ความฝันอันสูงสุด 2559

Little Big Dream ความฝันอันสูงสุด (2559/2016) ละครสั้นแนวชีวิตที่ทำให้คุณประทับใจ โดยนำเสนอผ่านตัวละครวัยรุ่นหลากหลายนิสัย แต่มีความฝันอยากทำอะไรที่ยิ่งใหญ่เหมือนกัน สานต่อแนวทางและคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 เปลี่ยนสิ่งเล็ก ๆ ให้กลายเป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ พร้อมถ่ายทอดอีกหนึ่งมุมมองของวัยรุ่นที่พูดถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 รวมทั้งเรื่องราวสะท้อนชีวิตระหว่างครอบครัวของวัยรุ่นกับผู้ปกครองที่เห็นได้บ่อยในยุคปัจจุบัน และแง่คิดดี ๆ เพื่อเตือนใจว่า เมื่อทำสิ่งใดเพื่อพ่อของแผ่นดินแล้ว ไม่ให้ลืมคนใกล้ตัวของเราด้วย

Love Rhythms ตอน Daddy จำเป็น (2559/2016) จากภาพยนตร์ฟีลกู๊ดแนวคอมมาดี้“Speedy Scandal”ที่ทำรายได้ถล่มทลายเป็นประวัติการณ์ในเกาหลี สู่ซีรีส์ใสๆ หัวใจดนตรี“Love Rhythms”ตอน“Daddy จำเป็น” ตามติดชีวิตเคน (โน้ต อุดม แต้พานิช)ดีเจหนุ่มวัย 40 ต้นๆที่กำลังโด่งดังจากการจัดรายการวิทยุแนวให้กำลังใจ แต่ในชีวิตจริงเคนเป็นคนเห็นแก่ตัว ใช้ชีวิตหรูหราเพลย์บอย รายการของเคนมีแขกโฟนอินที่กำลังเรียกเรตติ้ง คือซิงเกิ้ลมัม คุณแม่ม.สามกระต่าย (สไมล์ภาลฎาฐิตะวชิระ) ที่กำลังตามหาพ่อ เคนพูดเชียร์ให้เธอไปเจอพ่อ โดยหารู้ไม่ว่าพ่อที่กระต่ายจะไปหาก็คือเคนนั่นเอง! มิหนาซ้ำกระต่ายวัย 22 ยังหอบลูกชายวัย 6 ขวบ นามว่ากระรอก (คิมซุนอนาคิณทร์ศรีภัทรวิทย์)ซี่งก็คือหลานเคนมาขออยู่ด้วย เมื่อหมง (สุเมธ องอาจ)สัตว์แพทย์เพื่อนเคนช่วยตรวจดีเอ็นเอแล้วยืนยันว่ากระต่ายเป็นลูกของเคนจริงๆ เคนเลยจำใจรับทั้งคู่มาอยู่ด้วยกัน แลกกับการปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ตั้งแต่นั้นชีวิตของเคนก็มีแต่ความโกลาหล เมื่อเคนจัดการประกวดร้องเพลงและกระต่ายเข้าร่วมแข่งขัน เคนจึงได้รู้ว่าลูกมีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีเหมือนตนเอง ส่วนหลานชาย กระรอกที่เคนส่งให้เข้าเรียนอนุบาล ก็มีพรสวรรค์ในการเล่นเปียโน จนครูสาวสวยแจสมิน (เบเบ้ ธันย์ชนกฤทธินาคา)อยากสอนพิเศษเพิ่ม เคนเลยใช้กระรอกเป็นอาวุธลับในการจีบครู ความผูกพันที่ดีขึ้นเรื่อยๆของ Daddy จำเป็นกับลูกและหลานมาสะดุด เมื่อบอย (นิกกี้ ณฉัตรจันทพันธ์)แฟนเก่าของกระต่ายโผล่มาหาและเข้าใจผิดว่าเคนคือแฟนใหม่ เรื่องต่างๆเกิดแดงขึ้นมาจนถูกแฉในสื่ออย่างเอิกเกริก โดยนักข่าวบันเทิงที่มีอิทธิพลที่สุดในวงการซัมกุง (ดีเจเอกกี้เอกชัยเอื้อสังคมเศรษฐ์)แถมยังมีเรื่องปวดหัวในสถานีที่ต้องเป็นศัตรูกับดีเจรุ่นใหม่ไฟแรงดีเจซีเค (ดีเจเผือก พงศธร จงวิลาส) เรื่องวุ่นวายมหาศาลที่เกิดขึ้นนั้น เคนจะเลือกอะไรระหว่างอาชีพและความโด่งดัง หรือครอบครัวใหม่ที่ทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตมีค่าอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน

Club Friday To Be Continued ตอน เพื่อนรัก เพื่อนร้าย (2559/2016) ที่งานปาร์ตี้ริมสระน้ำ ซึ่งเป็นบริษัทออแกไนซ์ที่การ์ตูน (กิ๊บซี่-วนิดา) ย้ายไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ งานถูกจัดอย่างสวยงามริมสระ การ์ตูนกำลังยืนดูจำนวนสินค้าที่จะเอามาแจกในงาน อยู่ ๆ พิงค์ (ดีเจดาว-ณัฐภัสสร) ก็โผล่มา ด่าว่าการ์ตูนเพราะคิดว่าการ์ตูนไปอ๋อยพี่เอ (ต้อม-พลวัฒน์) และหาเรื่องเธอ ทั้งที่การ์ตูนเองไม่เคยสนใจพี่เอเลยแม้แต่นิดเดียว ตั้งแต่การ์ตูนย้ายมาทำงานที่ใหม่ แม้เธอจะได้รับความสนใจจากทั้งหนุ่ม ๆ ในบริษัท และมีหลายคนอยากจะเป็นเพื่อนกับเธอ แต่การ์ตูนกลับไม่กล้าวางใจใครนัก คนที่การ์ตูนยอมสนิทสนมด้วยก็คือพี่อร (ตุ๊ก-ชนกวนันท์) สาวเฉิ่มที่สนใจทำแต่งาน และอีกคนก็คือเบญ (ดีเจนุ้ย-ธนวัฒน์) ตุ๊ดมากความสามารถที่เป็นคนคล้าย ๆ เธอ คือตรงไปตรงมา เมื่อต้องทำงานเป็นทีม ทีมของการ์ตูน อรและเบญ กลับมีผลงานที่โดดเด่น ทำให้ปอ (ดีเจอ๋อง-เขมรัชต์), แองจี้ (รัศมีแข) และเอ็นจอย (อ้วน รีเทิร์น) ตุ๊ดคู่หู เกิดอิจฉาการ์ตูน และขอร้องให้พี่เอหาทีมเพิ่มอีก 1 คน การเริ่มต้นชีวิตใหม่ของการ์ตูนทำให้เธอเจอกับณัฐ (บี้-ธรรศภาคย์) ชายหนุ่มคนใหม่ที่มีบุคลิคตรงข้ามกับแมนทุกอย่าง น่ารัก สุภาพ อ่อนโยน ณัฐมีท่าทีชอบพอการ์ตูน และเป็นคนดี ทำให้การ์ตูนประทับใจณัฐในทันที ทางฝั่งเชอรี่ (สายป่าน-อภิญญา) หลังจากแต่งงานกับแมน (กอล์ฟ-พิชญะ) ก็ทะเลาะกันบ่อยครั้ง เพราะแมนดันไปล่วงรู้ความลับว่าเชอรี่ท้องกับปั้น (แฟนเก่าเชอรี่) แล้วมาสวมเขาให้แมนต้องแต่งงานด้วย แมนเสียใจรับไม่ได้ที่ถูกหลอกจึงตีตัวออกห่างจากเชอรี่ แล้วแมนก็ทำท่าจะกลับไปหาการ์ตูนทำให้เชอรี่เกลียดการ์ตูนมากขึ้นเป็นทวีคูณ แล้ววันนึงเมื่อออฟฟิศของการ์ตูนมีงานใหญ่ ซึ่งปอเสนอตัวอยากจะทำงานนี้เอง แต่ทว่าทีมไม่พอ พี่เอเลยหาคนใหม่มาเสริมทีมให้กับปอก็คือ เชอรี่ ทำให้ความเป็นเพื่อนรัก เพื่อนร้ายที่คับแค้นใจกันมายาวนาน ระหว่างการ์ตูน และเชอรี่กลับมาปะทุกันอีกครั้ง และหนำซ้ำทุกอย่างยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้ทั้งคู่เมื่อเชอรี่รู้ว่าแมนจะกลับไปหาการ์ตูน เธอจึงวางแผนคิดจะแย่งณัฐที่ตามจีบการ์ตูนมาเป็นของเธออีกครั้ง แต่แผนครั้งนี้ของเธอลึกซึ้ง และรุนแรงเกินกว่าที่การ์ตูนจะตามทัน เมื่อเชอรี่วางแผนให้แตงโม (ทอย-ปฐมพงศ์) น้องชายคนเดียวของเธอ ตามจีบนักศึกษาน้องใหม่ที่ชื่อกระต่าย (วีวี่-สรัณณัฎฐ์) ซึ่งเชอรี่รู้ดีว่ากระต่ายคือน้องสาวแท้ ๆ ของการ์ตูน ครั้งยังเป็นเพื่อนรักกัน การ์ตูนเริ่มรู้ทันแผนการที่เชอรี่พยายามจะแย่งณัฐไปจากเธอ จึงเผลอตัวแสดงท่าที และอารมณ์โมโหร้ายจนณัฐเห็น ทำให้เชอรี่ได้ทีแกล้งแอ๊บใสเป็นคนน่าสงสาร ส่งผลให้การ์ตูนต้องทะเลาะกับณัฐ การ์ตูนหมดหนทางไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร เธอจึงกลับไปปรึกษาเรื่องเชอรี่กับแมนอีกครั้ง สร้างความไม่พอใจให้กับณัฐที่หึงการ์ตูนกลัวจะกลับไปคืนดีกับแมน พอ ๆ กับสร้างความคับแค้นที่สุมอยู่ในใจของเชอรี่ แมนกับการ์ตูนจะกลับมาคืนดีกันหรือไม่ ? สุดท้ายความเป็นเพื่อนร้ายระหว่างการ์ตูน และเชอรี่ จะกลับมาเป็นเพื่อนรักกันได้หรือไม่ ? ติดตามชมได้ใน Club Friday To Be Continued ตอน เพื่อนรักเพื่อนร้าย

สลักจิต 2559

สลักจิต (2559/2016) เธอมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ แต่กลับเป็นชนวนที่จุดไฟของการแย่งชิง สลักจิตหรือ จอย (เต็มฟ้า กฤษณายุธ) พ่อแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตขณะที่เธออายุยังน้อย จอยจึงถูกส่งตัวมาอยู่กับ เจ้าคุณภักดีบดินทร (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) ผู้เป็นปู่ แต่ถูกขับไสให้ไปอยู่เรือนเล็กกับ แม่เจิด (พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา) ต้นห้องและลูกสาวชื่อ ใจภักดิ์ (ศรุชา เพชรโรจน์) ไม่นานจอยได้รู้ความจริงว่า ภาคภูมิ (ภูธเนศ หงษ์มานพ) พ่อของเธอถูกเจ้าคุณปู่ตัดออกจากตระกูลเพราะภาคภูมิจะแต่งงานกับ มากาเร็ต แม่ของเธอที่เป็นชาวอังกฤษ ทั้ง ๆ ที่ได้หมั้นกับ ม.ร.ว.จันทรา (พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) ธิดาของ ม.จ.รังสิมันต์ ซึ่งเป็นทั้งเจ้านายและเพื่อนสนิทของเจ้าคุณ เมื่อจอยกลับมาอยู่เมืองไทย จอยรับหน้าที่ดูแล คุณหญิงรำเพย (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) ผู้เป็นย่าที่กำลังป่วยหนัก ก่อนตายคุณหญิงยกสร้อยเพชรประจำตระกูลให้กับจอย ทำให้ญาติ ๆ พากันเกลียดชังจอย โดยเฉพาะ รำพา (ชไมพร จตุรภุช) ภรรยารองของเจ้าคุณ และคุณหญิงจันทราที่จำใจแต่งงานกับ พิท (ศรุต วิจิตรานนท์) แทนภาคภูมิพ่อของจอย ทั้งคู่มีลูกชายคือ พรพจน์ (อาเมน โสตถิพันธุ์ คำลือชา) และลูกสาว พริ้มพราย (อัญชสา มงคลสมัย) ซึ่งเกเร และเอาแต่ใจ ส่วนญาติที่รักจอยมีเพียง หม่อมภาคี (มยุรา เศวตศิลา) น้องสาวของเจ้าคุณ และ ม.ร.ว.ภูษิต หรือ คุณชายเดียว (ศรราม เทพพิทักษ์) ลูกเลี้ยงของหม่อมภาคีซึ่งเป็นคู่หมายของ เพียงเพ็ญ (พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร) น้องสาวของพิท จอยมีเพื่อนรักชื่อ กรรณิการ์ (ภคกัญญา เจริญยศ) ลูกสาว ท่านทูตไกร (ตระการ พันธุมเลิศรุจี) เธอมีพี่ชายสุดหล่อชื่อ เกริก (ชลวิทย์ มีทองคำ) ซึ่งตกหลุมรักจอยตั้งแต่แรกเห็น ทั้งหมดนี้ทำให้ภูษิตรู้สึกเป็นห่วงจอย จึงเข้ามาคอยดูแลจอยจนเพียงเพ็ญรู้สึกไม่พอใจ เมื่อภูษิตต้องไปทำงานที่ฝรั่งเศส 4 ปี จอยจึงขอแหวนที่เขาสวมติดนิ้วไว้เพื่อดูต่างหน้าเพียงเพ็ญเห็นแหวนที่นิ้วจอยก็โกรธ และให้จอยส่งแหวนคืนภูษิตพร้อมเขียนจดหมายบอกให้เขาเลิกดูแลตามคำสั่งเพียงเพ็ญภูษิตแอบน้อยใจ และคิดว่าจะเลิกสนใจจอย แต่ก็ไม่วายส่ง ธเนศ (อัศนัย เทียนทอง) เพื่อนรักไปดูแลแทน ทำให้ธเนศได้ใกล้ชิดกับกรรณิการ์ ซึ่งทั้งคู่ต่างก็เริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ของจอย และภูษิต ระหว่างนี้เกริกเริ่มเข้ามาใกล้ชิดจอยโดยไม่รู้ว่าใจภักดิ์มีใจให้กับเขา ส่วนจอยก็รักษาระยะห่างกับเกริก และตั้งใจเรียนจนสอบเข้าคณะอักษรศาสตร์จุฬาฯ ได้ เมื่อเกริกต้องเดินทางไปดูงานต่างประเทศ พร้อม ๆ กับที่ภูษิตได้กลับมาเมืองไทย ทำให้จอยกับภูษิตได้กลับมาใกล้ชิดกันอีกครั้ง ทั้งคู่ต่างก็หวั่นไหว และรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของกันและกัน เรื่องไปถึงหูท่านเจ้าคุณ และหม่อมภาคี ทั้งคู่จึงเร่งงานแต่งงานระหว่างเพียงเพ็ญกับภูษิตให้เร็วขึ้น ส่วนรำพา และเพียงเพ็ญก็วางแผนจ้าง เริง (ธีธัช จรรยาศิริกุล) ข้าเก่าเต่าเลี้ยงในตระกูลให้มาทำลายจอยแต่ไม่สำเร็จ เริงจึงเปลี่ยนแผนมุ่งไปที่พริ้มพรายแทนเพราะรู้ว่าคุณหญิงจันทราแม่ของพริ้มพรายรวยมาก เริงชักชวนพริ้มพรายติดยา และนัดหมายให้พริ้มพรายขโมยเครื่องเพชรของคุณหญิงจันทราเพื่อหนีไปกับเขา ด้านพรพจน์ก็ไปทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับ ในที่สุดจอยสามารถช่วยทั้งพริ้มพราย และพรพจน์ไว้ได้ ทำให้ท่านเจ้าคุณซาบซึ้ง และยอมรับในตัวจอย ด้านเกริกเมื่อกลับมาจากต่างประเทศก็ต้องการหมั้นกับจอยทันที ส่วนภูษิตก็เสียใจประสบอุบัติเหตุอาการสาหัสทำให้เกริกรู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ลึกซึ้งเกินกว่าอากับหลานจึงตัดสินใจขอถอนหมั้นจอย ความรักของภูษิต และจอยจะลงเอยอย่างไร ? ทั้งคู่จะสามารถฝ่าฟันอุปสรรครักครั้งนี้ไปได้หรือไม่ ? ติดตามชมได้ใน ละครสลักจิต

เราเกิดในรัชกาลที่ ๙ เดอะซีรีส์ 2559

เราเกิดในรัชกาลที่ ๙ เดอะซีรีส์ (2559/2016) ละครพิเศษ เราเกิดในรัชกาลที่ ๙ เดอะซีรีส์ จะเล่าถึงเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม ซึ่งเป็นวินาทีที่คนไทยทั้งประเทศต้องสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต จนถึงวันที่ 22 ตุลาคมที่พสกนิกรต่างพร้อมใจกันร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ณ ท้องสนามหลวง โดยเรื่องราวทั้งหมดนี้จะถูกเล่าผ่านตัวละครในหลากหลายเหตุการณ์ ต่างอาชีพ ต่างมุมมอง

  • เรื่องย่อ : เด็กแว้น

เก่ง เด็กเกเรที่ไม่ยอมเรียนหนังสือต่อหลังจบ ม.6 แต่กลับใช้เวลาในแต่ละวันไปกับการแต่งรถ และแข่งมอเตอร์ไซค์ เก่งแอบหลงรัก อิง เพื่อนสาวที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก อิงเป็นคนยึดมั่นในคำสอนของในหลวง รัชกาลที่ ๙ และมีพระองค์ท่านเป็นแรงบันดาลใจในการเป็นนักคิด นักพัฒนา ทำให้เก่งคนที่ไม่เอาถ่านคิดได้และไปสมัครเรียนต่อ แต่วันหนึ่งกลับมีเหตุการณ์ที่ทำให้อิงต้องติดคุก

  • เรื่องย่อ : ครูจันทนา

จากพระราชดำรัสของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ที่เคยตรัสถึงครูทุกคนว่า ให้ครูปฏิบัติหน้าที่ครูให้ดีที่สุดเพื่อลูกศิษย์ทุกคน ทำให้ครูจันทนายึดหลักนี้ไว้ในใจเสมอ เพราะความเข้มงวดอยากให้ลูกศิษย์ทุกคนได้ดี ทำให้ พิมพ์ ลูกสาวของครูจันทนา เกิดความน้อยใจ เพราะตั้งแต่เด็กจนโตพิมพ์มักถูกแม่บังคับเคี่ยวเข็ญ หรือหากทำผิดเธอก็มักจะถูกแม่ทำโทษมากกว่านักเรียนคนอื่น ๆ เสมอในฐานะที่เป็นลูกครู พิมพ์จึงคิดเสมอว่าแม่รักลูกศิษย์มากกว่าลูกตัวเอง จนเธอตัดสินใจหนีออกจากบ้าน แต่แล้ววันหนึ่งพิมพ์กลับได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่แม่ทำนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว

  • เรื่องย่อ : บ้านของพ่อ

เรื่องราวของ ต้น กับ เต้ สองพี่น้องที่มีแนวความคิดต่างกันคนละขั้ว ทั้งคู่มักทะเลาะกันเสมอตั้งแต่เด็กจนโต แต่ทุกครั้งก็จะมีพ่อที่คอยเข้ามาห้ามปรามและสั่งสอน โดยยึดหลักคำสอนของในหลวงว่าให้รักกัน จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อพ่อเสียชีวิต ต้นมีความคิดที่จะขายบ้านของพ่อ แต่เต้กลับไม่ยอมเพราะคิดว่าบ้านหลังนี้คือความทรงจำถึงพ่อ สองพี่น้องทะเลาะกันรุนแรง แต่ในวันหนึ่งมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ทำให้ต้นและเต้หันหน้ามาคุยกันและเข้าใจกันในที่สุด

