Placeholder

แหวนทองเหลือง (2538/1995) กฤษฎา ดำรงค์พร กับญาติๆ เดินทางไปเที่ยวดอยติ โดยมีกำนันพ่อของ ดวงใจ คุ้มเกิด เป็นคนต้อนรับขับสู้ และแล้วความรักของกฤษฎากับดวงใจก็เกิดขึ้นที่ดอยติถึงขั้นได้เสียกัน โดยกฤษฎาสัญญาว่ จะไปขอดวงใจกับพ่อกำนัน แต่ว่าพอวันรุ่งขึ้นกฤษฎาก็ได้รับโทรเลขด่วนให้เดินทางกลับกรุงเทพฯ จึงไม่ได้พูดจากเรื่องแต่งงานกันกับพ่อกำนัน แต่กฤษฎาได้มอบล๊อตเก็ตต้นตระกูลให้ดวงใจไว้เป็นประกันความรัก ส่วนดวงใจนั้นก็มีเพียง แหวนทองเหลือง ไร้ราคามอบให้กฤษฎาสวมไว้ โดยกฤษฎาบอกว่า หากเห็นแหวนทองเหลืองที่นิ้ว ก็หมายว่าหัวใจเขามีดวงใจเพียงคน ต่อมาพ่อกำนันรู้เรื่องว่าดวงใจท้องกับกฤษฎาก็โกรธแต่ก็ไม่อาจจะไปสู้หน้าท่านเจ้าคุณ พ่อของกฤษฎาผู้มีพระคุณไม่จึงจับดวงใจขังไว้ในบ้านและจะให้แต่งงานกับผู้มีอันจะกินของหมู่บ้านแทน พอถึงวันแต่งงาน ดวงใจซึ่งถูกมัดล่ามโซ่ไว้ ก็เชือดส้นเท้าตัวเองรูดโซ่ออก กระโดดหน้าต่างหนีไปเพราะรักมั่นในกฤษฎาคนเดียวเท่านั้นระหว่างทางก็แลกชุดแต่งงานกับชุดของชาวบ้านที่กำลังท้องและเพราะไม่มีเงินติดตัวมาเลยก็เลยเดินทางตามทางรถไฟมุ่งหน้าจะไปหากฤษฎาคนรักที่กรุงเทพฯ ระหว่างเดินทางนั้น ดวงใจก็เป็นลมหมดสติ ก็มีนายแพทย์รถไฟเขต ที่นั่งรถโยกมาตรวจสุขภาพเจ้าพนักงานกรมรถไฟที่ชื่อ เมตตา มาพบเข้าและพาไปทำคลอด ออกลูกเป็นผู้หญิงและเมื่อรู้ว่า ดวงใจจะไปตามหากฤษฎาที่กรุงเทพฯ ก็เลยอาสาพาไปด้วย ดวงใจมาพักอาศัยกับนายแพทย์เมตตาซึ่งขณะนั้นกรุงเทพฯ ก็กำลังเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 พอดี ดวงใจตามหากฤษฎานานถึง 3 ปี แต่ก็ไม่พบตัว กระทั่งทราบจากคนรับใช้เก่าแก่ว่า พอกฤษฎากลับมาถึงกรุงเทพฯ ท่านเจ้าคุณพ่อก็สิ้นใจและทิ้งหนี้สินไว้มากมายจนถึงขั้นฟ้องล้มละลาย ส่วนกฤษฎาก็หายสาบสูญไป ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน เมื่อดวงใจรู้ความจริง ก็เสียใจและกลับไปบอกนายแพทย์เมตตา นายแพทย์ซึ่งแอบรักแอบสงสารดวงใจอยู่ก่อนแล้ว ก็เลยเอ่ยปาก ขอแต่งงานกับดวงใจเอง แต่ดวงใจก็ปฏิเสธเพราะรักยังมั่นในตัวกฤษฎาคนเดียวเช่นเดิมจึงพาลูกน้อยหลบหนีจากไปและไปเป็นขอทานหาเลี้ยงลูกน้อย กระทั่งแม่เล้ามาพบก็ชักชวนให้ไปเป็นหญิงโสเภณี แต่ดวงใจก็ไม่ยอม แม้เล้าจึงพวกมารุมข่มขืน ดวงใจเมื่อไม่อาจรักษาความบริสุทธิ์ไว้รอกฤษฎาคนเดียวได้ จึงจำยอมต้องเป็นหญิงโสเภณีโดยนำลูกสาวกลับไปฝากนายแพทย์เมตตาให้เลี้ยงดูแทน ต่อมาซ่องโสเภณีถูกเครื่องบินทิ้งระเบิดตายหมด คงเหลือแต่ดวงใจจึงถูกนายทหารญี่ปุ่นนำไปเลี้ยงดูเป็นเมียเช่า แต่เมื่อสงครามโลกสิ้นสุดลง นายทหารญี่ปุ่นก็ต้องเดินทางกลับและเกิดเรืออับปาง ทำให้ดวงใจไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้านจนต้องยกเฟอร์นิเจอร์ในบ้านใช้หนี้ทำให้ค้นพบว่าในห้องใต้ถุนมีทองคำจำนวนมากที่นายทหารญี่ปุ่นยักยอกเอาไว้ ดวงใจจึงกลายเป็นเศรษฐีนีใหม่และเปลี่ยนชื่อเป็น หทัยทิพย์ เกิดนพคุณ โดยได้อุปโลกน์หญิงรับใช้คือ เสาวรศ ที่กอดคอดูแลกันมาเป็นพี่สาวและเปิดบริษัทใหญ่โต ช่วงที่ดวงใจเป็นเศรษฐีนี้เอง สิ่งที่ดวงใจตามหามาตลอดชีวิตก็ปรากฏขึ้น ขณะที่เธอนั่งรถเก๋งคันโตมาทำงาน เผอิญรถไปเชี่ยวชนกับชายคนหนึ่งล้มลง เมื่อคนรถลงไปดู ชายคนนั้นก็รีบบอกว่าไม่เป็นอะไร แล้วจะหันไปขอโทษเจ้าของรถที่ตัวเองเดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ดวงใจถึงกับตะลึงเพราะชายคนคือ กฤษฎา คนที่เธอรักและตามหานั่นเอง เธออุทานเบาๆ คุณกฤษฎา สีหน้า แววตา ดูอิ่มเอิบเปี่ยมไปด้วยความสุขเมื่อมองไปเห็นแหวนทองเหลืองของเธอยังคงสวมอยู่ที่นิ้วมือของกฤษฎา แต่กฤษฎานั่นเล่ากลับจดจำเธอไม่ได้เลย เธอไปถึงที่ทำงาน ก็รีบไปบอกเรื่องนี้ให้เสาวรศฟัง และจะหาทางมาพบกฤษฎาให้ได้เพื่อถามหาความจริง กฤษฎาถูกเชิญให้มาทำงานที่บริษัทของดวงใจ และเมื่อมีโอกาสอยู่ตามลำพัง ดวงใจก็พยายามเลียบเคียงถามถึงเรื่องคนรักของกฤษฎา กฤษฎาก็เล่าบอกแบบไม่ปิดบัง เขาบอกว่าความจริงว่า เขาเคยมีภรรยาแล้วชื่อ ดวงใจ เป็นสาวงามแห่งดอยติ รักเรากันมาก แต่ที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันก็เพราะเขาไปเป็นเสรีไทยต่อต้านญี่ปุ่นแล้วถูกจับ กระทั่งพ้นโทษออกมา จึงไปตามหาดวงใจที่ดอยติ ก็ทราบความจริงจากพ่อกำนันว่า ดวงใจตายแล้ว เขาก็เลยเดินทางกลับกรุงเทพฯ แล้วมาถูกรถเชี่ยวชน

