ภูตแม่น้ำโขง (2565/2022) เรื่องราวความรักที่หวังแค่เพียงได้ครอบครองของนางพญาดินแดนอสูรใต้ลำน้ำโขง ที่ยังคงรอคอยชายอันเป็นที่รักมานานนับพันปี เพียงหวังว่าจะได้ครองรักกับชายคนรักตลอดไป นางยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ตัวเขามาครอบครอง และผลของการยึดมั่นในมิจฉาทิฐิอย่างแรงกล้านี้ส่งผลให้ดวงจิตแห่งภูตถูกกับดักของบ่วงกรรมมัดตรึงไว้ไม่ให้หลุดพ้นไปสู่สัมปรายภพ แต่ยังคงวนเวียนหลอกหลอนผู้คนจนกลายมาเป็นเรื่องราวเล่าขานของ ภูตแม่น้ำโขง บัวผัน (อุ้ม อิษยา) สาวใสซื่อ จิตใจดี สาวชาวบ้าน ณ หมู่บ้านนางคอย ริมแม่น้ำโขง หญิงสาวผู้โชคร้ายที่ต้องพบเจอกับผลกรรมในอดีตชาติที่ส่งผลให้เธอต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจการควบคุมของภูตแม่น้ำโขง หรือ เจ้าแม่ทอหูก (ยิหวา ปรียากานต์) จากเด็กสาวที่น่ารัก จิตใจดี ไม่คิดร้ายกับใคร ต้องกลายมาเป็นบริวารของภูตแม่น้ำโขง ยามใดที่บัวผันถูกเจ้าแม่ทอหูกเข้าสิงร่าง เธอจะเปลี่ยนจากหญิงสาวที่ดูธรรมดา กลายเป็นสาวสวยสะพรั่งที่คอยหลอกล่อใครต่อใครลงไปยังเมืองบาดาล เพื่อเป็นเครื่องสังเวยให้กับเจ้าแม่ทอหูก ภูตแม่น้ำโขง ทุกคนในหมู่บ้านต่างพากันสงสัยบัวผัน มีเพียง หมออัคนี (ไม้ วฤธ) แพทย์หนุ่มที่เดินทางมาจากเมืองหลวงเพื่อมาสานต่องานวิจัยของหมอประเวศ ผู้เป็นพ่อ ที่ได้ทำการศึกษา ค้นคว้า และเก็บข้อมูลวิจัยเกี่ยวกับ จิตเวชศาสตร์วัฒนธรรม โรคทางจิตที่เกิดจากความเชื่อและสิ่งลี้ลับในถิ่นชนบท ก่อนที่จะเสียชีวิต อัคนีเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เชื่อว่าบัวผันถูกผีภูตแม่น้ำโขงเข้าสิง และยังพยายามหาทางพิสูจน์เรื่องทั้งหมดว่าเป็นเพียงแค่การอุปาทานเท่านั้น โดยที่อัคนีก็ไม่รู้เลยว่าเจ้าแม่ทอหูกได้รอการกลับมาของเขามานานแสนนาน เพราะกรรมที่เคยทำร่วมกันมาตั้งแต่อดีตชาติ ทำให้พวกเขาต้องเดินทางกลับมาพบกันอีกครั้ง เพื่อสะสางกรรมทุกอย่างที่เคยได้ก่อไว้ น้องสาวที่ขโมยคนรักของเธอไปกลับมาเกิดอีกครั้งพร้อมกับชายอันเป็นที่รัก ! และการกลับมาพบกันครั้งนี้จะทำให้เจ้าแม่ทอหูกสมหวังในสิ่งที่ตั้งใจรอคอยมานานนับพันปีได้หรือไม่ ? พร้อมตามมาเอาใจช่วยหมออัคนี และบัวผัน ให้ปลดบ่วงกรรมนี้ให้สำเร็จ ติดตามเรื่องราวความรัก ความอาฆาต และการตามหาความจริงของบ่วงกรรมนี้ ในละคร ภูตแม่น้ำโขง

เพชฌฆาตจันทร์เจ้า 2565

เพชฌฆาตจันทร์เจ้า (2565/2022) เรื่องราวของ Bloody Moon หรือ มูน พระจันทร์สีเลือด (แยม มทิรา) นักฆ่าสาวเลือดเย็น ทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของคนที่เธอเรียกว่านาย หัวหน้ากลุ่มมาเฟียผิดกฎหมายระดับชาติ มูนถูกเลี้ยงมาให้มีหัวใจที่เย็นชา หยาบกระด้าง จนเมื่อวันหนึ่งที่มูนทำงานผิดพลาด เธอจึงถูกไล่ล่า และพลาดท่าพลัดตกหน้าผาจากการตามล่าของ ภพ (มีน พีรวิชญ์) นักฆ่ามือขวาของอธิปัตย์ และเป็นคนที่มูนยอมเปิดใจให้เข้ามาใกล้ชิดมากที่สุด มูนสามารถเอาชีวิตรอดมาได้จากการช่วยเหลือของ อติรุจ (เกรท วรินทร) หัวหน้าเขตอุทยานแห่งชาติป่าเกาะงาม แต่หลังจากที่มูนฟื้นขึ้นมา เธอกลับอยู่ในสภาพของคนที่ความทรงจำเสื่อมสมองกลับ และมีนิสัยที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อ มูน นักฆ่าสาวเลือดเย็นกลายมาเป็นสาวน้อยผู้สดใส ร่าเริง นามว่า จันทร์เจ้า แม่บ้านคนใหม่ของอติรุจ แล้วยังต้องมาเป็นเมียปลอม ๆ ให้กับอติรุจชายหนุ่มผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเธอไว้อีก มูนต้องสวมบทเป็นเมียปลอม ๆ เพื่อช่วยให้อติรุจหนีรอดจาการคลุมถุงชนของครอบครัวที่หมายหมั้นอติรุจไว้กับ กนกดารินทร์ (มายด์ ฑาริกา) สาวเก่งที่เพียบพร้อม ความอลเวง แสบ แซ่บ โหด มัน ฮา ในศึกระหว่างแม่ผัวกับลูกสะใภ้ปลอม ๆ จึงเกิดขึ้นไปพร้อม ๆ กับความทรงจำของมูนที่ค่อย ๆ ฟื้นคืนมาเรื่อย ๆ เหมือนเงามืดที่กำลังคืบคลานมาบดบังแสงจันทร์สว่างนวลของเธอ ความทรงจำใหม่ ชีวิตใหม่ที่สดใสสวยงาม กับความทรงจำเดิมที่มือเปื้อนเลือด มูนจะตัดสินใจเลือกเส้นทางเดินใด....เพียงเส้นทางเดียว ต้องตามมาลุ้นกันต่อได้ในละคร เพชฌฆาตจันทร์เจ้า

พิภพหิมพานต์ 2564

พิภพหิมพานต์ (2564/2021) เมื่อ "พิมพ์" (แยม-มทิรา) จะต้องเดินทางเข้าไปในป่าหิมพานต์ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นโลกคู่ขนาน เพื่อตามหา “อุลกมณี” ของวิเศษที่จะสามารถนำมาช่วย “ทรงยศ” (หมู-สมภพ) พ่อบุญธรรมของเธอที่นอนป่วยอยู่ โดยมี “สุนทร” (ต้น-จักรกฤษณ์) และ “พัสสน” (ต๊ะ-วริษฐ์) สองพ่อลูกที่คอยช่วยเหลือพิมพ์อยู่ แต่การที่จะเดินทางไปที่ป่าหิมพานต์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่ว่าใครก็สามารถที่จะไปได้ ดังนั้น “พิมพ์” จึงต้องตามหาคนที่มีที่ความสามารถที่จะพาเธอไปยังจุดหมายปลายทางครั้งนี้ และคนคนนั้นก็คือ “กริช” (หลุยส์ สก๊อตต์) พรานหนุ่ม ลูกชายของพรานนิล (สต๊อป-สหัสชัย) ผู้ที่เคยเข้าไปในป่าหิมพานต์ แล้วเป็นคนเดียวที่สามารถกลับออกมาได้ แต่ปัญหาขึ้นอยู่กับกริชที่ไม่เชื่อเรื่องป่าหิมพานต์ เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องเพ้อเจ้อของพรานนิล ผู้เป็นพ่อ และเป็นเหตุทำให้ทวน (เกี๊ยก-วัทธิกร) น้องชายของตนเองต้องหายตัวไป งานนี้พิมพ์จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้กริชยอมตกลงที่จะพาเธอไปป่าหิมพานต์ให้ได้ และร่วมมือกันตามหาอุลกมณี แต่พิมพ์กลับต้องผิดหวังเมื่อกริชได้ปฏิเสธข้อเสนอของเธอ พิมพ์ พัสสน ร่วมกับ “จักร” (กระทิง-ขุนณรงค์) นายแพทย์หนุ่มหล่อ เพื่อนสนิทของพิมพ์ที่แอบมีใจให้พิมพ์มาตลอด “มัศยา” (นิ้ง-ศรัณยา) นักพฤกษศาสตร์สาวอีกหนึ่งเพื่อนสนิทของพิมพ์ ช่างภาพมือโปรอย่าง “อนันต์” (เกริก ชิลเลอร์) และแม่ครัวฝีมือเด็ด “ลาล่า” (ท็อป-ดารณีนุช) พร้อมกับทีมหน่วยรบพิเศษที่นำโดย “พรานเดช” (เก่งชาติชาย) หัวหน้าทีม “เล็ก ลิงลม” (ท็อป-ณฐกร), “ปื๊ด ปืนกล” (ไผ่-วิศรุต), “แจ๊ค ตาเหยี่ยว” (นิวส์-นริศสันต์) และ “แดง เลือดเดือด” (แอม-ศิวภรณ์) ที่จะร่วมออกเดินทางในครั้งนี้ด้วย ความหวังของพิมพ์กำลังเลือนหาย แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เมื่อกริช และ “ส่างหม่อง” (ตี๋ ดอกสะเดา) ลูกน้องคู่ใจปรากฏตัวขึ้น และขอเข้าร่วมการเดินทางสู่ป่าหิมพานต์ในครั้งนี้ โดยที่ทุกคนไม่รู้เลยว่าอันตรายข้างหน้าจะเป็นอย่างไร? และมีใคร? ที่เฝ้ารอให้พวกเขาเดินทางมายังป่าหิมพานต์แห่งนี้อยู่ แล้วมาร่วมผจญภัยไปพร้อมกันในละครเรื่อง “พิภพหิมพานต์” ทางช่อง 3 เร็วๆ นี้

เพลิงนาคา 2562

เพลิงนาคา (2562/2019) จิตที่ผูกพยาบาท ไม่มีใครแก้ได้นอกจากตัวเขาเอง “สิงหานาคราช” (อั้ม-อธิชาติ) พญานาคผู้มีจิตทิฐิ ไม่ยอมรับธรรมะ มั่นใจ และหยิ่งผยองในฤทธิ์อำนาจตน “โกรธแค้น” เพราะถูกน้องชาย “กุมภนาคราช” กักขังด้วยมนต์อาลัมพายน์ ได้รับความทุกข์ทรมานมานับร้อยๆ ปี เมื่อมนต์อาลัมพายน์เริ่มอ่อนฤทธิ์ลง “สิงหานาคราช” จึงกลับมาอีกครั้ง เพื่อหวังที่จะทำลายล้าง “กุมภนาคราช” และตระกูลนาคพิทักษ์ให้พินาศ ล่มสลาย ภาระหน้าที่สำคัญในการปราบพญานาคคู่อริครั้งนี้ จึกตกมาที่ “เธียร” (บอย-ปกรณ์) ทายาทผู้สืบเชื้อสาย มาจากตระกูลนาคพิทักษ์ เขาคือคนเดียวที่จะสามารถต่อกรกับสิงหานาคราชได้ โดยได้รับความช่วยเหลือจาก “ริว” (โบ๊ท-ธารา) เด็กหนุ่มผู้มีจิตสัมผัสพิเศษ น้องชายแท้ๆ ของ “รอยจันทร์” (พรีม-รณิดา) หญิงอันเป็นที่รัก ต้องตามมาลุ้นกันว่าสิ่งใดจะชะล้างความพยาบาท อาฆาตแค้นของสิงหานาคราชให้ยอมรับทั้งกายและใจได้ จะเป็นเพลิงแค้นที่สุมอกพญานาค หรือจะดับได้ด้วยดวงไฟแห่งศรัทธา

The Mirror กระจกสะท้อนกรรม 2561

The Mirror กระจกสะท้อนกรรม (2561/2018) เป็นละครชุดทางโทรทัศน์แนว ดราม่า-สืบสวน-สยองขวัญ สร้างจากบทประพันธ์ของ นำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ในปี 2561 ผลิตละครโดย บริษัท มายน์แอทเวิร์คส์ จำกัด ออกอากาศทุกวันวันอาทิตย์ เวลา 17.00 – 18.00 น. เริ่มออกอากาศตอนแรกวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2561 - 2562

สู้ตายนะไอ้อ่อน อาคิตะซีรีส์ 2560

สู้ตายนะไอ้อ่อน อาคิตะซีรีส์ (2560/2017) ดอม (คณิน ชอบประดิถ) ช่างภาพอิสระสุดเกรียน ผู้ได้รับมรดกตกทอดเป็นสำนักเคนโด้ เดินทางมาที่เมืองอาคิตะ เพื่อหวังรับมรดกตกทอดจากคุณปู่ชาวญี่ปุ่นที่พึ่งเสียชีวิตได้ไม่นาน และการมารับมรดกครั้งนี้ของดอม ทำให้เขาได้พบกับ ไหม (อามีนา กูล) สาวไทยนักเรียนแลกเปลี่ยน ผู้ดูแลสำนักเคนโด้แทนคุณปู่ของดอม ทำให้ทั้งสองต้องมาสู้รบปรบมือกัน เมื่อดอมตั้งใจที่จะขายสำนักเคนโด้ทิ้ง และเอาเงินกลับเมืองไทยเพราะเข้าใจมาโดยตลอดว่าคุณปู่ คือคนที่พรากพ่อไปจากดอมและแม่ แต่การที่ดอมจะขายสำนักเคนโด้นี้ทิ้งคงไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อไหมนำสัญญาของคุณปู่ที่เขียนไว้ว่าจะต้องทำให้ นามิจัง (ริโอะ มิอุระ) ชนะการแข่งขันเคนโด้ให้ได้ ดอมจึงจำใจต้องสอนนามิจังตามที่ไหมบอก เพื่อแลกกับการขายสำนักเคนโด้ทิ้ง

พ่อครัวหัวป่าก์ 2560

พ่อครัวหัวป่าก์ (2560/2017) เรื่องราวชุลมุนวุ่นรักเกิดขึ้น เมื่อ “กมลชนก” (หลุยส์ สก๊อตต์) หนุ่มหล่อ มาดเซอร์ ลูกชายคนเดียวของ “กาญจนา” (สาวิตรี สามิภักดิ์) เจ้าของโรงแรมหรู เกิดหมดศรัทธาในความรัก หลังถูกหักอกจาก “แขไขไฉไล” (อัมราภัสร์ วรรธนะกุล) แฟนสาวที่หนีไปแต่งงานกับเจ้าสัวมหาเศรษฐี จนทำให้กมลชนกต้องกลายมาเป็นเพลย์บอยที่ใช้ชีวิตเสเพลไปวันๆ โดยมีเพื่อนซี้อย่าง “ทองทิว” (มิค-บรมวุฒิ) และ “อาเทวา” (เอ-อนันต์) คอยร่วมหัวจมท้ายด้วยกัน แต่แล้วบุพเพสันนิวาสก็ทำให้กมลชนกได้พบกับ “ทองตรา” (รณิดา เตชสิทธิ์) สาวมั่น ดีกรีนักเรียนนอก สาวสวยจิตใจดีที่ได้ช่วยกมลชนกไว้จากการเข้าใจผิดที่คิดว่า กมลชนกกำลังจะทำร้ายตัวเอง ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ทำให้กมลชนกรู้สึกประทับใจในตัวทองตรา และมีความหวังที่จะเริ่มต้นตามหารักแท้อีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะต้องเจอกับอุปสรรคใหญ่อย่าง “คุณนายทองม้วน” (ดวงตา ตุงคะมณี) แม่ของทองตรา ที่ได้รับฉายาจากคนในบ้านว่าเป็นคุณนายจอมเค็ม เขี้ยว ที่เหนียวซะยิ่งกว่าอะไรดี แต่กมลชนกก็ยังคงเดินหน้าพิสูจน์รักแท้ครั้งนี้ต่อไป โดยการปลอมตัวเป็นเกย์ เพื่อทำให้ตนเองได้เข้าไปอยู่ในบ้านของทองตราในฐานะ คนครัวคนใหม่ ที่มีชื่อว่า “นายมลคนครัว” ยิ่งนานวันความสัมพันธ์ของ “นายมล” กับ “ทองตรา” ในฐานะของลูกจ้างกับเจ้านายก็ดูเหมือนเดินไปในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อ “คุณนายทองม้วน” จับได้ว่านายมลกำลังคิดเกินเลยกับทองตราทำให้คุณนายทองม้วนโกรธจัดจนเอ่ยปากไล่นายมลออกจากบ้าน และทำให้ ทองตราไม่มีโอกาสได้พบกับนายมลอีกถึงแม้ว่าลึกๆ แล้วทองตราเองก็รู้สึกดีกับนายมลเหมือนกัน แต่กลับเป็น “กมลชนก” หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมหรูที่เข้ามาทำให้ทองตรารู้สึกหวั่นไหว เพราะความที่หน้าตาเหมือนกับนายมลอย่างกับฝาแฝด โดยที่ทองตราเองก็ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว นายมล กับ กมลชนก คือคนคนเดียวกัน บททดสอบการตามหารักแท้ของกมลชนกจึงเริ่มต้นอีกครั้ง แต่งานนี้ไม่ง่าย เมื่อ “เบส” (สวิส เตชภูวนนท์) เพื่อนเก่าของทองตรา ดันกลายมาเป็นคู่แข่งหัวใจคนสำคัญที่กมลชนกต้องรับมือ ตามมาลุ้นต่อกันว่า บททดสอบการตามหารักแท้ของ “กมลชนก” จะทำให้เขาได้พบกับ “รักแท้” ที่ตามหาหรือไม่? ติดตามความสนุกนี้ได้ในละครเรื่อง “พ่อครัวหัวป่าก์”

