หยกลายเมฆ 2552

หยกลายเมฆ (2552/2009) ความรักของหนุ่มสาวต่างเชื้อชาติ เรื่องราวอดีตรักอันขมขื่นของผู้ให้กำเนิด ทำให้เธอต้องลัดฟ้าไปไกลถึงแดนมังกร ถิ่นที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งทางธุรกิจ ความริษยา และมนต์ขลังของความรัก...วังวนของประวัติศาสตร์กำลังจะเกิดขึ้นซ้ำรอยเก่าอีกครั้ง...พร้อมกับดนตรีแห่งความรักบทใหม่ก็เริ่มบรรเลงเช่นกัน...

สื่อรักชักใยอลวน 2551

สื่อรักชักใยอลวน (2551/2008) สราวุธ มาตรทองรับบท วิธวินท์ หนุ่มนักเรียนทุนจากอเมริกา หัวดี เรียนเก่ง เท่ห์ไปหมด ละเอียดอ่อน ฉลาด กล้าตัดสินใจ ไม่ค่อยยอมใครง่ายๆ ค่อนข้างเอาความคิดตัวเองเป็นหลัก โตมาในวัดเพราะพ่อแม่เสียแล้วหลวงตาเอามาเลี้ยงจนจบมหาวิทยาลัยได้ทุนไปต่อ เมืองนอก ช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยคบหาเป็นแฟนกับดารุเพราะคำยุยงของเพื่อนให้จับคู่ ดาวเดือน ศิรพันธ์ วัฒนจินดารับ บท ไปรยา เอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหาครอบครัวของพี่ชาย แข็งนอก อ่อนใน คิดแผนอะไรแผลงๆ อยู่เสมอ แต่ไม่กระโชกโฮกฮาก อาศัยอยู่กับคุณลุงคุณป้าที่เลี้ยงดูด้วยความรักและอยู่กับธรรมชาติ ผิดกับพี่ชายที่โตในเมือง มีหน้าที่คุมไร่ดูแลผลผลิตทั้งหมดของไร่ชมตะวัน ซึ่งเป็นตัวแทนซื้อขายพืชไร่จากชาวบ้านส่งให้พี่ชายนำไปจำหน่ายกับบริษัท ต่างประเทศ ติดตามต่อได้ใน สื่อรักชักใยอลวน

ยุทธการหักคานทอง 2551

ยุทธการหักคานทอง (2551/2008) ดา ทำทุกอย่างตามแผนยุทธการหักคานทองของน้ำ ไม่ว่าจะเป็นแผนการใดๆ สุดท้ายแผน เด็ดของเธอต้องขอความร่วมมือจาก น้องมาร์ค หลานชายวัยซนของผู้กองหนุ่ม ในวันเกิดของ ศรีวิไล แม่ของกฤตที่แยกทางกับ พ.ต.ท. ประวิทย์ ซึ่งงานนี้ดาหมายมั่นว่าได้ผลเพราะแบ็คชั้นดีมีทั้งศรีวิไล การันต์ พี่ชายของกฤต และ อัปสร พี่สะใภ้ของกฤตเห็นดีเห็นงามด้วย เมื่อ แผนการทั้งปวงใช้ไม่ได้ผล ซ้ำเรื่องยังรู้ถึงหูของ เอวิกาและ เอมี่ A.E. คู่ปรับของน้ำและดา ที่ชอบสอดรู้สอดเห็นหาเรื่องเหน็บแนมน้ำกับดามาตลอด น้ำ เริ่มมีความคิดใหม่เกี่ยวกับนักล่าเพศผู้ เธอจึงตัดสินใจใช้ ภีห์มะ ลูกชาย เจ้าของร้านเพชรรูปหล่อลูกครึ่งไทย – อินเดีย ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าของภูริดาให้มาตามจีบ ภูริดา เพื่อที่จะให้กฤตินเริ่มเห็นคุณค่าและความสำคัญของดาบ้าง ติดตามต่อได้ใน ยุทธการหักคานทอง

แสนแสบ นักสืบผีสิง (2551)

เรื่องย่อ : แสนแสบ นักสืบผีสิง (2551/2008) นักสืบแสนแสบได้เปิดสำนักทรงเจ้าชื่อ " ปู่คำแสนรู้ " รับเข้าทรงและสืบสวน โดยแสนแสบปลอมเป็นร่างทรง ช่วยปัดเป่าความทุกข์ของชาวบ้าน และเป็นที่รู้กันทั่วประเทศว่า คดีที่ยังปิดไม่ลง เจ้าทุกข์จะมาที่สำนักทรง ขอให้ปู่คำแสนรู้ช่วยสืบให้ - เมื่อรับทำคดีแล้ว แสนแสบจะออกสืบสวนทันที โดยมีผู้ช่วย 2 คน คนหนึ่งเป็นผีชื่อ " พรายหักมุก " อดีตเคยเป็นนางไม้ สิงอยู่ในต้นกล้วยหักมุก อีกคนเป็นนักข่าวสาวสวย Sexy ชื่อ " จริงจัง " ช่วยค้นหาข้อมูลต่างๆได้อย่างรวดเร็ว พรายหักมุกมักจะอิจฉาจริงจังเสมอ เพราะแสนแสบแสดงตัวชัดเจนว่า อยากให้จริงจังเป็นแม่ของลูก บางครั้งที่พรายหักมุกหึงจัดๆ ชอบเข้าสิงแสนแสบ เพื่อแกล้งจริงจัง ต่างๆนาๆ ทำให้งานเสียบ่อย จนแสนแสบเบื่อ - เมื่อสืบสวนคดีจนรู้ตัวคนร้ายแล้ว แสนแสบจะกลับมาเป็นร่างทรง บอกกล่าวให้เจ้าทุกข์รู้ เพื่อแจ้งตำรวจให้ไปจับ บ่อยครั้งที่เจ้าทุกข์ไม่เชื่อว่าจะเป็นคนร้ายตัวจริง แต่เมื่อปู่คำแสนรู้ลั่นวาจา และเสกหลักฐานมาวางตรงหน้า ทุกคนจึงเชื่อ และจับคนร้ายได้ในที่สุด (ที่มา: broadcastthai.com)

กลิ่นแก้วกลางใจ 2550

กลิ่นแก้วกลางใจ (2550/2007) บ้านกลิ่นแก้ว คือบ้านสีขาวริมทะเลหลังหนึ่ง ที่ตั้งอย่างโดดเดี่ยวบนเกาะ มีแต่ป่าและหมู่บ้านชาวประมง ห่างไกลผู้คน บ้านสวยงามที่สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันทุกรายละเอียด แต่ไม่มีใครเคยเข้าไปอยู่ สร้างความฉงนฉงายให้คนแถวนั้นเป็นอย่างยิ่ง ที่หน้าบ้านหลังนี้มีป้ายเล็กๆ ติดอยู่

ความรักเปลี่ยนแปลงโลก ความเกลียดทำลายแม้ตัวเอง… เมษา หญิงผู้จองหอง เย็นชา แต่งงานกับ อรชุน ด้วยความรักเต็มหัวใจเมษาและอรชุนพยายามอย่างยิ่งที่จะมีลูกด้วยกันแต่ไม่ สำเร็จ วันหนึ่งเมษาพบว่าสามีของหล่อน อรชุนลักลอบเป็นชู้กับแฟนเก่าสูงศักดิ์ชื่อ ม.ร.ว.หญิงจิตตา จนคุณหญิงจิตตาตั้งท้อง เมษาพกเอาความแค้นไว้ในใจและตั้งใจจะแก้แค้นอย่างสาสม เมษาอดทนจนวันที่คุณหญิงจิตตาคลอดลูก เมษาแอบเข้าไปสับเปลี่ยนป้ายชื่อของลูกสาวของม.ร.วหญิงจิตตา กับลูกสาวของโสเภณีคนหนึ่งที่บังเอิญมาคลอดลูกในโรงพยาบาลเดียวกันแล้วทิ้งไป ไม่มีใครสงสัยในความผิดครั้งนี้ เด็กสาวทารกที่ควรจะมีชาติตระกูลสูงส่ง ถูกส่งไปอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า เมษาติดตามดูเด็กคนนั้นอย่างสะใจ พยาบาลตั้งชื่อเด็กคนนี้ว่า พระพาย ลูกสาวของม.ร.ว.