ขุนศึก (2538/1995) หนึ่ง... จากลูกช่าง ตีดาบสู่ขุนศึกพิทักษ์องค์มหาราชา หนึ่ง... นักรบอหังการผู้เกรียงไกรแห่งหน่วยทะลวงฟัน ... วันหมอกหนาพรางตา ของป่าเมืองแครงตกเข้าเดือน ๖ ปีวอก พุทธศักราช ๒๑๒๗ ก่อนวันประกาศอิสรภาพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระเจ้าบุเรงนองวางอุบายหมายลอบปลงพระชนม์ ซึ่งยังความโทมนัสให้แก่สมเด็จพระนเรศวรอย่างมากเมื่อจาตุรงคบาทนักรบประกบฝีเท้าช้างคนหนึ่งต้องพลีชีพเพื่อพระองค์ในกาลนี้ แผ่นดินกรุงศรีหลังประกาศอิสรภาพจึงพร้อมประจัญกับทัพหงสาวดีทุกเมื่อ เสมา ลูกชายช่างตีดาบ ซึ่งเดินทางกลับจากเรียนวิชาดาบกับอาจารย์ ขุนผู้หวังเพียงไถ่หนี้จำนองบ้าน โดยการตีดาบขาย แต่ด้วยหนทางที่เลี่ยงไม่ได้จึงต้องเข้าประลองแข่งขันในการหาจาตุรงคบาทคนใหม่ความที่มีฝีมือดาบอันโดดเด่น จนได้รับตำแหน่งครูฝึกทหารในเรือน ขุนราม แต่นั่นถือเป็นการหยามศักดิ์ศรีของ หมู่ขันหัว หมู่ทะลวงฟันนายทหารเอกของกรุงศรีผู้ถือในศักดิ์และฝีมือของตนซี่งทำหน้าที่ นี้มาก่อน แต่ติดที่ต้องไปประจำการที่ด่านหน้าจึงเหลือไว้เพียงความไม่พอใจในตัวลูก ช่างตีดาบคนนี้รอวันที่จะได้ตัดสินกันอย่างแท้จริง อีกทางหนึ่ง เรไรหญิง งามลูกสาวของขุนรามและคู่หมั้นหมายของ หมู่ขันซึ่งเป็นการหมั้นโดยบิดา มิได้เกิดจากการต้องการของ เรไรเลยกระทั่งได้พบชายหนุ่มผู้มีหัวใจนักรบอย่างเสมาเข้าด้วยเกียรติที่ถูก หยามจึงจับ จำเรียงน้องสาวของเสมา ไปขัดคอก ในคืนนั้นเอง เสมา และเพื่อน คือ สิน กับ สมบุญบุกเรือนหมู่ขัน เพื่อชิงตัวจำเรียง แต่ก็เพลี่ยงพล้ำต่ออุบายของหมู่ขันทำให้สมบุญถูกจับ เสมากับสินต้องหนีไปเข้ากองโจรของ ขุนรณฤทธิ์พิชัย พร้อมกับหมู่ขันที่ประกาศว่าเสมาเป็นกบฎ ขณะที่อยู่กับพวกกองโจรเสมา และกลุ่มกองโจรช่วยกันสกัดทัพหน้าของพม่าที่บุกเข้ามา ครั้งหนึ่งเสมาได้มีโอกาสได้เข้าช่วยพระเอกาทศรถใน การศึก และได้ลดโทษไปเป็นตะพุ่นเลี้ยงช้างที่ซึ่งเสมาได้เรียนรู้ถึงหัวใจของนักรบ จนกระทั่งได้ทราบข่าวการยกทัพมาครั้งใหญ่ของพม่าจึงรุดเข้าสนามรบและได้ ตัดสินใจเข้ารบเมื่อทนเห็นทหารไทยถูกเข่นฆ่าอีกไม่ได้ กระทั่งสามารถฆ่าแม่ทัพพม่าลงได้มีความดีความชอบกลับมาและได้เข้าประลองกับ หมู่ขันที่หน้าพระที่นั่งการประลองซึ่งเป็นการบรรจบกันของหนทางที่แตกต่าง แห่งนักรบทั้งสองซึ่งมีเพียงหนึ่งเดียวที่คู่ควรกับตำแหน่งจาตุรงคบาทนักรบ ประกบฝีเท้าช้างของสมเด็จพระนเรศวรในการศึกยุทธหัตถีครั้งประวัติศาสตร์ ระหว่างกษัตริย์สองแผ่นดิน

สายโลหิต 2538

เรื่องย่อ : สายโลหิต (2538/1995) ดาวเรืองเกิดและเติบโตในยุคกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เป็นหลานสาวที่คุณย่านิ่มรักและเอ็นดูที่สุดเพราะกำพร้าแม่ตั้งแต่แรกเกิด หลวงสุวรรณราชาผู้เป็นบิดาเป็นช่างทองหลวง จึงให้ดาวเรืองอยู่ในความดูแลของคุณย่านิ่มตั้งแต่นั้นมา ดาวเรืองมีพี่ชายอีกหนึ่งคนชื่อหลวงเสนาสุรภาค และพี่สาวอีกคนหนึ่งชื่อลำดวน พ.ศ. 2301 ดาวเรืองอายุได้ 10 ปี ลำดวนอายุ 20 ปี ตกลงปลงใจว่าจะแต่งงานกับหลวงเทพฤทธิ์อริศัตรูพ่าย ซึ่งเป็นพี่ชายร่วมสายโลหิตกับขุนไกร ตำแหน่งกองทะลวงฟัน เป็นบุตรชายของพระยาพิริยะแสนพลพ่ายกับคุณหญิงศรีนวล

