วุ่นวายสบายดี 2555

วุ่นวายสบายดี (2555/2012) เป็นเรื่องรวาวของนายสัตวแพทย์หนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งดูเป็นคนที่เข้มแข็ง แข็งแรง แต่ก็หนีจากเรื่องวุ่นวายทั้งภายนอกและภายในไม่พ้น โดยบรรดาสัตว์น้องใหญ่ได้เป้นตัวกระตุ้นให้เกิดความวุ่นวาย และทำให้ความวุ่นวายเหล่านั้นขยายวงกว้างออกไป และก็เป็นบรรดาพวกสัตว์อีกเช่นกันที่ทำให้เรื่องต่างๆ คลี่คลายลงไป

พรายปรารถนา 2547

พรายปรารถนา (2547/2004) กิรณา สาวโฆษณาฝันเห็นเรื่องราวแปลกๆ หลังจากย้ายเข้ามาอยู่ในอพาร์ตเม้นท์ใหม่ไม่นาน ต่อมาเธอก็สืบพบความจริงว่าห้องที่อยู่เช่าอยู่นี้เคยมีผู้หญิงโดนฆ่าตายปริศนา!! แค่นั้นยังไม่พอกิรณา นางเอกของเรื่องยังไปรับปากช่วยตามหาฆาตกร รวมทั้งพาอดีตสามีของจุลจันทร์ ผีสาว กลับมาที่ห้องให้ได้ เรื่องราวความรักแกมขนลุกชวนติดตามจึงเริ่มขึ้น มาช่วยกันลุ้นว่าใครเป็นฆาตกรตัวจริงและเงื่อนปมจะคลี่คลายอย่างไร!

สายโลหิต 2546

สายโลหิต (2546/2003) ปลายกรุงศรีอยูธยา ก่อนเสียกรุงแก่พม่าข้าศึกเรื่องนี้ เกิดขึ้นเพราะเหตุการณ์ไม่เตรียมพร้อมและประมาทของพลเมือง ความขัดแย้งสืบเนื่องจากความไม่สามัคคี การทำลาย ฆ่าฟันกันเอง อันเป็นผลให้คนดีมีฝีมือลดน้อยลงเป็นสาเหตุสำคัญที่อาจเป็น อุทาหรณ์สอนใจ ไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกครั้ง แม้ว่าจะต่างวาระกันก็ตาม

นิราศสองภพ 2545

เรื่องย่อ : นิราศสองภพ (2545/2002) ปารีส 2543 บัวบุษยาผู้เชี่ยวชาญทางประวัติศาตร์สมัยกรุงศรีอยุธยาเธอมาปารีสเพื่อค้นหา หลักฐานประวัติศาตร์ไทย กับบาทหลวงชาวฝรั่งเศสที่บันทึกไว้ กรุงเทพ มหานคร 2543 ทุติยะ ,เอมิล, พอล 3 นักธุรกิจชาวต่างชาติได้สร้าง โรงงานอุตสาหกรรมในกรุงเทพ ขณะที่ทั้งสามล่องเรือยอร์ชชมแม่น้ำเจ้าพระยา ใก้ลกับวัดอรุณพวกเขาก็ได้แล่นเรือผ่านเข้าไปในเขตเหลื่อมเวลา และได้พบกับ ขบวนเรือรบ200-300 ลำ มุ่งหน้าไปยังป้อมวิไชยประสิทธิ์ พวกเขาได้เห็นภาพ การสู้รบระหว่างทหารบนป้อมและทหารในเรือ และในขณะล่องเรือผ่านเขา ได้เห็น ชายประหลาดมีผ้าแพรผืนใหญ่พาดบ่ามีอาการโศกเศร้า แต่เมื่อเรือ ยอร์ชพวกเขาหลุดพ้นจากห้วงเวลา ทั้งสามก็พบผ้าผืนนั้นลอยมาติดเรือยอร์ช ซึ่งเป็นหลักฐานว่าพวกเขาไม่ได้เมาหรือฝัน ปารีส 2543 บัวบุษยาติดตามข่าวเมืองไทยทางอินเตอร์เน็ตและหนังสือพิมพ์ พบข่าวแปลกๆของชาวต่างชาติ ทั้งสามเธอจึงรีบลาออกจากงานแล้วกลับเมืองไทย

ปลายเทียน 2545

เรื่องย่อ : ปลายเทียน (2545/2002) วงศ์เมือง นักเขียนใหญ่ได้สมุดข่อยฉบับเชลยศักดิ์เล่มหนึ่ง…ที่มีวรรณคดีเรื่อง “ขุนช้างขุนแผน” มาโดยบังเอิญ โดยไม่รู้ว่าสมุดข่อยเล่มนั้นเป็นประตูผ่านไปสู่อีกมิติหนึ่งได้วงศ์เมือง พลัดหลงเข้าไปอยู่ในสมุดข่อยเล่มนั้น และได้ พบกับเจ้าสร้อยสุมาลี น้องสาวเจ้าสร้อยฟ้า ธิดาแห่งเมืองเชียงใหม่ ซึ่งกำลังถูกส่งไปถวายตัวแก่พระพันวษาที่อยุธยา พร้อมด้วย แสนตรีเพชรกล้า นายทหารบุตรชายแม่ทัพใหญ่แห่งเมืองเชียงใหม่ ซึ่งทำหน้าที่อารักขาเจ้าสร้อยสุมาลี พร้อมด้วยนางหล้า นางลูน พี่เลี้ยง กำลังหอบหนีจากขบวนที่จะไปอยุธยา วงศ์เมือง จึงชักชวนคนทั้งสี่ให้หนีออกจากสมุดข่อยมาพักที่บ้านของตนซึ่งอยู่ห่างไกล ผู้คน วงศ์เมืองได้เล่าเรื่องดัง กล่าวให้วัจน์ น้องชายนักธุรกิจของเขาฟัง แต่วัจน์ไม่เชื่อ คิดว่าพี่ชายของตนเก็บตัวเขียนหนังสืออยู่คนเดียวในบ้าน ป่าจนเพี้ยนไปแล้ว จึงวางแผนกับคณา เลขาฯ คนสนิทของเขาหลอกพาวงศ์เมืองเข้ามารักษาตัวโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ เรวิทย์ลูกชายคนเดียวของวัจน์ที่เกิดกับรุจิยา ซึ่งได้หย่าขาดกันนานแล้ว ไปเยี่ยมวงศ์เมืองที่โรงพยาบาลและ ได้รับฟังเรื่องราวของเจ้าสร้อยสุมาลีและพวกจากลุงของเขา แต่เรวิทย์ไม่เชื่อ เกาลัด เพื่อนสาวคนสนิทของเรวิทย์กับคณา ได้กลับไปที่บ้านไร่ของวงศ์เมือง เก็บของใช้ส่วนตัวมาให้ทั้งสองจึงได้ พบว่าเรื่องที่วงศ์เมืองเล่านั้นเป็นความจริงทุก อย่าง แต่เกาลัดถูกเพชรกล้าจับตัวขังเอาไว้ในบ้าน ในขณะที่คณาหนีออก มาได้เพียง คนเดียว คณารีบแจ้งเรื่องทั้งหมดให้เรวิทย์ฟัง เรวิทย์จึงรีบไปที่บ้านไร่และช่วย เหลือเกาลัดออกมาได้ แต่ขณะเดียว กันเรวิทย์ก็ตกหลุมรักเจ้าสร้อยสุมาลีในทันทีที่ เห็น เรวิทย์และเกาลัดขอให้เจ้าสร้อยไปปรากฎตัวที่ โรงพยาบาล เพื่อช่วยยืนยันว่า วงศ์เมืองไม่ได้บ้า เจ้าสร้อยก็ตกลง โดยมีเพชรกล้าตามเข้ากรุงเทพฯ มาด้วยก่อน ถึงโรงพยาบาล