ตี๋ตระกูลซ่ง 2549

ตี๋ตระกูลซ่ง (2549/2006) เคี้ยง และ กิมเน้ย เคยเป็นเจ้าของคณะเชิดสิงโตมีชื่อ แต่ที่ต้องปิดคณะลงเพราะโดนคณะคู่แข่งซื้อตัวคนเชิดหัวสิงโตไป เคี้ยงจึงได้เปลี่ยนอาชีพมาขายกาแฟอยู่ที่ตลาดเยาวราชเพื่อเลี้ยงดู อากง อาม่า และลูกๆ อีกสี่คนคือ ย้ง พี่ชายคนโตที่ต้องดูแลน้องๆ อีกสามคนคือ หมิง, ฟู่, ไช้ วันหนึ่งอาม่าเกิดล้มป่วยและต้องใช้เงินจำนวนมาก ซึ่งก็พอดีกันกับที่ เจิน ลูกสาวร้านปาท่องโก๋ที่แต่งงานไปกับ หลี่ฟง นักธุรกิจชาวฮ่องกงได้เดินทางกลับมาเยี่ยมครอบครัวของเธอที่เยาวราช และได้รู้เรื่องของเคี้ยงทำให้เธออยากจะช่วยเหลือ เจินเลยขอไช้ไปเป็นลูกบุญธรรม ติดตามต่อได้ใน ตี๋ตระกูลซ่ง

จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า 2549

จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า (2549/2006) วรเทพ สุรสิทธิ์ เศรษฐีเจ้าของรีสอร์ตสุรสิทธิ์กำลังป่วยหนัก จึงเรียกทายาททั้งหมดมาฟังประกาศพินัยกรรม ทุกคนประหลาดใจที่มรดกส่วนหนึ่งตกเป็นของหลานสาวของวรเทพ ที่เกิดกับลูกชายคนสุดท้องของตระกูลคือ บุรินทร์ ที่เสียชีวิตไปแล้ว เป็นเหตุให้ ปรเมศวร์ และปารมี สองพี่น้องที่เป็นญาติฝ่าย สาวิกา ภรรยานายวรเทพ ต้องเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อตามหาตัวทายาทนิรนามคนนี้ ในที่สุดก็พบ จันทร์เจ้า ลูกสาวของนายบุรินทร์ในบ้านเกสต์เฮาส์ให้ฝรั่งเช่าอยู่อย่างแออัด จันทร์เจ้าอายุ 18 ปีชอบแต่งตัวเป็นทอมบอย และอยู่ในความดูแลของ มะลิ แคลาย นักร้องที่มีอาชีพเสริมคือการเปิดสำนักทรงหลอกชาวบ้านหากินไปวันๆ โดยมีจันทร์เจ้าเป็นลูกมือ บางครั้งจันทร์เจ้าก็ถูกประทับทรงเสียเอง เพราะพูดภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสได้ เพราะไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เล็กจนอายุ 10 ขวบ พอพ่อเสียชีวิตก็เลยต้องกลับเมืองไทย หลายครั้งจันทร์เจ้าก็ เห็นภาพนิมิตเข้าจริงๆ และช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากหลายๆ หนจนคนแถวนั้นนับถือ จันทร์เจ้าเองก็กลัวความสามารถพิเศษของตัวเองอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อปรเมศวร์และปารมีเข้ามาลองของให้จันทร์เจ้าประทับทรงให้ จันทร์เจ้าเห็นร่างสว่างไสวของคนคนหนึ่งมานั่งร่วมอยู่ด้วย และกระซิบบอกให้จันทร์เจ้าตามปรเมศวร์กลับไปที่ไร่ มะลิไม่ยอมเพราะกลัวจันทร์เจ้าจะถูกหลอก แต่ปรเมศวร์ยืนยันว่าจันทร์เจ้าต้องอยุ่ในความปกครองของเขาตามกฎหมาย จันทร์เจ้าเองก็อยากไปเพราะต้องการรู้เรื่องแม่ที่ตนเองไม่รู้จักมาก่อน จันทร์เจ้าเริ่มเห็นวิญญาณสว่างไสวบ่อยครั้งขึ้น สร้างความหวาดกลัวให้แก่จันทร์เจ้า, มะลิ และข้าวต้มมัด ลูกสมุนวัยเด็กยิ่งนัก ปรเมศวร์พาจันทร์เจ้ากับข้าวต้มมัดไปที่รีสอร์ทสุรสิทธิ์ ปรเมศวร์สั่งให้จันทร์เจ้าทำตัวให้สมกับเป็นทายาทของตระกูลผู้ดี แต่จันทร์เจ้าออกฤทธิ์ออกเดชเต็มที่ทำให้ปรเมศวร์ต้องใช้กำลังกายกำลังใจกำ หราบจันทร์เจ้า ติดตามต่อได้ใน จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า

อุ้มรัก (2549/2006) ณภัทร (แอน ทองประสม) ดาราสาวไฮโซเอาแต่ใจ เข้าสู่วงการความงามตามคำแนะนำของ แอนนา (เจมี่ บูเฮอร์) นางแบบสาวเพื่อนสนิท ในการถ่ายงานโฆษณาชิ้นหนึ่ง ณภัทร ได้พบกับ ราเชนทร์ (ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์) หนุ่มปากจัด เชนต่อว่าต่อขานณภัทรที่ไปสาย ทำให้การพบหน้ากันครั้งแรก จึงจบลงด้วยบรรยากาศของความไม่เป็นมิตรกัน ต่อมา ในปาร์ตี้วันเกิดของนิตยสารชื่อดัง เชนได้รับเชิญมาพร้อมกับ จัสมิน (ตุ๊ก ชนกวนัน) นางแบบที่ตกเป็นข่าวกิ๊กกันอยู่ ในงานนั้น ณภัทรแข่งดื่มเหล้า จนเมามาย ไม่ได้สติ ทำให้ณภัทรต้องพากลับไปนอนที่ห้อง แต่เกิดอุบัติเหตุเมื่อกระเป๋าของ กัญ อุไร กับจัสมิสลับกัน แบงค์ ที่เมามายเช่นกันจึงไขกุญเข้าห้องถูก แล้วคืนนั้นทั้งคู่ก็มีอะไรกัน เมื่อณภัทรตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองได้มีอะไรกับเชน ก็ร้องไห้เสียใจ ต่อว่าเชนต่าง ๆ นานา เชนก็รู้สึกผิดและขอรับผิดชอบ แต่เธอไม่ต้องการจึงขับไล่เขาออกไป และหลังจาก นั้น ณภัทรก็พบว่าตัวเองตั้งครรภ์ พยายามที่จะเอาเด็กออก แต่ก็ทำไม่ลง จึงพยายามที่จะ หาพ่อให้ลูกในท้องแทน ในขณะที่เชนก็พยายามตื้อที่จะขอเป็นรับผิดชอบโดยตลอด เพราะเขาปมในใจ เมื่อพ่อแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก ทำให้เชนอยากเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีให้ได้ ณภัทรคิดจะให้ มาร์ค (วริษฐ์ ทิพโกมุท) อดีตกิ๊กเก่ามาเป็นพ่อของลูกในท้อง จึงพยายามที่จะใกล้ชิดมาร์ค แต่แล้วแผนการต่าง ๆ ก็ถูกเชนขัดขวาง ทั้งเชนและมาร์คจึงประกาศตัวเป็นคู่แข่งกัน เพราะความจริงใจของเชน จึงทำให้แอนนาแอบเป็นผู้ช่วยเหลือเชนมาโดยตลอด และอีกเหตุผลสำคัญคือ แอนนาก็ชอบมาร์คเหมือนกัน และแล้วความลับเรื่องท้องของณภัทรก็แตก เพราะจัสมินที่ไปทำงานด้วยกัน จับได้และแจ้งให้นักข่าวทราบ ทำให้เชนต้องประกาศว่าตนเองเป็นพ่อเด็ก และกำลังจะแต่งงาน กับณภัทร ซึ่งในขณะนั้นหนีไปหาพ่อที่ต่างประเทศ หลังจากทราบข่าวการแถลงข่าวของ เชน ทำให้ณภัทรต้องยอมแต่งงาน โดยมีข้อแม้ว่าถ้าเด็กเป็นผู้ชาย เชนจะได้ลูกไป แต่ถ้าเป็นผู้หญิง ลูกจะตกเป็นของเธอ และด้วยความดีและความเอาใจใส่ของเชน ทำให้ณภัทรเริ่มที่จะใจอ่อนกับเชนมากขึ้น ถึงแม้ว่าระหว่างนั้นจะมีทั้ง จัสมิน และ มาร์ค มาเป็นอุปสรรคและสร้างความระหองระแหง ให้กับความรักของเขาทั้งสองอยู่เสมอ แต่ด้วยเหตุการณ์หลาย ๆ อย่าง ทำให้เขาทั้งสองเกิด ความเข้าใจผิดกัน จนณภัทรประกาศว่าจะแต่งงานกับมาร์ค หลังจากคลอดลูก ณภัทรได้ลูกสาว ทำให้เชนไม่กล้าที่จะเข้าไปหาณภัทรอีก เพราะสัญญาที่ให้ไว้ และเข้าใจว่าณภัทรกำลังจะแต่งงานกับมาร์ค ทำให้เชนตัดสินใจไปอยู่ต่างประเทศ เพื่อเป็นการตัดใจจากณภัทรและลูก และเขาได้จัดนิทรรศการภาพถ่าย "อุ้มรัก" เพื่อแสดงความรักที่เขามีทั้งหมดต่อณภัทรและลูก ในวันเดินทาง ณภัทรได้มีโอกาสมาดูนิทรรศการ และได้เจอเชนอีกครั้ง ณภัทรจึงขอร้องให้เชนกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง จึงทำให้ทั้งเขาและเธอกลับมาเป็นครอบครัวที่มีความสุขอีกครั้งหนึ่ง โดยมีน้องโฟโต้เป็นโซ่ทองคล้องใจของเค้าทั้งสอง

