เล่ห์นางฟ้า (2557/2014) ลัลน์ลลิต หรือ บิวตี้ (วิว-วรรณรท สนธิไชย) สาวไฮโซทายาทของ บริษัท ธนบวร จำกัด ผู้ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปรายใหญ่ระดับนานาชาติ บิวตี้ถูก บวร (เพ็ญเพชร เพ็ญกุล) พ่อของเธอตามใจด้วยเงินทองเพื่อทดแทนที่เธอขาดแม่ตั้งแต่ยังเด็ก เธอจึงกลายเป็นคนเอาแต่ใจ ขี้วีน เริ่ดเชิดหยิ่ง และที่สำคัญรักสวยรักงามเป็นที่สุด หลังพ่อของเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต บิวตี้ก็มี กรเทพ (โอลิเวอร์ พูพาร์ท) อาแท้ๆ คอยดูแลมาตลอด นับวันนิสัยแย่ๆ ของบิวตี้ก็ยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ จนล่วงรู้ไปถึง นางฟ้าลลิตา (นิโคล เทริโอ) มารดาผู้ล่วงลับที่อยู่ในภพภูมินางฟ้า นางฟ้าลลิตากลัวลูกสาวจะต้องมีชีวิตที่ตกต่ำในอนาคต จึงคิดฝืนกฎสวรรค์ใช้อำนาจช่วยลูก แต่ ปรมะเทวี (นุสบา ปุณณกันต์) หัวหน้านางฟ้ากลับเข้ามาขัดขวาง และเสนอจะให้บทเรียนกับบิวตี้เพื่อให้เธอสำนึก ด้วยการสาปให้บิวตี้เป็นนกหงส์หยกหลังพระอาทิตย์ตกดิน โดยมีเงื่อนไข 3 ข้อคือ 1.ต้องทำความดีให้มากกว่าความชั่ว 2.ต้องนึกถึงผู้อื่นมากกว่าตนเอง และ 3.ต้องรักชายคนหนึ่งยิ่งกว่ารักตัวเอง หากทำสามข้อนี้ไม่สำเร็จภายในสามเดือนร่างของบิวตี้จะกลายเป็นนกหงส์หยกตลอดไป หลังถูกสาปบิวตี้ก็ร้อนใจบินไปขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง แต่เธอกลับได้รู้ว่าไม่มีใครจริงใจกับเธอสักคน แถมเธอยังได้ล่วงรู้ว่ามีคนคิดทรยศบริษัท บิวตี้ทั้งช็อคทั้งเสียใจจึงบินโซซัดโซเซไปถึงบ้านของ ธีภพ (พุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน) ลูกชายของ ธนา (อนุวัฒน์ นิวาตวงศ์) หุ้นส่วนบริษัทและเพื่อนของพ่อเธอ ธีภพกับบิวตี้เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่เด็ก แต่เมื่อนกหงส์หยกบิวตี้ได้รับการดูแลอย่างอ่อนโยนจากธีภพ เธอจึงเริ่มรู้สึกดีกับเขา แม้ในใจจะยังระแวงว่าธีภพอาจจะเป็นคนที่คิดทรยศบริษัท บิวตี้ฮึดสู้เพื่อรักษาบริษัทของพ่อโดยขอให้ธีภพช่วยสอนงาน ธีภพจึงวางเงื่อนไขว่าบิวตี้ต้องฝึกงานทุกแผนกโดยไม่แสดงตัวว่าเป็นใคร บิวตี้ก็ยอมทำตามแม้จะสร้างเรื่องป่วนไม่เว้นแต่ละวันไหนจะต้องปิดบังเรื่องกลายร่างเป็นนกหงส์หยกอีก แต่บิวตี้ก็ฝึกงานสำเร็จจนเป็นที่ยอมรับของทุกคน ยกเว้น พักตร์พิมล หรือ แพ็ต (เอ้ก-บุษกร ตันติภนา) ลูกสาวของกรเทพ แพ็ตริษยาบิวตี้เพราะคิดว่าบิวตี้แย่งทุกอย่างไปจากตน บิวตี้เริ่มปรับปรุงตัวไปในทางที่ดี ทำให้ธีภพเริ่มรู้สึกดีกับบิวตี้มากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างนั้นบิวตี้ก็ใช้ร่างนกหงส์หยกคอยสืบหาหลักฐานว่าใครที่เป็นคนทรยศ เมื่อบิวตี้ก้าวเข้ามาเป็นประธานบริษัทร่วมกับธีภพ เธอจึงได้รับเชิญไปร่วมงานที่ห้างสรรพสินค้าของครอบครัว อรวิภา (ซี-หทัยภัทร สมรรถวิทยาเวช) ว่าที่คู่หมั้นของธีภพ พอบิวตี้เห็นธีภพให้ความสนใจ อรวิภามากกว่าตน บิวตี้จึงประชดด้วยการหันไปสนิทสนมกับ เจตน์ชาญ(ดิว-ภัทรพล กันตพจน์) เจ้าของบริษัทคู่แข่งของธนบวร นอกจากจะประชดธีภพแล้วบิวตี้ยังหวังจะสืบว่าเจตน์ชาญมีส่วนเกี่ยวข้องในการฮุบบริษัทของเธอหรือไม่ ธีภพหงุดหงิดใจที่บิวตี้ไปสนิทกับเจตน์ชาญแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เจตน์ชาญพาบิวตี้ชมโรงงานยกเว้นห้องลับในแผนกดีไซน์ บิวตี้เชื่อว่าในห้องนั้นต้องมีหลักฐานซ่อนไว้ พอตกกลางคืนนกหงส์หยกบิวตี้จึงแฝงตัวเข้าไป ทำให้เธอเจอหลักฐานแบบเสื้อที่ลอกมาจากบริษัทของเธอ และยังได้พบว่ากรเทพนัดพบกับเจตน์ชาญอย่างลับๆ บิวตี้จึงมั่นใจว่ากรเทพเป็นคนที่ทรยศบริษัท แต่เรื่องราวร้ายๆ ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะสิ่งที่พ่อของบิวตี้และบิวตี้เคยทำไว้กับผู้อื่นในอดีตกำลังย้อนกลับมาทวงคืนถึงขั้นเอาชีวิต แถมเวลาแก้คำสาปของบิวตี้ก็น้อยลงทุกที งานนี้บิวตี้จะรักษาบริษัทไว้ได้หรือไม่? แล้วเธอจะหาทางแก้คำสาปได้อย่างไร? ความรักระหว่างบิวตี้กับธีภพจะลงเอยอย่างไร? ติดตามชมและร่วมลุ้นได้ในละคร “เล่ห์นางฟ้า” 20.25น. ทางช่อง 5

คุ้มนางครวญ (2557/2014) คุ้มเวียงแก้วอายุราว 200 ปี มี เจ้าเก็จถวา (พิสมัย วิไลศักดิ์) วัย 70 ปี เป็นเจ้าของคุ้มเวียงแก้วเป็นคุ้มมหึมางดงาม แต่ไม่มีใครรู้ว่า ห่างออกไปราว 2 กิโลเมตร มีคุ้มร้างริมปิงผุผังอยู่หลังหนึ่ง ที่คุ้มร้างนั้นมีข่าวว่าเป็นคุ้มผีสิง เคยมีวัยรุ่นมาลองของและเจอผีจนต้องหนีจับไข้หัวโกร๋น แต่ความจริงแล้วที่นี่มีแก๊งค้ายาเสพติดมาลักลอบใช้เป็นที่กบดานและเรื่องผีก็เป็นเรื่องที่พวกนี้สร้างขึ้น เพื่อกันไม่ให้มีใครมายุ่งกับคุ้มร้างนี้ ฐาปกรณ์ (โอลิเวอร์ บีเวอร์) ผู้กำกับและ มาดามสุ (ศิขรินธาร พลายพฤติ) ภรรยาสาวสวยที่เป็นผู้จัด ได้รับคำสั่งจากช่องให้ทำละครพีเรียด โดยวางตัว ตรีภพ (ยุทธนา เปื้องกลาง) เป็นพระเอก ตรีภพมีเพื่อนสนิทคือ แก้ว (อนุชิต สพันธุ์พงษ์) นักเขียนหนุ่มถังแตก ตรีภพเสนอให้แก้วเป็นคนทำพล็อตละครเรื่องนี้ คืนหนึ่งเกิดพายุใหญ่ ฟ้าผ่าลงมาที่ยอดคุ้ม พวกแก๊งค้ายาเจอห้องใต้ดินมีหลุมศพซ่อนอยู่ และในคืนนั้นเอง พวกมันก็เกิดการทะเลาะวิวาทจนฆ่ากันเองทำให้เลือดซึมลงในหลุมศพ ปลุกให้วิญญาน เจ้านางยอดหล้า (สาวิกาไชยเดช) พร้อมบริวารคือ นางผัน (สิตางค์ ปุณภพ) และ นางเผื่อน (ลักขณา วัธนวงส์ศิริ) ตื่นจากการถูกกักขัง ซึ่งวิญญาณยอดหล้าได้เฝ้ารอการกลับมาของตรีภพคนรักของเธอมานานแสนนาน พิมพ์ดาว (มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ) นางร้ายนิสัยดี อยู่กับแม่จันทรา (พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) ที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยและเป็นนักปฏิบัติธรรมกับน้องสาวชื่อ พิมพ์เดือน (ธนิดา ธนวัฒน์) นักศึกษาวิชาประวัติศาสตร์ปีสุดท้าย พิมพ์ดาวไปงานอีเว้นท์และได้พบกับตรีภพ ทั้งสองมีเรื่องเข้าใจผิดจนเกิดเขม่นกันขึ้น ส่วนฟาก มาลาริน (พรรณวรท ด้วยเศียรเกล้า) นางเอกสาวสวยใสแต่ตัวจริงแรดร้ายก็แอบปลื้มตรีภพ เลยขอให้บีบี (มอริส เค) ผู้จัดการนักปั้นมือทองของเธอใช้เส้นสายจนช่องให้เป็นนางเอกคู่ตรีภพ แก้วส่งเรื่องย่อ คุ้มนางครวญ เป็นมินิซีรีส์รัก 3 เส้า ระหว่างสองเจ้านางกับหนุ่มเมืองใต้ (พระนคร) ช่องอนุมัติและให้เปิดกล้องทันที ในตอนแรกฐาปกรณ์กลัวความไม่มีวินัยของแก้ว แต่จู่ ๆ เพียงแค่ 3 วัน บททั้งเรื่องก็ถูกส่งมา ทีมงานทุกคนพอใจในบทและมีการวางตัวเพิ่ม ตรีภพเสนอฐาปกรณ์ให้เลือกพิมพ์ดาวมารับบทนางร้ายเพราะอยากตอแยกับเธอต่อ ฐาปกรณ์เตรียมงานไปดูโลเคชั่นที่ อ.เวียงแก้ว พ่อเลี้ยงธาดา (ศตวรรษ ดุลยวิจิตร) มาต้อนรับทีมงาน ส่วนแก้วเชิญให้ทุกคนพักที่คุ้มเวียงแก้ว ฐาปกรณ์เลือกคุ้มหลวงเป็นฉากหลัก แก้วเสนอห้องพักมากมายให้นักแสดง แถมยังมีเรือนรับรองกว้างอีก 2 หลัง แม้ว่าจะมีคนเม้าท์ว่าที่นี่มีผี แต่มาดามสุก็ไม่สนเพราะจะได้ลดค่าใช้จ่ายและคิดถึงกำไรที่จะเพิ่มขึ้น ฐาปกรณ์วางแผนจะถ่ายละครทั้งเรื่องที่เวียงแก้ว ไม่ว่าจะเป็นฉากป่า บ่อน้ำพุร้อน ฉากคุ้มหลวงที่คุ้มเวียงแก้วรวมทั้งการเซตฉากเพิ่มเติมอื่น ๆ โดยจะมีคิวถ่ายให้เสร็จในเดือนเดียว บีบีโวยวายที่จะต้องไปต่างจังหวัดนาน ๆ แต่มาลารินหวังใกล้ชิดตรีภพจึงยอมเทคิวให้ พิมพ์ดาวเตรียมตัวเดินทางไปเวียงแก้ว จันทรานั่งสมาธิเห็นนิมิตยอดหล้าและฝูงอีกา เธอจึงมอบเขี้ยวเสือไฟให้พิมพ์ดาวพกติดตัวไว้ก่อนเดินทางไปเวียงแก้ว ตรีภพและพิมพ์ดาวรู้สึกแปลก ๆ กับคุ้มแห่งนี้ แม้จะมีข่าวผีเฮี้ยนเล็ดลอดออกมาจากทีมงาน แต่ฐาปกรณ์ก็สั่งให้ทุกคนหุบปาก ส่วน ราเชนทร์ (อิสริยะ ภัทรมานพ) ดาราไฮโซติดยาและเป็นหนึ่งในแก๊งพ่อเลี้ยงธาดาที่อยากได้งาน เลยใช้เสน่ห์ออดอ้อนมาดามสุให้ได้เล่นละครด้วย ราเชนทร์เกิดชอบพิมพ์ดาว และเธอเองก็ทำดีกับราเชนทร์ ทำให้ตรีภพเริ่มไม่พอใจเพราะความหึงพิมพ์ดาว ในวันบวงสรวง ฐาปกรณ์กับมาดามสุจะจัดไหว้เจ้าที่เล็ก ๆ พอเป็นพิธี แต่บีบีกลับไปพาพิธีกรรายการล่าท้าผี ทั้งชายหญิงมาเป็นเจ้าพิธี 2 พิธีกรยกเมฆด้นสดพูดถึงความดีงาม ศิริมงคล ทันใดนั้นก็มีศพตกจากยอดคุ้มลงกลางโต๊ะเครื่องเซ่น สองพิธีกรกรี๊ดแตกหนีกลับกรุงเทพฯ มาลารินเลยฉวยโอกาสแสร้งทำเป็นกลัวเพื่อให้ตรีภพคอยดูแล ระหว่างการถ่ายทำ อำนาจเขี้ยวเสือไฟบังตาทำให้ยอดหล้ามองไม่เห็นพิมพ์ดาว ยอดหล้าจึงพุ่งความโกรธแค้นหึงหวงไปที่มาลาริน มาลารินเจออุบัติเหตุต่าง ๆ ระหว่างถ่ายทำ ในตอนแรกบีบีเข้าใจผิดว่าเป็นฝีมือของพิมพ์ดาว แต่ต่อมาทุกคนในกองถ่ายเริ่มรู้สึกว่ามีอันตรายที่มองไม่เห็นอยู่รายรอบตัว คืนนั้นยอดหล้าสะกดตรีภพและส่งรถม้าปีศาจไปรับ แต่มาลารินดันย่องเข้าไปหาตรีภพและหลงตามไป มาลารินเห็นรถม้าแล่นสู่กำแพงต้นไม้ที่แหวกเป็นช่องจนถึงคุ้มร้างริมปิง ยอดหล้าสะกดตรีภพให้เห็นคุ้มร้างเป็นคุ้มสวยงาม ยอดหล้าเอาใจตรีภพด้วยการเล่นซึงเพลงรักที่ในอดีตชาติที่เขาเคยแต่งให้เธอ ตรีภพเคลิบเคลิ้ม แต่มาลารินเข้าไปเห็นยอดหล้าในสภาพโปร่งแสงก็กรี๊ดแตก ยอดหล้าทำร้ายมาลาริน ตรีภพตื่นจากสะกดและยอดหล้าหายตัวไป ตรีภพจึงพามาลารินที่สลบกลับคุ้มเอาเกือบเช้า พิมพ์ดาวเห็นเข้าจึงเข้าใจผิดว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์กัน แต่มาลารินกลัวผีจนเพ้อและต้องเข้าโรงพยาบาล พิมพ์ดาวเห็นอาการมาลารินแล้วสงสาร จึงให้เขี้ยวเสือไฟกับมาลาริน ทำให้มาลารินอาการดีขึ้นทันที เมื่อปราศจากเขี้ยวเสือไฟ ยอดหล้าจึงเห็นพิมพ์ดาวและรู้ทันทีว่านี่คือดารารายที่เคยแย่งคนรักของเธอในอดีต ยอดหล้าคลั่งแค้นสุด ๆ จึงมาปรากฏกายให้พิมพ์ดาวเห็นในความฝันและสะกดจิตให้เธอจำอดีตชาติได้ พิมพ์ดาวสะดุ้งตื่นจากฝันจึงรู้ว่าตนคือดารารายที่ในอดีตเนิ่นนานเธอเคยแย่งตรีภพไปจากยอดหล้าแถมยังฆ่ายอดหล้าตาย และบัดนี้เธอกำลังโดนยอดหล้าตามมาอาฆาตและทวงทุกอย่างคืน สุดท้ายพิมพ์ดาวจะชดใช้ผลกรรมที่ตนเคยก่อไว้ในอดีตกับยอดหล้าอย่างไร? และความรักระหว่างตรีภพและพิมพ์ดาวจะได้สมหวังในชาตินี้หรือไม่? ติดตามหาคำตอบได้ใน ละครคุ้มนางครวญ

