นกกระจาบ 2525

นกกระจาบ (2525/1982) "นกกระจาบ" 2525 เป็น "ภาพยนตร์โทรทัศน์" ไม่ใช่ "ละครโทรทัศน์" เพราะสมัยนั้นดาราฟิล์ม (ดาราวีดีโอ) ยังผลิตเป็นระบบภาพยนตร์โทรทัศน์ ถ่ายด้วยกล้องฟิล์ม 16 มม. ใช้เสียงพากย์ ยังไม่ได้ใช้เสียงจริงของนักแสดง จึงเรียกว่า “ภาพยนตร์ไทยชุดนกกระจาบ” ภาพยนตร์โทรทัศน์จะออกอากาศเป็นตอน ๆ เหมือนละครโทรทัศน์เช่นกัน สำหรับ ภ.ไทยชุดนกกระจาบ 2525 ยาวประมาณ 40 ตอนจบ อากาศทุกวันจันทร์ อังคาร เวลา 21.00 หลังข่าวภาคค่ำ แพร่ภาพทางช่อง 7 สี

สุวรรณหงส์ 2525

สุวรรณหงส์ (2525/1982) สุวรรณหงส์เป็นโอรสของท้าวสุทันนุราช มีมเหสีชื่อ ศรีสุวรรณ แห่งนครไอยรัตน์ ร่ำเรียนศิลปศาสตร์กับพระฤาษีที่ในป่า จนสำเร็จศิลปศาสตร์ทางดาบ และวิชาพูดภาษาสัตว์ต่าง ๆ ได้ เมื่อกลับมาเมืองไอยรัตน์แล้ว วันหนึ่งเก็บมาลัยที่ลอยตามธารน้ำได้ เป็นมาลัยประหลาดที่แม้จะเก็บได้สามวันแล้วก็ยังสดใส และฝันไปว่าเจ้าของมาลัยนั้นเป็นธิดากษัตริย์มีใบหน้าสวยงามมากมาหา เมื่อตื่นจากความฝัน สุวรรณหงส์ก็คร่ำครวญหาแต่นางในฝันอย่างน่าสงสาร วันต่อมา มีช่างสองคนนำเรือหงส์มาถวาย คนหนึ่งเป็นช่างไม้ อีกคนเป็นช่างพยนต์ ช่างทั้งสองทำเรือหงส์เสร็จแล้ว ไม่กล้าขึ้นขี่ เพราะเกรงบารมีไม่มีจึงนำมาให้สุวรรณหงส์ และสุวรรณหงส์สามารถเหาะขับขึ้นไปได้ในอากาศ เพราะอ่านพระเวทย์ซึ่งเป็นภาษาของพญาครุฑออก จึงให้รางวัลแก่ช่างทั้งสองไปเป็นจำนวนมาก ต่อมาสุวรรณหงส์จึงเสี่ยงทายปล่อยว่าวขึ้นไปบนอากาศ แล้วว่าวลอยไปตกในนครมัตตัง สายป่านไปพันยอดปราสาทของนางเกศสุริยง ธิดาของพญายักษ์แห่งนครนั้น สุวรรณหงส์จึงไต่สายป่านขึ้นไปพบเกศสุริยง ธิดาของพญายักษ์ได้และเกิดรักใคร่ได้เสียกับเกศสุริยง สุวรรณหงส์ใช้วิธีลักลอบขึ้นไปาเกศสุริยง ณ ยอดปราสาทโดยไม่ให้ใครล่วงรู้ เพราะพญายักษ์ซึ่งเป็นพ่อของเกศสุริยงดุร้าย และหวงลูกสาวมาก ใครมาสู่ขอก็ฆ่าด้วยวิธีดุร้ายต่างๆ ทั้งสองพบกันบ่อย จนพี่เลี้ยงทั้งห้าของเกศสุริยงสงสัยและกลัวความผิดจะตกมาถึงตัว จึงคิดอ่านทำหอกยนต์ไว้ที่หน้าต่าง เมื่อสุวรรณหงส์จะเข้าไปหาเกศสุริยงทางช่องหน้าต่างนั้นอีกก็ถูกหอกยนต์ลั่นเสียบอกทันที สุวรรณหงส์เมื่อถูกหอกแล้วก็แข็งใจนั่งเรือเหาะกลับมาเมืองไอยรัตน์และมาถึงแก่ความตายในเมือง ไอยรัตน์ ด้วยความแค้น คิดว่าเมียทรยศมีชายใหม่เป็นคู่จึงอธิฐานขอตามล้างแค้นไปทุกชาติก่อนที่จะตาย ฝ่ายนางเกศสุริยง เห็นสุวรรณหงส์ไม่มาหาเช่นเคย ก็ประหลาดใจ จึงมาตรวจดูที่ช่องหน้าต่างเห็นหยดเลือดตกติดอยู่ก็คาดคะเนรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับชู้รักของตน