บริษัท ดีด้า วิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
เรื่องย่อ : กุลาแสนสวย (2567/2024) พระราชธิดาของกษัตริย์นครโรมวิสัยประสูติได้มีเรือนไม้เล็กๆ ติดมือออกมาด้วย เมื่อพระธิดาเจริญวัยขึ้น เรือนไม้นี้ก็โตขึ้นตาม ดังนั้น พระบิดาจึงตั้งชื่อพระธิดาว่า โสนน้อยเรือนงาม เมื่อโสนน้อยเรือนงามโตขึ้น โหรทูลว่านางกำลังมีเคราะห์ ควรให้ออกไปจากเมือง พระบิดาและพระมารดาจึงจำใจต้องให้โสนน้อยเรือนงามออกจากเมืองไปโดยลำพัง ด้านพระอินทร์มีความสงสารนาง จึงแปลงร่างเป็นชีปะขาวมามอบยาวิเศษสำหรับรักษาคนตายให้ฟื้นได้ เมื่อโสนน้อยเรือนงามพบนางกุลาถูกงูกัดตายในป่า นางจึงนำยาของชีปะขาวมารักษานางกุลา ดังนั้นนางกุลาจึงขอเป็นทาสติดตามโสนน้อยเรือนงามไปด้วย
เรื่องย่อ : ขวัญหล้า (2567/2024) “เจ้าหล้า” หรือ “สูรย์” (เกียรติภูมิ บันลือชัยฤทธิ์) เป็นลูกชายของ “เจ้าแสนฟ้า” (พงษ์ประยูร ราชอาภัย) ซึ่งถูก “เจ้าแสนเมือง” (ฐปนัท สัตยานุรักษ์) ผู้เป็นอาจับตัวไป เพื่อบังคับให้บอกที่ซ่อนของกำไลขวัญหล้ากับคทาทองคำ เพราะผู้ที่จะปกครองผาหลวงได้นั้น ต้องมีกำไลขวัญหล้ากับคทาทองคำเป็นเครื่องหมายแสดงอำนาจและเกียรติยศอย่างถูกต้อง เจ้าแสนฟ้าให้ “คำปัน” (กรุงนคร โชติไสว) ข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์พาเจ้าหล้าหนีการไล่ล่าจากคนของเจ้าแสนเมือง โดยมี “ฟองฟ้า” (ศิตา ชุติภาวรกานต์) หนีตามมาด้วย “เลียง” (สุระ มูรธานนท์) พ่อของฟองฟ้าเอาชีวิตเข้าแลก และขอร้องให้เจ้าหล้าช่วยดูแลฟองฟ้า ฟองฟ้าจึงสำคัญตัวว่าเธอคือคู่หมั้นของเจ้าหล้ามาโดยตลอด “แก้ว” หรือ “ปานแก้ว” ในวัย 8 ขวบ ที่วิ่งหนี “พวง” (ประถมาภรณ์ รัตนภักดี) ป้าใจร้าย เข้ามาในป่า แล้วพบกลุ่มเจ้าหล้าที่กำลังหนีคนของเจ้าแสนเมือง แก้วจึงช่วยหาเรือให้ทั้งหมดข้ามฝั่งไปได้ เจ้าหล้าจึงกระตุกกระดุมทองที่เสื้อส่งให้แก้วเป็นสินน้ำใจ และหวังว่าสักวันจะได้พบกับแก้วเด็กที่มีน้ำใจคนนี้อีกครั้ง จากนั้นพวงก็ตามมาเจอแก้ว แล้วจับตัวแก้วพาไปทำงานใช้หนี้ “พ่อนายฝางคำ” (รชชงค์ บุนนาค) และ “แม่นายสารภี” (มุกดา มีเพียร) ที่ ไร่ฝางคำ ขณะที่แก้วอยู่ที่ไร่ฝางคำ ได้พบกับชายสูงอายุที่ถูกขังอยู่ในห้องขังมืด มีเพียงช่องลมด้านบนไว้สำหรับส่งข้าวน้ำได้ ชายสูงอายุห้ามแก้วบอกใคร แก้วจึงทำได้แค่แอบส่งอาหารให้ด้วยความสงสาร จน แก้ว (คริษฐา สังสะโอภาส) อายุได้ 15 ย่าง 16 ปี แม่นายสารภีบอกแก้วว่าป้าพวงเอาเงินมาใช้หนี้แล้ว และจะให้แก้วไปอยู่กับ “คุณนายทองเย็น” (ปิยะดา เพ็ญจินดา) ที่กรุงเทพฯ แต่ก่อนที่พวงจะมารับ แก้วได้แอบไปพบชายสูงอายุเป็นครั้งสุดท้าย ชายสูงอายุขอร้องให้แก้วช่วยไปขุดเอากำไลที่ฝังไว้ และให้แก้วสวมติดมือไว้ เพื่อมอบให้คนที่เรียกแก้วว่า “ขวัญหล้า” และห้ามแก้วบอกเรื่องนี้กับใคร เมื่อแก้วมาอยู่ที่บ้านคุณนายทองเย็น แก้วสวมกำไลติดตัวตลอดเวลา และหวังว่าจะมีใครสักคนเรียกเธอว่าขวัญหล้า และช่วยพาเธอออกไปจากบ้านของคุณนายทองเย็น ขณะที่ “ทรงวิทย์” (พสธร ทรงถาวรทวี) ที่แอบรักแก้วอยู่ ได้จังหวะบุกเข้าไปหาแก้วถึงในห้อง แก้วตกใจกระโดดหนีทรงวิทย์ออกมาทางหน้าต่าง แก้วไม่รู้ตัวว่ากำไลขวัญหล้าตกอยู่ในห้อง ด้าน “บัวเรียว” (ลักษิกา สมบูรณ์) ที่เดินทางมาพร้อมกับแก้ว เข้ามาเห็นรีบเก็บกำไลขึ้นมาใส่ด้วยความดีใจ ส่วนแก้วที่กระโดดหนีออกมา ร่างได้ตกลงมาหาสูรย์ที่กำลังเดินผ่านมาแถวนั้นพอดี ทั้งสองจำกันไม่ได้ เพราะเวลาผ่านไปหลายปี สูรย์ช่วยแก้วไว้ และพาแก้วมาพักอยู่ที่บ้าน เมื่อฟองฟ้าได้พบแก้วเธอเกลียดแก้วทันที ฟองฟ้าเกลียดผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้สูรย์ เกลียดทุกอย่างที่สูรย์รัก เพราะเธอต้องการให้สูรย์รักเธอคนเดียว สูรย์จะให้แก้วเรียนหนังสือกับคุณ “ปิยะนาถ” (อภิสรา วงศ์ทัศนีโย) แก้วขอร้องสูรย์ว่าขอเปลี่ยนชื่อ และให้บอกทุกคนว่าเธอชื่อ “ขวัญแก้ว” เพราะกลัวว่าจะมีคนรู้จักชื่อปานแก้วที่อยู่บ้านคุณนายทองเย็น แก้วไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเธอมาจากที่นั่นซึ่งเป็นสถานที่ไม่ดี สูรย์ได้พบบัวเรียว ที่สวมกำไลขวัญหล้า ทำให้สูรย์เข้าใจผิดเรียกบัวเรียวว่า ขวัญหล้า แต่บัวเรียวไม่ได้สนใจ ทางด้านแก้วเมื่อรู้ว่ากำไลหายไป ก็ให้ “เปรม” (จารุศิริ ภูวนัย) คนที่คอยช่วยเหลือแก้วตอนที่อยู่บ้านทองเย็น ช่วยค้นหาจนแย่งกำไลคืนมาจากบัวเรียวได้ บัวเรียวมีโอกาสพบสูรย์อีกครั้ง บัวเรียวจึงบอกสูรย์ว่าชื่อขวัญหล้า สูรย์ดีใจเพราะเคยเห็นบัวเรียวใส่กำไลขวัญหล้า ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่จะพาไปหาคทาทอง เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามได้ในละคร “ขวัญหล้า” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 19.00 น. เริ่มตอนแรกวันอังคารที่ 4 มิถุนายนนี้ ทาง ช่อง 7HD ดูทีวีกด 35 สดออนไลน์ BUGABOO.TV และช่องทางออนไลน์ Facebook, IG, X, TikTok, YouTube: Ch7HD เว็บไซต์: http://www.ch7.com
มนตราตะเกียงแก้ว (2566/2023) เมื่อโลกเวทมนตร์กำลังจะถูกแม่มดฝ่ายดำทำลาย มีเพียงพลังจากตะเกียงแก้วเท่านั้นที่จะช่วยได้ ทว่ามันกลับหายไปอยู่กับ "เรนี่" ลูกครึ่งมนุษย์กับแม่มด จึงเป็นหน้าที่ของ "วิล" พ่อมดหนุ่มที่ต้องตามหาตะเกียงแก้ว ความใกล้ชิดก่อเกิดเป็นความรัก แต่มีอุปสรรคสำคัญ..เพราะเธอมีพลังมนตร์ดำอยู่ในตัว! (ที่มา : bugaboo.tv)
เรื่องย่อ : โกมินทร์ผู้กล้า (2566/2023) ณ เมืองกุสินคร มีพระราชานามว่า "โกสุทัม" และพระมเหสีนามว่า "ฉวีวรรณ" ทั้งสองพระองค์มีพระโอรสถึงสามพระองค์ คนโตนามว่า "โกเมศ" คนรองคือ "โกมล" และน้องเล็กสุดท้องที่ทรงฤทธานุภาพเพราะตอนแรกเกิด ได้มีของวิเศษติดตัวมาด้วยอันได้แก่ผ้าเมาลีสีแดง และกำไลหยกที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้นามว่า "โกมินทร์" โกมินทร์แม้นว่ายังเป็นเด็กอายุเพียง 12 ปี แต่ความสามารถไม่เป็นรองใคร ความที่เก่งกล้าเฉพาะตัวและยังมีอาวุธวิเศษ ทำให้โกมินทร์ไม่เกรงกลัวผู้ใด ทำให้เป็นที่ริษยาของอำมาตย์นามว่า อภิมัน ส่วนโกเมศและโกมล พระราชาโกสุทัมได้ส่งไปศึกษาวิชากับพระดาบสเพื่อจะได้มีความเก่งกล้าสามารถทัดเทียมกับน้องชาย แต่โกมินทร์กลับคิดไปว่าพ่อไม่รักจึงไม่ส่งตนไปเรียนเหมือนกับพี่ทั้งสอง วันหนึ่งโกมินทร์กับเพื่อนนามว่า มัสกา ซึ่งก็เป็นลูกชายของอำมาตย์อภิมันนั่นเอง ได้ไปเที่ยวแถวชายทะเล แล้วไปพบกับอัคคี บุตรชายของกะโตหน พญานาคราชแห่งเมืองใต้บาดาล เกิดการเขม่นกันขึ้น จนถึงขั้นต่อสู้กัน อัคนีพ่ายแพ้ถูกโกมินทร์ฆ่าตาย แล้วตัดขนดหางไป เมื่อกะโตหนรู้ว่าบุตรชายถูกฆ่าตาย ก็พาทหารเอกคือนัคคา บุกมาถึงเมืองกุสินคร ขู่บังคับให้โกสุทัมส่งโกมินทร์มาให้ตนลงโทษ โกสุทัมเกรงกลัวอำนาจกะโตหน จึงคิดจะส่งโกมินทร์ให้ แต่โกมินทร์ไม่ยอม ทำแสร้งเป็นหนีไป กะโตหนออกไล่ล่าโกมินทร์ แล้วเกิดการสู้รบกันบนเขาไกรลาศ กะโตหนพ่ายแพ้แก่โกมินทร์ จนร่างกายต้องกลายเป็นงูเขียวธรรมดาไป โกมินทร์พางูเขียวกะโตหนมาเฝ้าโกสุทัม แล้วให้กะโตหนสาบานว่า จะไม่คิดมารุกรานเมืองกุสินครอีก จากนั้นโกมินทร์จึงปล่อยตัวกะโตหนกลับไป โกสุทัมดีใจที่ลูกชายสามารถปราบพญานาคราช ทุกคนปลื้มกับโกมินทร์ ยกเว้นอภิมันที่เจ็บแค้นโกมินทร์ เพราะคิดว่าโกมินทร์คือต้นเหตุที่ทำให้มัสกาบุตรชายถูกนัคคาฆ่าตาย ในระหว่างที่ โกมินทร์แสร้งทำเป็นหนีกะโตหนไปเขาไกรลาศ จึงเก็บความแค้นเอาไว้ตลอดมา (Source: inter.bugaboo.tv)
ป้อมปางบรรพ์ (2565/2022) ทุกคืน เข็มหอม (ชรินพร เงินเจริญ) จะฝันว่าตื่นขึ้นในนครโบราณ ท่ามกลางสงคราม และเหตุการณ์อันเลือนรางของ เมือง (รพีภัทร เอกพันธ์กุล) แสน (กรรญกฤต อรรควงษ์) คำแก้ว (ปาณิชดา แสงสุวรรณ) และ เอื้องฟ้า (สิรินทร์ ก่อเกียรติ) ผู้คนที่เธอไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต เข็มหอมไปที่บ้านของ เลอสรรค์ (อัมรินทร์ สิมะโรจน์) เห็นกลุ่มโจรกำลังขโมยวัตถุโบราณ จึงรีบเข้าไปห้ามจนถูกทำร้าย แต่ แดนธรรม (อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์) ลูกชายของเลอสรรค์ เข้ามาช่วยเธอไว้ได้ เข็มหอมรู้สึกเหมือนรู้จักแดนธรรมมานาน เธอสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดในใจของเขา มันเป็นความรู้สึกเดียวกับที่เธอมีต่อ อินทนิล (ญาณิศา ธีราธร) พี่สาวของเธอ บุริศร์ (ตากเพชร เลขาวิจิตร) ผู้กำกับหนุ่มหล่อ และผู้จัดละคร ทาบทามให้อินทนิลเป็นนางเอกละครย้อนยุคสมัยล้านนา อินทนิลบังคับให้เข็มหอมตามไปด้วย กระต่าย (ศิตา ชุติภาวรกานต์) ผู้จัดการคนสนิท อยากให้อินทนิลกับบุริศร์เป็นแฟนกัน อินทนิลจะได้มีความมั่นคงในวงการบันเทิง บุริศร์ขึ้นเหนือไปถ่ายทำละครตามโบราณสถานต่าง ๆ พอเริ่มการถ่ายทำได้ไม่นาน เข็มหอมก็เริ่มสัมผัสได้ถึงดวงวิญญาณที่สถิตอยู่ในสถานที่นั้น เมฆินทร์ (พศิน เรืองวุฒิ) อดีตคนรักของอินทนิล เป็นนักค้าวัตถุโบราณ ได้แกะรอยจนพบตำแหน่งที่ซ่อนของป้อมปราการโบราณ ซึ่งเก็บสมบัติล้ำค่าของแผ่นดินประเมินมูลค่าไม่ได้ ขณะที่ทุกคนกำลังตะลึงกับสมบัติ ทันใดนั้นเมืองก็ปรากฎร่างขึ้น ลูกน้องเมฆินทร์ถูกเมืองฆ่าตาย ขณะที่เมฆินทร์หนีเอาชีวิตรอดไปได้ ผู้กอง จอมพล (นนทพันธ์ ใจกันทา) เพื่อนสนิทของแดนธรรม และ จ่าจืด (เต่า เชิญยิ้ม) เข้ามาช่วยสืบคดี แต่ก็ไม่พบเบาะแสของคนร้าย แดนธรรมอยากหาคำตอบว่าทำไมพ่อของเขาถึงต้องเดินทางมาที่นี่ ตลอดเวลาที่แดนธรรมได้ใกล้ชิดกับเข็มหอม ความรู้สึกขุ่นเคืองที่มีต่อเข็มหอมค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความห่วงใย ขณะที่อินทนิลยังคงกีดกันแดนธรรม และเข็มหอมไม่ให้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน โดยที่เธอไม่รู้ตัวว่าทำไมถึงเคียดแค้นแดนธรรมมากขนาดนี้ ย้อนหลังไปในพุทธศักราช ๒๐๕๘ กองทัพกรุงศรีอยุธยายกทัพตีเมืองเขลางค์นคร แสนทหารเอกแห่งเมืองเขลางค์นครรู้ดีว่า ศึกครั้งนี้แทบไม่มีโอกาสชนะ เขาจึงใช้ไสยศาสตร์ทำพิธีฆ่าผู้คนให้เป็นผีเฝ้าป้อมปราการรักษาสมบัติบ้านเมืองไว้ เมืองคือหนึ่งในคนที่ถูกฆ่า ก่อนที่เมืองจะตาย เขาสาปแช่งและจองเวรจองกรรมกับแสนไปทุกชาติภพ ด้านเอื้องฟ้าลูกสาวของแม่ทัพ ท้าวแสงคำ (พงศนารถ วินศิริ) โกรธแค้นที่ต้องพ่ายแพ้ให้แก่ คำแก้วหญิงสาวชาวบ้านผู้ต่ำศักดิ์ เธอทนเห็นคำแก้วมีชีวิตอยู่เพื่อเหยียดหยามน้ำใจเธอมิได้ เอื้องฟ้าเข้าไปทำร้ายตบตีและจ้วงแทงคำแก้วอย่างขาดสติ คำแก้วผวาเฮือกสุดตัว ผลักเอื้องฟ้ากระแทกแง่งหิน คมหินทิ่มทะลุหัวใจเอื้องฟ้าขาดใจตายคาที่ คำแก้วคลานไปกอดลูกน้อยที่เพิ่งคลอดไว้แนบอกแล้วขาดใจตาย แดนธรรม เข็มหอม อินทนิล บุริศร์ จอมพลและจ่าจืด พยายามหาทางส่งดวงวิญญาณเมืองให้ไปสู่สุขติ แต่ความอาฆาตแค้นของเมืองไม่เคยจางหายไป เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามชมกันต่อได้ในละคร ป้อมปางบรรพ์
เรื่องย่อ : ธิดาวานร (2564/2021) เจ้านันตะทร หัวหน้าชนกลุ่มน้อยทางเหนือ กับเจ้านางทรายคำ ซึ่งเล่าลือว่ามีทรัพย์สมบัติมหาศาล ทำให้สะมะแอ คนสนิท กับ แสนไท ลูกชายจอมโลภ ฆ่าเจ้านันตะทร แล้วบังคับให้เจ้านางทรายคำบอกที่ซ่อนสมบัติ แต่เจ้านางทรายคำหนีมาได้ และนำลูกสาววัยแบเบาะใส่แพลอยน้ำไปพร้อมตุ้มหูเพชร และล็อกเกตสลักชื่อ "MENGKALIA" (เมงกาเลีย) ดำรงกับบัวบาน เศรษฐีสามีภรรยาที่เพิ่งกลับจากไปบนบานขอลูก เห็นเด็กลอยมาที่ลำธารเลยช่วยเหลือไว้ โดยเรียกหนูน้อยว่า เมงกาเลีย ตามล็อกเกต พร้อมตั้งชื่อจริงว่า อิยะวดี ตามป้ายที่ข้อมือ ทุกอย่างกำลังจะดำเนินไปด้วยดี แต่ดำรงกลับพลาดท่าไปได้กับนาถยา ม่ายสาวที่มีลูกติดคือ เอมฤดี นาถยาคิดฆ่าบัวบาน จึงตัดสายเบรกรถทำให้รถตกหน้าผา โชคดีที่ทรายคำช่วยชีวิตไว้ และได้รู้ว่าบัวบานคือคนที่ช่วยชุบเลี้ยงอิยะวดีลูกสาวของเธอ หลังกำจัดบัวบานได้ นาถยาก็หลอกอิยะวดีไปฆ่าที่หน้าผาอีกคน ขณะเดียวกันที่พนาพร้อมกับพ่อ พินิจ และแม่ อรุณี ซึ่งเป็นนักธุรกิจอัญมณีชื่อดัง กำลังหนีการตามล่าของมาเฟีย คำรณ พนาหลงป่ามาเจออิยะวดีที่กำลังปีนกิ่งไม้ที่ยื่นไปในเหว แต่เขาช่วยเธอไม่ทัน ทำให้อิยะวดีตกลงไปพร้อมเป้ของพนาที่มีมือถือ และเพชรชมพูที่คนร้ายตามล่าอยู่ พนาเสียใจที่ช่วยอิยะวดีไว้ไม่ได้ และคิดว่าเธอคงตายไปแล้ว แต่อิยะวดีตกไปค้างบนกิ่งไม้ก้นเหว ขณะที่ พรานเส็ง กับพวกเข้ามาจับสัตว์ไปขาย แม่ลิงตัวหนึ่งโดนยิงบาดเจ็บและโดนแย่งลูกไป แม่ลิงนั่งเสียใจและได้ยินเสียงเด็กร้องไห้จึงไปช่วยและพาไปไว้ในถ้ำ แม่ลิงได้เลี้ยงอิยะวดี ซึ่งอิยะวดีก็รักแม่ลิงเรียกแม่ลิงว่า แม่มา ด้านพนาหลังจากที่เขาออกจากป่ามาได้ เขาลองโทรศัพท์เข้าหาเบอร์ของตนเอง ซึ่งมีการกดรับสาย แต่เสียงที่ตอบกลับมาเป็นเสียงลิงและเสียงเด็กพูดมาว่า แม่มา แม่มา พนาพยายามพูดเพื่อจะได้รู้ว่าเป็นใคร แต่ก็ไร้ผล ทรายคำที่กลายร่างเป็นเสือสมิงเพราะยอมตกเป็นเหยื่อโดนเสือกิน เพื่อช่วยให้บัวบานรอดพ้นจากเสือ แต่บัวบานกลับถูกสะมะแอและแสนไทจับตัวไป โดยให้ทำหน้าที่ดูแล มะเมี้ยะ หลานสาวของเขา ที่ตั้งใจว่าจะใช้เธอเป็นเครื่องบูชายัญ ในการเปิดทางเข้าเมืองอัญมณี เมื่อเธออายุครบ 18 ปี วันเวลาผ่านไป อิยะวดีเติบโตขึ้นเป็นสาวชาวป่าโดยมีลักษณะคล้ายลิงเพราะถูกเลี้ยงดูโดยแม่มา ส่วนพนาโตขึ้นเป็นหนุ่มที่ชอบการยิงธนู และการพิทักษ์ป่าเขา สัตว์ป่า วันหนึ่งเมื่อพนาได้เข้ามาในป่า เขาได้มาเจอกับหญิงสาวที่ดูท่าทางเหมือนลิง พนาเกิดสงสัย และอยากรู้ถึงความเป็นมา จึงพยายามสื่อสารและเข้าหา พร้อมที่จะช่วยเหลือ ความผูกพันเริ่มก่อตัวเป็นความรัก แต่ตัวพนานั้นก็ยังมีอรุณีที่เฝ้าคอยตามติด เพราะหวังที่จะได้เขามาเป็นคนรัก พนาขอคำปรึกษาจาก บุราณ นักโบราณคดีเพื่อนสนิท เรื่องอิยะวดีรวมถึงเรื่องเพชรชมพู เพราะเขาต้องการนำไปคืนที่เมืองอัญมณี บุราณพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับเมืองอัญมณี พร้อมกับเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับความฝันของเขา ที่มักจะฝันเห็นผู้หญิงผมยาว และชายในเครื่องแบบนักรบโบราณที่มีหน้าตาคล้ายกับเขาราวกับฝาแฝด พนาและบุราณจึงตัดสินใจ เข้าป่าเพื่อสืบหาเรื่องราวทั้งหมด การเดินทางที่เต็มไปด้วยความอันตราย ความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นจนกลายเป็นความรัก จะนำพาทุกคนให้เจอกับบทสรุปเช่นไรต้องติดตาม
เรื่องย่อ : ตุ๊กตา (2564/2021) สุวภาพ (อาภา ภาวิไล) สาวสวยที่ตกพุ่มม่ายในวัย 28 ปี เมื่อสามี หิมวัต (พลพจน์ พูลนิล) ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในวันที่สุวภาพคลอดลูก เหตุการณ์นั้นทำให้เธอกลายเป็นคนเจ้าทุกข์ ไม่มั่นคงทางอารมณ์ โชคดีที่หิมวัตทิ้งมรดกไว้ให้ ประกอบกับมีเงินพ่อของเธอซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ทำให้ครอบครัวของเธอที่ยังมีแม่ และลูกสาววัย 5 ขวบ คือ น้องบู หรือ ด.ญ.บูรณา (ด.ญ.ปณิริน ธรรมวัฒนะ) ไม่ต้องลำบากมาก น้องบูเติบโตมาโดยได้รับอิทธิพลความเศร้าจากแม่ ทำให้เป็นเด็กเงียบขรึม ไม่ร่าเริง จนได้ตุ๊กตาน่ารักตัวหนึ่งมา น้องบูดูมีชีวิตชีวาขึ้น และผูกพันกับตุ๊กตามาก แต่น้องบูมักจะพูดคนเดียว ตัสสา (ชาคริต บุญสิงห์) ชายหนุ่มที่มาติดพันสุวภาพ บอกว่าเป็นธรรมดาของเด็ก แรก ๆ สุวภาพก็คล้อยตาม แต่เหตุการณ์แปลก ๆ ที่เกิดขึ้นทำให้เธอและ กอง (รุ้งลาวัลย์ โทนะหงษา) สาวใช้ เริ่มหวาดกลัว คงมีแต่ สุดา (ปิยะดา เพ็ญจินดา) แม่ของเธอ ที่ไม่กลัว น้องบูมีพฤติกรรมแปลก ๆ เรียกตุ๊กตาว่า "พี่ตุ๊กตา" และทำเหมือนตุ๊กตาตัวนั้นมีชีวิต สุวภาพกลัวลูกเป็นอันตราย และกลัวผี เธอจึงนำตุ๊กตาไปทิ้งที่กองขยะ และบังเอิญ ด.ญ.พรรษา (ด.ญ.รัญชนา รงควิลิต) และ ใบทอง (จาด้า อินโตร์เร) น้าของเธอ มาเจอจึงนำกลับไปบ้านด้วย ซึ่งพรรษามีลุงชื่อ พันชั่ง (กิตตน์ก้อง ขำกฤษ) วิศวกรรูปหล่อ เป็นผู้เลี้ยงดู เพราะพ่อแม่ของพรรษาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เมื่อนำตุ๊กตาไปไว้ที่บ้านก็เกิดเหตุการณ์แปลก ๆ พรรษาเริ่มเก็บตัว ชอบพูดคนเดียว มีเสียงเหมือนคนเดินรอบบ้าน และมีเสียงภาษาแปลก ๆ ว่า "แม..แม..เอิว..นังล็อบ..ปะเตีย..นังล็อบ..ปะเตีย หนูอยากกลับบ้าน" ชวนขนหัวลุก พรรษาพาตุ๊กตาไปโรงเรียนด้วย ทำให้น้องบูและพรรษาแย่งตุ๊กตากัน สุวภาพเชื่อว่าตุ๊กตาตัวนั้นมีผีสิงหรือมีมนตร์ดำ พันชั่งพยายามหาทางออกให้เรื่องนี้ เขาไม่เชื่อว่ามีผี แต่เชื่อว่าอาจจะมีสาเหตุบางอย่าง สุวภาพต้องการให้พันชั่งเอาตุ๊กตาตัวนั้นไปจากบ้านเธอ แต่พันชั่งสงสารบูรณาจึงปฏิเสธ ทั้งสองมีปากเสียงกัน ขณะเดียวกันเรื่องราวเหล่านี้ก็ทำให้ทั้งสองเริ่มผูกพันกันโดยไม่รู้ตัว เรื่องราวของ ตุ๊กตา จะดำเนินต่อไปอย่างไร ? จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นหลังจากนี้ ? สิ่งที่สิงอยู่ในตุ๊กตาใช่ผีหรือไม่ ? และสองครอบครัวที่ต่างเจอเรื่องลี้ลับจะกลับมาสงบสุขอีกครั้งได้อย่างไร ? ติดตามและร่วมลุ้นทุกเหตุการณ์ได้ในละคร ตุ๊กตา ที่ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 HD กด 35 และ Facebook Live Fanpage : Ch7HD หรือรับชมย้อนหลังได้ทาง BUGABOO.TV ละคร ตุ๊กตา เริ่มตอนแรกวันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม 2564
เรื่องย่อ : ปีกหงส์ (2563/2020) ทินภัทร (บิ๊กเอ็ม กฤตฤทธิ์) ชายหนุ่มผู้เงียบขรึม เสียใจ เมื่อ มะปราง (แนท ณัฐชา) สาวคนรัก ต้องไปแต่งงานกับ แม็ค (แอนดรูว์ กรเศก) หนุ่มเจ้าหนี้ ตัวเองจึงหนีช้ำไปอยู่ต่างประเทศ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องกลับมาบ้านที่ลำปาง เพื่อร่วมงานศพ อรนุช (พลอย รัญดภา) น้องสาวสุดที่รักเพียงคนเดียวของเขา ทินภัทร เสียใจมากเมื่อรู้ว่าน้องสาวฆ่าตัวตายหลังจากหมั้นกับ ศิโรจน์ (อ้น กรกฎ) ได้ไม่นาน และคนสุดท้ายที่หญิงสาวไปพบก็คือคู่หมั้นหนุ่มของเธอ แต่เมื่อเขาถาม ศิโรจน์ ถึงวันที่เกิดเรื่อง กลับไม่ได้คำตอบใด ด้าน เทวี (ต้อม รชนีกร) แม่ของ ศิโรจน์ บังคับให้ลูกชายไปงานเผาศพ อรนุช เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ พร้อมทั้งหาทางจับ ลินิน (เปรี้ยว ทัศนียา) ม่ายสาวมหาเศรษฐีที่ ศิโรจน์ หลงหัวปักหัวปำ ลินิน เด็กกำพร้า ขาดความรักและอยู่อย่างทุกข์ตรม เธอจึงใช้ความสวยพาไปสู่จุดหมาย ลินิน แต่งงานสองครั้งกับเศรษฐี แต่สามีทั้งคู่เสียชีวิตในวันแต่งงาน เธอจึงไม่เคยเข้าหอกับใคร แต่ได้ครอบครองทรัพย์สินของสามีจนร่ำรวย เป็นม่ายสาวที่เนื้อหอมที่สุด ลินิน หว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชายทุกคนที่มาสนใจ เพราะเธอชอบให้มีคนมารักมาก ๆ เพื่อทดแทนความรักจากครอบครัวที่ไม่เคยมี ทินภัทร สืบรู้ว่า ศิโรจน์ มาติดพัน ลินิน เลยบอกเลิก อรนุช จนน้องสาวของเขาฆ่าตัวตาย และ ละม่อม แม่ของเขาต้องกลายเป็นอัมพาต ทำให้เขาแค้น ลินิน มาก ทินภัทร เอาตัวมาใกล้ชิด ลินิน แต่ไม่หลงเสน่ห์เธอ ทำให้ ลินิน ท้าทายอยากเอาชนะ และถลำใจรักเขาโดยไม่รู้ตัว ด้านชายหนุ่มเอง เขาก็รู้สึกหวั่นไหวไปกับ ลินิน แต่ต้องพยายามหักห้ามจิตใจเอาไว้ เมื่อความแค้นมาถึงจุดพีก ทินภัทร ก็พา ลินิน มาไว้ที่กระท่อมกลางป่า เขากลายเป็นคนป่าเถื่อนทารุณเธอทั้งร่างกายและจิตใจ ลินิน พยายามถามถึงสาเหตุ แต่ ทินภัทร ก็ไม่ยอมบอก ต่อมา ลินิน เริ่มอาเจียนและเวียนศีรษะ ทำให้รู้ว่าเธอกำลังตั้งท้อง !! ชีวิตของ ทินภัทร กับ ลินิน จะเดินต่อไปทางไหน ความรักแท้ที่มีให้ต่อกัน แต่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ในใจ จะทำให้พวกเขาปรับความเข้าใจกันได้หรือไม่.... ติดตามชมและเป็นกำลังใจให้กับเรื่องราวความรักของ ทินภัทร และ ลินิน ได้ในละคร ปีกหงส์ ได้ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.20 น. ทางช่อง 7HD กด 35 ละคร ปีกหงส์ เริ่มตอนแรกวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม 2563
เรื่องย่อ : วิมานมนตรา (2563/2020) ณ เรือนที่มีแต่อดีต ณ เรือนที่มีความตาย ณ เรือนที่การรอคอยกำลังจะสิ้นสุด เพราะการถูกชายคนรักทรยศ เธอจึงทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดศัตรูหัวใจ มิหนำซ้ำ เธอยังทำพิธีสะกดวิญญาณคนรัก และเซ่นสังเวยด้วยเลือดสาวที่บริสุทธิ์ เพื่อให้ตนมีชีวิตอยู่ยงคงกะพัน รอคอยร่างที่เหมาะสมเป็นร่างใหม่ของวิญญาณคนรักอีกครั้ง โดยเธอไม่รู้เลยว่า ความทุกข์ทรมานกำลังรอคอยอยู่เบื้องหน้า และเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายกำลังจะมาทวงคืน ราวปี พ.ศ. 2452 “เดือนดารา” หญิงขายบริการผู้เลอโฉม เป็นที่หลงใหลกับชายที่ได้พบเห็น พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก และถูกป้ากับลุงบังคับให้ทำงานเป็นหญิงขายบริการอยู่ที่สำนักโคมเขียวแถวเยาวราช หรือ“ไชน่าทาวน์”ในขณะนั้น ความสวยของเธอทำให้ “คุณแสง” ขุนนางใหญ่ผู้หนึ่งซื้อตัวไปและจดทะเบียนสมรสยกย่องเธอเป็นภรรยา และสร้างที่พักใหม่ให้ บรรดาบ่าวรับใช้ต่างไม่ชอบเดือนดารา ต่อว่าเป็นหญิงขายบริการและพากันดูถูก ต่างเรียกเรือนพักของเดือนดาราว่า “เรือนคณิกา” ซึ่งแปลว่าหญิงขายบริการ ภายในหมู่บ้านซึ่งอยู่ไม่ห่างกันนักมี “ลุงสำลี” เป็นผู้มีวิชาอาคมแก่กล้า และมักทำพีธีบูชาทุกๆ วันขึ้น 15 ค่ำ หนุ่มสาวภายในหมู่บ้านพากันล้มตาย ชาวบ้านเชื่อว่าลุงสำลีเป็นผู้นำวิญญาณของเด็กสาวที่เสียชีวิตไปจึงพากันขับไล่ออกจากหมู่บ้านโดนรุมทำร้ายจนสะบักสะบอมพร้อมกับเผาบ้านจนมอดไหม้ไร้ที่อยู่ เดือนดาราให้คนขับรถพาไปเยี่ยมน้องชายผ่านมาเห็นสำลีสลบอยู่ข้างทางจึงช่วยชีวิตเอาไว้ และพากลับมาที่เรือนพักเพื่อรักษาตัว เดือนดาราเริ่มเห็นว่าลุงสำลีมีวิชาอาคมติดตัวเพราะช่วยเหลือ สนบ่าวคนหนึ่งของคุณแสงที่ถูกงูกัดเสียชีวิตฟื้นขึ้นมาได้เดือนดาราตัดสินใจขอคุณแสงให้รับเอาลุงสำลีเข้ามาเป็นบ่าวรับใช้ที่บ้านเพื่อเพิ่มบารมีของตัวเอง คุณแสงตกลงและตามใจการตัดสินใจทุกอย่างของเดือนดารา นับจากนั้นลุงสำลีได้กลายเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์ต่อเธอดูแลช่วยเหลือเดือนดาราทุกอย่าง สำหรับเดือนดารา คำว่า“คณิกา”กลายเป็นตราบาปติดตัวเธอมาช้านานเพราะบ่าวไพร่ในบ้านพากันแอบเรียกขาน และนินทาเสียหายไม่ให้การยกย่องนับถือ การที่ลุงสำลีเข้ามาอยู่ในเรือนทำให้เกิดสิ่งเร้นลับมากมายขึ้นที่นั่น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนถูกมนตราของลุงสำลีกำกับเอาไว้ ยายเอิบ ที่ไม่ชอบเดือนดาราอยู่แล้วจึงสนับสนุน ดาวเรือง หลานสาวของตนเพื่อให้ได้เป็นเมียน้อยของคุณแสงตามคำสั่ง คุณหญิงตรึงตรา แม่ของคุณแสงซึ่งดาวเรืองก็พยายามเสนอตัวให้คุณแสงเต็มที่แต่คุณแสงไม่ชอบดาวเรือง ไม่นานดาวเรืองก็ตายลงอย่างมีปริศนา ไอ้อ่ำ พา พลอย หลานสาวเข้ามาช่วยงานที่บ้านของคุณแสงความเป็นสาวสวยสะพรั่งของพลอยถูกใจคุณแสงเข้าอย่างจังทำให้เดือนดาราไม่พอใจอย่างมาก พลอยให้เป็นเมียคุณแสงอีกคนขณะที่พลอยนั้นไม่เห็นด้วยนักกับการเข้ามายื้อแย่งของของคนอื่นแต่ความรักที่มีต่อคุณแสงทำให้เธอโอนอ่อนแบบไม่มีทางเลือก เดือนดาราตั้งป้อมรังเกียจพลอยจนออกนอกหน้าแถม อีพริ้ง บ่าวคนสนิทหาเรื่องพลอยแทบไม่ได้หยุดหย่อน ในที่สุดคุณแสงขออนุญาตเดือนดาราเพื่อจะเอาพลอยเข้ามาเป็นเมียอีกคนโดยคิดว่าไม่ได้เป็นการเสียหายอะไรเพราะเจ้านายสมัยนั้นก็ทำอย่างนี้กันมากมาย เดือนดาราปฏิเสธทันทีว่าเธอรับ ไม่ได้อีกทั้งยังประกาศตั้งป้อมว่าจะเป็นศัตรูกับพลอยเมื่อรู้จุดประสงค์แน่ชัดของสามี เดือนดาราคอยตามคุณแสงไม่ให้ห่างตาด้านคุณแสงแสดงออกชัดเจนว่าจะเลี้ยงดูแม่พลอยถึงขนาดสร้างเรือนพักอีกหลังไว้ให้พลอยทำให้เดือนดารารู้สึกเหมือนกำลังจะโดนทอดทิ้ง ความหลังจากการถูกทารุณให้ขายบริการย้ำเตือนทำให้เธอเริ่มมองทุกอย่างในแง่ร้าย ความโกรธเกลียดภูมิหลังที่มีผู้ยัดเยียดให้ทำให้เดือนดาราทวีแรงอาฆาต ลุงสำลีรู้สึกสงสารเดือนดาราที่ถูกกระทำย่ำยีทั้งกายและใจจึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือ หลวงปู่มิ่ง หลวงปู่ที่มีผู้คนศรัทธาอย่างมากในหมู่บ้าน หลวงปู่บำเพ็ญภาวนาอย่างเคร่งครัด แนะนำพลอยหลายอย่าง และรู้ชะตากรรมของ เดือนดารา พลอย และทุกคนในบ้านขุนแสง รวมทั้งตนเป็นอย่างดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แถมยังคอยช่วยขัดขวางเวทย์มนต์หลายอย่างของลุงสำลี เดือนดาราเห็นว่าหลวงปู่มั่นคอยช่วยเหลือพลอยและทำให้แผนการหลายอย่างของเธอพังทลายจึงใช้อีพริ้งแอบเอายาพิษใส่ในอาหารที่พลอยเตรียมจะไปถวายหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นฉันท์อาหารทั้งที่รู้ดวงชะตาของตนอยู่ก่อนแล้ว ในที่สุดหลวงปู่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา เดือนดาราแสร้งทำดีกับพลอยหลายอย่างถึงขนาดแกล้งเข้าไปขวางพลอยเอาไว้ขณะที่พลอยกำลังจะถูกงูกัดเดือนดาราจึงถูกงูกัดแทนทำให้พลอยเชื่อใจ พลอยตั้งครรภ์กับคุณแสงแต่เดือนดาราไม่สามารถท้องได้ทำให้เดือนดาราแค้นพลอยมากยิ่งขึ้น หลังจากนั้นเดือนดาราจึงแอบเอาน้ำผสมยาพิษให้พลอยดื่มบอกเป็นยาบำรุงครรภ์ พลอยหลงเชื่อทำให้เธอดื่มเข้าไปแล้วเสียชีวิตอีกคน หลังจากนั้นลุงสำลีทำพิธีเก็บกักวิญญาณของพลอยไว้ในขวดแก้วเพราะเดือนดาราแค้นเคืองไม่อยากให้พลอยไปผุดไปเกิดนึกไม่ถึงว่าแมวเจ้ากรรมดันทำขวดวิญญาณหล่นแตกกระจายทำให้วิญญาณของพลอยเป็นอิสระ คุณแสงเสียใจที่พลอยตายจากไปจึงตรอมใจตายตามเดือนดาราเกรงว่าคุณแสงกับพลอยจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขจึงให้ลุงสำลีเก็บกักวิญญาณคุณแสงเอาไว้เพื่อคุณแสงจะได้อยู่กับเธอคนเดียวเท่านั้น ลุงสำลีบริกรรมคาถาจนแก่กล้าบอกให้เดือนดารารอคอยร่างที่เหมาะสมของชายหนุ่มเพื่อนำวิญญาณของคุณแสงใส่เข้าไปจากนั้นเธอกับคุณแสงก็จะได้อยู่ร่วมกันอีกครั้ง แต่การรอคอยร่างดังกล่าวอาจใช้เวลาเกือบร้อยปี และร่างของชายผู้นั้นจะต้องเป็นบุคคลที่สืบเชื้อสายของคุณแสงมาโดยแท้จริง และเจาะจงให้เกิดในวันที่ 5 เดือน 5 ปี 2515 วันทรงชัยลุงสำลีตัดสินใจทำพิธีให้เดือนดาราและตนเป็นอมตะเพื่อรอวันคืนที่จะพบชายหนุ่มตามที่เดือนดาราปรารถนาโดยใช้วิญญาณบ่าวไพร่สังเวยมนต์ดำครั้งนี้ทั้งหมด 5 คน ในคืนวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ ซึ่งได้แก่แม่เอิบ และบ่าวที่เหลือในเรือนอีก 5 คน เวลาล่วงเลยไปกว่าร้อยปี... ลุงสำลีเลื่อนบรรดาศักดิ์ให้เดือนดาราเป็น“คุณหญิงเดือน”จากคำเรียกขานของลุงสำลีเอง เดือนดาราเฝ้ารอวันจะพบชายที่เธอต้องการ เรือนคณิกาที่มีผู้คนกล่าวขวัญถึง กลายเป็น “รีสอร์ตเดือนดารา” มีผู้เข้ามาพักจำนวนมาก แต่เดือนดารายังดูสาวกว่าวัย ลุงสำลียังเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์สำหรับเธอ เดือนดารายังมีบุตรสาวที่ขอจากสถานสงเคราะห์มาเลี้ยงไว้ด้วยกัน 3 คน ตามคำทำนายของลุงสำลี ซึ่งบัดนี้โตเป็นสาว อายุย่างเข้า 25 ปี ลุงสำลีเชื่อว่าเด็กสาวทั้งสามจะเป็นส่วนสำคัญในการบูชามนต์ดำของเดือนดาราในวันข้างหน้า “วริศรา” หญิงสาวผู้มีดวงตาอันสวยงาม เชื่อว่าจะทำให้เดือนดาราเป็นผู้มีอาณุภาพกว้างไกลไปทั่ว “มารตี” มีปานแดงอยู่บริเวณกลางอก อันเป็นสัญลักษณ์แห่งเทพเจ้า “พัชรี” เป็นสาวนิ่งขรึม มีเส้นผมยาวสลวยจนใครเห็นใครทัก เชื่อว่าจะเป็นผู้ชักนำเอาบุคคลตามที่ทำนายไว้มาร่วมในพิธีได้ ทั้งสามคนถูกเลี้ยงมาอย่างดี ต่างทราบว่าไม่ได้เป็นพี่น้องกันโดยสายเลือด เพราะก่อนออกจากสถานสงเคราะห์ พวกเธออายุได้ 7 ปีแล้ว ลุงสำลีบอกกับเดือนดาราว่า หากวันใดที่หญิงสาวเหล่านั้น เข้าสู่วัยเบญจเพส พวกเธอก็จะถูกนำมาเข้าสู่พิธีบูชารายัญ พร้อมกับผู้เข้าร่วมพิธีอีก 3 คนซึ่งเป็นชาย และมีสรรพสิ่งครบตามที่ลุงสำลีต้องการ ซึ่งลุงสำลีเชื่อว่าทุกคนจะเดินทางมาบรรจบกันตามลิขิตของโชคชะตา เด็กสาวทั้งสามเรียนจบในระดับปริญญาตรีและเข้ามาช่วยเหลืองานเดือนดาราที่รีสอร์ต “วริศรา” คือพลอยกลับชาติมาเกิด เธอสวยใส ใจกล้า รอบคอบ มีสัมผัสพิเศษเกี่ยวกับวิญญาณ มักจะหลับฝันเห็นเหตุการณ์ประหลาด ชอบลุยๆ แบบผู้ชาย เป็นตัวของตัวเองสูง และไม่เคยยอมใคร เรียนจบการทำอาหาร “มารตี” รักสวยรักงาม ชอบแต่งตัวเปรี้ยว ตรงไปตรงมา คิดแบบไหนก็จะพูดออกมาแบบนั้น เป็นหญิงที่มีปานแดงอยู่บริเวณกลางอก เรียนจบทางด้านการออกแบบ “พัชรี” เป็นสาวนิ่งขรึม เรียบร้อย เชื่อคนง่าย เรียนจบทางด้านการทำดอกไม้ในงานสัมมนากับกลุ่มนักธุรกิจใจแวดวงเดียวกัน เดือนดาราพาลูกสาวทั้งสามเข้ากรุงเทพ เพื่อร่วมงานด้วย ที่นั่นทำให้วริศราได้พบกับ “ตริน” และเพื่อนชายของเขาอีก 2 คน คือ“กษมา”และ“ปกรณ์” ทั้งหมดพบกันด้วยเหตุพัชรีเกิดเป็นลมขึ้นมาขณะที่อยู่ด้านหน้างาน กลุ่มตรินจึงพากันช่วยปฐมพยาบาล วริศราไม่ค่อยถูกชะตากับตรินนัก เพราะเขาชอบพูดจากวนประสาทเธอตลอดเวลา ขณะที่กษมาถูกใจมารตี ส่วนปกรณ์ถูกใจพัชรี “ตริน” คือ เสริม น้องชายของคุณแสงที่กลับชาติมาเกิดใหม่ตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้ว่าขอให้ได้เกิดมาคู่กับพลอยซึ่งก็คือวริศราในชาติปัจจุบัน ตรินเป็นหลานชายที่สืบทอดเชื้อสายมาบรรพบุรุษของคุณแสงหลายรุ่นด้วยกัน บัดนี้เติบโตเป็นหนุ่มหล่อเหลา เรียนจบแพทย์ และอยู่ในวัยไล่เลี่ยกับลูกสาวของเดือนดารา นึกไม่ถึงว่าการโคจรมาพบกัน จะโยงใยให้ความลี้ลับมากมายติดตามมาทันทีที่พบตรินเดือนดาราถูกใจตรินอย่างมาก เพราะรูปร่างและหน้าตาที่ดูคล้ายกับคุณแสงอยู่บ้าง และเมื่อเข้าใกล้ตริน ความรู้สึกพิเศษทำให้เธอคิดว่าเขาอาจเป็นชายที่เธอรอคอยมากว่าร้อยปี เดือนดาราพยายามตีสนิทกับพวกหนุ่มๆ เพื่อชวนให้ไปพักผ่อนที่รีสอร์ตของเธอ เป็นการขอบคุณที่ช่วยดูแลปฐมพยาบาลพัชรี ดูเหมือนทุกอย่างเป็นใจเพราะพวกเขากำลังหาที่พักผ่อนหลังจากเรียนจบแพทย์ และตัดสินใจเลือกรีสอร์ตของเดือนดาราเป็นที่แรก คืนที่เข้าพัก ลุงสำลีขอให้ทั้งสามคนเขียนประวัติและวันเดือนปีเกิด สำหรับผู้พักแรม นึกไม่ถึงว่ารายละเอียดต่างๆ ในเอกสารจะทำให้ลุงสำลีพึงพอใจ เพราะพวกเขาต่างเป็นชายที่เดือนดารารอคอยให้มาเข้าทำพิธีศักดิ์สิทธิ์พร้อมๆ กับบุตรสาวนอกสายเลือดของเธอ คืนแรกที่บ้านพัก ตรินพบเครื่องเล่นวิดีโอแบบเก่า จึงเปิดดู ในนั้นเป็นภาพการทำพิธีกรรม ของชายชราในชุดคลุมสีดำ แวดล้อมด้วยเครื่องบูชาหลากหลาย ตรินคิดว่ารายละเอียดในนั้น เป็นเพียงหนังที่ทางรีสอร์ตมีให้ผู้เข้าพักไว้ดู พอสอบถามจากลุงสำลีกลับได้รับคำตอบว่า เป็นวิดีโอรุ่นเก่า เอาไว้โชว์นักท่องเที่ยว และในอนาคตอาจไม่เห็นเครื่องเล่นแบบนี้อีกแล้ว ส่วนปกรณ์เจอกับวิญญาณที่แฝงเร้นอยู่ในนั้นเล่นงานเอา จนชายหนุ่มหวาดกลัวและขอให้เพื่อนๆ ย้ายห้องพัก ในชายคารีสอร์ตพวกหนุ่มสาวดูสนิทสนมกันมากขึ้น เพราะเดือนดาราเปิดทางให้สามหนุ่มกับลูกสาวนอกสายเลือดของเธอได้ใกล้ชิด เพื่อหวังให้รั้งพวกตรินเอาไว้ให้นานที่สุด ทั้งหมดพากันไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ที่เดือนดาราจัดสรรค์เอาไว้ให้ซึ่งก็ได้ผลเพราะหนุ่มสาวเริ่มชอบพอกัน มารตีและกษมาจับคู่กันไม่ยากเนื่องจากมารตีเป็นคนสนุกสนานตรงไปตรงมา ถูกใจกษมาเป็นที่สุด พัชรีถูกใจปกรณ์เพราะต่างก็มีบุคลิกคล้ายกัน วริศราแม้จะแอบถูกใจตริน แต่ก็ยังเป็นไม้เบื่อไม้เมา กับความกวนประสาทของเขา ที่อยากเอาเธอมาเป็นแฟนให้ได้ ช่วงเวลาที่อยู่รีสอร์ต พวกหนุ่มๆ พบเรื่องลี้ลับมากมาย รวมไปถึงดวงวิญญาณของหญิงโบราณที่คอยตามหลอกหลอน เมื่อเห็นว่าไม่ชอบมาพากลต่างก็อยากพากันกลับ แต่เดือนดาราขอร้องให้เขาอยู่ร่วมงานบุญใหญ่ที่จะมาถึง ในคืน 15 ค่ำเสียก่อน ในคืน 15 ค่ำ ที่มีพระจันทร์ทรงกลด และตรงกับวัน “มหาเวทย์”เป็นวันสำคัญที่ลุงสำลีจะ ต่อดวงชะตาให้กับเดือนดารา ในวันนั้นเดือนดาราจะจัดงานบุญใหญ่ บอกชาวบ้านใกล้เคียงให้มารับบริจาคทานด้วยกัน ณ โรงทาน ที่จัดสถานที่เอาไว้พร้อมสรรพ และในค่ำคืนนั้นเองได้มีชายหนุ่มเสียชีวิตอันเนื่องมาจากลุงสำลีต้องใช้ เลือดในการบูชามนต์ดำ วิธีการของลุงสำลีไม่ยากเย็นนัก เพียงแค่เดินเข้าไป ในโรงทานแล้วแอบเอายาใส่ในแก้วน้ำให้ชายคนที่ต้องการทำพิธีดื่ม ทำให้เคลิบเคลิ้ม แล้วพาเข้ามาที่เรือนกลางน้ำ ไม่นานจากนั้นเหยื่อก็หัวใจหยุดเต้น จากนั้นจึงเชือดข้อมือปล่อยให้เลือดหยดไหลจนเต็มแก้ว แล้วเอาไปสวดบูชา ก่อนจะลากเอาศพไปฝังโคนต้นไม้ใหญ่ ขุดดินทำแปลงปลูกผักเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต หลังการบูชาผ่านไปไม่นาน เดือนดาราล้มป่วยลงอย่างกระทันหัน ตรินได้เข้ามาดูแลแต่ไม่พบโรคร้ายอะไร นอกจากร่างกายของเดือนดาราอ่อนแรงลงกว่าเดิมมาก ดูเหนื่อยง่ายเหมือนคนแก่ทั่วไปที่ไม่น่าเกิดขึ้นกับเดือนดาราได้ ลุงสำลีแปลกใจ เพราะเพิ่งผ่านพิธีถวายเลือดมาไม่นาน จึงตรวจดวงชะตาของเธออย่างเป็นกังวล และบอกว่าดวงชะตาของเดือนดาราเริ่มจะหมดลง อันมีสาเหตุมาจาก เจ้ากรรมนายเวรเมื่อหลายปีก่อน กำลังจะมีอานุภาพเหนือกว่าเดือนดาราขึ้นมา ที่สำคัญตอนนี้ได้อยู่ในชายคาเดียวกับเธอแล้ว เดือนดาราขอให้ลุงสำลีนั่งสมาธิดูว่าเจ้ากรรมนายเวรของเธอที่ลุงบอกเป็นใครกันแน่ ในที่สุดเดือนดาราก็รู้ว่า เจ้ากรรมนายเวรของเธอคือ “พลอย” ที่บัดนี้กลับชาติมาเกิดเป็นวริศรา เดือนดาราจึงขอให้ลุงสำลีช่วยกำจัดเธอเสีย ลุงสำลีบอกว่าทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะในการเข้าพิธีบูชารายัญที่เดือนดารารอคอยต้องใช้วริศราร่วมด้วย ไม่เช่นนั้นการบูชาจะไม่สำเร็จ ทั้งสองคนเริ่มหาทางออก ลุงสำลีบอกว่าการจะทำให้เดือนดารากลับมากระชุ่มกระชวยอีกครั้ง จะต้องหาผู้ที่อยู่ในสายเลือดหรือสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษของเดือนดารา มาบูชามนต์ดำไปก่อน ซึ่งดูยากเย็นนัก ลำดับแรกลุงสำลีตัดสินใจพาวริศราไปขังไว้ที่เรือนกลางน้ำ เพื่อให้อยู่คนละเขตบ้านกับเดือนดารา ก่อนจะร่ายมนต์ดำ อำพรางไม่ให้ใครเห็นการหายไปของวริศราทำให้ตรินแปลกใจไม่น้อย จึงเข้าไปสอบถามเดือนดารา เธอให้คำตอบว่าวริศราไปดูแลลูกค้าที่มาจากต่างประเทศให้เธอ เพราะลูกค้าอยากขึ้นดอย จึงต้องไปหลายวัน ตรินไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่สามารถติดต่อสอบถามใครได้เลย เขาจึงสอบถามมารตีอีกที มารตีแปลกใจเหมือนกันเพราะวริศราไม่ได้สั่งอะไรเอาไว้ แถมลูกค้าจากต่างประเทศเดือนดาราไม่เคยพูดให้ได้ยิน และจากที่ตรวจดูไม่เห็นมีใครมาจากต่างประเทศ ท่ามกลางค่ำคืน ตรินนอนหลับฝันเห็นวริศรา ที่นั่งสมาธิถอดจิตออกมาพบกัน ตรินรู้ว่าวริศราถูกขังด้วยมนต์ดำ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทางด้านวิลาสินีและ ชลิตพ่อกับแม่ของตริน นับถือ “หลวงพี่นะโม” เพราะเป็นหลวงพี่ที่ปฏิบัติธรรมแก่กล้า ทำนายอะไรไม่เคยผิดเพี้ยน หลวงพี่ทำนายดวงของตรินว่ากำลังเบญจเพส และมีบางสิ่งติดตามเอาชีวิต วิลาสินีเป็นห่วงลูกจึงโทรศัพท์ไปตามให้เขากลับมา ตรินตัดสินใจกลับบ้านและเข้าไปพบหลวงพี่นะโม เขาเล่าเรื่องวริศราและเหตุการณ์หลอนๆ หลายอย่างที่เกิดขึ้นในรีสอร์ตให้ฟัง หลวงพี่นะโมบอกกับตรินว่า เหตุการณ์จากหลายภพชาติ กำลังจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับเขาอย่างหาทางเลี่ยงไม่ได้ พร้อมแนะนำหนทางช่วยเหลือวริศรา โดยการที่ตรินต้องเก็บเส้นผมของเดือนดารากลับมาเพื่อให้เขาทำพิธี แล้วนำไปใส่ใต้หมอนของเดือนดารา ตรินครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจกลับไปที่รีสอร์ตอีกครั้ง ที่รีสอร์ตขณะนี้มีผู้เข้ามาพักแรมคนใหม่ เขาคือ“กำพล” บก.