานกองทัพนับพันของพม่า วันนี้ตำนานบ้านระจันกำลังจะถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยวิญญาณและเลือดเนื้อของคนไทย เสียงประดาบและเสียงโห่ร้องดังกึกก้อง นี้คืออีกตำนานการต่อสู้เพื่อจะบอกคนไทยทุกคนว่า “ดินทุกก้อน ต้นไม้ทุกต้น สายน้ำทุกสาย หล่อหลอมขึ้นมาจากเลือดและเนื้อของคนไทย จงรักษามันไว้ให้ดี”
นาคปรก (2553/2010) เราเชื่อว่า… ศาสนาไม่เคยเสื่อม แต่คนต่างหากที่เสื่อม เมื่อศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี และไม่มีความเลวใดที่จะทำลายได้ หยั่งลึกถึงแก่นแท้ของความดีที่รอการเข้าถึง สุดขั้วของความชั่วที่แฝงเร้นในสังคม ยังไม่เคยมีหนังไทยเรื่องไหนที่ฉีกทุกความกล้า ท้าทุกความแรงเท่านี้มาก่อน “นาคปรก” ว่าแต่คุณกล้าไหมที่จะพิสูจน์ 18 มีนาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ ภาพยนตร์แอคชั่นดราม่าสุดเข้มข้นว่าด้วยเรื่องราวของสามโจร “สิงห์” (เร แม็คโดแนลด์), “ป่าน” (สมชาย เข็มกลัด), “ปอ” (ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) ที่รวมหัวกันวางแผนปล้นรถขนเงิน แต่เคราะห์กรรมทำให้ถูกไล่จับ เมื่อจนมุมจึงตัดสินใจนำเงินที่ปล้นมาได้แอบซ่อนไว้ในวัด แต่เมื่อย้อนกลับมาขุดหาเงินจึงรู้ว่าที่ซ่อนเงินถูกโบสถ์ใหม่สร้างทับไปแล้ว ทางเดียวที่จะทำให้ได้เงินคืนมาคือการปลอมเป็นพระภิกษุในวัดนั้น! สิงห์จึงทำการปล้นผ้าเหลืองด้วยการบังคับให้ “หลวงตาชื่น” (สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์) บวชให้ตนและป่าน เพื่อกลายสภาพเป็นพระธุดงค์ปลอมเข้ามาอยู่ในวัด มีเพียงปอเท่านั้นที่ยืนกรานที่จะไม่บวชเพราะเชื่อว่านี่คือสิ่งผิด จึงตัดสินใจเป็นแค่เด็กวัดเพื่อคอยติดตามพระปลอมทั้งสองเท่านั้น ถึงแม้ว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ของแต่ละคนจะมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกัน ป่านและปอสองพี่น้องตัดสินใจลงมือทำเพื่อต้องการนำเงินที่ได้ไปรักษาตาที่มืดบอดของ “แม่” (รัชนู บุญชูดวง) ส่วนสิงห์ทำลงไปด้วยความชั่วที่ฝังลึกอยู่ในสันดาน แต่ใช่ว่าพฤติกรรมที่แฝงเร้นเข้ามาในวัดของทั้งสามจะรอดพ้นไปจากสายตาแห่งความเคลือบแคลงสงสัยของเหล่าพระและเด็กในวัดไม่ ในขณะเดียวกันผ้าเหลืองที่สองโจรห่มอยู่คล้ายดั่งเครื่องห้ามความชั่วที่อยู่ในตัวของเหล่ามารศาสนาลงไปได้บ้าง ส่วนปอเองกลับค่อยๆ เรียนรู้และซึมซับเอาหลักธรรมคำสอนแห่งความดีที่ได้จากหลวงตาชื่นทีละน้อย จนกระทั่งเมื่อความจริงปรากฏ “กิเลส ความเลว ความโลภ” ที่ครอบงำถึงส่วนลึกในจิตใจได้ถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง “ปาฏิหาริย์แห่งศรัทธา” จะเกิดขึ้นในห้วงสำนึกสุดท้ายของคนได้หรือไม่ “ศาสนา” จะสามารถขัดเกลาให้ “คนเลว” กลับกลายเป็น “คนดี” ได้จริงหรือ เตรียมพบกับบทสรุปของเหตุการณ์พลิกผันที่หลายคนคาดไม่ถึง สู่แก่นแท้ของ “ความดี” และ “ความเลว” ที่สุดขั้วในใจคน
4 สิงห์ คอนเฟิร์ม (2553/2010) เรื่องราวอันคาดไม่ถึงของคน 4 คน น้ำ ต้านลม (ขวัญ จันทอง) เห็น เปี๊ยก พริกขี้หนู (ริชาร์ด เกียนี่) นั่งคอตกกับโชคชะตาที่ยังไม่เกิดขึ้น หลังจากที่เห็นเพื่อนโดนจับไปต่อหน้าต่อตา และคิดว่าวันหนึ่งต้องเป็นคิวตัวเองแน่ น้ำคาดคั้นจนไอ้เปี๊ยกเล่าให้ฟัง น้ำเลยไปดักซุ่มดูพวกวายร้ายที่คอยจะจับเด็กเร่ร่อนไปทำงานกับตน เรื่องราวเริ่มวุ่นวายเมื่อน้ำและเปี๊ยก ได้เจอกับชาลี ตีบ่ ยั่น (ตั๊ก บริบูรณ์) ที่กำลังวางแผนตอบโต้พวกแก๊งค์ลักเด็ก ไอ้เปี๊ยกเข้าไปต่อว่าชาลีที่ทำให้แผนพังพลาย ชาลีจึงอาสาเป็นพวกกับน้ำด้วย เรื่องมันยิ่งอลหม่านมากขึ้นเมื่อมีนักโทษแหกคุก ชื่อชนะ ฉะดะ (บอย AF 3) มาที่หมู่บ้าน ขณะที่เขากำลังหลบอยู่ในห้องน้ำ ไอ้เปี๊ยกไปเจอเข้า จึงพาชนะมาเจอน้ำกับชาลี ทั้งหมดจึงตัดสินใจที่จะเข้าช่วยเด็กที่โดนจับตัว น้ำกับ ชนะใช้รถมอเตอร์ไซค์ ชาลีใช้รถซาเล็ง ไอ้เปี๊ยกใช้หนังสติ๊ก การต่อสู้เริ่มขึ้นเมื่อเจอกับพวกวายร้าย ชนะยอมโดนจับตัวเพื่อจะล้วงความลับรังใหญ่ของพวกมัน (ทุกคนไม่รู้ว่าชนะทางการให้มาสืบราชการลับ) หญิงสาวที่น้ำและชาลีช่วยออกมาหากระเป๋าตังค์นึกว่าหายแล้วเปิด น้ำเห็นมีรูปพี่สาวตน จึงถามว่ามีรูปพี่สาวตนได้ไง หญิงสาวเล่าให้ น้ำกับชาลีฟังถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา หญิงสาวบอกจะช่วยน้ำอีกทาง ชนะได้เข้าไปอยู่กับตัวจอมบงการเห็นทำธนบัตรปลอม ทำเอทีเอ็มปลอม สิ่งผิดกฏหมายมากมายจึงโทรศัพท์บอกน้ำและชาลีให้มาจัดการ
สวย ซามูไร (2552/2009) กุนจา (โสภิตา ศรีบาลชื่น) ตำรวจสายลับสาวฝีมือฉกาจในหน่วยปฏิบัติการพิเศษซีไอเอถูกองค์กรของตัวเองสั่งจับตายเพื่อปกปิดความลับสำคัญบางอย่าง หลังเสร็จสิ้นการปฏิบัติภารกิจลับครั้งใหญ่ที่ชายแดนของประเทศไทย แต่โชคยังดี เธอเอาชีวิตรอดมาได้ และเก็บตัวเงียบเพื่อรอคอย...วันล้างแค้น สองปีต่อมา ข้อมูลลับของซีไอเอในทำเนียบขาวเกี่ยวกับการก่อวินาศกรรมวางระเบิดกรุงเทพฯ เพื่อป้ายสีขบวนการโจรก่อการร้ายในไทย เกิดรั่วไหลไปเข้าหู วายิบ (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) หัวหน้าโจรก่อการร้าย ทำให้เขาจำเป็นต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อปกป้องขบวนการของเขาให้พ้นจากการถูกใส่ร้ายครั้งนี้ ในขณะเดียวกัน ซีไอเอก็มอบหมายให้ แคลร์ (แจ็คเกอลิน อภิธนานนท์) มือสังหารหญิง-หัวหน้าหน่วยสายลับคู่ปรับเก่าของกุนจา พร้อมด้วย หน่วยพยัคฆ์ดำ ภายใต้การนำของทหารสายลับหญิง ศิรินทร์ (เกศริน เอกธวัชกุล) และซามูไรนักฆ่า มาซารุ (ธนภณ ทองเจือ) เข้ามาจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด เพื่อภาพลักษณ์ฮีโร่จอมปลอมที่โลก...ต้องยอมสยบ เมื่อฝ่ายหนึ่งต้องการโยนความผิดเพื่อปกปิดความลับ ฝ่ายหนึ่งต้องการเปิดโปงโฉมหน้าอันชั่วร้าย และอีกฝ่ายหนึ่งเผยตัวขึ้นอีกครั้งเพื่อกลับมาชำระแค้นส่วนตัว นั่นนำมาซึ่งสถานการณ์อันเลวร้ายในคืนที่มหานครศิวิไลซ์อย่างกรุงเทพฯ กำลังโดนก่อวินาศกรรมขั้นร้ายแรง พร้อมด้วยการไล่ล่าสังหารอันสุดแสนดุเดือดของ กุนจา, แคลร์ และศิรินทร์ สามสาวสายลับฝีมือระดับพระกาฬที่ต้องเดิมพันภารกิจนี้ด้วยชีวิตของ...พวกเธอ...ระเบิดเวลาทำลายล้างครั้งใหญ่กำลังถูกเปิดสวิตช์นับถอยหลัง