สายลับรักป่วน 2559

สายลับรักป่วน (2559/2016) “ดิน” (แอนดริว เกร้กสัน) สายลับขาลุย มาดกวน ฝีมือดีขององค์กรระดับประเทศ ร่วมมือกับทีมของเขา ซึ่งมี “ร๊อค” (พิชญะ นิธิไพศาลกุล) สายลับหนุ่มเกรียนแตก กับ “คุกกี้” (จตุรงค์ พลบูรณ์) ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอุปกรณ์ไฮเทค กำลังออกปฏิบัติการหยุดยั้งการระเบิดป่วนเมืองของ “ยศพล” (ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี) อาชญากรจอมวายร้ายที่หาตัวจับยาก ในขณะเดียวกัน “มณีมาลา” (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) ภรรยารัฐมนตรี “ไพศาล” (ดิลก ทองวัฒนา) ก็พา “รัน” (เฌอมาลย์ บุญศักดิ์) ลูกสาวคนเดียวมาดูตัวหนุ่มหล่อเพื่อจับคู่ให้ แล้วบุพเพก็อาละวาดให้ดินได้มาพบ และตกหลุมรักกับรันจนสานสัมพันธ์รักต่อกัน รัน รู้จักดิน ในฐานะเซลล์ขายรถมือสองธรรมดาๆ แต่ทุกครั้งที่รันอยู่ใกล้ดิน รันรู้สึกมีความสุข สบายใจ และปลอดภัย อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ส่วนดิน ก็รู้จักรัน ในฐานะผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่ร่วมหุ้นเปิดบริษัททัวร์กับเพื่อนๆ คือ “รุ้ง” (มณีรัตน์ คำอ้วน) และ “โจโจ้” (เกริก ชิลเลอร์) เพียงเวลา ไม่นานทั้งสองก็ตัดสินใจแต่งงาน มณีมาลารู้เรื่องก็ยอมไม่ได้เพราะเธอรักลูกสาวคนเดียวของเธอมาก ตลอดเวลา ที่ผ่านมาเธอพยายามหาหนุ่มๆสุดแสนเลิศเลอเพอร์เฟคมาจับคู่ให้รัน แต่รันก็ไม่เคยชายตามองใคร แม้มณีมาลา จะใช้มารยาสารพัดเพื่อหยุดยั้งการตัดสินใจของลูกสาว แต่รันก็ยืนกรานที่จะแต่งงานกับดิน ดินที่เป็นแค่เซลล์ขายรถมือสอง ดินที่เป็นแค่เด็กวัดจนๆ ดินที่เป็นคนต่ำต้อยไร้ค่าในสังคมชั้นสูง ฉะนั้น ไม่แปลกที่ มณีมาลาต้องขัดขวางทุกทาง ไม่ให้การแต่งงานนี้เกิดขึ้น ยศพลที่หนีรอดการจับกุมตัวไปได้สั่งให้ “ลีโอ” (หลุยส์-พงษ์พันธ์ เพ็ชรบัณฑูร) นักฆ่าจอมเพี้ยน มือขวาของเขา ออกไล่ล่าดิน เพื่อแก้แค้นจนทำให้รันต้องตกอยู่ในอันตรายไปด้วย แต่ดินก็เล่นงานจับกุมตัวลีโอได้สำเร็จและสัญญาว่าจะปกป้องดูแลรันด้วยชีวิต มณีมาลายังตามราวีชีวิตรักของดิน ด้วยการหาทางปั่นป่วนให้บ้านแตก แม้จะต้องใช้อาคมคุณไสยขับไล่ดินไปให้พ้นทางจากชีวิตของรันก็ตาม จนในที่สุดมณีมาลาก็ได้พบกับ “โทนี่” (เมธัส ตรีกาญจนานันท์) หนุ่มหล่อรวยไฮโซ ฉลาด และดีพร้อมไปทุกอย่าง แถมยังโสดอีกด้วย แผนการยัดเยียดโทนี่ให้เป็นมือที่สามระหว่างชีวิตรักของดินกับรันจึงเกิดขึ้น มณีมาลา หาโอกาสร้อยแปดหนทางให้โทนี่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับรันเพื่อให้รันใจอ่อนแต่ก็ไม่เป็นผล รันนั้นรักเดียวใจเดียวเหนียวแน่นต่อดินเป็นที่สุด แม้โทนี่จะมีข้อดีเหนือกว่าดินทุกอย่าง แม้รันจะบอกว่าคบกับโทนี่เป็นแค่เพื่อน แต่ดินเองกลับหวั่นไหวกลัวว่ารันจะเปลี่ยนใจทิ้งเขาไปรักโทนี่ คุกกี้กับร๊อคจึงต้องเป็นกูรู ช่วยให้คำปรึกษาเรื่องความรักกับดิน ดินต้องหาทางงัดข้อโชว์ความเจ๋งของตัวเอง ให้เป็นที่ประจักษ์ในทุกๆ ด้าน แต่ก็สู้โทนี่ไม่ได้ซักทางจนท้ายที่สุดคุกกี้บอกให้ดินรีบมีลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจ เพื่อผูกมัดรันไม่ให้เปลี่ยนใจ ดินพยายามฟีทเจอรริ่งมีลูกกับรัน แต่หารู้ไม่ ว่ารันนั้นไม่อยากมีลูก เธอยังอยากไปเที่ยวสนุกสนานใช้ชีวิตให้เต็มที่ก่อนที่จะมีลูกมาเป็นภาระให้ต้องเลี้ยงดู รันแอบกินยาคุมแล้วโกหก ไม่ให้ดินรู้ว่าเธอไม่อยากมีลูก เพราะกลัวว่าเขาจะเสียใจ แต่แล้วดินก็บังเอิญจับผิดรันได้ จนทำให้ดินเคลือบแคลงสงสัยในตัวรันว่ายังมีเรื่องอะไรที่รันโกหกปกปิดเขาอยู่อีกรึเปล่า โดยเฉพาะเรื่องของโทนี่ ภาระกิจตามไล่ล่าจับตัวยศพลยังดำเนินต่อไป ดิน ร๊อค และคุกกี้ ต้องร่วมมือกันวางแผนตามล่าตัวยศพล แต่ก็ยังหาทางเข้าถึงตัวไม่ได้ จนในที่สุดก็สืบรู้มาว่า ถ้าดินต้องการเข้าถึงตัวยศพลให้ได้ก็ต้องเข้าไปตีสนิทตามจีบ “อินทิรา” (โชติกา วงศ์วิลาศ) แฟนสาวพราวเสน่ห์ของยศพล เพื่อหาข้อมูล แม้ว่าดินจะไม่อยากทำเพราะรู้สึกว่าเขากำลังนอกใจรัน แต่คุกกี้ก็ต้องกล่อมว่านี่มันเป็นแค่งาน ดินไปตามจีบอินทิราทุกวิถีทางโดยมีร๊อคที่ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้คอยวางแผนให้ รันเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของดิน และเริ่มสงสัยว่าดินอาจจะกำลังนอกใจเธอ ดินต้องคอยสับรางหลบหลีก และปิดบังไม่ให้รันรู้ว่า เขากำลังตามจีบอินทิราอยู่ จนอลหม่านกันไปหมด รันเอาเรื่องที่ค้างคาใจว่าดินกำลังมีกิ๊กไประบายให้มณีมาลาฟัง มณีมาลาจึงติดต่อ “แตน” (กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล) นักสืบจับชู้ ให้ตามประกบดินถ่ายรูปหาหลักฐานมาเล่นงานดิน เพื่อให้หย่ากับรันให้ได้ ร๊อคนั้นรู้จักกับแตน และหลงรักเธออยู่ เขาเพียรพยายามตามจีบแตนมานานแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะแตนเกลียดผู้ชายเจ้าชู้ ร๊อคต้องคอยวางแผนขัดขวางไม่ให้แตนทำงานได้สำเร็จ เพื่อปกปิดภาระกิจของดินไม่ให้ถูกเปิดเผย แตนตามติดชีวิตดินจนได้รูปถ่ายคู่กันกับอินทิราที่แสดงความสนิทสนมฉันท์ชู้สาวมาในที่สุด มณีมาลาเอารูปให้รันดูจนทำให้รันไปเอาเรื่องกับดินจนบ้านแทบแตก แต่ดินก็โกหกรัน และหาทางแก้ไขสถานการณ์มาได้ มณีมาลาแอบวางแผนทำให้รันกับโทนี่ต้องมาสนิทกันอีกครั้ง ด้วยการก่อปัญหาเรื่องงานจนทำให้รันเข้าตาจนไม่รู้จะพึ่งใคร แล้วบอกให้โทนี่มาช่วยเหลือรัน รันจำยอมรับความช่วยเหลือ และต้องยอมทำดีกับโทนี่ รันต้องหาทางปิดบังไม่ให้ดินรู้ว่าเธอมาสนิทกับโทนี่ แต่ความลับไม่มีในโลกในที่สุดดินก็รู้ความจริง ยิ่งรันเคยโกหกเขามาแล้วครั้งนึงดินจึงยิ่งคิดมากหาว่ารันนอกใจเขา ในขณะเดียวกันเรื่องที่ดินมาจีบอินทิราก็แดงขึ้นมา อีกครั้ง จนทำให้รันจับได้คราวนี้ดินหาข้อแก้ตัวไม่ได้ และก็บอกความจริงไม่ได้ว่าเขามาจีบอินทิราเพราะเป็น เรื่องงาน ทั้งสองต่างเข้าใจผิดต่อว่ากันหาว่าโกหกหลอกลวงนอกใจกัน รันหนีกลับไปอยู่บ้านแม่เพื่อพักใจ ดินต้องยอมเปิดเผยตัวกับอินทิรา และขอให้เธอทรยศหักหลังยศพลเพื่อจับกุมตัวเขา อินทิรายอมบอกข้อมูล ดินพาทีมบุกจับกุมตัวยศพลมาได้ แต่แล้วลีโอก็แหกคุกมาช่วยยศพลให้หนีไปได้ อย่างน่าเจ็บใจ เพราะดินมัวแต่กลุ้มใจเรื่องรันจนมีผลกระทบกับเรื่องงาน ยศพลยังมีแผนการใหญ่สุดท้ายที่เขากำลังจะทำคือการยิงจรวดสังหารหมู่ผู้นำระดับสูงจากทั่วโลกที่จะมาประชุมกันที่กรุงเทพ แต่เขาจะทำได้ก็ต้องเอาของสำคัญที่อยู่กับอินทิรากลับมาให้ได้ซะก่อน ยศพลส่งลีโอให้ตามทวงของชิ้นนั้นกลับคืนมา ดินกับพวกช่วยกันปกป้องคุ้มครองอินทิราเพราะคิดว่ายศพลกำลังส่งลีโอมาฆ่าอินทิรา ลีโอใช้รันเป็นเครื่องมือ และทำร้ายรันเพื่อกดดันให้ดินยอมส่งตัว อินทิราคืนมา แต่ดินกับทีมก็หาทางเล่นงานลีโอได้สำเร็จ ดินโกรธที่ลีโอทำร้ายรันจึงพลั้งมือฆ่าลีโอ รันยังคงเสียใจเรื่องของดิน ในขณะเดียวกันดินเองก็อยากกลับไปขอคืนดีกับรันแต่ก็ทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะ ขอโทษหรือบอกความจริงกับรันยังไง ระหว่างนี้โทนี่เข้ามาสนิทกับรันมากขึ้นเพื่อช่วยหาทางทำให้แผนการร้ายครั้งใหญ่ของยศพลสำเร็จ แท้ที่จริงแล้ว โทนี่เป็นน้องชายของยศพล และร่วมมือกันวางแผนการร้ายครั้งใหญ่นั่นเอง โทนี่จับตัวรันไปเพื่อแลกเปลี่ยนกับของที่อยู่กับอินทิรา ดินต้องหาทางตามช่วยเหลือรัน และลูกในท้อง รวมทั้งต้องหาทางหยุดยั้งไม่ให้ยศพลยิงจรวดสังหารหมู่ไปพร้อมๆกันให้ได้ ภายใต้สถานการณ์ที่บีบบังคับให้เขาต้องเลือกช่วยอย่างใดอย่างหนึ่ง ในความโกลาหล คับขัน และกดดัน ในที่สุดดินก็ช่วยรันได้ และทำลายแผนการร้ายของยศพลได้สำเร็จ เมื่อรันรู้ความจริงว่าดินเป็นสายลับ เธอยังแคลงใจว่าแท้ที่จริงแล้วเขารักเธอจริงหรือเปล่า ที่ผ่านมาขาโกหกปกปิดเธอเพียงแค่เรื่องงาน หรือใช้ความเป็นสายลับสืบข้อมูลของเธอสร้างสถานการณ์มาหลอกให้เธอหลงรักกันแน่ ดินไปขอโทษรันบอกให้เธอเชื่อใจเขาอีกครั้ง แม้ที่ผ่านมาเขาจะมีเรื่องต้องโกหกหลอกลวงเธอ แต่เรื่องจริงที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือ เขารักเธอ และพร้อมที่จะตายแทนเธอได้ เขาจริงใจกับรันเสมอไม่เคยโกหกเรื่องความรู้สึกของเขาเลย รันดีใจ และยอมคืนดีกับดิน รันบอกให้ดินมาเริ่มต้นกันใหม่ ต่อไปนี้จะไม่มีการโกหกปิดบังอะไรต่อกันอีก ความรัก และการไว้ใจเป็นสิ่งที่ทำให้คนสองคนแต่งงาน และสร้างครอบครัวกัน แต่การโกหกจะทำลายความรัก และการไว้ใจ ดังนั้นการโกหกก็จะทำลายครอบครัว และชีวิตแต่งงานของเราทั้งสองคน ดินเองก็เห็นด้วย ดินบอกกับรันว่า การแต่งงานเปลี่ยนคำว่า “ฉัน กับ เธอ” ให้กลายเป็นคำว่า “เรา” แต่การโกหกหลอกลวง จะเปลี่ยนคำว่า “เรา” ให้เหลือเพียงแค่ “ฉัน หรือ เธอ” ดินกับรันเข้าใจกันได้ กอดกันด้วยความสุข

หัวใจใกล้รุ่ง 2557

ลูกไม้ของพ่อ หัวใจใกล้รุ่ง (2557/2014) หัวใจของ ใกล้รุ่ง พลีเพื่อไทย หรือ รุ่ง (นันทนัช โล่ห์สุวรรณ) ครูสอนดนตรีผู้รักในเสียงดนตรีและผูกพันกับเพลงพระราชนิพนธ์มาตั้งแต่เด็ก ต้องสั่นไหวอีกครั้ง เมื่อได้พบกับ สิงขร ตังอัครวงศ์ หรือ (พศุตม์ บานแย้ม) นักบินหนุ่มแห่งสำนักการบินอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อนสนิท ที่คบกันมาสิบกว่าปีที่ใกล้รุ่งแอบมีใจให้กับสิงขรโดยที่สิงขรไม่รู้ตัว

