วิมานไฟ (2523/1980) ภุมเรศ ภมรชัย ชายหนุ่มหน้าตาดี มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ ทายาทของนายพงศ์ ภมรชัย เป็นศัตรูเก่าทางธุรกิจของนายสุวรรณ วรทิพย์ แต่นายพงศ์พ่ายแพ้ในการฟ้องร้องคดีจนทำให้ครอบครัวภมรชัยต้องล้มละลาย ถึงแม้เหตุการณ์นั้นนายพงศ์จะเป็นฝ่ายผิด แต่ก็ไม่สำนึกจึงพกความแค้นจากกรุงเทพฯ กลับไปอยู่สงขลา กลับเสี้ยมสอนลูกชายให้ผูกพยาบาทตระกูลวรวิทย์มาตั้งแต่เด็ก ๆ ส่วนแม่ของภุมเรศเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ และเมื่อข่าวการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของนายสุวรรณแพร่สะพัด นายพงศ์จึงสั่งภุมเรศให้ทำหน้าที่ลูกกตัญญู เป้าหมายคือเพื่อทำลายตระกูลวรวิทย์ และทวงความมั่งคั่งกลับคืนมา และแล้วบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ได้เปลี่ยนมือผู้บริหารหลังจากการเสียชีวิตของประธานบริหาร นายสุวรรณ วรทิพย์ ซึ่งมีลูกสาว 3 คน ได้แก่ทาทอง วรทิพย์ พี่สาวคนโตอายุเกือบ 30 ปี ที่มีนิสัยจริงจัง เอาการเอางานและเด็ดขาดเหมือนพ่อและเป็นประธานบริหารต่อจากพ่อ โดยมี โรยทอง วรทิพย์ บุตรสาวคนรอง เป็นมือขวาในการบริหาร ทั้งสองคนมีศูนย์รวมจิตใจอยู่ที่ รินทอง วรทิพย์ น้องสาวคนเล็กอายุเพิ่ง 20 ปี ที่เรียบร้อย อ่อนไหวและเป็นแม่บ้านแม่เรือน ความปรองดองของสามพี่น้องเป็นที่ชื่นชมและรับรู้กันดีในวงสังคม เขาได้เดินทางเข้ามากรุงเทพฯ เพื่อแก้แค้น ซึ่งภุมเรศปรากฏตัวในฐานะลูกชายของเพื่อนเก่าพ่อ ภุมเรศได้ก้าวเข้ามาสู่บ้านศัตรูของพ่อได้อย่างสะดวกง่ายดายเพราะการชักนำของนฤชา แรงพยาบาทของพ่อก็ตามที่สามพี่น้อง เกิดสนใจในอัธยาศัยและเสน่ห์ในตัวภุมเรศจนทำให้รับเขาเข้ามาทำงานในบริษัท ภายหลังงานศพเสร็จสิ้นไป และแล้วสามพี่น้อง ทาทอง, โรยทองและรินทอง ตกหลุมรักผู้ชายคนเดียวนั้นก็คือภุมเรศ โรยทองเป็นคนที่เฉลียวใจในสิ่งที่นายชม ทนายประจำตระกูลพูดมากที่สุด จากการที่เธอพบปะผู้คนมามากมาย ทำให้เธอนึกระแวงถึงเหตุผลในการมาของภุมเรศที่ดูจะรู้เท่าทันภุมเรศ แต่ก็ไม่กล้าจะแสดงออกเพราะใจหนึ่งก็ยังแอบชอบ ภุมเรศใช้ความรักทำให้ทาทองตาบอดสนิทอย่างง่ายดายจนทำให้ทาทองตกหลุมรักอย่างโงหัวไม่ขึ้น ทาทองยกให้ภุมเรศเป็นที่ปรึกษาของบริษัทมีโต๊ะทำงานอยู่ในห้องเดียวกัน เพื่อจะได้เห็นหน้ากันตลอดเวลา ให้เงินเดือนสูง ๆ ยังให้มาพักอยู่ในบ้านเดียวกัน ทาทองทุ่มเทให้ภุมเรศยอมพลีทุกอย่างแก่เขา เธอเป็นหามาประเคนให้เพราะคิดว่า ภุมเรศรักตน กระทั่งภุมเรศกอดกระซิบบอกว่ารักเท่านั้น ทาทองก็ถึงกับประกาศโพล่งในหมู่พี่น้องว่าจะแต่งงานกับภุมเรศโดยไม่สนใจเสียงคัดค้านของนายชม ทนายความเก่าแก่ที่รู้จักตระกูลภมรชัยเป็นอย่างดี ภุมเรศมักถือโอกาสเอาเวลาว่างที่ทาทองงานยุ่งและโรยทองไม่อยู่บ้านเพื่อที่ภุมเรศแวะเข้าไปหารินทอง เธอจึงเคลิบเคลิ้มและเชื่อภุมเรศสนิทใจ ทำให้เขากล่อมเสียจนรินทองหมดความเคารพนับถือพี่สาวและยอมเป็นเมียเขาอย่างเต็มใจอย่างเงียบ ๆ ก่อนที่ภุมเรศจะแต่งงานกับทาทองด้วยซ้ำ ต่อมาโรยทองแอบศึกษาพฤติกรรมของภุมเรศอย่างเงียบ ๆ ตลอดเวลา จนกระทั่งวันแต่งงาน ภุมเรศจึงไปสารภาพรักกับโรยทอง โรยทองจึงตบหน้าแล้วจากไปด้วยความเสียใจ ทาทองนั้นน้อยใจต่อภุมเรศมาก ภุมเรศเมาอย่างหนักยิ่งเพิ่มความแค้นให้ภุมเรศมากขึ้น