  • เรื่องย่อ : 14 ตุลา

เรื่องราวของ นิค ชายหนุ่มที่กำลังจะพาพ่อกับแม่ไปรำลึกความหลังในวันที่ทั้งคู่พบกันครั้งแรกจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 แต่เมื่อใกล้ถึงวันครบรอบ ประชาชนชาวไทยรวมทั้งนิค กลับได้รับข่าวการสวรรคตของในหลวง นิครู้ดีว่าพ่อรักและเทิดทูนในหลวงสุดหัวใจ เขากับแม่จึงพยายามปิดบังไม่ให้พ่อรู้เรื่องนี้ แต่สุดท้ายพ่อก็รับรู้ความจริงทุกอย่าง และถึงแม้พ่อจะเสียใจอย่างมาก แต่พ่อกลับกลายเป็นคนที่ให้กำลังใจทุกคนในครอบครัว เพราะพ่อเชื่อว่าในหลวง รัชกาลที่ ๙ พระองค์ท่านยังไม่จากไปไหน ตราบใดที่เรายังคงนึกถึงพระองค์ท่านและดำเนินชีวิตไปตามพระราชดำรัสของพระองค์ท่าน

  • เรื่องย่อ : รักแท้

มุกดา ภรรยาของ นพ เจ้าของโรงงานทอผ้า มุกดานัดกับนพว่าจะไปกราบพระบรมศพ แต่นพต้องเร่งผลิตผ้าสีดำซ้ำเครื่องจักรยังเกิดระเบิด ทำให้นพผิดนัด ด้วยความเสียใจมุกดาจึงขับรถออกมาจนเกิดอุบัติเหตุชนกับรถของพอร์ชและรัฐ มุกดาสลบและไปตื่นอีกครั้งที่บ้านเก่าหลังหนึ่ง ใน พ.ศ. 2549 ซึ่งเป็นปีที่มีพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เจ้าของบ้านคือ สาคร สาวโสดวัยเกษียณ เคยเป็นนักข่าวสายพระราชสำนัก ตามทำข่าวถ่ายภาพในหลวง รัชกาลที่ ๙ มาตลอด เธอซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ที่ทำเพื่อประชาชน มุกดามีโอกาสได้เล่าปัญหาชีวิตคู่ของตัวเองให้สาครฟัง สาครจึงให้ดูรูปของในหลวง รัชกาลที่ ๙กับ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ภาพที่สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ทรงยืนเคียงข้างในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทุกที่ สนับสนุนทุกสิ่งที่ทำ มุกดาจึงได้เรียนรู้ว่าความสุขของคนที่เรารักก็คือความสุขของเรา ทำให้เธอเข้าใจนพเข้าใจตัวเอง มุกดาตื่นขึ้นมาอีกครั้งที่โรงพยาบาล โดยมีนพเฝ้าอยู่ข้างเตียง ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกัน นพจึงพามุกดาไปร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีในวันที่ 22 ตุลาคม 2559 ณ ท้องสนามหลวง

  • เรื่องย่อ : ชีวิตเพื่อให้

รัฐ หมอหนุ่มวัตถุนิยม ทำงานหนักเพราะอยากมีชีวิตที่ร่ำรวย วันหนึ่งแม่ของรัฐขอให้รัฐพาไปกราบพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ แต่รัฐไม่ใส่ใจ ส่วน ฟ้า แฟนของรัฐ ก็ชวนไปเป็นแพทย์อาสาที่สนามหลวง แต่รัฐก็ไม่ใส่ใจอีกเช่นกัน พอร์ช เพื่อนสนิท จึงชวนรัฐไปหัวหิน แต่ระหว่างทางกลับเกิดอุบัติเหตุชนกับรถของมุกดาจนสลบไป รัฐฟื้นมาอีกครั้งที่หมู่บ้านปางขุม ดอยปุย ในปี พ.ศ. 2512 มาเจอ ทิวาน สาวน้อยชาวเขาเผ่าม้ง และหว่าง รัฐได้ยินทั้งคู่พูดว่าในหลวง รัชกาลที่ ๙ จะเสด็จมาเยี่ยมชาวเขาที่นี่ รัฐเถียงว่าเป็นไปไม่ได้เพราะในหลวง รัชกาลที่ ๙ สวรรคตแล้ว ทิวาน, หว่าง และชาวบ้านโมโหไล่ตีรัฐ เพราะไม่พอใจที่รัฐพูดจาไม่เป็นมงคล จนวันหนึ่งรัฐป่วยหนักปางตาย ทุกคนจึงช่วยกันแบกรัฐไปหาหมอที่ตามเสด็จ หมอช่วยชีวิตรัฐไว้ได้ทันเวลา ในที่สุดรัฐฟื้นกลับมาสู่ยุคปัจจุบัน และตั้งมั่นจะเป็นหมออาสาช่วยเหลือผู้คน ตามแบบที่ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงปฏิบัติมาตลอดพระชนม์ชีพ

  • เรื่องย่อ : ดุจแสงทองส่อง

พอร์ช ชายหนุ่มที่มีชีวิตสุขสบาย พอร์ชไม่เข้าใจที่แม่เอาแต่ร้องไห้เพราะในหลวง รัชกาลที่ ๙ สวรรคต จึงชวน หมอรัฐ เพื่อนสนิทไปเที่ยวหัวหิน จนเกิดอุบัติเหตุรถชนกับมุกดา พอร์ชสลบและย้อนเวลาไปปี พ.ศ. 2523 ท่ามกลางสงครามระหว่างคอมมิวนิสต์กับทหารที่หมู่บ้านสร้างค้อ จ.สกลนคร คราม ช่วยพอร์ชไว้และพาไปอยู่ด้วย จนวันหนึ่ง สำเริง พี่ชายคราม ชวนคนในหมู่บ้านไปทำสวนในพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จนความเป็นอยู่เริ่มดีขึ้น คนในหมู่บ้านจึงค่อย ๆ เปลี่ยนความคิดจากที่ยึดมั่นในระบบคอมมิวนิสต์ จนในที่สุดครามก็คิดได้ว่าคนที่ช่วยเหลือพวกเขาอย่างแท้จริงคือใคร รวมไปถึงพอร์ชที่คิดได้ว่าในขณะที่ตัวเองมีชีวิตสุขสบาย ยังมีคนอีกมากที่ลำบาก พอร์ชจึงสัญญากับตัวเองว่า ถ้ากลับไปได้เขาจะช่วยเหลือคนให้มากที่สุด โดยยึดถือคำสอนของในหลวง รัชกาลที่ ๙ เป็นแบบอย่าง  

บางรักซอย 9/1 2559

บางรักซอย 9/1 (2559/2016) ถ้าคุณยังจำซิทคอมโรแมนติกอารมณ์ดีเจ้าของวลี ถึงน้ำจะเน่าก็ยังเห็นเงาจันทร์ กันได้ นี่คือเรื่องราวภาคต่อที่จะทำให้คุณหายคิดถึงพวกเขา บางรักซอย 9/1 คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากที่ความรักของ ชัดเจน (แท่ง-ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) กับ แป้งร่ำ (อ้อม-พิยดา อัครเศรณี) ลงเอยด้วยการแต่งงาน และมีพยานรักถึง 2 คน ได้แก่ ชัดแจ้ง (ตงตง-กฤษกร กนกธร) เด็กหนุ่มวัย 16 สุดป๊อปประจำโรงเรียน ที่ถอดดีเอ็นเอความกวนกะล่อนจากชัดเจนมาแบบเต็ม ๆ และ แป้งหอม (อ๊ะอาย-กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ) เด็กสาววัย 13 ตัวป่วนสุดเนิร์ด ที่ถอดความเฮี้ยบเจ้าระเบียบมาจากแป้งแบบเป๊ะ ๆ เช่นกัน จากคู่รักมุกเสี่ยว ต้องผันตัวมาเป็นพ่อแม่คอยปราบความเฮี้ยวของลูก ๆ ชัดเจนกับแป้งจึงต้องคอยช่วยกันแก้ปัญหาต่าง ๆ นานา ทั้งเรื่องลูก เรื่องงาน ที่พากันบานปลายกลายเป็นปัญหาระดับชาติ ในขณะที่ชัดแจ้งและแป้งหอมก็ต้องผจญกับปัญหาหัวใจวัยสะรุ่น เมื่อบ้านเช่าที่ชัดเจนเคยอยู่ มีผู้เช่าใหม่คือ 2 พี่น้องสุดแสบ เอิร์ธ (นน-ชานน สันตินธรกุล) กับ ไอซ์ (พลอย-ภัชธร ธนวัฒน์) ผู้ที่ทำให้หัวใจของชัดแจ้ง และแป้งหอมเต้นแรงเป็นครั้งแรก และนี่คือปฐมบทใหม่ของซิทคอมสุดคลาสสิก โรแมนติกคอมมาดี้ที่สุดในยุค 4G กับเรื่องราวการแอบรักคนข้างบ้านที่ยังคงมีอยู่ทุกยุคทุกสมัย พบกับพวกเขาได้ใน บางรักซอย 9/1

ครอบครัวตัวสลับ (2559/2016) บุญเติมและจันทร์จรีเป็นคู่ผัวเมียที่อยู่กินกันมานานถึง 20 ปี มีลูกชายคนหนึ่งคือ ประกอบ หลังจากจันทร์จรีเสียชีวิต ประกอบได้มีสาวมาบ้านชื่อ ปิ่น เป็นสาวสวยแต่ประกอบด้วยความเจ้าชู้เลยทิ้งปิ่นไปทำให้ปิ่นเสียใจมาก หลังจากปิ่นย้ายออกไปประกอบไปเจอกับ พลอยไพลิน สาวร่างท้วมแต่มีเสน่ห์มาก ทั้งคู่พลาดมีอะไรกันในที่สุด บุญเติมรู้เรื่องมาตลอดแต่ก็รับได้ พลอยไพลินคลอดลูกออกมาเป็นหญิงชื่อ พิสา หรือ ดาว หน้าตาดี สามปีหลังดาวเกิด ก็ท้องเป็นเด็กชายชื่อพิสุทธิ์ หรือ ดุ่ม ใช้ความหล่อล่อผู้หญิง และท้องลูกคนสุดท้องชื่อพิสิษฐ์ หรือ แด ที่มีทรงกะลาเต่อตั้งแต่อายุสองขวบ พอ อำพัน แม่ของพลอยย้ายเข้ามาก็มีเรื่องวุ่นวาย ไหนจะมีหนุ่มชื่อ บอล มาตามจีบดาวอีก แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เจิด เด็กแว้นแถวบ้านไปมีเรื่องกับกอบ พลอยดันเข้าใจผิดคิดว่ากอบไปมีอะไรกับ โยโกะ สาวเลขาของกอบ อำพันทำน้ำหกบวกกับกอบชนเตารีดและตกใส่น้ำที่หก ทุกคนเลยถูกไฟช็อตแต่ พวง คนใช้ไปเข้าห้องน้ำเลยไม่โดนไฟช็อต ไฟดับทั้งบ้าน จู่จู่เจิดก็ลุกขึ้นและออกจากบ้านไป เมื่อทุกคนตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองสลับร่าง โชคร้ายที่วิญญาณยายไปเข้าร่างเจิดและหายตัวไป!!

True Love Story เพราะเธอคือรัก รักที่แตกต่าง (2559/2016) เรื่องราวของ โบนัส (เขมนิจ จามิกรณ์) หมอสาวลูกคุณหนูที่ใช้ชีวิตตามกฎระเบียบของคุณแม่มาตลอดตามสูตรลูกคุณหนู แม้ว่าเธอจะชอบหรือไม่ชอบก็ตามแต่การทำตามที่แม่บอกเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดสำหรับเธอ โบนัสคบกับ หมอเพชร (บรรเจิด สันธนะพานิช) ลูกเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนใหญ่ ซึ่งแม่ของเธอเป็นคนหาให้ หมอเพชรอยากให้โบนัสย้ายโรงพยาบาลไปอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนของพ่อเขา หลังแต่งงาน แม้โบนัสจะไม่เต็มใจก็ตาม แต่แล้ววันหนึ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เมื่อเธอได้พบกับ อัญ (อัยรินทร์ กองคำ) สาวน้อยที่ป่วยเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง และ อาร์ม (วรเวช ดานุวงศ์) หนุ่มนักดนตรี ที่เป็นพี่ชายของอัญผู้ที่ยอมทิ้งฝันและทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อดูแลน้องสาวอันเป็นที่รัก โบนัสและอาร์ม ได้พบกับบ่อยครั้งขึ้น ด้วยเพราะส่วนหนึ่งเป็นแผนการของอัญ ที่ต้องการให้พี่ชายของเธอมีแฟน เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่โบนัสเริ่มมีปัญหากับหมอเพชรเรื่องที่เธอไม่อยากย้ายโรงพบาบาล อาร์มจึงเป็นคนที่คอยช่วยให้เธอได้สบายใจ และยังได้เปิดโลกอีกด้านของเธอได้ทำในหลายๆ สิ่งที่ไม่เคยทำทำให้ลูกคุณหนูคนนี้ ตกหลุมรัก อาร์มโดยไม่รู้ตัว เวลาผ่านไปทั้งหมอโบนัสและอาร์มเริ่มเปิดใจให้กันมากขึ้นทุกอย่างกำลังสดใสและมีความสุข แต่เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่ออาการของอัญทรุดลงอย่างหนัก มิหนำซ้ำแม่ของโบนัสยังบังครับให้เธอแต่งงานกับหมอเพชร โบนัสต้องเลือกว่าจะกล้าทำตามหัวใจของเธอ หรือจะทำตามสิ่งที่เธอเชื่อมาตลอดชีวิตว่าถูกต้องนั่นคือคำพูดของแม่เธอ และบทสรุปความรักนี้จะจบลงเช่นไร

บ่วงรักสลักแค้น (2559/2016) บางน้ำผึ้งเมื่อเกือบสี่สิบปีก่อน ก่อนที่จะมีตลาดน้ำบางน้ำผึ้งซึ่งเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศนั้น เคยล้อมรอบไปด้วยสวนมะม่วงพันธุ์ดี บานชื่น สามีชื่อ ตาเช้า มีลูกชายอยู่สองคน ชื่อ ปองพล รับราชการทหาร และ ปกป้อง อัธยาศัยดี เชื่อฟังแม่ บ้านของบานชื่นอยู่ติดกับสวนของ บัวผัน ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่รักใคร่กันเป็นอย่างดี มีลูกสาวสวยอยู่สามคนชื่อ มาลา มาลัย และมาลี สามสาววัยไล่เลี่ยห่างกันแต่ นิสัยต่างกันสุดขั้ว มาลา สวยหวานมีนิสัยอ่อนหวาน มาลัย เป็นคนเอาแต่ใจ ขี้โวยวาย เจ้าคิดเจ้าแค้น มาลี เป็นน้องเล็ก เห็นชีวิตของคนรอบ ๆ ตัวที่มีปัญหาแล้วไม่อยากมีคู่ครอง ปองพลชอบมาลัย เแต่มาลัยไม่ชอบเพราะปองพลเป็นคนมีระเบียบวินัยจนตนเองรู้สึกรำคาญ ส่วนปกป้องชอบมาลา เพราะเห็นเป็นคนจิตใจดี อีกประเด็นคือปกป้องอยากเอาชนะ พันลือ (ลูกชายของขิม กับ มาก ผู้ใหญ่บ้านประจำตำบล) ซึ่งเป็นเศรษฐีประจำหมู่บ้าน พันลือนั้นมีใจให้มาลาเช่นเดียวกัน เทียวไร้เทียวขื่อมาแต่เด็ก แต่มาลาเห็นว่าพันลือชอบทำตัวเป็นนักเลงจึงไม่สนใจจะคบหาในฐานะคนรัก ต่อมาทั้งสองบ้านมีเรื่องกินแหนงแครงใจกัน เนื่องจากได้ข่าวมาว่าสวนรอบนอกของชาวบ้านละแวกเดียวกันนั้น ทั้งหมดทยอยขายให้นายทุนที่จะมาซื้อไปทำบ้านจัดสรร เมื่อเกิดกรณีเช่นนี้ทั้งสองจึงตกลงกันว่าได้ผลผลิตเท่าไหร่จะแบ่งคนละครึ่งเพราะนางบัวผันเป็นคนปลูก แต่ที่ดินเป็นของบ้านครูบานชื่น ทั้งสองบ้านตกลงกันไม่ได้จึงแตกคอกัน แล้วยังเกิดเรื่องร้ายให้ต้องโกรธแค้นกันเข้าไปอีก วันหนึ่งมาลีไปอ่านหนังสือและพลัดตกน้ำ ปองพลมาพบเข้าจึงรีบลงไปช่วยเกิดตะคริวกินขาปองพลแม้จะว่ายน้ำเก่งไม่น่าจะจมน้ำแต่ปองพลก็มาจมน้ำตาย ยิ่งทำให้บ้านครูบานชื่นเกลียดบ้านของบัวผันมากอยู่แล้วถึงกับประกาศจะไม่เผาผีบ้านบัวผัน โทษฐานทำให้ลูกชายคนโตของตนต้องตายก่อนวัยอันควร โดยที่ครูบานชื่นสั่งห้ามลูกชายคนเล็กของตนให้เลิกไปคบหาดูใจกับมาลาอย่างเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะตัดขาดแม่ลูก แต่ความรักของหนุ่มสาวที่ลักลอบคบหากันเกิดสุกงอมและได้เสียกันในวันหนึ่ง โดยที่มาลัยน้องสาวคนรองแอบเห็นเข้าและเสียใจมาก เพราะพอใจในตัวปกป้องอยู่มาก แต่มาลัยสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมยกปกป้องให้ผู้หญิงคนไหนทั้งนั้นจะยอมให้คนเดียวคือมาลาพี่สาวของตน แต่เมื่อ ดาวราย เห็นปกป้องเกิดพอใจปกป้องมากและไม่ชอบ รวมทั้งอิจฉาความสวยของสามพี่น้องมาลา มาลัย มาลี อยู่แล้วจึงคิดแย่งชิง ดาวรายแอบไปทำเสน่ห์กับหมอเสน่ห์ประจำตำบล พันลือแอบเห็นเข้า แต่เมื่อรู้ว่าดาวรายทำเสน่ห์ใส่ปกป้องหนามยอกหัวใจก็ไม่คิดจะทัดทานเพราะมาลาจะได้มาเป็นของตน ปกป้องมีท่าทีเปลี่ยนไปตีตัวออกห่างจากมาลา ในขณะที่มาลาบอกว่าตนเองกำลังตั้งท้องอ่อน ๆ ปกป้องโดนเสน่ห์จึงหมดรักมาลาแล้วกล่าวหาว่าลูกในท้องของมาลาอาจเป็นลูกของพันลือก็ได้ไล่ให้มาลาไปอ้อนวอนให้พันลือรับลูกในท้องเป็นพ่อ มาลาโกรธและเสียใจมากวิ่งหนีออกจากกระท่อมและตกท้องร่องทำให้แท้ง พันลือผ่านมาพบจึงพาไปโรงพยาบาลแล้วรู้ว่ามาลาตั้งท้องกับปกป้องแต่ก็ยังรักมาลา มาลัยตามไปด่าปกป้อง ทั้งคู่มีปากเสียงกันปกป้องกำลังหน้ามืดเพราะดาวรายกำลังเล่นของใส่จึงปล้ำมาลัยจนได้เสียกัน พันลือแม้เป็นลูกเศรษฐีและออกนักเลงหัวไม้แต่ก็รักมาลาจริง ๆ และยอมรับได้ทุกอย่าง มาลาจึงเห็นแก่ความดีของพันลือที่รักตนอย่างจริงใจยอมแต่งงานกับพันลือ และมีลูกด้วยสองคน (ชยพล และ ชลกร) ปกป้องกับดาวรายแม้ว่าจะรักกันด้วยเสน่ห์ แต่เมื่อดาวรายไม่ได้ทำเสน่ห์แล้ว ปกป้องก็ไม่อาจปัดความรับผิดชอบที่มีต่อลูกได้ทั้งคู่มีลูกสาวชื่อ (ปานดาว และต่อมามีลูกสาวอีกคนชื่อปานวาด และมีลูกผู้ชายชื่อปัฐวี) โดยไม่มีใครรู้ว่าปานวาดลูกคนกลางไม่ใช่ลูกของปกป้องกับดาวราย แต่เป็นลูกที่เกิดจากพันลือกับดาวราย ส่วนมาลัยตัดสินใจแต่งงานกับ ก้องภพ มีลูกสาวคนเดียวชื่อ ดุจเดือน และสอนให้ลูกสาวเกลียดญาตพี่น้องข้างพ่อ และถูกป้อนข้อมูลมาตลอดว่า ปกป้องทำอะไรเอาไว้กับป้าของตนบ้าง ดุจเดือนจึงเกลียดปกป้องและดาวรายมาก ปัจจุบัน วันเวลาผ่านไป ทั้งสองครอบครัวต่างร่ำรวย โดยเฉพาะมาลามีที่ดินมากกว่า ขายที่ได้เงินมากกว่าจึงร่ำรวย อีกทั้งพันลือก็เป็นลูกเศรษฐีอยู่แล้ว ทั้งสองย้ายมาอยู่ย่านบางพลีตั้งโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ในเขตนิคมอุตสาหกรรมและยิ่งร่ำรวยมากขึ้นไปอีก ลูกชายคนเล็ก ชยพล กลับมาจากอังกฤษ เพื่อรับช่วงธุรกิจของครอบครัว ส่วน ชลกร ลูกชายคนโตไม่สนใจงานด้านบริหาร เพราะเป็นคนอารมณ์ศิลปินชื่นชอบการถ่ายภาพ ต่อมามาลัยเห็นว่าพี่สาวและแม่ไม่ได้กลับบ้านมานับสิบปีแล้วจึงพาไปเที่ยวที่ตลาดน้ำแล้วบังเอิญไปเจอดาวรายคู่ปรับเก่าเข้าที่ตลาด และลูกสาว ปานดาว สองบ้านเปิดศึกน้ำลายตบตีกันจนตกน้ำ แต่ชลกรที่มาด้วยไม่รู้เรื่องเขาไปถ่ายรูปเก็บบรรยากาศภายในตลาดน้ำ และสะดุดตากับแม่ค้าคนสวยจึงขอสัมภาษณ์ นั่นทำให้หัวใจของสาวน้อยอย่าง ปาดวาด ตกอยู่ในห้วงรักทันที มาลัยทำทีไม่กล้าเล่าแต่วางแผนในใจอยากให้หลานชายแก้แค้นคืน ชยพลเลยเข้าไปเป็นลูกค้าที่ บ้านเตยหอม ซึ่งเป็นโฮมเสตย์ของ ปานดาว พลเข้าไปตีสนิท แกล้งปานดาวสารพัด ปานดาวโมโหจึงไล่ชยพลให้ไปพักที่อื่นและเลิกมาวอแวตนเสียที แต่คนชอบเอาชนะอย่างชยพลไม่ยอมไปไหนเขายังเทียวไล้เทียวขื่อเธอจนปานดาวอาละวาดหนัก ในคืนที่ไฟดับพอดี ชยพลได้โอกาสจึงรังแกปานดาวได้สำเร็จตกเป็นของตนในทันที เรื่องราวต่าง ๆ จะดำเนินไปอย่างไร เมื่อไฟของทั้งสองครอบครัวยังไม่ดับไปกับอดีต แต่มาลุกโชนอีกครั้งในปัจจุบัน ชยพล กับ ปานดาว จะจัดการอย่างไรกับลูกในท้อง และ ชลกร กับ ปานวาด จะรักกันได้หรือไม่ ? ติดตามชมและร่วมลุ้นกันต่อได้ในละคร บ่วงรักสลักแค้น