ตะวันชิงพลบ 2549

เรื่องย่อ : ตะวันชิงพลบ (2549/2006) มุกระวี ลูกสาวของ ระพี และมุกดา เจ้าของโรงงานปั้นโอ่งราชบุรี เป็นเด็กก๋ากั่น มีหัวการค้า มัทักษะด้านทำเครื่องปั้นของโรงงานพ่อ มุกระวีถูกมุกดาผู้เป็นแม่และ จินดาหรา พี่สาวเข้มงวดเรื่องกิริยามารยาท การรักนวลสงวนตัว การแต่งกาย มุกระวีไม่กินเส้นกับ คุณตาโสภณ และคุณยายมาลี เพราะคุณตาคุณยายกล่าวหาว่าเพราะมุกระวีเป็นผู้หญิง จึงทำให้มุกดาต้องขอ ประสบลาภ น้องชายมุกดามาเลี้ยงเหมือนลูก ทุกคนเชื่อว่าผู้หญิงไม่มีทางทำงานใหญ่ใดๆ ได้ มุกระวีได้แต่ผะอืดผะอม เพราะรู้ดีว่าตายายแกล้งโวยเพื่อกลบเกลื่อนความโลภ เธอรู้ว่าตายายจับคู่ประสบลาภให้เธอ เพื่อให้ประสบลาภได้สมบัติระพี มุกระวีได้พบกับ ภูริภพ ลูกชายคนเล็กของ ประพจน์ และมณี เจ้าของโรงแรมมีชื่อ เด็กหนุ่มมีความชอบคล้ายกัน คือชอบธรรมชาติ วิวทิวทัศน์ ชอบเขียนภาพ ถ่ายรูป ดูนก มุกระวีแอบรักภูริภพตั้งแต่ครั้งแรกโดยภูริภพไม่รู้ตัวภูริภพกับมุกระวีสนิทกันท่ามกลางการรับรู้ของ ฉัตร และโฉม สองพี่น้อง และต๋อย ลูกคนงาน โฉมใกล้ชิดกับมุกระวีมาก ทั้งสามต่างเชียร์ให้ภูริภพและมุกระวีได้สมรักกัน แต่แล้วเมื่อภูริภพได้พบกับจินดาหราก็ลืมไปเลยว่าเคยรู้จักกับมุกระวี เนื่องจากจินดาหราสวย ส่วนจินดาหราก็ไม่คิดว่าภูริภพกับมุกระวีจะชอบกัน เพราะไม่ได้มีทีท่าใดๆ จินดาหราจึงไม่คิดว่าตัวเธอได้แย่งสิ่งที่มุกระวีน้องสาวรักมากๆ มา มุกระวีเสียใจเธอพยายามทำใจ และปลอบตัวเองว่าภูริภพไม่ได้รักเธอ แต่เมื่อภูริภพและจินดาหราไปฝรั่งเศส และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน มุกระวีก็หัวใจแทบวาย เธอหันไปมุงานที่โรงงานเพื่อให้ลืมภูริภพ ระพีและมุกดาส่งประสบลาภไปเรียนอเมริกา โดยทุกคนหวังว่าประสบลาภจะกลับมาช่วยงานโรงงาน “รุ่งระพี” ได้ แต่ประสบลาภไม่สนใจเรียน และไปอยู่กินกับ อรรุจิ พี่สาวภูริภพ ระพีมีหุ้นส่วนโรงงานคือ อารุ่ง, อาอุไรวรรณ และเดือน พี่สาวระพี เดือนส่ง รัชตะ มาช่วยงานระพีที่โรงงาน แต่รัชตะทำงานไม่เอาไหน แถมวันๆ เอาแต่ตามหึง คำแก้ว ภรรยาจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร ประพจน์หมายฮุบกิจการโรงงานผลิตเซรามิกส์ “รุ่งระพี” ประพจน์ดำเนินการร่วมกับหุ้นส่วนและ แพ็ตตี้ ลูกสาวที่เกิดจากภรรยาอีกคน โดยใช้แผนใต้ติดทำให้ฐานะทางการเงินของระพีสั่นคลอน แล้วเข้าซื้อหุ้นจากรุ่ง, อุไรวรรณ และเดือน ระพีตัดสินใจเรียกประสบลาภกลับมาช่วย เพราะเชื่อว่าประสบลาภเป็นผู้ชายคงพอทำอะไรได้ แล้วภูริภพกับจินดาหราก็กลับเมืองไทย ภูริภพเรียนจบวิทยาศาสตร์การถ่ายภาพ และเข้าสอนที่มหาวิทยาลัย พร้อมเปิดร้านโฟโต้ฟาสต์ มุกระวีได้พบภูริภพอีกครั้ง คราวนี้เขามาพร้อมจินดาหราที่เป็นแฟนโดยเปิดเผย จินดาหราเปลี่ยนไปเธอทนรับความไม่สะดวกต่างๆ ไม่ได้ แถมแต่งตัวสวยจัดและกรีดกราย จู้จี้จุกจิก เจ้าระเบียบ มีเงื่อนไขต่างๆ มากมาย ขณะที่มุกระวียังติดดิน ส่วนภูริภพยังคงบ้าถ่ายรูป สนใจเรื่องการปั้นเหมือนเดิม แต่ภูริภพก็รักจินดาหรา แต่จินดาหราไม่อยากแต่งงาน ในความรู้สึกมุกระวีจินดาหราเป็นผู้หญิงที่สวยหรู โอ่อ่า แต่จิตใจเย็นชาน่ากลัว ระพีต่อสู้กับภาระต่างๆ จนกิจการไปไม่ไหว ต้องให้ฉัตรยกเครื่องจักรไปฝากมุกระวีที่ราชบุรีเพื่อหนีเจ้าหนี้ ระพีหวังให้ประสบลาภช่วย แต่ประสบลาภคอยมองหาแต่เรื่องสุขสบาย ฝ่ายจินดาหราก็ทำตัวหรูหรา เห็นแก่ตัวและเอาเปรียบคนอื่น ที่สุดแล้วรุ่งและอุไรวรรณหุ้นส่วนโรงงานจำต้องขายหุ้น เพราะเห็นว่าโรงงานไปไม่ไหว เนื่องจากมีฉัตรช่วยพยุงฐานะโรงงานไว้คนเดียว มุกระวีอาสาช่วย ระพีปฏิเสธเพราะไม่อยากสร้างปัญหาให้มุกระวี มุกระวีต้องสั่งฉัตรและต๋อยว่าให้ดูระพีให้ดี ระพีอาจคิดสั้นได้ จากนั้นมุกระวีก็ไปพบภูริภพที่กรุงเทพฯ มุกระวีโกรธที่โรงงานพ่อภูริภพดึงประสบลาภไปจากโรงงานระพีโดยดึงผ่านอรรุจิ แล้วมุกระวีก็ได้รู้ว่าผู้หญิงที่ชื่อแพ็ตตี้คือลูกประพจน์ที่เกิดจากภรรยา น้อย ภูริภพรับปากว่าจะไปพูดกับประพจน์ให้ยุติการใช้แพ็ตตี้ไปซื้อโรงงานระพี แต่ประพจน์ไม่สนใจคำขอร้องของภูริภพ แพ็ตตี้ลูกที่เกิดจากเมียน้อยประพจน์ที่ทั้งสวย เก่ง ฉลาด มีความทะเยอทะยาน เธอต้องการเป็นใหญ่ในโลกธุรกิจ เธอต้องการพาแม่กลับเมืองไทยอย่างหรู แพ็ตตี้คิดกำจัดทั้งมณีแม่ของภูริภพ ลูกประพจน์อันมีลูกชายคนโตที่ได้เมียแหม่ม คนกลายคืออรรุจิที่หลงรักประสบลาภหนุ่มหล่อ และภูริภพ ทุกคนล้วนไม่มีความหมาย แม้แต่ประพจน์ไม่นานก็หมดสภาพ ทุกอย่างของประพจน์ต้องตกเป็นของเธอ อรรุจิจะแต่งงานกับประสบลาภ ประพจน์ไม่อนุญาตเพราะเห็นประสบลาภมีแต่ตัว แถมไม่มีสมอง ประพจน์ต้องการให้อรรุจิแต่งงานกับ สืบสกุล ผู้จัดการโรงแรมประพจน์ที่สามเหลี่ยมทองคำที่เก่งงาน อรรุจิปฏิเสธ ประพจน์ขอเวลาพิสูจน์ประสบลาภครึ่งปี อรรุจิรับคำท้า โดยไม่รู้ว่าประสบลาภแอบหว่านเสน่ห์ใส่แพ็ตตี้หวังเลื่อนตำแหน่งให้ตัวเอง เรื่องรักที่ประสบลาภบอกอรรุจิล้วนเป็นเรื่องเหลวไหล ภูริภพบอกจะขายทุกอย่างเพื่อนำเงินไปซื้อหุ้นโรงงานรุ่งระพี โดยไม่บอกว่าซื้อผ่านชื่อมุกระวี เหตุเพราะภูริภพทนสายตาเจ็บปวดของมุกระวีไม่ได้ เขาอยากช่วยมุกระวี โดยที่ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงอยากช่วย แถมไม่ให้จินดาหรารู้เสียอีก ภูริภพขายทอง-เพชร-รถยนต์ ส่วนที่ดินภูริภพจำต้องให้มุกระวีช่วยหานายหน้า มุกระวีจำต้องใกล้ชิดภูริภพทั้งที่ระแวงว่าภูริภพอาจช่วยแบบไม่จริงใจ แต่ไม่มีทางเลือกเธอต้องการกอบกู้โรงงานรุ่งระพี ภูริภพและมุกระวีไปหาอุไรวรรณอดีตหุ้นส่วนระพี มุกระวีเจรจาธุรกิจด้วยลีลาเหนือชั้น ความใกล้ชิดระหว่างภูริภพและมุกระวีมีปัญหา ทุกคนคิดว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน จินดาหราหึงเธอไม่ให้ภูริภพช่วยระพีที่เป็นพ่อแท้ๆ เธอเอง ระพีแทบสิ้นสติเมื่อรู้ว่ามุกระวีสนิทกับภูริภพถึงขั้นเอาเงินภูริภพมาโดย ไม่จ่ายดอกเบี้ย ระพีมองออกว่าจินดาหรามึนตึงใส่มุกระวี เพราะโกรธที่น้องสาวแย่งสามี ระพีห่วงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง ห่วงฐานะมุกระวีหากโรงงานล้ม ต้องเป็นของแพ็ตตี้ เท่ากับมุกระวีหมดตัวเปล่า ระพีใจหายเพราะโรงงานคือชีวิตและเลือดเนื้อของเขาโดยแท้ แพ็ตตี้พาจินดาหรา, ภูริภพ, ประสบลาภ ไปโรงแรมใหญ่สามเหลี่ยมทองคำของประพจน์ ได้พบสืบสกุลผู้จัดการโรงแรม สืบสกุลจะไปทำงานที่ฝรั่งเศสแทนที่จะสนใจแพ็ตตี้ลูกสาวประพจน์ สืบสกุลกลับสนใจจินดาหรา จินดาหราที่แค้นภูริภพก็หันมาสนใจสืบสกุล เธอจะไปปารีสกับเขา จินดาหราให้มุกดาขายโรงงาน เธอต้องการไปให้ชีวิตที่สุขสบายที่ฝรั่งเศส เธอไม่ต้องการภูริภพเพราะภูริภพชอบธรรมชาติป่าเขาเหมือนที่มุกระวีชอบ แต่จินดาหราไม่ชอบ ระพีกับมุกดาผิดหวังจินดาหราไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาฝัน ฝ่ายประสบลาภก็ไปเข้ากับแพ็ตตี้ที่จะซื้อโรงงานนี้ โดยไม่เห็นหัวอกระพีและมุกดา มุกระวีเสียอีกที่ระพีไม่เคยหวังอะไร แต่กลัวิ่งเต้นเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อรักษาความฝันเรื่องโรงงานของระพีไว้ ยิ่งมุกดาให้ระพีขายโรงงานตามที่จินดาหราต้องการ ระพียิ่งช้ำใจ ระพีเคยเป็นตะวันที่ส่องแสงจ้า แต่เมื่อยามใกล้ชิงพลบมันช่างหดหู่และทำใจได้ยาก อุไรวรรณถูกอรุณน้องชายโกงหมดตัว ภูริภพและมุกระวีล้มตามเพราะทำธุรกิจร่วมกัน ประสบลาภแอบมีสัมพันธ์กับคำแก้วเมียรัชตะ อรรุจิมาฟูมฟายกับภูริภพแล้วโวยวายลามถึงเรื่องจินดาหราภรรยาภูริภพไปมีอะไร กับสืบสกุล ภูริภพถึงกับมึนแล้วเริ่มคิดถึงมุกระวีคนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงนับแต่ต้น จินดาหราต่างหากที่เปลี่ยนจนภูริภพจำไม่ได้ ฉัตรกับต๋อยสงสารตัวเองที่ต้องตกงาน สงสาระพี รัชตะก็มายิงประสบลาภเจ็บถึงพิการ คนที่ยุให้รัชตะยิ่งประสบลาภคืออรรุจิ ฉัตรกับต๋อยทำทุกอย่างแทนระพีและมุกดา ส่วนมุกระวีหลังเจอป้าเดือนมากรี๊ดใส่ที่โรงงานราชบุรี ก็ติดต่อภูริภพแต่หาตัวไม่เจอ ภูริภพหายสาปสูญไปเนื่องจากผิดหวังในตัวจินดาหรา มุกดาย้ายไปอยู่บ้านยายมาลี คอยดูแลแม่และประสบลาภที่พิการ มุกดาว่ามุกระวีเป็นตัวการแย่งสามีจินดาหราทำให้จินดาหราหนีไปฝรั่งเศสกับ สืบสกุล มุกระวีเสียใจ ระพีรับสภาพที่โรงงานสูญสลายไม่ไหวบวกกับที่เดือนมากรี๊ดว่าน้องมุกดาทำให้ รัชตะลูกชายนางต้องติดคุก จินดาหราลูกสาวก็ควงผู้ชายไปฝรั่งเศสแบบไม่ใยดี ระพีฆ่าตัวตาย มุกระวีแทบล้มแต่ก็พยายามประคองตัว ภูริภพมางานศพระพี แต่มุกระวีกลับทำห่างเหิน ทั้งที่เป็นห่วงแทบตาย เพราะกลัวคนจะพูดเรื่องแย่งสามีพี่สาว ส่วนจินดาหรากลับมางานศพพ่ออย่างไม่ค่อยยินดียินร้ายแล้วกลับไปหาสืบสกุล สามีใหม่ที่รออยู่ที่ฝรั่งเศส แพ็ตตี้และอรรุจิช่วยกันบริหารโรงงานเดิมของระพีที่เชียงใหม่ โดยมีประพจน์กุมบังเหียน โดยแพ็ตตี้เดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ เพื่อหาลูกค้าเข้าโรงงาน หลังเคลียร์หุ้นระพีเหลือเงิน 3 ล้าน เป็นของมุกดาครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งแบ่งระหว่างมุกระวีกับจินดาหรา ทรัพย์สินราคาร้อยล้านพันล้านของระพีเหลือเท่านี้ ภูริภพชายที่มุกระวีเจอก่อน และจินดาหราฉกไปต่อหน้ากลับมาหามุกระวี แล้วต่างก็ยอมรับว่าตะวันมีขึ้นแล้วมีตก ไม่มีใครอยู่ค้างฟ้า แต่หลายคนทำใจไม่ได้เมื่อต้องสูญเสีย จะมีแต่มุกระวีที่ทำใจได้มากกว่าใคร เพราะเจอมรสุมมามากมาย ความเป็นผู้หญิงที่พ่อแม่ไม่เคยเชื่อว่าจะยืนหยัดด้วยลำแข้งตัวเองได้มาจน ชิน ภูริภพขอแทรกตัวมาอยู่ในโลกของมุกระวี มุกระวีที่รักภูริภพตั้งแต่แรกพบ ยินต้องรับอย่างยิ่ง

พ่อแกกับแม่ฉัน (2548/2005) พ่อแกกับแม่ฉัน เป็นเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งซึ่งมีลูกชาย สามคนลูกสาวหนึ่งคน ลูกชายคนโตเป็นลูกติดพ่อ ลูกชายคนที่สองเป็นลูกติดแม่ และลูกชายคนที่สามกับลูกสาวคนที่สี่เป็นลูกของทั้งสองคน … ทั้งหกอยู่ในบ้านเดียวกันโดยมีความขัดแย้งในครอบครัวเป็นแกนของเรื่อง

อยู่กับก๋ง 2 (ตามรอยพ่อ) (2548/2005) "หยก" ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นลูกกำพร้าอาศัย "อยู่กับก๋ง" และปัจจุบันคืนักเขียนวัยใกล้ 70 ปี ที่มีลูกชายเพียงคนเดียวคือ ศิลา ผู้ซึ่งได้แต่งงานมีครอบครับไปกับ รำไพ แล้ว แต่เกิดความจำเป็น ต้องพาภรรยาและลูก 2 คนคือ ตาหวาน กังลังอยู่ในวัยรุ่นกำลังเอนทรานซ์ ส่วน ตาเล็ก เด็กชายวัย 9 ขวบ ซึ่งกำลังซน มาอยู่เป็นครอบครัวใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ทำให้หยกได้มีโอกาสรื้อฟื้น สายสัมพันธ์ ครั้งสำคัญในชีวิตอีกครั้ง คือ สายสัมพันธ์แห่งความเป็นครอบครัว ครั้งนี้ หยก ในบทบาทของพ่อและปู่จะต้องมาให้แง่คิด คติสอนใจ อบรมสั่งสอนลูกหลานรุ่นต่อๆไปให้ ตามรอยพ่อ รู้จักการดำเนินชีวิตเพียงพอ อย่างพอเพียง เพื่อความสุขความเจริญของชีวิต เพื่อปลุกจิตสำนึก ให้แก่คนไทยที่ได้อาศัยอยู่ภายใต้พระบรมโพะสมภารได้ดำเนินชีวิตตามรอยพระราช ดำริ แห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระผู้เป็น พ่อหลวง ของปวงชนชาวไทยนั่นเอง .......