อีสา-รวีช่วงโชติ (2556/2013) อีสา (วรนุช ภิรมย์ภักดี) เกิดมาในแผ่นดินรัชกาลที่ 6 หลังจากที่มีการเลิกทาสแล้ว เกิดมาได้สองสามวันแม่ก็ตาย เพราะตกเลือด ป้าเจิม (รัญญา ศิญานนท์) จึงคอยเลี้ยงดูสา ป้าเจิมมีหน้าที่ช่วยงานอยู่ในโรงครัวของวังหม่อมเจ้าโชติช่วงรวี รวีวาร (ธีรพงศ์ เหลียวรักษ์วงศ์) ท่านชายเข้าพิธีเศกสมรสกับ หม่อมพริ้ม (สินจัย เปล่งพานิช) ซึ่งถือว่าเป็นหม่อมใหญ่ นอกจากนั้นท่านชายยังมีหม่อมอื่น ๆ อันได้แก่ หม่อมลำดวน (ปนัดดา วงศ์ผู้ดี) หม่อมคนที่สอง หม่อมนิ่ม (ลักขณา วัธนวงส์ศิริ) และ หม่อมน้อย ท่านชายทรงมีลูกกับหม่อมต่าง ๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นธิดาทั้งสิ้น หม่อมทุกคนจึงแข่งขันกันอยู่ในทีว่าใครจะให้กำเนิดลูกชาย ผู้จะเป็นผู้รับสืบทอดตราประจำตระกูลรวีวารต่อจากท่านชาย สาโตขึ้นเป็นเด็กสาวหน้าตาสะสวย ป้าเจิมจึงพาสาไปฝากกับหม่อมนิ่มและหม่อมน้อยให้ฝึกรำ สาได้เห็นท่านชายอยู่บ่อยครั้ง และแอบหลงใหลในความสง่างามของท่าน สาโตเป็นสาวอายุได้ 16 ปี ในวังมีงานฉลองพระชนม์มายุครบ 4 รอบ (46 ปี) ของท่านชายหม่อมนิ่มให้สาขึ้นรำเป็นนางรจนา ตอนนางรจนาเสี่ยงพวงมาลัย สาตั้งใจรำโปรยเสน่ห์เต็มที่ และก็ได้ผล ความสวยของสาจับใจท่านชาย จนสาได้เป็นหม่อมของท่านชายในคืนนั้นเอง ท่านชายโปรดปรานสามาก จนหม่อมทุกคนอิจฉา ต่อมาไม่นานสาก็ตั้งครรภ์ สาวาดหวังไว้ว่าตนจะได้ลูกชาย และมีอนาคตที่ดีงาม เมื่อถึงกำหนดคลอด สาให้กำเนิดลูกชายตามที่คาดไว้ แต่หม่อมพริ้มขอลูกของสาไปเลี้ยงเป็นลูกของตน ตอนแรกสาเองไม่แน่ใจ แต่เนื่องจากสาน้ำนมเป็นพิษ และท่านชายก็หลงใหลตัวสามาก ไม่ต้องการให้สาเสียเวลาไปกับการเลี้ยงลูก จึงยกลูกชายให้หม่อมพริ้มไป ท่านชายไปบรรทมที่ห้องสาทุกคืนไม่หยุดหย่อน จนในที่สุดท่านชายก็สิ้นพระชนม์ในคืนที่ไปนอนกับสา เมื่อสิ้นท่านชายก็สิ้นเสาหลักของบ้าน หม่อมพริ้มไม่ต้องการรับภาระเลี้ยงดูหม่อมต่าง ๆ และบ่าวไพร่จำนวนมากมาย หลายคนจึงต้องออกไปจากวัง เหลือเพียงป้าเจิมกับอีสาที่ยังอยู่เลี้ยงดู คุณชายรวีช่วงโชติ (นิธิดล ป้อมสุวรรณ) ลูกชายแท้ ๆ ของสาเอง กับคุณหญิงอีก 3 คนอันเป็นลูกสาวของหม่อมพริ้ม บริเวณรอบตำหนักใหญ่ถูกขายให้กับพระคลังข้างที่ จนหม่อมพริ้มต้องล้อมรั้ว และปล่อยบ้านเล็กบ้านน้อยรอบตำหนักใหญ่ให้เช่าเพื่อหารายได้ ทำให้สาได้รู้จักกับ สมศักดิ์ (ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) หนุ่มรูปงามที่มาอาศัยเช่าบ้านอยู่ สมศักดิ์หว่านเสน่ห์ใส่สาจนสาเคลิบเคลิ้ม แต่กลายเป็นว่า หญิงที่สมศักดิ์หมายปองกลายเป็น คุณหญิงโสภาพรรณวดี (เต็มฟ้า กฤษณายุทธ) ลูกสาวคนโตของหม่อมพริ้ม สาเสียใจมาก เพราะจริง ๆ แล้วก็หลงใหลในตัวสมศักดิ์ แต่พอสารู้ตัวว่าตนตั้งท้องลูกของท่านชาย สาจึงตัดใจยอมรับเป็นแม่สื่อ ส่งจดหมายรักให้สมศักดิ์กับคุณหญิงโสภา จนถึงขั้นนัดพบกัน แต่หม่อมพริ้มจะให้คุณหญิงโสภาแต่งกับงานลูกของญาติท่านชาย แต่เธอไม่ต้องการแต่งงานกับคนอื่น จึงหนีไปตามคำชวนของสมศักดิ์ โดยมีสาเป็นผู้จัดการและติดตามไปด้วยความภักดี สร้างความโกรธแค้นให้กับหม่อมพริ้มเป็นอย่างมาก หม่อมพริ้มประกาศตัดแม่ตัดลูกกับคุณหญิงโสภา และถ้าหากพบตัวสากับสมศักดิ์จะจับเข้าคุกเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ทำให้สมศักดิ์ตกใจและผิดหวังมาก สาเพิ่งรู้ว่าจริง ๆ แล้วสมศักดิ์เป็นคนดีแต่ปาก ที่หลอกพาคุณหญิงโสภาหนีมา เพราะหวังจะเข้าไปเป็นเขยของรวีวารเกาะกินสมบัติของหม่อมพริ้ม แต่พอสถานการณ์ไม่เป็นไปตามคาด สมศักดิ์จึงตกกระไดพลอยโจนต้องเลี้ยงดูคุณหญิงโสภาต่อไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากเป็นช่วงสงครามเศรษฐกิจตกต่ำ สมศักดิ์หางานทำไม่ได้ คุณหญิงโสภาและสาต้องอดอยาก สาสงสารคุณหญิงจึงพยายามเคี่ยวเข็ญสมศักดิ์ให้ออกไปหางานหาเลี้ยงคุณหญิงด้วย สาคลอดลูกออกมาเป็นผู้หญิง คุณหญิงไม่อยากให้ลูกของท่านชายต้องเป็นเด็กกำพร้า จึงรับเป็นแม่ของเด็ก ตั้งชื่อให้ว่า โสภิตพิไล (มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ) แล้วเลี้ยงดูเป็นอย่างดี สาทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงคุณหญิงและลูก พอเห็นคณะละครชาตรีมาแสดงแถวบ้าน สาจึงไปสมัครเป็นนางละคร และได้เป็นนางเอกของคณะละครนั้น สำรวย (รัดเกล้า อามระดิษ) นักแสดงจากคณะละครร้องมาเห็นสา รู้สึกทึ่งในความสวยและความสามารถ จึงชวนสาไปแสดงด้วย สาก็ไปด้วยความเต็มใจ เพราะต้องการหาเงิน และอีกเหตุผลหนึ่งก็เพื่อหลบหนีจากสมศักดิ์ ที่มักจะมาเกาะแกะหาทางใกล้ชิดสาเสมอ เมื่อกลับไปเป็นนางละคร สาก็กลับมาเป็นสาวสวยทรงเสน่ห์เหมือนที่เคย ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสมศักดิ์กับคุณหญิงค่อย ๆ ห่างกันออกไป สมศักดิ์กลับมาติดพันสามากขึ้น วันหนึ่งระหว่างที่เล่นละคร สาเห็นหม่อมพริ้มมาชมละครก็ตกใจมาก ด้วยความที่กลัวหม่อมพริ้มสาจึงลาออกจากคณะ ไม่กลับไปแสดงละครอีก สมศักดิ์เริ่มหาโอกาสใกล้ชิดสามากขึ้น แล้วในวันหนึ่งด้วยบรรยากาศเป็นใจ สากับสมศักดิ์ก็ลักลอบมีความสัมพันธ์ต่อกันจนได้ หลังจากนั้นสาก็ยิ่งพยายามตีตัวออกห่างสมศักดิ์ พอดีกับที่สาได้ไปพบ วิทย์ (กันต์ดนย์ อะคาซาน) เด็กหนุ่มนักดนตรีในหลุมหลบภัย วิทย์ทำงานอยู่ที่คณะละครที่สาไปดูมา วิทย์ติดใจสาจึงชวนสาไปเล่นละครแบบชายจริงหญิงแท้กับคณะละครที่กำลังจะเปิดใหม่ซึ่งสาก็ยินดี เรื่องย่ออีสา สาบอกคุณหญิงว่าจะตนกลับไปเล่นละคร และเสนอให้คุณหญิงพาสมศักดิ์และโสภิตพิไล ย้ายไปอยู่บ้าน ป้าแป้น (ไปรมา รัชตะ) หญิงชาวสวนใจดีที่สาเคยรู้จักที่คลองบางกอกน้อย โดยอ้างว่าจะได้ไม่ต้องหนีลูกระเบิด แต่จริง ๆ แล้วสาต้องการจะหนีห่างจากสมศักดิ์ สมศักดิ์ยังคงแอบมาหาสาที่บ้าน สาไม่เต็มใจ แต่ก็ขัดขืนธรรมชาติของตัวเองไม่ได้ คืนหนึ่งที่ระเบิดลงหนักสมศักด์ขอค้างกับสาที่บ้าน คุณหญิงเห็นสมศักดิ์ไม่กลับบ้าน ประกอบกับเป็นห่วงสาจึงไปหาที่บ้านแต่เช้าตรู่ และได้เห็นสาอยู่กับสมศักดิ์ คุณหญิงเสียใจมากหนีกลับบ้านป้าแป้นทันที สาสั่งให้สมศักดิ์ตามไปง้อขอคืนดี แต่คุณหญิงเสียใจและผิดหวังที่ถูกคนที่รักทั้งสองคนทรยศ จึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย เสร็จงานศพคุณหญิง สาตัดสินใจจดทะเบียนสมรสกับวิทย์เพื่อหนีสมศักดิ์ ทำให้สมศักดิ์เสียใจหันไปดื่มเหล้าอย่างหนัก และในที่สุดก็เมาตกน้ำตาย ในที่เดียวกับที่คุณหญิงฆ่าตัวตายนั่นเอง หลังแต่งงาน สาย้ายไปอยู่ที่บ้านวิทย์ วิภา (สกาวใจ พูนสวัสดิ์) พี่สาวของวิทย์รังเกียจสา เพราะทั้งสาและวิทย์ต่างไม่มีงานทำ วิทย์เป็นศิลปินไม่ยอมทำงานแบบอื่น เอาแต่สีไวโอลินไปวัน ๆ จนสาเองก็เริ่มเบื่อหน่าย วันหนึ่งสาไปพบกับพลเรือนญี่ปุ่นคนหนึ่งในหลุมหลบภัยชื่อ เซกิ (ณัฐ เทพหัสดิน ณ อยุทธยา) เป็นพนักงานบริษัทญี่ปุ่น เซกิหลงรักสา สาเองก็เผลอไผลไปกับความสุขสนุกสนานที่เซกิปรนเปรอให้ ทำให้สากับวิทย์เริ่มมีปากเสียงกัน ต่อมาเซกิรู้ว่าญี่ปุ่นกำลังจะยอมแพ้สงครามกับอเมริกา ด้วยความรักเซกิจึงมอบเงินก้อนใหญ่ให้สาก่อนจะกลับประเทศไป สาจึงตัดสินใจเลิกกับวิทย์แล้วกลับไปอยู่กับป้าแป้น สา ซึ่งบัดนี้เป็นที่รู้จักของทุกคนในนามของ อุษาสาวใหญ่วัย 40 ปี เอาเงินที่ได้จากเซกิมาตั้งไนต์คลับ สากลับมามีชื่อเสียงหอมหวนให้หมู่นักเที่ยว คลับของสามีคนแน่นทุกวัน ทำให้ฐานะของสาร่ำรวยขึ้นอีกมาก จน ประธาน (ปฏิภาณ ปฐวีกานต์) หุ้นส่วนหนุ่มที่แอบหมายปองในตัวสา เพราะหวังเงิน ซึ่งสาก็รู้ทันแต่ก็อดไม่ได้ลอบมีความสัมพันธ์กับประธานอย่างลับ ๆ แต่สาไม่เคยไว้ใจประธานเลย สาเหมือนจะมีความสุขทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเดียวคือ โสภิตพิไลลูกที่แท้จริงของสา ที่คิดว่าตนเป็นเพียงหลานสาว ตอนนี้เรียนจบชั้นมัธยมจากโรงเรียนประจำ และกลับมาอยู่ในบ้านกับสา โสภิตคิดว่าสาเป็นญาติห่าง ๆ ของแม่ และมีศักดิ์เป็นป้า โสภิตเกรงใจสาที่เลี้ยงมา แต่ก็แอบไม่พอใจที่สามีอาชีพที่น่ารักเกียจ ทำให้เธอต้องอับอายเพื่อนฝูง ประธานสนใจโสภิตที่กำลังแตกเนื้อสาว แต่โสภิตไม่ชอบประธานนัก และสาเองก็รู้ทันคอยกีดกันอยู่เสมอ วันหนึ่งสาได้พบกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่คลับของเธอ เขาคือหม่อมราชวงศ์รวีช่วงโชติ รวีวาร สาดีใจมากที่ได้เห็นลูกชายของตนเติบโตมาเป็นชายหนุ่มที่สง่างาม สาสนใจคุณชายรวีอย่างออกนอกหน้า และพยายามสืบเรื่องของคุณชายรวี จนรู้ว่าจบกฎหมายมาจากฝรั่งเศส แล้วตอนนี้เป็นผู้พิพากษา สาพยายามตีสนิทเอาอกเอาใจคุณชายรวี ชวนให้รวีมาที่ไนต์คลับบ่อย ๆ ทำให้ประธานไม่พอใจ คุณชายรวีเองก็รู้สึกถูกชะตากับสา ไม่ได้นึกรังเกียจว่าเป็นคนกลางคืน กลับสงสารที่สาต้องมาทำงานในที่ที่คนดูถูกอย่างนั้น คุณชายรวีชอบเสียงร้องเพลงของสา และมักจะแวะไปที่คลับบ่อย ๆ หม่อมพริ้มได้ข่าวว่าคุณชายรวีไปติดพันนักร้องเจ้าของไนต์คลับ หม่อมพริ้มตักเตือนคุณชาย แต่คุณชายไม่เชื่อ จนกระทั่งวันหนึ่ง หม่อมพริ้มเห็นรูปสาในหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ไม่แน่ใจจึงไปถามยายเจิม ยายเจิมบอกได้ชัดเจนว่าผู้หญิงในรูปคือสา หม่อมพริ้มตกใจมาก เกรงว่าสาจะบอกความจริงกับชายรวี ว่าตัวเองคือใคร หม่อมพริ้มไปหาสาที่บ้าน ทั้งสองคนจำกันได้ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม หม่อมพริ้มห้ามสา บอกคุณชายรวีเรื่องชาติกำเนิดของตน สาให้คำสาบานว่าจะไม่บอก แต่ก่อนจะกลับ หม่อมพริ้มเห็นโสภิตพิไล เธอสงสัยว่าเด็กสาวคือลูกของใคร สาจึงจำใจต้องบอกว่าเป็นลูกของคุณหญิงโสภา ทำให้หม่อมพริ้มเศร้าใจ คิดถึงลูกสาวที่จากไปเพราะความใจแข็งของเธอเอง หม่อมพริ้มคิดจะขอโสภิตมาเลี้ยงแทนคุณหญิงโสภา แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร โสภิตก็ถูกประธานที่ดื่มเหล้าเมาลวนลาม สาเห็นการกระทำของประธานเข้า โมโหจนขาดสติ จึงคว้าปืนยิงประธานล้มลง ถึงแก่ความตาย สาถูกตำรวจจับไป สาไม่ยอมบอกความจริงว่าเธอยิงประธานเพราะลวนลามโสภิต เพราะไม่อยากให้ชื่อเสียงของโสภิตเสียหาย สาถูกนำตัวไปฝากขังไว้ที่เรือนจำแดนนักโทษหญิงเพื่อรอพิจารณาคดี โสภิตพิไลรู้ว่าสาอาจจะถูกพิพากษาประหารชีวิตเพื่อปกป้องตน โสภิตตัดสินใจว่าจะต้องช่วยเหลือสาให้ได้ วันพิจารณาคดีสาถูกนำตัวไปขึ้นศาลโดยมีคนรู้จักสา ลูกจ้าง นักร้อง ร่วมถึงหม่อมพริ้มมานั่งฟังการพิจารณาคดีด้วย สายตาของสาเหลือบไปเห็นผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์คือ คุณชายรวี ซึ่งเป็นผู้พิพากษาในคดีของสา และโดยที่สาไม่คาดฝัน โสภิตพิไลเข้ามาเป็นพยาน โสภิตเล่าเรื่องทั้งหมดให้ศาลฟัง จนสุดท้ายศาลก็ยกฟ้องคดีของสา สาจึงได้เป็นอิสระ คุณชายรวีชื่นชมในความรักและเสียสละที่สามีต่อโสภิต ที่เป็นเพียงหลานสาว ยิ่งคุณชายชื่นชมสามากเท่าไหร่ หม่อมพริ้มก็ยิ่งระแวงมากขึ้นเท่านั้น เกรงว่าอีสาจะมาอ้างความเป็นแม่ แล้วแย่งคุณชายรวีกลับคืนไป หม่อมพริ้มจึงขอให้สายุติความสัมพันธ์ระหว่างสากับคุณชายรวีลง และขอร้องชายรวีให้เห็นแก่ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล เลิกไปคบกับสา และร้ายกว่านั้น หม่อมพริ้มยังตัดสินใจบอกความจริงกับโสภิตพิไล ว่าจริง ๆ แล้วสาไม่ใช่ญาติ แต่เป็นเพียงบ่าวที่ชักนำให้แม่ของเธอหนีตามผู้ชายไป โสภิตโกรธและเกลียดสามาก ทำให้สายิ่งเสียใจสาถูกพรากจากลูกทั้งสอง ด้วยความเสียใจ สาเกือบจะฆ่าตัวตาย แต่ทันใดนั้นสาก็นึกถึงพระรัตนตรัยขึ้นมาจึงทำให้สาหยุดความคิดนั้น สาหันหน้าเข้าสู่พระรัตนตรัยโดยการบวชเป็นชีที่สำนักชีแห่งหนึ่ง ทำให้สามีจิตใจที่สงบขึ้น และหลุดพ้นจากกิเลสตัณหา แต่สาบวชชีได้พักหนึ่ง จิตใจสงบอยู่ได้ไม่นาน นิสัยเดิมของสาที่ติดหลงในกิเลส ความเย้ายวนต่าง ๆ ก็ทำให้สาตัดสินใจสึกออกมา สากลับไปที่วังรวีวารอีกครั้ง เพื่อไปกราบหม่อมพริ้ม และคุณหญิงลูก ๆ ของหม่อมพริ้ม สาไปเยี่ยมโสภิตพิไล ที่บัดนี้หม่อมพริ้มเอามาเลี้ยงดูในฐานะหลานสาว เพราะเข้าใจว่าโสภิตเป็นลูกของหญิงโสภา โสภิตเย็นชากับสา เพราะยังไม่หายโกรธ ที่สาเป็นต้นเหตุให้คุณหญิงโสภาแม่ของเธอ ต้องมีชีวิตที่ยากลำบาก ทำให้สาเสียใจมาก ส่วนคุณชายรวีนั้นรู้เพียงว่า สาเคยเป็นหม่อมคนหนึ่งของท่านพ่อ แต่ก็ยังรักและดีกับสาเสมอ ความอ่อนโยนและเมตตาของชายรวี เป็นเสมือนน้ำทิพย์ชโลมใจสา เรื่องย่ออีสา จากนั้น สาก็ไปเยี่ยมพี่แป้นที่บ้านคลองบางกอกน้อย ทุกคนรักและมีน้ำใจกับสาเหมือนเดิม ใจสว่าง (ภัณฑิลา ปานสิริธนาโชติ) หลานสาวของพี่แป้นเรียนอยู่มหาวิทยาลัยคณะเดียวกับโสภิตพิไล และเป็นมหาวิทยาลัยที่คุณชายรวีเป็นอาจารย์สอน ใจสว่างเป็นเด็กดีสาจึงชวนใจสว่างให้มาอยู่ด้วยกันที่บ้าน เพื่อจะได้ไม่ต้องไปอยู่ที่หอพัก และสาเองก็มีใจสว่างเป็นเพื่อนปรับทุกข์เรื่องโสภิตพิไล เพราะใจสว่างรู้ความจริงทุกอย่าง ที่บ้านของสา เพ็ญศรี เพื่อนของสาเป็นคนช่วยดูแลไนต์คลับให้ระหว่างที่สาเข้าคุกและบวชชี นำเงินที่ได้มาให้สา สาตัดสินใจเลิกทำไนต์คลับ หันมาเปิดร้านทำผมตัดเสื้อ เพราะเห็นแก่โสภิต ว่าจะได้ไม่ต้องอับอายคนที่มีแม่เป็นคนกลางคืน หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง กลุ่มนักการเมืองขึ้นมามีอำนาจ ความสำคัญของตระกูลรวีวารก็หมดลง ทรัพย์สมบัติก็ร่อยหรอไป คุณหญิงหริ พี่สาวคุณชายรวี ต้องการแนะนำให้ชายรวีแต่งงานกับ คุณแหวว สวาทโฉม ลูกสาวของ คุณหญิงเฉิดฉวี และนายพลสันทนา (ภูธเนศ หงษ์มานพ) ที่กำลังเรืองอำนาจ เพราะใกล้ชิดกับท่านผู้นำ ทั้งนี้เพื่อผดุงฐานะของรวีวาร และเป็นการสนับสนุนธุรกิจของ ปวุฒิ สามีของคุณหญิงหริทางอ้อมด้วย ในงานฉลองยศของนายพลสันทนา คุณชายรวี และโสภิต จึงได้รับเชิญไปงานด้วย เพื่อให้คุณชายรวีได้พบกับสวาทโฉม แต่ "ท่าน" เจ้านายของนายพลสันทนาที่มาร่วมงานเกิดถูกตาต้องใจในตัวโสภิต ต้องการให้โสภิตมาเป็นอนุภรรยา จึงให้นายพลสันทนาเป็นธุระจัดการให้ นายพลสันทนารู้ว่าโสภิตเป็นลูกสาวของสา จึงมาติดต่อสาที่ร้านทำผม แต่เมื่อนายพลสันทนาได้พบสาก็เกิดหลงเสน่ห์ สาเองก็ว้าเหว่จึงเผลอใจตกเป็นอนุภรรยาของนายพลสันทนา นายพลสันทนาหลงรักสามากถึงกับให้เงินลงทุน ให้สาเปิดคลับขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพื่อที่เขาจะได้ไปหาสาได้สะดวก เมื่อคุณหญิงเฉิดฉวีรู้เรื่องเข้า จึงตั้งตัวเป็นศัตรูกับสาอย่างเปิดเผย ส่วนตัวโสภิตพิไลเองนั้น กำลังมีความรักกับ ชิษณุ ลูกชายของคุณหญิงศุภลักษณ์ลูกสาวของหม่อมพริ้ม ถึงขั้นจะแต่งงานกับโสภิต แต่เมื่อสารู้ข่าวก็อดไม่ได้ที่จะขัดขวาง เพราะจริง ๆ แล้วโสภิตเป็นลูกสาวของตัวเอง และมีศักดิ์เป็นน้าแท้ ๆ ของชิษณุ สาจึงจำเป็นต้องพาคุณชายรวีไปหาพี่แป้น และเล่าความจริงเรื่องกำเนิดของโสภิตให้คุณชายรวีฟัง โดยมีพี่แป้นเป็นพยานอีกคนหนึ่ง เมื่อคุณชายรวีรู้เรื่องก็ตกใจ จึงหาทางช่วยขัดขวางเรื่องการแต่งงาน คุณชายรวีไปพบชิษณุ ซึ่งคุณชายรวีมีศักดิ์เป็นน้าของชิษณุ ทั้ง ๆ ที่คุณชายรวีมีอายุน้อยกว่า คุณชายรวีเล่าเรื่องทั้งหมดให้ชิษณุฟัง ชิษณุเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงหนีหน้าโสภิตไปทำงานที่โคราช เพื่อตัดปัญหาทั้งหมด โสภิตตามไปหาชิษณุที่โคราช แต่เจอชิษณุอยู่กับอัญมณีคนรักเก่า โสภิตเสียใจดื่มเหล้าจนเมาขาดสติ และเกือบจะถูกทหารจีไอพาตัวไป แต่โชคดีที่ ปรมัตถ์ คนที่เคยชอบเธอสมัยเรียนมาช่วยไว้ได้ทัน ใจสว่างได้รู้ข่าวจากปรมัตถ์ จึงพาคุณชายรวีไปตามหาโสภิตถึงโคราช คุณชายรวีเห็นโสภิตเสียใจมากที่ถูกทอดทิ้ง จึงตัดสินใจบอกความจริง ว่าชิษณุกับโสภิตไม่อาจรักกันได้ เพราะจริง ๆ แล้ว เธอเป็นลูกของสา โสภิตตกใจมากที่ตนเป็นลูกของสา ผู้หญิงที่ตนเคยดูถูกว่าต่ำต้อยและไร้ยางอาย โสภิตไม่อาจสู้หน้าหม่อมพริ้ม จึงกลับไปอยู่กับสา และเมื่อโสภิตไปพบนายพลสันทนา จึงรับปากจะเป็นอนุภรรยาของ "ท่าน" เพื่อประชดสา และประชดทุก ๆ คน สาและคุณชายรวีพยายามห้าม แต่โสภิตก็ไม่ฟัง และยังหนีไปจากบ้าน ที่ "ท่าน" สั่งให้หาเอาไว้ให้ สาพยายามติดตามหาโสภิต แต่เธอไม่ยอมพบสา ระหว่างนั้น คุณชายรวีจำใจต้องแต่งงานกับสวาทโฉม เพราะไม่อาจขัดผู้ใหญ่ได้ ตลอดเวลาคุณชายรวีทำหน้าที่เป็นสามีที่ดี แต่สวาทโฉมเองก็ไม่ได้รักคุณชาย เธอเองก็มีความจำเป็นทำให้ต้องแต่งงานเหมือนกัน ใจสว่างเห็นชัดว่าคุณชายรวีไม่มีความสุข เธอทำได้เพียงให้กำลังใจเขา ยายเจิมล้มป่วยลงใกล้ตาย คุณชายรวีและคุณหญิงศรีลักษณา ไปเยี่ยมยายเจิมที่ห้อง ยายเจิมหลงเห็นคุณชายรวีเป็นท่านชายพ่อของคุณชายรวี เลยหลุดปากพูดเรื่องสาออกมา ว่าสามีลูกชายกับท่านชาย 1 คน คุณชายรวีจึงไปถามความจริงจากคุณหญิงศรีลักษณา และได้รู้ว่าตัวเองคือลูกของสา แต่ด้วยความเข้าใจในเรื่องราวทั้งหมด คุณชายรวีก็ไม่ได้โกรธ หรือรังเกียจที่มีแม่อย่างสาเลย แต่ดีใจด้วยซ้ำที่ได้รู้ความจริง และก็ยังรักหม่อมพริ้มแม่ที่เลี้ยงดูมาเหมือนเดิม นายพลสันทนาช่วยให้สาและใจสว่างได้เจอโสภิต โสภิตได้สติขึ้นมา แต่ก็สายไปเสียแล้ว เพราะอีกไม่นาน "ท่าน" จะกลับจากต่างประเทศ และไม่มีใครสามารถจะปฏิเสธ "ท่าน" ได้ สาได้แต่เสียใจ หม่อมพริ้มได้แต่ก่นด่าสาปแช่งสา ว่าเกิดมาเพื่อทำลายชื่อเสียงของรวีวาร สุดท้ายสาจะหาทางช่วยโสภิตได้หรือไม่ ? และความบาดหมางของสากับหม่อมพริ้มจะลงเอยยังไง ติดตามชมกันต่อได้ใน ละครอีสา รวีช่วงโชติ