จึงลักลอบออกจากปราสาทสะกดรอยตามไปจนหมดหยดเลือด ไม่รู้แห่งจะตามไปอย่างไร ประกอบด้วยความเสียใจก็นอนสลบอยู่ในป่า พระอินทร์ทรงทราบเข้า ก็เสด็จลงมาช่วยแก้ให้ฟื้น แล้วช่วยแปลงตัวนางเกศสุริยงให้เป็นผู้ชาย เป็นพราหมณ์ผู้ชาย และประทานน้ำมันทิพย์บรรจุขาดและศรไว้ให้แล้วแบ่งร่างอีกส่วนหนึ่งของเกศสุริยงไปอยู่ที่ปราสาทในเมืองของพญายักษ์ผู้พ่อเพื่อกันไม่ให้สงสัย นางเกศสุริยงจึงเที่ยวตามหาสามีของนางต่อไปจนมาถึงศาลาที่อยู่ของยักษ์กุมภัณฑ์ ยักษ์กุมภัณฑ์เห็นเข้านึกว่าเป้นผู้หญิงคิดจะเอาไว้เป็นเมียแต่ครั้นดูไปดูมาเห็นเป็นชาย ก็รบกันยักษ์กุมภัณฑ์ก็แพ้ ก็มอบตัวอาสารับใช้ พราหมณ์เกศสุริยงก็เล่าเรื่องราวของตนให้กุมภัณฑ์รับทราบความจริง และถามถึงหนทางที่จะติดตามหาสามีของเธอต่อไป ยักษ์กุมภัณฑ์รับอาสาจะพาไป เกศสุริยงจึงให้กุมภัณฑ์แปลงตัวเป็นพราหมณ์เสียด้วยกัน ซึ่งต่อไปนี้เรียกพราหมณ์กุมภัณฑ์ว่าพราหมณ์โต และเรียกพราหมณ์เกศสุริยงว่าพราหมณ์เล็กหรือพราหมณ์อัมพร แล้วทั้งสองพราหมณ์ก็พากันเข้าไปในเมืองไอยรัตน์ เข้าไปเฝ้าท้าวสุทันนุราช รับอาสาซุบสุวรรณหงส์ให้ฟื้นขึ้น เมื่อฟื้นขึ้นแล้ว สุวรรณหงส์เห็นพราหมณ์เล็กก็เข้าใจว่าเป็นเกศสุริยงเมียรักของตน แต่ก็ชักสงสัยไม่แน่ใจว่าเป็นหญิงหรือชาย จะเป็นเมียของตนหรือมิใช่ก็ไม่รู้ สุทันนุราช ผู้เป็นพระราชบิดาจึงทรงแนะเป็นอุบายบอกเป็นความลับแก่สุวรรณหงส์ว่า ให้ลองพิสูจน์ดู ถ้าเป็นหญิงจะต้องชอบดอกไม้และเพชรนิลจินดา ให้ลองพาไปเที่ยวสวนแล้วคอยสังเกตุดูท่าที ถ้าพราหมณ์เล็กชอบดอกไม้ก็จะจับได้ว่าเป็นหญิง สุวรรณหงส์ได้รับทราบอุบายจากพ่อ ก็แกล้งชวนพราหมณ์เล็กไปเที่ยวสวนและชมถ้ำแต่อุบายเหล่านี้ พราหมณ์โตแอบฟังรู้เรื่องหมดจึงบอกพราหมณ์ให้รู้ตัวเสียก่อน พราหมณ์เล็กจึงคอยระมัดระวังตัวไว้ แม้ในใจจริงอยากจะได้ดอกไม้ในสวนและเพชรนิลจินดาที่ถ้ำ ต่อม่สุวรรณแกล้งไปรักกับหญิงอื่น เกศสุริยงด้วยความแค้นและความหึงจึงหนีไป โดยทิ้งหลักฐานไว้ว่าเธอคือเกศสุริยงนั่นเอง สุวรรณหงส์จึงตามไปด้วยความแค้นที่อธิฐานไว้เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเกศสุริยงรู้เห็นเป็นใจในการทำหอกฆ่าตัวเสีย เพราะเป็นลูกยักษ์จึงมีนิสัยดุร้าย เมื่อสุวรรณหงส์ตามไปถึงปราสาทเห็นเกศสุริยงหลับอยู่ จึงอธิษฐานว่าหากเกศสุริยงยังซื่อสัตย์ต่อสุวรรณหงส์ก็ให้เลือดมีรสหวาน และเมื่อไม่ซื่อสัตย์ให้เลือดมีรสขม แล้วสุวรรณหงส์ฟันคอเกศสุรยงขาดเลือดไหลออกมา เมื่อสุวรรณหงส์ชิมดูปรากฏว่ามีรสหวาน ก็เสียใจว่าฆ่าเมียที่บริสุทธิ์เสียแล้ว เฝ้าคร่ำครวญหาแต่เมียที่จากไปด้วยการตาย อย่างไม่มีวันหลับปิ่มว่าจะขาดใจตาย