อยู่กับก๋ง (2548/2005) บ้าน สวน พ.ศ.2548 หยก ชายชราวัย 60 ปี ประสบความสำเร็จในอาชีพนักเขียนของตน มีผลงานตีพิมพ์มากมาย ทุกวันนี้เขาอาศัยอยู่กับครอบครัวใหญ่ มีลูกหลานมากมาย เมื่อมองภาพครอบครัวที่อบอุ่นอย่างทุกวันนี้ หยกมักจะย้อนคิดถึงวัยเด็กที่มีเพียงเขาและ ก๋ง ทุกครั้ง ก๋ง ชายชราชาวจีนที่อพยพเข้ามาประเทศไทย ตั้งแต่สมัยก่อนสงครามโลก ก๋งเป็นช่างฝีมือ ประกอบอาชีพหลักคืองานซ่อมเซรามิค อันเป็นวิชาที่ติดตัวมาจากเมืองจีน ความคิดอ่านที่กว้างไกลและความเมตตาของก๋ง ทำให้ก๋งได้รับการนับหน้าถือตาจากผู้คนมากมายในชุมชนห้องแถวที่อาศัยอยู่ ซึ่งผลบุญนี้ได้ตกมาถึง หยก เด็กกำพร้าที่ก๋งได้อุปการะไว้ หยกเติบโตอย่างอบอุ่นภายใต้การเลี้ยงดูของก๋ง แต่เขาก็ยังรู้สึกถึงความไม่สมบูรณ์ของตัวเอง หยกมักสงสัยว่าทำไมตนจึงไม่มีพ่อแม่เหมือนคนอื่น จนวันหนึ่งหยกได้พบเห็นเด็กกำพร้าที่ถูกเอามาวางทิ้งไว้ หยกจึงได้เข้าใจว่าโลกนี้ยังมีเด็กโชคร้ายอีกหลายคนนัก และเพื่อนเขาบางคนเช่น ป้อม ลูกชายของ คุณนายทองห่อ กับคุณปลัด ที่แม้จะมีพ่อแม่พร้อมหน้า หากหยกได้รู้ความจริงว่าภายใต้รอยยิ้มนั้น มีแต่การปั้นหน้าใส่กัน หยกจึงเข้าใจว่า แท้จริงแล้วการที่เขามีก๋งคอยให้ความรักกับเขาอย่างแท้จริงต่งหากที่ทำให้ เขาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แล้ว ติดตามต่อได้ใน อยู่กับก๋ง

ราชินีหมอลำ 2548

ราชินีหมอลำ (2548/2005) เสียงร้องเพลงหมอลำของ คำนาง เด็กหญิงวัย 8 ขวบ ระหว่างที่เธอกับ พิณ ผู้เป็นแม่หาบของไปขายเพื่อหาเงินมารักษาดวงตาของ ศักดิ์ ผู้เป็นพ่อที่ใกล้จะบอด พิณตัดสินใจไปทำงานกับคณะหมอลำตามคำชักชวนของ ศรีวัน และวันหนึ่งโอกาสของพิณก็มาถึงเมื่อเธอได้เป็นนักร้องขวัญใจประชาชน โดยใช้ชื่อใหม่ว่า ดาราราย ประกายเพชร คำนางต้องทำงานหาเงินเลี้ยงพ่อและ นิ่ม น้องสาว เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี คำนางก็ได้ข่าวของแม่จากเพื่อนบ้านว่าพิณไปตระเวนแสดงดนตรีอยู่กับสามีใหม่ ทำให้ศักดิ์และลูกตัดสินใจเข้ากรุงเทพเพื่อพิสูจน์ความจริง รุจน์ เป็นลูกชายเจ้าของบริษัทเทปเพลงเสียงสวรรค์ ติดตามต่อได้ใน ราชินีหมอลำ

คนนี้ล่ะ...พ่อเรา 2548

เรื่องย่อ : คนนี้ล่ะ...พ่อเรา (2548/2005) ช่วง ปิดเทอมใหญ่ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เด็กแฝดชายสองหญิง สอง ทั้ง 4 คน อันได้แก่ โอลี่วัน + ทูร (เป็นชาย) ทรี + โฟร์ (เป็น หญิง) ทั้งหมดเป็นลูกของ ป่าน หรือปารมี ทว่าเด็กแฝดทั้ง 4 ไม่ทราบว่าพ่อ ของตนเองเป็นใคร ชื่ออะไรและอยู่ที่ไหน โฟร์ ถูกแกล้งจากเด็กชายกลุ่มหนึ่ง โอลี่วัน ทูร และ ทรี ตามมาช่วยได้สำเร็จ แต่ โฟร์ร้องไห้ไม่เลิกด้วยเรื่องที่ถูกล้อว่าไม่มีพ่อ โอลี่วันไม่พอใจที่โฟร์ ถูกแกล้งบ่อยๆ ด้วยเรื่องไม่มีพ่อ เลยตัดสินใจเข้าไปถามป่านตรงๆ ว่าพ่อของ พวกตนคือใคร ซึ่งทำให้ป่านถึงกับโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ป่านไล่ตะเพิดทั้ง สี่แถมทิ้งท้ายว่าถ้าอยากไปหาพ่อนักก็เชิญ พ่อของพวกเธออยู่กรุงเทพฯ โอลี่ วันเข้าใจว่าป่านอนุญาตจึงนำทีมน้องๆ ขึ้นรถไฟ โดยแต่ละคนมีเงินไม่ถึงสิบ บาท ติดตามต่อได้ใน "คนนี้ล่ะ พ่อเรา"

อกธรณี 2548

เรื่องย่อ : อกธรณี (2548/2005) เสียงกลอนโพนเร้าใจแว่วนำมา แล้วสักครู่จึงมีเสียงตะโกนบอกต่อๆ กันว่า นมพระมาแล้วนมพระมาแล้ว ผู้คนมากมายที่มุงแน่นอยู่ตลอดแนวถนนราชดำเนินต่างไหวตัวคึกคัก จากนั้นขบวนชักพระอันเป็นประเพณีสำคัญประเพณีหนึ่งของจังหวัดนครศรีธรรมราชก็ปรากฏแก่สายตา ทุกขบวนมุ่งสู่สนามหน้าเมือง แต่ละขบวนตกแต่งประชันกันอย่างสุดฝีมือ รถสามล้อถีบคันหนึ่งกำลังผ่านโบสถ์พราหมณ์ และหอพระอิศวรมาถึงตลาดท่าม้าและเบรกหยุดลงทันใดตามคำสั่งของผู้โดยสาร ผู้โดยสารคนนั้นลงจากรถ และเราจะเห็นว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่หล่อมาก ร่างสูงล่ำสันสง่าผึ่งผายบ่งบอกความเป็นชายชาตรีทุกกระเบียดนิ้ว การแต่งกายบอกชัดว่าเขามาจากเมืองหลวง ชายหนุ่มเดินไปดูขบวนชักพระร่วมกับคนอื่นที่ริมถนน นมพระขบวนหนึ่งที่เข้ามาใกล้มีสาวสวยแต่หน้าทะเล้นรำนำหัวขบวนลอยหน้าลอยตาเฉิบๆ เธอรำไปด้วยต่อปากต่อคำแหย่น้าแม้น ชายผู้สูงวัยกว่าซึ่งทำหน้าที่ตีกลองโพนในขบวน แม้นเรียกนังสาวหน้าทะเล้นว่า กำไล และฉับพลันที่กำไลเห็นชายหนุ่มชาวกรุง เธอทิ้งขบวนโลดแล่นมาหาเขาทันใดด้วยความดีใจเหลือแสน กำไลเรียกเขาว่า พี่ลอย ลอย ความดีใจทำให้กำไลพูดจนแทบไม่หายใจและแทบไม่เว้นช่องว่างให้ชายหนุ่มได้พูดเลย ลอยถามถึง สารภี กำไลบอกว่าสารภีไปทำบุญที่วัดมหาธาตุกับแม่ เมื่อลอยจะไปวัดกำไลขอตามไปด้วย เธอบอกว่ารับรองว่าเธอจะไม่ไปขัดคอลอยกับสารภี และเมื่อกำไลบอกว่าลอยมาได้เวลาดอกนุ่นบานพอดี คำพูดนั้นดึงให้ภาพในอดีตหวนกลับมาสู่ลอย คืนดอกนุ่นบานมีความหมายกับเขายิ่งนัก เขาคือ ลอย บุญลือ เด็กชายผู้เมื่อจำความได้ก็เห็นแต่ว่าเขาอยู่กับ ย่า ที่บ้านท้ายตรอกตึกดิน เขาไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ย่าบอกว่าเขาเป็นลูกตะเข้ที่ลอยน้ำมาจากคลองหน้าเมือง แล้วย่าไปพบจึงเก็บมาเลี้ยง ย่าทำขนมตาลขาย และลอยคือลูกมือจอมขี้เกียจคนเดียวของย่า รวมไปถึงช่วยย่าขายขนมด้วย เมื่อลอยอายุครบเข้าโรงเรียน ย่าพาไปฝากเรียนที่โรงเรียนเทศบาล 1 วัดพระเดิม แต่ลอยเรียนได้เพียงชั้นประถมสามก็ออกเพราะไปทำร้ายเพื่อนจนถูกครูตี และเมื่อลอยเห็นว่าย่าไม่พอใจที่ครูตีหลาน ลอยจึงแสร้งทำมารยาสาไถยเพราะความขี้เกียจเรียน แต่ย่าก็ไม่ได้ให้ลอยเลิกเรียน ย่าย้ายลอยไปอยู่โรงเรียนเทศบาล 2 วัดเสมาเมือง และที่โรงเรียนนี้คือจุดพลิกผันชีวิตจุดแรกของลอย เด็กนักเรียนหญิงชั้นมูลคนหนึ่งร้องไห้อยู่ข้างบ่อน้ำ รอบตัวเธอเด็กชายวัยเดียวกับลอย 3 คนกำลังยั่วให้เธอแย่งพวงมาลัยดอกพิกุลอยู่ หัวโจกของกลุ่มเด็กชายเกเรชื่อ ถวิล วิทยพันธุ์ ส่วนลูกไล่อีก 2 คน คือ สมพงษ์ กับ เอียด ลอยขอร้องให้ถวิลคืนพวงมาลัยแก่เด็กหญิง แต่ถวิลไม่คืน แถมยังพูดจายียวนชวนมีเรื่อง เด็กหญิงกลัวว่าจะมีเรื่องจึงบอกลอยว่าเธอไม่เอาพวงมาลัยแล้ว และชวนลอยไป ลอยถูกขัดขาล้มลงและถูกพวกถวิลหัวเราะเยาะ ลอยไม่ยอมให้ใครทำข้างเดียวอยู่แล้ว จึงต่อยถวิล ลูกน้องของถวิลตะโกนดังลั่นว่าลอยต่อยลูกนายอำเภอ เมื่อเรื่องถึงครู ลอยถูกลงโทษอยู่คนเดียวเพราะพวกของถวิลเป็นพยานให้ถวิลว่าลอยหาเรื่องและต่อยถวิลก่อน ประกอบกับครูรู้ประวัติเกเรของลอยจากโรงเรียนเก่า ลอยจึงถูกลงโทษตี 5 ทีและถูกกักอยู่ในห้องเรียนต่ออีก 1 ชั่วโมงหลังโรงเรียนเลิก ส่วนพวกถวิลไม่โดนลงโทษเลย ลอยเจ็บใจนักเขาคิดเลยว่าเขาถูกลงโทษเพราะถวิลเป็นลูกนายอำเภอ และเขาเป็นเด็กชายลอยลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่หลานแม่ค้าผู้ยากจน เมื่อครบเวลากักตัว ลอยออกจากห้องเรียนจะกลับบ้าน และเมื่อถึงศาลหน้าโรงเรียนลอยชะงัก เมื่อเห็นว่าเด็กหญิงเจ้าของพวงมาลัยดอกพิกุลนั่งรอเขาอยู่ เธอบอกว่าเธอรอกลับบ้านพร้อมลอยเพราะลอยถูกลงโทษเพราะเธอ ลอยย้ำว่าเขาถูกลงโทษเพราะถวิลเป็นลูกนาย อำเภอ เด็กหญิงขอกลับบ้านกับลอย เธอบอกว่าเธอชื่อกำไล และเธอจำชื่อลอยได้ตั้งแต่ตอนลอยชกกับถวิล ความเจ็บใจในความไม่ยุติธรรมของครูทำให้ลอยเกลียดโรงเรียน ลอยจึงหนีโรงเรียนแต่เพื่อไม่ให้ย่ารู้ ลอยจึงทำทีเป็นไปโรงเรียนทุกวัน แต่ไม่เข้าโรงเรียน ไปถอดชุดนักเรียนซุกไว้แล้วลงน้ำหาปลากัด วิดปลาไปตามเรื่อง กำไลไม่เห็นลอยไปโรงเรียน ก็ไปดักดูที่ตรอกบ้านลอย และสะกดรอยตามไป กำไลพยายามชักชวนให้ลอยกลับไปเรียน แต่ลอยไม่ยอมไป กำไลจึงหนีโรงเรียนมาจับปลากัดกับลอยทุกวันด้วย เด็กสองคนสนุกสนานกันมากตลอดเวลาเกือบเดือนที่หนีโรงเรียน แต่ในที่สุดความก็แตก ลอยถูกย่าตี กำไลถูกแม่ตี ลอยบอกว่าเขาจะไม่เลิกหนีโรงเรียน กำไลบอกว่าถ้าลอยยังหนีโรงเรียนเธอจะหนีด้วย เธอกลัวลอยไม่มีเพื่อน ลอยคิดดูแล้วบอกว่าพักนี้จะยังไม่หนีจะให้ย่าหายสงสัยก่อน วันประกาศผลสอบไล่ ซึ่งเป็นวันที่นักเรียนที่สอบได้คะแนนสูงสุดจะได้รับรางวัลด้วย ครูใหญ่ประกาศว่าตั้งแต่โรงเรียนตั้งมา ปีนี้เพิ่งมีนักเรียนคนแรกที่สร้างประวัติศาสตร์การสอบได้เปอร์เซ็นต์อย่างมหัศจรรย์ เป็นเด็กนักเรียนชั้นประถมสี่ ชื่อ ลอย บุญลือ ครูใหญ่เชิญลอยออกไปปรากฏตัวต่อที่ประชุม ลอยออกไปอย่างงงๆ ครูใหญ่ให้นักเรียนทุกคนดูลอยไว้ แต่ย้ำว่าไม่ให้เอาเป็นตัวอย่างเพราะลอยคือผู้ที่สอบไล่ได้คะแนนต่ำอย่างน่ามหัศจรรย์คือ ได้ 8 เปอร์เซ็นต์ ลอยอายสุดแสนที่จะอาย แล้วครูใหญ่ประกาศต่อว่านักเรียนที่สอบไล่ได้คะแนนสูงสุดคือ เด็กหญิงสารภี นักเรียนชั้น ป.3 ได้ 97.45 เปอร์เซ็นต์ และให้สารภีออกมารับรางวัลและยืนคู่กับลอย มันเป็นการเปรียบเทียบสิ่งที่ดีที่สุดกับสิ่งที่เลวที่สุด ลอยอายจนไม่กล้าสบตากับสารภีและใครๆ เลย และในปีนั้นกำไลก็เป็นอีกคนที่สอบตก แต่ดูเธอไม่เดือดร้อนใจ กำไลบอกลอยอย่างปลื้มว่าสารภีเป็นพี่สาวของเธอ และในวันแห่งความอัปยศของลอยเช่นกันที่เหตุการณ์อันจะทำให้ชีวิตของเขาพลิกผันเกิดขึ้น