ภาพอาถรรพณ์ (2556/2013) อนงค์วดี สิงหมนตรี (ลัลณ์ลลิน เตจะสา เวศซ์) ทายาทรุ่นปัจจุบันของตระกูลสิงหมนตรี จำใจต้องขายคฤหาสน์เก่าแก่ของตระกูลให้กับ เชษฐา เกรียงไกรฤทธิ์ (ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) เนื่องจาก ปิ่นสุดา (สิรินยา บิชอพ) แม่ของเธอติดการพนันอย่างหนักจนมีหนี้สินหลายล้าน ในวันที่เชษฐาและ มนัสวีร์ (รัชชานนท์ สุประกอบ) ทนายความส่วนตัว เดินทางไปที่คฤหาสน์เพื่อทำสัญญาซื้อขายกับอนงค์วดี เชษฐาได้เดินสำรวจภายในคฤหาสน์ เค้าไปสะดุดกับภาพเขียนของ คุณประยงค์ (พิยดา จุฑารัตนกุล) คุณชวดของอนงค์วดี เป็นภาพของหญิงสาวสวยท่าทางสง่า ดวงตาคมกริบ แต่สิ่งที่ทำให้เชษฐารู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นคุณประยงค์ที่อยู่ในภาพส่งยิ้มกลับมาให้เขา ส่วนมนัสวีร์ก็สะดุดตากับภาพของสาวสวยคนหนึ่ง อนงค์วดีบอกว่านั่นคือรูปของคุณย่าน้อยของเธอ ชื่อว่า คุณอ่อน (พิชญา เชาวลิต) เป็นน้องสาวคนสุดท้องของ เจ้าพระยาสีหศักดิ์ฤทธิรงค์ (นิรุตนิ์ ศิริจรรยา) ผู้เป็นเจ้าคุณปู่ทวดของเธอ ภาพนี้วาดเอาไว้ก่อนที่คุณอ่อนจะจมน้ำตายไปเพราะเรือล่ม มนัสวีร์รู้สึกสายตาผู้หญิงในภาพมองมาที่เขาอย่างตัดพ้อและเศร้าสร้อยอย่างประหลาด ระหว่างที่ทุกคนกำลังเดินดูภาพบรรพบุรุษอยู่นั้น จู่ ๆ ก็เกิดพายุฝนตกลงมาอย่างหนักจน ปู่กลับ (อรรถพร ธีมากร) ผู้ดูแลคฤหาสน์บอกให้ทุกคนนอนค้างที่นี้ และในคืนนั้นเองมนัสวีร์ฝันเห็นคุณอ่อนเดินออกมาจากภาพ เธอเรียกเขาว่า "คุณหลวง" แล้วตัดพ้อเขาว่าเขาเป็นสาเหตุทำให้เธอต้องตาย มนัสวีร์ตกใจตื่นขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว ส่วนเชษฐาฝันว่าตนเดินลงมาที่ห้องโถง สภาพตึกเก่าร้างกลับกลายมีชีวิตชีวา สว่างไสวด้วยแสงเทียน ผู้คนแต่งตัวสวยงามในภาพเขียนพากันเดินออกมาจากรูปภาพ เพื่อไปรวมตัวกันต่อหน้าเจ้าพระยาสีหศักดิ์ฤทธิรงค์ และคุณประยงค์ก็เรียกเขาอย่างอ่อนหวานว่า "เจ้าคุณ" เธอเรียกเขาให้ไปที่ห้องโถง ที่นั่นเขาได้เห็นเจ้าคุณปู่ทวด คุณอ่อน และหญิงสาวคนหนึ่งนุ่งห่มสไบ ไว้ผมทัด หน้าตาเหมือนอนงค์วดีราวกับพิมพ์เดียวกัน ทุกคนเรียกเธอว่า "แม่อร" อนงค์วดีเองก็รู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันเช่นกัน เธอเห็นเชษฐาอยู่ในชุดไทยโบราณ และในความฝันนั้น เธอรู้สึกว่าคุณประยงค์จงเกลียดจงชังเธออย่างเห็นได้ชัด พอรุ่งเช้าเชษฐารู้สึกสงสัยในความฝันกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคุณประยงค์และแม่อร เค้าจึงบอกอนงค์วดีว่าเค้าตัดสินใจจะไม่รื้อตึกทิ้ง แต่จะปรับปรุงตกแต่งตึกขึ้นมาใหม่เพื่อใช้ทำเป็นคลับหรู แต่มีเงื่อนไขว่าเธอจะต้องอยู่ค้างที่นี่เพื่อช่วยเหลือแนะนำเกี่ยวกับการตกแต่งสถานที่จนกว่าจะแล้วเสร็จ แต่ เกษลดา (รฐา โพธิ์งาม) กลับไม่เห็นด้วยที่เชษฐาเปลี่ยนใจไม่ยอมรื้อคฤหาสน์โบราณทิ้ง และยิ่งรู้ว่าเชษฐาคิดจะไปนอนค้างอ้างแรมที่นั่น ยิ่งสงสัยว่าเขาอาจจะมีอะไรปิดบังเธออยู่ ในระหว่างซ้อมแซมคฤหาสน์ เมื่อทั้งคู่ได้ทำงานร่วมกัน ยิ่งทำให้เชษฐาและอนงค์วดีสนิทสนมกันมากขึ้น และยิ่งสนิทสนมกันมากเท่าไหร่ ก็เหมือนจะมีภัยอันตรายเกิดขึ้นกับอนงค์วดีมากเท่านั้น ในตอนกลางคืนทั้งคู่ต่างฝันถึงเหตุการณ์ในอดีตอีกหลายครั้ง จนปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่าชายที่หน้าตาคล้ายเชษฐาที่ใคร ๆ เรียกว่า "เจ้าคุณ" นั้น ในอดีตเคยเป็นเด็กในบ้านที่ลอบรักกับคุณประยงค์ ธิดาสาว ของท่านเจ้าพระยาฯ ต่อเมื่อได้ดีจึงไปรับราชการที่หัวเมืองแล้วมีภรรยาเป็นสาวชาวบ้านชื่อ "อร" ซึ่งมีใบหน้าเหมือนกับอนงค์วดีในชาตินี้ อนงค์วดีเข้าใจว่าวิญญาณคุณชวดคงเข้าใจผิดว่าเธอคือแม่อร ซึ่งในความฝันอนงค์วดีได้รู้ว่าคุณอ่อนลักลอบรักกับชายที่มีศักดินาต่ำกว่าชื่อ "หลวงขจร" ซึ่งมีใบหน้าเหมือนมนัสวีร์ ซึ่งหลวงขจรนั้นมีคู่หมั้นหมายแล้ว และเมื่อหลวงขจรถูกบังคับให้แต่งงาน คุณอ่อนเสียใจมาก จึงพายเรือฝ่าพายุฝนข้ามแม่น้ำไปหาทั้ง ๆ ที่ตนว่ายน้ำ ไม่แข็ง จนกระทั่งเรือล่มคุณอ่อนจึงจมน้ำตายและก็ไม่มีใครหาศพเจอ และทุกครั้งที่มนัสวีร์ต้องไปที่คฤหาสน์เก่าหลังนั้น เขาจะถูกดึงดูดให้ไปที่ริมแม่น้ำอย่างไม่รู้ตัวอยู่บ่อย ๆ จนเกือบจะจมน้ำตาย โชคดีที่ปู่กลับมักจะช่วยมนัสวีร์เอาไว้ทัน ในที่สุดการซ่อมแซมตกแต่งคฤหาสน์ก็เสร็จลง เกษลดาเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการจัดงานเลี้ยงเปิดคลับของเชษฐาอย่างหรูหรา เชษฐาเสนอให้อนงค์วดีทำงานที่คลับของเขาในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายอาหาร เนื่องจากงานคลับเป็นงานกลางคืน เชษฐาจึงให้เธอพักอยู่ที่นี่ ทั้งหมดนี้สร้างความไม่พอใจให้เกษลดามาก เธอจึงมักแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเชษฐาอยู่บ่อย ๆ และย้ายมาอยู่ที่คฤหาสน์หลังนี้ด้วยอีกคน เพียงคืนแรกเกษลดาก็เจอฤทธิ์คุณประยงค์ที่หวงแหนเชษฐา คุณประยงค์ชี้หน้าด่าและเรียกเธอว่า "อีเกด" จนเกษลดารู้สึกหวาดกลัวมาก เธอนำเรื่องนี้ไปเล่าให้เชษฐาฟัง แต่เชษฐากลับไม่สนใจพร้อมไล่ให้เธอกลับบ้าน แต่ด้วยความหึงหวงเกษลดาจึงแข็งใจอยู่ที่นี่เพื่อคอยกันท่าอนงค์วดี นานวันเข้าอนงค์วดีมักฝันเห็นเรื่องราวในอดีตมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอฝันว่าในอดีตเธอมีบ่าวชื่อเกด ติดตามมาอยู่ด้วย บ่าวคนนั้นหน้าตาเหมือนเกษลดา ซึ่งในอดีตชาติเกดยังเป็นเมียบ่าวของเจ้าคุณอีกด้วย และในความฝันบอกชัดว่าเจ้าคุณรักกับคุณประยงค์มาก่อน ยิ่งความจำเป็นทางด้านการเลื่อนขั้นในหน้าที่การงาน ทำให้เจ้าคุณต้องกลับมาพึ่งใบบุญท่านเจ้าพระยาฯ แม่อรผู้เป็นเมียหลวงจึงตกอยู่ในสภาพไม่ต่างจากนังเกดเมียบ่าว ต่อมาแม่อรได้ตั้งท้องลูกคนแรก เจ้าคุณดีใจมากและคิดจะยกย่องเธอเป็นเมียเอก ทำเอาคุณประยงค์ไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่ว่าคุณประยงค์จะอ้อนวอนเจ้าคุณอย่างไร ท่านก็ยืนยันว่าแม่ของลูกจะต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น ดังนั้นคุณประยงค์จึงวางแผนทำร้ายแม่อรจนตกบันไดตายทั้งกลม จากนั้นไม่นานพอคลับของเชษฐาเริ่มมีชื่อเสียง ผู้คนก็หลั่งไหลเข้ามาหาความสำราญมากขึ้น จากคฤหาสน์เก่าร้างก็กลับมามีชีวิตชีวาด้วยแสงไฟและเสียงเพลง จนสร้างความ ไม่พอใจให้กับคุณประยงค์เป็นอย่างยิ่ง เธอจึงเริ่มออกมาจากภาพมาเล่นงานทุกคน แต่คนที่โดนหลอกหลอนหนักที่สุดคือเกษลดา เพราะเธอพยายามออดอ้อนเชษฐาอยู่ตลอด ส่วนตัวเชษฐาเองก็โดนคุณประยงค์สะกดจิตให้หลงติดอยู่ในความฝันบ่อยขึ้น จนตัวเองเริ่มแยกแยะอดีตกับปัจจุบันไม่ออก อนงค์วดีเริ่มไม่สบายใจ เพราะเป็นห่วงกลัวเชษฐาจะได้รับอันตราย เธอตัดสินใจทำพิธีเชิญภาพเขียนคุณประยงค์ลงจากผนังพร้อมกับเอาสายสิญจน์พันไว้ แล้วเอาภาพไปเก็บไว้ที่เรือนเก็บของ ทำให้คุณประยงค์โกรธจัด จึงพยายามสะกดจิตเชษฐาให้มาช่วยตัดสายสิญจน์ออกจากภาพของเธอ แม้อนงค์วดีพยายามจะห้ามแต่ก็ไม่สำเร็จ จากนั้นวิญญาณคุณประยงค์ก็ออกอาละวาดอย่างหนัก และทำร้ายอนงค์วดีจนล้มหมดสติไป เมื่อเชษฐารู้ข่าว ด้วยความรักและเป็นห่วงอนงค์วดี เค้าจึงฮึดสู้กับคุณประยงค์ที่พยายามจะเข้ามาครอบงำชีวิตของเขา เพราะเชษฐาระลึกได้แล้วว่าชาติที่แล้วเขายอมให้คุณประยงค์ครอบงำและทำร้ายแม่อรมามาก ในชาตินี้เขาจะไม่ยอมให้คุณประยงค์มาบงการเขาให้ทำร้ายอนงค์วดีอีก เชษฐาจึงตัดสินใจทำลายภาพของคุณประยงค์ แต่แผนการทำลายภาพไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะแรงรักแรงอาฆาตที่คุณประยงค์มีต่อเชษฐาส่งผลทำให้คุณประยงค์มีพลังอำนาจมากขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายเชษฐาจะสามารถทำลายภาพอาถรรพ์ของคุณประยงค์ได้หรือไม่ บทสรุปของโศกนาฏกรรมความรักที่มาพร้อมแรงอาฆาตแค้นพยาบาทครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร? ติดตามชมได้ใน ละครภาพอาถรรพณ์