หลังพิธีแต่งงานผ่านไป รินทองเกิดอาการแพ้ท้องขึ้นมา เธอจึงอ้างว่าพี่สาวแย่งผัวของตนจึงอ้างเอาทะเบียนสมรสเป็นพยาน จัดแจงพารินทองจะหนีออกจากบ้านก็พอดี ทาทองจึงโกธร จึงคว้าปืนมาไล่ยิงภุมเรศแต่ภุมเรศแย่งปืนไว้ทัน ทาทองเห็นมีดปลายแหลมจึงหยิบและวิ่งไล่แท่งรินทองเสียอย่างไม่นับ และหันกลับมาจะฆ่าภุมเรศตายตามบ้าง แต่เธอทำไม่ลงเธอจึงเอาแต่ร้องไห้แล้วก็หัวเราะและวิ่งออกนอกบ้านไปอย่างเป็นคนเสียสติ ตำรวจจึงมาถึงบ้านแล้วพร้อมเก็บศพของรินทอง ภุมเรศได้รู้สำนึกตัวเองว่าตัวเองได้สังหารคนไปแล้วถึงสามคน ทาทองเป็นคนบ้าเสียสติทันที รินทองเสียชีวิต และโรยทองเป็นโรคเบื่อผู้ชายไปตลอดชาติจะไม่แต่งงานชั่วชีวิต แต่กฎหมายไม่สามารถเอาผิดภุมเรศได้ ภุมเรศได้จากไปอยู่จังหวัดสงขลากับพ่อตนเองด้วยความเสียใจ เขาสำนึกต่อบาปที่ได้กระทำพี่น้องต่อตระกูลนี้ จึงคิดจะบวชล้างบาป แล้วจะไม่สึก

Placeholder

แก้วกลางดง (2523/1980) แก้วกลางดง เรื่องราวของ "เมียวดี" สาวน้อยแก่นแก้ว ไร้เดียงสา แต่รอบรู้ทุกอย่างที่ประกอบขึ้นเป็นป่า ความรู้ที่ไม่มีในตำรา ความรู้ที่ต้องรู้ด้วยตนเองเพื่อความอยู่รอด ธรรมชาติหล่อหลอมจิตใจของเธอให้ดีงามและมีแต่ความจริงใจ มนต์เสน่ห์แห่งป่ากับความลึกลับอับไร้ขอบเขต นำ "ทรงเผ่า" ให้มาผูกพันและก่อเกิดสัญญา สิ่งที่ดีงามประดุจแก้ว ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดจะส่องแสงทอประกายเสมอ วาววับเข้าจับหัวใจ...ดั่งเธอ เมียวดี แก้วกลางดง อันเป็นเเก้วกลางใจของใครคนนั้น ในกาลต่อมาและตลอดไป

Placeholder

ภูตพิศวาส (2523/1980) มารุต...ชายหนุ่มที่มีอนาคตไกลเป็นถึงทนายความมือหนึ่ง แต่แล้วก็มา พานพบกับความรักแท้กับ "ภูตสาว" ที่ตกอยู่ใต้อำนาจของปีศาจร้ายที่คอยคุม ให้เธอกระทำความผิดด้วยการ "ดูดเลือด" จากชายหนุ่มที่มาตกหลุมรักเสน่ห์สาว ของเธอ ทว่า สำหรับเขาแล้วได้ใช้ "สติ" และ "ความรักแท้" เป็นเครื่องนำพา เขาได้ผ่าน "ความตาย" ในครั้งนั้นได้สำเร็จ และได้รับรู้ว่า ภูตสาวตนนี้ คือ ภูตพิศวาส ของเขาแน่นอน ดาว...ผีดิบสาวที่มีความวาดหวังอยากจะเป็นคนอย่างสมบูรณ์ และเมื่อ "พบรัก" แล้วก็มีความรักอย่างมั่นคง แม้จะรู้ล่วงหน้าแล้วว่าเธอจะต้องพบ ความร้าวรอนที่หนักหน่วงหัวใจ แต่เธอก็พร้อมที่จะก้าวผ่านขวากหนามให้ผ่านพ้น ไปได้ โดยใช้ทั้งความรักและความจริงใจเป็นตัวพิสูจน์ ทั้ง มารุตและดาว ต่างผ่านอุปสรรคและพิสูจน์รักแท้ว่ามีความหมาย มีค่า มากกว่าราคาสิ่งใดๆ และรู้ว่าเขาและเธอต่อให้พรมแดนเขตแคว้นกว้างใหญ่ เพียงไหน จะกี่ภพหรือจะกี่ชาติถ้าใจทั้งสองต่างผูกใจกันก็จะไม่มีวันพรากจากกัน

ผู้ชนะสิบทิศ (2523/1980) มหาราชพม่าพระองค์หนึ่งมีพื้นตระกูลกำเนิดสามัญชน "จะเด็ด" เป็นลูกพระนมหลวง จึงพลอยได้สมาคมกับพระราชวงศ์นับแต่ร่วมน้ำนมกับมังตราราชบุตร และตะละแม่จันทรา ต่อมาเป็นดั่งดวงใจ จะเด็ด ฉากของเรื่องมีสามเมืองใหญ่ที่เหตุการณ์เกี่ยวเนื่องกันด้วยการเมือง การรบ ความแค้น และความรัก คือตองอู เมืองพม่าอันมีจะเด็ดเป็นหนึ่งในตองอู กับเมืองแปร และเมืองหงสาวดี อันเป็นเมืองมอญ ตองอูนั้นสร้างด้วยสามเกลอร่วมใจกัน คือ มังสินธุ ขุนพลผู้ออกบวช ภายหลังเป็นมหาเถรกุโสดออาจารย์ของจะเด็ด, ทะกะยอดิน ขุนพลผู้พอใจเป็นขุนวัง และเมงกะยินโย