เรือนไม้สีเบจ 2547

เรือนไม้สีเบจ (2547/2004) วิญญาณของเรือนไม้สีเบจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับผม คงจะเป็นเพราะเราเห็นกันมาตั้งแต่เกิด เราเคยสุขด้วยกันเมื่อครอบครัวยังอยู่พร้อมหน้า… เคยเหงาด้วยกันเมื่อคนอื่นๆแต่ละคนพากันจากไป… เมื่อสาวน้อยคนหนึ่งก้าวเข้ามา เธอก็นำชีวิตชีวามาให้ทั้งผมและเรือนหลังนี้ เธอรักและไม่ทอดทิ้งบ้านเช่นเดียวกับเธอทำกับผม

เก็บใจให้กันเพื่อวันของเรา 2547

เรื่องย่อ : เก็บใจให้กันเพื่อวันของเรา (2547/2004) นัท กับ แนน เป็นพี่น้องฝาแฝดที่ต้องจากกันตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ เมื่อพิม กับแทน ตัดสินใจหย่าขาดจากกัน นัทได้มาอยู่กับแทน ส่วนแนนได้ไปอยู่กับพิม ด้วยทิฐิของพิมที่ไม่ต้องการจะติดต่อกับแทนอีก ต่างสัญญากันว่าจะปกปิดเรื่องที่เด็กทั้งสองมีพี่น้องฝาแฝดไว้เป็นความลับ จนกระทั่งนัทกับแนนเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเดียวกัน ทำให้เหตุการณ์พลิกผันจนทั้งคู่ต้องมาพบกัน ครอบครัวของนัทกับแทนมี พอลล่า เข้ามาเกี่ยวข้องจากการมาเป็นลูกค้าให้แทนออกแบบตกแต่งร้านให้ พอลล่าต้องการจะแต่งงานกับแทนให้ได้จึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับแทน สร้างความไม่พอใจให้กับนัท ซึ่งมักจะแกล้งพอลล่าให้เจ็บตัวอยู่บ่อยๆ นัทเป็นเด็กเข้มแข็ง พูดจาตรงไปตรงมา ห้าวนิดๆ ติดนิสัยผู้ชายเพราะอยู่กับพ่อมาตลอด แต่ก็เป็นเด็กมีพรสวรรค์ด้านกรีฑา กวาดเหรียญทองระดับมัธยมปลายมานับไม่ถ้วน ส่วนครอบครัวของแนนกับพิมใช้ชีวิตอยู่กับยายและมีธีระ เข้ามาพัวพัน แนนเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายขยันเรียนจนสอบติดคณะนิติศาสตร์ แต่สุขภาพไม่แข็งแรงเป็นโรคหืดหอบจึงต้องเล่นกรีฑาเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงจนได้เป็นนักวิ่งเหรียญทองระดับมัธยมปลาย แนนมักจะเก็บกดความรู้สึกไว้ในใจ แม้ว่าจะไม่ชอบธีระแต่ก็ไม่แสดงออก