ปีกมาร (2556/2013) ศลัยลา สาวนักโบราณคดีพบรักกับ ภูฉาย นายธนาคารหนุ่มอนาคตไกล แม้จะคบกันไม่นานแต่ทั้งคู่ก็ตกหลุมรักกันและกันอย่างลึกซึ้ง จนในที่สุดภูฉายและศลัยลาตกลงที่จะแต่งงานกัน ภูฉายพาศลัยลาไปพบกับ สลัก แม่ของเขา แต่ทั้งคู่กลับเจอสลักกำลังอาละวาดใส่พ่อของภูฉายซึ่งทิ้งครอบครัวไปตั้งแต่เขายังเด็ก สลักโกรธแค้นพ่อของภูฉายมากที่ทอดทิ้งเธอกับลูกไป จนทำให้สลักกลายเป็นคนมีอาการทางจิตชอบเรียกร้องความรักความสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากภูฉาย ยิ่งสลักได้รู้ว่าภูฉายจะแต่งงานกับศลัยลาก็ยิ่งเพิ่มความรักความหวงภูฉายมากขึ้น ฝ่ายศลัยลาที่ได้เห็นสภาพจิตที่ไม่ปกติของสลักก็ตกตะลึง แต่เธอก็ยังยืนกรานจะแต่งงานกับภูฉาย ท่ามกลางเสียงคัดค้านของ นวลนภาและภาษิต แม่และน้องชาย รวมทั้งเพียรภมร ทนายความสาวเพื่อนรุ่นน้องของศลัยลาที่เป็นโรคเกลียดผู้ชายขึ้นสมอง เพียรภมรพยายามพูดให้ศลัยลาคิดให้ดีเพราะไม่อยากให้ศลัยลาทุกข์ใจเพราะผู้ชายเหมือน ฉวี แม่ของตนที่ถูกผู้ชายทุบตีทำร้ายมาตลอดชีวิต เมื่อภูฉายบอกสลักว่านวลนภายินดียกที่ดินพร้อมบ้านและรถให้เป็นของขวัญแต่งงาน สลักจึงยอมให้ทั้งคู่แต่งงานกัน แต่ในคืนแต่งงานสลักแกล้งเป็นลมหมดสติจนทำให้ภูฉายไม่ได้เข้าหอกับศลัยลา ศลัยลาเสียใจมากแต่ไม่ยอมแสดงความรู้สึกให้ใครรับรู้ ระหว่างนั้นสลักแกล้งไม่สบายพร้อมทั้งใช้แผนต่างๆ นานาเพื่อให้ภูฉายมาอยู่ดูแลตนที่บ้านดังเดิม ในขณะที่ชีวิตคู่ของภูฉายกับศลัยลากำลังดิ่งลงเหว ศลัยลาก็พบว่าตัวเองตั้งท้อง ทำให้สลักยิ่งอิจฉาศลัยลาจึงพยายามเรียกร้องความสนใจจากภูฉายมากขึ้น จนในคืนที่ศลัยลาคลอดลูก ภูฉายก็ถูกสลักดึงตัวไว้จนไม่ได้ไปหาศลัยลา สลักกลัวภูฉายจะทิ้งตนไปสนใจแต่ศลัยลากับลูก จึงพูดเกลี้ยกล่อมจนภูฉายยอมยกลูกให้เลี้ยง ศลัยลาเสียใจมากที่ภูฉายยอมตามใจสลักจนครอบครัวแตกแยก เธอจึงตัดสินใจขอหย่าขาดจากภูฉาย แต่ภูฉายไม่ยอมและขอให้ศลัยลาคิดทบทวนอีกครั้ง ในขณะที่สลักกลับคอยยุยงให้ภูฉายหย่ากับศลัยลา ระหว่างที่ศลัยลาแยกกันอยู่กับภูฉาย เธอก็ถูกส่งตัวไปทำงานที่แหล่งขุดค้นวัตถุโบราณแถบภาคอีสาน ทำให้เธอได้พบกับ ลายสือ นักศึกษาโบราณคดีเพื่อนสนิทของภาษิต เมื่อลายสือได้เจอกับศลัยลาครั้งแรก ก็สะดุดตาทันทีโดยที่ไม่รู้ว่าเธอคือพี่สาวของภาษิต ด้วยความที่ลายสือขาดแม่ตั้งแต่ยังเด็กและถูกพัลลพ พ่อของเขาทิ้งไปมีครอบครัวใหม่ ทำให้ลายสือตกหลุมรักความเป็นผู้ใหญ่ อบอุ่นและพึ่งพาได้ของศลัยลา ยิ่งทั้งคู่ได้ทำงานใกล้ชิดกันลายสือก็ยิ่งรักศลัยลาจนถอนตัวไม่ขึ้นแม้จะรู้ว่าเธอมีครอบครัวแล้ว ฟากศลัยลาเมื่อเจอคนที่เข้าใจเธอจริงๆ ก็เริ่มหวั่นไหว แต่เพราะในใจศลัยลายังมีภูฉาย ประกอบกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ศลัยลาจึงพยายามขับไสไล่ส่งลายสือออกไปจากชีวิตตน แต่ลายสือก็ดื้อแพ่งจะทำตามหัวใจตัวเองให้ได้ ทำให้ศลัยลายิ่งสับสนว้าวุ่นใจมากกว่าเดิม

หัวใจเรือพ่วง (2556/2013) ธันยธรณ์ หรือ แพท (อรจิรา แหลมวิไล) โกรธมากเมื่อจับได้ว่าเมื่อ รัญธิดา หรือ รัญ (คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์) หลานสาว แอบหมั้นกับ พิรภพ (สน ส่งไพศาล) นายจ้างหนุ่มเจ้าของรีสอร์ท รัญเองก็เสียใจคิดว่าแพทขัดขวางอนาคตที่สวยงามของเธอ เพราะทิพปภา (ชฎาพร รัตนากร) แม่ของเธอติดคุกด้วยข้อหายาเสพติด ซึ่งเป็นเรื่องที่รัญรับไม่ได้ และไม่เคยไปเยี่ยมแม่เลยตลอดเวลาที่ติดคุก รวมทั้งปกปิดเรื่องในอดีตของเธอกับทุกคนด้วย เมื่อ 6 ปีก่อน แพทพา อะตอม (ด.ช.อชิรวิชช์ เดชปรอท) ลูกชาย และรัญธิดา มาอยู่ที่ปากช่อง ท่ามกลางเสียงนินทา แต่แพทก็กัดฟันเลี้ยงดูลูกชายและส่งเสียรัญจนจบ ด้วยการเป็นพนักงานบริษัทเล็ก ๆ และทำเค้กส่งขายที่ร้านกาแฟของเตอร์ (ธนวัฒน์ ประสิทธิสมพร) เพื่อนสนิทของเธอที่ปากช่อง พิรภพต้องการรีบแต่งงานกับรัญ เพราะเพิ่งรู้ว่ากันตา (กาญจนา จินดาวัฒน์) แม่ของเขาเป็นโรคมะเร็ง และเล็งเห็นว่า รัญเป็นผู้หญิงที่เหมาะสมที่สุด จึงไปปรึกษากับธาริศ (ทันโตวิ์ หิรัญญ์ธนภูวดล) ลูกพี่ลูกน้อง พิรภพจึงชวนแพทมาทำงานที่รีสอร์ท สองคนเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน จนรัญต้องคอยห้ามทัพเป็นประจำ แต่แพทมักมีข้อแนะนำดี ๆ ในเรื่องงานที่พิรภพคิดไม่ถึงเสมอ ในขณะเดียวกันรัญก็กลัวว่าแพทจะเปิดเผยความลับของเธอ นอกจากนี้ เฉิดโฉม (สิตางศุ์ ปุณภพ) ประชาสัมพันธ์สาวที่ชอบพีทอยู่ จึงคอยหาเรื่องจับผิดสองน้าหลานอยู่เสมอ ธาริศพาภรรยาคือ ทักษอร (พรรณวรท ด้วยเศียรเกล้า) มาพักผ่อนที่รีสอร์ท ทักษอรสร้างภาพเป็นหญิงสาวขี้โรคให้ธาริศคอยดูแล เพราะรู้ว่าธาริศยังไม่ลืมคนรักเก่า ด้านธาริศได้เจอกับว่าที่เจ้าสาวของพี่ชายคือรัญ ก็ตกใจมาก ทำให้นึกถึงเรื่องราวในอดีตระหว่างตนกับรัญ ที่ในอดีต ย่ามักจะด่าทอทุบตีรัญเป็นประจำ จนรัญน้อยใจในชีวิตของตัวเองและคิดฆ่าตัวตาย แต่ธาริศมาช่วยไว้ และปลอบใจรัญ ด้วยความใกล้ชิดหนุ่มสาวจึงได้เสียกัน สองคนสัญญากันว่าจะหนีไปใช้ชีวิตร่วมกัน แต่รุ่งขึ้น ธาริศกลับไม่มาตามสัญญา ต่อมารัญตั้งท้อง ย่ายิ่งโกรธและขายหน้า สั่งให้รัญออกจากโรงเรียน โชคดีที่แพทยื่นมือเข้ามาช่วย พารัญไปอยู่ที่อื่นและรับอะตอมเป็นลูกเสียเอง ธาริศพยายามเตือนพิรภพ ว่ารัญอาจจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดี รัญเองก็หลบหน้าธาริศ แต่ธาริศกลับพยายามพาตัวเข้ามาตอแย โดยอ้างเรื่องที่รัญปกปิดสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตหวังจะจับพิรภพ จนวันหนึ่งธาริศช่วยอะตอมที่เกือบถูกม้าในคอกดีดไว้ได้ และด้วยสายเลือดก็ทำให้พ่อลูกเล่นกันถูกคอ แม้แต่ รุจวี (ปภัสรา เตชะไพบูลย์) แม่ของธาริศที่ไม่ชอบรัญกับแพท ก็ยังหลงเสน่ห์ความน่ารักของอะตอม รัญแสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบให้ธาริศมายุ่งกับอะตอมอีก ถึงกับคาดโทษอะตอมถ้าจับได้ว่าหนีมาเล่นกับธาริศอีก สร้างความงุนงงให้กับทุกคนมาก ทิพปภาได้รับการอภัยโทษออกจากคุกมาเร็วกว่ากำหนด กลับมาอยู่กับแพท รัญกลัวพิรภพจะรู้ ทิพปภาจึงตัดสินใจปกปิดฐานะของตัวเอง เมื่อพิรภพมาก็บอกว่าเป็นแค่คนใช้ ทำให้แพทยิ่งผิดหวังในตัวหลานสาวมากขึ้น พิรภพพาแพทกับอะตอมไปน้ำตก อะตอมเกิดอุบัติเหตุตกน้ำ แพทรีบจะไปช่วยจนทำให้เขาพลัดตกน้ำไปอีกคน โชคดีที่พิรภพช่วยเอาไว้ทัน แพทและอะตอมไข้ขึ้นสูง ทำให้รัญต้องมาเฝ้าแทนและมีโอกาสดูแลอะตอมอย่างใกล้ชิด ตกดึกอะตอมฝันร้ายตื่นมาร้องไห้ ธาริศผ่านมาได้ยินจึงเข้ามาปลอบ รัญเห็นพ่อลูกอยู่ด้วยกันก็ใจอ่อนจนเกือบบอกความจริง แต่ทักษอรเข้ามาเห็นธาริศกับรัญก็เกิดอาการหอบหืดชักอย่างรุนแรง และเริ่มสงสัยทั้งคู่ จึงให้เฉิดโฉมจับตาดูจนรู้ความจริงว่า รัญคือคนรักเก่าของธาริศนั่นเอง พิรภพเริ่มประทับใจในตัวแม่ม่ายอย่างแพทมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่กันตาอาการกำเริบหนัก ขอให้พิรภพรีบแต่งงาน เฉิดโฉมจึงประกาศความจริงให้ทุกคนรู้ พิรภพโกรธมาก รัญจึงสารภาพความจริงว่าอะตอมเป็นลูกตัวเองไม่ใช่ลูกของแพท ทิพปภาถึงกับยอมกราบเท้าขอโทษกันตากับพิรภพขอร้องไม่ให้ยกเลิกการแต่งงาน รัญซึ้งใจมาก และปรับความเข้าใจกับแม่ได้ ทักษอรทะเลาะกับธาริศอย่างรุนแรงเรื่องจะรับอะตอมเป็นลูก เพราะกลัวธาริศจะกลับไปคืนดีกับรัญ จนแอบจ้าง เปลี่ยน (วิทิต แลต) คนงานเก่าของรีสอร์ทมาจับตัวอะตอมไปจัดการฆ่า พิรภพกับธาริศตามไปช่วยได้ เปลี่ยนโดนจับจึงยอมรับสารภาพว่าทักษอรเป็นจ้าง ทักษอรโมโหจะยิงเปลี่ยน แต่กลับโดนยิงตายเสียเอง รุจรวียอมเปิดเผยความจริงว่าในอดีตธุรกิจที่บ้านมีปัญหา บ้านทักษอรยื่นมือเข้ามาช่วย รุจรวีจึงต้องบังคับให้ธาริศแต่งงานกับทักษอรเพื่อตอบแทนบุญคุณ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รักทักษอรเลย หลังเหตุการณ์ร้าย ๆ ผ่านไป รัญ อะตอม และธาริศจึงกลับมาอยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูก ส่วนแพทและพิรภพต่างก็กลับมาเป็นอิสระปราศจากพันธะอีกครั้ง เรื่องราวความรักของอดีตแม่ม่ายเรือพ่วงและเจ้าของรีสอร์ทหนุ่มจะลงเอยอย่างไร? ติดตามได้ใน ละครหัวใจเรือพ่วง

มารกามเทพ (2556/2013) น้ำหนึ่ง หรือ เพชรน้ำบุศย์ (มนชนก แสงฉายเพียรเพ็ญ) ดีใจมากที่ได้เจอกับ เพชร (ฌวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) วิศวกรหนุ่มหล่อรุ่นพี่ ที่น้ำหนึ่งแอบปลื้มตั้งแต่สมัยมัธยม เมื่อเพชรบอกรักและแสดงออกซึ่งความจริงใจ น้ำหนึ่ง จึงรับรักเพชร เพชรดีใจมากจึงขอน้ำหนึ่งแต่งงาน แต่ รมต.เกรียงศักดิ์ (สุรวุฑ ไหมกัน) และ คุณหญิงดาราณี (กชกร นิมากรณ์) พ่อและแม่ของน้ำหนึ่งไม่ยอม เพราะเห็นว่าสถานภาพทางสังคมของน้ำหนึ่งและเพชรแตกต่างกันเกินไป แต่เพชรก็บอกกับน้ำหนึ่งว่าเขาจะพิสูจน์ความรักจนกว่าพ่อแม่ของน้ำหนึ่งจะเห็นใจ น้ำหนึ่งดีใจมาก แต่ ภาคย์ (ชมะนันทน์ อรรถจินดา) เพื่อนรุ่นพี่ของน้ำหนึ่ง ลูกชายของ สมบัติ (สุรศักดิ์ ชัยอรรถ) กับ อารีย์ (ภัสสร บุณยเกียรติ) เจ้าของร้านเพชร เสียใจมากเพราะภาคย์แอบหลงรักน้ำหนึ่งอยู่ แม้จะมี อลิส (แอริณ ยุกตะทัต) สาวไฮโซลูกสาวคนเดียวของ คุณชายศิริศักดิ์ (ตฤณ เศรษฐโชค) มาดามหัวใจ ภาคย์ก็ไม่สนใจ ทำให้อลิสโกรธมาก เพราะอลิสเป็นคู่แข่งของน้ำหนึ่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไร อลิสพยายามทำทุกอย่างให้น้ำหนึ่งไปจากชีวิตรักของเธอ ในที่สุดน้ำหนึ่งก็ได้แต่งงานกับเพชร ท่ามกลางความไม่เห็นชอบของรมต.เกรียงศักดิ์และคุณหญิงดาราณี หลังแต่งงานเพชรพาน้ำหนึ่งไปอยู่ที่บ้านเชิงเขา ที่นั่นน้ำหนึ่งได้พบกับ ทับทิม (อภิรดี ภวภูตานนท์) แม่ของเพชร และ พลอย (นัท มีเรีย) พี่สาวขาพิการของเพชร ทั้งสองคนมีทีท่ามึนตึงเฉยชากับน้ำหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะพลอยที่มีทีท่าว่าเกลียดชังน้ำหนึ่งตั้งแต่แรกเห็น น้ำหนึ่งไม่เข้าใจ แต่พยายามไม่สนใจเพราะสงสารพลอยที่ขาพิการ แต่แล้วน้ำหนึ่งต้องช็อคเมื่อพลอยพา รจนา (เปรมนลิน ธรรมเจริญ) เข้ามาในบ้าน พร้อมทั้งแนะนำว่ารจนาคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเพชร นั่นหมายถึงน้ำหนึ่งต้องตกอยู่ในฐานะภรรยาน้อย หรือภรรยาเก็บ เพราะน้ำหนึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับเพชร น้ำหนึ่งเสียใจและตกใจมาก ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เพชรจึงเล่าให้น้ำหนึ่งฟังว่า ในอดีตพ่อของน้ำหนึ่งได้ปลุกปล้ำขืนใจพลอย หนำซ้ำยังขับรถไล่ชนพลอยจนขาพิการ เพราะกลัวแม่ของน้ำหนึ่งจะรู้เรื่อง แต่เมื่อคุณหญิงดาราณีรู้เรื่อง ก็ยังส่งคนมาทำร้ายแลัรังควานพลอยไม่สิ้นสุด ทำให้เพชรและครอบครัวโกรธแค้นมาก เพชรบอกกับน้ำหนึ่งว่าเขาไม่เคยรักเธอ ที่ทำทุกอย่างเพียงเพื่อให้น้ำหนึ่งตกหลุมรักเขาเท่านั้น น้ำหนึ่งจะต้องตกอยู่ในสภาพเมียเก็บ นางบำเรอของเขา เหมือนที่พลอยถูกพ่อของน้ำหนึ่งกระทำ น้ำหนึ่งทั้งตกใจและเสียใจมาก เมื่อรู้ว่าพ่อและแม่ของตนทำร้ายพลอย และเพชรไม่เคยรักเธอ ต้องการตัวเธอมาเพื่อแก้แค้นเท่านั้น ด้วยความรักน้ำหนึ่งยอมก้มหน้าชดใช้ความผิดแทนพ่อและแม่โดยไม่คิดจะหนีกลับกรุงเทพฯ แต่อย่างใด ที่บ้านเชิงเขา น้ำหนึ่งต้องถูกเพชร พลอย และทับทิม ตลอดจนรจนาทำร้ายทั้งร่างกายและหัวใจ โดยเฉพาะต้องทนอยู่กับคนที่เหมือนมีอาการประสาทตลอดเวลาอย่างพลอย ไม่มีใครเห็นใจน้ำหนึ่ง มีแต่คนสะใจยกเว้น พจนีย์ (อินทิรา เกตุวรสุนทร) พี่สาวของรจนา เพราะพจนีย์รู้ดีว่าความจริงแล้วเพชรและรจนาไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่พจนีย์บอกน้ำหนึ่งไม่ได้ เพราะพลอยมีบุญคุณกับเธอ ตาหวาน (กัจนฐานียา ศรีโรจน์วัฒนะ) คนที่ติดตามมารับใช้ดูแลน้ำหนึ่ง ไปบอกกับ นวล (สุปราณี เจริญผล) แม่บ้านเรื่องน้ำหนึ่งถูกเพชรทำร้ายทั้งร่างกายและหัวใจ นวลสงสารน้ำหนึ่งมาก ในขณะเดียวกันก็เกลียดชังเพชร นวลหาโอกาสเข้าไปเยี่ยมน้ำหนึ่งที่บ้านเชิงเขา เมื่อไปถึงที่นั่น นวลตกใจมากที่ได้เจอกับทับทิม เพราะในอดีต ทับทิมคือเพื่อนรุ่นพี่ของนวล ที่นวลฝากลูกชายเอาไว้ให้เลี้ยง เนื่องจากเมื่อครั้งยังสาว นวลพลั้งมือฆ่าคนตายจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน นวลทั้งดีใจ เสียใจ ตกใจที่ได้รู้ว่าเพชรคือลูกชายของเธอ ซ้ำร้ายไปกว่านั้น นวลตกใจมากที่ได้รู้ว่าพลอยคือลูกสาวของทับทิม เพราะความจริงแล้ว พลอยคือหน้าห้องของเกรียงศักดิ์ที่ต้องการเป็นอนุ แต่เกรียงศักดิ์เป็นคนรักครอบครัว ไม่ได้ต้องการพลอยแบบนั้น พลอยโกรธและเสียใจมากที่ถูกปฏิเสธ วิ่งให้รถชนตาย แต่ หมอณัฐ (ธัญวิสิฎฐ์ เสียงหวาน) ลูกพี่ลูกน้องของอลิสช่วยเอาไว้ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้พลอยขาพิการ แต่พลอยสร้างเรื่องโบ้ยความผิดว่าเป็นฝีมือของเกรียงศักดิ์และดาราณี ทำให้เพชรกับทับทิมโกรธแค้นมาก ที่สุดความแค้นมาตกที่น้ำหนึ่ง อลิสตามมาแฉซ้ำเรื่องความเลวร้ายของพลอย เพราะอลิสรู้เรื่องทุกอย่างดี พลอยโกรธมาก ฆ่าอลิส และทุกคนที่ขวางทางเธอ เพชรเสียใจมากที่ทำร้ายน้ำหนึ่ง คนที่รักเขาสุดหัวใจ และยิ่งตกใจหนักเมื่อเพชรรู้ว่าแท้จริงแล้วพลอยแอบหลงรักเขาอยู่ เพชรจะทำอย่างไร เมื่อรู้ว่าพลอยพี่สาวที่แสนรัก และน่าสางสารของเขา แท้จริงแล้วคือ มารกามเทพ ระหว่างเขากับน้ำหนึ่ง และพลอยจะทำอย่างไรเมื่อความจริงทุกอย่างถูกเปิดเผย เธอไม่ใช่คนน่าสงสาร แต่เธอคือมาร คือความเลวร้ายสำหรับทุกคน ติดตามชม ละครมารกามเทพ