นับตั้งแต่ ดวงใจ (ปวีณา ชารีฟสกุล) ผู้เป็นแม่ สั่งห้ามคบกับสิงขรอย่างเด็ดขาด เพราะ อาทิตย์ (ดิลก ทองวัฒนา) พ่อของสิงขรมาเอ่ยปากกีดกันความสัมพันธ์ของใกล้รุ่งกับสิงขร ที่ดูเหมือนจะพัฒนาไปเกินกว่าคำว่าเพื่อน ใกล้รุ่งก็ปฏิเสธความรักของสิงขรด้วยเหตุผลที่ว่า ใกล้รุ่งชอบผู้หญิงด้วยกันมากกว่า เหตุการณ์กลับยิ่งแย่กว่านั้น เมื่อสิงขรแกล้งบอกว่าที่เขาสารภาพรักออกไปเป็นเพียงการเล่นเกมคนหน้าโง่ ที่ทั้งสองคนชอบเล่นกันอยู่เป็นประจำเท่านั้นเอง นับจากวันนั้นทั้งสองก็ห่างเหินกันไปโดยปริยาย ครั้งนี้สิงขรกลับมาพร้อมกับข่าวร้ายที่ทำให้ใกล้รุ่งต้องเครียดหนัก เมื่อรู้ว่าโรงเรียนบ้านรักษ์ดนตรี โรงเรียนสอนดนตรีเด็กตาบอด ที่ใกล้รุ่งสอนอยู่ กำลังจะถูกปิดตัวลง เพื่อเอาที่ดินไปสร้างคอนโดโปรเจคท์พันล้านตามที่ อาทิตย์ พ่อของสิงขรต้องการ ทั้ง ๆ ที่โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนที่ ดารกา ภรรยาผู้ล่วงลับของอาทิตย์เป็นผู้ก่อตั้งขึ้น ด้วยความหวังที่จะให้เด็กพิการมีโอกาสเรียนดนตรี และทำความฝันของตัวเอง แม้โรงเรียนจะต้องถูกปิดลง แต่เด็ก ๆ ทุกคนกลับไม่ท้อแท้ รวมทั้งศิษย์เก่าที่รู้ข่าวนี้ก็กลับมารวมตัวช่วยกันหาเงินเพื่อช่วยกันรักษาโรงเรียนนี้ต่อไป จึงทำให้ใกล้รุ่งฮึดสู้ ไปขอร้องอาทิตย์ ให้พิจารณาการตัดสินใจอีกครั้ง แต่อาทิตย์กลับไม่ใส่ใจใกล้รุ่งแม้แต่น้อย ใกล้รุ่งไม่ยอมแพ้ และจะเปลี่ยนใจอาทิตย์ให้ได้ สิงขรคอยเตือนใกล้รุ่งด้วยความเป็นห่วง เพราะเขารู้นิสัยของพ่อดี เมื่อพูดคำไหนก็ไม่มีทางที่จะยอมเปลี่ยนใจ อาทิตย์มอบหมายให้สิงขรรับผิดชอบดูแลโปรเจ็กต์การสร้างคอนโดในครั้งนี้ และสั่งให้สิงขรลาออกจากการเป็นนักบินสำนักอนุรักษ์ฯ แล้วมาช่วยธุรกิจครอบครัวอย่างเต็มตัว สิงขรขอเวลาในการตัดสินใจ ทำให้อาทิตย์ไม่ค่อยพอใจนัก สิงขรใช้โอกาสนี้เข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตของใกล้รุ่ง แม้ใกล้รุ่งจะพยายามหักห้ามใจตัวเองด้วยความเจียมเนื้อเจียมตัวเพราะฐานะทางครอบครัวที่แตกต่างกัน และที่สำคัญใกล้รุ่งพยายามย้ำเตือนตัวเองเสมอว่าสิงขรมี มิรันตี (อลิตา แบล็ทเลอร์) สาวสวยสมบูรณ์แบบ เพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของเธอ และมิรันตีก็เป็นผู้ครอบครองหัวใจของสิงขรอยู่แล้ว แต่สิงขรกลับทำตัวเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ พยายามทำตัวเข้ามาใกล้ชิด แถมที่เจ็บปวดไปกว่านั้นก็คือสิงขรมักทำให้ใกล้รุ่งรู้สึกว่าถูกยัดเยียดให้เป็นตัวสำรองของมิรันตีเสมอ ใกล้รุ่งมาขอร้องอาทิตย์อีก แต่อาทิตย์ยืนยันคำเดิม ใกล้รุ่งแอบท้อใจ แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจยอมรับ ความจริงใกล้รุ่งและพวกเด็ก ๆ จึงเปลี่ยนเป้าหมายเป็นการช่วยกันหาเงิน เพื่อเอาไปทำประโยชน์ให้กับสังคมก่อนที่โรงเรียนจะถูกปิดตัวลง ซึ่งเด็ก ๆ ก็เต็มใจร่วมมือกับใกล้รุ่งเป็นอย่างดี อารัติ (เมธัส ตรีรัตนวารีสิน) ครูสอนเปียโนหนุ่มหล่อ แสนสุภาพ และใจดี เป็นทั้งรุ่นพี่ และเพื่อนที่คอยให้คำปรึกษาใกล้รุ่งอยู่เสมอ พอรู้ข่าวก็ตั้งใจจะมาช่วยใกล้รุ่งกับเด็ก ๆ ที่โรงเรียน ใกล้รุ่งดีใจมาก แต่การเข้ามาใกล้ชิดกับใกล้รุ่งของอารัติ กลับทำให้สิงขร ซึ่งบังเอิญเห็นทั้งคู่ที่มีท่าทางสนิทสนมกัน ก็เกิดอาการขุ่นมัวในใจ จนพาลไม่ชอบหน้าอารัติไปด้วย สิงขรพยายามโทรหาใกล้รุ่งแต่ใกล้รุ่งก็มักจะอ้างว่าไม่ว่าง เพราะต้องไปหาแฟนสาวที่ชื่อ จุ๊บจิ๊บ (วรัตตา วัชราธร) อยู่บ่อย ๆ ซึ่งสร้างความหงุดหงิดให้กับสิงขรมาก ทั้งที่จริง ๆ แล้วจุ๊บจิ๊บคือเพื่อนสนิทของใกล้รุ่ง และกำลังจะแต่งงานกับหนุ่มต่างชาติเร็ว ๆ นี้ แต่ใกล้รุ่งก็ยังขอให้จุ๊บจิ๊บช่วยเล่นเป็นคู่รักทุกครั้ง เมื่อเจอหน้าสิงขร เพื่อหลอกให้เขาตายใจว่าเธอเป็นทอมจริง ๆ โดยที่ใกล้รุ่งไม่รู้เลยว่าสิงขรก็ไม่เคยเชื่อเธอเลยสักครั้งและไม่เคยเชื่อมานานแล้ว สิงขรมักจะมารับใกล้รุ่งที่บ้านเพื่อหาเรื่องให้ออกไปทำธุระด้วยกัน ทำให้ดวงใจไม่พอใจ และแสดงออกว่าไม่ชอบหน้าสิงขร แต่สิงขรก็ไม่แคร์ ดวงใจสั่งให้ใกล้รุ่งเลิกติดต่อ และเลิกยุ่งเกี่ยวกับสิงขรเด็ดขาด สร้างความอึดอัดใจให้กับใกล้รุ่งมาก นอกจากจะโดนทั้งปัญหาเรื่องโรงเรียน และปัญหาหัวใจที่รุมเร้า ใกล้รุ่งยังต้องหนักใจกับปัญหาภายในครอบครัวอีกด้วย เพราะ แสงแรก (ศครินทร์ ผลยงค์) น้องชายของใกล้รุ่ง มักมีปากเสียงกับดวงใจ เพราะดวงใจห้ามไม่ให้แสงแรกสอบเป็นตำรวจเหมือนกับ จ.ส.ต.สุริยา (สุเมธ องอาจ) ผู้เป็นพ่อตำรวจผู้รัก และชื่นชอบเพลงพระราชนิพนธ์เป็นชีวิตจิตใจแต่โชคร้ายกลับเสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่ คืนหนึ่งแสงแรกทะเลาะกับดวงใจอย่างรุนแรง แสงแรกเก็บกระเป๋าออกจากบ้านไป ใกล้รุ่งพยายามห้ามแต่แสงแรกก็ไม่ยอมฟัง ฝ่ายดวงใจแม้จะเสียใจที่ลูกชายหายออกไปจากบ้านแต่ก็ไม่ปริปากพูดอะไร กลับแอบไปร้องไห้ในห้องนอน ใกล้รุ่งได้ยินเสียงร้องไห้ของแม่ก็รู้สึกสงสารแม่มาก เพราะนับตั้งแต่พ่อเสียชีวิตไป ดวงใจก็ทำตัวเป็นคนเข้มแข็ง ไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็น ด้วยเหตุนี้แสงแรกจึงมักเข้าใจว่าแม่ไม่เคยรักพ่อ และเป็นเรื่องที่ต้องเอามาพูดกันทุกครั้งที่ทะเลาะกัน อาทิตย์เริ่มดำเนินการสร้างคอนโด และขยับเวลาที่จะปิดโรงเรียนมาเป็นอีก 1 เดือนทำให้ใกล้รุ่งและเด็กนักเรียนรู้สึกใจหาย ใกล้รุ่งโน้มน้าวสิงขรให้นึกถึงดารกาที่ตั้งใจสร้างโรงเรียนแห่งนี้ขึ้นมาด้วยความรัก สิงขรรับปากว่าจะช่วยพูดกับอาทิตย์ให้ แต่ไม่รู้ว่าจะสำเร็จแค่ไหน แค่นี้ใกล้รุ่งก็ดีใจมากแล้ว มิรันตีเร่งรัดการแต่งงานกับสิงขร เพราะเห็นว่าสิงขรเริ่มจะกลับไปสนิทสนมกับใกล้รุ่งจนเกินเพื่อน สิงขรจำใจต้องเลยตามเลย เพราะอาทิตย์ และ มานพ (จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร) พ่อของมิรันตีเป็นหุ้นส่วนในการทำธุรกิจโปรเจ็กต์คอนโดในครั้งนี้ และเขากับมิรันตีก็คบกันมานานแล้ว อาทิตย์ต้องบินไปประชุมที่ต่างประเทศ ทำให้สิงขรตัดสินใจช่วยใกล้รุ่งโดยการประกาศเลื่อนเวลาปิดโรงเรียนบ้านรักษ์ดนตรีออกไปเป็น 3 เดือนเหมือนเดิม สิงขรคิดจะเอาที่ดินของตัวเองที่อยู่ชานเมืองมาแลกกับที่ดินของโรงเรียนบ้านรักษ์ดนตรี แต่มิรันตีกลับเข้าใจผิดไปว่าที่ดินผืนนั้นสิงขรจะเอามาสร้างเรือนหอ และพูดอย่างยินดีต่อหน้าใกล้รุ่งจนใกล้รุ่งรู้สึกเศร้า แสงแรกออกไปใช้ชีวิตอยู่กับ โด้ (เผ่าพงษ์ ชำนาญไพร) เพื่อนสนิท และตั้งใจว่าจะหาเงินเลี้ยงตัวเองให้ได้ แสงแรกจึงตระเวนสมัครงานเป็นนักดนตรีตามที่ต่าง ๆ แต่ก็ไม่มีที่ไหนรับสมัคร จนสุดท้ายต้องยอมไปเป็นเด็กเสิร์ฟในผับแห่งหนึ่ง สิงขรช่วยใกล้รุ่งตามหาแสงแรกตามที่ต่าง ๆ แต่ก็หาไม่เจอ สิงขรได้แต่ปลอบใจไม่ให้ใกล้รุ่งท้อแท้ สิงขรมาเจอแสงแรกโดยบังเอิญ ที่ผับที่แสงแรกทำงานอยู่ สิงขรได้ช่วยเหลือแสงแรกเอาไว้ แสงแรกรู้สึกประทับใจในตัวสิงขรมาก อารัติเห็นข่าวการประกวดวงดนตรีแจ๊ส จึงเอามาบอกใกล้รุ่งและแนะนำให้ใกล้รุ่งพานักเรียนไปสมัครเข้าแข่งขัน เพื่อจะได้ช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียน และบางทีอาจจะทำให้อาทิตย์เปลี่ยนใจ ใกล้รุ่งไปตามคำแนะนำของอารัติ แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อนจึงทำให้ถูกตัดสิทธิ์ในการสมัคร แม้ใกล้รุ่งจะท้อใจหลายครั้งหลายครา แต่ใกล้รุ่งก็มีคำสอนของพ่อ และเพลงพระราชนิพนธ์ใกล้รุ่งเพลงโปรดของพ่อ และตัวเธอเป็นกำลังใจให้ตัวเองกลับมาลุกขึ้นสู้อย่างมีความหวังเสมอ แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อ สร้อยแสงแข ตังอัครวงศ์ (รัดเกล้า แจ่มอุลิตรัตน์) น้องสาวของสิงขร เกิดอาการสูญเสียการได้ยินเฉียบพลันอย่างถาวร หลังจากกลับจากการดำน้ำกับ มิกซ์ (วชีรกรัณฑ์ วชิรศรัณย์ภัทร) แฟนหนุ่มมิกซ์ขอเลิกกับสร้อยแสงแขในทันทีที่รู้ข่าว จากที่สร้อยแสงแขเคยสดใสร่าเริงก็กลายเป็นคนเก็บตัวและโมโหหงุดหงิดง่าย อาทิตย์กลับจากต่างประเทศ และรู้ข่าวเรื่องที่สร้อยแสงแขป่วยก็ตกใจมาก จะให้สร้อยแสงแขไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ แต่สร้อยแสงแขไม่ยอมไป อาทิตย์ยิ่งโมโหเมื่อรู้ว่าสิงขรประกาศเลื่อนเวลาปิดโรงเรียนออกไปเป็น 3 เดือนตามเดิม รวมทั้งอาทิตย์ยังไม่รับข้อเสนอเรื่องที่สิงขรจะใช้ที่ดินแถบชานเมืองผืนที่ยกให้เป็นที่ปลูกเรือนหอของเขามาแลกกับที่ดินโรงเรียนบ้านรักษ์ดนตรี อาทิตย์นัดเจอกับใกล้รุ่งเพื่อเสนอเงินจำนวนมากให้เลิกยุ่งกับสิงขร และล้มเลิกเรื่องการเป็นแกนนำพิทักษ์โรงเรียน ใกล้รุ่งไม่รับเงิน พร้อมประกาศจุดยืนที่จะพิสูจน์ตัวเองว่ายังไงก็จะขอทำให้อาทิตย์เปลี่ยนใจมารักโรงเรียนบ้านรักษ์ดนตรีให้ได้ สร้างความไม่พอใจให้อาทิตย์มาก สิงขรโทรไปปรึกษาใกล้รุ่งเรื่องสร้อยแสงแข ใกล้รุ่งจึงแนะนำให้สิงขรพาสร้อยแสงแขมาเรียนเปียโนกับอารัติที่เชี่ยวชาญเรื่องดนตรีบำบัด แม้สิงขรจะไม่ค่อยพอใจแต่ก็จำใจยอมเพื่อสุขภาพจิตที่ดีขึ้นของสร้อยแสงแข ในวันแรกของการเรียน สร้อยแสงแขอึ้งเมื่อเห็นหน้าอารัติ เพราะจำได้ว่าเป็นนักเปียโนที่เมื่อเธอเจอเขาก็จะมักจะมีเรื่องแย่ ๆ เกิดขึ้นเสมอ จนสร้อยแสงแขไม่ค่อยถูกชะตากับอารัติ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วอารัติเป็นฝ่ายช่วยสร้อยแสงแขทุกครั้ง รวมทั้งยังเคยช่วยให้สร้อยแสงแขรอดพ้นจากการถูกมิกซ์วางแผนลวนลามอีกด้วย ส่วนอารัติก็จำสร้อยแสงแขได้ทันทีว่าเธอคือสาวน้อยผู้ไม่เคยรู้จักใช้คำว่าขอบคุณคนนั้น สร้อยแสงแขออกอาการโมโหอาละวาดและไม่สนใจเรียน เพราะยังรับไม่ได้กับสภาพของตัวเอง แต่อารัติก็อดทนและพยายามสอนอย่างตั้งใจ สร้อยแสงแขยังคงต่อต้านดนตรีบำบัด รวมทั้งตัวอารัติ แต่อารัติก็ยังคงใช้ความอดทนในการสอนสร้อยแสงแขต่อไป เพราะลึก ๆ แล้วอารัติรู้สึกดี และรู้สึกสงสารสร้อยแสงแขมาก สิงขรมุ่งทำงานหนัก รวมทั้งต้องให้เวลากับการดูแลสร้อยแสงแขจนไม่มีเวลาให้มิรันตีเลย มิรันตีเริ่มเซ็งที่สิงขรดูไม่สนใจใยดีกับการช่วยเตรียมงานแต่งงาน จึงออกไปปาร์ตี้บ่อย ๆ ทำให้เจอกับสันต์แฟนเก่าสมัยเรียนอยู่เมืองนอกที่เพิ่งบินกลับมา ด้วยความเหงา และอยากประชดสิงขร มิรันตีเลยแอบสานสัมพันธ์กับสันต์อย่างลับ ๆ แต่สิงขรก็รู้เรื่องมิรันตีกับสันต์จนได้ ใกล้รุ่งเห็นมิรันตีกับสันต์ไปเที่ยวด้วยกันโดยบังเอิญ ใกล้รุ่งบอกสิงขรให้รู้แบบอ้อม ๆ เพราะเป็นห่วงความรู้สึก สิงขรรู้ว่าใกล้รุ่งต้องการจะบอกอะไรแต่ทำเป็นไม่รู้ จนทำให้ใกล้รุ่งเข้าใจผิดไปใหญ่ว่าเป็นเพราะสิงขรคงรักมิรันตีมาก ใกล้รุ่งกับเด็ก ๆ ยังคงเล่นดนตรีหาเงินต่อไป สิงขรแอบช่วยเหลือใกล้รุ่งอยู่บ่อย ๆ แต่ใกล้รุ่งไม่รู้ วันหนึ่งเด็กลูกศิษย์ใกล้รุ่งป่วยจนต้องนำเงินทั้งหมดที่หามาตลอด 1 เดือนไปเป็นค่ารักษาจนทำให้เงินก้อนใหญ่หายไปในพริบตา แต่ทุกคนกลับรู้สึกดีมากที่ได้นำเงินที่หามาได้ไปช่วยชีวิตคนในทีมเอาไว้ ทำให้ทุกคนต่างรัก สามัคคีและมุ่งมั่นที่จะต่อสู้ด้วยกันมากขึ้นไปอีก แสงแรกถูกไล่ออกจากงานเพราะมีเรื่องกับลูกค้า แถมยังมีเรื่องเข้าใจผิดกับแก๊งค้ายาจนถูกเล่นงานสะบักสะบอม แสงแรกเริ่มคิดถึงครอบครัวแต่ก็ยังดื้อไม่ยอมกลับบ้าน ทั้งยังห้ามไม่ให้โด้ส่งข่าวบอกแม่กับพี่สาวเด็ดขาดว่าเขาบาดเจ็บนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ใกล้รุ่ง พลีเพื่อไทย (นันทนัช โล่ห์สุวรรณ) ครูสอนดนตรีผู้รักในเสียงดนตรี และผูกพันกับเพลงพระราชนิพนธ์มาตั้งแต่เด็ก ต้องสั่นไหวอีกครั้งเมื่อได้พบกับ สิงขร (พศุตม์ บานแย้ม) นักบินหนุ่มแห่งสำนักการบินอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติผู้ทรนง เฉยชา และปากร้าย เพื่อนสนิทที่คบกันมาสิบกว่าปีที่ใกล้รุ่งแอบมีใจให้โดยที่สิงขรไม่รู้ตัว โดยมี ดวงใจ (ปวีณา ชารีฟสกุล) แม่ของใกล้รุ่งที่ไม่ค่อยชอบหน้าสิงขร และอาทิตย์ (ดิลก ทองวัฒนา) พ่อของสิงขรคอยกีดกันความสัมพันธ์ของทั้งสอง ที่ดูเหมือนจะพัฒนาไปเกินกว่าคำว่าเพื่อน ป้ารัมภา (ดวงตา ตุงคะมณี) หญิงชราที่อยู่ข้างบ้านใกล้รุ่งป่วยหนัก เพ้อหาลุงสุทินคนรักเก่าของเธอที่มีเหตุบังเอิญทำให้ต่างพลัดพรากจากกันไป ใกล้รุ่งกับสิงขรเลยตั้งใจจะไปตามหาลุงสุทินด้วยกัน เพื่อทำให้ฝันป้ารัมภาเป็นจริง ใกล้รุ่งกับสิงขรไปตามหาลุงสุทินที่จังหวัดตราด มิรันตีแอบรู้เลยแอบตามไปด้วย แต่คลาดกันตอนนั่งเรือไปเกาะกูด มิรันตีโกรธมาก ใกล้รุ่งกับสิงขรเดินทางไปถึงบ้านหลานชายของลุงสุทินก็ได้รับข่าวร้ายว่าลุงสุทินตายไปแล้ว และก่อนหน้านั้นลุงสุทินเป็นโรคความจำเสื่อม เพราะถูกคนดักทำร้ายจนหมดสติที่สถานีรถไฟ ซึ่งเป็นจุดนัดพบระหว่างป้ารัมภากับลุงสุทิน ตลอดเวลาที่ผ่านมาลุงสุทินไม่เคยเอ่ยถึงชื่อป้ารัมภาอีกเลย แต่สิ่งที่อยู่ในความทรงจำของลุงสุทินเสมอก็คือเพลงพระราชนิพนธ์ยามเย็น ซึ่งเพลงนี้ใกล้รุ่งมักจะเห็นป้ารัมภาฟังอยู่บ่อย ๆ และยังเต้นลีลาศอย่างมีความสุขไปด้วย ใกล้รุ่งรู้สึกเศร้ากับโชคชะตาของคนทั้งคู่ สิงขรชวนใกล้รุ่งกลับแต่เกิดพายุทำให้เขา และเธอต้องค้างอยู่บนเกาะหนึ่งคืน ใกล้รุ่งจำต้องโกหกแม่ว่ามาเที่ยวกับเพื่อนที่พัทยา แต่ดวงใจรู้ว่าใกล้รุ่งโกหกตัวเอง จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ดวงใจโมโหมากและสั่งห้ามไม่ให้ใกล้รุ่งคบกับสิงขรขั้นเด็ดขาด ใกล้รุ่งกับสิงขรกลับมาถึงกรุงเทพฯ และเอาเรื่องของลุงสุทินไปบอกป้ารัมภา ป้ารัมภาจากไปอย่างสงบใกล้รุ่งกับสิงขรรู้สึกสะเทือนใจ และย้อนนึกถึงความสัมพันธ์ของตัวเอง ใกล้รุ่งเจอแสงแรกที่โรงพยาบาลในสภาพบาดเจ็บก็ตกใจมาก บอกให้แสงแรกกลับบ้านแต่แสงแรกยังคงดื้อ ใกล้รุ่งเผลอตบหน้าน้องด้วยความโกรธ แต่ก็มาแอบร้องไห้กับสิงขรอย่างเสียใจ สร้อยแสงแขเห็นความเป็นห่วงที่อาทิตย์ และสิงขรมีให้เธอก็ยอมกลับมาเรียนเปียโนอีกครั้ง ในวันนั้นสร้อยแสงแขเห็นอารัติกำลังเล่นเปียโน เพลงพระราชนิพนธ์ ชะตาชีวิต อย่างเพลิดเพลินราวกับตกอยู่ในมนต์ขลังของเสียงเปียโน และจู่ ๆ สร้อยแสงแขก็รู้สึกเหมือนตัวเองสามารถรับรู้ได้ถึงท่วงทำนองอันไพเราะของบทเพลงนั้น สร้อยแสงแขจึงยอมเปิดใจเรียนเปียโนกับอารัติเป็นครั้งแรก สร้อยแสงแขยังคงมาเรียนเปียโนกับอารัติตามปกติ ฝีมือการเล่นเปียโนของสร้อยแสงแขพัฒนาขึ้นมากและสร้อยแสงแขเองก็ดูจะสดใสร่าเริงขึ้นด้วย จากความเห็นอกเห็นใจ และความอบอุ่นที่อารัติมีให้จึงทำให้สร้อยแสงแข และอารัติเริ่มสนิทกันและพัฒนาไปสู่ความรักอย่างช้า ๆ สิงขรเริ่มรู้สึกว่าอารัติกับสร้อยแสงแขมีใจให้กันก็รู้สึกไม่พอใจจึงไปต่อว่าใกล้รุ่ง ใกล้รุ่งรับปากว่าจะช่วยดูแลให้เพราะเธอเชื่อว่าคนดี ๆ อย่างอารัติไม่มีวันทำร้ายหัวใจของสร้อยแสงแขอย่างแน่นอน แต่แล้วความสุขที่เพิ่งก่อตัวขึ้นก็อยู่ได้เพียงไม่นาน เมื่ออาทิตย์รู้เข้าจึงเรียกอารัติมาพบ และสั่งห้ามอารัติคบกับสร้อยแสงแข อารัติยอมทำตามแต่ยังขอบำบัดสร้อยแสงแขต่อไป ด้วยเหตุนั้นอารัติจึงทำตัวห่างเหินจนสร้อยแสงแขเสียใจและกลับมาเป็นคนซึมเศร้าเหมือนเดิม อาทิตย์เพิ่งมารู้ทีหลังว่าที่ดินผืนนั้น ดารกายกให้สิงขรกับสร้อยแสงแข อาทิตย์เลยต้องมาให้สิงขรเซ็นชื่อโอนที่ดินให้ สิงขรรู้มาว่าที่ดินของบ้านรักษ์ดนตรีดารกายกให้เป็นชื่อของเขากับสร้อยแสงแข อาทิตย์ก็รู้ว่าสิงขรไม่ได้ไปลาออกจากการเป็นนักบินตามที่สัญญาทั้งสองคนเลยมีปากเสียงกัน เพราะสิงขรยืนยันว่าจะไม่ยอมเซ็นยกที่ดินให้อาทิตย์เอาไปสร้างคอนโด อาทิตย์หัวเสียมาก จึงดัดนิสัยสิงขรด้วยการระงับเงินในบัญชี และระงับบัตรเครดิตทั้งหมด อาทิตย์มาคุยกับสร้อยแสงแข สร้อยแสงแขยอมเซ็นให้ เพื่อจะได้ลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นั่น สิงขรรู้ก็มาถามสร้อยแสงแขแต่สร้อยแสงแขกลับมีท่าทีเปลี่ยนไป แล้วก็นิ่งซึมไม่ร่าเริงกันเหมือนก่อน สิงขรบังเอิญเห็นข้อความในมือถือ ที่สร้อยแสงแขกับอารัติคุยกันก็โกรธมาก เพราะคิดว่าอารัติหลอกสร้อยแสงแข จนพาลทะเลาะกับใกล้รุ่งไปด้วย สิงขรกับใกล้รุ่งยังคงผลัดกันเล่นเกมคนหน้าโง่ เพื่อปิดบังหัวใจที่แท้จริงของตัวเอง แต่ไม่มีใครรู้เลยว่ายิ่งทั้งสองคนถลำลึกลงในเกมนี้ไปมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำร้ายจิตใจกันมากขึ้นเท่านั้น มานพ (จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร) พ่อของมิรันตี ปรึกษาอาทิตย์เรื่องโครงการก่อสร้างคอนโดที่ไม่อยากให้ล่าช้าไป เพราะผู้ร่วมทุนคนอื่น ๆ อาจจะไม่พอใจจนคิดถอนหุ้นคืนได้ คำพูดของมานพทำให้อาทิตย์เริ่มคิดตัดสินใจที่จะจัดการ เรื่องโรงเรียนบ้านรักษ์ดนตรีให้เด็ดขาดเสียที อาทิตย์สั่งให้ลูกน้องมาปิดโรงเรียนและเอาป้ายคัทเอาท์โฆษณาการสร้างคอนโดมาติดไว้รายรอบ และบริเวณตรงด้านหน้าโรงเรียนส่วนหนึ่งเริ่มให้ผู้รับเหมามาจัดสร้างเป็นห้องตัวอย่าง ใกล้รุ่งไปขอร้องอาทิตย์อีกครั้งและยืนยันว่าจะสร้างชื่อเสียงและเอาเงินรางวัลมาให้อาทิตย์เพื่อรักษาโรงเรียนนี้ให้อยู่ต่อไปให้ได้ อาทิตย์ตกลงแต่ในใจก็เชื่อว่าใกล้รุ่งไม่มีทางทำสำเร็จ ใกล้รุ่งเห็นข่าวการประกวดวงดนตรีจึงตั้งใจจะพาลูกศิษย์ไปแข่งขัน ใกล้รุ่งตัดสินใจไปตามแสงแรกกลับบ้านอีกครั้ง ใกล้รุ่งพูดเตือนสติแสงแรก จนแสงแรกเริ่มลังเลใจ ในคืนหนึ่งแสงแรกไปเล่นดนตรีในร้านอาหารกับเพื่อน ซึ่งครั้งนี้เขาหวังจะได้ค่าจ้างแต่เจ้าของร้านกลับโกงเงินให้แสงแรกกับเพื่อนมาเล่นดนตรีฟรี แสงแรกไม่ยอมจึงโดนเจ้าของร้านเอาลูกน้องมารุมซ้อม แสงแรกเกือบโดนแทง ในวินาทีนั้น แสงแรกคิดถึงแม่ขึ้นมาจับใจ รุ่งเช้าแสงแรกตัดสินใจกลับบ้านทันได้มาเห็นภาพของแม่ที่นั่งร้องไห้กับหีบเพลงเก่า ๆ ของพ่อที่แม่เอาเก็บใส่หีบไว้หลังจากที่พ่อตาย และห้ามใครรื้อออกมาเล่นเด็ดขาด แสงแรกและดวงใจปรับความเข้าใจกัน ใกล้รุ่งมองภาพตรงหน้าด้วยความตื้นตันใจที่ความบาดหมางระหว่างดวงใจกับแสงแรกได้สิ้นสุดลงเสียที สร้อยแสงแขเริ่มทำใจได้เรื่องอารัติ จึงกลับมาเรียนเปียโนกับอารัติอีกครั้ง แต่ก็ยังห่างเหินกับอารัติ ครั้งนี้บังเอิญเจอมิกซ์ที่ควงแฟนใหม่มาด้วย มิกซ์พูดจาดูถูกสร้อยแสงแขจนอารัติยอมไม่ได้ แต่สร้อยแสงแขอยากประชดอารัติจึงยอมตกลงไปเที่ยวกับมิกซ์ มิกซ์พาสร้อยแสงแขไปผับหวังหลอกมอมเหล้าแล้วข่มขืน แต่อารัติเข้ามาช่วยไว้ทัน มิกซ์โมโหมากจึงซ้อมอารัติและสั่งให้เพื่อนรุมอารัติ ดีที่ใกล้รุ่งและสิงขรตามมาช่วยเอาไว้ได้ทัน อารัติสารภาพรักสร้อยแสงแข สร้อยแสงแขก็สารภาพรักอารัติเช่นกัน สิงขรเห็นความจริงใจของอารัติจึงยอมเปิดทางให้สร้อยแสงแขกับอารัติ ทีมลูกศิษย์ของใกล้รุ่งไปออดิชั่นรอบแรกผ่านทุกคนดีใจมาก ซึ่งอารัติชวนสร้อยแสงแขมาร่วมประกวดในครั้งนี้ด้วย นักข่าวเห็นสร้อยแสงแขก็เลยเอาข่าวไปลงอาทิตย์เห็นข่าวก็ไม่พอใจมาก เพราะเขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าสร้อยแสงแขหูพิการ จึงมาพูดกับสร้อยแสงแข สร้อยแสงแขยืนยันว่าจะขอประกวดในครั้งนี้ ใกล้ถึงวันประกวด อารัติอาการดีขึ้นและมาช่วยสอนเปียโนสร้อยแสงแขตามเดิม สร้อยแสงแขตั้งใจซ้อมอย่างเต็มที่ สิงขรตามมาให้กำลังใจด้วย ใกล้รุ่งพาทีมเด็ก ๆ ไปเล่นดนตรีตามที่ต่าง ๆ เพื่อซ้อม แล้วก็เพื่อหาเงินไปด้วย ทุกคนดูมีความหวังมาก ผู้คนเริ่มให้ความสนใจ เพราะเริ่มจำได้ว่าเป็นวงที่ไปออกรายการทีวีก็เริ่มให้การสนับสนุน คืนก่อนวันประกวด จู่ ๆ ก็เกิดเหตุ ไฟไหม้บ้านรักษ์ดนตรี ใกล้รุ่งลืมกีตาร์ที่สิงขรซื้อให้เอาไว้จึงวิ่งฝ่ากองไฟเข้าไป ทั้งสร้อยแสงแขก็ติดอยู่ในนั้นด้วย เพราะเธอเข้าไปเพื่อซ้อมเปียโนรอบสุดท้ายในห้องเปียโนของดารกา สิงขรและอารัติเข้าไปช่วยใกล้รุ่งกับสร้อยแสงแขออกมาจากกองเพลิงได้ สร้อยแสงแขต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะสำลักควัน นักเรียนทุกคนเสียใจมากที่ไม่ได้ขึ้นแสดง เพราะเครื่องดนตรีถูกเผาเสียหายไปหมดแล้ว แต่ใกล้รุ่งบอกว่าถึงแม้เราจะไม่มีเครื่องดนตรี แต่เราก็ยังมีความหวัง และเราจะแสดงพลังของพวกเราให้ทุกคนได้เห็น ใกล้รุ่งพาเด็ก ๆ ไปที่งานประกวด โดยมีสิงขรตามไปให้กำลังใจด้วย ใกล้รุ่งเล่นกีตาร์และให้เด็ก ๆ ร้องเพลงประสานเสียง ทุกคนตั้งใจร้องเพลงพระราชนิพนธ์ใกล้รุ่งอย่างไพเราะมาก สร้างความซาบซึ้งใจให้กับกรรมการ และผู้ชมทุก ๆ คน แต่สุดท้ายวงของใกล้รุ่งก็ไม่ได้ชนะการประกวดเพราะทำผิดกติกา แต่ใกล้รุ่งกับเด็ก ๆ ก็รู้สึกดีใจที่ได้ทำอย่างดีที่สุดแล้ว มิรันตีมาพูดให้ใกล้รุ่งเข้าใจว่าสิงขรมีส่วนร่วมในการเผาไล่ที่บ้านรักษ์ดนตรีด้วย และที่ทำทุกอย่างก็เพื่อหลอกให้ใกล้รุ่งตายใจ จนทำให้ใกล้รุ่งเข้าใจผิดกับสิงขรอย่างรุนแรง สิงขรไปหาใกล้รุ่งที่บ้านเพื่ออธิบายเรื่องทั้งหมด แต่ใกล้รุ่งไม่ยอมลงมา สิงขรรออยู่ที่หน้าใกล้รุ่งทั้งคืน สิงขรรู้ใจตัวเองว่ารักใกล้รุ่งจึงตัดสินใจไปพบมิรันตีที่บ้าน และก็ได้เห็นเธอกำลังจุมพิตอย่างดูดดื่มกับ สันต์ (กันตพัฒน์ เพิ่มพูนพัชรสุข) มิรันตีมีท่าทีตกใจมาก สิงขรตัดสินใจจะบอกเลิกมิรันตี มิรันตีดูมีท่าทางไม่เสียใจมากนัก เพราะอย่างน้อยสันต์ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ได้เป็นรองสิงขร และเขาก็ดูแลเอาใจใส่เธอมากกว่าผู้ชายอย่างสิงขร และที่สำคัญสิงขรกลับทำให้เธอดูดีขึ้น เพราะเป็นฝ่ายบอกเลิกเขา สาวมั่นอย่างมิรันตีจึงรับได้ที่ตัวเองไม่เป็นฝ่ายเสียหน้า อาทิตย์ได้รู้ว่ามานพเป็นคนสั่งเผาโรงเรียนบ้านรักษ์ดนตรีก็โกรธมาก เริ่มหวนกลับมาคิดใหม่อีกครั้ง และเริ่มสำนึกได้ว่าตัวเองบงการชีวิตทุกคนในบ้านเกินไปจนทำให้ทุกคนในบ้านไม่มีความสุข จึงตัดสินใจยกเลิกการร่วมทุนสร้างห้างกับครอบครัวมิรันตีเพื่อคืนที่ดินให้ให้บ้านรักษ์ดนตรี และสร้างตึกเรียนใหม่บนที่ดินเดิม สิงขรขอบคุณอาทิตย์ อาทิตย์ปรับความเข้าใจกับสิงขร อาทิตย์ยอมให้สร้อยแสงแขคบกับอารัติ สร้อยแสงแขขอบคุณอาทิตย์ที่เข้าใจเธอ และขอบคุณที่อาทิตย์กลับมาสานต่อความตั้งใจของดารกา สร้อยแสงแขตั้งใจว่าจะรับช่วงต่อบริหารงานโรงเรียนดนตรีแห่งนี้ และจะคอยเป็นครูสอนดนตรีให้กับเด็ก ๆ พร้อมกับอารัติต่อไป ใกล้รุ่งดีใจมากเมื่อรู้จากอาทิตย์ว่าทุกคนจะได้บ้านรักษ์ดนตรีกลับมา แต่ก็เสียใจมากที่เข้าใจสิงขรผิดไปเธออยากขอโทษเขา แต่กลับพบว่าสิงขรได้จากไปแล้ว เขากลับไปปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนักบิน โดยไม่บอกลาเธอสักคำ ใกล้รุ่งได้รับทุนไปเรียนดนตรีที่เมืองนอกเพราะมีกรรมการจากงานประกวดวงดนตรีคราวที่แล้วเห็นแววจึงมอบโอกาสให้ ใกล้รุ่งลังเลในการตัดสินใจ เพราะไม่อยากไปทั้งที่ยังไม่ได้เจอสิงขร สร้อยแสงแขส่งข่าวไปหาสิงขรว่าใกล้รุ่งจะไปเรียนต่อต่างประเทศแล้วแล้ว สิงขรคิดที่จะกลับมา แต่ติดงานด่วนต้องออกบินสำรวจกะทันหัน วันเดินทางของใกล้รุ่ง ใกล้รุ่งได้รับข่าวว่าสิงขรเครื่องบินตกขณะบินสำรวจ จึงทิ้งทุกอย่างแล้วรีบไปหาเขาทันที แต่โชคดีที่สิงขรไม่ได้เป็นอะไรมาก ใกล้รุ่งดูแลสิงขรอย่างดีด้วยความรักขณะอยู่ที่โรงพยาบาลทั้งอาทิตย์ และดวงใจมีโอกาสได้เห็นความรักของทั้งคู่ที่มีให้กัน อาทิตย์ขอโทษดวงใจที่เคยพูดจาดูถูก อาทิตย์กับดวงใจได้ปรับความเข้าใจกัน โดยทั้งคู่จะยอมลดทิฐิลง เพื่อความสุขของลูก สิงขรสารภาพรักใกล้รุ่ง ใกล้รุ่งยังคงปฏิเสธ พราะกลัวต้องเผชิญกับความเจ็บปวดเดิม ๆ กับคำว่า เกมคนหน้าโง่ แต่สิงขรบอกว่าเขาเลิกเล่นเกมนี้ไปตั้งนานแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาระหว่างเขากับเธอไม่เคยมีคำว่าเกม ใกล้รุ่งดีใจที่เหตุการณ์ในอดีตจะไม่ใช่ฝันร้ายที่คอยรบกวนจิตใจเธออีกต่อไป ผ่านไป 1 ปี ใกล้รุ่งกลับจากเรียนต่อที่ต่างประเทศมาร่วมแสดงคอนเสิร์ตการกุศลบทเพลงพระราชนิพนธ์ที่จัดขึ้นที่โรงเรียนบ้านรักษ์ดนตรี ที่สร้อยแสงแขและอารัติช่วยกันจัดขึ้นเพื่อหาเงินทุนให้กับชมรมคนพิการ และเงินสนับสนุนโรงเรียนบ้านรักษ์ดนตรี สิงขรนำช่อดอกไม้ไปแสดงความยินดีกับใกล้รุ่งที่สวยขึ้นจนแทบจำไม่ได้ หลังจบการแสดง สิงขรบอกว่าเขามาทวงสัญญาเรื่องแต่งงาน ใกล้รุ่งตอบว่าเธอเองก็กลับมาเพื่อตอบตกลง เสียงเพลงใกล้รุ่งดังกังวานขึ้น ใกล้รุ่งอดน้ำตารินด้วยความสุขใจ บทเพลงพระราชนิพนธ์เพลงนี้ที่ในหลวงประทานให้แก่คนไทยทุกคน เปรียบดั่งความหวังที่จะนำแสงสว่างแห่งความสุขมาสู่คนไทยทุกคน รวมทั้งใกล้รุ่งด้วย เพราะขณะนี้ชีวิตของเธอก็กำลังเริ่มต้นขึ้นด้วยความสุข ความหวัง และศรัทธาด้วยเช่นกัน ตามมาลุ้นกันว่าโรงเรียนสอนดนตรีเด็กตาบอดจะถูกปิดตัวลงจริง ๆ หรือไม่ ? แล้วใกล้รุ่งกับสิงขร จะฟันฝ่าปัญหา และอุปสรรครักครั้งนี้อย่างไร ? ติดตามชมใน ละครหัวใจใกล้รุ่ง
ในม่านเมฆ 2557

