เลือดหงส์ (2544/2001) ที่ บ้านพักตากอากาศกาญจนบุรี นารี (อรัญญา นามวงศ์) สะใภ้หม้ายของตระกูล ไกรศุภวรรณ เจ้าของกิจการโรงแรมและรีสอร์ท ในอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย เกิดปวดท้องคลอดขึ้นมากะทันหัน หมอตำแยจากหมู่บ้านใกล้ ๆ มาทำคลอดให้ นารีคลอดลูกสาวแล้วหมดสติไป แก้ว (ณัฐินี สิทธิสมาน) สาวใช้ต้นห้องผูกขวัญเด็กด้วยสร้อยข้อเท้าที่ย่าอนงค์(วิไลวรรณ วัฒนพานิช) ย่าของเด็กฝากมาด้วย แต่เด็กก็ยังร้องให้ไม่หยุด หมอตำแยเพิ่งทำ คลอดหญิงสาวในหมู่บ้านเมื่อตอนกลางวัน จึงให้แก้วไปจ้างหญิงผู้นั้นมาให้นมเด็กชั่วคราว สาวชาวบ้านคนนั้นคือ สร้อย (จารุณี สุขสวัสดิ์) เธอไม่มีความสุขกับการมีลูกเลย เพราะสามีคนแรกที่เป็นพ่อของลูกเธอ เพิ่งเสียชีวิตไป ส่วนสามีใหม่ก็เป็นคนขี้เหล้าและทำร้ายเธอเป็นประจำ เธอไม่รู้ว่าจะเลี้ยงลูกให้รอดชีวิตได้หรือไม่ แต่สร้อยก็ยอมไปช่วยนารีเพราะเห็นแก่เด็ก ติดตามต่อได้ใน เลือดหงส์

ชายครับผมเป็นชาย (2544/2001) เป็นเรื่องราวของชายแท้ ที่ต้องยอมรับสมอ้างว่าเป็นเกย์ เพื่อความอยู่รอดของภัตตาคาร ห้อเจี๊ยะ มรดกชิ้นสุดท้ายของครอบครัว ที่อยู่ในสภาพใกล้เจ๊งเต็มที

หนี้รัก (2544/2001) เวลาโพล้เพล้ใกล้อาทิตย์จะลาโลก บ้านสวนเมืองนนท์เหมือนถูกสาปให้นิ่งสงัด…มีแต่เพียงลมหายใจคุณปู่ที่กำลัง จะจากไป ไหวโรยรินเพื่อสั่งลา“วุฒิ”(ไพโรจน์ สังวริบุตร) ลูกชายคนเดียวให้ดูแล ครอบครัวของเขาให้ดี พร้อมถามหา“นุช” หลานสาววัยเยาว์ให้มาหา… แต่ในขณะนั้น นุชกลับเล็ดลอดหนีทุกคนไปเล่นริมน้ำแล้วพลัดตกน้ำไป…คุณปู่สิ้นใจไปโดยไม่ ทันเห็นหน้านุช และบ้านสวนเมืองนนท์เกือบจะเกิดโศกนาฏกรรมเป็นครั้งที่สอง ถ้า “ลุงแสม(สีเทา) ลุงช่วย(ถนอม นวลอนันต์) ลุงมี(บังเละ)” สามเฒ่าข้าเก่าของ “คุณย่า” ช่วยนุชไว้ไม่ทัน.. ลุงแสม ลุงมี ลุงช่วย พานุชไปเก็บละมุดในสวน ทำให้นุชได้เจอกับ “รังสี” หรือพี่ “ตุ่ม” เด็กชายวัยสิบขวบ ลูกชายข้าหลวงที่แวะมาเที่ยว พี่ตุ่มล้อนุชด้วยความเอ็นดู แต่นุชกลับโกรธและรู้สึกไม่ถูกชะตากับพี่ตุ่มเลย นุชจึงเปิดฉากสงครามย่อย ๆ ด้วยลูกละมุดจนทั้งสองฝ่ายเลอะเทอะ จนกระทั่งนุชอายุถึงเกณฑ์ไปโรงเรียน นุชได้รู้จักกับ “อธิติ” (หนูอ้น) เพื่อนคนแรกในชีวิต เพราะนุชช่วยหนูอ้นให้พ้นจากการรังแกของ “แกละ” จอมเกเร หนูอ้นมักจะพูดชื่นชมพี่ชายต่างสายเลือดของตัวเองเสมอ ทำให้นุชพลอยชื่นชมไปด้วย แล้วความจริงก็ปรากฏในวันที่ หนูอ้นไม่สบายและพี่ตุ่มมารับ นุชแทบช็อคเมื่อรู้ว่าคู่แค้นในอดีตคือพี่ชายคนดีของหนูอ้น นุชยังผูกใจเจ็บพี่ตุ่มอยู่ จนวันที่ลุงมี จากไปด้วยโรคท้องร่วง