นิตยสารที่ฝักใฝ่อยู่กับกิเลศตัณหา เขามาพร้อมกับ“รสริน”คู่นอนเด็กสาวที่หิ้วมาเป็นเพื่อนร่วมเตียง ลุงสำลีตรวจดวงชะตาและรู้ว่ากำพลคือน้องชายของเดือนดาราเมื่อชาติพบก่อน และเห็นหนทางที่จะใช้กำพลในการบูชามนต์ดำให้กับเดือนดารา รสรินพบตรินที่รีสอร์ต เธอชอบตรินขึ้นมาทันที ขณะที่กำพลถูกใจพัชรีบุตรสาวของเดือนดารา และขอให้รสรินช่วยเหลือนำทางให้เขาได้สมหวังกับพัชรี รสรินตอบตกลงเพราะกำพลให้ค่าจ้างอย่างงาม ในคืนหนึ่งกำพลแกล้งบอกพัชรีว่ารสรินป่วยหนัก อยู่ในห้องพัก พัชรีตกใจห่วงใยความปลอดภัยของคนที่เข้าพัก จึงอาสาช่วยไปดูให้ แต่เมื่อไปถึงกลับไม่พบรสรินอยู่ในนั้น กำพลใช้ยาสลบโปะที่จมูก ก่อนจะลงมือรวบรัดเอาพัชรีเป็นเมีย พร้อมเก็บภาพทุกอย่างเอาไว้ เพื่อขู่ไม่ให้เธอบอกกับใคร และขอให้พัชรีมาหาเมื่อเขาต้องการ ความเป็นหญิงซื่อๆ ไม่ประสีประสาบวกกับความอ่อนต่อโลกทำให้พัชรีไม่กล้าบอกใคร เธอเริ่มแปลกไปจากเดิม ซึม เหม่อ เลื่อนลอย ไร้ชีวิตชีวา วันๆ เอาแต่เก็บตัวเงียบในห้องไม่ยอมพบหน้าผู้ใด ปกรณ์เริ่มเห็นความผิดปกติ เพราะพัชรีไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับเขา หรือพูดคุยเหมือนเก่า มารตีเองก็รับรู้ถึงความเปลี่ยนไปของพัชรี ลุงสำลีติดตามพัชรีและรู้ความเป็นไปทั้งหมดของเธอ จึงพยายามหว่านล้อมพัชรีมาเป็นพวกด้วย พัชรีเริ่มคล้อยตาม เพราะเห็นทางกำจัดกำพลที่ทำให้ชีวิตของเธอแปดเปื้อนรอยมลทิน ตรินเล่าเรื่องคำบอกของหลวงพี่นะโมให้กษมาและปกรณ์ฟัง โดยมอบหมายให้กษมาและปกรณ์แอบเข้าไปขโมยเส้นผมจากห้องนอนของเดือนดารา ส่วนตนจะเข้าไปดูต้นทางที่เรือนกลางน้ำ กว่าจะได้เส้นผมออกมาจากห้อง ทำเอาทั้งปกรณ์และกษมาพบกับเรื่องราวสยองขวัญหลายอย่าง ในที่สุดวริศราก็สามารถออกมาจากเรือนกลางน้ำได้สำเร็จ ท่ามกลางความแปลกใจของลุงสำลีและเดือนดารา แม้กระนั้นเดือนดาราก็ยังทำทีไม่รู้ไม่ชี้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับวริศรา การกลับมาของวริศราทำให้เดือนดาราต้องร่วมชายคาเดียวกันอีกครั้ง เดือนดาราเกิดอาการร้อนรุ่มขึ้นมาอีก ลุงสำลีต้องรีบทำพิธีในวันเพ็ญที่มาถึง โดยนำกำพลมาถวายเลือด ซึ่งมีพัชรีเป็นผู้ช่วยเหลือในการกำจัดกำพลให้พ้นทางของเธอ ทุกอย่างดำเนินไปแบบลับๆ ในคืนทำพิธีรสรินแอบดูและเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เธอตกใจกลัวลนลานเหมือนคนเสียสติ ลุงสำลีและเดือนดาราให้พัชรีตามไปปิดปากรสรินเสีย รสรินตะเกียกตะกายหนีตาย พอดีพวกตรินมาพบรสรินเข้าเสียก่อนพัชรีจึงต้องหลบไป ตรินพารสรินไปนอนกับมารตีที่ห้องพัก พัชรีเจ็บใจที่ทำอะไรรสรินไม่ได้ แต่ลุงสำลีบอกว่ารสรินคงไม่กล้าบอกอะไรกับใคร เพราะตอนนี้เธออยู่ในอาคมของตนกำกับเอาไว้ นอกจากพัชรีจะเปลี่ยนไป เธอยังขอย้ายห้องนอน ไปอยู่ติดกับเดือนดารา มารตีแปลกใจสอบถามเหตุผล พัชรีบอกว่าเธอเป็นผู้ใหญ่และดูแลตัวเองได้แล้ว จึงอยากมีอะไรที่เป็นส่วนตัวมากที่สุดไม่นานจากนั้น พัชรีก็ท้องขึ้นมา มีเพียงเดือนดาราและลุงสำลีเท่านั้นที่ทราบเรื่อง เพราะให้หมอประจำรีสอร์ตตรวจเช็คให้ โดยกำชับไม่ให้พัชรีพูดเรื่องนี้กับใคร พัชรีดูเครียดหนักเข้าไปอีก แต่เดือนดาราและลุงสำลีกลับดีใจ เพราะต้องการใช้กุมารทองเพื่อมาต่อเติมความขลังของขมังเวทย์วิชา นึกไม่ถึงว่าท่ามกลางค่ำคืนพัชรีตกเลือดแบบกะทันหัน เดือนดาราและลุงสำลีตามหมอประจำรีสอร์ตมาดูอาการ ก่อนจะให้หมอพาพัชรีไปยังเรือนกลางน้ำ ขณะหมอขูดมดลูกทำแท้งพัชรี ลุงสำลีได้นำก้อนเลือดดังกล่าวทำพิธีของตน พร้อมกันนั้นได้ฆ่าหมอดังกล่าว เพื่อปกปิดทุกอย่างเป็นความลับ เงื่อนงำความน่าสะพรึงกลัวมีมากขึ้น เมื่อกลุ่มของตรินแอบเข้าไปในห้องนอนเดือนดารา แต่โชคร้ายที่เดือนดารากลับเข้ามาพอดี ทั้งหมดจึงแอบมุดใต้เตียง ต่างมองเห็นปลายเท้าของเดือนดาราที่เดินอยู่ในนั้นเหี่ยวย่นซีดเซียวน่ากลัวมาก สิ่งที่เกิดขึ้นกับพัชรีทำให้เธอเห็นว่าตัวเองหมดค่า และนึกอิจฉาคู่ของวริศราและคู่ของมารตีที่ดูจะลงเอยกันได้ด้วยดี ความเป็นสุภาพบุรุษของตรินยิ่งทำให้พัชรีแอบปลื้มอยู่ไม่น้อย เพราะเมื่อเทียบกับปกรณ์ที่ดูอ่อนแอ ตรินดูเป็นผู้นำกว่ามากมาย พัชรีนึกเกลียดตัวเองที่ความอ่อนแอทำให้หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นกับเธอ แม้แต่เรื่องบัดสีของกำพล ปกรณ์แอบเข้าไปในห้องพัชรี พบว่าเธอเก็บภาพตรินในหลากหลายอิริบาบถเอาไว้ ปกรณ์เศร้าลงเมื่อรู้ว่าพัชรีชอบตริน รสรินพยายามจะหนีออกไปจากรีสอร์ต แต่ก็หนีไม่ได้เพราะลุงสำลีร่ายมนต์ให้รถวกวนกลับมาที่เดิม และตามหลอกหลอนทำให้เธอแทบคลั่ง ในวันต่อมา ปกรณ์แอบเห็นรสรินถือของพะรุงพะรังออกจากห้องและทำแผ่นซีดีหล่นเอาไว้ จึงเก็บเอามาเปิดดู รายละเอียดทุกอย่างในแผ่น เป็นภาพพัชรีและกำพลกำลังมีความสัมพันกัน โดยมีรสรินร่วมขบวนอยู่ด้วย ปกรณ์หน้าซีดเผือด ตกตะลึงคาดไม่ถึงกับเหตุการณ์ แต่ยังไม่ยอมบอกเรื่องนี้กับใคร ความกังขาเกี่ยวกับเดือนดารา ทำให้พวกตรินแอบเข้าไปในห้องของเธออีกครั้ง และพบรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับวันเดือนปีเกิดของพวกตน ตลอดจนพิธีบูชารายัญ ทั้งหมดรู้ว่าเดือนดาราต้องการนำพวกตนเข้าพิธีบูชารายัณรวมกับพวกวริศรา อีกทั้งทราบว่าพวกวริศราเป็นลูกที่เดือนดาราขอเอามาเลี้ยง ตรินชวน วริศราและมารตีหนีออกไปจากรีสอร์ตด้วยกัน ทั้งหมดตกลง ในวันที่ทั้งหมดจะพากันหนีออกไป ปกรณ์ยังห่วงพัชรี เขาเข้าไปหาเธอที่ห้องพักอีกครั้ง เพื่อชวนหนีออกไปด้วยกัน แต่พัชรีบอกว่าเธอมาไกลเกินกว่าจะกลับออกไปพร้อมกับพวกเขาได้ ปกรณ์เห็นว่าพัชรีไม่ไปกับเขาแน่แล้ว จึงตามไปสมทบกับพวกตริน ซึ่งขณะนี้มีรสรินตามติดขอหลบหนีด้วย การหลบหนีไม่ได้เป็นดังหวัง เพราะลุงสำลีใช้อาคมดลบันดาลให้ทุกคนพากันเข้าไปในบ้านพักหลังหนึ่งในรีสอร์ต เดือนดาราปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน พร้อมกับทำทีเศร้าหมองเล่าเรื่องเหตุการณ์ในอดีตทั้งหมดให้ทุกคนฟังอย่างละเอียด และบอกว่าเธอถูกลุงสำลีควบคุมด้วยอำนาจมายาวนานเกือบร้อยปี และขอให้พวกวริศราและตรินช่วยพาเธอหลุดพ้นไปจากอำนาจของลุงสำลีเสียที เดือนดารายังบอกอีกว่าขณะนี้พัชรีเองก็ตกเป็นเหยื่อให้ลุงสำลีหลอกใช้เช่นกัน วริศราสงสารเดือนดารา และนึกถึงบุญคุณที่เธอเลี้ยงดูมา อีกทั้งเสียใจที่เป็นต้นเหตุทำให้เดือนดาราเสียใจมาตั้งแต่ในอดีต เธอยอมตกลงช่วยเหลือเดือนดาราโดยมีมารตีร่วมด้วยอีกคน ตรินเห็นวริศรายืนยันเช่นนั้น ตนจึงขอช่วยเหลือเดือนดาราอีกแรง รวมไปถึงพวกษมาและปกรณ์ก็ตกลงใจช่วยเหลือ เดือนดาราบอกกับพวกตรินว่าในวันเพ็ญที่จะมาถึง ลุงสำลีจะทำพิธีครั้งใหญ่ จึงอยากนัดหมายให้ทุกคนเข้ามารวมกันอยู่ในบ้านพักหลังนี้อีกครั้ง เพื่อตกลงแผนการที่จะทำร่วมกันและเมื่อคืนวันเพ็ญมาถึง พวกตรินและวริศราพากันเข้าไปในที่นัดหมาย พัชรีเริ่มรู้สึกสงสารปกรณ์ขึ้นมาและกลับใจอยากช่วยเหลือทุกคน จึงตามเข้าไปที่นั่น และบอกว่าพวกเขากำลังโดนหลอก ขอให้กลับออกไปโดยเร็วที่สุด ยังไม่ทันที่ทุกคนจะได้ออกไปไหน กลุ่มควันก็พวยพุ่งออกมาจากทุกซอกทุกมุม พวกตรินและทุกคนเริ่มอ่อนแรงล้มลง รสรินเปิดประตูเข้ามาหัวเราะสะใจ บอกว่าเดือนดาราเป็นคนสั่งให้เธอทำแบบนี้ เพราะหลังจากพวกตรินถูกบูชาแล้ว เธอจะเป็นอิสระถูกปล่อยกลับออกไปเร็วที่สุด ทุกคนมองรสรินอย่างไม่เชื่อสายตา แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะต่างหมดแรงฟุบไปเสียก่อนรวมทั้งพัชรี ร่างของพวกสามหนุ่มสามสาวถูกพาเข้าไปยังเรือนกลางน้ำเพื่อทำพิธี ลุงสำลีเริ่มกรีดข้อมือวริศราเพื่อให้เลือดไหลริน ไม่มีใครเห็นว่าวิญญาณร้ายของอีพริ้ง กำลังหัวเราะก้องสะใจ วิญญาณอีพริ้งบ่าวคนสนิทของเดือนดาราในอดีตชาติ ได้แฝงกายอยู่ในรีสอร์ตด้วยแรงอาฆาตเดือนดารามานานเช่นกัน หลายสิ่งหลายอย่างที่ทุกคนถูกหลอกหลอน บางครั้งก็มาจากอีพริ้ง ที่สำคัญมันไม่พอใจที่เดือนดาราจะสมหวังกับสิ่งที่รอคอย มันเข้าสิงร่างรสริน นำเอาโถวิญญาณของคุณแสงเดินเข้ามา พร้อมตะโกนร้องห้ามให้หยุดทุกสิ่งทุกอย่าง เดือนดาราและลุงสำลีตกใจกับเหตุการณ์ อีพริ้งในร่างรสรินหัวเราะก้อง บอกความจริงว่ามันคือผู้ใด เดือนดาราสอบถามอีพริ้งว่าต้องการสิ่งใดแลกกับโถวิญญาณคุณแสง อีพริ้งยิ้มแย้มบอกว่า ลุงสำลีจะต้องทำพิธีให้มันเข้าไปอยู่ในร่างวริศราเสียก่อน จากนั้นลุงสำลีค่อยทำพิธีให้เดือนดาราต่อได้ และหากไม่ยินยอมมันจะปล่อยวิญญาณคุณแสงออกมาทันที ลุงสำลีและเดือนดาราจำต้องยอมตกลงที่จะทำให้อีพริ้งเข้าไปอยู่ในร่างวริศราเสียก่อน ระหว่างทำพิธีทุกสิ่งทุกอย่างก็ดับวูบลง รวมทั้งแสงเทียนที่กำลังส่องสว่าง ก่อนจะมีไฟลุกโหมกระหน่ำขึ้นมาด้านนอกเรือน พวกตรินและพวกวริศราเริ่มงัวเงียได้สติ ตรินจะเข้าไปช่วยเหลือวริศราแต่ถูกอาคมของลุงสำลีตรึงเอาไว้ให้ขยับเขยื้อนไม่ได้ นึกไม่ถึงว่าไฟที่ลุกโชนจะทำให้เดือนดารา ลุงสำลี และอีพริ้งร้อนรุ่มไปทั่วร่าง หลวงพี่นะโมปรากฏตัวขึ้น บอกว่าตนคือ “หลวงปู่มิ่ง” เมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ตามมาด้วยแรงอาฆาตหากแต่ตามมาบอกว่าไฟที่ลุกโหมอยู่นั้น มันคือไฟนรกที่กำลังรอแผดเผาร่างพวกเดือนดาราอยู่ โดยขอให้ทุกคนหยุดทำบาปเพิ่มเติมเสียที ลุงสำลีบันดาลโทสะเรียกภูตผีที่เลี้ยงไว้เข้ามาแล้วรวมตัวเป็นมนต์ดำพุ่งเข้าใส่ร่างหลวงพี่นะโม แต่ก็ถูกหลวงพี่ต้านไว้ได้ ทำให้ลุงสำลีกระอักเลือดออกมา ก่อนจะเลือนร่างหายไป หลวงพี่นะโมหายร่างติดตามวริศราค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาแล้วขอให้เดือนดาราหยุดสร้างบาป อีกทั้งบอกความจริงว่าโถวิญญาณที่เดือนดาราหวงแหน เธอได้ทำมันหล่นแตกลงเมื่อหลายวันก่อน แต่กลัวว่าเดือนดาราจะจับได้ จึงซื้อเอาโถอันใหม่ที่เหมือนอันเดิมมาวางไว้อย่างเก่า เดือนดาราโกรธเลือดขึ้นหน้า วิญญาณคุณแสงที่เธอเก็บกักมาหลายร้อยปี บัดนี้ถูกวริศราทำให้มันสูญสิ้นไป ความหวังทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายลงด้วยน้ำมือของวริศราอีกครั้ง เดือนดาราถลาเข้ามาจิกผมพาวริศราลากออกไปด้านนอกอย่างบ้าคลั่ง เดือนดาราลากวริศราออก มายังบ่อบาดาลเก่าแก่ จับหน้าให้ก้มมองดูความลึกแล้วบอกว่าจะจับวริศราโยนลงไปให้หายแค้น ทันใดวิญญาณคุณแสงก็ปรากฏขึ้นแล้วร้องห้ามเอาไว้ ไม่อยากให้เดือนดาราทำบาปอีก เดือนดาราอึ้งไป คุณแสงพาเอาวิญญาณแม่และพ่อของเดือนดาราเข้ามาหาเธอ บอกว่าทุกคนรอให้เธอไปอยู่ในภพภูมิที่ดี พร้อมกันนั้นคุณแสงเองก็รอคอยที่จะเดินทางไปพร้อมกับเดือนดาราเช่นกัน คำพูดของคุณแสงทำให้เดือนดาราร้องไห้ด้วยความตื้นตัน ยอมปล่อยร่างวริศราเพื่อจะไปพร้อมกับคุณแสง อีพริ้งที่ติดตามดูอยู่ไม่พอใจที่เดือนดาราจะไปโดยง่าย มันพาเอาวิญญาณต่างๆ ที่ตายเพราะมือเดือนดาราเข้ามาขวาง แล้วฉุดกระชากเอาเดือนดาราออกไปจากคุณแสง อีพริ้งกับวิญญาณพวกบ่าวอีกหลายคน ช่วยกันเอาน้ำนรกเทกรอกปากเดือนดารา ทำให้ทั่วท้องของเธอมอดไหม้ร้องโหยหวน จากนั้นได้รุมทึ้งฉีกทุกสัดส่วนของร่างกายเดือนดาราออกเป็นชิ้นๆ เพื่อให้เธอได้รับความเจ็บปวดทรมาน ลุงสำลีติดตามเดือนดาราเข้ามาเพื่อนะช่วยเหลือ แต่ก็ถูกอำนาจบารมีของหลวงพี่นะโมสะกัดกั้นทำให้เวทมนต์เสื่อมคลาย กลายเป็นคนแก่เหี่ยวย่นค่อยๆ เลือนร่างหายไป เช่นเดียวกับเดือนดารา คุณแสงมองทุกอย่างด้วยความเศร้าหมอง พลางหันมากราบขอบคุณหลวงพี่นะโมที่ทำให้เรื่องทุกอย่างลงเอยแบบนี้ จากนั้นคุณแสงได้หันมาทางวริศราพร้อมกับขออนุญาตเรียกเธอว่า “พลอย” เป็นครั้งสุดท้าย วริศรายิ้มให้คุณแสงด้วยไมตรี ขอให้คุณแสงบอกความต้องการของเขามา คุณแสงขอให้พลอยทำรีสอร์ตเดือนดาราให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมสืบต่อไป โดยให้หลวงพี่นะโมเข้ามาแสดงธรรมกับญาติโยมทั้งหลาย เพื่อบุญกุศลจากการปฏิบัติธรรม จะช่วยดลบันดาลให้วิญญาณเดือนดาราและลุงสำลี รวมไปถึงทุกๆ ดวงวิญญาณที่เกิดและตายอยู่ในรีสอร์ต แห่งนี้ จะได้รับผลบุญไปด้วย วริศรารับปากมองตามร่างคุณแสงที่ค่อยๆ เลือนหายไป ในเวลาต่อมา วริศราเปลี่ยนชื่อรีสอร์ตเดือนดาราเสียใหม่ว่า “สถานปฏิบัติธรรมเดือนดารา” และทำทุกอย่างเหมือนที่คุณแสงต้องการ โดยขอให้หลวงพี่นะโมมาประจำการให้ความรู้เรื่องการปฏิบัติธรรมกับชาวบ้านที่เข้ามาสู่แดนธรรม พัชรีรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ และยังทำใจไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ต้องให้ปกรณ์คอยดูแลใกล้ชิดจนเธอดีขึ้นและรับสภาพทุกอย่างได้ ทั้งสองคนลงเอยกันด้วยดี มารตีและกษมาลงเอยกันก่อนใคร ทางรักสะดวกราบรื่นไร้สิ่งใดขวางกั้น วริศราและตรินตกลงแต่งงานกันท่ามกลางความพอใจของชลิตและวิลาสินี หลังทุกอย่างลงเอยด้วยดี ทั้งหมดลงไปช่วยกันดูแลสถานปฏิบัติธรรม บรรดาสามหนุ่มใช้วิชาแพทย์ที่เรียนมาโดยการเปิดคลินิกเพื่อช่วยดูแลผู้ปฏิบัติธรรมที่มาทุกคน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
เรื่องย่อ : มนตร์กาลบันดาลรัก (2562/2019) น้ำหนึ่ง คอลัมนิสต์สาวสวยของนิตยสาร SEASON ส่องกระจกแต่งตัวอีกครั้งก่อนออกจากบ้าน วันนี้เธอได้รับมอบหมายงานสำคัญจาก สวรส บรรณาธิการของ SEASON ให้ไปสัมภาษณ์ กาลรุจิ เตชพิพัฒน์ อดีตไฮโซสาวที่มีชื่อเสียงมาก ที่ชีวิตต้องพลิกผันเมื่อเธอถูกรถชนจนต้องเป็นคนพิการ อีกทั้งต้องเผชิญปัญหาชีวิตมากมายจนชีวิตเหมือนดิ่งลงเหว แต่เธอต่อสู้จนปัจจุบันเธอกลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงมาก
บทสัมภาษณ์นี้จะตีพิมพ์ในคอลัมน์ดล ซึ่งมีแนวคิดในการนำประสบการณ์ของบุคคลต่างๆ ที่เคยล้ม หรือประสบปัญหาชีวิตมากมายแล้วต่อสู้จนประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่านที่ประสบปัญหาได้ลุกขึ้นมาต่อสู้บ้าง คอลัมน์ดลนี้ เป็นที่ยอมรับของผู้อ่านในวงกว้าง เรียกได้ว่าเป็นจุดขายและจุดแข็งอย่างหนึ่งของนิตยสาร SEASON สวรสจึงกำกับดูแลอย่างเข้มงวด ซึ่งไม่ใช่ใครก็ได้จะรับหน้าที่สัมภาษณ์ แล้วได้เขียนบทความนี้ สวรสจะเลือกคนที่มีความสามารถจริงๆ เท่านั้น ทีสำคัญคือ หลังจากกาลรุจิประสบอุบัติเหตุเธอเก็บตัวเงียบ ไม่ค่อยออกงานสังคมเหมือนเมื่อก่อน ไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับสื่อใดทั้งสิ้น นอกจากครั้งนี้กับ SEASON ดังนั้น น้ำหนึ่งจึงภูมิใจมาก เธอจะพลาดไม่ได้ เพราะเป็นโอกาสเดียวก่อนที่กาลรุจิ จะเดินทางไปต่างประเทศในวันนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เธอหวังว่าผลงานครั้งนี้จะช่วยให้เธอได้เลื่อนตำแหน่ง
ทว่าทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่ต้องการ เริ่มตั้งแต่รถยางแบน จนต้องไปยืมรถ ทรรศิกา ซึ่งเป็นมารดา แถมยังประสบอุบัติเหตุจนไม่สามารถไปสัมภาษณ์กาลรุจิได้ทันเวลา จนต้องให้ ยดา เพื่อนรุ่นน้องไปแทน วันรุ่งขึ้นสวรสซึ่งเป็นบรรณาธิการของ SEASON เรียกน้ำหนึ่งเข้าไปตำหนิอย่างรุนแรงที่ตัดสินใจให้ยดาไปสัมภาษณ์กาลรุจิโดนพลการ ถึงจะได้งานมา แต่การที่น้ำหนึ่งตัดสินใจเองโดยไม่รายงานให้เธอทราบ ถือเป็นการผิดมารยาทอย่างมาก สวรสคาดโทษน้ำหนึ่งว่า ถ้ายดาเขียนรายงานการสัมภาษณ์ออกมาไม่ดีน้ำหนึ่งต้องรับผิดชอบ และควรจะรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไร หญิงสาวขอโทษสวรส แล้วเดินหน้ามุ่ยออกมาจากห้องทำงานของเธอ น้ำหนึ่งนั่งทำงานอย่างซังกะตายจน มนัสวี เพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทกันและเป็นหัวหน้าฝ่ายขายมาคุยด้วย น้ำหนึ่งจึงค่อยสบายใจขึ้นมาบ้าง
วันต่อมาบรรยากาศในที่ทำงานยิ่งแย่ลงไปอีกสำหรับความรู้สึกของน้ำหนึ่ง เมื่อสวรสเดินออกมาชมยดาต่อหน้าทุกคนที่กองบรรณาธิการว่า เขียนบทสัมภาษณ์กาลรุจิออกมาได้ดีมาก แถมยังพูดเหน็บแนมน้ำหนึ่งให้เจ็บใจอีก น้ำหนึ่งแสดงความยินดีกับยดาอย่างจริงใจ แม้จะอดน้อยใจไม่ได้ว่าการที่ SEASON มีผลงานได้สัมภาษณ์กาลรุจิส่วนหนึ่งก็เป็นความสามารถของเธอเช่นกัน ที่มีเพื่อนสนิทของมารดา คือ จำรัส ช่วยพูดให้ ถ้าไม่ใช่จำรัสแล้วคงไม่มีใครที่จะได้พบตัวกาลรุจิแน่นอน แต่เมื่อไม่มีใครคิดถึงน้ำหนึ่งได้แต่นั่งเบื่อโลกอยู่คนเดียว และยังทำใจไม่ได้
เย็นวันนั้น เมื่อมนัสวีชวนเธอออกไปเที่ยวที่ร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง โดยมี พงศกร กราฟฟิกดีไซน์เนอร์หนุ่มเพื่อนของเธอไปด้วย น้ำหนึ่งจึงปฏิเสธและตั้งใจขับรถไปคืนทรรศิกา บางทีการได้คุยกับมารดาเธออาจจะรู้สึกดีขึ้นก็ได้ แต่กลับกลายเป็นว่าเธอทะเลาะกับมารดาอย่างรุนแรง เมื่อได้รู้โดยบังเอิญว่าทรรศิกากับจรัสมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเกินไปกว่าความเป็นเพื่อนสนิทเสียแล้ว คำพูดตัดพ้อร้ายๆ ที่น้ำหนึ่งต่อว่าทรรศิกา ทำให้เธอต้องตบหน้าลูกสาวเพื่อเตือนสติ แต่น้ำหนึ่งไม่เข้าใจ เธอผลุนผลันออกจากที่นั่นทั้งที่น้ำตานองหน้า ได้ยินเสียงจำรัสกับทรรศิกาเรียก แต่ความเสียใจ น้อยใจ ผิดหวัง มันมากเสียจนเธอไม่อยากหันหลังกลับไปที่นั่นอีก
น้ำหนึ่งเดินแกมวิ่งไปตามถนน ปาดน้ำตาไปตลอดทางจนมาถึงหน้าร้านอาหารซีแซ่บเวอร์ ที่มีมาสคอตรูปหมึกสีชมพูสด เด็กแถวนั้นบอกว่านี่คือ เจ้าแม่หมึกซีซ่าที่ศักดิ์สิทธิ์มาก แต่น้ำหนึ่งไม่อยากจะเชื่อ ขณะดูอะไรเพลินๆ หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว เมื่อ อาม่าหยก ย่าของเธอสะกิด เรียกชื่อแล้วถามว่ามาทำอะไรที่นี่ น้ำหนึ่งยกมือลูบแก้มข้างที่โดนทรรศิกาทำร้ายทันที น้ำตาเริ่มกลบตาอีกครั้ง แต่ไม่ทันได้พูดอะไร อาม่าหยกก็ลูบแขนเธอเบาๆ เหมือนจะปลอบ น้ำหนึ่งถามเบาๆ ว่า อาม่ารู้แล้วใช่มั้ย อาม่าหยกพยักหน้ายิ้มๆ อาม่าจูงมือน้ำหนึ่งไปหาเจ้าแม่ซีซ่า แล้วบอกน้ำหนึ่งให้ลองขอพรดูบ้าง น้ำหนึ่งลังเล เพราะไม่เชื่อในตัวเจ้าแม่หมึกสีชมพูสักนิดเดียว แต่อาม่าก็คะยั้นคะยอให้เธอลองขอพรดูขำๆ น้ำหนึ่งยอมตามใจอาม่าหยก เธอซื้อพวงมาลัย ธูปเทียนจากเด็กคนขาย จุดเทียน จุดธูป แล้วน้ำหนึ่งก็ยกมือไหว้ และขอพรให้เธอได้ย้อนเวลากลับไปเมื่อสามวันก่อนหน้านี้ อาม่าหยกยิ้มพอใจ แล้วชวนเธอกลับบ้านทันที
สายมากแล้ว เมื่อน้ำหนึ่งเริ่มรู้สึกตัวตื่น เธออิดออดไม่ยอมตื่น เพราะมั่นใจว่าเป็นวันเสาร์ หญิงสาวบิดขี้เกียจ แม้หูจะได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งกระซิบปลุกเธออย่างล้อเลียน น้ำหนึ่งงัวเงียลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจเดินเข้าห้องน้ำ เมื่อเห็นตัวเองในกระจก น้ำหนึ่งขยี้ตาตัวเอง เมื่อผมที่ซอยสั้นเก๋ทันสมัยกลายเป็นผมยาว แถมมีผมม้าเสียอีก เธอลองดึงผมตัวเองแรงๆ เข้าใจว่ามีคนเอาวิกผมมาแกล้งเธอ แต่เจ็บหนังศีรษะจนมั่นใจว่าเป็นผมตัวเอง น้ำหนึ่งรีบออกจากห้องน้ำเรียกหาอาม่าหยกอย่างตกใจ เธอพบอาม่าที่หน้าบ้าน อาม่าปล่อยให้เธอโวยวายไป ก่อนจะถามว่าจำได้หรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น น้ำหนึ่งเล่าเรื่องขอพรเจ้าแม่หมึกซีซ่าให้ย้อนเวลาสามวัน อาม่าหัวเราะก่อนจะหยิบหนังสือพิมพ์รายวันมาให้เธอดู น้ำหนึ่งตกใจมาก เพราะเวลาในหนังสือพิมพ์คือสามปีล่วงหน้าในอนาคต เจ้าแม่หมึกซีซ่า คงลงโทษเธอที่ลบหลู่ไม่เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ จึงลงโทษเธอด้วยการส่งเธอข้ามเวลามาในอนาคตถึงสามปี น้ำหนึ่งถามอาม่าหยกอย่างงงๆ ว่าชีวิตเธอเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง เพื่อจะได้รับสถานการณ์ได้ถูก อาม่าหยกบอกว่า เธอยังทำงานที่เดิม ตำแหน่งเดิม และแต่งงานแล้วกับ ทรงกลด ครูสอนภาษาไทยที่โรงเรียนปราชญาวิทย์ พอพูดถึงทรงกลดก็เดินลงบันไดมา น้ำหนึ่งมองเขาอย่างคนแปลกหน้า สามีของเธอไม่ใช่หนุ่มสไตล์เกาหลีตรงสเป็คอย่างที่ฝัน แต่กลับเป็นหนุ่มลูกครึ่งตาน้ำข้าวรูปร่างใหญ่โต น้ำหนึ่งไม่เข้าใจว่า อะไรทำให้เธอตัดสินใจแต่งงานกับเขา
วันนั้น น้ำหนึ่งตัดสินใจลางาน เพื่อตั้งสติกับเรื่องการข้ามเวลาของเธอ ทรงกลดเป็นห่วงเมื่อภรรยาบอกว่าไม่ค่อยสบาย ทำท่าจะพาเธอไปหาหมอ แต่เธอรีบปฏิเสธ ก่อนจะบอกว่าเธออยู่กับอาม่าได้ไม่ต้องห่วง เมื่อทรงกลดไปทำงานแล้ว น้ำหนึ่งรีบบอก อาม่าว่าคืนนี้เธอจะขอมานอนกับอาม่าด้วย อาม่าหยกพยักหน้ายิ้มๆ น้ำหนึ่งถามอาม่าอีกว่าการแต่งงาน ระหว่างเธอกับทรงกลดเป็นไปอย่างเต็มใจหรือมีใครบังคับ อาม่าบอกยิ้มๆ ว่าไม่มีใครบังคับน้ำหนึ่งได้ แต่น้ำหนึ่งเป็นคนฉลาด เลือกแต่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองตลอดมา อีกอย่างหนึ่ง ตั้งแต่แต่งงานกัน ทรงกลดรักและดูแลน้ำหนึ่งดีมาก หญิงสาวส่ายหน้าแบบไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก น้ำหนึ่งกลับขึ้นไปห้องนอน เปิดโน้ตบุ๊คเพื่อหาข้อมูลของ SEASON และเรื่องราวทั่วๆ ไป เธอปวดหัว เมื่อเห็นว่า วัน เวลามันคืออนาคตสามปี จากที่เธอจำได้ น้ำหนึ่งพบไฟล์ภาพจึงเปิดดู เธอพูดไม่ออกเมื่อเห็นว่ามันเป็นภาพงานแต่งงานของเธอกับทรงกลด และทุกรูปเธอยิ้มหวาน สดใสมีความสุขเหมือนเจ้าสาวทุกคน น้ำหนึ่งถอนใจยาว สงสัยว่าอะไรดลใจให้เธอแต่งงานกับทรงกลดผู้ชายที่ไม่ได้อยู่ในสเป็คเลยสักนิด
วันนั้นทั้งวัน น้ำหนึ่งวุ่นวายอยู่กับการหาข้อมูลต่างๆ จนกระทั่งเย็น เมื่อทรงกลดกลับมาจากทำงาน เขาเข้ามาดูแลเธออย่างเป็นห่วง ทั้งจับศีรษะว่าตัวร้อนหรือไม่ กินอะไรบ้าง ชายหนุ่มวุ่นวายนัวเนียอยู่ใกล้น้ำหนึ่งจนเธอหนาวๆ ร้อนๆ จะเป็นไข้ให้ได้ คืนนั้นน้ำหนึ่งนอนกับอาม่า ในขณะที่ทรงกลดไม่ค่อยพอใจนักเพราะเป็นห่วงเธอนั่นเอง
วันรุ่งขึ้น น้ำหนึ่งต้องเรียนรู้และพยายามทำความเข้าใจกับทุกอย่างที่เปลี่ยนไป เริ่มจากการที่เธอแต่งงานกับทรงกลดหลานชายของสวรส ทำให้เธอมีสถานะเป็นหลานสะใภ้ของบรรณาธิการจอมดุ ที่เธอแอบเรียกว่ายัยปิศาจ ยดาได้เป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการ SEASON จากรุ่นน้องที่น้ำหนึ่งสอนงานมากลายเป็นหัวหน้าของเธอ ยดาเปลี่ยนไปมากจากหญิงสาวอ่อนหวานเคารพน้ำหนึ่ง ในวันนี้เธอกลายเป็นคนแข็งกระด้าง และพูดกับน้ำหนึ่งเหมือนเจ้านายกับลูกน้องจริงๆ ทั้งจิกด้วยสายตา และเหน็บด้วยคำพูด มนัสวีเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทมาก ได้เป็นหัวหน้าฝ่ายขาย เธอแต่งงานแล้วกับพงศกรกราฟฟิกดีไซน์เนอร์ เพื่อนของ น้ำหนึ่ง และมีลูกชายอายุประมาณ 2 ขวบชื่อ น้องกานต์ หญิงสาวพยายามตั้งสติ กับเรื่องต่างๆ ที่สำคัญ คือเธอต้องทำเหมือนรู้เรื่องทุกอย่างดี ระหว่างที่ต้องรีบทำงานส่งยดาที่ตามจิกเธอไม่เลิก
ในห้องประชุมของบริษัทสรรค์สื่อดี บังคม ซึ่งเป็นเจ้าของและบรรณาธิการบริหารเรียกประชุมบรรณาธิการทุกคนของนิตยสารในเครือ คือ สวรส บรรณาธิการ SEASON ทวี บรรณาธิการ THIRTY สาธิต บรรณาธิการดาราพาเหรด และ ศลิษา บรรณาธิการนิตยสารอิ่ม-สุข ในที่ประชุม นอกจากเรื่องสรุปยอดขาย แล้วยังมีเรื่องการพิจารณาหาตัวบรรณาธิการนิตยสาร SPRING ที่จะเปิดใหม่ แตกไลน์ออกมาจาก SEASON โดยจะเน้นกลุ่มคนทำงาน สวรสเสนอน้ำหนึ่ง โดยมีศลิษาสนับสนุน แต่ทวีไม่เห็นด้วย เขาเกรงว่าจะเกิดข้อครหาว่าน้ำหนึ่งได้ตำแหน่งนี้มาเพราะเป็นหลานสะใภ้ของสวรส เขาเสนอชื่อลูกศิษย์ของเขาที่ปัจจุบันเป็นบรรณาธิการอยู่กับนิตยสารคู่แข่ง ซึ่งทวีรับปากว่าจะดึงตัวมาได้แทน แต่สวรสก็ค้านเต็มที่จนทวีพูดว่า ถ้าจะให้น้ำหนึ่งได้ตำแหน่งนี้ เธอก็จะต้องพิสูจน์ความสามารถของตัวเองด้วยการไปสัมภาษณ์ เขมินทร์ ช่างภาพคนไทยที่เคยทำงานที่ SEASON ก่อนจะลาออกไปแล้วไปอยู่อเมริกา ทำงานจนมีชื่อสียงระดับโลกมาลงในคอลัมน์ดลได้ น้ำหนึ่งก็จะเป็นบรรณาธิการ SPRING ได้อย่างที่ไม่ใครครหา บังคมเห็นด้วยเพราะได้ข่าวมาเหมือนกันว่าเขมินทร์กลับมาเยี่ยมเมืองไทยเวลานี้พอดี บังคมสรุปให้น้ำหนึ่งทำงานนี้ ก่อนจะออกจากห้องประชุมไป สวรส มองทวีอย่างรู้ทันว่าเจตนาแกล้งเธอกับน้ำหนึ่ง เพราะเธอรู้ว่าเขมินทร์ไม่มีทางยอมให้สัมภาษณ์ง่ายๆ แน่นอน ในเมื่อเขมินทร์จาก SEASON ไปอย่างไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน โดยมีเธอเป็นต้นเหตุ เมื่อบังคมไปแล้ว สาธิต กับ ศลิษา ก็ออกไปจากห้องประชุม ทวี กับ สวรส จึงคุยกันตามลำพังอย่างเชือดเฉือน เพราะต่างก็เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรู ทวี กับ สวรส ตกลงกันว่า ถ้าน้ำหนึ่งสัมภาษณ์เขมินทร์ไม่ได้ สวรสต้องลาออกจาก SEASON ในทางกลับกัน ถ้าน้ำหนึ่งสัมภาษณ์เขมินทร์ได้ ทวีต้องเป็นฝ่ายลาออก
ยดา รู้เรื่องนี้โดยบังเอิญ เธอจึงแอบติดต่อกับ ทวี และเสนอว่า เธอจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้น้ำหนึ่งได้ไปสัมภาษณ์เขมินทร์ได้ และถ้าทำสำเร็จ และสวรสลาออกไป ทวีต้องสนับสนุนให้เธอเป็นบรรณาธิการ SEASON แทน ทวีไม่รับปากเต็มปากเต็มคำ แต่ก็พูดให้ความหวังยดาไว้มาก จนเธอมั่นใจว่าจะได้ขึ้นแทนตำแหน่งสวรสจริงๆ สิ่งที่ยดาไม่รู้คือ ทวีแอบอัดเสียงการสนทนาครั้งนี้ไว้ด้วย เมื่อออกจากห้องประชุม สวรสเรียกน้ำหนึ่งให้ไปพบและบอกเรื่องการสัมภาษณ์เขมินทร์ เธอย้ำเรื่องความสำคัญของงาน และการจะได้โปรโมทเป็นบรรณาธิการของ SPRING น้ำหนึ่งดีใจมาก สวรสเตือนว่างานนี้ไม่ง่าย ให้น้ำหนึ่งตั้งใจให้มากๆ หญิงสาวรับปาก และมั่นใจว่าต้องทำได้ แต่น้ำหนึ่งได้รู้ว่าทุกอย่างไม่ง่ายจริงๆ ยดาส่งงานให้เธอมากจนทำแทบไม่ทัน เย็นวันนั้น น้ำหนึ่งกลับถึงบ้านอย่างเพลียทั้งกายและใจ เธออยากกลับไปเมื่อสามปีก่อนจริงๆ เพื่อจะได้รับรู้สถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ และพร้อมจะรับมือกับมัน ทั้งเรื่องงานและการแต่งงานกับทรงกลด ซึ่งอยากจะให้เธอทำหน้าที่ “ภรรยา” ทุกคืน เธอเล่าให้อาม่าหยกฟังทุกอย่าง ก่อนจะสรุปว่าเธอต้องตามหาเจ้าแม่หมึกซีซ่าให้ได้เพื่อขอขมา และขอพรให้ย้อนเวลากลับไป อาม่าได้แต่ยิ้มให้กำลังใจเธอ ก่อนจะบอกว่าอาม่าต้องไปปฏิบัติธรรมหลายวันและบอกเธอว่า ทรงกลดเป็นคนดี รักน้ำหนึ่งมาก และไม่เคยทำอะไรที่ขัดใจน้ำหนึ่งเลยสักครั้ง คืนนั้นเธอยังคงนอนกับอาม่าต่อไป ไม่สนใจทรงกลดที่มองเธออย่างไม่เข้าใจว่า อะไรทำให้น้ำหนึ่งเปลี่ยนไป
น้ำหนึ่งหาเวลาตามหาเจ้าแม่หมึกซีซ่าอย่างจริงจัง เธอรู้สึกว่าอนาคตของเธอที่ข้ามเวลามามีแต่เรื่องที่น่าปวดหัว เธอสืบจนรู้ว่าร้านซีแซ่บเวอร์ปิดกิจการไปแล้ว และมาสคอตเจ้าแม่หมึกซีซ่าถูกย้ายไปเก็บที่ไหนก็ไม่มีใครรู้ วันต่อมา มนัสวี พาน้ำหนึ่งไปพบกับ ชาลี เพื่อนรุ่นน้องของเธอ ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายขายที่โรงพยาบาลเอกชน ที่เธอรับงานเขียนคอลัมน์ลงวารสารมาตามคำสั่งของยดา เมื่อพบกัน น้ำหนึ่ง ต้องระงับความตื่นเต้น เพราะชาลีคือชายหนุ่มสไตล์เกาหลีผู้ชายในฝันของเธอตลอดมา ไม่ใช่หนุ่มลูกครึ่งตาน้ำข้าวที่ชื่อทรงกลด ชาลีทำให้เธอหวั่นไหวจนอยากจะหาเจ้าแม่หมึกซีซ่าให้พบ เพื่อขอพรย้อนเวลากลับไป และจะได้หลีกเลี่ยงการแต่งงานกับทรงกลด
น้ำหนึ่งถูกกดดันเรื่องการติดต่อเขมินทร์ และได้รู้ว่าทรงกลดเป็นคนสำคัญที่ช่วยเธอได้ เมื่อเขาจำเขมินทร์ได้ว่าเป็นแฟนเก่าสวรส เขาพาเธอไปตามหาเขมินทร์จนพบตัวที่งานคืนสู่เหย้าที่สถาบันการศึกษาที่เขาเรียนจบมา เขมินทร์ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ และต่อรองให้สวรสมาสัมภาษณ์เขาเท่านั้น แต่น้ำหนึ่งก็ไม่ท้อใจ ทรงกลดช่วยสืบจนรู้ว่าเขมินทร์พักอยู่ที่วังภูผารีสอร์ท ธุรกิจของอรรณพซึ่งเป็นเพื่อนสนิท และเต็มใจขับรถพาเธอไปที่นั่นอีกด้วยในที่สุด ความพยายามก็ประสบความสำเร็จ เมื่อเพื่อนสนิทของพ่อทรงกลดจำได้ว่าอรรณพคือลูกศิษย์ ท่านเขียนจดหมายมาช่วยขอร้องอรรณพให้ช่วยพูดขอร้องกับเขมินทร์ จนช่างภาพคนดังยอมรับปาก วันนั้นทรงกลดพาน้ำหนึ่งหลบพายุฝนไปที่ไร่ของจำรัส แม้น้ำหนึ่งจะไม่เต็มใจนัก แต่เมื่อได้รู้ว่าทรรศิกาป่วยเป็นมะเร็ง ให้คีโมจนผมร่วง เธอก็ดีใจที่ทรงกลดพามาที่นี่ น้ำหนึ่งได้มีโอกาสปรับความเข้าใจกับมารดา และยอมรับจำรัสในฐานะ “พ่อเลี้ยง” ได้อย่างเต็มใจ เมื่อรู้ว่าเขาดูแลทรรศิกาดีเพียงใด นอกจากนั้นน้ำหนึ่งยังรู้สึกดีกับทรงกลด มากขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม น้ำหนึ่งก็ยังอยากตามหาเจ้าแม่หมึกซีซ่าอยู่ดี เธอหลอกให้ทรงกลดช่วย จนหาตัวมาสคอตเจอจนได้ น้ำหนึ่งให้เอากลับบ้านทำความสะอาดให้และแอบไหว้ขอพร ให้ได้ย้อนเวลากลับไปโดยไม่รู้ว่าทรงกลดแอบดูอยู่อย่างไม่เข้าใจ เช้าวันรุ่งขึ้น น้ำหนึ่งตื่นนอนแต่เช้าอย่างสดใส เธอมั่นใจว่าเจ้าแม่หมึกซีซ่าน่าจะให้พรเธอตามที่ขอแล้ว แต่เมื่อเธออกมาจากห้องอาม่า เห็นทรงกลดที่เดินหน้ามุ่ยลงมา น้ำหนึ่งนิ่งอึ้ง เสียใจที่ไม่ได้ย้อนเวลากลับไปตามที่ต้องการ เธอตั้งสติทำใจอยู่นาน จนตัดใจ และคิดว่าจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่ออนาคตที่ดีต่อไปจะดีกว่า
เวลาผ่านไป น้ำหนึ่งตั้งใจทำงานทำดี และค่อยๆ แก้ปัญหาในชีวิตไปทีละอย่าง เรื่องเขมินทร์ได้ข้อสรุปที่ดี ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับทรงกลดเริ่มดีขึ้น น้ำหนึ่งเข้าใจและรู้ตัวแล้วว่าเธอรักเขามากแค่ไหน ทรงกลดพิสูจน์ตัวเองว่าเขารักเธอมาก และพร้อมจะช่วยเธอทุกอย่าง เขาเคียงข้างเธอเสมอแม้ในยามทุกข์ใจ และเจอสถานการณ์ลำบากเพียงไหนก็ตาม สำหรับชาลี น้ำหนึ่งกับเขาตกลงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เมื่อทรงกลดเข้าใจผิด และหึงชาลีจนหมางเมินกับเธอ น้ำหนึ่งก็ง้อเขาอย่างน่ารัก อธิบายและบอกว่าเธอรักทรงกลด และจะเป็นภรรยาที่ดีของเขาตลอดไป ทรงกลดใจอ่อน เมื่อเห็นน้ำหนึ่งกลับมาเป็นน้ำหนึ่งคนเดิม ผู้หญิงที่เขารักมาก ชีวิตคู่กลับมามีความสุขอีกครั้ง
ที่ SEASON การแข่งขันระหว่าง ทวี และ สวรส รุนแรงขึ้น แต่ในที่สุด สวรส คือผู้ชนะเพราะ เขมินทร์ ยอมให้น้ำหนึ่งสัมภาษณ์ ทวี กับ ยดา สาวไส้หักหลังกันเองจนต้องถูกบีบออกจากบริษัททั้งสองคน ขณะที่ปัญหาของน้ำหนึ่งคลี่คลาย ทรงกลดกลับต้องเจอเรื่องปวดหัว เพราะเขารู้แล้วว่า วิธู เพื่อนรุ่นน้องที่เป็นครูประจำชั้น ขโมยเงินค่าเดินทางไปทัศนศึกษาของนักเรียนไป ไม่ใช่ เบญจ เพราะติดพนันฟุตบอลจนเป็นหนี้หลายแสนบาท ยังไม่ทันที่ทรงกลดจะไปพูดกับวิธูให้คืนเงินเด็กๆ เขาก็ต้องตามไปช่วยไม่ให้วิธูถูกนักเลงทวงหนี้นอกระบบซ้อมจนตาย โดยลืมคิดไปว่าพวกนั้นคงโกรธแค้นเขาเช่นกัน ทรงกลดกับวิธูไม่รู้ว่า เหตุการณ์นั้น อนันต์ ลูกศิษย์ของทั้งคู่ ได้แอบอัดคลิปเอาไว้ และโพสต์ลงสื่อออนไลน์ทันที โดยคิดไม่ถึงว่ามันจะนำอันตรายมาสู่ตัวเอง เมื่อพวกนักเลงตามมาหาเรื่อง ทรงกลด พยายามปกป้องอนันต์ กับ เบญจ และวิธู จนถูกแทงอาการสาหัส ซ้ำร้ายพวกมันยังสร้างสถานการณ์ โยนความผิดให้เบญจอีกด้วย ทรงกลดโชคดีที่มีชาวบ้านกับเพื่อนครูตามมาช่วยพาส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา
ที่ SEASON น้ำหนึ่งกำลังเตรียมตัวจะไปสัมภาษณ์เขมินทร์ตามที่นัดไว้ ก่อนที่เขาจะเดินทางกลับอเมริกา เพื่อนของทรงกลดก็โทรศัพท์มาบอกข่าวร้าย น้ำหนึ่งตกใจมากทำอะไรไม่ถูก เธออยากไปโรงพยาบาล แต่ก็ห่วงงาน สวรสเข้ามาช่วยแก้สถานการณ์ทันที เธอสั่งให้น้ำหนึ่งไปโรงพยาบาล และเธอจะไปสัมภาษณ์เขมินทร์ให้เอง เมื่อถึงสถานที่นัดหมายเขมินทร์แปลกใจที่พบสวรสแทนน้ำหนึ่ง แต่เขาก็ยอมให้สัมภาษณ์ เมื่อรู้เหตุร้ายที่เกิดกับทรงกลด การทำงานครั้งนี้ ทำให้เขมินทร์กับสวรสได้มีโอกาสปรับความเข้าใจกันไปด้วย เธอสบายใจเมื่อเขมินทร์บอกว่า การที่เขาประสบความสำเร็จในชีวิตได้ เป็นเพราะ คำพูดสบประมาทของใครบางคน แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่สวรส ก็รู้ดีว่าหมายถึงใคร
