ผวา (2548/2005) "แก้ว" รีบเดินทางกลับบ้านเกิดที่ต่างจังหวัดทันที เมื่อได้รับข่าวว่าก้อย (น้องสาว) เกิดอาการผีเข้า พร้อม ๆ กันกับเพื่อนนักเรียนอีกหลายคน ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเอง และเพื่อนเมื่อตอนเป็นเด็ก แก้วพยายามหาทางรักษาก้อย โดยได้รับความช่วยเหลือจากหมอดนัย ที่ระบุอาการดังกล่าวเรียกว่า "โรคอุปทานหมู่" ทำให้ขัดกับหลักความเชื่อของคนในหมู่บ้านที่ยังงมงาย กับเรื่องไสยศาสตร์ เหตุการณ์ในอดีตของแก้ว เริ่มย้อนกลับเข้ามาสร้างความน่าสะพรึงกลัวให้กับเธออีกครั้ง หลังจากที่ เธอเคยพยายามหลีกหนีมันไปเป็นเวลานาน ขณะนั้นเองแก้วได้พบกับเพื่อนสนิทในวัยเด็กคนหนึ่ง ที่กลายมาเป็นครูในโรงเรียนของน้องสาว และเธอเป็นคนที่เก็บงำความลับต่าง ๆ เอาไว้ ซึ่งจะช่วย คลี่คลายปมปัญหาเรื่องของเด็กชายที่หายสาบสูญไปในอดีต เมื่อสิ่งที่พวกเธอเคยร่วมกันทำ เอาไว้ ในวัยเด็กได้กลายมาเป็นผลในวัยปัจจุบันอย่างคาดไม่ถึง...
Happy Inn โรงเตี๊ยม (2548/2005) เรื่องราวเริ่มต้นจากโรงเตี๊ยมเก่าๆ แห่งหนึ่งที่ซึ่งไม่มีคนมาใช้บริการแต่มีคนอาศัยอยู่ 3 คน คือป้าแต๋ว เจ้าของโรงเตี๊ยม โหน่ง และ จอร์ด โรงเตี๊ยมแห่งนี้จึงกลายมาเป็นที่นัดหมายของคน 3 กลุ่มที่มีจุดหมายแตกต่างกัน ริต้ายอมหลับนอนกับเสี่ยติ่ง เพื่อเช็ค 5 ล้านบาท ต่อมาเมื่อเมียหลวงของเสี่ยรู้ จึงจ้าง 2 นักสืบมาตามเก็บภาพไปแบล็คเมล์ ส่วนกลุ่ม3 โจร ได้เดินทางมาเอาเงิน 10 ล้านที่ซ่อนไว้ในโรงแรมนี้ แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ 2 นักสืบที่ได้ยินคำสั่งแล้วไปทำผิดจาก " เก็บภาพมาให้ได้ " เป็น " เก็บมาให้ได้ " แล้วเงิน 10 ล้านที่ซ่อนไว้ของสามโจรหายไปจากที่ๆ ควรจะอยู่ เรื่องราวเริ่มวุ่นวายเริ่มต้นขึ้นเมื่อมีสพชัย จอมซวยเข้ามาพักในโรงแรมนี้โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย แล้วยังมีจอร์ด บริกรปัญญาอ่อนผู้ทำให้เรื่องสับสนอลหม่านไปหมด