เจ้าจอม 2559

เจ้าจอม (2559/2016) จอม เจิดจ้า ชื่อนี้ใครๆ ในย่านคลองรังสิตรู้จักกันดีในความขยัน อดทน และกตัญญู ซึ่งมีหน้าตาผิวพรรณสะอาดดูดี ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นลูกของลำเจียก ลำเจียกทารุณกรรมตบตีจอมตลอด ดังไม่ใช่ลูกของตนและแท้ที่จริงจอมก็ไม่ใช่ลูกลำเจียก จอมเป็นลูกของพุทธชาติที่เกิดกับดำรง แต่ก็จะมีแต่ยายจันหญิงชราตาบอดแม่ของลำเจียกที่รักและเอ็นดูจอมมากกว่าลูกแท้ๆ ของตนเอง จอมเป็นเด็กกตัญญูรู้คุณมาก เธอพยายามทำงานทุกอย่างเพื่อนำเงินมาให้กับลำเจียกใช้สอย แต่ลำเจียกก็นำไปเล่นการพนันจนหมด ซึ่งจอมก็หาได้รับความรักจากลำเจียกเลย กลับตอบแทนเธอด้วยการตบตีจอมจนเจ็บป่วยอยู่บ่อยครั้ง มีเพียงยายจันเท่านั้นที่มอบความรัก ความห่วงใย และความอบอุ่นให้จอม แต่จอมก็ยังรักลำเจียกที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ของตนเสมอมา แต่จอมหารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วลำเจียกไม่ใช่แม่ของตน มันมีความลับบางอย่างที่จอมไม่รู้เลย เจ้าเปีย เพื่อนรักในวัยเด็กของจอม ที่คอยช่วยเหลือเธอมาตลอด แม้กระทั่งตอนที่เจ็บป่วยจากการถูกนางลำเจียกตบตีก็หายามาให้ เพราะความจนและลำเจียกก็ไม่เคยดูดำดูดีในตอนที่จอมป่วยเลย จอมไปรับฝักบัวมาขายตามสี่แยกถนนแถวรังสิต เพื่อหารายได้มาดูแลยายจัน ทำให้เธอได้พบกับ แรก ทัดเทพ ธรรมสถิต เมื่อเขาเห็นจอมก็ตกใจเพราะจอมหน้าเหมือน “รอง” น้องชายของเขาที่จมน้ำตายไปต่อหน้าซึ่งไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลย เพราะความเป็นคนใจร้ายใจดำ ความริษยาของทับทิมแม่ของตนเอง ฆ่ารองตายแบบเลือดเย็นเพราะต้องการให้ตนเป็นทายาทผู้รับสมบัติจากเจ้าคุณปู่เพียงผู้เดียว แรกและจอม ถูกชะตากันมาก แรกบอกกับจอมว่าอาทิตย์หน้าให้มารอเขาที่สี่แยกนี้เพราะแรกจะพาจอมไปธรรมสถิตเพื่อหาเจ้าคุณปู่ ซึ่งเจ้าคุณปู่ไม่รู้ว่ารองหลานชายคนเล็กของเขานั้นตายจากไปแล้ว เพราะแรกโกหกว่ารองไปอยู่ต่างประเทศกับพุทธชาติ แต่แรกก็ไม่ได้เจอจอมอีกเพราะโดนนางลำเจียกนำไปขายให้กับคุณนายบุญชุบ แม่เล้าชั้นดี ตลอดเวลา 3 ปี ที่ผ่านมา คุณนายบุญชุบและแม่วอนคอยสั่งสอนกิริยามารยาทให้กับจอมจนเธอกลายเป็นเด็กที่น่ารักอ่อนหวาน แต่ในความอ่อนหวานและสง่างามก็มีความเข้มแข็งฉลาดหลักแหลมในตัวตน แต่แม่วอนผู้เป็นคนดูแลเด็กในบ้านของคุณนายบุญชุบก็รักและคอยช่วยเหลือจอมไม่ให้โดนขายไปกับท่านซึ่งพอเห็นจอมก็หลงรักและอยากได้ไปเป็นอนุของท่าน จอมหนีออกจากบ้านคุณนายบุญชุบ แต่ระหว่างทางเจอคนร้ายเข้ามารุมทำร้าย แต่เธอก็ต่อสู้สุดชีวิตจนหนีออกมาได้แต่ก็มาถูกรถของแรกชน แรกพาจอมมาดูแลรักษาบาดแผลที่โดนรถชนที่บ้าน ทับทิมไม่พอใจเป็นอย่างมากและไม่ชอบหน้าจอมเพราะจอมมีหน้าตาคล้ายรอง ต่อมาแรกให้จอมเข้ามาอยู่ในบ้านฐานะน้องชายของเขาเอง ก็คือ รอง แรกพาจอมไปพบคุณปู่เทพและหลอกคุณปู่ว่าจอมคือรองกลับมาจากอังกฤษแล้ว ทำให้ปู่เทพดีใจและรักจอมมาก ซึ่งปู่เทพเองก็รู้ว่าจอมเป็นเด็กผู้หญิงแต่ก็ไม่ได้พูดออกไปกลับคอยช่วยเหลือและเป็นกำลังใจให้กับจอมเพื่อให้เธอต่อสู้กับครอบครัวทับทิมและหลานทั้ง 3 คนของเธอ ต่อมาคุณปู่เทพเสียชีวิตลง ทับทิมเรียกจอมไปพบและให้อ่านจดหมายของแรกซึ่งทับทิมปลอมมันขึ้นมาว่า เมื่อคุณปู่ตายแล้วจอมก็หมดหน้าที่ดังนั้นให้ทับทิมจัดการให้จอมออกจากบ้านไปเพราะหมดหน้าที่ในการดูแลเจ้าคุณปู่แล้ว จอมหลงกลทับทิมและเข้าใจผิดแรก เก็บเอาความเสียใจน้อยใจแรกจนเกิดเป็นแรงทิฐิ จอมออกไปหาที่อยู่ใหม่และได้เจอกับเปียเพื่อนเก่าสมัยเด็กซึ่งเปียได้มาขับรถแท็กซี่ในกรุงเทพฯและได้มาเช่ารถที่อู่ของเติมจึงทำให้การตามหาลูกสาวของดำรงง่ายขึ้น ก่อนเจ้าคุณปู่เทพจะเสียชีวิตได้ทำพินัยกรรมยกธรรมสถิตให้กับแรกไว้ โดยมีข้อแม้ว่าแรกต้องแต่งงานกับจอม เพราะถ้าไม่แต่งสมบัติทั้งหมดจะตกเป็นของจอมแต่เพียงผู้เดียว เมื่อทับทิมรู้เรื่องพินัยกรรมก็เป็นลมล้มพับไป แรกสับสนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเขาอยากปรึกษาใครสักคนโดยเฉพาะกับดลเพื่อนรักของเขาเองแต่ดลนั้นอยู่ต่างประเทศ เขาจึงระบายความทุกข์ให้ดุจฤดีฟังทำให้เธอรู้ว่าทับทิมหลอกแรกว่าจอมหนีไปแต่งงานแต่ด้วยความมีทิฐิของจอมก็ไม่อภัยให้กับแรกเพราะน้อยเนื้อต่ำใจ แรกได้รู้ความจริงว่าจอมไม่ได้เป็นเด็กใจแตกไม่ได้หนีออกไปแต่งงานจากสำลี สาวใช้ที่ดูแลจอม บอกเรื่องที่เกิดขึ้นจอมถูกใส่ร้ายมาตลอด คุณหลวงทนายความได้เจอตัวพุทธชาติแต่เธอกลับพยายามหลบหนีแรกก็ตามหาพุทธชาติเช่นกัน พอข่าวรู้ถึงดำรงว่าพุทธชาติยังไม่ตาย พุทธชาติเข้าไปอยู่กับหม่อมจิตเพื่อนรักที่วังเหมรินทร์แล้วและมีโอกาสได้พบกับดุจฤดีลูกสาวของตนจนบอกความจริงว่าจอมก็คือลูกของตนที่เกิดจากการขืนใจของดำรง แรกจะหนีไปต่างประเทศเพื่อเรียนต่อแต่ก็ไปเพื่ออยากลืมความเจ็บปวดทุกอย่าง เมื่อท่านชายภัทรยุทธ์รู้ว่าดุจฤดีคือคนเดียวกับจอม ก็บอกให้เธอยอมรับหัวใจตัวเองเพราะท่านรู้เสมอว่าดุจฤดีนั้นรักแรกเป็นอย่างมาก ไม่ได้รักท่านชายเลยที่ทำทุกอย่างเพียงเพราะต้องการประชดแรกเท่านั้น และท่านก็เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่รั้งเธอไว้กับตนเอง ถึงแม้จะรักมากก็ตาม มาร่วมลุ้นไปกับความรักของเขาและเธอว่าจะลงเอยกันอย่างไร...เจ้าจอม

นารีริษยา 2559

นารีริษยา (2559/2016) “คุณท่านแม้นเทพ” ข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ แอบไปมีความสัมพันธ์กับ “พิมพ์นิภา” น้องสาวของ “คุณหญิงพิมพ์นารา” ภรรยาของท่านชายแม้นเทพที่ป่วยด้วยโรคเลือดมาหลายปี จนพิมพ์นิภาท้องขึ้นมาด้วยความไม่ตั้งใจ พิมพ์นิภากลัวพี่สาวจะรู้จึงขอกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด แต่ท่านชายต้องการให้พิมพ์นิภาอยู่จึงตัดสินใจพูดกับคุณหญิงพิมพ์นาราโดยคิดว่าคุณหญิงน่าจะเข้าใจและเห็นแก่น้องสาวของตนเองบ้าง แต่คุณหญิงพิมพ์นารากลับไม่พอใจอาละวาดด่าทอท่านชายแม้นเทพอยู่หลายครั้ง “สายป่าน” ลูกสาวของคุณหญิงพิมพ์นาราที่อายุเพิ่งจะ 6 ขวบ เห็นเหตุการณ์มาตลอด หนูน้อยเฝ้ามองด้วยความน้อยใจที่เห็นพ่อไม่ใยดี ซ้ำยังเมินทั้งแม่และตนเอง อาการป่วยของคุณหญิงพิมพ์นารากำเริบขึ้นบ่อยครั้ง พิมพ์นาราพร่ำสอนให้สายป่านเกลียดพิมพ์นิภาและลูก ด้วยความแค้น จนกระทั่งวันหนึ่งคุณหญิงพิมพ์นารามีอาการหนักมากถึงขั้นระอักออกมาเป็นเลือด เป็นเวลาเดียวกันกับที่พิมพ์นิภาคลอดลูก พิมพ์นาราเสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตาสายป่าน ไร้เงาของพ่อที่อยู่เคียงข้างแม่ของเธอยามสิ้นลม

