ความทรงจำสีจาง 2563

ความทรงจำสีจาง (2563/2020) ปรวีร์ หรือ แป้ง ยูทูปเบอร์หน้าใหม่ไฟแรง ที่กำลังมีคนให้ความสนใจ เพราะนอกจากแป้งจะเรียนจบฟู้ดส์ไซน์มาโดยตรงแล้ว แป้งก็ยังชื่นชอบการทำอาหาร และมีสไตล์การทำอาหารที่น่าสนใจเป็นของตัวเอง นั่นเป็นเพราะแป้งอยากให้ “พี่ป้อง” พี่ชายคนเดียวของเธอที่หายไป พี่ชายที่เธอเฝ้ารอคอยให้กลับมา แต่ก็ไม่มีวี่แววว่า พี่ป้องจะกลับมา!! แป้งเริ่มเข้าทำงานตามสาขาวิชาที่เรียนมากับบริษัท “เฉลิมภิภัทรฟู้ดแลนด์” ตามคำแนะนำของ “ชมชนก” เพื่อนสนิท ความตั้งใจและสดใสเป็นกันเองของแป้งทำให้ “ภููวดล เฉลิมภิภัทร” รู้สึกพิเศษและคุ้นเคยกับแป้งอย่างรวดเร็ว แม้ว่าภูวดลจะมีคู่หมายอย่าง “สริตา” อยู่แล้วก็ตาม แต่ภูวดลกลับไม่เคยรู้สึกกับสริตามากไปกว่า น้องสาวคนหนึ่ง แต่กับแป้งนั้นภูวดลรู้สึกผูกพันอย่างประหลาด เช่นเดียวกับแป้งที่รู้สึกอบอุ่นเวลาได้อยู่ใกล้กับภูวดล เพราะภูวดลมีบางอย่างคล้ายกับ “พี่ป้อง” ของเธอ แต่ภูวดลก็ไม่ใช่พี่ป้องของเธออยู่ดี!! ภูวดลและแป้งจึงเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์จนกลายเป็นความรัก แม้จะมีอุปสรรคอยู่รอบตัว แต่ทั้งคู่ก็พร้อมจะจับมือฟันฝ่าไปด้วยกันเสมอ แต่ในที่สุดด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ทั้งคู่ต้องตัดสินใจยุติความรักครั้งนี้ให้เร็วที่สุด ภูวดลและแป้งจำต้องก้มหน้ายอมรับความจริงอันแสนเจ็บปวดนั้นให้ได้ เพราะไม่ว่าทั้งคู่จะรักกันมากเพียงไร แต่กลับไม่สามารถรักกันได้อย่างที่ใจต้องการ ความรักที่เคยแจ่มชัดในความรู้สึก จำต้องเก็บไว้ในส่วนลึกของความทรงจำสีจาง ๆ เพียงเท่านั้น!!! ติดตามชมเรื่องราวความรักอันงดงาม แต่ก็เจ็บปวด ใน “ความทรงจำสีจาง”

บัลลังก์ดอกไม้ 2560

บัลลังก์ดอกไม้ (2560/2017) พูดชมพู ฤาชุดา หรือ พุด เจ้าของไร่ดอกเล็ก ๆ นาม อุ่นรัก ต้องเข้าไปมีเอี่ยวกับตระกูลธุรกิจพันล้านอย่างสัตยารักษ์โดยไม่ตั้งใจ เมื่อ ปู่เล็ก ผู้มีพระคุณผู้ล่วงลับ ขอร้องให้เธอช่วยดัดนิสัย อนาวินทร์ หรือ วิน สัตยารักษ์ หลานชายคนเดียวของเขา ผู้ขึ้นชื่อเรื่องความเอาแต่ใจ และร้ายกาจ ให้พร้อมที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำของตระกูล โดยกำหนดให้สาวห้าวชาวไร่อย่างพุดชมพู มาร่วมบริหารบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างสัตยาอสังหา และส่งคุณชายเทวดาอย่างอนาวินทร์ ไปทำงานที่ไร่อุ่นรักเป็นเวลาหนึ่งปีเพื่อแลกกับสิทธิในการรับมรดกเงื่อนไขพินัยกรรมประหลาดนี้ สร้างความไม่พอใจให้อนาวินทร์ ผู้มีปมฝังใจว่าปู่ไม่รัก และทิพนาถ แม่เลี้ยงที่เอาแต่เสวยสุขบนกองเงินของสัตยารักษ์อย่างมาก ทั้งคู่มองว่าพุดชมพูเป็นศัตรูตัวร้ายที่จะมาแย่งสมบัติของตระกูลไป เพียงแค่วันแรกที่พุดชมพูเข้ามาอยู่ในบ้านสัตยารักษ์ เธอก็เปิดศึกกับอนาวินทร์ที่โต๊ะอาหารจนบ้านแทบแตก เล่นเอาบรรดาคนรับใช้ที่ไม่เคยเห็นใครกล้าขัดใจคุณชายของบ้านต่างตกตะลึงไปตาม ๆ กัน ยังดีที่พุดชมพูมีทนายหนุ่มประจำตระกูลสัตยารักษ์อย่าง ทรงรบ คอยช่วยดูแล และเบรกเหตุการณ์ไว้ ฝ่ายอนาวินทร์ก็มี การันต์ ลูกกำพร้าที่ปู่เล็กเก็บมาเลี้ยงให้เป็นเพื่อนหลานชาย คอยเป็นเพื่อนคู่คิด และรองรับความโกรธ ขณะที่ทิพนาถก็มี ชวกร หนุ่มคู่ขารุ่นลูกคอยพาไปแก้เซ็งที่บ่อนไฮโซ ซึ่งกลับยิ่งทำให้เธอเครียดหนักเพราะเสียเงินก้อนโต จนต้องหาทางออกโดยการให้ชวกรแอบใช้ตำแหน่งฝ่ายบัญชีของสัตยาอสังหา ซึ่งได้มาด้วยบารมีของทิพนาถ แอบยักยอกเงินออกจากบริษัท

เมื่อเห็นท่าว่าจะต้องรับศึกหนัก พุดชมพูจึงขอร้องให้ ช่อม่วง เพื่อนซี้สาวนักบัญชีมาทำงานเป็นเลขาของเธอที่สัตยาอสังหา หนอนหนังสือช่างฝันอย่างช่อม่วง จึงได้มาทำงานกับหนุ่มตึ๋ผู้เคร่งเครียดกับงาน และจริงจังกับชีวิตแบบเกินร้อยอย่างทรงรบ เลยกลายเป็นคู่คิดที่เข้าขาแต่ไม่ค่อยเข้าใจกันเท่าไร พุดชมพูเริ่มต้นปฏิวัติสัตยารักษ์ ด้วยการออกกฎให้คนรับใช้มีวันหยุดสัปดาห์ละหนึ่งวัน รวมทั้งไม่ต้องออกมารับใช้เจ้านายหลัง 4 ทุ่ม ทำเอาทั้งอนาวินทร์ และทิพนาถอาละวาดฟาดงวงฟาดงาใหญ่โต แต่พุดชมพูไม่สะทกสะท้าน และอ้างความชอบธรรมจากพินัยกรรมที่ให้เธอเป็นผู้ดูแลบ้านสัตยารักษ์ สองแม่ลูกจึงได้แต่เก็บความโกรธไว้เป็นคลื่นใต้น้ำ และเริ่มวางแผนเล่นงานพุดชมพู อนาวินทร์ให้การันต์สืบเรื่องของพุดชมพู จนได้รู้ความลับว่าเธอกลัวความมืด เขาจึงวางแผนจัดงานเลี้ยงต้อนรับพุดชมพู และแกล้งดับไฟในห้องจัดเลี้ยงจนมืดสนิท หมายจะได้เห็นผู้บริหารใหม่ที่เขาเรียนกว่า ยัยพุดเน่า นั่งร้องไห้ตัวสั่นงันงก แต่เรื่องกลับผิดคาคเมื่อเพื่อนรักอย่างการันต์เข้าไปช่วยพุดชมพูไว้ไม่ให้ต้องอับอายต่อหน้าพนักงานทั้งบริษัท อนาวินทร์โกรธที่เพื่อนหักหลัง แม้เขาจะให้อภัยการันต์ที่แก้ตัวว่าทำไปเพราะความไม่รู้ว่าไฟจะดับตอนนั้น แต่เรื่องนี้ก็จุดประกายความสงสัยในเจตนาของการันต์ อนาวินทร์เดินหน้ากวนประสาทผู้คุมกฎบ้านอย่างพุดชมพูต่อ ด้วยการพาสาว ๆ มาเสพสุขที่บ้านไม่ซ้ำหน้า และทุกครั้งเขาจะต้องมาเคาะประตูห้องพุดชมพู ทำเป็นเด็กดีมารายงานตัวอยู่เสมอ พุดชมพูจึงโต้กลับด้วยการจัดฉากเอากล้องวิดีโอพร้อมอุปกรณ์อย่าง โซ่ แส้ กุญแจมือ มาซ่อนแบบไม่เนียนไว้ในห้องอนาวินทร์ทำเอาสาวรายล่าสุดที่อนาวินทร์พามาต้องเปิดแน่บ พร้อมกระจายข่าวลือว่าอนาวินทร์เป็นพวกกามวิตถาร เหตุการณ์นี้ทำให้อนาวินทร์แอบติดกล้องวงจรปิดไว้ในห้อง เพื่อดักจับพุดชมพูที่อาจแอบมาทำอะไรพิสดารในห้องเขาอีก ระเบิดลูกต่อมาเกิดขึ้น เมื่ออนาวินทร์จัดงานปาร์ตี้ในบ้านอย่างที่ทำเป็นประจำทุกเดือน เสียงเฮฮาลั่นบ้านจนดึกดื่นนั้น ทำให้ความอดทนของสาวชาวไร่ที่มักเข้านอนแต่หัวค่ำขาดฝึง พุดชมพูสั่งยุติงานปาร์ตี้ทันที การปรากฏตัวของเธอ ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งท่ามกลางชุดสวยหรูของบรรดาเพื่อนฝูงอนาวินทร์ ยังไม่สร้างความแตกตื่น และประหลาดใจเท่ากับอาการใบ้กินของคุณชายของบ้านที่ไม่เคยยอมใคร แม้ วาธิณี หรือ หวาย เพื่อนสาวคนสนิทที่ประกาศกับใครต่อใครว่าเป็นแฟนอนาวินทร์ จะพยายามยุชายหนุ่มให้จัดการกับพุดชมพู แต่ก็ไม่เป็นผล แม้แขกเหรื่อจะวงแตกแยกย้ายกันไปแล้ว แต่ความโกรธที่ถูกหักหน้าก็ยังไม่ลดลง อนาวินทร์ นึกถึงคำยุของการันต์ที่ให้จัดการรวบหัวรวบหางพุดชมพู เพื่อเขาจะได้ทั้งเมียได้ทั้งสมบัติ ความคิดบ้า ๆ เสริมแรงด้วยฉากรักตบจูบในทีวีที่เขาเปิดไว้เป็นเพื่อนคลายเหงา ทำให้อนาวินทร์เกิดลูกบ้าบุกปล้ำพุดชมพู เจ้าของไร่อุ่นรักต้องเรียกสติชายหนุ่มด้วยการประเคนแจกันฟาดหัวเขาจนเลือดอาบ และก็เป็นเธอเองที่พาหนุ่มพันธุ์หมาบ้าที่กลายเป็นเหมาจ๋อยไปทำแผลที่โรงพยาบาล การยอมหักไม่ยอมงอของพุดชมพูอาจจะเป็นที่ถูกใจคนที่เกลียด และกลัวอนาวินทร์ แต่ไม่ใช่สำหรับ ป้านุ่ม คนรับใช้เก่าแก่ของบ้านที่เลี้ยงอนาวินทร์มาตั้งแต่เด็ก หลังเหตุการณ์ทลายปาร์ตี้ ป้านุ่มขอร้องพุดชมพูให้เห็นใจคุณหนูของเธอด้วย เพราะลึก ๆ แล้ว อนาวินทร์เป็นคนขาดความรัก เนื่องจากแม่แท้ ๆ เสียชีวิตตั้งแต่คลอดเขาออกมา ส่วนพ่อก็มาจากไปอีกคนตั้งแต่เขายังเด็ก เหลือก็แต่ปู่เล็กที่มัวยุ่งกับบริษัทจนไม่มีเวลาให้หลานชาย กับแม้เลี้ยงอย่างทิพนาถที่ไม่เคยสนใจใครนอกจากตัวเอง พุดชมพูได้ฟังก็รู้สึกเห็นใจ และเข้าใจคุณหนูอารมณ์ร้ายขึ้นมาบ้าง เธอจึงเปลี่ยนมาใช้ไม้อ่อนในการทำให้คุณชายไฮโซยอมตามเธอไปเป็นคนงานไร่ วันหนึ่งขณะที่อนาวินทร์จะขับรถไปทำงาน พุดชมพูก็จัดแจงยัดเยียดตัวเองไปเป็นตุ๊กตาหน้ารถ และใช้เวลาตลอดระยะทางจากบ้านถึงสัตยาอสังหาในการเจรจาสงบศึกกับอนาวินทร์ พร้อมแสดงความจริงใจโดยยื่นข้อเสนอว่าหากอนาวินทร์ทำงานที่ไร่ได้ครบสามเดือน เขามีสิทธิขอรางวัลจากเธอหนึ่งอย่าง อนาวินทร์เห็นท่าทีที่เปลี่ยนไป และดูจริงใจของพุดชมพู จึงตกลงใจลองรับข้อเสนอ สมาชิกไร่อุ่นรักต้อนรับอนาวินทร์ด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเป สาวใหญ่อารมณ์ดีอย่าง ภัทรา แม่ของพุดชมพู ที่รู้จักลูกสาวดีว่าเก่งพอที่จะเอาชนะอุปสรรคใด ๆ ได้เสมอ ก็ยังอดเป็นกำลังไม่ได้กับการจับคุณชายเทวดามาเป็นคนงานไร่ ข้างฝ่าย จิระ หรือ โจ้ เพื่อนสนิทอีกคนของพุดชมพูนั้น มองอนาวินทร์อย่างไม่ไว้ใจ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะโจ้แอบชอบพุดชมพูมานาน แม้จะรู้ว่าเขาไม่อาจก้าวข้ามความเป็นเพื่อนที่หญิงสาวมอบให้ได้ เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวง และห่วง เมื่ออนาวินทร์เข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตพุดชมพู ฝ่ายจิตรา น้าสาวก็อดกรี๊ดกร๊าดกับหน้าตาที่หล่อเหลาของอนาวินทร์ และแอบจับคู่จิ้นให้กับหลานสาวของเธอ อนาวินทร์ต้องปรับตัวกับชีวิตชาวไร่ไม่น้อย ทุกครั้งที่เขาดื้อหรืออิดออด พุดชมพูที่จับจุดได้ว่าเขาเป็นพวกไม่ยอมแพ้ ก็จะแกล้งสบประมาทจนชายหนุ่มเกิดลูกฮึดจะเอาชนะ และตกหลุมพรางเจ้าของไร่อยู่เสมอ พุดชมพูเริ่มสังเกตเห็นอีกด้านหนึ่งของอนาวินทร์ วิธีที่เขาปฏิบัติกับแม่ของเธออย่างเคารพ ทำให้เธอรู้ว่าเขาไม่ใช่คนไม่เห็นหัวคนอื่นอย่างที่ใคร ๆ เข้าใจ รวมทั้งการตั้งใจเรียนรู้ และทำงานอย่างเต็มที่ ทำให้เห็นว่าเขาไม่ใช่คนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่ออย่างที่ใคร ๆ คิด จะมีก็แต่ความปากเสียเท่านั้นที่อนาวินทร์ดูจะรักษาไว้ได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย นอกจากพุดชมพู และจิระแล้ว อนาวินทร์ยังมีพี่เลี้ยงคนสำคัญอีกคนหนึ่งคือ ลุงหมาย หัวหน้าชมรมอนุรักษ์กล้วยไม้ป่า ซึ่งดูจะเอ็นดู และเข้าใจคนหนุ่มเลือดร้อนเป็นอย่างดี วันหนึ่งลุงหมายชวนพุดชมพู อนาวินทร์ และจิระไปดูที่ทำการชมรมหลังใหม่ซึ่งตั้งอยู่บนเขา