เขมินทร์ มองเธออย่างเข้าใจ และบอกว่าถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องวันนั้น เขาก็คงไม่มีวันนี้ ทั้งคู่ได้ปรับความเข้าใจกัน และกลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง ที่โรงพยาบาลสถานการณ์รุนแรงกว่าที่คิด ทรงกลดอาการหนักและยังอยู่ในห้องผ่าตัด น้ำหนึ่งพบเบญจ และได้รู้ความจริง เธอเชื่อเบญจ นอกจากเด็กหนุ่มแล้ว เธอได้พบ พจน์ หัวหน้านักเลงจอมโหดที่ขู่จะทำร้ายเธอกับทรงกลด สถานการณ์เลวร้ายจนน้ำหนึ่งทนไม่ไหวเธอรีบกลับบ้าน เรียกหาอาม่า หยก คนที่เธอรู้ว่าคือนางฟ้าตัวจริงที่ให้พรเธอ น้ำหนึ่งสืบจนรู้ว่าอาม่าหยกเสียชีวิตภายหลังที่เธอแต่งงานหนึ่งปี อาม่าหยกยอมปรากฏตัวออกมา และทำให้น้ำหนึ่งเห็นภาพในอดีต จนเข้าใจว่าเธอจะต้องกลับไปช่วยเบญจไม่ให้มีเรื่องกับเพื่อนที่โรงเรียน พ่อเบญจก็จะไม่ตาย เขาก็ไม่ต้องตกเป็นผู้สงสัยในเรื่องการขโมยเงิน ทรงกลดก็จะไม่ต้องไปข้องเกี่ยวกับการช่วยเหลือ วิธู กับ เบญจ จนบาดเจ็บสาหัสอย่างนี้ อาม่าบอกน้ำหนึ่งว่า วันที่น้ำหนึ่งมาขอพรเจ้าแม่หมึกซีซ่า เบญจก็มาขอพรเช่นกัน แต่ขอให้พ่อฟื้นขึ้นมา ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เบญจน่าสงสารมากหลังจากพ่อตาย จนอาม่าอยากช่วยเขา เรื่องของน้ำหนึ่งก็เช่นกัน แต่เพราะกฎของสวรรค์ คือห้ามช่วยลูกหลาน และฝ่าฝืนกฎแห่งความตาย นางฟ้าอาม่าจึงต้องเลี่ยงโดยใช้วิธีย้อนเวลากับน้ำหนึ่ง เมื่อเห็นว่าหลานสาวเข้าใจภารกิจที่ต้องทำแล้ว อาม่าหยก ก็ให้พรส่งน้ำหนึ่งย้อนเวลากลับมาในวันที่เกิดเรื่อง เมื่อสามปีก่อน
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง น้ำหนึ่ง ลืมตาแล้วพบว่าเธอยืนอยู่หน้าบ้าน ในวันที่ต้องไปสัมภาษณ์กาลรุจิ จริงๆ เธอพบอาม่าที่เพิ่งกลับจากใส่บาตร หญิงสาวกอดย่าแน่นก่อนจะรีบออกไป เรียกมอร์เตอร์ไซค์รับจ้าง โดยไม่สนใจรถของเธอที่ยางแบน น้ำหนึ่งไปที่โรงเรียนปราชญาวิทย์ เธอใช้สีระบายหน้าเป็นแฟนบอลเหมือนคนบ้า แล้วเข้าไปเบี่ยงเบนความสนใจ จากเบญจที่กำลังจะมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนได้สำเร็จ แต่กลับกลายเป็นว่าเด็กๆ กลับมารุมล้อมจะจับตัวเธอแทน น้ำหนึ่งดึงกริ่งเตือนสัญญาณไฟไหม้ ให้ดังขึ้นจนปั่นป่วนอลหม่านไปทั้งโรงเรียน เธอรีบวิ่งหนีจนไปชน ทรงกลด น้ำหนึ่งล้มลง รองเท้าคู่โปรดหลุดไปหนึ่งข้าง ชายหนุ่มพยุงตัวเธอให้ลุกขึ้น น้ำหนึ่งขอบคุณ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใคร เธอก็พูดไม่ออก ตาสวยใสสบตาทรงกลดอย่างตื่นเต้นดีใจ แต่ต้องรีบหนี เมื่อวิธูกับกลุ่มนักเรียนวิ่งตามมา
น้ำหนึ่ง กลับถึงบ้านอย่างทุลักทุเล หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นจริงๆ วันรุ่งขึ้น น้ำหนึ่งไปทำงาน โดนสวรสตำหนิเหมือนกับที่เธอรู้อยู่แล้ว ยดาได้รับคำชมจากผลงาน มนัสวีชวนไปเที่ยวแต่ที่ไม่เหมือนครั้งก่อนคือ เธอไม่ไปหามารดาและสวรสให้เธออยู่รอรับของที่จะมีคนมาส่งให้เพราะต้องเข้าประชุมด่วน น้ำหนึ่ง รีบทำงานและเตรียมเอกสาร เพื่อจะทำบัตรประชาชนกับใบขับขี่ใหม่ เพราะเมื่อวันที่ไปปราชญาวิทย์ เธอเผลอลืมกระเป๋าถือไว้ หญิงสาวทำงานเพลิน จนได้ยินเสียงทรงกลดมาถามหาสวรส น้ำหนึ่งเงยหน้าทันที สบตาคมที่จ้องอยู่แล้ว ชายหนุ่มเอากระเป๋ากับรองเท้ามาคืนเธอ เขาบอกว่าตั้งใจจะมาฝากไว้ที่สวรส แต่เจอตัวน้ำหนึ่งก็ดีแล้ว ชายหนุ่มพยายามพูดให้น้ำหนึ่งยอมรับว่าเป็นคนไปป่วนที่โรงเรียน และเขาอยากรู้ว่าเพราะอะไร น้ำหนึ่งปฏิเสธ แต่ต้องจำนนด้วยหลักฐาน เมื่อทรงกลดให้เธอลองสวมรองเท้าที่เอามาด้วย รองเท้าที่ผู้หญิงลึกลับทำตกไว้ น้ำหนึ่งสวมได้พอดี เธอยิ้มหวานอย่างประจบให้เขา ตาโตเป็นประกายพราวหวาน พูดเก้อๆ ว่าสวมพอดีเลย ทรงกลดมองรอยยิ้มและแววตาของน้ำหนึ่งเหมือนต้องมนตร์ เขาตัดสินใจทันทีว่าต้องทำความรู้จักกับเธอให้มากกว่านี้ ทรงกลดเลยบอกว่าขอรางวัลที่เอากระเป๋ามาคืน เป็นอาหารหนึ่งมื้อ แต่น้ำหนึ่งรู้ดีว่าเป็นเพราะเขาจะไม่บอกสวรสต่างหาก หญิงสาวอิดออดอย่างไม่เต็มใจ ทั้งที่ในใจตื่นเต้นมาก ทรงกลดขอเบอร์โทรศัพท์เธอไว้เพื่อนัดกันอีกครั้ง เมื่อเขาไปแล้ว น้ำหนึ่งกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจเธอหมายมั่นปั้นมือว่านัดครั้งแรกจะทำให้ทรงกลดประทับใจ เธอเตรียมแผนหว่านเสน่ห์เพื่อสานสัมพันธ์กับเขาจนแต่งงานกันให้ได้ แล้วเธอจะบอกความจริงทุกอย่างกับเขา น้ำหนึ่งยิ้มอย่างมั่นใจว่างานนี้ต้องสำเร็จ ทรงกลดไม่สามารถหนีรอดเงื้อมมือเธอไปได้ อย่างแน่นอน
เรื่องย่อ : พ่อมดเจ้าเสน่ห์ (2561/2018) หลังจากที่แนนนี่ แม่มดรุ่นที่ 3 แต่งงานไปกับมนุษย์ นครเวทมนตร์ก็เงียบสงบเรื่อยมา เช่นเดียวกับชีวิตของคุณยาย ทาฮีร่า ซึ่งตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่ยอมเลี้ยงแม่มดให้เสียดุลแก่มนุษย์อีกต่อไป โลกมนุษย์กับโลกของเวทมนตร์ก็ดูเหมือนจะขาดจากกัน ถ้าหากไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น นาดาล พ่อมดผู้รักสงบ ไม่ค่อยสนใจที่จะศึกษาเวทมนตร์ จนทำให้เป็นพ่อมดที่อ่อนด้อยคาถาอาคมมากที่สุด เขาพอใจจะมีชีวิตที่เรียบง่าย สุขสบายกับภรรยาสาวสวยคือ ฮันนา และลูกชายฝาแฝดแรกเกิดคือ โรม และ แมทธิว เด็กทั้งสองถึงแม้จะเป็นฝาแฝด แต่หน้าตาไม่เหมือนกันนัก จนกระทั่งความสุขสงบของครอบครัวนาดาลต้องถูกทำลายลงด้วยฝีมือของพวกตระกูล อัครเดโชชัย ซึ่งเป็นตระกูลล่าแม่มด บรรพบุรุษของตระกูลนี้เป็นศัตรูตัวฉกาจของบรรดาพ่อมดแม่มดทั้งหลาย โดยเหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อฮันนาถึงคราวต้องร่างสลายไป ทำให้เธอเกิดรุ่มร้อนอยากออกไปเที่ยวเล่นเมืองมนุษย์ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งคลอดลูกแฝดได้ไม่เท่าไหร่ นาดาลพยายามห้ามปรามด้วยความสังหรณ์ใจ แต่ก็ไม่สำเร็จ เขาจึงต้องจำใจไปกับฮันนาด้วย ทั้งสองท่องเที่ยวโลกมนุษย์อย่างเพลิดเพลิน จนหลงเข้าไปในบริเวณสวนดอกไม้อันงดงาม ของอาณาเขตอันกว้างใหญ่ และดูลึกลับของตระกูลอัครเดโชชัย โดย คุณตลับ ซึ่งต้องรับตำแหน่งหัวหน้าตระกูลแทน คุณพิชัย สามีผู้วายชนม์ด้วยน้ำมือของแม่มดผู้โหดร้ายตนหนึ่งชื่อ ลอร่า ลอร่าซึ่งรู้ว่าคุณพิชัยเป็นหัวหน้าตระกูลล่าแม่มด จึงใช้มารยาล่อลวงไปฆ่าทิ้ง สร้างความเคียดแค้นให้แก่คุณตลับเป็นอย่างมาก แม้เหตุการณ์จะผ่านมานานพอสมควร แต่ก็ไม่อาจลบล้างความแค้นของคุณตลับได้ ดังนั้นเมื่อฮันนากับนาดาลหลงเข้ามา คุณตลับจึงใช้เชือกวิเศษจับฮันนาซึ่งมีคาถาอาคมแก่กล้ากว่าสามี เข้าช่วยป้องกันเขาไว้ เธอจึงถูกจับแทน ส่วนนาดาลผู้หวาดกลัวหนีรอดไปได้ เพราะฮันนาไล่ให้กลับไปเลี้ยงลูกแฝดแทนเธอ ฮันนาถูกคุณตลับ และลูกชาย ลูกสะใภ้ รวมทั้ง ยายชด และ จัน หลานยายชด เผาร่างสลายไป โดย อุษณีย์ สะใภ้รอง ผู้มีจิตใจอ่อนโยนมีเมตตากรุณาเกิดความสลดใจเป็นอย่างยิ่ง และสังหรณ์ว่าจะมีเหตุร้ายเกิดตามมา นาดาลหนีซมซานกลับมาบ้านด้วยความเสียใจ และความคั่งแค้นอาฆาตพยาบาท การสูญเสียฮันนาไปต่อหน้าต่อตา ทำให้นาดาลผู้รักสงบเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาวางแผนนำแมทธิว ลูกแฝดคนน้อง ไปสับเปลี่ยนกับลูกชายซึ่งเพิ่งคลอดของครอบครัว ธงไชย และ กรองทอง ลูกชายคนโต และสะใภ้ใหญ่ของคุณตลับ เขาสะกดให้กรองทองตั้งชื่อลูกชายว่าแมทธิว และเขาตั้งชื่อหลานชายคุณตลับว่า เดวิด หลังจากนั้นเขาก็นำโรมแฝด แฝดคนพี่ ไปแอบทิ้งไว้ที่กระท่อมทาฮีร่า ด้วยทาฮีร่าเป็นแม่มดชั้นผู้ใหญ่ มีคาถาและอำนาจในเมืองเวทมนตร์ ถึงแม้จะป้ำ ๆ เป๋อ ๆ ด้วยวัยที่เข้าใกล้ 1,000 ปีไปแล้วก็ตาม ทาฮีร่าจึงได้เลี้ยงพ่อมดน้อยตามที่เคยคิดเล่น ๆ ไว้นานมาแล้ว ชีวิตของทาฮีร่ายังวุ่นวายได้อีก เมื่อ ชานนท์ หลานเขยคนที่สอง สามีของฮันนี่ ได้พาลูกสาวชื่อ โรซี่ มาฝากให้อบรมเลี้ยงดู เพราะหนูน้อยซนมาก แถมยังไม่กลัวใคร ประกอบกับได้ยีนด้อย ซึ่งทาฮีร่าเถียงว่าเป็นยีนเด่นของทางฝ่ายมารดา ทำให้โรซี่มีเวทมนตร์คาถาแบบแม่มดทั้งหลาย และใช้อย่างสนุกสนานตามประสาเด็ก ก่อให้เกิดความวุ่นวายมาก ไม่มีใครเอาอยู่ ดังนั้นฮันนี่จึงให้สามีพาโรซี่มาฝากให้คุณทวดช่วยเลี้ยง ทาฮีร่ารับไว้ โดยมีข้อแม้ว่าเธอจะสะกดให้โรซี่เป็นเด็กเล็ก ๆ ตลอดไป ชานนท์ไม่ยอม แต่ผลสุดท้ายตกลงกันได้ว่าพบกันคนละครึ่งทาง นั่นคือ เมื่อใดที่โรซี่พ้นจากอ้อมอกคุณทวดไปอยู่กับพ่อแม่ในโลกมนุษย์ เธอถึงจะโตเป็นสาวได้ตามวัย การที่ทาฮีร่าต้องกลับมารับเลี้ยงแม่มดอีกทำให้ ชิคเก้น เยาะเย้ยทาฮีร่าเป็นอย่างมาก โรม แมทธิว และเดวิด เติบโตขึ้นตามสภาพแวดล้อมที่หล่อหลอม โดยโรมเติบโตเป็นพ่อมดเจ้าเสน่ห์ เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติต่าง ๆ ครบถ้วน นั่นคือรูปงาม ฉลาดจนเรียนจบหมออยู่ในโรงพยาบาลเมืองเวทมนตร์ โรมอารมณ์ดี มีเมตตา มองโลกสวย ขี้เล่น กุ๊กกิ๊ก ในขณะที่แมทธิวได้รับการอบรมจากย่าตลับ เพื่อให้เป็นนักล่าแม่มด เขาจึงค่อนข้างเคร่งขรึม จริงจังกับชีวิต แมทธิวเรียนเก่งจนเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญประจำโรงพยาบาลเดโชชัย เขามีดวงตาสีเขียวเช่นเดียวกับโรม แต่ไม่มีใครสงสัย เพราะคิดว่าแมทธิวได้สืบทอดคุณสมบัตินี้มาจากต้นตระกูล ซึ่งเป็นชาวตะวันตก ส่วนเดวิดก็เรียนเก่งจนเป็นหมอประจำโรงพยาบาลเวทมนตร์เช่นเดียวกัน เขาเป็นคนเคร่งเครียด มุ่งมั่นศึกษาคาถาอาคมตามที่นาดาลต้องการ นาดาลเข้มงวดคอยบังคับ แถมยังโหดเหี้ยมใจร้ายใจดำกับเดวิด แต่เดวิดกลับมองว่าพ่อต้องการให้เขาแก้แค้นให้แม่ที่ถูกมนุษย์เผาทั้งเป็น ซึ่งเป็นเรื่องที่นาดาลฝังหัวเดวิดตั้งแต่เริ่มรู้ความ ถึงแม้เดวิดจะเป็นมนุษย์ แต่เขาสามารถเรียนคาถาอาคมได้ เนื่องจากสืบเชื้อสายมาจากพวกล่าแม่มด นาดาลเฝ้าดูความเจริญเติบโตทั้งร่างกาย จิตใจ และพัฒนาการความเก่งกล้าทางด้านคาถาอาคมของทั้งสามคนด้วยความพอใจ เขาวางแผนจะให้เดวิดฆ่าพ่อแม่พี่น้อง และย่าของตัวเองโดยความร่วมมือของโรมผู้เก่งกาจ และแมทธิวจะเป็นสายชั้นยอดให้เขา เมื่อทั้งโรมและแมทธิวรู้กำเนิดอันแท้จริงของตัวเอง ด้วยดวงชะตาที่ถูกกำหนดไว้แล้ว โรมได้พบกับ ณิศรา ตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อเขาหนีไปเที่ยวเมืองมนุษย์ตามคำชักชวนของโรซี่ ซึ่งแอบชวน โมนา แม่มดกำพร้าผู้หมั่นเพียรฝึกฝนเวทมนตร์จนเก่งกล้าเพื่อลบปมด้อยของตัวเอง โรมไม่ค่อยชอบณิศรานัก ด้วยเห็นว่าเป็นเด็กใจร้ายชอบรังแก มาริสา แต่เมื่อโมนาลงโทษความร้ายกาจของณิศรา โรมก็ช่วยเธอเอาไว้เพราะทั้งสองมีชะตาผูกพันกันมา ณิศราเป็นลูกสาวคนเล็กของ ไพจิตร และอุษณีย์ ถูกตามใจจนนิสัยเสีย โดยชอบแกล้งมาริสาซึ่งเป็นลูกของธงไชยกับจัน หลานยายชด ด้วยแรงยุยงของ กุลนภา ซึ่งเป็นลูกของธงไชยและกรองทอง ณิศราเองก็ถูกโมนากลั่นแกล้งเช่นกัน ซึ่งบางครั้งก็เกือบถึงแก่ชีวิต เพราะโมนารู้ว่าโรมและณิศรามีดวงชะตาผูกพันกัน แมทธิวนั้นก็มีดวงชะตาผูกพันกับมาริสา เขารู้สึกเอ็นดู และเมตตาเธออย่างลึกซึ้ง เช่นเดียวกับมาริสาซึ่งรักและภาคภูมิใจ ห่วงใยพี่ชายคนนี้มาก แต่ความรู้สึกเหล่านี้ถูกเข้าใจว่าเป็นเพราะความเป็นพี่น้องกัน โรม เดวิด และโมนาก็ได้สมัครมาเป็นหมอที่โรงพยาบาลเดโชชัย โดยโรมและโมนาอยากเรียนรู้และรู้จักมนุษย์ให้มากขึ้น ประกอบกับนาดาลซึ่งเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลเวทมนตร์ยุยงแบบเนียน ๆ ส่วนเดวิดก็ไปด้วยเพราะเป็นคำสั่งของบิดา ปฏิบัติการแก้แค้นของนาดาลเริ่มขึ้นแล้ว ที่โรงพยาบาลเดโชชัย บุคลากรที่นั่นรวมทั้งคนไข้ต้องประสบกับความแปลกประหลาด และความวุ่นวายต่าง ๆ นานา ซึ่งปกติก็วุ่นวายอยู่แล้ว เพราะคนไข้กิตติมศักดิ์ชื่อ คุณปรารถนา เธอคิดว่าเธอเดือดร้อนเพราะยุงมาปัสสาวะรดเกลื่อนกราดในห้อง และเมื่อทาฮีร่าปลอมตัวมาในรูปแบบต่าง ๆ พยาบาลบ้าง คนไข้บ้าง ยิ่งทำให้คุณเพ็กกี้เจอสิ่งประหลาด ๆ มากขึ้น ในที่สุดความปรารถนาของนาดาลก็ประสบผลสำเร็จ เดวิด แมทธิว และโรมเข้าทำร้ายทำลายตระกูลเดโชชัย นาดาลใช้พลังชีวิตของตัวเองเพื่อผลักดันให้ทุกอย่างเป็นไปตามความประสงค์ โดยนาดาลยอมแลกกับชีวิตของตัวเอง ซึ่งผลสุดท้ายพลังชีวิตของนาดาลก็แตกดับไปจริง ๆ ความเคียดแค้นทั้งหลายจบลงได้ด้วยทาฮีร่า ซึ่งพยายามเรียกสติของโรม และแมทธิวคืนมา เมื่อความจริงทุกอย่างเปิดเผยพร้อม ๆ กับร่างที่ใกล้สลายของนาดาล ทุกคนอโหสิกรรมให้แก่กัน โรมลงเอยกับณิศรา แมทธิวกับมาริสา โมนาพยายามตัดใจจากโรมและพยายามให้กำลังใจเดวิดด้วยความสงสาร ชิคเก้นเยาะเย้ยทาฮีร่าที่แม้จะเปลี่ยนมาเลี้ยงพ่อมดก็ยังต้องเสียดุลให้มนุษย์ผู้หญิงไป ทาฮีร่าเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ว่า เธอยังเหลือโรซี่ และโรซี่จะไม่มีวันทำให้เธอผิดหวัง เพราะนิสัยเหมือนเธอมาก แต่เมื่อสบนัยน์ตาเจ้าเล่ห์ของโรซี่ และคำพูดของโรซี่ที่ว่า "เธอชักจะชอบโลกมนุษย์" ก็ทำให้ทาฮีร่าเริ่มไม่แน่ใจ ติดตามชมความสนุกของละคร พ่อมดเจ้าเสน่ห์ ได้ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 ละคร พ่อมดเจ้าเสน่ห์ เริ่มตอนแรกวันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม 2561
เรื่องย่อ : สังข์ทอง (2561/2018) กาลปางก่อนมี พระเจ้าพรหมทัต (ท้าวยศวิมล) ครองเมืองพรหมนคร (เมืองยศวิมล) พระเจ้าพรหมทัตมีมเหสีสององค์ มเหสีฝ่ายขวาชื่อ พระนางจันทราเทวี (นางจันเทวี) มเหสีฝ่ายซ้ายชื่อ พระนางสุวรรณจัมปากะ (นางจันทา) พระเจ้าพรหมทัตโปรดมเหสีฝ่ายซ้ายมาก ต่อมามเหสีทั้งสองทรงครรภ์ โหรทำนายว่าบุตรของมเหสีฝ่ายขวาเป็นชาย ส่วนมเหสีฝ่ายซ้ายเป็นหญิง พระนางสุวรรณจัมปากะรู้สึกเสียใจที่จะได้ธิดาแทนที่จะเป็นโอรส และเกรงว่าพระนางจันทราเทวีจะได้ดีกว่า จึงใส่ร้ายพระนางจันทราเทวีจนพระเจ้าพรหมทัตหลงเชื่อขับไล่พระนางจันทราเทเวีออกจากพระราชวัง พระนางจันทราเทวีเดินทางด้วยความยากลำบาก เมื่อถึงชายป่านอกเมือง ยายตาสองคนสงสาร จึงชวนให้พักอยู่ด้วย โอรสในครรภ์ของพระนางจันทราเทวีเห็นความยากลำบากของพระมารดา จึงแปลงกายเป็นหอยสังข์เพื่อไม่ให้พระมารดาต้องลำบากเลี้ยงดู เมื่อครบกำหนดคลอด พระนางจันทราเทวีก็คลอดโอรสออกมาเป็นหอยสังข์ ซึ่งพระนางก็รักใคร่ เลี้ยงดูเหมือนลูกมนุษย์ วันหนึ่งพระนางจันทราเทวี ออกจากบ้านไปช่วยตายายเก็บผักหักฟืน ลูกน้อยในหอยสังข์ก็ออกจากรูปหอยสังข์ช่วยปัดกวาดบ้านเรือน และหุงหาอาหารไว้ พอเสร็จก็กลับเข้าไปในรูปหอยสังข์ตามเดิม พระนางจันทราเทวี เมื่อกลับมาก็แปลกใจ ว่าใครมาช่วยทำงาน และเมื่อนางจันทราเทวีออกจากบ้านไป ลูกน้อยในหอยสังข์ก็จะออกมาทำงานบ้านให้เรียบร้อยทุกครั้ง พระนางจันทราเทวีอยากรู้ว่าเป็นใคร วันหนึ่งจึงทำทีออกจากบ้านไปป่าเช่นเคย แต่แล้วก็ย้อยกลับมาที่บ้าน โอรสในหอยสังข์ก็ออกมาทำงานบ้าน พระนางจันทราเทวีเห็นโอรสเป็นมนุษย์ก็ดีใจ จึงทุบหอยสังข์เสีย และกอดโอรสด้วยความยินดี พร้อมกับตั้งชื่อให้ว่า "สังข์ทอง" เมื่อพระเจ้าพรหมทัตรู้ข่าวว่า พระนางจันทราเทวีประสูติพระโอรส ก็ยินดีจะรับพระนางจันทราเทวีกลับ พระนางสุวรรณจัมปากะเทวีริษยาจึงได้เท็จทูลว่า พระโอรสเดิมเป็นหอยสังข์ พระเจ้าพรหมทัตก็หลงเชื่อเกรงจะเป็นกาลกิณีต่อบ้านเมือง จึงให้อำมาตย์จับพระนางจันทราเทวีและลูกน้อยสังข์ทองใส่แพลอยไป เมื่อแพลอยออกทะเล เกิดพายุใหญ่แพแตก พระนางจันทราเทวีถูกคลื่นซัดลอยไปติดที่ชายหาดเมืองมัทราษฎร์ พระนางก็เดินทางซัดเซพเนจรไปอาศัยบ้านเศรษฐีเมืองมัทราษฎร์ชื่อธนัญชัยเศรษฐี และทำหน้าที่เป็นแม่ครัว ฝ่ายพระสังข์ทองนั้นจมน้ำลงไปยังนาคพิภพ พระยานาคมีจิตสงสารจึงเนรมิตเรือทอง แล้วอุ้มพระสังข์ทองใส่ไว้ในเรือ เรือทองลอยไปถึงเมืองยักษ์ซึ่งนางยักษพันธุรัตปกครองอยู่ นางยักษ์เห็นพระสังข์ทองในเรือทองเกิดความรักใคร่เอ็นดู จึงนำพระสังข์ทองมาเลี้ยงดูในปราสาท และให้พี่เลี้ยงนางนมแปลงร่างเป็นคน เพื่อมิให้พระสังข์ทองหวาดกลัว พระสังข์ทองก็เติบโตอยู่กับนางยักษ์พันธุรัต นางยักษ์พันธุรัตปกติจะต้องออกไปหาสัตว์ป่ากินเป็นอาหาร เมื่อนางออกไปป่าก็จะไปครั้งละสามวันหรือเจ็ดวัน ทุกครั้งที่ไปก็จะสั่งพระสังข์ทองว่า อย่าขึ้นไปเล่นบนปราสาทชั้นบนและในสวน พระสังข์ทองก็เชื่อฟัง แต่เมื่อโตขึ้นก็เกิดความสงสัยอยากรู้ วันหนึ่งเมื่อนางยักษ์พันธุรัตไปป่า พระสังข์ทองก็แอบไปในสวนส่วนที่ห้ามไว้ เห็นกระดูกสัตว์และคนที่นางยักษ์กินเนื้อแล้วทิ้งกระดูกไว้เป็นจำนวนมาก พระสังข์ทองเห็นเช่นนั้นก็ตกใจ นึกรู้ว่ามารดาเลี้ยงเป็นยักษ์ก็รู้สึกหวาดกลัว และเมื่อเดินต่อไปเห็นบ่อเงินบ่อทองสวยงาม พอพระสังทองเอานิ้วก้อยจุ่มลงไปนิ้วก็กลายเป็นสีทอง พระสังข์ทองจึงลงไปอาบทั้งตัวร่างกาย ก็กลายเป็นสีทองงดงาม แล้วพระสังข์ทองก็ขึ้นไปบนปราสาทชั้นบน เห็นเกราะรูปเงาะป่า เกือกทอง และพระขรรค์ พระสังข์ทองเอาเกราะเงาะป่ามาสวม ก็กลายร่างเป็นเงาะป่า พอใส่เกือกทองก็รู้สึกว่าลอยได้ พระสังข์ทองจึงหยิบพระขรรค์ แล้วเหาะหนีออกจากเมืองยักษ์ และข้ามแม่น้ำไปยังเมืองตักศิลา ตกเย็นจึงพักอยู่ที่ศาลาริมน้ำ ฝ่ายนางยักษ์กลับมาไม่เห็นลูก และขึ้นไปที่ปราสาทชั้นบน เห็นเกราะรูปเงาะป่า เกือกทอง และพระขรรค์หายไป ก็รู้ทันทีว่า พระสังข์ทองรู้ว่าตนเป็นยักษ์แล้วหลบหนีไป นางจึงเหาะตามไป เมื่อถึงฝั่งน้ำเห็นพระสังข์ทองพักอยู่ นางไม่สามารถเหาะข้ามไปได้ จึงร้องไห้ อ้อนวอนให้พระสังข์ทองกลับไป พระสังข์ทองยังหวาดกลัวจึงไม่ยอมกลับ นางพันธุรัตเสียใจจนหัวใจแตกสลาย แต่ก่อนตายนางก็สอนมนต์หาเนื้อหาปลาให้ พระสังข์ทองแล้วนางก็สิ้นใจตาย พระสังข์ทองรู้สึกเสียใจมากหลังจากได้จัดเผาศพนางยักษ์แล้ว พระสังข์ทองก็เหาะเดินทางไปเมืองพาราณสี และได้ไปอาศัยชาวบ้านช่วยเลี้ยงโค พระสังข์ทองตอนนี้รูปร่างเป็นเงาะป่าพวกเด็กเลี้ยงโคก็มาเล่นสนิทสนมกับพระสังข์ทอง ที่เมืองพาราณสีนี้เจ้าเมืองมีธิดา 7 องค์ เจ้าเมืองคิดจะให้พระธิดาทั้ง 7 องค์ได้อภิเษกสมรส จึงมีรับสั่งให้ประกาศแก่เจ้าผู้ครองนครต่างๆ ให้ส่งโอรสมาให้พระธิดาเลือกพระธิดาทั้ง 6 องค์ ก็เลือกได้เจ้าชายที่เหมาะสม แต่พระธิดาองค์สุดท้องชื่อ "รจนา" ไม่ยอมเลือกเจ้าชายองค์ใด เจ้าเมืองพาราณสีทรงกริ้วมากจึงประชดโดยให้อำมาตย์ไปประกาศให้ชายทุกคนในเมือง ให้เข้ามาในวังให้พระราชธิดาเลือก พระสังข์ทองในรูปเงาะป่าก็ถูกเกณฑ์เข้ามาด้วย เมื่อนางรจนาออกมาเลือกคู่ บุญบันดาลให้เห็นรูปทองของพระสังข์ทองแทนที่จะเป็นเงาะป่า นางจึงเลือกเงาะป่า เจ้าเมืองพาราณสีกริ้วมากขับไล่นางรจนาออกไปอยู่นอกเมือง เจ้าเมืองพาราณสีมีความแค้นเคืองเงาะป่าคิดจะกำจัด จึงออกคำสั่งให้เขยทั้ง 6 และเงาะป่า ไปหาเนื้อมาคนละตัว ใครหามาไม่ได้จะถูกประหารชีวิต เงาะป่าเข้าไปในป่าถอดรูปเงาะออกแล้วร่ายมนต์เรียกเนื้อ เนื้อทั้งหลายก็มาอยู่ที่พระสังข์ทอง 6 เขยหาเนื้อทั้งวันก็ไม่ได ้จนกระทั่งมาพบพระสังข์ทอง ซึ่ง 6 เขยคิดว่าเป็นเทวดา 6 เขยจึงขอเนื้อจากพระสังข์ทอง พระสังข์ทองให้โดยขอตัดใบหูคนละหน่อย 6 เขยยอม ทั้งหมดจึงนำเนื้อไปให้เจ้าเมืองพาราณสี เจ้าเมืองพาราณสียังทำร้ายเงาะป่าไม่ได้ก็แค้นใจ จึงมีคำสั่งให้เขยทุกคนหาปลาไปถวาย พระสังข์ทองก็ถอดรูปเงาะป่าแล้วร่ายมนต์เรียกปลา ปลาก็มาออคับคั่งอยู่ที่พระสังข์ทอง 6 เขยหาปลามาไม่ได้ทั้งวัน และเมื่อพบปลามาอออยู่ที่พระสังข์ทองก็กราบไหว้อ้ออนวอนขอปลา พระสังข์ทองยกให้โดยขอตัดปลายจมูกหกเขยคนละหน่อย แล้วหกเขยกับเงาะป่านำปลาไปถวายเจ้าเมืองพาราณสี เจ้าเมืองพาราณสีขัดแค้นใจที่ทำอันตรายเงาะป่าไม่ได้ ก็เฝ้าคิดหาวิธีการอื่นที่จะกำจัดเงาะป่า พระอินทร์บนสวรรค์ทราบถึงการคิดร้ายของเจ้าเมืองพาราณสีต่อเงาะป่าจึงลงมาช่วย โดยเหาะลงมาลอยอยู่หน้าพระที่นั่งของเจ้าเมืองพาราณสี และกล่าวท้าทายว่าให้เจ้าเมืองพาราณสีหาคนดีมีฝีมือเหาะขึ้นมาตีคลีกับพระอินทร์บนอากาศ ภายใน 7 วัน ถ้าหาไม่ได้ก็จะฆ่าเจ้าเมืองพาราณสี เจ้าเมืองพาราณสีตกใจมาก ให้ 6 เขยและบรรดาเสนาอำมาตย์ช่วยกันหาผู้อาสาเหาะไปตีคลี ทุกคนก็จนปัญญา เจ้าเมืองพาราณสีจึงให้ป่าวประกาศว่าผู้ใดที่สามารถเหาะไปตีคลีกับพระอินทร์บนอากาศได้ จะยกราชสมบัติให้ แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดมาอาสา นางมณฑาเทวีพระมเหสีของเจ้าเมืองพาราณสี จึงแอบไปหานางรจนาและขอให้นางรจนาอ้อนวอนให้เงาะป่าช่วย เงาะป่าสงสารทั้งสองนางจึงรับปาก และในวันที่ 7 เงาะป่าก็ถอดรูปเป็นพระสังข์ทอง ใส่เกือกแก้วเหาะขึ้นไปตีคลีกับพระอินทร์จนชนะ พระอินทร์ก็กลับไปบนสวรรค์ เจ้าเมืองพาราณสีดีพระทัยมากได้ขอโทษพระสังข์ทองและยกราชสมบัติให้ตามสัญญา พระสังข์ทองขอลาไปตามหาพระนางจันทราเทวีก่อน พระสังข์ทองเดินทางไปตามเมืองต่างๆ จนกระทั่งมาถึงเมืองมัทราษฎร์ จึงไปสืบถามที่บ้านธนัญชัยเศรษฐีว่ารู้จักหญิงที่ชื่อจันทราเทวีหรือไม่ ธนัญชัยเศรษฐีบอกว่าไม่รู้จัก แต่ก็เชิญพระสังข์ทองอยู่รับประทานอาหาร พระสังข์ทองสังเกตว่าอาหารมีรสปราณีต ซึ่งผู้ทำจะต้องเป็นผู้ทำอาหารถวายพระเจ้าแผ่นดิน จึงขอพบแม่ครัวและซักถามประวัติ ก็ทราบว่าเป็นพระนางจันทราเทวีจึงดีใจมาก และขอธนัญชัยเศรษฐีที่จะรับพระมารดากลับไป พระสังข์ทองนำพระมารดากลับไปอยู่ที่เมืองพาราณสี พระสังข์ทองปกครองเมืองพาราณสีจนเจริญรุ่งเรือง กิติศัพท์แพร่ไปยังนครอื่นๆ จนถึงเมืองพรหมนคร ชาวเมืองพรหมนครก็อพยพมาอยู่เมืองพาราณสี เสนาอำมาตย์เมืองพรหมนครจึงทูลเสนอพระเจ้าพรหมทัตว่า พระสังข์ทองพระราชโอรสครองเมืองพาราณสี มีความสามารถทำให้รุ่งเรือง จึงเห็นสมควรที่จะอัญเชิญพระสังข์ทองมาครองเมืองพรหมนครเพื่อสร้างความเจริญ พระเจ้าพรหมทัตเมื่อทรงทราบว่าพระโอรสยังมีชีวิตอยู่และมีความสามารถก็ยินดี และสำนึกผิดให้อำมาตย์ผู้ใหญ่ไปเมืองพาราณสีและทูลเชิญพระสังข์ทอง พระนางจันทราเทวี กลับเมืองพรหมนคร พระสังข์ทองสงสารพระบิดา จึงอ้อนวอนพระมารดาให้อภัยพระเจ้าพรหมทัตและเดินทางกลับเมืองพรหมนคร พระเจ้าพรหมทัตก็มอบราชสมบัติให้พระสังข์ทอง ปกครองบ้านเมืองเป็นสุขสืบมา
เรื่องย่อ : นักรบตาปิศาจ (2560/2017) นักรบตาปิศาจ เป็นละครแนวแอ็คชั่นดราม่าไซไฟ เมื่อจู่ ๆ เกิดเหตุการณ์ลักพาตัว หนุ่มสาวหน้าตาดีหายตัวไปอย่างลึกลับหลายราย ประกอบกับในเวลาเดียวกันในกรมทหารแห่งหนึ่งมีการสัมมนาลับตามข้อตกลงระหว่างประเทศ เพื่อพัฒนาศักยภาพของกองทัพและประสิทธิภาพของอาวุธ โดยหนึ่งในนั้นมีอาวุธสำคัญ "ดวงตาปิศาจ Evil Eyes" มีอำนาจการทำลายล้างสูงสามารถใช้แทนดวงตาของมนุษย์ทำงานได้ด้วยอุณหภูมิความร้อนของร่างกาย แต่ต้องผ่านการฝึกฝนการควบคุมการใช้งานให้แม่นยำ ซึ่งเป็นที่สนใจของนายทหารหนุ่ม พันตรี อัคคี (บิ๊กเอ็ม กฤตฤทธิ์) พร้อมเสนอตนเองเข้ารับการทดลองผ่าตัดเปลี่ยนดวงตาเพื่อใส่อาวุธนี้เข้าไป แต่ไม่ได้รับการอนุมัติจากผู้บังคับบัญชา จากนั้นชีวิตของอัคคีกำลังจะไปได้สวยมีครอบครัวที่พร้อมสมบูรณ์ด้วยภรรยาแสนสวยที่กำลังจะมีทายาทน้อย ๆ ออกมาให้ชื่นชม กลับถูกคนร้ายจับตัวทั้งคู่พร้อมลูกน้อยในท้องไปด้วยเหตุผลที่คนร้ายบอกว่าทั้ง อัคคีและวิชชุดา ผู้เป็นภรรยา มีหน่วยก้านหน้าตาดีพร้อมที่จะเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่ดี แต่เมื่อคนร้ายซึ่งเป็นขบวนการค้ามนุษย์รู้ว่าเธอท้องก็ถูกฆ่าทิ้งพร้อมลูกในท้องอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าต่อตา พร้อมเสียงสั่งการให้จัดการควักดวงตาของอัคคีทีละข้าง จนเสียดวงตาข้างขวาไป แต่ขณะรอเวลาเพื่อจะควักดวงตาอีกข้าง อัคคีถูกจับไปขังรอไว้ ทำให้ก็พบว่ามีคนหนุ่มสาวที่หายตัวไปประสบชะตากรรมคล้ายกับตนนั่นเอง จึงวางแผนเพื่อหนีกลับมาที่กองทัพและได้รับการช่วยเหลือจากผู้บังคับบัญชา จากนั้นถูกส่งเข้ารับการผ่าตัดทดลองใส่ดวงตาปิศาจ Evil Eyes ในช่วงเวลาเดียวกันที่อัคคีถูกจับก็มีอีกครอบครัวที่ประสบชะตากรรมเหมือนกัน คือตำรวจสาว วิชชุดา (เนย ปภาดา) และน้องสาวถูกคนร้ายจับตัวไปในวันนั้นน้องสาวของเธอถูกข่มขืนและฆ่าตาย แต่เธอหนีออกมาได้กลับมารายงานเรื่องเบาะแสของคดีลักพาตัวให้หัวหน้าฟัง ซึ่งกำลังคัดเลือกหญิงสาวฝีมือดีทำงานลับเรื่องนี้ ซึ่งวิชชุดาสมัครรับการคัดเลือกทันทีพร้อมตำรวจสาวอีก 3 นาย พร้อมให้ข้อมูลในการตามหาตัวทหารระดับสูงที่ประสบเหตุแต่หนีรอดมาได้เพียงคนเดียวเพื่อใช้เป็นเบาะแสแต่ก็หาไม่พบ จนกระทั่งตำรวจสาวทั้ง 4 ออกหาเบาะแสจนไปมีเรื่องโดยบังเอิญกับน้องสาวเจ้าของโรงพยาบาลที่มีชื่อด้านการบริจาคและช่วยการกุศล พรทิพา (กระติ๊บ ชวัลกร) สวยทรงเสน่ห์หลงใหลผู้ชายอย่างหนัก แต่เบื้องหลังคือหาผู้ชายหน้าตาดีไปเป็นพ่อพันธุ์เพาะมนุษย์ค้าขาย ระหว่างนั้นอัคคีพักรักษาตัวได้รับการดูแลจาก ประกายดาว ลูกสาวของผู้บังคับบัญชา แต่ต่อมาเธอกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย อัคคีรอช้าไม่ได้จึงพยายามออกสืบหาคนร้ายที่กระทำกับตนและคนอื่น ๆ แม้จะถูกส่งตัวไปพักรักษายังค่ายฝึก ทำให้ค้นพบอานุภาพของ ดวงตาปิศาจ และพยายามหาทางหนีออกมาตามล่าจนกระทั่งพบเบาะแสของคลินิกที่รับสินค้าเกี่ยวพันกับการค้ามนุษย์ พร้อมแฝงตัวเข้าไปขอรับการผ่าตัดดวงตาเพื่อสืบหาต้นตอแต่พลาดท่าและคนร้ายหนีไปได้ ด้านอัคคีก็ไม่รอดพ้นจากการถูกติดตามและได้รับความช่วยเหลือจากวิชชุดา ในที่สุดเขาก็ยอมจำนนให้เธอร่วมงานนี้ด้วย การสืบหาการหายไปของหนุ่มสาวหน้าตาดีอย่างไร้ร่องรอย รวมถึงการไล่ล่าทำลายเหล่าร้ายกลุ่มค้ามนุษย์ที่มีหน้าฉากเป็นโรงพยาบาลดัง ซึ่งความคับแค้นในใจของอัคคีที่แฝงไปกับการพัฒนาอาวุธลับทางการทหาร ตาปิศาจ EVIL EYES ในตัวนายทหารหนุ่ม จะสามารถจัดการกับอาชญากรและทำลายล้างองค์กรอาชญากรรมได้หรือไม่
เรื่องย่อ : อกธรณี (2560/2017) รถสามล้อถีบที่ชายหนุ่มชาวกรุง ลอย (เขตต์ ฐานทัพ) นั่ง กำลังผ่านโบสถ์พราหมณ์และหอพระอิศวรมาถึงตลาดท่าม้าและเบรกหยุดลงทันที ทันใดนั้น กำไล (ทับทิม-อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์) ที่กำลังรำนำหัวขบวนได้เจอกับลอย ด้วยความดีใจเธอทิ้งขบวนมาหาเขา และบอกว่าลอยมาได้เวลาดอกนุ่นบานพอดี คำพูดนั้นดึงให้ภาพในอดีตหวนกลับมาสู่ลอย คืนดอกนุ่นบานมีความหมายกับเขายิ่งนัก ย้อนกลับไปในวัยเด็ก ลอย บุญลือ เด็กชายผู้ไม่มีพ่อแม่อาศัยอยู่กับ ย่าจันทร์ (เมตตา รุ่งรัตน์) ลอยเป็นคนขี้เกียจเรียน แต่ย่าก็ไม่ได้ให้เลิกเรียน ในชีวิตรั้วโรงเรียนลอยเป็นไม้เบื่อไม้เมากับหัวโจกลูกนายอำเภอ ถวิล วิทยพันธุ์ (อู-ภาณุ สุวรรณโณ) และลูกไล่ 2 คนชื่อ สมพงษ์ (วรพรต ชะเอม) กับ เอียด (ฉัตรมงคล บำเพ็ญ) ตลอดเวลา วันหนึ่ง โฉม (ปิยะดา เพ็ญจินดา) แม่ของลอยจะมารับไปอยู่ด้วย ย่าจึงตัดสินใจเล่าเรื่องของพ่อแม่ให้ลอยฟัง ว่าลอยเป็นลูกนายอำเภอพ่อเดียวกับถวิลทำให้ลอยรู้สึกตกใจมาก ด้านชีวิตการเรียนลอยโชคดีที่มี สารภี (ไอซ์-อธิชนัน ศรีเสวก) พี่สาวของกำไลคอยช่วยติวหนังสือให้ ความสนิทสนมของทั้งคู่กลายเป็นความรักเมื่อทั้งคู่โตเป็นหนุ่มสาว ชีวิตของลอยกำลังดำเนินไปด้วยดี จนวันหนึ่งลอยได้รับข่าวร้ายที่สุดในชีวิตว่าย่าจันทร์ตาย ลอยจึงต้องใช้ความรู้ในการทำขนมจากย่าจันทร์ทำขนมขาย โดยมีสารภีและกำไลเป็นผู้ช่วย ลอยส่งเสียตัวเองจนเรียนจบมัธยม 6 เขาบอกสารภีว่าจะไปเรียนต่อที่โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย กรุงเทพฯ เพื่อให้มีความรู้สูง ๆ จะได้กลับมาสร้างเนื้อสร้างตัวเป็นหน้าเป็นตาแก่สารภี ตลอดเวลาที่อยู่กรุงเทพฯ ลอยและสารภีเขียนจดหมายรักถึงกันเสมอ ณ วันนี้ ลอยกลับมาบ้านเกิด ลอยให้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอสารภีจาก ผู้ใหญ่คล้อย (วันชัย เผ่าวิบูล) พ่อของสารภีและกำไล แม้ผู้ใหญ่คล้อยจะไม่เต็มใจแต่ก็ไม่ขัดขวางความรักของลูกสาว ก่อนถึงวันแต่งงาน ครูสมพงษ์ ผู้ที่แอบรักสารภีก็ยังไม่เลิกหาทางช่วงชิงสารภีจากลอยทุกวิถีทาง วันหนึ่งคล้อยมีธุระไม่อยู่บ้านแต่ด้วยความเป็นห่วงภรรยา นางผ่อง (วรารัตน์ เทพโสธร) แม่ของสารภีกับกำไล เพราะเป็นโรคหัวใจเจ็บออด ๆ แอด ๆ อยู่ นายคล้อยจึงย้ำให้สารภีดูแลแม่เพียงคนเดียวเท่านั้น สารภีกีดกันไม่ให้กำไลดูแลแม่ กำไลร้องไห้หนักมากจนเผลอหลับไป กำไลตื่นเพราะเสียงฟ้าร้องเธอจึงเดินไปห้องสารภี เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในความมืด เมื่อลอยเข้าใจผิดคิดว่ากำไลเป็นสารภีจึงกอดจูบ ซึ่งด้วยความรักที่ฝังลึกในใจทำให้กำไลยินยอมมอบความสาวให้แก่ชายที่เธอรักโดยมิหวังผลตอบแทนใด ๆ และจะไม่มีวันที่ใครจะรู้ นอกจากเธอคนเดียว แต่เมื่อรุ่งสางทันทีที่สารภีเปิดประตูกลับเข้าห้องนอนตนเองภาพที่เห็น คือ ลอยนอนกอดกำไลอยู่บนเตียงของเธอ ! เธอถอดแหวนหมั้นปาใส่หน้าลอย ประกาศตัดขาดลอย ทำให้นางผ่องโรคหัวใจกำเริบเสียชีวิต คล้อยและสารภีโกรธกำไลและลอยมาก ถึงกับประกาศไล่กำไลออกจากบ้านและห้ามมาร่วมงานศพผู้เป็นแม่ กำไลร้องไห้ซบลงกับผืนดินกราบศพแม่ น้าแม้น (ครูมืด-ประสาท ทองอร่าม) มาชวนกำไลให้ไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน ลอยรู้สึกผิดขอโอกาสชดใช้สิ่งที่เขาทำด้วยการขอกำไลแต่งงาน กำไลไม่ตกลงและหนีไปโดยทิ้งจดหมายบอกว่าเธอไม่มีวันแต่งงานกับลอยเด็ดขาด กำไลไปอยู่บ้าน เมี้ยน น้องสาวของแม้นอีกหมู่บ้านหนึ่ง วันหนึ่งสารภีรู้สึกตัวว่าท้องจึงต้องยอมแต่งงานกับลอยทั้งที่ความรักกลายเป็นความเกลียดไปแล้ว เป็นช่วงเดียวกับลอยได้งานที่กรุงเทพฯ คล้อยจึงขายที่นาตามลอยและสารภีไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ที่กรุงเทพฯ ชีวิตคู่ของลอยกับสารภีไม่สู้ดีนัก เพราะความฟุ้งเฟ้อของสารภี เงินเดือนลอยไม่พอให้เธอใช้ สารภีจึงต้องไปทำงานเป็นพนักงานขายของในห้างสรรพสินค้า ทำให้ได้เจอกับ ถวิล วิทยพันธุ์ หุ้นส่วนใหญ่ของห้างฯ สารภีฟุ้งเฟ้อเผลอใจไปกับถวิล เมื่อสารภีคลอดลูกสาวเธอไม่สนใจลูกเลย ลอยรู้สึกผิดหวังมากเขาขอให้สารภีเลี้ยงดูลูกบ้างเพื่อต่อไปลูกจะได้รัก สารภีหัวเราะเยาะ สารภีบอกจะให้เงินซื้อนมแลกกับใบหย่า และบอกว่าลอยเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหารจะอยู่ได้อีกไม่เกินสองปี ลอยโกรธทำร้ายสารภี แต่เมื่อได้ยินเสียงลูกร้องลอยจึงได้สติ ลอยตัดสินใจหย่าเพื่อลูก สารภีแถมเงินให้หนึ่งหมื่นบาทสำหรับใบหย่า ขณะที่กำไลอธิษฐานขอพรให้ลอยที่พระประธาน เมื่ออธิษฐานเสร็จกำไลได้ยินเสียงเด็กร้องอยู่ด้านหลังพระประธาน แล้วลอยก็ปรากฏตัว ลอยเล่าเรื่องสารภีให้กำไลฟัง ลอยบอกกำไลว่าเขาเป็นมะเร็งจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานกำไลตกใจแทบสิ้นสติ เธอบอกว่าชีวิตลอยมีค่าสำหรับเธอ เธอขอให้ลอยแต่งงานกับเธอ แม้ลอยจะมีชีวิตอยู่ได้แม้อีกเพียงวันเดียวก็มีค่ายิ่งสำหรับเธอ ลอยกอดกำไลร้องไห้ซาบซึ้งในความดีอันเสมอต้นเสมอปลายของเธอ ลูกของลอย หลวงพ่อที่วัดป่าขอมตั้งชื่อให้ว่า ฬุริยา ชื่อเล่น ไผ่ (ชิงชิง-คริษฐา สังสะโอภาส) กำไลเป็นคนทำงานหาเงินเข้าบ้าน วันหนึ่งในขณะกำไลและลูกหลับ ลอยตัดสินใจออกจากบ้านเพราะทนให้กำไลต้องหาเลี้ยงตนเองต่อไปไม่ได้ เขาเขียนจดหมายขอให้กำไลเลี้ยงลูกให้ด้วย การจากไปของคนที่เธอรักทำให้กำไลทุกข์อย่างที่สุด ทุกวันกำไลจะเฝ้าอธิษฐานกับพระประธานที่โบสถ์ และที่รองรับทุกข์อีกแห่งของกำไล คือ ผืนแผ่นดิน กำไลได้แต่ซบหน้าร้องไห้กับแผ่นดิน เหมือนซบหน้ากับอกแม่ แต่นี่คือ อกแม่ธรณี….อกธรณี…ที่คอยซับน้ำตาให้กำไล กำไลเลี้ยงไผ่ด้วยความหวังว่าสักวันลอยจะกลับมา เมื่อไผ่โตเป็นสาว ไผ่มีความแก่นแก้วห้าวเฮี้ยว มีคู่หูเป็นชายรุ่นโตกว่าชื่อ ลออ (เติมมงคล หวังในธรรม) พลตรีมหศักดิ์สุนทร (ตฤณ เศรษฐโชค) และ คุณหญิง (รัตนา ข้องตระกูล) ต่อว่า วิมาน (บิว-วรพล จินตโกศล) ลูกชายที่ไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็กและจบเกษตรกลับมา แต่ยังทำตัวเป็นหนุ่มเจ้าสำราญไม่ยอมทำงาน คุณหญิงต้องการให้วิมานแต่งงานกับ โลมตา (ฟิลม์-ฉัตรดาว สิทธิผล) สาวนักเรียนนอกลูกสาว ถวิล วิทยพันธุ์ วิมานไม่เต็มใจและหนีงานแต่งงานโดยเขียนจดหมายบอกสาเหตุที่หนีพิธีแต่งงานว่า เพราะเขาได้ยินโลมตาพูดกับเพื่อนว่าเธอแต่งงานกับวิมานเพื่อเงิน เพราะตอนนี้บ้านเธอกำลังล้มละลาย วิมานบอกพ่อว่าเขาขอใช้ชีวิตอย่างคนจนอย่างไม่เป็นลูกพลตรี เพื่อจะพบผู้หญิงที่รักตัวเขาไม่ใช่รักเงิน วิมานไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ จ.นครศรีธรรมราช เพราะ นพ.สินสิริ (นคินธร ภาษยวรรณ์) เพื่อนสนิทเป็นแพทย์ประจำอยู่ที่นั่น ที่นี่วิมานได้พบกับ ฬุริยา หรือ ไผ่ เพียงครั้งแรกที่เจอกันวิมานก็คิดถึงเธออย่างฝังใจ เมื่อกำไลได้เจอกับวิมานกำไลรู้สึกทันทีว่าผู้ชายคนนี้กำลังคิดอะไรกับลูกสาวของตนแน่ กำไลได้พูดคุยถามประวัติวิมานว่าเป็นใคร พักที่ไหน วิมานตอบข้อซักถามของกำไลว่าเขาชื่อ ธง มีฐานะยากจนจึงมาขออาศัยอยู่กับพระที่วัดป่าขอม แต่แล้วความจริงของวิมานถูกเปิดเผยขึ้น เมื่อวิมานถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัสต้องเข้ามารักษาตัวที่กรุงเทพฯ ไผ่เป็นห่วงวิมาน จึงหาทางไปเยี่ยมไผ่ที่กรุงเทพฯ ทันทีที่ไปถึงห้องพักของวิมานไผ่พบกับโลมตา โลมตาไม่ยอมให้ไผ่เยี่ยมวิมาน ไผ่จึงบอกว่าเธอเป็นคนรักของเขา โลมตาเหยียดเย้ยไผ่ว่าวิมานไม่มีวันมีคนรักเป็นสาวบ้านนอกเป็นอันขาด ไผ่และกำไลช็อกเมื่อรู้ว่า ธง เด็กวัดคนนั้นแท้จริงเป็นหนุ่มนักเรียนนอกลูกมหาเศรษฐี โลมตาบอกว่าวิมานกับเธอกำลังจะแต่งงานกัน ไผ่ร้องไห้ชวนกำไลกลับ โลมตาเล่าเรื่องไผ่ให้ถวิลและสารภีฟัง สารภีคิดว่าสาวบ้านนอกนั้นเป็นลูกสาวของกำไลน้องสาวของเธอ โดยที่เธอไม่ได้คิดว่าแท้จริงแล้วไผ่คือลูกสาวของเธอที่เกิดกับลอย สารภีจึงช่วยโลมตาลูกเลี้ยงอย่างเต็มที่ โดยให้เอียดคนที่ทำร้ายวิมานไปทำร้ายไผ่และกำไลขั้นรุนแรง กำไลได้งานทำที่บ้านฝรั่ง เอียดลอบวางยาไผ่และกำไลจนหมดสติแล้วราดน้ำมันจุดไฟเผาบ้าน แต่ฝนตกลงมาอย่างหนักดับไฟก่อนที่จะไหม้สองแม่ลูก ทนายของ โฉม (ปิยะดา เพ็ญจินดา) แจ้งสารภีว่าโฉมได้ทำพินัยกรรมยกเงินจำนวนมากให้ลอย สารภีดีใจมากบอกว่าลอยตายแล้ว ทนายบอกว่าสารภีไม่มีสิทธิ์รับเพราะแต่งงานใหม่ ผู้ได้รับมรดกคือ ลูกของลอยเท่านั้น สารภีบอกว่าลอยไม่มีลูก แต่ทนายบอกว่าสืบมาแล้วว่าลอยมีลูกสาวกับสารภีชื่อไผ่ และให้สารภีตามไผ่มายืนยัน สารภีอ้อนวอนขอไผ่คืนจากกำไล แต่กำไลปฏิเสธและด่าอย่างเจ็บแสบ สารภีหว่านล้อมให้เห็นแก่อนาคตของไผ่ กำไลขอสารภีพบพ่อ อยากกราบเท้าขออภัยพ่อ แต่สารภีโกหกว่าพ่อไม่เคยอยากพบกำไล พ่อไม่ยกโทษให้กำไล ทั้ง ๆ ที่นายคล้อยพูดตลอดเวลาที่มาอยู่กรุงเทพฯ ว่าอยากพบกำไล และไม่ถือโทษกำไลแล้ว กำไลตัดสินใจจากไผ่ไปทิ้งจดหมายเขียนด้วยถ้อยคำที่ไร้เยื่อใย และให้นามบัตรของสารภีสั่งให้ไผ่ไปอยู่กับสารภี กำไลเดินทางโดยทางเรือ พายุฝนฟ้าคะนองหนักมาก จนเรือที่กำไลโดยสารถูกพายุพัดจมทะเลเป็นข่าวหน้าหนึ่ง ไผ่ร้องไห้ปิ้มว่าจะขาดใจ สารภีปลอบใจไผ่ ทนายของโฉมบอกไผ่ว่า ไผ่คือลูกของลอยกับสารภีจะเป็นผู้ได้รับเงินมรดกห้าล้านบาท ไผ่ไม่ต้องการเงินทองใด ๆ มากไปกว่าแม่กำไล จึงไม่ยอมรับสารภีว่าเป็นแม่ ทำให้สารภีไม่ได้มรดก สารภีโกรธมากจึงใช้งานหนักสารพัดเพื่อให้ไผ่ทนไม่ได้ และยอมรับว่าเธอเป็นแม่จะได้ไม่ต้องทำงานหนัก แต่ไผ่ขอก้มหน้าทำงานโดยไม่ปริปากบ่นเลย เหตุการณ์รุนแรงขึ้นเมื่อโลมตา สารภี และถวิลไล่ยิงไผ่ สารภีห้ามแต่โลมตาไม่ฟัง สารภีจึงยิงโลมตาโดยไม่ได้ตั้งใจจะฆ่า แต่โลมตาตาย ถวิลจึงยิงสารภี วิมานและถวิลต่อสู้กันถวิลสู้วิมานไม่ได้ ทันใดนั้นลอยปรากฏตัวขึ้น สารภีสำนึกผิดขอให้ลอยบอกว่าไผ่คือลูกของเธอ ลอยบอกว่าไม่ใช่ ไผ่เป็นลูกของกำไล สารภีตายไปทั้งที่ยังพร่ำหาลูก ส่วนถวิลถูกตำรวจจับ ลอยบอกกำไลว่าหลังจากหนีกำไลไป เขาเจอกับพ่อค้าจีนพาไปรักษาตัวที่ไต้หวันและรับเป็นลูกบุญธรรม เมื่อพ่อค้าจีนตายได้ยกมรดกให้ เขาจึงกลับมาหากำไล กำไลแนะนำให้ไผ่รู้จักลอย พ่อลูกโผเข้าหากัน ลอยโอบไผ่ไว้ข้างหนึ่ง โอบกำไลอีกข้างหนึ่ง ครอบครัวมีความครบบริบูรณ์ พ่อ-แม่-ลูก ติดตามชมความเข้มข้นของละคร อกธรณี ได้ทุกวัน เวลา 18.50 น. ทางช่อง 7 สี ละคร อกธรณี เริ่มตอนแรกวันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2560