แผนรัก แผนร้าย (2556/2013) ม.ล.นภดารา (ปิยธิดา วรมุกสิก) ธิดาสาวคนเดียวของ ม.ร.ว.นภัสรพี ศิวาวงศ์ (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) ลักลอบมีความสัมพันธ์กับชายหนุ่มต่ำศักดิ์จนตั้งครรภ์ เธอถูกนภัสรพีส่งตัวไปอยู่เชียงใหม่เพื่อให้พ้นจากเสียงครหา แต่โชคร้ายในคืนที่นภดาราคลอดลูกเกิดไฟไหม้ที่โรงพยาบาล ลูกสาวของเธอหายสาบสูญไป นภดาราล้มป่วยลงด้วยความตรอมใจตั้งแต่บัดนั้น 18 ปีต่อมา นภดาราอาการทรุดหนัก นภัสรพีสงสารลูกจึงให้ ปราบ (ทนงศักดิ์ ศุภการ) ทนายคนสนิทไปหาเด็กหญิงกำพร้ามาอุปโลกน์เป็นลูกสาวของนภดารา โดยเธอบอกว่าได้ให้ล็อกเก็ตประจำตระกูลและแหวนเพชรรูปดาวติดตัวลูกไว้ด้วย นภัสรพีจึงสั่งทำล็อกเก็ตอันใหม่ให้ปราบนำติดตัวไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในเชียงใหม่ ปราบได้พบกับ กอหญ้า (เฌอเบลล์ ลัลณ์ลลิน เตจะสา เวศซ์) เด็กสาวที่มีทั้งล็อกเก็ตและแหวนรูปดาว คุณแม่ยุพา (สุกานดา บุณยธรรมิก) บอกว่าพบกอหญ้าถูกทิ้งไว้หน้าโบสถ์เมื่อ 18 ปีก่อนพร้อมของสองสิ่งนี้ ปราบจึงบอกความจริงกับกอหญ้าว่าเธอคือทายาทของตระกูลศิวาวงศ์อันมั่งคั่ง กอหญ้าเดินทางกลับไปกรุงเทพฯ พร้อมคุณแม่ยุพาและปราบ โดยมี พเยีย (โม มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ) เพื่อนเด็กกำพร้าที่มีนิสัยทะเยอทะยานขอติดรถไปด้วย แต่ระหว่างทางรถเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ พเยียฟื้นขึ้นมาเห็นปราบกับคุณแม่ยุพาเสียชีวิต ส่วนกอหญ้าบาดเจ็บสาหัส ด้วยความโลภ พเยียจึงเอาไม้ฟาดกอหญ้าจนคิดว่าตายแล้ว จึงเอาล็อกเก็ตไปแสดงตัวกับนภดาราอ้างว่าตนคือลูกสาว นภดาราดีใจมาก มีเพียง ม.ร.ว.นภาจรี (สุภาภรณ์ คำนวณศิลป์) น้องสาวของนภัสรพีและแม่ชื่น (พิศมัย วิไลศักดิ์) พี่เลี้ยงของนภดาราที่ไม่ไว้ใจพเยีย ฝ่ายกอหญ้าถูกช่วยชีวิตโดย อิศร (ตูมตาม ยุทธนา เปื้องกลาง) หนุ่มอารมณ์ร้อนที่เคยทะเลาะกับเธอตอนอยู่ที่เชียงใหม่ เมื่อกอหญ้าฟื้นขึ้นมาความจำเสื่อม อิศรจึงหลอกกอหญ้าว่าเธอคือคนรักของเขา โดยมี สุบรรณ (จูเนียร์ กรวิชญ์ สูงกิจบูลย์) และ หมอวิชาญ (เก่ง วาโย อัศวรุ่งเรือง) เพื่อนรักให้ความร่วมมือ อิศรพากอหญ้าไปอยู่ที่บ้านเพื่อประชด อรรถ (ศตวรรษ ดุลยวิจิตร) พ่อของเขาที่เอา สกุณา (ปนัดดา วงศ์ผู้ดี) เมียน้อยที่เขาเกลียดชังเข้ามาอยู่ด้วย ในขณะเดียวกัน ชิษณุพงศ์ (สิงโต ธนณัฏฐ์ รวงงาม) ลูกของ เจ้าแสงโชติ (ภุชงค์ โยธาพิทักษ์) และ เจ้ามลุลี (ภัทรา ทิวานนท์) คหบดีชาวเชียงใหม่ก็กำลังตามหาตัวกอหญ้า เพราะกอหญ้าคือคนที่คอยดูแลตนตอนที่ประสบอุบัติเหตุจนตาบอดชั่วคราว ทำให้เขาหลงรักกอหญ้าทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้า เมื่อชิษณุพงษ์ผ่าตัดตาจนมองเห็นอีกครั้ง จึงออกตามหากอหญ้าโดยมี แตง (หทัยภัทร สมรรถวิทยาเวช) หลานสาวจอมซนของ ลุงเติม (ประสาท ทองอร่าม) คนสนิทของตนเป็นผู้ช่วย ในงานเลี้ยงเปิดตัว พเยีย ศิวาวงศ์ ทายาทคนใหม่ของวังศิวาลัย อิศรที่เป็นเพื่อนบ้านพากอหญ้าไปร่วมงานด้วย ส่วนชิษณุพงษ์ก็ไปในฐานะญาติสนิท พเยียเห็นกอหญ้าก็ตกใจแทบสิ้นสติ เช่นเดียวกับชิษณุพงษ์ที่จำเสียงทั้งกอหญ้าและพเยียได้ แต่ทั้งสองต่างอ้างว่าจำเขาไม่ได้ เขาจึงพยายามสืบหาความจริง อิศรไม่ไว้ใจชิษณุพงษ์จึงคอยขัดขวาง พเยียกลัวว่ากอหญ้าจะกลับมาทวงทุกสิ่งทุกอย่างคืน จึงจ้างให้ นพดล (กิตติพงศ์ ตันติชินานนท์) คู่ขาเก่าช่วยกำจัดกอหญ้า แต่กลับทำให้นภาจรีจับได้ว่าเธอเป็นทายาทตัวปลอม พเยียจึงจัดการปิดปากนภาจรีและแม่ชื่น ชิษณุพงษ์สืบจนรู้ว่ากอหญ้าความจำเสื่อมและพเยียแอบอ้างเป็นทายาท นภัสรพีเสนอให้เงินกับพเยียเพื่อให้เรื่องสงบ แต่พเยียกลับจับตัวกอหญ้าไป แล้วขู่นภัสรพีให้ทำพินัยกรรมยกทุกอย่างให้ตน นภัสรพียอมตกลง แต่ด้วยความหวาดระแวงนพดลกลับฆ่านภัสรพีตาย พเยียจึงต้องต่อรองกับนภดารา นภดาราเสี่ยงชีวิตไปช่วยกอหญ้าจนถูกพเยียจับตัวไว้หวังจะฆ่าทั้งคู่ อิศรกับชิษณุพงษ์ที่รู้เรื่องจึงรีบตามไปช่วย สุดท้ายแล้วทั้งสองหนุ่มจะช่วยกอหญ้าจากเงื้อมือพเยียได้หรือไม่? และระหว่าง อิศร กับ ชิษณุพงษ์ ใครจะได้หัวใจของกอหญ้าไปครอง? ติดตามชมและร่วมลุ้นได้ใน ละครแผนรักแผนร้าย

บ่วงวันวาร (2556/2013) สมัย ร.5 ฉัตร (ภาคิน คำวิลัยศักดิ์) และฉาย (อัครัฐ นิมิตชัย) 2 พี่น้อง สำเร็จการศึกษาจากรัสเซีย พระยาโกสินทร์ (สรพงษ์ ชาตรี) จึงคิดจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของบุตรชายทั้งสองอย่างเอิกเกริก แต่ฉายพาแอนนา เมียแหม่มกลับมาด้วย พระยาโกสินทร์จึงฝากความหวังเรื่องลูกสะใภ้สมหน้าสมตาไว้ที่ฉัตรคนเดียว นายชด (เกรียงไกร อุณหะนันทน์) เป็นหนี้พระยาสมาน (ศตวรรษ ดุลยวิจิตร) จึงเอาบัว (วรัทยา นิลคูหา) ลูกสาวคนเดียวมาเป็นทาสขัดดอก พระยาสมานคิดจะเอาบัวเป็นเมียคนล่าสุดให้ได้ จึงฝากให้อยู่ในความดูแลของน้อย (พิชญา เชาวลิต) ทาสในเรือนเบี้ย ทำให้ด้วง (เก็จมณี วรรธนะสิน) เมียทาสที่อยากขึ้นเป็นคุณหญิงคนใหม่ชังน้ำหน้าบัวขึ้นมาทันที จึงเอาเรื่องบัวไปเล่าให้พิศ (พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร) ลูกสาวคนเดียวของพระยาสมานฟัง แต่พิศกำลังวุ่นวายเรื่องเสื้อผ้าที่จะใส่ไปงานเลี้ยงฉัตรและฉาย จึงทำให้ยังไม่ได้เห็นหน้าบัว ในงานเลี้ยง พระยาสมานแสร้งไม่สบายเพื่อขอลากลับก่อน พิศที่หลงรักฉัตรทันทีที่เห็นหน้า ก็แสร้งทำเป็นไม่สบายอ้อนฉัตรเช่นกัน ในขณะที่พระยาสมานแอบกลับบ้านเพื่อจะไปเอาบัวเป็นเมียในคืนนี้ให้ได้ แต่ขณะที่พระยาสมานกำลังจะข่มเหงบัว ฉัตรก็เข้ามาช่วยบัวเอาไว้ได้ทัน เพราะฉัตรพาพิศที่แกล้งไม่สบายกลับมาส่งบ้าน ฉัตรเห็นหน้าบัวก็หลงรักทันที พิศจึงเกลียดบัวตั้งแต่นาทีนั้นจับใจและสั่งย้ายบัวจากเรือนทาสไปอยู่ที่กระท่อมท้ายสวนและหาวิธีกลั่นแกล้งบัวต่าง ๆ นานา ถึงแม้ฉัตรจะรู้ว่าบัวเป็นเพียงทาสขัดดอกก็ไม่ได้รังเกียจ น้อยเป็นคนคอยส่งข่าวสารให้ระหว่างบัวกับฉัตร แต่น้อยก็ต้องระวังตัวแจเพราะกลัวจะถูกพิศลงโทษ หลังจากวันนั้นพระยาสมานยังไม่กล้าทำอะไรบัวเพราะเกรงใจพิศ แต่สั่งเพียร (ภูริ หิรัญพฤกษ์) ลูกทาสที่เกิดจากนางพุ่ม (ปวีณา ชารีฟสกุล) เมียทาสคนหนึ่งให้คอยจับตาไว้ เพียรอยากเอาใจพ่อด้วยหวังว่าจะได้ความเมตตาจากพระยาสมาน จึงเฝ้าดูและส่งข่าวบัวให้พระยาสมานเป็นระยะ เพียรเองก็แอบชอบน้อยมานานแล้ว แต่น้อยไม่เล่นด้วยเพราะรู้ว่าไม่ใช่คนดี วันหนึ่งนายชดไปหาปลาแล้วเกิดงมเอา ตรวนทองคำ ขึ้นมาได้ จึงเอามาไถ่ตัวบัว พระยาสมานเห็นตรวนทองคำเป็นของแปลกมหัศจรรย์ก็อยากได้ จึงสั่งให้เพียรฆ่านายชดหมกป่าแล้วเอาตรวนทองคำมาให้ แต่เมื่อพิศมาเห็นเข้าก็ชอบจึงเอ่ยปากขอจากพ่อ พระยาสมานจึงต้องตามใจลูกสาว ยกตรวนทองคำให้แก่พิศไป นางด้วงโทษว่าพระยาสมานเปลี่ยนใจไปจากเธอเพราะบัว จึงคิดยืมมือพิศฆ่าบัวทิ้งโดยเขียนจดหมายในชื่อบัวลวงฉัตรให้มาที่กระท่อมท้ายสวน แล้วเขียนจดหมายอีกฉบับที่เหมือนกันแล้วเอาไปให้พิศ อ้างว่าได้มาขณะที่บัวฝากน้อยให้เอาไปส่งให้ฉัตร พิศอ่านจดหมายนั้นก็โกรธมาก พุ่งตรงไปที่กระท่อมท้ายสวนทันที ฉัตรไปหาบัวที่กระท่อมท้ายสวนและรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ก็คิดจะพาบัวหนี แต่ไม่ทันพิศที่เข้ามาตบตีบัว ฉัตรจึงลากบัววิ่งหนี พิศวิ่งตามแต่สะดุดตะเกียงแล้วถูกไฟครอกจนเสียโฉม ฝ่ายฉัตรที่พาบัวหนีเกิดไปพบพวกพระยาสมานเข้าอีก จึงยื้อยุดฉุดกระชากกันจนพระยาสมานหกล้มทับหลาวแหลมจนเสียชีวิต พิศที่ตามมาตกใจแทบสิ้นสติเมื่อพบว่าพ่อตาย จึงสั่งเพียรจับฉัตรและบัวล่ามด้วยตรวนทองคำแล้วพาขึ้นเรือไป กลางแม่น้ำ พิศที่เสียใจมากที่ทำดีกับฉัตรเท่าไหร่เขาก็ไม่เคยสนใจ ซ้ำทั้งฉัตรและบัวยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อเธอตายและทำให้เธอเสียโฉมด้วย เมื่อรักกันมากนักก็จงตายไปด้วยกันเสีย และไม่ว่าจะเกิดอีกกี่ชาติก็จะขอจองล้างจองผลาญไม่ให้ฉัตรกับบัวสมหวังในรักได้เป็นอันขาด พูดจบพิศก็ถีบฉัตรและบัวตกน้ำไป พ.ศ.2555 (ปัจจุบัน) ฉัตร, บัว, พิศ, พระยาสมาน, ไอ้เพียร และอีกหลากหลายชีวิตในอดีตชาติ ต่างพากันกลับมาเกิดร่วมกรรมกันอีกในชาตินี้ แต่มีเพียงคน ๆ เดียวเท่านั้นที่สามารถระลึกชาติได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในชาติที่แล้ว และนั่นคือพิศ หนำซ้ำชาตินี้เธอยังได้ตรวนทองคำมาครอบครองอีกครั้งเสียด้วย พิศไม่ต้องการผิดหวังในรักซ้ำอีก เธอจึงเริ่มตามฆ่าบัวอีกครั้ง! ความรักระหว่างบัวและฉัตรในชาตินี้จะถูกจองจำด้วยตรวนทองคำอีกหรือไม่? หาคำตอบได้ใน ละครบ่วงวันวาร