ตอนเย็นขากลับฝนตกหนัก ทำให้รถติดหล่มโคลน ลุงหมายกับจิระอาสาเดินไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน ทิ้งพุดชมพูกับอนาวินทร์ไว้เฝ้ารถ หญิงสาวนั่งมองสายฝนแล้วคิดถึงวันที่พ่อของเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เธอเล่าเรื่องที่ตัวเองต้องพยายามตั้งหลัก และลุกขึ้นสานฝันของพ่อให้ชายหนุ่มฟัง โดยไม่ได้คิดอะไรมากกว่าแค่อยากแบ่งปันเรื่องในอดีตที่ยังชัดเจนอยู่ในใจ แต่มันทำให้อนาวินทร์มองเธอเปลี่ยนไป เขานึกเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับหญิงสาวตัวเล็กตรงหน้า และสงสัยว่าเธอเอาความเข้มแข็งแบบนั้นมาจากไหนกันหนอ แม้อนาวินทร์จะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ความรู้สึกภายในใจเขาก็สะท้อนออกมา เมื่อเขาถอดเสื้อเชิ้ตตัวนอกออกคลุมหัวให้พุดชมพูไม่เปียกฝน สายฝนที่เริ่มซาสวนทางกับความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มก่อขึ้นในใจของทั้งสองคน การตากฝนวันนั้นทำให้อนาวินทร์รู้สึกว่ากำลังจะเป็นไข้ ระหว่างเดินหายากินอยู่ในครัว เขาเห็นพุดชมพูเดินเข้าห้องเก็บของ และถูกจิตราล็อกไว้ในนั้นโดยไม่ตั้งใจ ด้วยความหมั่นไส้ศัตรูคู่กัด อนาวินทร์จึงคิดจะปล่อยพุดชมพูไว้เผชิญกับความมืดที่เธอหวาดกลัว เขากลับเข้าห้องมานอนพัก เพียงเพื่อจะพบว่าตัวเองไม่อาจหลับได้อย่างสบายใจ เขาตัดสินใจเดินไปดูที่ห้องเก็บของ และหัวใจวูบลงเมื่อได้ยินเสียงสะอึ้นเบา ๆ จากภายใน เขารีบหากุญแจมาเปิดประตูให้ แต่ทันทีที่พุดชมพูออกมาได้ เธอกลับคิดว่าเขาจงใจแกล้งเธอ เลยต่อว่าเขาอย่างรุนแรง อนาวินทร์ทั้งโกรธทั้งเจ็บปวด เพราะนี่เป็นอีกครั้งที่ใคร ๆ มักมองว่าเรื่องเลว ๆ ต้องเป็นฝีมือเขา เหมือนในอดีตที่ปู่ตำหนิเขาอย่างรุนแรงในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ กลายเป็นปมสำคัญในใจของอนาวินทร์ ว่าเขาไม่เคยได้รับความเชื่อใจจากใครเลย แต่เย็นวันนั้นเองพุดชมพูได้รู้ความจริงว่าจิตราเป็นคนล็อกเธอไว้ในห้องเก็บของ พุดชมพูรู้สึกผิดที่ต่อว่าอนาวินทร์ทั้งที่เขาเป็นคนช่วยเธอไว้ เธอไปหาอนาวินทร์เพื่อขอโทษเลยได้รู้ว่าชายหนุ่มนอนซมด้วยพิษไข้ถึงขั้นไม่ได้สติ พุดชมพูรีบเช็ดตัวให้ และคอยดูแลอยู่ใกล้ ๆ จนชายหนุ่มรู้สึกตัว พุดชมพูเอ่ยขอโทษที่เข้าใจเขาผิด ขณะที่อนาวินทร์ก็ขอบคุณที่เธอดูแลเขาอย่างดี แม้จะนอนซมเพราะพิษไข้ ชายหนุ่มก็พอจะรู้ว่าพุดชมพูคอยเช็ดตัวเขาเพื่อลดความร้อนอยู่เกือบทุกชั่วโมง ทรงรบกับช่อม่วงต้องมาเยี่ยมพุดชมพูกับอนาวินทร์เกือบทุกสัปดาห์ เพื่อให้ผู้บริหารทั้งสองเซ็นเอกสารของบริษัท วันหนึ่งทั้งสองมาปรากฏตัวที่ไร่อุ่นรักพร้อมวาธิณี ซึ่งเวียนไปหาอนาวินทร์ที่บริษัทหลายครั้ง แต่ไม่เจอตัว เธอจึงตามทนายหนุ่มมาหาอนาวินทร์ถึงไร่ และเริ่มปิดฉากระรานพุดชมพู จิระทั้งรำคาญทั้งหมั่นไส้สาวไฮโซเลยออกมาปะทะคารมกับวาธิณีแทน พุดชมพูอาศัยจังหวะชุลมุนหนีไปประชุมเทศกาลดอกไม้ในตัวเมือง โดยมีอนาวินทร์ติดตามไปด้วย เพียงแต่คราวนี้เขาอาสาเป็นคนขับแทนที่จะนั่งเป็นคุณชายเหมือนทุกครั้ง ชายหนุ่มไปนั่งรอพุดชมพูที่ร้านกาแฟกึ่งแกลลอรี่แห่งหนึ่ง เขาหยุดมองภาพถ่ายใบหนึ่งด้วยความสนใจ ภาพของพุดชมพูในชุดนักเรียนมัธยมยืนกอดช่อเบญจมาศ ในภาพนั้นเธอผมยาว บุคลิกช่างแตกต่างจากพุดชมพูในปัจจุบัน อนาวินทร์มองดวงตาที่ยิ้มสดใสนั้นราวต้องมนต์สะกด แต่แล้วเสียงร้องให้ช่วยจับขโมยก็ปลุกเขาจากภวังค์ อนาวินทร์ช่วยจับตัวขโมยไว้ได้ แต่แล้วก็นึกสะท้อนใจเมื่อสิ่งที่ชายมอซอคนนั้นขโมยมาเป็นแค่กับข้าวถุงหนึ่งเท่านั้น อนาวินทร์จึงควักเงินซื้อข้าวถุงนั้นให้ขโมย โดยที่ไม่รู้ว่ามีสายตาของพุดชมพูแอบมองมุมอ่อนโยนของคุณชายแห่งสัตยารักษ์อยู่ เมื่อทำงานที่ไร่อุ่นรักครบสามเดือน อนาวินทร์ทวงรางวัลที่พุดชมพูสัญญาว่าจะให้ เขาไม่ได้เอ่ยปากบอกสิ่งที่ต้องการ แต่ก้มลงจูบพุดชมพูในสวนสวยหลังบ้าน ข้างแนวต้นพุดชมพู ต้นไม้ที่อนารินทร์เคยมองว่าไม่มีเสน่ห์ แต่วันนี้มันสวยจับใจ หลังจากคืนนั้น อนาวินทร์ก็คอยตามติดพุดชมพูไม่ห่าง จนจิระเริ่มจับตาอย่างไม่ไว้ใจ เขาพยายามเข้ามาเป็นก้างขวางคอ ไม่ให้ทั้งคู่ได้อยู่กันตามลำพัง จนเริ่มจะผิดใจกับอนาวินทร์ แต่ก็มีบางวันที่สามเส้ากลายเป็นสี่เส้าเมื่อวาธิณีมาร่วมวงด้วย ซึ่งกลับทำให้จิระต้องจัดการกับวาธิณีแทน จนวันหนึ่งที่จิระแอบเห็นพุดชมพูกับอนาวินทร์หยอกล้อกันในเรือนเพาะกล้า จิระเห็นแววตาของพุดชมพูที่มองชายหนุ่มแล้วก็ได้แต่ถอยออกมาเงียบ ๆ คืนนั้นสมาชิกไร่อุ่นรักยกขบวนกันไปร่วมงานเลี้ยงของเพื่อนบ้านลุงหมายหมักเหล้าสาโทไว้โอ่งใหญ่ เหล้าเถื่อนนี่เองเป็นสื่อกลางให้อนาวินทร์กับจิระได้เปิดใจคุยกัน ทรงรบกับช่อม่วงทำงานกันอย่างเข้าขา จะขัดขากันบ้างก็เรื่องที่ทรงรบชอบมองช่อม่วงเป็นสาวเพ้อฝันไม่อยู่กับความจริง แถมยังกินจุผิดผู้หญิงทั่วไป แต่ช่อม่วงก็ค่อย ๆ แสดงให้ทรงรบเห็นทีละนิดว่าเธอทั้งฉลาดแถมมีสายตาแหลมคมอ่านคนได้ขาด ช่อม่วงพบหลักฐานว่าชวกรยักยอกเงินบริษัทไปก้อนใหญ่ ทรงรบจึงโทรตามพุดชมพูกลับมาจัดการ พุดชมพูไล่ชวกรออกจากบริษัทโดยไม่บอกอนาวินทร์ เพราะเชื่อว่าทิพนาถน่าจะมีส่วนรู้เห็นจึงไม่อยากให้อนาวินทร์ลำบากใจ ทิพนาถ และชวกรแค้นจัด คิดหาทางกำจัดพุดชมพูออกไปจากสัตยารักษ์ เช่นเดียวกับการันต์ที่เริ่มสังเกตท่าทีของอนาวินทร์กับพุดชมพู แม้การันต์จะโตมากับอนาวินทร์แต่การันต์รู้สึกเก็บกดที่กลายเป็นคนไม่มีตัวตนเมื่ออยู่กับอนาวินทร์ ไม่มีใครเห็นคุณค่าเด็กกำพร้าอย่างเขา เมื่อเทียบกับทายาทสัตยารักษ์ ความอิจฉากลายเป็นความเกลียดชัง เขาเกลียดที่เห็นอนาวินทร์มีความสุข การันต์ยุให้พุดชมพูผิดใจกับอนาวินทร์ด้วยการบอกเธอว่า อนาวินทร์คิดจะหลอกจีบเธอเพื่อให้ได้มรดกง่ายขึ้น ด้านหนึ่งพุดชมพูก็หวั่นไหวกับสิ่งที่ได้ยิน แต่อึกใจหนึ่งเธอเริ่มรู้สึกว่าการันต์ไม่น่าไว้ใจ คืนหนึ่งพุดชมพูได้รับโทรศัพท์ด่วนจากจิระ บอกว่าเกิดไฟไหม้ที่โรงเรือนเพาะพันธุ์ไม้ พุดชมพูตกใจมือไม้สั่น เพราะในโรงเรือนนั้นมีต้นไม้ตัวแทนของพ่อผู้ล่วงลับอยู่ อนาวินทร์อาสาขับรถพาเธอกลับไร่ทันทีระหว่างทางก็คอยกุมมือเธอเพื่อให้กำลังใจ เมื่อไปถึงพุดชมพูเข่าอ่อน มองโรงเรือน และต้นไม้ของพ่อที่เหลือแต่ซากด้วยใจสลาย เธอเป็นลมล้มพับไปตรงนั้น อนาวินทร์รีบพาเธอไปโรงพยาบาล และคอยดูเธอไม่ห่าง จิระมาแจ้งว่าตำรวจสงสัยว่าเป็นการวางเพลิง แถมพูดทำนองสงสัยว่าอนาวินทร์เป็นตัวการ อนาวินทร์มีปากเสียงกับจิระจนพุดชมพูต้องระงับศึก และบอกจิระว่า เธอเชื่อใจอนาวิณทร์ว่าจะไม่ทำอะไรลอบกัดแบบนี้ อนาวินทร์หัวใจพองโตที่หญิงสาวเชื่อใจเขา ระหว่างนั้นทางจังหวัดจัดงานเทศกาลดอกไม้ประจำปี และมีกิจกรรมไฮไลท์เป็นการประกวดหนุ่มดอกไม้ พุดชมพูใช้ไม้เดิมคือสบประมาทอนาวินทร์ จนเขารับคำท้าเข้าประกวด ชายหนุ่มคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้ตามที่คุยไว้ ด้วยการเล่นกีตาร์ร้องเพลงที่ฝากความในใจไปถึงพุดชมพู แถมยังประกาศบนเวทีว่าเข้าประกวดในฐานะแฟนเจ้าของไร่อุ่นรัก เล่นเอาตะลึงกันไปทั้งบาง รวมทั้งวาธิณีที่มาดูการประกวดด้วย วาธิณีไปอาละวาดใส่พุดชมพู แต่อนาวินทร์ออกมาปกป้อง และบอกวาธิณีให้เลิกยุ่งกับเขา จิระช่วยลากวาธิณีออกไป และเตือนสติให้เธอยอมรับความจริง ซึ่งลึก ๆ แล้ว เขาก็เดือนตัวเองแบบนั้นเช่นกัน อนาวินทร์เกณฑ์คนงานของสัตยาอสังหา สร้างโรงเรือนใหม่ที่เขาออกแบบ และควบคุมงานก่อสร้างด้วยตัวเอง ระหว่างกำลังง่วนกับงานป้านุ่มโทรศัพท์มาหา อนาวินทร์นึกรำคาญที่ป้านุ่มชอบโทรมาถามสารทุกข์สุขดิบเล็ก ๆ น้อย ๆ จึงไม่รับสาย แต่แล้ววันรุ่งขึ้น เขากลับได้รับข่าวร้ายว่าป้านุ่มเสียชีวิต เพราะฝีมือโจรที่บุกเข้าบ้านกลางดึก อนาวินทร์แทบล้มทั้งยืน ป้านุ่มที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็กเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่คนสุดท้ายที่เขามี ตำรวจตรวจดูกล้องวงจรปิดหน้าบ้านเห็นคนสวมเจ็กเก็ต และหมวกปิดบังใบหน้าเดินเข้าและออกจากบ้านในเวลาใกล้เคียงกับที่ป้านุ่มเสียชีวิต แต่ หมวดจัตวา เจ้าของคดีแอบกระซิบอนารินทร์ว่าเขาสงสัยคนในบ้านมากกว่า เพราะกล้องวงจรปิดบริเวณถนนใกล้เคียงไม่มีภาพชายคนนี้เลย หลังงานศพป้านุ่ม อนาวินทร์บังเอิญพบลูกค้าคนสำคัญคนหนึ่งของสัตยาอสังหาภายนอกบริษัท ลูกค้าถามถึงข่าวลือที่อนาวินทร์จะทิ้งบริษัทหันไปทำไร่ อนาวินทร์สอบถามที่มาของข่าวลือจนได้รู้ว่า คนใกล้ตัวกำลังจ้องทำลายเขาอยู่ พุดชมพูเรียกทิพนาถมาทวงถามถึงการใช้หนี้ที่ชวกรโกงบริษัทไป เมื่อชวกรรู้ก็ยิ่งโกรธ และส่งคนไปดักทำร้ายพุดชมพู โชคดีที่ทรงรบ และช่อม่วงอยู่ในเหตุการณ์จึงช่วยกันเอาตัวรอดมาได้ ระหว่างที่ทั้งสามกำลังปรึกษาหาตัวต้นเหตุอยู่นั้น อนาวินทร์เข้ามากับการันต์พร้อมรูปถ่ายหลายใบ ที่การันต์อ้างว่าเป็นหลักฐานว่าพุดชมพูกับทรงรบรู้จักกันมาก่อน ซึ่งเป็นไปได้ว่าทั้งคู่อาจสมคบกันหลอกอนาวินทร์ ทิพนาถกับชวกรเองก็ปรากฏตัวขึ้น พร้อมหลักฐานว่าพุดชมพูยักยอกเงินของบริษัท พุดชมพูพยายามอธิบาย แต่ชายหนุ่มไม่ยอมฟัง แถมไล่พุดชมพูให้เก็บของออกไปจากบ้านสัตยารักษ์ ก่อนไปพุดชมพูมอบจดหมายที่ปู่เล็กเขียนถึงเธอให้อนาวินทร์ไว้อ่าน เพื่อให้เขาเข้าใจเจตนาดีของปู่ และได้รู้ว่าที่จริงแล้ว ปู่รักและเป็นห่วงเขามากแค่ไหน พุดชมพูกลับไร่ด้วยสภาพเหมือนคนใจสลาย เธอยอมรับกับตัวเองแล้วว่าชอบอนาวินทร์ ฝ่ายอนาวินทร์เองก็ไม่ต่างกันนัก เขาคิดถึงพุดชมพู จึงมานั่งย้อนดูภาพในกล้องวงจรปิดที่เขาแอบติดไว้ในห้องเผื่อมันจะมีภาพของพุดชมพูบ้าง แต่เขากลับพบหลักฐานสำคัญว่าใครเป็นคนฆ่าป้านุ่ม