ลูกไม้ของพ่อ ในม่านเมฆ (2557/2014) รวงข้าว กมลานันท์ แสนชล (ชีรณัฐ ยูสานนท์) นอนฝันหวานถึงบรรยากาศในงานกาล่าดินเนอร์สุดหรูที่ถูกจับจ้องรุมล้อมจากบรรดาสื่อมวลชนและคนในแวดวงไฮโซอย่างมีความสุข แต่อยู่ ๆ ก็มีชายชรามาตะโกนก้องพร้อมชี้หน้าด่าหาว่าเป็นคนเนรคุณ และลืมกำพืดของตัวเอง รวงข้าวสะดุ้งตื่นลืมตา นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีตรวงข้าวถูก น้ำค้าง (สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสิรฐ) ผู้เป็นแม่ที่ท้องในวัยเรียนนำมาทิ้งไว้กับ ตาช้าง (มนตรี เจนอักษร) และครูน้อย (นฤมล นิลวรรณ) น้องสาวตั้งแต่ยังแบเบาะ โดยไม่ยอมบอกว่าใครเป็นพ่อแล้วหนีหายไป สร้างความเจ็บช้ำใจให้แก่ตาช้างเป็นอย่างมาก ทิวเมฆ เหนือกาล (วฤษฏิ์ ศิริสันธนะ) เป็นอีกคนที่ถูกแม่นำมาฝากเลี้ยงไว้กับครูน้อย ทำให้รวงข้าวกับทิวเมฆสนิทกัน ทิวเมฆฝันอยากเป็นนักบิน จึงชอบพารวงข้าวไปนั่งดูเมฆบนท้องฟ้าที่เนินหลบภัย ซึ่งเป็นที่แห่งความผูกพันของทั้งคู่ เพราะความอยากรู้อยากเห็นของรวงข้าวและความคึกคะนองของทิวเมฆ ทำให้ทั้งคู่ตกเป็นเหยื่อของ หมา (สมเล็ก ศักดิกุล) กับ เหมียว (ดารณีนุช โพธิปิติ) ที่จงใจแอบถ่ายรูปรวงข้าวกับทิวเมฆให้ออกมาในเชิงชู้สาว และกล่าวหาว่าไปพลอดรักกันในห้องสมุด เพื่อทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และบีบให้ตาช้างลาออกจากการเป็นผู้ใหญ่บ้าน ตาช้างโกรธมากถึงขั้นบังคับให้รวงข้าวในวัยสิบสี่ แต่งงานกับทิวเมฆในวัย 17 รวงข้าวคิดหนีออกจากบ้านในคืนฝนพรำเพื่อไปตามหาแม่ แต่ทิวเมฆไม่ยอมให้ไปรวงข้าวจึงชักแม่น้ำทั้งห้าและยอมสัญญาท่ามกลางสายฝนเพื่อเอาตัวรอด แต่สำหรับทิวเมฆมันคือสัญญาที่มาจากใจ ทิวเมฆใจอ่อนยอมพารวงข้าวหนีไป แต่สุดท้ายรวงข้าวก็ผิดสัญญา สิบปีผ่านไป รวงข้าวเรียนจบปริญญาโทจากอเมริกา และถูกวางตัวให้เป็นผู้บริหารและแต่งงานกับ กลินธ์ (จักรินทร์ ศิลป์ชัยกิจ) ลูกชายคนเดียวของ กลศ (ประกาศิต โบสุวรรณ) ที่แอบรักหลงรวงข้าว ด้วยการสนับสนุนจากกลศพ่อเลี้ยง ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่กับน้ำค้างที่เชียร์กลินธ์ให้เอาชนะใจรวงข้าวให้ได้ แต่รวงข้าวรักกลินธ์เหมือนพี่ชาย รวงข้าวตัดสินใจ ที่จะกลับบ้านเกิดไปหาตา เพราะหลงคิดไปว่าทรัพย์สินเงินทองกับตำแหน่งผู้บริหารใหญ่และรถหรูคันใหม่กับใบปริญญาจากเมืองนอกเมืองนาจะทำให้ตาช้างหายโกรธและยกโทษให้ รวงข้าว หอบโปรเจคท์ CSR ไปเสนอกลศเป็นเคสแรก กลศอนุญาตทันที เพราะมีโปรเจคท์ใหญ่จะไปทำเหมืองทองที่บ้านไอดิน แต่กั๊กไว้ไม่ยอมบอกใคร กลศหลอกใช้รวงข้าวให้ไปคลุกคลีกับชาวบ้าน เพื่อหวังผลในการทำประชาพิจารณ์ เรื่องเหมืองทองในอนาคตอันใกล้ รวงข้าวขับรถหรูกลับมาบ้านเกิดด้วยความหวังอันแรงกล้าที่จะมาแก้ไขอดีตที่เคยทำให้ตาช้างเสียใจและให้อภัยกับแม่ของเธอ ที่เคยทำให้ตาผิดหวังเช่นกัน แต่ทุกอย่างไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด วันแรกที่รวงข้าวมาถึงบ้านไอดินก็ได้พบกับทิวเมฆในสภาพชาวนาเต็มขั้น แต่รวงข้าวทำเป็นไม่รู้จัก ในใจยิ้มเยาะว่าเขาคือชาวนาที่ไม่มีปัญญาไปไหน รวงข้าวดูถูกดูแคลนและคิดว่าตัวเองเหนือกว่า ทั้งคู่มักจะมีปากเสียงกันบ่อย ๆ เพราะทิวเมฆยังเคืองเรื่องสัญญาหน้าฝนเลยตามป่วน ขณะที่รวงข้าวก็คิดว่าทิวเมฆคือตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหามากมายในชีวิต เธอจึงพยายามจะออกจากทิวเมฆ รวงข้าวรีบกลับไปหาตาช้างที่บ้าน แต่ทุกอย่างไม่เป็นดั่งที่คิดไว้ เพราะตาช้างไม่ได้สนใจในวัตถุที่รวงข้าวพยายามจะนำเสนอ กลับไล่ตะเพิดรวงข้าวออกจากบ้านไปอย่างไม่ใยดี จนรวงข้าวคิดจะถอดใจ ทิวเมฆ เยาะเย้ยถากถาง จนทำให้รวงข้าว ฮึดสู้ ยืนยันจะอยู่และจะทำทุกอย่างเพื่อให้ตาช้างยอมรับให้ได้ รวงข้าวต้องเสียน้ำตา เมื่อรู้ว่ายายน้อยผู้ที่เคยเลี้ยงดูเป็นโรคอัลไซเมอร์จำใครไม่ได้เลย รวงข้าวค้นพบจดหมายจากชายนิรนามที่เขียนถึงยายน้อย รวงข้าวได้อ่านและรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ข้อความในจดหมายได้กลายเป็นแรงบันดาลให้รวงข้าวมีไฟฝันที่จะทำความดี ผ่านโครงการของพระเจ้าอยู่หัว ผ่านหัวใจของชายนิรนามผู้มีแต่ความจงรักภักดี แต่ที่ยังคาใจ คือจดหมายฉบับสุดท้ายที่หายไป รวงข้าวนำเสนอโครงการ CSR ผ่านนายก อบต.บรรลือศักดิ์ หรือนายกหมา (สมเล็ก ศักดิกุล) แห่งบ้านไอดิน รวงข้าวหลงคารมคิดว่าหมาเป็นคนดีจึงไว้ใจให้เป็นคนจัดซื้อจัดจ้างให้ ทิวเมฆพยายามเตือนรวงข้าวเรื่องนายกหมา แต่กลับถูกรวงข้าวชี้หน้าด่ากลับ ทั้งคู่ปะทะคารมกันดุเดือด จนสุดท้ายรวงข้าวได้เรียนรู้เรื่องการทุจริตและจิตใจของคน พบว่านายกหมาไม่ใด้ดีอย่างที่คิด รวงข้าวรู้สึกเจ็บใจที่ถูกหลอก แล้วยังถูกชี้หน้าด่า และหาว่าโง่เหมือนตาช้าง รวงข้าวเลือดขึ้นหน้าคิดหาวิธีที่จะลบคำสบประมาทด้วยการให้มอลลี่ (โอ๊ค กีรติ ศิวะเกื้อ) ซื้อชุดนักเรียนมาแจก เพราะยังคิดว่าการมีเงินและการให้ของฟรีมันน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด รวงข้าวพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ตาช้างยอมรับ แต่กลับถูกด่าว่าทำอะไรไม่เข้าท่า ทิวเมฆพยายามจะให้ความช่วยเหลือรวงข้าวแต่กลับถูกปฎิเสธ และไม่ให้มาเข้าใกล้ เพราะรวงข้าวชอบเข้าใจผิดและคิดไปเองว่าตาช้างยังโกธรทิวเมฆ และคิดว่าทิวเมฆเป็นแฟนกับ ไผ่หวาน (กิตติ์ลภัส กรสุทธิ์ไรวรรณ) รวงข้าวถูกครอบครัวของนายกหมาคอยกลั่นแกล้งทุกทาง จนทำให้รวงข้าวเริ่มท้อ คิดจะกลับกรุงเทพฯ และระหว่างนั้นฝนไม่ตก จึงเกิดศึกแย่งน้ำระหว่างชาวบ้านสองฝ่ายจนเกือบจะฆ่ากัน แต่เมื่อฝนหลวงตกลงมาทำให้ความขัดแย้งนั้นยุติลง และทำให้รวงข้าวค้นพบว่าการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนคืออะไร รวงข้าวตั้งคำถามและขอความคิดเห็นเรื่องการทำฝายชะลอน้ำ กับทีม CSR สิงโต (อัฒรุต คงราศรี) ลูกชายนายกหมา และกลินธ์ที่ต่างไม่มีใครเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ รวงข้าวหมดกำลังใจเดินขึ้นไปบนเนินหลบภัยและได้เจอทิวเมฆ ทั้งคู่ปะทะคารมกันอย่างเผ็ดร้อน รวงข้าวเลือดขึ้นหน้าลั่นวาจาต่อหน้าทิวเมฆว่าฝายชะลอน้ำจะต้องเกิดขึ้นที่นี่อย่างแน่นอน รวงข้าว กลับไปค้นคว้าหาข้อมูลเรื่องฝาย และนำไปอธิบายให้ ทีม CSR จนทุกคนยอมให้ความร่วมมืออีกครั้ง รวงข้าวเอาข่าวดีนี้ไปบอกตาช้าง เพราะคาดหวังว่ายังไง ต้องได้รับคำชมจากตา แต่กลับถูกด่ากลับมา เพราะการทำฝายมันไม่ง่ายอย่างที่คิด รวงข้าวถูกทิวเมฆฉุดให้ไปดูฝายชะลอน้ำที่ตาช้างเป็นคนสร้างไว้ เล่าให้ฟังว่า สิบกว่าปีที่รวงข้าวหายไป ตาช้างได้ทำอะไรเอาไว้บ้าง รวงข้าวรู้สึกภูมิใจในตัวตาช้างและแอบรู้สึกประทับใจทิวเมฆที่คอยช่วยเหลือ จนทำให้รวงข้าวเข้าใจเรื่องฝาย และนำชาวบ้านมาช่วยทำฝาย จนสำเร็จ รวงข้าวเริ่มรู้สึกดีกับทิวเมฆ แต่ติดที่แม่น้ำค้างกับตาช้างทำให้รวงข้าวต้องพยายามข่มใจไม่ให้หวั่นไหวไปกับทิวเมฆ รวงข้าวต้องหัวใจสลาย เมื่อเหมียวส่งคนมาทำลายฝายจนเสียหายยับเยิน รวงข้าวท้อใจ ทิวเมฆให้กำลังใจ ตาช้างทนเห็นรวงข้าวถูกรังแกไม่ไหว ขออาสาออกหน้าช่วยพาชาวบ้านมาร่วมใจช่วยรวงข้าวทำฝายอีกครั้ง รวงข้าวได้รู้ความจริงว่าไผ่หวานไม่ได้เป็นแฟนกับทิวเมฆ รวงข้าวก็เริ่มเปิดใจให้โอกาสทิวเมฆได้เปิดเผยความในใจและกลับมาศึกษาดูใจกัน รวงข้าวที่เคยเห็นว่าทิวเมฆเป็นชาวนาเต็มขั้นถึงกลับต้องหน้าแตก เมื่อได้รู้ว่าทิวเมฆคือนักบินฝนหลวงแห่งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงในพระราชดำริที่เธอชื่นชม รวงข้าวโกรธมาก แต่ทิวเมฆก็พยายามอธิบายจนรวงข้าวเข้าใจ รวงข้าวแทบช็อกเมื่อน้ำค้างผู้เป็นแม่บังคับให้แต่งงานกับกลินธ์ รวงข้าวไม่ยอมแต่น้ำค้างขอร้องให้เห็นแก่บุญคุณความดีของกลศ รวงข้าวจำใจยอมแต่งงานเพื่อแม่ และทดแทนบุญคุณของกลศ รวงข้าวรู้เรื่องกลศกับสิงโตวางแผนจะมากว้านซื้อที่ดินเพื่อทำเหมืองทองที่บ้านไอดินจากทิวเมฆ แต่รวงข้าวไม่เชื่อ หาว่าทิวเมฆใส่ร้ายกลศ รวงข้าวโกธรมาก ถึงขั้นบอกเลิกคบกับทิวเมฆ น้ำค้างพากลศ มาหาพ่อ กลศบอกตาช้างเรื่องเหมืองทอง ทั้งสองคนมีปากเสียงกัน กลศต่อว่าเรื่องเก่า ๆ จนตาช้างช็อก ทิวเมฆพาตาช้างส่งโรงพยาบาล น้ำค้างโกธรมาตบหน้ากลศ กลศโมโหจะพารวงข้าวกลับกรุงเทพฯ แต่น้ำค้างขวางไว้ กลศขอให้รวงข้าวเลิกทำฝาย แต่รวงข้าวปฏิเสธพร้อมยืนยันว่าจะสร้างฝายชะลอน้ำต่อไป และจะทำให้บ้านไอดินกลับมาสมบูรณ์ให้ได้ ทำให้กลศไม่พอใจคิดจะทำร้ายรวงข้าว แต่ทิวเมฆกับน้ำค้างตามไปช่วยไว้ทัน น้ำค้างจึงประกาศตัดความสัมพันธ์กับกลศ รวงข้าวถูกสิงโตจับตัวไปตามคำสั่งของกลศและแค้นที่รวงข้าวเป็นแกนนำพาชาวบ้านไปร้องเรียนเรื่องเหมืองทองและผลประชาพิจารณ์ จนถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย สิงโตวางเพลิงเผาป่า ทิวเมฆกับตาช้างพาชาวบ้านมาช่วยกันดับไฟ เพื่อไม่ให้ไฟลามเข้าไปในหมู่บ้าน ทุกคนทำสำเร็จ แต่ไฟกลับโหมไปในป่าอีกทางอย่างรุนแรง ทิวเมฆรีบไปขอฝนหลวงเพื่อมาช่วยดับไฟ แต่เครื่องบินของทิวเมฆกลับขาดการติดต่อ และหายไป รวงข้าวรู้ข่าวร้ายจากสิงโต เธอร้องไห้เสียใจอย่างหนัก แล้วยังถูกกลศเข้ามาปลุกปล้ำจนเกือบจะเสียท่า แต่กลินธ์ตามมาช่วยไว้ได้ทัน แล้วพารวงข้าวหนีไป ทำให้กลศโกรธมาก กลินธ์ขอความรักจากรวงข้าวอีกครั้ง แต่รวงข้าวขอความเป็นพี่น้องกลับคืนมา และสารภาพว่าคนที่เธอรักคือทิวเมฆ กลินธ์ทำใจ และอาสาจะพารวงข้าวไปตามหาทิวเมฆ ก่อนที่ตัวเองจะไปอยู่เมืองนอก รวงข้าวกลับไปหาตาช้าง และทุกคนที่ยังคงรอคอยการกลับมาของทิวเมฆ อย่างมีความหวังอยู่ที่เชิงเขา รวงข้าวหมดแรงทรุดตัวก้มกราบที่พื้นดิน เพื่อวิงวอนขอให้ทิวเมฆปลอดภัย แล้วสติก็ดับวูบไป รวงข้าวนอนอยู่บนเตียงคนไข้ ทันทีที่ได้ยินเสียงโทรทัศน์ รายงานข่าวว่าทิวเมฆมาที่โรงพยาบาลรวงข้าววิ่งออกไปตามหาทิวเมฆ และได้พบกับทิวเมฆอีกครั้ง รวงข้าวให้สัญญากับทิวเมฆว่าต่อไปนี้ทุกนาทีจะมีแต่รักกัน จะไม่ยอมให้อดีตมาแทรกกลางระหว่างความรักอีกต่อไป รวงข้าวจูงมือทิวเมฆไปหาตาช้างกับแม่น้ำค้างเพื่อขอให้ทั้งสองได้รักกัน และได้รู้ว่าสิบกว่าปีที่ผ่านมาทิวเมฆเป็นคนดูแลตาช้างกับยายน้อยมาตลอด และถูกหลอกว่าตาช้างกับทิวเมฆไม่ชอบหน้ากัน น้ำค้างเปิดใจยอมรับทิวเมฆ สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นที่บ้านไอดิน ชาวบ้านกลับมารักสามัคคีกันเหมือนเดิม หมาและเหมียวสำนึกผิดคิดได้หลังจากต้องหมดเนื้อหมดตัวเพราะสิงโตที่ติดหนี้พนัน และต้องหนีคดีเผาป่าไปอย่างไร้ร่องรอย รวงข้าวได้รับจดหมายฉบับสุดท้ายที่ทิวเมฆเก็บไว้มอบให้รวงข้าวมาสิบกว่าปี รวงข้าวได้รู้ว่าเจ้าของจดหมายคือ เมฆินทร์ ปิ่นภักดิ์ พ่อบังเกิดเกล้าที่รวงข้าวตามหามาทั้งชีวิตเขาเป็นข้าราชการในโครงการพระราชดำริของพระเจ้าอยู่หัว แต่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกขณะปฎิบัติหน้าที่ ตาช้างกับน้ำค้าง ยอมเปิดปากเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้รวงข้าวฟัง รวงข้าวซาบซึ้ง และภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกพ่อ ทิวเมฆทำตามสัญญาด้วยการพารวงข้าวขึ้นไปบินดูการทำฝนหลวง และหมู่เมฆใกล้ ๆ ทิวเมฆขอรวงข้าวแต่งงาน ภายในม่านเมฆ ทั้งสองสัญญาว่าจะอยู่ดูแลรักษาแผ่นดินเกิด ด้วยกันตลอดไป พบกับเรื่องราวความรักผ่าน โครงการฝนหลวงและฝายชะลอน้ำ ตามแนวพระราชดำริ ซึ่งจะสร้างความชุ่มชื้น ให้แผ่นดินแห้งแล้งและความชื่นฉ่ำให้แก่หัวใจทุกดวง ติดตามชม ละครในม่านเมฆ

