ล่า 2560

ล่า (2560/2017) มธุสร ถูก เกรียงไกร สามีอารมณ์รุนแรงและเจ้าชู้ ขู่กรรโชกเพื่อเอาเงินของ มธุกร หรือ ผึ้ง ลูกสาวเพียงคนเดียวไปเล่นการพนันและบำเรอเมียใหม่ หลังมธุสรจับได้ว่าสามีติดการพนันและติดหญิงคนใหม่ เธอจึงเดินหน้าฟ้องหย่าเพื่อป้องกันไม่ให้สามีเข้ามามีส่วนแบ่งในทรัพย์สินของเธอและตัวลูกสาว แต่เพราะเกรียงไกรเป็นคนมีหน้ามีตา และเกรียงไกรไม่ยอมเสียหน้าจากเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้ เขาจึงขอให้มธุสรยกทรัพย์สินทั้งหมดให้เป็นของตนเพื่อแลกกับชีวิตของผึ้ง มธุรสรไม่มีทางเลือกจึงตัดสินใจยอมถอนฟ้องและหย่าแต่เพียงโดยดี หลังจากที่หย่ามธุสรและลูกก็เริ่มมีชีวิตลำบาก เยาวลักษณ์ เพื่อนเพียงคนเดียวของเธอจึงรับมธุสรและผึ้งไปอยู่ด้วย แต่เพราะมธุสรไม่ต้องการพึ่งพาใครไปมากกว่านี้ เธอจึงเดินหน้าหาเช่าคอนโดใกล้ ๆ โรงเรียนของผึ้งอยู่ และได้คอนโดใหม่ที่อยู่ในชุมชนร่วมอาสา หลังได้คอนโด มธุสรจึงหางานทำใหม่เป็นรองผู้จัดการฝ่ายบัญชี โดยมี กุลชาติ เจ้าของโรงแรมคอยยื่นมือเข้ามาช่วย เนื่องจากลูกสาวเขาเป็นเพื่อนผึ้ง และเขาก็สนใจในตัวเธอที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว (Single Mom) ในฐานะพ่อเลี้ยงเดี่ยว (Single Dad) ด้วยเช่นกัน วันหนึ่งมธุสรและผึ้งได้ไปพัวพันกับแก๊งนักเลงในย่านสลัมของ แป๊ว เพราะแป๊วคิดว่ามธุสรเป็นสายให้ตำรวจตั้งแต่ย้ายเข้ามา มธุสรพยายามเลี่ยงการปะทะกับแป๊วเพราะไม่อยากให้ผึ้งเข้ามายุ่ง แต่วันหนึ่งสายตำรวจวานให้เธอส่งข้อความลับให้ สารวัตรภาธร ว่าจะมีการส่งยาเสพติดกันและวันนั้นผึ้งติดร่างแหเข้าไปด้วย เพราะแป๊วยัดยาเสพติดล็อตใหญ่มูลค่ากว่า 16 ล้านบาทให้ผึ้ง แต่แป๊วกลับไม่คิดว่ามธุสรและผึ้งจะนำยาล็อตนั้นไปส่งให้ตำรวจ เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้นายใหญ่ตัดหางปล่อยวัด และตำรวจยังออกตามล่าแป๊วและพวกลูกน้องในกลุ่มอีก 6 คนนั่นคือ ย้ง ชัย แมน เต๋า จั๊ว และ บิ๊ก จนไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างปกติสุข แป๊วและพวกโกรธแค้นมธุสรและผึ้งอย่างหนัก จึงวางแผนดักฉุดแม่ลูกไปข่มขืนและนำน้ำมันท่อรถกรอกปากกันจนถึงเช้า หลังจากเหตุการณ์นั้น แพทย์ต้องผ่าตัดเอาอวัยวะภายในของผึ้งออกเพื่อยื้อชีวิต และซ้ำร้ายผึ้งยังกลายเป็นคนเสียสติ จนต้องทำการรักษาด้วยวิธีการทำ ECT แม้การรักษาผ่านไปด้วยดีแต่แล้วผึ้งก็กลายเป็นคนไร้ความทรงจำ ไร้ความรู้สึก จึงทำให้มธุสรโกรธแค้นอย่างมาก เธอเดินหน้าขอความช่วยเหลือด้วยกระบวนการทางยุติธรรม สารวัตรภาธรสามารถจับกุมตัวแป๊วและพวกได้ทั้งหมด แต่เพราะกระบวนการทางยุติธรรมกลับไม่ให้ความยุติธรรมกับเธอ ด้วยทนายฝ่ายจำเลยได้ให้เกรียงไกรมาให้ความเท็จใส่ร้ายมธุสร และมธุสรจำเหตุการณ์คืนนั้นได้เพียงลำลาง ศาลจึงตัดสินให้ แป๊ว ย้ง และชัย ติดคุกแค่สามคน ส่วนที่เหลือศาลยกฟ้อง แต่ถึงแป๊วจะติดคุกก็ติดได้ไม่นาน เพราะ นพดล เป็นนักการเมืองที่มีอิทธิพล เขาใช้อิทธิพลช่วยให้แป๊วทำธุรกิจได้อย่างเปิดเผยในคุก ก่อนใช้อิทธิพลพาแป๊วออกมาจากคุก ทางผึ้งก็เรียกผู้หญิงทุกคนว่าแม่ มธุสรสิ้นหวังกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด วินาทีที่มธุสรคิดจะฆ่าตัวตาย มธุสรได้ปลุกให้จิตใต้สำนักอีกด้านตื่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว และจิตใต้สำนึกนั้นได้พาให้มธุสรไปรู้จักกับ ยูกิ ครูผู้หญิงสอนแต่งหน้าชาวญี่ปุ่นที่ทำให้เธอรู้จักกับการฆ่ากับการเปลี่ยนบุคคลิกใหม่เป็นอีกคน และยูกิยังทำให้เธอรู้จักคำว่า "ความพยาบาทเป็นของหวาน" และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นให้มธุสรตัดสินใจออกตาม ล่า เหล่าทรชนเดนมนุษย์ที่ทำให้เธอกับลูกต้องเป็นแบบนี้

วัยแสบสาแหรกขาด 2559

วัยแสบสาแหรกขาด (2559/2016) “ทรายทิพย์” (แซนด์) นักจิตวิทยาให้การปรึกษาเกี่ยวกับเด็ก และครอบครัว (counseling phychology) หนอนหนังสือบ้าตำรา ก้มหน้าก้มตาเรียนรวดเดียวตั้งแต่อนุบาลจนถึงด๊อกเตอร์ ชีวิตไม่เคยทำอย่างอื่น นอกจากเรียน แซนด์หอบปริญญาทางด้านจิตวิทยากลับมาจากต่างประเทศ พร้อมกับไฟในการทำงานอันเต็มเปี่ยม แต่เมื่อมาเจอความเป็นจริงของสังคมไทย ความฝันของเธอถูกดับอย่างอนาท ไม่มีใครให้ความสำคัญกับการรับคำปรึกษาจากนักจิตวิทยา แซนด์กำลังจะสิ้นหวัง แต่แล้ว ... เหมือนฟ้ามีตา เธอได้รับการติดต่อมาจาก “เปรมมิกา” (ปาล์ม) เพื่อนสนิท ปาล์มทำงานอยู่ที่ “โรงเรียนเปี่ยมคุณศึกษา” (ป.ศ) แซนด์พุ่งเข้าไปรับงานพร้อมความมั่นใจ โดยไม่รู้เลยว่างานนี้ไม่ได้หมูอย่างที่เธอคิด!

โรงเรียนเปี่ยมคุณฯ ก่อตั้งโดย “นพลักษณ์” (ลักษณ์) ไฮโซ ผู้ดีเก่า ผู้มากความสามารถ มั่นใจ แม้แต่ “สมภพ” สามียังต้องขอเลิก และหนีไปทำนา (แบบเกษตรสมัยใหม่เน้นความพอเพียง) เพราะทนต่อการโดนข่มไม่ไหว ภาระแห่งการต่อสู้เพื่อเอาชนะอัตตาของนพลักษณ์จึงตกมาถึง “คุณชวนากร” (กร) ลูกชายคนเดียว ผู้ต้องสืบทอดกิจการโรงเรียนต่อไป หลายคนมองว่าเขาโชคดีมีแม่ปูทางธุรกิจไว้ให้อย่างเข้มแข็ง แต่ในความเป็นจริง .. กรต้องต่อสู้กับความเก่งของแม่ เขาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้แม่ยอมรับ ในขณะเดียวกันต้องเร่งสร้างผลงานให้บรรดาครูใหญ่ และครูน้อยในโรงเรียนเห็นว่าเขาไม่ใช่คุณหนูที่ทำอะไรไม่เป็น กรกดดันตัวเองจนกลายเป็นเจ้านายสุดเขี้ยว อารมณ์ร้ายเข้ากับใครไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะ “อำนาจ” ครูใหญ่ กรกับอำนาจมีเรื่องต้องขัดแข้ง ขัดขา ขัดใจ ปะทะคารมกันเป็นประจำ พนักงานเพียงคนเดียวที่พอคุยกับกรรู้เรื่องก็คือ “ปาล์ม” เลขาคนสนิท ผลงานแรกที่กรหมายมั่นปั้นมือต้องทำให้สำเร็จ คือ โครงการ “เด็กดีไม่มีปัญหา (Sweet broken home)” โครงการนี้เกิดขึ้นเพราะมี “เด็กแสบ” สร้างปัญหาจนถึงขั้นต้องไล่ออกพร้อมกันถึง 5 คน อำนาจยืนยันว่าเด็กกลุ่มนี้เกินเยียวยาต้องไล่ออกเท่านั้น ! แต่หลังจากดูประวัติกรเห็นว่าเด็กทั้ง 5 มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ พ่อแม่แยกทางกัน เด็กแต่ละคนมีครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ กรจึงเกิดความคิดที่จะทำโครงการพิเศษนี้ขึ้น เพื่อแก้ปัญหาให้เด็กสามารถใช้ชีวิตกับคนอื่นได้ ไม่ใช่โยนเด็กที่มีปัญหาออกไปสู่สังคมภายนอกโดยไม่ทำอะไร ซึ่งความคิดนี้ตรงกันข้ามกับอำนาจอย่างสิ้นเชิง และนพลักษณ์ก็เลือกที่จะให้กรพิสูจน์ตัวเองทำให้อำนวจไม่พอใจอยู่ลึกๆ นพลักษณ์ยื่นคำขาด ถ้าโครงการนี้ลดความแสบของเด็กทั้ง 5 ลงได้ถือว่ากรสอบผ่าน เด็กได้เรียนต่อและอาจจะมีโครงการนี้ต่อไป แต่ถ้าล้มเหลว เด็กทั้ง 5 ต้องโดนไล่ออก กรยอมรับการพิสูจน์ครั้งนี้ และสั่งให้ปาล์มตามหานักจิตวิทยาเฉพาะทางที่จะมาเป็นหัวหน้าโครงการโดยด่วน และคนคนนั้นก็คือ “ทรายทิพย์” นั่นเอง !! ในการพบกันครั้งแรกของทรายทิพย์ และ กร ไม่ได้สวยหรูอย่างที่เธอคิดไว้ เขาไม่ได้ปลื้มกับใบปริญญาที่วางเรียงเป็นแผงและเกรดอันดีเยี่ยมของเธอแม้แต่น้อย แต่เขากลับไม่ไว้ใจเพราะเธอไม่เคยทำงานจริง และ อายุก็ยังน้อย แซนด์เลยสวนกลับไปว่า “คุณกำลังตีค่าฉัน เหมือนกับที่ครูในโรงเรียนตีค่าคุณ พวกเขาคิดว่าคุณทำงานแทนแม่คุณไม่ได้ เพราะไม่มีประสบการณ์และอายุน้อย ถ้าคุณไม่พอใจที่คนอื่นตัดสินคุณด้วยเหตุผลนี้ คุณเองก็ไม่ควรตัดสินฉันด้วยเหตุผลนี้เช่นกัน” .... คำพูดของแซนด์จี้ใจดำกรอย่างแรง กรตัดสินใจยอมรับเธอเข้ามาทำงานในตำแหน่ง “หัวหน้าโครงการเด็กดี ฯ” เมื่อ “นักจิตวิทยาบ้าตำรายังไม่เคยเจอของจริง” ต้องมาทำงานกับ “คนจริงสุดเขี้ยว” และยังต้องปะทะกับเด็กแสบอีก 5 คน ความปั่นป่วน ชวนเวียนหัวจึงได้เกิดขึ้น ความผูกพันอันสวยงามของกรและแซนด์ค่อยๆก่อตัวขึ้น พร้อมๆไปกับการทำงานที่ใกล้ชิดแบบตัวแทบจะติดกัน เด็กคนแรก “ด.ญ.ญาทิป” (น้องปิ๊กปิ๊ก) อยู่ชั้น ป. 4 เด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม แววตาใสซื่อ พ่อ (จักรินทร์) เป็นนักธุรกิจใหญ่ ร่ำรวย เจ้าชู้ จนต้องแยกทางกับ แม่ (ตรีทิพย์) ที่มีฐานะร่ำรวยไม่แพ้กัน แต่ปิ๊กปิ๊กกลับมีพฤติกรรม “ชอบขโมย” จนเพื่อนไม่อยากคบ แต่ปิ๊กปิ๊กกลับไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่หยุดพฤติกรรม “จอมฉก”” ปิ๊กปิ๊กจึงเป็น “เด็กดีหมายเลข 1” ที่ท้าทายความสามารถของกรและทรายทิพย์ เด็กดี No. 2 เป็นเด็กชายอยู่ชั้น ป. 6 ชื่อ “ด.ช. ดังใจ” (โชกุน) พ่อแม่แยกทางกัน “ดุจฤทัย” (ดุจ) เป็นผู้หญิงเก่งที่ทุกอย่างต้อง “เป๊ะ ๆๆๆ” จน “ภูทอง” (ภู) สามีขอหย่า และหันไปเปิดผับเล็กๆ ในขณะที่ดุจฤทัยเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทข้ามชาติ ความเนี้ยบของดุจทำให้ “โชกุน” มีปัญหา “ไม่กล้าบอกความจริง” และนำมาสู่การเป็น “เด็กเลี้ยงแกะ” จอมโกหกของโรงเรียน “เมษา” (ตังเม) เป็นเด็กคนที่สาม ที่กรและแซนด์คัดเข้ามาอยู่ในโครงการ ตังเมอยู่ ม. 3 มีปัญหา “หมกหมุ่นกับการฆ่าตัวตาย” พ่อตังเมชื่อ “ชัยภูมิ” (ภูมิ) เป็นเจ้าของโรงงานขนาดใหญ่มีครอบครัวแล้ว “นวลสราญ” (นวล) แม่ของเธอมีฐานะเป็นเมียน้อยอย่างไม่เต็มใจ นวลปล่อยตัวให้จมกับความทุกข์ ไม่ลุกขึ้นสู้กับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ทำให้ตังเมเป็นเด็กที่ไม่ได้รับความรัก การขู่ฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องให้พ่อ แม่หันมาสนใจ คนที่ 4 ที่สุดแสบ แสบทั้งแม่ทั้งลูก เรียกได้ว่า .. แสบสะท้านวงการ เพราะเธอเป็นลูกสาวของ “พีรดา” (รดา) อดีตซุปตาร์ ที่กำลังอยู่ในขาลง “มงกุฎแก้ว” (มินนี่) เป็นดาวโรงเรียน เป็นคนหลงตัวเองอย่างสุดขั้ว แม่ลูกคู่วีน เหวี่ยง เป็นจอมสร้างภาพอันดับต้นๆของประเทศไทย มินนี่วางตัวเป็นเจ้าแม่คอยควบคุมเพื่อน เผด็จการ เป็นตัวแทนของเด็กในยุค GEN Me อย่างแท้จริง ติดโซเชี่ยลมีเดีย จนถึงขั้นรับความจริงไม่ได้ พีรดา และมินนี่ เธอรับไม่ได้ที่ตัวเองถูกส่งมารวมกับไอ้เด็กปัญหา อาละวาดจนแซนต์และกรต้องปวดหัว ความปวดหัวสุดท้ายที่ทำให้กรและแซนด์ คือเด็กคนที่ 5 “ถวายชัย” (ลูกหวาย) เด็กชั้น ม. 6 หน้าตาดี ภายนอกดูสุภาพ เรียบร้อย พูดน้อย ทรายทิพย์แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าหวายจะเป็นเด็กที่ชอบใช้ความรุนแรง มีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนเป็นประจำ ไม่ให้ความร่วมมืออะไรทั้งสิ้น เธอรู้แค่ว่าพ่อของหวายชื่อ “ยอดยุทธ” เป็นเจ้าของโรงเหล็ก ส่วน “เป็นสุข” ผู้เป็นแม่ แยกทางกับพ่อได้สองสามปี หวายมีน้องสาวชื่อ “ถวายพร” (ลูกหว้า) อยู่กับแม่ หลังจากได้รู้จักเด็กทั้ง 5 คน ทรายทิพย์เครียดสุดๆ เพราะแต่ละปัญหาไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิด ซ้ำร้ายยังไม่มีใครให้ความร่วมมือแม้แต่คนเดียว ทั้งตัวเด็ก พ่อ แม่ แต่สิ่งที่ทั้งสองคนได้โดยไม่คาดคิดคือ การได้เรียนรู้กันและกัน ทั้งกรและแซนด์ได้เก็บข้อมูลของกันและกันโดยไม่ตั้งใจ แซนด์ได้รู้ถึงความกดดันที่ทำให้กรเป็นคนดุ และจริงจังจนเกินไป กรเองก็ได้รู้ว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้แซนด์เป็นผู้หญิงคิดบวก ไม่ท้อแท้ ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เป็นเพราะเธอมีครอบครัวที่แสนดี เป็นกองหนุนสำคัญ กรเองก็แอบมาขอกำลังกำลังใจจากพ่อแม่ของเธอเป็นประจำ เค้าคิดว่ากรเป็นลูกชายคนหนึ่งโดยไม่รู้ตัว แต่ถึงแม้แซนด์จะได้กำลังใจอย่างมากจากครอบครัว แต่ปัญหาสารพันที่รุมเร้าเข้ามา และฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้แซนด์สติขาดผึง เมื่อกรมาระบายความกดดันใส่ ด้วยการจิกเอาผลงาน การไล่บี้แบบไม่สนใจเหตุผลของกร ทำให้แซนด์ระเบิดอารมณ์อย่างกดดัน “ไม่ไหวแล้วเว้ยยยยยย....ฉันขอลาออก” !!!! แซนด์เก็บของและเดินออกไปเลย กร และ ปาล์ม ถึงกับอึ้ง ! การลาออกของแซนด์ทำให้อำนาจสะใจอย่างแรง อำนาจสรุปเลยว่าโครงการ “เด็กดี ฯ (จอมปลอม)” ล้มเหลว ไม่มีชิ้นดี ขณะนี้อำนาจหวังสูง เขาต้องการบีบขอซื้อหุ้นจากนพลักษณ์และยึดโรงเรียนมาเป็นของตัวเอง ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้กรหมดความน่าเชื่อถือ กรเองเมื่อไม่มีแซนด์ก็เริ่มรู้สึกเหมือนขาดคนรู้ใจ กรเร่งให้ปาล์มไปตามตัวแซนด์กลับมา ทางด้านแซนด์หลังจากลาออก เธอกลับรู้สึกว่างจนเหงา ด้วยทิฐิแซนด์พยายามไม่ยอมรับความรู้สึกที่แท้จริง ยืนยันกับปาล์มว่า ไม่กลับไปทำงานเด็ดขาด แต่แล้ว..