เรื่องย่อ : ชื่นชีวา (2559/2016) หม่อมหลวงนิวัฒน์ ชวาล รักอยู่กับชีวัน ผู้เป็นบุตรสาวของหลวงพิทยไพบูลย์ จนกระทั่งชีวันตั้งท้อง แต่หม่อมหลวงนิวัฒน์ต้องพลาดท่าถูกกานดา มอมเหล้าและสร้างเรื่องว่าหม่อมหลวงนิวัฒน์ปลุกปล้ำ จนหม่อมหลวงนิวัฒน์ต้องแต่งงานด้วย กานดาเยาะเย้ยชีวันจนหลวงพิทยไพบูลย์เคียดแค้นมากสาบานว่าจะเอาเลือดของหม่อมหลวงนิวัฒน์มาชดเชยความผิด จากนั้นจึงพาชีวันออกมาหลบซ่อนตัวในชนบทเปลี่ยนชื่อเป็นนายชม จนกระทั่งชีวันคลอดลูกเป็นหญิงชื่อชื่นชีวา จนกระทั่งเวลาผ่านไป 18 ปี คุณหญิงวีณา น้องสาวของหม่อมหลวงนิวัฒน์เดินทางผ่านเข้าไปที่บ้านของนายชม ได้พบกับนายชมและชื่นชีวาก็รู้สึกถูกชะตากันเป็นอย่างมาก บังเอิญชื่นชีวาจะต้องเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพฯ คุณหญิงวีณาจึงขอให้ชื่นชีวามาอยู่ที่บ้านท่านโดยไม่ทราบความจริงว่าชื่นชีวาคือหลานของตนเอง ชื่นชีวาถูกกลั่นแกล้งจากกานดาและเกศินีบุตรสาวอยู่เสมอ แต่ศรัณย์ และสาโรจน์ ลูกเลี้ยงของคุณหญิงวีณาจะคอยปกป้องอยู่เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่งหม่อมหลวงนิวัฒน์เห็นล็อกเกตที่ชื่นชีวาสรวมอยู่จึงทราบว่าชื่นชีวาคือบุตรสาวของตน หม่อมหลวงนิวัฒน์และคุณหญิงวีณาจึงให้ชื่นชีวาพาไปหานายชมและพบว่าชีวันกำลังป่วยหนัก แต่นายชมไม่ยอมอภัยให้เมื่อรักษาจนชีวันอาการดีขึ้นก็พาชีวันหลบหนีไป แล้วนัดหมายให้หม่อมหลวงนิวัฒน์ไปพบ ณ ที่ที่หม่อมหลวงนิวัฒน์และชีวันเคยพรอดรักกัน นายชมพยายามจะยิงหม่อมหลวงนิวัฒน์แต่ตัวเองก็พลาดตกจากภูเขาได้รับบาดเจ็บ หม่อมหลวงนิวัฒน์พานายชมไปโรงพยาบาลและสละเลือดช่วยชีวิตนายชม พร้อมกับชื่นชีวาอ้อนวอนให้นายชมยกโทษให้พ่อของตน จนกระทั่งนายชมใจอ่อนยอมยกโทษให้หม่อมหลวงนิวัฒน์ ในที่สุดหม่อมหลวงนิวัฒน์ ชีวัน และชื่นชีวาและได้อยู่พร้อมหน้ากันเป็นครอบครัวที่มีความสุข ส่วนกานดาต้องติดคุกเนื่องจากว่าจ้างนักเลงให้ฉุดชื่นชีวาไปข่มขืนแต่ศรัณย์ ตามไปช่วยไว้ทัน
เรื่องย่อ : โนห์รา (2559/2016) ทิว ทองเติม (รังสิโรจน์ พันธุ์เพ็ง) เกิดในครอบครัว โนห์รา ทั้งปู่และพ่อเป็นโนห์ราที่มีชื่อเสียงมาก และทิวก็รำได้สวยงาม เขามีคนรักชื่อ พิมพา (อุษณีย์ วัฒฐานะ) มี สมพร (สนธยา ชิตมณี) เป็นเพื่อนสนิท สมพรทำหน้าที่ตีกลองชาตรีในคณะของทิว ความรักของทิวกับพิมพามีอุปสรรค เพราะ ละเมียด (น้ำเงิน บุญหนัก) ยายของพิมพา กีดกัน รังเกียจว่าทิวยากจน แต่กลับไปสนับสนุน ขุนอรรถกรคดี (พลรัตน์ รอดรักษา) วัย 40 ปี ให้แต่งงานกับพิมพา เพราะความร่ำรวย อีกทั้งยังให้เงินยายละเมียด เล่นไพ่มากมาย ทิวกับพิมพา ลักลอบได้เสียกันจนพิมพาตั้งท้อง ยายละเมียด เกรงขุนอรรถกรคดี จะล่วงรู้ จึงไม่ให้หลานสาวออกไปพบกับทิวอีก ทิวปีนหน้าต่างเข้ามาหาพิมพา ยายละเมียดจับได้แกล้งทำเป็นเห็นแก่ความรักของคนทั้ง 2 คน และเห็นแก่เด็กในท้องพิมพา ทิวและพิมพาหลงเชื่อ ยายละเมียด แสร้งกำหนดวันแต่งงานของทั้ง 2 คน ให้หลังจากทิวกลับจากเล่นโนห์ราที่อีกจังหวัดหนึ่ง ทิวให้ละเมียดจัดงานรอ ละเมียดกับขุนอรรถฯ วางแผนชวนพิมพามากินข้าวเย็นที่บ้านขุนอรรถฯ และใส่ยานอนหลับลงในแกงไตปลา พิมพาไม่อยากไปแต่ละเมียดหว่านล้อมต่าง ๆ นานา ในที่สุดพิมพาก็จำยอม แผนการสำเร็จ พิมเสียใจมากแทงขุนอรรถด้วยเขาควายจนขุนอรรถได้รับบาดเจ็บ ส่วนพิมพาตัดสินใจผูกคอตาย แต่ จาด (วรารัตน์ เทพโสธร) ซึ่งเป็นน้าของพิม ตามมาพูดให้สติจนพิมล้มเลิกความคิด ยายละเมียดหลอกขุนอรรถฯ ว่าพิมท้องกับขุนอรรถฯ และยายละเมียดพยายามหว่านล้อมให้พิมแต่งงานกับขุนอรรถฯ เพื่อลูกในท้องจะได้มีพ่อ
ทิวกลับมาไม่มีการเตรียมงาน เมื่อขอพบพิม แต่พิมไม่ยอมออกมาพบเพราะความรู้สึกผิดจนไม่อยากเผชิญหน้ากับทิว ทิวผิดหวังเข้าใจว่าพิมรังเกียจคนจนอย่างเขา ทิวซมซานไปกินเหล้าจนเมา และได้ รื่น สาวใหญ่ ซึ่งแอบหลงรักทิวอยู่เป็นเมียโดยไม่ได้ตั้งใจ ทิวต้องรับผิดชอบอยู่กินกับรื่น สมพรมาบอกพิมว่าทิวหายไปจึงพากันออกตามหาทิว แต่กลับพบว่าทิวอยู่กับรื่น พิมพาเสียใจ และผิดหวังมากจึงยอมแต่งงานกับขุนอรรถฯ ยายละเมียดดีใจที่สุด และเชื่อว่าการแต่งงานกับคนรวยจะทำให้ชีวิตมีความสุข เนื่องจาก รำเพย ลูกสาวของแกซึ่งก็คือ แม่ของพิมพา ไปแต่งงานกับคนจนทำให้ต้องตายเพราะความทุกข์
ขุนอรรถฯ เป็นคนปากหวาน พูดจาดี แต่จิตใจโหดร้ายมาก ในสมองเต็มไปด้วยแผนการสกปรกตลอดเวลา เขาจับได้ว่าเด็กในท้องพิมเป็นลูกของทิว ไม่ใช่ของเขา จึงวางแผนให้ โตนด (จุมพล ทองตัน) คนสนิท ขโมยทารกน้อยไปให้ทิวในวันที่เด็กคลอด โดยบอกว่าพิมพาสั่งให้เอามาให้ เพราะไม่ต้องการเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้ ทิวคิดว่าพิมพารังเกียจตนจนไม่อยากได้ลูกที่เกิดจากตน เขารับไว้ด้วยความแค้นใจและเสียใจ แต่ในขณะเดียวกันขุนอรรถ ก็สร้างสถานการณ์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและพิมพาเข้าใจว่าทิวขโมยเด็กไป ขุนอรรถหลอกพิมพาว่าจะช่วยทิวจนถึงที่สุด เพื่อไม่ให้ทิวติดคุกฐานขโมยเด็ก แต่ขุนอรรถฯ กลับหลอกทิวให้รับสารภาพว่าจงใจขโมยเด็ก ทิวต้องติดคุก 3 ปี 6 เดือน เพราะถ้าทิวยอมรับว่าขโมยลูกตนเอง ทิวจะไม่ติดคุก แต่เพื่อปกป้องชื่อเสียงของพิมพาทิวจึงยอมติดคุก
ขุนอรรถฯ พาพิมกลับเข้ากรุงเทพฯ พิมพารู้สึกเศร้าโศก และอาลัยอาวรณ์ไม่อยากไป แต่ก่อนไปพิมไปเยี่ยมทิวในคุก ทิวไล่พิมไปด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าพิมรังเกียจตนและลูก ถึงแม้พิมพาจะพยายามอธิบายอย่างไรก็ไม่ฟัง พิมพาบอกทิวว่าลูกชื่อ โนห์รา (เมลดา สุศรี) ที่กรุงเทพฯ พิมพาต้องเผชิญกับการดูถูกของทุกคนในบ้าน ยกเว้น ชื่น ที่มีจิตใจดี พิมพาต้องเผชิญหน้ากับ ปรุงจันทร์ (รชยา รักกสิกรณ์) น้องสาวใจร้ายของ วันดี ภรรยาเก่าของขุนอรรถฯ วันดีโดนวางยาพิษตายปริศนา ปรุงจันทร์ รับตำแหน่งภรรยาแทน แข่งแข (ขวัญกวินท์ ธำรงรัฐเศรษฐ์) ซึ่งเป็นลูกวันดี กลายเป็นลูกสาวของปรุงจันทร์แทน ยายทอง (ปนัดดา โกมารฑัต) และก่องแก้ว หลานสาว ร่วมมือกับปรุงจันทร์ กลั่นแกล้งเยาะเย้ยและถากถางพิมพากับโนห์ราเป็นประจำ พิมพาพบ คุณวงศ์ บิดาซึ่งเป็นอัมพาตของปรุงจันทร์ ที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวในบ้านหลังหนึ่ง พิมสงสารจึงคอยให้ความช่วยเหลือดูแลจนคุณวงศ์เมตตา
ด้านขุนอรรถฯ เมื่อมาอยู่กรุงเทพฯ ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่ยกย่องพูดดีกับพิมพาเหมือนเดิม ปรุงจันทร์ให้พิมพากับลูกไปอาศัยบ้านหลังเล็กในสวน เมื่อโนห์รา จบชั้นประถมจึงเข้าเรียนต่อในโรงเรียนนาฏศิลป์ ด้วยสายเลือดของพ่อ โนห์ราเรียนได้เป็นอย่างดี พิมพาขอร้องให้ขุนอรรถฯ ช่วยส่งเสียโนห์รา แต่ขุนอรรถฯ กลับบ่ายเบี่ยง พิมพาตัดสินใจหาเงินส่งลูกเรียนเอง แข่งแขซึ่งคอยหาเรื่องกลั่นแกล้งโนห์รา บอกเพื่อนเรียนนาฏศิลป์ให้ปล่อยข่าวว่าพิมพาไปขายตัว โนห์ราอับอายและเสียใจจึงแอบสะกดรอยตามแม่ไป และรู้ความจริงว่าแม่มารับจ้างทำขนมส่งลูกเรียน โนห์ราภาคภูมิใจในตัวแม่มาก ครรชิต (ภัทรเดช สงวนความดี) ซึ่งเพิ่งถูก ทิพย์ยุภา (แพร เอมเมอรี่) ถอนหมั้นมาไม่กี่ชั่วโมง ขับรถสปอร์ตเมาแอ๋มาเฉี่ยวโนห์รากับแม่ แถมลงมาลวนลามโนห์รา และยัดเงินใส่มือเป็นค่าตัวเพื่อเข้าโรงแรม เพราะเข้าใจว่าโนห์รา คือ ผู้หญิงหากิน ครรชิตโดนโนห์ราตบหน้า นายตาด คนถีบ 3 ล้อ เห็นเหตุการณ์จึงตามมาดูแลครรชิต และพากลับบ้าน ต่อมาเขาเลยกลายเป็นคนสนิทของครรชิต
เวลาผ่านไป โนห์รายิ่งสาวยิ่งสวย รำละครเก่ง ความประพฤติดีเป็นที่รักของครูบาอาจารย์ แต่เป็นที่อิจฉาของเพื่อนบางคน โนห์ราได้แสดงในงานสำคัญ ๆ มีรูปตามหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ทิวเมื่อพ้นโทษแล้วจึงออกบวชเพื่อสงบใจระยะหนึ่ง และเมื่อสึกออกมาก็พยายามตั้งคณะโนห์ราขึ้นใหม่เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงคืนมา แต่ก็ต้องประสบกับอุปสรรคเพราะเป็นคนขี้คุกจึงไม่มีคนยอมรับ ทิวเห็นรูปและข่าวของ โนห์รา อรรถกรคดี ก็รู้ว่าเป็นลูกของตน ทิวเดินทางมากรุงเทพฯ เขาได้พบลูกสมใจแต่ไม่กล้าแสดงตัว โนห์รารู้สึกว่ามีชายกลางคนชอบเดินตาม แต่เธอกลับเกิดความรู้สึกอบอุ่นตามสัญชาติญาณลูกกับพ่อ
โนห์ราเล่าให้พิมฟัง พิมพาแน่ใจว่าชายคนนั้นต้องเป็นทิว ทองเติม แน่นอน โนห์ราโดนครรชิต ขับรถเฉี่ยวอีกครั้ง เธอจำเขาได้และตบหน้าครรชิตซ้ำ ครรชิตเกลียดและดูถูกผู้หญิงใช้เงินซื้อผู้หญิงสวย ๆ ที่ตนพอใจทุกคน เนื่องจากถูกผู้หญิงที่เขารักมากสลัดรักทั้งที่สัญญาว่าจะแต่งงานกัน ครรชิตติดใจโนห์รา สั่งให้ พันธุมวดี (กัญญกร พินิจ) ผู้หญิงที่เขาใช้เงินซื้อชั่วครั้งชั่วคราว ติดต่อให้ โนห์ราโกรธมากและปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย ครรชิตทดลองต่อว่าโนห์ราจะเห็นแก่เงินหรือเปล่า เขาส่ง เยาวมาลย์ (อธิชนัน ศรีเสวก) ไปอีกคน แต่ก็ถูกโนห์ราตอกหน้าหงายกลับมา ไวพจน์ (ธีร์ วณิชนันทธาดา) พี่ชาย เตือนครรชิตเรื่องโนห์รา แต่ครรชิตไม่ฟังเพราะเขาแอบหลงรักโนห์ราแล้ว แต่เขาพยายามปกปิดใจตัวเอง
โนห์รากับทิวพบและพูดคุยกันหลายครั้ง จนโนห์ราทราบว่าทิวชอบดูละครรำ เธอจึงมอบตั๋วให้ทิวมาดูตนเองแสดงที่โรงละคร พิมรู้จึงดีใจมากเพราะคิดว่าถ้าชายคนนั้นคือ ทิวเธอจะได้พบ และอธิบายความจริงให้ฟัง แต่โชคร้ายทิวมาถูกขโมยกระเป๋าทำให้มาดูไม่ทัน พิมพาผิดหวังมาก ทิวถูกทำร้ายเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าโรงแรม เขาโดนโยนออกมา ทิวโซซัดโซเซไม่มีที่นอน หมดแรงป่วยหลับบนม้ายาวบริเวณท่าเรือ วันต่อมาโนห์ราหอบขนมเทียนไปขายเห็นทิวในสภาพป่วยนอนโทรมหลับอยู่ โนห์ราสงสารเธอแบ่งขนมและเงินให้ พร้อมมีจดหมายเขียนบอกไว้ด้วย ทิวตื่นมาตื้นตันใจ เงินนั้นช่วยให้เขาส่งโทรเลขให้สมพร มารับ สมภพ (ชวนภ โพธิ์ประเสริฐ) เพื่อนนักเรียนรูปหล่อคอยตามจีบโนห์รา แต่โนห์ราไม่ได้คิดชอบตอบ แข่งแขและปรุงจันทร์ ยังคอยกลั่นแกล้งไม่ลดละ ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน ขุนอรรถจะเข้าข้างแข่งแขตลอด ทำให้โนห์ราน้อยใจสงสัยว่าทำไมพ่อไม่รัก โนห์ราเคยถูกขุนอรรถฯ เฆี่ยนด้วยความแค้นจนล้มเจ็บ
แข่งแขเป็นเพื่อนกับพันธุมวดี ได้พบกับครรชิต จึงช่วยกันจับครรชิต โยนข้อหาพยายามปล้ำให้ และก็ทำสำเร็จ เนื่องจากโนห์ราจำใจเป็นพยานเท็จให้เพราะคิดว่าแข่งแขคือ พี่สาวต่างแม่ ครรชิตแม้หมั้นกับแข่งแข แต่มีใจกับโนห์รามากขึ้นทุกที เขาซื้อแผ่นเสียงเพลงไทยเดิมของเธอทุกเพลง ชอบที่สุดโดยเฉพาะเพลงจีนเก็บบุผา และท่าทีที่ไม่แคร์กับความร่ำรวยของเขายิ่งทำให้ครรชิตต้องการเอาชนะโนห์รา ทำให้ปรุงจันทร์ ขุนอรรถ และแข่งแข เกลียดชังโนห์ราเพิ่มขึ้น โตนดคนสนิทของขุนอรรถ มาขอยืมเงินขุนอรรถ กับปรุงไปดูใจแม่ที่ป่วยหนัก แต่โดน 2 คน ปฏิเสธ แต่พิมกับโนห์รากลับให้เงินโตนด โตนดซาบซึ้งและสำนึกผิดต่อพิมคิดว่าสักวันจะต้องทดแทนคุณ โตนดเขียนจดหมายมาเล่าความจริงให้พิมฟัง ขุนอรรถให้ปรุงมาขโมยจดหมายไป ปรุงจันทร์และขุนอรรถส่งคนไปเก็บโตนดเพราะกลัวเผยความลับ แต่โตนดรอดตาย โดยที่พวกขุนอรรถกับปรุงจันทร์ไม่รู้
ปรุงจันทร์กับยายทองวางแผนแอบเอายาพิษใส่ไส้ขนมเทียนที่พิมพาทำขาย คุณวงศ์รู้เรื่องจะบอกพิมพาแต่บอกไม่ทัน เพราะพิมพาไปดูละครที่โนห์ราแสดงกับขุนอรรถ ที่แสร้งทำดีตบตา แต่รอเวลาให้ตำรวจมาจับพิม โนห์ราดีใจมากที่เห็นพ่อกับแม่มาด้วยกัน แต่ต้องตกใจที่เห็นพิมโดนตำรวจจับไป แต่เธอต้องจำใจแสดงต่อจนจบ หลังจากการแสดงจบลง โนห์รารู้ความจริงว่าพิมถูกจับข้อหาใส่ยาพิษในไส้ขนมเทียน ทำให้มีคนเสียชีวิต โนห์ราไม่เชื่อ ขุนอรรถเสแสร้งปลอบโยน คุณวงศ์ตั้งใจจะเป็นพยานให้พิมพา แต่ถูกฆ่าตายอีกคน ด้วยฝีมือยายทอง ซึ่งถูกขุนอรรถฯ พูดชี้ช่อง พูดเป็นเชิงให้ฆ่าปิดปากเสียไม่อย่างนั้นความผิดอาจมาถึงยายทอง แต่สุดท้ายยายทองเองก็ถูกฆ่าปิดปากเนื่องจากรู้ความลับเรื่องวางยาพิษวันดี แม่ของแข่งแขด้วยฝีมือของปรุงจันทร์
โนห์ราพยายามหาเงินมาประกันแม่ เมื่อขอยืมขุนอรรถฯ ขุนอรรถฯ ไม่ให้ พันธุมวดีเริ่มมีใจเอนเอียงไม่ชอบ พอรู้เรื่องจากแข่งแขก็เริ่มสงสารโนห์รา จึงไปรายงานเรื่องเงินประกันตัวให้ครรชิตทราบ ครรชิตให้ไวพจน์พี่ชายจ่ายเงินค่าประกันตัวพิมพา 100,000 บาท พิมพาได้ออกจากคุกโดยไม่รู้ว่าใครประกันตัวให้ ปรุงจันทร์วางแผนให้ แสวง (ชาลี กรรณสูต) ส่งคนมาข่มขืนโนห์รา ที่บ้านวันมีงานเลี้ยง แต่คนที่มาข่มขืนผิดตัวไปข่มขืนแข่งแขแล้วหนีรอดไปได้ ต่อมาให้นายแสวง พี่ชายมาจับพิมพาเรียกค่าไถ่จากโนห์รา 100,000 บาท โนห์ราหมดหนทางไปขอขายตัวให้ครรชิตถึงบ้าน ครรชิตทั้งขำทั้งสนุกแกล้งโนห์ราต่าง ๆ นานา บอกว่าให้โนห์ราติดค้างไว้ก่อนได้จะเอาคืนทีหลัง โนห์ราเป็นลม ครรชิตพามาส่งบ้านเจอแขกับปรุงเล่นงาน โนห์รามีเงินไปหาแม่ ปรุงจันทร์สั่งแสวงให้เก็บทั้งโนห์ราและพิมพา
วันนัดหมายโนห์ราพายเรือไปคนเดียว ครรชิตแอบขับเรือสะกดรอยตาม และไวพจน์พี่ชายพาตำรวจไปล้อมจับ แสวงไม่อาจฆ่าโนห์รากับพิมได้ แถมโดนตำรวจไล่ล่าต้องหลบไปซ่อน ตำรวจมาสืบอีกได้ความว่ายายทองเป็นผู้วางยาพิษคุณวงศ์ และเอายาพิษใส่ในไส้ขนมเทียน ครรชิตมีปากเสียงกับแข่งแขและให้โนห์รายืนยันอีกครั้งว่าเขาไม่ได้ปล้ำแข่งแข โนห์รายอมยืนยันว่าครรชิตไม่ได้ปล้ำแข่งแข ครรชิตขอถอนหมั้น เงินที่หมั้นทั้งหมดยกให้ แต่ 2 คน ยังแค้นไม่หาย ระยะหลัง ขุนอรรถ เริ่มเบื่อแข่งแขและปรุงจันทร์ที่จ้องทำร้ายโนห์ราและพิมพา ทำให้แข่งแขโดนข่มขืนเสียเอง ขุนอรรถฯ พยายามปรามให้หยุด แต่ปรุงจันทร์ไม่หยุด ซ้ำวางแผนให้แสวงส่งลูกน้องเอาน้ำกรดมาสาดหน้าโนห์รา แต่วันนั้นฝนตกหนัก ครรชิตแอบคอยตามปกป้องโนห์รา พาหาหมอรับเป็นเจ้าของไข้ สั่งยาจากนอกแพงที่สุดมารักษา โนห์ราไม่เสียโฉม สร้างความผิดหวังและเคียดแค้นให้ปรุงจันทร์และแข่งแขมาก
โนห์ราออกจากโรงพยาบาล ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับครรชิตทำท่าว่าจะไปด้วยดี แต่สมภพ ซึ่งเป็นคนจิตใจโลเลกลัวจะมีแฟนหน้าผีเพราะโดนน้ำกรดสาด เขาจึงเปลี่ยนใจไปชอบ เกษกนก (มณฑิรา เปี่ยมรัตนวงศ์) เพื่อนนักเรียนของโนห์ราอีกคนแทน เขาไม่ยอมไปเยี่ยมโนห์รา แต่หลังจากทราบว่าโนห์ราหน้ายังสวยก็เปลี่ยนใจกลับมาหา แต่โนห์ราปฏิเสธ จึงแอบวางแผนร้ายหลอกทั้งโนห์ราและครรชิต ช่วงที่โนห์ราไปรำละครตามโรงแรมเวลากลางคืน สมภพจะมาดักรอครรชิต บอกว่าโนห์ราให้ตนมารับ และหลอกโนห์ราว่าครรชิตไม่มารับ ครรชิตกับโนห์ราโดนพิมและไวพจน์บอกให้หนักแน่น โนห์ราไปบ้านครรชิตกลับพบทิพย์ยุภา ที่หนีสามีฝรั่งมาหลบอยู่ เธอหลอกโนห์ราว่าครรชิตหลับอยู่ข้างบนเธอกับครรชิตกลับมาคืนดีกันแล้ว ส่วนครรชิต พบสมภพที่มาบ้านโนห์รา หลอกว่ากำลังจะมาสู่ขอโนห์ราเพราะตกลงกันแล้ว ทำให้โนห์ราประชดครรชิตด้วยการรับหมั้นสมภพ
ทิพย์ยุภา ขอรื้อฟื้นความสัมพันธ์ใหม่ แต่ต้องผิดหวังเพราะครรชิตไม่ได้มีเยื่อใยเลย ครรชิตรักโนห์รา เขาเสียใจหนีเตลิดไปกินเหล้าเมายาไม่มีใครหาพบ วันหมั้นของโนห์รา ครรชิตเห็นข่าวเกิดเสียใจจนทนไม่ได้ เขาโทรหาไวพจน์ ไวพจน์แนะนำให้ไปขวางการหมั้นให้ทันเวลา ครรชิตกลับโดนรถชนที่หน้าบ้านขุนอรรถ ไวพจน์รีบพาครรชิตไปโรงพยาบาล ไวพจน์ให้ตำรวจไปบอกให้โนห์ราว่าครรชิตโดนรถชนอาการสาหัส ในบ้านพิมก่อนที่สมภพจะสวมแหวนหมั้นให้โนห์รา เพียงเส้นยาแดงผ่าแปด ตำรวจมาบอกพอดี โนห์ราไม่ยอมสวมแหวนรีบไปหาครรชิต ภายหลังสมภพกับเกษกนกจึงกลับไปชอบพอกันอีกครั้งและหมั้นกัน
แต่ความรักของโนห์รามีอุปสรรคต่อไปอีก เนื่องจากทิพย์ยุภามาหลอกโนห์ราว่าเธอมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ 3 เดือน ขออยู่ใกล้ชิดครรชิตก่อนตาย โนห์รามาดูแลครรชิตครั้งเดียวแล้วหายไปอีก ปรุงจันทร์วางแผนใหม่ให้แสวงสั่งให้หมอเสน่ห์ลูกน้องอีกคนไปฉุดโนห์ราไปปลุกปล้ำแล้วฆ่าทิ้ง ในงานรำต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองที่วัดแห่งหนึ่ง แต่ผิดแผนอีก เพราะพายุฝนกระหน่ำกระจัดกระจายหายไปกันไปทั้งโนห์ราและแข่งแข ขุนอรรถฯ ซึ่งระอาในความอิจฉาของปรุงจันทร์ จนเริ่มกับมาทำดีกับพิมจนถึงขั้นอาสาพาโนห์รามางานรำเอง และสั่งให้ตำรวจลอบมาคุ้มกันโนห์รา โนห์ราโดนแสวงฉุดไป แต่ตำรวจตามไปติด ๆ โตนดที่หลบหนีการตามล่าของปรุงจันทร์และขุนอรรถฯ อยู่แถวนั้นพอดีจึงช่วยโนห์ราเอาไว้ได้
เวรกรรมตามทันปรุงจันทร์ แข่งแขโดนหมอเสน่ห์เพื่อนสนิทของแสวงกับลูกน้องรุมขืนใจจนกลายเป็นบ้า ขุนอรรถฯ และปรุงจันทร์ ตกใจและเสียใจมากต่างโทษกันเอง ขุนอรรถฯ ไล่ปรุงจันทร์ออกจากบ้าน ปรุงจันทร์แค้นมาก แข่งแขเข้าโรงพยาบาลโรคจิต แสวงไม่ได้ซัดทอดปรุงจันทร์ แต่ยายทองโดนขุนอรรถฯ บังคับให้พูดความจริงเรื่องปรุงจันทร์วางยาพิษวันดี ภรรยาคนแรก ปรุงจันทร์จึงส่งคนมาวางยาพิษยายทองตาย ตำรวจตามมาจับปรุงจันทร์ พบปรุงจันทร์ตามมาที่บ้านขุนอรรถฯ จะมายิงขุนอรรถฯ พิมพา และโนห์รา แต่โตนดมาช่วยไว้อีก ปรุงยิงขุนอรรถฯ ขุนอรรถฯ ยิงปรุง ตายทั้งคู่
วันหนึ่งสามีฝรั่งของทิพย์ยุภา ตามมาง้อ ครรชิตรอดตัวจากเรื่องทิพย์ยุภา ครรชิตและโนห์ราตกลงหมั้น และแต่งงานกัน แต่ยังไม่ทันถึงวันแต่ง พิมพาต้องกลับไปดูใจยายละเมียดที่นคร พิมพาได้รู้เรื่องของทิวจากสมพร ว่าชีวิตทิวลุ่ม ๆ ดอน ๆ ไม่ประสบความสำเร็จในการเล่นโนห์ราอีก เพราะโนห์ราของทิวเป็นโนห์ราสมัยเก่า สู้คณะใหม่ ๆ ซึ่งทันสมัยกว่าไม่ได้ พิมพาตัดสินใจไปดูโนห์ราทิวแข่งกับ โนห์รา ประเสริฐ มีการพนันว่าโนห์ราประเสริฐ จะต้องชนะแน่ ๆ เพราะเป็นการเล่นโนห์ราสมัยใหม่ ครั้งถึงกำหนดวันแข่งขันจริง ๆ ทิวไม่สามารถทำใจเล่นแบบใหม่ได้ เพราะสายเลือดโนห์ราเก่ายังเข้มข้น ทิวถูกขว้างปาประท้วง และมีการปะทะคารมกัน ทิวเคราะห์ร้ายถูกมีดขว้างทะลุหลัง จากนักพนันที่จะขว้างกันเอง พิมโทรเลขให้โนห์รามาดูใจพ่อ เพราะพ่อของโนห์ราก็คือ ทิว ลุงที่โนห์ราพบที่กรุงเทพฯ
โนห์รามาแสดงโนห์ราแทนทิว ที่ต้องประชันกันอีกวัน วันแสดงโนห์ราเป็นวันเดียวกับวันแต่งงาน โนห์ราตัดสินใจยึดความกตัญญูต่อพ่อแม่มากกว่าความรัก ครรชิตยอมแพ้ตามโนห์รามาด้วย โนห์ราสามารถทำได้สำเร็จ โดยสร้างความตื้นตันให้กับทุกคน สมพร พิม ประคองทิวมาดูโนห์ราแสดง โนห์ราได้แสดงให้พ่อดูจนจบ จากนั้นทิวตายในอ้อมกอดของทั้งโนห์รา และพิมพา โนห์ราแต่งงานกับครรชิต พิมพาอาศัยอยู่ที่กระท่อมรักของตนกับทิว โนห์รากับครรชิตใช้เมืองนครเป็นที่ฮันนีมูน โนห์ราเปิดโรงเรียนนาฏศิลป์ สอนโนห์ราที่นคร โดยมีครรชิตเป็นผู้สนับสนุน ติดตามชมความสนุกเข้มข้นของ ละครโนห์รา ได้ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.20 น. ทางช่อง 7 สี ละครโนห์รา เริ่มตอนแรกวันพุธที่ 6 เมษายน 2559
เรื่องย่อ : พญาโศก (2558/2015) หนูใหญ่ (ลำหับ) เป็นลูกสาวของ ราม หัวหน้าค่ายอาสาป้องกันชายแดนผู้ทรยศต่อแผ่นดิน เพราะความอยากเป็นใหญ่มีเงินทองจึงไปเข้าร่วมกับ พ่อเลี้ยงศร เจ้าพ่อค้ายา ทำสิ่งผิดกฎหมาย และก่อการร้าย รามเปิดทางให้พวกพ่อเลี้ยงศรเข้ามาเผาค่ายเพื่อใช้เป็นทางผ่านส่งยา ในคืนวันเกิดเหตุหลังจากที่ลำหับฝึกซอสามสายที่ นลินี ผู้เป็นแม่ฝึกสอนให้ประจำแล้ว รามสั่งให้นลินีเล่นเพลงพญาโศกซึ่งรามแอบใช้เป็นเพลงสื่อสารกับพ่อเลี้ยงให้รอช่วงเวลาหลังจากเพลงจบบุกทำลายค่าย นลินีไม่ต้องการเล่นเพลงนี้เพราะจับสังเกตได้ว่าทุกครั้งที่สามีสั่งให้เล่นเพลงนี้จะมีความตายเกิดขึ้น แต่ก็ไม่อาจขัดขืนได้จึงจำใจเล่น
ศรได้ยินเสียงเพลงพญาโศกขึ้นจึงรีบสั่งการตามที่นัดหมายกับรามทันที เมื่อเพลงจบรามสั่งให้ลูกเมียเดินทางออกจากค่ายโดยไม่ยอมตอบคำถามว่ามีจุดหมายที่ใด อนุญาตเพียงให้เอาซอสามสายไปด้วย นลินีเกิดลางสังหรณ์ว่ารามอาจทำสิ่งไม่ถูกต้องจึงปฏิเสธที่จะออกจากค่ายจนกว่าจะได้คำตอบ รามตอบเพียงว่า ถ้าอยู่ครอบครัวต้องตายหมดเพราะค่ายกำลังจะถูกทำลาย นลินีเข้าใจทันที และต่อว่ารามว่าหักหลังพี่น้องในค่าย เธอจะไปบอกให้ทุกคนรู้ตัวโดยที่ไม่ฟังคำสั่งของรามว่าให้ออกจากค่ายไม่เช่นนั้นจะยิงให้ตาย
นลินี และลูกพากันวิ่งกลับไปเพื่อตะโกนบอกพวกในค่ายให้รู้ตัว ขณะเดียวกันนั้นพ่อเลี้ยงศรก็ยิงระเบิดเข้าไปในค่ายหลายลูก รามตัดสินใจยิงนลินีก่อนที่จะเข้าไปบอกทุกคนจนล้มลง ซอสามสายกระเด็น ลำหับ และน้องชายตกตะลึง นลินีที่ใกล้ตายตะโกนสั่งให้ลำหับซึ่งตอนนั้นชื่อหนูใหญ่ ส่วนน้องชายชื่อน้องเล็ก (พลเทพ)ให้พาน้องหนี ลำหับก้มลงเก็บซอกระชากน้องชายหนี แต่รามจิกหัวไว้จนผมขาดจากหัวกระจุกใหญ่ รามแย่งเอาน้องเล็กมาได้ คนของศรเข้ามาเจอเหตุการณ์จะยิงลำหับ นลินีฮึดเฮือกสุดท้ายกระโดดไปขวางทางปืนล้มลงตาย ลำหับหนีรอดไปได้ ค่ายโดนทำลายคนในค่ายตายทั้งหมด ศรพาคาราวานยาเสพติดผ่านค่ายไปได้ ตั้งรามให้เป็นหัวหน้าค่ายแห่งใหม่ รามได้รางวัลเป็นเงินทองมากพอสมควร
ลำหับหอบซอหนีมาหกล้มหกลุกคลุกคลานหมดแรงสลบบนก้อนหินใหญ่กลางป่า เช้ารุ่งขึ้น บริพัตร ทำงานสำรวจรังวัดถนนที่ดิน เข้ามาสำรวจงานตามปกติกับลูกน้องสองคน ขณะที่ส่องกล้องสำรวจ ได้ยินเสียงเพลงพญาโศกแว่วมาจึงแพนกล้องไปยังก้อนหินใหญ่ เขาเห็นเด็กสาวแรกรุ่นหน้าตาสะสวยน้ำตาอาบนองหน้ากำลังเล่นเพลงพญาโศก บริพัตรเข้าไปยืนฟังใกล้ ๆ รอจนเพลงจบจึงแสดงตัว แต่ลำหับไม่ยอมพูดจาหรือตอบคำถาม หอบซอหนีไป บริพัตรตามจนลำหับหมดแรงล้มสลบไปอีกครั้ง บริพัตรจึงพาลำหับกลับไปบ้านตนเอง ลำหับรู้สึกตัวที่บ้านบริพัตร เห็นบริพัตรคนแรกรีบถอยหนีดึงซอมากอดไว้แน่น นายแม่ ของบริพัตรนั่งอยู่ด้วยเข้าปลอบโยนจนหายตกใจ กระนั้นลำหับก็ยังไม่ยอมพูดจากับใครเช่นเดิม จนทุกคนคิดว่าลำหับเป็นใบ้ นายแม่ตั้งชื่อให้หนูใหญ่ว่าลำหับ ลำหับเอาแต่สีซอเพลงพญาโศก ข้าวปลาแทบไม่ยอมกิน จนกระทั่งวันหนึ่งนายแม่เป็นลมกะทันหันไม่มีใครในบ้านเห็น ลำหับไปช่วยพูดจาดูอาการนายแม่ ทำให้ทุกคนดีใจมากที่ลำหับพูดได้ วิเวก คนรถกับ ตึ๋งหนืด คนรับใช้ ชื่นชมรักใคร่ลำหับมากโดยเฉพาะนายแม่ บริพัตรดีใจที่สุดตัดสินใจส่งลำหับไปเรียนหนังสือ แต่ไม่ว่า ลำหับจะพูดจาอะไรก็ไม่เคยปริปากบอกว่าเป็นใครมาจากไหน
เฉิดเฉลา หญิงสาวเปรี้ยวเฉี่ยวที่ทุกคนเข้าใจว่าคือเจ้าสาวในอนาคตของบริพัตร ไม่ชอบลำหับตั้งแต่ก้าวแรกที่บริพัตรพามาบ้าน พยายามบอกให้ไล่ไปให้พ้นเพราะลำหับต้องเป็นคนไม่ดีแน่นอน เฉิดเฉลาเบื้องหน้าเป็นหลานของพ่อเลี้ยงศร แต่ความจริงแล้วเป็นลูกสาวของแม่บ้านที่ท้องกับคนงานด้วยกันแต่ไม่มีใครยอมรับเป็นพ่อ พอโตขึ้นหน้าตาดีจึงถูกศรปล้ำ และรับเอามาเป็นเมียน้อยตั้งแต่อายุเพิ่งแรกรุ่น เฉิดเฉลาแสร้งทำดีแต่ในใจเกลียดชังคิดล้างแค้น เฉิดเฉลารู้ความลับ และความเป็นมาของ ลำหับ เฉิดเฉลามักใหญ่ใฝ่สูงอยากได้ใคร่ดี แอบคบเพื่อนชายสนิทคือ ยศพงษ์ เป็นเศรษฐีใหม่ไฟแรงเคมีตรงกัน เฉิดเฉลาสมคบกับยศพงษ์โค่นล้มศร เพราะเกรงใครจะรู้ว่าเธอคือเมียน้อยของศร แม้แต่ยศพงษ์ก็ไม่รู้ เฉิดเฉลามีลูกกับศรชื่อ เศก เศกเป็นเด็กติดยา เฉิดเฉลาบอกทุกคนว่าเก็บมาดูแล เฉิดเฉลาทำตัวเป็นคนใจบุญดูแลเศกที่ติดยาถึงขั้นหนักหน่วง เมื่อโค่นศรได้แล้ว ยศพงษ์ก็จะกลายเป็นเจ้าพ่อค้ายาคนใหม่ แทนศร
ลำหับสวยวันสวยคืนเก่งงานสารพัด เรียนจบมอหก และจะไปเรียนมหาวิทยาลัยต่อ ก่อนที่พ่อเลี้ยงศรจะโดนโค่นล้ม เฉิดยุยงให้ศรขอลำหับมาเป็นเมียเพื่อกีดกันลำหับให้พ้นจากบริพัตรที่เธอหมายปอง เฉิดพาพ่อเลี้ยงมาสู่ขอลำหับจากนายแม่ นายแม่โยนไปที่บริพัตร บริพัตรพูดไม่ออกบอกนายแม่ขอถามความเห็นของลำหับก่อน ลำหับปฏิเสธแม้ว่านั่นจะทำให้เธอกลายเป็นหญิงผู้ร่ำรวย เฉิดไม่พอใจมาก ๆ ลำหับกับบริพัตรพากันไปยังสถานที่พบกันครั้งแรก ทั้งสองสารภาพรักกัน บริพัตรขอลำหับแต่งงาน ลำหับตกลง บริพัตรแจ้งข่าวนี้กับนายแม่ ท่านยินดี และเต็มใจ เฉิดเฉลาแค้นมาก งัดไม้ตายเรื่องความหลังของลำหับว่ามีพ่อคือรามเป็นคนขายชาติ และจะเป็นการทำลายการไปสมัคร สส. ของบริพัตร นายแม่ไม่แคร์สิ่งนี้ และขอโทษเฉิดเฉลาแทนบริพัตร
ส่วนเรื่องอนาคตให้บริพัตรตัดสินใจเอง ลำหับแอบได้ยินทั้งหมดจึงตัดสินใจหนีไปจากบริพัตร ลำหับชวนบริพัตรไปยังโขดหินแห่งนั้นอีกครั้ง ทั้งสองได้เสียกันในคืนนั้น เมื่อบริพัตรตื่นมาไม่พบลำหับจึงรู้ว่าลำหับหนีไปแล้ว เขาเสียใจมากจนล้มป่วย เฉิดเฉลาวางแผนกับยศพงษ์ว่าจะใช้บริพัตรเป็นเครื่องมือหากินหลังจากที่บริพัตรได้เป็นสส. ยศพงษ์ลงทุนหาเสียง และแอบซื้อเสียงให้บริพัตรโดยที่เขาไม่รู้ตัว เฉิดเฉลาบอกบริพัตรเรื่องลำหับเป็นลูกคนขายชาติ บริพัตรบอกไม่จำเป็นที่ลำหับต้องขายชาติไปด้วย เฉิดเฉลาตามหาลำหับ ต่อว่าต่อขาน จ้างวานลำหับให้หนีไปให้พ้นอย่าให้บริพัตรเจอ ให้ลำหับนึกถึงอนาคตของบิริพัตร ลำหับปฏิเสธจะรับเงินแต่รับปากจะหนีให้พ้นบริพัตร เฉิดมาบอกบริพัตรว่าลำหับมีผู้ชายคนใหม่ชื่อ ชาตรี ไปมาหาสู่บ่อย ๆ
บริพัตรตามหาลำหับจนพบ ลำหับจึงแกล้งทำให้เขาเข้าใจผิดว่าเธอยินยอมจะแต่งงานด้วยถ้าบริพัตรจะยอมเป็นคนขายชาติเข้าร่วมกับพ่อของเธอ บริพัตรไม่เชื่อ ลำหับยืนยันว่าจริง บังเอิญชาตรีมาหาลำหับ บริพัตรถามว่านี่คือผู้ชายคนใหม่หรือลำหับรับว่าใช่ บริพัตรจึงจำใจตัดใจจากลำหับด้วยความเศร้าโศกผิดหวังกลับมาแต่งงานกับเฉิดเฉลา บริพัตรได้เป็นสส.ดังต้องการ ถึงคราวที่ยศพงษ์ และเฉิดเฉลา จะเอาคืน ทั้งสองขอให้บริพัตรผลักดันโครงการที่หมายตาไว้ให้ยศพงษ์ บริพัตรปฏิเสธ เฉิดเฉลาบอกว่าจะเปิดโปงบริพัตรเรื่องลำหับ และจะแฉบริพัตรว่าเนรคุณที่ยศพงษ์ซื้อเสียงให้ บริพัตรตกใจมากเพราะไม่เคยทราบมาก่อน จึงตัดสินใจลาออกจาก สส. หันมาทำงานส่วนตัว
เฉิดกับยศเหิมเกริมเล่นชู้กันจนออกนอกหน้า นายแม่เห็นจึงตักเตือน เฉิดไม่พอใจเถียงสู้ด่ากลับแล้วผลักนายแม่จนตกจากบันไดคอหักตาย แสร้งทำโวยวายร้องไห้ว่าเข้ามาพบนายแม่ตกบันได บริพัตรหมดสิ้นทั้งแม่ และคนรัก เตลิดเปิดเปิงหายเข้าป่าไป เขาไปนั่งรอลำหับที่โขดหิน บางครั้งได้ยินเสียงซอสามสายเพลงพญาโศกดังแว่วมา พอตามไปหาที่มาของเสียงกลับไม่พบอะไร ที่แท้ลำหับนั่นเองลอบตามมาแอบดูบริพัตร ลำหับไปทำไร่ดอกไม้โดย มีวิเวกกับตึ๋งหนืดตามไปอยู่ด้วย เฉิดเฉลาท้องกับยศพงษ์แต่ไม่ได้บอกใคร กลับทำให้ทุกคนเข้าใจว่าท้องกับบริพัตร ส่วนลำหับคลอดลูกเป็นชายชื่อ คนัง ตลอดเวลาลำหับไม่เคยทราบว่าชาตรีคือตำรวจลับนอกเครื่องแบบที่แอบติดตามพฤติกรรมของเธอมาตลอด เธอมักพบชาตรีตามที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะในเวลาที่คับขัน เขาจะเป็นคนที่มาช่วยให้เธอรอดปลอดภัย จนกลายเป็นคนที่ไปมาหาสู่ที่ไร่ของลำหับ พลเทพน้องเล็ก ซึ่งโตแล้ว และได้รามครอบงำเต็มที่ปฏิบัติตามคำสั่งพ่อแต่โดยดี พลเทพลงมาจากเขามาดูพฤติกรรมของลำหับโดยไม่บอกว่าเขาคือน้องเล็ก รามให้พลเทพพยายามเกลี้ยกล่อมให้ลำหับไปเป็นพวก ลำหับปฏิเสธ แต่พลเทพเองก็ไม่ย่อท้อ
เฉิดแอบหลบไปคลอดลูกเงียบ ๆ และยกเด็กให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอบอกยศพงษ์ว่าเด็กแท้งตายไปแล้ว ยศพงศ์มีลูกกับภรรยาเก่าที่แต่งงานด้วยซึ่งเสียชีวิตตั้งแต่ลูกสาวคือ เพ็ญโพยม ยังเล็ก ๆ ทิ้งเพ็ญให้อยู่ในความดูแลของ แม่เริ่ม กับ อาเดียว ญาติห่าง ๆ ยศพงษ์ให้ทุกอย่างทางวัตถุยกเว้นความรักความห่วงใย วิเวกมีญาติทำงานในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบอกลำหับว่าเฉิดทิ้งลูกที่ลงทะเบียนว่าเป็นลูกของบริพัตรไว้ ลำหับจึงไปรับมาดูแลเพราะสงสาร บริพัตรอาการหนักเพราะไปพลัดตกลงมาจากโขดหินที่ทั้งสองเคยพลอดรักกัน ลำหับรีบรับตัวบริพัตรมาดูแล เมื่อบริพัตรได้สติเขาได้ยินเสียงเพลงพญาโศก และพบว่า ลำหับสีซออยู่ใกล้ ๆ เขาดีใจมาก ลำหับบอกความจริง และบอกเรื่องลูก บริพัตรจึงขอร้องให้ดูแลลูกของตนกับเฉิดเฉลาด้วย ลำหับพาคนังกับ จักริน ลูกของเฉิดมาให้รู้จัก บริพัตรกอดคนัง จักริน และลำหับก่อนหมดลมหายใจ
ลำหับเลี้ยงดูเด็กทั้งสองด้วยความรักใคร่เท่าเทียมกัน สอนให้คนังรักน้องอภัยให้น้อง ยิ่งโตเด็กสองคนยิ่งมีนิสัยแตกต่างกัน จักรินชั่วร้ายเอาแต่ใจเห็นแก่ตัว เมื่อทำความผิดจะโทษคนัง ให้คนังยอมรับโทษแทนเสมอโดยที่ลำหับไม่เคยทราบ วิเวกกับตึ๋งหนืดระอาใจกับจักรินมาก โตขึ้นเรียนหนังสือเวลาสอบจักรินให้คนังใส่ชื่อและหมายเลขสอบของตน ส่วนตนเองใส่ชื่อคนัง ทำให้จักรินได้คะแนนสูงแต่คนังคะแนนต่ำ จบม.หก คนังตัดสินใจไม่เรียนต่อเพื่อให้แม่ได้ส่งเสียจักรินคนเดียว คนังใช้วิธีครูพักลักจำไปเรียนวิชาการเกษตรจากอาจารย์แม่โจ้ที่เกษียณแล้ว ทำสวนดอกไม้สวยงามใหญ่โต เอาเงินส่งให้จักรินเรียนเมืองนอกแบบลูกเศรษฐี
ที่เมืองนอกจักรินพบกับเพ็ญโพยม และสนิทสนมกัน จักรินหลงรักเพ็ญ แต่เพ็ญชอบพอบ้างไม่ถึงกับหลงรัก ทั้งสองไม่รู้ว่าพ่อเดียวกันเพียงแต่คนละแม่ จักรินอวดว่าเป็นลูกเศรษฐีมีเงิน เพ็ญฟังแล้วเบื่อมาก เพ็ญเลือกเรียนด้านดนตรีส่วนจักรินเรียนแบบจับจดไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ปิดเทอมทั้งสองต่างกลับบ้าน และนัดเจอกันที่เมืองไทย จักรินไม่อยากอยู่บ้านไร่กลัวคนว่ายากจน โดยหารู้ไม่ว่าคนังได้ขยายกิจการจนมีบ้านน่ารักน่าอยู่ จักรินพักที่คอนโดหรูในตัวเมือง เพ็ญไม่พอใจน้อยใจพ่อที่เอาแต่อยู่กับ เฉิดเฉลาทำตัวเป็นนักการกุศลดูแลเด็กเศก และเด็กยากจนอื่น ๆ แต่ไม่เหลียวแลลูกตนเอง จึงไม่ยอมเข้าบ้านพ่อ แต่จะไปหาแม่เริ่มกับอาเดียวที่เป็นผู้เลี้ยงดูเธอมา ซึ่งก็ย้ายบ้านใหม่เช่นกัน เพ็ญขับรถมาตามลำพังเพื่อไปหาแม่เริ่มกับอาเดียว แต่ไปไม่ถูกจึงแวะถามทางที่ไร่ของลำหับ เจอวิเวกเขาจะเป็นคนพาไปแต่รถยางแบน วิเวกเรียกตึ๋งหนืดมาช่วย และฝากคนังให้พาเพ็ญไปนั่งรอ
คนังทำท่าเข้มไม่สนใจความเป็นสาวเปรี้ยวของเพ็ญ เพ็ญรู้สึกว่าคนังอวดดีปั้นปึ่ง เพ็ญหิวน้ำคนังก็ชี้ให้ไปกินในห้วย เพ็ญแอบเห็นคนังใช้ใบไม้รองน้ำกิน จึงขอใบไม้บ้าง คนังหมั่นไส้ส่งใบไม้ที่มีมดให้ เพ็ญโดนมดกัดปากเจ่อโวยวายใส่คนัง คนังหัวเราะเยาะแล้วเดินหนีไป เพ็ญเดินตามไปจะเอาเรื่องกลับได้ยินเสียงเพลงพญาโศก จึงหยุดทันทีหันเดินไปตามเสียงเพลงดังกล่าว พบว่าลำหับกำลังสีเพลงที่หลุมศพใครคนหนึ่ง เพ็ญเข้าไปทักทายจึงทราบว่าลำหับคือเจ้าของไร่ดอกไม้แห่งนี้ เธอบอกว่าสนใจซอสามสาย และเพลงพญาโศกนี้มาก เคยได้ยินเพลงนี้ แต่ไม่ไพเราะอย่างนี้ อยากขอมาเรียนรู้เพลงนี้จากลำหับบ้าง ลำหับยินดี ลำหับบอกว่าเธอมีลูกชายสองคน คนโตคือคนังผู้จัดการไร่ คนเล็กอยู่เมืองนอกหารู้ไม่ว่าจักรินมาขอให้คนังส่งเงินไปให้เช่าคอนโดอยู่ และกำลังจะขอให้ซื้อรถให้ และในระหว่างรอ จักรินจึงเอาเงินไปเช่ารถหรูมาขับ ขณะคุยกันลำหับทราบว่าเพ็ญเรียนเมืองเดียวกับลูกชาย และกำลังจะบอกชื่อลูกชายอีกคนแต่ไม่ทัน ได้บอก คนังก็มาบอกว่ารถใช้ได้แล้ว วิเวกพาเพ็ญไปส่งที่บ้านแม่เริ่มกับอาเดียว เพ็ญกลับไปเจอเข้ากับยศพงษ์เฉิดเฉลา และจักรินที่นั่น วิเวกซึ่งแอบหลบซ่อนดูอยู่จึงเห็นเหตุการณ์ และพบว่าแทนที่ยศพงษ์จะดีใจที่เห็นเพ็ญกลับมา แต่กลับบอกให้ไปคุยกับเฉิดเฉลาเรื่องงานกุศลที่จะให้เพ็ญโชว์ศิลปะที่ร่ำเรียนมา