หญิงผู้สูงศักดิ์ กำลังเติบโตและตกระกำลำบากอยู่ในบ้านเด็กกำพร้าโดยไม่มีใครสนใจดูแล ในขณะเดียวกัน จิตตารู้สึกผิดต่อการกระทำของตน จึงบอกเลิกกับอรชุนด้วยความอาลัย จิตตาตัดสินใจหอบลูกน้อยที่หลงคิดว่าเป็นลูกแท้ๆ พาไปอยู่ด้วยกันที่ต่างประเทศ แต่ความแค้นของเมษายังไม่จบ เมษาวางยาพิษให้อรชุนทีละน้อย จนตายโดยไม่ทราบสาเหตุ วันที่อรชุนตาย เมษาเอาภาพถ่ายของเด็กกำพร้า พระพายที่กำลังถูกเพื่อนกลั่นแกล้งมาให้อรชุนดู หล่อนสะใจที่อรชุนได้รู้ว่าลูกแท้ๆ ของอรชุนและจิตตานั้นกำลังยากลำบากเพียงใด เมื่อจิตตารู้ว่าอรชุนตายลง หล่อนพาลูกสาวอายุแปดขวบกลับมาเมืองไทยทันที จิตตาเสียใจเป็นอย่างยิ่ง แม้ความรักของตนกับอรชุนจะเป็นความรักที่ผิดศีลธรรมแต่ทั้งสองตระหนักดีว่า…สิ่งที่เกิดขึ้นคือรักแท้ จิตตาส่งคนไปแอบสับเปลี่ยนโถอัฐิของอรชุนในวันเผาศพของอรชุน แล้วนำอัฐิทั้งหมดไปโปรยไว้ใต้ซุ้มดอกแก้วที่บ้านสีขาวกลางเกาะ…บ้านกลิ่นแก้ว บ้านกลิ่นแก้วแห่งนี้เป็นเสมือนตำนานรักของอรชุนและจิตตา ย้อนกลับไปเมื่อแปดปีก่อนหลังจิตตาคลอดลูกและตัดสินใจตัดขาดจากอรชุน ทั้งสองคนตัดสินใจสร้างบ้านขึ้นหลังหนึ่ง ตั้งชื่อว่าบ้านกลิ่นแก้ว ที่หลังบ้าน ทั้งสองปลูกต้นแก้วไว้เป็นซุ้มเคียงคู่กันสองซุ้ม ทั้งคู่มีสัญญาใจต่อกัน ถ้าใครคนหนึ่งตายไป จะให้คนเอาเถ้ากระดูกมาฝังไว้ที่ใต้ต้นแก้ว แม้ไม่อยู่ด้วยกันในชาตินี้ คนทั้งสองก็จะไม่แยกจากกันในชาติอื่นๆ บ้านกลิ่นแก้วถูกสร้างขึ้นอย่างเงียบๆ กลางเกาะที่ห่างไกลความเจริญและห่างไกลผู้คน มีแต่เพียงคนใช้ชายหญิงชื่อ ถวิล กับ แต้ม เป็นคนดูแล เมื่ออรชุนยังมีชีวิตอยู่ เขาออกแบบและมาคุมการก่อสร้างด้วยตนเอง เขาบรรจงตกแต่งทุกรายละเอียดให้จิตตาและลูกด้วยความรัก บ้านที่เขาสร้างจะเป็นตัวแทนความรักของเขา แม้ไม่มีโอกาสที่จะมี”บ้าน”ที่อยู่ร่วมกันได้อีกในชาตินี้ จิตตารู้ความจริงในข้อนี้ดี ทุกอณูในบ้านหลังนั้นคือความรักที่อรชุนมีเพื่อมอบให้ตนและลูก แต่อรชุนตายไปแล้ว ตนและลูกมีหน้าที่เดินหน้าต่อไป ในขณะที่จิตตาเก็บความทรงจำที่เต็มไปด้วยความรักของอรชุนเอาไว้ เมษากลับเลือกที่จะเก็บความแค้นและความชิงชังในตัวอรชุนและจิตตา หล่อนสานต่อการแก้แค้นอย่างเยือกเย็น …. เมษาเริ่มต้นสานสัมพันธ์จนกลายเป็นเพื่อนสนิทของคุณหญิงจิตตา จิตตาไว้วางใจเมษาเล่าทุกๆ เรื่องให้เมษาฟัง เมษามีความสุขเหลือเกินกับการเฝ้ามองจิตตาประคบประหงมลูกโสเภณีข้างถนนไว้ เป็นลูกของตน ที่สำคัญ เด็กหญิงอาโป ยังมีนิสัยเย่อหยิ่ง เอาแต่ใจตนเอง และร้ายกาจเหมือนสายเลือดต่ำทรามที่ซ่อนอยู่ลึกๆ อาโปไม่ได้ผิดที่สายเลือดเพียงอย่างเดียว อาโปถูกประคบประหงมโดย นมแสง แม่นมที่ดูแลอาโป ด้วยความรักที่มากเกินไป คอยตามใจและทำให้อาโปเสียคน อาโปหยิ่งทะนงที่ตนมีนามสกุลสูงส่งและเป็นทายาทมรดกจำนวนมาก จนกลายเป็นคนเอาแต่ใจตนเอง ไม่รู้จักการให้และการเสียสละใดๆ ในขณะเดียวกันนั้น เมษาก็ทำเรื่องขอตัวเด็กหญิงพระพายมาเป็นลูก เด็กน้อยพระพายมีความสุข หนูกำลังจะมีแม่เหมือนคนอื่น แต่ทันทีที่กลับมาถึงบ้าน เมษาก็ใช้พระพายราวกับคนรับใช้ บางครั้งก็เฆี่ยนตี และดุด่า แต่ไม่ว่าจะถูกลงโทษแค่ไหน หนูน้อยพระพายก็ยังคงรักและศรัทธาในตัวเมษาไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เพราะสำหรับเด็กน้อยแล้ว การที่มีใครสักคนพาตนออกมาจากบ้านเด็กกำพร้า และอนุญาตให้ตนเรียกว่าแม่นั้นยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดทั้งหมด จนเวลาผ่านไป เมื่อเด็กสาวทั้งสองเติบโตเป็นสาว เมษาก็วางแผนให้อาโปและพระพายได้กลับมาพบกัน อาโปได้รับการดูแลอย่างดี เจ้าหล่อนถูกส่งไปเรียนต่อในต่างประเทศ แต่กลับมาโดยไม่มีปริญญาติดตัว จิตตาและเมษาไปรับอาโปด้วยกันที่สนามบิน ป้าเมษาคนโปรดของอาโปให้รางวัลอาโปด้วยการมอบคนใช้ประจำตัวชื่อพระพายให้อาโป พระพายย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของจิตตา จิตตามีความรักและเมตตาให้เด็กคนใช้ชื่อพระพายเป็นพิเศษ โดยไม่เข้าใจตนเองว่าเป็นเพราะอะไร เมษาเฝ้ามองทุกอย่างด้วยรอยยิ้ม พระพายถูกจิกใช้ให้เป็นคนใช้ในบ้านของแม่แท้ๆ บนกองเงินกองทองที่ควรจะเป็นของตนเอง คุณหญิงจิตตามีธุรกิจใหญ่โตด้านการส่งออกผ้าไหมไทยกับคหบดีตระกูล “ธีรนัย” ทั้งสองตระกูลมีข้อตกลงอันแปลกประหลาดอยู่ข้อหนึ่งนั่นคือ พวกเขาต้องการให้ทายาทของทั้งสองตระกูล แต่งงานกันเพื่อรักษาสมบัติของตระกูลคือกิจการผ้าไหมไทย และทายาทที่ต้องแต่งงานกัน นั่นก็คือ ลูกสาวของจิตตาที่ชื่ออาโป และลูกชายของตระกูลธีรนัยชื่อ อัสนี อัสนีเป็นหนุ่มเพลย์บอยไม่ทำงานทำการ วันๆ เอาแต่ใช้ชีวิตไร้สาระอยู่กับเงินและผู้หญิง แต่ไม่มีใครเข้าใจว่าอัสนีไม่ได้เลวร้าย เขาแค่รวยมาตั้งแต่เกิดจนกลายเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง ที่สำคัญลึกๆ อัสนีเป็นคนจิตใจดีและขี้เหงาเพราะพ่อแม่ของเขาเสียไปตั้งแต่เล็กๆ อัสนีปฏิเสธการแต่งงานกับอาโปตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า เพราะไม่อยากแต่งงานกับคนที่ตนไม่ได้รัก เช่นเดียวกับอาโป หล่อนพยายามหนีการแต่งงานครั้งนี้ โดยไม่ยอมเจอหน้าอัสนีเช่นกัน เจ้าหล่อนมีแฟนอยู่แล้วชื่อ จอนนี่ แต่ทั้งคู่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการแต่งงานครั้งนี้ได้ เพราะถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งปฏิเสธก็จะถูกขับออกจากกองมรดกและตำแหน่งบริหารทุกอย่างในกิจการไหมไทย ทั้งคู่ยังไม่รู้จักหน้าค่าตากันเลย ทั้งที่ต้องเข้าพิธีแต่งงานกันในวันพรุ่งนี้ และในคืนนั้นเองก็เกิดเรื่องเลวร้ายกับอัสนี อัสนีรถคว่ำกลายเป็นคนพิการตาบอด ไม่เพียงแต่พิธีแต่งงานจะเริ่มต้นไม่ได้เท่านั้น…ทายาทคนเดียว ผู้บริหารคนใหม่ของกิจการไหมไทยกำลังจะกลายเป็นคนพิการ เรื่องนี้ส่งผลถึงธุรกิจพันล้านแน่นอน ภานุ อาแท้ๆ ของอัสนีที่แอบหวังฮุบกิจการของอัสนีอยู่ลึกๆ จึงเข้ามาจัดการให้ข่าวต่อผู้บริหารทุกคนว่า อัสนีและอาโปจะแต่งงานกันอย่างเงียบๆ และจะย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านกลิ่นแก้วโดยไม่ต้องการให้ใครรบกวน อาโปกรี๊ดทันทีที่ได้รับข่าว นอกจากไม่ได้ทำงานบริหารสวยเก๋ในเมืองใหญ่แล้วเจ้าหล่อนยังจะถูกส่งไปเป็นชาวเกาะ คอยดูแลสามีตาบอดในบ้านบนเกาะห่างไกลสังคมอีกด้วย และแล้วเจ้าหล่อนก็เกิดไอเดีย อาโปบังคับให้พระพายปลอมตัวเป็นตนแล้วไปอาศัยอยู่กับอัสนีแทน ในขณะที่ตนเองก็จะหนีหายไปเที่ยวต่างประเทศกับจอนนี่ เรื่องที่เกิดขึ้นจะไม่มีใครรู้แม้แต่อัสนี ไหนๆ บ้านกลางเกาะนั่นก็ไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว ใครจะไปรู้ว่าคนที่มาอยู่กับอัสนีเป็นอาโปตัวจริงหรือตัวปลอม อัสนีและพระพายจำต้องอยู่ด้วยกันฉันท์สามีภรรยาในบ้านกลางเกาะที่ตัดขาดจากโลกภายนอก อัสนีเย่อหยิ่ง ปากร้าย ดุดัน และเกิดมาเพื่อเป็นคุณชายผู้จองหองเอาแต่ใจตนเอง ยิ่งในเวลานี้ที่กลายเป็นคนตาบอด เขายิ่งเหมือนเจ้าชายสายฟ้าที่พร้อมจะฟาดฟันลงมาที่คนรอบข้างตลอดเวลา ในขณะที่พระพายอ่อนโยนจิตใจดี เจ้าหล่อนเหมือนสาวน้อยแห่งสายลม ที่พร้อมจะเยียวยาทุกๆ คนให้มีความสุขกายสบายใจ แต่พระพายเป็นแค่เด็กน้อยกำพร้าที่มีประวัติลึกลับ หล่อนไม่ใช่คนมั่นใจในตนเอง แถมยังซุ่มซ่ามเซ่อซ่า หล่อนต้องกลายเป็นเนื้ออันโอชะที่ถูกอัสนีจอมโหดขย้ำตายคามือแน่นอน เผลอๆ พระพายอาจกลายเป็นบ้าไปเพราะหน้าที่ดูแลอัสนีก็เป็นได้ อัสนีผู้ป่วยตาบอด แถมยังป่วยที่จิตใจ ถูกพามาบ้านกลิ่นแก้วที่แสนเงียบสงบ แถมยังอบอวลไปด้วยกลิ่นดอกแก้ว บรรยากาศที่นี่ทำให้เขาแทบเป็นบ้า ไม่เพียงเท่านั้นเขายังต้องอยู่กับผู้หญิงที่เขาไม่รู้จักชื่ออาโป ผู้หญิงที่ทำให้เขาพิการ อัสนีเกลียดอาโป เพราะคิดพาลเอาเองว่าอาโปคู่หมั้นทางการเมืองของเขาคนนี้ เป็นสาเหตุของความโมโหในคืนที่เขาขับรถจนได้รับอุบัติเหตุ ถ้าเขาไม่โมโหเรื่องต้องแต่งงานกับอาโป เขาก็คงไม่ขับรถประมาทแบบนั้น… วันนี้อาโปจะย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะภรรยาของเขา เขาจะทำให้ยายนี่วิ่งหนีกระเจิดกระเจิงออกไปจากเกาะภายในสามวัน อาโป เดินทางมาถึงที่เกาะจริงๆ แต่เจ้าหล่อนคือพระพายปลอมตัวมา ผู้ดูแลบ้านคือ แต้มผู้สามีกับถวิลผู้ภรรยา รวมทั้งอัสนีก็ไม่รู้ ทุกคนพากันเข้าใจไปว่านี่คืออาโป อัสนีที่เป็นผู้ป่วยบนรถเข็นจัดการตัดไฟทั้งบ้านกลิ่นแก้วทันทีเพื่อต้อนรับ ภรรยากำมะลอ อัสนีอ้างว่าในเมื่อตนต้องอยู่ในความมืด คนอื่นก็ต้องอยู่ด้วย ไม่เพียงเท่านั้น เขายังหลอกพระพายในนามของอาโปให้ไปติดอยู่ในห้องเก็บของ พระพายต้องทนทุกข์ทรมานร้องไห้อยู่ในห้องมืดๆ ทั้งคืน กว่าถวิลจะช่วยออกไปได้ พระพายออกไปจัดการกับอัสนีทันที หล่อนแกล้งเอาปลิงทะเล เมนูอาหารของถวิลไปใส่ในเสื้อของอัสนี แล้วบอกว่ามันคือหนูที่จับได้จากห้องเก็บของ อัสนีตกใจมากลุกขึ้นจากรถเข็นแล้ววิ่งสะบัดไปมา พระพายงงงวยเป็นอย่างยิ่งที่อัสนีเดินได้แต่ไม่ยอมเดิน อัสนีโมโหมากตะโกนด่าเอาไม้ไล่ตีพระพายจนล้มไม่เป็นท่า วันต่อมาอัสนีคิดแผนใหม่ แกล้งมาทำดี แล้วเล่าเรื่องผีที่รอคอยคนรักในบ้านกลิ่นแก้วให้พระพายฟัง พอตกดึกเขาก็จัดการจ้างเด็กชาวประมงนำโดย เด็กชายอารี ที่อยู่แถวนั้นมาหลอกผี พระพายกลัวผีจนจับไข้หัวโกร๋นไปสามวัน จนถวิลต้องมาดูแล ในที่สุดพระพายก็รู้ความจริง เพราะความไร้เดียงสาของเด็กชายอารีและเพื่อนๆ พระพายไม่รอช้าจัดการดัดหลังกลับ หล่อนไปเอาม้วนภาพยนตร์เก่าๆ ที่เจอในห้องเก็บของมาฉายต่อออกลำโพงให้ดังทั่วหาด คราวนี้ชายพิการทิ้งรถเข็นวิ่งหนีอ้าวเพราะนึกว่าผีเจ้าที่ๆ ว่านั้นมีตัวตนจริงๆ จากนั้นพระพายจัดการให้แก๊งค์เด็กชาวประมงเอารถเข็นไปทิ้งที่หน้าผาหลังเกาะ หล่อนบอกอัสนีว่า ถึงเวลาแล้วที่เขาจะยอมรับความจริงและมีชีวิตอยู่ให้ได้ อัสนีต้องเดินด้วยตัวเองไม่ใช่ด้วยรถเข็น ถึงแม้จะเป็นวิธีเดินแบบคนตาบอดก็ตาม แน่นอน…อัสนีอาละวาดด่าอาโปที่ตัวจริงคือพระพายไม่มีชิ้นดี ไม่ว่าจะแสดงฤทธิ์เดชอย่างไรพระพายก็ไม่ยอมท้อถอย หล่อนรับมือกับคุณแม่เมษาที่แสนเจ้าอารมณ์มาได้ตลอดชีวิต นับประสาอะไรกับชายพิการคนเดียว ที่สำคัญ…หล่อนเป็นพยาบาล ความเจ็บป่วยทางร่างกายและจิตใจของอัสนีเป็นหน้าที่ๆ ไม่เหลือบ่ากว่าแรงอยู่แล้ว อัสนี ประหลาดใจมาก แม้เขาจะกลั่นแกล้งพระพายเท่าไหร่ พระพายก็ไม่มีท่าทางจะทิ้งเขาไป ถึงแม้หล่อนจะเหมือนคู่กัดของเขาตลอดเวลา แต่ผู้หญิงคนนี้อบอุ่นอ่อนโยนไม่เหมือนผู้หญิงเย่อหยิ่ง อาโปตัวจริงที่เขาได้ข่าวมาแม้แต่น้อย พระพายจัดการสอนให้อัสนีใช้ไม้เท้า ดูแลสุขภาพร่างกายจนแข็งแรงขึ้น หล่อนพาอัสนีไปเดินเล่นริมทะเล ปรับปรุงบ้านกลิ่นแก้วที่อยู่ในความมืดให้สว่างไสว เด็กกำพร้าสองคนเริ่มทดแทนกันและกัน พระพายสอนอัสนีให้รู้ถึงคุณค่าชีวิต และอัสนีก็สอนให้พระพายลบปมด้อยของตนให้เข้มแข็งและเชื่อมั่นในตนเองมากกว่านี้ อัสนี