พี่ตุ่มเป็นคนปลอบใจให้นุชรู้จักกับการพลัดพรากชั่วนิรันดร์นี้ จากนั้น พี่ตุ่มก็เหมือนแขกประจำบ้านสวนเมืองนนท์ และมิตรภาพของทั้งสองเจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นความผูกพันที่ยากจะลบเลือน การพลัดพรากที่ยิ่งใหญ่ของนุช เกิดขึ้น เมื่อแม่(เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) ของเธอจากไปอย่างไม่มีวันกลับ พ่อตัดสินใจให้นุชไปเรียนโรงเรียนประจำในกรุงเทพฯ นุชกลับเข้าใจว่าไม่มีใครรัก และแผลงฤทธิ์จนทุกคนอ่อนใจ จนพี่ตุ่มมาและบอกให้นุชเข้มแข็ง ทำตัวให้มีค่า เพื่อรอวันที่เขากลับมาจากการไปเรียนต่อเมืองนอก นุชให้สัญญาว่าจะไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ ตามที่พี่ตุ่มขอร้อง เวลา ผ่านไป 12 ปี นุช(คัทลียา แมคอินทอซ)กลายเป็นสาวสวย บัณฑิตใหม่จากคณะอักษรศาสตร์ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมานุชไม่เคยกลับไปที่บ้านสวนเลย เมื่อนุชกลับไปถึงบ้านสวน จึงได้รู้ว่า..ย่า(พิศมัย วิไลศักดิ์) กำลังป่วยหนัก แต่ห้ามไม่ให้ใครส่งข่าวเพราะกลัวนุชจะกังวล นุชต่อว่าทุกคน ท้ายที่สุดย่าก็สิ้นใจอยู่ในอ้อมแขนนุช นุชเสียใจมาก “จินตนา” (อำภา ภูษิต) ภรรยาใหม่ของพ่อพยายามปลอบโยนเอาใจนุชกลับมึนตึงใส่ แต่ความน่ารักน่าสงสารของ “กุ้ง” น้องชายต่างมารดาก็ทำให้ทิฐิของนุชลดลงไป

ตะวันตัดบูรพา (2544/2001) ตะวันฉาย (ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) และบูรพา (เจษฎาภรณ์ ผลดี) สองพี่น้องที่เติบโตในครอบครัวตำรวจ ซึ่งมีจ่าเวศ(จรัล มโนเพ็ชร) เป็นหัวหน้าครอบครัว พวกเขาทั้งสองแตกต่างกันทั้งอุปนิสัยและความคิด ขณะที่ตะวันฉายนั้นเถรตรงและยึดมั่นในกฎเกณฑ์ความถูกต้องเช่นเดียวกับบิดา แต่บูรพานั้นกลับช่างฝันทะเยอทะยานคล้ายผกาผู้เป็นแม่ ทุกอย่างดำเนินไป จนกระทั่งตะวันฉายเกิดไปรู้เห็นการทุจริตของผู้มีอิทธิพล และได้เป็นพยานชี้ตัวคนร้ายโดยไม่สนใจคำเตือนของบูรพา ทำให้พรรคพวกของผู้ต้องหาผูกใจเจ็บ หวนมาแก้แค้นตะวันฉายในวันเกิดของจ่าเวศ ความรุนแรงดังกล่าวเป็นผลให้จ่าเวศกลายเป็นคนพิการ ในขณะที่ผกานั้นจบชีวิตลง ติดตามต่อได้ใน ตะวันตัดบูรพา

ไฟน้ำค้าง (2544/2001) “พลับพลา”…เป็นผู้หญิงเรียบง่าย รักศักดิ์ศรีของตนเอง หล่อนทำทุกอย่างเพื่อน้องชายที่รัก แม้จะต้องแลกกับความสาวของตัวเอง …ความรักของเธอนั้นอยู่ในใจลึกๆ… “ภีม”…เศรษฐี และ นักธุรกิจหนุ่มที่สาวๆหมายปอง เขาไม่สนใจใครกลับสนใจผู้หญิงที่ทำร้ายเขา ผู้หญิงปากร้าย เขาจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้หล่อนรู้ว่า เขารักหล่อน เพื่อไม่ให้เสียศักดิ์ศรีของเขา เขาซึ่งมีผู้หญิงรุมล้อมมากมาย......