ทรงรบมาหาอนาวินทร์เพื่อบอกเรื่องสัญญาลับที่พุดชมพูเซ็นไว้ก่อนเข้าทำงานกับสัตยารักษ์ ซึ่งมีเงื่อนไขว่าหากเธอแต่งงานกับอนาวินทร์ เธอจะไม่มีส่วนในสมบัติใด ๆ ของสัตยารักษ์ทั้งสิ้น รวมทั้งอนาวินทร์ยังต้องบริจาคเงินมรดกสามสิบเปอร์เซ็นต์เข้าการกุศลด้วย จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่พุดชมพูคิดจะหลอกทายาทของสัตยารักษ์ อนาวินทร์อ่านจดหมายที่ปู่เล็กเขียนถึงพุดชมพู และปฏิญาณกับตัวเองว่า จะต้องเป็นผู้นำสัตยารักษ์แทนปู่ให้ได้ หนึ่งสัปดาห์ต่อมาในที่ประชุมผู้บริหารสัตยาอสังหา อนาวินทร์ประกาศไล่การันต์ออกจากตำแหน่งรองกรรมการ เขาแสดงหลักฐานที่ได้มาจากการว่าจ้างช่อม่วงอย่างลับ ๆ ว่าการันต์มีส่วนในการร่วมกับชากรปลอมแปลงเอกสารเพื่อใส่ร้ายพุดชมพู อนาวินทร์ยังมีข้อมูลว่า การันต์ปล่อยข่าวลือทำลายความน่าเชื่อถือของบริษัท และส่งลูกค้าของสัตยาอสังหาไปให้บริษัทคู่แข่งที่การันต์แอบถือหุ้นไว้ อนาวินทร์ยังเชิญตำรวจมาจับตัวการันต์ฐานฆาตกรรมป้านุ่ม โดยมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่อนารินทร์แอบติดไว้ในห้องนอนของเขาว่าทั้งสองทะเลาะกันก่อนที่ป้านุ่มวิ่งหนีออกจากห้อง และจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา หลังจากนั้นไม่กี่วัน การันต์ได้ประกันตัวออกไป เมื่ออนาวินทร์รู้ข่าวก็นึกเป็นห่วงพุดชมพู จึงชวนทรงรบกับช่อม่วงไปที่ไร่ แต่การันต์ไปถึงก่อน และจับตัวพุดชมพูไว้เป็นตัวประกัน เพื่อแลกกับเงินก้อนใหญ่ที่จะใช้หลบไปอยู่ต่างประเทศ และต้องการให้อนาวินทร์ถอนฟ้อง การันต์บอกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจฆ่าป้านุ่ม แต่ป้านุ่มแอบได้ยินตอนที่เขาคุยโทรศัพท์เรื่องจ้างคนไปเผาโรงเรือนของพุดชมพู เขาพยายามจะให้เงินแลกกับการปิดปากแต่ป้านุ่มไม่ยอมคุยด้วย การันต์จึงแกล้งให้ป้านุ่มเข้าใจผิดว่าอนาวินทร์กลับมาที่บ้าน เมื่อป้านุ่มมาที่ห้องของอนาวินทร์ก็พบการันต์รออยู่ ป้านุ่มด่าการันต์ที่อกตัญญูต่อบ้านสัตยารักษ์ เขาพลั้งมือฆ่าป้านุ่มเพราะความโกรธ เลยจัดฉากให้ดูเหมือนขโมยเข้าบ้าน ระหว่างนั้น พุดชมพูหลอกดึงความสนใจของการันต์ อนาวินทร์อาศัยจังหวะนั้นโดดเข้ารวบตัวการันต์ไว้ ขณะที่ทรงรบเข้าแย่งปืนไว้ได้ แต่การันต์ใช้มีดที่ซ่อนไว้ฟันอนาวินทร์ โชคดีที่ชายหนุ่มหลบทันจึงไม่โดนจุดสำคัญ การันต์คิดจะซ้ำหมายเอาชีวิตทายาทสัตยารักษ์ แต่ลุงหมายกับชาวบ้านมาช่วยพร้อมปืนหลายกระบอก การันต์จึงสิ้นฤทธิ์ หลังเหตุการณ์ร้ายคลี่คลาย อนาวินทร์พยายามง้อพุดชมพู เขาเฉลยว่าตัวเองแกล้งหลงเชื่อการันต์ และไล่พุดชมพูออกจากบ้าน เพื่อกันหญิงสาวให้ห่างจากอันตรายระหว่างที่เขาเดินหน้าสืบเรื่องทั้งหมด แม้พุดชมพูจะเชื่อในความหวังดีของชายหนุ่ม แต่ความเจ็บปวดที่เธอได้รับตอนถูกขับไล่ ทำให้เธอกลัวที่จะรักอนาวินทร์แบบเต็มหัวใจ อีกทั้งเธอไม่อยากทำให้อนารินทร์ต้องลำบากใจ กับการเสียมรดกตามเงื่อนไขสัญญาลับ พุดชมพูจึงขอให้อนาวินทร์เลิกติดต่อกับเธอ เดือนต่อมา ช่อม่วงกัทรงรบ ซึ่งเพิ่งตกลงเป็นแฟนกัน ชวนพุดชมพูไปเที่ยวทะเล โดยบอกว่าเพิ่งชิงรางวัลแพ็กเกจที่พักพร้อมอาหารมาได้ ภัทราซึ่งเห็นลูกสาวซึมเศร้าเหมือนคนไร้วิญญาณมาตลอด ตั้งแต่บอกปัดอนาวินทร์ จึงช่วยคะยั้นคะยอให้พุดชมพูไปพักผ่อน ช่อม่วงเล่าให้พุดชมพูฟังว่า จิระไปเรียนปริญญาโทด้านเกษตรศาสตร์ และดันนถูกอาจารย์ส่งตัวไปช่วยงานกิจการอาหารปลอดสารพิษที่บ้านของวาธิณี ที่กำลังเริ่มทำเพื่อทดแทนธุรกิจที่ปิดตัวไป หนึ่งสัปดาห์ให้หลัง พุดชมพูกลับมาไร่ด้วยสีหน้าที่สดชื่นขึ้นเล็กน้อย ภัทรามองหน้าช่อม่วงกับทรงรบที่ขับรถมาส่งหญิงสาวอย่างรู้กัน ภัทราให้พุดชมพูไปดูต้นไม้ใหม่ในสวน พุดชมพูเปิดประตูออกไปสวนหลังบ้าน ก็พบกับศาลาไม้ตั้งอยู่กลางแนวต้นพุดชมพู อย่างที่พ่อเธอฝันไว้ แต่ทำไม่สำเร็จ กลางศาลามีช่อดอกเบญจมาศพร้อมการ์ดใบเล็ก ๆ เขียนว่า แต่งงานกันนะ อนาวินทร์ปรากฏตัวขึ้นพร้อมแหวนล้อมเพชร พุดชมพูแกล้งถามว่า ไม่กลัวเสียเงินมรดกหรือ อนาวินทร์ยิ้มรับแล้วตอบว่า มรดกที่มีค่าที่สุดที่ปู่เล็กทิ้งไว้ให้เขาก็คือพุดชมพู และเขาจะรักษามรดกชิ้นนี้ไว้ด้วยหัวใจของเขา ตราบนานเท่านาน
บ่วงอธิฏฐาน 2559

บ่วงอธิฏฐาน (2559/2016) อธิน นักโบราณคดีมือหนึ่งของกรมศิลปากร ต้องตื่นเต้นเมื่อเขาได้ค้นพบ “ศิลาจารึกของเมืองจันทปุระ” มหานครที่หายสาบสูญไปนับพันปี ทิ้งไว้แต่ตำนานแห่งบึงแดง อธิน ตั้งใจจะเก็บศิลาจารึกนี้ไว้ศึกษา เพราะมันคือการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ของวงการประวัติศาสตร์เลยทีเดียว ...แต่แล้วความตั้งใจของเขาก็ต้องพังทลายลง เมื่อศิลาจารึกหายไป... อธินคิดว่าเป็นฝีมือของ กสินทร์ นักธุรกิจโรงแรมระดับพันล้านที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักสะสมของโบราณ ทั้งที่ได้มาด้วยวิธีถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย แต่ไม่ว่าอย่างไร อธินก็คิดว่ากสินทร์ไม่มีสิทธิ์ที่จะสะสมสมบัติของแผ่นดินไม่ว่าชิ้นไหนก็ตาม แต่เขาก็ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิด อธินจึงได้แต่แอบสืบหาศิลาจารึกโบราณนี้อย่างเงียบ ๆ โยสิตา ลูกสาวเพียงคนเดียวของอธิน อยากจะช่วยพ่อสืบหา จึงเอาเรื่องศิลาจารึกที่หายไป มาเล่าให้ ปารมี หรือ ผักบุ้ง เพื่อนสนิทของเธอฟัง ปารมี บอกว่าจะต้องสืบหาจากคนวงใน ที่เป็นพวกสะสมของโบราณ และหนึ่งในนั้นก็คือ กสินทร์ เจ้าของโรงแรมที่เธอทำงานอยู่ โยสิตาเริ่มมีความหวังที่จะได้เบาะแสจากปารมีขึ้นมา ทันที แต่แล้ว โยสิตากลับได้พบกับ กฤตธร ลูกชายคนโตของกสินทร์ อย่างบังเอิญ เมื่อเธอดันไปช่วยเก็บกระเป๋าเอกสารสำคัญที่กฤตธรลืมเอาไว้บนหลังคารถ และเพียงแค่เจอกันครั้งแรก กฤตธรก็รู้สึกคุ้นเคยกับโยสิตาอย่าแปลกประหลาด กฤตธรขอบคุณและพยายามจะตอบแทนน้ำใจของเธอ และอยากจะรู้จักกับเธอให้มากขึ้น แต่โยสิตาก็ไม่ใส่ใจ จนกฤตธรรู้ว่า โยสิตาเป็นเพื่อนสนิทของ ปารมี พนักงานโรงแรมของเขานั่นเอง กสินทร์มีความคิดจะทำพิพิธภัณฑ์ของสะสมโบราณที่บ้าน ซึ่งได้อาจารย์เกรียง ผู้มีความเชี่ยวชาญเข้ามา ช่วยจัดหมวดหมู่ให้ ขาดก็แต่คนที่จะเข้ามาถ่ายภาพ กฤตธรจึงคิดจะจ้าง โยสิตา ที่มีอาชีพเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ให้ มาทำงานนี้ ซึ่งโยสิตาแทบจะไม่เสียเวลาคิด ยอมรับงานนี้อย่างง่ายดาย เพราะนอกจากจะได้เงินแล้ว งานนี้ยังจะทำให้เธอเข้าไปสืบเบาะแสของศิลาจารึกที่หายไปได้ง่ายขึ้น โยสิตาไม่รู้เลยว่าการที่เธอได้พบเจอกับกฤตธรครั้งนี้ จะทำให้ดวงวิญญาณของ บุษกร ที่สิงอยู่ในศิลาจารึก โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก แถมยังอาฆาตแค้นโยสิตา ที่แม้เวลาจะผ่านเลยไปนานนับพันปี จวบจนเธอได้พบกับ กฤตธรอีกครั้ง โยสิตาก็ยังกลับมาเป็นหนามยอกอกพบกับกฤตธรอีกครั้ง โยสิตาไม่รู้เลยว่าวิญญาณของบุษกร ได้ตามมาถึงภพปัจจุบัน ด้วยคำอธิฏฐานสาปแช่ง ว่าจะขอตามติดมาทวงทุกสิ่งที่ควรจะเป็นของหล่อน และ สะสางความแค้นโยสิตาที่ทำให้เธอต้องสูญเสียทุกอย่างในอดีตไป โยสิตาเข้ามาใกล้ชิดกับกฤตธร ด้วยต้องมาทำงานและใกล้ชิดกัน และโยสิตาก็เริ่มเจอกับเหตุการณ์แปลกๆ ที่บุษกรเป็นผู้สร้างขึ้นทั้งสิ้น แม้จะสงสัยแต่โยสิตาก็ยังไม่มีคำตอบ นอกจากความฝันซ้ำ ๆ ถึงเรื่องราวในอดีต อดีตที่นำเธอไปสู่มหานครจันทปุระอันเจริญรุ่งเรือง และในความฝันเธอได้เห็นภาพตัวเองนามว่า เกศอาภา ซึ่งเป็นบุตรสาวของแม่ทัพปุณณะ ซึ่งก็คืออธิน พ่อของเธอในยุคปัจจุบัน ความฝันในทุกค่ำคืนของเธอ ทำให้เธอได้พบเรื่องราวที่ทำให้ชีวิตของเกศอาภาต้องเปลี่ยนไป เมื่อเธอเป็นผู้เก็บโคมเสี่ยงทายคู่ของเจ้าชายอริยะไว้ได้ แทนที่จะเป็นคู่หมายอย่าง บุษกร แม้บุษกรจะแย่งโคมที่เกศอาภาเก็บได้มาไว้ในครอบครอง และพยายามปกปิดความจริงด้วยการบอกกับ องค์สูริยะ ผู้ปกครองแห่งจันทปุระ และทุกคนว่าเธอเป็นผู้ที่เก็บโคมได้ และกำลังจะได้แต่งงานกับเจ้าชายอริยะ ตามความคาดหมายของทุกคนที่เชื่อในโองการของเทวะ ตามที่มหาพราหมณ์กัมพู (บิดาของบุษกร) ผู้รับสาส์นจากองค์เทวะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนในจันทปุระนับถือได้บอกไว้ แต่แล้วเจ้าชายอริยะ ที่ปลอมตัวเป็นสามัญชน ได้ไปเจอกับเกศอาภา โดยบังเอิญ ทั้งคู่ทำความรู้จักกันใน นามของเจ้าโจรป่า และ เจ้าลิงป่า ต่างพูดคุยปรับทุกข์ แถมอริยะยังสอนวิชาการต่อสู้ ที่เกศอาภาชอบแอบพ่อมา ฝึกเองอยู่บ่อย ๆ เพราะมีจิตใจหาญกล้าอยากจะมีวิชาไว้ปกป้องบ้านเมืองในอนาคต ทุกความคิด และ นิสัยของเกศอาภาช่างถูกใจเจ้าชายอริยะนัก จนเกศอาภาได้กล่าวถึงความไม่ยุติธรรมของผู้มีอำนาจ ตอนที่เธอถูกแย่งโคมไป ทำให้เจ้าชายอริยะได้ทราบความจริงว่า เกศอาภาคือผู้ที่เก็บโคมเสี่ยงทายของตนได้และเป็นคนที่จะต้องแต่งงานด้วยอย่างแท้จริง เจ้าชายอริยะนำความจริงนี้บอกแก่องค์สูริยะ และทุกคน ทำให้คนที่ได้เข้าพิธีอภิเษก เป็นพระอัครชายาของเจ้าชาย คือเกศอาภา ลูกสาวของแม่ทัพปุณณะ แทนที่จะเป็นบุษกร ลูกสาวของท่านมหาพราหมณ์กัมพู อย่างที่ทุกคนคิด บุษกรแค้นใจจนแทบกระอักที่ถูกเกศอาภาแย่งทุกอย่างไปจากเธอ โดยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเกศอาภาไม่เคยต้องการที่จะแต่งงานกับเจ้าชายอริยะเลย เพราะเธอนั้นได้มีใจรักให้กับชายผู้ที่เธอเจอ โดยบังเอิญ และเรียกว่าเจ้าโจรป่าคนนั้น แต่ความจริงก็มาปรากฏในวันอภิเษกที่เธอไม่สามารถขัดขวางใด ๆ ได้ และเธอก็ได้รู้ความจริงว่าเจ้าชายอริยะที่กำลังจะเข้าพิธีอภิเษกด้วยนั้น แท้จริงแล้วเป็นคนคนเดียวกับที่เธอเรียกว่าเจ้าโจรป่านั่นเอง เกศอาภา ทั้งโกรธ สับสน ตกใจ ที่ถูกหลอกมาโดยตลอด