ผู้ชนะสิบทิศ 2532

เรื่องย่อ : ผู้ชนะสิบทิศ (2532/1989) มหาราชพม่าพระองค์หนึ่งมีพื้นตระกูลกำเนิดสามัญชน "จะเด็ด" เป็นลูกพระนมหลวง จึงพลอยได้สมาคมกับพระราชวงศ์นับแต่ร่วมน้ำนมกับมังตราราชบุตร และตะละแม่จันทรา ต่อมาเป็นดั่งดวงใจ จะเด็ด ฉากของเรื่องมีสามเมืองใหญ่ที่เหตุการณ์เกี่ยวเนื่องกันด้วยการเมือง การรบ ความแค้น และความรัก คือตองอู เมืองพม่าอันมีจะเด็ดเป็นหนึ่งในตองอู กับเมืองแปร และเมืองหงสาวดี อันเป็นเมืองมอญ ตองอูนั้นสร้างด้วยสามเกลอร่วมใจกัน คือ มังสินธุ ขุนพลผู้ออกบวช ภายหลังเป็นมหาเถรกุโสดออาจารย์ของจะเด็ด, ทะกะยอดิน ขุนพลผู้พอใจเป็นขุนวัง และเมงกะยินโย ขุนพลผู้เป็นกษัตริย์เมืองตองอู มีพระราชธิดาเกิดแต่พระอัครมเหสีนามว่า ตะละแม่จันทรา มีพระราชโอรสเกิดด้วยพระมหาเทวีเป็นรัชทายาทนามว่า มังตรา ส่วนจะเด็ดเป็นลูกคนปาดตาลที่แม่ชื่อ นางเลาชี ซึ่งมหาเถรกุโสดอถวายคำแนะนำกษัตริย์ตองอู รับเป็นพระนมของมังตราและจันทรา ฝ่ายเมืองแปร หญิงผู้เป็นแสนรักของจะเด็ดอีกคนเกิดที่นี่ นามตะละแม่กุสุมา พระธิดาพระเจ้าเมืองแปรหรือพระเจ้านรบดี พระเจ้าแปรเป็นพระอนุชาของผู้ครองหงสาวดีคือพระยาราม มีราชบุตรชื่อสอพินยา ซึ่งมีบริวารนามว่าไขลู ตัวละครนี้ยาขอบรักที่สุด เพราะจะสร้างพระเอกอย่างจะเด็ดสร้างได้ไม่ยากนัก แต่จะสร้างคนชั่วช้าแบบไขลูสร้างได้ยากยิ่ง ตัวละครในผู้ชนะสิบทิศมีมากและกินเวลายาว กระนั้นการที่คนอ่านไม่เพียงตราตรึงบทของตัวละครเอก แต่ยังแผ่ใจจดจำตัวประกอบรองๆ ไม่สับสนหลงลืม เพราะผู้ประพันธ์กำหนดบทบาทและบุคลิกภาพของตัวละครชัดเจน เป็นกระพี้ที่สำคัญต่อการประสมประสานเป็นองค์เอกภาพเดียวกัน จะเด็ดเจ้าชู้และเป็นชายชาตรีลูกคนธรรมดา เกือบจะพิมพ์เดียวกับขุนแผน ขณะที่ขุนแผนใช้เวทมนตร์และวิ่งหาความรัก ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตรักโดยเฉพาะชีวิตครอบครัว ส่วนบทบาทของขุนแผนในทางสังคมก็เพียงขุนนางชาวบ้านผู้จงรักภักดี แต่จะเด็ดหนุ่มรูปงามคารมดี มิได้ใช้เวทมนตร์ใด หากกิริยาวาจานั้นกำใจทั้งสาวๆ ในตัวละครและทั้งคนอ่าน แม้ผู้หญิงตามปกติไม่เห็นใจชายเจ้าชู้ ทว่าจะเด็ดดูว่าเป็นข้อยกเว้น เพราะด้วยความเคลิ้มอยากเป็นตะละแม่สักนางหนึ่ง เมื่อจะเด็ดอ้อนรำพัน "ข้าพเจ้ารักจันทราด้วยใจภักดิ์ แต่รักกุสุมาด้วยใจปอง" ซึ่งหัวใจจะเด็ดยังกว้างเหมือนมหาสมุทรที่ไม่เลือกเรือสำหรับหญิงอื่นๆ อีกด้วย ในความเป็นสามัญชนของจะเด็ดยังแตกต่างจากขุนแผน ที่เป็นเพียงข้าผู้ภักดีในฐานะขุนนาง ทว่าจะเด็ดไม่เพียงเด็ดดอกฟ้าโดยเป็นสวามีพระพี่นางของมังตรา หลังสิ้นมังตรายังขึ้นเป็นกษัตริย์ของคนทั้งแผ่นดิน

สายโลหิต (2529)