เดอะ สเก๊าท์: บิดพิภพทะลุโลก (2552/2009) ไม่มีใครเคยคาดคิดว่าการตั้งแคมป์ลูกเสือที่ดูแสนจะธรรมดา ๆ ของโรงเรียนระดับประถมแห่งหนึ่ง จะกลายมาเป็นการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นเร้าใจอย่างชนิดที่พวกเด็ก ๆ จะต้องจดจำไปอีกนานเท่านาน เมื่อครูผู้คุมกองลูกเสือสามัญ ตัดสินใจตั้งแคมป์บริเวณใกล้กับปราสาทเก่าแก่แห่งหนึ่งกลางป่าใหญ่ ที่ดูสงบเงียบและน่าจะปลอดภัยสำหรับเด็ก ๆ เหล่านี้ แต่แล้วเมื่อค่ำคืนมาเยือน ปราสาทเก่าแก่ที่เด็ก ๆ เหยียบย่างเข้าไปกลับกลายเป็นดินแดนแห่งความมหัศจรรย์ของมิติแห่งกาลเวลา ที่นำพาพวกเขาไปพบกับงูยักษ์ที่ทั้งดุร้าย และว่องไวกว่าอสรพิษทุกชนิดที่เคยรู้จัก รวมทั้งกบบินได้ และอีกมากมายสารพัดที่ทำให้การเดินทางข้ามเวลาครั้งนี้ของพวกเขาเป็นความทรงจำที่ไม่อาจจะลืมเลือน
เฉือน ฆาตกรรมรำลึก (2552/2009) เกิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสุดสยอง เมื่อเหยื่อทุกรายถูกฆ่าหั่นศพ และนำชิ้นส่วนแยกไปทิ้งคนละแห่งศพแล้วศพเล่า ตำรวจมืดแปดด้านไม่อาจหาตัวฆาตกรได้ ไท (อารักษ์ อมรศุภศิริ) นักโทษชั้นหนึ่ง อดีตมือปืนรับจ้างกลับใจ เขาพยายามที่จะบอกเรื่องราวความสงสัยที่เขารู้ว่าใครคือฆาตกรรายนี้ กับ ชิน (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) นายตำรวจใหญ่ที่ใช้เขาทำงานลับ แต่ชินไม่ใส่ใจ ทว่าเมื่อเหตุสยองเกิดขึ้นอีกคราวกับลูกชายรัฐมนตรี ตำรวจต้องพยายามทำทุกวิถีทางในการจับฆาตกรมาลงโทษให้ได้ และไทก็ถูกนำตัวมาจากเรือนจำ การต่อรองเกิดขึ้น ไทขอให้ปล่อยตัวเขาโดยไม่มีข้อแม้ และขออิสระในการทำงานทุกอย่างภายใน 15 วัน เขาจะต้องนำตัวฆาตกรมาลงโทษให้ได้ โดยจับตัวภรรยาของเขาไว้เป็นตัวประกัน ถ้าเขาไม่กลับมาพร้อมฆาตกร ให้ฆ่าภรรยาเขาทันที ไทแกะรอยความทรงจำของเขาในอดีต และแล้วความจริงจากอดีตก็เริ่มฉายภาพชัดเจนขึ้น ฆาตกรมืออาชีพและฆาตกรต่อเนื่อง ถูกกำหนดให้เผชิญหน้ากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
The Sanctuary สามพันโบก (2552/2009) ในปี พ.ศ.2440 เมื่อกลุ่มโจรมีดสั้นอาบยาพิษ บุกเข้าไปในวังหลวง เพื่อขโมยเครื่องราชบรรณาการ ที่สำหรับมอบให้กับทูตอเมริกา ทั้ง 3 ชิ้น เพื่อตอบแทนที่อเมริกาเป็นตัวแทนในการเจรจา ไม่ให้ไทยเสียดินแดนทางใต้ให้แก่ฝรั่งเศส กลุ่มโจรขโมยเครื่องราชฯ ทั้ง 3 ได้สำเร็จ แต่หนีไม่รอด จึงคิดฝังเครื่องราชฯ ไว้ในที่ใดสักแห่งหนึ่งภายในวังหลวง แต่อาจารย์แสวง หัวหน้าทหารอารักขาเครื่องราชฯ พลาดฆ่าโจรทั้งหมดตายอย่างไม่ตั้งใจ เพราะไม่รู้ว่าของทั้งหมดถูกซ่อนอยู่ที่ไหน จึงสละชีพเพื่อรักษาความลับด้วยการฆ่าตัวตาย เลือดไหลริบลงสู่ใต้ติน ไหลไปที่เครื่องราชฯ ทั้ง 3 เหล่านั้น นั่นดั่งเหมือนหน้าที่ที่ต้องตามไปคุ้มครองของนั้นตลอดไป กรุงเทพฯ ปี พ.ศ.2552 ในยุคปัจจุบัน, เครือข่าย มาเฟียวิสา (วินสโตน โอเมก้า) ผู้ซึ่งอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ปล้นในครั้งนั้น ได้ว่าจ้าง แพททริค (รัสเซลล์ หว่อง) อดีตผู้อำนวยการ, นักสำรวจงานใต้ดินข้ามชาติ ใช้สัญญาณแซทแทลไลท์ จากกองทัพสหรัฐ โดยมีนักฆ่าสาวสุดเซ็กซี่ เซริน่า (ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) มาสำรวจหาจนพบว่าของอยู่ที่ใต้วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งมี กริช (ไพโรจน์ บุญเกิด) เหลนของอาจารย์แสวง เป็นเด็กวัดอยู่ที่นี่ กริชเด็กหนุ่มผู้มีความสามารถด้านการต่อสู้ ผู้เห็นเหตุการณ์การสำรวจทั้งหมด โดยมี ปลายฟ้า (อินทิรา เจริญปุระ) นักศึกษาโบราณคดี เป็นคนช่วยเหลือเพียงคนเดียวที่รู้ว่าหน้าตาของเครื่องราชฯ ทั้ง 3 เป็นยังไง ทั้งสองจะสามารถทวงสมบัติของชาติคืนมาได้อย่างไร จะทันการณ์รึไม่ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร แล้วจุดพลิกผันจะเป็นเช่นไร
จีจ้า ดื้อสวยดุ (2552/2009) ในทุกความรักมีการต่อสู้ และในทุกการต่อสู้ล้วนมีความรักเป็นแรงผลักดัน แต่การต่อสู้ครั้งนี้ไม่เพียงมีชีวิตของเธอ และรักแท้ของเขาเป็นเดิมพัน แต่ยังมี เมรัยยุทธ ศาสตร์แห่งการต่อสู้ที่ทรงอานุภาพ ฉับไว แปลกตา ด้วยวิถีแห่งการจู่โจมที่พริ้วไหว ยากในการคาดเดา เป็นอาวุธสำคัญที่ทำให้เธอกลายมาเป็น จีจ้า ดื้อสวยดุ เมื่อใดก็ตามที่ต้องเผชิญกับความท้อแท้ ผิดหวัง ความเจ็บปวดจากความสูญเสียที่ทำให้รู้สึกเศร้า เสียใจ ว่ากันว่ามีสิ่งหนึ่งที่พร้อมถูกหล่อหลอมขึ้นจากส่วนที่อยู่ลึกที่สุดในจิตใจ แปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ให้กับมนุษย์ทุกคน ซึ่งเรียกว่า ความรักและมันกำลังจะเกิดขึ้นกับ ดื้อ (ฉันทธนิสา วิสมิตะนันทน์) หญิงสาวที่มีดีกรีความห้าวดีเดือดพอ ๆ กับหน้าตาที่สะสวย แต่ตลอดชีวิตกลับไม่เคยสัมผัสกับ รักแท้ แม้แต่ครั้งเดียว แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตของดื้อต้องเปลี่ยนไปเมื่อได้พบกับ สนิม (กาซู แพทริค แทงค์) ชายแปลกหน้า นัยน์ตาเศร้า ที่ช่วยให้เธอรอดพ้นจากเงื้อมมือของกลุ่มคนลึกลับที่ต้องการบางอย่างในตัวเธอ และนี่คือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าไปสู่โลกอีกด้านหนึ่งที่ดื้อไม่เคยสัมผัสมาก่อน โลกที่มิตรภาพและเพื่อนแท้หาได้จริง โลกที่ทุกคนพร้อมที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้ เรียนรู้การใช้ชีวิตโดยมีเป้าหมายเดียวกัน จนเกิดเป็นแรงบันดาลใจสำคัญผลักดันให้ดื้อสนใจในทักษะการต่อสู้ โดยเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ได้มีโอกาสฝึก เมรัยยุทธที่สุดแห่งศาสตร์การต่อสู้ที่ทรงอานุภาพ ลึกลับ ฉับไว ที่มาพร้อมวิถีแห่งการจู่โจมที่เต็มไปด้วยความพริ้วไหว ล้ำลึก แปลกตา และยากที่จะคาดเดา จาก สนิม ซึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดให้พร้อมกับมิตรภาพจากเพื่อนใหม่อย่าง ขี้หมู (หนุ่ย แสนแดง) และ ขี้หมา (สมพงษ์ เลิศวิมลเกษม) กลุ่มคนที่ในอดีตเคยผ่านบาดแผลแห่งความสูญเสียและความเจ็บปวดเช่นเดียวกับดื้อ แต่กลับรวมตัวกันที่จะลุกขึ้นมาเรียนรู้ที่จะต่อสู้เพื่อความรัก ในขณะเดียวกัน ลอนดอน (รุ้งตะวัน จินดาซิงห์) มือสังหารฝีมือฉกาจถูกส่งมาเพื่อเล่นงานดื้อ สนิมและพรรคพวก ปรากฏตัวขึ้น ทำให้การเผชิญหน้าที่ต้องเดิมพันด้วยชีวิตเป็นสิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยง โดยที่ดื้อและพรรคพวกหารู้ไม่ว่าความสามารถทางการต่อสู้ที่มีอยู่นั้นยังห่างไกลและยากที่จะรับมือ ทางเดียวที่จะสามารถเอาชนะการต่อสู้ในครั้งนี้คือการเข้าถึงแก่นแท้ที่เป็นหัวใจสำคัญของ เมรัยยุทธขั้นสูงสุด นั่นหมายความว่า ดื้อจะต้องรู้ซึ้งถึงคุณค่า และความหมายของ "รักแท้" ให้ได้เสียก่อน ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ดื้อเองยังไม่เคยสัมผัสมาเลยทั้งชีวิต ถึง แม้ว่า ณ ขณะนี้จะเข้าใจ และเรียนรู้ที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความรักแล้วก็ตาม