แสงดาวกลางใจ 2557

ลูกไม้ของพ่อ แสงดาวกลางใจ (2557/2014) อคิน อคิราห์ (ฐกฤต ตวันพงค์) หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าคนใหม่พาตำรวจตระเวนชายแดน เข้ามาในงานพิธีบวชป่าของหมู่บ้านผาหมอก อคินแจ้งว่าชาวบ้านบุกรุกป่าสงวน และจะต้องถูกจับกุมทุกคนต่างก็หวาดกลัว มีเพียง นับดาว (หยาดทิพย์ ราชปาล) เจ้าของไร่แสงดาวที่กล้าโต้แย้งว่าชาวบ้านทำกินที่นี่มาก่อนที่ทางการจะประกาศเป็นเขตป่าสงวน อคินยืนยันว่าเขาทำทุกอย่างตามกฎหมาย ทั้งสองเถียงกันยังไม่ทันจะได้ข้อยุติก็เกิดเพลิงไหม้ขึ้นที่หมู่บ้าน หลังเพลิงสงบลงนับดาวพบหลักฐานการวางเพลิง นับดาวจึงปักใจเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ป่าไม้เผาไล่ที่ชาวบ้าน เพื่อสร้างผลงาน อคินและอินทร (กันตพัฒน์ เพิ่มพูนพัชรสุข) ลูกน้องคนสนิทของเขาสงสัยว่า ทรงพล (อนุวัฒน์ นิวาตวงศ์) พ่อเลี้ยงผู้มีอิทธิพล ในพื้นที่จะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบวางเพลิง แม้ทรงพลจะปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่พฤติกรรมหลายอย่าง ของเขายิ่งชวนให้สงสัย ต่างจาก พ่อเลี้ยงจอม (สุเมธ องอาจ) ที่เป็นเหมือนพ่อพระ ช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยอย่างเต็มที่อคินเข้าสำรวจป่า เพื่อหาร่องรอยการหายตัวไปของ สมชาย (ทูล หิรัญทรัพย์) หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าคนก่อน ระหว่างทางอคินพบนับดาว และเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นคนร้ายที่ทายาฆ่าหญ้าให้ต้นไม้ยืนต้นตาย แต่เขาก็เอาผิดเธอไม่ได้เพราะไม่มีหลักฐานเพียงพอ นับดาวโกรธที่อคินหาว่าเธอเป็นคนร้าย เหตุการณ์นี้ยิ่งทำให้ทั้งสองคนผิดใจกันมากขึ้น อคินพบไม้ใหญ่ถูกลักลอบตัดทิ้งไว้ในป่า เขาจึงนำกำลังไปตรวจยึด แต่ไม้เหล่านั้นกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย หลังกลับออกจากป่าอคินก็ล้มป่วย อินทรพาเขาไปที่บ้านนับดาวเพื่อให้ คำปาน (สุรชัย สมบัติเจริญ) พ่อของนับดาว ซึ่งเป็นหมอสมุนไพรช่วยรักษาให้ แต่คำปานไม่อยู่ นับดาวจึงช่วยรักษาให้อคินแทน อคินรู้สึกซาบซึ้งใจที่นับดาวช่วยชีวิตเขา ส่วนนับดาวก็ยังคงไม่ไว้ใจอคิน เพราะคิดว่าอคินกำลังทำผลงานมากกว่าคิดที่จะช่วยเหลือชาวบ้านอย่างจริงจัง นับดาวเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครรักษาป่า และไปลาดตระเวนร่วมกับอคิน เมื่อได้ใกล้ชิดกับนับดาว อคินก็รู้สึกว่าชอบนับดาว แต่เขาก็ต้องห้ามใจตัวเอง เพราะเข้าใจว่านับดาวเป็นคนรักของ น่านนที (ณัชชา จันทพันธ์) ตำรวจตระเวนชายแดน ที่เป็นคู่หูของเขาในการลาดตระเวน อคินเข้าไปสำรวจถ้ำภูผาพราย เพื่อหาเบาะแสของสมชายต่อไป โดยไม่ฟังคำคัดค้านของอินทร และบุญตา (ภัณฑิลา ฟูกลิ่น) แฟนสาวของอินทรที่ยืนยันว่าภูผาพรายมีอาถรรพ์ ใครเข้าไปที่นั่นแล้วจะไม่รอดกลับมา อคินสำรวจเข้าไปลึกมากจนพบว่าด้านหลังของภูผาพรายมีไร่ฝิ่นซ่อนอยู่ น่านนทีนำกำลังมาช่วยเหลือ และยิงปะทะกับคนร้ายในไรฝิ่น จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ม่านแก้ว (ณัฐภัสสรา อดุลยาเมธาสิริ) ครูอาสาสมัครเพื่อนสนิทของนับดาวตกใจมากเมื่อรู้ข่าว เพราะเธอแอบรักน่านนทีเกิดเพลิงไหม้ที่ไร่ฝิ่นและลุกลามไปถึงไร่ทรงพลที่อยู่ติดกันอคินสงสัยว่าทรงพลอยู่เบื้องหลังการค้าฝิ่น และอาจจะเผาไร่เพื่อทำลายหลักฐานอคิน และอินทรแอบเข้าไปสืบข้อมูลในไร่ทรงพลแต่ก็คว้าน้ำเหลว หลังจากน่านนทีหายดี เขาก็ออกลาดตระเวนกับอคินอีก ทั้งสองพบคำปานอยู่ในป่า พร้อมห่อฝิ่นดิบในมือ คำปานถูกจับเข้าห้องขัง ต่อมาอคินและน่านนทีจับคนร้ายที่เป็นคนส่งฝิ่นตัวจริงได้แต่คนร้ายก็ถูกฆ่าปิดปาก อคินขอโทษคำปานที่เคยเข้าใจผิดว่าคำปานเป็นคนส่งฝิ่น คำปานเข้าใจและยกโทษให้อคิน หากแต่นับดาวยังโกรธอคินเพราะคิดว่าอคินมีอคติกับพ่อของเธอ อคินรู้ว่านับดาวจะทำเว็บไซต์เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์เขาจึงอาสาถ่ายรูปทำเว็บไซต์ให้ ทำให้ทั้งสองเริ่มมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน อคินรู้จากนับดาวว่าคำปานจะเข้าไปหาสมุนไพรในป่า ในวันเดียวกับที่สายข่าวป่าไม้รายงานว่าขบวนการลักลอบตัดไม้ จะขนอุปกรณ์การตัดไม้ไปไว้ในป่า อคินจึงไปออกลาดตระเวน เขาพบชาวบ้านที่มาหาของป่าจึงสะกดรอยตาม และทักว่าเป็นคำปาน นับดาวเข้าป่ามาส่องนกในวันนั้นพอดีเห็นเหตุการณ์เข้า นับดาวโกรธมากที่อคินยังสงสัยพ่อของเธอ อคินแก้ตัวว่าเขามาหาเบาะแสการหายตัวไปของสมชาย นับดาวไม่เชื่อจึงตามไปด้วย ระหว่างทางนับดาวก้าวพลาดเกือบตกหน้าผาโชคดีที่อคินช่วยไว้ทัน ค่ำวันนั้นฝนตกหนักอคินและนับดาวจึงต้องค้างคืนด้วยกันในป่า ทั้งสองต่างก็รู้ใจตัวเองว่ารักกัน เมื่ออคินและนับดาวหายเข้าป่าไปด้วยกัน ชาวบ้านพากันนินทานับดาวไปในทางเสียหาย คำปานจึงสั่งห้ามไม่ให้นับดาวคบหากับอคิน แต่นับดาวไม่เชื่อและยังแอบไปสำรวจป่ากับอคิน คนร้ายมาซุ่มยิงอคินทำให้นับดาวเกือบถูกลูกหลง น่านนทีลาดตระเวนผ่านมา และช่วยไว้ทัน นับดาวขอร้องไม่ให้น่านนทีบอกคำปานว่าเธอมากับอคิน น่านนทีรับปากโดยมีข้อแลกเปลี่ยนว่านับดาวจะต้องไม่เดินป่ากับอคินอีก นับดาวจำใจรับปาก น่านนทีเริ่มรู้สึกว่านับดาวมีใจให้อคิน น่านนทีมาปรับทุกข์กับม่านแก้ว ม่านแก้วอยากเห็นน่านนทีมีความสุขจึงยุให้เขาบอกรัก และขอเป็นแฟนกับนับดาว แต่น่านนทีก็ไม่กล้า นับดาวนำผลผลิตในไร่มาขายในงานเกษตรแฟร์ ในวันเดียวกับที่คำปานเข้าป่า ไปหาสมุนไพร อคินมาเที่ยวงาน และช่วยเรียกลูกค้าจนนับดาวขายผักผลไม้ได้หมดเกลี้ยง อคินชวนนับดาวไปเที่ยวงานถนนคนเดินต่ออีก น่านนทีช้ำใจมาก เมื่อรู้ว่านับดาวรักอคินมากจนกล้าขัดคำสั่งของคำปาน อคินกับนับดาวแอบไปสำรวจป่าด้วยกันอีก และถูกคำปานจับได้ คำปานโกรธมากที่นับดาวขัดคำสั่ง เขาระงับอารมณ์ไม่อยู่เข้าไปชกหน้าอคิน คำปานกระชากคอเสื้ออคินจนสร้อยขาดติดมือ เมื่อเห็นร็อกเกตพระปางนาคปรกที่อคินสวม เขาจำได้ว่าเป็นร็อกเกตแบบเดียวกับที่สมชายสวม คำปานคิดทบทวนจนแน่ใจว่าอคินเป็นลูกชายของสมชาย คำปานห้ามไม่ให้นับดาวคบกับอคินอย่างเด็ดขาด กักบริเวณและบังคับให้นับดาวแต่งงานกับน่านนทีให้เร็วที่สุด นับดาวไม่เข้าใจว่าทำไมคำปานต้องทำแบบนี้ อคินเสียใจมากเมื่อรู้ข่าวว่านับดาวจะแต่งงาน น่านนทีดีใจมากที่คำปานเปิดทางให้แต่งงานกับนับดาว เขาบอกข่าวดีกับม่านแก้ว และขอคำปรึกษาเธอในเรื่องการขอนับดาวแต่งงาน แม้ม่านแก้วจะเจ็บปวดใจแต่เธอก็ดีใจที่เห็นน่านนทีมีความสุข อคินแอบพานับดาวหนีไปกับเขาในวันแต่งงาน คำปานโกรธมากถึงขั้นประกาศตัดพ่อตัดลูกกับนับดาว อคินพานับดาวไปซ่อนที่บ้านพักป่าไม้ เพราะถือคติว่าที่อันตรายที่สุดคือที่ปลอดภัยที่สุด จอมมาส่งข่าวกับน่านนทีว่าอคินเป็นคนเอาตัวนับดาวไปซ่อนไว้ ในตอนแรกน่านนทีไม่เชื่อแต่เมื่อเขาคาดคั้น ถามอคินว่านับดาวอยู่ที่ไหน อคินไม่ตอบ ทั้งสองชกต่อยกันจนน่านนทีเกือบพลั้งมือยิงอคินแต่ก็ยั้งใจไว้ได้ ต่อมาน่านนทีตัดสินใจบุกไปที่บ้านพักป่าไม้ และพบว่านับดาวมาอยู่กับอคินจริง นับดาวรู้ตัวว่าทำผิดที่หนีมา จึงตัดสินใจกลับไร่แสงดาวเพื่อขอขมาคำปาน แต่คำปานไล่ให้นับดาวไปอยู่กับอคิน และไม่ต้องกลับมาอีก นับดาวจำใจกลับไปพักที่บ้านพักป่าไม้ด้วยความเสียใจ บุญตาบอกเลิกกับอินทร เพราะตอนนี้เธอเป็นเมียเก็บของจอม และมีชีวิตที่สุขสบาย ผู้ใหญ่คง (นิธิโรจน์ สิมะกำธรณ์) พ่อของบุญตาดีใจที่ลูกสาวไม่เลือกคบเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่เขาเห็นว่าฐานะไม่ดี อินทรมีความจำเป็นต้องใช้เงิน จึงยอมเป็นสายให้ขบวนการลักลอบตัดไม้ ซึ่งมีจอมเป็นผู้บงการ ต่อมาเจ้าหน้าที่ป่าไม้และตำรวจตระเวนชายแดนลาดตระเวนไปพบกลุ่มคนร้ายลักลอบล่าสัตว์ ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน คนร้ายหนีไปคนละทิศละทาง อคินตามคนร้ายสวมหมวกไหมพรมคนหนึ่งไป อคินแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าคนร้ายคนนั้นคือคำปาน เมื่ออคินกลับถึงบ้านพัก นับดาวบอกอคินว่าเธอจะกลับไปขอขมาพ่ออีกครั้งเพราะวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของเธอ อคินไม่ห้ามเพราะทำใจไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น อคินสับสนมาก เมื่อความรักกับอุดมการณ์กลายเป็นเรื่องขัดแย้งกัน อินทรพาตำรวจตระเวนชายแดนมาค้นไร่แสงดาว และพบซากสัตว์ที่จอมใช้ให้เขาเอามาแอบซ่อนไว้เพื่อใส่ร้ายคำปานและเบี่ยงเบนความสนใจ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ระหว่างที่เจ้าหน้าที่วุ่นวายกับคดีซากสัตว์ จอมก็ใช้เวลานั้นขนยาเสพติดล็อตใหญ่ได้สำเร็จ หลักฐานต่าง ๆ ยิ่งมัดตัวคำปานว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าสัตว์ป่า นับดาวรู้ว่าอคินเป็นคนแจ้งให้ตำรวจมาตรวจค้นไร่ ก็คิดว่าอคินทำ เพื่อแก้แค้นที่คำปานห้ามไม่ให้ทั้งสองคบหากัน ส่วนอคินก็หลงเชื่อคำยุยงของจอมที่ว่าคำปานส่งนับดาวมาตีสนิทกับเขา เพื่อหวังจะพ้นความผิด ทั้งสองบอกเลิกกันด้วยความปวดร้าวใจ บุญตายอมกลับมาคืนดีกับอินทร โดยที่อินทรหลงคิดว่าบุญตายังรักตนเอง แต่ความจริงแล้วบุญตาทำตามคำสั่งของจอมที่ให้หลอกอินทรไว้ใช้และเมื่อทำงานสำเร็จ บุญตาก็ได้ยาเสพติดเป็นรางวัล น่านนทีใช้ตำแหน่งของเขาประกันตัวคำปานออกมา นับดาวซาบซึ้งใจมาก น่านนทีขอโอกาสให้เขาได้พิสูจน์ความรักที่เขามีต่อนับดาวอีกครั้ง นับดาวพูดอะไรไม่ออก น่านนทีมีความหวังขึ้นมาอีก เขาบอกกับอคินว่าจะขอแข่งเกมรักกับอคินอย่างลูกผู้ชาย แต่อคินกลับบอกว่าเขากับนับดาวคงไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว ต่อมาลูกน้องของจอมเข้าปล้นรถขนไม้ของกลาง เมืองมิ่ง (กรพสิทธิ์ แสงโสมไพศาล) เพื่อนสนิทของอินทรไม่รู้ว่าทุกอย่างเป็นแผนจึงขัดขืนและถูกยิงตาย อินทรโกรธแค้นมากที่เสียเพื่อนรักไป เขาบุกไปที่บ้านจอมเพื่อประกาศว่าจะเลิกทำงานให้จอม แต่กลับถูกจอมขู่เอาชีวิต และยังได้รู้ความจริงว่าบุญตาตกเป็นเมียของจอมมานานแล้ว อินทรแค้นใจมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เขาอยากสารภาพความจริงกับอคินแต่ก็ไม่กล้า แสงหล้า (นิรุต สาวสุดชาติ) ลูกน้องคนสนิทของจอมจับตัวเด็กนักเรียนหญิงเพื่อส่งไปให้ "ท่าน" ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลใหญ่ที่หนุนหลังจอมอยู่ ระหว่างทางนักเรียนหนีไปได้ แสงหล้ากลัวภัยจะมาถึงตัวและเกิดอาการหลอนจากฤทธิ์ของยาเสพติดจึงขับรถไล่ยิงน่านนที อคินขับรถผ่านมาและเข้าช่วยเหลือน่านนทีจนตัวเองได้รับบาดเจ็บ หลังเหตุการณ์ครั้งนี้น่านนทีนับถือน้ำใจของอคินและทั้งสองก็กลับมาเป็นเพื่อนกัน แสงหล้าทำงานผิดพลาดจอมจึงไล่แสงหล้าไป เพราะกลัวความผิดจะมาถึงตัว แสงหล้าหมดหนทางจึงไปขอพึ่งทรงพล แสงหล้านำหลักฐานมาให้ทรงพลดูว่าจอมเป็นคนบงการวางเพลิงเผาไร่ทรงพลและวางแผนใส่ร้ายทรงพลอยู่ตลอดเวลา ทรงพลยอมรับตัวแสงหล้าไว้เพราะหวังจะให้เป็นพยานเอาผิดจอม จอมเอาเอกสารสิทธิ์ของชาวบ้าน ที่ฝากไว้ไปจ่ายภาษีบำรุงท้องที่ ทำให้ที่ดินของชาวบ้านตกเป็นของจอม โดยมีผู้ใหญ่คงเป็นพยานชี้เขตที่ดินให้จอม เพื่อเตรียมออกโฉนดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ชาวบ้านหมดหนทาง เพราะผู้ใหญ่คงยืนยันว่าทำไปตามหลักฐานที่มีอยู่ จอมอยากได้ตัวนับดาวเป็นเมียจึงสั่งให้ลูกน้องไปจับตัวนับดาวมา บุญตาแอบได้ยินก็หึงหวง จึงโทรศัพท์ส่งข่าวให้อินทรรู้ แต่นับดาวก็พลาดท่า โดนจับตัวไปจนได้ อคินตามมาช่วยนับดาว แต่ก็โดนจับตัวไปด้วยอีกคน ระหว่างที่ถูกจับอคินและนับดาวก็มีโอกาสได้ปรับความเข้าใจกัน จอมนัดส่งมอบไม้ให้ลูกค้ารายใหญ่ โดยไม่รู้ว่าเป็นการล่อซื้อของตำรวจ โดยใช้ทรงพลเป็นนกต่อ น่านนทีนำกำลังมาจับกุมจอมซึ่งทำผิดพร้อมหลักฐานมัดตัว จอมโกรธแค้นมาก เขาบีบคั้นให้คำปานพูดว่าเป็นคนฆ่าสมชาย นับดาวไม่เชื่อพยายามคาดคั้นถามความจริงจากคำปาน คำปานยืนยันว่าตนเองเป็นฆาตรกร นับดาวผิดหวังมาก อคินตกใจที่ได้รู้สาเหตุการตายของสมชายแต่เขาไม่ปักใจเชื่อ เพราะคิดว่าคำปานไม่มีเหตุจูงใจที่จะฆ่าสมชายและนับดาวก็เคารพรักสมชายมาก จอมมั่นใจว่า "ท่าน" จะต้องมาช่วยเขาออกจากคุก จึงทำกร่างไปทั่วโรงพัก แสงหล้าแค้นใจที่ไม่มีใครทำอะไรจอมได้ จึงบุกมายิงจอมถึงโรงพักแต่ตำรวจก็ช่วยกันตัวจอมไว้ได้ ก่อนจะถูกจับแสงหล้ากราบขอโทษคำปานและเปิดเผยความจริงว่าจอมเป็นคนสร้างเรื่องให้สมชายเชื่อว่าคำปานเป็นผู้ลักลอบตัดไม้ แล้วจอมก็หลอกให้คำปานเข้าไปหาสมุนไพรในถ้ำภูผาพรายที่มีไม้เถื่อนจำนวนมาก โดยจอมก็หาเหตุพาสมชายไปเจอคำปานที่นั่น สมชายคิดว่าคำปานเป็นคนร้ายก็จะเข้าจับกุม คำปานหยิบปืนที่อยู่ในถ้ำมาถือไว้เพื่อขู่ไม่ให้สมชายเข้าใกล้ แล้วปืนก็เกิดลั่นสมชายตายคาที่ คำปานคิดมาตลอดว่าเขาเป็นคนฆ่าสมชาย แต่ความจริงแล้วกระสุนที่ปลิดชีวิตสมชายมาจากปืนของแสงหล้าที่ซุ่มอยู่อีกมุมหนึ่ง และยิงสมชายตามแผนการของจอม คำปานโล่งใจที่พ้นมลทินและความรู้สึกผิดบาปในใจเสียที ต่อมาไม่นานจอมก็ถูก "ท่าน" ฆ่าปิดปากด้วยการวางยาพิษในอาหารที่ส่งเข้าไปให้จอมกินในห้องขัง หลังการตายของจอม ผู้ใหญ่คงก็กลับตัวกลับใจ และช่วยเดินเรื่องให้ชาวบ้านได้ที่ดินคืน แต่เขาก็ต้องรับโทษเพราะร่วมมือกับจอมฉ้อโกงประชาชน บุญตาติดยาจนสติฟั่นเฟือน ผู้ใหญ่คงฝากให้อินทรดูแลบุญตา อินทรสัญญาว่าเขาจะรัก และดูแลบุญตาอย่างดี อินทรสำนึกผิดแต่ก็ต้องถูกให้ออกจากราชการ เขามาเป็นลูกจ้างในไร่ของนับดาวและใช้ชีวิตอยู่กับบุญตา น่านนทีขอม่านแก้วแต่งงาน เพราะเขารู้แล้วว่าคนที่เขารักและมีความสุขเสมอเมื่ออยู่ด้วยกันก็คือม่านแก้ว ม่านแก้วตอบตกลง เมื่อเรื่องร้ายผ่านไป อคินกับนับดาวสัญญากับดวงวิญญาณของสมชายว่าจะช่วยกันพัฒนาคุณภาพ ชีวิตของชาวบ้านหมู่บ้านผาหมอก ตามวิถีทางที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ บ้านผาหมอกก็กลับมาสู่ความผาสุกได้เป็นหมู่บ้านใน "โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริ" เพราะคนในชุมชนได้บทเรียนแล้วว่าพวกเขาต่างหากที่เป็นกำลังสำคัญ ในการดูแลป่าและชุมชน พบกับเรื่องราวความรักที่ถักทอขึ้นอย่างสวยงาม และโรแมนติก ท่ามกลางบรรยากาศของพืชไร่เมืองหนาว ตามแนวพระราชดำริการเกษตรที่สูง การรักษาต้นน้ำลำธาร และการอนุรักษ์ป่าไม้ในโครงการพัฒนาป่าไม้ ตามแนวพระราชดำริ ติดตามชม ละครแสงดาวกลางใจ