เงา 2525

เงา (2525/1982) หญิงสาวพลิกตัวอีกครั้ง ซุกมือไว้ข้างหมอน หลังตาลงอย่างมีความสุข ระหว่างที่กึ่งหลับกึ่งตื่น สมองส่วนหนึ่งเตือนให้รู้ว่า มีเงาดำๆ หลายร่างมาก้มชะเงื้อมง้ำอยู่เหนือเตียงนั้น หากแล้วเสียงทุ้มนุ่มนวลไพเราะ แต่ทรงอำนาจก็กังวานขึ้นอย่างเด็ดขาด "กลับไป ยังไม่ถึงเวลา ไม่ใช่หน้าที่ของเจ้า" เงาดำๆ ทั้งกลุ่มชะงัก ถอยกลับไปอย่างลนลาน แล้วร่างดำทะมึนสูงตระหง่านก็กลับปรากฏขึ้นโดยกะทันหัน ส่วนใบหน้าที่อยู่ในเงามืดก้มลงมองอย่างเยือกเย็น พร้อมมีเสียงกระซิบเบาๆ อย่างเหี้ยมเกรียมว่า "หลับให้สบายใจ ฝันถึงความสุขสนุกสบายที่เจ้าปรารถนาให้เต็มที่ แล้ววันหนึ่งเราจะได้พบกับเจ้าโดยสมบูรณ์ เจ้าจะได้รู้ว่า...เราคือใคร!" บางทีเงานั้น ยามนี้กำลังประทับยืนอยู่ใกล้เราแล้วกระมัง

Placeholder
เกวลีสอยดาว 2525
จอมเกเร 2524
ดอกโศก 2524

เรื่องย่อ : ดอกโศก (2524/1981) ดอกโศก เป็นเรื่องราวของ ดอกโศก เด็กผู้หญิงลูกครึ่งผมแดง ที่ต้องออกมาเร่ร่อนขายหนังสือพิมพ์ตามท้องถนน ดอกโศกได้รับความช่วยเหลือจากบาทหลวง อันโตนิโย เจ้าคุณรัตนาภิบาลได้พบกับดอกโศกตอนเป็นลม เมื่อมาส่งบ้านจึงได้พบ สมใจ ยายของดอกโศก พบว่ายายสมใจคืออดีตภรรยาน้อยของท่าน ดอกโศกจึงกลายเป็นหลานสาวเจ้าคุณ เจ้าคุณจึงรับดอกโศกไปอยู่ด้วย ท่ามกลางไม่พอใจของคนในบ้าน