จ้าวพายุ (2556/2013) อรทัย(โสภิตนภา ชุ่มภาณี) ลูกสาวคนเดียวที่เกิดจากเมียหลวงของศิวา(เกรียงไกร อุณหนันท์) เจ้าของนามสกุลใหญ่ “เจนจรัสตระกูล” หลังจากแม่แท้ๆของเธอตาย ศิวาก็หันไปคว้าเอาอาภา(กัลยา เลิศเกษมทรัพย์) เด็กรับใช้ในบ้านรุ่นราวคราวเดียวกับอรทัยมาเป็นเมีย อรทัยจึงเกลียดอาภามาก สร้างความหนักใจให้ศิวา จนกระทั่งอาภาคลอดลูกชายคือศุวิล หรือ ลม(ไนกี้-นิธิดล ป้อมสุวรรณ) ที่ได้เป็นเจ้าของนามสกุล เจนจรัสตระกูล อีกคนหนึ่ง อรทัยไม่ยอมให้เมียน้อยและลูกมาแย่งความรักและสมบัติของจากพ่อ คืนหนึ่งศิวาไม่อยู่ อรทัยจึงขู่อาภาว่าจะฆ่าลมและขับไล่สองแม่ลูกออกจากบ้าน อาภาจึงพาลมลูกชายวัย5ขวบจากไป อรทัยใส่ร้ายว่าอาภามีชู้ ศิวาไม่เชื่อและได้แต่สงสัยว่าอาภาหนีไปเพราะเหตุใด 20 ปีผ่านไป อรทัยคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบ แต่เธอคิดผิด เมื่อบรรเจิด(ภูธเนศ หงษ์มานพ) สามีของเธอ เริ่มมีพฤติกรรมน่าสงสัย แต่อรทัยก็ฉลาดพอที่จะไม่กระโตกกระตาก ตั้งใจจะสืบเรื่องผู้หญิงที่มาเป็นเมียน้อยของสามีเธออย่างลับๆ อรทัยต้องการให้สุธาวี(เจษ-เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์) ลูกชายที่ดื้อรั้นไม่ได้ดั่งใจ แต่งงานกับฟ้าใส(ลิลลี่-ภัณฑิลา วิน ปานสิริธนาโชติ) หลานบุญธรรมของบรรเจิด เพราะศิวารักและเอ็นดูฟ้าใสมากกว่าสุธาวีหลานแท้ๆของตน ความกตัญญูของฟ้าใสทำให้อรทัยมั่นใจว่าจะควบคุมทุกอย่างได้ แม้ว่าบรรเจิดจะคัดค้าน และสุธาวีเองก็ยืนยันว่าเขาไม่ได้ชอบฟ้าใสแม้แต่น้อย ก็ไม่ได้ทำให้อรทัยเปลี่ยนใจ ศิวาตามหาอาภาและศุวิลจนพบ แต่อาการมะเร็งกำเริบจนต้องเข้าโรงพยาบาล อาภาใจอ่อนและสงสารศิวา แต่ก็ไม่ยอมปริปากถึงสาเหตุการจากมาของตน ศุวิลเติบโตมากับความเกลียดชังพ่อแท้ๆ อาภารู้ว่าถ้าศุวิลรู้ความจริงว่าอรทัยเคยขู่ฆ่า ศุวิลจะไม่ปล่อยอรทัยแน่ แต่ศุวิลก็มีเหตุปะทะกับอรทัยที่โรงพยาบาลจนได้ ฟ้าใสเข้ามาขวางจึงได้รับบาดเจ็บ ฟ้าใสตั้งใจจะทำให้ศุวิลปรับความเข้าใจกับศิวา ศุวิลรำคาญฟ้าใส แต่ความดีของเธอก็ทำให้หัวใจของศุวิลสั่นคลอน แม้ว่าเขาเองจะคบหาอยู่กับปิ่นมณี(ยิปซี-คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์) ก็ตาม ศุวิลไม่เคยรู้ว่าชีวิตลับๆ ของปิ่นมณีคือการขายตัวให้แขกไฮโซ ต่อหน้าเธอแสนดีและเข้าใจเขาเสมอ แท้จริงแล้วความฝันเดียวของปิ่นมณีคือ หาผู้ชายดีๆ รวยๆ สักคน เพื่อหนีชีวิตที่ยากลำบาก เพราะต้องเลี้ยงปาน(ณหทัย พิจิตรา) แม่บังเกิดเกล้าและพัน(จตุรงค์ โกลิมาศ) ผัวใหม่ของแม่ แต่เธอก็ไม่สามารถทิ้งแม่ของเธอได้ ความลับของปิ่นมณีไม่เคยมีใครรับรู้ แม้กระทั่งฟ้าใสเพื่อนสนิทของเธอ ปิ่นมณีอิจฉาชีวิตที่โชคดีของฟ้าใส รวมถึงแก้วตา(ซี-หทัยภัทร สมรรถวิทยาเวช) สาวน้อยใสซื่อเพื่อนสนิทอีกคน ที่ภายใต้หน้ากากสาวอ่อนหวานไร้พิษภัย แต่แท้จริงยอมพลีกายให้กับบรรเจิด สามีของอรทัย เพื่อแลกกับชีวิตที่สุขสบาย ทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่ง หักหลังฟ้าใสเพื่อนสนิทของตน อรทัยระแคะระคายได้เบาะแสเมียน้อยบรรเจิด แต่แก้วตาก็หนีรอดทุกครั้ง แต่ไม่ใช่การช่วยเหลือของบรรเจิดเพียงคนเดียว แต่เพราะเดช(ดิว-ภัทรพล กันตพจน์) คนสนิทของบรรเจิดที่แอบชอบแก้วตาช่วยด้วย ความลับของแก้วตาเริ่มถูก งามเสมอ(หนูอิมอิม ก้าวมหัศาจรรย์) ครูที่โรงเรียนจับตามอง แต่ชนเมศร์(ดิว-อรุณพงศ์ ชัยวินิตย์) ครูอีกคนที่ชอบแก้วตาคอยแก้ตัวให้อยู่เสมอ เมื่อศิวาประกาศว่า จะแบ่งสมบัติของตนครึ่งนึงให้ศุวิล อรทัยจึงแค้นที่สองแม่ลูกจะกลับมาแย่งของๆ เธออีกครั้ง อรทัยเห็นว่า ฟ้าใสเป็นเครื่องมือที่จะทำได้สมบัติทั้งหมด จึงออกคำสั่งให้สุธาวีเอาชนะใจฟ้าใสและแต่งงานให้เร็วที่สุด! แม้ว่าสุธาวีจะคบหาอยู่กับ สราลัย(เมย์-สิรินทร์ ก่อเกียรติ) ลูกสาวรัฐมนตรีอยู่ แต่เขาก็ไม่เคยกล้างัดข้อกับอรทัย จนกระทั่งสุธาวีได้พบปิ่นมณี สุธาวีก็คลั่งไคล้ปิ่นมณีทันที! สราลัยไม่พอใจที่ปิ่นมณีดึงสุธาวีไปจากตน จึงรุมทำร้ายปิ่นมณีแต่ก็แพ้ ยิ่งทำให้สุธาวีพอใจในความแซ่บของปิ่นมณี เมื่อรู้ว่าปิ่นมณีคือแฟนของศุวิล ก็ยิ่งอยากชนะ สราลัยเอาเรื่องปิ่นมณีไปบอกอรทัย อรทัยไม่ยอมรับปิ่นมณี แต่เพราะความหลงเสน่ห์ปิ่นมณี ทำให้สุธาวีกลับลุกขึ้นแข็งข้อกับอรทัย และยืนกรานว่าจะต้องอยู่กับปิ่นมณีให้ได้ สุธาวีเล่าเรื่องที่ศิวาจะยกมรดกให้ศุวิลครึ่งนึงให้ปิ่นมณีฟัง ทำให้ปิ่นมณีไม่ยอมปล่อยศุวิล เพราะยังไม่รู้ว่าศุวิลหรือสุธาวีจะได้ครอบครองสมบัติกันแน่ เธอจึงปกปิดเรื่องที่เธอแอบคบสุธาวีไม่ให้ศุวิลรู้ สุธาวีปะทะกับอรทัยบ่อยขึ้น และยื่นข้อเสนอกับอรทัยว่าจะแต่งงานกับฟ้าใสตามต้องการ แต่จะให้ปิ่นมณีเป็นเมียน้อย อรทัยไม่ยอมเด็ดขาด ปัญหารอบตัวของอรทัยยิ่งทวีคูณ เมื่อเห็นว่าศุวิลกับฟ้าใส เหมือนจะมีสายใยบางอย่างเกิดขึ้น หลายครั้งที่ศุวิลหัวเสียจากอรทัย คนที่โดนลูกหลงก็มักจะเป็นฟ้าใสเสมอ ครั้งนึงที่ศุวิลพลั้งมือทำร้ายฟ้าใส ศุวิลรู้สึกผิดมาก พยายามตามทำดีกับฟ้าใสเพื่อไถ่โทษ เมื่อได้ใกล้ชิดกันก็ทำให้ทั้งสองต่างหวั่นไหวต่อกัน รวมถึงแก้วตา เมื่อได้พบศุวิล ก็ตั้งใจว่าจะไม่ยอมให้ฟ้าใสได้สมหวังกับศุวิลแน่ จึงยกเอาเรื่องศุวิลเป็นแฟนของปิ่นมณีขึ้นมาพูดกับฟ้าใส และแสร้งทำทีว่าเข้าใจความรู้สึกของฟ้าใสที่มีต่อศุวิล แก้วตาขอให้ฟ้าใสรับปากว่าจะไม่หักหลังแย่งศุวิลจากปิ่นมณี ฟ้าใสยอมรับปาก แม้ในใจจะเจ็บลึกๆก็ตาม ฟ้าใสออกห่างจากศุวิล และขอร้องให้เรื่องระหว่างเธอกับเขาไม่มีอะไรเกินเลย เธอไม่อยากหักหลังเพื่อน ศุวิลรับปากเพราะไม่อยากทำให้ฟ้าใสลำบากใจ แก้วตาสมหวังที่กีดกันฟ้าใสออกจากศุวิลได้ เพื่อที่เธอจะได้แอบสร้างความสัมพันธ์กับศุวิลเอง และโชคก็เข้าข้างแก้วตา เมื่อบรรเจิดย้ายบ้านเธอหนีจากการรุกรานของอรทัย ที่สำคัญบ้านนั้นติดกับบ้านของศุวิล! ศุวิลและอาภาไม่เคยสงสัยแก้วตา และไม่เคยรู้ว่าแก้วตาคือเพื่อนของฟ้าใส ทุกครั้งที่ศุวิลไปหาฟ้าใสที่โรงเรียน แก้วตาจะหลบเลี่ยงไปทุกครั้ง มีเพียงสำลี(อุ่นเรือน ราโชติ)ที่ฟันธงว่าแก้วตาเป็นเมียน้อย!! แก้วตาทนไม่ไหวที่ต้องหลบซ่อน จึงระบายเรื่องที่เธอเป็นเมียน้อยบรรเจิดให้กับปิ่นมณีฟัง ปิ่นมณีปลอบใจแก้วตา แต่ความลับนี้กลายเป็นกุญแจดอกสำคัญที่ปิ่นมณีจะใช้ไขเข้าบ้านเจนจรัสตระกูล ปิ่นมณียื่นข้อเสนอจะให้เบาะแสเรื่องเมียน้อยบรรเจิดกับอรทัย แม้ว่าไม่เต็มใจแต่อรทัยก็ตอบรับข้อเสนอปิ่นมณี ที่ขายความลับของเพื่อนสนิทให้อรทัยรู้ หารู้ไม่ว่า ถึงอย่างไรอรทัยก็จะไม่ยอมรับปิ่นมณี ฟ้าใสคนเดียวที่จะช่วยนำเธอไปสู่ชัยชนะระหว่างเธอกับศุวิลได้ อรทัยส่งคนไปทำร้ายแก้วตา แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะเดชคอยส่งข่าวเตือน ด้านปิ่นมณีก็ทวงสัญญาการแต่งงานของเธอกับสุธาวีที่อรทัยเคยให้ แต่อรทัยเสนอให้สุธาวีสืบหาและจัดการกับแก้วตาให้เธอ และจะไม่ขัดขวางเรื่องแต่งงานกับปิ่นมณีอีก สุธาวีจึงรับปาก สุธาวีพาปองพล(พัฒนพล กุญชร ณ อยุธยา) พี่ชายลูกติดพ่อเลี้ยงของปิ่นมณีไปจัดการแก้วตาด้วย แม้ว่าปิ่นมณีจะไม่ลงรอยกับปองพล แต่งานนี้เธอก็ใช้ปองพลกับสุธาวีร่วมมือกันทำร้ายแก้วตาจนปางตาย สร้างความเสียใจให้บรรเจิดและเดช ทาสรักผู้ภักดีของแก้วตา เมื่อฟ้าใสรู้เรื่องแก้วตาก็ตกใจ แก้วตาขอโทษและขอร้องให้ฟ้าใสเข้าใจความรักของเพื่อนกับอา ฟ้าใสหลงเชื่อสงสารจึงยอมทำตาม แต่คิดไว้ว่าจะหาวิธีพูดให้แก้วตาเลิกเป็นเมียน้อยบรรเจิดให้ได้ ลึกๆแล้วแก้วตายังไม่อยากทิ้งบรรเจิด เพราะยังไม่ได้ศุวิลมาครอง แต่เมื่อรู้ว่าปิ่นมณีคือผู้ชี้เป้าให้อรทัยได้รู้ แก้วตาก็สืบจนรู้ว่าปิ่นมณีทำงานขายตัว จึงบอกเรื่องนี้กับศุวิลเพื่อเป็นการแก้แค้น ศุวิลไม่อยากเชื่อ แต่ก็ตามไปดูปิ่นมณี สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขาต้องช็อค เพราะพบปิ่นมณีกำลังนัวเนียกับสุธาวี ศุวิลขอเลิกกับปิ่นมณีทันที เมื่อถูกสลัดจากศุวิล ปิ่นมณีจึงมาเร่งการแต่งงานกับสุธาวี แต่อรทัยก็ไม่รักษาคำพูด ซ้ำยังหันไปบังคับฟ้าใสให้ยอมแต่งงานกับสุธาวี ฟ้าใสยืนกรานไม่ยอมแต่งงานกับคนที่ตนไม่ได้รักเด็ดขาด เพราะในใจลึกเธอรักศุวิลแม้จะรักข้างเดียวก็ตาม คืนหนึ่งสุธาวีเมาและแค้นอรทัยมาก เมื่อกลับมาเจอฟ้าใส สุธาวีจึงใช้กำลังปลุกปล้ำ โชคดีที่ศุวิลมาช่วยฟ้าใสไว้ได้ทัน สุธาวีต่อสู้กับศุวิล สุธาวีเลยจะยิงศุวิล ฟ้าใสเอาตัวเข้าขวางเอาไว้ ฟ้าใสจึงถูกยิงแทน หลังเหตุการณ์นี้ศุวิลขอร้องให้ฟ้าใสมาพักรักษาตัวที่บ้านเขา ศุวิลกลายเป็นคนมีชีวิตชีวา อาภารับรู้ถึงความรู้สึกของทั้งคู่ แต่แม้ว่าจะได้ใกล้ชิดกันแค่ไหน ทั้งคู่ก็ยังรักษาสัญญาที่ว่าจะเป็นเพียงเพื่อนกัน อรทัยรู้ข้อมูลของปิ่นมณีเรื่องจ็อบเป็นโสเภณีชั้นสูง จากการให้ข่าวของปรียะ(ม.ล.อรรถดิศ ดิศกุล) เพื่อนกินของสุธาวี จึงเอาเรื่องนี้มาบอกสุธาวี แต่สุธาวีกลับยอมรับปิ่นมณีได้ แต่อรทัยไม่ยอม สั่งลูกน้องไปดักทำร้ายปิ่นมณีหวังข่มขู่ให้เลิกกับสุธาวี แต่สุธาวีมาช่วยปิ่นมณีเอาไว้ได้ทัน สุธาวีโกรธจนลืมตัว บุกไปเอาเรื่องอรทัย และประกาศว่าปิ่นมณีต้องเป็นเจ้าสาวของเขา! ทำให้อรทัยแค้นมาก ศุวิลยังไม่ยอมรับศิวาเป็นพ่อ ทำให้อาการของศิวาทรุดหนัก อาภาจึงบอกความจริงกับศุวิล ว่าอรทัยขู่ฆ่าศุวิล เธอจึงต้องหนีออกมา ศุวิลจึงโกรธแค้นอรทัยมาก แต่พอฟ้าใสกับอาภาขอร้องให้ใจเย็น ศุวิลก็เย็นอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เมื่อศิวารู้ว่าอรทัยส่งคนไปทำร้ายแก้วตาจนปางตาย เขาก็ยิ่งเสียใจที่ลูกสาวแท้ๆของเขามีจิตใจเหี้ยมโหด จึงตั้งใจจะไม่มอบอะไรให้อรทัยและสุธาวีแม้แต่แดงเดียว อรทัยยอมรับและยังบอกให้ศิวายกสมบัติให้สุธาวีทั้งหมด ไม่อย่างนั้น ตนจะไม่เอาอาภาและศุวิลไว้ ศิวาเป็นห่วงอาภาและศุวิล จึงยอมร่างพินัยกรรม ปิ่นมณีใช้มารยาปั่นหัวสุธาวีจนแตกหักกับอรทัยแล้วมาแต่งงานอยู่กับตน ส่วนบรรเจิดได้ขอแยกทางกับอรทัยถาวร ทำให้อรทัยแค้นใจมาก แต่เรื่องทั้งหมดยังไม่จบลงเท่านั้น เมื่อเดชบุกมากลางงานแต่งงานพร้อมปืนในมือเพื่อล้างแค้นแทนแก้วตา ปิ่นมณีเองก็แค้นแก้วตาที่ขายความลับที่เธอขายตัวให้ศุวิลรู้และทำให้ชีวิตเธอแทบพัง บทสรุปของเรื่องราวความรัก ความแค้น ความเกลียดชังราวกับลมพายุที่โหมกระหน่ำในใจของทุกคนจะจบลงอย่างไร และสายลมรักของฟ้าใสกับศุวิลจะพัดพาฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไปด้วยกันได้หรือไม่?

วุ่นนักรักหรือหลอก (2556/2013) คุณหญิงดวงเดือน (ดวงตา ตุงคะมณี) เศรษฐีนีเจ้าของธุรกิจอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งชื่อดังตรา คุณหญิง เกิดล้มป่วยด้วยโรคหัวใจ เธอคิดว่าตัวเองอาจจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ จึงหวนคิดถึงความผิดพลาดที่เป็นเหมือนตราบาปในชีวิต นั่นคือการจ้างตะวัน (สมชาย เข็มกลัด) ครูสอนเต้นรำเท้าไฟมาสอนเธอและพิมพ์ดาว (สโรชา วาทิตตพันธ์) ลูกสาวเพียงคนเดียว แต่กลับกลายเป็นเรื่องงามหน้า เมื่อพิมพ์ดาวลักลอบได้เสียกับตะวันจนตั้งท้อง ทั้งที่คุณหญิงได้หมั้นหมายเธอกับเจนธรรม (สันติสุข พรหมศิริ) หนุ่มนักกฎหมายอนาคตไกล ความโกรธทำให้คุณหญิงเฉดหัวลูกสาวเพียงคนเดียวออกจากบ้าน เพราะหวังว่าเมื่อลูกสาวค้นพบความเลวร้ายของตะวันเมื่อไหร่เธอคงกลับมา เวลาผ่านไปถึงยี่สิบปี พิมพ์ดาวไม่เคยกลับมาอีกเลย นุชา (พิชญะ นิธิไพศาลกุล) หลานชายที่คุณหญิงดวงเดือนรับมาอุปการะ จึงช่วยประกาศตามหาพิมพ์ดาวให้กลับมา ข่าวคุณหญิงตามหาลูกและหลานดังไปทั่วประเทศ จนรู้ถึงหูตะวันกับแสงหล้า (หรรษา จึงวิวัฒนวงศ์) เมียใหม่ ตะวันเจ็บใจที่โอกาสจะรวยลอยมาตรงหน้า แต่เขาไม่มีทางคว้าไว้ได้อีก เนื่องจากพิมพ์ดาวกับลูกได้ตายไปเมื่อ 20 ปีก่อน จนกระทั่งตะวันได้เจอองุ่น (ขวัญฤดี กลมกล่อม) องุ่นเคยทำงานเป็นลูกมือและเป็นเพื่อนของพิมพ์ดาว และได้เห็นขนุน (เปาวลี พรพิมล) ลูกสาวขององุ่นที่มีวัยไล่เลี่ยกับลูกของตนกับพิมพ์ดาวที่ตายไป รวมทั้งความเจ้าเล่ห์แสนกลของขนุน เพื่อหาเงินมารักษาแม่ ตะวันจึงขอร้องให้ขนุนร่วมมือปลอมตัวเป็นทายาทคุณหญิงเพื่อไปรับมรดก ด้านไข่ข้าว (รณวีร์ เสรีรัตน์) ลูกชายเจ้าของบ้านเช่าเสนอให้ขนุนแต่งงานกับเขา เพื่อเขาจะได้ขอเงินแม่มารักษาแม่ยายได้ ขนุนไล่ตะเพิดไข่ข้าวไปแล้วปรึกษาเดอะแก๊งอันประกอบด้วยทองแท้ (กรวิชญ์ สูงกิจบูลย์) และจิ๋ว (สรัณวัชร วิเชียรณรัตน์) สองเพื่อนคู่หูต่างเห็นพ้องต้องกันว่าชีวิตแม่องุ่นนั้นสำคัญกว่า และค่ารักษาก็เป็นแค่เศษเงินของคุณหญิง จึงสนับสนุนให้ขนุนร่วมกระบวนการกับตะวัน เพื่อหลอกเงินจากคุณหญิงมารักษาแม่ การปรากฏตัวของขนุน มีเพียงนุชาคนเดียวที่สังหรณ์ใจว่าการมาของสองพ่อลูกคู่นี้ คงมาเพื่อปอกลอกคุณหญิงเป็นแน่ ทางฝั่งครอบครัวของเจนธรรม ซึ่งบัดนี้ได้กลายมาเป็นทนายประจำตระกูลของคุณหญิง เจนธรรมและอรอุมา (ภัสสร บุญเกียรติ) ภรรยา ต่างยุให้อธิป (กันต์ดนย์ อะคาซาน) ลูกชายมาดสุขุมนุ่มลึก หาทางพิชิตใจขนุน เพื่อจะได้มีส่วนร่วมในกองมรดก อธิปหนักใจเพราะแอบคบกับจิราภา (แอริน ยุกตะทัต) เลขาสาวสวย และเมื่อจิราภาได้เจอขนุน เธอก็มั่นใจว่าอธิปจะไม่มีวันเปลี่ยนใจจากเธอไปหาเด็กบ้านนอกอย่างนั้นได้ จึงยินยอมให้แฟนหนุ่มแกล้งหว่านเสน่ห์เพื่อให้ทายาทคุณหญิงหลงรัก ขณะที่นุชาเริ่มมีความรู้สึกดีต่อขนุน แต่กลับต้องมาผิดหวัง เพราะจับผิดขนุนได้ว่าไม่ใช่ทายาทตัวจริง ขนุนเองก็เสียใจยอมรับว่าเธอต้องการหาเงินไปรักษาแม่จริง ๆ และไม่เคยสบายใจเลยที่ต้องหลอกคุณหญิง ทั้งสองตัดสินใจจะบอกความจริงกับคุณหญิง แต่โรคหัวใจของคุณหญิงกำเริบเสียก่อน ทำให้นุชากับขนุนต้องกลับมาคิดทบทวนใหม่ เพราะกลัวว่าคุณหญิงจะรับความจริงไม่ได้ สุดท้ายเรื่องราวจะลงเอยอย่างไร? ติดตามชมได้ใน ละครวุ่นนักรักหรือหลอก