แต่เจ้าชายอริยะก็ได้ใช้ความรักงอนง้อจนเกศอาภาเข้าใจ บุษกรเจ็บแค้นแสนสาหัส ยิ่งเห็นว่าเจ้าชายอริยะ ผู้ที่ควรจะเป็นของเธอ มีความสุขดีกับเกศอาภา ผู้เป็นพระอัครชายา ตำแหน่งที่ควรจะเป็นของเธอหากไม่มีนังผู้หญิงที่ชื่อเกศอาภาเข้ามาแทรก บุษกรแสร้งแสดงละคร ว่าเสียใจและอยากจะฆ่าตัวตายหากไม่ได้สมหวังกับเจ้าชายอริยะ ที่เป็นคู่หมายกันมาแต่เด็กจนโต องค์สูริยะจึงคิดแก้ปัญหาให้เจ้าชายอริยะแต่งงานและรับบุษกรเป็นพระชายาอีกคนหนึ่ง แม้เจ้าชายอริยะจะไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่สามารถขัดได้ จึงจำต้องแต่งงานตามคำสั่ง บุษกรพยายามใช้มารยา เล่ห์เหลี่ยม จนถึงขั้นทำเสน่ห์เพื่อแย่งเจ้าชายอริยะมาไว้กับตน แต่เมื่อความจริงเปิดเผยเธอจึงถูกลงโทษประหาร แต่เพราะท่านมหาพราหมณ์กัมพู และคำขอของทุกคน บุษกรจึงได้ละเว้นโทษตาย แต่ถูกถอดจากตำแหน่งพระชายา บุษกรคับแค้นใจอย่างหนักทำเป็นสำนึกผิด และถือบวชเป็นพราหมณีรับใช้องค์เทวะตลอดชีวิต จนทุกคนตายใจ และไว้วางใจให้พราหมณีบุษกรเข้ามาทำหน้าที่รับสาส์นแทนมหาพราหมณ์กัมพู ผู้เป็นบิดาที่ป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุ บุษกรคิดแผนการร้าย เมื่อไม่ได้ครอบครองหัวใจของชายที่เธอรัก เธอก็จะชิงบัลลังก์ของจันทรปุระไว้ในมือของตนเอง แม้จะต้องแลกกับชีวิตของคนมากมายก็ตาม แต่ยังไม่ทันสำเร็จก็มีเหตุให้เมืองอันเจริญรุ่งเรืองอย่างจันทปุระล่มสลาย และหายไปจนเหลือแต่ตำนาน พร้อมกับคำสาปแช่งของดวงจิตอันมีแต่ ความเกลียดชังของบุษกร ว่าจะขอตามติดไปสะสางบัญชีแค้นกับเกศอาภาทุกชาติไป และจะเฝ้ารอคอยการพบกันอีกครั้งของเธอกับเจ้าชายอริยะไม่ว่าจะนานเท่าใด โยสิตาที่ตื่นขึ้นมาด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง ถึงความอาฆาตแค้นที่บุษกรมีต่อตน รวมถึงความรัก ความผูกพันระหว่างตนเองและกฤตธรที่มีจากชาติภพก่อนจนถึงปัจจุบัน กฤตธรก็ยังคงตามมีใจรักต่อเธอมั่นคง แม้จะมีเมธาวี คู่หมั้นของกวินทร์น้องชาย ที่ก็มีใจให้กับกฤตธร จนถูกอำนาจของวิญญาณร้ายอย่างบุษกรเข้า ครอบงำ และใช้มันมาทำร้ายเธอ และ ทุกชีวิตที่อยู่รอบกายของเธอก็ล้วนแต่มีเหตุเกี่ยวพันจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งสิ้น ทุกชีวิตที่กำลังตกอยู่ในอันตราย ด้วยแรงอาฆาตแห่งคำอธิฏฐานสาปแช่งของบุษกร คำอธิฏฐานซึ่งเป็น บ่วงพันธนาการที่ทุกคนไม่มีวันหนีพ้น

แก้วตาหวานใจ 2558

แก้วตาหวานใจ (2558/2015) ในงานแข่งขันกีฬาสีของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ท่ามกลางเสียงเชียร์ดังกระหึ่มของกองเชียร์สีฟ้า หนูน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มห้าคนตั้งหน้าตั้งตาเต้นนำเชียร์อย่างสุดกำลัง และในท่ามกลางหมู่กองเชียร์แม่ๆป้าๆ มีชายหนุ่มแปลกปลอมสองคนแต่งตัวด้วยชุดสีฟ้ายืนโดดเด่นสะดุดตาอยู่ พวกเขาคือ อนลและอนิล วโรดม สองหนุ่มที่มาให้กำลังใจ “เด็กหญิงมดตะนอย” หลานสาวคนเดียวที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในเชียร์ลีดเดอร์ อนล หรือ ลุงเสือ พี่ชายสวมแว่นตาดำปกปิดหน้าตา แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็กส์ ค่อนข้างระวังพฤติกรรมของตน ต่างกับ อนิล หรือ ลุงช้าง ผู้เป็นน้องชายที่แต่งตัวด้วยเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ สะพายกระเป๋าเป้สีชมพูแปร๋น คอยตะโกนร้องเพลงเชียร์ให้กำลังใจมดตะนอยเสียงดัง ทุกครั้งที่พักเบรกลุงช้างก็จะเข้าไปซับหน้า ซับเหงื่อ ป้อนขนมหลานสาวสุดสวาทคนนี้ทันที สร้างความฉงนปนสนใจแก่คนที่พบเห็น จนเอาไปซุบซิบกันว่า คุณพ่อของมดตะนอยควงแฟนหนุ่มมาดูแลลูกสาว!?! ทั้งนี้ก็เพราะไม่มีใครเคยเห็นแม่ของมดตะนอยเลย ...แม้แต่ตัวเด็กหญิงมดตะนอยเอง...

เมื่อ “หวันยิหวา” หรือ “ไข่หวาน” ลูกสาวคนเล็กหัวแก้วหัวแหวนของ “นายแม่ดาวเรือง” เจ้าของกิจการเดินรถทัวร์สายอีสาน ตัดสินใจลงสมัครประกวดซุปเปอร์โมเดลที่บริษัทนำเข้ารถหรูแห่งหนึ่งจัดขึ้นตามแรงยุของเพื่อนรัก “นิกกี้” ลูกสาวเศรษฐีครอบครัวใหญ่สุดมั่น ผู้รักอิสระและสนุกกับการทำงานในบริษัทนี้ นิกกี้จึงอยากดันเพื่อนเข้ามาทำงานด้วยกันไข่หวานฟังดูแล้วก็สนใจเพราะเธอชอบด้านเครื่องยนต์อยู่แล้ว และหวังว่าหากเธอชนะการประกวด จะได้เงินรางวัล และมีโอกาสไปดูงานที่โรงงานผลิตรถยนต์ต่างประเทศที่เธอใฝ่ฝัน ไข่หวานทะเลาะกับนายแม่อย่างแรงเรื่องที่จะขอไปประกวดซุปเปอร์โมเดล เพราะนายแม่ดูถูกว่าอุตส่าห์เรียนจบมาสูงๆจะไปประกวด “พริตตี้รถยนต์” ทำไม ไข่หวานอธิบายอย่างไรนายแม่ก็ไม่เข้าใจซักที ว่าหากชนะการประกวดนั้นเธอจะได้เป็น Brand Ambassador ที่ใช้ทั้งสมองและหน้าตาสวยงามในการประชาสัมพันธ์ธุรกิจรถยนต์ นายแม่ดาวเรืองประกาศก้องไม่ยอมให้ไข่หวานไปประกวดเด็ดขาด หากไปจะตัดเบี้ยเลี้ยงทั้งหมด แต่ไข่หวานก็ดื้อมาก อยากเอาชนะนายแม่ อีกทั้งยังมีอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่เธอต้องไปกรุงเทพคือ เธอได้รับภารกิจโลกแตกจากพี่ชาย “พี่หมึก” หรือ “มุรธา” ที่บังเอิญพบว่าตัวเองอาจจะมีลูกกับผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อหกปีที่แล้ว!!! แสดงว่าเธอก็อาจจะมีหลาน หลานที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาหรือรู้ว่ามีตัวตนอยู่ในโลกนี้ พระเจ้า...งานเข้าไอ้ไข่หวานอย่างจัง! ความลับนี้จะบอกให้นายแม่รู้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะนายแม่ขึ้นชื่อเรื่องหวงห่วงลูกชายสุดพลัง และก็หมายมั่นปั้นมือวางแผนให้ หมึก แต่งงานกับ อณิมา หรือ หนูเล็ก ลูกสาวของ อธิป ครองจินดา(วโรดม) เพื่อนของเธอด้วย ไข่หวานกลุ้มใจมาก เพราะเธอต้องไปกรุงเทพจริงๆแต่ไม่มีเงินเลย หมึกเอาเงินเก็บส่วนตัวช่วยสมทบทุนน้องสาวส่วนหนึ่ง แต่หากไข่หวานต้องอยู่กรุงเทพนานไม่มีกำหนดเพื่อตามหาหลาน เงินจำนวนนั้นคงไม่มากพอจ่ายค่าที่พักตลอดไปแน่ๆ หนูเล็กซึ่งสนิทกับไข่หวานเช่นกันจึงเสนอให้ไข่หวานให้ไปพักกับญาติของเธอ โดยรับประกันความปลอดภัย 100% เพราะลุงช้างมีบ้านอยู่ชานเมือง อยู่กับหลานสาวเพียงหนึ่งคน และเขาใจดีมากๆๆๆๆ จากคำอธิบายของหนูเล็กทำให้ไข่หวานเห็นภาพคุณลุงแก่ๆวัยห้าสิบที่มีรอยยิ้มแสนใจดีทันที ลุงช้างของเด็กหญิงมดตะนอย เป็นนักเขียนบทโทรทัศน์ซึ่งเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทำงานที่บ้าน บ้านซึ่งมีเพียงเขาและหลานสาววัยหกขวบอาศัยอยู่ โดยมีท่านเลขาฯรัฐมนตรี “ดร.อนล วโรดม” หรือ “ลุงเสือ” พี่ชายคนโตของอนิลมาเยี่ยมเยียนอยู่สม่ำเสมอหากเขาไม่ต้องเดินทางไปราชการที่ต่างประเทศ นอกจากนี้อนลและอนิลยังมีน้องสาวสุดรักสุดหวงอีกหนึ่งคนคือ กวาง “อนุช วโรดม” ในอดีต กวางเติบโตมาดุจไข่ในหิน พ่อแม่รักและดูแลดั่งแก้วตา แต่เมื่อเธอเติบโตเป็นวัยรุ่น พ่อก็เลิกกับแม่ กวางรักพ่อมากจึงเข้าใจว่าพ่อทิ้งเธอไป พ่อไม่รักเธอแล้ว กอปรกับกวางเริ่มมีความรักครั้งแรกกับหมึก ทำให้เธอออกห่างจากครอบครัว ติดแฟนมากจนพลาดพลั้งตั้งท้องในวัยเรียน กวางชวนหมึกแต่งงานทั้งๆที่หมึกยังไม่พร้อมและยังไม่รู้ว่ากวางท้อง หมึกจึงปฏิเสธเธอไป กวางเสียใจมาก หลังจากเธอให้กำเนิดเด็กหญิงมดตะนอยแล้ว เธอก็บินไปอาศัยอยู่กับมารดาที่อเมริกา และไม่กลับมาเหลียวแลลูกสาวที่ทำให้ชีวิตวัยสาวของเธอพังยับลงในปีที่สามของการเรียนมหาวิทยาลัยอีกเลย กวางไม่แม้แต่จะบอกครอบครัวของเธอว่าพ่อของเด็กคือใคร เธอเลือกที่จะหนีความจริงและบาดแผลอันปวดร้าวไปพร้อมกับการทิ้งภาระให้กับพี่ชายคนรองเลี้ยงดูลูกสาวของเธอเพียงลำพัง แขกประจำอีกคนของลุงช้างก็คือ ไฮโซสาวที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่วงการเพราะความอยากดัง “ภารวี เกียรติธำรง” หรือ “คุณอาพาราวี” ที่หนูน้อยมดตะนอยเรียกขาน ภารวีเป็นอดีตรุ่นน้องและเพื่อนบ้านเก่าของลุงช้าง เธอแอบชอบลุงช้างตั้งแต่สมัย ม.ปลาย ก่อนที่เธอจะไปเรียนต่อต่างประเทศ และลุงช้างก็ย้ายบ้านไปอยู่ชานเมือง ไฮโซสาวมักจะหาเรื่องแวะเวียนมาทำคะแนนกับลุงช้างเสมอๆ โดยเฉพาะหลังจากได้ข่าวว่าลุงช้างมีญาติสาวมาพักด้วย ไข่หวานแทบช็อกเมื่อพบว่า “ลุงช้าง” ญาติของหนูเล็กที่ฝากฝังให้มาพักด้วยนั้นไม่ใช่ “คุณลุงแก่ๆวัยห้าสิบ” ดังภาพที่เธอจินตนาการไว้ แต่ลุงช้างกลับกลายเป็นหนุ่มหล่อ เข้ม ที่สำคัญแววตาคมกริบ วิบวับ ที่มองหล่อนก็ทำให้ใจมันหวั่นๆหวิวๆ ลุงช้างเองก็ตกใจไม่ต่างกันเมื่อพบหน้า“คุณยายไข่หวาน”ที่ตนเองจินตนาการถึงยายแก่ตกยากหอบหิ้วสังขารเข้าเมืองกรุงมาเพื่อตามหาลูกหลาน แต่ผู้หญิงตรงหน้าเขากลับกลายเป็นหญิงสาวสวยสะพรั่ง มั่นใจในตัวเอง ทะมัดทะแมง แถมยังเก่งเรื่องเครื่องยนต์กลไกอีกด้วย บางครั้งเวลาลุงช้างเขียนบทไม่ทันก็ได้ไข่หวานนี่แหละช่วยเลี้ยงมดตะนอย ลุงช้างปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการมีไข่หวานอยู่ในบ้านนั้นเป็นความรู้สึกที่ชุ่มชื่นหัวใจ...อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน อีกทั้ง มดตะนอยตัวน้อยก็ดูท่าว่าจะติดอาไข่หวานแจ แถมยังชอบสาธยายความสามารถพิเศษพิสดารของเขาให้เธอได้รับรู้อยู่เสมอๆ เช่น “ถ้าอาไข่หวานนอนไม่หลับให้ลุงช้างเกาหลังให้ก็ได้นะคะ ลุงช้างเกาหลังเก่งมากเลยค่ะ” หรือ “ลุงช้างเต้นควีโยมีเก่งที่สุดเลยค่ะอาไข่หวาน” และที่เด็ดสุดคือ “ลุงช้างแต่งเป็นเดอะลิตเติลเมอร์เมดซ้วยสวยค่ะอาไข่หวาน” โธ่เอ้ยยายมดตะนอย แล้วอย่างนี้อาไข่หวานจะคิดว่าลุงช้างเป็นคนอย่างไรกันล่ะเนี่ย! ภารกิจโลกแตกที่พี่หมึกฝากฝังไข่หวานเริ่มต้นด้วยการตามหาตัว “อนุช วโรดม” หญิงสาวที่พี่ชายของเธอคิดว่ามีอาจลูกด้วยกันตามคำบอกเล่าของ “จามร” เพื่อนสนิทของมุรธา ตามรูปและที่อยู่ที่เจ้าตัวให้มา แต่ไข่หวานก็คว้าน้ำเหลวเมื่อพบว่าเจ้าของบ้านได้ย้ายบ้านไปนานหลายปีแล้ว ความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้เธอรู้สึกท้อ มีลุงช้างนี่แหละที่คอยให้กำลังใจ แถมยังทำกับข้าวอร่อยๆให้เธอฟื้นกำลังขึ้นมาตามหาพวกเขาอีกครั้ง ลุงช้างไม่เคยถามว่าเธอตามหาใคร ส่วนเธอเองก็ยังไม่พร้อมที่จะเล่าปมอันแสนเจ็บปวดของครอบครัวให้ใครฟัง ทั้งสองต่างรู้สึกอบอุ่นที่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน...แม้ไม่ต้องพูดจา... ในที่สุดไข่หวานก็ได้พบกับเบาะแสสำคัญที่อาจทำให้เธอได้พบพี่สะใภ้กับหลานที่ตามหาอยู่ “สริดา รุจิอาภรณ์” คือเพื่อนสนิทของอนุช วโรดมสมัยที่ยังเรียนมหาวิทยาลัย แต่เมื่อไข่หวานได้พบพูดคุยกับสริดาเรื่องอนุชและลูก เธอต้องผิดหวังกลับมาอีกครา เมื่อสริดาไม่ได้ให้ความร่วมมือเปิดเผยข้อมูลใดๆแม้แต่น้อย เหตุเพราะความเคียดแค้นเพื่อนรัก ในอดีต อนุชและสริดาเป็นเพื่อนรักกันมาก และต่างชอบรุ่นพี่ปีสี่คนเดียวกันนั่นคือ หมึก แต่หมึกกลับชอบอนุชมากกว่าสริดา ในงานปาร์ตี้คืนหนึ่งสริดาแกล้งดื่มเหล้าให้เมาเพื่อให้หมึกขับรถไปส่ง หมึกรับปากเธอด้วยความเป็นห่วงอย่างเพื่อน แต่เขาก็กลับไปส่งอนุชแทน หมึกลืมสริดาเสียสนิทจนกระทั่งตอนเช้า หมึกได้ข่าวว่าสริดาประสบอุบัติเหตุรถชนจากการเมาแล้วขับ สริดาถูกตัดขาทั้งสองข้างไปพร้อมๆกับการตัดความสัมพันธ์อย่างถาวรกับคนที่เธอเคยรักทั้งคู่ อนาคตของเธอดับวูบลงพร้อมกับความเจ็บปวดที่ก่อขึ้นเป็นกำแพงแห่งความขมขื่น เคียดแค้น มองโลกในแง่ร้าย และปิดกั้นตัวเองจากสังคมภายนอก ในเมื่อเธออยู่ในโลกนี้อย่างไม่มีความสุข อย่าหวังที่จะได้เห็นอนุชและหมึกมีความสุขด้วยกันเลย สริดาปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือทุกวิถีทางแก่ไข่หวาน ซ้ำยังไม่ยอมรับการติดต่อจากเธออีกเลย ไข่หวานยังพยายามติดต่อเพื่อขอพบสริดาอยู่เรื่อยๆ พร้อมๆกับที่เธอก็ต้องเตรียมตัวเข้าประกวดซุปเปอร์โมเดลอย่างเต็มที่ การประกวดครั้งนี้ทำให้ไข่หวานพบกับ “สาริศ” เจ้านายของนิกกี้ ลูกชายคนโตของบริษัทนำเข้ารถยนต์หรูซ้ำยังเป็นพี่ชายแท้ๆของสริดา ซึ่งสาริศทำท่าว่าจะหลงเสน่ห์สาวอุบลฯเข้าอย่างจัง ถึงกับสะกดรอยตามไข่หวานมาหาถึงบ้านลุงช้างเพื่อตามจีบอย่างชัดเจน สร้างความไม่พอใจให้แก่ไข่หวานไม่น้อย แต่ต้องยอมติดต่อด้วยก็เพื่อหวังว่าสาริศจะช่วยพูดให้สริดาใจอ่อนยอมบอกความจริงกับเธอ ลุงช้างก็พลอยหงุดหงิดแกมงอนหน่อยๆเพราะหวงก้าง เอ้ย ห่วงความรู้สึกของเพื่อนร่วมบ้านคนนี้ ที่สำคัญนายสาริศนั่นเข้าออกบ้านเป็นว่าเล่น แถมยังมีข้อมูลใหม่ๆของคนที่ไข่หวานตามหามาหลอกล่อให้เธอออกไปกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน นิกกี้ได้เข้ามาทำงานเป็นเลขาของสาริศและคอยช่วยงานการประกวดทุกอย่าง แต่ก็ต้องเจออุปสรรคชิ้นใหญ่ คือ ตวงพร อาของสาริสและสริดา ตวงพรเป็นน้องสาวแท้ๆของพ่อสาริศที่บริหารงานแทนสาริศในช่วงที่พ่อเขาเพิ่งเสีย และเขายังเรียนอยู่เมืองนอก เมื่อสาริศกลับมา เขาก็อยากจะดึงอำนาจกลับสู่ตัวเอง แต่ตวงพรซึ่งอยากฮุบสมบัติไว้เพียงคนเดียวก็ไม่ยอม ตวงพรล๊อบบี้ผู้ถือหุ้นต่างๆนานาให้เลิกสนับสนุนการประกวด และใช้ภารวีซึ่งเป็นลูกสาวของเพื่อนรักให้คอยขัดขวางงานทุกอย่างของสาริศ ทำให้สาริศกับนิกกี้ต้องคอยช่วยกันแก้ปัญหาตลอดเวลา นิกกี้เห็นอกเห็นใจสาริศมากขึ้นจนกลายเป็นความรัก ไข่หวานผ่านเข้ารอบสองของการประกวด สร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมากให้กับภารวีและตวงพรเป็นอย่างมาก เจ้าตัวแสดงออกนอกหน้าว่าไม่ชอบนางสาวหวันยิหวาตั้งแต่แรกพบ เนื่องจากแอนตี้การเป็นนักเรียนนอกของไข่หวาน และให้เหตุผลว่า หล่อนไม่เหมาะกับการเป็นตัวแทนของสาวไทยสมัยใหม่ที่ยังต้องคงความเป็นไทยไว้ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ไข่หวาน คือคนๆเดียวกับญาติห่างๆที่มาพักกับลุงช้างชายหนุ่มที่เธอสนใจ ตามที่กาคาบข่าวอย่าง “น้องพลอย” สาววัยรุ่นบ้าดาราข้างบ้านลุงช้างคอยสอดสืบให้เธออยู่เนืองๆ น้องพลอยเข้าออกบ้านลุงช้างได้สะดวกเพราะลุงช้างจ้างให้มาช่วยดูแลมดตะนอยในวันที่เขาไม่อยู่บ้าน หรือปั่นงานไม่เสร็จ พลอยอยากทำงานพิเศษเก็บเงินไปเรียนแอ็คติ้ง ความฝันของพลอยคือการได้เป็นดาราเหมือนภารวี ไข่หวานได้รับข่าวดีอีกเรื่องคือสาริศเล่าว่าอนุชเป็นน้องสาวแท้ๆของท่านเลขาฯดร.อนล วโรดม ไข่หวานดีใจมากและติดต่อไปยังดร.อนลทันที แต่เขาไปราชการที่อเมริกาแถมยังขอลาพักร้อนต่ออีกหนึ่งเดือน เธอตัดสินใจส่งอีเมลไปแต่ก็ไม่ได้รับอีเมลตอบกลับจากเขาเลย ด้านฝั่งลุงช้างก็ได้รับข่าวคราวบอกเล่าจากพี่ชายที่ไปเยี่ยมแม่และน้องสาวที่อเมริกาว่า มีหญิงสาวคนหนึ่งติดต่อเขาเพื่อขอเจรจาเรื่องอนุชและลูก แต่ไม่มีทางเสียหรอกที่เขาจะยอมยกมดตะนอยผู้เป็นแก้วตาของเขาไปให้คนไม่มีความรับผิดชอบพรรค์นั้น! ระยะเวลาที่ไข่หวานพักอยู่กับลุงช้างและมดตะนอยนั้น ความใกล้ชิดสนิทสนมของคนทั้งคู่ทำให้ความคิดของชายหนุ่มและหญิงสาวเปลี่ยนแปลงไป เขาตระหนักว่าชีวิตเขาและหลานสาวต่างก็ขาดบางสิ่งบางอย่างไป เขาพบว่าไข่หวานคือแบบอย่างของหญิงสาวที่เขาอยากให้มดตะนอยเป็นเมื่อเติบโตขึ้น คือเป็นผู้หญิงมั่นใจในตนเอง และคิดว่าความสวยที่แท้จริงของผู้หญิงไม่ใช่การแต่งหน้าทาปาก หากแต่เกิดจากสมองและความคิดที่สวยงามมากกว่า นอกจากนั้นไข่หวานยังช่วยแก้พฤติกรรมเลียนแบบอันแสนแก่แดดแก่ลม ที่มดตะนอยเคยได้รับจากภารวีและน้องพลอยนั้นหายไปเสียด้วย และที่สำคัญที่สุด...เขาอยากให้ไข่หวานมาเป็นหวานใจของเขาเหลือเกิน... ไข่หวานเองก็ชักจะมีอาการใจสั่นกับผู้ชายท่าทางอบอุ่น ใจดี อีกทั้งแววตาเป็นประกายคู่นั้นมันชวนหลงใหลเสียนี่กระไร จากการปรึกษานิกกี้ นิกกี้ก็บอกให้ไข่หวานเช็คดูว่า เขาจะมีใจตรงกันกับเธอหรือเปล่า โดยการหว่านเสน่ห์ต่างๆนานา ลุงช้างรู้สึกแปลกๆกับพฤติกรรมก๋ากั่นเกินเหตุของไข่หวาน ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าไข่หวานมีแผนการยั่วเย้าเขาบางอย่าง เขารู้ดีแต่ที่ไม่กระโตกกระตากออกมา ก็เพราะว่าการที่มีไข่หวานมาวนเวียนใกล้ชิดมันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เรื่องอะไรอนิลจะพลาดโอกาสดีๆอย่างนี้ ก่อนการประกวดซุปเปอร์โมเดลรอบตัดสิน ไข่หวานออกไปทานข้าวนอกบ้านกับลุงช้างและมดตะนอย ตวงพรกับภารวีจ้างให้คนไปถ่ายรูปเพื่อสร้างข่าวว่าไข่หวานแอบมีครอบครัวอยู่แล้วก่อนเข้าประกวด “พิชิต” ลูกน้องคนสนิทของนายแม่ดาวเรืองบังเอิญเห็นเหตุการณ์พอดีจึงรายงานเรื่องนี้ให้นายแม่ทราบทันที เดือดร้อนถึงนายแม่ดาวเรืองจนทำให้นั่งไม่ติด โทรหามุรธาซึ่งกำลังทำธุระอยู่ที่กรุงเทพฯให้มาดูน้องว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มุรธาและพิชิตมาหาไข่หวานที่บ้านลุงช้าง ลุงช้างต้อนรับพี่ชายที่บอกว่ามาเยี่ยมไข่หวานเป็นอย่างดีและเชิญให้พักด้วยกัน ไข่หวานจึงจำต้องยอมตกกระไดพลอยโจนซะงั้น มดตะนอยดีใจมากที่มีลุงหมึกมาพักด้วยกันและกลายเป็นเพื่อนเล่นแสนวิเศษของเด็กน้อยอีกคน มุรธาก็รู้สึกถูกชะตากับหลานลุงช้างคนนี้ตั้งแต่แรกเห็นซึ่งเขาไม่รู้เลยว่ามดตะนอยคือลูกสาวแท้ๆของเขานั่นเอง ไข่หวานไม่ละความพยายามในการติดต่อขอพบสริดาอีกครั้ง ครั้งนี้เธอใช้ความจริงใจตามที่ลุงช้างแนะนำมา เธออธิบายความต้องการของพี่ชายเธอที่ต้องการรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นและขอให้สริดาช่วยให้เธอได้ติดต่อกับอนุชโดยตรง และด้วยความช่วยเหลือของสาริศอีกแรงที่เกลี้ยกล่อมพี่สาวให้ยอมละทิฐิและเห็นแก่เด็กตาดำๆ สริดาจึงรับปากว่าจะลองคุยกับอนุชให้ หลังจากไข่หวานกลับไปแล้ว สริดาจึงติดต่ออนิลและบอกเรื่องราวทั้งหมดที่เธอได้พบหญิงสาวที่มาตามหาอนุชและลูกให้เขาฟัง แถมยังนัดให้อนิลไปเจอหน้าคนที่จะมาพรากมดตะนอยไปจากเขาในวันการจัดงานประกวดซุปเปอร์โมเดลรอบสุดท้ายอีกด้วย ลุงเสือส่งอีเมลมาหาลุงช้างอีกครั้ง เมื่อเขาได้รับอีเมลอีกฉบับจากหญิงสาวที่เรียกร้องสิทธิของความเป็นญาติฝ่ายพ่อของมดตะนอยขอพบและเจรจา คราวนี้อนุชที่เคยปฏิเสธการรับรู้เรื่องใดๆของเด็กหญิงมดตะนอยถึงกับเปรยขึ้นมากับพี่ชายว่า อย่าให้ใครเอาลูกเธอไปได้ ถึงเธอไม่พูดอย่างนั้นอนิลก็ไม่มีความคิดยกมดตะนอยให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น ทางด้านไข่หวานเองก็เริ่มท้อใจที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อไถ่โทษให้พี่ชายของเธอ วันนั้นเองเธอก็เผยความอ่อนแอของผู้หญิงคนหนึ่งให้ลุงช้างเห็น เธอโอบกอดเขาเพื่อขอกำลังใจ แต่ไข่หวานหารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายกลับฉวยโอกาสเผยความรู้สึกผ่านการปลอบประโลมเธอ ไข่หวานได้โอกาสที่จะพิสูจน์ความรู้สึกของลุงช้างว่าใจจะตรงกับเธอหรือเปล่าตามที่นิกกี้บอกมา ไข่หวานตัดสินใจค่อยๆเคลื่อนหน้ามาหอมแก้มลุงช้าง แทนที่ลุงช้างจะผลักไส เขากลับจุมพิตปลอบตอบเธออย่างนิ่มนวล ไข่หวานรู้ในวินาทีนั้นเองว่า ลุงช้างก็มีใจตรงกับเธอ กรี๊ดดดด! ในที่สุด สาริศกับนิกกี้ก็เอาชนะตวงพรจนสามารถจัดงานประกวดได้สำเร็จ ในวันประกวดรอบสุดท้ายของซุปเปอร์โมเดล ลุงช้างพามดตะนอยและลุงหมึกไปเชียร์ไข่หวานถึงขอบเวที ลุงช้างและไข่หวานดูมีความสุขมากเมื่อได้รับรู้ความรู้สึกในใจของกันและกัน ฝ่ายสาริศก็พาสริดามาดูการประกวดในครั้งนี้ หล่อนยอมออกจากบ้านก็เพื่อหวังจะชี้ตัวการให้อนิลรับทราบ ผลการประกวดปรากฏว่า นางสาวหวันยิหวา อัศวเรืองฤทธิ์ได้รับตำแหน่ง Brand Ambassador ของบริษัทนี้ สร้างความดีใจตื่นเต้นให้กับทุกคนโดยเฉพาะลุงช้าง ระหว่างรอรับไข่หวานกลับบ้าน หมึกก็บังเอิญเจอกับสริดาเพื่อนสนิทของอนุช