สี่แผ่นดิน (2546/2003) พลอยเกิดในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บิดาของ พลอย ชื่อ พระยาพิพิธ ฯ มารดา ชื่อ แช่ม เป็นเอกภรรยาของพระยาพิพิธ ฯ แต่ไม่ใช่ฐานะคุณหญิง เพราะคุณหญิงท่าน ชื่อ เอื้อม เป็นคนอัมพวา ได้กลับไปอยู่บ้านเดิมของท่านเสียตั้งแต่ก่อนพลอยเกิด เหลืออยู่แต่บุตรของคุณหญิง 3 คน อยู่ในบ้าน คือ คุณอุ่น พี่สาวใหญ่ อายุ 19 ปี คุณชิดพี่ชายคนรอง อายุ 16 ปี คุณเชย พี่สาวคนเล็กแต่แก่กว่าพลอย 2 ปี พลอยมีพี่ชายร่วมมารดาหนึ่งคน ชื่อ เพิ่ม อายุ 12 ปี และมีน้องสาวคนละมารดาซึ่งเกิดจากแวว ภรรยาคนรองจาก แม่แช่ม ชื่อ หวาน อายุ 8 ปี ในบรรดาพี่น้องร่วมบิดา พลอยจะคุ้นเคยกับคุณเชยเป็นพิเศษ เพราะอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ส่วนคุณอุ่นพี่สาวใหญ่นั้น พลอยเห็นว่าเป็นผู้ที่น่าเกรงขาม เพราะเธออยู่บนตึกร่วมกับเจ้าคุณพ่อ ซึ่งเจ้าคุณพ่อก็ไว้วางใจว่าเป็นลูกสาวใหญ่ จึงให้ถือกุญแจแต่ผู้เดียว และจัดการกับการจับจ่ายใช้สอยทุกอย่างภายในบ้าน ส่วนคุณชิดและพ่อเพิ่ม พลอยเกือบจะไม่รู้จักเสียเลยเพราะคุณชิดไม่ค่อยอยู่บ้าน และพ่อเพิ่มนั้นดูจะสวามิภักดิ์คุณชิดมากกว่าพี่น้องคนอื่น ซึ่งพ่อเพิ่มต้องแอบไปมาหาสู่มิให้แม่แช่มเห็นเพราะถ้าแม่แช่มรู้ทีไรเป็นเฆี่ยนทุกที ส่วนหวานน้องคนละแม่ยังเด็กเกินไปที่พลอยจะให้ความสนใจเจ้าคุณพ่อได้ปลูกเรือนหลังหนึ่งให้แม่แช่มกับลูก ๆ อยู่ใกล้กับตัวตึกในบริเวณบ้าน มีบ่าวซึ่งแม่แช่มช่วยมาไว้ใช้ทำงานบ้านต่าง ๆ ชื่อ นางพิศ ตั้งแต่พลอยจำความได้จนถึงอายุ 10 ขวบ พลอยมีความรู้สึกว่า แม่และคุณอุ่นมีเรื่องตึง ๆ กันอยู่เสมอ ซึ่งก่อนที่แม่พลอยจะออกจากบ้าน พลอยสังเกตเห็นว่ามีความตึงเครียดระหว่างแม่และคุณอุ่นมากกว่าปกติ จนกระทั่งคืนหนึ่งแม่ได้เข้ามาปลุกพลอยแล้วบอกว่าจะเอาพลอยไปถวายตัวกับเสด็จ ส่วนพ่อเพิ่มเจ้าคุณพ่อไม่ยอมให้เอาไป คืนนั้นแม่เก็บของอยู่กับนางพิศทั้งคืน พอรุ่งสางแม่ให้นางพิศขนของไปไว้ที่ศาลาท่าน้ำ และให้พลอยไปกราบลาเจ้าคุณพ่อ เมื่อพลอยลาเจ้าคุณพ่อเสร็จแล้วก็เดินมาที่ศาลาท่าน้ำ เพื่อลงเรือโดยมีพ่อเพิ่มนั่งร้องไห้อยู่ที่ศาลาท่าน้ำ พอเรือแล่นออกไป พลอยก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสิ่งต่าง ๆ ที่เห็น จนกระทั่งมาถึงที่ท่าพระ แม่แช่มก็พาพลอยขึ้นจากเรือแล้วเดินเลาะกำแพงวังไปสักครู่หนึ่งก็เลี้ยวเข้าประตูชั้นนอก พลอยนั้นตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น เพราะภายในบริเวณวังนั้นเต็มไปด้วยตึกใหญ่โตมหึมา ผู้คนยักเยียดเบียดเสียดกันตลอด แล้วเดินเลาะกำแพงวังไปจนของที่วางขายก็มีมากมาย พอมาถึงกำแพงสูงทึบอีกชั้นหนึ่ง จะมีประตูบานใหญ่เปิดกว้างอยู่ คนที่เดินเข้าออกประตูล้วนเป็นผู้หญิงทั้งสิ้น แม่แช่มเดินข้ามธรณีประตูเข้าไปข้างในแล้ว แต่พลอยเดินข้ามธรณีประตูด้วยความพะว้าพะวัง จึงทำให้เท้าที่ก้าวออกไปยืนอยู่บนธรณีประตู พลอยตกใจมากวิ่งร้องไห้ไปหาแม่แช่ม แม่แช่มจึงพาพลอยไปกราบที่ธรณีประตูเสียก็หมดเรื่องพลอยได้รู้มาทีหลังว่า หญิงที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูวังและดูแลความสงบเรียบร้อยในวังนั้น ชาววังทั่วไปเรียกกันว่า "โขลน" แม่แช่มพาพลอยเดินไปเรื่อย ๆ ผ่านที่ต่าง ๆ มากมาย ในที่สุดก็มาถึงตำหนักของเสด็จ แม่จะพาพลอยไปหาคุณสายก่อน ซึ่งเป็นข้าหลวงก้นตำหนักของเสด็จคุณสายเป็นข้าหลวงตั้งแต่เสด็จท่านยังทรงพระเยาว์ เสด็จจึงมอบให้คุณสายช่วยดูแลกิจการส่วนพระองค์ทุกอย่าง และดูแลว่ากล่าวข้าหลวงทุกคนในตำหนัก เมื่อพลอยได้พบกับคุณสายแล้ว พลอยก็รู้สึกว่าคุณสายเป็นคนใจดีมาก ไม่ถือตัวว่าเป็นคนโปรดของเสด็จ และยังคอยช่วยเหลือข้าหลวงตำหนักเดียวกันเสมอ คุณสายหาข้าวหาปลาให้แม่แช่มกับพลอยกิน แล้วคุณสายก็จัดการเย็บกระทงดอกไม้เพื่อให้พลอยนำไปถวายตัวกับเสด็จ เมื่อพลอยถวายตัวกับเสด็จเสร็จแล้ว คุณสายก็แนะนำให้พลอยรู้จักกับช้อย ซึ่งเป็นหลานของคุณสาย ช้อยอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับพลอย ช้อยเป็นลูกของพี่ชายของคุณสาย ชื่อ นพ มียศเป็นคุณหลวง แม่ของช้อย ชื่อ ชั้น ช้อยมีพี่ชายอยู่หนึ่งคน ชื่อ เนื่อง ช้อยนั้นเป็นเด็กที่ซุกซนและมีเพื่อนฝูงมาก พลอยจึงเข้ากับช้อยได้ดีทีเดียว พลอยอยู่ในวังได้หลายวันแล้ว ก็ได้รับความรู้ใหม่ ๆ ได้เห็นของใหม่ ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด คุณสายให้พลอยเรียนหนังสือพร้อมกับช้อย และคุณสายก็ได้สอนทำสิ่งต่าง ๆ ให้เสมอ เช่น การเจี่ยนหมากจีบพลูยาว ใส่เชี่ยนหมากเสวยของเสด็จ ตลอดจนดูแลเครื่องทรงต่าง ๆ ตอนกลางคืน คุณสายให้พลอยไปถวายงานพัดเสด็จตามปกติตอนกลางวันเป็นเวลาว่าง นอกจากคุณสายจะมีอะไรมาให้ทำเป็นพิเศษหรืออารมณ์ไม่ดี ซึ่งตอนกลางวันเป็นเวลาที่พลอยจะได้ติดตามช้อยออกไปเที่ยวนอกตำหนักไปหาเพื่อนฝูงหรือวิ่งเล่น ช้อยช่วยทำให้พลอยคลายเหงาและช่วยชักนำสิ่งที่น่าสนใจต่าง ๆ มาให้พบเห็นหรือได้รู้จักอยู่เสมอ ในที่สุดวันที่พลอยเฝ้าคอยด้วยความประหวั่นใจก็มาถึง เมื่อแม่แช่มจะออกจากวังและได้ทูลลาเสด็จแล้ว พลอยเสียใจอย่างมาก แต่เสด็จก็ทรงเมตตาพลอย ฝากให้คุณสายช่วยดูแลพลอย นอกจากนี้ยังมีช้อยที่คอยอยู่เป็นเพื่อนพลอย ทำให้พลอยรู้สึกดีขึ้น ในวันหนึ่งช้อยได้ชวนพลอยออกไปหาพ่อและพี่ชายของช้อย ซึ่งจะมาเยี่ยมทุกวันพระกลางเดือน ทำให้พลอยรู้สึกรักและผูกพันกับครอบครัวของช้อยไปโดยไม่รู้ตัว วันหนึ่งแม่แช่มได้มาเยี่ยมพลอยถึงในวังพร้อมกับของฝากมากมาย แม่บอกว่าแม่กำลังทำการค้าขายอยู่ที่ฉะเชิงเทรากับญาติห่าง ๆ ชื่อ ฉิม และต่อมาพลอย ก็รู้มาว่า แม่แช่มได้แต่งงานกับพ่อฉิมแล้ว ซึ่งแม่ก็ได้ตั้งท้องแล้ว คุณสายได้พาพลอยไปหาเจ้าคุณพ่อ เพื่อคุยเรื่องงานโกนจุกของพลอยที่เสด็จทรงเมตตาโกนจุกประทานให้ ซึ่งเจ้าคุณพ่อก็ไม่ได้ขัดข้องงานโกนจุกนั้นจะจัดขึ้นที่บ้านของช้อย และทั้งพลอยและช้อยก็ได้โกนจุกพร้อมกัน เจ้าคุณพ่อของพลอยก็มาร่วมงานนี้ด้วย งานโกนจุกนั้นผ่านไปได้ด้วยดี เมื่อคุณสาย พลอย และช้อย เดินทางกลับจากบ้านช้อยมาถึงตำหนักของเสด็จ เสด็จก็มีรับสั่งให้คุณสายขึ้นไปเฝ้าบนตำหนักทันที เสด็จจึงบอกเรื่องที่แม่แช่มตายแล้วที่ฉะเชิงเทรา และมอบภาระให้คุณสายเป็นผู้บอกพลอยให้ทราบ ห้าปีให้หลังจากวันที่แม่แช่มตาย พลอยก็ยังอยู่ที่ตำหนักของเสด็จ พลอยอายุได้ 15 ปีเศษแล้ว นับว่าเป็นสาวเต็มตัว และถ้าใครเห็นก็ต้องชมว่าสวยเกินที่คาดไว้ ส่วนช้อยเมื่อเป็นสาวแล้วก็ไม่ได้ทำให้นิสัยของช้อยเปลี่ยนไปได้เลย ช้อยยังคงเป็นคนสนุกสนานร่าเริง และมีความคิดเป็นของตนเองอย่างแต่ก่อน ซึ่งทั้งพลอยและช้อยได้สละความเป็นเด็กย่างเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์ การที่พลอยสนิทสนมกับช้อย ทำให้พลอยนั้นสนิทกับครอบครัวของช้อยด้วย พี่เนื่องซึ่งเป็นพี่ชายของช้อยได้หลงรักพลอยเข้า จึงทำให้พี่เนื่องมักจะตามพ่อนพมาเยี่ยมช้อยกับพลอย เมื่อพี่เนื่องเรียนทหารจบ พี่เนื่องจึงเปิดเผยความรู้สึกที่มีกับพลอยทำให้พลอยเขินอายไม่กล้าที่จะเจอหน้าพี่เนื่องอีก พลอยหลบหน้าพี่เนื่องอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งพี่เนื่องถูกส่งตัวไปรับราชการที่นครสวรรค์ ทำให้พลอยยอมออกมาพบพี่เนื่องเพื่อร่ำลา พลอยจึงเตรียมผ้าแพรเพลาะที่พลอยเคยห่มนอนให้พี่เนื่อง ซึ่งพี่เนื่องได้ให้สัญญากับพลอยว่าจะกลับมาแต่งงานกับพลอย นอกจากครอบครัวของช้อยแล้ว ญาติของพลอยที่ยังติดต่อกับพลอยอยู่ก็คือพ่อเพิ่ม ซึ่งตอนนี้ได้รับราชการอยู่ที่กรมพระคลัง หอรัษฎากรพิพัฒน์ และคุณเชยซึ่งหลังจากที่พี่เนื่องไปนครสวรรค์ได้ไม่กี่วัน คุณเชยก็แวะมาเยี่ยมพลอยที่วัง ซึ่งขณะนั้นในพระบรมมหาราชวังก็จัดให้มีงานขึ้นที่สวนศิวาลัยพอดี ซึ่งงานนี้ได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพราะพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับจากประพาสยุโรป การจัดงานจึงเป็นไปตามแบบฝรั่ง พลอยจึงพาคุณเชยไปเที่ยวงานที่สวนศิวาลัย และในงานนี้เองทำให้พลอยได้พบกับ คุณเปรม ซึ่งคุณเปรมก็แอบมองพลอยตลอดเวลาจนทำให้พลอยรู้สึกไม่พอใจ หลังจากวันนั้นคุณเปรมก็ได้สืบเรื่องราวของพลอย จนรู้ว่าพลอยเป็นลูกสาวของพระยาพิพิธฯ มีพี่ชายก็คือ พ่อเพิ่ม คุณเปรมได้ทำความรู้จักกับพ่อเพิ่มจนกลายเป็นเพื่อนกัน ซึ่งพ่อเพิ่มพยายามจะแนะนำคุณเปรมให้กับพลอย แต่พลอยปฏิเสธและไม่สนใจ จนกระทั่งวันหนึ่ง พลอยได้รับข่าวของพี่เนื่องมาว่า พี่เนื่องกำลังจะแต่งงานกับสมบุญ ลูกสาวแม่ค้าขายข้าวแกง พลอยรู้สึกเสียใจมาก แต่ก็สามารถทำใจได้ คุณเปรมได้พ่อเพิ่มช่วยเป็นพ่อสื่อให้ แต่พลอยก็ยังไม่สนใจคุณเปรม คุณเปรมจึงเข้าหาทางผู้ใหญ่ โดยให้พ่อเพิ่มพาไปเที่ยวที่บ้าน จึงได้พบกับพระยาพิพิธฯเจ้าคุณพ่อของพลอย และได้พูดคุยกันอย่างถูกคอ หลังจากนั้นไม่นานคุณอานุ้ยซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ของคุณเปรมก็ได้มาทาบทามสู่ขอพลอยจากเจ้าคุณพ่อ ซึ่งท่านก็ไม่ได้ปฏิเสธคุณเปรม และนำเรื่องมาปรึกษากับคุณสายให้คุณสายไปทูลถามเสด็จ เสด็จก็ทรงอนุญาต แต่พลอยนั้นกลับปฏิเสธการแต่งงาน เพราะไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี พลอยจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษาช้อย ซึ่งช้อยนั้นอยากให้พลอยแต่งงานตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ เพราะช้อยเห็นว่าคุณเปรมนั้นรักพลอยจริง ๆ และอีกอย่างก็เพื่อให้พี่เนื่องรู้ว่า พลอยก็ไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอกด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ จึงทำให้พลอยตัดสินใจยอมแต่งงานกับคุณเปรมตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ เมื่อพลอยแต่งงานกับคุณเปรมแล้ว ก็ได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านคลองพ่อยมซึ่งเป็นบ้านของคุณเปรม วันหนึ่งคุณเปรมพาพลอยไปพบกับตาอ้น ซึ่งเป็นลูกชายของคุณเปรมที่เกิดกับบ่าวในบ้านพลอยไม่ได้คิดโกรธคุณเปรมเลย และยังกลับนึกรักและเอ็นดูตาอ้น พลอยจึงขอคุณเปรมรับตาอ้นเป็นลูกของตน พลอยได้เลี้ยงดูตาอ้นเสมือนลูกของพลอยคนหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานพลอยก็ตั้งท้องตาอั้น ซึ่งเป็นผู้ชายและเป็นลูกคนแรกของพลอย แต่หลังจากพลอยคลอดตาอั้นได้ไม่นาน เจ้าคุณพ่อก็ตาย เมื่อสิ้นเจ้าคุณพ่อแล้ว คุณเชยก็ทนอยู่กับคุณอุ่นที่บ้านคลองบางหลวงไม่ได้ จึงตัดสินใจหนีตามหลวงโอสถไป ทำให้พลอยรู้สึกไม่สบายใจเลย เพราะเป็นห่วงคุณเชยเมื่อเสร็จงานศพของเจ้าคุณพ่อแล้ว พลอยจึงพาตาอั้นเข้าวังเพื่อไปถวายตัวต่อเสด็จ และขอประทานชื่อ เสด็จนั้นทรงตั้งชื่อให้ตาอั้นว่า ประพันธ์ พลอยจึงตั้งชื่อให้ตาอ้นว่า ประพนธ์ พอตาอั้นอายุได้ขวบกว่า ๆ พลอยก็ตั้งท้องลูกคนที่สอง แต่ช่วงที่พลอยตั้งท้องลูกคนที่สองอยู่นั้น พระเจ้าอยู่หัวก็ประชวรและเสด็จสวรรคตในเวลาต่อมา ห้าปีต่อมา เมื่อตาอ้นอายุได้ 7 ขวบ ตาอั้นอายุได้ 5 ขวบ และตาอ๊อดลูกชายคนที่สองของพลอยอายุได้ 3 ขวบ พลอยก็คลอดลูกคนที่สาม เป็นผู้หญิงและตั้งชื่อว่า ประไพ ในช่วงนั้นก็มีเหตุการสำคัญคือสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ตัวพลอยเองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรมาก นอกจากที่ว่าเป็นเรื่อง “ฝรั่งรบกัน” ที่ทำให้ข้าวของแพง หลังจากนั้นวันหนึ่ง คุณอุ่นซึ่งไม่ได้ติดต่อกันตั้งแต่พ่อของพลอยเสียก็มีขอความช่วยเหลือ พลอยจึงรับปากช่วยเหลืออีกทั้งเสนอให้คุณอุ่นย้ายมาอยู่ด้วยกันทำให้คุณอุ่นซึ้งในน้ำใจและความไม่อาฆาตพยาบาทของพลอยมากจนถึงกับร้องไห้ สองปีต่อมาคุณเปรมก็ส่งอั้นและอ๊อดไปเรียนนอก ส่วนอ้นอยากเรียนทหารจึงไปเรียนโรงเรียนทหาร จากนั้นพลอยก็ได้แต่นั่งคอยที่จะรับจดหมายจากลูก ๆ ในช่วงราชการใหม่นี้พลอยก็ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่าง คุณเปรมนั้นแต่งตัวพิธีพิถันกว่าที่เคยในรัชกาลก่อน และมาวันหนึ่งก็ได้มาบอกให้พลอยไว้ผมยาว เพราะในหลวงท่านโปรด และต่อมาก็บอกให้แม่พลอยนุ่งผ้าซิ่นแทนผ้าโจงกระเบน ทำให้พลอยไม่กล้าออกจากบ้านอยู่นาน จากนั้นไม่กี่ปี ตาอั้นก็เรียนจบ และกำลังจะกลับมาบ้าน ส่วนตาอ้นนั้นออกเป็นทหารต้องไปประจำหัวเมืองต่างจังหวัด แต่พลอยก็ต้องตกใจเมื่อตาอั้นกลับมาจริง ๆ พร้อมกันภรรยาแหม่มชื่อ ลูซิลล์ หลังจากนั้นในหลวงก็ประชวรอยู่ไม่นาน และเสด็จสวรรคตในที่สุด หลังจากรัชกาลที่ 6 เสด็จสวรรคต คุณเปรมก็ล้มป่วยอยู่หลายวัน และความสนใจต่อสิ่งต่าง ๆ ความกระหายที่เป็นแรงผลักดันของชีวิตก็ลดน้อยลง จนพลอยต้องเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายชักชวนให้คุณเปรมสนใจสิ่งต่าง ๆ ผ่านไปไม่นาน ตาอ๊อดก็เรียนจบกลับมาเมืองไทย และไม่นานคุณเปรมก็ออกจากราชการ หลังจากนั้นก็เป็นคนหงุดหงิดง่าย สิ่งที่คุณเปรมพอจะสนใจอยู่อย่างเดียวก็คือการขี่ม้า และมาวันหนึ่งคุณเปรมก็ตกม้าและเสียชีวิตลง ตั้งแต่ที่ตาอั้นกลับมาก็มีความคิดอย่างหนึ่งที่ทำให้แม่พลอยตกใจ ซึ่งก็คือความคิดเกี่ยวกับบ้านเมืองของตาอั้น ซึ่งก็คือความคิดเสรีนิยมและเกี่ยวกับการปกครองแบบประชาธิปไตยที่ได้ไปเรียนรู้ตอนไปเรียนเมืองนอก ในช่วงนั้นผู้คนก็ต่างพูดกันเรื่องเกี่ยวกับคำทำนายที่ว่าพระมหากษัตริย์จะสิ้นพระราชอำนาจ หลังจากนั้นไม่นาน ประเทศไทยก็ได้เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย พอเปลี่ยนการปกครองได้สองเดือนเศษ ตาอ้นก็กลับมาเยี่ยมบ้าน และก็มีเรื่องให้พลอยกลุ้มใจ เพราะตาอ้นนั้นมีความเห็นตรงข้ามกับการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองอย่างรุนแรง และคิดว่าตาอั้นเป็นพวกกบฏ ไม่มีความจงรักภักดี จนถึงกับทำให้สองพี่น้องทะเลาะกันใหญ่โตและไม่คุยกัน จากนั้นไม่นาน ตาอ้นก็ไปรบร่วมกับฝ่ายที่ต่อต้านคณะราษฎร และถูกจับ เป็นนักโทษประหาร และรัชกาลที่ 7 ก็สละราชสมบัติ ประไพหมั้นกับคุณเสวีซึ่งเป็นเพื่อนของตาอั้น และแต่งงานกัน หลังจากนั้นตาอ้นก็ถูกส่งตัวไปอยู่เกาะตะรุเตา ตาอ๊อดก็ถูกกดดันโดยพี่น้องทำให้ต้องออกไปทำงานรับราชการ แต่ก็ทำอยู่ได้ไม่นานแล้วก็ลาออก แล้วจึงตัดสินใจไปทำงานที่เหมืองกับเพื่อนที่ปักษ์ใต้ จากนั้นไม่นาน ก็เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง แต่พลอยก็ยังไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว จนกระทั่งวันหนึ่งที่ทหารญี่ปุ่นเริ่มเข้ามาในเมืองไทย เมืองไทยจึงเจรจาและตกลงเป็นฝ่ายญี่ปุ่น อยู่มาวันหนึ่ง รัฐบาลก็ได้ออกกฎให้ทุกคนใส่หมวกเวลาออกจากบ้าน และห้ามกินหมากพลู รวมทั้งให้เริ่มมีการกล่าวคำว่า สวัสดี เป็นคำทักทาย และใช้คำว่า ฉัน ท่าน จ๊ะ จ๋า เมื่อพูดกับคนอื่น โดยบอกว่าเป็นการมี วัฒนธรรม เพื่อให้ชาติเจริญ ต่อมาไม่นาน พลอยก็ได้รู้ว่าตาอั้นไปมีเมียแล้วชื่อสมใจ และมีลูกสองคนคือแอ๊ดและแอ๊วโดยที่ไม่กล้าบอกแม่พลอยเพราะกลัวแม่จะไม่ถูกใจ แม่พลอยจึงดีใจและรีบไปรับหลานและลูกสะใภ้มาอยู่ที่บ้าน แต่พอมาอยู่บ้านก็อยู่อย่างสงบได้เพียงไม่นานก็เริ่มมีเครื่องบินมาทิ้งระเบิด ทำใหบ้านของแม่พลอยต้องขุดหลุมหลบภัยและต้องคอยระวังตื่นมากลางดึกและไปหลบในหลุมเมื่อได้ยินเสียงเครื่องบิน จนมาครั้งหนึ่งที่พลอยหลบอยู่ในหลุมและรู้สึกถึงความสั้นสะเทือนรุนแรงมาก เมื่อพอพลอยออกมาจากหลุมแล้วก็ได้เห็นว่าบ้านของพลอยเองได้โดนระเบิดเข้าเสียแล้ว จากนั้นพลอยจึงต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านคลองบางหลวงซึ่งเป็นบ้านเกิด พอย้ายบ้านมาได้ไม่นานพลอยก็ได้ข่าวว่าตาอ๊อดเจ็บหนักด้วยโรคมาลาเรีย ตาอ้นที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัวจึงไปอยู่ดูแลตาอ๊อดและยังไม่ได้กลับบ้าน จากนั้นไม่นานตาอ้นก็กลับมาบ้านพร้อมกลับข่าวร้ายว่าตาอ๊อดได้ตายเสียแล้ว อ้นจึงตัดสินใจบวชให้แก่อ๊อด หลังจากนั้นพลอยก็เจ็บอยู่นานหลายเดือน จนกระทั่ง รัชกาลที่ 8 สวรรคตอย่างกะทันหัน เมื่อได้ทราบข่าวการสวรรคตพลอยก็สิ้นใจไปดุจใบไม้แก่ที่ร่วงโรยหลุดลอยไปกับสายน้ำในคลองบางหลวง ผู้เขียนได้ขมวดปมตรงท้ายว่าสี่แผ่นดินนั้นช่างเป็นเวลาที่ยาวนานเหลือเกินชีวิตพลอยได้ผ่านสิ่งต่าง ๆ มานานานัปการและมากพอแล้วที่จะลาจากโลกนี้ไปเพราะเครื่องยึดเหนี่ยวจิดใจคือองค์พระมหากษัตริย์ได้เสด็จสวรรคตไปอย่างกะทันหัน ติดตามชมละคร สี่แผ่นดิน