2022 สึนามิ วันโลกสังหาร (2552/2009) ภายหลังเหตุธรณีพิบัติภัยครั้งยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2004 (พ.ศ. 2547) ทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากสภาวะโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์เอลนีโย่ ลานีนย่า ทุพภิกขภัย อุทกภัย แผ่นดินไหว นับครั้งไม่ถ้วนและทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2022 (พ.ศ. 2565) รัฐบาลไทยภายใต้การนำของ "นายกรัฐมนตรีไตรภพ" (ภาณุเดช วัฒนสุชาติ) ได้ออกพระราชกำหนดฉุกเฉินจัดอันดับความรุนแรงของภัยพิบัติและวางแผนการเตือนภัย โดยจัดตั้ง "ศูนย์เตือนภัยภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย" ภายใต้การดูแลของ "ด๊อกเตอร์สยาม" (สุเชาว์ พงษ์วิไล) ซึ่งมีหนุ่มสาวรุ่นใหม่ไฟแรงสามคน คือ "ภูเก็ต" (พิศาล ศรีมั่นคง) "ซินดี้" (สิรินดา เจนเซ่น) และ "พีพี" (นิชาภา ประกรณ์กิจวัฒนา) ทำงานร่วมกันอย่างแข็งขันด้วยอุดมการณ์รักธรรมชาติอันมุ่งมั่นทั้งสามคนทำงานกันอย่างสนิทสนมเสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน นายกรัฐมนตรีไตรภพเชื่อถือและเชื่อมั่นการคาดการณ์ภัยพิบัติของด็อกเตอร์สยามอย่างมาก แต่ด้วยลักษณะของภัยธรรมชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดแผ่นดินไหว และคลื่นยักษ์สึนามินั้นไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่และที่ไหน ด้วยเหตุนี้ทำให้ด็อกเตอร์สยามคำนวณการเกิดแผ่นดินไหวที่มีผลต่อชีวิตประชาชนผิดพลาด สร้างความตระหนกให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ เขาจึงถูกกดดันอย่างหนักจากพรรคการเมือง เมื่อมีการเตือนภัยครั้งต่อมา ด็อกเตอร์สยามรู้ตัวดีว่าเขาคือตัวแปรสำคัญของความน่าเชื่อถือและอนาคตทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีไตรภพ และไตรภพ ก็ต้องเลือกระหว่างลาภยศสรรเสริญ กับ ชีวิตของประชาชนทั้งประเทศที่เขาเป็นผู้นำ แต่ไม่ว่าเขาจะเลือกสิ่งใดก็ตาม มหันตภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่สุดก็เกิดขึ้น จากอ่าวไทยมุ่งหน้าถล่มใจกลางกรุงเทพมหานครอย่างย่อยยับ พวกเขาจะมีแผนรับมือกับภัยธรรมชาติครั้งใหญ่นี้อย่างไร แรงศรัทธาจะทำให้มนุษย์รอดพ้นจากหายนะครั้งนี้หรือไม่ หรือธรรมชาติเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสินและชี้ชะตา หาคำตอบ 28 พฤษภาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์
อะดรีนาลีน คนเดือดสาด (2552/2009) ฝรั่งขี้นก ซึ่งมี แดน (แดเนียล โอนีลล์), ไมค์ (กวิญอง เจค็อบ ไมล์ส), จอห์น (เรย์มอนด์ ฮิวเบอร์) และ โคแนน (โคแนน สตีเว่นส์) ชักชวนกันเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย แต่ด้วยความตื่นตาตื่นใจแสงสีเมืองบางกอก ทั้ง 4 คน จึงใช้จ่ายเงินเที่ยวเตร่อย่างสนุกสนานจนลืมตัว แถมยังนำเงินก้อนสุดท้ายไปเสี่ยงเล่นการพนันจนเป็นหนี้บ่อน 1 ล้านบาท งานเข้าแล้วคราวนี้! เจ้าของบ่อนขู่บังคับว่า ถ้าไม่เอาเงินมาใช้หนี้ภายใน 1 อาทิตย์ เอ็ง 4 ตัว มีปัญหาแน่ ๆ 1 ล้านบาท ภายใน 1 อาทิตย์ เป็นไปไม่ได้แน่ ๆ ทั้ง 4 คน คิดหาทางลัดและลงความเห็นกันว่า จับคนมาเรียกค่าไถ่ ง่ายและเร็วที่สุด เป้าหมายคือ ไอรีณ (ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนด์เบิร์ก) ลูกสาวมหาเศรษฐีพันล้านนาม แฮร์ริส ดอว์สัน (เลียม โนเอล แฮร์ริสัน) ซึ่งเป็นพ่อหม้ายฝรั่งเมียตาย โดยเรียกค่าไถ่ 10 ล้านบาท ถึงวันนัดหมายจ่ายเงินค่าไถ่ กลับไม่เป็นไปตามที่แดน และไมค์คาดเพราะกลับเจอลูกเล่นของแฮร์ริส ที่ให้ เล็ก (ดอม เหตระกูล) และ ฮันส์ (เล็กซ์ เดอกรูท) บอดี้การ์ดชั้นยอดของไอรีณ มาจัดการทั้งคู่ แต่ไมค์กับแดนก็ยังอาศัยไหวพริบเอาตัวรอดมาได้อย่างทุลักทุเล ไมค์ ได้พบกับ บลูด๊อก เกย์ เฒ่าเจ้าของบาร์ ซึ่งรู้ความจริงว่าแท้ที่จริงแล้ว ไอรีณไม่ได้เป็นลูกในไส้ของแฮร์ริส แถมยังต้องการกำจัดเธอ เพื่อหวังฮุบทรัพย์สมบัตินับพันล้านซึ่งจะตกเป็นของไอรีณ อย่างถูกต้องเมื่อเธออายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ไมค์บอกความจริงกับไอรีณและปล่อยตัวเธอไป แต่แฮร์ริส กลับส่งลูกน้องนับร้อยคนมาจับตัวทุกคน แต่แดนใช้ความสามารถพิเศษหลบหนีไปได้เพียงคนเดียว แดนจะแก้ปัญหานี้อย่างไร เมื่อไอรีณกับเพื่อน ๆ ของเขา โดนจับตัวไปด้วยกัน โดยฉพาะ ไอรีณ ซึ่งเขาเริ่มมีความรู้สึกพิเศษกับเธอขึ้นมา
5 หัวใจฮีโร่ (2552/2009) เก่งไม่กลัว กลัวไม่กล้า ได้เวลาที่นักสู้ “Power Kids” จะมาแผลงฤทธิ์ ให้เหล่าผู้ใหญ่ต้อง “อึ้ง-ทึ่ง-เสียว” กับภารกิจเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายครั้งล่าสุด เตรียมพบพลังต่อย…ที่ระเบิดทุกความมันส์เป็นทวีคูณ พลังเตะ…ที่ถล่มทลายทุกความท้าทาย และพลังแม่ไม้มวยไทย…ที่สู้ด้วยหัวใจหาญกล้าเกินร้อย ครั้งแรกของปรมาจารย์นักบู๊ระดับโลก “พันนา ฤทธิไกร” และผู้กำกับแอคชั่นระดับฮอลลีวูด “โหน่ง-กฤษณพงศ์ ราชธา” ผนึกกำลังดีไซน์ฉากแอคชั่น โชว์พลังการต่อสู้อย่างสมจริงสุดๆ ใน “หนังแอ็คชั่นเด็ก-เล็กพริกขี้หนู” เรื่อง “5 หัวใจฮีโร่” (Power Kids) ครั้งนี้ “น้องเกรซ-นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ” หัวโจกจอมแก่นเซี้ยว ขอควงเด็กชายจอมทะเล้น “น้องมิกซ์-เพทาย วงษ์คำเหลา” มาปล่อยมุขฮาหน้าตายไม่แพ้ “พ่อหม่ำ จ๊กม๊ก” พร้อมผองเพื่อนฮีโร่วัยใสใจเกินร้อยอย่าง “น้องวุฒิ-นันทวุฒิ บุญรับทรัพย์” นักสู้หน้าหล่อรุ่นใหม่ที่บ่มเพาะฝึกฝนฝีไม้ลายมวยมาตลอด 4 ปี เพื่อหนังเรื่องนี้เรื่องเดียว ด้วยลีลาดุเด็ดเผ็ดมันส์จนคุณต้องซี้ด… และนักบู๊หญิงรุ่นเล็ก “น้องแคท ศษิสา จินดามณี” กับคิวบู๊ที่แข็งแกร่งแรงกว่าเดิมหลายเท่า มาเปิดเวทีพะบู๊สุดอหังการ์บนแผ่นฟิล์ม ท้าตัวร้ายข้ามชาติอย่าง “จอห์นนี่ เหงียน” (จาก “ต้มยำกุ้ง”) ด้วยแม่ไม้มวยไทยที่โลกต้องจารึก…อึกทึกทั่วประเทศ 5 มี.ค.นี้ ณ บ้านมวยของ “ครูเล็ก” (อรุณ ภาวิไล) ครูมวยผู้เปรียบเสมือนพ่อแท้ๆ และเป็นผู้สอนแม่ไม้มวยไทยเพื่อใช้เป็นอาวุธป้องกันตัวให้แก่เหล่าเด็กๆ นักสู้อย่าง “วุธ” (นันทวุฒิ บุญรับทรัพย์), “แคท” (ศษิสา จินดามณี) และ “ป๋อง” (เพทาย วงษ์คำเหลา) ทั้ง 3 คนมีหน้าที่ต้องดูแล “วุ้น” (ดรัตน์ ตันติวิชิตเวช) น้องชายสุดที่รักของวุธซึ่งเป็นโรคหัวใจอยู่ โดยมี “จิ๊บ” (นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ) คู่กัดของป๋องคอยเป็นเพื่อนเล่นอีกคนของวุ้น แต่แล้วเหตุการณ์พลิกผันบางอย่างก็เกิดขึ้น เมื่อเด็กน้อยตัวเล็กใจใหญ่ทั้ง 5 คนต้องต่อสู้กับแก๊งอันธพาลอย่างเลี่ยงไม่ได้ นั่นทำให้โรคหัวใจของวุ้นเกิดอาการกำเริบขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว และจำเป็นต้องผ่าตัดเปลี่ยน “หัวใจ” เป็นการด่วน เป็นเหตุให้ทั้งหมดต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการบุกยึดโรงพยาบาลของ “เปดา” (จอห์นนี่ เหงียน) ผู้ก่อการร้ายระดับพระกาฬ…อย่างไม่คาดฝัน การต่อกรอันแสนดุเดือดของเหล่าฮีโร่ตัวน้อยใจเกินร้อยกับผู้ก่อการร้ายใจทมิฬ เพื่อช่วยเหลือทั้งน้องชายและประเทศชาติไปพร้อมๆ กัน…จึงปะทุขึ้น ด้วยมิตรภาพแห่งผองเพื่อน พลังใจที่หาญกล้า และหัวใจที่ยิ่งใหญ่เกินตัวของ “5 ฮีโร่เล็กพริกขี้หนู” เท่านั้นที่จะเอาชนะการต่อสู้ครั้งนี้ได้