ความตั้งใจของเธอก็ต้องเปลี่ยนไป .. เมื่อ “ลูกหว้า” น้องสาวของหวายมาหาเธอที่บ้าน พร้อมกับ “เป็นสุข” ผู้เป็นแม่ ทั้งสองคนมาเพื่อขอให้ช่วยลูกหวาย เพราะถ้าโดนไล่ออกจริงๆ จะโดนพ่อตีอย่างหนักแน่ๆ ยอดยุทธ (พ่อ) เป็นคนอารมณ์ร้ายมาก ทำให้เป็นสุขทนไม่ได้ ขอหย่า และแบ่งลูกกัน หวายจึงเป็นคนเดียวที่ต้องรองรับอารมณ์ของพ่อ ทำให้เขากลายเป็นเด็กก้าวร้าว และใช้กำลังตัดสินปัญหา ในระหว่างที่ลังเลอยู่นั้น กรก็พ่ายแพ้ต่อความรู้สึกของตัวเอง เขามาหาเธอที่บ้านเพื่อตามกลับไปทำงาน แต่ยังมีฟอร์มด้วยการเอาคลิปที่อำนาจพูดในที่ประชุมด้วยความสะใจที่เธอทิ้งงานกลางครัน แซนด์ฟังแล้วจี๊ดดดดดดดขึ้นมาทันที กรรีบท้าทายถ้าอยากจะลบคำประมาทก็ต้องกลับไปทำงาน ดีกว่าจะต้องเสียชื่อไปทั้งชีวิต แซนด์คิด..คิด..คิด และตัดสินใจ “ฉันกลับไปทำก็ได้ ..ถ้าต้องการให้เธอกลับไปทำงานครั้งนี้ กรจะต้องทำตัวเป็นทีมเดียวกับเธอ ไม่ใช่อยู่ฝ่ายตรงข้ามแล้วมาคอยไล่บี้แบบไม่มีเหตุผล และจะช่วยเธอทำงานนี้ให้สำเร็จในฐานะ “เพื่อนร่วมงาน” ไม่ใช่ “เจ้านาย” กรกลับไปต่อรองกับแม่ได้สำเร็จ นพลักษณ์ยืดระยะเวลาของโครงการนี้ไปอีกหนึ่งเทอม กรและแซนด์ได้กลับมาทำงานด้วยกันอีกครั้ง จากผูกพันที่เริ่มก่อตัว ได้รับการสานต่ออย่างเหนียวแน่น โดยมีปัญหารายล้อมเป็นตัวเร่ง แซนด์รวบรวมกำลังใจ และ ข้อมูลที่มีเพื่อเริ่มต้นสานต่อโครงการ “เด็กดี ฯ” อีกครั้ง โดยมีกรคอยประกบอยู่ไม่ห่าง ระหว่างปิดเทอมเด็กทั้ง 5 ต่างมีกิจกรรมที่แตกต่างกันออกไป ทำให้แซนด์ได้รู้จักเด็กๆในอีกมุมที่เธอไม่เคยรู้ ระหว่างปิดเทอมที่ได้ทำงานด้วยกันทั้งกรและแซนด์ได้รู้จักกันมากขึ้น ได้ใช้ชีวิตในแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง โรงเรียนเปิดเทอม สิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ... เด็กทั้ง 5 คนกลับมาสร้างปัญหาเหมือนเดิมและรุนแรงมากขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จากเหตุการณ์ร้ายแรงที่ประดังเข้ามาทำให้นพลักษณ์ตัดสินใจยุติโครงการ “เด็กดี ฯ ” ของกร และเรียกเด็กทั้ง 5 พร้อมกับผู้ปกครองมาชี้แจงเรื่องการขอเชิญให้ออกกลางเทอม ทุกคนถึงกับชอค และไม่ยอมออก ส่วนยอดยุทธเมื่อรู้เรื่องก็ตบหวายต่อหน้าทุกคนอย่างแรง ในจังหวะนั้นเอง แซนด์ก็พุ่งเข้าไปและเอาตัวเองกอดหวายไว้ยอมที่จะรับฝ่ามือ และกำปั้นของยอดยุทธแทนโดยไม่คำนึงถึงความเจ็บปวด กรเข้ามาเห็นพอดีรีบเข้ามาห้าม กว่าเหตุการณ์จะสงบทำเอาทุกคนอกสั่นขวัญหายและร่างกายของแซนด์ก็มีรอยฟกช้ำดำเขียวเต็มไปหมด กรปฐมพยาบาลให้แซนด์ด้วยความสงสาร วินาทีนี้เขาไม่กังขากับความทุ่มเทให้กับงานของเธออีกต่อไป เขาชื่นชมเธอ (เป็นครั้งแรก) แซนด์ดีใจและนึกไม่ถึงว่าเธอจะทำให้จอมเฮี้ยบอย่างกรเอ่ยปากชมได้ .. แต่สุดท้ายเธอก็ทำโครงการนี้ไม่สำเร็จ เด็กๆต้องโดนไล่ออก กรเสียเครดิต และตัวเธอเองก็ต้องตกงาน ความเห็นอกเห็นใจกันทำให้ทั้งสองคนใกล้ชิดกันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น .. เมื่อนพลักษณ์เรียกแซนด์เข้าพบ และบอกให้กลับมาทำโครงการเดิมให้สำเร็จ นพลักษณ์บอกว่า.. หลังจากเกิดเรื่องเหล่าบรรดาผู้ปกครองของเด็กมาขอเข้าพบ และขอร้องในเรื่องเดียวกัน นั่นคือ .. ขอโอกาสเพื่อเข้าโครงการ “เด็กดี ฯ” อีกครั้ง การกลับมาของเด็กทั้ง 5 คน สร้างความแปลกใจให้เพื่อนร่วมห้องเป็นอย่างมาก หลายคนแสดงอาการรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด แซนด์และกรต้องร่วมมือกันรีบแก้ปัญหา ก่อนที่เด็กจะโดนทำร้ายจิตใจจนยากจะแก้ไข แซนด์และกรร่วมมือกัน เริ่มต้นแก้ปัญหาจากทั้งสองด้านคือ แก้ที่เด็ก และ แก้ที่พ่อแม่ ในระหว่างที่แซนด์พยายามจะแก้ปัญหาอันแสนหนักหน่วงของเด็กทั้ง 5 เธอมีกรคอยเป็นผู้ช่วยและให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด ทำให้เธอได้เห็นมุมต่างๆของผู้ชายแสนเฮี้ยบหน้าขรึมคนนี้มากมาย กลายเป็นความผูกพันที่แสนงาม ท่ามกลางความชื่นมื่นของแซนด์และกร กับโครงการที่กำลังไปได้ดี ทั้งสองไม่รู้เลยว่าอำนาจได้แอบสร้างคลื่นไต้น้ำ พลังความคิดในด้านลบนี้ถูกก่อขึ้นและพร้อมระเบิดในวันประชุมผู้ปกครองประจำปี ในการประชุม ผู้ปกครองหลายคนที่โดนปั่นหัวเห็นด้วย ลามปามจนถึงขั้นต้องไล่เด็กออก ไล่แซนด์ออก และขู่ว่าถ้านพลักษณ์ให้กรมาดูแลโรงเรียนแทนจะพาลูกลาออกทั้งหมด !!! อำนาจยิ้มพอใจกับปฎิกริยาของผู้ปกครอง แต่แล้ว....สิ่งที่อำนาจวาดฝันไว้ก็ต้องพังทลาย เมื่อพีรดา นวลสราญ ตรีทิพย์ ดุจฤทัย และภูทอง รวมทั้งเป็นสุข และ ยอดยุทธ (ที่อาการเริ่มดีขึ้น แม้ยังไม่หายสนิท แต่นั่งวีลแชร์มาร่วมประชุม) ลุกขึ้นพูดถึงการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นหลังจากที่ได้ร่วมโครงการนี้ แต่ละคนพูดถึงสิ่งที่ได้รับ ได้เห็นปัญหา ได้เข้าใจปัญหาของลูก ของตัวเอง ได้รู้ว่าเราจะปรับปรุงตัวอย่างไร เพื่อทำให้ลูกและตัวเราเป็นคนที่มีคุณภาพมากขึ้น สุดท้ายจะไล่เด็กทั้ง 5 ออกจากโรงเรียนก็ได้ แต่ขอให้มีโครงการนี้ต่อไป เพราะคนที่จะได้ประโยชน์คือลูกๆ และตัวคุณเอง ทำให้ผู้ปกครองคนอื่นๆ อึ้ง จากหน้ามือ เป็นหลังมือ จนอำนาจไม่พอใจ เผลอหลุดโวยวายออกมา จนนพลักษณ์ต้องรีบปิดการประชุม นพลักษณ์ต่อว่าอำนาจ และบอกว่าเธอรู้ทันเกมของเขา ไม่มีวันที่เธอจะขายหุ้น และนับจากนี้ไปเธอจะให้กรขึ้นมาบริหารโรงเรียนแทน !! ถ้ารับไม่ได้ก็พร้อมจะให้ลาออก อำนาจตีหน้าซื่อ และไม่มีปัญหาที่กรขึ้นมาแทน เขาพร้อมที่จะทำงานกับทุกคนเพื่อโรงเรียนเพื่อเด็กๆ อำนาจแม้จะพลาดในครั้งนี้ แต่เขาเก็บความแค้นไว้จนแน่นอก พร้อมจะแก้แค้นทันทีที่มีโอกาส การประชุมผู้ปกครองที่ผ่านพ้นไป .. เหมือนพายุที่พัดพาความมืดมัวออกไปจากชีวิตของหลายๆคน ปิ๊กปิ๊กเลิกนิสัยขโมยของโดยเด็ดขาด และนำของที่เคยเอาไปซ่อนเพราะความอิจฉามาคืนเพื่อนๆ คืนโรงเรียน และคืนแซนด์ ตรีทิพย์เลิกไปยุ่งวุ่นวายกับเมียอื่นๆของจักรินทร์ ดูแลลูก ดูแลตัวเอง โชกุนกล้าที่จะพูดความจริง และยอมรับความผิด แม้ต้องโดนลงโทษก็ไม่กลัว ดุจฤทัยและภูทองกลับมาคืนดีกันอีกครั้ง ทั้งสองคนเริ่มต้นกลับมาอยู่ด้วยกันใหม่ โดยมีโชกุนเป็นกาวใจ นวลสราญกลับมาสวยเหมือนเดิม เธอเลิกกับชัยภูมิอย่างเด็ดขาดและตัดสินใจกลับไปต่างจังหวัด พร้อมกับนำเงินที่เก็บสะสมไว้มาลงทุนทำสวนในที่ของตัวเอง ตังเมยินดีลาออกจากโรงเรียน และย้ายไปเรียนที่ประจำจังหวัดเพื่อจะได้อยู่กับแม่ ตังเมใช้เวลาไปกับการสร้างสรรค์งานศิลปะที่น่าทึ่ง มินนี่กลับมาเป็นเด็กธรรมดา ลดการสื่อสารทางโซเชี่ยลมีเดีย