หนึ่งฤทัย (2546/2003) หนึ่งฤทัย เป็นเรื่องราวของ หนึ๋งฤทัย ( อลิชา ไล่ศัตรูไกล ) เป็นลูกสาวคนเดียวของโกศล ( ทูน หิรัญทรัพย์ ) นักธุรกิจใหญ่ เป็นเด็กสาวแสน สวยที่เอาแต่ใจตัวเองเพราะผู้เป็นพ่อรักและสงสารที่เธอต้องกำพร้าแม่ตั้งแต่ ยังเด็ก หนึ่งฤทัยมีน้าสาวชื่อ กรอง กาญจน์ ( วาสิฏฐี ศรีโลฟุ้ง ) ซึ่งเป็นคนเลี้ยงดูหนึ่งฤทัยมาตั้งแต่แบเบาะ โดยกรองกาญจน์แอบหลงรักโกศลอยู่ ยิ่งโกศลและกรองกาญจน์ตามใจหนึ่งฤทัยมากเท่าไร คุณย่าทองแท้ ( พิศมัย วิไลศักดิ์ ) กับสุนทรีย์ ( บุญฑริก ทัศนารมณ์ ) น้องสาวโกศล ก็ยิ่งหมั่นไส้หนึ่งฤทัยมากขึ้นเท่านั้น ทุกครั้งที่หนึ่งฤทัยก่อเรื่องจนถูกพ่อหรือคุณย่าดุ เธอก็จะเข้าไปคุกเข่าต่อหน้ารูปแม้พร่ำรำพัน จนโกศลใจอ่อนทุกครั้งไป และแม้ว่าหนึ่งฤทัยจะมีข้อเสีย หลายอย่าง แต่ ในความร้ายกาจนั้น เธอก็เป็นคนน่ารักและมีใจเมตตากรุณาต่อผู้อื่น เมื่อวัยเด็กหนึ่งฤทัยเคยสนิทสนมกับ พัฒน์ ( ธนา สุทธิกมล ) ซึ่งเป็นลูกชาย ของ คมสัน ( เวย์น ฟอลโคเนอร์ ) เพื่นรักของโกศล ซึ่งต่อมาคมสันและ ภรรยา นุชนารถ ( ปริศนา กล่ำพินิจ ) ไปอยู่ต่างประเทศ 15 ปีต่อมา ครอบ ครัว ของคมสันกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง เมื่อพัฒน์เรียนจบปริญญาตรี ด้าน สถาปนิก พร้อมกับมาสมาชิกใหม่เพิ่มอีกคน คือ พงศ์ ( ตะวันไทย ไทยสวัสดิ์ ) น้องชายของพัฒน์ ทำให้หนึ่งฤทัยได้พบกับพัฒน์อีกครั้ง และด้วยความ เป็นสุภาพบุรุษที่แสนดีของพัฒน์ ทำให้หนึ่งฤทัยเริ่มสนใจและหลงรักพัฒน์ ในทันทีที่พบหน้ากัน วันประกาศผลสอบเอ็นทรานซ์ หนึ่งฤทัยสอบติดมหาลัยเดียวกับแก๊งค์สามซ่าส์ที่มี 3 สาว อากิโกะ หญิง และเจนนี่ ( วิจิตรา ตรียะกุล, กิรติพร กุลยิ่งวัฒนวิทย์, สุธินี มัณยานนท์ ) ที่เป็นคู่ปรับกับหนึ่งฤทัย มาตั้งแต่ โรงเรียน มัธยม และในวันเดียวกันนั้นมีเด็กสาวใส่แว่นหนาเตอะท่าทางเปิ่นเชยชื่อ พิมพ์พรรณ ( ญดา โชติชูตระ กูล ) มาดูผลสอบด้วย สาวซ่าส์แกล้งกระแทกจนพิมพ์พรรณล้มลง หนึ่งฤทัยเข้าไปช่วยปกป้องพิมพ์พรรณ สาวซ่าส์สู้ไม่ได้กระเจิดกระเจิงหนีไปพิมพ์พรรณรีบตามไปขอบใจหนึ่งฤทัยอย่าง ซาบซึ้ง หนึ่งฤทัยไม่รู้ตัวเลยว่า พิมพ์พรรณเฝ้ามองและประทับใจในน้ำใจของหนึ่งฤทัยมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม แล้ว และในตอนนี้ก็ยิ่งเพิ่ม ความประทับใจในตัวหนึ่งฤทัยมากกว่าเดิม วันเปิดเทอมวันแรกที่มหาวิทยาลัย ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่าง เพื่อนได้เริ่มต้นขึ้น หนึ่งฤทัย พิมพ์พรรณ และประวิทย์ ( วัชรชัย สัตย์ พิทักษ์ ) กลายเป็นเพื่อนร่วมแก๊งค์เดียวกันโดยมี 3 สาวแก๊งค์สามซ่าส์เป็น คู่ปรับเหมือนเคย หนึ่งฤทัยแนะนำให้พัฒน์รู้จักกับพิมพ์พรรณ และ ประวิทย์ พัฒน์รู้สึกขำและเอ็นดูท่าทางที่เด๋อด๋าของพิมพ์พรรณ ส่วน พิมพ์พรรณ เองก็ประทับใจในตัวพัฒน์อยู่เงียบ ๆ ในขณะเดียวกันประวิทย์ก็ พยายาม ปิดบังความรู้สึกพิเศษที่มีต่อหนึ่งฤทัย คิดเสมอว่าเขาไม่เหมาะ สม กับเธอ และเข้าใจว่าเธอมีคนรักอยู่แล้ว คือ พัฒน์ วันหนึ่ง โกศลก็ได้พบกับ ทิพย์อาภา ( เพ็ญพักตร์ ศิริกุล ) แม่ม่ายสาวพราวเสน่ห์ เจ้าของสนามกอล์ฟ โดยไม่ รู้ว่าทิพย์อาภาเป้นแม่ของพิมพ์พรรณ เพื่อนสนิทของหนึ่งฤทัย โกศลหลงรักทิพย์อาภาทันทีและหา โอกาสทำ ตัวใกล้ชิดจนทิพย์อาภามีใจให้ แต่ปัญหาของทั้งคู่ก็คือ กลัวว่าลูกสาวของตนจะรับเรื่องนี้ไม่ได้ สุนทรีย์พยายาม ขัดขวางความรักระหว่างโกศลกับทิพย์อาภา เพราะเข้าใจว่าทิพย์อาภาแย่งวรเชษฐ์ ( ทัตพงศ์ พงศ์ทัต ) แฟนของเธอไป สุนทรีย์จึงคิดแผนร้ายโดยใช้กรองกาญจน์ เป็นเครื่องมือทำลายความสัมพันธ์ของโกศล และทิพย์ อาภา กรองกาญจน์เจ็บปวดเพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหมดความหมาย จนดื่มเหล้าจนเมามาย และเข้าหา โกศลในคืนหนึ่ง โกศลตกใจในการกระทำของ กรองกาญจน์ ไล่เธออกจากห้องและยืนยันว่า เขาเห็นเธอเป็น เพียง น้องสาว พิมพ์พรรณ ถูกแก๊งค์สามซ่าส์พูดจาเฉือดเชือนทำร้ายจิตใจว่า เธอไม่สวย เฉิ่มเชย ไร้ค่าเหมือนสูญ ญากาศ ด้วยความสงสารหนึ่งฤทัยตัดสินใจพา พิมพ์พรรณ ไปแปลงโฉมจนกลายเป็นสาวสวยพริ้ง ไม่เหลือเค้าของคนเดิม พิมพ์พรรณปราบปลื้ม และยิ่งรักและศรัทธาใตตัวหนึ่งฤทัยมากขึ้น เมื่อพัฒน์พบพิมพ์พรรณอีกครั้ง ความรักระหว่างเขาและเธอก็ยิ่งก่อตัวขึ้นโดย ที่หนึ่งฤทัย ไม่ได้เอะใจเลยแม้แต่น้อย โกศลและทิพย์อาภา นัด หนึ่งฤทัยและ พิมพ์พรรณมาพบที่สนามกอล์ฟ เพื่อบอกเรื่องการแต่งงาน วันนั้น ทั้งสองต้องทั้งดีใจและแปลกใจเมื่อรู้ว่าลูกสาวเป็นเพื่อนนรักกัน และยินดี ที่จะได้เป็นครอบครัวเดียวกัน ในงานแต่งงาน กรองกาญจน์ ฉวยโอกาส ยุแยงหนึ่งฤทัยว่าทิพย์อาภาและพิมพ์พรรณ กำลังจะมาแย่งทุกสิ่ง ทุกอย่าง ที่เป็นของเธอไป ประกอบกับหนึ่งฤทัยพบภาพบาดใจที่พัฒน์แสดงท่า ที สนใจพิมพ์พรรณอย่างเห็นได้ชัดหนึ่งฤทัยเริ่มหวั่นไหวไปกับคำพูดของกรองกา ญจน์ เธอรู้สึกปวดหัวอย่างหนักขึ้นมาเป็นครั้งแรก หนึ่งฤทัย เริ่มเปลี่ยนไป แสดงกิริยาเหมือน ทิพย์อาภาและ พิมพ์พรรณเป็นเพียงผู้อาศัย จนรู้สึกว่าตัวเองเคว้ง คว้างไม่มีใครในขณะเดียวกันทิพย์อาภาก็เริ่มตั้งท้อง เธอแอบบอกเรื่องนี้กับพิมพ์พรรณและขอให้เก็บเป็น ความลับไว้ก่อน เพราะกลัวว่าหนึ่งฤทัยจะยิ่งคิดมาก พิมพ์พรรณเริมหวั่นไหวว่าวันหนึ่งถ้าหนึ่งฤทัยจะรู้เรื่องนี้เข้า อาจจะคิดทำร้ายแม่ของเธอที่มหาวิทยาลัยนักศึกษารุ่นพี่จะจัดการแสดงละครเวที เป็นละครร้อง แบบโบราณ เรื่อง……..โรสิตา ทุกคนลงความเห็นว่าหนึ่งฤทัยเหมาะจะเป็นพระเอก คู่กับ พิมพ์พรรณที่อ่อนหวานสมเป็น นางเอกคืนงานวันเกิดคุณย่าทองแท้ หนึ่งฤทัยเอาเข็มหมุดไปปักไว้ในชุดรำฉุยฉายของพิมพ์พรรณ พิมพ์พรรณ ถูกเข็มหมุดแทงจนเลือดไหล ทิพย์อาภาตกใจ ครูบอกว่ามีเพียงหนึ่งฤทัยที่เข้ามาในห้องแต่งตัว ทิพย์อาภา โกรธมาก ต่อมาเมื่อทุกคนรู้ว่าเป็นฝีมือของหนึ่งฤทัย โกศลโกรธมากจนถึงขั้นตบหน้าลูก หนึ่งฤทัยวิ่งหนีออกมา ทิพย์อาภารีบตามมาเพื่อปรับความเข้าใจ แต่เรื่อง กลับเลวร้ายมากขึ้น เมื่อสุนทรีย์มาตอกย้ำให้หนึ่งฤทัยสับสนว่า ทิพย์อาภา เสแสร้งทำเป็นคนดี หนึ่งฤทัยตัดสินใจจะหนีไปให้พ้นทิพย์อาภายื้อหยุด ห้ามไว้ หนึ่งฤทัยสะบัดจนทิพย์อาภาพลัดตกบันได และทุกคนยิ่งตกใจมากขึ้น เมื่อพิมพ์พรรณ บอกว่าทิพย์อาภากำลังตั้งท้องอยู่ ซึ่งทำให้หนึ่งฤทัยตกใจมากที่บ้านโกศล พัฒน์มาบอกคุณย่าทองแท้ว่าทิพย์อาภาปลอดภัยแล้ว หนึ่งฤทัย กลับมาพอดีและเกิดมีปากเสียงกับคุณย่า เธอจึงผลุนผลันจะขับรถออกจากบ้านไป พัฒน์รีบตามขึ้นรถ ไปด้วย เขาขอร้องให้หนึ่งฤทัยจอดรถและระงับสติอารมณ์ แต่หนึ่งฤทัยไม่ยอมฟังดื้อดึงขับรถต่อไป จนเกิดอุบัติ เหตุรถชนพัฒน์ ได้รับบาดเจ็บเข้าโรงพยาบาล ทุกคนประนามว่าเป้นความผิดของเธอ หนึ่งฤทัยรู้สึกผิด และเสียใจ มากขึ้นเป็นทวีคูณ ที่เธอทำร้ายคนที่เธอรักโดยไม่ได้ตั้งใจ หนึ่งฤทัยปวดหัวอย่างรุนแรงจนเซล้มลงหมดสติไป หมอวินัยมาพบจึงเข้าไปช่วยเหลือและพาไปตรวจที่โรงพยาบาล หนึ่งฤทัย ถึงกับช็อคไปเมื่อรู้ถึงสาเหตุของการปวด หัวอย่างรุนแรงที่เธอเป็นอยู่บ่อย ๆ หนึ่งฤทัยเริ่มได้คิดและตัดสินใจว่าจะไม่บอกใครเรื่อง อาการป่วย ของเธอ คงยังไม่สายเกินไปที่จะทำความดี ลบล้างความผิดพลาดที่เธอทำไว้กับทุกคน