โดยเฉพาะพระพายชอบไปนั่งเล่นที่ซุ้มดอกแก้ว หล่อนจะรู้สึกสุขใจอย่างประหลาด พระพายไม่เคยรู้ถึงสาเหตุที่แท้ของความผูกพัน เพราะบ้านหลังนี้คือบ้านที่พ่อและแม่ที่แท้จริงของตนเป็นผู้สร้างมา และที่ใต้ต้นแก้วนั้นก็มีเถ้ากระดูกของอรชุนผู้เป็นพ่อแท้ๆ โปรยปรายอยู่ อัสนีจิตใจดีขึ้น พระพายให้กำลังใจเขาเพื่อให้ผ่าตัดเปลี่ยนดวงตา และด้วยความช่วยเหลือของพยาบาลเก่าอย่างพระพาย อัสนีได้พบแพทย์เฉพาะทาง เขาตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดทันที ด้วยสาเหตุลึกๆ เขาอยากเห็นหน้าภรรยาที่ดีกับเขาตลอดมา และอยากใช้ชีวิตแบบสามีภรรยาจริงๆ กับอาโปซึ่งก็คือพระพายนั่นเอง การผ่าตัดเป็นไปอย่างเรียบร้อย ถึงแม้อัสนีจะยังเปิดผ้าพันแผลที่ตาไม่ได้ แต่หมอยืนยันว่าโอกาสที่อัสนีจะมองเห็นมีมากกว่าแปดสิบเปอร์เซนต์ ข่าวการหายตัวไปของอัสนีสั่นสะเทือนผู้คนมากมาย ถ้าอัสนีกลับมาบริหารกิจการไหมไทย นั่นคือการกลับเข้าสู่สังคม อาโปตัวจริงจำต้องกลับมาทำหน้าที่ภรรยา จะให้พระพายสวมรอยต่อไปไม่ได้ อาโป ตัวจริงเดินทางมาที่บ้านกลิ่นแก้วทันที ด้วยการจัดการของเมษาที่ไม่อยากให้พระพายได้ดี ให้บังเอิญเหลือเกินที่อาโปกำลังทะเลาะกับจอนนี่ อาโปผู้มีจิตใจโลเล แถมถูกยุยงจากป้าเมษา จึงเปลี่ยนใจกลับมาชอบอัสนีทันทีที่รู้ข่าวว่าเขากำลังจะกลับเป็นคนปรกติ พระพายหัวใจสลาย อาโปกำลังทวงตำแหน่งภรรยาของหล่อนคืน หล่อนไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้อัสนีอีกแล้ว โลกแห่งความเป็นจริงเปิดออก หล่อนมีค่าแค่เพียงแค่คนใช้ของอาโปเท่านั้น ในวันที่เปิดผ้าพันแผล เมื่อดวงตาของอัสนีเปิดขึ้น ผู้หญิงที่เขาพบคืออาโปที่ฉกฉวยเอาความดีความงามไปทั้งหมด ในขณะที่หน้าห้องคือพระพายผู้น่าสงสาร ในห้วงเวลานี้เอง โดม เพื่อนรักของพระพายที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างมาตั้งแต่ต้น ก็สารภาพรักกับพระพาย แต่โดมก็ไม่สามารถทำให้พระพายลืมอัสนีได้ เมษาจัดการบังคับพระพายไม่ให้ปรากฏตัวให้อัสนีเห็น แค่ทุกวันนี้อัสนีก็สับสนพออยู่แล้ว เหตุใดอาโปที่เขาพบในวันนี้กับอาโปที่อยู่ที่บ้านกลิ่นแก้วนั่น จึงเสียงไม่เหมือนกัน แต่ในเมื่อทุกคนแม้แต่หลักฐานทางกฎหมายก็ยืนยันว่านี่คืออาโปตัวจริง เขาก็พูดอะไรไม่ออก อัสนีเคียงข้างด้วยอาโปกลับเข้าบริษัทอย่างมีเกียรติ อัสนีเวลานี้เหมือนเป็นคนละคน เขาจัดการปรับปรุงตัวเองใหม่เพื่อเป็นคนที่ดีและสามีที่ดี แต่เขากลับรู้สึกแปลกแยกกับอาโปคนใหม่มากขึ้นทุกที และในขณะเดียวกัน รอบๆ ตัวของเขาก็เหมือนมีเงาของใครคนหนึ่งติดตามช่วยเหลือเขาในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อยู่เสมอ พระพายนั่นเอง หล่อนแอบเข้ามาจัดการเรื่องของอาหาร ยา หรือแม้แต่ช่วยงานเอกสาร ทุกอย่างโดยไม่เคยโผล่มาให้อัสนีเห็นตัวหรือได้ยินเสียงเลย บัดนี้พระพายได้กลายเป็นลมอบอุ่นที่ไร้ตัวตน แต่อัสนีก็สัมผัสได้ถึงความรักและความห่วงใยของลมที่อบอุ่นได้ตลอดเวลา ในใจของอัสนีรู้แต่ว่า ตนจะต้องสืบสวนทุกอย่างที่น่าสงสัยรอบตัว อัสนีแกล้งวางแผนขับรถแข่งให้รถคว่ำแล้วกลับไปเป็นคนตาบอดอีกครั้ง เรื่องราวเหมือนวนกลับมาที่เดิม อัสนีสูญเสียตำแหน่งทางธุรกิจไป อาโปเริ่มกลายเป็นบ้าที่ต้องอยู่กับสามีตาบอดไร้อำนาจ หล่อนแอบติดต่อกับจอนนี่ให้มาพบบ่อยๆ อัสนีชายตาบอดถูกทอดทิ้งไว้ในบ้าน เขาหวังใจลึกๆ ลมอุ่นๆ ที่เคยแอบช่วยเหลือเขาจะปรากฏตัว แต่แล้วก่อนที่พระพายจะถูกจับได้ เมษาก็รู้แผนการของอัสนีเสียก่อน ถ้าอัสนีรู้ว่าพระพายมีตัวตนจริง เขาจะแต่งงานกับพระพายแล้วพาพระพายกลับเข้าบริษัท เข้ารับตำแหน่งทุกอย่าง เมษาออกขัดขวางอัสนีได้สำเร็จ แผนของอัสนีไม่เป็นผล พระพายไม่ได้ปรากฏตัวที่บ้านกลิ่นแก้ว มีแต่เพียงอาโปคนเดิม อัสนีหมดหวัง แผนการเป็นคนตาบอดของเขาล้มเหลว เขากลับมาเป็นคนตาดีอีกครั้ง และตัดใจเชื่อว่า คนที่แอบดูแลเขานั้นเป็นเรื่องคิดไปเอง อาโปมีเพียงคนเดียว และไม่มีการแอบแฝงใดๆ ทั้งสิ้น แต่แล้วอาโปก็ก่อเรื่องอีก อาโปทะเลาะกับจอนนี่ จอนนี่เข้ามาอาละวาดในบ้านด้วยอารมณ์หึงหวง เขาเอาปืนเข้ามาจะยิงให้อัสนีตาย แต่คนที่เข้ามารับกระสุนปืนคือพระพาย ผู้หญิงที่เขาไม่เคยเห็นหน้า แต่แอบติดตามเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ จู่ๆ ก็เข้ามารับกระสุนปืนแทนเขา พระพายถูกยิงสลบไปอยู่ในอ้อมกอดของอัสนี อาโปร้องกรี๊ดทำอะไรไม่ถูก จอนนี่จึงพาตัวอาโปขึ้นรถหนีไป และวางแผนสวมรอยเพื่อเรียกค่าไถ่ตัวอาโป จิตตาและเมษาเดือดร้อนออกติดตาม ระหว่างการติดตาม อาโปทะเลาะกับจอนนี่อย่างหนัก จอนนี่เสียใจที่อาโปไม่เข้าใจ ด้วยความเครียดจอนนี่ยิงอาโปและตั้งใจจะยิงตัวเองตายตามประชดรัก จอนนี่ตายแต่อาโปบาดเจ็บสาหัสถูกพาเข้าห้องผ่าตัดเคียงคู่กับพระพาย ทั้งคู่ขาดเลือดต้องเปิดรับบริจาค และแล้วจิตตาก็ค้นพบความจริง เลือดของอาโปไม่ตรงกับหมู่เลือดของตน แต่ของพระพายกลับตรงกัน จิตตาที่แอบสงสัยที่มาของพระพายมานานแล้ว เริ่มออกสืบความจริง จิตตาตัดสินใจพาเมษาไปที่บ้านกลิ่นแก้ว และเล่าเรื่องการกำเนิดของบ้านกลิ่นแก้วให้ฟัง เมษาที่ป่วยเป็นโรคหัวใจเพราะความแค้นและความเครียดมานานเกือบ 20 ปี ช็อคทันทีที่รู้ว่า อรชุนอดีตสามีและจิตตามีความรักต่อกันมากมายขนาดไหน