กลับมาอยู่กับเพื่อนๆ อยู่กับโลกความเป็นจริง และหาเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดกับแม่มากขึ้น ทุ่มเทให้กับการเรียน หวายเอาดีทางด้านกีฬา จนได้เป็นนักฟุตบอลโรงเรียน เมื่อได้ปลดปล่อยพลังออกมา ความก้าวร้าวก็ลดลง อาการของพ่อก็เริ่มดีขึ้น ยอดยุทธขอร้องให้เป็นสุขและหว้ากลับมาอยู่บ้าน ยอดยุทธหันไปฟังธรรมะและละวางเรื่องงาน เรียนรู้เรื่องการควบคุมอารมณ์ เพื่อแลกกับครอบครัวที่เป็นสุข นพลักษณ์ชื่นชมแซนด์อย่างมากในความสำเร็จครั้งนี้ แต่แซนด์ไม่รับ เธอตัดสินใจเลื่อนตำแหน่งให้กรขึ้นมาดูแลโรงเรียนแทนเธอ ท่ามกลางการยอมรับของครู และผู้ปกครอง กรขอบคุณแซนด์ที่ช่วยเหลือมาตลอด เขาชวนเธอมาเป็นพนักงานประจำ ทำหน้าที่ดูแลเด็กที่มีปัญหาคนอื่นๆ ที่อาจจะมีมาอีก แต่แซนด์ปฎิเสธ เธอขออยู่อย่างอิสระ แต่ถ้ามีเด็กต้องการความช่วย เธอจะมาทันที .. กรยอมรับและในการตัดสินใจ และถือเป็นสัญญาใจระหว่างเขาและเธอ .... ทรายทิพย์ปิดจ๊อบแรกในชีวิตอย่างมีความสุข เธอได้เรียนรู้ว่า “ครอบครัว” เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตมนุษย์ ไม่ว่าครอบครัวเราจะรั่ว แตก แยก ผุ อยู่ในสภาพเลวร้ายขนาดไหนก็ตาม ความรัก ความใส่ใจ ความสนใจ คืออุปกรณ์สำคัญที่จะอุดรอยรั่ว รอยร้าวได้อย่างดีที่สุด

เพลิงนาง (2563/2020) เรื่องราวความรักร้อนแรงจนลุกเป็นไฟของผู้หญิงที่ชื่อว่า พลับพลา สาวสวยทันสมัยหัวนอก ผู้เติบโตมาจากครอบครัวที่มีปัญหา พ่อแม่อยู่ด้วยกันในรูปแบบสามคนผัวเมีย โดยมีแม่ใหญ่ พรรณอร เป็นผู้กำหนดชีวิตของเธอ เพราะเป็นคนที่เลี้ยงดูมากับ แม่เรียง แม่แท้ ๆ ผู้ให้กำเนิด ซึ่งมาจากคนสนิทที่ดูแลพรรณอรมา แม่เรียงจึงเป็นแค่แม่ผู้ต่ำต้อยและไม่เคยได้มีตัวตนในสายตาของลูก โดยมีพ่อ วิกรม คอยเป็นคนกลางที่ไม่ค่อยยอมตัดสินใจหรือจัดการอะไร นอกจากอยากจะให้ทุกคนอยู่รวมกันแบบนี้ หลังจาก พลับพลา กลับจากต่างประเทศ พรรณอรลงทุนเปิดบริษัทให้ และได้เจอกับ ดร.ล่องชาด หนุ่มนักวิชาการคนเก่งที่เพียบพร้อมไปทุกอย่าง เธอจึงสนใจในตัวเขาทันที ส่วนล่องชาดเองก็ประทับใจในตัวพลับพลาเช่นกัน แต่ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่คิด เพราะล่องชาดมีสาวสวยคือ โมรี น้องสาวของเพื่อนสนิทอย่าง มนูญ ที่แอบหลงรักล่องชาดมานาน โมรีแอบรักข้างเดียว และคอยแสดงความเป็นเจ้าของกับผู้หญิงที่เข้าใกล้ดร.ล่องชาด ทุกคน โดยเฉพาะกับพลับพลา ที่เจอหน้ากันเมื่อไรต้องเกิดการปะทะคารมกันอยู่เสมอ ในขณะเดียวกัน นิวาส แฟนเก่าของพลับพลาตั้งแต่ตอนอยู่ต่างประเทศ ชายหนุ่มเสเพล ลูกนักการเมืองจอมฉาว ซึ่งไม่ยอมรับการถูกพลับพลาบอกเลิก จึงบินตามกลับมาเพื่อง้อขอคืนดี ซึ่งพลับพลากลับคิดว่านิวาสเป็นเพียงผู้ชายที่ผ่านมาในชีวิตคนหนึ่ง ทำให้นิวาสยิ่งโกรธมาก คอยตามทำลายชีวิตของพลับพลา ไม่เว้นแม้กระทั่งการตามฉีกหน้าต่อหน้าครอบครัวของพลับพลา และสร้างความเสื่อมเสียในแวดวงสังคม เพลิงนาง ขณะที่พลับพลาเองได้แต่รู้สึกดี และมีใจให้ดร.