สุดสายป่าน (2556/2013) ม.ล.ฐิติ สูรยกานต์ (ยุทธนา เปื้องกลาง) ไปฉลองการเรียนจบกับเพื่อน ๆ ที่ชายทะเลจังหวัดประจวบฯ ที่นั่นเขาได้พบกับกานดามณี ศิริรัตน์ (วรรณรท สนธิไชย) ซึ่งแอบอ้างใช้ชื่อกานดาวสี กิริเนศวร (พี่สาวฝาแฝด) ฐิติและกานดามณีมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง โดยที่ฐิติหารู้ไม่ว่ากานดามณีเห็นความรักครั้งนี้เป็นแค่เกมสนุก ๆ เท่านั้น ตรงข้ามกับเขาซึ่งจริงจังกับรักแรกนี้อย่างมาก จนถึงกับให้สัญญาว่า "ชาตินี้เขาจะไม่ยอมแต่งงานอย่างเด็ดขาด ถ้าเจ้าสาวของเขาไม่ใช่ผู้หญิงที่ชื่อ กานดาวสี กิริเนศวร" ฐิติขอให้กานดามณีรอให้เขาทำงานสร้างหลักฐาน เพื่อจะได้แต่งงานกัน แต่กานดาวสีก็หายเงียบไปอย่างไร้ร่องรอย ฐิติออกตามหาทุกวิธีทาง โดยไม่รู้ว่าในขณะที่เขาเป็นห่วงเธอใจแทบขาด กานดามณีกลับกำลังเริงรักกับผู้ชายคนใหม่คนแล้วคนเล่าและเที่ยวสำมะเลเทเมาหัวราน้ำ เวลาผ่านไป ฐิติก็ต้องดีใจอย่างมากเมื่อได้พบกานดาวสี (ตัวจริง) ในงานเลี้ยงงานหนึ่ง แต่แล้วฐิติก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อกานดาวสีบอกว่าเธอไม่เคยรู้จักเขามาก่อน ถึงแม้ฐิติพยายามจะรื้อฟื้นถึงความสัมพันธ์ แต่กลับโดนกานดาวสีตบหน้าด้วยความโกรธเพราะคิดว่าฐิติดูถูกเธอ ฐิติทั้งรักทั้งแค้นด้วยเข้าใจว่ากานดาวสีรังเกียจที่เขาไม่ใช่คนร่ำรวยและกลับมาบ้านด้วยความเสียใจ ฐิติเล่าทุกอย่างให้พุดตาน (ปวีณา ชารีฟสกุล) ผู้เป็นมารดาฟัง พุดตานบอกลูกชายว่าดีแล้วที่รู้เช่นเห็นชาติกานดาวสีเสียก่อนที่ฐิติจะร่ำรวยขึ้นมา เพราะว่าเวลานี้ฐิติได้รับมรดกหลายหมื่นล้านจากท่านปู่ของเขาซึ่งเพิ่งสิ้นใจ ขณะที่กานดามณีก็ยังสวมรอยใช้ชื่อกานดาวสีหลอกผู้ชายที่เธอมีความสัมพันธ์ด้วยนั้น เธอก็มาพบรักกับ วสันต์ (ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เสือผู้หญิงที่คิดกับกานดามณีแค่เล่น ๆ และทิ้งกานดามณีไปอย่างไม่ใยดี กานดามณีทั้งแค้นทั้งเจ็บใจและโทษว่าที่ชีวิตเธอต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะพ่อแท้ ๆ ไม่ยอมเอาตัวเธอไปเลี้ยงดูเหมือนกานดาวสีพี่สาว โดยหารู้ไม่ว่ากานดาวสีเองก็ต้องพบกับความลำบากใจที่ต้องอยู่กับ อุไร (อลิชา ไล่สัตรูไกล) แม่เลี้ยงที่มักจะคอยถากถางเธอด้วยคำพูดเสมอ จนกานดาวสีต้องรีบออกไปหางานทำ และก็บังเอิญเป็นบริษัทที่ฐิติเป็นประธานกรรมการอยู่ ฐิติทั้งดีใจและถือโอกาสแก้แค้นกานดาวสีต่าง ๆ นานาเพราะเข้าใจผิด ยิ่งเมื่อวสันต์เข้ามาทำงานเป็นสมุห์บัญชีที่บริษัทและพูดจาดูถูกกานดาวสีจนมีเรื่องราวกัน จนฐิติต้องเรียกไปถาม วสันต์จึงเล่าความจริงว่าเขามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับกานดาวสี ทำให้ฐิติเข้าใจว่ากานดาวสีเป็นผู้หญิงรักสนุกที่เห็นความรักเป็นแค่เกม ๆ หนึ่งเท่านั้น วสันต์เฝ้าสังเกตพฤติกรรมของกานดาวสี จนรู้ว่าที่แท้กานดาวสีเป็นคนละคนกับกานดามณี และพยายามเข้าหากานดาวสีตามประสาเสือผู้หญิง ยิ่งทำให้ฐิติเชื่อว่าเธอมีความสัมพันธ์กับวสันต์มาก่อนจริง ๆ ฐิติคิดจะแก้แค้นกานดาวสีที่ดูถูกความรักที่จริงใจของเขา จึงแกล้งหันมาทำดีด้วย ทำให้กานดาวสีตกหลุมรักฐิติโดยไม่รู้ตัว และก็เป็นเวลาเดียวกับที่ฐานะทางบ้านของกานดาวสีแย่ลง เพราะอุไรแอบติดการพนันและทำให้วิเศษ (พลวัฒน์ มนูประเสริฐ) บิดาของกานดาวสีถึงกับล้มป่วย กานดาวสีจึงขอความช่วยเหลือจากฐิติ ฐิติรับปาก แต่มีข้อแม้ว่ากานดาวสีต้องแต่งงานกับเขาโดยไม่จดทะเบียนสมรส กานดาวสีจำต้องทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อช่วยครอบครัว เมื่อกานดาวสีเข้ามาอยู่ในฐานะภรรยาของฐิติ ก็ต้องเจอกับสงครามเย็นที่คนในบ้านปฏิบัติต่อเธอ กานดาวสีทั้งเสียใจและน้อยใจที่ทุกคนไม่เห็นเธออยู่ในฐานะภรรยาหรือสะใภ้เลย ด้านกานดามณีได้เห็นข่าวการแต่งงานของฐิติกับกานดาวสีก็ตกใจที่รู้ว่าฐิติร่ำรวยและเชื่อว่าฐิติต้องแต่งงานเพราะเข้าใจผิดว่ากานดาวสีเป็นตัวเธอแน่ ๆ ทั้งความโลภและความแค้นทำให้เธอตัดสินใจไปหาฐิติและแต่งเรื่องหลอกว่าเธอยังยึดมั่นในความรักและคำสัญญาเสมอ ฐิติสงสารในชะตากรรมของกานดามณีมากและยิ่งเกลียดกานดาวสีที่หลอกลวงเขา ฐิติพากานดามณีมาเจอกับกานดาวสี กานดาวสีตกใจมากที่รู้ว่ากานดามณีเป็นน้องสาวฝาแฝด กานดามณีแกล้งทำดีต่อกานดาวสี แต่เมื่อลับหลังฐิติ กานดามณีต่อว่าพี่สาวอย่างรุนแรงที่แย่งฐิติไปจากเธอและทวงฐิติคืน กานดาวสีจึงตัดสินใจหนีไปจากฐิติ กลับยิ่งทำให้ฐิติเข้าใจว่ากานดาวสีไม่เคยมีใจให้เขาเลย ฐิติเสียใจแต่ก็แกล้งทำเหมือนโล่งใจที่ทุกอย่างจบลงด้วยดี แต่เมื่อกานดามณีเข้ามาสวมรอยเป็นกานดาวสีจริง ๆ ฐิติกลับรู้สึกแปลก ๆ เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเขาผูกพันกับกานดาวสีตัวจริงเข้าเสียแล้ว

เรือนเสน่หา (2556/2013) พุทธศักราช 2448 ในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ยกเลิกการมีทาสไปแล้ว ผู้ชายโดยเฉพาะเจ้าขุนมูลนายนิยมมีภรรยาหลายคน ขณะที่ฝ่ายชายต่อสู้และแย่งชิงตำแหน่งและหน้าที่ทางสังคม ฝ่ายหญิงก็ต่อสู้เพื่ออำนาจในเรือน ครอบครัวของ คุณหลวงปราบ ธำรงค์นครา (ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) เองก็เช่นกัน คุณหลวงมีภรรยาเอกคือ ชมนาด (น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์) หญิงสาวจากตระกูลสูง และ เอื้องคำ (พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร) ลูกสาวพ่อค้าจากเชียงใหม่ ทั้งสองคนต่างต่อสู้แย่งชิงกันเพื่อให้เป็นคนโปรดของคุณหลวง ชมนาด นั้นมี อีอี่ (รัญญา ศิยานนท์) เป็นบ่าวคนสนิทคอยรับใช้เป็นหูเป็นตาให้ ส่วน เอื้องคำ มี อีมุ่ย (ณหทัย พิจิตรา) บ่าวที่ติดตามมาจากเชียงใหม่เป็นบ่าวคนสนิท และคอยเป็นหูเป็นตาเช่นกัน ทั้งชมนาดและเอื้องคำมักมีเรื่องกันบ่อยครั้ง เพราะเอื้องคำนั้นมีนิสัยเอาแต่ใจ เจ้าคิดเจ้าแค้น จึงไม่ยอมลงให้กับชมนาดเมียเอก ส่วนชมนาดนั้น ภายนอกดูเป็นคนจิตใจดี มีเมตตากรุณา แต่ซ่อนความเลือดเย็นเอาไว้ แต่เอื้องคำและอีมุ่ยมองทะลุเข้าไปถึงใต้ท่าทีเหล่านั้น จึงไม่วางใจในตัวชมนาด เมื่อเมียบ่าวที่ชื่อ สร้อย (อุทัยศรี ศรีณรงค์) เกิดตั้งท้องขึ้นมา ชมนาดก็แอบจัดการฆ่าไปเสียโดยใช้บึ้งชะงัก แล้วแอบใส่ความโยนความผิดให้เอื้องคำ ระหว่างนั้นเอื้องคำเกิดตั้งท้อง คุณหลวงจึงให้รอคลอดลูกให้เรียบร้อย แล้วไสหัวเอื้องคำและอีมุ่ยออกไป เอื้องคำแค้นใจมากที่ไม่มีใครเชื่อตน ด้วยความแค้นเอื้องคำจึงแอบไปบนเรือนชมนาดจะฆ่า แต่ก็พลาดต้องตกบันไดลงมาแท้งลูก ทำให้เอื้องคำไม่เหลืออะไรอีกแล้ว รอเพียงวันที่จะออกไปจากเรือนเท่านั้น ปราฏว่าในวันที่ต้องออกไปจากเรือน เอื้องคำเกิดเสียสติร้องหาลูก ทำให้คุณหลวงสงสารเลี้ยงดูให้อยู่ในเรือนต่อไป แม้เอื้องคำจะตกต่ำลงไปแล้ว ชมนาดก็ยังนอนใจไม่ได้ เพราะยังเหลือ มะลิ (โสภิตนภา ชุมภาณี) เมียบ่าวแสนซื่อของคุณหลวงอีกคนที่เป็นหนามยอกอก ยิ่งไปกว่านั้น มะลิ และ ไอ้มิ่ง (อาณัตพล ศิริชุมแสง) บ่าวชายเกิดไปรู้เห็นเรื่องบึ้งชะงักเข้า ยิ่งทำให้ชมนาดต้องกำจัดมะลิกับไอ้มิ่ง ด้วยการใส่ความว่าทั้งสองคนเป็นชู้กัน เมื่อคุณหลวงมาเห็นก็โมโหมาก สั่งลงโทษและไล่ออกจากเรือนไป มะลิ ไอ้มิ่งและ ป้าพิศ (พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา) ป้าของไอ้มิ่งหนีไปตั้งหลักที่วัด ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านคุณหลวงมากนัก หลวงตาน้อย (สรพงศ์ ชาตรี) พระที่ให้ความช่วยเหลือ ให้ทั้งหมดอยู่ที่กระท่อมท้ายวัด ปรากฏว่า มะลิมีลูกคุณหลวงติดท้องมาด้วย ทำให้ทุกคนยังออกเดินทางไปตั้งรกรากที่อื่นไม่ได้ ต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน ส่วนชมนาดเองก็เกิดตั้งท้องขึ้นมาเช่นกัน วันหนึ่ง อีอี่ไปที่วัดก็แอบเห็นไอ้มิ่งแล้วตามไป จึงได้รู้ว่ามะลิตั้งท้องลูกของคุณหลวงเช่นกัน ชมนาดสั่งอีอี่ให้จัดการพวกของมะลิ เย็นวันนั้นมะลิคลอดลูกแฝดชายออกมา พอตกดึกอีอี่แอบตามมาเผาบ้านหวังให้ทุกคนตายคากองเพลิง มะลิคว้าลูกมาได้เพียงคนเดียว ส่วนลูกอีกคนที่หน้าอกโดนพระที่หลวงตาน้อยให้มาร่วงใส่อกจนเป็นรอยแผลเป็นนั้นคาอยู่ในกองไฟกับป้าพิศ มะลิและไอ้มิ่งหนีออกมาได้ก็สลบอยู่ที่ข้างบ้าน หารู้ไม่ว่าป้าพิศโยนเด็กอีกคนออกมาได้ เด็กไปคาอยู่บนกอผักบุ้ง ทางฝั่งชมนาดที่รออีอี่กลับมารายงานนั้น ก็เกิดเจ็บท้องจะคลอดลูกเช่นกัน แต่ร้องหาบ่าวไพร่ไม่ได้สักคนเพราะบ่าวไพร่มัวแต่ไปช่วยกันดับไฟที่เรือนบ่าว คนที่ขึ้นมาดูชมนาดก็คือเอื้องคำ เมื่อชมนาดคลอดลูกสาว เอื้องคำก็แย่งเอาลูกไป ทำให้ชมนาดรู้ทันทีว่าเอื้องคำแกล้งบ้า เอื้องคำสะใจ อุ้มลูกสาวชมนาดหนีออกไปกับอีมุ่ยในคืนนั้นเอง เมื่ออีอี่กลับมาพบจึงรีบออกไปตามหาเอื้องคำเพื่อเอาลูกชมนาดกลับมา แต่เด็กที่อีอี่ได้กลับมานั้น คือลูกชายของมะลิ ที่หลวงตาน้อยเป็นคนไปพบบนกอบัว ชมนาดจึงตกกระไดพลอยโจนเอาลูกคนอื่นมาเลี้ยงแทนลูกตนเอง อีอี่นั้นแม้จะรู้จากหลวงตาน้อยว่าเป็นลูกของมะลิ แต่ก็มิได้บอกชมนาด ฝั่งมะลินั้นเมื่อเข้าใจว่าลูกอีกคนตายไปในกองเพลิงกับป้าพิศแล้วก็เศร้าโศกเสียใจ พากันย้ายไปตั้งรกรากอยู่ที่อยุธยา ระหว่างทางได้เจอกันหญิงท้องแก่คนหนึ่ง ซึ่งเกิดเจ็บท้องจะคลอดลูกกะทันหัน หญิงคนนั้นรู้ว่าตนจะไม่รอด จึงฝากลูกสาวที่เพิ่งคลอดให้มะลิช่วยดูแลแทนตน ก่อนจะขาดใจตายไป มะลิตั้งชื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นว่า สายหยุดและตั้งชื่อลูกชายของตนว่า เมือง เรือนเสน่หา ส่วนเอื้องคำและอีมุ่ยที่ขโมยลูกชมนาดไป จับพลัดจับผลูได้ไปเป็นเมียของเถ้าแก่ซ้ง (ประกาศิต โบสุวรรณ) เจ้าของโรงฝิ่น เอื้องคำตั้งชื่อให้ลูกสาวชมนาดว่า ชวนชม และได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น เหม่ยฟาง ส่วนอีมุ่ยก็เปลี่ยนเป็นชื่อเง็ก เอื้องคำเลี้ยงดูชวนชมเป็นอย่างดี ให้ฝึกหัดทุกอย่างตามแบบฉบับของสาวชาววัง ท่ามกลางความแปลกใจของอีมุ่ยว่าเหตุใดต้องทำเช่นนั้น คุณหลวงรักและหลงลูกชายคนแรกมาก ตั้งชื่อให้ว่า สุข เพราะเชื่อว่าลูกจะนำมาซึ่งความสงบสุขของบ้าน จากนั้นไม่นาน ชมนาดตั้งท้องอีกครั้ง คราวนี้ชมนาดได้ลูกชาย และให้ชื่อว่า เทพ ชมนาดเลี้ยงดูลูกอย่างลำเอียง ทำให้มีปากเสียงกับคุณหลวงบ่อยครั้ง อีอี่นั้นเฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูสุขด้วยความสงสาร ฝั่งมะลิและไอ้มิ่งก็เลี้ยงดู เมือง และ สายหยุดมาเป็นพี่น้องกัน โดยทั้งสองเข้าใจว่ามะลิและไอ้มิ่งคือพ่อแม่ที่แท้จริงของตน ทั้งที่ความจริงแล้วมะลิและไอ้มิ่งอยู่กันแบบพี่น้องเรื่อยมา 18 ปีผ่านไป รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว คุณหลวงได้เลื่อนขั้นเป็นคุณพระธำรงค์นครา สุขนั้นเติบใหญ่มาท่ามกลางความเกลียดชังของชมนาด เพราะคุณพระรักและหลงในตัวสุขมาก ยิ่งสุขเรียนเก่งและดีเท่าไร ก็ยิ่งเป็นข้อเปรียบเทียบกับเทพ ลูกแท้ ๆ ของชมนาด เทพไม่สนใจการเรียน เอาแต่หาเรื่องเที่ยวเตร่ สนุกสนานไปวัน ๆ ไม่ได้อย่างใจคุณหลวง แม้สุขจะรู้สึกอยู่เสมอว่าแม่ไม่รักตน ก็ยังเฝ้ากตัญญูพยายามทำให้แม่รักตน และไม่เคยอิจฉาริษยาน้องเลย คุณพระนั้นหวังให้เป็นคู่หมั้นคู่หมายกับ เดือน ลูกสาวของ คุณหลวงไว (ศรุต วิจิตรานนท์) เพื่อนของตนเอง ส่วนมะลิและไอ้มิ่งนั้น เลี้ยงเมืองและสายหยุดมาจนเติบโต เมืองไปมีเรื่องกับนักเลงที่จะมาฉุดสายหยุด จนพวกนักเลงตามไล่ฆ่า ทำให้ทั้งครอบครัวนั้นหนีลงเรือ จับพลัดจับผลูเข้ามาอยู่ที่พระนครอีกครั้ง วันหนึ่ง เถ้าแก่ซ้งเกิดรู้ว่าที่แท้ชวนชมเป็นลูกสาวของชมนาดกับคุณพระ ก็ตั้งใจจะไปบอกความจริงกับคุณพระ เอื้องคำเลยใช้แก่นรัญจวนแก่นไม้ที่เพิ่มกำหนัด ซึ่งเอื้องคำเคยใช้ได้ผลมาหลายครั้งทั้งตอนที่ยั่วยวนคุณหลวง และเถ้าแก่ซ้งมาแล้ว แต่คราวนี้ออกฤทธิ์หนักจนทำให้เถ้าแก่ซ้งตายคาอกเอื้องคำ ทำให้เอื้องคำได้ขึ้นเป็นใหญ่ทันที เอื้องคำเลี้ยงดูชวนชมอย่างดี ชวนชมทำตามคำสั่งเอื้องคำทุกอย่าง และเฝ้ารอเพียงวันที่เอื้องคำจะบอกว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของตนเป็นใคร อีมุ่ยเพิ่งจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว ทุกอย่างที่เอื้องคำทำมาทั้งหมด ก็เพียงเพื่อจะรอวันแก้แค้นชมนาด ให้ชมนาดเจ็บปวดอย่างสาสม! โศกนาฏกรรมความเสน่หาอาฆาตบทนี้ จะลงเอยเช่นไร? ติดตามกันต่อได้ในละคร เรือนเสน่หา

คู่กรรม (2556/2013) อังศุมาลิน ชลาสินธุ์ (หนึ่งธิดา โสภณ) เติบโตมาท่ามกลางความรักของ แม่อร (ปวีณา ชารีฟสกุล) กับ ยาย (โฉมฉาย ฉัตรวิไล) ที่บ้านริมคลองบางกอกน้อย โดยปราศจากความไยดีของพ่อที่เป็นนายทหารระดับสูงแห่งกองราชนาวีไทย ชื่อ หลวงชลาสินธุราช (จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี) ที่ไปมีครอบครัวใหม่เพื่อความก้าวหน้าทางการงาน อังศุมาลินมีเพื่อนชายที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กคือ วนัส (นภัทร อินใจเอื้อ) ก่อนเดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษ วนัสได้ขอความรักจากอังศุมาลิน แต่เธอขอให้คำตอบในวันที่เขาเรียนจบกลับมาเสียก่อน โดยทั้งคู่สัญญาว่าจะรอกัน อังศุมาลินเคยเรียนภาษาญี่ปุ่นกับ หมอโยชิ (อุดมพร คชหิรัญ) ทันตแพทย์ชาวญี่ปุ่นแถวตลาด ใกล้บ้าน แต่พอเกิดสงครามเขากลับแต่งเครื่องแบบทหารและประกาศตัวว่าเป็นคนของกองทัพญี่ปุ่นผู้รุกราน ทำให้อังศุมาลินผิดหวังและโกรธแค้น วันหนึ่งอังศุมาลินก็ได้พบกับ โกโบริ (สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว) เรือเอกหนุ่มประจำกองทัพเรือญี่ปุ่น ที่มาประจำอยู่ที่อู่ต่อเรือใกล้บ้าน อังศุมาลินประกาศตนเป็นศัตรูกับกองทัพญี่ปุ่น เมื่อโกโบริสั่งลงโทษกรอกน้ำมัน ตาบัว (เกรียงไกร อุณหนันท์) กับ ตาผล (กลศ อัทธเสรี) คนในชุมชนชาวสวนที่อังศุมาลินรู้จัก ซึ่งไปรับจ้างทำงาน แต่กลับช่วยกันขโมยน้ำมันของกองทัพญี่ปุ่น โกโบริรู้สึกรักอังศุมาลินตั้งแต่แรกพบ เขาพยายามแสดงไมตรีจิตกับครอบครัวของอังศุมาลินมาตลอด เช่น เมื่อยายของเธอป่วยเป็นไข้มาลาเรีย เขาก็พาหมอทาเคดะ (ภูริ หิรัญพฤกษ์) มารักษา ด้วยเหตุนี้แม่กับยายเอ็นดูมองเห็นถึงน้ำใจไมตรีและเรียกขานว่า พ่อดอกมะลิ บ่ายวันหนึ่งขณะที่อังศุมาลินอยู่บ้านคนเดียวก็มีสัญญาณระเบิดดังขึ้น โกโบริมาหาเธอที่บ้านพอดี จึงพาเธอไปหลบภัยที่ท้องร่องในสวน พอดีระเบิดลงใกล้บริเวณนั้นโกโบริเอาตัวกำบังอังศุมาลินไว้ และเอ่ยปากบอกรักอังศุมาลินก่อนที่เขาและเธอจะหมดสติพร้อมกัน หลังเหตุการณ์สงบ แม่กับยายกลับมาจากทำบุญที่วัด พร้อมด้วย ยายเมี้ยน (อัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ) และชาวบ้าน พวกเขามาพบโกโบรินอนทับอังศุมาลินอยู่ในท้องร่อง ยายเมี้ยนนำเรื่องนี้ไปโพนทะนาจนข่าวแพร่กระจายไปในทางเสื่อมเสียอย่างมาก พอดีที่หลวงชลาสินธุราชพ่อของอังศุมาลินที่กำลังมีปัญหาทางการเมือง เพราะถูกสงสัยว่าเป็นขบวนการเสรีไทย และสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างไทยกับญี่ปุ่นกำลังอยู่ในช่วงกระทบกระทั่งกันเองพอดี อีกทั้งโกโบริเป็นตัวอย่างของนายทหารญี่ปุ่นที่มีความสัมพันธ์อันดีกับคนไทย ดังนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองหนุ่มสาวจึงถูกดึงให้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการแก้ไขบรรยากาศความขัดแย้ง หลวงชลาสินธุราชจึงมาเจรจาขอให้อังศุมาลินยอมแต่งงานกับโกโบริด้วยตนเอง เพื่อช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวทั้งหมด เมื่อทุกอย่างบีบคั้นอังศุมาลินจึงยอมตกลงปลงใจแต่งงานกับโกโบริ แต่ในวันหมั้นโกโบริจับได้ว่าอังศุมาลินและพวกพ้องถือโอกาสพาร้อยโทไมเคิล วอร์เด็น (โอลิเวอร์ พูพาร์ท) เชลยชาวอเมริกันหนีกองทัพญี่ปุ่นเพื่อไปพบพวกขบวนการเสรีไทยได้สำเร็จ จึงทำให้เขารู้สึกเสียใจกับการกระทำครั้งนี้ของอังศุมาลินเป็นอย่างมาก แต่เพราะความรักที่มีต่ออังศุมาลิน โกโบริจึงยอมเก็บเรื่องทุกอย่างไว้เป็นความลับ ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจเป็นภัยร้ายแรงกับกองทัพญี่ปุ่น โกโบริรู้ดีว่าอังศุมาลินมีวนัสอยู่แล้ว เขาตัดสินใจไปหารือกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่เพื่อจะขอยกเลิกการแต่งงานแต่ก็ไม่เป็นผล การแต่งงานของโกโบริกับอังศุมาลินจึงเป็นไปตามกำหนดการเดิม และในคืนส่งตัวโกโบริก็ปฏิบัติตนเป็นสุภาพบุรุษ ไม่คิดที่จะล่วงเกินอังศุมาลินเลยแม้แต่น้อย ตาบัวกับตาผลยังหาความเดือดร้อนมาใส่ตัวอีกจนได้ ด้วยการไปพาฝรั่งเยอรมันมาที่กระท่อมในสวน เพราะนึกว่าฝรั่งทุกคนคือศัตรูญี่ปุ่นไปหมด แต่เยอรมันคนนั้นไปแจ้งตำรวจและกองทัพญี่ปุ่น ว่าในสวนนี้มีกระท่อมที่ให้ที่พักกับฝรั่งชาติพันธมิตร จนพวกกำนัน (สรพงศ์ ชาตรี) ซึ่งเป็นพ่อของวนัสกับชาวบ้านต้องช่วยกันรื้อกระท่อมนั้น และจัดงานรำวงขึ้นเพื่อบังหน้า โกโบริเองก็พลอยร่วมมือไปกับเขาด้วย ทั้ง ๆ ที่รู้สึกเจ็บปวดในใจ เขาจึงดื่มเหล้าอย่างหนักและร่วมรำวงอย่างสนุกสนานจนขาดสติ ในคืนนั้นเองโกโบริก็ปลุกปล้ำขืนใจอังศุมาลิน ทั้งเพราะความเมาความรักและความน้อยใจ ทำให้อังศุมาลินยิ่งแสดงความเย็นชาเกลียดชังเขามากขึ้น โกโบริรู้สึกผิดที่ล่วงเกินอังศุมาลิน เขาจึงมุทำงานอย่างหนักไม่กลับมาค้างที่บ้าน พร้อมกับทำเรื่องขอย้ายไปประจำการที่พม่าเพราะสถานการณ์ที่นั่นกำลังตึงเครียด จากนั้นไม่นานอังศุมาลินก็รู้ตัวว่าตนได้ตั้งท้องลูกของโกโบริ หมอทาเคดะตรวจพบอาการและบอกข่าวดีกับทุกคน โกโบริดีใจมาก แต่แล้วก็มีข่าวว่าวนัสเป็นหนึ่งในขบวนการเสรีไทยจากอังกฤษที่กระโดดร่มเข้ามาในประเทศไทย และโดนญี่ปุ่นจับได้ อังศุมาลินรู้ว่าโกโบริจะได้เป็นหนึ่งในคณะทหารญี่ปุ่นที่จะทำหน้าที่สอบสวนวนัส เธอจึงเอาลูกมาขู่ว่าหากวนัสมีอันตรายอะไร โกโบริจะต้องตอบแทนอย่างสาสม ก่อนทิ้งตัวให้ตกบันไดที่สูงชันลงมา โชคดีที่เธอและลูกปลอดภัย แต่โกโบริเสียใจมาก เขาพยายามเร่งให้ตัวเองได้ย้ายไปพม่าเร็วขึ้น และพูดว่าหากอังศุมาลินไม่ต้องการเด็ก ก็ให้ส่งไปให้พ่อแม่เขาที่ญี่ปุ่นเลี้ยงก็ได้ ส่วนตัวเธอเขาจะปล่อยให้เป็นอิสระได้กลับไปรักกับวนัสตามเดิม อังศุมาลินเริ่มได้คิดและรู้ใจตนว่าที่แท้แล้ว คนที่มีความหมายที่สุดสำหรับเธอก็คือโกโบริและลูกในท้องต่างหาก เธออยากบอกให้เขารู้ว่าเธอรักเขาที่สุด และขอให้เขาเลิกล้มความคิดที่จะย้ายไปจากเมืองไทยเสีย แต่ก็มีอันต้องคลาดกันตลอด เพราะโกโบริเอาแต่หักโหมทำงานเพื่อลืมความทุกข์ในใจ ทั้งสองจึงไม่ได้ปรับความเข้าใจกัน ในที่สุดวนัสก็พ้นจากการจองจำเพราะความช่วยเหลือของโกโบริ วนัสรีบมาพบอังศุมาลิน เธอดีใจมาก เพราะเธอจะได้ให้คำตอบแก่วนัสตามสัญญาเสียทีว่าเธอรักโกโบริคนเดียวและขอคืนอิสระจากวนัส วนัสบอก ว่าโกโบริเป็นคนดี และอวยพรในความรักของเธอกับโกโบริ พร้อมกำชับให้อังศุมาลินบอกโกโบริว่าอย่าไปสถานีรถไฟบางกอกน้อย เพราะพันธมิตรมีแผนจะทิ้งระเบิดครั้งใหญ่ที่นั่น ทั้งสองไม่รู้ตัวเลยว่าการลักลอบพบกันครั้งนี้อยู่ในสายตาของโกโบริ แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองบอกต่อกัน ภาพที่เห็นจึงทำให้โกโบริเข้าใจผิด จากนั้นอังศุมาลินก็รีบจะไปบอกข่าวดีกับโกโบริว่าเธอเป็นอิสระจากวนัสแล้ว และจะขอเป็นภรรยาที่ดีของเขาคนเดียว แต่ไม่ทันกาลเพราะโกโบริได้ออกเรือตรงไปที่สถานีรถไฟบางกอกน้อย พอดีอังศุมาลินรีบตามไปที่สถานีรถไฟบางกอก เมื่อเธอไปถึงปรากฏว่าสถานีรถไฟบางกอกน้อยโดนระเบิดถล่มเสียหายยับเยิน มีทหารบาดเจ็บล้มตายมากมาย อังศุมาลินขอพรลูกในท้องให้ช่วยคุ้มครองพ่อ และตามหาโกโบริอย่างร้อนใจ จนในที่สุดก็พบเขาบาดเจ็บสาหัสนอนจมซากปรักหักพังอยู่ เธอพยายามทำทุกวิธีอย่างสุดกำลังที่จะช่วยให้เขามีชีวิตรอด บทสรุปของโศกนาฏกรรมความรักที่มาพร้อมสงครามครั้งนี้จะลงเอยเช่นไร ติดตามชมได้ใน ละครคู่กรรม

ศีล 5 คนกล้าท้าอธรรม (2555/2012) หน่วย ปฏิบัติการพิเศษ Zeal กำลังฝึกอย่างเข้มข้น เพื่อค้นหาคนเก่ง และกล้าที่สุดเพียง 5 คน ไปประจำการหน่วยราชการลับเพื่อสะสางคดีพิเศษ ศีล-ศีลธรรม (กันต์ กันตถาวร) , วิน-มาวิน (ซัน-ประชากร ปิยะสกุลแก้ว) , เว่ย-วิทยา (เจเจ-จักรกฤษณ์ กนกพจนานนท์) , เหนือ-ทิศเหนือ (ฟิล์ม-ภควัต ยุหัง) และ แดน-ดินแดน (บอส-พุทธิพงษ์ คล้ำจีนภาณุวงศ์) คือ ตัวเต็งทั้ง 5 คน หนุ่ม ๆ ฝ่าด่านทดสอบต่าง ๆ ในเกณฑ์ดี แต่ขณะทุ่มเทแรงกาย..แรงใจฟันฝ่าด่านสุดท้าย กู้ระเบิดใต้น้ำ ศีลขาดอากาศหายใจหมดสติใต้ทะเลไปชั่วขณะ วินาทีแห่งความเป็น..ความตาย!! ศีลเหมือนถูกกระชากร่างไปสถานที่น่าสะพรึงกลัวแห่งหนึ่ง นั่นคือ นรก ที่เขาเคยคิดว่ามีแต่ในนิยายหลอกเด็ก ยมทูตร่างใหญ่พาเขาไปดูคนชั่ว ชอบทำผิดศีลธรรมเมื่อตอนมีชีวิต พอตายไปต้องตกนรกมารับโทษทัณฑ์สุดแสนทรมานตามความผิดที่ติดตัวมา

เจ้าแม่จำเป็น (2555/2012) ณ สำนักเจ้าแม่มหาลาภไทรทอง เป็นที่ตั้งของสำนักทรงที่ได้รับความนิยมอย่างมากของชาวบ้าน โดยมีร่างทรงคือ กะละแม (คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์) เด็กกำพร้าที่อาศัยอยู่กับโต๊ด (เกรียงไกร อุณหะนันท์) น้าของติ่ง (ณัฎฐพงษ์ ชาติพงษ์) และพ่อ ตุ้งแช่ (ชวิน ลิขิตเจริญพงษ์) แม้ว่าลึก ๆ กะละแมจะไม่อยากทำอาชีพที่หลอกลวงชาวบ้าน แต่เพื่อความอยู่รอดของครอบครัว ทำให้กะละแมจำใจต้องทำ เธอจะบอกความจริงกับใครไม่ได้แม้แต่ โทฟู่ (รัชย์ณมนทร์ รัชย์จิราธรรม) นักเรียนแพทย์เพื่อนสนิท แต่เธอก็หวังลึก ๆ ว่าวันหนึ่งเมื่อโต้ดมีเงินมากพอ เธอจะเลิกเข้าทรงใบ้หวย แล้วไปตั้งใจเรียนต่อตามที่ฝันไว้ ชิณ (ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) หนุ่มนักธุรกิจเจ้าของที่ดิน ต้องการที่จะเปลี่ยนชุมชนให้เป็นห้างสรรพสินค้า เพราะบริษัทคู่แข่งของ จักกาย (กันต์ดนย์ อะคาซาน) เตรียมจะสร้างห้างเช่นกัน ชิณจึงจำเป็นต้องกำจัดกะละแมและสำนักทรงเจ้า เพราะคิดว่าเธอเป็นพวกต้มตุ๋น และเป็นหัวโจกในการต่อต้านการไล่ที่ของเขา ด้าน ฉายตะวัน (มยุรา เศวตศิลา) ผู้เป็นแม่ของชิณ กลัวว่าลูกชาย จะทำงานจนไม่มีเวลาหาคู่ กิมเอ็ง (ญาณี จงวิสุทธิ์) เพื่อนสนิทที่จ้องจะจับชิณคู่กับ มิ้ว (พิชญ์นาฎ สาขากร) ลูกสาวตัวเองเสมอ จึงพาฉายตะวันไปดูหมอที่สำนักทรงของกะละแม ฉายตะวันเลื่อมใสเจ้าแม่ในร่างทรงของกะละแมเป็นอย่างมาก จักกายเริ่มสนใจในความหยิ่งของกะละแม จึงตีสนิทโทฟู่เพื่อตีซี้กะละแมและยุให้กะละแมทรงเจ้าต่อไป เพื่อที่ชิณจะได้สร้างห้างไม่สำเร็จ แต่กะละแมไม่ยอมรับข้อเสนอของจักกาย วันหนึ่งชิณถูก ก๋อย (แจ็ค แฟนฉัน) ลูกน้องของ ดวง (นิธิชัย ยศอมร-สุนทร) ซึ่งเป็นลูกชายของ เสี่ยนุ้ย (เป็ด เชิญยิ้ม) เจ้ามือหวยรายใหญ่ประจำชุมชน ยกพวกรุมทำร้ายจนชิณบาดเจ็บ กะละแมเลยพา ชิณส่งโรงพยาบาล แต่ชิณเข้าใจผิดคิดว่ากะละแมเป็นคนพาพวกมาทำร้ายตน แต่ภาพวิดีโอวงจรปิดก็ทำให้กะละแมพ้นข้อกล่าวหา ฉายตะวันจึงสั่งให้ชิณขอโทษกะละแม ชิณยังคงเดินหน้าหาทางไล่ที่กะละแมและคนในชุมชนต่อไป โดยงัดไม้ตายจ่ายเงินให้โต้ด 3 ล้านบาทเพื่อให้โต๊ดและครอบครัวย้ายออกไป จักกายแอบมาหาโต๊ดและทุ่มเงินกลับถึง 4 ล้านบาท เพื่อให้ทุกคนกลับมาอยู่ในชุมชนอีกครั้ง กะละแมเริ่มสงสัยและคาดคั้นโต้ด จนเค้ารับสารภาพว่ารับเงินมาจากชิณและจักกาย กะละแมจึงเอาเงินทั้งหมดไปคืนชิณและจักกาย ชาวบ้านถูกหวยกันยกซอยอีกครั้งจากการทรงเจ้าใบ้หวยของกะละแม เสี่ยนุ้ยแค้นใจมาก สั่งลูกน้องไปพังบ้านกะละแม จักกายประกาศให้ความช่วยเหลือให้กะละแมและครอบครัวไปอาศัยที่บ้าน พอฉายตะวันรู้เรื่องก็ไปหากะละแมถึงบ้านจักกาย พร้อมทั้งเสนอให้กะละแมและครอบครัวมาอยู่บ้านตน และให้เปิดสำนักทรงในบ้านได้ โต๊ดดีใจรีบตกลงทันที ทำเอามิ้ว และกิมเอ็งถึงกับปรี๊ดแตก เมื่อชิณและกะละแมได้มาอยู่ใกล้ชิดกันต่างก็ทำเป็นไม่สนใจ แต่ลึก ๆ ก็หวั่นไหวและมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ ๆ กัน เสี่ยนุ้ยพยายามบังคับให้โต๊ดกลับมาเปิดสำนักร่างทรงและใบ้หวยหลอกให้ชาวบ้านโดนกิน แต่กะละแมไม่ยอมหลอกชาวบ้านอีกแล้ว ทำให้กะละแมและโต๊ดตัดขาดจากกัน โต๊ดบังคับตุ้งแช่เป็นร่างทรงแทน กะละแม โทฟู่ จักกายและชินจึงปลอมตัวเข้าไปดูด้วยความเป็นห่วง ในที่สุดกะละแม โทฟู่ จักกาย และติ่งก็ร่วมมือกันวางแผนที่จะเปิดโปงทุกอย่าง โดยจัดพิธีทรงเจ้าครั้งใหญ่ที่ในบ้านเสี่ยนุ้ย ทั้งหมดร่วมมือกับตำรวจเพื่อมาจับธุรกิจหวยเถื่อนของเสี่ยนุ้ย แต่กะละแมต้องแลกมาด้วยการถูกประนามหยามเหยียดจากชาวบ้าน ว่าเป็น 18 มงกฎ ในขณะที่ชิณยอมรับแล้วว่ารักกะละแม แต่ฉายตะวันรับไม่ได้และไม่ให้อภัย ชิณจึงจำใจขอพักการเป็นลูกกับ ฉายตะวันชั่วคราวและออกจากบ้านไปตัวเปล่าเพื่อพิสูจน์รักแท้ที่มีต่อผู้หญิงธรรมดาอย่างกะละแม เรื่องราวความรักของทั้งคู่ที่เกิดขึ้นท่ามกลางความวุ่นวายจะลงเอยอย่างไร? และฉายตะวันจะให้อภัยกะละแมหรือไม่? ติดตามได้ใน ละครเจ้าแม่จำเป็น