ลูกไม้ของพ่อ ลูกหนี้ที่รัก 2556

ลูกไม้ของพ่อ ลูกหนี้ที่รัก (2556/2013) แฟกซ์ทวงหนี้ที่ติดประจานหราบนบอร์ดสำนักงาน ทำให้ ออมสิน (จรินทร์พร จุนเกียรติ) เออีสาวผู้ไม่เป็นรองใครทั้งด้านการทำงานและการช้อปแหลกต้องอับอายขายหน้า และหวาดผวาเป็นล้นพ้นว่าจะถูกทวงหนี้ด้วยวิธีโหดตามข่าวที่เห็นบ่อย ๆ บนหน้าหนังสือพิมพ์ ไม่ใช่แค่นั้น เธอยังกลัวจะโดนไล่ออก เพราะ กองพร (รัชนี ศิระเลิศ) นายหญิงของบริษัทฟันธงว่า หนี้สินคือภัยทางศีลธรรม หรือ Moral Hazard เป็นต้นตอของอาชญากรรมทั้งหลาย และนายหญิงคงฟันคอขาดแน่ถ้ารู้ว่าพนักงานมีหนี้สินอิรุงตุงนังจนถูกเร่งรัดหนี้แบบไม่ไว้หน้าเช่นนี้ ต่อให้เป็นคนโปรดอย่างออมสินก็เถอะ อิทธิ (พงษ์พันธ์ เพชรบัณฑูร) ครีเอทีฟรุ่นพี่ และมุทิตา (อนุสรา วันทองทักษ์) พนักงานบัญชีผู้เป็นสุดซี้ของออมสินออกโรงปกป้องเธอ และกำชับทุกคนไม่ให้แพร่งพรายเรื่องนี้ รวมทั้งข่มขู่ วรุณพร (นนทพร ธีระวัฒนสุข) ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคนเอาแฟกซ์มาติดประจาน เนื่องจากวรุณพรเป็นเออีคู่แข่งของออมสิน ผลัดกันรุกผลัดกันรับมาโดยตลอด ตั้งแต่ครั้งยังเป็นนักศึกษาฝึกงาน แต่ออมสินก็เอาผลงานและนิสัยกระตือรือร้นมองโลกในแง่ดีชนะใจนายหญิงจนกลายเป็นเด็กโปรดเด็กปั้น แถมล่าสุดเธอยังได้รับมอบหมายให้เป็นเทรนเนอร์ของ ก้องภพ (พิชญะ นิธิไพศาลกุล) ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนายหญิงอีกด้วย ก้องภพ ช่างภาพอิสระฝีมือดีตระเวนถ่ายรูปชุด "ก่อนโลกละลาย" ไปทั่วโลกกับ จีรสุดา (ธนิดา กาญจนวัฒน์) แฟนสาวลูกเศรษฐี เซเลบริตี้ด้านสิ่งแวดล้อมจนหมดเงินไปสองล้านแต่ขายรูปได้แค่แสนเดียว ผู้เป็นแม่จึงยื่นข้อเสนอให้มาทำงานที่บริษัทด้วยเงินเดือน ๆ ละห้าหมื่นบาท และเงินรางวัลอยู่ทนหนึ่งล้านบาท หากทำงานครบปี เอ้าท์ดอร์ตัวพ่อจึงต้องฝืนใจมาเป็นนักธุรกิจใต้อาณัติของมารดาอย่างไร้ข้อโต้แย้ง กลายมาเป็น "บอสเล็ก" ของคนในบริษัท และต้องมาเรียนรู้งานจากออมสิน ซึ่งก้องภพตั้งฉายาให้ว่า "ออมซ่า" เพราะท่าทางมั่นอกมั่นใจจนเกินวัย และนิสัยจุกจิกชวนหมั่นไส้หลายอย่างของออมสิน ขณะที่กำลังประชุมนำเสนอรูปแบบการจัดงานประชุมทางวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติ ก้องภพและนายหญิงก็ต้องแปลกใจเมื่อไม่เห็นออมสิน โดยอิทธิให้ข้อมูลว่าออมสินเพิ่งอกหักจึงขอลาพักเพราะเสียศูนย์ ทั้งที่จริงเขาเป็นคนเสนอให้ออมสินกลับไปหลบพวกทวงหนี้ที่คอนโดเสียก่อน เนื่องจากมุทิตาเห็นชายผมเกรียนแว่นดำท่าทางไม่น่าไว้ใจมาป้วนเปี้ยนแถวออฟฟิศ ทว่านายหญิงดูไม่เดือดร้อนนักกับการหายตัวไปของคนโปรดอย่างออมสิน กลับเสนอคู่บัดดี้ใหม่ให้ลูกชายซึ่งก็คือ ภคมน (เบญจวรรณ อาร์ตเนอร์) อดีตหัวหน้าเออี ลูกน้องเก่า ที่แยกออกไปเปิดบริษัทเอง กองพรบอกความประสงค์กับลูกชายอย่างตรงไปตรงมาว่า เธอไม่ใช่แค่หวังให้เขาเรียนรู้งานจากภคมนเท่านั้น แต่คิดจะจับคู่คนทั้งสอง เนื่องจากภคมนเป็นผู้หญิงเก่ง จะต้องทำให้ธุรกิจเจริญก้าวหน้าแน่นอน นิภาพรรณ หรือ ป้านิ (สาลินี ปันยารชุน) เพื่อนสนิทของกองพร และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทก็เห็นดีเห็นชอบด้วย ก้องภพไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้เพราะเขากับภคมนเหมือนสร้างขึ้นจากเคมีคนละชนิด เธอเป็นผู้หญิงที่คิดแต่เรื่องงานกับเงิน เธอเป็นคนสวย เก่ง ฉลาด จนพ่อของก้องภพยังเอ่ยปากว่าเธอเหมือนกองพรสมัยสาว ๆ นั่นยิ่งทำให้ก้องภพสยองขวัญ เขาไม่อยากได้เมียที่เหมือนแม่ขนาดนั้น เมื่อจีรสุดารู้ความต้องการของกองพรก็ชวนให้ก้องภพลาออก แล้วมาทำงานกับบริษัทพ่อของเธอ ก้องภพปฏิเสธ เนื่องจากถ้าขอความช่วยเหลือจากพ่อของแฟน ศักดิ์ศรีของเขาก็ตกต่ำไม่ต่างจากอยู่กับแม่สักเท่าไหร่ ส่วนออมสินคิดจะยืมเงินจากนุตพงศ์แฟนหนุ่มนักค้าหุ้น แต่นุตพงศ์ก็ไปโรดโชว์ต่างประเทศ กว่าจะกลับก็เป็นอาทิตย์ และออมสินรู้สึกละอายใจที่จะไปรบกวนพ่อแม่หรือปู่ย่าอีก เพราะที่ผ่านมาก็แบมือขอมาตลอดทั้งค่าดาวน์รถ ค่าผ่อนคอนโด ค่ากระเป๋าแบรนด์เนม ค่าน้ำมัน ค่าที่จอดรถ ค่าครูสอนโยคะ และอื่น ๆ อีกจิปาถะเพราะเธอไม่เคยชักหน้าถึงหลังสักเดือน อิทธิและมุทิตาช่วยกันระดมความคิดแก้ปัญหาที่คอนโดของออมสิน และได้บทสรุปว่ามุทิตาจะเจรจาต่อรองหนี้บัตรเครดิตมูลค่าเกือบสี่แสนกับทางธนาคารให้ แต่ระหว่างนี้ออมสินต้องหลบไปอยู่ที่บ้านน้าสาวของมุทิตาที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนก่อน เพื่อให้พ้นจากแก๊งมาเฟียทวงหนี้ มุทิตายื่นเงินให้ออมสินยืมห้าพันบาทให้เธอใช้จ่ายระหว่างนี้ ส่วนอิทธิจะเป็นคนไปโน้มน้าวนายหญิง โดยอ้างว่าออมสินขอลาไปปฏิบัติธรรมบำบัดอาการอกหักนั่นเอง สาวกรุงวัยยี่สิบสี่ผู้คลั่งไคล้การจับจ่ายแบบไม่ลืมหูลืมตาจึงมาปรากฏตัวที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ติดชายแดน เพื่อพักอาศัยอยู่กับ นงนุช (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) นักวิจัยทางสังคมที่มาลงหลักปักฐานที่นี่หลังจากช่วยชาวบ้านแก้ปัญหาหนี้สินสำเร็จ นงนุชพาออมสินไปรู้จักกับ การดี (ตรีพล พรมสุวรรณ) เกษตรกรหนุ่มวัยเดียวกับเธอที่เลือกทำไร่ไถนา แทนที่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่กลับมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเป็นเกษตรกร ซึ่งเลี้ยงชีพได้อย่างมีความสุข และคิดว่าระบบการศึกษาผลิตคนให้ออกมาเป็นลูกจ้าง ความจริงที่ว่าการดีมีเงินเก็บรายแสนทำให้ออมสินทึ่งและสะท้อนใจ เธอเรียนจบมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นดี ทำงานมาเกือบสองปี มีรายได้เดือนละเกือบสามหมื่น แต่กลับมีหนี้สามแสนเก้าที่ยังมืดแปดด้านว่าจะชดใช้ยังไง นงนุชและการดีสอนให้ออมสินหัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย แต่เจ้าตัวก็กลับขี้เกียจเกินกว่าจะทำเรื่องจุกจิกแบบนั้น วันแรก ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไร้แสงสี และปราศจากสัญญาณโทรศัพท์ ออมสินต้องอยู่กับความเงียบเหงา และจินตนาการถึงการตามทวงหนี้อันแสนหฤโหดจนแทบจะกรีดร้อง วันที่สอง นงนุชไปประชุมในเมือง และไม่ยอมให้ออมสินตามไปด้วย แต่กลับพาเธอไปส่งที่บ้านป้าสอนที่เคยติดหนี้จนอยากฆ่าตัวตาย แต่หนี้สินของป้าสอนมาจากค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลง ค่าผ่อนมอเตอร์ไซค์ให้ลูก ค่าเหล้าสามี รูปแบบการบริโภคแตกต่างกับสาวชาวเมืองอย่างเธอจนเปรียบเทียบกันไม่ได้ ออมสินจึงไม่อินแต่อย่างใด ช่วงบ่ายเธอไปบ้านของการดีและถูกเขาคะยั้นคะยอให้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายอีก วันที่สาม ออมสินมีโอกาสไปตลาดนัดเล็กจ้อยในหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว และไม่วายเอาเงินที่ต้องใช้แบบจำกัดจำเขี่ยไปซื้อเสื้อผ้าอย่างอดไม่ได้ วันที่สี่ ออมสินต้องหงอยเหงาอยู่กับกองหนังสือของนงนุชที่มีแต่หนังสือแนวปรัชญาหรือไม่ก็วิชาการ ไม่มีแนวแฟชั่นที่เธอชื่นชอบ จวบจนบ่าย ก่อนออกจากบ้านนงนุชบอกว่าจะทำต้มยำปลาช่อนให้กิน ให้ออมสินเตรียมเครื่องปรุงต้มยำไว้ ที่บ้านนงนุชปลูกผักสวนครัวที่นำมาทำต้มยำก็จริง แต่ออมสินไม่รู้จะจัดการกับมันอย่างไรจึงไปหาการดี แต่แทนที่เขาจะขุดข่าให้เธอกลับเพียงยื่นเสียมให้เธอ ออมสินต้องทำทุกอย่างเองจนเหงื่อตก ชีวิตในชนบทไม่เห็นโรแมนติกเหมือนในละครบ้านไร่เลยสักนิด เธอบอกตัวเองว่าพรุ่งนี้จะต้องเข้าเมืองไปโทรศัพท์หามุทิตาให้ได้ ต่อให้เจรจากับเจ้าหนี้ไม่สำเร็จเธอก็ต้องไปจากที่นี่ ขอไปอยู่ในที่ ๆ กันดารน้อยกว่านี้และมีคลื่นโทรศัพท์ให้เธอติดต่อกับเพื่อนและแฟนได้ก็พอ ครั้นพอกลับมาถึงบ้านของนงนุช เธอกลับพบว่ามุทิตากับอิทธิอยู่ที่นั่น แต่ที่ทำให้เธอช็อกคือก้องภพมาด้วย แสดงว่าเขาย่อมรู้แล้วว่าเธอหลบงานมาเพราะปัญหาหนี้สินไม่ใช่ปฏิบัติธรรม ก่อนจะมาแม่ฮ่องสอน ก้องภพอยากหนีจากภคมนมาก จนกระทั่งอ้อนวอนมารดาขอทำงานกับออมสินเหมือนเดิม แต่กองพรไม่ยอม ก้องภพจึงประกาศลาออก อิทธิมาเสนอแผนว่าออมสินสามารถช่วยให้เขาไม่ต้องทำตามแผนของแม่ และเขาต้องยื่นมือช่วยออมสินเสียก่อน มุทิตาและอิทธิเล่าให้ออมสินฟังว่า ตอนนี้เจ้าหนี้เหลือธนาคารรายใหญ่ที่รอการพิจารณา และนำเงินไปโปะหนี้บัตรเครดิตรายย่อย ๆ ไปแล้ว มีทั้งเงินสดสำรองจ่ายจำนวนห้าหมื่นบาท ของบริษัทที่มุทิตาดึงมาใช้ก่อน เงินสามหมื่นของอิทธิและอีกส่วนเป็นเงินของก้องภพ จากนั้นอิทธิก็เสนอแผนปลดหนี้ชื่อ "มหัศจรรย์เลขสาม" ที่มีหลักการแสนง่ายคือ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และเปลี่ยนมุมมองชีวิต เรื่องการหารายได้ อิทธิจะเริ่มจากการเปิดบล็อกและเฟซบุ๊กหัวข้อ "คุณคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะปลดหนี้สามแสนภายในสามเดือนได้ไหม" เมื่อมีแฟนคลับแล้วค่อยออกพ็อกเกตบุ๊ก "อิสรภาพของนักช้อปไร้สติ" จากนั้นก็จะล่อหลอกให้นายหญิงจัดการประกวดอะไรสักอย่างที่ล็อคสเปคเพื่อออมสิน โดยเฉพาะแค่นี้เธอก็หาเงินใช้ได้แล้ว ออมสินไม่กล้าปฏิเสธเพราะไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ เผลอ ๆ ถ้าเธอหาเงินมาคืนบริษัทไม่ได้มุทิตาเพื่อนรักอาจจะถูกนายหญิงกองพรไล่ออกก่อนเธอเสียอีก แต่ที่ทำให้ออมสินทำใจลำบากก็คือเงื่อนไขของก้องภพที่ออกเงินใช้หนี้ให้ก่อน นั่นคือให้เธอมาเป็นแฟนเขา ซึ่งที่จริงก็เป็นแค่การตบตากองพรและภคมนเพื่อหลีกเลี่ยงการคลุมถุงชนนั่นเอง อิทธิกับมุทิตากลับไปแล้ว แต่ก้องภพและออมสินยังอยู่ต่อที่นี่ต่ออีกหนึ่งอาทิตย์ ก้องภพรับหน้าที่ถ่ายภาพออมสินไปลงเฟซบุ๊กและทำหนังสั้นเกี่ยวกับเรียนรู้แนวคิดและวิธีปฏิบัติในการใช้ชีวิตแบบพอเพียง ส่วนอิทธิกลับมารายงานกองพรว่าก้องภพไปดูแลออมสิน เนื่องจากหลงรักออมสินและขอยกเลิกการลาออก เพื่อที่จะกลับมาทำงานกับออมสินเหมือนเดิม กองพรยอมให้ลูกชายกลับมาทำงานได้ แต่อายุงานต้องนับหนึ่งใหม่ ส่วนเรื่องคู่บัดดี้ อย่างไรก็ต้องเป็นภคมนไม่เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้เธอยังจะย้ายออมสินไปทำงานที่แผนกอื่น การดีสอนให้ก้องภพกับออมสินผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมากันตลอดเวลาเข้าใจ "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ไม่ได้หมายถึงให้ทุกคนไปทำไร่ไถนา แต่เป็นการพึ่งพาตัวเองได้ และใช้ชีวิตอย่างพอประมาณมีกินมีใช้แบบพอดีตัว ทั้งสองก็เริ่มมองเห็นว่าตัวเองต่างใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง และเป็นอีกครั้งที่การดีแนะนำ ให้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายของครัวเรือน เพื่อจะได้มองเห็นว่าใช้จ่ายไปกับเรื่องใดบ้าง และจะได้วางแผนการใช้เงินได้ถูก การดีเชิญพี่ปรุง แม่บ้านต่างถิ่นมาเป็นวิทยากรให้นักเรียนทั้งสอง พี่ปรุงเริ่มยุทธการปลดหนี้ด้วยการทำบัญชีแล้ววางไว้ในจุดที่สามีและลูกเห็น เมื่อเห็นบัญชีติดลบของครอบครัวสามีพี่ปรุงก็ลดการดื่มเหล้าลง ส่วนลูกก็ใช้จ่ายประหยัดขึ้น ออมสินกับก้องภพเขียนบัญชีส่งให้การดีตรวจ และถูกวิจารณ์เสียเละเทะจนเริ่มรู้สึกว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว การดีจัดกิจกรรมค่ายสำหรับเด็กมัธยมปลาย จึงให้ก้องภพและออมสินมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้ เพื่อใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ แต่ปรากฏว่าผู้มาเข้าร่วมกิจกรรมไม่ครบต้องหาคนให้ครบตามจำนวน เจ้าของทุนถึงจะยอมจ่ายเงินสนับสนุน ก้องภพกับออมสินจึงต้องตกกระไดพลอยโจนเป็นเด็กโข่งเข้าร่วมกิจกรรมที่สอนให้พึ่งพาตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหารจากผักพื้นบ้านและการถนอมอาหาร การทำสบู่ และน้ำยาล้างจาน การปะชุนเสื้อผ้า และการกินอาหารเป็นยา รวมถึงการทำบ้านดินเพื่อเป็นห้องสมุดชุมชน การลงพื้นที่ศึกษาวัฒนธรรมท้องถิ่น และภูมิปัญญาจากผู้เฒ่าผู้แก่ แต่กิจกรรมสุดหินคือกิจกรรมสุดท้ายที่ให้ทุกคนไปนั่งทบทวนชีวิตที่ผ่านมาของตัวเอง โดยห้ามพูดห้ามคุยกับใครทั้งสิ้น จากนั้นให้มาเปิดใจว่าตั้งแต่เกิดมาจนถึงปัจจุบัน ช่วงไหนในชีวิตที่มีความสุขที่สุด และได้ทำความดีกับครอบครัวหรือสังคมอย่างไร การพูดคุยเปิดใจของเด็กมัธยมทำให้ออมสินนึกถึงตัวเองและกล้าเล่าเรื่องกระเป๋าแบรนด์เนม รวมไปถึงหนี้สินล้นตัวที่ทำให้เธอต้องมาซ่อนตัวถึงที่นี่ เธอเกิดความรู้สึกภูมิใจที่ได้เล่าประสบการณ์ เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันไม่ให้น้อง ๆ เดินทางผิดซ้ำรอยกับเธอ ขณะที่ก้องภพเปิดใจว่าเขาค้นพบแล้วว่าความสุขไม่ได้อยู่ที่การเดินทางไปถ่ายภาพทั่วโลกจนหมดเงินไปสองล้าน แต่ความสุขกลับอยู่ที่สิ่งง่าย ๆ อย่างการสอนเด็ก ๆ ทำหนังสั้นเกี่ยวกับการปลูกผักอินทรีย์แม้จะไม่มีค่าตอบแทนสักบาท และตั้งใจว่าจะช่วยสอนเด็กไทยให้มีความสามารถทำหนังสั้น จนไปคว้ารางวัลระดับโลกได้ ออมสินได้ยินคำพูดจากปากก้องภพแล้วอดทึ่งในตัวบอสเล็กที่ตลอดมาเธอเคยดูถูกว่าไม่เป็นโล้เป็นพาย วันแรกที่ออมสินกลับมาทำงานก็ต้องพบกับภคมนที่มาประกาศตัวว่าเป็นคู่แข่งแย่งชิงก้องภพ ที่ไม่ยอมลดราวาศอกให้อย่างแน่นอน ขณะเดียวกันกองพรก็ให้วรุณพรคอยจับผิดออมสินกับก้องภพ เพราะเธอไม่เชื่อว่าอดีตคู่ปรับอย่างสองคนนี้จะกลายมาเป็นคู่รักกันได้ในระยะเวลาสั้น ๆ นุตพงศ์เสนอเงินให้ออมสินยืม เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องทำตามแผนการไร้สาระ แต่อิทธิกับมุทิตาคอยหนุนให้เธอปฏิเสธด้วยเหตุผลเรื่องศักดิ์ศรีในการปลดหนี้ด้วยตัวเอง และหากเธอขอยืมเงินแฟนมาล่ะก็ ต่อไปก็จะตกเป็นเบี้ยล่างของเขาแน่ ๆ ออมสินจึงไม่รับการช่วยเหลือจากนุตพงศ์ แม้จะมีคำสั่งจากนายหญิงกองพรไม่ให้ออมสินและก้องภพทำงานร่วมกันแล้ว แต่ออมสินกับก้องภพก็ยังมีงานค้าง และต้องสะสางต่อให้เสร็จนั่นก็คือการไปเสนองานลูกค้า แต่ทันทีที่ออมสินนึกได้ว่าสวมเสื้อผ้าชุดเดียวกับที่สวมมาเสนองานเมื่อคราวก่อน ออมสินก็ขาดความมั่นใจจนทำให้การพรีเซ็นต์งานเกือบล่ม โชคดีที่ก้องภพสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ หลังเสร็จงานก้องภพก็ยังหนีบเอาออมสินไปกินข้าวเย็นกับจีรสุดาซึ่งทำให้ออมสินฉุนขาด เมื่อรู้ว่าก้องภพเอาเรื่องหนี้สินของออมสินไปเล่าให้จีรสุดาแฟนสาวของเขาฟัง ก้องภพพาออมสินไปส่งที่คอนโดและขึ้นไปส่งถึงที่ห้อง เมื่อเห็นอาการหวาดผวาคนทวงหนี้ ขณะที่นุตพงศ์โทรหาออมสินหลายสาย จนก้องภพต้องตัดรำคาญด้วยการรับสายเสียให้รู้แล้วรู้รอด