ในงานศพคุณหญิงพิมพ์นาราสายป่านแม้นอายุยังน้อยแต่กลับอาละวาดกรีดร้องชี้หน้าพิมพ์นิภาว่าเป็นคนทำให้แม่ของเธอต้องตาย “นรินทร์”พี่ชายที่ไปเรียนเมืองนอกต้องกลับมางานศพแม่ด้วยความสะเทือนใจไม่แพ้น้องสาว แต่ด้วยความเป็นลูกผู้ชายทำให้นรินทร์ไม่ถือสาหาความพ่อกับน้าสาว พิมพ์นิภาได้เข้ามาเป็นคุณผู้หญิงแทนพี่สาวและมีลูกเป็นผู้หญิงชื่อ “ปณิดา” พิมพ์นิภาด้วยความที่คิดว่าตนเองมีความผิดไม่น้อยก็พยายามทำความดีลบล้างความผิด จึงเอาใจสายป่านและนรินทร์ทุกอย่าง แม้นว่าสายป่ายจะกลั่นแกล้งน้องสาวมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต พิมพ์นิภาก็ยอมและยังสอนให้ ปณิดายอมให้พี่สาวด้วย พิมพ์นิภาสอนปณิดามาตลอดว่าให้สงสารพี่สายป่ายเพราะพี่สายป่านกำพร้าแม่ ปณิดาโชคดีที่มีทั้งพ่อและแม่จึงควรเห็นใจและยอมพี่ ปณิดาจำคำสอนของแม่มาตลอดและก็ยอมให้พี่สาวคนนี้มาตลอดเช่นกัน ในบ้านแม้นเทพ มี “ป้านุ่น” ทำหน้าที่แม่บ้าน ป้านุ่นได้นำ “ณภัทร” และ “ปอแก้ว” ที่เป็นหลานมาเลี้ยง เพราะแม่ของเด็กทั้งสองมีปัญหากับสามีที่ทอดทิ้งไป ท่านชายแม้นเทพก็ให้การส่งเสียจนเด็กทั้งสองได้เรียนเทียบเท่ากับลูกของเขาเอง แล้วเด็กทั้งสองก็ไม่ทำให้ผิดหวังเพราะเป็นเด็กดีตั้งใจเรียนและยังช่วยผู้เป็นยายทำงานทุกอย่างในบ้านจนเป็นที่รักของท่านแม้นเทพกับพิมพ์นิภา นรินทร์เองก็ใจดีกับปอแก้วมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ปอแก้วปลื้มพี่ชายใหญ่ใจดีคนนี้มาโดยตลอด นรินทร์ไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็ก กระทั่งเรียนจบ และไปรับราชการด้านกฎหมายอยู่ปักษ์ใต้ และเมื่อถึงเวลาก็ย้ายมาประจำการอยู่ที่พระนคร เขาเกิดความรู้สึกดีๆกับปอแก้ว แต่ต้องหักห้ามใจ และย้ำเตือนตัวเองว่าเขาและเธอไม่คู่ควรกัน ณภัทรก็แอบหลงรักปณิดา เพราะปณิดาเป็นนายสาวที่น่ารักและแสนดี แต่ความรักของณภัทรไม่มีวันจะสมหวังเพราะปณิดาไม่เคยมีใจให้เขาแต่ปณิดาก็ให้ความนับถือณภัทรเหมือนพี่ชาย สายป่านยังเรียนไม่จบเพราะตอนที่แม่ตายสายป่านหยุดเรียนและเมื่อไปเรียนแล้วก็ยังทำตัวเกเรไม่สนใจเรียนประชดคนเป็นพ่ออีก ทำให้การเรียนล่าช้าไปถึง 2 ปี ส่วนปณิดากำลังจะจบมัธยมปลายและเป็นเด็กที่เรียนเก่งมาตลอด นั่นก็ยิ่งทำให้สายป่านริษยาปณิดามาตลอดเช่นกัน ในงานเลี้ยงฉลองวันเรียนจบของสายป่านกับปณิดา ท่านแมเนเทพก็ไม่ลืมที่จะเชิญแขกคนพิเศษมาร่วมงาน “ภูดิศ” หนุ่มหล่อดีกรีนักเรียนนอก ผู้บริหารบริษัทยาลูกกลอน ภักดีโอสถ ซึ่งเ ป็นคู่หมั้นคู่หมายของปณิดา ภูดิศเป็นลูกชายของข้าราชการระดับอธิบดีที่เสียชีวิตไปแล้ว ภูดิศจึงอยู่กับแม่ คือ “ผกากรอง” สายป่านแสดงความรังเกียจภูดิศ อย่างชัดเจน เพราะใครที่ชอบปณิดาก็ถือเป็นศัตรู งานเลี้ยงคงจะผ่านไปได้ด้วยดี หากสายป่านไม่รู้เสียก่อนว่าสร้อยที่พิมพ์นิภาเอามาให้ ไม่ใช่ของขวัญจากพพ่ออย่างที่พิมพ์นิภาหลอกตน แม้นเทพซื้อสร้อยเป็นของขวัญให้แค่ปณิดาเพียงคนเดียวเท่านั้น ความน้อยใจเสียใจพรั่งพรูออกมา ความวุ่นวายเกิดขึ้น สายป่านต่อว่าพิมพ์นิภาแรงๆ แม้นเทพเข้าห้ามแต่แล้วก็ล้มไปตามแรงผลักของสายป่าน สายป่านรู้สึกผิดที่ทำให้พ่อเจ็บ แต่แม้นเทพไม่ยอมให้เข้าใกล้ ไม่อยากได้ยินแม้กระทั่งเสียงหายใจ ทุกครั้งที่เกิดเรื่องสายป่านต้องถูกกักบริเวณ และโดนสั่งให้ไปอยู่ที่เรือนป้านุ่น มีเพียงป้านุ่นที่เคียงข้างเธอมาโดยตลอด ภูดิศตั้งใจไว้ว่าหากปณิดาเรียนจบเขาอาจจะให้แม่มาสู่ขอ ความรักของภูดิศเป็นระบบและเข้าตามตรอกออกตามประตู แม้นเทพและพิมพ์นิภาจึงไม่กีดกันความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่ท่านชายแม้นเทพกลับหันไปกีดกันนรินทร์กับปอแก้วในทันทีที่เริ่มสังเกตว่าสองหนุ่มสาวจะแอบมีใจให้กัน เพราะยอมรับไม่ได้ที่เด็กในบ้านและอยู่ในฐานะหลานของคนรับใช้จะขึ้นมาเป็นคุณผู้หญิงของบ้านหลังนี้ นรินทร์รู้ดีจึงพยายามวางตัวให้เหมาะสม และคาดหวังเอาไว้ว่าในอนาคตคงอยากใช้ชีวิตกับผู้หญิงที่คู่ควร อย่าง “ศิริกัญญา” สาวมั่นที่มีดีกรีเป็นถึงลูกสาวข้าราชการระดับใหญ่โต อย่างท่านสุทินซึ่งในอดีตเคยร่วมงานราชการกับแม้นเทพ ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็ดูจะภูมิใจและสนับสนุนอย่างเต็มที่ หากทั้งคู่จะเกี่ยวดองกัน แต่เรื่องกลับไม่เป็นไปตามที่นรินทร์คิด ศิริกัญญามีเสน่ห์ดึงดูดเฉพาะรูปลักษณ์ภายนอก เมื่อกาลเวลาผ่านไปนรินทร์รู้สึกว่าศิริกัญญายังไม่ใช่หญิงสาวที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของเขา วันหนึ่งสายป่านบังเอิญมาเห็นภูดิศมอบแหวนแทนใจให้ปณิดา สายป่านก็มีแต่ความอิจฉาริษยายังคงหวังให้ความรักของทั้งคู่ล่มสลายไป แต่เรื่องกลับไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อปณิดาตกลงหมั้นกับภูดิศ สายป่านจึงเริ่มแผนการทำทุกวิธีทางไม่ให้ปณิดาสมหวัง สายป่านเป่าหูให้ภูดิศและผกากรองหวาดระแวงเรื่องณภัทรกับปณิดา จนสองแม่ลูกเองที่เหมือนจะหนักแน่นไม่เชื่อเรื่องที่สายป่านบอกต้องไคว้เขว เมื่อหลายครั้งที่ปณิดาทำอะไรมักจะนึกถึงแต่ณภัทรอยู่เสมอ เมื่อวันหมั้นมาถึง สายป่านจำใจต้องออกมาร่วมงาน แต่ก็ได้แต่ยืนดูอยู่ห่างๆ มีเพียงณภัทรที่มองเห็นและเข้ามาพูดคุยกับเธอ สายป่านรู้ว่าณภัทรเป็นคนดี แต่ก็ต้องทำเป็นเกลียดทุกครั้งเพราะณภัทรคือคนที่จงรักภักดีต่อปณิดา ในส่วนของณภัทรวันนี้เป็นอีกวันที่เขาต้องพยายามเก็บความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ไม่น้อย เมื่อเขากำลังจะเสียผู้หญิงที่เขารักไปจริงๆแล้ว หลังเสร็จพิธีหมั้นภูดิศยังคงถูกสายป่านปั่นหัว ความคิดมากเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างณภัทรกับปณิดาเริ่มรบกวนจิตใจขึ้นเรื่อยๆ ภูดิศดื่มหนักมากและมีท่าทีแปลกไป จนแม้นเทพต้องปรามและให้ทุกคนแยกย้ายจากการฉลองในค่ำคืนนี้ สายป่านเข้ามาดูอาการของภูดิศที่เมาสิ้นสภาพ แอบสะใจที่แผนการของตนเป็นผล สายป่านยังคงพูดจาเยาะเย้ย ภูดิศที่ขาดสติจึงได้ใช้กำลังอย่างไม่รู้ตัว สายป่านพยายามดิ้นรนแต่ก็ไม่เป็นผล ด้านปณิดาเองก็นอนไม่หลับกระวนกระวาย คิดเรื่องภูดิศอยากเคลียร์ปัญหาให้จบ จึงชวนปอแก้วไปที่เรือนรับรอง เมื่อถึงเรือนรับรองเธอต้องช็อก!!!! กับสิ่งที่เห็น ปณิดาที่กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดกับภาพที่เห็นตรงหน้า สายป่านที่นั่งร้องไห้ตัวโยน โดยข้างๆมีภูดิศนอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียง แม้นเทพแค้นมากพุ่งเข้าทุบตีสายป่านกะจะเอาให้ตาย ทุกคนพยายามห้ามไว้ สายป่านไม่ขัดขืน ยินยอมให้ผู้เป็นพ่อทุบตีเพราะรู้สึกผิด ความเกลียดที่เอ่อล้นทำให้แม้นเทพพลั้งปากบอกความลับที่เก็บอั้นไว้ในใจมาแสนนาน สายป่านเหมือนโดนฟ้าผ่าลงกลางหัวใจ เธอไม่ใช่ลูกแม้นเทพ เธอเป็นลูกชู้!!! ศิริกัญญาอาสาพาสายป่านไปอยู่บ้านตนก่อน นรินทร์รู้สึกซึ้งใจในน้ำใจของศิริกัญญา โดยที่ไม่รู้ว่ามันคือการเสแสร้ง ศิริกัญญาแม้ไม่ค่อยชอบสายป่านเท่าไหร่นัก แต่ก็จำใจยอมเพื่อเอาชนะใจนรินทร์ สายป่านอึดอัดใจที่จะอยู่บ้านศิริกัญญา จึงตัดสินไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างจังหวัดกับณภัทร ซึ่งต้องเดินทางไปประจำเป็นหมออาสาที่ชุมชน สายป่านกราบลาพิมพ์นิภา ผู้เป็นน้า ทิฐิทั้งหมดพังทลายลงหมดสิ้น เมื่อวันที่เธอสูญสิ้นทุกอย่าง ยังมีพิมพ์นิภาอยู่เป็นกำลังใจอยู่ไม่ห่าง ปณิดายังคงบ้าคลั่ง อาละวาดและทำร้ายตัวเองอยู่บ่อยครั้ง จนกลายเป็นโรคซึมเศร้า ผู้เป็นพ่อแม่ก็ยิ่งทุกข์ใจ ปณิดาเอาแต่ถามหาภูดิศ ซึ่งแม้นเทพไม่ยอมให้เจออย่าเด็ดขาด แต่สุดท้ายก็ต้องยอมใจอ่อนให้ทั้งสองคนพบกัน เพราะแม้นเทพรักปณิดามาก อาการปณิดากลับมาดีขึ้น และยิ่งมีความสุขเมื่อภูดิศรับปากว่ายังไงก็จะแต่งงานกับเธอ สายป่านใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ดูลำบากในช่วงแรกๆ แต่ก็ดูสบายขึ้น ทำให้ณภัทรได้เห็นถึงมุมดีๆของสายป่าน ที่เชื่อมาตลอดว่าสายป่านไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอย่างที่แสดงออกมา ขณะเดียวกันสายป่านก็เปิดใจยอมรับในความดีของณภัทรมากขึ้น ภูดิศตั้งแต่เกิดเรื่องก็ไม่ได้เจอกับสายป่านอีกเลย เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อรับผิดชอบ ภูดิศช่วยสืบหาความจริงเรื่องพิมพ์นารามีชู้ ด้วยเชื่อมั่นว่าแม้นเทพอาจจะเข้าใจผิด ระหว่างที่สายป่านอยู่ตจว. ภูดิศแอบแวะเวียนมาดูอยู่ห่างๆ และแอบมีความรู้สึกหึงหวงสายป่านเป็นบางครั้งที่เห็นสายป่านดูใกล้ชิดสนิทสนมกับณภัทร ณภัทรเริ่มสังเกตอาการของสายป่านที่เหมือนคนแพ้ท้อง สายป่านซึ่งรู้อยู่เต็มอกกลัวในคำตอบจึงดื้อรันไม่ยอมไปหา เธอคิดหาทางออกด้วยการฆ่าตัวตาย ณภัทรมาช่วยไว้ทันและขอรับผิดชอบเป็นพ่อของเด็กในท้องเอง ภูดิศซึ่งรู้เรื่องสายป่านท้องจึงเดินทางไปหาเพื่อนแสดงความรับผิดชอบอย่างลูกผู้ชาย แม้ใกล้ถึงวันแต่งงานของตนกับปณิดาแล้วก็ตาม ศิริกัญญาที่เริ่มสนใจในตัวภูดิศ มีแผนคิดแย่งภูดิศมาจากปณิดาหรือใครก็ตามที่เป็นก้างขวางอยู่ เหมือนที่เคยทำกับปอแก้วครั้งที่คิดว่าเป็นหนามตำใจระหว่างเธอกับนรินทร์ ศิริกัญญาจ้างชายนิรนามให้สะกดรอยตามสายป่าน และดำเนินตามแผนการ สายป่านถูกชายนิรานามหลอกให้เข้าไปในงานแต่งงานของปณิดากับภูดิศ ปณิดาเมื่อรู้ว่าป่านท้อง อาการทางจิตก็กำเริบปณิดาอาละวาดอย่างบ้าคลั่ง เข้าทุบตีสายป่านจนหมดสติ เหตุการณ์ทุกอย่างยิ่งทวีความเกลียดชังที่มีต่อสายป่าน แม้นเทพกระโจนเข้าบีบคอสายป่านไม่ยั้ง ศิริกัญญาดูความวุ่นวายที่เกิดขึ้นอย่างสะใจ โดยมีสุทินสังเกตอยู่ห่าง คิดว่าต้องเป็นฝีมือลูกสาวตนเป็นแน่ ปณิดาหลังจากได้สติก็จัดการเผาเรือนหอ คิดจะเผาให้ตายไปพร้อมกับตัวเธอ ทุกคนช่วยกันพาปณิดาออกมา สายป่านตระหนกมองดูเหตุกาณ์อยู่ห่างๆเธอเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ภูดิศพาสายป่านมาอยู่บ้านท่ามกลางเสียงคัดค้านของผู้เป็นแม่ ผกากรองจำใจต้องยอมเพราะสายป่านอุ้มท้องหลานของเธออยู่ สายป่านจำต้องอยู่เพื่อลูกแม้ สถานการณ์ของสองบ้าน ทั้งฝั่งผกากรองและฝั่งแม้นเทพต่างก็ไม่อยากเกี่ยวดองกันอีกต่อไป แผนของศิริกัญญาสำเร็จไปหนึ่งขั้น จึงคิดจะก้าวขั้นต่อไปโดยเข้าทางผกากรอง ซึ่งก็ดูว่าจะเป็นไปได้ด้วยดี ผกากรองเบนเป้ามาที่ศิริกัญญาด้วยเพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมเหมาะสมกับภูดิศ การมาของศิริกัญญาจึงเป็นการร่วมมือกับผกากรองช่วยกันกำจัดสายป่านให้ออกไปจากบ้าน สายป่านอดทนจนถึงขีดสุด ภูดิศขอร้องให้สายป่านไปอยู่ห้องนอนแขกที่บริษัทยาของตน แต่ก็ไม่วายศิริกัญญายังคงตามมารังควานไม่เลิก หลังเหตุการณ์วันนั้นปณิดาคิดจะทำร้ายตัวเองอยู่หลายครั้ง รวมถึงอาการซึมเศร้าที่ณภัทรรู้ว่ายากจะเยียวยา แต่ก็ต้องพูดเพื่อความสบายใจของทุกคนในบ้าน ว่าอาการปณิดาจะต้องดีขึ้น แม้นเทพอนุญาตให้ณภัทรพาหมดมารักษาอาการทางจิตของปณิดา แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อแม้นเทพพุ่งเข้าชกหมอคนนั้นเต็มๆ แม้นเทพจำได้แม่นว่าหมอคือคนเดียวกันกับที่เป็นชู้กับพิมพ์นารา หลังจากเหตุการณ์ชุลมุนผ่านไปไม่กี่นาที ภูดิศเข้ามาพร้อมเอกสารและพยานบุคคลที่ทำให้ทุกคนกระจ่างว่าแม้นเทพเข้าใจผิด ว่าสายป่านเป็นลูกชู้ แม้นเทพเสียใจมาก และรู้สึกผิดกับสายป่าน ปณิดาที่รู้ตัวว่ากำลังจะเสียพ่อไปอีกคน ยิ่งทวีหวงแหนคนรอบข้าง และเกลียดชังสายป่านมากขึ้น สายป่านที่รู้ความจริงจากภูดิศว่าตนไม่ใช้ชู้ รู้สึกดีใจมากและรู้สึกขอบคุณภูดิศ ที่ช่วยเหลือและดูแลเธอมาโดยตลอด ทั้งคู่ต่างมีใจให้กันโดยไม่รู้ตัว สายป่านตัดสินใจไปพบแม้นเทพ สองพ่อลูกปรับความเข้าใจกัน แม้นเทพยิ่งรู้สึกเสียใจที่สายป่านยังอยู่บ้านนี้ไม่ได้ ขณะเดียวกันศิริกัญญาที่รู้ว่าสายป่านมาที่บ้านแม้นเทพ จงใจพูดปั่นจนปณิดาเกิดอาการคุ้มคลั่ง ปณิดาบุกเข้าทำร้ายสายป่าน สายป่านมีอาการปวดท้อง เลือดไหลออกมาเป็นทาง แม้นเทพพยายามเข้าห้ามและผลัดตกบันไดไป ปณิดาช็อก!! มองแม้นเทพล้มลงหมดสติ สายป่านดีใจที่ลูกปลอดภัย ห่วงก็แต่แม้นเทพกับปณิดา แม้นเทพได้ฟื้นขึ้นมาได้แต่นอนตาเบิกโพลงขยับตัวไม่ได้ พิมพ์นิภาแทบทรุด ทุกคนยังปกปิดเรื่องแม้นเทพเป็นอัมพาตกับสายป่านและปณิดา โดยเฉพาะพี่ชายคนโตอย่างนรินทร์ยิ่งต้องแบกรับภาระอันหนักหน่วง กลายมาเป็นเสาหลักให้กับครอบครัวแทนแม้นเทพ แต่ความลับไม่มีในโลกเมื่อปณิดาจำเหตุการณ์ที่แม้นเทพตกบันไดได้ ปณิดาแทบคลั่งเมื่อเห็นสภาพของผู้เป็นพ่อ ณภัทรอยากให้ปณิดาเปลี่ยนสภาพแวดล้อม จึงพาปณิดาไปอยู่บ้านสวน โดยมีป้านุ่นกับน้อยตามไปด้วย ด้านสายป่านก็มีปอแก้วอยู่เป็นเพื่อน และยังมีเกสรเลขาของภูดิศคอยเป็นไม้กันหมาให้เวลาศิริกัญญาจะมาหาเรื่อง อาการของปณิดาได้รับการบำบัด ดูท่าทางจะกลับมาดีเป็นปกติ ณภัทรที่แสดงอาการห่วงใย จนป้านุ่นสังเกตรู้ว่าณภัทรแอบรักปณิดา แต่ศิริกัญญาที่ถลำลึกยังไม่ล้มเลิกแผนทำลายสองพี่น้อง สืบหาที่อยู่ของปณิดาจนเจอ การปั่นหัวปณิดาครั้งนี้สำเร็จอย่างเช่นเคย ศิริกัญญามองดูอย่างสะใจ นรินทร์เมื่อภาระหนักขึ้น ก็อยากจะชวนอาบ คนงานคนเก่าแก่สมัยรุ่นพ่อมาทำงานแบ่งเบาภาระ แม้นเทพแม้จะอยากคัดค้านเพียงใด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นรินทร์ไว้ใจอาบโดยไม่รู้เลยว่าอาบคือ ชายนิรนามที่ร่วมมือทำกับศิริกัญญาทำแผนการณ์ต่างๆ ปณิดาสั่งณภัทรให้พาตนกลับบ้าน บุคลิกที่เปลี่ยนไปของปณิดาดูน่ากลัวขึ้นเรื่อย ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเธอคิดอะไรอยู่ ปณิดาจัดแจงทุกสิ่ง ทุกคำบัญชาคือคำสั่งเด็ดขาด ห้ามใครขัด ปณิดาบังคับให้ศิริกัญญาทำตามแผนของเธอ ด้วยมีไผ่เหนือกว่า เพราะเธอกุมความลับของ ศิริกัญญาไว้หลายเรื่อง ศิริกัญญาจำต้องยอมทำตาม ปณิดาสั่งให้อาบวางยาแม้นเทพด้วย ปณิดาไปหาภูดิศที่บริษัท ร้องไห้คร่ำครวญภูดิศอยู่ในอ้อมกอดของภูดิศ สายป่านที่ได้ยินทุกคำพูดของภูดิศ ที่ย้ำว่าตนยังคงรักณิดา ยิ่งตอกย้ำสายป่านต้องรู้ตัวเองว่าระหว่างเธอกับภูดิศไม่มีทางเป็นไปได้ ศิริกัญญายังถูกปณิดาขู่ใช้งานเรื่อยๆ จนทนไม่ไหวคิดจะบอกความจริงกับนรินทร์ แต่ไม่สำเร็จ เพราะปณิดารู้ทัน พักหลังภูดิศจำยอมต้องมาพบปณิดาบ่อยขึ้น ด้วยความรู้สึกผิดและสงสาร ปณิดามาที่บริษัทภูดิศอีกครั้ง แสร้งทำเป็นชวนผกากรองและภูดิศไปทานข้าวด้วยกัน ก่อนจะแอบขอตัวเข้าห้องน้ำ แล้วมุ่งตรงไปห้องสายป่าน แกล้งทำสำออยให้ทุกคนเข้าใจผิดว่าโดนสายป่านทำร้าย ทางด้านแม้นเทพแม้ทุกคนจะพยายามทำกายภาพให้ แต่ก็เหมือนอาการไม่ดีขึ้น แม้นเทพมีอาการชัก ปณิดามองตกใจแต่อาบพยายามส่งสายตาให้ปณิดานิ่งไว้ สายป่านได้ยินข่าวพ่อก็รีบมาเยี่ยม แต่กลับโดนปณิดาทุบตี สายป่านปวดท้องเหมือนจะคลอด ปณิดารั้งภูดิศไว้ไม่ให้ไป สายป่านมองเจ็บปวด สายป่านต้องผ่าตัดคลอด ลูกของสายป่านปลอดภัย ภาพที่สายป่นจมกองเลือดยังคงติดตาปณิดา ผกากรองมีความเอ็นดูในตัวสายป่านมากขึ้นทุกวัน ยิ่งมีหลานทิฐิที่มีต่อสายป่านก็เริ่มหมดไป ศิริกัญญายังพยายามสืบเรื่องสายป่าน เพราะต้องการแก้แค้นปณิดาคืนอย่างสาสม ขณะเดียวกันกับที่ทุกคนสืบรู้ว่าแม้นเทพโดนวางยา ปณิดาแสร้งโวยวายโบ้ยความผิดไปให้ปอแก้ว ปณิดาสั่งให้อาบขโมยลูกสายป่านมา สายป่านแทบใจสลายเมื่อลูกหายไป ทุกคนช่วยกันตามหาแทบพลิกแผ่นดิน ปณิดามองเด็กหน้าเหี้ยมคิดจัดการบางอย่าง สายป่านเมื่อรู้ว่าลูกอยู่กับปณิดาจึงรีบไปหา ปณิดาขู่จะฆ่าเด็กหากสายป่านไม่ยอมกรีดแขนตัวเอง ภูดิศกับณภัทรต่างเข้าห้ามและแย่งทารกน้อยกลับคืนมา ท่ามกลางเหตุการณ์ชุลมุนอีกฝั่งของท่าน้ำ อาบพาแม้นเทพมาด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม ให้แม้นเทพมองดูพี่น้องฆ่ากันเอง สมใจตามที่อยากจะแก้แค้นเรื่องที่แม้นเทพทำไว้กับตนในอดีต แม้นเทพน้ำตาไหลพราก...อยากห้ามลูกแต่ทำไม่ได้ อาบหัวเราะสะใจทุกคนหันไปมองอาบก็ต้องตกใจอาบผลักแม้นเทพลงน้ำไปทั้งรถเข็น ภาพแม้นเทพค่อยๆจมดิ่งลงน้ำไปต่อหน้าต่อตาทุกคน หลังเหตุการณ์การณ์เลวร้ายในคืนนั้น ปณิดาได้แต่นั่งซึม เหมือนร่างไร้วิญญาณ ทุกคนในบ้านต่างก็เสียใจ ทุกคนพยายามบำบัดจิตใจของปณิดา แต่ปณิดาก็ไม่ดีขึ้น ทุกคนต่างปรนนิบัติรับใช้ปณิดาอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะปอแก้วที่ยิ่งทำให้นรินทร์เห็นว่าเธอคนนี้แหละเมาะสมคู่ควรกับตน ซึ่งพิมพ์นิภาก็ไม่ห้าม สายป่านขอร้องให้ภูดิศกลับไปหาปณิดา แม้ตนจะเจ็บปวดเพียงไรก็ตาม ซึ่งเห็นตรงกับณภัทรเพราะณภัทรก็อยากเห็นคนที่ตนรักหายเป็นปมีกติ ภูดิศทั้งเสียใจและน้อยใจ แต่ความเป็นลูกผู้ชายหากช่วยเหลือปณิดาได้เขาก็ยินดีที่จะทำ ปณิดาขณะที่ปณิดานั่งเหม่อ ลมพัดเอาผ้าพันคอของปณิดาปลิวไปตามสายน้ำ สายป่านพยามเอื้อมหยิบ ปณิดาที่ยังไม่ได้สติผลักสายป่านตกน้ำ สายป่านพยายามร้องให้ช่วยแต่ปณิดายังนิ่ง ทันใดนั้นภาพของสายป่านค่อยๆจมน้ำลงไปต่อหน้าต่อตา ปณิดานึกถึงภาพตอนที่แม้นเทพจมดิ่งลง จึงได้สติกลับคืนมาร้องเรียกหาสายป่านและกระโดดลงไปช่วย ภูดิศกับณภัทรกระโดดลงไปช่วยไว้ทัน ปณิดาฟื้นขึ้นมาก็รีบถามหาสายป่าน ณภัทรดีใจที่ปณิดาจำทุกอย่างได้แล้ว...ปณิดากลับมาหายเป็นปกติ สองพี่น้องปรับความเข้าใจกัน หลังผ่านเรื่องเลวร้ายมามาก ปณิดาขอให้ภูดิศกับสายป่านจงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกัน ส่วนตัวเธอก็ขอโอกาสจากณภัทร เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ ณภัทรตื้นตันใจ ทั้งคู่ต่างก็มีความสุข บัดนี้ทุกคนรับรู้ถึงผลร้ายที่เกิดจากดวงใจที่คิดไม่ดี หรือด้วยดวงจิตที่ริษยานั้นจะส่งผลร้ายต่อตนเองและผู้อื่นอย่างไรบ้าง
ประทีปรักแห่งใจ 2559