วิญญาณพิศวาส (2544/2001) วิญญาณสาวที่บำเพ็ญเพียร อยู่นานนับพันปีเพื่อเฝ้ารอชายคนที่รักที่จุติไปเมื่อพบก่อนซึ่งจากไปในตำแหน่งนักรบที่ยิ่งใหญ่ของ " พระเจ้าฟ้าลั่น " แต่ในชาตินี้ เขาคือ " ราเชน" นักธุรกิจหนุ่มที่ชอบเรื่องเร้นลับ และเขาได้รู้จักกับ " มณียา " นักจิตวิทยาที่กำลังคันหาความจริงกับรูปภาพใบหนึ่ง ที่เกิดการฆาตกรรมหมู่ใน ภูเอื่องฟ้า ในภาพนั้นมีเงาร่างๆของหญิงสาวที่ดูเหมือนเป็นดวงวิญญาณ จึงได้ขอราเชนช่วยพิสูจน์ และจากจุดนี้ ทำให้ราเชน และมณียาเดินเข้าสู่การรอคอยของ เอื่อง คำหยาด หรือเจ้านางเอื้องฟ้า ราชินีแห่งแคว้นนาคีโดยไม่รู้ตัวและชีวิตของเธอจะอยู่เป็นอมตะได้ก็ต่อเมื่อ มีผู้ชายมาสังเวยเพราะเธอเป็นวิญญาณพิศวาศที่มากรักความเร้นลับ ตื่นเต้น สนุกสนาน

แสนแสบ (2544/2001) จาก วรรณกรรมอมตะของไม้เมืองเดิม ซึ่งถือว่าเป็นวรรณกรรมที่เยี่ยมยอดที่สุดของวิถีชีวิตไทย โครงเรื่องมีรายละเอียดที่สนุกสนานชวนติดตาม ลึกซึ้งด้วยสำนวนโวหารอันไพเราะ "แสนแสบ" เป็นเรื่องราวของหนุ่มลูกทุ่งชนบทไทยแท้ ๆ ชื่อว่า แผลง (ดอม เหตระกูล) ครั้งก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งบูชาความรักที่มีต่อคนรักที่ชื่อว่าโปรย (นาเดีย นิมิตรวานิช) ไว้ยิ่งใหญ่ด้วยความมุ่งมั่นเหนือชีวิต

มรดกหกคะเมน (2544/2001) ทิน วัตร มหาเศรษฐี เจ้าของมรดกมหาศาล และยังเป็นเจ้าของสถานบำบัดทางจิตเวช ซึ่งมีอาณาเขตกว้างขวางอยู่กลางใจเมือง ในย่านที่ดินราคาแพงกว่าทองคำ แต่ ณ วันนี้ ทินวัตร กำลังป่วยเจียนอยู่เจียนไป ความปรารถนาสุดท้ายในชีวิตก็คืออยากเห็นล่ำซำ ลูกชายโทนคนเดียวเป็นฝั่งเป็นฝา จึงบังคับให้ล่ำซำแต่งงานกับ ไฉไล ไฉไลเอง ตอบตกลงก็เพราะเห็นแก่เงินและมรดกมหาศาลที่ ทินวัตรที่กำลังจะจากโลกนี้ไป ต้องทิ้งมรดกไว้ให้ตนและล่ำซำเป็นแน่ ติดตามต่อได้ใน "มรดกหกคะเมน"

มนต์รักส้มตำ (2544/2001) ณ ชนบทแถบอีสานของเมืองไทย ตำบล โคกสูงลิบ ชาวบ้านตื่นตัวกับนโยบายหมู่บ้านละล้านของนายก ต่างคิดโครงการไปเสนอกำนันที่เป็นประธาน โดยมีพวก อ.บ.ต.เป็นคณะกรรมการ แต่ทุกคนล้วนเป็นคนสนิทของกำนันเขี้ยว กำนันเขี้ยวฮั้วกับกรรมการโกงเงินชาวบ้านรวมทั้งครอบครัวลุงหม่ำและป้าข่วง ติดตามต่อได้ใน "มนต์รักส้มตำ"