ล่องชาด จึงพยายามหาทางสลัดนิวาสให้ออกไปจากชีวิต โดยไม่รู้ตัวว่า ยังมีชายหนุ่มอีกคนที่เฝ้าเป็นห่วงใยและหลงใหลพลับพลาอย่างโง่หัวไม่ขึ้น นั่นคือ สุบรรณ ชายหนุ่มรุ่นน้องที่ทำงาน ที่เป็นผู้ช่วยของเธอ สุบรรณมีใจแอบหลงรักเจ้านายอย่างพลับพลา พร้อมเสียสละทุกอย่าง โดยสุบรรณเองก็ไม่รู้ตัวว่ายังมี กัณหา เลขาสาวผู้มองโลกสวย และชื่นชมพลับพลาว่าเป็นผู้หญิงเก่ง จนเธอยกให้เป็นไอดอลนั้น มีใจให้สุบรรณอยู่ พลับพลาได้พบกับผู้ชายอีกคนคือ ชุมสาย หนุ่มใหญ่ผู้มีภรรยาคือ ปรางทอง และลูก ชุมสายตกหลุมรักพลับพลาอย่างรุนแรง โดยทั้งคู่ใกล้ชิดกันเพราะเรื่องงาน ที่ชุมสายว่าจ้างบริษัทพลับพลาให้มาเป็นที่ปรึกษา และเมื่อล่องชาดได้รู้ว่าผู้หญิงที่ชุมสายซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติห่าง ๆ ของเขากำลังติดพันคือพลับพลา ยิ่งไปกว่านั้นชุมสายยังเล่าให้ล่องชาดฟังว่า มีอะไรเกินเลยกับพลับพลา ทั้ง ๆ ที่ในใจลึก ๆ แล้วนั้น พลับพลาไม่ได้คิดจะแย่งชุมสายมาจากปรางทอง แต่ผลที่ตามมาคือชุมสายหลงใหลเธออย่างมากมาย ด้วยเหตุนี้ทำให้ล่องชาดยิ่งผิดหวังในตัวพลับพลา ไม่เพียงแค่ชายหนุ่มที่คลั่งไคล้ในตัวพลับพลา อย่าง นิวาส ชุมสาย หรือ สุบรรณ เท่านั้น พลับพลายังเลือกใช้ ศุภฤกษ์ นักธุรกิจหนุ่มมาเฟีย เจ้าของธุรกิจสีเทาที่มีครอบครัวแล้ว มาพัวพันในชีวิตของเธออีก เพราะด้วยความร่ำรวยและอำนาจบารมีในสังคม ทำให้พลับพลาเลือกใช้ศุภฤกษ์เป็นเครื่องมือในการช่วยฟื้นฟูบริษัทที่กำลังประสบปัญหาการเงินให้กลับคืนมาอีกครั้ง เพลิงนาง ชุมสายพยายามทำทุกอย่างให้พลับพลาเลือกเขา ถึงขั้นยอมหย่าขาดกับปรางทอง จน เนม ลูกสาวของชุมสายกับปรางทองกลายเป็นเด็กมีปัญหา และเลือกเส้นทางผิดจากการประชดพ่อ ซึ่งการตัดสินใจของชุมสายในครั้งนี้ สร้างความผิดหวังให้กับล่องชาด ที่พยายามช่วยประคองชีวิตคู่ของพี่ชายและพี่สะใภ้มาตลอด และยิ่งรู้สึกผิดหวังกับพลับพลามากขึ้นไปอีก แต่แม้จะผิดหวังกับพลับพลา ล่องชาดก็ยังไม่คิดจะเปิดใจให้โมรี ทำให้โมรีเสียใจมาก ขณะเดียวกันล่องชาดก็ยืนยันกับพลับพลาว่า ผู้หญิงอย่างพลับพลาคงไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาจะหยุดชีวิตด้วย ความชัดเจนที่ล่องชาดแสดงออกมาทำให้พลับพลาเสียความมั่นใจในตัวเองอย่างมาก และยิ่งอยากจะเอาชนะให้ล่องชาดหันมามองเธอให้ได้ พลับพลากลับมาทบทวนตัวเองอีกครั้ง และรู้ว่าที่ผ่านมาเธอปล่อยให้ความคิดผิด ๆ ว่าการจะรู้จักใครต้องรู้จักให้ลึกซึ้ง และมองว่าเธอมีสิทธิ์ที่จะเลือกคนที่ดีที่สุดด้วยวิธีของเธอนั้นเป็นสิ่งที่ผิดพลาดมาโดยตลอด สุดท้ายคำตอบของหัวใจของเธอมีเพียงล่องชาดเพียงคนเดียวเท่านั้น และเธอจะไม่ยอมให้เขาหลุดมือเป็นอันขาด แต่เธอจะทำอย่างไรกับผู้ชายอีกหลายคนที่ยังอยู่ในชีวิต มาร่วมลุ้นเรื่องราวความรักของพลับพลา ผู้หญิงที่ใช้ความสวยงามภายนอกและร่างกายเพื่อค้นหาความรัก บทสรุปสุดท้ายความรักของเธอจะจบลงเช่นไร ? ติดตามชมละคร เพลิงนาง

เงามรณะ (2540/1997) พระเอก(เจ เจตริน) คบกับนางเอก(เต๋า สโรชา) แล้วตัวร้าย(ปู อนุวัฒน์) ซึ่งเป็นคนโรคจิต ที่ทำงานบริษัทเดียวกัน เกิดชอบและอยากครอบครองตัวนางเอก จึงทำทุกวิถีทางจะแย่งตัวนางเอกมาเป็นของตัวเอง จนเกิดเรื่องฆาตกรรมสยดสยองมากมายในเรื่อง