เดจาวู มหาขุมทรัพย์ใต้บาดาล (2552/2009) ความเชื่อแห่งตำนาน “พญานาค” มีจริงหรือไม่? ตำนานลึกลับที่เคยมีกลุ่มทหารชาวอเมริกัน ค้นพบ “มุกนาคี” มหาขุมทรัพย์ยุคดึกดำบรรพ์แห่งนครใต้บาดาลและหายสาปสูญไป เมื่อ ขุมทรัพย์แห่งตำนานสามารถคืนพลังชีวิตอันเป็นอมตะให้กับแวมไพร์ คาเมล่า จ้าวแห่งรัตติกาล จึงแสวงหาอำนาจความแข็งแกร่งเพื่อครองโลก เจน ตำรวจสายลับที่ล่วงรู้ถึงมหันตภัยครั้ง ยิ่งใหญ่ที่จะเกิดขึ้น จึงร่วมมือกับองค์กร “เดจาวู” องค์กรลับระดับสากลที่ค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับ ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ พร้อมทั้ง ราเชนทร์ ทายาทที่เกี่ยวข้องกับแผนที่ขุมทรัพย์ซึ่งจะ นำไปสู่การไขปริศนา ภารกิจอันสำคัญยิ่งท่ามกลางวิกฤตสู่การผจญภัยค้นหาขุมทรัพย์แห่ง ตำนาน รวมทั้งการขัดขวางเหล่าแวมไพร์ที่จะครอบงำมุกนาคีเพื่อยึดครองโลกก่อนถึงกาลวิบัติ
ท้าชน (2552/2009) ไท ชายหนุ่มที่เพิ่งหลุดจากคดีมาได้ด้วยการวิ่งเต้นของ แทน พี่ชายฝาแฝด แต่เมื่อไทพ้นโทษออกมาได้ เขาพบว่าพี่ชายของเขาบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นโคม่า ไท ได้รับรู้เรื่องราวจาก แป้ง แฟนสาวของแทน ว่าพี่ชายของเขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอันตรายบางอย่าง เพราะต้องการหาเงินมาช่วยสู้คดีให้เขา ไท รู้สึกผิดที่มีส่วนในการทำให้พี่ชายต้องเป็นแบบนี้ จึงออกสืบหาข้อมูลว่า เกิดอะไรขึ้นกับแทนกันแน่ ในที่สุด ไท ได้เข้ามาสู่วงการแข่งบาสเถื่อน ซึ่งเป็นเกมการพนันใต้ดินที่มีผู้ทรงอิทธิพลหนุนหลังอยู่ เมื่อไทต้องการรู้ให้ได้ว่าใครหรืออะไรคือต้นเหตุให้ แทน พี่ชายของเขาต้องมานอนไม่ได้สติอย่างที่เป็นอยู่ เขาจึงเข้าร่วมทีม "ไฟร์บอล" ของ เฮียเด่น ที่มี สิงห์ เค อิก และ หมึก อยู่ในทีม ซึ่งกว่าที่ไทจะได้รู้ความจริงทั้งหมด เขาต้องแลกด้วยอะไรอีกหลายอย่าง ซึ่งอาจรวมถึง "ชีวิต" ของเขาเองด้วย
โหด หน้า เหี่ยว 966 (2552/2009) มิตรภาพ ความรัก และความแค้นในอดีตที่ไม่ลืมลงของ 4 เสือเพื่อนซี้ จากยุคอันธพาลครองเมืองที่เคยเรืองรอง แต่ยังจมอยู่กับอดีต ทั้งที่ยุคสมัยเปลี่ยนไปเป็นยุคดิจิตอลแล้ว สอง คลองเตย (จาตุรงค์ พลบูรณ์) และ ไท ไดมารู (ชูเกียรติ เอี่ยมสุข) เพื่อนรักนักเลง ที่ต้องมาแตกคอกันเพราะเรื่องของ มะปราง (โชติรส ชโยวรรณ) เมียรักของสอง ที่ตกลงไปอยู่กินกับไท ทำให้สอง นักเลงพนัน สติแตก ชีวิตผิดพลาด ต้องติดคุกนานนับ 20 ปี โดยมีความแค้นที่รอวันออกมาชำระ แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไปจนหน้าเหี่ยวแล้วก็ตาม... เมื่อสองพ้นโทษ เขาได้ตามแกะรอยหาเพื่อนซี้นักเลงเก่า ไท ไดมารู และอีก 2 คน คือ มงคล รามา (อาคม ปรีดากุล) อดีตนักเลงเจ้าของร้านวีดีโอคลาสิค และ เปี๊ยก ซัมมิท (เจริญพร อ่อนละม้าย) เซียนพระเครื่อง ผู้คอยเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือไทโดยตลอด ด้านไท ไปตามหากิ๊ฟ (วรัลชญาน์ จินดารักษ์วงศ์) ลูกสาวที่ทำงานเป็นนักร้องในผับ แต่กลับไม่พบ จึงต้องไปตามดูที่คอนโด แต่พบว่า กิ๊ฟอยู่กินกับเอ (อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ) ครูสอนภาษาอังกฤษของ 2 เด็กแสบ แก่น เนสเล่ (สรรภวัต สุระเกรียงศักดิ์) และ เปรี้ยว กรีนสปอร์ต (กัจนฐานิยา ศรีโรจน์วัฒนะ) เมื่อรู้ว่าลูกสาวชิงสุกก่อนห่าม ไท จึงตัดสินใจพากิ๊ฟกลับบ้าน แต่แล้ว... ไท กับ กิ๊ฟ ก็ต้องเผชิญหน้ากับ สอง ที่รอท่าอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน 2 เพื่อนรัก เปี๊ยก และ มงคล ก็รีบขับรถบึ่งมาช่วยเพื่อนแบบทันควัน แต่ดันมี หลวงพ่อ (นพดล ทรงแสง) ตกกระไดพลอยโจรติดรถมาด้วย ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ แม้ว่าเปี๊ยกและมงคลจะสามารถช่วย ไทและกิ๊ฟ ให้รอดพ้นมาได้ แต่สองก็ยังคงมุ่งมั่นตามล่าไทกับพวก จนกระทั่งได้มาเจอหน้ากันอีกครั้ง เรื่องราวโหด-มันส์-ฮา แบบสุดขั้วจึงเกิดขึ้น... ลูกบ้า และลูกฮาสามหาว ที่จะทำให้ทุกท่านได้หัวเราะจนหน้าเหี่ยวจะลงเอยอย่างไร... ค้นหาคำตอบจากทุกคำถามได้ใน โหดหน้าเหี่ยว966
ฟ้าใส ใจชื่นบาน (2552/2009) เรื่องราวเกี่ยวกับนักศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 และหลบหนีเข้าป่าไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย จากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ทราย (ร่มฉัตร ขำศิริ) นักศึกษาสาวที่ต้องการเข้าไปช่วยเพื่อนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ถูกกันตัวออกมา เธอได้พบกับ ก้อง (พิชญะ วัชจิตพันธ์) กับพรรคพวก ได้แก่ จอบ (ค่อม ชวนชื่น) เสียม (อ่าง เถิดเทิง) และ คิด (ฝันดี จรรยาธนากร) ที่ปั๊มน้ำมัน วันหนึ่งก้องชวนเพื่อน ๆ เข้าป่าเพราะต้องการหนีจากชีวิตในเมือง หารู้ไม่เลยว่ากำลังเดินทางไปพร้อมกับพวกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ก้องได้พบกับทราย ซึ่งบัดนี้กลายเป็น "สหายเม็ดทราย" ไปแล้ว ก้องและพวกจึงจำเป็นต้องแสร้งใช้ชีวิตอยู่ในป่าไปก่อน สหายเม็ดทรายนั้นชื่นชอบ สหายเที่ยง (สุรสิทธิ์ เอี่ยมโอภาสวงศ์) คอมมิวนิสต์หนุ่มผู้มีอุดมการณ์ ซึ่งต่างจากก้องและพรรคพวก และวันหนึ่งที่จอบและเสียมเผลอไปตัดเอาต้นข้าวเพราะคิดว่าเป็นหญ้าจนเหี้ยนหมด ทั้งหมดจึงต้องออกเดินทางไปขอเสบียงจากชาวบ้าน และที่นั่น ทำให้สหายเม็ดทรายได้ล่วงรู้ถึงความจริงว่า ความสุขที่แท้ของคนอยู่ที่ใจ หาใช่อุดมการณ์อะไรไม่
องค์บาก 2 (2551)