เหยื่ออารมณ์ (2544/2001) นายเอิบ (วันชัย เผ่าวิบูลย์) อดีตทหารรับจ้างที่ถูกยิงจนขาพิการข้างหนึ่ง เมื่อเขากลับมาอยู่กับเมีย นางแวว (เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์) และเอื้อย (อลิศรา วงศ์ชาลี) จึงมีอาชีพเป็นช่างฝีมือประจำตำบล เอิบมีเพื่อนสมัยเรียนเป็นทหารชื่อ นายลือ (โกวิท วัฒนกุล) ลือตามมาอาศัยอยู่ด้วยพักหนึ่งและได้ลอบเป็นชู้กับแวว เมื่อเอิบจับได้เขาตัดสินใจยกเมียให้เพื่อน เพราะเอิบรู้ดีว่าเขาให้ความสุขแก่แววไม่ได้อีก ลือทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้ กินเหล้าและอาละวาดจนคนทั้งตำบลเอือมระอา ส่วนเอิบเลี้ยงลูกสาวด้วยหัวใจที่บอบช้ำ แต่ไม่เคยพูดอะไรให้ลูกสาวเสียใจ เอื้อย มีเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทชื่อ ถวัน (รัฐธรรม ศรีฤกษ์) ซึ่งเรียนอยู่กรุงเทพฯ ถวันเป็นเด็กวัดและกลับมาอยู่วัดทุกๆ ปิดเทอม นอกจากนั้นยังมี โก๊ะ (โก๊ะตี๋) ซึ่งเป็นรุ่นน้องเด็กวัดของถวันที่มักจะมาเที่ยวเล่นกับเอื้อยเป็นประจำ ถวันคอยรับส่งเอื้อยไปโรงเรียนทุกวัน และเอื้อยก็ชอบพูดถึงสุดทางรถไฟที่มีบ้านสีฟ้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้ มีพ่อ แม่ ลูกอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เอื้อย ไปหาแม่ที่บ้าน และเจอลือ ลือมองเอื้อยด้วยสายตาน่ากลัว เอื้อยกลับมาเล่าเรื่องนี้ให้พ่อฟัง เอิบห่วงลูกสาว จึงไปพูดกับลือทั้งสองมีปากเสียงกัน ลือสู้เอิบไม่ได้ลือแค้น ก่อนที่หมู่บ้านจะมีงานวัด เอิบสานปลาตะเพียนที่เอื้อยชอบ เอิบยิ้มอย่างมีความสุข เขาปีนเก้าอี้เพื่อแขวนปลาให้ลูกสาว โดยไม่เห็นว่ามีใครก้าวเข้ามา เมื่อเอื้อยกลับมาบ้านพบว่าพ่อนอนตายที่พื้น ลือให้แววเข้ามาครอบครองบ้านเอิบ และห้ามไม่ให้เอื้อยยุ่งเกี่ยวกับถวัน แววไม่กล้าขัดใจลือ เอื้อย แอบเจอกับถวันระหว่างกลับบ้าน เอื้อยเล่าให้ถวันฟังและร้องไห้ ถวันสงสาร และโอบเอื้อย เอื้อยอาย ถวันรักเอื้อยประสาเด็กหนุ่ม ทั้งสองสัญญากันว่าโตขึ้นจะแต่งงานกันและหนีไปจากลือ เอื้อยเดินกลับบ้านอย่างมีความสุข ลือเห็นรอยเปื้อนดินจากกระโปรง จึงตบเอื้อย แววเข้ามาห้ามก็โดนซ้ำ เอื้อยวิ่งเข้าห้องร้องไห้ ลือสั่งให้แววออกไปซื้อของมาให้ จากนั้นลือเข้าห้องข่มขืนเอื้อยอย่างทารุณ เอื้อยน้ำตาไหลพรากสายตาจ้องไปที่ปลาตะเพียนของพ่อด้วยความปวดร้าว แววไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น แต่เห็นว่าเอื้อยเงียบลง บางครั้งตกใจง่าย ที่โรงเรียนเอื้อยเหม่อลอยบางครั้งก็คุมอารมณ์โกรธไม่ได้ เอื้อยมีเพื่อนชื่อกินรีที่หลงรักถวัน และคอยแหย่เอื้อยเรื่องพ่อเลี้ยงหนุ่มกับลูกเลี้ยงสาว เอื้อยกรี๊ดลั่น วิ่งเข้าตบและถีบกินรีแบบที่ไม่มีใครฉุดอยู่ จนครูต้องเรียกเอื้อยมาตักเตือน ถวันเองก็แปลกใจที่เอื้อยพยายามหลบหน้า เอื้อยอยู่อย่างทรมาน เก็บกด รู้สึกผิดที่ต้องมีผัวคนเดียวกับแม่แต่ก็สู้แรงลือไม่ได้ ที่ร้ายกว่านั้น เอื้อยจะมีความสุขหลังจากที่ถูกพ่อเลี้ยงตบตี เอื้อยเครียดและเงียบขึ้นทุกวัน จนแววเริ่มผิดสังเกต เมื่อเห็นว่าเอื้อยมีอาการเหมือนคนแพ้ท้อง ลือจะพาเอื้อยไปหาหมอ ระหว่างทางลือฉุดเอื้อยเข้าป่าละเมาะข้างทางหมายจะข่มขืนเอื้อยอีก เอื้อยเคว้งไร้สติ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนร้องกรี๊ด เอื้อยหันไปเห็นว่าเป็นกินรีที่มองอย่างตกตะลึง จากนั้นเริ่มยิ้ม เอื้อยสับสนมองเห็นภาพคนหัวเราะ แม่ร้องไห้ ถวันมองอย่างดูถูก เอื้อยไม่รู้ตัวว่าตนทำอะไร รู้ตัวอีกครั้งตนเองก็คร่อมร่างที่ไร้วิญญาณของกินรี ลือตกใจกระชากมีดจากเอื้อย พอดีกับที่มีคนวิ่งมาเห็น ลือถูกจับติดคุก ส่วนเอื้อยเหมือนคนไร้สติ นั่งเงียบเหม่อลอย ชาวบ้านเริ่มสนุกปากกับการพูดว่า เอื้อยมีผัวคนเดียวกับแม่ แววทนไม่ไหวตัดสินใจขายบ้านพาเอื้อยไปอยู่กับลุงเย็น (นิเวศน์ กันไทยราษฎร์) วันที่แววพาเอื้อยหนี ถวันวิ่งตามรถไฟที่เอื้อยนั่งไปสุดทางแต่ตามไม่ทัน แววมาเปิดร้านขายข้าวแกง และไม่สนใจที่ใครถามถึงลูกสาวที่นั่งท้องโตไม่ยอมพูดกับใคร แววบอกว่าผัวเอื้อยตายไปแล้ว เมื่อเอื้อยคลอดลูก เอื้อยไม่เคยสนใจเด็กที่แววเรียก เจ้าแดงเลย เพราะการเห็นเด็กคือ การตอกย้ำสิ่งที่ลือเคยทำกับเอื้อย แววปรึกษาลุงเย็นอยากให้เอื้อยเข้ามาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ จึงพามาหา น้าสด (ดารณีนุช โพธิปิติ) ซึ่งเป็นคนดูแลหอพักที่จะให้เอื้อยอยู่ จากนั้นแววพาเอื้อยมาหา เริงใจ (ชนิกา สุจริตกุล) ซึ่งทำงานอยู่มูลนิธิเด็กและสตรี ซึ่งเคยเจอเอื้อยเมื่อไปทำงานต่างจังหวัด เริงใจสนใจเอื้อย ขณะที่เอื้อยก็ชอบเริงใจมาก เริงใจมีคนรักชื่อ ภวันต์(โอลิเวอร์ พูพาร์ท) หนุ่มหล่อนักเรียนนอก ที่ คุณนายพวงเพชร (พิลาวรรณ ณ นคร) ผู้เป็นแม่ และ เพ็ญวดี (พิมพ์ผกา เสียงสมบุญ) พี่สาวคนโตปลื้มมาก ทำให้ พวา (เอกชัย วริทธ์ชราพร) น้องชายหมั่นไส้ พวงเพชรและเพ็ญวดีอยากให้ภวันต์แต่งงานกับคนรวย เมื่อรู้ว่าภวันต์รักกับเริงใจซึ่งเป็นเด็กกำพร้ามาก่อน