โสนน้อยเรือนงาม 2524

โสนน้อยเรือนงาม (2524/1981) กษัตริย์นครโรมวิสัยมีพระราชธิดาที่สวยงามมาก พระราชธิดานี้เมื่อประสูติมีเรื่อนไม้เล็กๆติดมือออกมาด้วย เรือนนี้เมื่อพระธิดาเจริญวัยขึ้น เรือนไม้นี้ก็โตขึ้นด้วยและกลายเป็นของเล่นของพระราชธิดา พระบิดาจึงตั้งชื่อพระราชธิดาว่า โสนน้อยเรือนงาม เมื่อโสนน้อยเรือนงามมีพระชนม์พรรษาได้สิบห้าพรรษา โหรทูลพระบิดาว่าโสนน้อยเรือนงามกำลังมีเคราะห์ ควรให้ออกไปจากเมืองเสีย เพราะจะต้องอภิเษกกับคนที่ตายแล้ว พระบิดาและพระมารดาก็จำใจให้โสนน้อยเรือนงามออกไปจากเมืองแต่ผู้เดียว โสนน้อยเรือนงามปลอมตัวเป็นชาวบ้านและเอาเครี่องทรงพระราชธิดาห่อไว้ พระอินทร์สงสารนางจึงแปลงร่างเป็นชีปะขาวมามอบยาวิเศษสำหรับรักษาคนตายให้ฟื้นได้ โสนน้อยเรือนงามเดินทางเข้าไปในป่าพบนางกุลาหญิงใจร้ายนอนตายเพราะถูกงูกัด โสนน้อยเรือนงามจึงนำยาของชีปะขาวมารักษา นางกุลาก็ฟื้น นางจึงขอเป็นทาสติดตามโสนน้อยเรือนงาม ที่นครนพรัตน์เมืองใกล้เคียงโรมวิสัยมีกษัตริย์ครองอยู่ มีพระราชโอรสนามว่า พระวิจิตรจินดา ซึ่งเป็นชายหนุมรูปงามและมีความสามารถ แต่วันหนึ่งพระวิจิตรจินดาถูกงูพิษกัดสิ้นพระชนม์ พระบิดาและ พระมารดาเศร้าโศรกเสียใจมาก แต่โหรทูลว่า พระวิจิตรจินดาจะสิ้นพระชนม์ไปเจ็ดปีแล้วจะมีพระราชธิดาของเมื่องอื่นมารักษาได้ พระบิดาและพระมารดาจึงเก็บพระศพของพระวิจิตรจินดาไว้ และมีประกาศให้คนมารักษาให้ฟื้น โสนน้อยเรือนงามและนางกุลาเดินทางมาถึงเมืองนพรัตน์ได้ทราบจากประกาศ จึงเข้าไปในวังและอาสาทำการรักษา โดยขอให้กั้นม่านเจ็ดชั้น ไม่ให้ใครเห็นเวลารักษา โสนน้อยเรือนงามแต่งเครื่องทรงพระราชธิดาทำการรักษา โดยนางกุลาติดตามเฝ้าดู เมื่อโสนน้อยเรือนงามทายาให้พระวิจิตรจินดา พิษของนาคราชเป็นไอร้อนออกมาทำให้นางรู้สึกร้อนมาก จึงถอดเครื่องทรงพระราชธิดาออกแล้วเสด็จไปสรงน้ำ ระหว่างนั้นนางกุลาก็นำเครื่องทรงพระราชธิดาของโสนน้อยเรือนงามามแต่ง พอดีพระวิจิตรจินดาฟื้น ทุกคนก็คิดว่านางกุลาเป็นพระราชธิดาที่รักษาจึงเตรียมจะให้อภิเษก ส่วนโสนน้อยเรือนงามต้องกลายเป็นข้าทาสของนางกุลาไป พระวิจิตรจินดาและพระบิดาและพระมารดาก็ยังมีความสงสัยในนางกุลา จึงให้นางเย็บกระทงใบตองถวาย นางกุลาทำไม่ได้โยนใบตองทิ้งไป โสนน้อยเรือนงามเก็บใบตองมาเย็บเป็นกระทงสวยงาม นางกุลาก็แย้งไปถวายพระราชบิดามารดาของพระวิจิตรจินดา พระวิจิตรจินดาไม่อยากอภิเษกกับนางกุลาจึงขอลาพระบิดาพระมารดาไปเที่ยวทางทะเล พระบิดาพระมารดาให้นางกุลาย้อมผ้าผูกเรือ นางกุลาก็ทำไม่เป็น โยนผ้าและสีทิ้ง โสนน้อยเรือนงามเก็บผ้าและสีไปย้อมได้สีงดงาม นางกุลาก็แย้งนำไปถวายพระบิดาพระมารดาอีก เมื่อพระวิจิตรจินดาจะออกเรือก็ปรากฎว่าเรือไม่เคลื่อนที่พระวิจิตรจินดาทรงคิดว่ คงมีผู้มีบุญในวังต้องการฝากซื้อของ เรือจึงไม่เคลื่อนที่จึงให้ทหารมาถามรายการของที่คนในวังจะฝากซื้อ ทุกคนก็ได้มีโอกาสฝากซื้อ แต่โสนน้อยเรือนงามอยู่ใต้ถุนถึงไม่มีใครไปถาม เรือก็ยังไม่เคลื่อนที่ พระวิจิตรจินดาจึงให้ทหารกลับไปค้นหาคนในวังที่ยังไม่ได้ฝากซื้อของ ทหารจึงได้ไปค้นหานางโสนน้อยเรือนงามได้ นางจึงฝากซื้อ " โสนน้อยเรือนงาม " เมื่อพระวิจิตรจินดาเดินทางไป ลมก็บันดาลให้พัดไปยังเมืองโรมวิสัยของพระบิดาของโสนน้อยเรือนงาม พระวิจิตรจินดาซื้อของฝากได้จนครบทุกคน ยกเว้นโสนน้อยเรื่อนงาม พระวิจิตรจินดาจึงสอบถามจากชาวเมือง ชาวเมืองบอกว่าโสนน้อยเรือนงามมีอยู่แต่ในวังเท่านั้น พระวิจิตรจินดาจึงเข้าไปในวังและทูลขอซื้อโสนน้อยเรือนงามไปให้นางข้าทาส พระบิดาของโสนน้อยเรือนงามทรงถามถึงรูปร่างหน้าตาของนางทาส ก็ทรงทราบว่าเป็นพระธิดาจึงมอบโสนน้อนเรือนงามให้พระวิจิตรจินดาและให้ทหารตามมาสองคน เมื่อพระวิจิตรจินดากลับถึงบ้านเมือง ทหารสองคนก็ไปทำความเคารพนางโสนน้อญเรือนงาม และเรือนวิเศษก็ขยายเป็นเรือนใหญ่มีข้าวของเครื่องใช้พระธิดาครบถ้วน โสนน้อยเรือนงามก็เข้าไปอยู่ในเรือนนั้น พระวิจิตรจินดาจึงแน่ใจว่าโสนน้อยเรือนงามเป็นพระราชธิดาที่รักษาตน จึงจะฆ่านางกุลาแต่โสนน้อยเรือนงามขอชีวิตไว้ พระวิจิตรจินดาก็ได้อภิเษกกับนางโสนน้อยเรือนงามและอยู่ด้วยกันมีความสุขสืบไป....