เรื่องย่อ : สายโลหิต (2529/1986) สายโลหิต เริ่มเรื่องในช่วงเวลาก่อนเสียกรุงครั้งที่สองเล็กน้อย จับความตั้งแต่ ดาวเรือง ลูกสาว พระสุวรรณราชา่างทองหลวง อายุได้ 10 ปี ในวันแต่งงานของลำดวน พี่สาวกับหลวงเทพ บุตรพระยาพิริยะแสนพลพ่าย ขุนไกร น้องชายหลวงเทพ จับได้ว่า ดาวเรือง แอบถือเพลงยาวของหมื่นทิพ ลูกสาวพระพิชิต จะเอาไปให้แม่เยื้อน น้องสาวขุนไกร จึงได้รั้งตัวมาสอบสวนจนกระจ่าง และกำชับไม่ให้ประพฤติเช่นนั้นอีก โดยมีสัญญาพาเที่ยวชมพระนครเป็นข้อแลก ดาวเรืองเป็นเด็กหญิง แต่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาโดยบุคคลผู้ฉลาดเฉลียว มีความคิดกว่างคือ คุณย่านิ่ม มารดาพระสุวรรณราชา ซึ่งเป็นสตรีที่บริบูรณ์ด้วยยศและสติปัญญา ดาวเรืองจึงเก่งทั้งงานเรือนและฉลาด ช่างคิด อยากรู้อยากเห็น เมื่อได้สมาคมกับขุนไกร ก็กลายเป็นมิตรผู้น้อยที่ไปกันได้อย่างดี ขุนไกรเองก็เป็นคนรอบรู้ กล้าหาญ และมีน้ำใจ ขุนไกร เป็นอริกับหมื่นทิพ เนื่องจากไม่นิยมในนิสัยเจ้าชู้ มักมากในกามของหมื่นทิพ ครอบครัวหมื่นทิพ นับจากพ่อถึงลูกมีแต่เรื่องมากลูกมากเมีย บ้าตัญหาจนคนลือไปทั้งบาง ขุนไกรจึงกีดกันไม่ให้หมื่นทิพ มาเกี่ยวข้องกับน้องสาวตน แต่ตัวแม่เยื้อนเองกลับมีใจให้หมื่นทิพไม่น้อย เพราะหมื่นทิพปากหวาน ช่างกำนัลข้า่วของและตั้งใจทุ่มเทมากด้วยอยากจะเอาชนะขุนไกรให้ได้ หมื่นทิพให้นางปริกมารดาไปจัดการผ่านทางพระสนมเอก เพื่อไม่ให้ใครขัดได้ ประจวบเวลานั้น พม่ายกทัพมาตีหัวเมืองปักษ์ใต้ พระยาพิริยะ หลวงเทพ ขุนไกร ต้องไปทัพ มาดราของหมื่นทิพจึงจัดการสู่ขอโดยสะดวก ศึกพม่ายืดเยื้อและลามมาจนประชิดกรุง แต่แล้วก็เลิกทัพกลับเนื่องจาก พระเจ้าอลองพญา ต้องปืนแตกบาดเจ็บสาหัส การศึกครั้งนี้ยิ่งทำให้ ขุนไกร ชิงชังรังเกียจหมื่นทิพมากขึ้น เพราะได้รู้เห็นนิสัยสอพลอ ขี้ขลาด ข้าราชการผู้ใหญ่ในเวลานั้นแบ่งเป็นหลายฝักหลายฝ่าย หมื่นทิพก็เอาแต่วิ่งเต้นข้างโน้นข้างนี้หาความชอบ และถือโอกาสให้ร้ายทับถมว่าขุนไกรบ้าสงคราม ขุนไกรนั้นได้ประทับภาพอันโหดร้ายไว้ด้วยความขุ่นแค้น เพราะเมื่อออกศึกนั้นเป็นกองหน้า ได้เห็นทั้งบรรดาเหล่าทหารกล้าที่ถาโถมชีวิตเข้าแลกข้าศึกศัตรู กับทั้งได้เห็นความมดเท็จขลาดเขลา ของพวกแม่ทัพนายกองบางคนที่ละทิ้งหนีทัพ และกลับมาลอยหน้าได้ดีอยู่ตำตา และคนพวกนี้ก็ชักจูงให้ผู้คนพาักันลืมความทุกข์ยากเดือดร้อนของสงครามเสียอย่างรวดเร็ว มีเรื่องฉลองสนุกบันเทิงคึกคักดังเดิม ผู้ที่รักและเป็นห่้วงบ้านเมืองได้แต่เฝ้าดูเหตุการณ์ด้วยความห่วงใย ใครทัดทานขึ้นมาก็จะถูกป้ายสีได้ง่าย ขุนไกรจึงคับแค้นยิ่งนัก แล้วก็ถึงที่สุดแห่งความอดทน เมื่อคุณหญิงศรีนวล ผู้มารดารับขันหมากของหมื่นทิพ การแต่งงานจัดอย่างเอิกเกริก พระยาพิริยะสิ้นชีวิตเสียกลางศึก คนที่จะขัดขวางจึงไม่มี หมื่นทิพได้เหยียบย่ำเยาะเย้ยขุนไกรสมใจ ขุนไกรรู้อารมณ์ของตนดี จึงเมื่อสบช่องก็ลาไปรับราชการเสียที่หัวเมืองฝ่ายเหนือ ระหว่างเวลาที่ผ่านมา ความผูกพันระหว่างดาวเรืองกับขุนไกรได้เติบโตเหนียวแน่นยิ่งขึ้น ครั้งนี้พี่เลี้ยงคนสนิทของดาวเรืองได้ออกเรือนไปกับทหารคู่ใจของขุนไกร ติดตามไปเมืองเหนือด้วย ขุนไกรจากไปได้ 3 ปี เหตุการณ์ก็เป็นดังคำขุนไกร หมื่นทิพเที่ยวพล่าผลาญสาวแ่ก่แม่หม้ายทั้งในเรือนนอกบ้าน แม่เยื้อนทนทุกข์จนตรอมใจตาย ในวันรดน้ำศพ คุณหญิงศรีนวลก็สิ้นชีวิตตามไปอีก บรรดาญาติหวั่นกันว่าเมื่อขุนไกรกลับมา จะต้องถึงเลือดแน่นอน เวลาล่วงไปเกือบเดือน หมื่นทิพจึงมิได้เยี่ยมกรายไปในงานศพเลย ด้วยความกลัวสารพัด การตายของแม่และน้องยังความโศกเศร้าแค้นเคืองแก่ขุนไกรใหญ่หลวงนัก แต่ก็ได้ความอ่อนโยนจากดาวเรืองมาทดแทน ขุนไกรได้พบและรู้สึกกับตัวเองว่า เด็กหญิงเล็กๆ ที่วิ่งตามติดตนด้วยความห่วงใยนั้นได้เติบโตเป็นสาวรุ่นที่งดงามจับตา ความผูกพันดั้งเดิมของคนทั้งสองจึงงอกงามเป็นความรักความพอใจ คุณย่านิ่ม จับความรู้สึกของหนุ่มสาวได้ทันที แต่ด้วยความรักและความนิยมความดีของขุนไกร จึงเพียงดูแลปรุงแต่งความสัมพันธ์ให้งดงาม เรื่องนี้กลับยังความร้อนรุ่มแก่หมื่นทิพขึ้นมาอีก