ขุนพลผู้เป็นกษัตริย์เมืองตองอู มีพระราชธิดาเกิดแต่พระอัครมเหสีนามว่า ตะละแม่จันทรา มีพระราชโอรสเกิดด้วยพระมหาเทวีเป็นรัชทายาทนามว่า มังตรา ส่วนจะเด็ดเป็นลูกคนปาดตาลที่แม่ชื่อ นางเลาชี ซึ่งมหาเถรกุโสดอถวายคำแนะนำกษัตริย์ตองอู รับเป็นพระนมของมังตราและจันทรา ฝ่ายเมืองแปร หญิงผู้เป็นแสนรักของจะเด็ดอีกคนเกิดที่นี่ นามตะละแม่กุสุมา พระธิดาพระเจ้าเมืองแปรหรือพระเจ้านรบดี พระเจ้าแปรเป็นพระอนุชาของผู้ครองหงสาวดีคือพระยาราม มีราชบุตรชื่อสอพินยา ซึ่งมีบริวารนามว่าไขลู ตัวละครนี้ยาขอบรักที่สุด เพราะจะสร้างพระเอกอย่างจะเด็ดสร้างได้ไม่ยากนัก แต่จะสร้างคนชั่วช้าแบบไขลูสร้างได้ยากยิ่ง ตัวละครในผู้ชนะสิบทิศมีมากและกินเวลายาว กระนั้นการที่คนอ่านไม่เพียงตราตรึงบทของตัวละครเอก แต่ยังแผ่ใจจดจำตัวประกอบรองๆ ไม่สับสนหลงลืม เพราะผู้ประพันธ์กำหนดบทบาทและบุคลิกภาพของตัวละครชัดเจน เป็นกระพี้ที่สำคัญต่อการประสมประสานเป็นองค์เอกภาพเดียวกัน จะเด็ดเจ้าชู้และเป็นชายชาตรีลูกคนธรรมดา เกือบจะพิมพ์เดียวกับขุนแผน ขณะที่ขุนแผนใช้เวทมนตร์และวิ่งหาความรัก ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตรักโดยเฉพาะชีวิตครอบครัว ส่วนบทบาทของขุนแผนในทางสังคมก็เพียงขุนนางชาวบ้านผู้จงรักภักดี แต่จะเด็ดหนุ่มรูปงามคารมดี มิได้ใช้เวทมนตร์ใด หากกิริยาวาจานั้นกำใจทั้งสาวๆ ในตัวละครและทั้งคนอ่าน แม้ผู้หญิงตามปกติไม่เห็นใจชายเจ้าชู้ ทว่าจะเด็ดดูว่าเป็นข้อยกเว้น เพราะด้วยความเคลิ้มอยากเป็นตะละแม่สักนางหนึ่ง เมื่อจะเด็ดอ้อนรำพัน "ข้าพเจ้ารักจันทราด้วยใจภักดิ์ แต่รักกุสุมาด้วยใจปอง" ซึ่งหัวใจจะเด็ดยังกว้างเหมือนมหาสมุทรที่ไม่เลือกเรือสำหรับหญิงอื่นๆ อีกด้วย ในความเป็นสามัญชนของจะเด็ดยังแตกต่างจากขุนแผน ที่เป็นเพียงข้าผู้ภักดีในฐานะขุนนาง ทว่าจะเด็ดไม่เพียงเด็ดดอกฟ้าโดยเป็นสวามีพระพี่นางของมังตรา หลังสิ้นมังตรายังขึ้นเป็นกษัตริย์ของคนทั้งแผ่นดิน

สี่แผ่นดิน (2523/1980) แผ่นดินที่ 1: รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พลอยเกิดในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บิดาของ พลอย ชื่อ พระยาพิพิธ ฯ มารดา ชื่อ แช่ม เป็นเอกภรรยาของพระยาพิพิธ ฯ แต่ไม่ใช่ฐานะคุณหญิง เพราะคุณหญิงท่าน ชื่อ เอื้อม เป็นคนอัมพวา ได้กลับไปอยู่บ้านเดิมของท่านเสียตั้งแต่ก่อนพลอยเกิด เหลืออยู่แต่บุตรของคุณหญิง 3 คน อยู่ในบ้าน คือ คุณอุ่น พี่สาวใหญ่ อายุ 19 ปี คุณชิดพี่ชายคนรอง อายุ 16ปี คุณเชย พี่สาวคนเล็กแต่แก่กว่าพลอย 2 ปี พลอยมีพี่ชายร่วมมารดาหนึ่งคน ชื่อ เพิ่ม อายุ 12 ปี และมีน้องสาวคนละมารดาซึ่งเกิดจากแวว ภรรยาคนรองจาก แม่แช่ม ชื่อ หวาน อายุ 8 ปี ในบรรดาพี่น้องร่วมบิดา พลอยจะคุ้นเคยกับคุณเชยเป็นพิเศษ เพราะอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ส่วนคุณอุ่นพี่สาวใหญ่นั้น พลอยเห็นว่าเป็นผู้ที่น่าเกรงขาม เพราะเธออยู่บนตึกร่วมกับเจ้าคุณพ่อ ซึ่งเจ้าคุณพ่อก็ไว้วางใจว่าเป็นลูกสาวใหญ่ จึงให้ถือกุญแจแต่ผู้เดียว และจัดการกับการจับจ่ายใช้สอยทุกอย่างภายในบ้าน ส่วนคุณชิดและพ่อเพิ่ม พลอยเกือบจะไม่รู้จักเสียเลยเพราะคุณชิดไม่ค่อยอยู่บ้าน และพ่อเพิ่มนั้นดูจะสวามิภักดิ์คุณชิดมากกว่าพี่น้องคนอื่น