สังข์ทอง 2524

สังข์ทอง (2524/1981) กาลปางก่อน มีท้าวยศวิมล ครองเมืองพรหมนคร ท้าวยศวิมลมีมเหสีสององค์ มเหสีฝ่ายขวาชื่อ "จันเทวี" มเหสีฝ่ายซ้ายชื่อ "จันทา" ต่อมามเหสีทั้งสองทรงครรภ์ โหรทำนายว่าบุตร ของมเหสีฝ่ายขวาเป็นชาย ส่วนมเหสีฝ่ายซ้ายเป็นหญิง เมื่อครบกำหนดคลอด มเหสีจันเทวีก็คลอดโอรสออกมาเป็นหอยสังข์ ทำให้มเหสีจันทาจึงใส่ร้ายจนพระเจ้าพรหมทัตหลงเชื่อ ขับไล่พระนางจันเทวีออกจากพระราชวัง นางจันเทวีเดินทางด้วยความยากลำบาก เมื่อถึงชายป่านอกเมือง ยายตาสองคนสงสารจึกชวนให้พักอยู่ด้วย วันหนึ่งนางจันเทวีออกจากบ้านไปช่วยตายายเก็บผักหักฟืน ลูกน้อยในหอยสังข์ก็ออกจากรูปหอยสังข์ช่วยปัดกวาดบ้านเรือน และหุงหาอาหารไว้ พอเสร็จก็กลับเข้าไปในรูปหอยสังข์ตามเดิม พระนางกลับมาก็แปลกใจว่าใครมาช่วยทำงาน พระนางจันเทวีอยากรู้ว่าเป็นใคร วันหนึ่งจึงทำทีออกจากบ้านไปป่าเช่นเคย แต่แล้วก็ย้อยกลับมาที่บ้าน โอรสในหอยสังข์ก็ออกมาทำงานบ้าน พระนางจันเทวีเห็นโอรสเป็นมนุษย์ก็ดีใจ จึงทุบหอยสังข์เสียและกอดโอรสด้วย ความยินดี และตั้งชื่อให้ว่า ” สังข์ทอง ”

ซ่อนกลิ่น 2524
ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ 2524
ดาวพระศุกร์ 2523