เพ็ญต่อว่าพ่อไม่ใยดี จักรินรีบประจบเอาใจเฉิดกับยศเพื่อทำคะแนนเรื่องเพ็ญ สองคนคิดว่าจักรินเป็น ลูกเศรษฐีจึงยิ้มแย้มต้อนรับ ทั้งหมดทำให้วิเวกใจหายใจคว่ำมากรีบหนีกลับไร่ เฉิดกับยศพูดจบก็กลับไป ทิ้งให้เพ็ญอยู่กับอาเดียวแม่เริ่ม และจักริน ยศพงษ์ให้แค่ซองเงินเป็นค่าใช้จ่ายวันงาน เพ็ญน้ำตาตกใน จักรินชวนเพ็ญไปเที่ยวดูแสงสีในเมือง เพ็ญปฏิเสธ แม่เริ่มกับอาเดียวได้แต่มองหน้ากันทำตาปริบ ๆ สงสารเพ็ญ เพ็ญไปหาลำหับให้สอนเพลงพญาโศกและสอนสีซอสามสาย เพ็ญใช้เพลงพญาโศกประกอบ นาฏลีลาแสดงโชว์ของตนเอง โดยขอร้องให้ลำหับสีเพลงนี้ให้เธอ ลำหับรับปาก ทุกวันเพ็ญมาฝึกซ้อมที่ไร่ร่วมเดือน (ไร่ของลำหับ) เพ็ญพบกับคนังมีปากเสียงกันทุกวัน เพ็ญเปรยว่าอยากเจอหน้าน้องชายของคนังมาก เพราะลำหับคุยอวดไว้ว่าเป็นเด็กดีเรียนเก่ง คนังบอกลำหับว่าจักรินกลับมาแล้วไม่ยอมกลับมาบ้าน ลำหับน้อยใจเงียบ ๆ ให้คนังโทรไปหาจักริน จักรินบอกกำลังคุยเรื่องงาน และต้องการรถหนึ่งคันเพื่อใช้ติดต่องาน ไม่อยากให้ใครคิดว่ายากจนเพราะมีแฟนร่ำรวยมาก สองคนได้แต่อึ้ง แต่คนังก็รับปากน้องชายพยายามจะหาเงินให้จักรินไปดาวน์รถให้ได้
ถึงวันงาน มีการแสดงโชว์ต่าง ๆ พอถึงชุดที่เพ็ญโชว์ ทุกคนเงียบกริบเพลงพญาโศกหวานเย็นไพเราะจนทุกคนต้องนิ่งเงียบ ลีลาการแสดงของเพ็ญประทับใจคนดูที่สุด เมื่อจบการแสดงทุกคนต่างลุกขึ้นยืนปรบมือยกนิ้วส่งเสียงเอาอีก ๆ ให้เพ็ญ พิธีกรคือจักรินเป็นตัวแทนสัมภาษณ์เพ็ญ การแสดงครั้งนี้มีการถ่ายทอดทีวีด้วย รามดูรายการนี้ ส่วนพลเทพไปดูที่ห้องส่งจำเสียงเพลงพญาโศกนี่ได้ดีมาก การสัมภาษณ์เริ่มต้นขึ้น จักรินชื่นชมเพ็ญมากมาย เพ็ญกลับบอกว่าต้องยกเครดิตนี้ให้กับผู้ที่สีซอสามสายเพลงพญาโศก ยศพงษ์ และหลายคนต้องการให้พาไปดูคนสีซอผู้นี้ที่สุด เพ็ญพาจักรินไปพบลำหับทุกคนตะลึง ยศพงษ์ จักริน ถึงกับนิ่งอึ้ง รามที่ดูอยู่บนเขาในป่าตะลึงนิ่งเงียบ เห็นลำหับแม้จะเป็นผู้ใหญ่สามสิบกว่าแต่ยังสวยงามได้แต่ถอนใจ พูดไม่ออก แต่คนที่ทนไม่ได้คือเฉิดนั่นเอง ลืมตัวเผลอวิ่งเข้ากล้องมากระชากคันซอไปจากมือลำหับขว้างทิ้ง ตบหน้าจนทุกคนตกตะลึงพรึงเพริด
เฉิดเฉลาอ้างว่าตบสั่งสอนลูกคนขายชาติ ผู้กำกับรายการสั่งตัดภาพทันที เข้าโฆษณา แต่ผู้ชมก็เห็นกันทั่วประเทศแล้ว เฉิดเฉลาโกรธมากที่ลำหับบังอาจมาเล่นซอสามสายในงานของเธอ คนังปราดมาปกป้องแม่ วิเวกกับ ตึ๋งหนืดก็เช่นกัน เพ็ญโกรธเฉิดมากด่ากลับเฉิดรุนแรง จักรินพูดไม่ออก เพ็ญขอโทษลำหับ ชาตรีมาปรากฏตัว และแนะนำให้ลำหับกลับไปก่อน ขณะกำลังจะกลับจักรินวิ่งตามมาบอกลำหับว่าอย่าบอกทุกคนว่าเป็นลูก คนังชกจักริน ลำหับต้องห้ามเอาไว้ และรับปากว่าจะไม่บอกใคร จักรินโล่งอก เฉิดกับยศตามมาสำทับว่าอย่าคบหากับลูกสาวของพวกเขาเด็ดขาด และสั่งจักรินว่าพวกเราเป็นผู้ดีมีเงินอย่าไปเกลือกกลั้วคนชั้นต่ำ จักรินรีบทำท่าดูถูกผสมทันที คนังจะอาละวาดอีกครั้ง ลำหับต้องรีบห้าม
พลเทพกลับไปรายงานพ่อถึงเรื่องลำหับ และคนัง รามบอก สน มือขวาว่าต้องการให้สนติดตาม ลำหับมาเป็นพวกให้ได้ สนบอกว่าชาตรีเป็นคนรักของลำหับ ชาตรีน่าจะช่วยพูดให้ได้ รามตกลงให้เอา คนังมาด้วย เพ็ญไม่สบายใจมาก คนังก็แค้นมากที่เฉิดมาตบหน้าแม่ และโดนดูถูกจากยศพงษ์ คนังเก็บความแค้นเอาไว้เต็มอก วิเวกกับตึ๋งหนืดต่อว่าลำหับว่าทำไมไม่บอกเฉิดไปว่าจักรินคือลูกของเฉิดที่ลำหับเก็บมาเลี้ยง ลำหับห้ามไว้เพราะจักรินจะอับอาย จักรินแอบมาอีกครั้งมาบอกว่าจะเอาเงินไปซื้อรถเขาเห็นไร่ใหญ่โตไม่เชื่อว่าไม่มีเงิน และห้ามไม่ให้ไปในที่พวกเพ็ญ และจักรินไป ลำหับรับปากน้ำตาไหลพราก คนังประกาศว่าไม่ซื้อรถไม่ส่งเสียคนอกตัญญูอีกแล้ว ทำให้จักรินยิ่งแค้นใจมากชกต่อยกัน ลำหับแอบให้เงินจักรินไปก้อนหนึ่ง จักรินบอกว่าจะไม่มาที่นี่อีก เพราะกำลังจะไปเป็นลูกเขยของบ้านเฉิดแล้ว
เฉิดพยายามสืบสวนว่าจักรินคือลูกใคร ฐานะดี ชาติตระกูลดีแค่ไหน จักรินก็เล่นบทหลอกลวงจนสองคนเชื่อว่าเป็นลูกเศรษฐี จักรินขอเพ็ญแต่งงานเพ็ญปฏิเสธ วันหนึ่งเพ็ญแอบมาที่ไร่ของลำหับยังไม่ทันจะเข้าไปกลับพบกับคนังเสียก่อน เพ็ญโดนคนังต่อว่าแรง ๆ เพ็ญแรงตอบ และจะเข้าไปพบลำหับให้ได้ สองคนยื้อยุดกัน คนังโกรธจับเพ็ญมัดโยนใส่รถของเพ็ญเองแล้วขับไปในป่าที่มีทะเลสาบกระท่อม ลุงเปรื่อง ที่คนังคุ้นเคยซึ่งตอนนี้ลุงเปรื่องไม่อยู่แล้ว ทั้งสองทะเลาะตบตีกันในบ้านหลังนั้นหลายวัน คนังไม่ได้ล่วงเกินเพ็ญ ในที่สุดทั้งสองก็แอบรักกัน และกัน แต่ยังมีทิฐิอยู่
เฉิด ยศพงษ์ และจักรินตามหาเพ็ญไม่พบ มั่นใจว่าโดนคนังลักพาตัว จักรินรับอาสามาถามลำหับ จักรินทำร้ายด่าทอลำหับ ชาตรีมาห้ามเอาไว้ และต่อว่า ขู่ว่าจะไปแจ้งความ จักรินจึงกลับไป แล้วในที่สุดก็กลับมาอีกพร้อมกับยศพงษ์ สมุน และเฉิดมาบังคับให้ลำหับบอกให้ได้ ลำหับบอกไม่รู้ไม่เห็นเพ็ญกับคนัง คนังผูกเพ็ญไว้ตลอดเวลา ทีแรกเพ็ญไม่ยอมกินอาหารแกล้งสั่งให้ให้คนังไปหาอาหารแปลกมาให้กิน เช่นปลาโน่นปลานี่ คนังตากฝนไปหาปลาดังกล่าวมาให้เพ็ญโดนขวดแตกในน้ำบาดเป็นแผลเหวอะหวะอักเสบบวมไข้ขึ้น คนังจึงตัดสินใจปล่อยเพ็ญ เพ็ญออกไป คนังพยายามตะกายจะไปหาหมอเองล้มลงหมดสติ ฟื้นมาอีกทีพบว่าเพ็ญพาคนังไปหาหมอ คนังบอกไม่ต้องการให้ช่วยเหลือให้เพ็ญไป เพ็ญบอกไม่ไปจนกว่าคนังจะอาการดีขึ้น ทั้งสองจึงพากันกลับไปที่กระท่อมอีกครั้ง คนังห่วงลำหับมากทำตัวให้ดูเหมือนอาการดีขึ้น ทั้งสองจึงพากันกลับบ้าน
ที่บ้านลำหับ พวกเฉิดบุกมาอีกครั้งมาทำร้ายวิเวกกับตึ๋งหนืดจนหมดสติ และจะจับตัวลำหับจะเอาไปเป็นตัวประกันให้คนังออกมา แต่เฉิดต้องการมากกว่านั้นคือเผาบ้านลำหับ สั่งให้จักรินเป็นคนเผาเพื่อพิสูจน์ว่ารักเพ็ญจริง จักรินลำบากใจไม่น้อยเพราะมากเกินไป ที่นี่ตนเองเคยอยู่มาตั้งแต่เล็ก ๆ รีรอแต่ ยศพงษ์สั่งให้เผาหาไม่จะไม่ยกเพ็ญให้ จักรินพายามลากลำหับออกมาจากบ้าน ลำหับยืนกรานว่าจะตาย คาบ้าน เฉิดกับยศบอกตามใจ ลำหับสลัดหนีเข้าบ้าน ในที่สุดจักรินก็เผาบ้าน ลำหับหยิบซอนั่งสีเพลง พญาโศกน้ำตาไหลพรากในบ้าน ขณะที่เพ็ญกับคนังพากันมาใกล้บ้านมากแล้ว รถน้ำมันหมดสองคน ลงเดิน คนังมองไปเห็นควันไฟออกมาจากบ้าน คนังวิ่งสุดแรงเกิดรีบจนทำจดหมายหล่นลงพื้นหลายฉบับ
เพ็ญหยิบไว้ เก็บใส่กระเป๋าตัวเองเดินตามคนังไป คนังไปถึงบ้านไฟไหม้เกือบหมดแล้ว จักรินมองอึกอัก ยศกับเฉิดยืนมองหัวเราะด้วยความสะใจ คนังปราดมาชกต่อยจักริน วิเวกกับตึ๋งหนืดฟื้นขึ้นมาบอกคนังว่า ลำหับน่าจะติดอยู่ในบ้าน คนังวิ่งไปในบ้านที่ไฟกำลังลุกท่วมช่วยลำหับออกมาได้ ให้วิเวกกับตึ๋งหนืดดูแลแม่ คนังลงมือชกกับจักรินด่าว่าอกตัญญูไม่รู้จักบุญคุณแม่ที่เลี้ยงดูมา ยกพงศ์กับเฉิดแปลกใจ และโกรธมากที่รู้ว่าจักรินกลายเป็นลูกของลำหับแต่มาหลอก ยศพงษ์ชักปืนมาจะยิงจักริน วิเวกกับตึ๋งหนืดตะโกนใส่เฉิดบอกว่าจักรินนี่แหละลูกของเฉิดที่เกิดกับบริพัตรที่เฉิดเอาไปทิ้งไว้สถานเด็กกำพร้า ลำหับรับปากบริพัตรจึงไปรับมาเลี้ยง เฉิดตะลึง จักรินตะลึงแต่กลายเป็นดีใจที่มีแม่รวย คนังก็ตกใจเพิ่งรู้ความจริง แต่ยศพงษ์ก็ยังไม่พอใจเพราะยิ่งคิดว่าเป็นลูกบริพัตรก็ยิ่งไม่ชอบใจจะยิงต่อเฉิดวิ่งมาบัง แล้วบอกว่ายิงไม่ได้แถมดึงปืนจากมือยศมายัดใส่มือจักรินแล้วสั่งให้ยิงคนัง จักรินจะยิงคนังลำหับมาห้ามไว้ เฉิดบอกให้ยิงลำหับ
เพ็ญวิ่งมาบอกว่าคนังไม่ได้ลักพาตัวเธอไป จักรินกำลังจะยิงใส่ลำหับ คนังโดดมาแย่งปืน สองคนแย่งปืนกันไปมา แล้วปืนก็ลั่นดังขึ้นไปโดนเอาพลเทพที่รามส่งลงมาหาลำหับ พลเทพบอกกับลำหับว่าเขาคือน้องชายของลำหับที่รามส่งมาคอยดูลำหับ ลำหับร้องไห้ด้วยความเสียใจ เฉิดรีบสั่งให้จักรินเอาปืนยัดใส่มือคนังที่กำลังตกใจมาก เฉิด ยศ จักรินช่วยกันลากเพ็ญกลับออกไป วิเวกกับตึ๊งหนืดให้คนังรีบหนี ส่วนสมุนที่มาด้วยกับพลเทพทำทีช่วยคนังหนี แต่ที่แท้แอบจับตัวคนังไปให้ราม ส่วนศพของพลเทพที่ตายในอ้อมกอดของลำหับ มีคนของรามมาเอาศพไป ลำหับหมดสิ้นทุกอย่างตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยกันเอาคันซอแทงหน้าอก ชาตรีมาห้ามเอาไว้ทัน ปลอบโยนลำหับว่าถ้าต้องการกู้เกียรติว่าไม่ใช่คนขายชาติก็ต้องกอบกู้เกียรตินั่นกลับคืนมาด้วยการช่วยชาติ ลำหับตกลง ชาตรีจึงแนะให้ลำหับไปพบรามบนเขา ลำหับไปพบราม รามไม่ได้ทำท่ายินดีมากมายแต่โอบกอดตามรูปแบบที่ทุกคนทำกันเท่านั้น ลำหับบอกจะมาขออยู่ด้วย รามบอกให้ลำหับพิสูจน์ตนเองด้วยการฆ่าใครหนึ่งให้ดู ลำหับรับปาก แต่พอเห็นคนที่รามสั่งให้ฆ่าเท่านั้น ลำหับใจสลายตกใจมาก เพราะนั่นคือคนังนั่นเอง โทษฐานที่ยิงพลเทพตาย และไม่ใช่แค่คนังที่โดนจับ พวกยศ เฉิด จักริน ก็โดนด้วยเช่นกัน รามสั่งให้ลำหับยิงคนัง หรือไม่ก็มีตัวเลือกให้อีกคนคือ จักริน เพราะอยู่ในข่ายยิงพลเทพตายเช่นเดียวกัน ถ้าไม่ยิงคนใดคนหนึ่ง
ทุกคนที่เหลืออยู่ต้องตายหมด เฉิดร้องห้ามไม่ให้ยิงจักริน ยศบอกยิงใครก็ได้ เฉิดจึงบอกความจริงออกมาว่าจักรินคือลูกเธอกับเขา เพ็ญยืนยันว่าคนที่ทำปืนลั่นใส่พลเทพคือจักรินแม้ว่าจะเป็นพี่ชายของเธอก็ตาม แต่มันคือความถูกต้อง เฉิดกับยศพากันตบหน้าเพ็ญ ลำหับรีรอไม่ยิงสักที รามจึงสั่งให้สนจัดการยิงให้หมดทุกคน ลำหับขอสีซอเพลงพญาโศกก่อน รามยอมให้ลำหับสีซอจนจบเพลง รามสั่งให้ยิงอีก ลำหับยกปืนมากลั้นหายใจ หันปากกระบอกปืนใส่ตนเองทันที สนยืนตรงนั้นยิงไปที่รามทันทีเช่นกัน ชาตรีเข้ามาแย่งปืนจากลำหับ สนยิงรามล้มลง ชาตรีกระชากลำหับให้ไปด้วย คนังกระชากเพ็ญหลบออกมาทันที ยศโกรธต่อว่าเฉิดแย่งปืนจากคนของรามมายิงเฉิด เฉิดแย่งปืนจากอีกคนยิงยศตายเช่นกัน จักรินวิ่งหนีจึงโดนคนของรามยิงตาย
เพ็ญเอาจดหมายของจักรินที่เขียนมาไถเงินคนัง และขอบใจเรื่องที่ทำสอบแทนทุกครั้งที่สอบ ที่คนังทำหล่นไว้ให้ลำหับดูว่าคนังไม่ใช่คนเรียนไม่เก่ง คนังเสียสละให้จักรินตลอดมา เธอจะไม่กลับไปเรียนต่อแต่จะขออยู่ทำไร่ดอกไม้ และเรียนซอสามสายกับลำหับต่อไป คนังยิ้มให้เพ็ญ ลำหับไปที่โขดหิน และถือซอสามสายที่นั่นนึกถึงบริพัตร ชาตรีไปหาลำหับ และบอกว่าเขาคือผู้ที่บริพัตรฝากให้ดูแล และช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรีของลำหับกลับคืนมา ซึ่งลำหับก็ได้ทำแล้ว เขาขอคุ้มครอบลำหับต่อไปได้ไหม พร้อมกับเอาจดหมายฝากฝังจากบริพัตรให้ลำหับดู ลำหับยิ้มให้ชาตรี เล่นเพลงพญาโศกอีกครั้งชาตรีพึมพำบอกว่าลำหับคือเจ้าแม่พญาโศกจริง ๆ ติดตามชม ละครพญาโศก ได้ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.20น. ทางช่อง 7 สี ละครพญาโศก เริ่มตอนแรกวันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน 2558
เรื่องย่อ : สาวน้อยอ้อยควั่น (2558/2015) เจ้านางน้อยบุญยวง ลูกสาวของ เจ้าอนันตธร เจ้าเมืองชนกลุ่มน้อยที่หลบหนีการถูกกบฏรุกรานแล้วถูกฆ่าเสียชีวิต ก่อนตายเจ้าอนันตธรได้ฝากเจ้านางน้อยบุญยวงลูกสาวไว้กับคนสนิทชื่อ ส่างโดย โดยการปลอมตัวเป็นสามัญชนปะปนมาอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยแห่งหนึ่งในประเทศไทย จากเจ้านางน้อยต้องกลายเป็นนางสาวบุญยวงที่ลำบากยากแค้น รอคอยการคัดเลือกตัวไปประเทศที่สาม
วันหนึ่ง ณัฐวุฒิ มหาเศรษฐีหนุ่มมีภรรยาชื่อ สินีนาฏ ทั้งคู่ไม่มีลูกด้วยกัน ทั้งที่อยากมีลูกมาก ณัฐวุฒิได้รับ นัทธร ซึ่งเป็นหลานของสินีนาฏมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่แบเบาะ และรักเหมือนลูกแท้ๆ ณัฐวุฒิได้มาแวะเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัยแห่งนี้เพื่อบริจาคเงิน และสิ่งของให้กับค่ายนี้ เขาจึงขอพักที่ศูนย์แห่งนี้ โดยมีส่างโดยซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าค่ายผู้อพยพเป็นผู้ดูแลที่พักและอาหารให้ ส่างโดยได้พาเจ้านางบุญยวงมาด้วย เพราะเจ้านางรับอาสามาทำความสะอาดที่พักให้กับณัฐวุฒิ เขาถึงกับตะลึงในความสวยงามใสซื่อของเจ้านางบุญยวง ณัฐวุฒิหลงรักเข้าทันทีที่ได้พบ ส่างโดยสังเกตเห็นและต้องการให้เจ้านางสุขสบายจึงเปิดโอกาสให้ทั้งคู่สนิทสนมกัน ส่างโดยเล่าประวัติของเจ้านางบุญยวงให้ณัฐวุฒิฟังว่าเธอเป็นเจ้านางน้อยของชนเผ่าที่อยู่ระหว่างตะเข็บชายแดน ณัฐวุฒิหาโอกาสมาพบเจ้านางบุญยวงบ่อยๆ และหาวิธีทำให้เจ้านางได้ออกมานอกค่าย จนในที่สุดเจ้านางบุญยวงก็ตกเป็นของณัฐวุฒิ สินีนาฏสงสัยพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของณัฐวุฒิจึงสืบจนได้ความจริง สินีนาฏส่งคนตามทำร้ายเจ้านางบุญยวงเพื่อให้เลิกกับณัฐวุฒิ เพราะเขามีภรรยาแล้ว เจ้านางเสียใจมากพยายามขอเลิกกับณัฐวุฒิ แต่เขาไม่ยอม ในที่สุดเจ้านางก็ตั้งท้อง เจ้านางได้รับการติดต่อจากสินีนาฏว่าถ้าไม่อยากตายให้ยกลูกให้สินีนาฏ ถ้าไม่ยกให้เธอจะตามฆ่าลูกของเจ้านาง ส่วนสินีนาฏก็ทำเป็นท้องให้สอดคล้องกับการรับลูกของเจ้านางมาเป็นลูกตัวเอง เจ้านางเสียใจและได้ปรึกษากับส่างโดย ส่างโดยให้ยอมทำตามสินีนาฏเพื่อความสุขของหนูน้อยที่กำลังจะเกิดมา
ในที่สุดเจ้านางก็คลอดลูกสาวเธอให้ชื่อว่า ส่วยหย่ง แปลว่ากระต่ายทอง และตัดสินใจไปอยู่ประเทศที่สามคือ อเมริกา ส่วนลูกน้อยมอบให้ส่างโดยเป็นคนส่งมอบให้สินีนาฏ ณัฐวุฒิเองก็ดีใจมากที่จะมีลูกกับสินีนาฏ นัทธรก็ดีใจที่จะได้น้อง สินีนาฏทำทีไปต่างจังหวัดและอ้างว่าเธอจะขอคลอดลูกที่ต่างจังหวัดเลย แต่สินีนาฏรถคว่ำเสียชีวิตเสียก่อนที่จะได้ไปรับลูกของเจ้านาง และความจริงปรากฏว่าเธอไม่ได้ท้อง ณัฐวุฒิเสียใจมาก และไม่เข้าใจว่าทำไมสินีนาฏต้องโกหกเขาเรื่องท้อง ส่างโดยรอคอยการมาของสินีนาฏ และผิดหวังเข้าใจว่าสินีนาฏหลอก ภายหลังรู้ว่าสินีนาฏเสียชีวิตแล้วจึงวางแผนจะเอาส่วยหย่งไปส่งให้ ณัฐวุฒิและบอกความจริงว่าส่วยหย่งเป็นลูกของเจ้านางบุญยวงกับณัฐวุฒิ แต่เกิดเหตุจลาจลในค่ายพักเสียก่อน ส่างโดยเสียชีวิตก่อนที่จะได้บอกความจริงกับณัฐวุฒิ แม่หนูส่วยหย่งที่มีเหรียญห้อยคอเป็นโลหะธรรมดาสลักว่าบุญยวงด้านหนึ่งส่วยหย่งด้านหนึ่ง หนูน้อยส่วยหย่งถูกหญิงในศูนย์ดูแลตามมีตามเกิด เพราะต่างคนต่างมีลูก นาง มะขิ่น ได้สิทธิ์ขึ้นทะเบียนเป็นแรงงานต่างด้าวได้ขายหนูส่วยหย่งให้กับ นางสมใจ คนไทยคนหนึ่งซึ่งซื้อเอาไปขอทาน
ณัฐวุฒิรีบมาที่ค่ายผู้อพยพพบว่าเจ้านางบุญยวงไปอยู่อเมริกาแล้ว และเขารู้ว่าเจ้านางมีลูกสาวกับเขาด้วยแต่ไม่ทราบว่าหายไปไหน ณัฐวุฒิเสียใจแทบเป็นบ้าคลั่งพยายามส่งคนสืบหาลูกสาว แต่ไม่ได้วี่แววทำให้ณัฐวุฒิถึงกับล้มป่วย หนูน้อยส่วยหย่งมีชื่อใหม่ว่า อ้อยควั่น ระหกระเหินร่อนเร่ขอทานให้กับนางสมใจจนเด็กน้อยอายุได้ 6-7 ขวบ ส่วยหย่งหรืออ้อยควั่นถูกทารุณทุบตีโดยสมใจตลอดเวลา พอโตขึ้นสมใจบังคับให้ไปขอทานเอง อ้อยควั่นมีพรสวรรค์ในการเต้นและร้องเพลงจึงสามารถสะกดให้คนทั้งหลายให้เงินเธอมากกว่าเด็กอื่นๆ จนอ้อยควั่นตกที่นั่งลำบากเพราะถูกเกลียดชังและกลั่นแกล้งจากเด็กขอทานที่ไม่ค่อยได้เงิน กิตติศัพท์ความสามารถของอ้อยควั่นลือไปทั่วทำให้เป็นที่ต้องการของพวกจับเด็กไปขอทาน ต่อมาอ้อยควั่นถูกแก๊งลักเด็กรายใหญ่คือ นางสมร ลักตัวไป ที่นั่นอ้อยควั่นพบเด็กที่ถูกบังคับมาขอทานจำนวนมาก อ้อยควั่นสงสารพวกเด็กๆ จึงวางแผนพาพวกเด็กๆ ก่อจลาจล และหนีออกมาในคืนหนึ่ง พวกเด็กๆ หนีออกไปได้หมด แต่อ้อยควั่นกลับถูกจับได้ และถูกซ้อมจนป่วย หลังจากนั้นอ้อยควั่นถูกนางสมรพาตัวใส่รถเพื่อส่งตัวไปขายที่ชายแดน ระหว่างเดินทางช่วงพักเติมน้ำมันอ้อยควั่นที่ป่วยปางตายแอบหนีลงจากรถ สมรเห็นเข้าไล่ตามจับอ้อยควั่น อ้อยควั่นหลบเข้าไปที่ร้านอาหารข้างปั้มแห่งหนึ่งแล้วแอบไปขึ้นท้ายรถคันหนึ่งหลบหนีไป รถคันนั้นมาถึงที่หมายพอคนขับรถคันนั้นเจออ้อยควั่นนอนหลับอยู่แทนที่จะสงสาร กลับทุบตีอ้อยควั่นตกใจขวัญหนีดีฝ่อลงหนีจากรถวิ่งเตลิดไร้จุดหมายไปเรื่อยๆ อ้อยควั่นใช้ชีวิตตามข้างถนน อาศัยนอนหลับตามพงหญ้า ยามหลับก็ละเมอเรียกหา “แม่จ๋าอยู่ไหน” อ้อยควั่นพบหมาจรจัดที่กำลังจะแย่งอาหารอ้อยควั่น แต่อ้อยควั่นก็ตัดสินใจแบ่งอาหารให้พร้อมกับตั้งชื่อว่ามู่ลี่ หมามู่ลี่กับอ้อยควั่นจึงกลายเป็นเพื่อนกันไปไหนไปด้วยกัน อ้อยควั่นร้องเพลงเต้นระบำหากินเลี้ยงชีวิตไปวันๆ กับมู่ลี่ ในใจอยากมีใครสักคนที่รักและดูแล อ้อยควั่นตั้งใจจะตามหาแม่ให้พบสักวันหนึ่งให้ได้
วันหนึ่งอ้อยควั่นเดินสะเปะสะปะเข้ามาในตลาดกับมู่ลี่หิวแทบเป็นลม อ้อยควั่นได้พบกับ ป้าเมตตา ที่มาเดินจ่ายตลาด และในรถเข็นมีข้าวของมากมายจนน่าแปลกใจ ในตะกร้ามีส้มลูกใหญ่น่ากินเต็มไปหมด อ้อยควั่นอยากขโมยของกินจึงเอื้อมมือไป แต่แล้วก็หดมือกลับเพราะรู้ว่าเป็นบาป ทันใดมีชายคนหนึ่งวิ่งมากระชากกระเป๋าคุณป้าเมตตา อ้อยควั่นอยากทำความดีจึงบอกให้มู่ลี่ช่วย หมามู่ลี่วิ่งไปแย่งกระเป๋าคืนมาได้ ป้าเมตตาดีใจและขอบใจอ้อยควั่น พร้อมให้เงินอ้อยควั่นเป็นรางวัลในการทำความดี อ้อยควั่นแอบตามไปดู เห็นป้าขึ้นรถตู้คันหนึ่งแล่นออกไป อ้อยควั่นมองตามหน้าละห้อย อ้อยควั่นกับมู่ลี่มาดักรอป้าเมตตาทุกวัน ช่วยถือของ และส่งขึ้นรถ ป้าเมตตาแปลกใจจึงถามชื่อ ถามถึงพ่อแม่ ที่อยู่ และโรงเรียน อ้อยควั่นบอกว่าเธอตัวคนเดียว อยู่น้องมู่ลี่เท่านั้น ป้าเมตตาตกใจมากจะพาไปพบผู้ดูแลบ้านเด็กกำพร้าที่คุณป้าทำงานอยู่ แต่มู่ลี่ไปไม่ได้อ้อยควั่นหน้าจ๋อย ในที่สุดอ้อยควั่นตัดสินใจสะกดรอยตามป้าเมตตาไป โดยแอบเข้าไปอยู่ในรถขนอาหารของป้าเมตตา เอามู่ลี่แอบไปด้วย เมื่อมาถึงบ้านเด็กกำพร้าป้าเมตตาตกใจและรับปากจะดูแลมู่ลี่ให้ในฐานะที่มู่ลี่ช่วยแย่งกระเป๋าเงินให้และจะไม่บอกให้ คุณแม่ปราณี รู้เรื่องมู่ลี่ ป้าเมตตาพาอ้อยควั่นไปพบคุณแม่ปราณี อ้อยควั่นได้รับอนุญาตให้อยู่ที่บ้านแห่งนี้ และมีชื่อใหม่ว่า “กชกร” อ้อยควั่นกับป้าเมตตาแอบเลี้ยงมู่ลี่เอาไว้ และคอยพาหลบซ่อนผู้คนรวมทั้งคุณแม่ปราณีด้วย อ้อยควั่นได้เรียนหนังสือและช่วยทำงานเล็กๆ น้อยๆ ในบ้าน อ้อยควั่นต้องต่อสู้เพราะถูกกลั่นแกล้งจากเด็กรุ่นเก่าและเด็กที่โตกว่า อ้อยควั่นต้องคอยป้องกันเด็กเล็กๆ ที่ถูกรังแก อ้อยควั่นอยู่ที่สถานเด็กกำพร้าจนเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ณัฐวุฒิพลิกแผ่นดินหาลูกสาวมาหกปีก็ยังไม่มีวี่แวว เขาให้นัทธรลูกชายบุญธรรมช่วยสืบเสาะก็ไม่พบจนหมดกำลังใจ ณัฐวุฒิให้นัทธรดูแลธุรกิจแทน นัทธรไปบริจาคเงินที่สถานเด็กกำพร้าหลายแห่ง และขอเข้าไปอุปการะรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมเพื่อหวังจะสืบหาลูกสาวของณัฐวุฒิ นัทธรประกาศรับอุปการะเด็กเป็นลูกโดยให้เขียนเรียงความประกวดเรื่อง “แม่จ๋าอยู่ไหน” อ้อยควั่นเห็นประกาศดีใจมาก อ้อยควั่นเรียงความเรื่อง “แม่จ๋าอยู่ไหน” เล่าถึงความเป็นมาของตัวเองตั้งแต่ตอนที่เริ่มจำความได้ และมาอยู่กับนางสมใจ แล้วถูกขโมยต่อมาโดยนางสมรต้องเร่ร่อนมีน้องหมามู่ลี่เป็นเพื่อนจนได้มาอยู่บ้านเด็กกำพร้า และแอบเลี้ยงมู่ลี่ไว้ ตลอดเวลาเธอโหยหาแม่และกำลังตามหาว่าแม่จ๋าอยู่ไหน นัทธรก็เอาเรียงความทั้งหมดมานั่งอ่าน เขาลงความเห็นว่าเด็กหญิงอ้อยควั่นหรือกชกรเขียนได้ประทับใจและสนุกสนานที่สุด เขาชอบมากตรงที่เธอแอบเลี้ยงสุนัขเพื่อนตายของเธอไว้ที่สถานเด็กกำพร้ามาหกปีแล้ว อ้อยควั่นดีใจมากที่ได้รับรางวัลด้วยการเป็นลูกอุปถัมภ์ของคุณพ่อคนหนึ่ง โดยที่เธอไม่เคยทราบเลยว่าคุณพ่อของเธอคือใคร อ้อยควั่นได้รับโน้ตสั้นๆ จากคุณพ่อจากเลขาชื่อ ดุจดาว คุณพ่อแจ้งความจำนงว่าคุณพ่อต้องการนำมู่ลี่ไปเลี้ยงดูอย่างดีที่บ้านของคุณพ่อ ส่วนอ้อยควั่นคุณพ่อจะส่งไปไว้ที่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่ง คุณแม่ปราณีดีใจด้วยกับอ้อยควั่น แต่ต่อว่าที่แอบเลี้ยงสุนัขไว้ไม่บอก อ้อยควั่นสัญญาว่าจะกลับมาเยี่ยมคุณแม่ช่วงปิดเทอม ที่โรงเรียนใหม่ของอ้อยควั่นเธอได้พบผู้อำนวยการโรงเรียนหนุ่มมากชื่อนัทธร มีเพื่อนใหม่ชื่อ ภัคภิรมย์ เป็นหลานของนันธร และ ศลิษา ซึ่งเป็นนักเรียนเข้าใหม่เช่นกัน วันหนึ่งนัทธรเรียกตัวอ้อยควั่นไปพบสอบถามถึงผลการเรียน และอบรมให้อ้อยควั่นเข้ากับทุกคนที่นี่ให้ได้และทำตัวให้เป็นประโยชน์กับผู้อื่น นัทธรดูเฉยเมยเงียบขรึมเจ้าระเบียบจนอ้อยควั่นกลัวมาก สายตาของนัทธรที่มองอ้อยควั่นดูเข้มงวดและสำรวจ อ้อยควั่นได้รับคำสั่งจากคุณพ่อผ่านเลขาว่าให้เธอบอกทุกคนว่าพ่อแม่เสียชีวิตแล้ว และเธอมีญาติอุปการะอยู่ อ้อยกับภัคภิรมย์ไม่ถูกกันเพราะภัคภิรมย์จะดูหยิ่งพูดจาดูถูกผู้อื่น และอยากรู้ว่าทุกคนเป็นลูกท่านหลานเธอที่ไหน พูดแต่สิ่งที่หรูหรา และภัคภิรมย์ก็อยากรู้มากว่าอ้อยควั่นมาจากไหน และเป็นใคร ศลิษาต้องเป็นคนคอยตามไกล่เกลี่ย อ้อยควั่นมักเขียนจดหมายผ่านเลขาของคุณพ่อไประบายให้ฟังเสมอ แต่แล้วทุกคนก็ต้องตะลึงเพราะในวันหยุดจะมีรถคันงาม และมู่ลี่น้องหมาที่ถูกแปลงโฉมจนแทบจำไม่ได้ มาหาอ้อยพร้อมกับของขวัญมากมาย เช่น เสื้อผ้า ขนมนมเนย บางครั้งก็ให้รับไปเที่ยวข้างนอก คุณพ่อโอนเงินเข้าบัญชีให้อ้อยควั่น โดยอ้อยควั่นใช้วิธีกดเอทีเอ็มนำเงินนั่นออกมาใช้ได้เลย อ้อยควั่นเขียนจดหมายบอกคุณพ่อว่าเงินมากเกินไป แต่คุณพ่อก็ยังส่งมา ทำให้อ้อยควั่นอยากรู้และอยากพบคุณพ่อมาก แต่ไม่ว่าอ้อยควั่นจะขอร้องอย่างไรคุณพ่อก็ไม่เคยมาพบ คนที่อ้อยควั่นมักได้พบกลับเป็นนัทธรผู้อำนวยการโรงเรียนที่มาอาทิตย์ละครั้ง และทุกครั้งจะเรียกอ้อยควั่นไปพบสำรวจอ้อยอย่างเข้มงวด และอบรมเรื่องเดิมๆ
เวลาผ่านไป อ้อยควั่นจบ ม.6 ที่นี่ และได้รับโน้ตจากคุณพ่อว่าให้ตั้งใจสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ อ้อยก็สอบติดมหาวิทยาลัยที่เดียวกับภัคภิรมย์ และศลิษา มีงานเลี้ยงจัดขึ้นที่ห้องอาหารหรู ฉลองเอ็นติดของทั้งสามคน โดยมีนัทธรอาของภัคภิรมย์เป็นเจ้าภาพ นัทธรดูใจดีเพราะตอนนี้ไม่ได้อยู่ในฐานะผู้อำนวยการโรงเรียนแล้ว เขายิ้มแย้มกับอ้อยควั่นทำให้อ้อยควั่นหายกลัว ศลิษาแอบกระซิบอ้อยควั่นว่าเธอแอบกรี๊ด คุณอานัทธร และตอนนี้พวกเราเป็นสาวแล้ว เริ่มมองหนุ่มได้บ้างแล้ว นอกจากอานัทธรยังมีพี่ชายของศลิษา คือ พี่ ศรุต ที่ขอมาเลี้ยงพวกสาวๆ ด้วย คราวนี้ภัคภิรมย์กระซิบอ้อยควั่นว่าเธอปิ๊งพี่ศรุตแล้วอ้อยอย่าแตะ มีโน้ตจากคุณพ่อว่าอ้อยควั่นเป็นสาวแล้วให้ดูแลตัวเองดีๆ จะคบใครต้องระวังให้ดีอยู่ในวัยเรียนไม่ควรข้องแวะกับผู้ชาย อ้อยควั่นตอบกลับว่าจะไม่มีแฟน คุณพ่อตอบมาว่าดีมากขอให้จริงอย่างที่พูด
เจ้านางบุญยวงเดินทางกลับมาเมืองไทย และสืบหาณัฐวุฒิเพื่อตามหาลูก เมื่อทราบความจริงว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นดังที่เธอวางแผนไว้ เจ้าบุญยวงเสียใจมาก เจ้าบุญยวงได้พบกับนัทธรและขอความช่วยเหลือให้สืบหาลูกของเธออีกแรง นัทธรบอกว่าเขาทำมาโดยตลอด อ้อยไปเรียนที่มหาวิทยาลัยและเรียนดีพอสมควร ในโอกาสสำคัญนัทธรจะมาพบสาวๆ ทั้งสามคน แต่คราวนี้มีเจ้าบุญยวงมาด้วย เจ้าบุญยวงมองเด็กสาวทั้งสามด้วยความรัก และสนใจอ้อยควั่นเป็นพิเศษ เจ้านางถามอ้อยถึงพ่อแม่ แต่ก็ไม่ได้ความกระจ่าง บุญยวงบอกว่าเธอสนใจอ้อยควั่นมากยากรู้ว่ามาจากไหน นัทธรกลัวว่าบุญยวงจะดูถูกอ้อยควั่น จึงบอกว่าอ้อยมีพ่อแม่และเขารู้จักพ่อแม่ของอ้อยดี แต่ตอนนี้พ่อแม่ของอ้อยเสียชีวิตแล้ว ในช่วงปิดเทอมทุกคนพากันไปซัมเมอร์ต่างประเทศ เลขาบอกว่าคุณพ่อให้อ้อยไปได้ แต่อ้อยปฏิเสธเพราะฟุ่มเฟือยเกินฐานะและเกรงใจคุณพ่อ คุณพ่อจึงให้อ้อยไปพักผ่อนที่บ้านบนเขา ที่นั่นมีบุญยวง และ ป้าไพลิน รอต้อนรับอยู่ อ้อยแปลกใจมากที่คุณป้าไพลินบอกว่าเป็นแม่นมของอานัทธร แล้วทำไมทั้งอานัทธร เจ้านางบุญยวง และคุณป้าไพลิน จึงไปเกี่ยวข้องกับคุณพ่อของอ้อยได้ ด้วยความสงสัยอ้อยควั่นเขียนจดหมายไปถามคุณพ่อ แต่ก็ไม่มีคำตอบกลับมา พออ้อยควั่นเขียนถามมากๆ ก็ถูกคุณพ่อดุกลับมาในจดหมายว่าถ้ารักคุณพ่อ มั่นใจในตัวคุณพ่อก็ควรเชื่อคุณพ่อ วันดี คืนดีอานัทธรก็มาหาแม่นม และเจ้านางบุญยวง
วันหนึ่ง ให้บังเอิญศรุตเกิดมีบ้านเพื่อนที่เขาข้างๆ จึงมาพบกันโดยบังเอิญทำให้อานัทธรดูหงุดหงิด อ้อยควั่นเขียนจดหมายไปเล่าเรื่องนี้ให้คุณพ่อฟัง และบอกว่าเธอนับถือพี่ศรุตเป็นพี่ชาย และก่อนเปิดเทอมภัคภิรมย์ และศลิษากลับมาจากต่างประเทศแล้ว ทั้งหมดได้รับเชิญจากอานัทธรให้ไปพักบ้านตากอากาศที่เขาใหญ่ของอานัทธร ต่อมาอ้อยได้ทราบว่าอานัทธรไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของณัฐวุฒิ ต่อมาณัฐวุฒิกับเจ้านางบุญยวงได้พบกัน ทั้งสองพยายามช่วยกันตามหาลูกสาว ทั้งสองดูรักใคร่อ้อยเป็นพิเศษ อ้อยเขียนจดหมายไปเล่าให้คุณพ่อฟังว่าเธอว่าจะรับจ๊อบเป็นสไตล์ลิสท์ให้นางแบบของหนังสือชื่อดังแห่งหนึ่ง และเธอจะเก็บเงินไว้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวคุณพ่อไม่ต้องส่งมา แต่คุณพ่อก็ยังส่งมาตามปกติ อ้อยตั้งใจเก็บเงินซื้อเน็คไทราคาแพงเส้นหนึ่งฝากผ่านเลขาไปให้คุณพ่อในวันปีใหม่ อ้อยควั่นอ้อนวอนขอพบคุณพ่ออีกเพื่อจะได้กราบคุณพ่อ แต่คุณพ่อกลับตอบมาว่าเมื่อถึงเวลาจะได้พบกันและจะผูกเน็คไทของอ้อยไปให้ดู ตลอดเวลาที่เรียนอ้อยทำของใช้และเครื่องประดับด้วยฝีมือตัวเองส่งให้คุณพ่อ การเรียนผ่านไปถึงปีสุดท้าย คุณพ่อให้อ้อยควั่นตั้งหน้าตั้งตาเรียน ส่วนเจ้านางบุญยวงก็ยังแวะมาเยี่ยมอ้อยเสมอ อ้อยถามว่าทำไมเจ้านางถึงชื่อแปลก เธอจึงบอกว่าเรื่องของเธอยาวมาก และเธอไม่ใช่คนไทย แต่เป็นชนกลุ่มน้อยที่หนีมาอยู่ในศูนย์อพยพ ตอนนี้เธอกำลังตามหาลูกสาวของเธอที่ชื่อ ส่วยหย่ง ซึ่งแปลว่ากระต่ายทอง อ้อยควั่นเห็นใจและสงสารเจ้านางบุญยวง อ้อยควั่นปลอบใจเจ้านางบุญยวง บุญยวงยิ่งรู้สึกผูกพันถูกชะตากับอ้อยมาก หลังจากเรียนจบอ้อยควั่นได้เกียรตินิยมดี ภัคภิรมย์ได้ดีมาก ส่วนศลิษาไม่ได้เกียรตินิยม มีงานเลี้ยงฉลองเรียนจบให้สาวๆ อ้อยควั่นเขียนจดหมายอ้อนวอนให้คุณพ่อมาร่วมงาน และขอให้อ้อยได้กราบขอบพระคุณคุณพ่อ แต่วันงานกลับมีแค่ คุณปู่ณัฐวุฒิ เจ้านางบุญยวง อานัทธร พี่ศรุตมาเท่านั้น อ้อยควั่นเสียใจและผิดหวังมาก คุณพ่อฝากของขวัญมาให้อ้อยเป็นรถเก๋งคันงาม อ้อยปฏิเสธไม่รับ ตอบกลับไปที่คุณพ่อว่าสิ่งที่เธอต้องการ คือ ได้พบคุณพ่อไม่ใช่รถคันนี้ ศรุตขอเป็นคนรู้ใจของอ้อยแต่อ้อยควั่นปฏิเสธ เหตุการณ์นี้ทำให้อ้อยมีมีปากเสียงกับภัคภิรมย์ที่คิดว่าอ้อยไม่รักษาคำพูด ศลิษาต้องมาอธิบาย ศรุตเสียใจไปพักหนึ่งในที่สุดก็คิดได้และกลายมาเป็นคนรู้ใจของ ต้องรัก อดีตแฟนเก่าของนัทธรที่เลิกรากันไปนานแล้ว และกลับมาอยู่เมืองไทย ส่วนศลิษาขอร้องให้อ้อยช่วยเป็นแม่สื่อให้ตนกับอานัทธร อ้อยตกลงทั้งที่ในใจนึกพอใจอานัทธรอยู่เหมือนกัน อ้อยกลับไปเยี่ยมคุณแม่ปราณีกราบขอบพระคุณที่อบรมให้อ้อยเป็นเด็กดี คุณแม่บอกว่ามีของชิ้นหนึ่งที่ติดตัวอ้อยอยู่ตอนมาที่นี่และจะคืนให้อ้อยแต่ตอนนี้หาไม่พบ ถ้าหาพบแล้วจะโทรไปบอกให้มารับ สิ่งนั้น คือ สร้อยคอสลักชื่อบุญยวงกับส่วยหย่งนั่นเอง ทางฝ่ายบุญยวงได้พบกับ มะขิ่นโดยบังเอิญ มะขิ่นมาสมัครงานที่บ้านของณัฐวุฒิทั้งสองดีใจที่พบกัน แต่มะขิ่นเจ้าเล่ห์มากอยากได้เงินจึงโกหกว่าลูกของบุญยวงถูกผู้หญิงชื่อสมใจมาหลอกไปจากหญิงคนหนึ่งในศูนย์คาดว่าคงเอาไปเป็นขอทาน ณัฐวุฒิกับบุญยวงตกใจรีบส่งคนตามรอยลูกตามที่มะขิ่นบอก ทางฝ่ายมะขิ่นยังโลภมากคิดจะหาเงินทางลัดจึงสืบหาเช่นกันเพราะหวังจะเอาลูกของเจ้านางไปเรียกค่าไถ่จึงแอบฟังความเคลื่อนไหวของการติดตามหาลูก อ้อยได้ทำงานเป็นดีไซน์เนอร์และอาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่งที่คุณพ่อมอบให้ คุณพ่อบอกว่าคงใกล้ถึงเวลาแล้วที่เราจะได้พบกัน อ้อยดีใจมาก อ้อยขอพบอานัทธรและนัดให้พบกับศลิษาพยายามทำให้สองคนได้ใกล้ชิดกัน อ้อยเขียนเล่าให้คุณพ่อฟัง คุณพ่อเขียนดุกลับมาว่าไม่ให้ยุ่งเรื่องของคนอื่น และยังถามว่าอ้อยชอบใครหรือยังถ้าไว้ใจพ่อบอกให้พ่อรู้ อ้อยหลงกลบอกว่าชอบคุณอานัทธรแต่คงเป็นไปไม่ได้ เพราะคุณอานัทธรเหมาะสมกับศลิษา และอ้อย คือ เด็กกำพร้า ในที่สุดณัฐวุฒิกับบุญยวงก็ตามเจอสมใจ ตามเจอสมรโดยมีมะขิ่นรู้เห็นเรื่องราวโดยตลอด และทั้งหมดกำลังตามหาดูว่าอ้อยจะไปที่ไหนหลังจากหนีสายสมรแล้ว ในที่สุดก็สืบได้ว่าอ้อยมาที่ตลาดแห่งหนึ่ง
ขณะนั้นเอง ทางด้านนัทธรก็ปฏิเสธนิ่มๆ ไปกับศลิษาว่าเขาเอ็นดูเธอเหมือนหลาน ศลิษาเสียใจมากมาบอกอ้อย อ้อยเห็นใจเพื่อน ขณะเดียวกันอ้อยก็ได้รับจดหมายจากคุณพ่อว่าพร้อมแล้วที่จะให้อ้อยไปพบในงานเลี้ยงครบรอบปีของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งอ้อยแปลกใจเพราะ คือ บริษัทของนัทธรนั่นเอง คุณพ่อให้อ้อยไปพบคนที่ใส่เน็คไทของอ้อย ในที่สุดคุณแม่ปราณีก็หาสร้อยของอ้อยพบและโทรหาอ้อย อ้อยกำลังอยู่ในงานแต่งตัวสวยกำลังมองหาคุณพ่อ นัทธรใช้เน็คไทของอ้อยกำลังเดินตรงมาหาอ้อยที่มองหาอยู่ ที่สถาน เด็กพร้าคุณแม่ปราณีกำลังยกขึ้นมาดูอ่านเห็นชื่อบุญยวงพลิกอีกด้านเห็นชื่อส่วยหย่ง ปราณีดีใจรีบโทรหาอ้อย อ้อยรับแต่บอกว่าอยู่ในงานเลี้ยงพรุ่งนี้จะไปรับของ แต่แล้วอ้อยก็กลับได้ยินเสียงคุณแม่ร้องว๊ายแล้วเงียบเสียงไป พวกสมใจและมะขิ่นนั่นเองมาจับตัวปราณีไป ตอนกำลังถูกกระชากตัวปราณียัดสร้อยใส่ไว้ใต้หมอนไว้ อ้อยเลิกตามหาคุณพ่อรีบตรงไปที่บ้านเด็กกำพร้าไม่พบใครพบแต่ป้าเมตตา อ้อยเล่าเหตุการณ์ให้ป้าเมตตาฟัง อ้อยมองไปเห็นสร้อยที่แล่บออกมาจากใต้หมอนหยิบออกมาไม่ได้อ่าน แต่คิดว่าต้องเป็นของที่คุณแม่บอกว่าหาให้แน่ๆ อ้อยหยิบสร้อยเส้นนั้นออกมา นัทธรผิดหวังที่อ้อยไม่ไปหาตามนัด อ้อยเขียนโน้ตฝากเลขาขอโทษเพราะเกิดเรื่อง ทุกคนจึงรู้ว่าคุณแม่ปราณีถูกจับไป บุญยวงส่งรถไปรับอ้อยมาที่บ้าน อ้อยส่งให้ทุกคนดูว่านี่ คือ สร้อยที่ติดคอเธอมาตอนที่เธอมาที่บ้านคุณแม่ปราณี แต่คุณแม่เก็บเอาไว้ เมื่อบุญยวงเห็นถึงกับช็อค บุญยวงให้อ้อยควั่นอ่านที่แผ่นสลักทั้งสองด้าน อ้อยงงแต่ก็อ่านชื่อ “บุญยวง” “ส่วยหย่ง” อ้อยมองบุญยวง บุญยวงมองอ้อย สองคนถลาเข้ากอดกัน ที่นัทธรเข้ามาเห็นภาพยืนนิ่งมอง อ้อยก้มลงกราบแทบเท้าของบุญยวง บุญยวงประคองอ้อยขึ้นมา และบอกว่าณัฐวุฒิ คือ พ่อ อ้อยควั่นตะลึง ณัฐวุฒิกางแขนสวมกอดลูกสาว ทั้งสามคนกอดกัน จากนั้นอ้อยก้มลงกราบที่เท้าของพ่อและแม่ นัทธรยืนมองแล้วหันผละออกไป ณัฐวุฒิเห็นจึงเรียกให้มารู้จักกัน อ้อยมองไปนัทธรมองตอบกลับมา สายตาของอ้อยจ้องไปที่เน็คไทของนัทธร อ้อยตะลึงถลาไปหานัทธรโดยไม่ได้ตั้งใจไม่เชื่อว่าคุณพ่อที่อุปการะเธอจะหนุ่มไม่ใช่คนมีอายุ นัทธรยืนนิ่ง ณัฐวุฒิบอกอ้อยว่านัทธรเป็นลูกชายบุญธรรมของเขา นัทธรขัดเขินไม่กล้ากอดดังที่เคยเขียนจดหมายบอกไว้ แต่อ้อยกลับก้มลงกราบนัทธรที่เท้าและบอกพ่อแม่ว่า นี่คือ คุณพ่อที่อุปการะส่งเสียเธอจนเรียนจบ บุญยวงกับณัฐวุฒิตื่นเต้นดีใจและขอบใจนัทธร ต่อมาพวกมะขิ่นหาทางจับตัวอ้อย โดยใช้คุณแม่ปราณีมาขู่ว่าจะฆ่า อ้อยจึงต้องไปพบพวกมะขิ่น พวกนั้นจับตัวอ้อยเรียกค่าไถ่ยี่สิบล้าน นัทธรใช้อุบายเอาเงินไปล่อและช่วยอ้อยกับคุณแม่ปราณีออกมาได้ ส่วนพวกมะขิ่นกับสมใจหนีไปแต่ในที่สุดก็ถูกตามจับได้
มีงานฉลองการพบกันและประกาศว่าอ้อย คือ ลูกสาวของณัฐวุฒิและเจ้าบุญยวง หลังเสร็จงานเลี้ยง อ้อยตามเจ้านางบุญยวงมาอยู่ที่ภูคำ นัทธรตามมาที่ภูคำ เจ้านางให้อ้อยตัดสินใจเลือกไปอยู่กับความรัก คือ นัทธร อ้อยควั่นกลับมาเมืองไทยสร้างความดีใจให้กับนัทธรมาก นัทธรมอบแหวนที่รอไว้หมั้นให้อ้อย และประกาศหมั้นกับอ้อยควั่นท่ามกลางความอิจฉาของสาวๆ ทั้งหลาย ในงานหมั้นมีทุกคนมาร่วมงานกับอย่างมีความสุข
เรื่องย่อ : แก้วหน้าม้า (2558/2015) เรื่องราวของนางแก้วมณีอดีตนางฟ้าบนสวรรค์ที่ถูกสาปให้มาเกิดเป็นหญิงสาวชาวบ้านที่มีใบหน้าเป็นม้า วันหนึ่งพระปิ่นทองพระโอรสของท้าวภูวดลแห่งเมืองมิถิลาได้ออกมาเล่นว่าวด้านนอกพระราชวัง ว่าวพระปิ่นทองเกิดสายป่านขาดลอยไปตกที่ทุ่งนา นางแก้วมณีเห็นจึง เก็บกลับไปไว้ที่บ้าน เมื่อพระปิ่นทองมาขอว่าวคืนนางแก้วได้ขอให้พระปิ่นทองรับตนเองไปเป็นพระมเหสี ด้วยความอยากได้ว่าวคืนพระปิ่นทองจึงตกปากรับคำไปส่งเดช จนในที่สุดนางแก้วมณีก็ได้เข้าไปอยู่ในวังแต่ก็ต้องถูกกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานา โดยท้าวภูวดลให้นางแก้วมณีไปตัดเขาพระสุเมรุ ระหว่างทางก็ได้พระฤๅษีช่วยและพระฤๅษีนี้เองเป็นผู้ที่ถอดหน้าม้าและมอบเรือเหาะกับมีดโต้วิเศษไว้ให้ เมื่อได้เขาพระสุเมรุกลับมาท้าวภูวดลสั่งให้พระปิ่นทองเดินทางไปยังเมืองโรมวิถีเพื่ออภิเษกกับเจ้าหญิงทัศมาลี และพระปิ่นทองยังยื่นคำขาดว่าหากกลับมา นางแก้วมณียังไม่มีลูกกับพระองค์ก็จะให้นำตัวไปประหารเสีย นางแก้วมณีจึงนั่งเรือเหาะไปขออาศัยอยู่ที่กระท่อมกับสองตายายในป่าชานเมืองโรมวิถี พร้อมกับถอดรูปม้าออกกลายเป็นหญิงสาวแสนสวยชื่อมณีรัตนา จนในที่สุดพระปิ่นทองก็ตกหลุมรักและอยู่กินด้วยกันช่วงหนึ่งจนมณีรัตนาท้อง พระปิ่นทองจึงมอบแหวนประจำพระองค์ไว้ให้ก่อนจากกัน ระหว่างทางพระปิ่นทองได้สู้กับยักษ์ชื่อท้าวพาลราช ฝ่ายแก้วมณีเมื่อทราบความจากพระฤๅษีก็แปลงกายเป็นชายชื่อเจ้าแก้วนั่งเรือเหาะมาช่วยเหลือจนชนะและยกสร้อยสุวรรณ จันทร์สุดาพระธิดาของ ท้าวพาลราชให้เป็นเมียของพระปิ่นทอง และเจ้าแก้วก็แปลงร่างกลับเป็นนางแก้วมณีอุ้มลูกคือ พระปิ่นแก้วมาดักพระปิ่นทองที่เมือง พระปิ่นทองปฏิเสธแต่ก็จำนนด้วยหลักฐานคือแหวนประจำพระองค์พระปิ่นทองจึงไล่แก้วหน้าม้าและลูกให้ไปอยู่ท้ายวัง หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดศึกท้าวประกายมาศพญายักษ์มาตีเมืองมิถิลา สร้อยสุวรรณ จันทร์สุดาจึงออกอุบายให้ท้าวภูวดลมาขอร้องนางแก้วมณีให้ไปช่วย แก้วหน้าม้าจึงแปลงกายเป็นเจ้าแก้วออกรบจนชนะ พระปิ่นทองจึงรู้ความจริงและงอนง้อขอคืนดีกับแก้วหน้าม้า ภายหลังจากที่มิถิลาสงบสุขอยู่ได้ 15 ปีนางทัศมาลีกับพระโอรสปิ่นศิลป์ไชยร่วมกันใช้มนต์เสน่ห์หลอกล่อ ให้พระปิ่นทองกลับไปอยู่ด้วย นางแก้วมณีและปิ่นแก้วจึงตามไปช่วยจนสำเร็จ พระปิ่นทองสั่งประหารนางทัศมาลีและปิ่นศิลป์ไชยแต่ปิ่นแก้วขอชีวิตไว้ นางทัศมาลีและปิ่นศิลป์ไชยจึงสำนึกผิดและกลับตัวเป็นคนดี ปิ่นแก้วจึงพาตัวปิ่นศิลป์ไชยกลับเมืองมิถิลา ระหว่างทางปิ่นศิลป์ไชยถูกนางยักษ์มณีฉายจับทำผัว ฝ่ายปิ่นแก้วเห็นน้องหาย จึงสวมรูปม้าออกตามหาไปจนถึงเมืองการะเกด เจ้าหญิงดารารัศมีเกิดสงสารจึงถอดแหวนแล้วมอบให้ ฝ่ายพระขนิษฐารัชนีเห็นดังนั้นจึงทูลฟ้องท้าวอุทัตเสด็จพ่อ ท้าวอุทัตจึงไล่นางดารารัศมีให้ไปอยู่กับชายหน้าม้าที่ปลายนา พระปิ่นแก้วคิดแก้แค้นจึงถอดรูปม้าไปลักลอบได้เสียกับเจ้าหญิงรัชนี โดยก่อนจากพระปิ่นแก้วได้มอบชายผ้าไว้ให้ ท้าวอุทัตทราบความจึงประกาศว่าผู้ใดเป็นเจ้าของชายผ้าจะยกพระธิดาให้ จึงเกิดการแย่งชิงของเจ้าต่างเมืองมากมายกลายเป็นศึกใหญ่ พระปิ่นแก้วจึงออกมาช่วยระงับศึกและได้ครองเมืองการะเกด ฝ่ายพระปิ่นศิลป์ไชยหลบหนีจากนางยักษ์มณีฉายด้วยการช่วยเหลือของเทพารักษ์โดยการมอบแหวนที่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นชายแก่ให้ ระหว่างหลบหนีไปถึงเมืองจักรวรรดิก็ได้ช่วยชาวเมืองยกเสาที่ล้มอยู่กลับคืนที่เดิม ฝ่ายเจ้าเมืองคือท้าวทรงบดินทร์จำต้องยกเจ้าหญิงทิพวันให้ตามที่เคยลั่นวาจา ฝ่ายเจ้าหญิงทิพวันเมื่อรู้ความจริงว่าชายแก่คือ พระปิ่นศิลป์ไชยก็หลงรักและพากันกลับเมืองมิถิลา ติดตามชม ละครแก้วหน้าม้า ได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00 น. ทางช่อง 7 สี