คณะของเรวิทย์ก็ได้พบกับแม็คเพื่อนเรียนจอมอันธพาลเข้า แม็คสะ ดุดตาในความสวยของเจ้าสร้อยมาก จึงพยา ยามติดตามเจ้าสร้อยตลอดเวลา ไม่ยอม เลิก แม้จะถูกเพชรกล้าสั่งสอนไปบ้างก็ไม่เข็ดหลาบ ที่โรงพยาบาล หมอไม่ยอมเชื่อว่าเจ้าสร้อยและพวกเป็นคนจากในวรรณคดี เมื่อทำอะไรไม่ได้ เรวิทย์จึงต้องพา เจ้าสร้อยและพวกไปพักที่บ้านรุจิยาแม่ของตน ที่บ้านเรวิทย์ได้ไกลชิดเจ้าสร้อยมากขึ้น ในขณะเดียวกันเกาลัดกับ เพชรกล้าก็เป็นปากเสียงกันมากขึ้นเช่นกันวัจน์ตามมาด่าเรวิทย์และเกาลัดถึง ที่บ้านรุจิยา หาว่าเอาเพื่อนที่แต่งชุด ละครไปหลอกหมอ แต่วัจน์ก็ถูกรุจิยาไล่ออกจากบ้านไป เมื่อไม่มีใครเชื่อว่าเรื่อง ทั้งหมดเป็นความจริง และ วงศ์เมืองไม่ได้เป็นบ้า เรวิทย์กับเกาลัดช่วยกันวางแผนพาวงศ์เมืองหนีออกจากโรงพยาบาล แม้จะพบอุปสรรคจากนาย แม็คบ้างแต่ในที่สุดวงศ์เมืองก็หนีออกมาจากโรงพยาบาลได้สำเร็จเรวิทย์พาทุก คน ( เกาลัด วงศ์เมือง คณา เจ้าสร้อย สุมาลี เพชรกล้า นางหล้า นางลูน ) ไปหลบอยู่ที่บ้านเช่าหัวหิน และระหว่างที่อยู่หัวหินนี้เอง เพชรกล้ากับเกาลัดก็มีปาก เสียงกันมากขึ้น แต่แท้จริงเพชรกล้าก็เริ่มมีใจชอบเกาลัดขึ้นมาบ้างแล้ว จึงหาเรื่องถูกเนื้อต้องตัวแต่เกาลัดก็โวยวาย ว่าถูกเพชรกล้าลวนลาม จนเพชรกล้าถูกเจ้าสร้อยสุมาลีตำหนิอย่างรุนแรง เกาลัดพาเจ้าสร้อย สุมาลีลงเล่นน้ำทะเล แล้วถูกโหงพรายฉุดตัวลงไปในน้ำเรวิทย์และเพชรกล้าเข้าช่วยไว้ ได้ทัน แต่โหงพรายก็หนีรอดไปได้ ต่อมาโหงพรายปลอมตัวเป็นเรวิทย์มาหลอกเกาลัดให้เดินลงจากเรือนไปหาเพื่อจับ แรก กับเจ้าสร้อย แต่โชคดีที่เพชรกล้าเข้ามาช่วยไว้ได้อีกครั้ง แต่ทุกคนก็วิตกอย่างใหญ่หลวง เพราะ การปรากฎตัวของ โหงพรายนั้นย่อมแสดงว่าขุนแผนก็สามารถตามหาเจ้าสร้อยสุมาลี เพื่อนำตัวกลับไปส่งให้ถึงมือพระพันวษาให้จงได้ และขุนแผนก็สามารถ ตามรอยคนทั้งหมดพบแล้ว สร้อยสุมาลีจึงขอให้เพชรกล้าไปตามตัวเถรขวาด ซึ่งเป็นอาจารย์ ของเพชรกล้ามาช่วยเหลืออีกแรงระหว่างที่เพชรกล้าได้ตามตัวเถรขวาด วงศ์เมืองได้พบกับขุนแผนเข้า และรู้ว่าขุน แผนไม่สามารถทำอันตรายคนในภาพปกติได้ จะทำได้ก็เฉพาะคนที่อยู่ในวรรณคดีเดียวกันเท่านั้น เกาลัดจึงเสนอ ให้พาเจ้าสร้อยและพี่เลี้ยงไปซ่อนไว้ที่อื่น