เรื่องย่อ : องค์บาก 2 (2551/2008) เมื่อรอยบากแห่งความแค้นฝังลึกถึงก้นบึ้งแห่งจิตใจ ทุกศาสตร์ยุทธ์แห่งศิลปะการต่อสู้จะถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ดวงชะตากำหนดทุกสรรพสิ่ง ลิขิตชีวิตขึ้นสู่จุดสูงสุด และพร้อมดับทุกชีวิตดำดิ่งลงลึกถึงปลายเหวสู่จุดต่ำสุด บัดนี้มันได้กำหนดชีวิตของ “เทียน” เด็กหนุ่มที่หวังเติบใหญ่เป็นนักรบผู้แกร่งกล้าเฉกเช่นบิดา “ออกญาสีหเดโช” (สันติสุข พรหมศิริ) นายทหารผู้ซื่อสัตย์ซึ่งจงรักภักดีต่อเหนือหัวผู้ซึ่งยอมได้แม้กระทั่งสละชีวิตตนเองเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินจากเหล่าผู้ฉ้อฉลและคนทรยศ แต่จากคำทำนายที่ว่าเมื่อใดที่เทียนซึ่งถือกำเนิดในฤกษ์พระกาฬเติบใหญ่ภายใต้วังวนแห่งคมดาบและกลิ่นคาวเลือด เมื่อนั้นผู้คนจำนวนมากจักต้องล้มตายกันอย่างพร้อมเพรียง ทำให้ออกญาสีหเดโชตัดสินใจส่งเทียนไปให้ “ครูบัว” (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) เพื่อนสนิทซึ่งต่างเป็นลูกศิษย์ของพระครูปั้นมาด้วยกันช่วยบ่มเพาะสมาธิ เรียนรู้การฝึกจิตให้นิ่ง และศึกษาในด้านวิชาโขนนาฏศิลป์ เพื่อหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยจรรโลงจิตใจให้เกิดแต่สิ่งที่ดีงามขึ้น โดยมี “พิม” เด็กสาวที่ครูบัวเก็บมาเลี้ยงคอยให้ความช่วยเหลือ และมี “ไอ้เหม็น” (หม่ำ จ๊กม๊ก) ชายบ้าเสียสติแต่หลงใหลในนาฏศิลป์เป็นเพื่อนเล่น แต่แล้วชีวิตเทียนต้องพบกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต เมื่อ “พระยาราชเสนา” (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) ซึ่งวางแผนขึ้นครองความเป็นใหญ่ในแผ่นดินลงมือส่งเหล่านักฆ่ามือดีมาลอบสังหารออกญาสีหเดโชทั้งครอบครัว และเหล่าทหารหาญให้สิ้นซากด้วยตนเอง โดยมีเทียนเพียงคนเดียวที่เล็ดรอดชีวิตมาได้ท่ามกลางความคลั่งแค้นที่อัดแน่นฝังลึกในจิตใจ โชคชะตาพลิกผันอีกครั้งเมื่อเทียนได้พบกับ “เชอนัง” (สรพงษ์ ชาตรี) หัวหน้ากองโจรผาปีกครุฑผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งช่วยชีวิตจากเงื้อมมือของเหล่าพ่อค้าทาสและยักษ์ขมุจอมโหด เพราะเล็งเห็นถึงจิตวิญญาณความเป็นนักสู้และสัญชาตญาณความเป็นนักฆ่าที่แฝงเร้นอยู่ในแววตาซึ่งพร้อมจะสังหารผู้คนได้ทุกเมื่อ จึงตัดสินใจรับเป็นลูกบุญธรรมเข้าร่วมเป็นหนึ่งในกองโจร ให้การชุบเลี้ยงฝึกฝนเหล่าสรรพวิชาอาวุธในศิลปะการต่อสู้ทุกรูปแบบจากเหล่าปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาวิชา ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่า หมัดมวย การใช้เวทมนตร์คาถา ไปจนถึงการใช้สรรพวุธทุกชนิด ดาบ กระบี่ กระบอง 3 ท่อน วิชากล การใช้ระเบิด ฯลฯ เมื่อทุกศาสตร์ยุทธ์แห่งศิลปะการต่อสู้ถูกบ่มเพาะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว “เทียน” (จาพนม ยีรัมย์) เติบใหญ่พร้อมพิษสงความสามารถรอบตัวที่ยากจักหาใครทัดเทียม หนำซ้ำยังเป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการปฏิบัติภารกิจทุกครั้งของกองโจรผาปีกครุฑ จนได้รับการยอมรับจากทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสามารถสยบช้างงาดำ ช้างศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่าชุมโจรให้ความเคารพและสักการะ ในขณะที่เชอนังเองตั้งใจมอบตำแหน่งหัวหน้ากองโจรให้เทียนรับหน้าที่ผู้สืบทอดต่อไป เพียงทว่า ณ เวลานี้มีเพียงภารกิจเดียวในชีวิตที่เทียนจักต้องกระทำคือการขจัดความคลั่งแค้นที่มันสุมอกอยู่ในจิตใจตลอดมา นั่นคือการมุ่งหน้าเพื่อสังหารเจ้าพระยาราชเสนาด้วยน้ำมือตนเอง โดยมีเป้าหมายในคืนวันสถาปนาเทวเสาวนีย์ครุฑที่เจ้าพระยาราชเสนาจะขึ้นครองอำนาจในฐานะจอมราชันย์อย่างสมบูรณ์ ภายใต้เปลวเพลิงแห่งความอาฆาต เทียนผสมผสานทุกความสามารถในการต่อสู้ที่บ่มเพาะมาทั้งชีวิต แปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งความอำมหิต โหดเหี้ยม เกรี้ยวกราด ดุดัน เพื่อที่จะสังหารทุกผู้คนที่เกี่ยวข้องอย่างไม่กลัวเกรง โดยหารู้ว่าไม่ว่ายังมีเหล่านักฆ่าระดับยอดฝีมือของจอมราชันย์ที่เขาจะต้องเผชิญหน้าและรับมือที่ล้วนแล้วแต่ยากในการต่อกรไม่ว่าจะเป็น “องค์รักษ์เกราะทอง” (ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ), “กลุ่มนักฆ่าลึกลับในชุดดำ” ไปจนถึง “ภูติสางกา” (ชูพงษ์ ช่างปรุง) ที่ถูกส่งมาเพื่อนำเทียนไปสัมผัสกับดินแดนแห่งความตายโดยเฉพาะ หรือนี่คือจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ที่มีต้นกำเนิดจากรอยบากแห่งความคลั่งแค้นที่ต้องแลกมาด้วยชีวิต เลือดเนื้อ และจิตวิญญาณ มีเพียงพลังแห่งศรัทธาอันแรงกล้าเท่านั้นที่จะทำให้ชีวิตของเทียนอยู่รอดได้

ห้าแถว (2551/2008) เสก (เสกสรร สุทธิจันทร์) เดินทางกลับหมู่บ้านที่เขาจากมาตั้งแต่สมัยเด็ก ก่อนจะถึงหมู่บ้าน เสกต่อสู้กับกลุ่มโจรที่ดักปล้นรถโดยสาร และได้พบชายคนหนึ่งที่เขาจำได้ว่าเป็น ศร (ชาติชาย งามสรรพ์) ฆาตกรฆ่าคุณพ่อของเขา เสกมีแรงอาฆาต รู้สึกอยากแก้แค้น แต่เสียงกระซิบที่ลอยมาตามลมว่าเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ทำให้เสกมีสติขึ้นมา เสกจึงเดินจากไปโดยไม่สนใจอะไรอีก เมื่อมาถึงหมู่บ้าน เสกเจอ กำนันสมเล็ก (สมชาย ศักดิกุล) กับลูกสาวของกำนัน ครูสมศรี (ศุภักษร ไชยมงคล) และหลานสาวของกำนัน ครูมะลิ (ขวัญใจ จันทอง) จากนั้นเสกก็ได้ทราบว่าหมู่บ้านเกิดเหตุการณ์แปลกๆ ขึ้น หลังจากที่มีกลุ่มชายแปลกหน้าเข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ วันหนึ่ง เสกได้รู้ความจริงว่ากลุ่มชายแปลกหน้าเป็นพวกเดรัจฉานวิชาอาคม มาที่หมู่บ้านเพื่อจะทดลองเดรัจฉานวิชาที่ร่ำเรียนมา และคนที่เป็นหัวหน้าก็คือคนที่ฆ่าคุณพ่อของเสกนั่นเอง เสก ครูสมศรี ครูมะลิ และคนในหมู่บ้าน จึงพร้อมใจกันต่อสู้กับพวกเดรัจฉานวิชา จนผู้รุกรานพ่ายแพ้ หนีออกจากหมู่บ้านมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ เพื่อฝึกปรืออาคมให้แก่กล้าขึ้น ศรพา ยอด (นะติ พันธุ์มณี) หรั่ง (รอน สมอเรนเบิร์ก) และนักโทษแหกคุกที่ต้องคดีปล้นและฆ่าข่มขืนมาเป็นสมุนในกลุ่มเดรัจฉานวิชา คนกลุ่มนี้สร้างความเดือดร้อนไปทั่วกรุง จนเป็นข่าวใหญ่ทางหนังสือพิมพ์ทุกวัน เสก ครูมะลิ ครูสมศรี จึงมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง เพื่อสะสางให้เรื่องต่างๆ ยุติลง การต่อสู้กับพวกเดรัจฉานครั้งนี้มีอุปสรรคมากมาย เสกรู้สึกท้อแท้เมื่อนึกถึงความดีที่ตนเคยทำมา จนเมื่อแสงแห่งคุณธรรมลอยเข้ามาอยู่ในร่างของเสก เขาจึงมีพลังที่จะต่อสู้กับสิ่งชั่วร้ายต่างๆ และนี่คือจุดเริ่มต้นของนักสู้พลังยันต์ห้าแถว ยันต์แห่งความดีที่พร้อมจะเผชิญหน้ากับสิ่งชั่วร้าย และกำจัดเดรัจฉานวิชาต่างๆ ให้หมดไป