หมื่นทิพเห็นดาวเรืองเติบโตเป็นสาวสวยก็หลงใหล ยิ่งรู้แก่ใจว่าไม่มีหวังเพราะคดีแม่เยื้อนเป็นแผลฉกรรจน์นัก แต่ยังไม่วายเกาะแกะเกี้ยวพาตามโอกาสที่จะฉกฉวยได้ เวลานั้น พม่ายกทัพใหญ่มาอีก ขุนไกรต้องกลับไปราชการ แม้นหมื่นทิพก็จำต้องแสร้งอาสาศึกด้วย เพื่อจะได้ยศ ขุนทิพเทวา ไม่น้อยหน้าขุนไกร วันเคลื่อนทัพยังแอบไปก่อเหตุคว่ำเรือฉุดดาวเรือง จนบ่าวผู้หญิงจมน้ำตายไปคนหนึ่ง แต่ไ่ม่มีใครจับได้ คุณย่านิ่ม มีความเชี่ยวชาญทางโหราศาสตร์ลึกซึ้ง พอจะรู้ถึงความวิบัติที่กรายเข้ามาเป็นเงารางๆ และเหตุการณ์ก็เป็นดังคาด ทัพที่ถูกส่งไปยังพม่า ถูกตีถอยร่นมาเป็นรา่ยทาง คนกล้าอาสารบไม่ถอย หลวงเทพ พี่เขยดาวเรือง แม้ต้องอาวุธสาหัสก็ไม่ยอมกลับ แต่ขุนทิพแม้มิทันรบก็รีบให้มารดาวิ่งเต้นสับเปลี่ยนหน้าที่ จนได้มาอยู่กองรักษาประตูเมือง พม่ารุกหนักทั้งทางเหนือและทางใต้ ขุนไกรได้บรรดาศักดิ์เป็น หลวงไกร อาสาศึกอยู่ทางสุโขทัยและได้ส่งตัวนางเยื้อน เมียพันสิงห์ ทหารคนสนิทกลับคืนมาอยู่กับดาวเรือง พร้อมกับข่าวความอาลัยรัก ดาวเรืองเศร้าหมองไปด้วยความวิตกกังวล คุณย่านิ่มผู้รู้อนาคตก็วิตกปานกัน แต่ก็ได้ใช้สติและความแกร่ง เป็นหลักใจของคนทั้งบ้านที่กำลังตื่นกลัวสงคราม กรุงศรีอยุธยาคับขันหนัก หลวงไกร กลับมารับหน้าที่รักษากรุง พบกับขุนทิพ ความเรื่องฉุดดาวเรืองจึงแตก พระสุวรรณราชา จึงพลอยได้ยินด้วย หลวงไกร ร้อนใจจนไม่อาจรอต่อไปได้ และได้พูดจาสู่ขอ ดาวเรืองกับพระมหาสุวรรณราชา ขณะกำลังพายเรือกลับบ้านนั่นเอง การแต่งงานเป็นไปอย่างรวบรัด เพราะเหตุการณ์บ้านเมือง แต่ขุนทิพซึ่งริษยาหนักก็ยังทันได้จัดการยอกย้อนจน หลวงไกร ถูกหมายเกณฑ์ ไปเป็นกองหน้ารักษาเมืองธนบุรี กำหนดการเคลื่อนทัพก็ถูกยักย้ายมาตรงกับเวลาส่งตัวเข้าหอนั่นเอง เมื่อหลวงไกรไปทัพ คุณย่านิ่มได้ตามมาอยู่กับดาวเรืองที่เรือนหลวงไกร และได้สิ้นชีวิตลงที่นี่ ก่อนสิ้นลมยังได้สั่งให้ดาวเรืองเตรียมตัวเตรียมใจเผชิญกับชะตากรรมของบ้านเมืองที่ร้ายแรงยิ่ง ในงานศพ นางปริก มารดาของขุนทิพ ได้เอ่ยอ้างถึงถ้อยคำที่ลูกชายปลอบตนเรื่องทางหนีทีไล่ พระสุวรรณราชาจับความได้เลาๆ ก็สงสัยเมื่อตามสังเกตก็เห็นมอญแปลกติดต่อกับขุนทิพเป็นระยะๆ แล้วก็หายไป เมืองธนบุรีเสียทีแก่ข้าศึก ด้วยความแค้น หลวงไกรไม่ยอมกลับเข้ากรุง แต่ได้ไปสมทบกับพวกบ้านบางระจัน ข่าวชัยชนะของบ้านบางระจันแว่วเข้ามาถึงในกรุงพร้อมๆ กับข่าวความกล้าหาญของหลวงไกร ขุนทิพยิ่งทุรนทุรายดำเนินแผนชั่วยิ่งขึ้น เมื่อหลวงไกรละศึกเข้ามากับขบวนขอปืนใหญ่ ขุนทิพก็ชิงตัดทางกีดให้ หลวงไกรผู้เฝ้ากรุง ตนเองออกไปกับขบวนหล่อปืน แล้วปืนก็แตก บ้านบางระจันก็แตก แต่ไม่ก่อนที่ขุนทิพได้เลี่ยงปลีกตัวเข้ากรุงมาโดยปลอดภัย พิรุธของขุนทิพมากขึ้นทุกที ข้าศึกประชิดติดพันถึงขนาดยิงปืนถล่มเข้ามาทุกวัน พระสุวรรณราชาสิ้นชีวิตบนเชิงเทินป้อมมหาัชัยด้วยปืนข้าศึก ผู้คนหวาดหวั่นระส่ำระสาย ไอ้มิ่ง บ่าวสนิทของขุนทิพ ได้รู้เห็นทุกข์ของบ้านเมืองตำตาจึงได้สำนึก เห็นผิดถูกของขุนทิพ และได้อาศัยความใกล้ชิดนั้นเอง ในวันหนึ่งก็ได้รู้ความลับที่ขุนทิพ กับพวกร่วมกันขายชาติ และนำความมาบอกแก่หลวงไกร แต่ตัวการก็ชิงหนีกรรมไปด้วยคมพร้าของไอ้มิ่งพร้อมๆ กับตัวมันนั่นเอง เมื่อตัวสำคัญตายไปพร้อมพยาน ความที่จะบ่งตัวผู้ทรยศใหญ่ๆ และเวลาที่จะสืบค้นก็ไม่มีอีกต่อไป ไส้ศึกเปิิดประตูเมืองรับพม่า กรุงศรีอยุธยาแตก หลวงไกรพาดาวเรืองกับคนสนิทหนีมุ่งจะไปจันทบุรี หมายจะสมทบกับกองทหารของพระยากำแพงเพชร แต่ถูกจับในระหว่างทาง ถูกต้อนไปยังค่ายเชลยที่โพธิ์สามต้น หลวงไกรคิดหนีอยู่ทุกขณะจิต เมื่อสบโอกาสในวันหนึ่ง ก็พากันหนีสู่อิสรภาพ และได้รอนแรมมาจนพบไพร่พล พระยากำแพงเพชรหลวงไกร ถึงได้เข้าร่วมกอบกู้เอกราชสมความตั้งใจ เมื่อพระยาตากตั้งบ้านสร้างเมือง เสวยราชสมบัติเป็นพระเจ้าตากสิน หลวงไกรได้รับราชการเป็นพระยาไกรสีห์ราชภักดี และครองชีวิตกับแม่หญิงดาวเรืองอย่างเป็นสุข สืบลูกชายหญิงเป็นสายโลหิตถึง 5 คน ครั้งสุดท้ายก็ได้ร่วมรบด้วยพระยาจักรี ในการรับทัพพม่า ณ เมืองพิษณุโลกและสิ้นชีวิตอย่างมีเกีรยติสมชายชาติทหาร