ซ้ำยังเป็นแม่ม่ายสามีหย่า ทั้งคู่มองว่าเริงใจไม่คู่ควร เริงใจตัดใจจากภวันต์เมื่อรู้ว่าครอบครัวนี้ไม่ต้อนรับตน ภวันต์กลับเข้าใจผิดคิดว่าเริงใจเปลี่ยนไปเพราะ พิธาร (ปีเตอร์หลุยส์ ไมออกซิ) ที่จีบเริงใจอยู่ เริงใจชวนเอื้อยมาอยู่ที่คอนโดและช่วยงานของเริงใจไปด้วย ภวันต์ไม่ชอบใจนัก มองว่าเอื้อยเป็นเด็กบ้านนอก ขณะที่เอื้อยมองภวันต์เป็นเทพบุตร เอื้อยมีความหวั่นไหวทางเพศ แต่เอื้อยต้องซ่อนไว้อย่างทรมาน พวงเพชรฝากงานให้ภวันต์ที่บริษัทแห่งหนึ่ง ทำให่ภวันต์ได้รู้จัก คำรณ (ภานุเดช วัฒนสุชาติ) คำรณมองว่าภวันต์เป็นเด็กฝากจึงไม่ค่อยชอบหน้าภวันต์มากนัก เริงใจฝากให้เอื้อยทำงานกับภวันต์ เริงใจแต่งตัวให้เอื้อยใหม่ จนภวันต์เริ่มมองเห็นความสวยผุดผาดของเอื้อย เริงใจมีเวลาให้ภวันต์น้อยลง หลายครั้งที่ภวันต์มารอเริงใจจนหลับ มีเอื้อยคอยปรนนิบัติเขาราวกับลูกแมวน้อย ภวันต์เริ่มมีใจเอนเอียง ภวันต์พาเอื้อยไปเที่ยวเพราะประชดที่เริงใจไม่มีเวลาให้เขาพาเอื้อยไปซื้อเสื้อผ้า ถวันเห็นเอื้อยนั่งรถมากับภวันต์ จึงดีใจวิ่งตามรถไปจนถึงโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ถวันเห็นเอื้อยเต้นรำกับภวันต์อย่างมีความสุข ถวันมองเห็นความต่ำต้อยของตนเอง เอื้อยมองเห็นถวันแต่ไม่กล้าทักเพราะเอื้อยไม่กล้ารับในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตน ทำให้ถวันเสียใจ แต่เขาก็เข้าใจเอื้อย และอยากให้เอื้อยมีความสุข เริงใจสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของภวันต์ คำรณพยายามจะเกี้ยวเอื้อย แต่มีภวันต์คอยขวางอยู่ คำรณยิ่งต้องการเอาชนะ เริงใจคุยกับภวันต์เรื่องเอื้อย เอื้อยแอบมาได้ยิน และรู้ว่าภวันต์ไม่กล้าพูดกับเริงใจว่ารู้สึกอย่างไรกับเธอ เอื้อยแอบร้องไห้ เริงใจคืนแหวนที่ภวันต์เคยให้ ภวันต์ไม่ยอมรับ เริงใจโกรธขว้างแหวนออกไป เอื้อยรีบวิ่งไปตามเก็บแหวน ขณะเดียวกับรถมอเตอร์ไชค์ขับมาอย่างเร็วชนเอื้อย ท่ามกลางความตกใจของเริงใจและ ภวันต์ ภวันต์สงสารเอื้อย เมื่อหายดีเอื้อยตัดสินใจย้ายออกจากคอนโด เพราะรู้สึกผิดที่กลายเป็นมือที่สามของคนที่เธอรัก จากนั้นเอื้อยก็ยอมไปไหนมาไหนกับคำรณมากขึ้น คำรณมองเอื้อยแบบแปลกใจ ในความเรียบร้อยของเอื้อย เพราะบางครั้งเอื้อยก็ยอมดื่มเหล้ากับเขา และยอมให้เขาคลอเคลีย สายตาของเธอบางครั้งก็วาววับ เอื้อยพบว่าตนเองมีความต้องการ ที่ติดมาจากการป้อนของพ่อเลี้ยง เอื้อยพยายามควบคุมตนเอง คำรณรู้ว่าตัวเองหลงรักเอื้อย และพร้อมจะแต่งงานกับเธอ แต่เขาก็กลับมาได้ยินเอื้อยพูดกับเริงใจ ว่าไม่ได้รักเขา คำรณทั้งแค้นใจทั้งเสียใจคำรณมอมเหล้าและปลุกปล้ำเอื้อย เอื้อยไม่ยอมเขาจึงรุนแรงกับเอื้อยมากขึ้น แต่ความรุนแรงของคำรณกลับปลุกวิญญาณเดิมของเอื้อยให้ลุกโพลง สีหน้าของเอื้อยเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เมื่อเอื้อยรู้สึกตัว เอื้อยอาละวาด คำรณตบเธออีกเพราะคิดว่าเธอต้องการ เอื้อยดิ้นรนไม่คิดชีวิต เอื้อยเอาขวดตีหัวคำรณ เอื้อยเดินร้องไห้ออกมาจากบ้านคำรณ พบภวันต์ที่เลี้ยวรถมาพอดี เอื้อยแทบช็อค เอื้อยกรีดร้องแล้วหมดสติ คำรณวิ่งออกมาภวันต์เข้าใจเหตุการณ์ทันที เขาพาเอื้อยส่งโรงพยาบาล ภวันต์เชื่อว่าคำรณข่มขืนเอื้อย และคิดว่าตนเองเป็นต้นเหตุให้เอื้อยต้องเป็นเช่นนี้ ภวันต์เอาเรื่องที่คำรณยักยอกเงินบริษัทมาเปิดเผย ทำให้คำรณถูกไล่ออกจากงาน คำรณแค้นภวันต์ และออกปากว่าเรื่องจะไม่จบเพียงเท่านี้ เมื่อออกจากโรงพยาบาลเอื้อยหนีไปหาแม่ พบถวันและโก๊ะ ถวันบอกว่าเอื้อยมีแฟนและสูงส่งนัก เอื้อยบอกว่าเธอไม่มีใคร และไม่ได้สูงส่งอย่างที่ถวันคิด ความสุขของถวันกลับมา เขาเริ่มพูดถึงบ้านสีฟ้าแต่เอื้อยเหม่อลอย แล้วความฝันของถวันเริ่มสลายเมื่อปรากฎร่างของภวันต์ เอื้อยโผเข้าหาภวันต์ ภวันต์มารับเอื้อยกลับกรุงเทพฯ เขาบอกว่ารักและจะแต่งงานกับเอื้อยโดยไม่สนใจความรู้สึกของแม่ ภวันต์พาเอื้อยมาอยู่ที่บ้าน แต่โดนแม่ผัวและพี่สาวกลั่นแกล้งเสมอ พวาน้องชายภวันต์ก็ชอบพูดจาแทะโลมเอื้อย เมื่อควบคุมตัวเองไม่ได้เอื้อยก็อาละวาดรุนแรง แต่เพราะความรักภวันต์ก็ให้อภัยเอื้อย ภวันต์ประกาศแต่งงานกับเอื้อย ในวันแต่งงานเป็นวันที่เอื้อยต้องย่อยยับ เอื้อยสวยหรูหรา แต่เมื่อเดินขึ้นเวที คำรณกลับออกมาประกาศว่าเขาเคยมีอะไรกับเอื้อย พร้อมทั้งโชว์ภาพจากวีดีโอขึ้นกลางจอในงาน แขกทุกคนต่างเห็นสีหน้าที่มีความสุขของเอื้อย จนไม่เชื่อว่าเอื้อยโดนข่มขืน เอื้อยวิ่งออกจากงาน เดินเลื่อนลอยไร้สติ ถวันออกหาเอื้อยและรับเอื้อยไปอยู่ด้วยเมื่อเจอ ถวันดูแลเอื้อยอย่างดี เพราะรู้ว่าเอื้อยท้อง เขาพร้อมที่จะดูแลคนที่ตนรัก ภวันต์เองก็เสียใจผิดหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อเขามองเริงใจเธอก็มี เควิน (นรินทร์ อภิชัยรักษ์) เพื่อนรุ่นน้องคอยดูแลเสียแล้ว