ซึ่งพ่อเพิ่มต้องแอบไปมาหาสู่มิให้แม่แช่มเห็นเพราะถ้าแม่แช่มรู้ทีไรเป็นเฆี่ยนทุกที ส่วนหวานน้องคนละแม่ยังเด็กเกินไปที่พลอยจะให้ความสนใจเจ้าคุณพ่อได้ปลูกเรือนหลังหนึ่งให้แม่แช่มกับลูก ๆ อยู่ใกล้กับตัวตึกในบริเวณบ้าน มีบ่าวซึ่งแม่แช่มช่วยมาไว้ใช้ทำงานบ้านต่าง ๆ ชื่อ นางพิศ ตั้งแต่พลอยจำความได้จนถึงอายุ 10 ขวบ พลอยมีความรู้สึกว่า แม่และคุณอุ่นมีเรื่องตึง ๆ กันอยู่เสมอ ซึ่งก่อนที่แม่พลอยจะออกจากบ้าน พลอยสังเกตเห็นว่ามีความตึงเครียดระหว่างแม่และคุณอุ่นมากกว่าปกติ จนกระทั่งคืนหนึ่งแม่ได้เข้ามาปลุกพลอยแล้วบอกว่าจะเอาพลอยไปถวายตัวกับเสด็จ ส่วนพ่อเพิ่มเจ้าคุณพ่อไม่ยอมให้เอาไป คืนนั้นแม่เก็บของอยู่กับนางพิศทั้งคืน พอรุ่งสางแม่ให้นางพิศขนของไปไว้ที่ศาลาท่าน้ำ และให้พลอยไปกราบลาเจ้าคุณพ่อ เมื่อพลอยลาเจ้าคุณพ่อเสร็จแล้วก็เดินมาที่ศาลาท่าน้ำ เพื่อลงเรือโดยมีพ่อเพิ่มนั่งร้องไห้อยู่ที่ศาลาท่าน้ำ พอเรือแล่นออกไป พลอยก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสิ่งต่าง ๆ ที่เห็น จนกระทั่งมาถึงที่ท่าพระ แม่แช่มก็พาพลอยขึ้นจากเรือแล้วเดินเลาะกำแพงวังไปสักครู่หนึ่งก็เลี้ยวเข้าประตูชั้นนอก พลอยนั้นตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น เพราะภายในบริเวณวังนั้นเต็มไปด้วยตึกใหญ่โตมหึมา ผู้คนยักเยียดเบียดเสียดกันตลอด แล้วเดินเลาะกำแพงวังไปจนของที่วางขายก็มีมากมาย พอมาถึงกำแพงสูงทึบอีกชั้นหนึ่ง จะมีประตูบานใหญ่เปิดกว้างอยู่ คนที่เดินเข้าออกประตูล้วนเป็นผู้หญิงทั้งสิ้น แม่แช่มเดินข้ามธรณีประตูเข้าไปข้างในแล้ว แต่พลอยเดินข้ามธรณีประตูด้วยความพะว้าพะวัง จึงทำให้เท้าที่ก้าวออกไปยืนอยู่บนธรณีประตู พลอยตกใจมากวิ่งร้องไห้ไปหาแม่แช่ม แม่แช่มจึงพาพลอยไปกราบที่ธรณีประตูเสียก็หมดเรื่องพลอยได้รู้มาทีหลังว่า หญิงที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูวังและดูแลความสงบเรียบร้อยในวังนั้น ชาววังทั่วไปเรียกกันว่า "โขลน" แม่แช่มพาพลอยเดินไปเรื่อย ๆ ผ่านที่ต่าง ๆ มากมาย ในที่สุดก็มาถึงตำหนักของเสด็จ แม่จะพาพลอยไปหาคุณสายก่อน ซึ่งเป็นข้าหลวงก้นตำหนักของเสด็จคุณสายเป็นข้าหลวงตั้งแต่เสด็จท่านยังทรงพระเยาว์ เสด็จจึงมอบให้คุณสายช่วยดูแลกิจการส่วนพระองค์ทุกอย่าง และดูแลว่ากล่าวข้าหลวงทุกคนในตำหนัก เมื่อพลอยได้พบกับคุณสายแล้ว พลอยก็รู้สึกว่าคุณสายเป็นคนใจดีมาก ไม่ถือตัวว่าเป็นคนโปรดของเสด็จ และยังคอยช่วยเหลือข้าหลวงตำหนักเดียวกันเสมอ คุณสายหาข้าวหาปลาให้แม่แช่มกับพลอยกิน แล้วคุณสายก็จัดการเย็บกระทงดอกไม้เพื่อให้พลอยนำไปถวายตัวกับเสด็จ เมื่อพลอยถวายตัวกับเสด็จเสร็จแล้ว คุณสายก็แนะนำให้พลอยรู้จักกับช้อย ซึ่งเป็นหลานของคุณสาย ช้อยอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับพลอย ช้อยเป็นลูกของพี่ชายของคุณสาย ชื่อ นพ มียศเป็นคุณหลวง แม่ของช้อย ชื่อ ชั้น ช้อยมีพี่ชายอยู่หนึ่งคน ชื่อ เนื่อง ช้อยนั้นเป็นเด็กที่ซุกซนและมีเพื่อนฝูงมาก พลอยจึงเข้ากับช้อยได้ดีทีเดียว พลอยอยู่ในวังได้หลายวันแล้ว ก็ได้รับความรู้ใหม่ ๆ ได้เห็นของใหม่ ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด คุณสายให้พลอยเรียนหนังสือพร้อมกับช้อย ชื่อ มูลบทบรรพกิจ และคุณสายก็ได้สอนทำสิ่งต่าง ๆ ให้เสมอ เช่น การเจี่ยนหมากจีบพลูยาว ใส่เชี่ยนหมากเสวยของเสด็จ ตลอดจนดูแลเครื่องทรงต่าง ๆ ตอนกลางคืน คุณสายให้พลอยไปถวายงานพัดเสด็จตามปกติตอนกลางวันเป็นเวลาว่าง นอกจากคุณสายจะมีอะไรมาให้ทำเป็นพิเศษหรืออารมณ์ไม่ดี ซึ่งตอนกลางวันเป็นเวลาที่พลอยจะได้ติดตามช้อยออกไปเที่ยวนอกตำหนักไปหาเพื่อนฝูงหรือวิ่งเล่น ช้อยช่วยทำให้พลอยคลายเหงาและช่วยชักนำสิ่งที่น่าสนใจต่าง ๆ มาให้พบเห็นหรือได้รู้จักอยู่เสมอ ในที่สุดวันที่พลอยเฝ้าคอยด้วยความประหวั่นใจก็มาถึง เมื่อแม่แช่มจะออกจากวังและได้ทูลลาเสด็จแล้ว พลอยเสียใจอย่างมาก แต่เสด็จก็ทรงเมตตาพลอย ฝากให้คุณสายช่วยดูแลพลอย นอกจากนี้ยังมีช้อยที่คอยอยู่เป็นเพื่อนพลอย ทำให้พลอยรู้สึกดีขึ้น ในวันหนึ่งช้อยได้ชวนพลอยออกไปหาพ่อและพี่ชายของช้อย ซึ่งจะมาเยี่ยมทุกวันพระกลางเดือน ทำให้พลอยรู้สึกรักและผูกพันกับครอบครัวของช้อยไปโดยไม่รู้ตัว วันหนึ่งแม่แช่มได้มาเยี่ยมพลอยถึงในวังพร้อมกับของฝากมากมาย แม่บอกว่าแม่กำลังทำการค้าขายอยู่ที่ฉะเชิงเทรากับญาติห่าง ๆ ชื่อ ฉิม และต่อมาพลอย ก็รู้มาว่า แม่แช่มได้แต่งงานกับพ่อฉิมแล้ว ซึ่งแม่ก็ได้ตั้งท้องแล้ว คุณสายได้พาพลอยไปหาเจ้าคุณพ่อ เพื่อคุยเรื่องงานโกนจุกของพลอยที่เสด็จทรงเมตตาโกนจุกประทานให้ ซึ่งเจ้าคุณพ่อก็ไม่ได้ขัดข้องงานโกนจุกนั้นจะจัดขึ้นที่บ้านของช้อย และทั้งพลอยและช้อยก็ได้โกนจุกพร้อมกัน เจ้าคุณพ่อของพลอยก็มาร่วมงานนี้ด้วย งานโกนจุกนั้นผ่านไปได้ด้วยดี เมื่อคุณสาย พลอย และช้อย เดินทางกลับจากบ้านช้อยมาถึงตำหนักของเสด็จ เสด็จก็มีรับสั่งให้คุณสายขึ้นไปเฝ้าบนตำหนักทันที เสด็จจึงบอกเรื่องที่แม่แช่มตายแล้วที่ฉะเชิงเทรา และมอบภาระให้คุณสายเป็นผู้บอกพลอยให้ทราบ ห้าปีให้หลังจากวันที่แม่แช่มตาย พลอยก็ยังอยู่ที่ตำหนักของเสด็จ พลอยอายุได้ 16 ปีเศษแล้ว นับว่าเป็นสาวเต็มตัว และถ้าใครเห็นก็ต้องชมว่า สวยเกินที่คาดไว้ ส่วนช้อยเมื่อเป็นสาวแล้วก็ไม่ได้ทำให้นิสัยของช้อยเปลี่ยนไปได้เลย ช้อยยังคงเป็นคนสนุกสนานร่าเริง และมีความคิดเป็นของตนเองอย่างแต่ก่อน ซึ่งทั้งพลอยและช้อยได้สละความเป็นเด็กย่างเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์ การที่พลอยสนิทสนมกับช้อย ทำให้พลอยนั้นสนิทกับครอบครัวของช้อยด้วย พี่เนื่องซึ่งเป็นพี่ชายของช้อยได้หลงรักพลอยเข้า จึงทำให้พี่เนื่องมักจะตามพ่อนพมาเยี่ยมช้อยกับพลอย เมื่อพี่เนื่องเรียนทหารจบ พี่เนื่องจึงเปิดเผยความรู้สึกที่มีกับพลอยทำให้พลอยเขินอายไม่กล้าที่จะเจอหน้าพี่เนื่องอีก พลอยหลบหน้าพี่เนื่องอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งพี่เนื่องถูกส่งตัวไปรับราชการที่นครสวรรค์ ทำให้พลอยยอมออกมาพบพี่เนื่องเพื่อร่ำลา พลอยจึงเตรียมผ้าแพรเพลาะที่พลอยเคยห่มนอนให้พี่เนื่อง ซึ่งพี่เนื่องได้ให้สัญญากับพลอยว่าจะกลับมาแต่งงานกับพลอย นอกจากครอบครัวของช้อยแล้ว ญาติของพลอยที่ยังติดต่อกับพลอยอยู่ก็คือพ่อเพิ่ม ซึ่งตอนนี้ได้รับราชการอยู่ที่กรมพระคลัง หอรัษฎากรพิพัฒน์ และคุณเชยซึ่งหลังจากที่พี่เนื่องไปนครสวรรค์ได้ไม่กี่วัน คุณเชยก็แวะมาเยี่ยมพลอยที่วัง ซึ่งขณะนั้นในพระบรมมหาราชวังก็จัดให้มีงานขึ้นที่สวนศิวาลัยพอดี ซึ่งงานนี้ได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพราะพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับจากประพาสยุโรป การจัดงานจึงเป็นไปตามแบบฝรั่ง พลอยจึงพาคุณเชยไปเที่ยวงานที่สวนศิวาลัย และในงานนี้เองทำให้พลอยได้พบกับ คุณเปรม ซึ่งคุณเปรมก็แอบมองพลอยตลอดเวลาจนทำให้พลอยรู้สึกไม่พอใจ หลังจากวันนั้นคุณเปรมก็ได้สืบเรื่องราวของพลอย จนรู้ว่าพลอยเป็นลูกสาวของพระยาพิพิธฯ มีพี่ชายก็คือ พ่อเพิ่ม คุณเปรมได้ทำความรู้จักกับพ่อเพิ่มจนกลายเป็นเพื่อนกัน ซึ่งพ่อเพิ่มพยายามจะแนะนำคุณเปรมให้กับพลอย แต่พลอยปฏิเสธและไม่สนใจ จนกระทั่งวันหนึ่ง พลอยได้รับข่าวของพี่เนื่องมาว่า พี่เนื่องกำลังจะแต่งงานกับสมบุญ ลูกสาวแม่ค้าขายข้าวแกง พลอยรู้สึกเสียใจมาก แต่ก็สามารถทำใจได้ คุณเปรมได้พ่อเพิ่มช่วยเป็นพ่อสื่อให้ แต่พลอยก็ยังไม่สนใจคุณเปรม คุณเปรมจึงเข้าหาทางผู้ใหญ่ โดยให้พ่อเพิ่มพาไปเที่ยวที่บ้าน จึงได้พบกับพระยาพิพิธฯเจ้าคุณพ่อของพลอย และได้พูดคุยกันอย่างถูกคอ หลังจากนั้นไม่นานคุณอานุ้ยซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ของคุณเปรมก็ได้มาทาบทามสู่ขอพลอยจากเจ้าคุณพ่อ ซึ่งท่านก็ไม่ได้ปฏิเสธคุณเปรม และนำเรื่องมาปรึกษากับคุณสายให้คุณสายไปทูลถามเสด็จ เสด็จก็ทรงอนุญาต แต่พลอยนั้นกลับปฏิเสธการแต่งงาน เพราะไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี พลอยจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษาช้อย ซึ่งช้อยนั้นอยากให้พลอยแต่งงานตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ เพราะช้อยเห็นว่าคุณเปรมนั้นรักพลอยจริง ๆ และอีกอย่างก็เพื่อให้พี่เนื่องรู้ว่า พลอยก็ไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอกด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ จึงทำให้พลอยตัดสินใจยอมแต่งงานกับคุณเปรมตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ เมื่อพลอยแต่งงานกับคุณเปรมแล้ว ก็ได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านคลองพ่อยมซึ่ง เป็นบ้านของคุณเปรม วันหนึ่งคุณเปรมพาพลอยไปพบกับตาอ้น ซึ่งเป็นลูกชายของคุณเปรมที่เกิดกับบ่าวในบ้านพลอยไม่ได้คิดโกรธคุณเปรมเลย และยังกลับนึกรักและเอ็นดูตาอ้น พลอยจึงขอคุณเปรมรับตาอ้นเป็นลูกของตน พลอยได้เลี้ยงดูตาอ้นเสมือนลูกของพลอยคนหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานพลอยก็ตั้งท้องตาอั้น ซึ่งเป็นผู้ชายและเป็นลูกคนแรกของพลอย แต่หลังจากพลอยคลอดตาอั้นได้ไม่นาน เจ้าคุณพ่อก็ตาย เมื่อสิ้นเจ้าคุณพ่อแล้ว คุณเชยก็ทนอยู่กับคุณอุ่นที่บ้านคลองบางหลวงไม่ได้ จึงตัดสินใจหนีตามหลวงโอสถไป ทำให้พลอยรู้สึกไม่สบายใจเลย เพราะเป็นห่วงคุณเชยเมื่อเสร็จงานศพของเจ้าคุณพ่อแล้ว พลอยจึงพาตาอั้นเข้าวังเพื่อไปถวายตัวต่อเสด็จ และขอประทานชื่อ เสด็จนั้นทรงตั้งชื่อให้ตาอั้นว่า ประพันธ์ พลอยจึงตั้งชื่อให้ตาอ้นว่า ประพนธ์ พอตาอั้นอายุได้ขวบกว่า ๆ พลอยก็ตั้งท้องลูกคนที่สอง แต่ช่วงที่พลอยตั้งท้องลูกคนที่สองอยู่นั้น พระเจ้าอยู่หัวก็ประชวรและเสด็จสวรรคตในเวลาต่อมา แผ่นดินที่ 2: รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ห้าปีต่อมา เมื่อตาอ้นอายุได้ 7 ขวบ ตาอั้นอายุได้ 5 ขวบ และตาอ๊อดลูกชายคนที่สองของพลอยอายุได้ 3 ขวบ พลอยก็คลอดลูกคนที่สาม เป็นผู้หญิงและตั้งชื่อว่า ประไพ ในช่วงนั้นก็มีเหตุการสำคัญคือสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ตัวพลอยเองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรมาก นอกจากที่ว่าเป็นเรื่อง “ฝรั่งรบกัน” ที่ทำให้ข้าวของแพง หลังจากนั้นวันหนึ่ง คุณอุ่นซึ่งไม่ได้ติดต่อกันตั้งแต่พ่อของพลอยเสียก็มีขอความช่วยเหลือ พลอยจึงรับปากช่วยเหลืออีกทั้งเสนอให้คุณอุ่นย้ายมาอยู่ด้วยกันทำให้คุณอุ่นซึ้งในน้ำใจและความไม่อาฆาตพยาบาทของพลอยมากจนถึงกับร้องไห้ สองปีต่อมาคุณเปรมก็ส่งอั้นและอ๊อดไปเรียนนอก ส่วนอ้นอยากเรียนทหารจึงไปเรียนโรงเรียนทหาร จากนั้นพลอยก็ได้แต่นั่งคอยที่จะรับจดหมายจากลูก ๆ ในช่วงรัชกาลใหม่นี้พลอยก็ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่าง คุณเปรมนั้นแต่งตัวพิธีพิถันกว่าที่เคยในรัชกาลก่อน และมาวันหนึ่งก็ได้มาบอกให้พลอยไว้ผมยาว เพราะในหลวงท่านโปรด และต่อมาก็บอกให้แม่พลอยนุ่งผ้าซิ่นแทนผ้าโจงกระเบน ทำให้พลอยไม่กล้าออกจากบ้านอยู่นาน จากนั้นไม่กี่ปี ตาอั้นก็เรียนจบ และกำลังจะกลับมาบ้าน ส่วนตาอ้นนั้นออกเป็นทหารต้องไปประจำหัวเมืองต่างจังหวัด แต่พลอยก็ต้องตกใจเมื่อตาอั้นกลับมาจริง ๆ พร้อมกันภรรยาแหม่มชื่อ ลูซิลล์ หลังจากนั้นในหลวงก็ประชวรอยู่ไม่นาน และเสด็จสวรรคตในที่สุด แผ่นดินที่ 3: รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังจากรัชกาลที่ 6 เสด็จสวรรคต คุณเปรมก็ล้มป่วยอยู่หลายวัน และความสนใจต่อสิ่งต่าง ๆ ความกระหายที่เป็นแรงผลักดันของชีวิตก็ลดน้อยลง จนพลอยต้องเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายชักชวนให้คุณเปรมสนใจสิ่งต่าง ๆ ผ่านไปไม่นาน ตาอ๊อดก็เรียนจบกลับมาเมืองไทย และไม่นานคุณเปรมก็ออกจากราชการ หลังจากนั้นก็เป็นคนหงุดหงิดง่าย สิ่งที่คุณเปรมพอจะสนใจอยู่อย่างเดียวก็คือการขี่ม้า และมาวันหนึ่งคุณเปรมก็ตกม้าและเสียชีวิตลง ตั้งแต่ที่ตาอั้นกลับมาก็มีความคิดอย่างหนึ่งที่ทำให้แม่พลอยตกใจ ซึ่งก็คือความคิดเกี่ยวกับบ้านเมืองของตาอั้น ซึ่งก็คือความคิดเสรีนิยมและเกี่ยวกับการปกครองแบบประชาธิปไตยที่ได้ไปเรียนรู้ตอนไปเรียนเมืองนอก ในช่วงนั้นผู้คนก็ต่างพูดกันเรื่องเกี่ยวกับคำทำนายที่ว่าพระมหากษัตริย์จะสิ้นพระราชอำนาจ หลังจากนั้นไม่นาน ประเทศไทยก็ได้เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย พอเปลี่ยนการปกครองได้สองเดือนเศษ ตาอ้นก็กลับมาเยี่ยมบ้าน และก็มีเรื่องให้พลอยกลุ้มใจ เพราะตาอ้นนั้นมีความเห็นตรงข้ามกับการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองอย่างรุนแรง และคิดว่าตาอั้นเป็นพวกกบฏ ไม่มีความจงรักภักดี จนถึงกับทำให้สองพี่น้องทะเลาะกันใหญ่โตและไม่คุยกัน จากนั้นไม่นาน ตาอ้นก็ไปรบร่วมกับฝ่ายที่ต่อต้านคณะราษฎร และถูกจับ เป็นนักโทษประหาร และรัชกาลที่ 7 ก็สละราชสมบัติ แผ่นดินที่ 4: รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ประไพหมั้นกับคุณเสวีซึ่งเป็นเพื่อนของตาอั้น และแต่งงานกัน หลังจากนั้นตาอ้นก็ถูกส่งตัวไปอยู่เกาะตะรุเตา ตาอ๊อดก็ถูกกดดันโดยพี่น้องทำให้ต้องออกไปทำงานรับราชการ แต่ก็ทำอยู่ได้ไม่นานแล้วก็ลาออก แล้วจึงตัดสินใจไปทำงานที่เหมืองกับเพื่อนที่ปักษ์ใต้ จากนั้นไม่นาน ก็เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง แต่พลอยก็ยังไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว จนกระทั่งวันหนึ่งที่ทหารญี่ปุ่นเริ่มเข้ามาในเมืองไทย เมืองไทยจึงเจรจาและตกลงเป็นฝ่ายญี่ปุ่น อยู่มาวันหนึ่ง รัฐบาลก็ได้ออกกฎให้ทุกคนใส่หมวกเวลาออกจากบ้าน และห้ามกินหมากพลู รวมทั้งให้เริ่มมีการกล่าวคำว่า “สวัสดี” เป็นคำทักทาย และใช้คำว่า “ฉัน ท่าน จ๊ะ จ๋า” เมื่อพูดกับคนอื่น โดยบอกว่าเป็นการมี “วัฒนธรรม” เพื่อให้ชาติเจริญ ต่อมาไม่นาน พลอยก็ได้รู้ว่าตาอั้นได้หย่ากับลูซิลส์แล้วและกำลังไปมีเมียแล้วชื่อสมใจ และมีลูกสองคนคือแอ๊ดและแอ๊วโดยที่ไม่กล้าบอกแม่พลอยเพราะกลัวแม่จะไม่ถูกใจ แม่พลอยจึงดีใจและรีบไปรับหลานและลูกสะใภ้มาอยู่ที่บ้าน แต่พอมาอยู่บ้านก็อยู่อย่างสงบได้เพียงไม่นานก็เริ่มมีเครื่องบินมาทิ้งระเบิด ทำใหบ้านของแม่พลอยต้องขุดหลุมหลบภัยและต้องคอยระวังตื่นมากลางดึกและไปหลบในหลุมเมื่อได้ยินเสียงเครื่องบิน จนมาครั้งหนึ่งที่พลอยหลบอยู่ในหลุมและรู้สึกถึงความสั้นสะเทือนรุนแรงมาก เมื่อพอพลอยออกมาจากหลุมแล้วก็ได้เห็นว่าบ้านของพลอยเองได้โดนระเบิดเข้าเสียแล้ว จากนั้นพลอยจึงต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านคลองบางหลวงซึ่งเป็นบ้านเกิด พอย้ายบ้านมาได้ไม่นานพลอยก็ได้ข่าวว่าตาอ๊อดเจ็บหนักด้วยโรคมาลาเรีย ตาอ้นที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัวจึงไปอยู่ดูแลตาอ๊อดและยังไม่ได้กลับบ้าน จากนั้นไม่นานตาอ้นก็กลับมาบ้านพร้อมกลับข่าวร้ายว่าตาอ๊อดได้ตายเสียแล้ว อ้นจึงตัดสินใจบวชให้แก่อ๊อด หลังจากนั้นพลอยก็เจ็บอยู่นานหลายเดือน จนกระทั่ง รัชกาลที่ 8 สวรรคตอย่างกะทันหัน เมื่อได้ทราบข่าวการสวรรคตพลอยก็สิ้นใจไปด้วย

จำเลยรัก (2523/1980) หฤษฎ์ รังสิมันตุ์ เสียใจมากกับการสูญเสียของ หริณ รังสิมันตุ์ ผู้เป็นน้องชาย เลยไปตามล่าคนผิดมาแก้แค้น แต่หฤษฎ์ไม่รู้เลยว่าจับมาผิดคน โศรยา ต้องยอมจำนนให้หฤษฎ์โขกสับต่างๆนานา และใช้งานเยี่ยงทาส และนายใบ้คู่หู ที่คอยดูไม่ให้โศรยาหนีไป วันหนึ่งหฤษฎ์ต้องออกไปทำงาน ทำให้หฤษฎ์ได้รู้จัก ศันสนีย์ ผู้ที่ทำร้ายน้องชายของเขานั่นเอง จากที่ศันสนีย์ยื่นบัตรประจำตัวประชาชนให้ดู จึงรู้ว่าตนเองจับตัวคนมาผิด ฝ่ายศันสนีย์ที่มีธวัชชัยเป็นแฟนอยู่แล้วก็เริ่มห่างเหินกับธวัชชัย เพราะ ชอบหฤษฎ์ หฤษฎ์กับเกาะไปก็ปลดปล่อยโศรยาและให้สร้อยไข่มุกแก่โศรยา ศันสนีย์เห็นก็ขอยืม โศรยาก็ให้ยืม หฤษฎ์เห็นศันสนีย์มีสร้อยที่ตนให้โศรยาข้อมือของศันสนีย์ ก็ถามศันสนีย์ว่าได้มายังไง ศันสนีย์บอกว่ายืมจากโศรยา หฤษฎ์ก็ขอซื้อต่อในราคา 100,000 บาท ศันสนีย์ก็ขายต่อโดยไม่ถามความเห็นจากโศรยาเลย พอศันสนีย์ขายสร้อยไข่มุกไปให้หฤษฎ์ก็มาบอกโศรยา โศรยาเสียใจที่ไม่มีสร้อยไข่มุกที่หฤษฎ์ให้ตนแล้ว ด้านหฤษฎ์ได้สร้อยไข่มุก หฤษฎ์ก็นำไปให้โศรยา หฤษฎ์แกล้งตีสนิทกับศันสนีย์จนศันสนีย์หวั่นไหว โศรยาเตือนให้ศันสนีย์อยู่ห่างหฤษฎ์ ศันสนีย์ก็ว่าโศรยาว่าโศรยาชอบหฤษฎ์ โศรยาปฏิเสธ วันหนึ่งหฤษฎ์มาสู่ขอโศรยากับศุกฤกษ์ พ่อของศันสนีย์กับสายสมร แม่ของศันสนีย์ ธวัชชัยนึกว่าหฤษฎ์หักหลังตน ก็ไปทำร้ายหฤษฎ์ หฤษฎ์บอกว่าตนรักโศรยาคนเดียว ด้านศันสนีย์นึกว่าหฤษฎ์มาสู่ขอตน ก็โทรไปเยาะเย้ยโศรยา แต่พอรู้ว่าไปสู่ขอโศรยา ศันสนีย์ก็โกรธมาก ส่วนโศรยาก็ใช้งานหฤษฎ์เยี่ยงทาสและอยู่กับโศรยาอย่างมีความสุข

กามนิต-วาสิฏฐี (2523)
Placeholder