เขาเปิดเผยตัวตนของเขาเพื่อขอคุยเรื่องหญิงสาวและลูกของเขา ทันใดนั้นลุงช้าง มดตะนอยและไข่หวานเดินมาสมทบพอดี สริดาได้โอกาสบอกอนิลว่าคนตรงหน้าเขานี่แหละที่ต้องการพรากมดตะนอยไปจากเขา สองคนพี่น้องนี่เองที่เป็นคนไร้ความรับผิดชอบ ลุงช้างรู้ความจริงทั้งหมดก็โกรธมาก พามดตะนอยกลับบ้านทันที! สองพี่น้องหมึกและไข่หวานตามไปคุยกับลุงช้างที่บ้าน ความจริงที่เปิดเผยทำให้อนิลโกรธและเสียใจมาก ในขณะที่ไข่หวานก็พยายามจะอธิบายและขอโทษแทนพี่ชายตน เรื่องราวบานปลายจากการต่อว่าของอนิลในค่ำคืนนั้น ทำให้หมึกแอบลักพาตัวมดตะนอยไปในรุ่งสางของอีกวัน ยังไม่ทันที่ลุงช้างและไข่หวานออกตามหามดตะนอย อนุชก็โทรศัพท์มาหาอนิลในสายวันนั้นพอดิบพอดี อนุชร่ำไห้ทันทีที่ทราบเรื่องและบอกว่าตนจะกลับเมืองไทย พร้อมกันนั้นไข่หวานก็ได้รับโทรศัพท์จากนายแม่ดาวเรืองบอกว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว พี่หมึกของเธอพาเด็กหญิงตัวเล็กๆมาบอกว่าเป็นลูกสาวของเขา ให้ไข่หวานรีบกลับบ้านด่วน อนิลตัดสินใจเดินทางไปอุบลฯพร้อมไข่หวานทันที นายแม่ดาวเรืองแทบจะลมจับเมื่อรู้ความจริงว่า ลูกชายของตนแอบไปมีหลานไว้เมื่อหลายปีก่อน แต่ด้วยความน่ารักน่าเอ็นดูของมดตะนอยทำให้เธอยอมรับความจริงได้ภายในค่อนวัน นายแม่ดาวเรืองพามดตะนอยออกไปเที่ยวตลาด ซื้อเสื้อผ้า ซึ่งที่ตลาดนั่นเองมดตะนอยก็ร้องเรียก “น้าหนูเล็ก” ของเธอดังลั่น ทำให้ความจริงอีกเรื่องกระจ่างขึ้นมาว่า หนูเล็ก อณิมาเพื่อนสนิทของไข่หวานเป็นน้องสาวคนละแม่ของลุงช้างนั่นเอง! ลุงช้างมาถึงอู่รถดาวเรืองก็พุ่งตรงไปยังมดตะนอยเพื่อรับกลับทันที แต่ฝ่ายไข่หวานและนายแม่ดาวเรืองไม่ยอมและถือความเป็นญาติฝ่ายพ่อของมดตะนอยเรียกร้องสิทธิในตัวหลาน ทำให้หนูเล็กต้องรีบเคลียร์สถานการณ์ตรงหน้าบอกให้ลุงช้างกลับไปพักที่บ้านเธอก่อน อนิลได้พบพ่อ “อธิป” กับแม่เลี้ยง หนูเล็กเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างหมึกกับอนุชให้พ่อฟัง อนิลได้รู้ความจริงว่าแท้จริงแล้วพ่อของเขาไม่ได้ทิ้งลูกๆไว้กับแม่ แต่พ่อคิดถึง “ใจลูก”เป็นหลักเพราะแม่เขาให้เหตุผลว่าลูกๆต้องการอยู่กับเธอ พ่อก็ยอมรับแต่โดยดีเพื่อความสุขของลูก ทั้งๆที่เขารักและอยากรับอนุชไปเลี้ยงใจจะขาด เช้าวันใหม่อนิลขับรถไปอู่ดาวเรืองแต่เช้าเพื่อหวังจะขโมยมดตะนอยกลับมา แต่มดตะนอยออกไปวัดกับนายแม่ดาวเรือง ไข่หวานรักและอยากให้มดตะนอยอยู่กับพี่ชายเธอมากกว่าจึงเฉไฉไม่ยอมไปตามหาไข่หวานให้ลุงช้างง่ายๆ ศึกย่อมๆแย่งหลานตัวน้อยก็เกิดขึ้นระหว่างไข่หวานและอนิลที่ต่างอ้างสิทธิ์ในการดูแลหลาน ทั้งสองคนต่างเจ็บปวดที่ต้องทะเลาะกันเรื่องหลานจนคิดว่าความรักของทั้งคู่คงไม่มีทางเป็นจริงได้! หนูเล็กต้องไกล่เกลี่ยให้ลุงหลานได้อยู่ด้วยกันตอนกลางวัน แต่กลางคืนต้องนำหลานมานอนบ้านย่าแทน มดตะนอยสับสนไปหมดจนล้มป่วยเพราะปรับตัวไม่ทัน การที่มดตะนอยล้มป่วยนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตจนทำให้ทั้งสองบ้านตัดสินใจนัดเจรจายุติปัญหาว่ามดตะนอยควรอยู่กับใครกันแน่? ระหว่างนั้นสาริศและอนุชก็ตามมาสมทบกับอนิล อนุชเริ่มลดทิฐิลงหลังจากได้ฟังเรื่องราวในอดีตจากปากของพ่อ และรับรู้ว่าพ่อรักเธอมากขนาดไหน เช้าวันรุ่งขึ้นการเจรจาเริ่มต้นขึ้นระหว่างสองบ้านเพื่อหาข้อยุติ มุรธาพยายามปฏิบัติตัวดีต่ออนุชแต่กลับโดนเธอปฏิเสธอย่างไม่ไยดี นายแม่ดาวเรืองขอโทษอนุชและยอมรับผิดเรื่องมุรธาทุกประการ ดาวเรืองบอกว่าเธอเลี้ยงลูกไม่ดีเอง เธอคอยปกป้องลูกเกินไปจนลูกไม่กล้าตัดสินใจเอง อนุชแจ้งความต้องการว่าเธอจะเอามดตะนอยไปเลี้ยงที่ต่างประเทศ ไข่หวานไม่ยอมเพราะญาติฝั่งพ่อควรมีสิทธิ์เลี้ยงดูเช่นกัน อนิลทักท้วงว่ามดตะนอยไม่ได้รู้จักพ่อและแม่ของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะฉะนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือ ให้มดตะนอยอาศัยอยู่กับลุงช้างตามเดิม ส่วนนายแม่ดาวเรืองจะซื้อบ้านที่กรุงเทพฯให้มุรธาได้อาศัยอยู่ ระหว่างนี้ทั้งมุรธาและอนุชเองต้องพิสูจน์ตัวเองและค่อยๆให้ลูกได้เรียนรู้และปรับตัวในการใช้ชีวิตกับพ่อแม่ เย็นวันนั้นเมื่อทุกอย่างเคลียร์ลงตัว ลุงช้างและอนุชรับตัวมดตะนอยเดินทางกลับกรุงเทพฯด้วยกันทันที จากนั้นไม่นานมุรธาก็ย้ายไปอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ เขากลายเป็นแขกประจำของบ้านลุงช้างไปอย่างรวดเร็ว นอกจากจะทำหน้าที่พ่อด้วยความรักและเต็มใจแล้ว มุรธายังพยายามเริ่มต้นกับอนุชอีกครั้ง และเขาก็ยังโชคดีที่ได้รับโอกาสใหม่จากอนุชเพื่อจะพิสูจน์ตัวเองและเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ทางด้านสาริศก็สารภาพกับไข่หวานว่าเขาแอบชอบเธอ แต่ไข่หวานปฏิเสธเพราะมีคนอยู่ในใจแล้ว นิกกี้คอยปลอบใจสาริศตลอด จนเขาคิดว่าเขาน่าจะเริ่มต้นให้โอกาสตัวเองลองคบคนใหม่ได้เสียที คนที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเพียงแต่เขาไม่เคยเห็นความสำคัญนั่นคือ นิกกี้นั่นเอง ในที่สุดมุรธาก็เอาชนะใจอนุชได้ มดตะนอยกลายเป็นเด็กสดใสที่มีความสุขที่สุดในโลก เพราะเธอมีพ่อแม่ครบสมบูรณ์เฝ้าคอยสั่งสอนให้เธอเติบโตไปในทางที่ถูกที่ควร มุรธาและอนุชจะย้ายไปสร้างครอบครัวด้วยกันที่อเมริกา เมื่อลุงช้างและไข่หวานรู้เรื่องก็แทบใจจะขาด เพราะมดตะนอยเปรียบดัง “แก้วตา” อันเป็นที่รักยิ่งของเขาและเธอ แต่ลุงช้างจำต้องยอมรับความจริง เพราะคิดถึง “จิตใจของมดตะนอย” ซึ่งสำคัญที่สุด ไข่หวานสงสารและเห็นใจลุงช้างมากที่ต้องถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว เพราะเธอเองก็ต้องกลับไปทำงานเป็นวิศวกรคุมอู่รถทัวร์ให้นายแม่ดาวเรืองเช่นกัน ลุงช้างน้อยใจไข่หวานมากที่ทิ้งเขาไป จนเขากลายเป็นคนเศร้าซึม และแล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อไข่หวานโทรตามลุงช้างให้ไปอุบลฯด่วน เขาเดินทางไปหาเธอด้วยความคิดถึง แล้วก็พบเซอร์ไพรส์ว่า มุรธา อนุชและมดตะนอยย้ายกลับมาสร้างครอบครัวที่อุบลฯ เพราะมุรธาได้คิดทบทวนอีกครั้งแล้วว่าเขาควรกลับมาสืบทอดกิจการเพราะเป็นลูกชายคนโต ส่วนอนุชก็อยากลืมบรรยากาศความเจ็บปวดที่อเมริกา มาอยู่ใกล้อธิปเพื่อทดแทนวันเวลาที่หายไปให้ผู้เป็นพ่อ ไข่หวานตัดสินใจชวนลุงช้างมาสร้างครอบครัวด้วยกันที่อุบลฯ...เสมือนขอผู้ชายแต่งงานกลายๆ ลุงช้างใช้เวลาคิดไม่นานเลยเพราะเขาอยากอยู่กับ “หวานใจ”ของเขา ลุงช้างให้คำสัญญากับไข่หวานว่า เขาและเธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นสมบูรณ์ และมี “แก้วตา” ดวงใจน้อยๆเป็นของตัวเองด้วยกัน...
รักสุดฤทธิ์ 2556

รักสุดฤทธิ์ (2556/2013) ท่ามกลางบรรยากาศเคร่งเครียดในห้องสอบวิชากฎหมายอาญาของนักศึกษาปี 4 คณะนิติศาสตร์ ชนมน สาวเชยแว่นหนาผู้ช่วยอาจารย์ขานชื่อ “นายอิทธิฤทธิ์ ปิติชาติ” แต่ทั้งห้องก็เงียบกริบ เสียงแผดก้องของมอเตอร์ไซด์ก็ดังขึ้นและซิ่งดริฟท์โชว์ก่อนจอดสนิทหน้าตึกเรียน ชนมนและนักศึกษาทั้งหมดกรูมาชะโงกดูพร้อมทั้งโห่ร้องทึ่งในความกล้าบ้าบิ่น...ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นนาย อิทธิฤทธิ์ หนุ่มแสบซ่าสุดเท่ประจำคณะนิติ ลูกนายตำรวจใหญ่ชื่อดังนั่นเอง!

ด้วยความเฮี๊ยบ ชนมนไม่ยอมให้อิทธิฤทธิ์เข้าสอบเพราะมาสาย แต่มาย่าดาราดาวเด่นได้รับการยกเว้น คนอย่างอิทธิฤทธิ์มีหรือจะยอม เขาเรียกร้องสิทธิ์ให้ยกเว้นตัวเองด้วยเหมือนกัน ชนมนจำต้องยอมอ่อนข้อให้เข้าสอบ แต่ก็หมายหัวไว้โดยจับจ้องอิทธิฤทธิ์ตลอด อิทธิฤทธิ์เจอข้อสอบหินมากจนยอมต้องโกงข้อสอบ โดยการมีเจ๋งสมุนลูกไล่คอยช่วยเหลือ แต่ถูกชนมนจับได้ จึงปรับให้อิทธิฤทธิ์สอบตกโดยไม่มีอุทธรณ์ฏีกาใดๆทั้งสิ้น! อิทธิพล พ่อของอิทธิฤทธิ์อับอายที่ลูกชายโกงข้อสอบเป็นอย่างมากสั่งให้อิทธิฤทธิ์ลงเรียนซัมเมอร์และต้องสอบผ่านให้ได้ อิทธิพลติดต่ออาจารย์ที่มหาวิทยาลัยให้ส่งติวเตอร์มือหนึ่งมาช่วยติว อิทธิฤทธิ์แทบคลั่ง เมื่อติวเตอร์ที่จะมาติวเข้มร่วมเดือนก็คือยัยสาวเฉิ่มแว่นหนา ชนมน ผู้ช่วยอาจารย์ที่ทำให้เขาต้องสอบตกนั่นเอง ชนมนเป็นบัณฑิตเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง การเรียนเป็นเลิศจนได้เป็นผู้ช่วยอาจารย์และรับติวนักศึกษาไอคิวต่ำทั่วราชอาณาจักร เมื่อเธอเห็นหน้าอิทธิฤทธิ์ เธอก็ประกาศไม่รับติวแบดบอยอย่างนี้เหมือนกัน อิทธิพลจึงเสนอค่าจ้างสูงลิ่วจนชนมนปฏิเสธไม่ได้ ด้วยเธอกำลังต้องการเงินก้อนใหญ่เพื่อไปเรียนโทต่อตามความใฝ่ฝันของเด็กรักเรียน แล้วถ้าหากอิทธิฤทธิ์สอบซัมเมอร์ผ่าน อิทธิพลยังจะตบรางวัลเป็นเงินแสน พอที่ชนมนจะเอาไปจุนเจือครอบครัวที่มีฐานะยากไร้ มีพ่อ ชูชัย ที่เป็นเพียงเจ้าของร้านข้าวผัดเล็กๆและยังมี ชิน น้องชายตัวแสบวัยกำลังโตที่ต้องคอยหาเงินส่งเสียให้เรียนอีก วันแรกที่นัดติวอิทธิฤทธิ์ก็แผลงฤทธิ์สมชื่อเสียแล้ว โดยแอบหนีไปแข่งมอเตอร์ไซด์กับแก๊งค์ ตี๋เล็ก ที่เป็นศัตรูคู่แค้นกันมา ชนมนไม่ลดละความพยายามซิ่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างประกบตามตัวไปติวถึงสนามแข่ง อิทธิฤทธิ์ก็ไม่ยอมแพ้หาทางหนีชนมนทุกวิธีทาง เป็นการเล่นซ่อนหาด้วยการขี่มอเตอร์ไซค์ซอกซอนไปทั่วกรุงเทพฯ จนในที่สุดชนมนจับอิทธิฤทธิ์ได้และกักตัวไว้ในบ้าน อิทธิฤทธ์อาละวาดหนักจนชนมนทนไม่ไหวงัดไม้ตายขึ้นมา ชนมนลอยตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและกระโดดเตะก้านคอ ทำเอาอิทธิฤทธิ์อ้าปากเหวอเมื่อเห็นป้าเด็กเรียนแปลงร่างเป็นจีจ้าไปในเพียงพริบตา ถึงจะเจ็บตัวแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อิทธิฤทธิ์ยอมให้ติวง่ายๆ นี่เป็นเพียงยกแรกเท่านั้น! ชนมนค้นพบว่า อิทธิฤทธิ์แอบหลงรักมาย่าดาราสาวเพื่อนสนิท