แหวนทองเหลือง

เรื่องย่อ : แหวนทองเหลือง (2529/1986) กฤษฎา ดำรงค์พร กับญาติๆ เดินทางไปเที่ยวดอยติ โดยมีกำนันพ่อของ ดวงใจ คุ้มเกิด เป็นคนต้อนรับขับสู้ และแล้วความรักของกฤษฎากับดวงใจก็เกิดขึ้นที่ดอยติถึงขั้นได้เสียกัน โดยกฤษฎาสัญญาว่ จะไปขอดวงใจกับพ่อกำนัน แต่ว่าพอวันรุ่งขึ้นกฤษฎาก็ได้รับโทรเลขด่วนให้เดินทางกลับกรุงเทพฯ จึงไม่ได้พูดจากเรื่องแต่งงานกันกับพ่อกำนัน แต่กฤษฎาได้มอบล๊อตเก็ตต้นตระกูลให้ดวงใจไว้เป็นประกันความรัก ส่วนดวงใจนั้นก็มีเพียง แหวนทองเหลือง ไร้ราคามอบให้กฤษฎาสวมไว้ โดยกฤษฎาบอกว่า หากเห็นแหวนทองเหลืองที่นิ้ว ก็หมายว่าหัวใจเขามีดวงใจเพียงคน ต่อมาพ่อกำนันรู้เรื่องว่าดวงใจท้องกับกฤษฎาก็โกรธแต่ก็ไม่อาจจะไปสู้หน้าท่านเจ้าคุณ พ่อของกฤษฎาผู้มีพระคุณไม่จึงจับดวงใจขังไว้ในบ้านและจะให้แต่งงานกับผู้มีอันจะกินของหมู่บ้านแทน พอถึงวันแต่งงาน ดวงใจซึ่งถูกมัดล่ามโซ่ไว้ ก็เชือดส้นเท้าตัวเองรูดโซ่ออก กระโดดหน้าต่างหนีไปเพราะรักมั่นในกฤษฎาคนเดียวเท่านั้นระหว่างทางก็แลกชุดแต่งงานกับชุดของชาวบ้านที่กำลังท้องและเพราะไม่มีเงินติดตัวมาเลยก็เลยเดินทางตามทางรถไฟมุ่งหน้าจะไปหากฤษฎาคนรักที่กรุงเทพฯ ระหว่างเดินทางนั้น ดวงใจก็เป็นลมหมดสติ ก็มีนายแพทย์รถไฟเขต ที่นั่งรถโยกมาตรวจสุขภาพเจ้าพนักงานกรมรถไฟที่ชื่อ เมตตา มาพบเข้าและพาไปทำคลอด ออกลูกเป็นผู้หญิงและเมื่อรู้ว่า ดวงใจจะไปตามหากฤษฎาที่กรุงเทพฯ ก็เลยอาสาพาไปด้วย ดวงใจมาพักอาศัยกับนายแพทย์เมตตาซึ่งขณะนั้นกรุงเทพฯ ก็กำลังเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 พอดี ดวงใจตามหากฤษฎานานถึง 3 ปี แต่ก็ไม่พบตัว กระทั่งทราบจากคนรับใช้เก่าแก่ว่า พอกฤษฎากลับมาถึงกรุงเทพฯ ท่านเจ้าคุณพ่อก็สิ้นใจและทิ้งหนี้สินไว้มากมายจนถึงขั้นฟ้องล้มละลาย ส่วนกฤษฎาก็หายสาบสูญไป ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน เมื่อดวงใจรู้ความจริง ก็เสียใจและกลับไปบอกนายแพทย์เมตตา นายแพทย์ซึ่งแอบรักแอบสงสารดวงใจอยู่ก่อนแล้ว ก็เลยเอ่ยปาก ขอแต่งงานกับดวงใจเอง แต่ดวงใจก็ปฏิเสธเพราะรักยังมั่นในตัวกฤษฎาคนเดียวเช่นเดิมจึงพาลูกน้อยหลบหนีจากไปและไปเป็นขอทานหาเลี้ยงลูกน้อย กระทั่งแม่เล้ามาพบก็ชักชวนให้ไปเป็นหญิงโสเภณี แต่ดวงใจก็ไม่ยอม แม้เล้าจึงพวกมารุมข่มขืน ดวงใจเมื่อไม่อาจรักษาความบริสุทธิ์ไว้รอกฤษฎาคนเดียวได้ จึงจำยอมต้องเป็นหญิงโสเภณีโดยนำลูกสาวกลับไปฝากนายแพทย์เมตตาให้เลี้ยงดูแทน ต่อมาซ่องโสเภณีถูกเครื่องบินทิ้งระเบิดตายหมด คงเหลือแต่ดวงใจจึงถูกนายทหารญี่ปุ่นนำไปเลี้ยงดูเป็นเมียเช่า แต่เมื่อสงครามโลกสิ้นสุดลง นายทหารญี่ปุ่นก็ต้องเดินทางกลับและเกิดเรืออับปาง ทำให้ดวงใจไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้านจนต้องยกเฟอร์นิเจอร์ในบ้านใช้หนี้ทำให้ค้นพบว่าในห้องใต้ถุนมีทองคำจำนวนมากที่นายทหารญี่ปุ่นยักยอกเอาไว้ ดวงใจจึงกลายเป็นเศรษฐีนีใหม่และเปลี่ยนชื่อเป็น หทัยทิพย์ เกิดนพคุณ โดยได้อุปโลกน์หญิงรับใช้คือ เสาวรศ ที่กอดคอดูแลกันมาเป็นพี่สาวและเปิดบริษัทใหญ่โต ช่วงที่ดวงใจเป็นเศรษฐีนี้เอง สิ่งที่ดวงใจตามหามาตลอดชีวิตก็ปรากฏขึ้น ขณะที่เธอนั่งรถเก๋งคันโตมาทำงาน เผอิญรถไปเชี่ยวชนกับชายคนหนึ่งล้มลง เมื่อคนรถลงไปดู ชายคนนั้นก็รีบบอกว่าไม่เป็นอะไร แล้วจะหันไปขอโทษเจ้าของรถที่ตัวเองเดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ดวงใจถึงกับตะลึงเพราะชายคนคือ กฤษฎา คนที่เธอรักและตามหานั่นเอง เธออุทานเบาๆ คุณกฤษฎา สีหน้า แววตา ดูอิ่มเอิบเปี่ยมไปด้วยความสุขเมื่อมองไปเห็นแหวนทองเหลืองของเธอยังคงสวมอยู่ที่นิ้วมือของกฤษฎา แต่กฤษฎานั่นเล่ากลับจดจำเธอไม่ได้เลย เธอไปถึงที่ทำงาน ก็รีบไปบอกเรื่องนี้ให้เสาวรศฟัง และจะหาทางมาพบกฤษฎาให้ได้เพื่อถามหาความจริง กฤษฎาถูกเชิญให้มาทำงานที่บริษัทของดวงใจ และเมื่อมีโอกาสอยู่ตามลำพัง ดวงใจก็พยายามเลียบเคียงถามถึงเรื่องคนรักของกฤษฎา กฤษฎาก็เล่าบอกแบบไม่ปิดบัง เขาบอกว่าความจริงว่า เขาเคยมีภรรยาแล้วชื่อ ดวงใจ เป็นสาวงามแห่งดอยติ รักเรากันมาก แต่ที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันก็เพราะเขาไปเป็นเสรีไทยต่อต้านญี่ปุ่นแล้วถูกจับ กระทั่งพ้นโทษออกมา จึงไปตามหาดวงใจที่ดอยติ ก็ทราบความจริงจากพ่อกำนันว่า ดวงใจตายแล้ว เขาก็เลยเดินทางกลับกรุงเทพฯ แล้วมาถูกรถเชี่ยวชน

ทหารเสือพระเจ้าตาก 2527

เรื่องย่อ : ทหารเสือพระเจ้าตาก (2527/1984) ณ ตำบลท่าเสา เมืองตาก รำยง กับ พุมเรียงเป็นสาวใช้พระยาตาก วันหนึ่งขณะที่ทั้งสองคนกำลังว่ายน้ำอยู่ในลำธาร ทองอินทร์ ทหารของพระเจ้าตากเดินผ่านมาพยายามเกี้ยวพาราสี สองสาวเห็นท่าไม่ดีจึงตะโกนขอความช่วยเหลือ ทองดีกับบุญเกิด หนุ่มพเนจรเดินผ่านมาจึงเข้าช่วยเหลือ ทองอินทร์สู้ไม่ได้จึงหนีไป ทองดีกับบุญเกิดจึงได้รู้จักรำยงกับพุมเรียง เมื่อคุยถูกคอความรักจึงเกิดขึ้น หลังจากนั้นไม่นานพระยาตากจัดงานเฉลิมฉลองสมโภชเนื่องในงานพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาในพระบาทสมเด็จพระที่นั่งสุริยาบรินทร์ บริเวณจวนผู้ว่าราชการเมือง และโปรดให้มีการชกมวยต่อหน้าพระยาตาก ทองดีกับบุญเกิดยืนดูการชกมวยอยู่ก็เกิดคันไม้คันมือ ประกาศขอท้าครูมวยจนเกิดการแข่งขันขึ้นด้วยฝีมือเก่งกาจของทองดีทำให้สามารถล้มครูมวยได้ ทองอินทร์ปราดเข้ามาพร้อมหอกคู่มือ เดชะบุญ พระยาตากร้องห้ามไว้ทันเพราะพอใจในฝีมือของทองดี จึงให้เข้ารับราชการเป็นทหารยามอยู่ในวัง เมื่อได้เข้ามาอยู่ในวังทำให้ทองดีและรำยงใกล้ชิดกันมากขึ้น ทองอินทร์ซึ่งหมายปองรำยงอยู่ก็เกิดริษยา และหวิดจะมีเรื่องกับทองดีอยู่หลายครั้งจนพระยาตากคาดโทษทองอินทร์ ด้วยความแค้นในตัวพระเจ้าตาก ทองอินทร์ลอบเข้าไปในหอนอนหมายจะลอบปลงชีวิต ทองดีซุ่มดูเหตุการณ์ช่วยพระเจ้าตากไว้ได้ เป็นเหตุให้ทองอินทร์ถูกเนรเทศ ส่วนทองดีได้รับการแต่งตั้งให้เป็น หลวงพิชัยอาษา นายทหารคนสนิท และได้แต่งงานกับรำยง ในเวลานั้น กรุงศรีอยุธยากำลังถูกข้าศึกบุกประชิด พระยาตากได้รับคำสั่งให้นำกำลังไปช่วยรบ จึงได้พาหลวงพิชัยไปด้วย สถานการณ์ของกรุงศรีอยุธยากำลังเสียเปรียบ พระเจ้าตากจึงบัญชาให้หลวงพิชัยฝ่าวงล้อมไปรวมกำลังที่ระยอง จึงสามารถกู้กรุงศรีอยุธยาไว้ได้ วีรกรรมคราวนี้ทำให้หลวงพิชัยเลื่อนยศเป็นเจ้าพระยาว่าราชการเมืองพิชัย ต่อมาเมื่อพระเจ้าตากสินสวรรคต พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกขึ้นครองราชย์ ด้วยความกตัญญูเจ้าคุณพิชัยจึงยอมปลิดชีวิตตัวเอง ไม่ยอมเป็นบ่าวสองนาย