เรื่องย่อ : คาดเชือก (2558/2015) คาดเชือกเป็นเรื่องราวของการสู้แย่งชิงและการรักษาความยุติธรรมเอาไว้ในอำเภอโพธิ์ทองสถานที่ๆขึ้นชื่อในเรื่องหมัดมวยโดยผู้ที่มีอิทธิพลอยู่ในโพธิ์ทองขณะนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนายทองคำ และทองดี ผู้เป็นลูกชายซึ่งตัวของทองคำนั้นล้วนแล้วแต่ทำธุรกิจที่ผิดกฎหมาย ข่มเหงรังแกชาวบ้านอยู่เสมอๆ นอกจากทองดีแล้วในหมู่บ้านแห่งนี้ยังมีสองสาวผู้มีหน้าตาจิ้มลิ้มได้แก่ละไม และละเมียน โดยถึงแม้ว่าสองพี่น้องนี้จะเป็นฝาแฝดกันก็ตามแต่นิสัยใจคอของทั้งคู่นั้นต่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงโดยละไมนั้นมีนิสัยติดหรูออกไฮโซและกำลังคบหากันกับทองดีในขณะที่ตัวของละเมียนเองนั้นมีลักษณะนิสัยที่ติดดิน ก๋ากั่นและไม่ยอมคนซึ่งเธอนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมาชอบปะทะคารมกับบุญสม นักมวยคาดชื่อผู้มีหมัดอันหนักหน่วงเพราะเธอมองว่าบุญสมนั้นเป็นนักเลงอันธพาล แต่แล้ววันหนึ่งเรื่องราวของอำเภอโพธิ์ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อธนู ว่าที่ปลัดคนใหม่กำลังจะเข้ามาประจำการที่พื้นที่แห่งนี้ซึ่งตัวของธนูเองนั้นมีพรสวรรค์พิเศษคือหากเห็นการต่อสู้ชนิดใดก็ตามสมองของเขาก็จะทำการประมวลผลเก็บไว้และสามารถนำเอาการต่อสู้นั้นๆ มาใช้ได้ทันทีซึ่งในครั้งแรกที่ธนูเข้ามาก็ได้เจอกับละไมและรู้สึกชอบพอกับเธอในขณะที่ละไมเองนั้นกลับไม่ชอบขี้หน้าเพราะคิดว่าเขานั้นเป็นอันธพาล ด้านบุญสมเองนั้นก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากับทองคำและทองดีสองพ่อลูกคู่นี้มานานแล้วเพราะเนื่องจากว่าทั้งบุญสมและทองดีนั้นล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์มวยครูเดียวกันแต่เนื่องจากว่าบุญสมเองรักความยุติธรรมจึงมักคอยขัดขวางไม่ให้ทองคำและทองดีทำชั่วอยู่เสมอๆ
เรื่องย่อ : ขิงก็รา ข่าก็แรง (2562/2019) เมื่อความต้องการของผู้ใหญ่ คือจุดเริ่มต้นของ วิวาห์สายฟ้าแลบ ระหว่างนักข่าวสาวสุดมั่น กับ นักธุรกิจหนุ่มปากร้าย การปะทะคารมของสามีภรรยากำมะลอจึงเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน แต่ความผูกพันธ์จากการใกล้ชิด เปลี่ยน คู่กัด ให้กลายเป็น คู่ใจ โดยไม่รู้ตัว
เรื่องย่อ : คู่ป่วนอลวน (2551/2008) กามเทพ นี้ชอบเล่นตลกกับความรักจัง จู่ๆ ก็จับสาวมาดมั่นอย่าง ภาวิกาให้มาพบเจอกับพล หนุ่มมาดเท่ห์ ถ้าคู่กัด คู่ป่วนต้องมาเป็นคู่รักกัน มันจะสับสนอลวน....อลเวง....เพียงใด จากคู่แข่ง คู่ปรับ ต้องมาเป็นคู่กันแล้วเรื่องวุ่น ๆ จะลงเอยอย่างไร พล มัณฑนากร หนุ่มหล่อ พ่อตาย มีแต่แม่ที่ชอบแอบเล่นการพนัน พล ฝีมือดี บ้างานจนลืมแฟนเสมอ กระทั่งวันสำคัญนัดถ่ายรูปกับ กุสุมา ที่สตูดิโอแห่งหนึ่ง เพื่อเตรียมพิมพ์เป็นการ์ดแต่งงาน พลจะไปรับชุดแต่งงานที่ร้านตัดเสื้อหรูของ คุณวิวาห์วดี มาให้เธอเพื่อเอาใจและแก้ตัวที่ชอบผิดนัด กุสุมาเป็นลูกสาวคนเดียวของ สมพงษ์ เจ้าของร้านทองที่มีชื่อเสียงและรวยมาก เธอเป็นสาวสวย อ่อนหวาน น่ารัก ตามใจแฟน ไม่ต่อว่าต่อขาน พลจะดูหนังบู๊แต่เธออยากดูหนังรัก พลจะกินอาหารญี่ปุ่น แต่เธอจะกินอาหารจีนก็ไม่ขัดข้อง เธองอนกับเขาเรื่องเดียวคือผิดนัด ติดตามต่อได้ใน คู่ป่วนอลวน
เรื่องย่อ : อาญารัก (2556/2013) อาญารัก เป็นเรื่องราวชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง คือ เนียน (จีรนันท์ มะโนแจ่ม) ถูกนำตัวมาเป็นข้ารับใช้ เพราะน้อม ข้าเก่าท่านหมื่นผู้เป็นบิดาของขุนภักดีภูบาล (อานัส ฬาพานิช) ได้เข้ามาขอกู้เงิน แต่ไม่พบตัวท่านขุนภักดีภูบาล คุณเรียม (นุสบา ปุณณกันต์) ภรรยาเอกท่านขุนจึงให้นายน้อยยืมเงิน 2 ชั่ง เพื่อรักษาตัวและนำไปไถ่ถอนที่นา น้อมจึงยกลูกสาวให้ตอบแทนคุณ เนียนเป็นเด็กสาวหน้าตาดี อุปนิสัยเรียบร้อย คุณเรียมจึงเอ็นดูเลี้ยงไว้ในฐานะน้องสาว นอกจากคุณเรียมแล้ว ขุนภักดียังมีภรรยาอีกคนคือ คุณสน (มรกต กิตติสาระ) ลูกสาวกำนันฐานะดี แต่ขี้อิจฉาริษยา เมื่อเห็นท่านขุนสนใจเนียน และมีช้อย สาวใช้ประจำตัวคอยยุยง เนียนจึงถูกกลั่นแกล้ง ท่านขุนก็เมตตาสงสาร และรักเนียนยิ่งขึ้น เนียนลำบากใจ เพราะเธอเคยมีครอบครัว แต่สามีตายไปแล้ว แลมีลูกแล้วเป็นชายที่ยังเล็กก็ฝากให้ยายแพรเป็นคนเลี้ยงดู ต่อมาพ่อของเนียนเสียชีวิต ท่านขุนจัดงานศพให้อย่างดี เนียนสำนึกในบุญคุณจึงยอมเป็นเมียท่านขุน โดยเก็บเรื่องลูกไว้เป็นความลับ คุณสนจ้างเหิม ลูกน้องของพ่อกำนันให้ข่มขืนเนียน เหิมชวนหนักและโพล้งร่วมทำการโดยไม่รู้ว่าเสือหนัก (นภัสกร มิตรเอม) เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเนียน จึงถูกซ้อนแผน คุณสนและช้อยจึงเป็นผู้รับเคราะห์แทน คุณสนและช้อยอาฆาตเนียนมากขึ้น ต่อมา คุณสนตั้งท้องอันเกิดกับเสือหนัก แต่ไม่บอกใคร ให้ทุกคนเข้าใจว่าเป็นลูกของท่านขุน ขณะเดียวกัน คุณเรียมและเนียนก็ตั้งท้องเช่นกัน เสือหนักลอบเข้ามาพบเนียน แจ้งข่าวเรื่องลูกที่กำลังป่วยหนัก ต้องการเงินรักษา คุณสนกับช้อยบังเอิญพบเข้า จึงนำความไปบอกท่านขุนว่าเนียนคบชู้ ท่านขุนโกรธจัด เฆี่ยนตีเนียนอย่างหนัก และไล่ให้ไปอยู่เรือนคนใช้ คุณสนคลอดบุตรเป็นชายได้ชื่อว่าเทิดศักดิ์ คุณเรียมนั้นเมื่อคลอดเด็กออกมาไม่นานทารกก็เสียชีวิต จึงให้เอกไปขอลูกของเนียนมาคนหนึ่ง ซึ่งเนียนคลอดลูกสาวฝาแฝดในวันเดียวกัน โดยให้หมอตำแยปิดเป็นความลับ ทานตะวันหรือลูกของเนียนที่คุณเรียมนำไปเลี้ยง เมื่อเติบโตขึ้นในฐานะลูกสาวคนเดียวของขุนภักดี และอยู่ใกล้คุณสน ทำให้มีนิสัยผิดแผกจากเนื้อทอง ลูกของเนียนที่ถูกตราหน้าว่าเป็นลูกชู้ เนื้อทองเป็นคนเจียมตน ขยัน เรียบร้อยเช่นเดียวกับเนียน จึงได้รับความกรุณาจากคุณทองจันทร์ และคุณเรียมให้เรียนอย่างเต็มที่ แดงน้อย (ธาราเขต เพ็ชรสุกใส) ลูกชายของเนียน ซึ่งเกิดจากสามีคนแรก เติบโตขึ้น โดยมีเสือหนักผู้เป็นลุงคอยส่งเสียโดยไม่เคยพบกัน แดงน้อยกับเทิดศักดิ์เป็นเพื่อนสนิทกัน ทำให้เสือหนักได้พบกับลูกคือเทิดศักดิ์ และทำให้เนียนได้พบกับแดงน้อย ทานตะวันนั้นชอบแดงน้อย เมื่อถูกคุณสนยุยงว่าจะถูกเนื้อทองแย่งไป ทานตะวันจึงออกอุบายกลั่นแกล้งเนื้อทอง จนถูกขุนภักดีเฆี่ยนตี แต่โชคดีที่เทิดศักดิ์ซึ่งแอบชอบพอเนื้อทองอยู่มาห้ามไว้ทัน ท่านขุนจึงยอมหยุดมือ หนุ่มสาวทั้ง 4 เรียนจบ เทิดศักดิ์เป็นนายร้อยตำรวจ แดงน้อยเป็นนายอำเภอ ทานตะวันจบเสริมสวยจากฝรั่งเศส เปิดร้านอยู่ในตัวเมือง ส่วนเนื้อทองบรรจุเป็นครูประจำจังหวัด ต่อมาคุณเรียมและคุณทองจันทร์ออกทุนให้เนื้อทองเปิดโรงเรียน ยิ่งเป็นเหตุให้ทานตะวันชิงชังเนื้อทองมากขึ้น ช้อยมีลูกชายที่ต้องคดีอยู่ จึงขอให้คุณสนบอกเทิดศักดิ์ให้ช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครช่วยได้ ช้อยจึงขู่คุณสนว่าจะเปิดเผยความจริง คุณสนจึงฆ่าช้อยทิ้งและป้ายความผิดให้เนียน โดยไม่รู้ว่าคุณทองจันทร์รู้เรื่องจากช้อยแล้ว ทางด้านแดงน้อยได้พบกับยายอ่อนหมอตำแยโดยบังเอิญจึงทราบเรื่อง และเข้าพบท่านขุนเพื่อเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เทิดศักดิ์จับกุมเนียนข้อหาฆาตกรรมช้อย คุณสนแอบได้ยินว่ายายอ่อนจะเปิดเผยความจริงเพื่อช่วยเนียน จึงฆ่ายายอ่อนเพื่อปิดปาก ท่านขุนมาประกันตัวเนียนและทราบความจริงเกี่ยวกับลูก ๆ ของตนทั้งหมด เทิดศักดิ์ทราบความจริงว่าเขาเป็นพี่น้องกับทานตะวัน เนื้อทอง และแดงน้อย และได้รู้ว่าตนเป็นลูกของเสือหนัก คุณสนเข้าใจว่าขุนภักดียังไม่ทราบความจริง จึงฆ่าคุณทองจันทร์ปิดปากอีกคน เทิดศักดิ์จำใจต้องจับคุณสน คุณสนขู่ประจานตระกูลภักดีภูบาลให้เสียชื่อเสียง ขุนภักดีจึงต้องการให้คุณสนฆ่าตัวตาย และคุณสนปฏิเสธ เสือหนักออกมาฆ่าคุณสน แดงน้อยเห็นเหตุการณ์จึงยิงเสือหนักตายโดยไม่รู้ว่าคือลุงผู้ส่งเสียเลี้ยงดูเขามาโดยตลอด โศกนาฏกรรมของครอบครัวภักดีภูบาล ปิดตัวลงท่ามกลางความช้ำใจของทุกคน
เรื่องย่อ : คุณพ่อจำเป็น (2555/2012) มีคนนำเด็กฝาแฝดสี่คนที่เกิดจากไข่คนละใบมาทิ้งไว้ที่หน้าบ้านของอาทิตย์ นักแต่งเพลงเจ้าสำราญในเวลา เช้า สาย บ่าย และเย็น ทำให้อาทิตย์จำต้องรับเป็นพ่ออุปถัมภ์ของเด็ก ๆ ตั้งชื่อให้ว่า อรุณเช้า-ตะวันสาย-บ่ายเพลา-นภาเย็น อาทิตย์ต้องเอาบ้านหลังใหญ่ที่เป็นของตนเองให้ฝรั่งเช่า เพื่อนำเงินมาเลี้ยงดูเด็ก ๆ แล้วพาเด็ก ๆ ไปอยู่บ้านเช่าหลังเล็กในชุมชนซอยร่วมสามัคคี ชื่นชอบกับชัยชม เป็นลูกนางชวน ซึ่งเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวในซอย ชัยชมเป็นทหารอยู่ชายแดนทางเหนือจึงรู้เรื่องลับของการขโมยเด็กที่มีชาติตระกูลสูง ถูกพาข้ามแม่น้ำสาละวิน มายังฝั่งไทยก่อนจะหายไปอย่างลึกลับ ชื่นชอบเป็นครู เมื่ออาทิตย์นำเด็ก ๆ สี่คนมาเข้าโรงเรียนจึงคิดว่าเด็ก ๆ เป็นลูกของอาทิตย์ซึ่งเป็นม่าย ต่อมาเกิดปัญหาเด็กเร่ร่อนเข้ามาอาศัยอยู่ในซอยร่วมสามัคคี และกลายเป็นที่รังเกียจของชาวซอยร่วมสามัคคี ทำให้ชื่นชอบและอาทิตย์ต้องร่วมมือกันหาบ้านอุปถัมภ์ และช่วยเด็กเร่ร่อนจากเหตุร้าย จนกระทั่งความพยายามกลายเป็นความรัก ทั้งนี้ ขวัญดี ซึ่งหมายปองอาทิตย์อยู่จึงเป็นปฏิปักษ์กับชื่นชอบ โดย เช้า-สาย-บ่าย-เย็น ต่างรักและต้องการให้ชื่นชอบแต่งงานกับอาทิตย์พ่อของตนเอง ต่อมา..มีผู้มาอ้างสิทธิ์ว่าเป็นพ่อแม่ของเด็ก ๆ แต่อาทิตย์และชื่นชอบหาทางพิสูจน์ไม่ได้ว่าคนเหล่านี้เป็นพ่อแม่ที่แท้จริงของเด็ก ๆ หรือไม่ ทำให้มีเรื่องโกลาหล สนุกสนาน ตื่นเต้น และเรียกน้ำตาจากปัญหาของเด็ก ๆ ที่เกิดขึ้นมากมาย จนในที่สุดพ่อแม่ที่แท้จริงของเด็กสี่คนก็ปรากฏตัวขึ้น เป็นบุคคลผู้มีฐานะสูงส่งและมีข้อพิสูจน์ได้ว่าเป็นพ่อแม่ที่แท้จริงของ เช้า-สาย-บ่าย-เย็น อาทิตย์จะตัดสินใจอย่างไร อรุณเช้า-ตะวันสาย-บ่ายเพลา และนภาเย็น จะทำอย่างไร ในเมื่อเด็ก ๆ ต่างรักคุณพ่อจำเป็นคนนี้เสียแล้ว ติดตามชมความสนุกสนานของ ละครคุณพ่อจำเป็น ได้ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 18.00 น. ทางช่อง 7 สี
เรื่องย่อ : เจ้าหญิงแตงอ่อน (2555/2012) เจ้าหญิงแตงอ่อนอรดี เป็นธิดาของกษัตริย์เมืองตะนูวดี มีพี่ชายชื่อ เจ้าชายสุดชฎา และมีพี่ชายต่างมารดาอันเกิดจากสนมชื่อ พระไวยราช พระไวยราชถูกมนต์สะกดของอสูรร้ายให้กระทำการชั่วต่าง ๆ นานา ทั้งยึดเมืองและต้องการได้นางแตงอ่อน น้องสาวต่างมารดามาเป็นมเหสี นางแตงอ่อนไม่ยินยอมจึงถูกฆ่าตาย พระสุดชฎาเสียใจมาก จึงอุ้มศพนางแตงอ่อนหนีไปถึงหน้าผาในป่า และตั้งใจจะกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายตามน้องสาว พระอินทร์จึงแปลงร่างลงมาขัดขวางและเกลี้ยกล่อมให้พระสุดชฎายอมรับอาหารที่ตนมอบให้ พระสุดชฎาจึงป้อนอาหารให้ศพเจ้าหญิงแตงอ่อน นางจึงฟื้นขึ้นมา ทั้งสองจึงซัดเซพเนจรไปอาศัยอยู่ในกระท่อมเล็ก ๆ ชายเขตแดนเมืองโกสี ซึ่งใต้ดินที่ปลูกกระท่อมนั้นมีถ้ำพญาจระเข้จำศีลอยู่ นางแตงอ่อนเผลอเทน้ำข้าวเดือดลงไปบนพื้นดิน พญาจระเข้ที่จำศีลอยู่ ถูกน้ำข้าวเดือดลวกจึงออกจากถ้ำขึ้นมาบนบึงน้ำ เกล็ดจระเข้จึงกระเด็นตกลงไปในหม้อข้าว พระสุดชฎาเสวยข้าวปนเกล็ดจระเข้ลงไป ทำให้กลายเป็นจระเข้ จึงบอกให้นางแตงอ่อนปักปิ่นลงบนศีรษะตน เพื่อจะได้เป็นที่สังเกตและแยกออกว่าจระเข้ตัวไหนเป็นพี่ชายของนาง เจ้าชายไพรงามแห่งเมืองโกสีออกประพาสป่ามาพบนางแตงอ่อนก็หลงรักและรับนางไปเป็นชายา และพาจระเข้พระสุดชฎาเข้าไปเลี้ยงในวังด้วย พวกนางสนมของพระไพรงามอิจฉาริษยานางแตงอ่อน จึงออกอุบายให้พระไพรงามออกไปคล้องช้างเผือก และสับเปลี่ยนโอรสของนางแตงอ่อนที่เพิ่งประสูติกับลูกจระเข้ ใส่ร้ายว่านางคบชู้กับจระเข้ พระไพรงามโกรธจึงขับไล่นางแตงอ่อนและจระเข้พระสุดชฎาออกจากเมือง พระอินทร์จึงให้นางแตงอ่อนบำเพ็ญพรตเพื่อช่วยให้พระสุดชฎากลับคืนร่างเป็นมนุษย์ ฝ่ายโอรสของนางแตงอ่อนที่ถูกนำไปฝังได้นางไม้พฤกษาช่วยไว้ และตั้งชื่อว่า เกตุทิพย์บดี เมื่อเกตุทิพย์บดีเจริญวัยจึงกลับเข้าเมืองโกสีและบอกความจริงทั้งหมด นางสนมจึงถูกเนรเทศ พระไพรงามและเกตุทิพย์บดีออกตามหานางแตงอ่อนและพยายามคืนดี แต่ระหว่างเดินทางกลับเมือง นางแตงอ่อนถูกพญายักษ์ลักพาตัวไป ที่เมืองของพญายักษ์มีกุมารีเกิดขึ้นในดอกบัว พญายักษ์ตั้งชื่อให้ว่า ปทุมวดี เจ้าหญิงปทุมวดีสนิทสนมกับนางแตงอ่อนจนเรียกว่าแม่ ทำให้มเหสียักษ์ไม่พอใจคิดจะทำร้ายนาง พระไพรงามกับเกตุทิพย์บดีตามมาช่วยและพานางแตงอ่อนกับปทุมวดีกลับเมืองโกสี ระหว่างทางได้พบพระไวยราชที่คลายจากมนต์สะกดหลบหนีออกจากเมืองตะนูวดี อสูรร้ายตามมา จึงถูกเกตุทิพย์บดีสังหาร พระไวยราชจะคืนราชสมบัติให้พระสุดชฎา แต่พระสุดชฎาละจากโลกีย์วิสัยแล้วจึงออกบวชแสวงหาธรรมะ ในขณะที่เจ้าหญิงแตงอ่อนได้อยู่พร้อมหน้าโอรสและพระสวามีอย่างมีความสุข ติดตามชมความสนุกสนานของ ละครเจ้าหญิงแตงอ่อน ได้ทุกเช้าวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.15 - 09.15 น. ทางช่อง 7 สี
เรื่องย่อ : ผักบุ้งกับกุ้งนาง (2547/2004) ผักบุ้ง สาวสวยเก่งและแก่น อาศัยอยู่กับยายและครอบครัวของน้าสาวในชุมชนแออัดแห่งหนึ่ง นางนวล แม่ของผักบุ้งตายตั้งแต่ผักบุ้งยังเด็กอยู่ มีแต่ อรสา น้าสาวที่รักและเอ็นดูเธออย่างจริงใจ อรสารับภาระในการเลี้ยงดูเธอทุกอย่าง ทั้งที่อรสาเองก็มีลูกสาวเหมือนกันชื่อ มณี มณีนั้นอายุน้อยกว่าผักบุ้งเพียงไม่กี่เดือน ทั้งคู่โตมาด้วยกันแต่นิสัยต่างกันมาก ขณะที่ผักบุ้งขยัน เรียนเก่ง แต่มณีขี้เกียจ ดีแต่ฟุ้งเฟ้อ ยิ่งไปกว่านั้น นางพวง ผู้เป็นยายเองก็ลำเอียงรักมณีมากกว่าผักบุ้ง วันชัย น้าเขยก็เป็นกรรมกรมีเพียงค่าแรงรายวัน แต่ติดเหล้าเหมือนกันซ้ำร้ายยังชวนยายพวงกินเหล้าจนติดด้วยกันทั้งคู่ เมื่อเรียนจบมัธยมปลายผักบุ้งไม่ต้องการทำตัวเป็นภาระให้กับน้าสาวอีก เธอจึงไม่ยอมเรียนต่อทั้งที่เรียนดี ผักบุ้งเริ่มทำงานหาเงินใช้เอง ตอนเช้าถึงเที่ยง เธอจะช่วยอรสาขายของ ฝีมือตำส้มตำของเธอมีลูกค้าติดกันมากมาย พอบ่ายจัดๆ เมื่อลูกค้าซาลง ผักบุ้งจะไปสำเพ็งหรือประตูน้ำเธอไปซื้อเครื่องประดับเก๋ๆ กับเสื้อผ้าสไตล์วัยรุ่นเพื่อเอามาขาย ผักบุ้งเองชอบค้าขายและเธอฝันอยากจะเป็นนักธุรกิจมีกิจการอะไรสักอย่างเป็นของตัวเอง ผักบุ้งจึงขยันทำงานมากเธอเก็บออมกำไรจากการขายของเข้าธนาคารไว้ แต่ผักบุ้งต้องเก็บสมุดบัญชีซ่อนไว้จนมิดชิดและเรื่องเงินฝากนี้ผักบุ้งไม่บอกใครเลย เพราะรู้ดีว่าทุกคนที่บ้านยกเว้นอรสาหิวเงินทั้งสิ้น ผักบุ้งจึงมุมานะทำงานมากขึ้น ช่วงไหนที่ไม่ได้ขายของเพราะฝนตกหรือไม่มีของดีๆ สวยๆ ผักบุ้งก็จะไปรับงานพิเศษเป็นพนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่มในห้องอาหารของโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ซึ่งเมื่อมีงานเลี้ยงใหญ่ๆ มักจะมีพนักงานไม่พอเสมอ ผักบุ้งจึงได้ทำงานในแบบพาร์ตไทม์อยู่เรื่อย ยายพวงก็ทำให้ผักบุ้งหงุดหงิดจนได้ เมื่อใช้ให้เธอไปซื้อเหล้าแต่เช้า ขณะที่มณีเดินนวยนาดออกมาใส่ชุดเสื้อสายเดี่ยวตัวสั้น กางเกงเอวต่ำอวดผิวเนียนอย่างไม่อาย เมื่อผักบุ้งเตือนว่ามณีแต่งตัวโป๊เกินไป มณีหัวเราะเยาะว่าผักบุ้งอิจฉา ไม่มีปัญญาจะซื้อมาใส่ ยายพวงยังเข้าข้างมณีด่าผักบุ้งซ้ำอีก ผักบุ้งน้อยใจจึงผลุนผลันลงจากบ้าน เธอเดินไปหลังชุมชนบริเวณที่ติดกับวัด เธอไปบ้านของลุงสมานอดีตนักมวยทีมชาติ สมานเป็นครูสอนวิชาป้องกันตัวให้ผักบุ้ง ซึ่งผักบุ้งทำได้ดีเสียด้วย เธอปราบไอ้โตนักเลงใหญ่จนไม่กล้าหือ นอกจากปากเปราะ เจ๊าะแจ๊ะจีบเธอไปเรื่อย สมานจะสอนให้เธออดทนและขยันทำมาหากิน ที่สำคัญผักบุ้งรู้ว่าสมานรักและเอ็นดูเธออย่างจริงใจ แต่วันนี้เธอเข้าเขตบ้านสมาน และเห็นว่าสมานอยู่กับ ร.ต.อ.เผด็จ ผักบุ้งก็หันหลังกลับทันที จนสมานต้องเรียกไว้ ผักบุ้งจึงยอมกลับมา ทั้งนี้เพราะเธอโกรธที่เผด็จห้ามไม่ให้เธอชกปากไอ้โตเมื่อวันก่อน ในฐานะที่มันปากเปราะแถมยังทำท่าจะลวนลามเธออีก ผักบุ้งไม่ยอมเข้าใจว่าเธอทำร้ายไอ้โตแล้วเธอน่ะแหละจะเป็นคนเดือดร้อน ถ้าไอ้โตแจ้งตำรวจจับเธอในข้อหาทำร้ายร่างกาย และเผด็จช่วยเธอต่างหาก เผด็จนั้นสนใจผักบุ้งเพราะความเฮี้ยบ และรู้มาว่าเป็นคนขยันนอกจากความสวย ยิ่งไปกว่านั้นเผด็จเองก็เป็นลูกศิษย์ของสมานเช่นกัน เผด็จเต็มใจที่จะดูแลผักบุ้งในฐานะน้องสาว และลูกศิษย์อาจารย์เดียวกันเสมอ อีกประการหนึ่งสมานเองก็ฝากให้เขาดูแลผักบุ้งด้วยเช่นกัน คืนวันนั้นผักบุ้งมีงานที่โรงแรมหรู เธอต้องไปเสิร์ฟเครื่องดื่มในงานค็อกเทลเปิดตัวสินค้าของบริษัทแห่งหนึ่ง ระหว่างที่ทำงานผักบุ้งก็รู้สึกว่าเธอถูกชนจนเซไปปะทะหญิงสาวคนหนึ่ง แต่เมื่อผักบุ้งเงยหน้าขึ้นมองคู่กรณี ผักบุ้งก็อึ้งพูดไม่ออกเมื่อพบว่าหญิงสาวผู้นั้นแต่งกายเรียบหรู สง่างาม ตัวของสาวไฮโซเองก็ตกใจที่พบกับคู่แฝดคนละฝาอย่างบังเอิญเช่นนี้ กุ้งนางหรือรัสมา เป็นทายาทคนเดียวของตระกูล "ดิเรกณรงค์" ซึ่งทำธุรกิจระหว่างประเทศมีสินทรัพย์เป็นพันล้านบาท กุ้งนางรู้แต่ว่าพ่อและแม่เธอประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกขณะเดินทางไปติดต่อธุรกิจที่ต่างประเทศ ตั้งแต่เธอยังจำความไม่ได้ ทองแข ผู้เป็นย่าเป็นผู้ที่ดูแลเธอมาจนโตเป็นสาว โดยมี ศิริพรรณ อาสะใภ้ช่วยดูแลอีกคน ส่วนธุรกิจต่างๆ สุธีผู้เป็นอาเป็นผู้ดูแล จนเจริญรุ่งเรืองและขณะนี้มี กร หลานชายของศิริพรรณมาช่วยทำงานอีกคนหนึ่ง กุ้งนางรักและนับถือกรเหมือนพี่ชาย เช่นเดียวกับกรที่เอ็นดูกุ้งนางเหมือนน้องสาว เขารู้สึกว่ากุ้งนางอ่อนแอ บอบบางเหมือนเด็กเล็กๆ ที่ต้องมีคนดูแลตลอดเวลา สิ่งที่กุ้งนางเบื่อที่สุด คือ การที่ต้องถูกบังคับให้เรียนรู้การดำเนินธุรกิจอย่างคร่ำเคร่ง กุ้งนางถูกสุธีบังคับและเตรียมเธอให้พร้อมสำหรับดำเนินธุรกิจต่อจากเขามาตั้งแต่เธอเริ่มเป็นสาว ไม่มีใครรู้ว่าสุธีทำลงไปก็เพื่อหวังบีบคั้นให้กุ้งนางเบื่อมากๆ ซึ่งขนาดขายบริษัทให้เขาได้ยิ่งดี หรือบ้าไปเลย สุธีก็จะยิ่งพอใจมาก เขาทำตัวเป็นญาติผู้ใหญ่ที่หวังดี แต่ความจริงแล้วสุธีโลภมาก เขาบริหารบริษัทมานานจนคิดว่าเป็นของตัวเอง และไม่ยอมที่จะให้เป็นของกุ้งนางอีกต่อไป ขณะที่เขาสอนงานกุ้งนางอย่างเคร่งครัด เขาก็แอบยักยอกรายได้ต่างๆ เข้ากระเป๋าตัวเองอย่างสม่ำเสมอ กุ้งนางคิดถึงผักบุ้งตลอดเวลา เธอเบื่อที่จะอยู่กับคนที่ไม่จริงใจ เธออยากเป็นอิสระบ้างถึงแม้ว่ากรจะเข้าใจและคอยช่วยเธอบ้างในเรื่องธุรกิจ แต่กุ้งนางก็อยากจะหนีไปไหนๆ ให้พ้นสักพัก ซึ่งเธอก็รู้ว่าคงรอดตาของกรหรือสุธีได้ยากเต็มที แต่แล้วกุ้งนางก็คิดออก เธอจะตามหาผักบุ้งและจะสลับตัวกันถึงแม้ชั่วคราวก็ยังดี ถึงแม้จะพบกันเพียงครั้งเดียว แต่กุ้งนางก็รู้สึกว่าผักบุ้งเป็นคนดี คืนวันต่อมากุ้งนางจะออกไปตามหาผักบุ้งที่โรงแรมนั้น กรมาพบเข้าพอดีจึงอาสาขับรถให้ เมื่อไปถึงที่โรงแรมกุ้งนางก็ผิดหวังเพราะผักบุ้งเป็นพนักงานชั่วคราว ตลอดเวลาที่เดินทางมากุ้งนางบอกกรเพียงว่าเธอจะมาหาเพื่อนชื่อผักบุ้งเท่านั้น กุ้งนางให้กรพามาที่นี่อีกหลายครั้งแต่ก็ไม่พบ วันหนึ่งกุ้งนางทนไม่ไหวจึงหนีวิรัตน์ออกจากบ้านไป เธอขึ้นแท็กซี่ให้พาไปโรงแรมที่พบผักบุ้งอีก คราวนี้โชคดีเพราะผักบุ้งมาทำงานพิเศษและกำลังจะกลับบ้าน ทั้งคู่จึงพบกันหน้าโรงแรมที่นั่นเอง การหายไปของกุ้งนางทำให้กรเป็นห่วงมาก เขารีบขับรถออกมาตามหาเธอ ซึ่งเขาเดาว่ากุ้งนางต้องมาที่โรงแรมนี้ วันนี้กุ้งนางมีโอกาสคุยกับผักบุ้งเรื่องขอสลับตัวเพียงครู่เดียว เธอก็เห็นรถของกร กุ้งนางพยายามให้ผักบุ้งรับปาก แต่ผักบุ้งไม่ยอม เธอให้กุ้งนางกลับไปคิด 1 คืนแล้วค่อยมาพบกันอีกครั้งพรุ่งนี้ที่หน้าโบสถ์ในวัดใกล้ๆ นี้เอง ก่อนจะแยกจากกันไป เมื่อกรเดินมาหาจึงเห็นกุ้งนางยืนอยู่คนเดียวอย่างอารมณ์ดี วันรุ่งขึ้นกุ้งนางไปตัดผมสั้นดูทะมัดทะแมง เธอตั้งใจตัดผมให้คล้ายผักบุ้งที่สุด คืนนั้นกรไปส่งกุ้งนางที่โรงแรมตามเคย กุ้งนางเดินไปที่จุดนับพบอย่างตื่นเต้น ระหว่างนั่งคอยผักบุ้ง เธอก็ต้องตกใจเมื่อเผด็จเดินเข้ามาทักว่าเป็นผักบุ้ง ใจหนึ่งเธอก็ดีใจที่ตบตาคนอื่นได้ กุ้งนางจึงรับสมอ้างเป็นผักบุ้งคุยกับเผด็จอย่างเรียบร้อย อ่อนหวานตามนิสัย จนเผด็จแปลกใจที่ผักบุ้งน่ารักผิดปกติ เธอแปลกใจที่ผักบุ้งไม่มาตามนัด คืนวันต่อมากุ้งนางก็มารออีกครั้งและพบเผด็จอีกจนได้ เผด็จไม่ยอมให้กุ้งนางหรือผักบุ้งในความเข้าใจของเขาต้องอยู่ตามลำพัง เพราะสาวสวยอย่างเธออยู่ที่เปลี่ยวดูไม่ปลอดภัย ทว่าในที่สุดสองสาวคู่เหมือนก็พบกันจนได้ กุ้งนางขอร้องจนผักบุ้งยอม ทั้งคู่นัดพบกันอีกหลายครั้งเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัวของกันและกันอย่างละเอียดก่อนจะสลับตัวกัน ทั้งนี้ผักบุ้งย้ำกับกุ้งนางเสมอว่าถ้าจะกลีบมาสู่ชีวิตเดิมเมื่อไหร่ เธอก็พร้อมเสมอ วันนี้กุ้งนางบอกกรว่าเธออยากจะเป็นคนใหม่ ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงก็อย่าโกรธเธอให้ปฏิบัติต่อเธอเหมือนน้องสาวเหมือนเดิม กรรับปากแม้จะแปลกใจอยู่บ้าง เช่นเดียวกับผักบุ้งเธอเป็นฝ่ายไปหาเผด็จแถมยังบอกว่าพักนี้ไอ้โตมากวนใจบ่อยเหลือเกิน ถ้าไม่อยากให้เธอต้องทำร้ายมันให้หมั่นไปตระเวนแถวๆ ร้านส้มตำอรสาบ้าง ซึ่งเผด็จรับปากโดยดี คืนนั้นทั้งคู่เปลี่ยนเสื้อผ้ากันที่ห้างสรรพสินค้าเล็กๆ ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตใหม่อย่างที่ตกลงกัน ผักบุ้งขึ้นรถของกรอย่างระมัดระวังเธอพูดน้อยจนกรรู้สึก แถมเมื่อถึงบ้านยังป้ำๆ เป๋อๆ เดินผิดห้องอีกแต่ก็รอดตัวไปจนได้ ตรงข้ามกับกุ้งนางซึ่งคืนแรกก็เจอดีเข้าแล้วเมื่อพบกับไอ้โตก่อนจะเข้าบ้าน ไอ้โตพูดจาแทะโลมก่อนตามนิสัย แต่เมื่อกุ้งนางตอบอย่างเงอะงะ แถมมีทีท่าหวาดกลัวมันก็เริ่มได้ใจ ไอ้โตเตรียมจะเข้ามาลวนลามเธอตามถนัด เผด็จก็ผ่านมาพอดี ไอ้โตเผ่นหนีอย่างไม่มีฟอร์ม ภาพของกุ้งนางที่อ่อนแอเป็นผู้ยิ้งผู้หญิง ทำให้เผด็จประหลาดใจว่าผักบุ้งสาวห้าวทำไมถึงดูบอบบางน่ารักนัก แถมเมื่อเขาบอกว่าจะเดินไปส่งที่บ้านเธอก็ยอมโดยดี ระหว่างเดินไปด้วยกัน ทางเดินที่แคบทำให้ต้องเดินใกล้ชิดกันมาก ด้วยความไม่ชินทางและความเขินอายทำให้กุ้งนางเดินสะดุดบ่อยๆ จนเผด็จต้องคอยจับแขนหรือประคองเธอไว้ตลอดทาง เธอไม่รู้ว่าเผด็จเองเริ่มประทับใจกับผักบุ้งคนนี้เข้าให้แล้ว ผักบุ้งกับกุ้งนางทำให้คนรอบข้างผิดสังเกตกันมากมาย สาวห้าวกลับเป็นสาวเรียบร้อยอ่อนไหว มีน้ำใจ ขณะที่สาวนุ่มนิ่มอ่อนหวานอย่างกุ้งนางกลับเฮี้ยวและห้าว แถมยังขยันทำงานอีกด้วย ที่สำคัญฉลาดเรียนรู้ธุรกิจได้เร็ว จนกรหลงเสน่ห์ความเก่งอย่างไม่รู้ตัว ความใกล้ชิดของกรและกุ้งนาง ( ผักบุ้ง ) ทำให้ดวงรัตน์หึงขนาดหนักถึงขนาดตามมาอาละวาดถึงบ้าน ผักบุ้งหรือจะยอมง่ายๆ ดวงรัตน์จึงถูกย้อนอย่างเจ็บปวดพอกัน เรื่องยุ่งมากขึ้นเมื่อดวงรัตน์ยุให้วิรัตน์ปล้ำกุ้งนาง ( ผักบุ้ง ) เพื่อรวบรัด โดยแน่ใจว่าสาวติ๋มอย่างกุ้งนางต้องยอมตกกระไดพลอยโจนแต่งงานแก้หน้าแน่นอน แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด วิรัตน์จึงโดนกุ้งนาง ( ผักบุ้ง ) ใช้วิชากดจนลงไปนอนกองกับพื้น กรกลับมาพอดีเขาโกรธมากและยิ่งโกรธมากขึ้นเมื่อรู้ว่าดวงรัตน์เป็นผู้สนับสนุนพี่ชาย กรขอถอนหมั้นกับดวงรัตน์ทันที ยิ่งเวลาผ่านไปกรก็ยิ่งจับพิรุธได้ว่ากุ้งนางคนนี้ไม่ใช่กุ้งนางคนเก่า จะอย่างไรก็ตามกรยอมรับกับตัวเองว่าเขารักกุ้งนางคนนี้เข้าให้แล้ว ดวงรัตน์โวยวายว่ากุ้งนางแย่งกรไป กุ้งนาง ( ผักบุ้ง ) สวมรอยทันที เธอหวานกับกรอย่างน่ารัก ผักบุ้งไม่รู้ตัวว่าทำลงไปเพราะใจเธอต้องการเช่นนั้นเหมือนกัน ส่วนกรรับสมอ้างต่อทันทีเหมือนกัน ส่วนสุธีเริ่มหงุดหงิดเมื่อกุ้งนาง ( ผักบุ้ง ) ไม่ยอมเซ็นอนุมัติโครงการต่างๆ ง่ายๆ เหมือนเดิม แถมยังมีการเอาบัญชีรายรับรายจ่ายเก่าๆ ของบริษัทมาดูเสียอีก สุธีไม่รู้ว่าผักบุ้งจับได้แล้วว่าเขาโกงบริษัท ส่วนกุ้งนางต้องเผชิญความวุ่นวายอย่างน่าสงสาร เทพบุตรในดวงใจคือ เผด็จก็โดนมณีมาทำท่าเป็นเจ้าเข้าเจ้าของจนเธอเสียใจ แต่เผด็จก็รีบมาบอกความจริงเสียก่อน กุ้งนางจึงมีกำลังใจอยู่ต่อไปได้ คนที่จับพิรุธได้ก่อนว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ใช่ผักบุ้งคืออรสา เธอพากุ้งนางไปที่โบสถ์ถามความจริงต่อหน้าประประธาน กุ้งนางจึงต้องสารภาพความจริง อรสานิ่งไปเมื่อรู้ว่าสาวน้อยคนนี้เป็นใคร และยิ่งประหลาดใจ เมื่อรู้ว่ากุ้งนางเกิดวันเดียวเดือนเดียวกับผักบุ้ง ความน่าจะเป็นที่ทั้งคู่เป็นคู่แฝดกันมีสูงมาก คนที่จะตอบได้คือ นวล ซึ่งตายไปแล้ว นับจากนั้นอรสาจะคอยปกป้องดูแลกุ้งนางมากขึ้น อีกคนที่จับพิรุธได้ก็คือลุงสมาน แกทำให้กุ้งนางต้องสารภาพความจริงอีกคน สมานดูออกว่าเผด็จรักผักบุ้ง ( กุ้งนาง ) คนนี้จึงบอกเป็นนัยๆ ว่าไม่ใช่ผักบุ้งคนเดิม ส่วนกรเมื่อจับพิรุธผักบุ้งได้มากขึ้น เขาก็ขู่เธอให้บอกความจริง ผักบุ้งปากแข็งจนกรแกล้งขู่จะส่งตำรวจ ผักบุ้งจึงบอกความจริง กรทำเป็นไม่เชื่อแกล้งว่าผักบุ้งต่างๆ นานา ว่าหวังสมบัติของกุ้งนางจนผักบุ้งน้อยใจและเสียใจ เธอผิดหวังที่กรผู้ชายที่เธอรักไม่เข้าใจเธอเลย ผักบุ้งจึงต่อโทรศัพท์มือถือของกุ้งนางให้พูดกันเอง จนกรเข้าใจผักบุ้ง ( กุ้งนาง ) ตกลงจะกลับสู่ชีวิตเดิมของตัวเอง เพราะสงสารคนรอบข้าง เมื่อวางหูจากกุ้งนาง ผักบุ้งเสียใจที่กรใจร้ายกับเธอมาก จนไม่ยอมพูดด้วย ประชดกรด้วยฤทธิ์งอนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ผักบุ้งไม่รู้ตัวว่ายามที่เธอมีกิริยาอย่างผู้หญิงนั้นน่ารักหนักหนา และกรอดใจไม่ได้ต้องสารภาพรักกับเธอ ก่อนวันนัดที่จะสลับตัวกัน สุธีก็ทำเรื่องยุ่งเสียก่อน เมื่อความโลภเข้าครอบงำ เขาหลอกผักบุ้งไปขังไว้ในโกดังร้างกลางทุ่ง สุธีสร้างเรื่องแนบเนียนมากจนไม่มีใครเดาได้ กรทนไม่ไหวจึงติดต่อกุ้งนางกับเผด็จ ทั้งคู่จึงซ้อนแผนโดยให้กุ้งนางกลับไปหาสุธี แล้วต่อว่าว่าสุธีทำร้ายเธอ เมื่อพับกันสุธีตกใจเมื่อเข้าใจว่ากุ้งนาง ( ผักบุ้ง ) รอดมาได้ เขาหลุดปากโวยวายออกมาเรื่องโกดังจนกรเดาได้ กรรีบไปช่วยผักบุ้งทันที่ เขาพบผักบุ้งอยู่ในสภาพที่หมดแรงเพราะขาดทั้งอาหารและน้ำ ผักบุ้งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อช่วยชีวิตทันที สุธีจับ ส่วนผักบุ้งปลอดภัย กุ้งนางเตรียมที่จะพาผักบุ้งมาอยู่ด้วย เธอตั้งใจจะไปขออนุญาตกับทองแข แต่แล้วทอแขกลับทำให้ทุกอย่างลงเอยอย่างง่ายดาย เมื่อเธอมาหาสาวน้อยทั้งคู่แล้วบอกว่าทั้งผักบุ้งและกุ้งนางต่างก็เป็นหลานของเธอทั้งคู่เป็นคู่แฝดกันแต่ผักบุ้งแฝดพี่นั้นถูกนวลผู้เป็นแม่อุ้มจากไปตั้งแต่แบเบาะ เพราะปู่ของผักบุ้งและกุ้งนางไม่ยอมรับสะใภ้ เวลาผ่านไปจนวันหนึ่งปู่ของทั้งคู่เจ็บหนัก ก่อนตายจึงสั่งให้ทองแขตามหาสะใภ้และหลานซึ่งทองแขพยายามตามหานวลเพื่อจะรับกลับมาทั้งนวลและผักบุ้ง แต่ก็ไม่พบเพราะว่านวลนั้นตายก่อนที่ปู่ของทั้งคู่จะตาย จนกระทั่งเวลาผ่านมาจนถึงวันนี้ ทุกอย่างจึงลงเอยด้วยดี
เรื่องย่อ : โกมินทร์ (2547/2004) ณ เมืองกุสินคร มีพระราชานามว่า "โกสุทัม" และพระมเหสีนามว่า "ฉวีวรรณ" ทั้งสองพระองค์มีพระโอรสถึงสามพระองค์ คนโตนามว่า "โกเมศ" คนรองคือ "โกมล" และน้องเล็กสุดท้องที่ทรงฤทธานุภาพเพราะตอนแรกเกิด ได้มีของวิเศษติดตัวมาด้วยอันได้แก่ผ้าเมาลีสีแดง และกำไลหยกที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้นามว่า "โกมินทร์" โกมินทร์แม้นว่ายังเป็นเด็กอายุเพียง 12 ปี แต่ความสามารถไม่เป็นรองใครความที่เก่งกล้าเฉพาะตัวและยังมีอาวุธวิเศษ ทำให้โกมินทร์ไม่เกรงกลัวผู้ใด ทำให้เป็นที่ริษยาของอำมาตย์นามว่า อภิมัน ส่วนโกเมศและโกมล พระราชาโกสุทัมได้ส่งไปศึกษาวิชากับพระดาบสเพื่อจะได้มีความเก่งกล้าสามารถ ทัดเทียมกับน้องชาย แต่โกมินทร์กลับคิดไปว่าพ่อไม่รักจึงไม่ส่งตนไปเรียนเหมือนกับพี่ทั้งสอง วันหนึ่งโกมินทร์กับเพื่อนนามว่า มัสกา ซึ่งก็เป็นลูกชายของอำมาตย์อภิมันนั่นเอง ได้ไปเที่ยวแถวชายทะเล แล้วไปพบกับอัคคี บุตรชายของกะโตหน พญานาคราชแห่งเมืองใต้บาดาล เกิดการเขม่นกันขึ้น จนถึงขั้นต่อสู้กัน อัคนีพ่ายแพ้ถูกโกมินทร์ฆ่าตาย แล้วตัดขนดหางไป เมื่อกะโตหนรู้ว่าบุตรชายถูกฆ่าตาย ก็พาทหารเอกคือนัคคา บุกมาถึงเมืองกุสินคร ขู่บังคับให้โกสุทัมส่งโกมินทร์มาให้ตนลงโทษ โกสุทัมเกรงกลัวอำนาจกะโตหน จึงคิดจะส่งโกมินทร์ให้ แต่โกมินทร์ไม่ยอม ทำแสร้งเป็นหนีไป กะโตหนออกไล่ล่าโกมินทร์ แล้วเกิดการสู้รบกันบนเขาไกรลาศ กะโตหนพ่ายแพ้แก่โกมินทร์ จนร่างกายต้องกลายเป็นงูเขียวธรรมดาไป โกมินทร์พางูเขียวกะโตหนมาเฝ้าโกสุทัม แล้วให้กะโตหนสาบานว่า จะไม่คิดมารุกรานเมืองกุสินครอีก จากนั้นโกมินทร์จึงปล่อยตัวกะโตหนกลับไป โกสุทัมดีใจที่ลูกชายสามารถปราบพญานาคราช ทุกคนปลื้มกับโกมินทร์ ยกเว้นอภิมันที่เจ็บแค้นโกมินทร์ เพราะคิดว่าโกมินทร์คือต้นเหตุที่ทำให้มัสกาบุตรชายถูกนัคคาฆ่าตาย
เรื่องย่อ : แสบสลับขั้ว (2555/2012) เมื่อโชคชะตาเล่นตลกจับ “ตัวแสบขาแวนซ์ระดับเทพ” สลับร่างกับ “คุณชายจอมเนี้ยบตัวพ่อ” ความสุดขั้วของ 2 ตัวแสบ ทำให้เกิดเรื่องโกลาหลอลหม่านทั้งเรื่องการงานและความรัก
ณ ชุมชนพัฒนาสู่สุขาวดี ชุมชนเล็กๆที่อยู่ใจกลางกรุงเทพฯ เป็นที่สิงสถิตย์ของ เซียน (ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์) ชายไทยวัยเกือบ ๓๐ แต่มีพฤติกรรมราวกับทีนเอจเจอร์ (Teenager) หรือเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า “ผู้ใหญ่ไม่รู้จักโต”
วันๆ เซียนเอาแต่แต่งรถมอเตอร์ไซค์ ค่ำๆ ก็ออกแวนซ์กับเด็กแถวบ้าน ถึงแม้อายุจะต่างกันเกือบเท่าตัว แต่เซียนก็ไม่หวั่น ตะบี้ตะบันไร้สาระไปวันๆ เป็นที่หนักใจของ ป้าสายไหม (ราตรี วิทวัส) พี่สาวพ่อผู้รับหน้าที่อุปการะเซียน หลังจากกำพร้าพ่อแม่จากอุบัติเหตุทางเรือตั้งแต่เด็ก สายไหมต้องปากเปียกปากแฉะกับการพร่ำบ่นเซียนตลอดเวลา ตอนเป็นนักเรียนก็เรียนไม่เอาไหน โตขึ้นก็ไม่หางานทำเป็นเรื่องเป็นราว เปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น จนสุดท้ายมาลงเอยอยู่ที่วินมอเตอร์ไซค์หน้าปากซอยเป็นงานอดิเรก สายไหมเหนื่อยใจกับความไม่รับผิดชอบของหลานชายคนเดียวอย่างสุดระอา อยากจะไล่ออกจากบ้านหลายครั้ง แต่หลานชายตัวดีใช้คารม บวกอารมณ์ขัน ทำให้สายไหมใจอ่อน ต้องยอมเลี้ยงดู (มัน) ต่อไป
นอกจากสายไหมที่หลงคารมเซียนแล้ว สายพิณ หรือ พิณ (อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์) เด็กสาวรุ่นน้องข้างบ้านที่โตตามกันมายังเป็นอีกหนึ่งคนที่แอบปลื้มกับอารมณ์ขันของเซียน สายพิณเป็นหญิงสาววัยใส แสนดี อ่อนหวาน ตัวเล็กๆ น่ารัก เป็นเหมือนดอกไม้แสนสวยที่แอบซ่อนอยู่ในชุมชนแออัด สายพิณเป็นเด็กกำพร้าเหมือนเซียน อาศัยอยู่กับ ยายปิ่น คู่หูคู่ฮาของป้าสายไหม สายพิณอยู่บ้านติดกับเซียน ด้วยความใกล้ชิดทำให้สายพิณคิดกับเซียนเกินพี่ชาย แต่เซียนกลับไม่เคยเห็นเธอเป็นอื่น นอกจากน้องสาวแสนน่ารัก น่าทะนุถนอม สายพิณจำต้องเก็บความรักไว้ในใจไม่เคยบอกใคร ด้วยความไม่เจียมกะลาหัว เซียนดั๊นไปแอบชอบ น้ำเพชร (ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์) ลูกสาว เติมศักดิ์ หรือ เฮียเติม (พิพัฒน์พล โกมารทัต) และ เจ๊กิมฮวย (ณหทัย พิจิตรา) ผู้ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น สมรศรีมณีฉาย ในภายหลัง
น้ำเพชรเป็นลูกสาวร้านทองหน้าชุมชนหมอเล้ง จบการบริหารมาจากออสเตรเลีย ปัจจุบันเป็นเลขานุการให้กับ ปลาใหญ่ หรือ คุณใหญ่ (ธันวา สุริยจักร) นักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรง (มั่กๆ) อายุยังไม่ทันก้าวข้ามมาเลข ๒ จำต้องมารับช่วงกิจการของตระกูลมหาทรัพย์รุ่งเรืองกิจ น้ำเพชรเป็นเลขาหน้าใหม่ เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นาน น้ำเพชรแอบชอบปลาใหญ่เจ้านายหน้าใส แต่ด้วยวัยที่ต่างกัน ประกอบกับความเคร่งขรึม จริงจัง เฮี้ยบ เนี้ยบ กริบ ทำให้น้ำเพชรไม่กล้าแสดงออก ได้แต่เก็บอาการแอบชอบอยู่ในใจลึ๊ก…ลึก !!