เรื่องย่อ : ดาวพระศุกร์ (2523/1980) ดาวพระศุกร์เป็นเด็กที่นางวิภา วงศ์สะอาด มาคลอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ทางโรงพยาบาลเลี้ยงดูดาวพระศุกร์จนอายุได้ 9 เดือน ก็มีคนมาขอไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ชีวิตในบ้านพ่อเลี้ยงที่เกรงใจภรรยาและแม่เลี้ยงใจร้าย ในตอนแรกจนกระทั่ง 4 ขวบกว่า ดาวพระศุกร์มีพิกุลเป็นพี่เลี้ยงคอยปกป้อง ช่วยเหลือ ให้รอดจากคุณนายมารศรี แม่เลี้ยงตีบ่อย ๆ จนวันหนึ่งคุณนายไล่พิกุลออก ดาวพระศุกร์จึงต้องทนเลี้ยงน้องที่เกิดมาคล้ายเป็นลูกอิจฉาของคุณนายถึง 4 คน ซึ่งคุณนายรักดั่งแก้วตาตลอดเวลา ดาวพระศุกร์มีหน้าที่ทำงานบ้าน ทำกับข้าวดูแลทุกคนในบ้านอย่างดี ถ้าทำผิดแม้เพียงนิดเดียวก็จะถูกคุณนายทุบตีอย่างทารุณ คุณนายดุด่าและบอกความจริงว่า คุณนายและท่านนายพันไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริง และบอกว่าแม่จริงชื่อ วิภา วงศ์สะอาด ดาวเสียใจมาก พ่อเลี้ยงปลอบว่าวันหนึ่งแม่จริงของดาวก็จะมารับดาวจึงทนรอคอยความหวัง วัน หนึ่งดาวไปตลาด พบเด็กชายขอทานซึ่งแกอดข้าวมา 2 วันจนแทบเป็นลม ดาวนึกสงสารจึงให้มาที่บ้าน หาข้าวให้กินด้วยใจบริสุทธิ์ และเล่าให้ฟังว่าชีวิตตัวเองเป็นอย่างไร แก่รับฟังด้วยความสงสารและเห็นใจ แต่ช่วยอะไรไม่ได้ คนข้างบ้านคนหนึ่งเห็นดาวคุยกับแก่ ก็ไปฟ้องคุณนายว่าดาวริอ่านคบผู้ชาย คุณนายโกรธมาก ตบตีดาวอย่างหนักที่สุด หาว่าคบผู้ชาย เผลอหลุดปากบอกความจริงเรื่องแม่ของดาวทิ้งดาวไว้ที่โรงพยาบาลและไม่มีวัน ที่จะมารับกลับ ดาวจึงหมดความอดทนและสิ้นหวังในการรอคอย ดาวตัดสินใจหนีออกจากบ้านตั้งแต่วันนั้น ( อายุ 11 ขวบ ) ขณะที่ศศิ ประภา แม่ที่จริงของดาวพระศุกร์ ซึ่งต่อมาแต่งงานใหม่กับพลตรีพีรยุทธ มีลูกชายใหม่ 1 คน ชื่อแดง ตลอดเวลาไม่มีใครรู้ความลับของศศิประภานอกจากนมแม้นคนเดียว ศศิประภาไม่เคยลืมลูกสาวที่ตัวเองตั้งชื่อให้ว่าดาวพระศุกร์ ไม่เคยลืมแววตาของลูก และปานแดงรูปหัวใจเหนืออกซ้ายของดาว ศศิประภาทุกข์ทรมานใจทุกครั้งที่คิดถึงลูกคนแรก ขณะที่แก่เดินขอ ทานอยู่นั้น บังเอิญได้พบกับภาคย์ ภาคย์สงสารให้เงินถึง 2 ครั้ง แต่ด้วยความซื่อแก่เผลอเล่าเรื่องของดาวพระศุกร์ให้ศศิประภาฟัง ศศิประภารู้ทันทีว่าดาวคือลูกศศิประภาตามไปหาดาวที่บ้านคุณนายมารศรี จึงรู้ว่าดาวหนีออกจากบ้านไปแล้ว ดาวเร่ร่อนขอทานอยู่กับเกรียงและ อู๊ด เด็กขอทานข้างถนนอยู่ 2 – 3 ปี หลังจากขอทานดาวก็ริอ่านเป็นขโมยโดยมีนายชุมเด็กวัยรุ่นเป็นหัวหน้า ชีวิตของดาวต้องต่อสู้ดิ้นรนไปจนกระทั่งพบกิ่งแก้วโสเภณีชั้นสูงคนหนึ่ง บอกว่าดาวหน้าตาดี จึงชวนไปอยู่ด้วยกันที่บ้านซึ่งเป็นของฉวีแม่เล้าของตัวเอง บ้านของฉวีเป็นบ้านชั้นดี รับเฉพาะแขกที่มีสตางค์เท่านั้น ขณะนั้น ดาวอายุได้ประมาณ 14 ปี ต้องเติบโตในบ้านนั้น พบเห็นเรื่องราวของชีวิตผู้หญิงเหล่านั้นจนชิน กิ่งแก้วพยายามสอนหนังสือให้ดาว