แม่ของแผ่นดิน ประทีปรักแห่งใจ (2559/2016) ประทีปรักแห่งใจ เป็นเรื่องราวของ เมลดา คุณหนูไฮโซผู้เกิดมาพร้อมกับความสมบูรณ์ในชีวิต และไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตนี้จะต้องตกระกำลำบาก เพราะมัลลิกา ผู้เป็นแม่ปลูกฝังว่าไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากมาย แค่ใช้ชีวิตหรูหราสุขสบาย และแต่งงานกับผู้ชายรวย ๆ สักคนก็พอ ครั้นคุณหนูเมลดาผู้มีชีวิตแสนสุขสบายต้องกลายเป็น หงส์ปีกหักในชั่วข้ามคืน สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง และต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ตั้งแต่ศูนย์ ซ้ำแม่ที่คิดว่าจะเป็นหลักยึดเหนี่ยว ให้แก่ชีวิตก็หวังพึ่งอะไรไม่ได้ แล้วยังกลายเป็นภาระให้อีก เมื่อเจอปัญหารุมเร้าทุกด้าน คุณหนูเมลดาผู้ใช้ชีวิต ในโลกสีชมพูจะเอาตัวรอดได้อย่างไร นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่อง ที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนชีวิตของเมลดา ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ คือ แม่ที่ทรงหยิบยื่นดวงประทีปชีวิตให้แก่เธอ เมลดา ศรานุสรณ์ หรือ มินนี่ คือหญิงสาวที่เกิดมาพร้อมกับความสมบูรณ์ในชีวิต ไม่ว่ารูปร่างหน้า ฐานะ ชื่อเสียงในวงสังคม พร้อมกับการปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กว่าผู้หญิงที่เกิดมามีความเพียบพร้อม ไม่จำเป็นต้องขวนขวาย ทำสิ่งใดให้เหนื่อยยากลำบาก แค่รอเวลาให้เหมาะสมแต่งงานกับผู้ชายที่ดีพร้อมก็พอแล้ว ดังนั้นเมื่อจบการศึกษา ในปีนี้แล้วเธอจึงไม่มีเป้าหมายในชีวิตอะไรนอกจากรอเวลาแต่งงานกับ เป็นหนึ่ง เอกนุกูลกิจ ชายหนุ่มที่เมลดา คบหามานานเป็นปี ในขณะที่มีความยินดีกับงานแต่งงานที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้า แต่เธอกลับมีความสับสนและไม่แน่ใจอยู่ด้วยว่า อยากแต่งงานกับเป็นหนึ่งจริงหรือเปล่า หรือว่าจำเป็นต้องแต่ง เมื่อนำเรื่องนี้ไปปรึกษา กับมัลลิกาผู้เป็นมารดา ก็ได้รับคำตอบว่าอยู่กันไปก็เรียนรู้นิสัยกันปรับตัวเข้าหากันได้เอง