ถ้าเทียบระหว่างเซียนและปลาใหญ่ มันช่างแตกต่างและห่างไกลราวกับสรวงสวรรค์และแกนโลก ไม่ว่าเซียนจะพยายามตามจีบน้ำเพชรสักแค่ไหน แม้แต่ปลายหางตาเธอยังไม่เคยจะแลมาสักครั้งเดียว ปลาใหญ่เป็นลูกชายคนเดียวของ เกรียงไกร มหาทรัพย์รุ่งเรืองกิจ (วันชัย เผ่าวิบูลย์) เจ้าของโรงงานทอผ้าไหมรายใหญ่ของประเทศไทย เกรียงไกรเสียภรรยาตั้งแต่ปลาใหญ่มีอายุได้เพียง ๓ ขวบ เขาส่งลูกชายคนเดียวไปอยู่โรงเรียนประจำที่ประเทศอังกฤษ และกำลังจะเข้าศึกษาปริญญาตรี ปลาใหญ่ถูกเรียกตัวกลับมาประเทศไทยอย่างกะทันหัน เพราะเกรียงไกรเส้นโลหิตในสมองแตกจากความเครียด เขาเสียชีวิตหลังจากที่เห็นหน้าลูกชายเพียงไม่กี่นาที การจากไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของปลาใหญ่พบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
ปลาใหญ่ต้องรับตำแหน่งประธานกรรมการบริหารบริษัทมหาทรัพย์รุ่งเรืองกิจกรุ๊ป ในขณะเพียง ๑๙ ปี ไม่มีประสบการณ์ ไม่รู้จักใครสักคน คนที่เขาพอจะไว้ใจได้คือ พ่อบ้านครรชิต (เกริก ชิลเล่อร์) คนเก่าแก่ผู้ซื่อสัตย์ที่คอยดูแลปลาใหญ่และพ่อ ครรชิตเป็นเสมือนพี่เลี้ยงที่อยู่เคียงข้างปลาใหญ่ในขณะขึ้นชกในสังเวียนธุรกิจที่แสนจะโหดร้าย โดยเฉพาะต้องคอยรับมือกับการสกัดดาวรุ่งของ เกริกก้อง (อัมรินทร์ สิมะโรจน์) น้องชายพ่อ ที่ต้องการฮุบกิจการเป็นของตัวเอง เกริกก้องไม่พอใจที่พี่ชายแต่งตั้งหลานชายปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมาดูแลธุรกิจที่ก่อร่างสร้างกันมา เขาพยายามกลั่นแกล้ง และบีบบังคับให้ปลาใหญ่ขายหุ้นให้เขา แต่ไม่สำเร็จ ปลาใหญ่ยืนยันที่จะดูแลธุรกิจของพ่อด้วยตัวเอง เกริกก้องยิ่งไม่พอใจ หาทางดัน รัญญา หรือ รัน (ฐิตินันท์ สุวรรณถาวร) ลูกสาวคนเดียวขึ้นมาเทียบชั้นกับปลาใหญ่
รัญญาเป็นสาวเก๋ที่เพียบพร้อมทุกอย่าง จบการศึกษาด้วยคะแนนดีเยี่ยม เรียนรู้งานมาตั้งแต่เด็ก รัญญาได้เปรียบปลาใหญ่ในทุกๆ ด้าน นอกจากปลาใหญ่ต้องเจอกับการเปรียบเทียบกับรัญญาแล้วยังต้องปวดหัวกับ จันทร์ทิพย์ ภรรยาของเกริกก้องที่คอยสร้างความปั่นป่วนภายในบ้านไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งจ้างคนใช้สืบข้อมูลส่วนตัวของปลาใหญ่ และคอยสาระแนตีสองหน้าทำเป็นหวังดี แต่จริงๆ ร้ายสุดขั้ว ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองและครอบครัวได้เป็นใหญ่
ปลาใหญ่ต้องต่อสู้กับตัวเอง และต่อสู้กับศัตรูที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน ทำให้เขาเป็นเจ้านายที่สุดแสนเคร่งขรึม และอารมณ์ร้ายได้อย่างง่ายดาย ต่อมเหวี่ยงทำงานดีเป็นพิเศษ จนได้รับฉายา “คุณหนูอารมณ์เหวี่ยง” เลขากี่คนๆก็ไม่เคยรอด ภายในเวลาแค่ ๓ เดือน เปลี่ยนเลขามา ๑๒ คน และน้ำเพชรเป็นคนที่ ๑๓ หมายเลขสุดอาถรรพ์ แต่ด้วยความประทับใจส่วนตัวที่มีต่อเจ้านายสุดหล่อหน้าใส ทำให้น้ำเพชรกัดฟันทนทุกสิ่งอย่าง เข้าทำนองถึงร้ายก็รัก เซียนมีโอกาสได้เจอกับปลาใหญ่โดยบังเอิญ เพราะน้ำเพชรลืมเอกสารสำคัญไว้ที่บ้าน กิมฮวย เลยต้องจ้างเซียนให้เอาเอกสารไปให้ แวบแรกที่เจอกัน เซียนสุดหมั่นไส้ (แกมอิจฉา) เพราะปลาใหญ่ทั้งหล่อ ใส รวย และยังได้ทำงานใกล้ชิดน้ำเพชรอีกต่างหาก
เซียนแอบหึงทั้งที่ตัวเองไม่ได้เป็นแฟน ปลาใหญ่เห็นว่าเซียนมีท่าทีสนิทสนมกับน้ำเพชร จึงเข้าใจผิดคิดว่าทั้งสองคนเป็นแฟนกัน ปลาใหญ่เตือนให้น้ำเพชรอบรมสั่งสอนแฟน เพราะเซียนแสดงความรุ่มร่ามแอบทรามเล็กน้อยออกมาโดยไม่รู้ว่าปลาใหญ่เป็นเจ้านาย น้ำเพชรแทบกรี๊ดและพยายามจะอธิบายความจริง แต่ปลาใหญ่ไม่สนใจฟัง ทำให้น้ำเพชรยิ่งเกลียดเซียนเข้าไส้สั่งให้เขาอยู่ห่างจากเธอมากที่สุด เซียนถึงกับน้ำตาตกในและหมั่นไส้ (ไอ้) เจ้านายขี้เก๊กมากเป็นทวีคูณ เซียนกลับมาระบายกับสหายเลิฟที่วินมอเตอร์ไซค์ด้วยความแค้นใจ สหายของเซียนประกอบไปด้วย ป๋อง (ชูษี เชิญยิ้ม) ชายไทยวัยเกือบ ๒๐ ร่างใหญ่ มีน้ำใจ กลัวผี มีฝีมือด้านทำอาหารเป็นเลิศ มอมแมม (วิชญ จารุจินดา) ชายไทยร่างเล็ก ขี้ท้า…ท้าไปทั่ว แต่จริงๆเป็นคนขี้กลัวที่สุด ชายสี่ (นพพล พิทักษ์โล่พานิช) เป็นคนที่ดูดี มีหลักการ แต่จริงๆแล้วมั่ว ทั้งสามคนเป็นน้องรักของเซียน ขอให้เป็นเรื่องไร้สาระเข้าไว้…ถึงไหนถึงกัน!
หลังจากระบายความเคียดแค้นจนสาแก่ใจ เซียนประกาศอย่างกึกก้องว่าชาตินี้จะไม่ขอไปเหยียบที่ทำงานปลาใหญ่อีก และถ้ารวยกว่าเมื่อไหร่จะซื้อกิจการของปลาใหญ่ให้หมด !! ป๋อง มอมแมม และชายสี่ หรือแม้แต่ตัวเซียน รู้ว่ามันเป็นคำท้าทายที่สุดแสนจะห่างไกลความเป็นไปได้ ต่อให้เซียนเกิดใหม่อีกร้อยกว่าชาติก็ไม่มีทางจะรวยกว่าปลาใหญ่เด็ดขาดแต่แล้ว..เหตุการณ์สุดพิลึกพิลั่นก็พลันเกิดขึ้น…
เมื่อปลาใหญ่มีเหตุต้องรีบขับรถออกจากบ้านเพื่อไปงานสำคัญ ในขณะที่เซียนต้องมาส่งเอกสารให้กับลูกค้าในบริเวณใกล้เคียงกัน เซียนบิดมาอย่างเร็ว ทันใดนั้นเอง มีเด็กขี่รถจักรยานพรวดออกมานอกถนน และล้มลงตรงหน้าเซียนในระยะกระชั้นชิด เซียนตัดสินใจหักรถหลบออกโดยไม่ระวัง รถที่ตามหลังมาชนเข้าอย่างจัง ร่างเซียนลอยละลิวปลิวมาตกลงข้างถนน สลบเมือดไปทันที !! ในเวลาเดียวกัน ปลาใหญ่ขับรถอยู่อีกถนนด้วยความเร็วสูง ทันใดนั้นก็มีรถออกปาดหน้าเข้ามาอย่างเร็ว ทำให้ปลาใหญ่ต้องรีบหักหลบกะทันหัน รถเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้า ทั้งปลาใหญ่และเซียนอยู่ในอาการโคม่า และถูกพาส่งโรงพยาบาลเดียวกัน !! ในวินาทีแห่งชีวิตที่คาบเกี่ยวระหว่างความเป็นกับความตาย ทั้งสองคนถูกเครื่องกระตุ้นหัวใจกระชากจิตและวิญญาณเข้าสู่ร่าง…ฟึ่บบบบบ !!
เซียนและปลาใหญ่รู้สึกตัวขึ้นในเวลาเดียวกันอย่างปาฏิหาริย์ แต่สิ่งที่มหัศจรรย์พันลึกยิ่งกว่านั้น คือ ทั้งสองคนค้นพบว่าร่างที่ตัวเองกำลังดำรงอยู่นั้น…มันไม่ใช่ร่างของตัวเอง วิญญาณของปลาใหญ่ดั๊นอุตริเข้าไปอยู่ในร่างของเซียน และวิญญาณของเซียนทะลึ่งเข้าไปอยู่ในร่างของปลาใหญ่
ทันทีที่ทั้งสองคนรู้สึกตัวและค้นพบความจริงอันแสนพิสดาร ทั้งเซียน (ที่อยู่ในร่างของปลาใหญ่) และปลาใหญ่ (ที่อยู่ในร่างของเซียน) สุดแสนจะช้อค !! (โอ้ว..แม่เจ้าเป็นไปได้อย่างไร???)
ปลาใหญ่รีบบุกมาหาเซียนทันที ในขณะที่เซียนยังมึนๆ อยู่ ปลาใหญ่พยายามจะเขย่าให้วิญญาณของเซียนออกจากร่างตัวเอง ทันใดนั้น น้ำเพชรเข้ามาเห็นพอดี๊…พอดี รีบเข้ามากระชากปลาใหญ่ออกจากเซียน พร้อมกับด่ากระจายไล่ให้ปลาใหญ่ออกไปไกลๆ จากเซียน (เพราะไม่รู้ว่าทั้งสองคนสลับร่างกันอยู่) ปลาใหญ่พยายามจะอธิบาย แต่ยิ่งพูด น้ำเพชรยิ่งคิดว่าเขาบ้า เซียนได้ทีรีบสวมรอยเป็นปลาใหญ่ทันที และไล่ปลาใหญ่ออกไป ทำให้ปลาใหญ่แค้นสุดๆ เขาจะต้องหาทางกลับคืนสู่ร่างเดิมให้ได้
หลังจากการสลับร่างที่สุดแสนพิลึกกึกกือเริ่มต้นขึ้น ชีวิตของเซียน (ในร่างปลาใหญ่) และชีวิตของปลาใหญ่ (ในร่างเซียน) ก็ต้องพบกับความโกลาหลอลหม่านมากมาย เรียงหน้ากระดานเข้ามาจนรับแทบไม่ไหว เซียนตื่นเต้นกับความรวยได้ไม่นาน เขาก็ค้นพบว่าชีวิตมหาเศรษฐีหมื่นล้านสุดแสนจะน่าเบื่อ งานก็หนัก ต้องมีประชุมมากมาย ประชุมแต่ละทีก็มีแต่เรื่องเครียด คิดหัวแตกก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้สักอย่าง เอกสารที่ต้องเซ็นก็มีนับไม่ถ้วน และไม่ว่าเขาจะเซ็นสักกี่ครั้ง ก็เซ็นไม่เหมือน เช็คไม่ผ่าน ทั้งบริษัทวุ่นวายไปหมด ยิ่งไปกว่านั้น…ทั้ง เกริกก้อง จันทร์ทิพย์ (ชัชฎาภรณ์ ธนันทา) และ รัญญา ยังหาเรื่องเขาไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งเรื่องทำให้เสียหน้า ทำให้เสียชื่อเสียง เสียความน่าเชื่อถือ จนเซียนแทบจะอยากออกจากร่างเศรษฐีหมื่นล้าน แล้วกลับไปเป็นไอ้เซียนคนเดิม
สิ่งเดียวที่ทำให้เซียนมีความสุข คือการได้อยู่ใกล้น้ำเพชร ราวกับความฝันที่เขาไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นจริง เซียนใช้ความเป็นปลาใหญ่หาโอกาสอยู่กับน้ำเพชรสองต่อสอง ใช้หน้าที่การงานไปหาเธอที่บ้าน อ้างว่ามีงานด่วน แล้วไปโชว์รวยต่อหน้าเติมศักดิ์และกิมฮวยด้วยความสะใจ แรกๆน้ำเพชรก็ตื่นเต้นที่เจ้านายสุดที่รักดูเหมือนจะมีใจให้อย่างคาดไม่ถึง แต่หลังๆ เธอเริ่มรู้สึกว่ามันมากจนผิดสังเกต ประกอบกับบุคลิกภาพก็แตกต่างราวกับคนละคน ยังไง๊…ยังไง มันก็ไม่ใช่คุณปลาใหญ่ที่เธอเคยรู้จัก แต่มันช่างคลับคล้ายคลับคลากับ (ไอ้)เซียนเสียเหลือเกิ๊น…(ยังไงกันเนี่ย?) แต่ในความต่างมันกลับทำให้เธอมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ทั้งอารมณ์ขันและคารมที่สุดแสนจะลื่นไหล ทำให้เธออารมณ์ดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ทางด้านปลาใหญ่ (ตัวจริง) พยายามจะหาทางบอกความจริงกับทุกคนที่อยู่รอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นป้าสายไหม ยายปิ่น สายพิณ มอมแมม ชายสี่ ป๋อง ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า “เซียนสมองเสื่อม” หลงว่าตัวเองเป็นเศรษฐีหมื่นล้าน เจ้าของโรงงานผ้าไหมอันโด่งดัง ยิ่งปลาใหญ่อธิบาย ทุกคนก็ยิ่งคิดว่าสมองเขาผิดปกติ เขาจึงเลือกที่จะหยุดและหาทางพิสูจน์ด้วยวิธีอื่น ปลาใหญ่พยายามติดต่อน้ำเพชรที่บ้าน และขอให้เธอช่วย แต่น้ำเพชรกลับไล่ตะเพิดราวกับเขาเป็นไอ้โรคจิต ทำให้เขารู้ว่าน้ำเพชรไม่ได้เป็นแฟนกับเซียนแต่เธอแอบชอบเขา และปลาใหญ่ก็ต้องช็อกหนักเมื่อรู้ว่าเซียนแอบชอบน้ำเพชร และใช้ร่างของเขาตามจีบน้ำเพชร ปลาใหญ่อาละวาดใส่เซียน พยายามจะให้เซียนยอมรับว่าเกิดการสลับร่าง แต่เซียนทำเนียนไม่ยอมรับ แถมยังด่าว่าปลาใหญ่เพี้ยน น้ำเพชรยิ่งไม่พอใจและไล่ปลาใหญ่กลับไป พร้อมทั้งให้ตำรวจมาเฝ้าหน้าบ้านเพื่อป้องกันไม่ให้เขาเข้าใกล้เธอ
ปลาใหญ่เปลี่ยนเป้าไปที่ครรชิต เขาพยายามขอพบครรชิตเพื่อบอกความจริง แต่โดนเซียนกลั่นแกล้งสารพัด ทำให้ทั้งสองคนไม่ได้เจอกัน เซียนติดรูปตัวเองไว้หน้าโรงงาน และหน้าบ้าน ห้ามไม่ให้เข้ามาใกล้ทุกคนที่อยู่แวดล้อมและครรชิตอย่างเด็ดขาด ความแสบของเซียนทำให้ปลาใหญ่สุดเครียด โดยเฉพาะเวลาเห็นข่าวความเสียหายของบริษัทที่ออกมาไม่เว้นแต่ละวัน ปลาใหญ่รู้ทันทีว่าเป็นฝีมือของเกริกก้อง จันทร์ทิพย์ และรัญญา แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนก็ไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่คนเดียว เว้นแต่…สายพิณ
เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่รู้ว่าเซียนเปลี๊ยนไป ดูเงียบ ขรึม จริงจัง และไม่ออกไปไร้สาระกับสามสหาย ที่สำคัญ ยังมีความรู้และมีรสนิยมดีอย่างแปลกประหลาด ปลาใหญ่สุดดีใจ ถึงแม้สายพิณพูดได้ไม่เต็มปากว่าเธอเชื่อเรื่องการสลับร่าง แต่เธอยินดีจะช่วยเขาค้นหาความจริง และกลับคืนสู่ร่างเดิม ด้วยวัยที่ใกล้เคียงกัน และความอ่อนหวานบวกกับน้ำใจอันดีของสายพิณ ทำให้ปลาใหญ่รู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้คุยกับเธอ และทุกครั้งที่เขามีเรื่องกลุ้มใจ คนแรกที่เขาคิดถึง คือเธอ ผู้หญิงแสนธรรมดา ฐานะค่อนข้างยากจน คนที่เขาคงไม่มีโอกาสได้พบ ถ้ายังคงเป็น “คุณปลาใหญ่” ไฮโซฯ หมื่นล้าน แต่ปลาใหญ่ต้องแอบจ๋อยๆ …เมื่อรู้ว่าสายพิณแอบชอบพี่เซียน และที่เธอช่วยเขาเพราะต้องการได้พี่ชายสุดเลิฟคนเดิมกลับคืนมา
ทางด้านเซียน เริ่มเครียดหนักพอกัน เพราะตลอดเวลาที่อยู่ในร่างปลาใหญ่ เขาไม่สามารถทำงานที่ปลาใหญ่เคยทำได้ ประกอบกับน้ำเพชร ครรชิต เกริกก้อง รัญญา และจันทร์ทิพย์ เริ่มระแคะระคายว่าเขาเปลี๊ยนไป ในขณะที่เซียนกำลังเครียด เขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าสายพิณเข้ามาทำงานเป็นพนักงานของโรงงานผ้าไหม เซียนลืมตัว แสดงความดีใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้สายพิณยิ่งปักใจ แต่เมื่อเธอซักไซ้ เซียนกลับไม่ยอมรับและเอาตัวรอดไปอย่างกะล่อน สายพิณยอมเข้าไปทำงานในโรงงานเพื่อหาช่องทางช่วยปลาใหญ่ และเธอยังพยายามอธิบายให้สามสหาย ป๋อง มอมแมม และชายสี่ รวมทั้งสายไหมและปิ่น เห็นใจปลาใหญ่ จนทุกคนเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเอง เพราะความเฮฮาไร้สาระไม่เคยปรากฏหลังจากเซียนประสบอุบัติเหตุ แถมยังพูดจาดูดีมีการศึกษาหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะตอนบอกทางฝรั่งด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว ทุกคนปักใจทันทีว่า…คนที่ยืนอยู่ข้างหน้า ไม่ใช่เซียนแน่นอน !!
ปลาใหญ่เปิดใจเล่าทุกเรื่องให้ทุกคนฟัง โดยเฉพาะเรื่องอันตรายที่เซียนอาจจะได้รับจากเกริกก้องและรัญญา เพราะทั้งสองคนร้ายกาจมากพอที่จะคิดกำจัดเขาเพื่อหวังฮุบโรงงาน ทั้ง ๕ คนจึงตัดสินใจช่วยปลาใหญ่ลากตัวเซียนมายอมรับความจริงและหาทางสลับร่างคืนดั่งเดิม ด้วยความร่วมมือของสายพิณ มอมแมม ป๋อง และชายสี่ ทำให้พวกเขาได้ตัวเซียนมา และเค้นจนเซียนต้องยอมรับอย่างหมดสภาพ พร้อมกับขอร้องให้ปลาใหญ่ช่วยเทรนด์ให้ตัวเองเป็น “คุณปลาใหญ่” ให้ได้ แต่ปลาใหญ่ไม่ยอม เขาต้องการกลับคืนร่างดังเดิมเท่านั้น เซียนจำใจต้องยอมเพราะไม่มีทางออกอื่น
ปิ่น (ปนัดดา โกมารทัต) และสายไหมเป็นเจ้าภาพฝ่ายพิธีการ ทั้ง ๒ คน พยายามหาวิธีเพื่อเรียกวิญญาณกลับคืนร่าง ทำหมดทุกวิธี ทั้งไสยศาสตร์ พุทธศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ (ชาวบ้าน) แต่ไม่สัมฤทธิ์ ไม่ว่าจะใช้ศาสตร์ทางด้านไหน ทั้งสองคนก็ไม่ยอมกลับคืนร่างตัวเอง จนยายปิ่นสรุปปิดท้ายว่า “มันคงเป็นเวรกรรมที่ทำให้เป็นแบบนี้ ไม่มีวิธีอื่น เมื่อหมดกรรมแล้ว ก็คงจะได้กลับคืนร่างเดิม” บทสรุปยายปิ่น ทำให้ปลาใหญ่ถึงกับอึ้ง มึน และหมดหวัง ต่างกับเซียนที่ใช้ความกะล่อนหว่านล้อมให้ปลาใหญ่ยอมรับสภาพ แล้วช่วยเขาสวมบทบาทคุณหนูหมื่นล้านให้แนบเนียนที่สุด เพื่อดำเนินธุรกิจที่สุดป่วนอยู่ในตอนนี้ พร้อมทั้งหาทางกำจัดครอบครัวเกริกก้องที่จ้องจะฮุบสมบัติอยู่ทุกลมหายใจ
ปลาใหญ่จำใจต้องยอมรับข้อเสนอ โดยเข้าไปทำงานเป็นที่ปรึกษาเซียนอย่างใกล้ชิด สร้างความงุนงงให้กับทุกคน โดยเฉพาะน้ำเพชร…เธอสงสัยอย่างแรง ที่จู่ๆ ไอ้บ้าเซียนก็เข้ามาทำงานเป็นที่ปรึกษานายใหญ่ ข้ามหัวใครต่อใครอีกมากมาย เซียนพยายามให้เหตุผลชื่นชมเซียนต่างๆนานา เพราะหวังว่าถ้าได้กลับร่าง น้ำเพชรจะชอบตัวเองขึ้นมาบ้าง แต่ไม่ว่าจะชื่นชมแค่ไหน น้ำเพชรก็ไม่มีทางเชื่อว่าเซียนจะทำงานได้จริง
น้ำเพชรพยายามจับผิดปลาใหญ่ในขณะที่ทำงานให้เซียน แต่ยิ่งเธอจับผิดมากเท่าไหร่ เธอยิ่งแปลกใจมากเท่านั้น เพราะเซียนทำงานได้อย่างดี ไม่มีที่ติ และบางครั้งมันทำให้เธอคิดถึง “คุณปลาใหญ่” เจ้านายหน้าใสที่เธอเคยทำให้ใครกลัวจนตัวสั่น ขณะที่ปลาใหญ่ช่วยงานเซียน เขาต้องเทรนด์เซียนในทุกๆเรื่อง ทั้งบุคลิกภาพ การออกงานสังคม การวางตัว การพูดจา และจ้างครูมาสอนภาษาแบบตัวต่อตัว แต่อย่างเดียวที่เขาไม่ยอมสอน คือปลอมลายเซ็น เพราะฉะนั้น เอกสารทุกฉบับ ปลาใหญ่เป็นคนเซ็นเองทั้งหมด และต้องแอบเซ็นแบบลับๆ เซียนต้องคอยกันไม่ให้น้ำเพชรและครรชิตรู้ แต่แล้วครรชิตก็ล่วงรู้จนได้ เพียงเวลาไม่นานที่ปลาใหญ่เข้ามาช่วยงานเซียน ครรชิตก็รู้ทันทีว่า คุณหนูตัวจริงของเขากลับมาแล้ว!!
เกริกก้อง จันทร์ทิพย์ และรัญญาไม่พอใจที่จู่ๆก็มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้มาช่วยกอบกู้สถานการณ์ให้ศัตรู จันทร์ทิพย์ยุให้ใช้ไม้แข็งเพื่อกำจัดปลาใหญ่ (ที่อยู่ในร่างเซียน) เกริกก้องอนุมัติ แต่ย้ำว่าอย่าให้เรื่องบานปลาย ปลาใหญ่ถูกทำร้ายอาการสาหัส เซียนเห็นสภาพปลาใหญ่แล้วก็เป็นห่วงร่างกายตัวเอง เขาตัดสินใจจ้างมอมแมม ป๋อง และชายสี่มาเป็นบอดี้การ์ดให้กับเซียนและตัวเอง วันแรกที่ชายสี่มาทำหน้าที่บอดี้การ์ดให้เซียน เขาได้เจอกับรัญญา และตกหลุมรักในทันที ในขณะที่รัญญาทั้งรังเกียจและดูถูกอย่างเห็นได้ชัด แต่ชายสี่ก็ยังหลงละเมอเพ้อพกอย่างไม่เจียมตัว
ในระหว่างที่ปลาใหญ่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เซียนกลับไปแก้แค้นเกริกก้อง จันทร์ทิพย์ และรัญญาด้วยวิธีที่สุดแสนกะล่อน โทษฐานที่ทำให้ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาต้องมีอันต้องบวมช้ำ เซียนฉีกหน้าทั้ง ๓ คน กลางงานสังคมหรู ทำให้ทุกคนรู้ว่าเกริกก้องอิจฉาหลานชายตัวเองและต้องการจะฮุบสมบัติ กลายเป็นข่าวดังกระฉ่อนไปทั้งวงการ สร้างความสะใจให้กับปลาใหญ่อย่างแรง ปลาใหญ่ขอบใจเซียนที่ตอบโต้คนพวกนั้น ในขณะที่เซียนก็ขอโทษปลาใหญ่ที่เขาเคยไม่ชอบขี้หน้า อีกทั้งยังฉวยโอกาสจากร่างของเขา ปลาใหญ่ให้อภัยแต่ห้ามไม่ให้ทำอีก โดยเฉพาะการใช้ความเป็นเขาตามจีบน้ำเพชร ข้อห้ามที่แสนยาก เซียนอึกอัก ไม่รับปาก และขอร้องให้ปลาใหญ่ช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เขาไม่อยากให้เธอรู้ว่า จริงๆแล้วเขาไม่ใช่ปลาใหญ่ เซียนรู้ว่าเมื่อความจริงปรากฏ น้ำเพชรคงจะกลับไปเกลียดเขาเหมือนเดิม
เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะคืนสู่ความจริง เขาขอฝันหวานแบบนี้ไปอีกสักพัก ปลาใหญ่รับปากด้วยความเข้าใจ เพราะเขาเองก็ตกอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน ถ้าเขากลับสู่ร่างเดิม สายพิณก็คงจะไม่สนใจเขาเช่นกัน ท่ามกลางม่านหมอกของความรักที่ไม่ลงตัว พายุแห่งความคลั่งแค้นก็เริ่มก่อตัวขึ้น… หลังจากการโดนฉีกหน้ากลางสาธารณะชน เกริกก้องแค้นสุดแค้น เขาสั่งให้จันทร์ทิพย์กำจัดไอ้หลานชายจอมวายร้ายให้สิ้นซาก!!