แม้ร่างของอรชุนจะตายไปแล้ว แต่สิ่งที่เขาเหลือไว้คือความรักที่มีต่อจิตตาและลูก ผลการตรวจดีเอ็นเอมาถึงมือของจิตตาแทบจะในทันที จิตตารู้ความจริง ลูกของเธอคือพระพายไม่ใช่อาโป จิต ตายิ้มแย้มมีความสุขต่อหน้าเมษา หล่อนไม่เสียใจสักนิด พระพายเติบโตขึ้นมาอย่างน่ารักและงดงาม ชีวิตที่บ้านเด็กกำพร้าและการกดขี่ของเมษาไม่สามารถทำลายความดีในสายเลือด ของพระพายได้พระพายเข้าพิธีแต่งงานกับอัสนี ได้ใช้ชีวิตแม่ลูกกับจิตตา อาโปตกใจช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้น สายเลือดสูงส่งและเงินทองที่หล่อนเคยยึดไว้ตลอดชีวิตสูญสลายไป หล่อนต้องเข้าบำบัดรักษาในโรงพยาบาลโรคจิต โดยมีนมแสงคอยดูแลอยู่ด้วยความเสียใจที่มีส่วนทำให้อาโปเป็นเช่นนี้ ทั้งพระพายและจิตตารับอาโปเข้ามาดูแลเหมือนเดิม จนอาการของอาโปค่อยๆ ดีขึ้น เมษาเข้าโรงพยาบาล อ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ เวลาเพียงสามเดือน หล่อนผมขาวโพลนทั้งหัว กลายเป็นคนแก่ที่เต็มไปด้วยโรคต่างๆ จะอยู่ก็อยู่อย่างคนครึ่งคนจะตายก็ตายไม่ได้ ความแค้นตลอดชีวิตกัดกินหล่อน และยังกัดกินหล่อนต่อไป เมษายืนมองบ้านกลิ่นแก้ว เอามือจับที่ป้ายไม้เก่าๆ ฝีมือของอรชุน ความรักเปลี่ยนแปลงโลกทั้งโลก…ความเกลียดทำลายแม้ตัวเอง…
เหตุเกิดในครอบครัว 2550

เหตุเกิดในครอบครัว (2550/2007) สวัสดีครับ ผมชื่อ ปอ อายุ 10 ขวบ มีพี่สาวชื่อ ปา อายุ 12 เราทั้งสองเป็นครอบครัวตัว ป. จริงๆ เพราะพ่อของเราชื่อ ปุณย์ ส่วนแม่ก็ชื่อ ปัท ช่วยขยับเข้ามาชิดๆ เอียงหูเข้ามาใกล้ๆ ซิครับ ผมมีเรื่องจะนินทาพ่อกับแม่ของผมให้ฟัง แม่ของผมนะครับจัดเป็นผู้หญิงเก่งคนหนึ่ง ไม่ใช่ประเภทช้างเท้าหลังอย่างผู้หญิงไทยโบราณ แม่ผมเป็นนักวิชาการฝีปากกล้า ที่เดี๋ยวไปอภิปรายที่นั่น เดี๋ยวมาบรรยายที่นี่ มีชื่อเสียงไม่หยอกครับ แต่พออยู่ในบ้านแม่จัดเป็นแม่บ้านที่ไม่เอาไหนเลยเพราะขนาดไข่ดาวยังทอดไหม้ สู้พ่อผมก็ไม่ได้ เพราะแม้พ่อจะทำงานอยู่บริษัทฝรั่งเงินเดือนแพง แต่พ่อก็ทำกับข้าวอร่อยกว่าแม่เสียอีก (ผมไม่ได้เข้าข้างพ่อนะครับ) และก็เพราะเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งอย่างนี้แหละครับ ที่มักจะเป็นจุดก่อให้เกิดศึกย่อยๆ ขึ้นในครอบครัวของผม จากเรื่องไข่ก็บานปลายเป็นเรื่องสิทธิระหว่างเพศจนอาจเลยเถิดไปถึงเรื่องการเมืองก็ยังได้ พ่อผมนะหรือครับจะสู้ฝีปากแม่ผมได้ อย่างเก่งก็แค่มานินทาให้ผมฟังลับหลังว่าแม่นะพูดจนลิงยังหลับ และก็เช่นทุกครั้งเหมือนกันที่พอมวยคู่ใหญ่เริ่ม ก็มักลามให้เกิดมวยคู่เล็กของผมกับพี่ปาเสมอ ก็แหม...ทีพ่อแม่ยังขัดแย้งกันบ่อยๆ ผมกับพี่ปาก็เลยได้กรรมพันธุ์เรื่องนี้มาเต็มๆ ยังดีที่เราไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกัน การวิวาทกันจึงเกิดแค่ในบ้านเท่านั้น แต่ปัญหาของครอบครัวผมไม่ได้มีแค่นี้นะครับ เพราะพ่อผมนะไม่ถูกชะตาอย่างแรงกับ คุณยาย มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ก็ใครต่อใครว่าพ่อผมนะเป็นคนปากไม่ดีหนึ่งล่ะ ส่วนอีกอย่างก็เพราะคุณยายเคยหมายตา ลุงฉัตร ผู้ที่ปัจจุบันมีฐานะการงานที่ก้าวหน้าจนเกือบจะได้เป็นนายพลอยู่รอมร่อ แต่สุดท้ายก็ต้องมาคลาดแคล้วกันไปเพราะแม่มาลงเอยกับพ่อแทน (ผมว่าที่คุณยายไม่ชอบพ่อ คงเพราะเหตุผลข้อแรกมากกว่า) นิยายรักของพ่อกับแม่ผมเริ่มต้นอย่างโรแมนติกที่เมืองนอกตอนที่แม่ไปเรียนต่อปริญญาโท ส่วนพ่อแม้จะจบเพียงวิทยาลัยธุรกิจแต่ก็ได้ช่องและจังหวะทำให้ได้ทำงานกับองค์กรฝรั่งตั้งแต่อยู่เมืองนอก และก็คงเพราะบรรยากาศเป็นใจทำให้พ่อแม่ตัดสินใจแต่งงานกันอย่างสายฟ้าแลบที่นั่น เล่นเอาคุณยายเต้นเป็นเจ้าเข้าเหมือนกัน แต่จะทำอย่างไรได้ก็คนรักกันนี่ ในช่วงนั้นพ่อแม่ยังรักกันจ๋าอย่างที่เรียกว่าน้ำต้มผักยังว่าหวาน และตอนแม่เป็นสาว พ่อก็ว่าแม่น่ารักที่เป็นคนรั้นและขี้งอน แต่ทำไมพอเวลาผ่านไปพ่อถึงเปลี่ยนความคิดก็ไม่รู้ หนำซ้ำญาติผู้ใหญ่ของผมทั้งสองฝ่ายก็ดูจะไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่ เพราะคุณยายกับ คุณย่า ผมไม่เหมือนกันเลย เป็นคนแก่คนละประเภทโดยสิ้นเชิง คุณยายผมน่ะแม้จะอายุย่างเข้า 60 แต่ก็ยังดูสาวกว่าอายุ แต่งตัวทันสมัย ชอบตีกอล์ฟแถมเป็นคุณหญิงเสียด้วย ส่วนคุณย่าผมเป็นแค่คหปตานีเจ้าของสวนที่เมืองนนท์ที่เป็นคนแก่ชาวบ้านธรรมดาๆ แม่ผมนะชอบนินทาคุณย่าบ่อยๆ ว่ากะเร่อกะร่า ว่าที่จริงผมรักคุณยายเหมือนกัน แต่ดูเหมือนผมจะเอียงไปทางคุณย่าเสียมากกว่า ดูจะมีญาติทางฝ่ายแม่คนเดียวเท่านั้นที่ดูจะพูดคุยได้ถูกคอกับพ่อคือ น้าใหม่ น้าใหม่เป็นผู้หญิงครับ สวยเสียด้วยเป็นตั้งดอกเตอร์ ใหม่ทั้งชื่อแล้วก็ความคิดอ่าน แต่งเนื้อแต่งตัวสมัยใหม่เปี๊ยบ แต่บางอย่างไม่ยักเหมือนแม่ของผม คือน้าใหม่ทำกับข้าวเก่งชะมัด และแม้น้าใหม่จะเป็นลูกสาวคนเล็กของคุณยาย แต่ดูคุณยายจะไม่รักใคร่เท่าไหร่ ฤทธิ์ที่ชอบขัดคออยู่เสมอๆ จนคุณยายจัดน้าใหม่เป็นประเภทขวางโลกเช่นเดียวกับพ่อของผม ส่วนพรรคพวกของพ่ออีกคนก็คือ ลุงป๋อง ลุงป๋องเป็นเพื่อนสนิทของพ่อและยังเป็นเพื่อนที่ดีของผม ถึงจะแก่กว่าผมตั้งสามรอบก็ตาม ลุงป๋องเขาเป็นม่ายเมียตายมาหลายปีแล้ว มีลูกชายคนเดียวเรียนอยู่เมืองนอก โดยมีอดีตแม่ยายคอยดูแลให้ ผมเคยได้ยินลุงป๋องบ่นกับพ่อว่าที่ไม่คิดจะแต่งงานใหม่เพราะยังเข็ดความวุ่นวายจุ้นจ้านของแม่ยายไม่หาย พักหลังๆ มานี่แม่ผมไม่ค่อยอยู่ติดบ้านเท่าไหร่เพราะแม่ต้องออกสมาคมข้างนอกบ่อยๆ รวมถึงต้องไปเล่นกอล์ฟที่นั่นที่นี่ ทำให้ลูกจ้างที่มีอยู่แล้วสองคนคือ ศรี กับ คำใส ไม่พอรับผิดชอบงานในบ้าน เราถึงได้แม่บ้านคนใหม่มา แข เป็นแม่ม่ายสาวใหญ่ หน้าตาสะสวยและทำอาหารอร่อย ตั้งแต่แขมาอยู่ดูพ่อจะอารมณ์ดีขึ้นหน่อยเพราะกาแฟของพ่อคงมีรสชาติอร่อยขึ้นกว่าที่ผ่านมา ปัญหาครอบครัวของผมเริ่มขึ้นจริงๆ จังๆ ก็ตอนที่พ่อของผมตกงานล่ะครับ ใช่ครับยุคนี้เรื่องตกงานนั้นง่ายกว่าได้งานซะอีก แล้วผู้ใหญ่อายุ 30 กว่าอย่างพ่อก็คงปรับตัวลำบากที่ถูกลอยแพเสียอย่างนี้ จากเรื่องนี้ล่ะครับทำให้ลุกลามไปยังเรื่องอื่น ก็ในขณะที่เส้นกราฟชีวิตพ่อผมพุ่งลง กราฟของแม่กลับพุ่งสวนทางขึ้นเพราะแว่วๆ ว่าแม่จะได้เป็นรองอธิบดี ส่วนลุงฉัตรก็กำลังเฟื่องไม่ต่างกันเพราะได้เป็นถึงนายพล และเข้ามามีบทบาททางการเมืองด้วย ยิ่งเมื่อเทียบกับพ่อผมตอนนี้ ลุงฉัตรยิ่งถูกเชิดชูให้เด่นโดยคุณยายอย่างนอกหน้า ซ้ำยังคอยนินทาคุณหญิงภรรยาลุงฉัตรด้วยว่าเชยเสียไม่มี โอ๊ย...สารพัดจะค่อนขอดเขา ฟังๆ ดูภรรยาลุงฉัตรจะสู้แม่ผมไม่ได้สักอย่าง แถมระยะหลังๆ แม่ยังไปออกรอบกับสมาคมกอล์ฟที่มีลุงฉัตรร่วมอยู่ด้วยบ่อยเข้า (ดูเหมือนจะมีคุณยายเป็นใจอยู่ด้วย) และพ่อก็ได้ยินคุณยายสรรเสริญลุงฉัตรมากขึ้นเท่าไหร่ พ่อกับแม่ก็ยิ่งมีเรื่องขัดใจกันไม่เว้นแต่ละวัน แต่ตัวต้นเหตุคงไม่ใช่ลูกกอล์ฟกลมๆ หรอกครับ น่าจะเป็นลุงฉัตรเสียมากกว่า ยิ่งผนวกรวมคุณยายที่ชอบแขวะพ่อเรื่องตกงานจนพ่อมาบ่นกับผมว่าคุณยายกับแม่ทำให้พ่อรู้สึกเหมือนคนไร้ค่า แหม...ถ้าผมโตได้รวดเร็วกว่านี้ ผมจะทำงานหาเลี้ยงพ่อเอง ถึงพ่อแม่จะปึงปังใส่กันแต่ก็แปลกแฮะ เขาไม่ยักแยกห้องกัน เห็นโกรธกันทะเลาะกัน แต่แล้วพอถึงเวลานอนเขาก็นอนห้องเดียวกัน ผมไม่เข้าใจเลยว่าคนเราที่เคยรักกันมากๆ ถึงขนาดตกลงปลงใจอยู่ด้วยกันในบ้านเดียวกันทำไมถึงได้โกรธกัน มันไม่เหมือนผมกับพี่ปานี่ พี่ปากับผมน่ะโกรธกันทะเลาะกันอยู่ตลอดเวลาเหมือนกัน แต่ผมกับพี่ปาไม่ได้ตกลงกันมา ไม่ได้เต็มใจอยู่ด้วยกันเองในบ้านเดียวกัน มันเกิดตามกันมาเป็นพี่เป็นน้องกันเอง ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงได้ แต่อย่างพ่อกับแม่ตกลงกันเองแท้ๆ ทีเดียวว่าจะอยู่ด้วยกัน และแล้ว ลุงรอง พี่ชายของแม่ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณยายก็ได้เป็นรัฐมนตรี แต่ผมแอบได้ยินพ่อเรียกตำแหน่งของลุงรองว่ารัฐมนตรีหยิบฉวย และก็เพราะตำแหน่งนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบ้านคุณยายเป็นการใหญ่ ใครต่อใครหมั่นมาเยี่ยมเยียนกันไม่ซ้ำหน้า รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง ตำแหน่งรัฐมนตรีของลุงรองพลอยทำให้ ป้าชื่น ภรรยามีหน้ามีตาขึ้นมาทันที พี่จ้อย ของผมเปลี่ยนแปลงไปด้วย พี่จ้อยคือลูกชายคนเดียวของลุงรอง อายุแก่กว่าผมสามปีกว่า เรียนค่อนข้างเก่ง แต่ผมไม่ใคร่ชอบพี่จ้อยเท่าไรนัก เพราะพี่จ้อยเป็นคนเจ้าอารมณ์ยังไงไม่รู้เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แล้วก็โม้เก่งชะมัด ว่าที่จริงลุงรองเขาได้เป็นรัฐมนตรีเรื่องมันก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับครอบครัวเรา แต่ก็เกี่ยวกันจนได้นั่นแหละ เพราะคุณยายถือเป็นเกียรติยศอย่างยิ่งของวงศ์สกุล แม่เองก็ตื่นเต้นยินดีและพลอยได้รับผลดีไปด้วย ผมค่อนข้างจะรู้สึกของผมเองว่าตั้งแต่ลุงฉัตรมีชื่อเสียงดังขึ้น ลุงรองได้เป็นรัฐมนตรี แม่ของผมก็ชักจะมีชื่อในหนังสือพิมพ์ขึ้นมาบ้างเหมือนกัน ในที่สุดแม่ผมก็ได้เป็นรองอธิบดีจริงๆ นะแหละ แหม...หนังสือพิมพ์บางฉบับบางคอลัมน์สวดกันยับไปเลยครับ เขาเรียกแม่ว่ารองอธิบดีสาวสวยที่สุดของยุค มีอยู่คอลัมน์หนึ่งเขียนเป็นนัยๆ ถึงความสัมพันธ์ของแม่และลุงฉัตรสมัยยังหนุ่มสาวมากๆ แต่แหม...ผมก็ไม่อยากให้ใครพูดอะไรๆ ถึงแม่แบบนี้เลย แล้วก็เกิดเรื่องอีกจนได้ เมื่อวันที่แม่ได้รับตำแหน่งใหม่ พอกลับถึงบ้านพ่อซึ่งนั่งดื่มเบียร์อยู่ก็ไม่วายพูดประชดประชัน จนเกิดเรื่องทะเลาะกัน ก็นี่แหละครับวันต้อนรับตำแหน่งของแม่ในครอบครัววันแรก ผลก็คือผมกับพี่ปาต้องนั่งกินข้าวกันสองคน (ตามเคย) ต่างคนต่างเงียบกริบ ไม่เห็นอร่อยสักนิดเดียว ให้ตายซี (อุทานอย่างลุงป๋อง แต่ไม่เหมือนนักหรอกครับ ของลุงป๋องเขาไม่ตายเฉยๆ แต่ตายอย่างมีห่...