แล้วปล่อยให้เพชรกล้ากับเถรขวาดรับมือขุนแผนที่บ้านเช่านี้ตามลำพังทุก คนเห็นดีด้วย เกาลัดพาเจ้าสร้อยสุมาลี นางหล้า นางลูน ไปเปิดห้องที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่งพัก แต่ถูกนายแม็คตามมา รังควานและจับตัวเอาไว้ อีกทั้งยังส่งข่าวบอกวัจน์เสียด้วยว่าเกาลัดและพวกแอบมาที่โรงแรมนี้ วัจน์รีบตามมาที่โรง แรม เกาลัดโทรบอกข่าวเรวิทย์ เรวิทย์ เพชรกล้า และเถรขวาด ซึ่งตามมาช่วยเกาลัด เจ้าสร้อยสุมาลี นางหล้า นางลูน ที่โรงแรม แล้วเถรขวาดก็ สาปให้วัจน์กับลูกน้องมีอาการเหมือนหมาต้องกิน แต่น้ำข้าวไป 3 วัน เรวิทย์จึงรีบพารุจิยาไปช่วยดูแลพยาบาลวัจน์ที่ บ้านของวัจน์ และให้วงศ์เมืองตาม ไปอยู่ที่บ้านวัจน์ด้วยอีกคนเพื่อคอยดูลาดเลา ส่วนเกาลัดพาเจ้า สร้อยสุมาลีและนาง พี่ เลี้ยงทั้งสองกลับไปพักที่บ้านของเธอ ซึ่งไม่มีใครอยู่แล้ว เพราะ อพยพไปอยู่ที่อื่นกันหมด เนื่องจากบ้านกำลังจะถูก ธนาคารยึดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า นี้แล้ว ส่วนเถรขวาดกับเพชรกล้า กลับไปที่บ้านไร่ของวงศ์เมือง เพื่อเตรียมรับมือกับ ขุน แผน แต่เถรขวาดก็เสกน้ำเสี่ยงทาย แล้วรู้ว่าศึกกับขุนแผนครั้งนี้ เพชรกล้าจะ ต้องตาย เถรขวาดจึงคิดให้เพชรกล้าได้สมรักกับเกาลัด จึงเสกหุ่นรูปชายหญิงคู่แล้วให้เพชรกล้า เอาไปไว้ใต้หมอนเกาลัด เมื่อเกาลัดนอนบนหมอนก็จะเกิดอารมณ์รัก กับเพชรกล้า และ จะยอมโอนอ่อนต่อเพชรกล้าโดยดี เผอิญเกาลัดเปลี่ยนใจยกห้อง นอนของตนให้เจ้า สร้อยสุมาลีและนางพี่เลี้ยงทั้งสองอยู่ แทน คืนนั้นเมื่อเพชรกล้าปีน ห้องหวังเข้าหาเกาลัด จึงกลับไปได้เสียกับเจ้าสร้อยสุมาลีแทนที่บ้านวัจน์ วงศ์เมืองพยายามไม่ให้หลับเพราะเกรงว่าขุนแผนจะใช้ช่องทางความฝันของเขาออกมาสู่ โลกภายนอกได้แต่เพราะ ความอ่อนหล้ามาหลายวันวงศ์เมืองจึงเผลอหลับไปซึ่งทำให้ขุนแผนปรากฎตัวขึ้นมา ได้อีกครั้ง ขุนแผนช่วยถอนคำสาป ของเถรขวาดทำให้วัจน์กลับคืนสู่อาการปกติ และได้ต่อรองกับวัจน์ว่า ถ้าวัจน์ช่วยเหลือเขาให้ได้ตัวเจ้าสร้อยกับไปขุน แผนก็จะไม่ทำอันตรายใคร วัจน์ตกลงเมื่อเจ้าสร้อยรู้ตัวว่าเสียท่าให้กับเพชรกล้า ก็คิดจะฆ่าตัวตาย แต่เมื่อไม่ทำได้ ในที่สุดเจ้าสร้อยสุมาลีก็สารภาพกับเรวิทย์ว่าตน