จนดาวมีความรู้เทียบได้เท่ากับมัธยม 6 สมัยนั้น พอดาวโตขึ้นอายุได้ 16 – 18 ปี ฉวีก็เริ่มให้ดาวออกทำงาน ดาวเคยรู้รสชาติของความจนความลำบากมาก่อนจึงไม่กล้าขัดขืน แต่กลับหาวิธีเอาตัวรอดด้วยการมอมเหล้าแขกบ้าง หาคนมาแทนบ้าง เมื่อดับไฟแล้วบ้าง สารพัด เพื่อรักษาพรหมจารีย์ไว้อย่างเหนียวแน่น ดาวใช้วิธีเหล่านี้เอาตัวรอดได้ตลอดมาจนได้ฉายาว่า แม่ดาวจอมกะล่อน และ เพราะวิธีสับตัวเองเอาคนอื่นมาแทนนี่เอง แขกคนหนึ่งเกิดติดโรคจึงเข้าใจว่าติดมาจากดาว เจ้าสำนักจึงให้พยาบาลมาตรวจโรค ดาว บังเอิญพยาบาลคนนั้นคือ อรทัย พยาบาลที่เป็นคนทำคลอดดาว จำดาวได้เพราะปานแดงรูปหัวใจ และชื่อดาว ดาวถามอรทัยจนใจอ่อนยอมเล่าเรื่องของดาวให้รับรู้จนหมด เพื่อน ๆ ของภาคย์ 2-3 คน เคยโดนลูกไม้ของดาวมาแล้วก็ไปเล่าให้ภาคย์ฟัง ภาคย์สนใจจึงมาทดลองบ้าง ภาคย์หลบเลี่ยงลูกไม้ของดาวทุกชนิด เช่น ไม่ดื่ม ไม่ดับไฟ ไม่อมทอฟฟี่ แต่ดาวก็เล่นไม้ตายโดยใช้ยาสลบ จนกระทั่งภาคย์หมดสติทั้งคืนจนเช้า พอภาคย์รู้สึกตัว แทนที่จะโกรธ ภาคย์เกิดสนใจดาวและขอซื้อจากเจ้าสำนักในราคา 1 แสนบาททันที แล้วรับตัวดาวไปอยู่ที่บ้าน ดาวจำต้องไปเพราะถึงอย่างไรก็ยังดีกว่าต้องอยู่บ้านนี้ตลอดไป ดาวตั้งใจว่าจะหาทางหาเงินมาใช้กับภาคย์เพื่อแลกกับอิสระภาพให้จนได้ ภาคย์พาดาวไปอยู่บ้านเลี้ยงดูอย่างดีในฐานะกึ่งน้องกึ่งญาติ ภาคย์ให้ดาวเรียนการบ้านการเรือนกับนมเชื่อม และเรียนคณิตศาสตร์กับตัวเองให้ศศิประภาญาติของภาคซึ่งเป็นแม่แท้ ๆ ขอดาวมาสอนภาษาอังกฤษ และมาหยารัศมี สาวสังคมที่มาติดภาคย์ช่วยสอนดนตรีให้ด้วย ดาวต้องอดทนเรียนทั้ง ๆ ที่ใจไม่ชอบสักอย่างดาวเริ่มหลงรักภาคย์ ขณะเดียวกันก็นึกรู้ว่าศศิประภาคือแม่ที่แท้จริงของตัวเอง ด้วยแรงน้อยใจที่แม่ไม่ยอมรับเป็นลูกดาวทำฤทธิ์กับศศิประภาทุกอย่าง ศศิประภาก็ได้แต่เสียใจอยู่คนเดียวบอกใครไม่ได้ เมื่อใดที่ศศิประภาเผลอแสดงความรัก ความห่วงใย ดาวจะย้อนกลับอย่างเจ็บแสบเสมอ ทำให้ศศิประภายิ่งช้ำใจหนักขึ้น นอกจากดาวจะน้อยใจ ในตัวแม่บังเกิดเกล้าแล้วยังต้องต่อสู้กับมาหยารัศมีทุกรูปแบบเพราะมาหยา รัศมีกลัวว่าดาวจะมาแย่งภาคย์ไปจากตน จึงหาทางกลั่นแกล้งใส่ความดาวตลอดเวลา ซึ่งภาคย์เองก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง แต่ก็ทำให้ดาวต้องเสียใจทุกครั้ง เหตุการณ์ผ่านไปภาคย์เริ่มรักดาวและดาวเองก็รักภาคย์มากเช่นกัน แต่ต่างคนก็สงวนท่าที วันหนึ่งในงานราตรีสโมสร ดาวจงใจแต่งตัวค่อนข้างโป๊เพื่อประชดภาคย์ ทำให้มีหนุ่ม ๆ 2 คนมาตามติดดาว คนหนึ่งคือ เศกสรรค์ เพื่อนของภาคย์ และอีกคนหนึ่งคือผู้พิพากษา อรรถ ซึ่งติดใจดาวมากจนศศิประภาผู้กำความลับอย่างแน่นอยู่ตกใจแทบเป็นลม มาหยารัศมีขัดขวางอรรถกับดาวจนเกิดเรื่อง ภาคย์ต้องลากตัวดาวกลับทันทีขณะที่ขับรถกลับบ้านอย่างหัวเสีย ภาคย์แกล้งขับเร็ว ๆ ไปทางอื่นอยู่นานกว่าภาคย์จะพาดาวกลับบ้าน