ระหว่างที่เมลดาและเพื่อน ๆ นั่งปรึกษาหารือกันเรื่องชุดแต่งงาน ต้องใจ เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยผ่านมา แล้วพูดจากระแทกแดกดัน เมลดาลุกขึ้นตอบโต้จนเพื่อน ๆ ต้องห้ามปรามไม่ให้ไปสนใจกับพวกบ้านนอก ที่ไม่มีเงินพอจะทำอย่างคนรวยเขาทำกันได้ จึงคิดอิจฉาเท่านั้นเอง แล้วเมื่อเพื่อนทั้งสองคนแยกย้ายกันไป คนที่เข้ามา แทนที่คือ แพรวดาว แฟนเก่าของเป็นหนึ่ง ที่แม้จะเลิกรากันไปก่อนที่เป็นหนึ่งจะมาคบหากับเมลดา แต่แพรวดาว ก็ยังพูดจาว่าเมลดานั้นเป็นมือที่สามแย่งคนรักของเธอ อย่างวันนี้ก็เข้ามาพูดจาบอกว่าการที่เป็นเป็นหนึ่งจะแต่งงาน ก็เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจเท่านั้น หาใช่ความรักไม่ เป็นหนึ่งมารับเมลดาไปลองแหวนหมั้นที่ร้านเพชร แต่กลับกลายเป็นว่าแหวนที่เมลดาลองสวมนั้นหลวม เพราะทำผิดไซส์ เพชรประดับ เจ้าของร้านเพชรเผลอหลุดปากบอกว่าแหวนที่ทำมานั้น อาจจะเป็นไซส์นิ้ว ของแพรวดาว ทำให้เมลดาโกรธมาก และสั่งให้เขาทำแหวนให้เธอใหม่ และงอนออกจากร้านกลับบ้านทันที โดยที่เป็นหนึ่งก็ไม่ได้ตามมาง้องอน เมลดาเริ่มรู้สึกว่าเป็นหนึ่งอาจจะไม่ได้รักเธอจริงอย่างที่แพรวดาวบอก และตัวเธอเอง ก็ไม่ได้เจ็บปวดหรือเสียใจอะไรมากมายนอกจากรู้สึกเสียหน้าเท่านั้น ซึ่งตัวเธอเองก็อาจจะไม่ได้รักเป็นหนึ่งมากอย่างที่คิดก็ได้ เมื่อกลับมาปรึกษากับมารดาถึงความไม่แน่ใจในความรัก และอยากจะเลื่อนการแต่งงาน กลับถูกมารดาห้ามปรามไม่ให้เธอคิดมาก และยืนยันว่าไม่มีทางที่เป็นหนึ่งจะไม่รักหญิงสาวที่มีความเพียบพร้อมอย่างเธอ แม้แต่บิดาของเธอก็ไม่ยินยอมให้เธอได้มีโอกาสตัดสินใจสิ่งใด ในขณะที่เป็นหนึ่งก็ตามง้องอน และเปลี่ยนร้านทำแหวนพิสูจน์ ความจริงใจโดยการพาเธอไปเลือกซื้อเพชรใหม่ ทำแหวนวงใหม่จนเมลดาใจอ่อนลืมความขุ่นข้องหมองใจทั้งหมด เพราะรู้ว่าถึงแม้เธอจะเลื่อนการแต่งงานออกไป เธอเองก็ไม่มีแผนชีวิตสำรองด้านอื่น ๆ เลย พิธีหมั้นช่วงเช้าผ่านไปด้วยดี เมลดาเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงในช่วงค่ำ ภาพเจ้าสาวที่เห็นในกระจกนั้นเหมือน ตุ๊กตากระเบื้องเนื้อดีมากกว่าจะเป็นคนจริง เครื่องหน้าที่งดงามอยู่แล้วยิ่งถูกแต่งเติมลงไปอีกก็ยิ่งสวยงามไม่มีที่ติ ระหว่างที่คู่บ่าวสาวกำลังถ่ายรูป และรับแขกที่มาในงานอยู่นั้น แพรวดาวก็เข้ามาในงานด้วยชุดราตรีขาวฟูฟ่อง ประหนึ่งชุดเจ้าสาว ปฏิกิริยาของเป็นหนึ่งเมื่อเห็นแพรวดาวนั้นทำให้เมลดารู้สึกหน้าชา แม้จะเตรียมใจมาแล้วว่าจะต้องเจอสถานการณ์นี้ แต่ไม่สามารถบังคับตัวเองได้ ยิ่งมีเสียงซุบซิบจากแขกเหรื่อว่าแพรวดาวเป็นคนรักเก่าของ เจ้าบ่าวด้วย เมลดาพยายามจะทักทายด้วยดี แต่แพรวดาวกลับทิ้งคำพูดบางอย่างไว้ทำให้เมลดาไม่สบายใจนัก ขณะที่งานเลี้ยงและพิธีการทุกอย่างดำเนินไป ท่ามกลางความไม่แน่ใจของเมลดาที่ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลง อะไรได้อีกแล้ว แม้ว่าตัวเองอยากจะยกเลิกตอนนี้ก็คงจะสายไปแล้ว แต่ปรากฏว่า ชัยพงศ์ บิดาของเป็นหนึ่ง เข้ามาประกาศยกเลิกงานแต่งงานเพราะรู้ข่าวมาว่ากิจการของ ประยุทธ บิดาของเธอนั้นกำลังจะล้มละลาย เมลดาเริ่ม รับรู้ความจริงใจของเป็นหนึ่งเมื่อเขาสลัดมือเธอออกอย่างเมินเฉย แล้วยิ่งรับรู้มากยิ่งขึ้นเมื่อบิดายอมรับความเป็นจริง เรื่องที่กำลังจะล้มละลาย แม้เขาจะยืนยันว่าไม่คิดจะให้ครอบครัว ของเป็นหนึ่งต้องเข้ามาช่วยโอบอุ้มกิจการ แต่ขอร้องไม่ให้ยกเลิกงานแต่งงานเท่านั้น แต่ชัยพงศ์กลับไม่สนใจแล้วพาเป็นหนึ่งกลับออกไปทันที ประยุทธอับอาย และเครียดมากจนโรคหัวใจกำเริบ และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล สองแม่ลูกที่ไม่เคยมีแผนในการดำเนินชีวิตด้วยตัวเอง และไม่ได้เตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จึงไม่มีเงินออมในธนาคารเหลือมากนัก เงินสดก้อนสุดท้ายที่ต้องจ่ายให้โรงพยาบาล และจัดงานศพอย่างเรียบง่าย มีคนมาร่วมงานอย่างบางตาจน น่าใจหาย เมื่อล้มละลายก็ทำให้ญาติมิตรสหายที่เคยมีมากมายขาดหายไปในพริบตา แม้แต่เพื่อนสนิทร่วมมหาวิทยาลัย ของเมลดาก็ไม่ได้ปรากฏกายขึ้นในงานศพเลย เมลดานัดพบเพื่อนเพื่อจะหางานทำ แต่เพื่อนไม่ได้คิดจะให้ความช่วยเหลือแถมยังพูดจาดูถูกอีก หล่อนจึงแยกออกมาแล้วเดินเล่นเรื่อยเปื่อยในห้าง จนมาพบกับเป็นหนึ่ง และแพรวดาวในร้านเสื้อ เขาจะจ่ายค่าเสื้อผ้าให้ แต่เมื่อแรกเมลดาไม่คิดจะรับความเอื้อเฟื้อนี้ แต่อยากประชดแพรวดาวจึงยอมรับมาทั้งหมด สร้างความขุ่นเคืองให้กับแพรวดาว โดยที่เมลดาก็ไม่รู้ตัวเลยว่าจะมีผลร้ายติดตามมาอย่างไรบ้าง ข่าวไฮโซตกยากอย่างเมลดาดังไปถึงบ้านของ ปองคุณ ชายหนุ่มผู้เคยอกหักจากสาวเมืองกรุง และแบกความเจ็บช้ำไว้จนไม่ยอมชายตามองหญิงอื่นอีกเลย แถมยังมีอคติในใจอีกต่างหาก เขารับรู้ข่าวนี้อย่างไม่มีความเห็นอกเห็นใจนักต่างจาก ใจใส มารดาของเขาที่รู้สึกสงสารเมลดา แล้วเมื่อต้องใจเข้ามาหาแล้วแสดงตัวว่ารู้จักกับไฮโซสาว ผู้ตกยากนี้ แล้วแสดงความคิดเห็นในเชิงสมน้ำหน้า ทำให้ใจใสรู้สึกไม่ชอบใจ ทั้งยังรู้ว่าต้องใจมีความรู้สึกพิเศษ กับปองคุณด้วยแล้ว จึงเอ่ยปากตักเตือนลูกชายโดยที่เจ้าตัวก็ไม่ได้ให้ความสนใจนัก เมลดากลับมาถึงโรงแรมที่เช่าพักอาศัยชั่วคราวอยู่กับมารดา เพราะยังไม่รู้ว่าจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไหน ท่ามกลางความรู้สึกที่ต้องคิดหาทางออกด้วยเงินที่มีเหลืออยู่ไม่มากนัก มัลลิกาผู้เป็นแม่ที่หวังว่าจะเป็นที่พึ่งพิงได้ กลับไม่มีความคิดอะไรเลย นอกจากการคร่ำครวญ และยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม สร้างความหนักใจให้กับเธอยิ่งนัก แถมยัง มีคนโทรศัพท์มาข่มขู่ให้หนี้อีกในจำนวนเงินห้าแสนบาท สองแม่ลูกจึงคิดหาทางหนีออกจากโรงแรม เมลดามืดแปดด้าน ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป มัลลิกาจึงคิดว่าจะไปบากหน้าไปหา มาลัย พี่สาวร่วมสายเลือดที่เธอไม่เคยติดต่อมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว ระหว่างที่สองแม่ลูกกำลังคิดจะเดินทางไปหามาลัย ทางด้านมาลัยเองก็ฝันถึงน้องสาว และคิดห่วงใยขึ้นมาบ้าง แต่ต้องใจก็ทักท้วงอย่างไม่เห็นด้วยนัก เพราะหล่อนรู้มาตลอดว่าเมลดานั้นเป็นญาติที่เรียนร่วมมหาวิทยาลัยเดียวกันมาตลอด แต่ไม่เคยแสดงตัวเพราะรังเกียจที่เมลดาเป็นสาวสวยไฮโซที่ทำตัวเหมือนคนไร้สมอง แม้จะได้รับรู้ข่าวว่า บัดนี้เมลดานั้นกำลังตกยากลำบาก ต้องใจก็ไม่มีความรู้สึกสงสารสองแม่ลูกเลยสักนิด นอกจากจะคิดสมน้ำหน้าเท่านั้น สองแม่ลูกเดินทางมาถึงแถวบ้านมาลัยแล้ว แต่เพราะไม่ได้กลับมานานกว่ายี่สิบปี สภาพบ้านเรือนที่เปลี่ยน แปลงไป ทำให้มัลลิกาไม่มั่นใจ จึงให้เมลดาไปถามหามาลัยกับชาวบ้านแถว ๆ นั้นเอง เมลดาไม่เข้าใจมารดา ตัวเองสักนิดว่าทำไมต้องเป็นตนที่ต้องทำอย่างนั้น แต่ในจังหวะนั้นเองที่หล่อนเห็นชายหนุ่มหน้าเหมือนโจรขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมา แล้วหยุดจะเข้าไปหามัลลิกาที่ยืนทำท่าจะเป็นลมอยู่ข้างทาง เมลดาเข้าใจว่าเขาเป็นโจรจะเข้ามาขโมยข้าวของ ของเธอกับแม่ จึงเข้าไปอาละวาดทุบตีชายคนนั้น จนมาลัยเข้ามาห้ามปรามแล้วจึงรู้ตัวว่าเธอเข้าใจผิด เลยตัดสินใจ แกล้งเป็นลมเพื่อเป็นการแก้หน้าให้ตัวเอง เมื่อมาลัยพาสองแม่ลูกเข้ามาในบ้านแล้ว เมลดาก็แทบช็อกเมื่อรับรู้ว่าต้องใจ เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยที่ชอบพูดกระแนะแหนเธอนั้นกลับกลายมาเป็นญาติกัน เพราะต้องใจ คือลูกสาวของ มาลัย พี่สาวของมารดาเธอนั่นเอง แล้วชายหน้าโจรที่เธอเข้าใจผิดก็คือ ปองคุณ ชายหนุ่มที่ต้องใจหมายปองนั่นเอง เพราะฉะนั้นเมื่อต้องใจรับรู้ว่าสอง แม่ลูกจะมาพักอาศัยอยู่ด้วย หล่อนจึงแสดงความไม่พอใจ และคัดค้านหัวชนฝา มาลัยต้องตัดความรำคาญแล้ว ขอตัดสินใจเอง ด้วยการให้สองแม่ลูกมาอยู่ด้วยกันได้ แต่ต้องทำงานบ้านแลกเปลี่ยน และต้องทำงานเพื่อหาเงินเลี้ยง ชีพเองด้วย แค่วันแรกเมลดาก็แทบจะรับกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นที่หลับที่นอน การต้องทำในสิ่งที่ตนเองไม่เคยต้องหยิบจับทำเลยสักครั้งในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการกวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างจาน แล้วยังถูกบังคับ ให้ทำกับข้าว แถมมารดายังรักสบายหลบเลี่ยงไปปล่อยให้เธอผจญกับสิ่งใหม่ ๆ นี้เพียงคนเดียว ซึ่งระหว่างนี้ เธอยังไปมีเรื่องขัดแย้งกับปองคุณ ที่ต่างคนต่างไม่ชอบหน้ากัน ปองคุณแบกอาการอารมณ์เสียกลับไปถึงบ้าน แต่ในจิตสำนึกก็ยังสงสัยตัวเองว่าทำไมเขาต้องอคติกับเมลดาขนาดนี้ หรือว่าเขาเกิดสนใจเธอขึ้นมา แม้จะไม่มีความเชื่อในเรื่องของรักแรกพบเลยก็ตาม เช้าวันแรกในสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ เมลดาเอาตัวรอดจากอาหารมื้อแรก ด้วยการแอบออกไปซื้อข้าวต้มมาเป็นอาหารเช้าแทนการทำเอง ซึ่งก็ถูกมาลัยจับได้ และคาดโทษเอาไว้ หลังจากนั้นหล่อนก็ต้องมาหัดทำงานจักสาน จึงได้รู้ว่ามาลัยรวบรวมชาวบ้านมาตั้งกลุ่มสมาคมแม่บ้าน เพื่อหารายได้กับการสร้างกลุ่มงานจักสานขึ้นมา เมลดาได้พบกับใจใส ที่จะมาเป็นครูสอนเรื่องงานจักสานให้กับเธอ และมารดา เมื่อเริ่มต้นเมลดาก็ปากเสียวิจารณ์ และอวดรู้จนสร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้าน รวมทั้งใจใสเองที่เมื่อแรกยังมีความเมตตาสงสาร ใจใสสวนคำพูดของเมลดา และสั่งสอนจนหล่อนต้องยอมสงบปากสงบคำลง เมลดาหัดสานปลาตะเพียนอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ก็ต้องมาสะดุดลงอีก เมื่อต้องใจเข้ามาสั่งให้หล่อนไปทำกับข้าว มื้อกลางวัน เมลลาจำต้องอดทนเชื่อฟัง แล้วยังต้องไปทำคนเดียวเพราะดันไปประกาศว่าหล่อนสามารถทำได้ แต่พอมาถึงในครัวหล่อนก็ต้องยืนเคว้ง เพราะไม่เคยทำสิ่งเหล่านี้เลย ข้าวก็หุงไม่เป็น เตาแก๊สก็ไม่รู้จะเปิดยังไง หล่อนหยิบจับทำทุกอย่างไปอย่างคนไม่รู้ จนปองคุณเข้ามาพบวิธีการเปิดเตาแก๊สของหล่อนที่อันตรายมาก เขาตำหนิหล่อนจนร้องไห้ ปองคุณใจอ่อนยอมช่วยเหลือให้หล่อนรอดพ้นมีอาหารมื้อกลางวันสำหรับทุกคน ดูเหมือนทุกอย่างจะผ่านไปได้ แต่ต้องใจที่ตั้งใจจะจับผิดเมลดา จึงทำให้ทุกคนรู้ว่าอาหารมื้อนี้เป็นฝีมือ ปองคุณ มาลัยจึงลงโทษไม่ให้สองแม่ลูกได้กินอาหารกลางวัน เมลดากลัวมารดาจะทนไม่ไหว จึงแอบออกไปซื้อก๋วยเตี๋ยวที่ร้านมาให้ ระหว่างที่นั่งแอบกินอยู่นั้น หล่อนได้ยินเสียงชาวบ้านที่มาทำงานจักสานที่บ้านมาลัย นินทาว่าร้ายหล่อน กับมารดาและดูถูกว่าหุ่นไล่กาในท้องนายังมีประโยชน์เสียยิ่งกว่าตัวหล่อนกับมารดาเสียอีก เมลดาเจ็บปวด และพยายามระงับอารมณ์เต็มที่ หล่อนคิดมากจนต้องหันมาพิจารณาตัวเองว่าหล่อนไร้ค่าถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ระหว่างนั้นเมลดาไม่รู้ตัวเลยว่ามีนักข่าวเห็นเหตุการณ์นั้น และแอบถ่ายรูปหล่อนพร้อมกับอัดคลิปเสียงไปด้วย ช่วงบ่ายวันนั้นเมลดาเงียบขรึมจนมัลลิกามองอย่างเป็นห่วง หล่อนโมโหหญิงชาวบ้านที่นินทาหล่อนจนเกิด แรงฮึดจนสามารถสานปลาตะเพียนได้ดี จนใจใสออกปากชมและบอกว่าถ้าหล่อนตั้งใจที่จะทำก็จะทำได้ และยังบอกว่าเห็นแววในตัวหญิงสาวจะสามารถทำงานจักสานได้ดีเหมือนคนอื่น ๆ วันต่อมาเมลดาทำอาหารเช้าได้ดีขึ้น เพราะมัลลิกาเข้ามาช่วยด้วยไม่ได้หลบเลี่ยงไปเหมือนทุกครั้ง แต่ต้องใจก็ ยังหาเรื่องว่าได้อีก แต่ เดช พ่อของต้องใจออกปากปกป้องทำให้ต้องใจไม่พอใจ และออกไปกินข้าวนอกบ้าน จึงได้ไปพบว่ามีข่าวของเมลดาที่ตกยากมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่อยุธยา แถมยังลงถึงเรื่องราวที่ชาวบ้านเม้าท์เมลดาด้วย แม้ต้องใจจะสะใจ แต่ก็พยายามจะบอกชาวบ้านที่รู้เรื่องให้ปิดข่าวเรื่องนี้ เพราะกลัวว่าเจ้าหนี้ที่สองแม่ลูกหนีมา จะตามมาถึงที่นี่ แล้วรีบกลับบ้านมาแจ้งข่าวกับมาลัย แต่ไม่อยากให้สองแม่ลูกรู้เรื่องนี้จึงไล่ให้ออกไปซื้อของที่ห้างในเมือง แต่กลับกลายเป็นว่าเมลดาไปเปิดเช็กอีเมล์แล้วทราบเรื่องข่าวทั้งหมดด้วยความอับอาย เมื่อกลับมาถึงจึงไปเก็บตัวอยู่ในห้องเก็บของแล้วไม่ออกไม่ได้ ปองคุณเข้ามาช่วยเพราะเข้าใจผิดว่าหล่อนจะฆ่าตัวตาย หลังจากถกเถียงกันแล้ว เมลดาก็แสดงความคิดว่าอยากจะพัฒนางานจักสาน ที่ป้ามาลัยทำอยู่ให้ดีขึ้น และมีราคามากกว่านี้ ปองคุณจึงแนะนำให้หญิงสาวไปเรียนรู้ที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร เมลดาสนใจมากแต่ก็ยังติดที่มารดา จะยอมไปด้วยหรือไม่ ปองคุณจึงรับอาสาว่าวันรุ่งขึ้นเขาจะพาหล่อนและมารดาไปเที่ยวชมที่ศูนย์ศิลปาชีพ ก่อนการตัดสินใจ ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นไม่ค่อยดีนักของสองหนุ่มสาวเริ่มเป็นไปในทางที่ดีขึ้น เมลลาเริ่มนับข้อดีของปองคุณ ได้หลายข้อแล้วที่สำคัญเขาทำให้หัวใจของหล่อนอบอุ่นกว่าผู้ชายคนไหน ๆ ที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต ทางด้านครอบครัวของแพรวดาว และเป็นหนึ่ง มาร่วมเฉลิมฉลองอย่างเป็นทางการหลังงานแต่งงานของเป็นหนึ่ง และเมลดาถูกยกเลิกไป และถือว่าเป็นการฉลองหมั้นระหว่างเป็นหนึ่งกับแพรวดาวด้วย แม้เป็นหนึ่งจะรู้สึกผิดกับเมลดามากแค่ไหน แต่เขาเองก็รู้ว่าใจของเขานั้นมีแพรวดาวอยู่เสมอ ความรู้สึกที่มีต่อเมลดานั้นคือความเป็นพี่น้องกันมากกว่า เพราะความรู้สึกนี้นี่เองที่ทำให้เขายังแสดงความห่วงใย และกังวลว่าป่านนี้เมลดาจะเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อมีการพูดถึงกันในเรื่องของเมลดาทำให้เขาเหม่อลอยคิดมาก และด้วยอาการที่เขาเป็นแบบนี้ทำให้แพรวดาว เข้าใจผิดว่าเขายังมีใจเผื่อให้เมลดาด้วย ทำให้เป็นเป็นภัยไปสู่เมลดาอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว เมื่อแพรวดาวคิดจะตัดบัวไม่ให้เหลือใย หล่อนจึงว่าจ้างนิคมลูกน้องคนสนิทของบิดา ให้โทรไปข่มขู่ว่าประยุทธเคยยืมเงินแล้วไม่คืน โดยตั้งใจจะแค่ข่มขู่เพื่อให้สองแม่ลูกหนีไปอยู่ไกล ๆ เพื่อไม่ให้เป็นหนึ่งติดต่อกับสองแม่ลูกนั้นได้อีกเท่านั้น แต่เมื่อรับรู้ว่าสองแม่ลูกนั้นหนีไปอยู่แค่อยุธยา หล่อนจึงสั่งให้นิคมตามไปจัดการอีกครั้ง ปองคุณพาเมลดา และมัลลิกาไปเยี่ยมชมศูนย์ศิลปาชีพ โดยมีต้องใจตามไปด้วย สร้างความหนักอกหนักใจ ให้กับเมลดาตั้งแต่เริ่มต้นเลยทีเดียว เริ่มตั้งแต่มัลลิกาที่ทำท่าจะไม่ยอมไปด้วย แถมยังมีต้องใจที่อาจจะมาแสดง ลมเพชรหึงใส่เธออีก คิดไปคิดว่าก็เริ่มสงสัยตัวเองขึ้นมาซะอีกว่าตัวเองเริ่มมีใจให้ปองคุณหรือเปล่า ปองคุณใช้จักรยานในการเที่ยวชมศูนย์ศิลปาชีพ เมลดาขี่จักรยานไม่เป็นจึงต้องซ้อนหลังปองคุณ สร้างความขุ่นเคืองให้กับต้องใจยิ่งนัก แต่สำหรับเมลลาแล้วคือความอบอุ่นใจที่บังเกิดขึ้นเงียบ ๆ ในระหว่างที่หล่อนกำลัง ผจญเจอมรสุมชีวิตที่หนักหนาสาหัสนี้ เมลดาเดินชมการฝึกงานวิชาชีพต่าง ๆ ด้วยความสนใจ แต่วิชาชีพที่เมลดาให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือแผนกสอดย่านลิเภา ส่วนมัลลิกาสนใจแผนกศิลปะประดิษฐ์ และนี่เป็นครั้งแรกสนใจสิ่งอื่นนอกเหนือจากการสังสรรค์ และช็อปปิ้ง และหล่อนก็เห็นด้วยที่มารดาจะสนใจในวิชาชีพนี้ หล่อนเริ่มเรียนรู้ว่าที่ศูนย์ศิลปาชีพนี้คือสถานที่ที่นำแสงสว่างที่จะนำความหวังมาสู้ชีวิตต่อไปได้ ระหว่างที่เมลดาเดินเที่ยวชมในศูนย์ศิลปาชีพด้วยความรู้สึกของการเริ่มมีหวังขึ้นมาบ้าง ต้องใจก็ได้ข่าวว่าที่บ้านมีนักเลงบุกมาทวงหนี้สองแม่ลูก พอไม่เจอก็อาละวาดทำลายข้าวของในบ้านของมาลัยด้วย เมลดาจึงคิดว่าจะย้ายหนีไปอยู่ที่อื่นเพื่อตัดปัญหา แต่ปองคุณกลับเสนอให้ย้ายไปอยู่ที่บ้านของเขาเพื่อความปลอดภัย ทำให้ต้องใจเกิดความไม่พอใจและพยายามคัดค้านอย่างมาก แต่ปองคุณยังยืนยันว่าเขาทำเพื่อเพราะมนุษธรรม ไม่สามารถจะปล่อยให้สองคนแม่ลูกออกไปผจญภัยกันเพียงสองคนได้ เมลดานั้นแม้จะดีใจที่มีทางออก แต่หล่อนก็ยังกังวลว่าถ้าย้ายไปอยู่บ้านปองคุณ เธอจะต้องมีปัญหากับต้องใจอีกต่อไปอย่างไม่จบไม่สิ้นแน่ ๆ เมื่อทุกคนไปรวมตัวกันที่บ้านของปองคุณ ต่างก็ปรึกษาหารือกันถึงการแก้ไขปัญหาหนี้สินที่เกิดขึ้น มาลัยนั้น คิดจะใช้หนี้แทนให้จบกันไป แต่พวกนักเลงกลับไม่ยอมรับเงิน ยืนยันว่าจะต้องเป็นเงินของสองแม่ลูกนี้เท่านั้น ทำให้เกิดความสงสัยกันขึ้นมาว่าจริง ๆ แล้ว ประยุทธเป็นหนี้จริง ๆ หรือเปล่า เมื่อสอบถามมัลลิกาผู้เป็นภรรยา ก็ไม่เคยรู้เรื่องของสามีตัวเองเลย ทำให้เมลดาเผลอตัวตำหนิมัลลิกาอย่างรุนแรง จนมาลัยต้องห้ามปราม ในที่สุดปองคุณรับอาสาจะสืบเรื่องหนี้สินของประยุทธให้เพื่อความสบายใจของทุกคน การพักอาศัยในบ้านปองคุณแตกต่างจากการพักอาศัยที่บ้านของมาลัยอย่างคนละขั้ว ที่นี่ห้องพักสะดวกสบาย ข้าวของเครื่องใช้มีพร้อมสรรพ แถมยังไม่ต้องทำงาน ทำอาหารเองอีกด้วย แต่เมลดาก็พยายามจะเข้าช่วยเหลือ หยิบโน่นทำนี่ เพื่อต้องการจะทดแทนพระคุณเจ้าของบ้าน ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยหล่อนกับมารดา ใจใสแนะนำให้ทั้งสอง คนเข้าไปฝึกอาชีพที่ศูนย์ศิลปาชีพ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยจากพวกนักเลงที่สุด แถมยังได้ฝึกอาชีพ ซึ่งสองแม่ลูกก็เห็นดีตามนั้น ทางด้านแพรวดาวรับรู้ว่านิคมทำงานให้ไม่สำเร็จตามที่เธอต้องการ จึงต่อว่าและยังไม่ยอมจ่ายเงินค่าจ้าง เป็นหนึ่งเดินเข้ามาได้ยินโดยไม่ที่แแพรวดาวไม่รู้ตัว เป็นหนึ่งกลับมาบ้านพบว่าบิดามีแขก และไม่ยอมให้ใครเข้ามา รบกวนรวมทั้งตัวเขาด้วย เพราะลูกน้องของบิดาที่กางกั้นห้ามมิให้เขาเข้าบ้าน ครั้นบิดาได้ยินเสียงเขาโวยวาย อยู่ด้านนอกจึงเรียกเขาให้เข้าไปได้ ยิ่งเพิ่มพูนความสงสัยขึ้นอีกมากนักว่าบิดามีลับลมคมในอะไรปิดบังเขา ซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวด้วย ในห้องนั้นเป็นหนึ่งได้พบกับ ศุภวัฒน์ พัฒนะกิจกำจร ที่บิดาแนะนำว่าบุคคลผู้นี้จะเข้ามาเป็นหุ้นส่วน ซึ่งเขาพอจะรู้ประวัติชายหนุ่มคนนี้ว่าไม่ค่อยจะขาวสะอาดนัก มีข่าวกับสาวน้อยสาวใหญ่มากมาย หลังจากการหย่าร้างกับสิริมน ภรรยาสาวสวยชื่อดังในวงสังคม แต่แค่ความเจ้าชู้ของเขาไม่ใช่สิ่งที่เป็นหนึ่งจะไม่ชอบใจ แต่เป็นเพราะ ชื่อเสียงที่ไม่ดีว่าเขาเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบายมากกว่า แต่เป็นหนึ่งก็รักษามารยาทในการพูดจาด้วยเป็นอย่างดี แล้วก็อดเป็นห่วงบิดาไม่ได้จึงเอ่ยปากตักเตือน ซึ่งนอกจากจะไม่สำเร็จแล้วยังทำให้ชัยพงศ์หัวเสียเป็นอย่างมากด้วย เป็นหนึ่งรู้สึกเหนื่อยล้ากับเรื่องราวที่เขาได้รับรู้ทั้งสองเรื่องในวันนี้เป็นอย่างมาก เมื่อนอนครุ่นคิดถึงเรื่องราว ต่าง ๆ แล้วจึงตัดสินโทรหานักสืบที่เขาจ้างไปตามหาที่อยู่ของเมลดา ทำให้ได้รับรู้เรื่องว่าเมลดามีผู้ชายบ้านนอกคนหนึ่งคอยดูแลอยู่ แล้วยังได้ดูคลิปที่มีนักเลงตามไปอาละวาดที่บ้านของมาลัยด้วย เขาจำหน้านิคมได้ จึงรู้สึกผิดหวังกับแพรวดาวมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นทำให้เขาตัดสินที่จะไม่วางมือจากเมลดาแม้จะรู้ว่าเขากำลังนำตัวเองไปสู่ปัญหา และสิ่งที่เขาคาดคิดไม่ถึงเลยว่าการตัดสินใจครั้งนี้ จะนำปัญหาและหายนะมาสู่ครอบครัวของเขาอย่างอเนกอนันต์ วันที่ปองคุณนัดจะพาเมลดากับมารดาไปสมัครเข้าเรียนที่ศูนย์ศิลปาชีพ ต้องใจแวะมาแต่เช้าด้วยบุคลิกที่เปลี่ยนไปจากเดิม หล่อนหันมาใส่กระโปรง แต่งหน้าเข้มจัด หล่อนกลายเป็นตัวตลกของทุกคนแบบไม่รู้ตัว ปองคุณเองก็ไม่กล้าจะพูดตรง ๆ จึงบอกแค่ว่าหล่อนดูสวยแปลกตาดี ต้องใจจึงคิดว่าเมื่อตัวเองหันมาแต่งตัวแต่งหน้าแบบนี้จะ สามารถดึงใจของปองคุณได้ เมื่อเมลดาสมัครเรียนเรียบร้อยแล้ว ต้องใจยังไม่วายแขวะว่ากระทบกระแทกจนมาลัยต้องออกโรงปกป้อง สองแม่ลูกทำให้ต้องใจงอนเดินหนีออกมา เมลดาตามไปพูดคุยเพื่ออยากจะปรับความเข้าใจ โดยไม่รู้ว่าปองคุณเดินตามไปด้วย ต้องใจสารภาพว่ารักปองคุณ และไม่อยากให้ปองคุณต้องมาเสียใจกับสาวไฮโซซ้ำสองอีก แล้วเล่าเรื่องของ สิริมน คนรักเก่าของปองคุณที่ทิ้งเขาไปแต่งงาน ปล่อยให้ชายหนุ่มต้องชอกช้ำใจมากว่าห้าปี เมลดาเองก็เคยรู้จัก สิริมนแต่ไม่สนิท เคยเจอกันตามงานสังคมเท่านั้น หล่อนจึงแสดงความแปลกใจถึงความสัมพันธ์ของปองคุณ กับสิริมน และแม้ว่าตัวเองจะมีความรู้สึกดี ๆ กับปองคุณอยู่มาก แต่ไม่อยากจะมีปัญหากับญาติอย่างต้องใจ จึงพูดรับปากว่าเธอจะไม่ยุ่งเกี่ยว และคิดอะไรเกินเลยกับปองคุณอย่างเด็ดขาด นั่นทำให้ปองคุณซึ่งแอบฟังอยู่รู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจคล้ายถูกมีดกรีดซ้ำที่รอยแผลเดิม และคิดว่าจะเปิดใจให้กับต้องใจ ที่เห็นคุณค่าและมั่นคงในรักที่มีต่อเขา เสมอมา ปองคุณพาเมลดากับต้องใจไปไหว้พระ ขณะที่อยู่ในวัดเมลดารู้สึกว่ามีคนแอบมองอยู่ตลอดเวลา เธอเข้าใจว่า เป็นพวกแก๊งทวงหนี้ หลังจากส่งต้องใจลงที่ตลาดแล้วทั้งสองจึงขับรถกลับบ้าน ระหว่างทางปองคุณรู้ว่ามีคนขี่มอเตอร์ไซค์ตามมา เขาจึงหลอกพาไปในที่เปลี่ยวแล้วยิงยางรถจนคนขับไม่สามารถหนีได้ เมื่อใช้ปืนขู่จนมารู้ ทีหลังว่าคนที่ตามมานั้นไม่ใช่แก๊งทวงหนี้ และกลายเป็นเป็นหนึ่งที่แอบติดตามเมลดามาจากวัดนั่นเอง ปองคุณยอมจ่ายค่าเสียหายค่าซ่อมรถ และพาสองคนไปนั่งคุยกันที่ร้านกาแฟ ตามประสงค์ของเป็นหนึ่งที่ร้องขอ เขาแยกตัวออกมานั่งรอโดยมีเมลดามองตามด้วยความไม่สบายใจสร้างความฉุนเฉียวให้กับเป็นหนึ่งเพิ่มขึ้นไปอีก เมื่อรับรู้ได้ว่าบัดนี้เมลดาอาจจะเปลี่ยนใจจากเขาไปเต็มร้อยแล้ว หันมาไปสนใจหนุ่มท่าทางบ้านนอกคนนั้น เขาจึงพยายามพูดจาเกลี้ยกล่อมให้เมลดากลับกรุงเทพฯ โดยเขายินดีจะรับดูแลหล่อนและมารดาอย่างดี และจะจัดการ เรื่องหนี้สินให้ด้วย แต่เมลดาไม่ยอมรับการช่วยเหลือนั้น และยืนยันว่าเธอยินดีจะใช้ชีวิตแบบที่กำลังทำอยู่ ปองคุณอดไม่ได้ที่จะถามไถ่ว่าเมลดาพูดจาสิ่งใดกับคนรักเก่า เมื่อได้รับคำตอบที่เขารู้สึกยินดี เมื่อรู้ว่าเมลดายืนยันจะทำตามเจตนารมย์เดิม คือการเข้าไปเรียนฝึกอาชีพที่ศูนย์ศิลปาชีพ โดยไม่คิดจะกลับกรุงเทพฯตามคำชวนของเป็นหนึ่ง ปองคุณเริ่มสืบเรื่องการเป็นหนี้ของประยุทธจากโทรศัพท์ที่เมลดายังเก็บไว้ ทำให้เขาพบว่าประยุทธมีการติดต่อ กับศุภวัฒน์ เขาไม่อยากจะคิดว่าเป็นคนคนเดียวที่เคยทำลายหัวใจของเขา เขาจึงโทรไปขอให้ศรุต เพื่อนตำรวจช่วยสืบให้ ทำให้เขาโดนเพื่อนแซวว่าเขาคงกำลังจะมีความรักอีกครั้ง ก่อนจะส่งเมลดาและมารดาเข้าศูนย์ศิลปาชีพ ปองคุณจึงพาทั้งสองคนไปห้าง เพื่อซื้อของใช้เตรียมตัวเข้าไปอยู่หอ โดยมีต้องใจตามไปอีกตามเคยเมื่อทานอาหารกลางวันเสร็จ เมลดากับมัลลิกาแยกตัวไปซื้อของกันสองคน แต่ช่วงจังหวะที่มัลลิกาขอไปห้องน้ำ เมลดาถูกชายสองคนใช้มีดจี้ให้เดินออกจากห้าง โชคดีที่มีหญิงอ้วนคนหนึ่ง เข้ามาช่วยเมลดาไว้ได้ แพรวดาวรับรู้ว่าลูกน้องทำงานพลาดด้วยความโมโห จึงตัดสินใจจ่ายเงินปิดปากไป เพราะกลัวจะมีหลักฐานโยงใยมาถึงตัว เพราะเริ่มรู้สึกว่าพักหลัง ๆ มานี้ เป็นหนึ่งเริ่มมาเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามถึงนิคม แล้วเป็นหนึ่งคงไม่รู้ตัวว่าหล่อนทราบเรื่องที่เขาตามไปเมลดาถึงอยุธยา หล่อนเก็บความหึงหวงและคับแค้นใจไว้เงียบ ๆ จึงสั่งให้นิคมไปจัดการขั้นเด็ดขาดอีกครั้งแต่ก็พลาดอีกตามเคย ยังดีที่พักหลัง ๆ หล่อนเริ่มไม่ค่อยจะใส่ใจกับเป็นหนึ่งมากเท่าเดิม เพราะความสนใจของหล่อนตอนนี้กำลังอยู่ที่ ศุภวัฒน์ นักธุรกิจหนุ่มพ่อม่ายเนื้อหอม ที่แม้เขาจะไม่ได้หล่อเหลา อะไรมากมาย แต่ก็มีเสน่ห์บางอย่างที่ทำให้แพรวดาวไม่อาจจะละสายตาจากผู้ชายคนนี้ได้เลย เหตุการณ์ที่เกิดกับเมลดาในห้าง ทำให้ปองคุณคิดว่าต้องรีบสืบเรื่องเจ้าหนี้ของเมลดาให้เร็วที่สุด เพื่อนของเขาแนะนำให้ไปแจ้งความไว้ก่อน แต่ปองคุณกลับคิดว่าถ้าย้ายเข้าไปอยู่ในศูนย์ศิลปาชีพแล้วก็น่าจะปลอดภัย ศรุตวิเคราะห์เหตุการณ์นี้มาอย่างมากมาย และมีข้อสงสัยไปถึงแพรวดาวด้วยในเรื่องของการหึงหวง และสิ่งที่ได้รับรู้ อย่างชัดเจนก็คือ ศุภวัฒน์ คือคนคนเดียวกันจริง ๆ ปองคุณจึงตัดสินใจติดต่อกับสิริมนอีกครั้ง เป็นหนึ่งพบยุทธชัย ลูกน้องคนสนิทของประยุทธที่บริษัทของตัวเอง ยุทธชัยกลายมาเป็นคนสนิทของ ศุภวัฒน์แทน ทำให้เขารู้สึกว่าคนนี้ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้บริษัทของประยุทธล้มละลาย เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ที่มากกว่าจึงสามารถหักหลังเจ้านายตัวเองได้ นี่เป็นจุดเริ่มต้นให้เป็นหนึ่งเริ่มสืบหาเรื่องราวอย่างเงียบ ๆ รวมทั้ง เรื่องที่แพรวดาวใช้นิคมทำด้วย แม้เขาค่อนข้างจะแน่ใจว่าเป็นแผนของแพรวดาวที่ส่งคนไปข่มขู่เมลดา แต่ก็ไม่มีหลักฐานจะจัดการกับหล่อนได้ แล้วเรื่องที่สำคัญคือถ้าเขาแตกหักกับแพรวดาวเรื่องนี้ จะกระทบไปถึงธุรกิจของสองครอบครัวต้องแตกหักลง ซึ่งพ่อของเขาคงไม่ยินยอมให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เมลดากับมัลลิกาย้ายตัวเองจากบ้านปองคุณไปเข้าหอพักในศูนย์ศิลปาชีพ ระหว่างทางที่ปองคุณไปส่งสองแม่ลูก เขาก็มีเรื่องต้องถกเถียงกับเมลดา และแสดงความไม่พอใจเมื่อญิงสาวพูดถึงเป็นหนึ่ง มัลลิกาซึ่งนั่งอยู่เริ่มสงสัยและบอกกับเมลดาตรง ๆ ว่าเธอสงสัยว่าปองคุณจะมีใจให้กับลูกสาวของเธอ เมื่อเจอกับสภาพหอพักที่อยู่ร่วมกับ คนอื่นอีกนับสิบ เมลดาก็แทบจะถอดใจ แต่เมื่อเจอว่ามัลลิกาโอดครวญอย่างหนักหล่อนจึงต้องทำใจให้เข้มแข็ง และคิดว่าต้องยอมรับสภาพนี้ให้ได้ และยังต้องเตือนให้มารดาแสดงสีหน้าให้ดี เพราะกลัวคนอื่นจะเข้าใจผิดแล้วสิ่งที่ทำให้หล่อนดีใจจนลืมนึกเรื่องอื่นไปเลย ก็คือหล่อนได้พบกับหญิงสาวร่างอวบที่เคยช่วยเหลือหล่อนในวันที่ถูกจี้ การเริ่มเรียนวันแรก เมลดารับรู้ว่าแผนกที่เธอเลือกเรียนการสอดย่านลิเภานั้นด้วยอาการใจฝ่อนิด ๆ ว่าหล่อน จะไปรอดไหม เพราะแผนกนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นการฝึกอาชีพที่ยากที่สุด มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเรียนงานสอดย่านลิเภาได้สำเร็จ และการจะเริ่มเรียนได้ก็ต้องมีการทดสอบก่อน ที่น่าแปลกใจที่สุดคือปองคุณมาช่วยสอนในแผนกนี้ด้วย แค่เริ่มต้นเขาก็เชือดหล่อนเสียไม่มีชิ้นดีแล้ว สิริมน และปองคุณ ไปปรากฎตัวในงานเลี้ยงเปิดตัวหุ้นส่วนระหว่างชัยพงศ์ วินัย พ่อของแพรวดาว และศุภวัฒน์ โดยไม่ได้รับเชิญ แพรวดาวออกอาการเป็นเดือดเป็นร้อนแทนศุภวัฒน์ จนเป็นหนึ่งเริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ ของคนทั้งคู่ ในขณะที่ศุภวัฒน์นั้นเริ่มรับรู้ว่าสิริมนกำลังจะมาเอาคืน เพราะเมื่อตอนที่เขาเป็นแต่งงานกับสิริมนนั้น ได้ถ่ายโอนหุ้นในกิจการห้างสรรพสินค้าของครอบครัวหล่อนไปให้เจษฎา กว่าครอบครัวหล่อนจะรู้ตัวห้างนั้นก็หลุดมือไปแล้ว ยังดีว่าหล่อนยังมีกิจการทางด้านอื่นรองรับอยู่ จึงยังคงอยู่ได้โดยไม่ล้มละลายไปเหมือนกับประยุทธ เพราะปองคุณหายหน้าไป ทำให้เมลดาไม่มีสมาธิพอที่เรียนรู้จนหล่อนแทบจะถอดใจ แต่ได้ครูอย่างผลที่มากล่าวเตือนสติ และบอกว่าแท้จริงแล้วปองคุณเป็นห่วงหล่อนมาก ถึ
วัยแสบสาแหรกขาด 2559