จึงชักชวนมาย่ามาร่วมติวด้วย ยอมใจป้ำลดค่าสอนห้าสิบเปอร์เซ็นต์ มาย่าเล่นละครรับงานอีเว้นท์จนไม่มีเวลาเรียนต้องเรียนซัมเมอร์เหมือนกัน จึงดีใจมากที่ได้ติวกับคนเก่งอย่างชนมน อิทธิฤทธิ์ที่พอเห็นมาย่าเข้ามาร่วมเรียนด้วยเท่านั้น ยอมเรียนแต่โดยดีตามแผนชนมน อิทธิฤทธิ์ยอมเรียนในช่วงแรกแต่ด้วยหัวใจนักซิ่ง เมื่อชนมนเผลอ(และอยากสวีทกับมาย่าสองคนบ้าง)ก็ลากตัวมาย่าไปซิ่งรถ ตี๋เล็กเด็กสปอยล์ลูกเสี่ยใหญ่จอมทะเล้น ดี๊ด๊าสุดๆ ที่ได้เจอมาย่าจึงปิดถนนแข่งรถอวดศักดาหวังให้มาย่าประทับใจ แต่ด้วยความทะเล่อทะล่ากลับถูกตำรวจจับไปทั้งก๊ก โชคดีที่ ร้อยตำรวจตรีธรรม์ ดึงตัวมาย่าไปซ่อนในรถตำรวจ ทำให้รอดจากเหตุการณ์ได้ทันอย่างหวุดหวิด อิทธิฤทธ์จำต้องเรียกชนมนมาช่วยประกันตัวเพราะไม่อยากให้พ่อรู้ ชนมนซ้ำเติมอิทธิฤทธิ์ขอให้ตำรวจช่วยขังลืมอิทธิฤทธิ์เสีย แต่ตำรวจคนนั้นกลับมาประกันตัวอิทธิฤทธิ์เสียเอง เพราะเขาคือ ธรรม์ พี่ชายบุญธรรมของอิทธิฤทธิ์นั่นเอง ชนมนได้รู้จักชีวิตอิทธิฤทธิ์มากขึ้น รับรู้ว่าอิทธิฤทธิ์เป็นคนโดดเดี่ยวมีเพื่อนแค่มาย่า(และแมวชื่อนิลนิล)และโหยหาต้องการแม่เป็นอย่างมาก ชนมนสืบต่อไปจึงพบว่า พ่อกับแม่อิทธิฤทธิ์หย่าขาดกัน แม่เสียใจหนีไปอยู่อเมริกา ชนมนคิดข้อต่อรองได้ โดยยื่นข้อเสนอว่า ถ้าหากสอบซัมเมอร์ผ่าน อิทธิฤทธิ์จะได้ไปพบแม่ที่อเมริกา อิทธิพลไม่เห็นด้วย ค้านอย่างหัวชนฝา แต่เมื่อถูกถามถึงเหตุผลก็ตอบได้ไม่เคลียร์ สุดท้ายจึงต้องยอมทำตามคำแนะนำของชนมนอย่างไม่เต็มใจ อิทธิฤทธิ์ตกลงทำตามเงื่อนไขที่ว่าหากเขาสอบผ่าน จะได้ไปพบแม่ที่อเมริกา จากเด็กร้ายเริ่มจะกลายเป็นเด็กเรียน แต่เป็นเด็กดีให้ติวเตอร์ชื่นใจได้ไม่กี่วัน อิทธิฤทธิ์ก็หนีหายไปอีก ชนมนปรี๊ดแตกตามไปจะเอาเรื่อง แต่แล้วก็พบว่าอิทธิฤทธิ์ไปช่วยเจ๋งที่ถูกพ่อ ขี้เมากำลังทำร้ายอยู่ ชนมนเริ่มเห็นมุมดีๆของอิทธิฤทธิ์ ส่วนมาย่าได้เล่นหนังเรื่องแรกเป็นบอดี้การ์ดสาวแสนเก๋ โดยมีธรรม์มาช่วยฝึกสอนการยิงปืนและศิลปะการป้องกันตัว ธรรม์มีโอกาสได้พบกับมาย่าบ่อยๆ ความแอบชอบปลื้มกันอยู่แล้วก็ยิ่งพัฒนาไปอีกขั้น ตี๋เล็กหลงรักมาย่ายิ่งกว่าแฟนคลับตามจับดารา ตี๋เล็กพยายามหาทางใกล้ชิดมาย่า ยิ่งเมื่อรู้ว่าอิทธิฤทธิ์สนิทกับมาย่าก็เสนอหน้ามาแทรกตลอด ตี๋เล็กใช้เส้นแม่รวยมาเล่นเป็นตัวประกอบในหนังที่มาย่าเล่น แต่ก็แอ็คติ้งห่วยจนอิทธิฤทธิ์โชว์ซิ่งรถเก่งกว่าจึงชิงบทนั้นไปได้ ตี๋เล็กแค้นมากจึงไปพูดยั่วโมโหอิทธิฤทธิ์เรื่องโกงข้อสอบและพาลไปว่าถึงอิทธิพลว่าคงโกงกินเหมือนลูก อิทธิฤทธิ์ทนไม่ไหวจึงเกิดการชกต่อยกันขึ้น ตี๋เล็กผูกใจเจ็บกับอิทธิฤทธิ์ประกาศจะเอาคืนทุกวิถีทาง เมื่ออิทธิพลรู้อิทธิฤทธิ์ก็ถูกพ่อต่อว่าอย่างหนัก มีชนมนเข้าใจคนเดียวว่าที่เขาทำไปเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของพ่อนั่นเอง ตี๋เล็กกับแก๊งค์ไปดักเล่นงานชนมน เพราะไม่อยากให้มาติวให้อิทธิฤทธิ์สอบผ่าน ลูกน้องตี๋เล็กผลักชนมนจนล้มลง แว่นหลุด ตี๋เล็กฉวยโอกาสเหยียบแว่นชนมนจนแตก ชนมนโกรธฮึดสู้ แก็งค์ตี๋เล็กถึงกับถอยร่นไม่เป็นกระบวนเมื่อเจอฤทธิ์แม่ไม้มวยไทยผสมกังฟูของชนมน ตี๋เล็กถูกชนมนซัดจนน่วม ทำให้แน่ใจว่า ชนมนไม่ได้มาจากครอบครัวธรรมดาแน่ๆหลังจากนั้นอิทธิฤทธิ์ก็ขับรถพา ชนมนไปซื้อคอนแทคเลนส์ให้ใส่ โดยให้เหตุผลว่าคราวหลังจะได้สู้กับตี๋เล็กถนัดๆ ชนมนเซ็งมาก! ตี๋เล็กเริ่มหาเหยื่อรายใหม่ เมื่อเล่นงานอิทธิฤทธิ์ไม่ได้ก็ต้องเล่นงานคนใกล้ตัวอิทธิฤทธิ์นี่แหละ นั่นคือมาย่า มาย่าเริ่มได้รับโทรศัพท์แปลกๆ เจอโน้ตบอกรักทุกที่ที่ไป อิทธิฤทธิ์ ชนมน และธรรม์รวมหัวกันตามหาตัวแฟนคลับจิตป่วนคนนี้แต่ก็หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เมื่อมาย่าต้องไปถ่ายหนังที่เพชรบูรณ์ ทุกคนจึงพร้อมใจกันไปช่วยคุ้มครอง ตลอดทางมีสัญลักษณ์ของแฟนคลับโรคจิตปรากฎเป็นระยะๆจนมาย่าขวัญหนีดีฝ่อ แต่จนมาย่าถ่ายหนังเสร็จก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น อิทธิฤทธิ์เห็นเค้าลางว่าธรรม์มีใจให้มาย่า เลยหาทางจะบอกรักมาย่าตัดหน้า ชนมนเองก็เริ่มเอนเอียงใจให้อิทธิฤทธิ์ แต่ก็จำยอมช่วยอิทธิฤทธิ์จัดฉากโรแมนติคให้ อิทธิฤทธิ์รวบรัดบอกรักมาย่า ไม่ให้โอกาสมาย่าปฏิเสธ ธรรม์เห็นอิทธิฤทธิ์กอดมาย่าจึงต้องถอยห่างออกมา ก่อนที่ทุกคนจะกลับกรุงเทพฯ แฟนคลับโรคจิตก็จับมาย่าไปได้ โดยทิ้งสัญลักษณ์เยาะเย้ยไว้ อิทธิฤทธิ์ตีความสัญลักษณ์ออกว่า แฟนคลับโรคจิตนั่นคือ ตี๋เล็กนั่นเอง ทุกคนแยกกันตามหาตี๋เล็กกันอลหม่าน จริงๆแล้วตี๋เล็กจับมาย่าไปเพราะอยากดินเนอร์กับดาราคนโปรดซักครั้งในชีวิต ธรรม์รีบตามไปช่วยมาย่าได้ก่อนทุกคน อิทธิฤทธิ์กับชนมนยืนมองมาย่าโผเข้ากอดธรรม์อย่างเจ็บจี๊ดๆที่หัวใจ อิทธิฤทธิ์จำต้องยอมแพ้อย่างลูกผู้ชาย ธรรม์ต้องทำงานหนักเพื่อตามสืบคดี เที่ยงธรรม พ่อของเขาที่ถูก ชาติชาย มาเฟียเจ้าของบ่อนคาสิโนฆ่าตาย ทำให้ต้องห่างจากมาย่า มาย่าไม่เข้าใจที่อยู่ดีๆธรรม์ก็เปลี่ยนไป มาย่าน้อยใจมาก วันเปิดตัวหนังเรื่องแรกของมาย่า ทางบริษัทสร้างหนังก็ส่งบัตรเชิญไปให้ธรรม์มาร่วมงานด้วยในตำแหน่งผู้ฝึกสอนเฉพาะทางของนักแสดง มาย่าได้แต่ลุ้นว่าธรรม์จะมาหรือเปล่า เพราะเธออยากเจอเขาเหลือเกิน ในที่สุด ธรรม์ก็ปรากฏตัวในงานโดยควงคู่มากับชนมนที่แต่งตัวมาอย่างสวยน่ารัก มาย่าน้อยใจมาก อิทธิฤทธิ์ที่ถึงแม้จะตะลึงในความสวยผิดหูผิดตาของชนมน แต่ก็คอยจิกกัดชนมนตลอดงานด้วยความหมั่นไส้ อิทธิฤทธิ์ทำอะไรไม่ได้จึงสั่งห้ามชนมนอยู่ใกล้ธรรม์เกินห้าเมตร ชนมนไม่สนใจ และอยู่ๆก็หายหน้าไปหลายวันไม่มาติวให้อิทธิฤทธิ์ตามนัด อิทธิฤทธิ์ดิ้นพล่านหลงคิดภาพชนมนไปสวีทหวานกับธรรม์ แต่เมื่ออิทธิฤทธิ์มาตามชนมนที่บ้าน เลยรู้จากชินว่าชูชัยช็อคจากอาการโรคเบาหวานจนเข้าโรงพยาบาล ชนมนต้องไปเฝ้าพ่อและกลับมาขายข้าวผัดที่ร้าน วิ่งทำงานจนหัวหมุน อิทธิฤทธิ์จึงได้เห็นชีวิตที่แท้จริงของชนมน ว่าเงินทุกบาททุกสตางค์มีค่ากับครอบครัวจนๆของเธอมากแค่ไหน กว่าที่เธอจะหาเงินเพื่อมาเรียนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่เขามีโอกาสที่ดีกว่าเป็นล้านเท่ากลับไม่เห็นค่าของมัน อิทธิฤทธิ์เริ่มเข้าใจชนมนมากขึ้น จึงทำตัวแสนดีช่วยชนมนสุดฤทธิ์ ตามไปเฝ้าชูชัยที่รพ. ช่วยเสิร์ฟที่ร้านอาหาร ชูชัยเริ่มชอบใจอิทธิฤทธิ์ขึ้นติ๊ดนึง ชนมนปลีกเวลาอันน้อยนิดติวเข้มอิทธิฤทธิ์ และให้อิทธิฤทธิ์รับปากว่าจะไม่ไปแข่งรถจนกว่าจะสอบซัมเมอร์เสร็จ แม้มาย่าจะไม่เอาเรื่องที่ตี๋เล็กลักพาตัวไปเพราะกลัวเป็นข่าว แต่ตี๋เล็กก็ไม่เลิกรา กลับมาตอแยมาย่าอีก ด้วยความเป็นห่วงธรรม์จึงกลับเข้ามาช่วยคุ้มครองมาย่าอีกครั้ง ส่วนอิทธิฤทธิ์ก็เจรจากับตี๋เล็กจนต้องนัดแข่งกันอีกหน ถ้าอิทธิฤทธิ์ชนะ ตี๋เล็กจะไม่มายุ่งกับมาย่าอีกต่อไป อิทธิฤทธิ์ยอมผิดคำพูดกับชนมนเพื่อมาย่า ทำให้ชนมนเสียใจว่า ที่สุดแล้วมาย่าก็มาก่อนอยู่ดี ในวันแข่งรถตัดสินชะตากรรม รถของอิทธิฤทธิ์กับรถตี๋เล็กซิ่งแข่งกันมาสูสี แต่อย่างไม่คาดคิดชนมนโผล่พรวดมายืนขวางทางรถไว้ อิทธิฤทธิ์เลี้ยวหลบได้แต่รถล้มกลิ้งลงข้างทาง อิทธิฤทธิ์ได้รับบาดเจ็บ แต่ตี๋เล็กเบรกไม่ทันเฉี่ยวชนมนล้มหงายหัวน็อคพื้นสลบไปทันที ธรรม์กับมาย่ามาพาทั้งสองส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา แก๊งค์ตี๋เล็กแตกฮือแยกกันหนีธรรม์ แต่ธรรม์คว้าตัวตี๋เล็กไว้ได้และจับตี๋เล็กไปส่งอาป้าและอาม้าของตี๋เล็กให้จัดการสั่งสอน คราวหน้าถ้าแข่งรถอีก ธรรม์จะจับขังคุกทั้งบ้าน โทษฐานไม่ดูแลกันให้ดี อิทธิพลสุดแสนระอาใจ มาเยี่ยมอิทธิฤทธิ์ที่โรงพยาบาล ชูชัยที่มาเยี่ยมชนมนอยู่ก่อนแล้ว ได้เจอกับอิทธิพล ถึงได้รู้ว่า อิทธิฤทธิ์เป็นลูกของอิทธิพล !! เมื่อรู้ดังนั้น บรรยากาศมาคุเริ่มบังเกิด ชูชัยสั่งห้ามชนมนไปติวและไปยุ่งเกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์อีกเด็ดขาด เพราะชูชัยเกลียดอิทธิพลถึงขั้นไม่เหยียบเงากันเลยทีเดียว เมื่อชนมนถามถึงเหตุผลก็แทบช็อคเมื่อรู้ประวัติพ่อตัวเองที่เคยเป็นมาเฟียเจ้าของบ่อนคาสิโน! และเป็นเพื่อนกับอิทธิพลและเที่ยงธรรมพ่อของธรรม์ด้วย ในอดีตอิทธิพลอยากทำผลงาน บุกเข้าทลายบ่อนและทำให้เที่ยงธรรมเสียชีวิต การตายของเที่ยงธรรม ชูชัยจึงเลิกงานทุจริตและมาผัดข้าวผัดแทน ส่วนอิทธิพลก็ได้เลื่อนขั้นจากผลงานทลายบ่อนคาสิโนจนเป็นใหญ่เป็นโต เมื่ออิทธิฤทธิ์กับชนมนถูกแยกจากกัน ทั้งสองต้องทนทุกข์กับการไม่ได้เจอกัน ยิ่งห่างก็ยิ่งรู้ใจตัวเองว่า ทั้งสองขาดกันไม่ได้ อิทธิฤทธิ์สงสารชนมนมากที่ต้องผิดหวังเสียใจกับความผิดของพ่อในอดีต จึงขอให้ธรรม์ช่วยสืบคดีที่คลุมเครือนี้ให้กระจ่าง ธรรม์คุยกับชูชัยจนรู้ว่าคนที่ฆ่าพ่อเขาตัวจริงคือ เก่งกาจ ความจริงจะกระจ่างหากจับตัวเก่งกาจมาสารภาพผิดได้ ประจวบเหมาะกับ บ๊วยลูกน้องตี๋เล็กและเป็นเด็กส่งยาทำแผนการส่งยาของเก่งกาจแตก อิทธิฤทธิ์และตี๋เล็กจึงผนึกกำลังกันใช้บ๊วยสืบไปหาจนถึงเก่งกาจได้ คดีความจึงจบลงด้วยดี เมื่อชูชัยเป็นอิสระ ชูชัยยอมให้ชนมนคบกับอิทธิฤทธิ์ได้ แต่ต้องทำตามกฎเหล็กของเขา ห้ามอยู่ตามลำพังสองคน ให้ชินจังน้องชายตามไปทุกที่ แต่อิทธิฤทธิ์กับชนมนลดเลี้ยวแหกกฎแอบพบกันตลอดๆ จนความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มดีวันดีคืน ชนมนได้ยินอิทธิพลคุยโทรศัพท์กับนฤดีแม่ของอิทธิฤทธิ์ นฤดีปฏิเสธไม่ยอมพบอิทธิฤทธิ์ อิทธิพลจำต้องปฏิเสธไม่ให้อิทธิฤทธิ์ไปอเมริกา แม้อิทธิฤทธิ์จะสอบผ่านซัมเมอร์แล้ว อิทธิฤทธิ์ไม่เข้าใจและโกรธพ่อมาก เขาคิดว่าชนมนกับพ่อรวมหัวกันโกหก เอาแม่มาเป็นข้อต่อรองให้เขาสอบให้ผ่าน ที่จริงแล้วแม่อาจจะไม่รู้เรื่องที่เขาจะไปหาเลยด้วยซ้ำ ชนมนบอกอิทธิฤทธิ์ให้ไปถามนฤดีได้ ตอนนี้นฤดีกลับมาเยี่ยมบ้านที่เมืองไทย แต่ก็ไม่คิดที่จะมาเยี่ยมลูกชายตัวเองเลย! อิทธิฤทธิ์ผลุนผลันออกไปหาแม่ที่บ้านยาย พบว่านฤดีมากับสามีใหม่และลูก นฤดีบอกความจริงทุกอย่างว่า อิทธิพลไม่ได้บ้างานจนทอดทิ้งเธอ แต่นฤดีต่างหากที่ยังคิดว่าตัวเองยังเด็กและไม่พร้อมจะมีครอบครัว จึงได้ทิ้งทุกคนไปใช้ชีวิตใหม่ที่อเมริกา แต่ตอนนี้เธอมีครอบครัวที่สมบูรณ์แล้ว ไม่ต้องการใครอื่นอีกแม้คนนั้นจะเป็นลูกชายเธอก็ตาม อิทธิฤทธิ์แทบล้มทั้งยืน หัวใจสลายไม่มีชิ้นดี มีเพียงชนมนที่ปลอบใจให้สติจนอิทธิฤทธิ์คิดได้ แม้เขาไม่มีแม่แต่เขาก็ยังมีพ่อที่ยังรักเขาอยู่ แม้อิทธิพลจะเข้มงวดไม่เคยพูดดีๆด้วย แต่พ่อคนนี้ก็ไม่เคยทิ้งอิทธิฤทธิ์ไป อิทธิฤทธิ์ปรับความเข้าใจกับ อิทธิพล ความเศร้ากลับกลายเป็นความซึ้ง... ธรรม์ขอย้ายไปชายแดนภาคใต้ และรู้ตัวว่างานตำรวจที่ไม่รู้ว่าวันไหนจะไม่กลับถึงบ้าน ไม่สามารถจะดูแลใครได้หรอก มาย่าร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือดก็ยื้อธรรม์ไว้ไม่ได้ จึงตัดสินใจประกาศว่า เธอรักกับธรรม์ ภาพลักษณ์สาวน้อยสวยใสถูกลบกลายเป็นสาวก๋ากั๋นประกาศบอกรักผู้ชาย หนังเรื่องแรกของมาย่าเจ๊งไม่เป็นท่า งานอีเว้นท์เริ่มหด ละครถูกถอด ต้นสังกัดยกเลิกสัญญากับมาย่า อ้างเรื่องมาย่าทำผิดสัญญาไม่รักษาภาพลักษณ์ การตัดสินใจอันเด็ดเดี่ยวนี้ทำให้ธรรม์ กลับมาหามาย่า แต่ธรรม์ก็ยังยืนยันจะไปประจำนราธิวาสตามอุดมการณ์เดิม มาย่าขอสัญญาจากธรรม์ว่าเขาจะต้องกลับมาหาเธอ..และเธอจะรอจนกว่าจะถึงวันนั้น ชนมนได้ข่าวดีเธอสอบชิงทุนได้แต่เป็นข่าวร้ายสำหรับอิทธิฤทธิ์ ชนมนจะต้องไปเรียนต่อทันทีโดยไม่รอให้อิทธิฤทธิ์เรียนจบ อิทธิฤทธิ์ขอให้ชนมนยกเลิกทุน และรอไปกับเขา เขาพร้อมจะจ่ายค่าเรียนให้เอง ชนมนปฏิเสธไม่ยอมลดศักดิ์ศรีตัวเองรับเงินจากอิทธิฤทธิ์ ถ้าหากอิทธิฤทธิ์รักเธอจริง ระยะทางและเวลาก็ทำอะไรความรักของเขาทั้งสองไม่ได้ แต่ถ้าเขาทั้งสองไม่ได้รักกันขนาดนั้น ก็ต้องปล่อยให้เป็นตามชะตากรรม สามปีผ่านไป ชีวิตทุกคนก้าวเดินต่อไป ธรรม์กลับมาประจำที่กรุงเทพฯ ด้วยยศร้อยตำรวจเอก ธรรม์รีบเร่งไปรับมาย่าที่โรงละคร ได้ทันดูฉากสุดท้ายของมาย่าบนเวทีละคร มาย่าโค้งรับเสียงดังกึกก้องจากคนดูจนถึงขั้นคนดูทุกคนลุกขึ้นตบมือชื่นชม มาย่าจากดาราดาวรุ่งที่หากินกับงาน อีเว้นท์ พลิกกลับมาเป็นนักแสดงมืออาชีพที่มีเกียรติน่ายกย่อง ธรรม์และมาย่ารีบเร่งไปรับชนมนที่กลับมาจากอังกฤษเพื่อทำวิทยาพนธ์ต่อปริญญาเอกที่เมืองไทย และท้ายที่สุดทุกคนก็เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อกับการกลับมาของใครอีกคนที่ไม่ได้พบกันมาแสนนาน อิทธิฤทธิ์เด็กแสบนักซิ่ง ตอนนี้มาในชุดนายตำรวจยศร้อยตำรวจตรี อิทธิฤทธิ์เมื่อจบปริญญาตรีนิติศาสตร์ เขาตัดสินใจสมัครเป็นตำรวจ ก้าวตามรอยพ่อเพื่อเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ จากเด็กซิ่งซ่าแสบแหกทุกกฎมาเป็นตำรวจคุมกฎหมาย ...เมื่อคิดใหม่ ชีวิตก็เปลี่ยน และชีวิตจะเปลี่ยนไปไม่ได้ ถ้าหากเขาไม่พบติวเตอร์โหด-หวาน-ดุ ผู้ที่เขารักและชื่นชมที่สุด...อย่างชนมน
พรพรหมอลเวง 2556

พรพรหมอลเวง (2556/2013) "ตันหยง" สาวสวยมากด้วยความมั่นใจและสามารถ กับอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันที่ทำให้เธอฟื้นขึ้นมาในร่างของ "น้องเมย์" เด็กน้อยอายุห้าขวบกับปัญหาในครอบครัวใหญ่ของเด็กน้อยและความรู้สึกพิเศษที่เริ่มก่อขึ้นกับ "ปฐวี" อาหนุ่มของเด็กหญิงผู้เป็นหมอหนุ่ม หน้าตาดีที่มากด้วยความสามารถ เธอจะทำยังไงกับปัญหาของตน และจะกลับร่างตนได้หรือไม่ ตันหยง เสียใจจากการที่ไปพบ พิราม หนุ่มคู่หมั้นกำลังหาความสุขอยู่ที่คอนโดมิเนียมที่จะใช้เป็นห้องหอ กับพนักงานสาวในบริษัทของพิรามเองโดยบังเอิญ ตันหยงถอนหมั้นทันที แล้วขับรถออกมา ร้องไห้จนสาใจแล้วสำนึกว่าเป็นเพราะความโกรธแค้น อับอายที่ถูกหลอกมากกว่าจะเสียใจเพราะอกหักตันหยงขับรถเตลิดเปิดเปิงไปไกลโดยไม่รู้ตัว พอรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ที่อยุธยาแล้ว ตันหยงแวะทานข้าว เผลอดื่มเหล้าจนเมามาก รู้สึกตัวว่าชายหนุ่มแปลกหน้าเริ่มลวนลามจับมือจับแขน จึงขับรถกลับ แต่ถูกตามโดยรถ 2 คัน ขนาบหน้า-หลัง 1 ในรถคันนั้น คือชายแปลกหน้านั่นเอง ตันหยงกลัวตัดสินใจบึ่งรถหนีจนเกิดอุบัติเหตุบนทางโค้ง รถตันหยงตกข้างทางชนต้นไม้ใหญ่อย่างแรงวิญญาณ ของตันหยงออกจากร่าง และด้วยปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง พอตันหยงรู้สึกตัวอีกครั้งในโรงพยาบาลก็พบว่าร่างที่ตัวเองอยู่นั้นกลายเป็น เด็กหญิง อายุ 5 ขวบ ชื่อ เมริน ซึ่งพลาดตกบันได และเป็นเวลาเดียวกับที่ตันหยงประสบอุบัติเหตุ เกิดการสลับวิญญาณตันหยงรู้ว่าวิญญาณของเมรินตายแล้ว และตัวเองมาอาศัยร่างแทน แต่ไม่รู้ว่าร่างของตัวเองอยู่ที่ไหน เป็นอย่างไร จนกระทั่งตอนท้ายของเรื่องเมื่อแรกก็รู้สึกตัว ตันหยงพยายามบอกใครๆ ว่าตัวเองเป็นใคร แต่ไม่มีใครรับฟัง เด็ก 5 ขวบ แม้แต่ ปฐวี ซึ่งเป็นทั้งแพทย์ที่รักษาและน้าชายของเมริน ตันหยงเลยเลิกพูดพยายามปรับตัวใช้ชีวิตอยู่ในร่างของ ด.ญ.เมริน (น้องเมย์) ตันหยงต้องดำเนินชีวิตในร่างของน้องเมย์ วัย 5 ขวบ ด้วยวิญญาณและความรู้สึกของสาวอายุ 25 น้องเมย์เป็นสุดที่รักของน้าชาย (ปฐวี) ด้วยความใกล้ชิดสนิทสนมของน้าชายกับหลาน 5 ขวบ ทำให้หัวใจของตันหยง เริ่มซึมซับความอบอุ่นทีละน้อยจนในที่สุดตันหยงก็ยอมรับกับตัวเองว่ารัก น้าวี เป็นความรักอย่างแท้จริงที่ไม่สามารถแสดงออกได้ใครๆ พากันแปลกใจมากที่น้องเมย์ กลายเป็นเด็กที่เรียนเก่ง พูดเก่ง ฉลาดเกินวัยมาก ตันหยงรู้ว่าครอบครัวของน้องเมย์มีปัญหา ประภัสสร และ เมธี แตกแยกกันเพราะความเข้าใจผิด และด้วยแรงยุของ ปรางค์ทิพย์ ตันหยงร่วมมือกับน้าวี แก้ไขสถานการณ์จนเรียบร้อย ขณะที่ความรู้สึกของตันหยงก็ยิ่งรักปฐวีเข้าไปทุกวัน ด้วยความอยากรู้ว่าร่างของตัวเองเป็นอย่างไร ตันหยงพยายามหาข่าวตัว เองจาก นสพ. ทุกฉบับ แต่ก็ไม่พบจนหมดกำลังใจ เคยพยายามโทรศัพท์ไปหาแม่ (คุณบุหงา) หลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครยอมเชื่อว่า เด็กอายุ 5 ขวบ มาเรียกคุณบุหงาว่าแม่ ตันหยงไม่รู้จะทำยังไงต้องจำยอมอยู่ในร่างของน้องเมย์ต่อไป เรื่องราวต่างๆ ผ่านไปมากมาย ในชีวิตครอบครัวของน้องเมย์ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องราวความไม่ซื่อสัตย์ของสามี ต่อภรรยาทั้งนั้น ทำเอาตันหยงแทบจะเกลียดผู้ชายทั้งโลก จน 3 เดือนผ่านไปประภัสสรและเมธี พ่อ-แม่ของน้องเมย์กลับมารักกันอย่างเดิม ตันหยงพอใจมาก คิดจะบอกความจริงกับปฐวีหลายครั้งแต่ไม่ได้บอก บังเอิญมีเหตุร้ายแรง เกิดขึ้น ด้วยความริษยาของคุณปรางทิพย์ จึงไปจ้างให้กรรมกรคนหนึ่งมาปล้นบ้านประภัสสร ให้ทำร้ายประภัสสรและฆ่าน้องเมย์ ขณะที่คนร้ายกำลังบีบคอน้องเมย์และจับหัวกระแทกกำแพงแตก ปฐวีก็มาช่วยไว้ทันพอดี การที่ต้องไปโรงพยาบาลเช็คสมองเย็บแผลต่างๆ ทำให้ตันหยงบังเอิญพบคุณบุหงาครั้งหนึ่ง ตันหยงถลาเข้าไปกอดร้องไห้ เรียกว่าแม่ ปฐวีแปลกใจและสงสัยในตัวหลานสาวมานานแล้ว จึงต้องยอมรับว่าเรื่องที่หลานพูดตอนฟื้นคืนสติใหม่ๆ เป็นความจริง ตันหยง ยอมรับกับปฐวีทุกอย่าง ปฐวีทุกข์ใจมากเพราะรักน้องเมย์เหลือเกิน ขณะเดียวกันก็รู้ว่ารักตันหยงเช่นกัน ตันหยงรู้ว่าร่างของตัวเองกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรามา 3 เดือนกว่าแล้ว ตันหยงสงสารพ่อแม่ตัวเองมากที่เฝ้าร่างที่นอนนิ่งไม่ไหวติงของลูกสาวตลอด เวลาด้วยความหวัง ว่าลูกจะฟื้นขึ้นมาวันหนึ่ง ปฐวีและตันหยงต่างก็มีปัญหากันทั้งคู่ โดยเฉพาะปฐวีคิด หนัก ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกใคร ระหว่างหลานรักกับหัวใจรัก เพราะถ้าตันหยงออกจากร่างน้องเมย์ก็จะสูญเสียน้องเมย์ตลอดไป แต่ถ้าเห็นแก่ตัวและครอบครัวของพี่สาว ก็เท่ากับว่า อยุติธรรมต่อครอบครัวของตันหยง ในที่สุดปฐวีก็ตัดสินใจยอมรับความจริงไล่ตันหยงให้กลับไปสู่ร่างเดิม ตันหยงในร่างน้องเมย์ ตัดสินใจกระโดดลงมาจากบันได ตายในเวลาเดิม (เที่ยงคืน) แต่ตันหยงไม่ได้กลับเข้าร่างทันที วิญญาณของตันหยงคงเฝ้าดูอาการของคนต่างๆ โดยเฉพาะปฐวี ที่มาเฝ้าคอยเรียกตันหยงที่โรงพยาบาลทุกวัน สารภาพความในใจทุกอย่างกับร่างนั้น รอคอยอย่างทรมานนานถึง 6 วัน ตันหยงก็กลับมาสู่ร่างเดิม เมื่อกลับมาบ้าน พ่อกับแม่และพิรามก็คิดจะเตรียมการจัดงานแต่งงานอีกครั้ง บี๋พยายามจะบอกให้ตันหยงคิดดูให้ดีว่าหัวใจของเธอรักใคร ทางด้านนาวินก็รีบไปส่งข่าวให้ปฐวีรู้ แต่ปฐวีก็ไม่สามารถจะเข้าไปแย่งคนรักของใครได้ บี๋ที่พาตันหยงมาแอบฟังความในใจของปฐวีจึงบอกให้ตันหยงคิดเอาเอง จนถึงวันงานแต่งงานของตันหยง ตันหยงตัดสินใจบอกพิรามว่าเธอแต่งงานกับพิรามไม่ได้ เพราะตอนนี้เธอรักปฐวีไปแล้ว พิรามเสียใจมากแต่ก็เข้าใจว่าเป็นตัวเขาเองที่ทำลายทุกอย่างจึงยอมปล่อยตันหยงไป และงานแต่งงานใหญ่โตในวันนั้นก็ต้องยกเลิกเพื่อที่จะมาเป็นงานแต่งงานเล็กๆ ในวันรุ่งขึ้นระหว่างปฐวีกับตันหยงที่บ้านโภควันต์ รวมทั้งการประกาศหมั้นกันของบี๋และนาวิน ซึ่งบี๋ของนาวินว่าจะไปเรียนโทสองปีกลับมาแล้วค่อยแต่งงาน แต่นาวินไม่ยอมเพราะกลัวมีอาถรรพณ์เหมือนตอนพิรามกับตันหยง ซึ่งบี๋ว่าก็ดีน่ะสิ เผื่อจะได้เจอคนใหม่ที่ดีกว่าหล่อกว่าอย่างที่ตันหยงเจอ สุดท้ายนาวินเลยประกาศจะแต่งงานก่อนไปเรียนเอกที่เมืองเดียวกับบี๋ที่ไปเรียนโท และสุดท้ายทุกคนก็มีความสุขชื่นมื่นในงานแต่งงานเล็กๆ แต่อบอุ่นในความเป็นครอบครัวจากทั้งฝ่ายปฐวีและฝ่ายตันหยง

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