คนหอนขี้เรื้อน ในคืนเดือนเสี้ยว Werewolf in Bangkok (2548/2005) สิงห์ (ทศพร รถกิจ) กับ ใหญ่ (จ๊อด เชิญยิ้ม) กำลังล่าหมาป่าตัวสุดท้ายที่กัด เดือน (ปริญญาทิพย์ หนูเทศ) เมียสาวของสิงห์ที่ท้องแก่ ที่ตึกต้องห้ามมี ตาย้อย(โย่ง เชิญยิ้ม)กับหลาน ชื่อ อนิรุธ (สายัณห์ ดอกสะเดา) อาศัยอยู่ เป็นทายาทหมาป่าตัวสุดท้าย ที่ยังวัยเยาว์จึงถูกตาย้อยกักขังล่ามโซ่ไว้อย่างปลอดภัย ภายในห้องลับ ๆ ภายในตึกจึงเป็นที่มาของตึกต้องห้าม ซึ่งไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไป แม้กระทั่งซอยที่เป็นที่ตั้งของตัวตึกก็ยังไม่มีใครกล้าเดินเฉียดเข้าไป คงมีแต่ แฟร้งค์ (โหน่ง ชะชะช่า)หนุ่มคุ้ยเขี่ยเท่านั้นที่หนีการไล่กระทืบจาก น้าแดง(ค่อม ชวนชื่น)กับถั่วดำ (สังข์ ดอกสะเดา)เข้ามาหลบภัยในซอยต้องห้ามและรอดตัวได้ทุกครั้ง แต่แล้วครั้งสุดท้ายนี้เอง ที่แฟร้งค์ไม่สามารถออกจากซอยได้ เนื่องจากน้าแดงกับไอ้ถั่วดำเฝ้าอยู่ปากซอยแฟร้งค์จึงหลบเข้าไปในตัวตึกต้องห้าม และคืนนั้นเป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวง จึงโดนอนิรุธ ผู้กลายร่างเป็นหมาป่ากัดเข้าที่ต้นคอ แฟร้งค์หนีออกมาได้ด้วยความงุนงง ขุนเดช(สมเล็ก ศักดิกุล) หัวหน้าแก๊งค์คุ้ยเขี่ยผู้ฉ้อฉลและมี ขุนหนวก(สุเทพ สีใส)เลขาประจำตัวขุนเดชทราบเรื่องที่น้าแดงกับไอ้ถั่วดำไม่สามารถนำตัวแฟร้งค์มาร่วมแก๊งค์ได้ เนื่องจากแฟร้งค์หนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในซอยต้องห้ามทุกครั้ง ขุนเดช จึงมอบหน้าที่นี้ให้กับ ฉู่ฉี่(เดบาร่าห์ ซี)ดำเนินการต่อ ฉู่ฉี่ หญิงสาววัย 18 ปี ที่ทั้งห้าวและบ้าบิ่นมีความสนิทสนมกับแฟร้งค์อยู่แล้ว จึงเข้ามาชักชวนแฟร้งค์ให้เข้าแก๊งค์ แต่แฟร้งค์ไม่ยอมเพราะกลัวขุนเดชขี้โกง ฉู่ฉี่สังเกตเห็นแฟร้งค์มีพฤติกรรมคล้ายหมาขึ้นทุกที จนฉู่ฉี่แปลกใจแต่แฟร้งค์ก็ปฏิเสธทุกครั้งไป สิงห์กับใหญ่ก็ว่าจ้างให้ขุนเดชกับพวกแก๊งค์คุ้ยเขี่ยช่วยสืบหาตัวหมาป่า คืนนี้เดือนเสี้ยวแฟร้งค์ เกิดอาการเจ็บปวดขึ้นตามร่างกายและกลายร่างเป็นหมาป่าในที่สุด แต่สารรูปกลับไม่เหมือนหมาป่าตามตำนาน แต่กลับเป็นหมาป่าขี้เรือน ในขณะที่ฉู่ฉี่โดนพวกน้าแดงกับไอ้ถั่วดำฉุดกระชากหมายจะปลุกปล้ำ พอดีที่แฟร้งค์กลายร่างเป็นหมาป่าขี้เรื้อนและตามไปช่วยฉู่ฉี่ไว้ได้ น้าแดงไอ้ถั่วดำจึงแจ้งพวกขุนเดช สิงห์ใหญ่และพวกแก๊งค์ คุ้ยเขี่ยให้บุกเข้าไปในตึกต้องห้าม และพบตาย้อยกับอนิรุธ แต่อนิรุธหนีไปได้และสวนกันกับแฟร้งค์หมาป่าขี้เรือนสิงห์กับใหญ่และคนอื่น ๆ คิดว่าแฟร้งค์เป็นหมาป่าขี้เรื้อน