วัยแสบสาแหรกขาด (2559/2016) “ทรายทิพย์” (แซนด์) นักจิตวิทยาให้การปรึกษาเกี่ยวกับเด็ก และครอบครัว (counseling phychology) หนอนหนังสือบ้าตำรา ก้มหน้าก้มตาเรียนรวดเดียวตั้งแต่อนุบาลจนถึงด๊อกเตอร์ ชีวิตไม่เคยทำอย่างอื่น นอกจากเรียน แซนด์หอบปริญญาทางด้านจิตวิทยากลับมาจากต่างประเทศ พร้อมกับไฟในการทำงานอันเต็มเปี่ยม แต่เมื่อมาเจอความเป็นจริงของสังคมไทย ความฝันของเธอถูกดับอย่างอนาท ไม่มีใครให้ความสำคัญกับการรับคำปรึกษาจากนักจิตวิทยา แซนด์กำลังจะสิ้นหวัง แต่แล้ว ... เหมือนฟ้ามีตา เธอได้รับการติดต่อมาจาก “เปรมมิกา” (ปาล์ม) เพื่อนสนิท ปาล์มทำงานอยู่ที่ “โรงเรียนเปี่ยมคุณศึกษา” (ป.ศ) แซนด์พุ่งเข้าไปรับงานพร้อมความมั่นใจ โดยไม่รู้เลยว่างานนี้ไม่ได้หมูอย่างที่เธอคิด!

โรงเรียนเปี่ยมคุณฯ ก่อตั้งโดย “นพลักษณ์” (ลักษณ์) ไฮโซ ผู้ดีเก่า ผู้มากความสามารถ มั่นใจ แม้แต่ “สมภพ” สามียังต้องขอเลิก และหนีไปทำนา (แบบเกษตรสมัยใหม่เน้นความพอเพียง) เพราะทนต่อการโดนข่มไม่ไหว ภาระแห่งการต่อสู้เพื่อเอาชนะอัตตาของนพลักษณ์จึงตกมาถึง “คุณชวนากร” (กร) ลูกชายคนเดียว ผู้ต้องสืบทอดกิจการโรงเรียนต่อไป หลายคนมองว่าเขาโชคดีมีแม่ปูทางธุรกิจไว้ให้อย่างเข้มแข็ง แต่ในความเป็นจริง .. กรต้องต่อสู้กับความเก่งของแม่ เขาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้แม่ยอมรับ ในขณะเดียวกันต้องเร่งสร้างผลงานให้บรรดาครูใหญ่ และครูน้อยในโรงเรียนเห็นว่าเขาไม่ใช่คุณหนูที่ทำอะไรไม่เป็น กรกดดันตัวเองจนกลายเป็นเจ้านายสุดเขี้ยว อารมณ์ร้ายเข้ากับใครไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะ “อำนาจ” ครูใหญ่ กรกับอำนาจมีเรื่องต้องขัดแข้ง ขัดขา ขัดใจ ปะทะคารมกันเป็นประจำ พนักงานเพียงคนเดียวที่พอคุยกับกรรู้เรื่องก็คือ “ปาล์ม” เลขาคนสนิท ผลงานแรกที่กรหมายมั่นปั้นมือต้องทำให้สำเร็จ คือ โครงการ “เด็กดีไม่มีปัญหา (Sweet broken home)” โครงการนี้เกิดขึ้นเพราะมี “เด็กแสบ” สร้างปัญหาจนถึงขั้นต้องไล่ออกพร้อมกันถึง 5 คน อำนาจยืนยันว่าเด็กกลุ่มนี้เกินเยียวยาต้องไล่ออกเท่านั้น ! แต่หลังจากดูประวัติกรเห็นว่าเด็กทั้ง 5 มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ พ่อแม่แยกทางกัน เด็กแต่ละคนมีครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ กรจึงเกิดความคิดที่จะทำโครงการพิเศษนี้ขึ้น เพื่อแก้ปัญหาให้เด็กสามารถใช้ชีวิตกับคนอื่นได้ ไม่ใช่โยนเด็กที่มีปัญหาออกไปสู่สังคมภายนอกโดยไม่ทำอะไร ซึ่งความคิดนี้ตรงกันข้ามกับอำนาจอย่างสิ้นเชิง และนพลักษณ์ก็เลือกที่จะให้กรพิสูจน์ตัวเองทำให้อำนวจไม่พอใจอยู่ลึกๆ นพลักษณ์ยื่นคำขาด ถ้าโครงการนี้ลดความแสบของเด็กทั้ง 5 ลงได้ถือว่ากรสอบผ่าน เด็กได้เรียนต่อและอาจจะมีโครงการนี้ต่อไป แต่ถ้าล้มเหลว เด็กทั้ง 5 ต้องโดนไล่ออก กรยอมรับการพิสูจน์ครั้งนี้ และสั่งให้ปาล์มตามหานักจิตวิทยาเฉพาะทางที่จะมาเป็นหัวหน้าโครงการโดยด่วน และคนคนนั้นก็คือ “ทรายทิพย์” นั่นเอง !! ในการพบกันครั้งแรกของทรายทิพย์ และ กร ไม่ได้สวยหรูอย่างที่เธอคิดไว้ เขาไม่ได้ปลื้มกับใบปริญญาที่วางเรียงเป็นแผงและเกรดอันดีเยี่ยมของเธอแม้แต่น้อย แต่เขากลับไม่ไว้ใจเพราะเธอไม่เคยทำงานจริง และ อายุก็ยังน้อย แซนด์เลยสวนกลับไปว่า “คุณกำลังตีค่าฉัน เหมือนกับที่ครูในโรงเรียนตีค่าคุณ พวกเขาคิดว่าคุณทำงานแทนแม่คุณไม่ได้ เพราะไม่มีประสบการณ์และอายุน้อย ถ้าคุณไม่พอใจที่คนอื่นตัดสินคุณด้วยเหตุผลนี้ คุณเองก็ไม่ควรตัดสินฉันด้วยเหตุผลนี้เช่นกัน” .... คำพูดของแซนด์จี้ใจดำกรอย่างแรง กรตัดสินใจยอมรับเธอเข้ามาทำงานในตำแหน่ง “หัวหน้าโครงการเด็กดี ฯ” เมื่อ “นักจิตวิทยาบ้าตำรายังไม่เคยเจอของจริง” ต้องมาทำงานกับ “คนจริงสุดเขี้ยว” และยังต้องปะทะกับเด็กแสบอีก 5 คน ความปั่นป่วน ชวนเวียนหัวจึงได้เกิดขึ้น ความผูกพันอันสวยงามของกรและแซนด์ค่อยๆก่อตัวขึ้น พร้อมๆไปกับการทำงานที่ใกล้ชิดแบบตัวแทบจะติดกัน เด็กคนแรก “ด.ญ.ญาทิป” (น้องปิ๊กปิ๊ก) อยู่ชั้น ป. 4 เด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม แววตาใสซื่อ พ่อ (จักรินทร์) เป็นนักธุรกิจใหญ่ ร่ำรวย เจ้าชู้ จนต้องแยกทางกับ แม่ (ตรีทิพย์) ที่มีฐานะร่ำรวยไม่แพ้กัน แต่ปิ๊กปิ๊กกลับมีพฤติกรรม “ชอบขโมย” จนเพื่อนไม่อยากคบ แต่ปิ๊กปิ๊กกลับไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่หยุดพฤติกรรม “จอมฉก”” ปิ๊กปิ๊กจึงเป็น “เด็กดีหมายเลข 1” ที่ท้าทายความสามารถของกรและทรายทิพย์ เด็กดี No. 2 เป็นเด็กชายอยู่ชั้น ป. 6 ชื่อ “ด.ช. ดังใจ” (โชกุน) พ่อแม่แยกทางกัน “ดุจฤทัย” (ดุจ) เป็นผู้หญิงเก่งที่ทุกอย่างต้อง “เป๊ะ ๆๆๆ” จน “ภูทอง” (ภู) สามีขอหย่า และหันไปเปิดผับเล็กๆ ในขณะที่ดุจฤทัยเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทข้ามชาติ ความเนี้ยบของดุจทำให้ “โชกุน” มีปัญหา “ไม่กล้าบอกความจริง” และนำมาสู่การเป็น “เด็กเลี้ยงแกะ” จอมโกหกของโรงเรียน “เมษา” (ตังเม) เป็นเด็กคนที่สาม ที่กรและแซนด์คัดเข้ามาอยู่ในโครงการ ตังเมอยู่ ม. 3 มีปัญหา “หมกหมุ่นกับการฆ่าตัวตาย” พ่อตังเมชื่อ “ชัยภูมิ” (ภูมิ) เป็นเจ้าของโรงงานขนาดใหญ่มีครอบครัวแล้ว “นวลสราญ” (นวล) แม่ของเธอมีฐานะเป็นเมียน้อยอย่างไม่เต็มใจ นวลปล่อยตัวให้จมกับความทุกข์ ไม่ลุกขึ้นสู้กับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ทำให้ตังเมเป็นเด็กที่ไม่ได้รับความรัก การขู่ฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องให้พ่อ แม่หันมาสนใจ คนที่ 4 ที่สุดแสบ แสบทั้งแม่ทั้งลูก เรียกได้ว่า .. แสบสะท้านวงการ เพราะเธอเป็นลูกสาวของ “พีรดา” (รดา) อดีตซุปตาร์ ที่กำลังอยู่ในขาลง “มงกุฎแก้ว” (มินนี่) เป็นดาวโรงเรียน เป็นคนหลงตัวเองอย่างสุดขั้ว แม่ลูกคู่วีน เหวี่ยง เป็นจอมสร้างภาพอันดับต้นๆของประเทศไทย มินนี่วางตัวเป็นเจ้าแม่คอยควบคุมเพื่อน เผด็จการ เป็นตัวแทนของเด็กในยุค GEN Me อย่างแท้จริง ติดโซเชี่ยลมีเดีย จนถึงขั้นรับความจริงไม่ได้ พีรดา และมินนี่ เธอรับไม่ได้ที่ตัวเองถูกส่งมารวมกับไอ้เด็กปัญหา อาละวาดจนแซนต์และกรต้องปวดหัว ความปวดหัวสุดท้ายที่ทำให้กรและแซนด์ คือเด็กคนที่ 5 “ถวายชัย” (ลูกหวาย) เด็กชั้น ม. 6 หน้าตาดี ภายนอกดูสุภาพ เรียบร้อย พูดน้อย ทรายทิพย์แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าหวายจะเป็นเด็กที่ชอบใช้ความรุนแรง มีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนเป็นประจำ ไม่ให้ความร่วมมืออะไรทั้งสิ้น เธอรู้แค่ว่าพ่อของหวายชื่อ “ยอดยุทธ” เป็นเจ้าของโรงเหล็ก ส่วน “เป็นสุข” ผู้เป็นแม่ แยกทางกับพ่อได้สองสามปี หวายมีน้องสาวชื่อ “ถวายพร” (ลูกหว้า) อยู่กับแม่ หลังจากได้รู้จักเด็กทั้ง 5 คน ทรายทิพย์เครียดสุดๆ เพราะแต่ละปัญหาไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิด ซ้ำร้ายยังไม่มีใครให้ความร่วมมือแม้แต่คนเดียว ทั้งตัวเด็ก พ่อ แม่ แต่สิ่งที่ทั้งสองคนได้โดยไม่คาดคิดคือ การได้เรียนรู้กันและกัน ทั้งกรและแซนด์ได้เก็บข้อมูลของกันและกันโดยไม่ตั้งใจ แซนด์ได้รู้ถึงความกดดันที่ทำให้กรเป็นคนดุ และจริงจังจนเกินไป กรเองก็ได้รู้ว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้แซนด์เป็นผู้หญิงคิดบวก ไม่ท้อแท้ ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เป็นเพราะเธอมีครอบครัวที่แสนดี เป็นกองหนุนสำคัญ กรเองก็แอบมาขอกำลังกำลังใจจากพ่อแม่ของเธอเป็นประจำ เค้าคิดว่ากรเป็นลูกชายคนหนึ่งโดยไม่รู้ตัว แต่ถึงแม้แซนด์จะได้กำลังใจอย่างมากจากครอบครัว แต่ปัญหาสารพันที่รุมเร้าเข้ามา และฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้แซนด์สติขาดผึง เมื่อกรมาระบายความกดดันใส่ ด้วยการจิกเอาผลงาน การไล่บี้แบบไม่สนใจเหตุผลของกร ทำให้แซนด์ระเบิดอารมณ์อย่างกดดัน “ไม่ไหวแล้วเว้ยยยยยย....ฉันขอลาออก” !!!! แซนด์เก็บของและเดินออกไปเลย กร และ ปาล์ม ถึงกับอึ้ง ! การลาออกของแซนด์ทำให้อำนาจสะใจอย่างแรง อำนาจสรุปเลยว่าโครงการ “เด็กดี ฯ (จอมปลอม)” ล้มเหลว ไม่มีชิ้นดี ขณะนี้อำนาจหวังสูง เขาต้องการบีบขอซื้อหุ้นจากนพลักษณ์และยึดโรงเรียนมาเป็นของตัวเอง ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้กรหมดความน่าเชื่อถือ กรเองเมื่อไม่มีแซนด์ก็เริ่มรู้สึกเหมือนขาดคนรู้ใจ กรเร่งให้ปาล์มไปตามตัวแซนด์กลับมา ทางด้านแซนด์หลังจากลาออก เธอกลับรู้สึกว่างจนเหงา ด้วยทิฐิแซนด์พยายามไม่ยอมรับความรู้สึกที่แท้จริง ยืนยันกับปาล์มว่า ไม่กลับไปทำงานเด็ดขาด แต่แล้ว..ความตั้งใจของเธอก็ต้องเปลี่ยนไป .. เมื่อ “ลูกหว้า” น้องสาวของหวายมาหาเธอที่บ้าน พร้อมกับ “เป็นสุข” ผู้เป็นแม่ ทั้งสองคนมาเพื่อขอให้ช่วยลูกหวาย เพราะถ้าโดนไล่ออกจริงๆ จะโดนพ่อตีอย่างหนักแน่ๆ ยอดยุทธ (พ่อ) เป็นคนอารมณ์ร้ายมาก ทำให้เป็นสุขทนไม่ได้ ขอหย่า และแบ่งลูกกัน หวายจึงเป็นคนเดียวที่ต้องรองรับอารมณ์ของพ่อ ทำให้เขากลายเป็นเด็กก้าวร้าว และใช้กำลังตัดสินปัญหา ในระหว่างที่ลังเลอยู่นั้น กรก็พ่ายแพ้ต่อความรู้สึกของตัวเอง เขามาหาเธอที่บ้านเพื่อตามกลับไปทำงาน แต่ยังมีฟอร์มด้วยการเอาคลิปที่อำนาจพูดในที่ประชุมด้วยความสะใจที่เธอทิ้งงานกลางครัน แซนด์ฟังแล้วจี๊ดดดดดดดขึ้นมาทันที กรรีบท้าทายถ้าอยากจะลบคำประมาทก็ต้องกลับไปทำงาน ดีกว่าจะต้องเสียชื่อไปทั้งชีวิต แซนด์คิด..คิด..คิด และตัดสินใจ “ฉันกลับไปทำก็ได้ ..ถ้าต้องการให้เธอกลับไปทำงานครั้งนี้ กรจะต้องทำตัวเป็นทีมเดียวกับเธอ ไม่ใช่อยู่ฝ่ายตรงข้ามแล้วมาคอยไล่บี้แบบไม่มีเหตุผล และจะช่วยเธอทำงานนี้ให้สำเร็จในฐานะ “เพื่อนร่วมงาน” ไม่ใช่ “เจ้านาย” กรกลับไปต่อรองกับแม่ได้สำเร็จ นพลักษณ์ยืดระยะเวลาของโครงการนี้ไปอีกหนึ่งเทอม กรและแซนด์ได้กลับมาทำงานด้วยกันอีกครั้ง จากผูกพันที่เริ่มก่อตัว ได้รับการสานต่ออย่างเหนียวแน่น โดยมีปัญหารายล้อมเป็นตัวเร่ง แซนด์รวบรวมกำลังใจ และ ข้อมูลที่มีเพื่อเริ่มต้นสานต่อโครงการ “เด็กดี ฯ” อีกครั้ง โดยมีกรคอยประกบอยู่ไม่ห่าง ระหว่างปิดเทอมเด็กทั้ง 5 ต่างมีกิจกรรมที่แตกต่างกันออกไป ทำให้แซนด์ได้รู้จักเด็กๆในอีกมุมที่เธอไม่เคยรู้ ระหว่างปิดเทอมที่ได้ทำงานด้วยกันทั้งกรและแซนด์ได้รู้จักกันมากขึ้น ได้ใช้ชีวิตในแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง โรงเรียนเปิดเทอม สิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ... เด็กทั้ง 5 คนกลับมาสร้างปัญหาเหมือนเดิมและรุนแรงมากขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จากเหตุการณ์ร้ายแรงที่ประดังเข้ามาทำให้นพลักษณ์ตัดสินใจยุติโครงการ “เด็กดี ฯ ” ของกร และเรียกเด็กทั้ง 5 พร้อมกับผู้ปกครองมาชี้แจงเรื่องการขอเชิญให้ออกกลางเทอม ทุกคนถึงกับชอค และไม่ยอมออก ส่วนยอดยุทธเมื่อรู้เรื่องก็ตบหวายต่อหน้าทุกคนอย่างแรง ในจังหวะนั้นเอง แซนด์ก็พุ่งเข้าไปและเอาตัวเองกอดหวายไว้ยอมที่จะรับฝ่ามือ และกำปั้นของยอดยุทธแทนโดยไม่คำนึงถึงความเจ็บปวด กรเข้ามาเห็นพอดีรีบเข้ามาห้าม กว่าเหตุการณ์จะสงบทำเอาทุกคนอกสั่นขวัญหายและร่างกายของแซนด์ก็มีรอยฟกช้ำดำเขียวเต็มไปหมด กรปฐมพยาบาลให้แซนด์ด้วยความสงสาร วินาทีนี้เขาไม่กังขากับความทุ่มเทให้กับงานของเธออีกต่อไป เขาชื่นชมเธอ (เป็นครั้งแรก) แซนด์ดีใจและนึกไม่ถึงว่าเธอจะทำให้จอมเฮี้ยบอย่างกรเอ่ยปากชมได้ .. แต่สุดท้ายเธอก็ทำโครงการนี้ไม่สำเร็จ เด็กๆต้องโดนไล่ออก กรเสียเครดิต และตัวเธอเองก็ต้องตกงาน ความเห็นอกเห็นใจกันทำให้ทั้งสองคนใกล้ชิดกันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น .. เมื่อนพลักษณ์เรียกแซนด์เข้าพบ และบอกให้กลับมาทำโครงการเดิมให้สำเร็จ นพลักษณ์บอกว่า.. หลังจากเกิดเรื่องเหล่าบรรดาผู้ปกครองของเด็กมาขอเข้าพบ และขอร้องในเรื่องเดียวกัน นั่นคือ .. ขอโอกาสเพื่อเข้าโครงการ “เด็กดี ฯ” อีกครั้ง การกลับมาของเด็กทั้ง 5 คน สร้างความแปลกใจให้เพื่อนร่วมห้องเป็นอย่างมาก หลายคนแสดงอาการรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด แซนด์และกรต้องร่วมมือกันรีบแก้ปัญหา ก่อนที่เด็กจะโดนทำร้ายจิตใจจนยากจะแก้ไข แซนด์และกรร่วมมือกัน เริ่มต้นแก้ปัญหาจากทั้งสองด้านคือ แก้ที่เด็ก และ แก้ที่พ่อแม่ ในระหว่างที่แซนด์พยายามจะแก้ปัญหาอันแสนหนักหน่วงของเด็กทั้ง 5 เธอมีกรคอยเป็นผู้ช่วยและให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด ทำให้เธอได้เห็นมุมต่างๆของผู้ชายแสนเฮี้ยบหน้าขรึมคนนี้มากมาย กลายเป็นความผูกพันที่แสนงาม ท่ามกลางความชื่นมื่นของแซนด์และกร กับโครงการที่กำลังไปได้ดี ทั้งสองไม่รู้เลยว่าอำนาจได้แอบสร้างคลื่นไต้น้ำ พลังความคิดในด้านลบนี้ถูกก่อขึ้นและพร้อมระเบิดในวันประชุมผู้ปกครองประจำปี ในการประชุม ผู้ปกครองหลายคนที่โดนปั่นหัวเห็นด้วย ลามปามจนถึงขั้นต้องไล่เด็กออก ไล่แซนด์ออก และขู่ว่าถ้านพลักษณ์ให้กรมาดูแลโรงเรียนแทนจะพาลูกลาออกทั้งหมด !!! อำนาจยิ้มพอใจกับปฎิกริยาของผู้ปกครอง แต่แล้ว....สิ่งที่อำนาจวาดฝันไว้ก็ต้องพังทลาย เมื่อพีรดา นวลสราญ ตรีทิพย์ ดุจฤทัย และภูทอง รวมทั้งเป็นสุข และ ยอดยุทธ (ที่อาการเริ่มดีขึ้น แม้ยังไม่หายสนิท แต่นั่งวีลแชร์มาร่วมประชุม) ลุกขึ้นพูดถึงการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นหลังจากที่ได้ร่วมโครงการนี้ แต่ละคนพูดถึงสิ่งที่ได้รับ ได้เห็นปัญหา ได้เข้าใจปัญหาของลูก ของตัวเอง ได้รู้ว่าเราจะปรับปรุงตัวอย่างไร เพื่อทำให้ลูกและตัวเราเป็นคนที่มีคุณภาพมากขึ้น สุดท้ายจะไล่เด็กทั้ง 5 ออกจากโรงเรียนก็ได้ แต่ขอให้มีโครงการนี้ต่อไป เพราะคนที่จะได้ประโยชน์คือลูกๆ และตัวคุณเอง ทำให้ผู้ปกครองคนอื่นๆ อึ้ง จากหน้ามือ เป็นหลังมือ จนอำนาจไม่พอใจ เผลอหลุดโวยวายออกมา จนนพลักษณ์ต้องรีบปิดการประชุม นพลักษณ์ต่อว่าอำนาจ และบอกว่าเธอรู้ทันเกมของเขา ไม่มีวันที่เธอจะขายหุ้น และนับจากนี้ไปเธอจะให้กรขึ้นมาบริหารโรงเรียนแทน !! ถ้ารับไม่ได้ก็พร้อมจะให้ลาออก อำนาจตีหน้าซื่อ และไม่มีปัญหาที่กรขึ้นมาแทน เขาพร้อมที่จะทำงานกับทุกคนเพื่อโรงเรียนเพื่อเด็กๆ อำนาจแม้จะพลาดในครั้งนี้ แต่เขาเก็บความแค้นไว้จนแน่นอก พร้อมจะแก้แค้นทันทีที่มีโอกาส การประชุมผู้ปกครองที่ผ่านพ้นไป .. เหมือนพายุที่พัดพาความมืดมัวออกไปจากชีวิตของหลายๆคน ปิ๊กปิ๊กเลิกนิสัยขโมยของโดยเด็ดขาด และนำของที่เคยเอาไปซ่อนเพราะความอิจฉามาคืนเพื่อนๆ คืนโรงเรียน และคืนแซนด์ ตรีทิพย์เลิกไปยุ่งวุ่นวายกับเมียอื่นๆของจักรินทร์ ดูแลลูก ดูแลตัวเอง โชกุนกล้าที่จะพูดความจริง และยอมรับความผิด แม้ต้องโดนลงโทษก็ไม่กลัว ดุจฤทัยและภูทองกลับมาคืนดีกันอีกครั้ง ทั้งสองคนเริ่มต้นกลับมาอยู่ด้วยกันใหม่ โดยมีโชกุนเป็นกาวใจ นวลสราญกลับมาสวยเหมือนเดิม เธอเลิกกับชัยภูมิอย่างเด็ดขาดและตัดสินใจกลับไปต่างจังหวัด พร้อมกับนำเงินที่เก็บสะสมไว้มาลงทุนทำสวนในที่ของตัวเอง ตังเมยินดีลาออกจากโรงเรียน และย้ายไปเรียนที่ประจำจังหวัดเพื่อจะได้อยู่กับแม่ ตังเมใช้เวลาไปกับการสร้างสรรค์งานศิลปะที่น่าทึ่ง มินนี่กลับมาเป็นเด็กธรรมดา ลดการสื่อสารทางโซเชี่ยลมีเดีย กลับมาอยู่กับเพื่อนๆ อยู่กับโลกความเป็นจริง และหาเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดกับแม่มากขึ้น ทุ่มเทให้กับการเรียน หวายเอาดีทางด้านกีฬา จนได้เป็นนักฟุตบอลโรงเรียน เมื่อได้ปลดปล่อยพลังออกมา ความก้าวร้าวก็ลดลง อาการของพ่อก็เริ่มดีขึ้น ยอดยุทธขอร้องให้เป็นสุขและหว้ากลับมาอยู่บ้าน ยอดยุทธหันไปฟังธรรมะและละวางเรื่องงาน เรียนรู้เรื่องการควบคุมอารมณ์ เพื่อแลกกับครอบครัวที่เป็นสุข นพลักษณ์ชื่นชมแซนด์อย่างมากในความสำเร็จครั้งนี้ แต่แซนด์ไม่รับ เธอตัดสินใจเลื่อนตำแหน่งให้กรขึ้นมาดูแลโรงเรียนแทนเธอ ท่ามกลางการยอมรับของครู และผู้ปกครอง กรขอบคุณแซนด์ที่ช่วยเหลือมาตลอด เขาชวนเธอมาเป็นพนักงานประจำ ทำหน้าที่ดูแลเด็กที่มีปัญหาคนอื่นๆ ที่อาจจะมีมาอีก แต่แซนด์ปฎิเสธ เธอขออยู่อย่างอิสระ แต่ถ้ามีเด็กต้องการความช่วย เธอจะมาทันที .. กรยอมรับและในการตัดสินใจ และถือเป็นสัญญาใจระหว่างเขาและเธอ .... ทรายทิพย์ปิดจ๊อบแรกในชีวิตอย่างมีความสุข เธอได้เรียนรู้ว่า “ครอบครัว” เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตมนุษย์ ไม่ว่าครอบครัวเราจะรั่ว แตก แยก ผุ อยู่ในสภาพเลวร้ายขนาดไหนก็ตาม ความรัก ความใส่ใจ ความสนใจ คืออุปกรณ์สำคัญที่จะอุดรอยรั่ว รอยร้าวได้อย่างดีที่สุด
ขมิ้นกับปูน 2559

เรื่องย่อ : ขมิ้นกับปูน (2559/2016) เมื่อปี พ.ศ. 2486 ความเปลี่ยนแปลงด้านการเมืองและสังคมเกิดขึ้นในเมืองไทย แต่ยังคงมีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาเลย คือความเกลียดชังระหว่างตระกูล พระยาอภิบาลบำรุง (สันติสุข พรหมศิริ) และ ตระกูลพระวิจิตรศิลปการ (ดิลก ทองวัฒนา) สาเหตุเนื่องมาจากคุณแม่ของพระยาอภิบาลบำรุง ได้หนีตามคุณพ่อของพระวิจิตรไป ซึ่งนำความเสื่อมเสียมายังตระกูลของพระยาอภิบาลอย่างยิ่ง พระยาอภิบาล มีบุตรชาย 1 คน คือ พระนิติรักษ์ธรรมสถิตย์ (เพ็ญเพ็ชร เพ็ญกุล) และธิดา 3 คน คือ คุณปริก (พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) คุณจำปา (ศิรประภา สุขดำรงค์) และคุณปีบ (สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา) ซึ่งครองความเป็นสาวจนกระทั่งปัจจุบัน ในรุ่นหลานของตระกูล ซึ่งเป็นลูกของพระนิติรักษ์ ได้แก่สามสาวปัทมา (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล), ปวีณา (ศรศิลป์ มณีวรรณ์) และปารมี (มุกดา นรินทร์รักษ์) เมื่อทางราชการเปลี่ยนแปลงไม่ให้มีการใช้ยศถาบรรดาศักดิ์อีก พระนิติรักษ์ ทนไม่ได้จึงลาออกจากราชการ ฝ่ายพระยาอภิบาลก็เกษียณแล้ว ทำให้ตระกูลอภิบาลบำรุงเริ่มเสื่อมถอย เงินทองร่อยหรอ ผิดกับตระกูลของพระวิจิตร ที่เจริญมั่งคั่งขึ้นทุกวัน ปวีณา เป็นเด็กสาวช่างฟ้อง อิจฉาปัทมาพี่สาว จึงฟ้องพระยาอภิบาลว่าปัทมาแอบคบกับทานตะวันและธนา หลานและลูกของพระวิจิตร ปัทมาจึงถูกเฆี่ยนตีอย่างหนัก จนเริ่มเก็บกด แข็งกระด้างและเจ้าทิฐิโดยไม่รู้ตัว ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พระนิติรักษ์ทำการค้า และถูกโกง ยิ่งทำให้พระยาอภิบาลกลุ้มใจหนัก ในระหว่างนั้นเอง ปัทมาขออนุญาตไปเรียนต่อที่ศรีราชา กับเพื่อนรัก ทานตะวัน (อธิชนัน ศรีเสวก) ที่นั่นเอง ปัทมาพบรักกับคุณธนา (กันตพงศ์ บำรุงรักษ์) น้าของทานตะวัน เมื่อพระยาอภิบาลทราบเรื่อง ปัทมาถูกตบตีอย่างรุนแรง หลังจากนั้นปัทมาถูกจับไปบวชชี ทานตะวันและธนาช่วยปัทมาหนีออกจากวัดได้ ปัทมาได้แต่งงานกับธนาในที่สุด พระยาอภิบาลโกรธแค้นมาก ตัดปัทมาออกจากตระกูล เวลาผ่านไป ปวีณา และปารมีเริ่มเป็นสาว ปวีณา แอบอิจฉาปารมีที่สวยกว่าตน แต่ปวีณาเป็นที่โปรดปรานของคุณปู่และคุณพ่อ จึงได้รับอนุญาตให้เรียนต่อมหาวิทยาลัย ส่วนปารมีให้เรียนถึงมัธยมแปดเท่านั้น ปวีณา ได้พบกับแทนพงศ์ หลานของพระวิจิตรที่เพิ่งจบการศึกษาจากเมืองนอก และมาเป็นอาจารย์พิเศษของปวีณา ปวีณาได้ที่อยู่ของปัทมา เธอจึงไปเยี่ยมพี่สาว และนำความไปบอกเจ้าคุณปู่กับคุณพ่อ พระนิติรักษ์จึงมาพาตัวปัทมากลับไป ปัทมาเสียใจที่ถูกพรากจากสามี เธอตรอมใจจนผูกคอฆ่าตัวตาย แต่คุณปีบมาช่วยไว้ทัน วันหนึ่งปัทมาเห็นรูปถ่ายของ ธนากับทานตะวัน เพื่อนรัก ปัทมาเข้าใจว่าเพื่อนรักแย่งสามีตน เธอจึงกินยาฆ่าตัวตายอีกครั้ง แต่ทุกคนช่วยไว้ได้ทัน สภาพจิตใจของปัทมาแย่ลงทุกที ทันพันธุ์ (อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์) หลานอีกคนหนึ่งของตระกูลพระวิจิตร แอบชอบปารมีอยู่ ทันพันธุ์มาร่วมงานทำบุญเลี้ยงพระ เพื่อเปิดร้านอาหารของคุณทั้ง 3 นาง และมีโอกาสพูดคุยกับพระยาอภิบาล พระยาอภิบาลไม่ทราบว่าทันพันธุ์เป็นหลานศัตรู ทั้งคู่พูดคุยกันถูกคอ เมื่อพระยาอภิบาลรู้ความจริงว่าทันพันธุ์เป็นใคร ก็มิได้จงเกลียดจงชังมากนัก ธนาส่งจดหมายหย่าให้ปัทมา เป็นเหตุให้ปัทมาช็อก กลายเป็นคนบ้า เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป สุดท้ายความรักในรุ่นของลูกหลานจะเอาชนะความอาฆาตพยาบาทระหว่างสองตระกูลได้หรือไม่ ติดตามชมกันต่อได้ในละคร ขมิ้นกับปูน ที่ออกอากาศทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.20 ทางช่อง 7 สี ละคร ขมิ้นกับปูน เริ่มตอนแรกวันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม 2559