อยู่ด้วย) แล้วแม่ก็โทรศัพท์ถึงคุณยายเพื่อถ่ายทอดเรื่องที่โต้เถียงกับพ่อไปเมื่อครู่ก่อน เดี๋ยวนี้แม่กับคุณยายดูช่างสนิทสนมกลมเกลียวกันกว่าก่อนๆ ผมจำได้ว่าเมื่อตอนผมยังเล็กๆ ช่วงที่ครอบครัวเรากำลังมีความสุขดีที่สุด (ผมประมาณเอาจากการที่พ่อแม่ไม่เคยโต้เถียงกัน และมีการสัพยอกหยอกล้อเที่ยวเตร่ด้วยกันตามประสาพ่อแม่ลูก) ตอนนั้นน่ะคุณยายไม่ได้เข้ามายุ่งกับครอบครัวของเราเท่าไหร่หรอกครับ บ้านผมตอนหลังๆ นี่แย่มากครับ แล้วก็ยิ่งแย่ลงทุกวันด้วย บางทีคนอื่นเขาอาจไม่รู้สึกกัน แต่ผมรู้สึกว่าพ่อแม่หมางเมินต่อกัน ทำยังกับว่าต่างคนต่างอยู่ทั้งๆ ที่เขาก็ยังนอนห้องเดียวกันอยู่ แต่พ่อผมนะหลังๆ นี่ไม่ค่อยกลับบ้านหรอกครับ บางทีก็หายไปตั้งวันสองวัน พ่อบอกผมว่าพ่อไปนอนบ้านคุณย่า ผมไม่เคยได้ยินแม่ถามหรือต่อว่าอะไรพ่อเลย เห็นแต่แม่เฉยๆ ไม่รู้ไม่ชี้ แม่ผมเป็นรองอธิบดีฝ่ายอะไรก็ไม่รู้อยู่แค่ครึ่งปีเท่านั้นเองก็ได้เป็นอธิบดี ทีแรกพ่อก็ทำหน้าชื่น อาจจะเป็นเพราะกลัวแม่ว่าอิจฉาแม่ แต่ก็ชื่นอยู่ไม่นานเพราะข่าวคราวเกี่ยวกับแม่และลุงฉัตร เป็นข่าวทำนองซุบซิบในหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์เก่าๆ ของแม่และลุงฉัตร ผมว่าพวกเราลูกๆ นี่ ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อเรา บางทีมันก็ขึ้นอยู่กับความรักที่พ่อแม่เขามีต่อกันเหมือนกันนะครับ ผมพูดยังงี้จะแก่แดดไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ซี พ่อยิ่งหงุดหงิดหนักขึ้น กระทั่งวันหนึ่งแม่นัดผมกับพี่ปาเอาไว้หลายวันแล้วว่าจะไปตีกอล์ฟที่ศรีราชา แล้วจะเลยค้างพัทยากันสักหนึ่งคืน...ครับ...ก็คงไปพบกับเพื่อนสนิทมิตรสหายของแม่นั่นแหละ เห็นจะรวมทั้งลุงฉัตรด้วย เรื่องมันไม่น่าจะเป็นเรื่องขึ้นมาเลย ก็พอพ่อรู้ว่าผมไม่สบายเท่านั้นเอง พ่อก็ถือเอาโอกาสนี้จะให้แม่งดการไปศรีราชา แม่ไม่ยอม พ่อเลยเอะอะใหญ่หาว่าแม่รักสนุก รักที่จะไปเล่นกอล์ฟมากกว่าห่วงลูก แล้วก็เลยลามปามไปถึงเรื่องลุงฉัตร โอ๊ย...ผมกับพี่ปาไม่เคยเห็นพ่อกับแม่โมโหโทโสใส่กันอย่างรุนแรงแบบนี้มาก่อน พ่อพูดจาหยาบคายหลายคำ ตอนนี้ผมชักเห็นใจแม่ซึ่งเป็นถึงอธิบดี พี่ปาตัวสั่น เขาเป็นโรคกลัวคนทะเลาะกันครับ ยิ่งพ่อกับแม่ด้วยแล้ว พี่ปาเขามักจะหนีเข้าห้องปิดประตูเลย แต่ที่สุดแม่ก็พาพี่ปาออกไป คงไม่ได้คิดอยากจะไปตีกอล์ฟหรอกครับ คงเลี่ยงการปะทะคารมกับพ่อมากกว่า และพี่ปาก็มาเล่าให้ผมฟังทีหลังว่าแม่ไปปรึกษากับคุณยายเรื่องที่พ่อเป็นยังงี้ แต่คุณยายกลับสรุปว่าพ่อนั่นแหละเป็นตัวขัดขวางความเจริญของแม่ แล้วไม่วายตบท้ายถึงความดีของลุงฉัตร เข้าทำนองยุให้รำตำให้รั่วเลยครับ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา พ่อกับแม่ผมก็ดูยังกับว่าเป็นคนแปลกหน้าที่จำเป็นต้องอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน แม่ก็ทำอะไรๆ ตามปกติของแม่ เว้นแต่ไม่พูดกับพ่อ ส่วนพ่อก็กลับบ้างไม่กลับบ้าง พอตกเย็นพ่อก็แต่งตัวออกจากบ้านก่อนกินข้าวเย็น บางคืนก็กลับดึก บางคืนไม่กลับเลย ระหว่างที่เหตุการณ์ในครอบครัวของผมตึงเครียด อีกไม่ถึงเดือนต่อมาแม่ก็เกิดจำเป็นจะต้องไปเมืองนอกครับ เดินทางไปราชการต่างประเทศเป็นเวลายี่สิบวัน แม่ไปแล้วพ่อก็กลับมานอนบ้านตามปกติทุกวัน ไม่ใช่มาบ้างไม่มาบ้างอย่างตอนที่แม่อยู่ ส่วนพี่ปาก็ไปค้างอยู่บ้านคุณยาย เราสองพี่น้องจึงต้องแยกจากกันชั่วคราว ผมกับพ่อก็เลยต้องอยู่กันเพียงลำพังกันในบ้านของเรา น้าใหม่แวะมาหาหลายครั้งเหมือนกัน บางครั้งก็เลยอยู่กินข้าวเย็นด้วย และบางครั้งอีกเหมือนกันมีลุงป๋องร่วมโต๊ะกับเราอีกคนหนึ่ง ลุงป๋องกับน้าใหม่ดูเขาถูกคอกันดี แต่ก็ถูกแบบขัดๆ กันยังไงก็ไม่รู้ ผมเห็นเขาชอบเถียงกันแต่เขาก็คุยกันได้ทีละนานๆ ดูเขาจะสนุกที่ได้โต้เถียงกันด้วย ไม่ยักเหมือนพ่อกับแม่ผม พอเถียงกันละก็เป็นได้เรื่อง หรือจะเป็นเพราะเขาไม่ได้แต่งงานกันอย่างพ่อกะแม่ผมก็ไม่รู้ ถ้าคนเราแต่งงานกันแล้วอีกหน่อยเป็นเหมือนอย่างพ่อกะแม่ผมล่ะก็ ผมเองก็ชักจะกลัวการแต่งงานตั้งแต่อายุแค่สิบขวบเสียแล้วล่ะซี แล้วก็คุณยายอีกแหละครับที่ชอบทำตัวเป็นนินจา คือคอยหาจังหวะที่พ่อไม่อยู่จะได้มาเยี่ยมผม แล้วพูดชอบกลๆ ให้ผมดูแลพ่อให้ดี ให้ระวังแขไว้ด้วย เขาบอกน่าห่วงเพราะน้ำตาลใกล้มด ผมไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกันเลย ผู้ใหญ่เนี่ยชอบพูดอะไรอ้อมค้อมจัง จนกระทั่งคำใสมาเล่าให้ฟังว่า พี่ศรีเขาเล่าให้คุณยายฟังเรื่องที่แขเขามีอะไรๆ กับพ่อผม ตอนคุณยายพูดถึงแข ผมลืมไปเพราะมันไม่สำคัญสำหรับเด็กๆ อย่างผม แต่ตอนนี้สัญชาตญาณบางอย่างบอกผมว่า ท่ามันจะไม่ใช่เรื่องเล็กเสียแล้ว และหากมันเป็นจริงอย่างคำใสเขาเล่า ผมก็ไม่มีปัญญาจะโทษหรอกว่าพ่อหรือแม่ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายผิด มันเหลือสติปัญญาของเด็กวัยเก้าขวบสิบขวบอย่างผมจริงๆ เราเด็กๆ อย่างมากก็ได้แต่เป็นผู้ยอมรับผลแห่งความผิดที่เราไม่อาจตัดสินลงโทษใครได้ก็แค่นั้นเอง ต่อมาผมไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติในบ้านของเรา แขก็ยังเป็นแขคนเดิม ทำงานเรียบร้อย ช่างเอาใจเราทั้งพ่อทั้งลูกอย่างเดิม ไม่เห็นแขทำท่าเป็นแม่เลี้ยงที่ตรงไหน บางทีพ่อคงคิดว่าอะไรต่ออะไรมันคงยังเป็นความลับอยู่ จนกระทั่งถึงกำหนดกลับของแม่ พ่อดูตื่นเต้นยินดีนิดหน่อย ปนกับอาการครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ส่วนผมกับพี่ปานั่นลิงโลดเลยทีเดียว ไม่ใช่อะไรหรอกครับดีใจจะได้ของฝากจากแม่น่ะ พอพ่อกับแม่พบกัน ผมก็ไม่เห็นว่าแม่จะแสดงว่าโกรธอะไรพ่อเลย เพียงแต่ไม่มีเวลาพูดด้วยเพราะใครต่อใครรวมถึงลุงฉัตรก็มารับกันถ้วนหน้า ผมกับพี่ปาก็พลอยได้เจอหน้ากันหลังจากคุยกันไป (ทะเลาะกันบ้าง) ทางโทรศัพท์ แล้วแม่ก็กลับชวนผมให้ไปกินข้าวกับพี่ปาที่บ้านคุณยายโดยที่พ่อไม่ยอมตามไปด้วย แม้แม่จะชวนให้ผมอยู่ด้วยกันที่บ้านคุณยาย แต่ผมอยากจะกลับไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อมากกว่า