เรื่องย่อ : ปืนใหญ่จอมสลัด (2551/2008) เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 400 ปีก่อน องค์หญิงฮีเจา (จารุณี สุขสวัสดิ์) ธิดาคนโตขึ้นเป็นรายาสตรีองค์แรกแห่งลังกาสุกะ ภายหลังจากที่รายาบาฮาดูร์ ชาห์ ถูกลอบปลงพระชนม์ ซึ่งลังกาสุกะเป็นรัฐอิสระที่อยู่รายล้อมกลุ่มกบฏและโจรสลัดต่าง ๆ จนยานิส บรี (Andre Machielsen) ปราชญ์แห่งอาวุธชาวดัตช์ เดินทางมาพร้อมกับ ลิ่มเคี่ยม (จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม) ลูกศิษย์ นักประดิษฐ์ชาวจีน เพื่อนำมหาปืนใหญ่ ถวายรายาฮีเจาใช้ป้องกันบ้านเมือง แต่ก็กลับถูกกลุ่มโจรสลัดนำโดย เจ้าชายราไว (เอก โอรี) และ อีกาดำ (วินัย ไกรบุตร) จอมสลัดผู้มีวิชาดูหลำ ซุ่มโจมตีจนเรือฮอลันดาแตก ยานิส บรีถึงแก่ความตาย ส่วนมหาปืนใหญ่จมลงสู่ก้นทะเล แต่ศิษย์ของเขาลิ่มเคี่ยมรอดชีวิตมาได้ ในเหตุการณ์วันนั้น ปารี (อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม) เด็กที่ลอยมาจากทะเลซึ่งพ่อแม่ของเขาตายจากฝีมือของอีกาดำ โดยมีลิ่มเคี่ยมซึ่งช่วยชีวิตปารีในครั้งนั้นไว้ได้ เมื่อเขาเติบโตเป็นหนุ่มชาวเล เขาและลิ่มเคี่ยมที่ประดิษฐ์อาวุธพิสดารมากมาย และตั้งกลุ่มก่อกวนตัดกำลังโจรสลัดขึ้น ในขณะที่ลังกาสุกะ ได้ให้ อูงู (แอนนา แฮมบาวริส) น้องสาวคนเล็ก อภิเษกกับ เจ้าชายปาหัง (เจษฎาภรณ์ ผลดี) เพื่อให้เป็นแผ่นทองเดียวกัน แต่อูงูก็ไม่เต็มใจนักขณะที่ยะรังนั้นกลับตกหลุมรัก บิรู (ณัฐรดา อภิธนานนท์) องค์หญิงคนรอง แต่ไม่เผยความรู้สึกออกมา เมื่อองค์หญิงฮีเจาต้องการหาผู้ช่วยที่ร่วมสร้างมหาปืนใหญ่ โดยจะตามหาลิ่มเคี่ยม ลูกศิษย์ของยานิส บรี ที่หมู่บ้านชาวเลโดยให้น้องสาวทั้งสองเดินทางมากับองครักษ์และลิ่มกอเหนี่ยว (มนัสนันท์ พัชรโสภาชัย) น้องสาวของลิ่มเคี่ยมที่เดินทางมาจากประเทศจีนเพื่อตามหาพี่ชาย แต่ก็เจอกับกลุ่มโจรสลัดอีกาดำที่มาทำลายหมู่บ้าน ฆ่าทุกคนตายจนหมด จนมีการต่อสู้กันระหว่างโจรสลัดอีกาดำและกลุ่มองค์หญิงและปารี ปารีและอูงูได้รับความช่วยเหลือจากอาจารย์กระเบนขาว (สรพงษ์ ชาตรี) ปรมาจารย์ทางดูหลำ และติดอยู่ที่เกาะกระเบน บ้านของอาจารย์กระเบนขาวในระหว่างหน้ามรสุม ปารีได้พบกับกระเบนดำ (สรพงษ์ ชาตรี) ซึ่งเป็นด้านมืดของกระเบนขาว ได้พบเห็นความน่ากลัวของวิชาดูหลำที่มีทั้งด้านสว่างที่ทรงพลังและด้านมืดที่น่ากลัว จนยากต่อการควบคุม และได้ฝึกฝนวิชาดูหลำชั้นสูงจากกระเบนขาว ในระหว่างฤดูมรสุมนั้น ปารีกับอูงูก็มีความรักต่อกัน ขณะเดียวกันลิ่มเคี่ยม ถูกจับตัวเป็นเชลยของกลุ่มสลัดและถูกบังคับให้ต้องสร้างปืนใหญ่ขึ้นมาเพื่อทำลายรัฐลังกาสุกะ โดยกลุ่มโจรนำน้องสาวของเขาจับเป็นตัวประกันกักขังไว้เป็นข้อต่อรอง ทางฝั่งลังกาสุกะเมื่อรู้ที่ซ่อนตัวของโจรอีกาดำจึงเดินทางเข้ามาซุ่มโจมตี ขณะที่ทั้งปารีและอูงูเห็นการทดลองปืนใหญ่จึงซุ่มเข้ามาเช่นกัน เมื่อมีการต่อสู้กันเจ้าชายราไว ก็ถึงขนาดปางตาย ทำให้อาจารย์กระเบนขาวซึ่งเป็นพ่อแท้ ๆ ของเจ้าชายราไวถูกด้านมืดเข้าครอบงำ ใช้วิชาทำให้เจ้าชายราไวรอดตาย และยังใช้วิชาดูหลำงมมหาปืนใหญ่จากใต้ทะเลมาได้ เมื่อสงครามเกิดขึ้นลังกาสุกะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะถูกมหาปืนใหญ่ในตำนานทำลายอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังมีหนอนบ่อนไส้อีก แต่ก็ได้ลิ่มเคี่ยมก็ได้สร้างปืนใหญ่มหาลาโลขึ้นมาใช้ในการต่อกร ทั้งยังได้ความช่วยเหลือจากเจ้าชายปาหัง และปารีก็ใช้วิชาดูหลำทำให้มหาปืนใหญ่ลงดิ่งสู่ใต้ทะเลอีกครั้ง

หนุมานคลุกฝุ่น (2551/2008) เมื่อศาสตราแห่งวิชาไสยเวทย์มหายันต์ที่เลือนหายไปจากปัจจุบันได้ตื่นขึ้นจากสงครามการแย่งชิงสิ่งล้ำค่าที่สืบทอดกันมาพร้อมศาสตร์วิชาแด่ผู้รับช่วงดูแล เพื่อปกป้องมันจากเงื้อมมือคนโลภ ยอด(ศรราม เทพพิทักษ์) ชายหนุ่มผู้เต็มไปด้วยปมหลังในอดีต ผู้ที่สูญเสียทุกอย่างจากการแย่งชิงสิ่งล้ำค่าที่ตนต้องเป็นผู้รับหน้าที่ดูแลรักษาและได้รับสืบทอดศาสตร์วิชาไสยะแห่งวานรเพื่อปกปัก เมื่อถูกคุกคามจากการตามหาสิ่งล้ำค่า พวกคนชั่วกำลังคืบคลานเข้ามา สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว ความกดดันที่ยอดต้องแบกรับ ผลักดันให้เขากลายพันธ์สู่....มหาวานร …จึงเป็นฉายาที่มาของ “หนุมานคลุกฝุ่น”
ส้มตำ (2551/2008) ครั้งแรกกับการพลิกบทบาทของนักสู้ทลายครกระดับอินเตอร์ “นาธาน โจนส์” (Troy, ต้มยำกุ้ง, Fearless) ผนึก “พลังแห่งมิตรภาพ” ต่างไซซ์กับ 2 เล็กพริกขี้หนู “เกรซ นวรัตน์” และ “น้องแคท เกิดมาลุย” มาผจญภัย วาดลวดลาย ต่อสู้ดุเด็ดเผ็ดมันส์…แต่แอบมีซึ้ง ในภาพยนตร์แอคชั่น-คอเมดี้-ดราม่า ครบรส ดูได้ทุกเพศทุกวัย “ส้มตำ” ผลงานตำครกแรกของผู้กำกับมากความสามารถ “นนทกร ทวีสุข” ด้วยอานุภาพความร้อนแรงจะแผลงฤทธิ์สุดเผ็ดร้อน ให้คุณได้แซบสนุกสุดประทับใจ 29 พ.ค.นี้ ทุกหัวระแหงในโรงภาพยนตร์ “บาร์นนี่” (นาธาน โจนส์) ฝรั่งร่างใหญ่ใจดีที่โชคชะตานำพาให้เขาได้เดินทางมาเที่ยวเมืองไทยด้วยความบังเอิญ แต่ความโชคดีดูเหมือนจะอยู่กับเขาได้ไม่นาน ทันทีที่เขามาเที่ยวต่อที่พัทยา – แหล่งสีสันแห่งราตรี แค่เพียงคืนแรกความโชคร้ายก็มาเยือน เมื่อเขาถูกหลอกจนหมดเนื้อหมดตัว แม้กระทั่งพาสปอร์ตก็ยังถูกขโมยไปด้วย หนทางเดียวที่พอจะทำได้จากคำแนะนำของตำรวจท้องที่ บาร์นนี่ต้องไปขอความช่วยเหลือจากศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ที่นี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งมิตรภาพของบาร์นนี่กับ 2 สาวน้อยเล็กพริกขี้หนูด้วยความบังเอิญ…อีกครั้ง เมื่อ “กระเต็น” (เกรซ-นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ) สาวน้อยสุดซ่าส์กำลังหนีการไล่ล่าของแก๊งหัวโจกพัทยา เพราะดันไปแกล้งขโมยเงินของพวกมันเข้า กระเต็นขอความช่วยเหลือจากฝรั่งร่างใหญ่อย่างบาร์นนี่ โดยหารู้ไม่ว่าถึงบาร์นนี่จะมีร่างกายเป็นยักษ์ปักหลั่นอย่างนี้ แต่ใจเล็กเป็นบ้าเลย แถมยังสู้ใครไม่เป็นอีกต่างหาก เฮ้อ ไม่ได้เรื่องเลยไอ้ยักษ์เอ๊ย กระเต็นออกอาการเซ็งอย่างแรง แต่ก่อนความซวยจะมาถึงตัวเธอ “ดอกหญ้า” (แคท-ศษิสา จินดามณี) พี่สาวของกระเต็น ที่เจ๋งสุดๆ ในวิชาแม่ไม้มวยไทยก็ออกโรงมาเตะต่อยออกอาวุธมวยไทยช่วยทั้งคู่ได้อย่างทันการณ์ กระเต็นและดอกหญ้าไม่รู้จะทำยังไงต่อ แต่ด้วยความเป็นเจ้าบ้านที่ดีเลยต้องสานสัมพันธ์กับบาร์นนี่ที่อุตส่าห์ยอมเจ็บตัวในครั้งนี้ โดยพาไอ้ยักษ์ไปที่บ้านของพวกเธอที่ “แม่อี๊ด” (สุภัทรา วรรณทิวานนท์) เปิดเป็น “ร้านส้มตำ“ อาหารสุดฮิตของชาวไทย ด้วยความที่อยากลองและถูกกระเต็นบังคับ บาร์นนี่จึงต้องชิม “ส้มตำคำแรก” ในชีวิต และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น จากความเผ็ดร้อนปากแทบไหม้ ทำให้บาร์นนี่ควบคุมตัวเองไม่ได้ วิ่งชนร้านจนพังราบเป็นหน้ากลอง บาร์นนี่เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขารับปากว่าจะหาเงินมาช่วยซ่อมร้านส้มตำ โดยมีกระเต็นและดอกหญ้าคอยหนุนหลัง ระหว่างทางนั้น แม้จะต่างไซซ์และวัย แต่ทั้ง 3 คนต่างก็ได้เรียนรู้ผูกพันในมิตรภาพซึ่งกันและกันจนประหนึ่งเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่แล้วด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์จากความช่วยเหลือของสาวแสบซ่าส์ตัวต้นเหตุอย่างกระเต็น ก็ได้นำความวุ่นวายมาเพิ่มให้มากขึ้น เมื่อกระเต็นดันไปล้วงคองูเห่า แอบฉก “ของสำคัญบางอย่าง“ ของแก๊งโจรกรรมเพชรที่มี “เชิงชาย” (ยุทธ ทองเจริญ) เป็นหัวหน้า นั่นเป็นเหตุให้ทั้งกระเต็น, ดอกหญ้า และบาร์นนี่ถูกตามล่าอย่างหนักจากแก๊งโจร จนเมื่อสุดทางหนี การต่อสู้สุดมันส์จึงบังเกิดขึ้น… ด้วย “อานุภาพความร้อนแรง ลูกบ้าเฮือกสุดท้าย และ มิตรภาพไร้พรมแดน“ สอดประสานอย่างเข้าทาง กลายเป็น “3 พลังส้มตำ“ ที่จะมาแผลงฤทธิ์สุดเผ็ดร้อนให้คุณได้แซ่บสนุกสุดประทับใจ…แบบอะไรก็ฉุดไม่อยู่