ทำให้นุตพงศ์ฉุนขาดและจะคืนเงินให้ก้องภพแทนออมสินแต่ก้องภพไม่ยอม ออมสินออกจากห้องน้ำโดยไม่รู้ว่าแฟนหนุ่มโทรมาหาเธอ และขอให้ก้องภพมารับไปทำงาน เพราะยังหวาดผวากับแก๊งทวงหนี้ ก้องภพมารับออมสินตามสัญญา และทันทีที่ทั้งคู่ขับรถเข้าไปจอดที่บริษัท นุตพงศ์ที่สะกดรอยตามมาตั้งแต่ที่คอนโดก็เปิดเผยตัว นุตพงศ์ต่อว่าด้วยความเข้าใจผิดว่าก้องภพนอนค้างที่คอนโดของออมสินและจากไปด้วยความโกรธ ออมสินโกรธก้องภพที่เป็นต้นเหตุให้มีปัญหากับแฟน แต่ในเมื่อนุตพงศ์ไปเสียแล้ว ความหวังที่จะหาเงินมาใช้หนี้ก็อยู่ที่ก้องภพคนเดียว ก้องภพเข้ามาที่บริษัทก็ถูกแม่เรียกพบและต่อว่า กล่าวหาว่าก้องภพวางแผนทำให้ออมสินและแฟนมีปัญหากัน ในการประชุมเรื่อง CSR กองพรเสนอให้ทำซีเอสอาร์ในองค์กรเสียก่อน อิทธิเสนอว่าเขาเคยคุยกับออมสินเรื่อง "การกู้โลก" โดยการลดการใช้จ่าย ไม่ซื้อเสื้อผ้า และของใช้ไม่จำเป็นอย่างน้อยหนึ่งปี ออมสินซึ่งใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะกลุ้มใจที่นุตพงศ์ไม่ยอมรับโทรศัพท์ได้แต่ตกใจ เมื่อได้ยินเช่นนั้น เพราะเธอไม่เคยพูดอะไรแบบนั้นกับอิทธิสักนิด ส่วนพนักงานคนอื่น ๆ ก็หัวเราะกันครื้นเครง เพราะไม่คิดว่าช้อปปิ้งมาเนียอย่างออมสินจะทำได้ กองพรเห็นเป็นความคิดที่เข้าท่าจึงเสนอว่าถ้าออมสินทำได้จริงจะให้เงินรางวัลห้าหมื่นบาทแก่ออมสิน แต่ถ้าทำไม่ได้ล่ะก็ ออมสินจะต้องจ่ายคืนมาเป็นสองเท่า จากนั้นก็แต่งตั้งก้องภพ, วรุณพร, มุทิตา เป็นคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินของออมสิน เพื่อจะได้รู้ว่าตลอดปีนี้ ออมสินจะไม่มีเสื้อผ้าและของใช้ที่ไม่จำเป็นเพิ่มจากของเดิมแม้แต่รายการเดียว แต่แล้วภคมนก็กลับเอากระเป๋าแบรนด์มือสองมาเสนอขาย ซึ่งทำให้ออมสินต้องข่มใจเป็นอย่างมาก มุทิตาได้รับคำตอบจากธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของออมสิน และพบว่าเธอยังเหลือหนี้ที่ต้องชำระอีก "หนึ่งแสนห้าหมื่นบาท" หมายความว่าเธอต้องกู้บอสเล็กเพิ่มอีก รวมกับก่อนหน้านี้ก็เท่ากับสองแสนห้าหมื่นห้าพันบาท เพราะฉะนั้นการจะหาเงินไปใช้คืนเขาได้ เธอจะต้องลดรายจ่ายและหารายได้เพิ่ม อิทธิสั่งให้ออมสินเลิกขับรถไปทำงาน เพื่อประหยัดค่าน้ำมัน ค่าที่จอดรถและหารายได้เสริมให้เธอ ซึ่งงานชิ้นแรกก็คือ "สวมชุดมาสคอตแม่วัวตัวใหญ่ยักษ์" ในงานดื่มนมของกระทรวงสาธารณสุขที่บริษัทรับผิดชอบจัดงาน นอกจากออมสินจะต้องรับภาระหนักในการสวมชุดแม่วัวที่มีเด็ก ๆ มารุมล้อม ทั้งทุบทั้งผลักแล้ว เธอยังต้องปิดบังไม่ให้ก้องภพและภคมนที่มาคุมงานรู้ด้วยว่าเป็นเธอ วันที่คณะกรรมการมาตรวจสอบทรัพย์สินที่ห้องพัก ออมสินรู้ว่าวรุณพรพยายามจับผิดว่าเธอกับก้องภพเป็นแฟนกันตามแผน จึงแกล้งชวนก้องภพไปคุยแบบลับ ๆ ล่อ ๆ เพื่อให้วรุณพรได้ยิน และเข้าใจไปเองว่าก้องภพได้มาค้างที่ห้อง หลังจากสำรวจทรัพย์สินเป็นที่เรียบร้อย ก้องภพก็เสนอแถมบังคับด้วยอำนาจความเป็นเจ้าหนี้ให้ออมสินขี่จักรยานไปทำงาน โดยเขาจะยืมจักรยานที่จีรสุดามีอยู่หลายคันมาให้ใช้ ออมสินต้องขี่จักรยานหอบแฮ่ก ๆ ไปทำงานไม่พอ ยังถูกดัดหลัง โดย "มือที่มองไม่เห็น" เมื่อนุตพงศ์มาดักรอที่หน้าบริษัท นุตพงศ์ยื่นเช็คให้ออมสินเพื่อให้เธอนำไปใช้หนี้ แต่ก้องภพกลับคว้ามาฉีก นุตพงศ์จึงกลับไปด้วยความโกรธ ออมสินเข้ามาในบริษัทแต่กลับถูกนายหญิงจับผิดอีกว่า เธอกับลูกชายของเขาไม่ได้เป็นแฟนกันและปิดบังแผนการอะไรไว้ เป็นวันที่สองแล้วที่ออมสินพบว่ามีหนังสือซึ่งหาตัวเจ้าของไม่ได้มาวางอยู่บนโต๊ะทำงานของเธอ เป็นหนังสือธรรมะที่สอนให้ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เธอสอบถามป้าน้อย แม่บ้านก็ไม่รู้ว่าใครนำมาวาง ป้าน้อยยังพยายามเสนอเงินกู้ให้เธออีกตามเคย ออมสินหยิบหนังสือกลับไปอ่านที่คอนโด และนำกลับมาวางคืนไว้ที่โต๊ะตัวเอง จากนั้นจึงพบว่าหนังสือนั้นหายไป และไม่รู้ว่าเจ้าของตัวจริงจะมาเอาคืนไปหรือเปล่า แถมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าของหนังสือตัวจริงเป็นใคร ครั้นออมสินไปสอบถามมุทิตาและอิทธิก็พบว่าไม่ใช่ของสองคนนั้น จู่ ๆ อิทธิทำตัวเป็นผู้จัดการส่วนตัว บอกกับออมสินว่าเขารับงานพิเศษมาให้ โดยไม่ถามความสมัครใจจากออมสินสักคำ งานนั้นคืองานดูแลคนป่วย ซึ่งคนป่วยที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น เอื้อมพร (เดือนเต็ม สาลิตุล) พี่สาวของนายหญิง ซึ่งเป็นป้าแท้ ๆ ของก้องภพนั่นเอง เอื้อมพรเป็นโปลิโอเดินไม่ได้ตั้งแต่เด็ก คนรับใช้ที่คอยดูแลก็ลากลับบ้าน ขณะที่นายหญิงก็ไปต่างจังหวัดกับสามี ออมสินจึงต้องมาดูแลเธอ แต่สิ่งที่น่าหวั่นเกรงคือการรับมือกับอารมณ์ฉุนเฉียวของเอื้อมพร ซึ่งก้องภพอธิบายว่าป้าของเขามีอาการ "ไบโพลาร์" หรืออารมณ์สองขั้ว เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ไม่เพียงแต่ต้องรับมือกับคนแก่อารมณ์แปรปรวนแล้ว ออมสินยังต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกับก้องภพถึงสองวันสองคืน แถมระหว่างนั้นภคมนยังตามมาก่อกวนถึงที่บ้านอีก แต่มีความจริงข้อหนึ่งที่ทำให้ออมสินตกใจคือ เธอพบหนังสือที่เคยวางอยู่ที่โต๊ะเธอมาปรากฏในชั้นหนังสือของบ้านนี้ มันเป็นเล่มเดียวกันแน่ ๆ เพราะเธอจำคราบกาแฟที่เธอบังเอิญทำหกเลอะไว้ ออมสินสอบถามเอื้อมพรแต่ก็ยังไม่รู้แน่ชัดอยู่ดีว่าเป็นของนายหญิงหรือบอสเล็กกันแน่ ในการประชุมเตรียมงานฉลองการก่อตั้งบริษัทครบสิบห้าปี ออมสินเสนอ "โครงการทำบัญชีรายรับรายจ่าย" ขณะที่ก้องภพเสนอให้ทำ "โครงการปลูกผักบนดาดฟ้า" แล้วนำเงินรายได้จากการขายผักไปทำการกุศล โดยมัดมือชกให้ออมสินเป็นแม่งานร่วมกับเขา วรุณพรได้ยินออมสินทะเลาะกับก้องภพ และก้องภพบอกว่าจะไปกินข้าวเย็นกับจีรสุดา แต่ออมสินก็แก้ตัวได้ว่าเป็นการประชดประชันกัน เพราะความหึงหวงจู่ ๆ นุตพงศ์ก็โทรมานัดกินข้าวเย็นแต่ออมสินจำต้องปฏิเสธ เพราะนายหญิงกับนิภาพรรณชวนให้ไปเลือกของขวัญให้ลูกค้า ออมสินต้องพยายามข่มอกข่มใจอย่างมาก เมื่อไปเห็นของสวย ๆ งาม ๆ มากมาย เธอลูบคลำสร้อยเส้นสวย และเกือบตัดสินใจซื้อถ้ามุทิตาที่มาด้วยไม่ห้ามไว้เสียก่อน ที่โต๊ะอาหารเย็น นายหญิงยื่นประวัติชีวิตของวอร์เรน บัฟเฟต มหาเศรษฐีที่ใช้ชีวิตสมถะ และทำเพื่อสังคมให้ออมสินอ่าน ทำให้ออมสินซึ่งเป็นวัวสันหลังหวะอดคิดที่จะสารภาพความผิดกับนายหญิงไม่ได้ คืนนั้นออมสินพยายามติดต่อนุตพงศ์ แต่อีกฝ่ายไม่รับสาย ออมสินจึงต้องเข้าไปอัพเดทเรื่องราวในบล็อกตามปกติ รุ่งขึ้นนุตพงศ์มารอรับออมสินที่คอนโด เขาเสนอเงินให้เธอนำไปใช้หนี้อีกครั้ง พร้อมกับตำแหน่งงานในบริษัทคู่แข่งที่อุตส่าห์ไปติดต่อไว้ให้ พอเห็นออมสินลังเลเขาก็ยื่นข้อเสนอให้เธอคิดแค่อีกวันเดียว ไม่อย่างนั้นเขาจะนำเงินจำนวนนี้ไปซื้อหุ้น เพื่อไม่ให้เสียโอกาสการลงทุน เท่านั้นไม่พอเขายังจะไปบอกความจริงทั้งหมดกับกองพร ออมสินต้องรีบขัดขวางทำให้นุตพงศ์โกรธว่าออมสินไม่ได้ทำงานอยู่ที่เดิมเพราะเป็นหนี้ แต่เพราะเหตุผลอื่นมากกว่า ออมสินก้าวเข้ามาพบบรรยากาศตึงเครียดผิดสังเกตในที่ทำงาน และเลขาฯ ของนายหญิงก็ตามตัวเธอให้เข้าพบทันที ออมสินเข้ามาพบก้องภพรออยู่ในห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก่อนแล้ว เธอคิดว่านุตพงศ์โทรหานายหญิงแล้วแน่ ๆ จึงชิงสารภาพก่อนเผื่อว่าโทษหนักจะได้กลายเป็นเบา ออมสินปฏิเสธว่าไม่เคยมีความคิดจะไปทำงานบริษัทคู่แข่ง แต่ปรากฏว่ากองพรไล่ทั้งคู่ออกไปจากห้อง โดยต่อว่าให้ไปเตี๊ยมกันมาให้ดีเสียก่อน นั่นทำให้ออมสินรู้ว่านายหญิงต่อว่าก้องภพเรื่องไปกินข้าวเย็นกับจีรสุดาต่างหาก และที่นายหญิงรู้ได้ก็เพราะวรุณพรเป็นสายสืบ อิทธิเสนอให้ทั้งสองตัดขาดความสัมพันธ์กับคนรักของตัวเองสักพักเมื่อถูกอิทธิกับมุทิตาข่มขู่ วรุณพรก็ขอโทษขอโพยว่าไม่ได้ตั้งใจ แค่บอกข้อมูลแก่ภคมนโดยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตามไปถ่ายภาพก้องภพกินอาหารเย็นกับจีรสุดาแล้วส่งให้ นายหญิงดูอิทธิเปลี่ยนท่าทีจากที่เคยข่มขู่มาเป็นการพูดดีกับวรุณพร เป็นการใช้กลยุทธ์ดึงศัตรูมาเป็นพวกช่วยไกล่เกลี่ย และใช้วาทศิลป์อันเป็นเลิศทำให้ออมสินกับวรุณพรเจรจาสงบศึก ทว่าออมสินยังไม่คลายใจที่ต้องรับวรุณพรเป็นเพื่อน คืนนั้นอิทธิพาสองสาวและมุทิตาไปเลี้ยงฉลองความสัมพันธ์ วรุณพรดื่มเหล้าไปก็เปิดเผยความคับข้องใจให้ฟังว่ามาจากครอบครัวที่คาดหวัง ความสมบูรณ์แบบจากเธอตลอดเวลา ออมสินได้ยินแล้วอดที่จะเห็นใจเธอไม่ได้ คืนนั้นวรุณพรต้องไปค้างที่คอนโดของออมสิน เนื่องจากไม่สามารถกลับไปให้แม่เห็นว่า ตนอยู่ในสภาพเมามายได้ ต้องอยู่จนสร่างเมาแล้วค่อยกลับไปในตอนเช้า รุ่งขึ้น กองพรมอบหมายงานที่อีเวนท์ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นของวรุณพรให้ออมสินกับก้องภพไปทำด้วยกัน ก้องภพรีบปฏิเสธ เพราะมีงานแสดงภาพถ่ายที่เขาต้องไปร่วมพิธีเปิดกับจีรสุดา แต่กองพรไม่รับฟัง ออมสินก็อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกไม่ต่างกัน จีรสุดายื่นคำขาดให้ก้องภพเลือกไปดูแสงเหนือ กับเธอที่สวีเดนกับการทำงานกับแม่ต่อไป ซึ่งหมายถึงให้เลือกระหว่างเธอและแม่ ก้องภพปฏิเสธ เพราะตั้งใจไว้แล้วว่า ปีนี้จะไม่เดินทางไปต่างประเทศ จีรสุดาจากไปด้วยความโกรธ เพราะคิดว่าแม่ของก้องภพจับคู่ให้เขากับออมสิน ส่วนภคมนเป็นแค่ตัวหลอก ออมสินและก้องภพมานั่งปรับทุกข์กันไปปลูกผักบนดาดฟ้าไป ตอนนี้ทั้งสองไม่ทะเลาะกันอีกแล้ว ซึ่งก้องภพก็ไม่แน่ใจว่าระหว่างเขากับออมสินเป็นไปอย่างที่จีรสุดาตั้งข้อสังเกตหรือไม่ ก้องภพและออมสินประหลาดใจที่พบว่าภคมนมาที่ภูเก็ตด้วย ภคมนแย่งเอาก้องภพไป ส่วนออมสินก็ก้มหน้าก้มตาทำงานจนดึกดื่น แต่แล้วความอดทนของออมสินก็ถึงขีดสุด เมื่อเห็นก้องภพนั่งดื่มกินอยู่กับภคมนอย่างสนิทสนม จึงตั้งใจจะแกล้งภคมนให้ได้อาย ออมสินปราดเข้าไปต่อว่าภคมนที่มายุ่งกับแฟนของเธอเล่นเอาก้องภพตกตะลึง แต่เมื่อออมสินสาสมใจแล้วกลับพบนุตพงศ์ที่ตามมาเพราะคำแนะนำจาก "ผู้หวังดี" จากที่นุตพงศ์เคยเข้าใจว่าก้องภพคิดแผนการนี้ขึ้น ฃเพื่อหวังฉวยโอกาส แต่ตอนนี้เขาต่อว่าออมสินที่ปลดหนี้ โดยเอาตัวเข้าแลกแล้วจากไปอย่างไม่ใยดี ออมสินต่อว่าภคมนที่ใช้วิธีสกปรกแต่ภคมนไม่ได้เป็นคนบอกให้นุตพงศ์มา ขณะที่ก้องภพมั่นใจว่าแม่ของเขาไม่ใช้วิธีสกปรกแบบนี้แน่ ภคมนสงสัยเรื่องหนี้สินของออมสินจากบทสนทนาที่ได้ยิน แต่ก้องภพหาทางแก้ตัวให้ทัน ทั้งสองยังข้องใจว่าใครกันที่เป็นคนบอกให้นุตพงศ์มาที่ภูเก็ตเป็นวรุณพรหรือว่าจีรสุดา วันฉลองครบสิบห้าปีของบริษัท หลังจากทำบุญในตอนเช้าเสร็จก็ไปเลี้ยงอาหารคนชรา ออมสินพลอยนึกถึงปู่ย่าที่เธอไม่เคยกลับไปดูแล ในงานเลี้ยงออมสินเอาเครื่องประดับออกมาขาย เพื่อหาเงินไปบริจาคบ้านพักคนชรา จีรสุดาปรากฏตัวที่งานเพื่องัดข้อกับกองพร แต่ก็ต้องล่าถอยไปด้วยความคับข้องใจ หลังจากเอาเงินไปบริจาคแล้ว ออมสินก็มาทำงานด้วยใจที่อิ่มเอม แต่เหมือนฟ้าผ่ากลางบริษัทเมื่อนายหญิงบอกว่าสร้อยที่เธอสวมไม่มีอยู่ในบัญชีทรัพย์สินของเธอ ออมสินมั่นใจว่าเธอไม่ได้ซื้ออะไรใหม่เลย และจำไม่ได้ว่าสร้อยนี้เป็นของเธอหรือไม่หรือซื้อมาตั้งแต่ตอนไหน อิทธิสงสัยวรุณพรซึ่งเคยไปค้างที่คอนโดของออมสิน ครั้นไปรีดความจริงโดยการอ้างภาพจากกล้องวงจรปิด ที่ติดเอาไว้ตั้งแต่ตอนออมสินถูกเจ้าหนี้ตาม วรุณพรก็ยอมรับว่าแอบเอาสร้อยไปใส่ไว้ในกล่องเครื่องประดับของออมสินจริง ๆ อิทธิรีบไปบอกนายหญิง และนายหญิงกำชับไม่ให้อิทธิบอกกับออมสินว่าเธอรู้ความจริงแล้ว ก้องภพนัดเจอจีรสุดาเพื่อปรับความเข้าใจ ก้องภพมาถึงก่อนเวลาจึงนั่งดูคลิปหนังสั้นที่ตัวเองตัดต่อเสร็จ ซึ่งทำให้จีรสุดาหึงหวงออมสิน โดยที่ก้องภพไม่รู้ตัว ก้องภพขอเวลาพิสูจน์ตัวเองหนึ่งปี โดยระหว่างนี้ให้เขาและเธอห่างกันก่อน เพื่อให้แม่ของเขาตายใจ ออมสินพบว่าวิทยากรที่นายหญิงเชิญมาให้ความรู้พนักงานเรื่องชีวิตพอเพียงและการทำบัญชีก็คือการดีนั่นเอง ออมสินปรับทุกข์กับการดีเรื่องเงินแสนที่ต้องจ่ายให้นายหญิง การดีให้กำลังใจออมสิน และบอกว่าเธอโชคดีที่มีกัลยาณมิตรช่วยให้เธอพ้นจากหนี้ รวมทั้งก้องภพและ "มือที่มองไม่เห็น" ออมสินสงสัยเหลือเกินว่าหมายถึงใคร วรุณพรเข้ามาขอโทษออมสิน ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกัน วรุณพรยอมรับว่าไม่ได้บอกนายหญิงเรื่องออมสินเป็นหนี้ รวมถึงไม่ได้เป็นคนบอกให้นุตพงศ์ตามไปที่ภูเก็ต แต่แล้วหนังสั้นที่มีออมสินเป็นตัวละครเอกก็ถูกอัปโหลดขึ้นเว็บไซต์ยูทูบ ออมสินรู้ว่าคนทั้งบริษัทและนายหญิงคงรู้ความจริงที่เธอปิดบังแล้ว ออมสินเข้าไปสารภาพความผิดกับนายหญิง แต่กลับได้พบสีหน้าขบขันแทนที่จะเป็นการเกรี้ยวกราด แล้วกองพรก็เฉลยความจริงว่า ทั้งหมดเป็นแผนการของเธอที่ร่วมมือกับอิทธิและมุทิตาตั้งแต่เรื่องแฟกซ์ ส่งเธอไปแม่ฮ่องสอน แม้แต่เรื่องภคมน วัตถุประสงค์ของกองพรก็เพื่อดัดนิสัยลูกน้องคนโปรดให้สามารถปลดหนี้ได้ และดัดนิสัยลูกชายให้ทำตัวมีสาระและมาบริหารงานเสียที ก้องภพเริ่มต้นที่จะคบหากับออมสินอย่างจริงจัง เพราะจีรสุดาไม่สามารถรับการที่เขาจะมาดูแลธุรกิจได้ และเขาก็รับไม่ได้กับการที่จีรสุดานำหนังสั้นของออมสินไปเปิดเผย ส่วนออมสินก็พบว่าถ้าเธอยังคบหากับนุตพงศ์ต่อไปคงเลิกนิสัยบริโภคนิยมไม่ได้ ในงานเลี้ยงฉลองรางวัลนักธุรกิจหญิงดีเด่น ที่กองพรเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับรางวัล กองพรขึ้นไปกล่าวถึงการบริหารงานของเธอที่ออกกฎไม่ให้พนักงานมีหนี้ เธอไม่ต้องการให้พนักงานมีนิสัยบริโภคนิยม และไม่บ่มเพาะหนี้สิน เนื่องจากหนี้สินคือจุดเริ่มต้นของการทุจริต หลังจากนั้นก็เป็นการฉายภาพวิถีชีวิตของสำนักงาน ได้แก่ การทำบัญชีรายรับรายจ่ายในสมุดบัญชีบ้าง ในสมาร์ทโฟนบ้าง การปลูกผักบนดาดฟ้า และการปั่นจักรยาน มาทำงาน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือภาพของออมสินที่ปลดหนี้ได้สำเร็จ ออมสินกับก้องภพกุมมือกันขณะชมภาพเหล่านั้นด้วยความชื่นใจ แต่แล้วการปรากฏตัวของเอื้อมพรที่มาร่วมแสดงความยินดีแก่น้องสาวก็ทำให้ออมสินเซอร์ไพรส์สุด ๆ เนื่องจากเอื้อมพรเดินมาอย่างกระฉับกระเฉง เอื้อมพรเฉลยว่าเธอก็เป็นหมากตัวหนึ่งในแผนการของกองพรเช่นกัน เพื่อสอนให้ออมสินรู้จักค่าของเงิน ออมสินไปงานเปิดตัวพ็อกเกตบุ๊ก นุตพงศ์มาร่วมงานและขอคืนดีแต่ออมสินปฏิเสธไป เพราะตอนนี้รู้จักตัวเองดีแล้วว่าไม่สามารถเข้ากับเขาได้ ออมสินได้รับเช็คค่าลิขสิทธิ์ต้นฉบับและเอามาใช้หนี้ก้อง