ไม่ใช่หญิงพรหมจรรย์อีกต่อไปแล้ว แต่เรวิทย์กลับบอกว่าไม่เป็น ปัญหา สำหรับเขาที่จะรักเจ้าสร้อย ให้เจ้าสร้อยซาบซึ้งมาก เรวิทย์พาเจ้าสร้อยและ พี่เลี้ยงทั้งสอง กลับไปอยู่บ้านรุจิยา โดยเถรขวาดร่ายมนต์ทำให้ไม่มีใครเห็นคนทั้งสามเพื่อเป็นการป้องกันอันตราย จากขุนแผน ฝ่ายรุจิยา เห็นวัจน์ อาการดีขึ้นจึงกลับบ้านตัวเอง พบว่าในบ้านมีสิ่งผิดปกติหลายอย่างเกิดขึ้น รวมทั้งคนในบ้านเริ่มพูดว่า…มีผีในบ้าน แต่รุจิยาไม่เชื่อ เรวิทย์ กลับไปที่บ้านวัจน์ รู้ว่าวัจน์วางแผนบางอย่างกับขุนแผนเตรียมจะโวยวาย ขุน แผนจึงจับเรวิทย์ขังคุกเวทย์ มนต์มืดมองอะไรไม่เห็น วัจน์ตกใจมาก รีบไปตามวงศ์ เมืองมาช่วย วงศ์เมืองบอกเถรขวาดและเพชรกล้า เพชรกล้า ตามมาช่วยเรวิทย์ออกจาก คุกมืดได้ แต่ได้ต่อสู้กับขุนแผนจนตัวตายในที่สด ส่วนเถรขวาดหนีกลับเข้าสมุดข่อยหาย ไป เจ้าสร้อยสุมาลีรู้ว่าเพชรกล้าถูกขุนแผนฆ่าตาย ก็เสียใจมาก บอกกับทุกคนว่าเรื่องทั้ง หมดเกิดขึ้นเพราะเธอเพียง คนเดียว เพราะฉะนั้นเธอขอเป็นคนแก้ไขทุกคนพาเจ้า สร้อยและพี่เลี้ยงทั้งสองกลับไปที่บ้านไร่ของวงศ์เมือง เจ้าสร้อยได้บอกว่าถ้ากลับไปกับขุน แผนคงไม่แคล้วถูกพระพันวษาวงทัณฑ์สั่งประหารอย่างแน่นอน สู้ตายด้วยน้ำมือตัวเองดี กว่า และโดยไม่ทันได้มีใครคาดคิด เจ้า สร้อยก็ได้เอาไฟจากปลายเทียนจ่อเข้ากับสมุดข่อยฉบับเชลยศักดิ์เล่มนั้น ทำให้เจ้าสร้อย เพชรกล้า นางหล้า นางลูน เลือนหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน โดยเฉพาะเรวิทย์ถึงกับตะลึง เมื่อคนจากในวรรณคดีทั้งสี่ได้จากไปแล้ว ทุก อย่างก็เริ่มกลับคืนเข้าสู่ภาวะปกติแต่เรวิทย์และเกาลัดก็ยังอดคิดถึงคนทั้ง สี่ที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุข ร่วมผจญภัยกันมา ในช่วงเวลาหนึ่งเสียมิได้ ทำให้ทั้งสองหันหน้าเข้าคุยกันอยู่บ่อย ๆ ทำให้เกาลัดและเรวิทย์เริ่มรู้ใจตัวเองว่าแท้จริงแล้ว ทั้งคู่ต่างก็มีใจให้กันมานานแต่ไม่รู้ตัว จึงคิดจะเริ่มต้นความสัมพันธ์กันใหม่ในฐานะคนรู้ใจกันโดยที่ทั้งสองไม่รู้ เลย ในเวลาเดียวกันนั้นเอง วงศ์เมือง ก็กำลังจะได้เริ่มต้นการผจญภัยครั้งใหม่ของเขาเช่นกัน หลังจากที่ไปได้สมุด ไทยโบราณเรื่องนิราศอยุธยา ของสุนทรภู่มาโดยบังเอิญอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งยังไม่เคยมีใครได้อ่านมาก่อนเลย และวงศ์ เมือง รู้ว่าสมุดไทยโบราณเล่มนี้ก็เป็นประตูผ่านมิติเวลาไปสู่ ความมหัศจรรย์ได้เหมือนอย่างสมุดข่อยเล่มที่เจ้าสร้อย สุมาลีได้เผาไปแล้วนั่นเอง…

เจ้ากรรมนายเวร 2543

เรื่องย่อ : เจ้ากรรมนายเวร (2543/2000) ชาตบดินทร์ (รวิชญ์ เทิดวงส์) จิตแพทย์หนุ่ม และนภีสี (รัชนก พูลผลิน) คู่หมั้นสาว มาร่วมงานที่ลพบุรี ชาตบดินทร์ได้รับเหรียญโบราณอันหนึ่งโดยบังเอิญ ชีวิตของเขาก็เริ่มพบกับความเปลี่ยนแปลง สหัสชาติ (โจโจ้ ไมอ๊อกซี่) นักแสดงชื่อดังเข้ามาขอรับการรักษากับชาตบดินทร์ เพราะเขาอินกับบทบาทการแสดงจนไม่เป็นอันกินอันนอน เมื่อเข้ารับการสะกดจิต สหัสชาติเห็นเหตุการณ์ในสมัยบางระจัน ทำให้ชาตบดินทร์เริ่มสนใจการระลึกชาติอย่างจริงจัง หลังจากนั้นไม่นาน ชาตบดินทร์ได้พบกับสมภพ (สันติสุข พรหมศิริ) นักธุรกิจใหญ่ที่มีอาการกลัวแมลง เนื่องจากฝังใจวัยเด็ก การรักษาทำให้สมภพเห็นอดีตชาติของตนเองเป็นเจ้าพระยา สมัยรัชกาลที่ 5 ชาตบดินทร์เริ่มเชื่อเรื่องการระลึกชาติมากขึ้น จุติพร (ลลิตา ปัญโญภาส) เด็กที่ชาตบดินทร์เก็บมาเลี้ยง เธอหูหนวก เป็นใบ้ แต่มีสัมผัสที่ 6 จุติพรเริ่มสัมผัสกับวิญญาณเด็กฝรั่งที่ปรากฎตัวในบ้านต่อมาไม่นาน ชาตบดินทร์ก็ได้พบกับ จ่าสนธิ (โน้ต เชิญยิ้ม) เกิด (น้อย โพธิ์งาม) รำลึก (พิเชษฐ์ชัย ผลดี) และสัตตบงกต (อริสรา กำธรเจริญ) ทั้งหกคนฝันเห็นประตูประหลาดเหมือนกัน จึงตัดสินใจเข้ารับการรักษาโดยสะกดจิต ทั้งหกถูกสะกดจิตให้ระลึกชาติ เพื่อไขความลับของประตูบานนั้นแต่ภาพที่เห็นกลับเป็นการกระทำเลวร้ายในชาติ ก่อนของตัวเอง สหัสชาติได้รับรู้ว่าตัวเองเคยเป็นนายทองสุกทหารบางระจัน ที่ทรยศหักหลังเพื่อน จนเพื่อนต้องพบกับความตาย สมภพ เคยเป็น พระยาบำรุงราษฎร์ ที่ชอบทรมานทาสด้วยความเหี้ยมโหด จ่าสนธิเคยเป็นตาบัว หัวหน้าแก๊งมิจฉาชีพ ใช้เด็กเป็นเครื่องมือทำมาหากินให้ไปขโมยของจากทหารญี่ปุ่น เมื่อถูกจับได้ก็หนีเอาตัวรอด ปล่อยให้เด็ก ๆ รับเคราะห์เอง รำลึกเคยเป็นร้อยตรีหลวงกำราบไมตรี นายทหารที่ชอบการล่าสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ เห็นชีวิตสัตว์เป็นเกมกีฬา นางเกิดเคยเป็นแม่ชีนกเล็ก ชอบหลอกเอาเงินบริจาค ไปบำรุงความสุขของตนเองกับชายชู้ขโมยตัดเศียรพระไปขาย และถึงขั้นฆ่าเจ้าอาวาส ส่วนสัตตบงกต เคยเกิดเป็นปานเทวี ลูกสาวคหบดีร่ำรวย เป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง อยากได้ทรัพย์สมบัติจนวางยาพิษพ่อแม่ตัวเอง ชาตบดินทร์เริ่มวิตกกังวลกับเรื่องร้าย ๆ ที่เกิดขึ้นกับคนทั้งหก จึงนำเรื่องราวไปปรึกษากับหลวงพ่อที่วัดแห่งหนึ่ง หลวงพ่อบอกว่าการที่คนทั้งหกระลึกชาติได้นั้น ไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่เป็นเพราะคนทั้งหกเคยเป็นเจ้ากรรมนายเวรของชาตบดินทร์ ที่ชาติก่อนเคยเกิดด้วยกัน และวิญญาณในเหรียญก็ได้ชักนำให้คนทั้งหกมาพบกับชาตบดินทร์ เพื่อที่ชาตบดินทร์จะได้ชดใช้กรรมที่เคยทำไว้กับพวกเขา แต่เจ้ากรรมนายเวรไม่ได้มีแค่หกคน ที่จริงแล้วมีเจ็ดคน ชาตบดินทร์ค้นพบว่าเจ้ากรรมนายเวร คนที่เจ็ดของเขาก็คือจุติพร เด็กในบ้านของเขานั่นเอง จุติพรเคยเกิดเป็นรัญจวน หญิงสาวหัวสมัยใหม่ มั่นใจตัวเองสูง ชอบคบชู้สู่ชาย จนทำให้เพื่อนรักที่เธอแย่งสามีมา ฆ่าตัวตาย แล้วยังมีชายหนุ่มที่ฆ่าตัวตายเพราะไม่สมหวังในความรักกับเธอ ในที่สุด ชาตบดินทร์ก็ได้รู้ว่า อดีตชาติของเขาเองนั้น เคยเป็นยานแฟน ฟอสเซแมร์ ล่ามชาววิลันดาในสมัยลพบุรี ที่ลักลอบมีสัมพันธ์กับท้าวทรงวาด ว่าที่ภรรยาของพระยาสุรเดโช ซึ่งก็คือ จุติพรนั่นเอง เมื่อพระยาสุรเดโชรู้ความ จึงคิดฆ่าท้าวทรงวาดไปพร้อมกับพิธีตอกเสาเข็มประตูชัย ที่มีการเลือกชาวบ้านหกคน คือ อิน จัน มั่น คง อยู่ ดี มาสังเวยชีวิตเป็นวิญญาณปกปักพิทักษ์เสาประตูเมือง โดยไม่มีใครรู้ว่าจุติพรก็ถูกผลักลงไปในหลุมเสาประตูด้วย และคนที่ตัดเชือกตอกเสาเข็มก็คือนายยานนั่นเอง เมื่อชาตบดินทร์รับรู้ว่าตนเองได้ก่อกรรมไว้กับคนทั้งเจ็ด และจึงต้องการที่จะชดใช้ให้ ชาตบดินทร์จึงต้องตามช่วยเจ้ากรรมนายเวรทั้งเจ็ดคนจากกรรมแต่ไม่สามารถช่วย ได้ เขาก็ต้องไปชดใช้กรรมที่เขาก่อขึ้น ชาตบดินทร์ และ จุติพร มาเจอกันอีกครั้ง ในชาติต่อมา ทั้งคู่จำกันได้ และตั้งใจจะทำความดีให้มากทีสุด

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