เป็นตัวที่กัดเดือนจึงตามล่าเอาชีวิตเพื่อควักหัวใจไปให้เดือนกินแต่ขุนเดชไม่ได้ตามไปแต่กลับจับอนิรุธที่ร่างกายอ่อนแอหลบซ่อนตัวอยู่บริเวณหน้าตึก ต่อมาฉู่ฉี่คิดว่าแฟร้งค์เป็นหมาป่าขี้เรื้อนจึงมาพบตาย้อยเพื่อให้ช่วยรักษา แต่อนิรุธถูกขุนเดชจับตัวไป ฉู่ฉี่กับ ตาย้อย จึงแอบเข้าไปช่วยอนิรุธออกมาได้ ขุนเดชรู้โกรธมากจึงกลายร่างเป็นหมาป่าและตามล่าตัวอนิรุธ ส่วนสิงห์กับใหญ่ก็ตามล่าแฟร้งค์หมาป่าขี้เรือนอย่างกระชั้นชิด แล้วสิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้นเมื่ออนิรุธที่ร่างกายอ่อนแอกับแฟร้งค์หมาป่าขี้เรือนวิ่งชนกันจังเบ้อเริ่มและกลายร่างเป็นหมาป่าที่ทั้งสูงทั้งใหญ่และน่ากลัว ทำให้ฉู่ฉี่ถึงกับตะลึงกับภาพที่เห็นสิงห์กับใหญ่จำหมาป่าขุนเดชได้และรู้ความจริงว่าขุนเดชคือหมาป่าที่ตัวเองล่าอยู่
Beautiful Wonderful Perfect เอ๋อเหรอ (2548/2005) หนูชื่อ “ลูกแก้ว” (เกรซ นวรัตน์) มีพ่อชื่อ “ปรีชา” (ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง) เป็นหัวหน้าพนักงานขับรถทัวร์ แม่ชื่อ “วรรณ” (ปุ๊กกี้ ปริศนา) เป็นแม่บ้าน บ้านของหนูเปิดเป็นร้านขายรองเท้า หนูจึงมีรองเท้าใหม่ใส่อยู่บ่อยๆ แม่วรรณของหนูเป็นแม่ที่ใจดีที่สุดในโลก ไม่เคยดุด่าหนูเลย แต่พ่อปรีชาของหนูจะเป็นคนดุ ดุจนหนูกลัว และบางครั้งแม่ก็จะทะเลาะกับพ่อ เพราะทนที่พ่อตีหนูไม่ไหว พ่อจะชอบสั่งให้ลูกแก้วทำนู่นทำนี่ตามที่พ่อต้องการ หนูไม่เข้าใจแต่หนูก็ไม่เคยขัดคำสั่งพ่อ เพราะแม่จะสอนหนูอยู่ตลอดให้รักและเชื่อฟังพ่อ และหนูก็คิดอยู่เสมอว่าพ่อปรีชาของหนูไม่ใช่พ่อที่ดุที่สุดในโลกหรอก หนูมีเพื่อนสนิทชื่อ “ต๋อง” (อาร์มี่ วีรภักดิ์) ต๋องมีพ่อชื่อ “สำรวย” (โหน่ง ชะชะช่า) ซึ่งใจดีมากๆ ไม่เคยดุด่าต๋องเลย “แม่แอ๋ว” (ยู่ยี่ อลิสา) ของต๋องก็สวยและใจดีพอๆ กับแม่วรรณของหนู บ้านของต๋องจะอยู่ใกล้กับบ้านของหนู และต๋องก็เรียนอยู่ห้องเดียวกับหนูด้วย ต๋องจะเป็นเด็กพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ต๋องจะไม่ค่อยพูดมาก แต่จะยิ้ม หัวเราะ และอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา แต่หนูก็ไม่เข้าใจว่าทำไมหลายคนชอบมองต๋องด้วยสายตาแปลกๆ และมักจะเรียกต๋องว่า “ไอ้เอ๋อ” ตลอดเวลา และพ่อปรีชาก็ไม่ชอบให้หนูไปยุ่งกับครอบครัวของต๋องซะเท่าไร