ผู้ชนะสิบทิศ (2523/1980) มหาราชพม่าพระองค์หนึ่งมีพื้นตระกูลกำเนิดสามัญชน "จะเด็ด" เป็นลูกพระนมหลวง จึงพลอยได้สมาคมกับพระราชวงศ์นับแต่ร่วมน้ำนมกับมังตราราชบุตร และตะละแม่จันทรา ต่อมาเป็นดั่งดวงใจ จะเด็ด ฉากของเรื่องมีสามเมืองใหญ่ที่เหตุการณ์เกี่ยวเนื่องกันด้วยการเมือง การรบ ความแค้น และความรัก คือตองอู เมืองพม่าอันมีจะเด็ดเป็นหนึ่งในตองอู กับเมืองแปร และเมืองหงสาวดี อันเป็นเมืองมอญ ตองอูนั้นสร้างด้วยสามเกลอร่วมใจกัน คือ มังสินธุ ขุนพลผู้ออกบวช ภายหลังเป็นมหาเถรกุโสดออาจารย์ของจะเด็ด, ทะกะยอดิน ขุนพลผู้พอใจเป็นขุนวัง และเมงกะยินโย ขุนพลผู้เป็นกษัตริย์เมืองตองอู มีพระราชธิดาเกิดแต่พระอัครมเหสีนามว่า ตะละแม่จันทรา มีพระราชโอรสเกิดด้วยพระมหาเทวีเป็นรัชทายาทนามว่า มังตรา ส่วนจะเด็ดเป็นลูกคนปาดตาลที่แม่ชื่อ นางเลาชี ซึ่งมหาเถรกุโสดอถวายคำแนะนำกษัตริย์ตองอู รับเป็นพระนมของมังตราและจันทรา ฝ่ายเมืองแปร หญิงผู้เป็นแสนรักของจะเด็ดอีกคนเกิดที่นี่ นามตะละแม่กุสุมา พระธิดาพระเจ้าเมืองแปรหรือพระเจ้านรบดี พระเจ้าแปรเป็นพระอนุชาของผู้ครองหงสาวดีคือพระยาราม มีราชบุตรชื่อสอพินยา ซึ่งมีบริวารนามว่าไขลู ตัวละครนี้ยาขอบรักที่สุด เพราะจะสร้างพระเอกอย่างจะเด็ดสร้างได้ไม่ยากนัก แต่จะสร้างคนชั่วช้าแบบไขลูสร้างได้ยากยิ่ง ตัวละครในผู้ชนะสิบทิศมีมากและกินเวลายาว กระนั้นการที่คนอ่านไม่เพียงตราตรึงบทของตัวละครเอก แต่ยังแผ่ใจจดจำตัวประกอบรองๆ ไม่สับสนหลงลืม เพราะผู้ประพันธ์กำหนดบทบาทและบุคลิกภาพของตัวละครชัดเจน เป็นกระพี้ที่สำคัญต่อการประสมประสานเป็นองค์เอกภาพเดียวกัน จะเด็ดเจ้าชู้และเป็นชายชาตรีลูกคนธรรมดา เกือบจะพิมพ์เดียวกับขุนแผน ขณะที่ขุนแผนใช้เวทมนตร์และวิ่งหาความรัก ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตรักโดยเฉพาะชีวิตครอบครัว ส่วนบทบาทของขุนแผนในทางสังคมก็เพียงขุนนางชาวบ้านผู้จงรักภักดี แต่จะเด็ดหนุ่มรูปงามคารมดี มิได้ใช้เวทมนตร์ใด หากกิริยาวาจานั้นกำใจทั้งสาวๆ ในตัวละครและทั้งคนอ่าน แม้ผู้หญิงตามปกติไม่เห็นใจชายเจ้าชู้ ทว่าจะเด็ดดูว่าเป็นข้อยกเว้น เพราะด้วยความเคลิ้มอยากเป็นตะละแม่สักนางหนึ่ง เมื่อจะเด็ดอ้อนรำพัน "ข้าพเจ้ารักจันทราด้วยใจภักดิ์ แต่รักกุสุมาด้วยใจปอง" ซึ่งหัวใจจะเด็ดยังกว้างเหมือนมหาสมุทรที่ไม่เลือกเรือสำหรับหญิงอื่นๆ อีกด้วย ในความเป็นสามัญชนของจะเด็ดยังแตกต่างจากขุนแผน ที่เป็นเพียงข้าผู้ภักดีในฐานะขุนนาง ทว่าจะเด็ดไม่เพียงเด็ดดอกฟ้าโดยเป็นสวามีพระพี่นางของมังตรา หลังสิ้นมังตรายังขึ้นเป็นกษัตริย์ของคนทั้งแผ่นดิน

บางระจัน

คู่กรรม (2521/1978) มีประโยชน์อะไรที่จะตั้งทิฐิเข้าหากัน ทิฐิมานะ ความใจแข็ง เป็นของดี ถ้าหากนำมาใช้ในทางที่ถูก แต่จะมีประโยชน์อะไรที่จะนำมาใช้กับคนที่เรารัก ชีวิตคนเรานั้นไม่ยืนยาวนักหรอก โดยเฉพาะเวลาสำหรับความรักมักผ่านไปเร็วเสมอ ผู้ผ่านเวลานั้นมาแล้ว ย่อมซึมซับในหัวใจ เวลา...ที่ไม่ว่าสิ่งแวดล้อมจะเป็นเช่นไร หัวใจจะยังอบอุ่นด้วยความหวัง แม้...ในยามที่เวลานั้นจะไม่ถอยกลับคืนมาอีก ผู้นั้นก็ยังมีความสุข ด้วยรำลึกถึงความสุขที่เคยผ่านมาแล้วเป็นเครื่องปลอบใจ จำไว้...ถ้าเราเข้าใจคนที่เรารัก ดวงไฟดวงนั้นจะอบอุ่นอยู่ในหัวใจเสมอ ชีวิตจะมีความหมายอะไร ถ้าในครั้งหนึ่งไม่เคยรู้จักความรักอันอ่อนโยน ไม่เคยสัมผัสแม้ความผูกพันอันดื่มด่ำ ที่จะยอมสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างได้หมด เพียงเพื่อคนที่เรารัก