แต่เพราะความรักที่เริงใจและภวันต์มีต่อกัน ทั้งคู่ก็ตกลงที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เอื้อยคลอดลูกโดยถวันคอยดูแล แต่ทั้งสองไม่เคยมีอะไรกัน แม้บางครั้งเอื้อยคิดจะตอบแทนความดีของถวันด้วยเรือนร่าง แต่ถวันกลับบอกว่าเขารักเอื้อย และอยากแต่งงานกับเอื้อยจริงๆ ลือแหกคุกเพื่อที่จะออกมาแก้แค้นเอื้อย เขาเริ่มจากฆ่าลุงเย็น แล้วตามหาเอื้อยจนเจอ และขู่ว่าจะฆ่าเจ้าแดงลูกของเอื้อยกับเขา ถ้าเอื้อยไม่หาเงินมาให้ ด้วยความกลัวและควบคุมตัวเองไม่ได้ เอื้อยฆ่าลือ เมื่อถวันกลับมาพบ ก็พบเอื้อยหมดสติ กลายเป็นคนที่จมกลับความคิดเลื่อนลอย ถวันมาหาเอื้อยที่โรงพยาบาล นำปลาตะเพียนมาแขวน ถวันพูดถึงบ้านสีฟ้าหลังน้อย สุดทางรถไฟ เขาบอกเอื้อยว่ามีคนรอเอื้อยอยู่ และคน ๆ นั้นคือเขา เมื่อถวันเดินจากไปเขาจึงไม่เห็นรอยยิ้มและหยาดน้ำตาบนใบหน้าของเอื้อย.

ทองประกายแสด (2544)

ทองประกายแสด (2544/2001) ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีสัดส่วน 33.5-24-35 ด้วยหัวใจใฝ่ถึงชื่อเสียง เงินตราและเกียรติยศ เธอเดินทางจากคราบไคลของสาวร้านขายของชำ สู่สิ่งที่เธอเชื่อว่า คือ สิ่งที่ดีกว่าในชีวิต ยังกรุงเทพ แดนศิวิไลซ์ “เธอ” อาจไม่ใช่คนสวยเลิศเลอ แต่”เธอ” ก็มีบางอย่าง “ ที่เป็นเสน่ห์ชวนให้ชายหลงไหล “ เธอ ไม่ใชแบบฉบับงดงามของกุลสตรีไทย ที่สวยเพียบพูนด้วยเสน่ห์ฉลาดและแสนดี “เธอ” ออกจะก้าวร้าว โมโหร้าย และปากจัด เสียด้วยซ้ำในบางครั้ง หากแต่เธอ “เธอ” ต่างฝากบทเรียนดุเด็ดถึงใจไม่ซ้ำกัน จากเด็กที่ถูกขอมาเลี้ยงตั้งแต่เกิด “เธอ” หวังเดินทางจากชีวิตที่ขาดๆหายๆ สู่ชีวิตที่รวมสำราญ

ลูกทาส (2544/2001) ในปี พ.ศ. 2428 เป็นเรื่องราวของ แก้ว ทาสในเรือนของพระยาไชยากร เขาพยายามต่อสู้ดิ้นรนเพื่อจะพ้นสภาพการเป็นทาส ในยุคแห่งกระบวนการเลิกทาสในสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ในราชวงศ์จักรีที่เริ่มมีการประกาศเลิกทาสและเกษียณอายุลุกทาสในแต่ละช่วงอายุ หากแต่นายเงินของแก้วนั้นไม่ยอมให้ความเป็นไทแก่บรรดาเหล่าทาสในครอบครอง แก้วจึงดิ้นรนและไข่วคว้าอิสรภาพที่เขาสมควรได้ ขณะเดียวกันก็ใฝ่หาความรู้ เพื่อการทำงานหลังจากเป็นไท เพื่อยกฐานะของตนเองขึ้นมาให้ทัดเทียมกับคุณน้ำทิพย์ หญิงสาวสูงศักดิ์ที่เป็นแรงใจให้เขามาตลอด

จักรแก้ว จักรเพชร 2544
นิลมณี 2544
พระรถเสน 2543