พ่อมักจะดุหนูอยู่เสมอเวลาที่หนูแอบไปเล่นกับต๋องว่า “ไอ้แก้ว ป๊าบอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้ไปยุ่งกับไอ้ครอบครัวปัญญาอ่อนนี่” แต่ยังไงหนูก็ยังชอบเล่นกับต๋องอยู่ดีไม่ว่าใครจะว่ายังไงก็ตาม ที่โรงเรียน เพื่อนส่วนใหญ่ก็จะดีกับหนูและต๋อง ยกเว้นพวก “ไอ้เบิ้ม” ที่ชอบมารังแกต๋องอยู่เรื่อย แต่ไม่ต้องห่วงเพราะหนูจะช่วยเหลือต๋องทุกครั้งที่พวกไอ้เบิ้มมารังแก แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ ตอนที่หนูกับต๋องกำลังเล่นกันอยู่ที่สถานีขนส่ง ไอ้เบิ้มคนเดิมนี่แหละมันพาลูกสมุนของมันมาเพื่อแก้แค้นที่หนูไปต่อยมันตาปูด ทำให้หนูกับต๋องต้องหนีเอาตัวรอดก่อน เพราะพวกมันเยอะกว่า นั่น…ประตูช่องเก็บกระเป๋ารถทัวร์เปิดอยู่ สองขาของหนูเร็วเท่าความคิด หนูคว้าแขนต๋องหลบเข้าช่องเก็บกระเป๋านั้นทันที ไม่กี่นาทีถัดมา ช่องประตูนั้นก็ถูกปิดลง ความมืดเข้าครอบงำ และแล้วอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมา หนูกับต๋องก็ถูกพาหลงมาผจญภัยในกรุงเทพฯ กันแค่สองคน แรกๆ หนูก็เฉยๆ นะ ไม่รู้สึกกลัวอะไร จนกระทั่งหนูกับต๋องโดนพวกคนใจร้ายจับมาขังไว้ แถมยังใช้ให้เดินขายผลไม้แถวชายหาดพัทยาอีก แค่นั้นยังไม่พอ พวกมันยังบังคับให้หนูกับต๋องขึ้นโชว์ชกมวยให้พวกฝรั่งที่มาเที่ยวบาร์ดูอีก ถ้าไม่เชื่อฟัง พวกมันก็จะทำร้ายพวกหนู…โหดร้ายที่สุดในโลก หนูต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อช่วยต๋องและเพื่อนๆ ที่ถูกจับตัวมาซะแล้ว แต่ลำพังเด็กตัวเล็กๆ อย่างหนูจะไปสู้แรงพวกผู้ใหญ่หน้าซื่อใจร้ายพวกนี้ได้ยังไงกัน แต่เอ๊ะ…นั่นไม้ขีดไฟในมือของต๋องนี่นา ได้การล่ะ เผาบ้านมันซะเลย ใจร้ายกับพวกหนูดีนัก พวกเราหนีเร็ว…ววว แล้วมาดูกันว่าเหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อไป… หนูกับต๋องและพรรคพวกจะเอาตัวรอดกันได้มั้ย พวกผู้ใหญ่ใจร้ายจะโดนลงโทษยังไง และจะมีใครมาช่วยพวกหนูทันหรือเปล่า ยังไงลูกแก้วกับต๋องต้องขอกำลังใจจากพี่ๆ ด้วยนะคะ มนุษย์ทุกคนย่อมมีคุณค่าของความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน ไม่มีใครจะได้รับสิทธิพิเศษที่แสดงว่าตนเองนั้นมีคุณค่าความเป็นมนุษย์เหนือผู้อื่น และแน่นอนมนุษย์ทุกคนย่อมต้องการให้ผู้อื่นได้ประจักษ์ถึงคุณค่าและความมีอยู่ของตนเอง