บางรักซอย 9

บางรักซอย 9 (2546/2003) “บางรักซอย 9” เป็นเรื่องราวที่ถ่ายทอดถึงชีวิตของคนในวัยทำงาน ที่มีทั้งเรื่องอาชีพ อนาคตและความรักเป็นเรื่องสำคัญและละเอียดอ่อน สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตของคนเมืองในยุคปัจจุบันออกมานำเสนอในรูปแบบตลกและแฝงแง่คิด ความรู้สึก แป้ง และ ชัดเจน ชัดเจน หรือ เจน (ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) สถาปนิกหนุ่มวัย 30 มองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน ชีวิตสบายๆ เป็นคนที่ไม่มีความชัดเจนเหมือนชื่อ แต่มีความกระตือรือร้นและชอบศึกษาชีวิต มีความเข้าใจในคนรอบข้างเสมอ และเพราะเป็นสถาปนิกที่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำอยู่เสมอ ตัดสินใจมาใช้ชีวิตอิสระ ด้วยการมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับออฟฟิศ บ้านเช่าหลังนี้เป็นการดัดแปลงจากเรือนคนใช้มาแบ่งทำเป็นห้องเช่า ในส่วนของโรงรถก็ใช้เป็นที่อบขนมของลูกเจ้าของบ้าน ที่ชื่อ “แป้ง” เนื่องจากเหมียวแฟนเก่าเจนคอยตามมารังควานจนเจนโดนไล่ออกจากบ้านเช่าเก่าไป 3 หลัง แป้ง (พิยดา จุฑารัตนกุล) สาวขึ้นคานนักฝันที่อยากจะครูกับเจ้าของร้านเบเกอรี่ เป็นไม่มีที่ไหนรับกับไม่มีงบจึงตกงานหลังเรียนจบ มีระเบียบวินัยสูง เต็มเปี่ยมไปด้วยกฎเกณฑ์ในชีวิต จึงขายเค้กตามบ้านกับเป็นติวเตอร์สอนเด็กหากำไรไปวันๆ แต่ก็สืบทอดมรดกจากแม่คือ พอตนพาลด่าใคร พอรู้ว่าตนหน้าแตก ก็ไม่รับผิดชอบหน้าด้านเงียบหนีเสมอ เมื่อเจนเข้ามาเช่าบ้านอยู่ในบ้าน ก็มีแต่เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นเสมอ ถึงแม้จะเป็นสถาปนิก แต่ก็ไม่เคยทำให้แป้งรู้สึกว่าบ้านมีระเบียบขึ้นมาเลยตรงกันข้ามจากบ้านที่เคยมีระเบียบวินัย กลับถูกเพ่นพ่านไปด้วยเพื่อนสถาปนิกที่ออฟฟิศ และแฟนเก่าของชัดเจนที่มาตามรังควาน หรือแม้แต่ลูกของเพื่อนที่มาฝากชัดเจนดูแล ด้วยเหตุนี้แป้งต้องมาคอยควบคุมและดูแลผลประโยชน์ของบ้านตนเอง และมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับเจนอยู่ตลอดเวลา ต่างกับปิ๊ก (หลุยส์ พงษ์พันธ์ เพชรบัณฑูร) น้องชายของแป้ง กลับเห็นดีเห็นงามและชื่นชมเจนเป็นพิเศษ ก็เพราะนิสัยที่เข้าอกเข้าใจคนอื่นของเจนนั่นเอง แต่นั่นกลับเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้แป้งหาเรื่องทะเลาะกับเจนหนักขึ้น เพราะแป้งถือว่าเจนให้ท้ายน้องชาย ทำให้เจนเกิดความรู้สึกว่าแป้ง ทำตัวเหมือนแม่มากกว่าพี่สาว แม้แต่กับพ่อตุ๊ (สีหนุ่ม เชิญยิ้ม) พ่อของแป้ง ก็ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีกับเจน เนื่องจากเป็นคนสบาย ๆ เหมือนกัน พ่อของแป้งเป็นคนสนใจใฝ่รู้กับทุกๆเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่การดูหมอทรงเจ้า แต่ถึงกระนั้นพ่อของแป้งก็เป็นถึงอดีตนายทหารเรือ (เออ...แต่เป็นกองดุริยางค์) ผิดกับแม่เยาว์ (พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา) ที่เป็นถึงหลานสาวเจ้าพระยา เป็นคุณแม่ผู้สูงศักดิ์ หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรียิ่งนัก แต่เนื่องจากฐานะครอบครัวที่สะเทือนไปในคราว “ต้มยำกุ้ง” ระบาด จึงกลายเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงิน แม่ของแป้งจึงจำต้องแบ่งพื้นที่ในบ้านให้เจนเช่าอาศัย ซึ่งแม่ของแป้งไม่เคยรู้เลยว่ามันเหมือนเป็นการชักศึกเข้าบ้าน... แมน (ซ้าย), ชัดเจน (กลาง), มารวย (ขวา) ในบ้านเช่า นอกจากจะมีเจนเป็นผู้เช่าอาศัยแล้ว ยังมีเพื่อนร่วมออฟฟิศของเจนอีกหนึ่งคนชื่อมารวยหรือ รวย (เหลือเฟือ มกจ๊ก) ชายหนุ่มนิสัยรักสบายมาก ตอนเรียนจบนั้นได้งานจะไปนอนที่ออฟฟิศ แต่พอเจนย้ายมาเช่าบ้านแป้งรวยจึงขอมาอยู่ด้วย จนถึงขั้นที่เรียกได้ว่าขี้เกียจหาที่ที่พักจึงมาขอพักกับเพื่อน ซึ่งปรารถนาจะรวยทางลัดอยู่ตลอดเวลา แต่รวยก็เป็นคนมีความจริงใจ ตรงต่อเวลาในเวลาทำงานแต่ติดจะเชยและซื่อไปบ้าง นอกจากนี้ผู้คอยแวะเวียนมาในบ้านของแป้งยังมี แมน (ตี๋ ดอกสะเดา) เพื่อนร่วมออฟฟิศอีกคนของเจน ผู้ถูกกระชากวัยหนุ่มไปด้วยเวลาอันรวดเร็ว เพียงเพราะไปผู้หญิงท้องก่อนแต่งจนมีลูกด้วยกัน แต่แล้วเขาก็กระชากมันกลับมาด้วยความรวดเร็วอีกเช่นกัน ด้วยการ “แยกทางกัน” พร้อมกับของแถมเป็นเด็กชายวัย 4 ขวบ (ก๊วยเจ๋ง) ที่เขาจำต้องสลับกับภรรยาเลี้ยงดู แมนเป็นคนเจ้าชู้ จึงเกลียดความจริงจัง พอๆ กับที่เป็นคนกะล่อน จึงเกลียดความเชยเป็นที่สุดเหล่านี้คือบุคคลที่จะมาทำให้ชีวิตของเจนวุ่นวายได้ไม่มากเท่ากับ เหมียว (สุวัจนี ไชยมุสิก) แฟนเก่าของเจน ที่สลัดรักจากสถาปนิกหนุ่มไปซบอกกัปตันเครื่องบิน ด้วยเหตุผลเพียงว่าเท่กว่าและเร้าใจกว่า แต่นั่นยังไม่ร้ายเท่าที่เหมียวทำงานอยู่ที่เดียวกันกับเจน และคิดอยู่เสมอว่า เจนคือของตายสำหรับเขา จึงหมั่นแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนเมื่อยามเหงา มีปัญหาก็มาขอความช่วยเหลือ ทะเลาะกับแฟนก็มาหา เมาก็มาหา แต่เจนเองก็ไม่สามารถตัดขาดจากเหมียวไปได้ เพราะอดีตรักที่น่าจดจำของกันและกัน และทุกครั้งที่เหมียวมีปัญหา จนทำให้แป้งไม่ชอบพฤติกรรมของเหมียวอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นคำพูด หรือการกระทำ ที่คอยมาก่อกวนเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่ใครเลยจะรู้ ว่าเจนและแป้งนั้น เหมือนเกิดมาเพื่อเป็นคู่กัดและคู่รักกัน ด้วยความที่ฟอร์มจัดด้วยกันทั้งคู่ สถานภาพที่คนอื่นมองจึงดูแปลกๆ เพราะบางครั้งก็เหมือนเป็นเพียงผู้เช่าและผู้อาศัย แต่บางครั้งก็เหมือนเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ก็มีหลายครั้งที่ดูเหมือนเป็นแม่ลูกกัน หรือเป็นคู่รักกันก็มี ความรักและความผูกพันของหนุ่มสาวทั้งสอง จึงค่อยๆก่อตัวขึ้น ท่ามกลางความวุ่นวายและปัญหารอบข้าง บ้างสุข บ้างเศร้า บ้างเหงา บ้างตลก แต่ทุกชีวิตในบ้านหลังนี้ก็ยังคงดำเนินไป โดยทั้งคู่แอบชอบกันไป แต่ทั้งคู่ก็ไม่กล้าบอกต่อกันเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้สึกเหมือนกัน จากนั้นพอเดือนเพื่อนแป้งมากับสงสัยในตัวแป้งจนจับได้ว่าแป้งแอบชอบเจน เดือนพยายามให้แป้งบอกรักเสมอแต่แป้งไม่เอาตลอด ทางเหมียวก็ลาออกไป กับไม่มีตัวเกะกะ ซึ่งเป็นโอกาส แต่ปูนิ่ม(ลูกสาวเจ้านายของเจน)ก็เข้ามาแทนที่กับอ้างตัวว่าคบกับเจน เจนทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยอมอย่างน่าสมเพช โดยปูนิ่มกุมความลับเรื่องคืนนั้นไว้ พอผ่านไปนาน จนตอนที่มีหมอดูมาทักเจนกับแมนเรื่องเนื้อคู่ว่า ว่าแมนมีเนื้อคู่อยู่ 2 คน คนแรกจากไปแล้วซึ่งก็คือเมียเก่า คนที่ 2 ต้องดูแลดีๆไม่งั้นจะป่วยจากไปก่อนอันควร แล้วแมนก็คบกับคุณริน แต่แมนก็ก่อเรื่องเมาพาล ทำให้เจนกับแมนปประชุมไม่ทันทั้งคู่ให้เจนแกล้งแขนหักไปเป็นเดือน พอป๊าของเจนมารู้เรื่องปูนิ่มเป็นลูกของเจ้านายเจน เผลอหลอกด่าเจ้านายโดยไม่รู้ตัว พอรู้ว่าปูนิ่มเป็นลูกใคร จึงบอกให้เจนตัดสินใจพูดเหมือนไม่รับผิดชอบ จนหลังจากเจนผ่าเฝือกเสร็จไปไม่นาน เจนพูดแบบที่ป๊าแนะนำแล้วบอกเลิกจนปูนิ่มโวยวายเสียใจจนปูนิ่มจากไป เจนได้อ่านจดหมายจากปูนิ่มว่าความจริงคืนนั้นไม่มีอะไรกัน จากนั้นแมนกับรวยก็สงสัยในตัวเจนว่าชอบแป้งจนเป็นความจริง พอเจนจะไปสารภาพรัก เต้ยก็ข้ามาในชีวิตแป้ง เจนก็ได้แต่เสียใจกับทำอะไรไม่ได้ พอรู้ว่าแป้งแอบชอบตนแต่สายไปแล้วเพราะแป้งเลือกเต้ย จนแป้งรับหมั้นเต้ยเจนก็เสียใจกลับสุพรรณไป พอเต้ยประสบอุบัติเหตุเจนจึงรีบมาถ่ายเลือดให้เต้ยมีชีวิตอยู่ดูแลแป้ง แต่เต้ยก็เสียชีวิต จนทำให้พลังพิเศษในตัวแป้งลืมตาตื่นขึ้นมาคือพลังดวงกินผัว แต่งหรือหมั้นกับใครคนนั้นต้องตายเพราะอุบัติเหตุเกี่ยวกับรถ ทางแป้งเศร้าเรื่องเต้ย เจนพยายามหาทางดูแลแป้งไม่ให้แป้งเศร้าจนต่อมาแม่ของเหมียวมาบอกว่าเหมียวท้องแล้วลำดวนก่อเรื่องไปบอกชาวบ้านว่าเจนเป็นพ่อเด็ก แต่ความจริงฮาร์ตเป็นพ่อเด็ก ทางแป้งที่ฟังผิดมาต่อว่าเจน จนเจนบอกไม่ได้ทำกับเผลอบอกชอบแป้งไปในตัว จนแป้งหลบหน้าไป ทางเจนพยายามทำดี แต่แป้งเอาแต่หลบหน้า จนพอแป้งรู้จากแมนกับรวยว่าเจนถ่ายเลือกช่วยเต้ย ก็แอบมีใจเพราะเรื่องแค่ถ่ายเลือดช่วยผัวเก่า ทางเจนก็เห็นว่าแป้งไม่รับรักจึงทำได้แต่กลับสุพรรณ จนแป้งพอรู้หน้าด้านมาตามง้อจนทั้งคู่แอบคบกันจนชาวบ้านแอบจับได้กับคนที่รู้เผลอไปบอกต่อรู้เรื่อยๆ พี่พัชจับได้เป็นคนแรกช่วยเก็บเงียบไว้ แมนกับเจ๊งรู้จากมือถือของแป้ง แมนเผลอบอกรวย จนรวยที่ดีใจไปบอกลำดวน ป๊าอ่ำเครียดจนเจนบอกไป แล้วเฮียหมูสงสัยจึงหลอกจีบแป้งจนเจนเผลอบอก ส่วนยามรู้ตั้งนานแล้วแต่เก็บเงียบไว้แล้วเผยตัวตอนอาตุ๊สงสัย พอเจนบอกอาตุ๊ อาตุ๊เข้าโรงพยาบาลอาตุ๊เอาความรู้สึกแป้งมาเล่นเพื่อลองใจเจน จนแป้งโกรธ พอสัญญาเช่าบ้านของเจนหมดไป ก็มีเรื่องขึ้นคือ น่าเยาว์ไม่ยอมต่อสัญญาเช่ากับหาทางไล่เจนไป แต่ล้มเหลวแล้วเจนก็สงสัยเรื่องจดหมายที่แป้งเขียนถึงใคร จากนั้นพอเจนไปกนข้าวกับแฟนเก่าเพื่อปรับความเข้าใจ พอแป้งแอบรู้ก็คิดมาก พอแป้งเห็นแฟนเก่าเจนที่ชื่อปุ้มออกจากห้องนอน ก็คิดมากเข้าใจผิดไม่ฟังเจน จนเจนพยายามง้อก็ไร้ผล จากนั้นปุ้มปรับความเข้าใจกับเจนได้ดี แล้วคิดไปหาแป้ง เพราะเพิ่งรู้ว่าคนที่เขียนจดหมายหาแป้งเมื่อสมัยก่อนย้ายมาเช่าบ้านคือตน คิดจะไปถามเพื่อยืนยัน ทางปิ๊กที่รู้เรื่องคบกับแป้งเพราะพวกแมนเผลอบอก ไปถามเจน ทางเจนถูกปุ้มโทรหา เจนไปหากับคุยกันเสร็จ แล้วเจนไปหาแป้ง แต่แป้งไม่ยอมคืนดี จนเจนถามเกี่ยวกับจดหมาย แป้งก็หน้าด้านยอมคืนดีเพราะเรื่องจดหมาย จนเหลือแต่น้าเยาว์เพียงคนเดียวที่ไม่รู้ ตลอด 2 ปีที่เจนคบกับแป้ง ป้าจันทร์เรียกชายเหวงมาดูตัวแป้ง แต่ในช่วงนั้นอาตุ๊ถูกเพื่อนทาบทามให้ไปทำงานที่อังกฤษ แต่กลัวว่าน้าเยาว์ไม่ยอมจึงให้เมียเพื่อนมาคุย น้าเยาว์ยอมตามหน้าที่ของเมีย แต่ก็ไปหาอาตุ๊ประชดให้เซ็นใบหย่า อาตุ๊จึงยอมเซ็นกับเตรียมตัวไปอังกฤษกับโทรบอกสาเหตุกับปิ๊ก น้าเยาว์ก็หน้าด้านเสียใจถูกปิ๊กบอกสาเหตุมาปลอบจนยอมให้อาตุ๊ไป พอป๊าอ่ำก่อเรื่องเผลอพูดเรื่องเจน จนชายเหวงสงสัยจึงอัดคลิปเรื่องเจนคบกับแป้งแล้วรู้ก็ใส่ความกับขู่เจน จนแป้งเข้าใจผิด ทางเจนจึงทำได้แต่ต้องสารภาพกับน้าเยาว์เท่านั้น จึงไปสารภาพกับน้าเยาว์ตอนที่ครอบครัวแป้งที่ไปเยี่ยมอาตุ๊ที่อังกฤษ จนชายเหวงแกล้งเจนไม่ได้ น้าเยาว์ก็โวยวายไปทั่วกับกีดกันสารพัด แป้งก็คิดทรพีแม่ตัวเอง แต่เจนก็ทำคะแนนได้หลายที แต่บริษัทที่จนทำงานก็ดันมาเจ๊ง เจนจึงต้องเปิดบริษัทที่บ้านเช่าหางานจากลูกค้าเก่าๆ ซึ่งได้ผลดี โดยรวยกับแมนไปเป็นคนคุมงานบริษัทอื่นชั่วคราวเพื่อมาเป็นทุนเปิดบริษัทร่วมกับเจน จนทางแมนที่โง่ไม่ยอมขอคุณรินแต่งงานจนคุณรินเสียไป จนแมนเสียใจ เจนไม่อยากพลาดเหมือนแมนจึงไปขอแป้งแต่งงาน แต่ป้าจันทร์กับชายเหวงก็ขัดขวาง จนน้าเยาว์เครียดเข้าโรงพยาบาล จนปิ๊กไปโทรเรียกพ่อพิเชษฐ์ที่เป็นพ่อเลี้ยงแป้งตามคำแนะนำของอาตุ๊ เพื่อมาไล่ป้าจันทร์กับชายเหวงไม่ให้มายุ่งอีก จนเจนได้แต่งงาน แต่ต้องเตรียมงานกับพิธี แต่ว่าวันแต่งแป้งเผลอใช้พลังดวงกินผัวหวังฆ่าเจนกับป๊าอ่ำ จนทั้งคู่ประสบอุบัติเหตุเจ็บหนัก เจนความจำเสื่อมแป้งเรียกความจำกลับมาได้สำเร็จ เงินสินสอดมาจ่ายค่ารักษาเจนกับป๊าอ่ำพอดี(งานแต่งงดสินสอดไป) พอเจนหายดีเกิดเรื่องป๊าอ่ำอยากให้ไปอยู่สุพรรณ แต่เพราะแพ้แล้วพาลจึงเปลี่ยนให้จัดงานแต่งที่สุพรรณถึงยอมให้เจนอยู่กรุงเทพต่อไป จึงเลื่อนงานแต่งอีกที เจนกับแป้งได้แต่งงานกัน จนกลายเป็นชีวิตของทั้งคู่ในฐานะคู่สามีภรรยา แต่คุณเอ๋ยก็มาใส่ความเจน ทางแป้งถูกปั่นหัวนิดหน่อยก็เสียใจกับพาล จนเจนเลิกกับแป้ง พอคุณเอ๋ยมาขอโทษแป้ง กับกล่อมแป้ง ทางแป้งได้รับจดหมายจากลาจากเจนกับมอบแหวนแต่งงานให้ แป้งเสียใจที่ให้อภัยเจนแค่นี้ไม่ได้ แป้งก็หน้าด้านตามง้อเจน ทุกคนคิดว่าเจนจะฆ่าตัวตายจึงออกตามหาเจน ทางเจนพอรู้จึงกลับไปเพื่อคืนดีกัน แต่แป้งเผลอใช้พลังดวงกินผัว ทำให้เจนโดนรถชนจนโคม่า กับความจำเสื่อมอีกครั้ง โดยครั้งนี้เป็นฝ่ายของแป้งที่ต้องห้ามทำตัวแบบน้าเยาว์คอยดูแลกับเรียกความทรงจำเจนกลับมา พอน้ายีที่เป็นน้าของแป้งมาขออยู่ เพราะหนีหนี้กับปัญหามาไทยจนบ้านเป็นเรื่องกับป่วนกันใหญ่ ทางเจนโดนไฟช็อตจากเครื่องใช้ไฟฟ้าทีรความจำกลับมาถึงกลับลามปามคนไปทั่วพอจามไปทีความจำหายไปดังเดิมทุกครั้ง จนเมื่อพอลูกบุญธรรมของเจนมาจนเจนจำได้แค่เรื่องลูกบุญธรรม จนแป้งเครียดเข้าโรงพยาบาลเพราะพยายามหลายที แต่ไร้ผล จนหมอตรวจบอกว่าแป้งท้อง กับแป้งก็แพ้ท้องหนักมาก กับก่อเรื่องทำให้เจนเสียงานทั้งกำชับไม่ให้เจนไปทำงานไกล จนพลังดวงกินผัวในตัวแป้งรุนแรงมากขึ้นเจนไปทำงานไกลๆตามฝันก็เป็นจริง ทุกคนไปรวมตัวกันที่โรงพยาบาลกับเป็นห่วงเจนอย่างมาก ทางเจนที่โคม่าอยู่ระหว่างความเป็นความตาย ความจำก็เริ่มจะกลับมา ทางแป้งพลังดวงกินผัวรุนแรงทำให้ชีพจรเจนต่ำใกล้ตายเหมือนตอนเต้ย แต่ผลออกมาเจนพ้นขีดอันตรายจนเจนเพ้อพูดช่อแป้งไปแล้วหลับไป จนแป้งได้ยิน ในตอนอวสานของบางรักซอย 9 ที่ชื่อว่า "นิยามรัก ชัดเจน + แป้ง" จะต่อเนื่องจากความเดิมตอนที่แล้ว เจนได้ประสบอุบัติเหตุจากการนั่งรถมอเตอร์ไซค์ตกลงคลอง (แป้งใช้พลังดวงกินผัวใส่เจน 3 ที 1 รถชนกับป๋าอ่ำตอนกำลังจะแต่งงาน 2 รถชนพร้อมกับรักตอนกลับมาคืนดีกัน) พอเจนฟื้นออกจากโรงพยาบาล เจนความจำเสื่อมหนักกว่าเก่า ถึงขั้นปัญญาอ่อน ไม่พูดกับใคร พอรวยเล่นมุขน้ำเน่าใส่ลำดวน รวยพูดประโยคประจำตัวของเจนคือ ถึงน้ำเจะน่าก็ยังเห็นเงาจันทร์ ทำให้เจนจำได้ทั้งหมด กับด่าชื่อพ่อแมน แต่แกล้งลืมแป้ง สร้างความประทับใจให้กับทุกๆคนมาก แมนไปอวยพรโจกับแจ๋วให้มีชีวิดที่ดี ทางปิ๊กก็ตัดสินใจบอกรักน้องพิมออกสื่อ กับแฉว่าตัวเองไม่ได้เป็นเกย์จนโดนเด้ง กับทุกคนรวมตัวที่ร้านเฮียหมูฉลองที่เจนกลับมาจำได้ ปัญหาสุดท้ายคือตั้งชื่อลูกเจนกับแป้ง ลำดวนเผลอทำแกงร้อนใส่รวยแล้วเอาผ้ามาเช็ดให้รวยจนเกิดคืนดีกัน แต่ละคนได้คิดชื่อมา เฮียหมูตั้งชื่อให้ว่า "กระท่อม" เพราะเป็นสถานที่ที่เจนกับแป้งเคยหลบฝนด้วยกัน รวยได้ตั้งชื่อให้ว่า "โลเล" เพราะตรงกับจิตใจของเจนตอนกำลังจะบอกรักแป้ง และลำดวนก็ตั้งชื่อให้ว่า "ลังเล" ด้วยเหตุผลเดียวกับรวย ส่วนแมนก็ตั้งชื่อลูกว่า "บ้านเช่า" เพราะเหตุผล คือ สถานที่แรกที่เจนกับแป้งพบกันครั้งแรก ชื่อเต็มคือ "บ้านเช่าหลังละพันห้า จ่ายช้าน้าเยาว์ปรับวันละร้อย งกชิบเป๋ง!" โดยชื่อที่แมนคิดกระจอกสุดๆ ห่วยกว่ากระท่อมอีก ซึ่งทุกคนได้เถียงกันเรื่องชื่อลูกของเจน ทางเจนและแป้งขอคิดชื่อลูกเอง ตัดมาที่ฉากหลังบ้าน แป้งกับเจนนั่งคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องดีที่แป้งท้องตอนเจนความจำเสื่อม เจนได้ใช้ประสบการณ์เป็นพ่อคนไประยะหนึ่ง เพราะเจนหลังแต่งงานใหม่กลัวเรื่องมีลูก กับถ้าเกิดแป้งท้องตอนเจนจำได้แต่แรก เผลอๆ เจนอาจเครียดเป็นบ้าฆ่าตัวตายที่ไม่พร้อม กับพอเจนจำได้ทำให้พลังดวงกินผัวในตัวแป้งหายไป ผ่านไปอีก 9 ปีต่อมา (หรือ 18 ปีนับจากที่ทั้งคู่ได้เจอกันเป็นครั้งแรก) ชัดแจ้ง ตรีทิพย์ศิริ ลูกชายของทั้ง 2 คน ได้พูดถึงเรื่องราวความรักของพ่อแม่ตนเอง รวยกับลำดวนมีลูกชาย 1 คน ชื่อสเตฟาน แมนส่งเสียก๋วยเจ๊งเรียนต่อถึงมหาวิทยาลัย ส่วนน้าเยาว์ที่รออาตุ๊ไม่ไหวก็หน้าด้านตามไปหาผัวอยู่อังกฤษ น้ายีก็ยังอยู่ในประเทศไทย ฉากจบของบางรักซอยเก้าเกิดขึ้นเมื่อแป้งกำลังจะบันทึกไดอารี่ และพบกับข้อความของเจนในท้ายไดอารี่ที่เจนแอบเขียนไว้หลัจากชัดแจ้งเกิดมา ซึ่งไดอารี่นั้นเป็นเรื่องราวที่บันทึกเรื่องราวของชัดเจนไว้ตั้งแต่วันแรกที่เจอกับเจน จนกระทั่งเมื่อตนเองกำลังจะตั้งท้องลูกคนที่ 2 แป้งได้เข้ามาโอบกอบเจนและชัดแจ้ง ทั้ง 2 ได้ฝ่าฟันเรื่องราวมาตลอด 9 ปี จนกระทั่งได้แต่งงานมีลูกและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป

กิเลสมาร 2546

กิเลสมาร (2546/2003) ประภาส ชาติเวท ประธานโรงแรมคิงส์เซ็นเตอร์ ผู้เพียนพร้อมทางสังคม ขาดก็แต่ความอบอุ่นในครอบครัว เขามีลูกสามคนคือ ดนัย และระตีทั้งคู่ไม่สนใจการทำงานเลย ส่วนวิเวียนลูกสาวนอกกฎหมายกลับเอาการเอางาน ประภาสจึงทำทุกอย่างเพื่อให้วิเวียนยอมรับเขาเป็นพ่อ แต่เธอกลับปฎิเสธโดยสิ้นเชิงเพราะ โกรธที่ประภาสเป็นทำให้แม่เธอต้องตรอมใจตาย วิเวียนจึงอาศัยอยู่กับป้าศศินาถ ตลอดมา วิเวียนทำงานเป็นมัณฑนศิลป์ วันหนึ่งช่อนซึ่งเป็นเจ้านายก็ส่งเธอมาทำงานที่โรงแรมของประภาส เมื่อประภาสพบวิเวียนเขาพยายามมาพูดดีด้วยแต่เธอกลับโต้เถียงเขา ทำให้ประภาสเกิดโรคหัวใจกำเริบอย่างหนัก พอดีกับที่กริชเดินผ่านมาพบเข้าพอดีจึงเข้าช่วยเหลือ ติดตามต่อได้ใน "กิเลสมาร"