ในขณะที่เกริกก้องกำลังหน้าดำคร่ำเครียดกับการแก้แค้นเซียน รัญญาเริ่มเอะใจกับการเปลี่ยนไปของปลาใหญ่ ตั้งแต่เล็กจนโต เธอไม่เคยเห็นเขาตอบโต้แม้แต่น้อย ไม่ว่าจะโดนรังแกแค่ไหน เขาจะเอาแต่เก็บกด และกดดันตัวเอง แต่จะไม่ใช้วิธีสกปรกแบบนี้เด็ดขาด ประกอบกับบุคลิกที่ดูหลุกหลิก คำพูดคำจาที่ดูไม่ค่อยมีการศึกษา และเฮฮาผิดปกติ ทำให้เธอเริ่มสงสัย รัญญาอาศัยชายสี่เป็นเครื่องมือ เธอทำทีเป็นสนใจชายสี่ หาโอกาสอยู่กันสองต่อสอง และแอบล้วงความลับทุกครั้งที่มีโอกาส ชายสี่หลุดจะบอกหลายครั้ง แต่ก็ยั้งปากไว้ได้ทุกที น้ำเพชรเองก็เริ่มสงสัยมากขึ้น เธอรู้สึกว่าเซียน ปลาใหญ่ ครรชิต มอมแมม ป๋อง และชายสี่ รวมหัวกันทำอะไรบางอย่างลับหลังเธอ อีกทั้งจู่ๆก็มีสายพิณโผล่มาดูแลเซียน (ที่จริงๆแล้วเป็นปลาใหญ่) อย่างใกล้ชิด และเซียนก็ดูจะไม่สนใจเธอเหมือนเมื่อก่อน ด้วยความสงสัยทำให้น้ำเพชรแอบตามสืบว่า จริงๆแล้ว อะไรคือต้นเหตุของการเปลี๊ยนไป…ทำให้ปลาใหญ่และเซียนต้องระวังตัวเองอย่างมาก ในขณะเดียวกันก็ต้องแก้ไขปัญหาภายในโรงงานที่เกริกก้องพยายามสร้างขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน และจันทร์ทิพย์ยังส่งนักเลงคอยสะกดรอยตาม หวังกำจัดเซียนตามคำสั่งของสามี
รอบตัวเซียนและปลาใหญ่มีความวุ่นวายและอันตรายรายล้อมอยู่ เท่านั้นยังไม่พอ เรื่องของหัวใจยังสร้างความปวดสมองไม่น้อยไปกว่ากัน เมื่อสายพิณได้ล่วงรู้ว่าเซียนชอบน้ำเพชร และพยายามจะใช้ความเป็นปลาใหญ่เพื่อเอาชนะใจเธอ สายพิณไม่พอใจอย่างแรง เพราะผิดศีลธรรม และแอบหึงเล็กๆ สายพิณพยายามจะเปิดโปงความจริงให้น้ำเพชรรู้ แต่เซียนอาศัยความกะล่อนเอาตัวรอดหลบเลี่ยงไปได้อย่างหวุดหวิด ในขณะเดียวกัน ทุกครั้งที่น้ำเพชรพยายามเข้าใกล้ปลาใหญ่เพื่อสืบความจริง เซียนก็ต้องคอยกีดกัน เพราะกลัวว่าน้ำเพชรจะรู้ความจริง และกลับไปชอบปลาใหญ่เหมือนเดิม
ยิ่งเซียนแสดงอาการหวงน้ำเพชรมากเท่าไหร่ สายพิณก็ยิ่งเสียใจมากเท่านั้น และยิ่งสายพิณเสียใจมากเท่าไหร่ ปลาใหญ่ก็ยิ่งจ๋อยมากเท่านั้น…เป็นวงเวียนของรักสี่เส้าที่แสนเศร้าและน่าเห็นใจ ป้าสายไหมและยายปิ่นอาศัยความเป็นผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน มองปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าเกิดอะไรขึ้น ยายปิ่นพยายามให้กำลังใจปลาใหญ่ และสารภาพว่าเธอยินดีจะมีเขาเป็นหลานเขยมากกว่าไอ้เซียน ถึงแม้เขาจะยังเด็ก แต่เป็นคนจริงจังและจริงใจ ในขณะเดียว กันก็พยายามจะให้หลานสาวได้รู้ตัวสักทีว่า จริงๆแล้ว เธอไม่ได้ชอบเซียน แต่มันเป็นเพียงความผูกพันและฝังใจ แต่ปลาใหญ่ก็ยังไม่กล้าพอจะสารภาพรัก ในขณะที่สายพิณก็ยังไม่รู้ใจตัวเองดีพอ ยายปิ่นก็ได้แต่ท้อใจ…พูดยังไงก็ไร้ประโยชน์ (เฮอ!) ป้าสายไหมเองก็พยายามจะให้เซียนยอมรับความจริงว่าน้ำเพชรไม่ได้ชอบเขาที่ตัวตนของเขาอย่างแท้จริง การปิดบังต่อไปก็เท่ากับหลอกตัวเองไปวันๆ แต่เซียนเองก็ยังไม่กล้าพอที่จะสารภาพความจริงกับเธอและแล้ว…การปิดบังก็เดินทางมาถึงสุดทาง
เมื่อน้ำเพชรจับได้ว่า…แท้จริงแล้ว เซียนและปลาใหญ่สลับร่างกันตามที่เธอสงสัย และทุกคนรู้ความจริงหมดแล้ว ยกเว้นเธอ น้ำเพชรอาละวาดใส่เซียน (ที่อยู่ในร่างปลาใหญ่) อย่างแรง ทั้งด่า ทั้งตบตี ด้วยความโกรธ และอายสุดจะบรรยาย น้ำเพชรเสียฟอร์มอย่างหนักที่ตัวเองสารภาพว่าชอบปลาใหญ่ ในขณะที่เขาอยู่ร่างของเซียน แล้วยังแสดงกริยาดูถูกเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นเซียน น้ำเพชรตัดสินใจลาออกทันที และเก็บตัวเงียบอยู่ในบ้าน ถึงแม้เซียนจะตามง้อ ตามขอโทษ แต่น้ำเพชรก็ไม่ยอมพูดด้วย แถมยังไล่ตะเพิดจนเปิดเปิง ปลาใหญ่ลงทุนมาขอโทษแทนเซียน น้ำเพชรก็ยังไม่ยกโทษให้ แถมด่ากลับ และประกาศว่าเธอเลิกชอบเขาแล้ว เพราะตอนนี้เธอรู้ตัวแล้วว่าไม่ชอบเด็ก !! และจะไม่มีวันกลับไปทำงานอีกเด็ดขาด เซียนสุดแสนเสียใจ ได้แต่เก็บตัวเงียบ สายพิณถึงได้รู้ว่าเซียนรักน้ำเพชรมาก และไม่ว่าเธอจะทำอย่างไรก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจเขาได้ สายพิณตัดใจจากเซียน และคืนสภาพกลายมาเป็นน้องสาวดังเดิม
รัญญาแอบมอมเหล้าชายสี่ พร้อมกับใช้เสน่ห์หญิงเย้ายวนจนเขาเคลิ้มและบอกเรื่องสลับร่างอย่างหมดเปลือกโดยไม่รู้ตัว รัญญารีบนำความจริงมาบอกเกริกก้องและจันทร์ทิพย์ทันที พร้อมกับถีบหัวชายสี่ทิ้งอย่างไม่ไยดี ทั้งสองคนแทบไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นจริง แต่จากการทดสอบ และนึกย้อนกลับไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากอุบัติเหตุ ทั้งสองคนเริ่มเชื่อว่ามันมีความเป็นไปได้สูง เกริกก้องจึงเปลี่ยนเป้าหมายจากการกำจัดเซียน (ในร่างปลาใหญ่) มาเป็นกำจัดปลาใหญ่ (ในร่างเซียน) ทันที เพราะถ้ากำจัดวิญญาณเซียนที่อยู่ในร่างปลาใหญ่ แต่วิญญาณปลาใหญ่ที่อยู่ในร่างเซียนก็ยังอยู่ และเขาอาจจะกลับมาแก้แค้นได้ แต่ถ้ากำจัดวิญญาณของปลาใหญ่ในร่างเซียนได้ เขาจะใช้เงินซื้อเซียนและสั่งให้ใช้ความเป็นปลาใหญ่ทำทุกอย่างตามที่เขาต้องการได้ไม่ยาก
ทั้ง ๓ คน วางแผนชั่วร้ายอย่างเลือดเย็น โดยไม่ได้รู้ว่าเลยว่าน้ำเพชรแอบมาได้ยินโดยบังเอิญ ขณะที่เธอเข้ามาเก็บของในที่ทำงานตอนกลางคืน น้ำเพชรรีบหนีกลับบ้านด้วยความตื่นเต้นและหวาดกลัว แผนการสั่งเก็บปลาใหญ่ดังกึกก้องในสมอง น้ำเพชรลังเลว่าจะยื่นมือเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ดี หรือจะวางเฉยแล้วปล่อยให้มันเป็นไป เพื่อเป็นการแก้แค้นที่โดนหลอกมาตลอด แต่แล้วความดีงามก็ชนะ น้ำเพชรมาหาปลาใหญ่และบอกสิ่งที่รับรู้มา ปลาใหญ่ขอบใจและดีใจที่น้ำเพชรเห็นใจและให้ความร่วมมือ ในแวบนั้นเอง…น้ำเพชรเริ่มรู้ว่า จริงๆแล้ว คนที่เธอเป็นห่วงไม่ใช่แค่ปลาใหญ่แต่เป็นเซียน ผู้ชายที่เธอไม่เคยสนใจแม้แต่นิดเดียว น้ำเพชรเริ่มค้นเข้าไปในใจของตัวเอง จนพบว่าเธอมีความสุขทุกครั้งเวลาที่อยู่กับเซียน เขาคือผู้ชายคนเดียวที่ทำให้เธอหัวเราะได้อย่างสุดเสียง คนที่เธอชอบ คือผู้ชายที่สุดแสนจะเฮฮา…ไม่ใช่ปลาใหญ่ เด็กน้อย หน้าใสผู้เคร่งขรึม น้ำเพชรรู้ใจตัวเอง แต่มันสายเกินไป เพราะเซียนแวะมาหาป้าสายไหมที่บ้าน และเห็นตอนน้ำเพชรคุยกับปลาใหญ่พอดี ด้วยความสนิทสนมของทั้ง ๒ คน ขณะกำลังคุยกัน ทำให้เซียนเข้าใจผิดคิดว่าน้ำเพชรยังคงชอบปลาใหญ่อยู่เหมือนเดิม เซียนถึงกับจ๋อย และยอมทำตามที่ป้าสอน คือรับสภาพความจริง เลิกตอแยน้ำเพชร พยายามจะตัดใจจากเธอ ถึงแม้จะเศร้าแต่เขาก็ต้องทำให้ได้
หลังจากที่ปลาใหญ่ล่วงรู้แผนการของสามคนพ่อแม่ลูก และชายสี่มาสารภาพเรื่องที่โดนมอมเหล้าล้วงความจริง ชายสี่ทั้งรู้สึกผิดและเสียใจที่โดนหลอกใช้ เขาน่าจะเชื่อมอมแมมและป๋องที่พยายามเตือนว่ารัญญาไม่จริงใจกับเขา จากความรักกลายเป็นความแค้น ชายสี่ประกาศว่าจะต้องหาโอกาสสั่งสอนรัญญาให้ได้ !! ปลาใหญ่เรียกทุกคนมาประชุมระดมหัวสมอง ทั้งครรชิต เซียน สายพิณ มอมแมม ป๋อง และชายสี่ โดยมีน้ำเพชรเป็นสมาชิกใหม่เข้าร่วมก๊วน เซียนดีใจที่น้ำเพชรมา แต่ดีใจได้ไม่นานก็กลับมาเศร้าเหมือนเดิม เพราะคิดว่าน้ำเพชรมาเพราะต้องการช่วยปลาใหญ่ ในขณะที่น้ำเพชรเองก็แปลกใจที่เซียนดูเงียบๆ ผิดปกติ
ในการสุมหัวเพื่อเตรียมรับมือกับแผนการร้ายครั้งนี้ เซียนอาศัยความเจ้าเล่ห์และแสนกล คิดแผนที่คนอื่นคิดไม่ได้ ทำให้ทุกคนต้องอึ้ง ไม่เว้นแม้แต่น้ำเพชรยังต้องยอมรับในความฉลาดของเซียน เซียนวางแผนให้น้ำเพชรเป็นนกต่อ ขอเข้าพบสามคนพ่อแม่ลูก โดยทำทีเป็นร้องห่มร้องไห้ พร้อมทั้งเล่าความจริงเกี่ยวกับการสลับร่างให้พวกนั้นฟัง และบอกว่าแค้นใจที่โดนเซียนหลอก จึงขอมาอยู่ด้วยเพราะต้องการแก้แค้นทั้งเซียนและปลาใหญ่ รัญญาเป็นคนแรกที่เชื่อเพราะจำได้ว่าตอนเมา ชายสี่เผลอพูดเรื่องที่น้ำเพชรโกรธออกมา เกริกก้องและจันทร์ทิพย์เลยเชื่อตามไปด้วย
น้ำเพชรยังบอกอีกว่าเซียนขอร้องให้เธอกลับมาทำงาน และเธอตัดสินใจกลับมาเพราะจะทำให้การแก้แค้นง่ายขึ้น น้ำเพชรเล่นละครได้อย่างแนบเนียนจนทุกคนยอมรับ เกริกก้องมอบหมายให้น้ำเพชรเป็นคนขับรถพาเซียนและปลาใหญ่ขึ้นเขาไปทางเชียงราย โดยให้อ้างว่าจะพาไปดูแหล่งผลิตไหมที่ใหม่ เพื่อนำมาใช้ในโรงงาน น้ำเพชรยอมทำแต่โดยดีเธอขับรถพาเซียนและปลาใหญ่ไปตามคำสั่ง และจอดรถไว้ในจุดที่เกริกก้องบอกไว้ หลังจากจอดรถแล้ว น้ำเพชรเดินลงจากรถโดยปล่อยให้ปลาใหญ่และเซียนนั่งอยู่บนรถเหมือนเดิม และไม่กี่นาทีต่อมาก็มีรถบรรทุกคันโตขับพุ่งพรวดมาอย่างเร็ว ตรงเข้ามาที่รถของน้ำเพชร พร้อมทั้งชนเข้าอย่างจัง ลากยาวต่อไปจนรถตกเขา น้ำเพชรได้แต่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ทันใดนั้นเอง คนขับรถบรรทุกก็วิ่งลงจากรถและหนีไปอย่างรวดเร็ว
ที่กรุงเทพฯ…เกริกก้องและจันทร์ทิพย์รับโทรศัพท์รายงานจากคนขับรถด้วยความสะใจ ที่รู้ว่าแผนการสำเร็จ ทั้งเซียนและปลาใหญ่ตกเหวลงไปพร้อมกัน รับประกันว่าตายชัวร์ รัญญารู้ข่าวก็ดีใจ เตรียมชุดดำสำหรับไปงานศพทันที แต่ทั้งสามคนก็ดีใจได้ไม่นาน…เมื่อเซียนแล
เรื่องย่อ : ฟ้าใหม่ (2547/2004) ปลายรัชสมัย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อ แสน (พระเอก) อายุได้ 8 ขวบ ออกหลวงพิชิตบรเทศ (หรือหลวงนายสิทธิ์) พ่อของแสนพาแสนเข้าถวายตัวเป็นมหาดเล็ก ของพระองค์ท่าน และพระองค์ท่านได้พระราชทานแสนให้เป็นมหาดเล็กของ สมเด็จพระมหาอุปราชเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ และแสนเป็นที่เอ็นดูและโปรดปรานของท่านยิ่งนัก การได้เข้าขบวนแห่พิธีอุปราชาภิเษกนำพาให้แสนได้พบกับ เรณูนวล (นางเอก) สาวรุ่นที่สวยมาก เธอมาดูขบวนแห่ครองวังกับนางในอื่นๆ การแต่งกายของเธอบ่งบอกว่าเธอเป็นสาวในสกุลสูง แต่ท่าทางเธอแก่นแก้วก๋ากั่นราวเด็กผู้ชาย เธอเรียกแสนอย่างล้อเลียนว่า “ลูกแขกค้าตะเภา” และชมอย่างล้อเลียนอีกเช่นกันว่าแสนขนตายาวเปรื้อย ทำให้แสนหงุดหงิดและขัดเคืองเป็นที่สุด แสนรู้จากเพื่อนชายว่าเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของ พระยาพิษณุโลก กับภริยาเอก พ่อส่งเธอมาถวายตัวเป็นข้าหลวงตำหนัก พระพันวรรษาน้อย ตั้งแต่เธอยังเด็ก ปากคอเธอไม่มีใครเกินและเธอไม่กลัวใครด้วย ห้าวหาญเหมือนพ่อ ชอบขี่ม้ารำทวน ผิดวิสัยหญิงทั่วไป เพื่อนชายของแสนยุด้วยความคะนองให้แสนตอกกลับเธอคืน หากเจอกันอีกว่าเธอเป็นชาวเหนือพูดจากเก๋อไก๋น่าส่งไปเป็นตะพุ่นหญ้าม้า มากกว่าเป็นนางข้าหลวง แสนคิดว่าเขาจะตอกกลับในคราวหน้าที่พบกัน คุณใหญ่รู้เรื่องความหงุดหงิดของแสนด้วยความขัน คุณใหญ่บอกว่าข้าหลวงสาวคนนั้นน่าจะชอบว่าแสนตาสวยและคงอยากให้มองเธอ และล้อแสนว่าตัดจุกไม่ ทันไรก็มีสาวมาเกี้ยวเสียแล้ว แต่ความหงุดหงุดของแสนที่ถูกผู้หญิงล้อหายวับไปในทันใดเมื่อรู้ว่าคุณใหญ่มา ที่บ้านครั้งนี้เพื่อมาลาพ่อแสนไปประจำอยู่หัวเมือง แสนใจหายยิ่งนัก คุณใหญ่สั่งแสนให้ฝึกอาวุธไว้สม่ำเสมอ เพราะเมืองม่านขณะนี้เงียบเชียบผิดสังเกต และได้ข่าวจากคุณกลางว่าขณะนี้ม่านมาค้าอัญมณีตามชายเขตแดนหนักมือขึ้นราว กับ จะรวบรวมเงินทองไว้ทำการใด และผู้ที่มาค้าเป็นชายฉกรรจ์ทั้งสิ้น ไม่ใช่ผู้หญิงดังแต่ก่อน คุณใหญ่ให้แสนบอกพ่อว่าให้แบ่งทรัพย์สินเงินทองเก็บซ่อนในที่ที่พ้นตาศัตรู และเตือนแสนมิให้ข้องแวะกับนางในนางห้าม ด้วยว่าเป็นอันตรายต่อชายผู้รับใช้เบื้องพระยุคลบาท ให้ดูชะตากรรมของพระมหาอุปราชพระองค์เก่าเป็นตัวอย่าง แสนไม่เข้าใจตัวเองว่าเหตุใดเมื่อผลัดแผ่นดินและจะมีเรื่องยุ่งถึงเลือด เนื้อนั้น ใจเขาจึงประหวัดเป็นห่วงข้าหลวงที่ชื่อเรณูนวลขึ้นมาในทันใด ในงานพระเมรุพระบรมศพ ข้าราชบริพารและนางในใกล้ชิดต้องโกนศีรษะไว้ทุกข์ แต่เรณูนวลรับหน้าที่เป็นนางร้องไห้จึงไม่ต้องโกน นายสุจินดาบอกกับแสนว่าเขาและแสนคงต้องเตรียมตัวถวายตัวแก่เจ้านายใหม่อีก ครั้ง เพราะได้ยินมาว่าเจ้าฟ้าอุทุมพรจะถวายราชบัลลังก์แก่เจ้าฟ้าเอกทัศ และเธอเห็นบรรดาเถนต่างชาติที่เคยถูกขับไล่ไปจากวัดวรโพธิ์นั้นมาปะปนกับผู้ คนอยู่ในงานพระเมรุด้วย น่าจะเป็นเค้าลางว่าศัตรูคู่ศึกดั้งเดิมคือม่านกำลังคืบคลานมาใกล้ทุกขณะจิต ในงานพระเมรุนี้แสนได้ขี่ม้ารำทวนคู่กับนายสุจินดาถวายเจ้าฟ้าเอกทัศทอดพระ เนตร และท่านทรงพอพระทัยมาก ประทานเงินให้แก่ทั้งสองคน และเพียงชั่วในคืนนั้นเองเจ้าฟ้าอุทุมพรทรงถูกบังคับกลาย ๆ ให้ถวายราชบัลลังก์แก่เจ้าฟ้าเอกทัศ แล้วหลังจากนั้นท่านทรงออกผนวช แสนและเรณูนวลได้พบกันเพียงใกล้แค่เอื้อมชั่วหน้าต่างคั่น เรียมไปดูต้นทางอยู่ห่างออกไป แสนเอ่ยคำฝากรักจากใจได้ไพเราะล้ำและจริงใจยิ่งนัก สองคนแลกแหวนและให้คำสัตย์ต่อกัน เรณูนวลประนมมืออยู่ใกล้แก่เอื้อม แรงรักบริสุทธิ์ยามแรกรุ่นทำให้แสนสุดที่จะห้ามใจเขาประนมมือตนทับมือประนม ของเรณูนวลแล้วเอามือน้อยนั้นมาแนบใจ และให้คำมั่นแก่เธอว่าวันใดที่กรุงศรีฯ มีฟ้าแผ้วแผ่นดินเย็น แสนจะบากบั่นทำการทุกอย่างให้ได้เรณูนวลไปเป็นดาวประจำชีพ แม้จะต้องฝ่าพระราชอาญาและกฎมณเฑียรบาลก็มิเกรง มีเพียงความตายเท่านั้นที่จะขวางกั้นเขากับเรณูนวลได้ ขอให้เรณูนวลรักษาตัวให้พ้นภัยรอท่าเขา เสียงจามเป็นสัญญาณหมดเวลาจากเรียม แต่ทันใดนั้นมีเสียงคนร้องด้วยความตื่นตระหนกระคนเสียงร่ำไห้ แล้วเรียมวิ่งถลันมาบอกว่ามีข่าวจากม้าเร็วว่าม่านบุกรุกเข้ามาถึง สุพรรณบุรีแล้ว ความรัก ความอาวรณ์เป็นฉันท์ใด หนุ่มสาวคราวแรกรักเพิ่งได้ประจักษ์ในบัดนี้ เรณูนวลสุดที่หวงตัวต่อไป เธอโผเข้าสู่อ้อมกอดของแสน หัวใจสะท้อนสะท้านดังใบไม้ต้องพายุ เธอให้คำมั่นแก่แสนว่า เมื่อบ้านดีเมืองหายเดือดในวันข้างหน้า ไม่ว่าเธอจะตกไปอยู่ที่ใด หากรู้ว่าแสนยังมิเบนใจไปอื่น ยังตั้งตาคอยวันกลับของเธอ เธอจะสู้ลุยไฟนรก ฝ่าพระราชอาญาไปสู่เรือนแสน แต่หากแสนต้องอันตรายสุดวิสัยที่จะครองกันในชาตินี้ เธอจะบวชชี จะไม่มีวันยอมให้มือชายที่สองมาต้องกายเป็นอันขาด แสนประจำอยู่กองทัพของพระยากำแพงเพชรซึ่งคุมทัพรักษาพระนครด้านทิศตะวัน ออกที่เกาะแก้ว แสนรู้จักนิสัยพระยากำแพงเพชรดีว่าเอาจริงเอาจังกับการรบอย่างสุดชีวิตจิตใจ เพียงใด ท่านมิใช่พวกตั้งรับข้าศึกอย่างเดียว หากแต่ชอบที่จะรุกไล่ด้วย การออกไปทัพกับท่านถึงเกาะแก้วครานี้ กว่าจะได้กลับเข้าพระนครก็คงอีกแสนนาน หรือไม่ก็อาจไม่ได้กลับเลยหากเสียทีข้าศึก หรือเสียชีวิต แสนจึงหาทางไปพบเรณูนวลก่อนที่จะออกไปเกาะแก้ว โดยไปดักพบเรียมที่ตลาด เรียมเห็นแสนก็รู้ทันทีว่ามาตามหาเธอด้วยเรื่องอะไร พูดนัดแนะกับแสนเป็นนัยที่รู้กันเฉพาะสองคน ว่าเธอจะพาเรณูนวลไปพบกับแสนที่บ้านหอรัตนชัย เรณูนวลและแสนพบและลากันด้วยเสน่หาอาลัยล้ำ วันอังคาร เดือนห้า ขึ้นเก้าค่ำ ปีกุน พ.ศ. 2310 ข้าศึกระดมกำลังยิงกระหน่ำทุกด้านรอบพระนคร และเร่งสุมเพลิงคลอกรากกำแพงเมืองทุกด้าน กองกำลังรักษาเมืองรับมือข้าศึกสุดชีวิตจมื่นไวยบัญชาการรบอย่างเข้มแข็ง อยู่ด้านที่กำแพงกำลังจะพัง ผู้ที่มาขัดการบัญชาการของจมื่นไวยคือพระยาพลเทพ พระยาพลเทพแต่เครื่องขุนนางชุดเข้าเฝ้าเต็มยศมารอต้อนรับทัพม่านด้วยหวัง เต็มที่ที่จะได้ยกขึ้นเป็นเจ้าครองเมืองประเทศราช จมื่นไวยระเบิดความแค้นไล่ฟันพระยาพลเทพ พลเทพหูขาดไปข้างหนึ่ง หนีจมื่นไวยหัยซุนด้วยอยากรักษาชีวิตไว้ขึ้นเป็นเจ้า จมื่นไวยตามล่าไม่ลดละ ประตูด้านป้อมมหาชัยถูกข้าศึกพังถล่มลงเป็นประตูแรก ข้าศึกเฮโลกันเข้าทางประตูนั้น จมื่นไวยมาเห็นพระยาพลเทพยืนปลื้มรับทัพข้าศึกเข้าเมืองอยู่ จึงโดยฟันแขนซ้ายพระยาพลเทพขาดก่อนที่พระยาพลเทพจะทันรู้ตัว และตามด้วยปลายดาบจิ้มทะลวงตาข้างหนึ่ง และสุดท้ายฟันแขนขวาขาดอีกข้าง จมื่นไวยคั่งแค้นแน่นหัวอก ไมให้พลเทพเหลือมือที่จะไปกราบไหว้แม่ทับและเจ้าผู้ครองกรุงอังวะ ไม่ให้เหลือรูปโฉมที่ผู้ใดจะยินดีมอง ข้าศึกกลุ้มรุมทำร้ายจมื่นไวย จมื่นไวยต่อสู้จนตัวตายอยู่ตรงประตูใหญ่ท่าช้างหน้าวังจันทรเกษม เพลาค่ำแปดนาฬิกา วันเนาสงกรานต์ ขึ้นเก้าค่ำ เดือนห้า พ.ศ. 2310 นั้นเอง พระนครศรีอยุธยามหาราชธานีก็สิ้นศักดิ์แห่งราชธานีลง หลังจากรวมกำลังตั้งต่อสู้ศัตรูมาได้หนึ่งปีกับสองเดือน เปลวเพลิงรุกโหมโชติช่วงแดงฉานตัดกับท้องฟ้าสีดำสนิท กลืนชีวิตกรุงศรีอยุธยาบรมราชธานีอันเคยบรมสุข เป็นหมดสิ้นเลื่อมยศ เพียงสามปีที่ผลัดแผ่นดินก็มีศึกพม่าประชิดติดเมืองอีกคือศึก เจ้าตะแคงปะดุง เจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ของพม่า ยกเข้ามาทางลาดหญ้า แขวงเมืองกาญจนบุรี แสนกราบเรียนให้ผู้สำเร็จราชการเมืองพิษณุโลกส่งบรรดาขุนหมื่นพันทนายออกไป ป่าวเรียกผู้คนให้อพยพมารวมกองกันในเมืองโดยเร็วและให้ขนเสบียงมาด้วย เพื่อจะได้ไม่เหมือนครั้งที่แล้วที่ต้องทิ้งเมืองเพราะขาดเสบียงความคิดของ แสนได้ผล ผู้คนหลั่งไหลเข้าเมืองทุกวัน แสนช่วยเป็นภาระคุ้มกันและจัดส่งกองเกวียนของชาวบ้านจนถึงทางเข้าเมือง และจวนเย็นวันหนึ่ง มีกองเกวียนใหญ่มากกองหนึ่งอพยพเข้ามาความที่เป็นกองใหญ่และเข้ามาตอนพลบจึง จะยังเข้าเมืองไม่ได้ แสนและกองกำลังออกไปดักตรวจตรากองเกวียนนั้นว่าจะมีผู้แปลกปลอมแฝงมาบ้าง หรือไม่ ขณะเมื่อกำลังพูดจากันอยู่แสนสังเกตเห็นว่ามีม้าสองม้ารีบถอยไปแผงอยู่ด้าน หลังสุดของขบวน และยิ่งได้ฟังคนนำกลุ่มพูดจาถึงวันที่เจ้าพระยาทั้งสองแตกทัพอะแซหวุ่นกี้ แสนก็ยิ่งปั่นป่วนหัวใจนัก จะมองสองม้าที่ถอยไปจนสุดกู่ก็มองไม่ถนัด ได้แต่คิดว่าจะต้องค้นเอาความจริงให้ได้ และคิดว่าจะเป็นคนกลุ่มนี้เองที่มาช่วยวันแตกทัพอะแซหวุ่นกี้ แสนได้แต่พูดฝากไว้ในเบื้องต้นนี้ว่าอยากรู้ว่าผู้ที่มาช่วยวันแตกทัพ เป็นใครแสนให้ชาวบ้านพักผ่อน ตัวเองก็ไปพักด้วย แต่จนดึกแล้วแสนก็ไม่อาจข่มตมให้หลับได้ จึงลุกออกจากที่พักเดินตรวจพลเวรยามไปเรื่อย แล้วแสนก็ต้องชะงักทันใดเมื่อได้ยินเสียงชายชาวบ้านป่าขับลำนำรักอันเป็น ลำนำที่ชาวกรุงศรีฯ ขับเป็นประจำและแสนกับเรณูนวลขับสู่กันก่อนแสนจากไปสงคราม แสนคาดคั้นจนได้ความว่ามีผู้สอน แสนสั่นไปทั้งตัวด้วยแน่ใจว่าผู้สอนนั้นเป็นเรณูนวลแน่และกองเกวียนนี้ต้อง เป็นของเธอ แสนคาดคั้นขาวบ้านจนในที่สุดได้พบกับเรียมพี่เลี้ยงของเรณูนวล เรียมต่อว่าต่อขานประชดประชันแสนมากมาย โดยเฉพาะเรื่องได้เมียพระราชทานถึงสองคน แสนชี้แจงและสาบานจนเป็นที่พอใจของเรียม เรียมจึงชี้เกวียนที่พักของเรณูนวลให้ แสนกับเรณูนวลได้พบกัน ความรักความคิดถึงแรมปีประดั่งหลั่งไหลท่วมท้นใจ แสนรับรู้ความลำบากของเรณูนวลด้วยน้ำตา และให้คำมั่นว่าจากนี้ไปความตายเท่านั้นที่จะพรากเขาจากเรณูนวลได้ แล้สองหัวใจรักที่รอคอยกันมานานแสนนานก็ได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันในคืน นั้น แสนขอให้ผู้สำเร็จราบการเมืองพิษณุโลกประกอบพิธีสมรสให้ แล้วจากนั้นแสนกับเรณูนวลและกองกำลังก็ไปสมทบทัพหลวงที่ลาดหญ้า ทำศึกกับพม่าซึ่งยกเข้ามาถึงเก้าทัพ กองของแสนและเรณูนวลรบแบบกองโจรและสามารถตีพม่าแตกกระเจิงได้ชัยชนะในด้าน นั้น แสนและเรณูนวลไปตนสมทบกับทัพหลวงซึ่ง พระอนุชิตราชา หรือพระราชวังบวรหรือคุณเล็กเป็นแม่ทัพ และท่านมีพระบัณฑูรให้แสนและเรณูเข้าเฝ้า ท่านตรัสว่าแสนและเรณูนวลจะได้เข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวในวันที่เสร็จศึก เพี่ยงเท่านี้แสนก็ยินดีจนสะท้านไปทั้งกาย ทัพไทยทำศึกกับพม่าสุดชีวิตวิญญาณ บรรดาคนไทยที่ซุ่มซ่อนอยู่ต่างก็ออกมาช่วยบ้านเมืองทำศึกจนมีชัยชนะอย่าง เด็ดขาดต่อพม่า และศึกครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นแล้วบ้านเมืองสยามก็เข้าสู่ความสงบสุข ไร้ศึกจากเมืองม่านมารบกวนอีกเลยตลอดรัชกาล
สะใภ้หัวแดง (2557/2014) ค่ำแล้วเมื่อ เจตริน ไอศูรย์ศรินทร์ ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศไทยประจำ กรุงมอสโคว์ ก้าวเร็ว ๆ เข้าไปในล็อบบี้โรงแรมหรูกลางมอสโคว์ เขามาพบ อารดา คู่หมั้นสาว ที่โทรศัพท์มาบอกว่าอยู่ที่นี่แล้ว เจตรินหมั้นกับอารดาเพราะ คุณหญิงศรินทิพย์ ผู้เป็นมารดาจัดการให้ แต่ชายหนุ่มไม่เต็มใจด้วย เป็นการคลุมถุงชนที่เขาอึดอัดใจมาก ตรงข้ามกับอารดาที่ดูจะมีความสุขมากที่มีคู่หมั้นเป็นนักการทูตอนาคตไกลอย่างเขา เมื่อพบกัน อารดาตัดพ้อต่อว่าที่ติดต่อเขายาก กว่าจะได้พบกันก็ใกล้เวลาที่เธอจะต้องเดินทางต่อแล้ว เธอคิดถึงเขามากจนต้องรีบซื้อทัวร์มาเที่ยวยุโรปและรัสเซียทั้งที่อยากจะมาที่มอสโคว์อย่างเดียว อารดาขอร้องแกมบังคับให้เขาพาเธอไปเที่ยวคืนนี้ เจตรินปฏิเสธ เพราะเขาต้องไปงานกับท่านทูต อารดากระเง้ากระงอดอย่างน่ารำคาญทำให้ชายหนุ่มอึดอัดใจมาก อีกมุมหนึ่งของโรงแรม อีรีน่า นิคาลาเยฟ สาวสวยลูกครึ่งไทย-รัสเซีย แอบหลบเข้าโรงแรมหรูกลางกรุงมอสโคว์เพื่อขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยว โรงแรมแห่งนี้ไม่ต้องการให้พ่อค้าแม่ค้าชาวรัสเซียเข้ามาเดินเร่ขายของในโรงแรม อีรีน่าสู้เจ้าถิ่นข้างนอกไม่ได้จึงต้องหลบเข้ามาขายในโรงแรม ซึ่งโอกาสที่จะขายได้มีมากกว่า เธอต้องการเงินไปซื้อยาและอาหารให้แม่ที่กำลังป่วย ขณะที่อีรีน่าเดินอยู่ในล็อบบี้โรงแรม เธอชะงักเมื่อเดินผ่านโต๊ะตัวหนึ่ง มีหญิงชายคู่หนึ่งนั่งอยู่เสียงพูดคุยกันเป็นภาษาไทย ภาษาที่ แม่พริม สอนให้เธอพูด อ่านและเขียนมาตั้งแต่เด็ก อีรีน่าจึงพูดไทยได้คล่องมาก หญิงสาวใจชื้นขึ้น เธอต้องขายของได้แน่เพราะแม่พริมบอกว่าคนไทยใจดี อีรีน่าเดินตรงไปที่โต๊ะนั้น เธอไหว้และพูดไทยทักทายชัดเจน เจตรินหันมาสนใจทันที อีรีน่าไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปเธอเสนอขายเข็มกลัดและเหรียญที่ระลึกต่าง ๆ ของอดีตผู้นำรัสเซียให้เขา ขณะที่เจตรินให้ความสนใจ อารดากลับมองอีรีน่าอย่างดูถูกพูดจาเหน็บแนมห้ามชายหนุ่มซื้อของจากเธออีกด้วย อีรีน่าข่มความโกรธ ฝืนยิ้มพูดจาเชิญชวนให้เขาซื้อของต่อไป เจตรินเลือกซื้อเหรียญอันหนึ่ง อีรีน่าบอกเขาในราคาแพง เขาไม่ต่อราคาเธอสักคำหยิบเงินให้ทันที อีรีน่าเหลือบตามองธนบัตรที่ซ้อนกันแน่นในกระเป๋าเขาอย่างสนใจ ความโลภเข้าครอบงำทำให้หญิงสาวตัดสินใจที่จะดักรอเขาหน้าโรงแรม เธอจะล้วงกระเป๋าเขาเอาเงินไปรักษาแม่ เจตรินนั่งคุยกับอารดาสักครู่ก็ขอตัวกลับ ระหว่างรอรถหน้าโรงแรมอีรีน่าแกล้งเดินชนเจตรินและล้วงกระเป๋าเงินเขาไปจนได้ ชายหนุ่มมารู้ตัวก็ต่อเมื่อถึงสถานทูตแล้ว อีรีน่ากลับถึงบ้าน เธอรู้สึกละอายใจที่ทำผิดและนึกกลัวว่าแม่จะรู้ อีรีน่ารู้ดีว่าพริมเกลียดการกระทำที่ผิดกฎหมายและศีลธรรมเป็นที่สุด ขณะที่หยิบกระเป๋าเงินออกมาดูพริมเห็นจนได้ อีรีน่าถูกดุมากมาย พริมเปิดกระเป๋าพบนามบัตรของเจตริน ไอศูรย์ศรินทร์ แล้วช็อกไปครู่หนึ่ง เธอมีความหลังที่ผูกพันกับคนในตระกูลนี้ โชคชะตาพาให้ต้องมาพบกันอีกจนได้ พริมรีบโทรศัพท์ถึงเจตริน เธอขอโทษแทนอีรีน่า และนัดให้เขามารับกระเป๋ากลับไป อีรีน่าไม่กล้าขัดใจแม่เธอนึกอายเจตรินจึงหาวิกผมหลากสีมาสวมปลอมตัวเป็นสาวพังค์สุดซ่าเอากระเป๋าไปคืนตามนัด อารดาผ่านมาเห็น เธอไม่พอใจมากที่เจตรินไม่ยอมพาเธอไปเที่ยวแต่กลับมาคบสาวพังค์รัสเซีย อารดาปราดมาต่อว่าโวยวายด่าสาวต่างชาติ จึงโดนอีรีน่ายั่วให้โมโหมากขึ้น อีรีน่าว่าเธอเป็นเมียของเจตรินและเขามีหน้าที่ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูให้เธอ อีรีน่ากลับไปอย่างมีความสุขที่ยั่วโมโหอารดาและมั่นใจว่าเจตรินจำเธอไม่ได้ ทั้งที่จริงแล้วเขาจำเธอได้ว่าเป็นใคร เขาเริ่มสืบหาครอบครัวของอีรีน่าอย่างสนใจ ไม่กี่วันต่อมา พริมก็ต้องติดต่อขอความช่วยเหลือจากเจตรินอีกจนได้ เมื่อ นิโคลัย พ่อของอีรีน่าถูกมิคาอิล หัวหน้าแก๊งมาเฟียจับตัวไป และบังคับให้นิโคลัยเสพเฮโรอินจนเสียคนเพื่อจะได้เป็นข้ออ้างในการบังคับเอาตัวอีรีน่ามาให้เขา มิคาอิลหลงรักอีรีน่าแต่เธอไม่สนใจกลับโกรธที่เขาทำร้ายพ่อของเธอ การต่อต้านของอีรีน่าทำให้มิคาอิลแค้นใจอยากเอาชนะ และจะขายเธอต่อไปหลังจากที่เขาได้เธอแล้ว เมื่อมิคาอิลโทรมาหาพริมให้ส่งตัวอีรีน่าไปทำงานใช้หนี้แทนนิโคลัย พริมรู้ทันจึงรีบโทรให้เจตรินมาพาอีรีน่าหนีไปและช่วยส่งกลับเมืองไทยให้ไปอยู่กับพ่อและแม่ของเธอซึ่งก็คือตากับยายของอีรีน่านั่นเอง พริมเขียนจดหมายขอโทษพ่อกับแม่และฝากอีรีน่าให้ช่วยดูแล เจตรินพาอีรีน่าหนีลูกน้องมิคาอิลได้อย่างหวุดหวิดจนเธอไม่ได้หยิบจดหมายที่แม่เขียนถึงตากับยายมาด้วย มิคาอิลส่งลูกน้องมาดักหน้าสถานทูตเพื่อจับตัวอีรีน่าให้ได้ หลังจากที่จับพริมไปแล้วเขาจะบังคับให้นิโคลัยอ้างสิทธิความเป็นพ่อห้ามอีรีน่าเดินทางกลับเมืองไทย ยูริลูกจ้างชาวรัสเซียประจำสถานทูต เล่าให้เจตรินฟังว่ามิคาอิลนั้นทำเรื่องผิดกฎหมายมากมาย ทั้งยาเสพติดและค้ามนุษย์ แก๊งนี้ส่งสาวรัสเซียเป็นสินค้าขายบริการไปทั่วโลก ถ้าอีรีน่าตกไปอยู่ในเงื้อมมือ มิคาอิลก็คงไม่รอดเช่นกัน วิธีเดียวที่จะพาอีรีน่าออกจากมอสโคว์และกลับเมืองไทยได้คือต้องแต่งงานกับคนไทยเท่านั้น ยูริแนะนำให้เจตรินแต่งงานกับอีรีน่าเพื่อช่วยเธอ กับอีกเรื่องหนึ่งคือเป็นการช่วยเจตรินไม่ให้ต้องแต่งงานกับอารดา ทุกอย่างเป็นไปตามแผนโดยคนที่รู้ความลับเรื่องการแต่งงานแต่ในนามระหว่างเจตรินกับอีรีน่ามีเพียงยูริกับ ฤดี เสมียน ที่ช่วยดูแลอีรีน่าเท่านั้น วันรุ่งขึ้น เจตรินจึงพาอีรีน่าเดินทางกลับเมืองไทยได้ จังหวะดีที่เขาครบวาระที่มอสโคว์พอดีต้องกลับมาประจำที่กระทรวง ทำให้สบายใจว่ามิคาอิลคงตามมาจับตัวอีรีน่าลำบาก ที่บ้านไอศูรย์ศรินทร์ ข่าวการแต่งงานของเจตรินกับอีรีน่าทำให้คุณหญิงศรินทิพย์โกรธมาก ประกอบกับมีอารดาคอยใส่ร้ายทำให้นางเกลียดอีรีน่าทั้งที่ยังไม่พบกัน ศรินทิพย์ทั้งเกลียดและกลัวลัทธิคอมมิวนิสต์ฝังใจ นางจึงเรียกอีรีน่าว่าสะใภ้หัวแดง เมื่อถึงบ้านไอศูรย์ศรินทร์ อีรีน่ากราบคุณหญิงและ จีรณัทย์ ซึ่งเป็นพี่สาวของเจตรินอย่างเรียบร้อยตามที่พริมสอนมา ทำให้จีรณัทย์เอ็นดูและรักทันทีเพราะที่จริงแล้วเธอเองก็ไม่ชอบอารดาสักเท่าไหร่ ตรงข้ามกับ จิตรดารา น้องสาวคนเล็กที่อยู่ฝ่ายเดียวกับอารดา ส่วนอารดาเมื่อพ่อของเธอซึ่งเป็นประธานสถาบันการเงินหลายแห่งถูกฟ้องล้มละลายจนต้องหนีไปต่างประเทศ อารดาไม่ไปด้วยแต่กลับหาเรื่องย้ายไปอยู่ที่บ้านไอศูรย์ศรินทร์เพื่อจัดการกับอีรีน่า โดยพาสาวใช้คนสนิทไปด้วยอีกสองคน ดังนั้นทุกวันหลังจากที่เจตรินออกไปทำงานแล้วที่บ้านไอศูรย์ศรินทร์จะวุ่นวายมาก เพราะอารดากับจิตรดาราและลูกน้องจะหาเรื่องแกล้งอีรีน่า ทว่าหญิงสาวโชคดีที่สาวใช้ที่บ้านไอศูรย์ศรินทร์คอยช่วยเธอ แม้กระนั้นอีรีน่าก็ยังโดนกีดกันให้อยู่ลำพังเพื่อให้เป็นเหยื่อของอารดากับพวก แต่กลับกลายเป็นว่าคนพวกนั้นกลับโดนอีรีน่าสู้เพื่อป้องกันตัวจนเจ็บไปตาม ๆ กัน วันหนึ่ง เจตรินขอร้องให้จีรณัทย์พาอีรีน่าไปซื้อเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว ทำให้จีรณัทย์ได้พบกับกมลกัลย์ ชายคนรักที่ถูกคุณหญิงศรินทิพย์ห้ามคบกันเพราะเรื่องเข้าใจผิดบางอย่าง จีรณัทย์แนะนำกมลกัลย์ให้รู้จักกับอีรีน่า ทั้งสามคนพูดคุยกันอย่างถูกคอทำให้ นิกกี้แฟนของจิตรดาราที่เปลี่ยนใจมาชอบอีรีน่าไม่พอใจเอาเรื่องไปฟ้องศรินทิพย์ให้โกรธจีรณัทย์จนได้ เรื่องลุกลามถึงขั้นอารดายุให้นิกกี้หาคนไปทำร้ายกมลกัลย์เพื่อเอาใจศรินทิพย์ อีรีน่าซึ่งผ่านมาพอดีได้ยินเข้าจึงหาทางช่วยกมลกัลย์ วันรุ่งขึ้นอีรีน่าแอบซ่อนตัวในรถจีรณัทย์ และตามเธอไปจนถึงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง อีรีน่ารีบออกจากรถและหาที่ซ่อนตัว ขณะที่นิกกี้ก็คุมนักเลงตามไปเช่นกัน พวกมันรอจนกระทั่งกมลกัลย์เดินออกมาส่งจีรณัทย์ที่ลานจอดรถและเธอขับรถออกไปแล้วจึงกรูกันออกมาทำร้ายเขา อีรีน่าออกมาช่วยทันที นิโคลัยพ่อของอีรีน่าเป็นอดีตสายลับเคจีบีเก่งเรื่องการต่อสู้ และสอนเธอให้รู้จักการต่อสู้ป้องกันตัวตั้งแต่เด็กและหมั่นฝึกฝนให้เสมอ อีรีน่าจึงเก่งทั้งเทควันโด ยูโด และยิงปืนแม่นอีกด้วย หญิงสาวไม่คิดว่าวิชาที่พ่อสอนไว้จะมีประโยชน์ที่เมืองไทย พวกนักเลงโดนซัดจนหนีกระเจิง กมลกัลย์จึงชวนอีรีน่าไปที่บ้าน ที่นั่นอีรีน่าได้พบกับ พลเอกกันต์ นายทหารนอกราชการ และคุณหญิงพรรณราย นิมิตภูวนาถ ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของกมลกัลย์ ท่านทั้งสองถูกชะตากับอีรีน่ามากให้เธอเรียกว่า คุณตาและคุณยาย การที่อีรีน่ามาสนิทสนมกับครอบครัวนิมิตภูวนาถทำให้คุณหญิงศรินทิพย์ยิ่งเกลียดอีรีน่ามากขึ้นไปอีก ส่วนอารดายังคงหาเรื่องแกล้งอีรีน่าทุกวันจนเธอเบื่อจึงแอบหนีไปบ้านนิมิตภูวนาถ อีรีน่ารักและผูกพันกับคุณตาและคุณยายบ้านนี้จริง ๆ อีรีน่าไม่เข้าใจว่าทำไมศรินทิพย์จึงเกลียดคนบ้านนี้ กันต์จึงเล่าให้ฟังว่าเมื่อหลายสิบปีก่อนเกิดความวุ่นวายทางการเมือง การชุมนุมประท้วงรัฐบาลของกลุ่มนักศึกษา พรรณวดี ซึ่งเป็นพี่สาวของกมลกัลย์อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย เมื่อทางการใช้กำลังสลายการชุมนุมทำให้พรรณวดีกับเพื่อนเตลิดหนีเข้าป่าเพื่อหนีข้ามไปลาว จิรายุซึ่งเป็นอาของ จีรณัทย์กับเจตริน และเป็นคนรักของพรรณวดีอาสาตามไปเพื่อพาตัวเธอกลับมา จิรายุตามจนทันพรรณวดีกับเพื่อนเขาไปขอปืนจากมือของพรรณวดีแต่เธอไม่ยอมให้ ทั้งคู่จึงแย่งปืนกันปืนลั่นโดนจิรายุบาดเจ็บสาหัสต้องเป็นเจ้าชายนิทราอยู่หลายปีจนเสียชีวิต ขณะที่พรรณวดีหนีหายสาบสูญไป เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้พ่อของจีรณัทย์เสียใจมากตรอมใจตายไปอีกคน คุณหญิงศรินทิพย์จึงโทษว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของพรรณวดี และคนในตระกูลนิมิตภูวนาถจึงตัดเป็นตัดตายไม่ยอมคบกันอีกทั้งที่สองครอบครัวนี้สนิทกันมานาน นอกจากนี้ยังทำให้จีรณัทย์ไม่ได้แต่งงานกับกมลกัลย์อีกด้วย อีรีน่าพลอยเศร้าใจไปด้วย แม้จะมีเรื่องยุ่ง ๆ ของคนรอบตัวแต่ก็ทำให้เจตรินกับอีรีน่าได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ความรู้สึกดี ๆ ระหว่างทั้งคู่จึงเกิดขึ้นได้ไม่ยากนักและผูกพันลึกซึ้งมากขึ้นทุกวันโดยไม่รู้ตัว ในห้วงเวลาเดียวกัน มิคาอิลตัดสินใจพานิโคลัยมาเมืองไทยเพื่อตามหาอีรีน่า พริมย้ำให้นิโคลัยช่วยอีรีน่าให้ได้ มิคาอิลทิ้งพริมไว้กับลูกน้องอีกสองคน นิโคลัยแอบช่วยวางแผนให้ พริมหนีออกมาจากบ้านมิคาอิลได้หลังจากที่เขาไปแล้ว พริมหนีไปทำงานอยู่กับ มาดามแคทเธอรีน ภรรยาทูตฝรั่งเศสในมอสโคว์ทำให้ลูกน้องมิคาอิลไม่กล้าตามมารังควาน ที่เมืองไทย อารดายังไม่ล้มเลิกแผนกำจัดอีรีน่า คราวนี้เธอชักนำ พงษ์ธร จิ้งจอกสังคมในคราบหนุ่มไฮโซเข้ามาในบ้านไอศูรย์ศรินทร์เพื่อมาจีบอีรีน่าและหาทางจัดการเธอเสีย ทว่าคนที่ตกเป็นเหยื่อเขาคือจิตรดารา ที่หลงรักพงษ์ธรจนยอมเป็นของเขาอย่างเต็มใจ อารดาฉวยโอกาสที่เจตรินเดินทางไปราชการต่างประเทศวางแผนกับพงษ์ธรชวนทุกคนที่ไอศูรย์ศรินทร์ไปพัทยา เจตรินกับจีรณัทย์ไม่ไว้ใจจึงขอร้องให้กมลกัลย์ตามไปช่วยดูอยู่ห่าง ๆ เพื่อป้องกันไว้ก่อน อีรีน่าค่อนข้างระวังตัวเธอจะอยู่กับจีรณัทย์เสมอจนพงษ์ธรไม่มีโอกาสทำร้ายเธอได้ วันหนึ่งพงษ์ธรกับอารดาหาทางแยกอีรีน่าจากจีรณัทย์ให้ไปเที่ยวกลางคืนกับตนจนได้ ทั้งคู่ตั้งใจจะมอมยาอีรีน่าแล้วพาไปบังกะโลให้พงษ์ธรปล้ำเพื่อทำให้เธอเสื่อมเสียเพื่อให้เจตรินรังเกียจจนต้องหย่ากัน ทว่าอีรีน่ารู้ทันจึงจัดการจนพงษ์ธรและอารดาซึ่งเมามากอยู่แล้วหมดสติไปโดยง่าย เธอแก้เผ็ดทั้งคู่ด้วยการจับทั้งสองคนเปลื้องผ้าขังไว้ในบังกะโลด้วยกัน อีรีน่าปล่อยยางรถขโมยกุญแจและเสื้อผ้าหนีออกมาจากที่นั่น เธอโชคดีที่พบกมลกัลย์ เขาจึงช่วยพาเธอกลับที่พัก ส่วนอารดาได้บทเรียนราคาแพงเมื่อต้องตกเป็นของพงษ์ธรอย่างไม่เต็มใจ เช้าวันรุ่งขึ้นทั้งสองคนต้องอับอายเมื่อซมซานมาถึงที่พักแล้วพบว่าเสื้อผ้าของทั้งคู่ถูกอีรีน่าแขวนเชือกตากเป็นทิวอยู่บนต้นไม้ อารดากับพงษ์ธรทั้งเจ็บและอายแต่ไม่กล้าบอกความจริงกับศรินทิพย์ ส่วนมิคาอิลให้ เขมชาติ เอเยนต์ค้ายาและผู้หญิงในเมืองไทยสืบหาเจตรินและอีรีน่าจนรู้ว่าอีรีน่าอยู่พัทยาจึงพาพวกตามมา เขมชาติมีลูกน้องคนสนิทชื่อ เอื้อ บังเอิญว่าเอื้อเป็นลูกชายของทหารคนสนิทของกมลกันต์ ดังนั้นเมื่อพงษ์ธรขายที่อยู่ของอีรีน่าให้เขมชาติและมิคาอิล กมลกันต์กับพ่อก็ได้พ่อของเอื้อช่วยเจรจาจนเอื้อกลับใจคอยช่วยอีรีน่าอีกแรง แล้ววันหนึ่ง มิคาอิลก็พาพวกมาจับตัวอีรีน่าไปจนได้ จีรณัทย์กับกมลกัลย์จนปัญญาที่จะช่วยเพราะพวกมันมีอาวุธกันทุกคน พวกมันพาอีรีน่าไปขังรวมกับนิโคลัยไว้ที่บังกะโลแห่งหนึ่ง เอื้อหาโอกาสโทรศัพท์บอกกมลกัลย์ให้ตามมาช่วย ในขณะที่นิโคลัยฮึดสู้เพื่อช่วยอีรีน่าเป็นครั้งสุดท้ายจนถูกยิงตาย แต่ก็เป็นโอกาสให้อีรีน่าแย่งปืนจากคนร้ายมายิงมิคาอิลกับคนสนิทตายหมด เขมชาติหนีไปได้หวุดหวิดเอื้อหนีตามไปด้วยเพื่อไม่ให้เขมชาติสงสัยก่อนจะแยกทางกัน ในวันเดียวกันเจตรินซึ่งเพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศรีบตามมาพัทยาทันทีที่รู้เรื่องเองจากจีรณัทย์ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นข่าวครึกโครมจนคุณหญิงศรินทิพย์หาเรื่องค่อนขอดอีรีน่าได้ทุกวัน โดยมีอารดาคอยช่วยทับถมอย่างไม่ยอมเสียโอกาส ดังนั้นเมื่อส่งศพนิโคลัยกลับไปทำพิธีที่มอสโคว์แล้ว จีรณัทย์สงสารอีรีน่า ไม่อยากให้ต้องกลุ้มใจกับแม่และอารดาอีก จึงปรึกษากับเจตรินให้อีรีน่าไปอยู่บ้านนิมิตภูวนาถ ซึ่งที่นั่นยินดีต้อนรับอย่างเต็มใจ เจตรินและจีรณัทย์จึงกลายเป็นแขกประจำของที่นั่นไปด้วยเพราะไปเยี่ยมอีรีน่า วันหนึ่งขณะที่ อีรีน่าช่วยกมลกันต์ทำสวน เธอมีโอกาสเห็นรูปของพรรณวดีในกระเป๋าเงินของกมลกันต์ อีรีน่าแปลกใจว่าพรรณวดีเหมือนกับแม่พริมของเธอเหลือเกิน กันต์จึงพาไปดูอัลบั้มรูปลูกสาวที่เก็บไว้ อีรีน่าดูอย่างพิจารณาและบอกว่าเหมือนแม่พริมมากจริง ๆ ส่วนเจตรินติดต่อยูริให้ช่วยตามหาพริมเพื่อพาเธอกลับเมืองไทยมาหาอีรีน่าตามสัญญา ยูริตามพบพริมจนได้ เขาขอรายละเอียดและหลักฐานของเธอเพื่อจัดการทำพาสปอร์ต พริมบอกชื่อจริงของเธอว่า พรรณวดี นิมิตภูวนาถ เอกสารต่าง ๆ ในการทำพาสปอร์ตให้ไปรับได้ที่บ้านพลเอกกันต์ เจตรินบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรเมื่อรู้ว่าแม่ของอีรีน่าคือ พรรณวดี เขาได้แต่หวังว่าการกลับมาของเธอและความจริงเรื่องจิรายุที่เธอจะพูดน่าจะทำให้แม่ของเขาเข้าใจและทำให้สองครอบครัวกลับมาสนิทสนมกันเหมือนเดิม เจตรินเล่าเรื่องนี้ให้กมลกัลย์และจีรณัทย์รู้ บังเอิญว่ากำหนดเดินทางกลับของพรรณวดีตรงกับวันคล้ายวันเกิดของกมลกันต์และพรรณรายพอดี ดังนั้นทั้งสามคนจึงวางแผนทำเซอร์ไพรส์ให้กันต์ พรรณราย และอีรีน่า ขณะที่เจตรินกับจีรณัทย์วุ่นวายเตรียมงานวันเกิด อารดาก็วุ่นวายวางแผนกับพงษ์ธรในการกำจัดอีรีน่าถึงขั้นจ้างมือปืนมา ฆ่าเธอ แล้วก็ถึงวันสำคัญ การกลับมาของพรรณวดี ทำให้กมลกันต์และพรรณรายรวมทั้งอีรีน่าดีใจ แต่ที่ดีที่สุดคือการที่พรรณวดีบอกว่าอีรีน่าเป็นลูกสาวเธอ ดังนั้นอีรีน่าจึงเป็นสายเลือดของ นิมิตภูวนาถ จริง ๆ การที่อีรีน่ามาอยู่กับตาและยาย เปิดโอกาสให้อารดาแอบวางยาเจตรินแล้วสร้างเรื่องว่าเขาข่มขืนเธอ อารดาร้องไห้ฟูมฟายกับศรินทิพย์จนศรินทิพย์บังคับให้เจตรินหย่ากับอีรีน่า เจตรินเสียใจในเรื่องที่เกิดขึ้นแต่เขาก็เพิ่งรู้ตัวว่ารักอีรีน่าเหลือเกินจนไม่อยากเสียเธอไป เหตุการณ์สับสนวุ่นวายเมื่อจิตรดาราท้องกับพงษ์ธร เธอตามไปเจรจาเรื่องการแต่งงานแต่กลับพบพงษ์ธรอยู่กับผู้หญิงอื่น พงษ์ธรไล่ให้จิตรดาราไปคอยในห้องแล้วเคลียคลอสวีทหวานลงลิฟต์ไปกับสาวคนใหม่ จิตรดาราหึงจนผลีผลามวิ่งตามลงบันไดเธอพลาดตกลงมาจนแท้ง จิตรดาราถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล ระหว่างที่พักฟื้น จิตรดาราได้สติจากความหลงผิด เธอตัดพงษ์ธรออกไปจากชีวิตและไม่ยอมเป็นเหยื่อเขาอีกแล้ว ตรงข้ามกับอารดาที่โดนพงษ์ธรขูดรีดทุกอย่างทั้งตัวและเงินและมากขึ้นทุกวัน จนเธอเริ่มทนไม่ไหว ที่ร้ายไปกว่านั้นคืออารดาเพิ่งรู้ตัวว่าท้องกับพงษ์ธร เธอไม่ยอมใช้ชีวิตอยู่กับคนเลวคนนี้แน่ แผนกำจัดอีรีน่าจึงถูกเร่งวันขึ้นมาอีก อีรีน่าถูกลอบยิงจนได้ในวันหนึ่งโชคดีที่เอื้อช่วยไว้ทัน มือปืนถูกยิงบาดเจ็บหนีไปได้แต่ก็ถูกพงษ์ธรยิงตายเพื่อปิดปาก อีรีน่าบาดเจ็บไม่มากที่แย่กว่าคือแผลทางใจ อารดาพาคุณหญิงศรินทิพย์มาโรงพยาบาลเพื่อกดดันให้อีรีน่ายอมหย่ากับเจตริน เมื่อศรินทิพย์พบกับพรรณวดีที่ตามมาเฝ้าลูก ความแค้นใจก็พลุ่งขึ้นมา เธอไม่ฟังอะไรทั้งสิ้นสั่งแต่ให้อีรีน่าหย่ากับเจตริน สถานการณ์กดดันบีบคั้นจนอีรีน่ายอมรับปากว่าจะหย่าทั้งที่เสียใจที่สุด ส่วนอารดาวางแผนกำจัดมารชีวิตคนสำคัญคือพงษ์ธร เธอจ้างเขมชาติยิงพงษ์ธรตาย เขมชาติชะล่าใจจึงโดนอารดายิงจนตกไปในน้ำและกระหน่ำยิงซ้ำจนแน่ใจ ข่าวการตายของพงษ์ธรสะใจเธอมาก แต่กลับไม่มีใครพบศพเขมชาติ อารดาเข้าข้างตัวเองว่าเขมชาติต้องตายแน่นอนในเมื่อเธอยิงจนกระสุนหมดขนาดนั้น กำหนดการแต่งงานระหว่างเจตรินและอารดามีขึ้นในเวลาไม่นาน หลังจากกำหนดวันนัดไปหย่าระหว่างเจตรินกับอีรีน่าเพียงวันเดียว อารดาตื่นเต้นวุ่นวายเรื่องเสื้อผ้าสถานที่จัดงานอยู่คนเดียว ขณะที่เจตรินเย็นชาและหมางเมิน เมื่อถึงวันหย่า กมลกัลย์โทรศัพท์มาบอกเจตรินว่าอีรีน่าหนีกลับมอสโคว์แล้ว เจตรินดีใจหาเหตุล้มเลิกงานแต่งงานแต่ศรินทิพย์ไม่ยอม เจตรินจึงบอกว่างานมีตามกำหนดแต่เขาจะไม่จดทะเบียนสมรสกับอารดา เพราะเป็นการจดทะเบียนซ้อน อารดาได้แต่แค้นใจที่อีรีน่าหนีไปมอสโคว์ เย็นวันต่อมา เป็นกำหนดการแต่งงานระหว่างเจตรินกับอารดา ก่อนเดินทางไปที่งาน เจ้าสาวในชุดแต่งงานหรูหราราคาแพงต้องตกใจเมื่อตำรวจมาขอจับกุมตัวในคดีจ้างวานฆ่าพงษ์ธรและพยายามฆ่าเขมชาติ อารดาปฏิเสธเสียงแข็งแต่แล้วก็พูดไม่ออกเมื่อเขมชาติที่ยังบาดเจ็บอยู่ก้าวลงมาจากรถตำรวจ เขารอดตายและไม่ยอมหนี กลับเข้ามอบตัวเพื่อให้ตำรวจจับอารดาดำเนินคดี เขาไม่ยอมเจ็บและโง่อย่างพงษ์ธรเด็ดขาด อารดาฉวยโอกาสวิ่งหนีไปขึ้นรถของเธอที่จอดอยู่หน้าตึกและขับหนีไปอย่างรวดเร็ว ตำรวจรีบขับรถตามไป อารดาหนีไม่รอด เธอขับรถประสานงากับรถบรรทุกเสียชีวิตทันที คุณหญิงศรินทิพย์ได้รู้ความจริงเรื่องอารดาว่าร้ายขนาดไหน เธอเสียใจที่มองคนผิดไป เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ศรินทิพย์เลิกอาฆาตพรรณวดีและให้อภัยทุกอย่างและสั่งให้เจตรินไปตามอีรีน่ากลับมา ด้วยความช่วยเหลือของยูริเจตรินจึงตามมาพบอีรีน่าที่จัตุรัสกลางกรุงมอสโคว์ เขากอดเธอไว้แน่นอย่างดีใจ ขณะที่อีรีน่ายังมีอาการงอนและน้อยใจตัดพ้อเขาหลายคำ แต่เมื่อเจตรินกระซิบบอกว่าเขารักเธอ อีรีน่าก็อารมณ์ดีขึ้น เธอกระซิบบอกเขาเสียงหวานว่าเธอก็รักเขาเช่นกัน ยูริหอบชุดแต่งงานมาให้อีรีน่าสวมอีกครั้งเพื่อถ่ายรูปที่จัตุรัสร่วมกับบ่าวสาวอีกหลายคู่อย่างมีความสุข