สลัดตาเดียวกับเด็ก 200 ตา (2551/2008) ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยความลับที่ใครต่อใครเฝ้าค้นหา เด็ก 9 คนได้พลัดตกจากเรือสำราญมาติดอยู่บนเกาะกลางทะเล ท่ามกลางความเวิ้งว้างของมหาสมุทรที่เด็ก ๆ ต้องมาดำรงชีวิตเพียงลำพัง ทั้งหาอาหารประทังชีวิต ก่อไฟแก้หนาว หรือกระทั่งต่อเรือเพื่อกลับบ้านพวกเขาก็ได้พบกับโจรสลัดในตำนานที่ล่องเรือมาหาสมบัติที่เกาะนี้ เด็ก ๆ ทั้ง 9 ได้รับการ ช่วยเหลือจากโจรสลัด และพวกเขาก็ได้ช่วยเหล่าโจรสลัดไขปริศนาจากลายแทงจนรู้ที่ซ่อนของสมบัติ แต่ก่อนที่การผจญภัยค้นหาสมบัติจะเริ่มขึ้น ทั้งหมดก็ถูกขัดขวางจากอริเก่าของโจรสลัดจนต้องเกิดการต่อสู้เกิดขึ้น แต่สิ่งที่นอกเหนือความคาดหมายก็คือ การช่วยเหลือจากสัตว์ในตำนาน ทั้งปูยักษ์ ปลาหมึกยักษ์ เต่ายักษ์ แต่การต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นยังไง เหล่าโจรสลัดและเด็ก ๆ จะเป็นฝ่ายชนะหรือไม่ ต้องติดตามชมใน "สลัดตาเดียวกับเด็ก 200 ตา"
ถอดรหัส วิญญาณ (2551/2008) เรื่องนี้ ขออุทิศให้กับดวงวิญญาณทุกดวงที่กำลังรอการช่วยเหลือเพื่อตามจับฆาตกร! เรื่องเกิดขึ้น เมื่อตำรวจได้พบศพนักเรียนสาวมัธยมปลาย ถูกฆ่ายัดกล่อง ร่างของเธอเปลือยเปล่า มือและเท้าถูกมัดด้วยจีวร หน้าผากถูกลงอักขระสะกดวิญญาณเอาไว้ ตามความเชื่อโบราณเพื่อป้องกันไม่ให้วิญญาณตามจองเวรอาฆาต นับเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญประชาชนและเกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ศาสนา กรมตำรวจจึงส่งมอบคดีให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI เข้ามาทำคดีนี้โดยส่ง ผบ.กานนท์ (ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล) เข้ามาเป็นผู้รับผิดชอบในการสืบสวน เขาได้พบหลักฐานหลายอย่างที่ทำให้พอจะมั่นใจได้ว่า น่าจะเป็นการฆาตกรรมอำพรางกานนท์จึงได้ส่งศพนักเรียนหญิงไปยังหน่วยนิติวิทยาศาสตร์ CIFS ที่กรุงเทพ เพื่อให้ นิชา (เปรมสินี รัตนโสภา) แพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญทางด้านนิติเวช หาหลักฐานเพิ่มเติมอย่างละเอียดเพื่อหาข้อมูลว่า ผู้ตายเป็นใครกันแน่..? ขณะเดียวกัน ซี (ปฏิวัติ เรืองศรี) อดีตนักร้องขวัญใจวัยรุ่น ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงตกอับ ก็ได้รับการติดต่อจาก สิ่งลี้ลับ จนทำให้เขาเกิดลางสังหรณ์บางอย่างว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับ หนิง (ณภัทร บรรจงจิตไพศาล) แฟนเก่าที่เพิ่งเลิกกันมาได้ไม่นาน ซีเกิดความเป็นห่วงหนิง จึงตัดสินใจเริ่มออกตามหาตัวหนิง สร้างความไม่พอใจให้กับ แพร (สุทธิกานต์ หวังเจริญทวีกุล) นางแบบสาวแถวหน้าของวงการที่เป็นแฟนใหม่เป็นอย่างมาก ระหว่างที่ซีพยายามตามสืบข่าวหนิง นิชาก็ได้ทำการผ่าศพ และ หาหลักฐานเพิ่มเติมจนได้ร่องรอยบางอย่างที่พอจะเป็นกุญแจไขปริศนาว่า นักเรียนหญิงที่ตายคือใครกันแน่..? เมื่อกานนท์เริ่มเชื่อในสัมผัสลี้ลับ ที่วิญญาณพยายามสื่อ ความจริง ก็เริ่มจะปรากฏให้เห็นเป็นภาพราง ๆ วิทยาศาสตร์ กับสัมผัสลี้ลับ อะไรคือความจริงที่จะนำไปสู่การไขปริศนาฆาตกรรม

เรื่องย่อ : ช็อคโกแลต (2551/2008) เซน (ฉันทธนิสา วิสมิตะนันทน์) หญิงสาววัย 22 เธอเป็นเด็กออทิสติคที่มีความสามารถทางด้านการต่อสู้อย่างร้ายกาจ เซนอาศัยอยู่กับซิน ผู้เป็นแม่ (อมรา ศิริพงษ์) ในชีวิตเซนมีสิ่งที่เธอชอบอยู่ไม่กี่อย่าง คนที่เธอรักมีไม่กี่คนหนึ่งในนั้นคือแม่ คนที่เธอรักดั่งดวงใจ แต่แล้ววันหนึ่งแม่ของเธอล้มป่วยลงด้วยโรคมะเร็ง ความเป็นอยู่ในครอบครัวเริ่มลำบาก เงินทองเริ่มหมดไปกับการรักษา แต่โชคชะตาก็นำพาให้เธอเข้าไปตกอยู่ในวังวนแห่งการต่อสู้ซึ่งเต็มไปด้วยอันตราย เซนได้เจอสมุดบันทึกเล่มหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยรายชื่อคนที่เคยเป็นหนี้แม่ของเธอ เซนจึงขอร้องแมงมุม เพื่อนคนเดียวที่เธอมีอยู่ให้ช่วยไปตามเก็บเงินตามรายชื่อเหล่านั้น โดยหารู้ไม่ว่า บุคคลเหล่านั้นพร้อมจะสังหารเธอได้ทุกเมื่อ และที่สำคัญรายชื่อทุกรายจะเกี่ยวข้องกับบุรุษลึกลับที่มีรหัสว่า No.8 และเมื่อ No.8 ทราบเรื่องและสืบหาความจริงจนพบว่า การต่อสู้ที่อันตรายของเซนนั้นกำลังเกี่ยวพันกับเจ้านายนักการเมืองชื่อดัง จึงทำให้ No.8 ต้องกำจัดเซนให้สิ้นซาก การสังหารด้วยหมัดต่อหมัดครั้งนี้มีชีวิตของซิน แม่ผู้เป็นทั้งหมดของชีวิตเซนเป็นเดิมพัน เธอต้องต่อสู้ทุกอย่างแม้ต้องแลกด้วยชีวิต เพื่อให้แม่อยู่กับเธอไปนาน ๆ

สียามา (2551/2008) พ.ศ. 2307 ในสมัยกรมขุนอนุรักษ์มนตรี แห่งบ้านพูลหลวง ในช่วงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นข่วงภาวะสงครามไทยและพม่า ผู้รุกรานยกทัพ มุ่งตัดกำลังกรุงศรีอยุธยาจากทุกด้าน ด้านหนึ่ง มังมหานรธา เป็นแม่ทัพ ตีหัวเมืองทางทวาย กาญจนบุรี สุพรรณบุรี เข้าล้อมกรุงศรีอยุธยา อีกด้านหนึ่ง เนเมียวสีหบดี เป็นแม่ทัพ ตีหัวเมืองทางเหนือ เรื่อยมาทางใต้เพื่อเข้าตีโอบล้อมกรุงศรีอยุธยา บ้าน สียามา ที่เคยสงบสุข จึงอยู่ในภาวะสงครามเช่นกัน ผู้กล้าแห่งบ้านสียามา ต่อสู้กับผู้รุกรานที่เดินทัพหลงออกนอกเส้นทาง แต่ในระหว่างการต่อสู้ จู่ ๆ รถยนต์ของ อาณา, โบ๊ต และ กิ๊ฟ นั่งอยู่ในรถยนต์ หลงเข้ามาในระหว่างการต่อสู้ ทั้งหมดตกใจกับสิ่งที่เกิด จึงขับรถยนต์หนีเข้าไปหมู่บ้านสียามา พวกเขานำความสามารถเข้าช่วยเหลือหมู่บ้านสียามา