คู่กรรม (2515/1972) อังศุมาลิน ชลาสินธุ์ นิสิตสาวคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกิดและเติบโตมาท่ามกลางความรักและความอบอุ่นของ แม่อร และยาย ที่บ้านริมคลองบางกอกน้อย พ่อของอังศุมาลินเป็นอดีตทหารเรือ ชื่อ หลวงชลาสินธุราช อังศุมาลินมีเพื่อนชายที่รู้ใจและสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก ชื่อ วนัส นิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเดียวกัน ที่ในใจลึก ๆ ของเขาแอบรักอังมากกว่าน้องสาว แต่เธอคิดว่ายังไม่พร้อมที่จะมีความรัก จนวนัสเดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษ อังศุมาลินกับครอบครัวมีโอกาสได้รู้จักสนิทสนมกับ หมอโยชิ หมอทหารชาวญี่ปุ่นผู้แสนใจดีและเป็นมิตร หมอโยชิเอ็นดูอังศุมาลินจนเสนอตัวสอนภาษาญี่ปุ่นให้เธอด้วยความเต็มใจ แล้วอังศุมาลินก็ได้พบกับ โกโบริ ขณะที่เธอว่ายน้ำไป แอบดูอู่เรือของทหารญี่ปุ่นที่มาตั้งรกรากอยู่ใกล้ ๆ สวนบ้านเธอ โกโบริเป็นนายช่างใหญ่ประจำอู่ เขากล่าวทักทายอังศุมาลินอย่างเป็นมิตร แต่อังศุมาลินไม่พูดด้วย เพราะอคติกับคนญี่ปุ่น โดยเฉพาะทหารโกโบริก็เริ่มแสดงไมตรีกับครอบครัวอังศุมาลิน โดยใช้ให้ทหารลูกน้องส่งข้าวของผลไม้สำหรับ คนป่วยมาให้ยายของอังศุมาลิน พาหมอมาดูอาการยาย จนทำให้ทั้งแม่กับยายเริ่มเอ็นดูและมองเห็นถึงน้ำใจไมตรีของโกโบริ และเรียกโกโบริว่า “พ่อดอกมะลิ” ขณะที่อังศุมาลิน ก็ยังอคติกับเขาอย่างเดิม สัญญาณระเบิดดังขึ้น ในคืนที่อังศุมาลินอยู่บ้านคนเดียว โกโบริซึ่งแวะมาหาพอดี เลยมีโอกาสได้ช่วยเหลือพาอังศุมาลินไปหลบภัยที่ท้ายสวน ทั้งคู่วิ่งฝ่ากระสุน โกโบริกอดอังศุมาลินวิ่งเอาตัวเป็นกำบังให้ และพาอังศุมาลินไปหลบในท้องร่องและกอดอังไว้แน่น ระเบิดก็ลงใกล้ ๆ จุดนั้น โกโบริยอมเสี่ยงชีวิตเจ็บตัวแทนอังศุมาลิน และก่อนที่เขาจะหมดสติไป โกโบริก็บอกรักอังศุมาลิน แม้ลึก ๆ แล้วเธอจะรัก แต่เพราะโกโบริเป็นชาวญี่ปุ่น เป็นศัตรูที่เข้ามากร้ำกรายบ้านเกิดเมืองนอนของเธอ อังศุมาลิน จึงปฏิเสธโกโบริอย่างไม่ใยดี โกโบริมาขอโทษอังศุมาลิน ที่เรื่องของเขากับเธอกลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต และมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ทุกอย่างบีบคั้น จนในที่สุด อังศุมาลิน ก็จำต้องจำยอมแต่งงานกับ โกโบริด้วยเหตุผลทางการเมือง ความสุภาพแสนดีของโกโบริ เริ่มทำให้อังศุมาลิน เริ่มมองเขาในแง่ดีมากขึ้นทีละนิด จนคืนหนึ่งขณะที่เธอมายืนนึกถึงสัญญาที่เคยให้ไว้กับวนัสที่ใต้ต้นลำพู โกโบริก็มาเจอ อังศุมาลินจึงสารภาพกับโกโบริว่าเธอมีคนที่เธอรออยู่แล้ว คือ วนัส โกโบริเสียใจแต่ไม่แสดงออก แต่อังศุมาลินกลับเป็นฝ่ายรู้สึกว่าตัวเองได้ทำร้ายจิตใจของโกโบริ เธอเห็นใจและสงสารโกโบริจับใจโกโบริมุงานหนัก นอนที่อู่เรือไม่ยอมกลับบ้าน พร้อมกับทำเรื่องขอย้ายไปประจำที่พม่า เพราะสถานการณ์ที่พม่ากำลังวุ่นวาย เขาไม่ต้องการได้ชื่อว่าเป็นทหารที่เลือกแต่งานสบาย แต่หมอโยชิรู้ดีว่าโกโบริมีเหตุผลมากกว่านั้น เพราะสังเกตเห็นว่าโกโบริกับอังศุมาลินมีปัญหาไม่เข้าใจกัน หมอโยชิจึงพยายามเข้ามาประสานความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่ก็ไม่เป็นผลแล้วคืนหนึ่ง วนัสก็แอบมาพบกับอังศุมาลิน วนัสเปิดเผยว่าตนเป็นเสรีไทย วนัสรู้เรื่องอังศุมาลินดีทุกอย่าง เขารู้ดีว่าอังศุมาลิน กำลังสับสนใจระหว่างโกโบริกับเขา จึงให้อิสระอังศุมาลิน ได้เลือกคนที่เธอรัก พร้อมกับฝากให้อังศุมาลินบอกโกโบริด้วยว่า อย่าไปสถานีรถไฟบางกอกน้อยตอน มีระเบิดลง อังศุมาลินซึ้งใจกับความเป็นสุภาพบุรุษของวนัส เมื่อระเบิดลงชุดใหญ่ทำให้อังศุมาลินกลัวว่าโกโบริจะเป็นอันตราย จึงรีบตามไปบางกอกน้อยโดยไม่สนคำทัดทานของใครเมื่อไปถึงปรากฏว่าสถานีรถไฟ บางกอกน้อยโดนถล่ม ทหารนอนตาย บาดเจ็บมากมาย อังศุมาลินเจอหมอโยชิ ซึ่งก็กำลังตามหาโกโบริอยู่เหมือนกัน อังศุมาลินขอพรลูกในท้องให้ช่วยคุ้มครองโกโบริ อังศุมาลินเดินตามหาโกโบริอย่างรุ่มร้อนใจ จนในที่สุดอังศุมาลินก็พบโกโบรินอนบาดเจ็บ อาการสาหัส อังศุมาลิน ไม่ยอมให้โกโบริจากเธอไป แต่โกโบริรู้ตัวดีว่าเขาคงไม่รอด จึงฝากให้อังศุมาลินช่วยดูแลลูกแทนเขาด้วย อังศุมาลินบอกรักโกโบริก่อนที่เขาจะสิ้นลมบนตักอังศุมาลิน นั่นเอง จบที่งานศพของ โกโบริ ทุกคนร่ำไห้เสียใจ อังศุมาลินให้สัญญาต่อหน้าศพโกโบริว่า เธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อลูก และจะดูแลลูกให้ดีที่สุดเพื่อ โกโบริ ชายที่เธอรักสุดหัวใจ

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 11 รายการ