ใต้ร่มใบภักดิ์ 2556

ลูกไม้ของพ่อ ใต้ร่มใบภักดิ์ (2556/2013) ตำแหน่งหนุ่มโสดในฝันปีนี้ ตกเป็นของ “จิม-จิรเมธ เดชาธร” รับบทโดย “คณิน ชอบประดิถ” หนุ่มนักเรียนนอกที่เพิ่งเดินทางกลับประเทศไทย พร้อมปริญญาโทจากอังกฤษ บรรยากาศในงานแลดูวุ่นวาย เมื่อหนุ่มจิมต้องโยนช่อดอกไม้เพื่อเฟ้นหาสาวผู้โชคดีที่จะได้ไปเดทกับเขาในค่ำคืนนี้ แต่แล้วทุกอย่างก็พังพินาศ เมื่อสาวน้อยสาวใหญ่พากันรุมล้อมอยากใกล้ชิดกับหนุ่มหล่อทำให้เกิดศึกแย่งดอกไม้จนงานเละเทะไม่เป็นท่า กลายเป็นข่าวดังครึกโครม ทางด้าน “เกริกเกียรติ เดชาธร” ผู้เป็นบิดา ซึ่งรับบทโดย “ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี” จึงให้จิรเมธ มารับช่วงดูแลกิจการต่อจากบิดา ซึ่งจิรเมธพบว่าบิดาได้โอนเงินเข้าบัญชีหนึ่ง อย่างต่อเนื่อง ในทุกๆ เดือนเป็นเวลากว่าสามปี เมื่อลองถามบิดาดู นอกจากจะไม่ได้คำตอบแล้ว บิดายังขอให้ จิรเมธปิด “คุณนาย อำไพพรรณ เดชาธร’ รับบทโดย “ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” ผู้เป็นมารดาของจิรเมธอีกด้วย จิรเมธทั้งสงสัย และข้องใจเกี่ยวกับบัญชีเงินโอนของบิดา ด้วยชื่อเจ้าของบัญชี เป็นผู้หญิงเธอ มีชื่อว่า “ลัลนา แก้วกำเนิด” รับบทโดย “ซาร่า เล็กจ์” เธอเป็น ชาวหมู่บ้าน เขากะหมอก จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเกริกเกียรติมันทำให้จิรเมธอดคิดไม่ได้ว่า ลัลนาคือเมียน้อยของบิดานั่นเอง จิรเมธลงไป ที่จังหวัดตรัง เพื่อพบกับนักธุรกิจชาวฝรั่งเศส ที่เขาต้องการตกลงเรื่องธุรกิจด้วย โดยจิรเมธแวะไปสังสรรค์กับเพื่อนรัก “นายหัวภูวดล” รับบทโดย “เตชินท์ ชยุติ” เจ้าของกิจการเรือประมงขนาดใหญ่ ที่จังหวัดตรัง ขณะที่พักผ่อนบนเรือยอร์ช กับภูวดล และ “วิรดา บวรภัคร” รับบทโดย “หรรษา จึงวิวัฒนวงศ์” คู่ควงของเพื่อนรักอยู่นั่นเอง ก็เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อมีเรือหางยาวสองลำขับไล่ล่า และกราดยิงกันมา จนทำให้ทั้งสามคน ต้องหลบกันจ้าละหวั่น ปรากฏว่าเป็น “ลัลนา แก้วกำเนิด” ที่ตามไล่ล่าโจรที่เข้าไปขโมยผลปาล์มที่หมู่บ้านเขากะหมอก แล้วหนีออกมาทางปากอ่าวนั่นเอง โจรหนีไปได้ลัลนาจึงวกเรือกลับมายังเรือยอร์ช ขณะที่จิรเมธ เดินไปทางด้านหลังของเรือ ทำให้คลาด กับลัลนา ไปหวุดหวิด ภูวดลต้องตาต้องใจ ลัลนาทันที ที่ได้เห็นหน้าครั้งแรก ส่วนวิรดา เมื่อเห็นว่าเป็นลัลนา เจ้าหล่อนก็เกรี้ยวกราดใส่ทันที ส่วนลัลนาไม่ได้เกรงกลัว ทั้งยังพูดท้าทายด้วยว่าจะจับตัวบงการใหญ่ให้ได้ ซึ่งก็คือบิดาของวิรดานั่นเอง เขาคือ ‘เสี่ยวิชาญ บวรภัคร’ รับบทโดย (โอลิเวอร์ บีเวอร์) เจ้าของกะหมอกรีสอร์ทแอนด์สปานั่นเอง เมื่อจิรเมธกลับมาสมทบกับเพื่อนๆ ลัลนาก็ขับเรือออกไปพอดี ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลัลนา จิรเมธถือโอกาสมาตรังครั้งนี้ เพื่อสืบเรื่องเงินในบัญชีของพ่อ และได้เดินทางไปที่หมู่บ้านเขากะหมอก แต่ยังหาทางเข้าหมู่บ้านไม่พบ เขาโชคร้ายเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อมีรถมอเตอร์ไซค์ขับปาดหน้ารถของเขา ซึ่งคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ก็ คือลัลนา เธอกำลังจะเดินทางไปยังโรงแรมที่ ‘ปูไข่’ รับบทโดย (ภัณฑิลา ฟูกลิ่น) ทำงานอยู่ เพื่อจะไปเป็นไกด์ เธอเดินไปที่รถของจิรเมธเพื่อจะเจรจา แต่จิรเมธไม่ยอมเปิดกระจกรถ เพราะคิดว่าลัลนาเป็นนางนกต่อ เขาเลื่อนกระจกลงแล้วทิ้งเงินเอาไว้ให้ลัลนา จากนั้นก็ขับรถออกไป โดยไม่ยอมพูดคุยใด ๆ ลัลนา เจ็บใจมากที่ถูกลบหลู่ เธอเก็บเงินไว้ พร้อมทั้งจดทะเบียนรถ เพื่อจะนำเงินไปคืน และเธอจะตอบแทนคนที่คิดว่าเงินสามารถซื้อได้ทุกอย่าง ด้วยการต่อยหน้าสักหมัด! ลัลนาพามิสเตอร์ดิแลนซ่าไปเกาะมุก เพราะมีความรู้เรื่องภาษาฝรั่งเศส ทำให้เธอรับจ๊อบด้วยการเป็นไกด์ให้กับ นักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นคนเดียวกับทีจิรเมธต้องการมาติดต่อเจรจาธุรกิจด้วย จิรเมธเข้าใจผิดว่าลัลนาเป็นสาวขายบริการ จึงแสดงท่าทีดูถูกเธอ ลัลนาเองก็รู้ความจริง ว่าจิรเมธเป็นคนขับรถคันนั้น ทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันใหญ่โต ไม่ชอบขี้หน้ากันถึงขั้นเป็นศัตรูกัน ส่วนวิรดาที่ตอนแรกมีจุดหมายไปที่ภูวดล ตอนนี้เธอเปลี่ยนมาเป็นจิรเมธแทน เพราะจิรเมธรวยกว่า แถมอยู่ในตระกูลดังของวงสังคม วิรดาพยายามหาทางใกล้ชิดจิรเมธจนลัลนาเข้าใจผิด คิดว่าทั้งคู่ มีอะไรกัน เกริกเกียรติลงมาที่ตรัง เพื่อทำธุระ จิรเมธเห็นจึงสะกดรอยตามบิดา เพราะคิดว่าต้องไปบ้านเขากะหมอกแน่นอน ซึ่งเขา คิดไม่ผิด แต่ที่ผิดคาดคือคนที่มาพบกับบิดากลายเป็นผู้หญิงแสบที่เขาเรียกเธอว่า “ลิงกัง” ลัลนาสนิทสนมกับ เกริกเกียรติเป็นอย่างดี โดยมักจะเรียกเกริกเกียรติ ว่าคุณป๋า จนติดปากจิรเมธ จึงมั่นใจว่าลัลนาเป็นเมียน้อยของบิดาแน่นอน! จิรเมธตามไปเอาเรื่องลัลนา ที่เขากะหมอกจนได้รู้ว่าความจริง เรื่องเงินที่บิดาโอน แท้จริงแล้วไม่ได้ให้เมียน้อย แต่เพื่อช่วยเหลือคนในหมู่บ้านที่กำลังทำโครงการผลิตไบโอดีเซลขาย เกริกเกียรติพยายามหว่านล้อมให้ลูกชายเห็นถึงว่าความลำบากของชาวบ้าน นักธุรกิจที่คิดถึงแต่ผลประโยชน์ แบบจิรเมธ รับไม่ได้กับการช่วยเหลือแบบให้เปล่านี้ จิรเมธตั้งตัว เป็นเจ้าหนี้ของคนในหมู่บ้านทันที แต่เกริกเกียรติต่อรองว่าหาก จิรเมธต้องการเงินคืน ก็ต้องเข้ามาทำให้ชาวบ้านมีรายได้ก่อน โดยการดูแลโครงการนี้ ผู้ใหญ่ธม รับบทโดย “อนันต์ บุญนาค” โกรธมาก ที่จิรเมธดูถูกเขา แต่ก็ยอมให้เข้ามาดูแลโครงการ เพื่อให้จิรเมธได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ว่าชาวบ้าน ไม่ได้ทำตัวรอเศษเงินจากเกริกเกียรติบิดาเขา เหมือนที่จิรเมธเข้าใจ โดยมีข้อตกลงว่า หากครบปี จิรเมธทำไม่ได้เหมือนที่พูดต้องคุกเข่ากราบขอขมาคนที่นี่ แต่จิรเมธประกาศว่า เขาจะทำให้ได้ในเวลาเพียงเดือนเดียวเท่านั้น จิรเมธขอให้ลัลนามาเป็นผู้ช่วยเขาเพราะอยากแกล้งเธอ ลัลนาไม่เต็มใจแต่ต้องทำเพื่อหมู่บ้าน เพราะเวลาที่มีจำกัด จิรเมธตัดสินใจมาอยู่ที่เขากะหมอก จิรเมธกับเกริกเกียรติ จึงต้องปั้นเรื่องโกหกอำไพพรรณ ซึ่งการมาอยู่ที่นี่ จิรเมธต้องเผชิญกับความลำบากที่คนกรุงไฮโซอย่างเขา ไม่เคยสัมผัสแถมแทบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อเกิดเหตุวางเพลิงสวนปาล์ม เคราะห์ดีที่ลัลนาช่วยชีวิตไว้ได้ เหตุการณ์เรื่องเดือดร้อนต่าง ๆ ในหมู่บ้านเกิดจากเสี่ยวิชาญ บิดาของวิรดาที่ต้องการกดดันชาวบ้าน เพื่อซื้อที่ดินในเขากะหมอก ทั้งนี้ที่ดินรีสอร์ท ยังปิดทางเข้าออกหมู่บ้านทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนอีกด้วย แต่เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็ไม่สามารถหาหลักฐาน มาเอาผิดเสี่ยได้เหตุวางเพลิง ก็มาจากเสี่ยวิชาญ ที่หลอกใช้ “อ่ำ” รับบทโดย (จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม) ชาวบ้านเขากะหมอก เอาโฉนดที่ดินมาวาง ขอกู้เงินเสี่ย หลังลงมือทำงานไม่สำเร็จอ่ำก็ออกจากหมู่บ้านไป โดยไปทำงานอยู่ที่เรือของภูวดลด้วยความบังเอิญ จิรเมธเรียนรู้การทำน้ำมันไบโอดีเซลจากลัลนา เขาสงสัยว่าทำไมถึงไม่คิดจะทำอะไร ที่มีผลกำไรมากกว่านี้ ลัลนาอธิบายให้ฟังว่าผู้ใหญ่ธมต้องการสืบสานสิ่งที่พระเจ้าอยู่หัวทรงดำริไว้ เพราะทรัพยากรน้ำมันมีแต่จะหมดไป ถ้าเราสามารถผลิตใช้เองได้ก็จะเป็นผลดี กับประเทศในระยะยาว ที่เขากะหมอก นอกจากน้ำมันแล้ว ที่นี่ยังมีการผลิตสบู่ และผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยอีกด้วย ลัลนาตระเวนขายสบู่ เพราะมั่นใจในคุณภาพสินค้า แต่ขายไม่ได้ต้องไปเก็บกลับมา จิรเมธที่ติดตามไปด้วยพูดจาไม่ดีจนทะเลาะกัน เรือที่ทั้งคู่ใช้เป็นพาหนะเกิดล่มกลางทะเล จิรเมธที่ว่ายน้ำไม่เป็น รอดชีวิตมาได้ เพราะลัลนาช่วยไว้ และทำให้ทั้งสองคนต้องไปค้างคืนติดเกาะอยู่ด้วยกัน ทั้งคู่เริ่มรู้ตัวว่า ถึงแม้จะทะเลาะกันตลอดเวลา แต่ความใกล้ชิดที่ผ่านมาก็ทำให้ต่างฝ่ายต่างมีความรู้สึกที่ดีต่อกันจิรเมธ เห็นว่าบรรจุภัณฑ์ ที่ลัลนาใช้อยู่ไม่เหมาะสม ไม่น่าซื้อ เขาจึงลงทุนไปเสาะหากล่องใส่สบู่ และขวดใส่น้ำมันด้วยตัวเอง ที่กรุงเทพฯ จิรเมธเริ่มเปลี่ยนไป เขาเริ่มเปลี่ยนวิถี การใช้ชีวิต และแนวคิดโดยไม่รู้ตัว แต่มัน ทำให้ ‘ไววิทย์’ รับบทโดย (อัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล) เพื่อนรักอีกคนของเขาแปลกใจ ซึ่งการห่างกันของ จิรเมธ และลัลนาในครั้งนี้ ทำให้พวกเขาค้นพบว่า คิดถึงกันมากแค่ไหน เมื่อกลับมายัง หมู่บ้านเขากะหมอกพร้อมกล่องและขวดใส่น้ำมัน จิรเมธต้องการหาทางขนส่งที่สะดวกให้ชาวบ้าน เขาคิดจะเปิดเส้นทางหน้าหมู่บ้าน โดยคิดจะเจรจากับวิรดา เมื่อเสี่ยวิชาญ เข้ามาอ้างสิทธิ์ ในที่ดินของอ่ำ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงผลิตไบโอดีเซล ตากลั่นพ่อของอ่ำเสียใจจนล้มป่วย จิรเมธยิ่งคิดหนัก พยายามหาหนทางช่วยชาวบ้าน ให้จงได้ จิรเมธอ้างกับวิรดาว่าเขาเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ ของหมู่บ้านกะเขาหมอก ทำให้ต้องเดินทางเข้าออกที่นี่เป็นประจำ วิรดาอนุญาตให้ชายหนุ่มผ่านทางรีสอร์ทของเธอได้ เพื่อเอาใจและหวังจะเป็นภรรยาของเขาในอนาคตความสัมพันธ์ ระหว่างลัลนากับ จิรเมธเลวร้ายลงไปอีก เพราะลัลนาคิดว่าจิรเมธ มีใจให้กับวิรดา ในขณะที่จิรเมธก็เข้าใจผิดว่า ลัลนาเป็นคนรักของ ‘ไก่แจ้’ รับบทโดย (จุ๊บจิ๊บ เชิญยิ้ม) หนุ่มอารมณ์ดีในหมู่บ้านทั้งที่ความจริงผู้หญิงที่ไก่แจ้รักคือ “ปูไข่” รับบทโดย “ภัณฑิลา ฟูกลิ่น” ด้วยความบังเอิญ ทำให้ลัลนาได้เจอกับอ่ำ พอรู้เรื่องที่ดิน อ่ำแค้นเสี่ยวิชาญมากที่หลอกเขา สุดท้ายอ่ำก็กลับ เข้ามาในหมู่บ้านอีกครั้ง เพราะทุกคนเข้าใจ และให้อภัย ทางจิรเมธตอนนี้เขามั่นใจอย่างที่สุด ว่าเขารักลัลนา และยิ่งรู้ว่าไก่แจ้รักกับปูไข่ จิรเมธก็ยิ่งเดินหน้าเต็มตัว ที่จะแสดงออกมาว่าคิดกับลัลนาอย่างไร แต่ในขณะเดียวกันเขาก็คบหากับวิรดา จนทำให้ลัลนาเสียใจ และสับสนไม่เข้าใจในสิ่งที่จิรเมธกำลังทำอยู่ เสี่ยวิชาญพยายามพูดจาชักจูงให้จิรเมธมาร่วมลงทุน และซื้อต่อรีสอร์ทของเขาด้วยวงเงินสูงลิ่วจิรเมธไม่ไว้ใจ เพราะพอจะรู้ประวัติความขี้โกงของวิชาญมาบ้าง แต่สองพ่อลูกตัวร้ายก็ยังหมายมั่น ปั้นมือ ที่จะทำให้ จิรเมธ ตกหลุมพรางให้ได้ จิรเมธใช้เสน่ห์ และความฉลาด หลอกล่อวิรดาให้ขโมยโฉนดที่ดินของตากลั่นมาให้เขา เพราะเธอเข้าใจผิดคิดว่าจิรเมธหลงรักเธอ วิรดามาหาเรื่องลัลนาถึงบ้านพร้อมข่าวร้ายว่า จิรเมธกำลังจะ ชิ่งหนีชาวบ้านเพื่อไปร่วมหุ้น ทำธุรกิจกับครอบครัววิรดา แถมยังอวดแหวนเพชรที่สวมติดนิ้วให้ ลัลนาดูว่าจิรเมธหมั้นหมายกับเธอแล้ว ลัลนาเสียใจมากคิดว่าเป็นเรื่องจริง ผู้ใหญ่ธมกับมาลินีรับรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้วว่า เป็นแผนการของจิรเมธแต่ช่วยกันปิดบังลัลนาไว้ เพราะปฏิกิริยาโกรธเกลียดจากลัลนาที่เห็นว่าจิรเมธยังเป็นคนเห็นแก่ตัวเห็นแต่ผลประโยชน์คนเดิม จะทำให้ฝ่ายเสี่ยวิชาญ เชื่อใจจิรเมธมากขึ้น วิชาญกับวิรดามีความสุขมากตั้งตารอเงินที่จิรเมธตกลงจะนำมาซื้อที่ดิน จิรเมธวางแผนตลบหลัง ด้วยการให้ความหวัง โดยดึงเวลาไว้ไม่ให้ วิชาญเอาที่ดินไปขายให้คนอื่น เพื่อให้ที่ถูกยึดโดยธนาคาร ก่อนจะซื้อไว้ในราคายุติธรรม จิรเมธกลายเป็นเจ้าของ รีสอร์ท สามารถถอนที่ดินนั้นได้สำเร็จ ทำให้ เสี่ยวิชาญกับวิรดาลูกสาวสิ้นเนื้อประดาตัว สร้างความเจ็บแค้นให้เสี่ยวิชาญเป็นอย่างมาก ลัลนารวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่ตัวเองเก็บไว้ เพื่อเอาผิดเสี่ยวิชาญ โดยมีอ่ำที่พร้อมจะเป็นพยานร่วมมือเป็นอย่างดี แต่เสี่ยวิชาญก็หนีไปเสียก่อนลัลนาได้รู้ความจริง เกี่ยวกับทุกสิ่งที่จิรเมธทำ ลัลนาซึ้งใจ และยอมเปิดเผยความรู้สึก ทั้งคู่จึงคบกัน ในฐานะคนรัก อย่างเงียบ ๆ ไม่บอกใคร นอกจากเรื่องที่ดิน จิรเมธยังซื้อตึกแถวในตัวจังหวัด ไว้เพื่อเป็นสถานที่วางจำหน่ายสินค้าของชาวเขากะหมอก ร้านเขากะหมอก เป็นรูปเป็นร่างด้วยความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้าน กำลังจะเปิดตัวในไม่ช้านี้ ส่วนน้ำมันก็ได้ภูวดลเป็นลูกค้ารายใหญ่ อำไพพรรณเห็นภาพข่าวเกี่ยวกับ จิรเมธ และแฟนสาวที่จังหวัดตรัง เป็นภาพที่มีนักท่องเที่ยวถ่ายรูปคู่ระหว่างจิรเมธกับลัลนาไปด้วยความบังเอิญ และอำไพพรรณยิ่งโมโหใหญ่ เมื่อได้เห็นสัญญา การซื้อขายทรัพย์สินต่าง ๆ ที่เขากะหมอกในนามบริษัทเดชาธร ไววิทย์ถูกเรียกตัวมาเค้นความจริง เขาจำต้องเปิดเผย เพราะจนต่อหลักฐาน อำไพพรรณลงมายังตรังทันที เพื่อเคลียร์เรื่องที่เกิดขึ้น เกริกเกียรติ รีบตามลงมา เมื่อทราบเรื่องจากไววิทย์ อำไพพรรณตามมาที่บ้านผู้ใหญ่ธม ประกาศเป็นเจ้าหนี้ของชาวเขากะหมอก เปิดฉากทะเลาะกันใหญ่โต ทั้งเรื่องที่ผู้ใหญ่ธมมายุ่งกับสามี และลูกชายเธอ รวมไปถึงเรื่องผิดใจในอดีต จนทำให้ทุกคนได้รู้ความจริงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสี่คน จิรเมธกับลัลนานึกไม่ถึงว่ามารดาของพวกเขาเป็นเพื่อนรักกันมาก่อนกับมาลินี และอำไพพรรณกับผู้ใหญ่ธม ก็ไม่ถูกกันอย่างแรง ตั้งแต่สมัยยังหนุ่มสาว มาลินี เกริกเกียรติ และธม เป็นคนตรัง ที่เข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ มาลินีเป็นเพื่อนรักกับอำไพพรรณ ที่ตั้งแง่รังเกียจธม เพราะอำไพพรรณ เป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่างในขณะที่ธม เป็นหนุ่มลูกทุ่งขวานผ่าซากของแท้ ทำให้คู่นี้เป็นไม้เบื่อไม้เมา กันมาตลอด ยิ่งมาลินี แต่งงานกลับมาอยู่ตรัง กับผู้ใหญ่ธม อำไพพรรณก็ยิ่งจงเกลียดจงชังธม เพราะเธออยากให้เพื่อนได้ดี แต่งงานกับคนมีฐานะมากกว่า วิรดาที่หมดเนื้อหมดตัวมาขออาศัยอยู่กับภูวดล เพื่อหวังจะติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหว ของจิรเมธ และคนในเขากะหมอก เธอจะคอยรายงานบิดา ซึ่งไปหลบอยู่อีกที่ ให้รู้ข้อมูลไปพร้อมๆ กับเธอด้วย สองพ่อลูกร่วมมือกัน คิดวางแผนแก้แค้นจิรเมธ มาลินีพยายามจะพูด กับอำไพพรรณให้เข้าใจ เกี่ยวกับสิ่งที่จิรเมธทำ รวมทั้งเรื่องราวความรักของหนุ่มสาว ที่เกิดขึ้นอย่างสวยงามอำไพพรรณปฏิเสธ ที่จะให้ทั้งคู่ได้รักกัน เพราะไม่อยากให้ลูกของตัวเองต้องมาอยู่บ้านนอกแบบนี้ ทั้งยังเกลียดผู้ใหญ่ธมอย่างกับกิ้งกือไส้เดือน ลัลนามองเห็นปัญหาของความรักระหว่างตน กับจิรเมธก็พยายามทำใจว่ามันคงเป็นไปไม่ได้แน่ จึงปฏิเสธที่จะคบกับจิรเมธอีก ให้จิรเมธกลับบ้านไป แต่จิรเมธไม่ยอม อำไพพรรณจึงบอกให้ลัลนาปล่อยลูกชายของเธอไปถ้ารักจิรเมธจริง เพราะจิรเมธควรมีภรรยาที่เชิดหน้าชูตาตัวเอง ลัลนายอมทำตามคำขอ เสี่ยวิชาญจับตัวอำไพพรรณ เพื่อจะเรียกค่าไถ่ ลัลนาพยายามช่วยจนโดนจับไปด้วย ทั้งสองคนถูกพา ไปซ่อนไว้ ที่เกาะร้างแห่งหนึ่ง การหายตัวไปของลัลนา และอำไพพรรณ ทำให้จิรเมธ เกริกเกียรติ ผู้ใหญ่ธม มาลินี และชาวบ้านเขากะหมอก อยู่ไม่เป็นสุขทุกคนเครียด กลัดกลุ้ม ร้อนใจ จนไม่เป็นอันทำอะไร จิรเมธสงสัยว่า การลักพาตัวในครั้งนี้ น่าจะเป็นฝีมือของวิชาญพวกคนร้าย เรียกเงินค่าไถ่เป็นจำนวนร้อยล้านบาท เพื่อแลกกับสองชีวิต จิรเมธมาหาภูวดลเพื่อปรึกษา เมื่อภูวดลรู้ข่าว เขาคิดเช่นเดียวกับ จิรเมธว่าเป็นฝีมือวิชาญ จิรเมธให้ภูวดลคอยจับตาดูวิรดาไว้ จึงทำให้รู้ว่าเป็นฝีมือของเสี่ยวิชาญจริง จิรเมธ และภูวดลพยายามคาดคั้นเอาความจริงจากวิรดา แต่วิรดาก็ไม่ยอมบอกที่ซ่อน จนในที่สุดเธอยื่นข้อเสนอให้ จิรเมธจดทะเบียนสมรส กับเธอ เธอถึงจะยอมบอก ระหว่างถูกจับตัว ไว้ที่เกาะร้างอำไพพรรณได้รู้จักนิสัยใจคอของลัลนามากขึ้น หลายครั้งที่ลัลนาแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนดี มีน้ำใจ และไม่ทอดทิ้งอำไพพรรณ เมื่อยามทุกข์ยาก ลัลนาคอยช่วยเหลือเธอทุกอย่าง ทำให้อ่ำไพพรรณซาบซึ้งใจในตัวลัลนา จิรเมธกับภูวดลบีบจนวิรดายอมบอกที่ซ่อน พวกเขาจึงออกเรือไปตามหา โดยมีไก่แจ้ และอ่ำเป็นผู้ช่วย ส่วนผู้ใหญ่ธม เกริกเกียรติ และชาวบ้าน ก็ออกเรือไปตามหาตามเกาะต่างๆ เช่นกัน ทางลัลนาเองก็พยายาม ที่จะหาทางหนี จนสามารถพาอำไพพรรณ หนีออกมาได้อย่างทุลักทุเล โดยมีเสี่ยวิชาญ และสมุนตามล่าไม่ห่าง โชคดีที่พวกของ จิรเมธตามมาช่วยได้ทันเวลา แต่แล้วเรื่องกลับยิ่งเลวร้าย ไปกันใหญ่ เมื่อเสี่ยวิชาญ จับตัวลัลนาขึ้นเรือ หนีไปได้อีก ทั้งจิรเมธ และภูวดลออกตามล่าวิชาญ ลัลนาพยายามต่อสู้จนทำให้ตกลงในทะเล จิรเมธเห็นเช่นนั้นก็กระโดดลงไปช่วย ทำให้ทั้งคู่เกือบเอาชีวิตไม่รอด ในที่สุดเสี่ยวิชาญ และวิรดา ก็ถูกจับข้อหาลักพาตัว และพยายามฆ่า ส่วนอำไพพรรณ แม้ใจอ่อนให้ลัลนาแล้วก็ตามแต่ เธอก็ยังไม่แน่ใจในความรักที่จิรเมธ และลัลนา มีให้แก่กัน เมื่อจิรเมธขอคบ กับลัลนา อย่างเปิดเผย และขออยู่ที่ เขากะหมอกต่ออีกสองปี อำไพพรรณจึงยื่นข้อเสนอว่า ถ้าหากจิรเมธ จะอยู่เขากะหมอก ต้องอยู่แต่ตัวเท่านั้น เขาจะถูกยึดทุกสิ่ง ทุกอย่าง จิรเมธจะไม่เหลืออะไรเลย แต่ถ้าจิรเมธไม่ตกลง ก็ไม่ต้องกลับมาที่เขากะหมอกอีก จิรเมธตอบตกลง ตามข้อเสนอของมารดา โดยจิรเมธจะอยู่ที่นี่แต่ตัว และหัวใจ เพราะเวลานี้เงิน ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด ในชีวิต ของจิรเมธอีกต่อไป แต่สิ่งที่ล้ำค่า

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 13 รายการ