รักสยามเท่าฟ้า (2551/2008) ปี พ.ศ. 2447 พันโทหลวงกาจยุทธการ (ขจรศักดิ์ รัตนนิสัย) กลับจากฝึกเรียนการบินจากฝรั่งเศส ได้รับมอบหมายให้จัดตั้งกองบินแห่งสยาม แม้ขุนนางราชการผู้ทรงอำนาบางท่านมองเรื่องเครื่องบินเป็นไร้สาระหลวงกาจ จึงต้องปรับเปลี่ยนความเชื่อนี้ ภารกิจแรงแห่งกองการแห่งสยาม ต้องฝึกนักบินคนสยามขึ้นมาให้ได้ โดยได้รับความช่วยเหลือจาก ปิแอร์ ปูแปง (ทอม เคลย์เตอร์) ครูฝึกของหลวงกาจ ศิษย์การบินรุ่นแรก ประกอบด้วยนายทหารสัญญาบัตร 4 นายร้อยโทรัตน์ (วูฒิชัย ไหมกัน), ร้อยเอกอัษฎา (กฤษณ์ สุวรรณภาพ), พันตรีทวยเทพ (ผดุงศักดิ์ กิจจานิชขจร), ร้อยตรีดำเกิง (กฤษฎา พัชรพิพัฒน์) โดยมีพลทหารชั้นประทวนร่วมกองบินเพียง 1 นาย คือพลทหาร ดวง เด็ดฉิมพลี (ศรราม เทพพิทักษ์) ลูกชาวนาที่ใฝ่ฝันเป็นนักบิน เมื่อเครื่องบินจากประเทศฝรั่งแปลกปลอมเข้ามาบนทุ่งนาสยาม... เมื่อเครื่องบินประจัญหน้ากับความ.. ไม่มีอะไรสนุก น่ารัก และต้องใช้ความกล้า ความรัก ความสามัคคี เข้าเผชิญหน้าเท่านี้อีกแล้ว ครั้งแรกที่คนไทยได้ขึ้นไปสัมผัสความงามแห่งฟากฟ้าแผ่นดินตนเอง เป็นที่รำลึกกล่าวขานของคนรุ่นหลังจงบจนทุกวันนี้ "น่านฟ้าของแผ่นดินสยาม จะงดงามกว่าที่เคย"
Brave กล้า หยุด โลก (2550/2007) บุรุษอันตรายที่กล้ากระโดดตื้บทุกคน แม้ความตายก็ไม่อาจหยุดเขาได้ เพราะไม่มีอะไรบนโลกนี้ที่เขาต้องกลัวอีกแล้ว เรื่องมันก็มีอยู่ว่า เมื่อบัตรเครดิตกลายเป็นสิ่งจำเป็นของคนที่อาศัยในเมืองใหญ่ ๆ ของทุกประเทศในโลกเป็นเสมือนตัวแทนของความน่าเชื่อถือ ความมีเกียรติและมีอำนาจในการจับจ่ายสิ่งของต่างๆแทนเงินสด เท่ากับว่ามันเป็นการเชิญชวนให้แก๊งอาชญากรรม ต่างต้องการเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากธุรกรรมอันหอมหวนนี้ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย หนุ่มน้อยนาม ไพโรจน์ หรือ บี (ไพโรจน์ บุญเกิด) ถูกคำสั่งจากบุคคลลึกลับให้เข้าไปโจรกรรมข้อมูลลูกค้าจากบริษัทบัตรเครดิตชื่อดัง โดยมีข้อแลกเปลี่ยนคือ โต้ง (อาฟฟลิน เชากิ) พี่เขยชาวมาเลเซีย ผู้มีพระคุณของตนเอง ที่ถูกจับไปเป็นตัวประกัน ด้วยความสามารถเฉพาะตัวบวกกับฝีไม้ลายมือการต่อสู้ ไพโรจน์ได้ข้อมูลลูกค้าทั้งหมดจาก ลิตา (ศุภักษร เรืองสมบูรณ์) รองประธานกรรมการบริษัทบัตรเครดิต Wealthy Bank นำไปแลกตัวโต้งมาได้อย่างหวุดหวิด ผลของการโจรกรรมครั้งนี้ ทำให้บริษัทบัตรเครดิต เกิดปัญหาลุกลามใหญ่โต จนทำให้ประธานกรรมการบริษัท สมบุญ (วันชาติ ชุณห์ศรี) ออกมารับผิดชอบโดยการยิงตัวตาย และได้ทิ้งลิตาภรรยาสาวแสนสวยไว้ ข่าวการตายของสมบุญ ทำให้ไพโรจน์ รู้สึกผิดที่เป็นสาเหตุให้ลิตาต้องสูญเสียสามี จึงตั้งใจจะไปขอโทษแต่เมื่อไปถึงที่บ้านกลับพบว่า คนในบ้านลิตา โดนทำร้ายและตัวลิตา ถูกจับไปโดยกลุ่มชายลึกลับกลุ่มเดียวกันกับที่ตามมาถล่มตนและโต้ง ไพโรจน์และโต้งตามหาความจริงจนรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังของงานนี้คือ โกวิท (สหัสชัย ชุมรุม) ผู้ทรงอิทธิพลและอยู่เบื้องหลังอาชญากรรมและการค้ายาเสพติดรายใหญ่ของประเทศ โดยมีลูกน้องฝีมือเยี่ยม 2 คน คือ กันต์ (ระพีพันธ์ บุตรทอง) และ จอห์น (อาวี่) ที่เป็นผู้ตามฆ่าเขานั่นเอง... ทั้งคู่ตกลงจับมือกัน บุกเข้าไปถึงโกดังลับของโกวิท โดยมีเพื่อนเก่า ไม้ (ดีน อเล็คซานดรู) เพื่อนรักเพื่อนแค้นรวมทั้งเป็นพี่ชายของ เหมียว (ชารีฟา โซเฟีย) แฟนเก่าของไพโรจน์ เป็นคนพาเข้าไปในโกดังลับแห่งนั้น และการต่อสู้ครั้งใหญ่ก็ได้เกิด ซึ่งที่นี่นั่นเอง ทำให้ไพโรจน์รู้ว่า ตนเองถูกหลอกใช้ การปล้นทั้งหมดเป็นเพิ่งการจัดฉากขึ้นเพื่อตบตาตำรวจเท่านั้น แต่ในความจริงนั้น ยังมีบางสิ่งที่ไพโรจน์และโต้ง คาดไม่ถึงซุกซ่อนอยู่
อก 3 ศอก 2 กำปั้น
อก 3 ศอก 2 กำปั้น (2550/2007) เรื่องราวที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง ณ เกาะสวยกลางทะเลอันดามัน ที่ชาวต่างชาติหลากหลายประเทศ มากมายวัฒนธรรม ต่างเดินทางมาเพื่อแสวงหาประสบการณ์มันส์สุดขั้วสักครั้งในชีวิตที่โชคดีบาร์มวยไทย ซึ่งนักท่องเที่ยวทั้งชายหญิง ต่างพากันขึ้นชกมวยวัดใจกันอย่างสนุกสนานทำให้บาร์ เป็นที่ต้องการของนายทุนชาวต่างชาติ ที่ขอซื้อ เพื่อที่จะเปิดสอนมวยฟรีสไตล์ แต่ก็ได้รับการปฎิเสธไม่ยอมขายที่ทำกินให้ ถึงแม้นายหน้านักเลงไทยจะพยายามทุกทางเพื่อให้ได้มา จนกลายเป็นเรื่องทะเลาะวิวาทบานปลายกลายเป็น ศึกรักษาศักดิ์ศรี และที่ทำกิน จนกลายเป็นศึกมวยนอกเวที ที่ไม่มีกติกา หรือรูปแบบนำไปสู่การปรากฏของมวยไทโบราณ (พาหุยุทธ์) ที่จะทำให้นักสู้ต่างชาติเห็นถึงความสง่างามของศิลปะมวยไทพาหุยุทธ์ ทั้งกายและใจ

เรื่องย่อ : โอปปาติก เกิดอมตะ (Opapatika) (2550/2007) โอปปาติก (โอ-ปะ-ปา-ติ-กะ) สิ่งมีชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งบนโลก ที่ใช้ชีวิตปะปนอยู่กับผู้คนทั่วไป แต่ละคนที่เป็นโอปปาติกนั้น จะได้รับพลังพิเศษบางอย่าง ที่ทำให้มีความสามารถเก่งกาจเหนือคนอื่นๆ หากแต่พลังพิเศษนั้นก็มีขีดจำกัดในการใช้ และจะค่อยๆ หมดไป เมื่อสิ้นอายุขัยในที่สุด ศดก (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) โอปปาติกตนหนึ่งที่ต้องการเป็นอมตะ แต่อุปสรรคอย่างเดียว ที่คอยขัดขวางไม่ให้ความต้องการของศดกเป็นจริงก็คือ จิรัสย์ (สมชาย เข็มกลัด) โอปปาติกลึกลับ และดูอันตราย ศดกจึงหาทางกำจัดจิรัสย์ การตามล่าของเหล่าโอปปาติกจึงเกิดขึ้น ก่อเกิดสงครามครั้งใหญ่ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ ปราณ (เข็มอัปสร สิริสุขะ) สาวลึกลับที่ดึงดูดเหล่าโอปปาติกด้วยเหตุผลต่างๆ

ไชยา (2550/2007) เรื่องราวเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2520 เปี๊ยก (อัครา อมาตยกุล) สะหม้อ (สนธยา ชิตมณี) และเผ่า (ธวัชชัย เพ็ญภักดี) เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งสามเป็นนักมวยไทยไชยา ซึ่งวันหนึ่งค่ายมวยที่สังกัดอยู่เกิดเลิกกิจการลง ทั้งสามจึงเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อตามหาความฝัน ที่จะได้เป็นนักมวยไทยที่มีชื่อเสียงซึ่งเปี๊ยก ไม่ประสบความสำเร็จในการชกมวย จึงตัดสินใจไปแข่งมวยเถื่อนหลังจากนั้นเปี๊ยกและสะหม้อได้เข้าไปเป็นลูกน้องของผู้มีอิทธิพล ส่วนเผ่าได้ไปเข้าค่ายมวยและขึ้นชกที่เวทีราชดำเนินก่อนโด่งดังในเวลาต่อมา เปี๊ยกและสะหม้อได้ร่วมมือกันฆ่าครูของเผ่าที่ป่าช้าก่อนที่เปี๊ยกจะโดนตำรวจจับในเวลาต่อมาและระหว่างที่จะย้ายเปี๊ยกไปคุมขังที่อื่นสะหม้อได้เข้ามาช่วยเปี๊ยกหนีและหลังจากที่เปี๊ยกขับรถหนีไปสะหม้อได้โดนฝรั่งกลุ่มที่เป็นนายหน้านักมวยฆ่าแต่สะหม้อเอาระเบิดติดกับตัวแล้วรถก็ระเบิด ในวันนี้เผ่าต้องลงชิงแชมป์กับนักมวยฝรั่งซึ่งเปี๊ยกได้มาที่สนามและฆ่าผู้มีอิทธิพลลงหลังจากนั้นจึงโดนตำรวจยิงก่อนตายเผ่าซึ่งได้แชมป์มาได้เข้ามาหาเปี๊ยกโดยศรีไพร ซึ่งเป็นภรรยาของเป๊ยกก