ดาวก็เริ่มจับไข้แต่ไม่ยอมบอก รุ่งขึ้นดาวก็เป็นไข้ตัวร้อนไม่ได้สติเพ้อร้องหาแม่อย่างน่าสงสาร ภาคย์ เฝ้าดูแลดาวทุกอย่างจนเด็กรับใช้ในบ้านเริ่มซุบซิบว่าภาคย์รักดาว ระหว่างที่ดาวป่วยท่านผู้พิพากษาอรรถส่งดอกไม้มาเยี่ยมดาวทุกวัน ภาคย์หึงแต่ไม่ยอมรับ ได้แต่หาเรื่องทะเลาะกับดาวไม่เว้นแต่ละวัน ท่านผู้พิพากษาสงสารดาวมาก ถึงกับให้เงินดาว 1 แสนบาทเป็นค่าไถ่ตัว และจะรับไปอยู่ด้วยกัน แต่พอดาวเอาเงินให้ภาคย์ ภาคย์โกรธมากประกอบกับเมาจึงลืมตัว เข้าปล้ำดาวจนดาวต้องตกเป็นของภาคย์ รุ่งเช้าภาคย์เสียใจในการกระทำของตัวเองมาก แต่ก็คิดไม่ตกว่าจะทำ อย่างไรดี เพราะถ้าแต่งงานกับดาว ก็เป็นปัญหาหลายอย่าง หนึ่งดาวยังไม่บรรลุนิติภาวะ คุณนายมารศรีซึ่งเป็นแม่ตามกฎหมายคงไม่ยอม สองภาคย์เองก็ไม่แน่ใจว่า ดาวจะปรับตัวเป็นภรรยาได้สมกับฐานะหรือยัง และสามมาหยารัศมีก็คอยหาเรื่องวุ่น ๆ จนได้ ระหว่างที่ภาคย์ลังเลจะทำอย่างไรดี ดาวซึ่งสูญสิ้นทุกอย่างในชีวิต ผิดหวังทั้งแม่ตัวเอง แม่เลี้ยง แล้วยังคนรักซึ่งยังคงคบหามาหยารัศมีอยู่ ดาวท้อแท้มาก มีแต่ผู้พิพากษาอรรถเท่านั้นที่คอยช่วยเหลือให้กำลังใจดาวจนดาวใจอ่อนยอม ตกลงจะแต่งงานกับอรรถ ศศิประภาหมดความอดทนจึงต้องยอมบอกความจริงว่า ที่แท้อรรถคือพ่อแท้ ๆ ของดาวนั่นเอง ท้ายที่สุดดาวคิดสรุปเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นว่าเป็นความผิดของตนเอง เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีตนซักคน มาหยารัศมีก็คงได้แต่งงานกับภาคย์ ศศิประภาก็จะได้คืนดีกับท่านนายพลฯเพราะตอนที่นายพลฯ พีรยุทธ สามีของศศิประภารู้ว่าศศิประภา มีลูกมาก่อนก็โกรธถึงกับขอแยกทาง ดาวจึงตัดสินใจหนีทุก ๆ คนไป ภาคย์ขับรถตามดาวจนประสบอุบัติเหตุ แต่ไม่เป็นอะไรมากนักต้องพักรักษาตัวระยะหนึ่ง ดาวหนีมาอยู่ที่ราชบุรีซึ่งดาวแอบซื้อที่ดินเอาไว้ไม่บอกใครแต่เพราะที่ดิน ข้าง ๆ กับของดาวเป็นของพิกุลพี่เลี้ยงคนแรกของดาว พิกุลจึงเป็นคนนำข่าวไปบอกกับทุก ๆ คน ภาคย์รีบตามมาหาดาวทันที ทิ้งให้มาหยารัศมีกับอรรถทำความรู้จักให้ดีขึ้น เพราะทั้งสองมีท่าทางพอใจซึ่งกันและกันอยู่แล้ว ภาคย์ตามมาพบดาว งอนง้อขอคืนดี จนดาวใจอ่อน เรื่องราวทั้งหลายจึงจบลงด้วยความสุข

เจ้าหญิงแตงอ่อน 2523

เจ้าหญิงแตงอ่อน (2523/1980)  เป็นละครโทรทัศน์จักรๆวงศ์ๆ ของไทย โดยดัดแปลงบทประพันธ์จากเทพนิยายวัดเกาะ เรื่อง "เจ้าหญิงแตงอ่อน" ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2523 ออกอากาศตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2523 - 28 เมษายน พ.ศ. 2524

สางเขียว 2523

สางเขียว (2523/1980) สางเขียว เป็นเรื่องเกี่ยวกับต้นไม้ผี ที่มีพลังบางอย่าง และต้องหาเลือดคนกินเป็นอาหาร เวลาออกหากินจะมีแสงสีเขียว ๆ ลอยไปตามที่ต่าง ๆ แล้วกลายร่างเป็นผู้หญิงตัวสีเขียวมีเขี้ยว พอเจอเหยื่อก็จะกัดคอดูดเลือด

Placeholder
ห้องหุ่น 2519