วันแล้ววันเล่าแม่ก็ไม่ยอมกลับบ้านเรา พี่ปาเขาก็เลยอยู่กับแม่ที่บ้านของคุณยาย พ่อเคร่งขรึมและกินเหล้ากลับมาจากข้างนอกทุกครั้งที่ออกไปเวลากลางคืน ผมรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าน่ากลัวพ่อกับแม่โกรธกัน คราวนี้เห็นจะถึงขั้นแตกหักกันเสียก็ไม่รู้ แล้วก็คำใสตัวการอีกนั่นแหละที่แอบเอาจดหมายที่แขเขียนค้างไว้มาให้ผมอ่าน ผมถึงได้รู้ว่าเรื่องยุ่งยากต่างๆ น่าจะจบลง ก็เพราะแขเขาเขียนขอโทษแม่และจะยอมลาออก พอผมไปบอกพ่อ พ่อเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะรั้งอะไรแขไว้ อีกไม่กี่วันแขก็ออกไปทำงานบ้านฝรั่ง ถึงผมจะต้องทนกินข้าวแฉะและกับข้าวไม่ได้ความก็ไม่เป็นไร ขอให้แม่กลับมาอยู่บ้านเราดีกว่า แต่จนแล้วจนรอดแม่ก็ไม่เห็นว่าจะกลับมาเสียที ผมได้ทราบจากน้าใหม่ว่า แม่เขาไม่ยอมยกโทษให้ความมักง่ายที่ผู้ชายเห็นเป็นเรื่องธรรมดาหรอก จะมีคนบ้านคุณยายที่ยังใยดีพ่ออยู่ก็คงจะเป็นพี่ปาที่แอบโทรมาให้ผมคอยดูแลพ่อ แหม...พ่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้วทำไมต้องให้ผมดูแลด้วยล่ะ เอ...ผมให้สงสัยเป็นกำลัง เขาไม่เข้าใจกัน แต่อยู่ด้วยกันมายังไงตั้งสิบกว่าปี จนวันหนึ่งพ่อบอกผมว่าจะไปอยู่บ้านคุณย่าที่เมืองนนท์ ในขณะที่ผมมีชีวิตที่แสนสนุกสนานเป็นเด็กชาวสวน สำหรับพี่ปาคงถูกคุณยายกับแม่และ พี่แจ๊ด ลูกสาวคนโตของลุงรองช่วยอบรมพี่ปาเสียจนกระทั่งมีรสนิยมวิไล กลายเป็นพวกไฮโซไซตี้ไปแล้ว และแล้วโดยที่ผมไม่คาดฝันน้าใหม่กับพี่ปาก็มาเยี่ยมผมที่บ้านคุณย่า ผมล่ะคิดถึงพี่ปาเสียจริงๆ แต่เรื่องอะไรจะบอกให้เสียเกียรติล่ะ เอ...อย่างพ่อกับแม่ยังงี้ เขาจากกันไปตั้งหลายๆ วัน ถ้าเขาได้พบกัน เขาจะเป็นเหมือนผมกับพี่ปาไหมหนอ? พี่ปาเขาบ่นว่าเซ็ง ชักไม่อยากอยู่กับคุณยายในรั้วบ้านเดียวกันกับลุงรองป้าชื่น ก็จะเอาอะไรกับสาวน้อยวัยสิบขวบอย่างพี่สาวผม ผมเลยชวนพี่ปานอนค้างบ้านคุณย่า แต่พี่ปาต้องกลับไปเพราะไม่ได้ขอแม่ไว้ก่อน แค่เรื่องพ่อกับแม่ก็นับว่าแย่อยู่แล้ว แต่ก็กลับเกิดเรื่องขึ้นอีก เมื่อผมเหม็นเบื่อท่าทางขี้เบ่งของพี่จ้อยที่คิดว่าตัวเองใหญ่เสียเต็มประดา ผมก็เลยพูดอย่างที่พ่อชอบพูดว่า อีกไม่นานก็เป็นรัฐมนตรีตกกระป๋อง เย็นนั้นก็เกิดเรื่องเพราะพี่จ้อยเอาไปฟ้องป้าชื่นแล้วก็คุณยาย พ่อผมก็ยิ่งตกที่นั่งลำบากถูกเหม็นหน้ามากขึ้นซิครับ ผมไม่รู้ตัวผมหรอกว่าผมเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่หมู่นี้ผมเล่นอะไรๆ ดูมันไม่ใคร่สนุกอย่างเมื่อมาอยู่บ้านคุณย่าใหม่ๆ เสียเลย ออกจะเบื่อๆ ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับผมดูเหินห่างไม่เหมือนตอนที่อยู่บ้านโน้นและตอนที่ผมยังเด็กๆ อยู่ ผมบอกไม่ถูกหรอกครับว่าผมรู้สึกอย่างไร เด็กขนาดผมจะให้แจกแจงความรู้สึกออกมาอย่างละเอียดย่อมเป็นไปไม่ได้ ก็ผู้ใหญ่เองบางทียังไม่รู้จักอารมณ์ ไม่รู้จักตัวของตัวเองเลยนี่ครับ แล้วผมก็เห็นข้อเปรียบเทียบจากครอบครัว แดง เพราะแม่ของเขาดุอย่างกับเสือ แต่แดงก็รักแม่มาก ส่วนพ่อก็ขี้เมาและมักจะมีเรื่องตบตีกับแม่ทุกคืน แต่ผมไม่เห็นว่าพ่อกับแม่ของแดงเขาจะเลิกกันเลย ทั้งที่ปัญหาเขาเยอะกว่าพ่อแม่ผมอีก ผมล่ะไม่เข้าใจผู้ใหญ่จริงๆ ผมกับพี่ปาไม่ค่อยได้พบหน้ากันเลย กับแม่ก็เคยมาหาผมที่โรงเรียนสองครั้ง ครั้งหลังเจอะกับพ่อเข้าพอดี แหม...เขาต่างทำหน้าพิลึกล่ะครับ พ่อก็ตีหน้าขรึม แม่ก็ตีหน้าเคร่ง ผมขี้เกียจถามแล้วว่าเมื่อไหร่แม่ถึงจะกลับไปอยู่บ้านเราพร้อมกับพ่อ ผมต้องยอมรับความจริงว่าพ่อแม่เขาเลิกกัน ไม่ใช่เพียงแค่แยกกันอยู่เพียงไม่กี่วันเหมือนอย่างที่ผมเข้าใจในตอนแรกๆ เพราะนี่มันก็หลายเดือนเต็มทนแล้ว ตอนขับรถออกมาพ่อก็เหม่อๆ ไม่รู้คิดถึงแม่หรือเปล่า ทำให้เผลอขับรถไปชนกับคันหน้าเขาเฉยเลย แหม...ผมอยากรู้จัง แม่ผมเขาจะขับรถใจลอยเกือบชนใครเข้าอย่างพ่อผมหรือเปล่า? ชีวิตผมลุ่มๆ ดอนๆ ต่อมาอีกหลายเดือน จนพ่อมาบอกผมว่าจะต้องไปทำงานที่มาเลเซีย เป็นงานขั้นทดลอง เขาจะต้องไปอยู่ที่นั่นช่วงแรกสามเดือน ระหว่างอยู่บ้านคุณย่าซึ่งมีที่ซุกซนเยอะแยะแล้วก็ตามใจผม กับอยู่บ้านคุณยายผู้จู้จี้ ยังไงๆ ผมก็อยู่กับคุณย่าดีกว่า ตอนพ่อไม่อยู่ลุงป๋องมาเยี่ยมผมบ่อยเหมือนกัน หรือจะเป็นเพราะรู้ว่าน้าใหม่มาหาผมเสมอๆ ก็ไม่รู้ บางทีลุงกับน้าเขาก็พบกันและชอบคุยกันครั้งละนานๆ ระยะหลังๆ มานี้ผมเห็นลุงป๋องเขามองน้าใหม่ด้วยสายตาแปลกๆ แพรวพราวยังไงไม่รู้ น้าใหม่บอกผมว่าแม่คิดถึงผมเลยให้น้าใหม่มารับไปค้างด้วย ผมเลยใจอ่อนไปหาแม่ แม่ก็ชวนให้ผมพักอยู่ต่อที่บ้านคุณยาย ผมก็เล่นแง่ว่าจะอยู่กับแม่ที่บ้านเราเท่านั้น เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นภาระที่ผมต้องอยู่คอยดูแลพ่อ ก็พอดีที่พี่ปาเขากลับมาจากโรงเรียน เขาทำท่าดีใจวิ่งมาหาผมแล้วก็ขอแม่ว่าจะไปค้างบ้านคุณย่ากับผม แม่จึงจำใจต้องอนุญาต แต่แล้วพี่ปาเขาไม่ยอมกลับไปอยู่บ้านคุณยายจริงๆ แหละ แม้วันรุ่งขึ้นน้าใหม่มารับกลับเขาก็ไม่ยอมกลับ ทีเมื่อตอนพ่อกับแม่แยกกันใหม่ๆ ผมยังจำได้ว่าพี่ปาเขาเจ้ากี้เจ้าการสั่งผมนักให้ผมเป็นเพื่อนพ่อ พี่ปาเขาจะอยู่เป็นเพื่อนแม่ แต่ก็มีปัญหาเกิดกับพี่ปา คือการที่เขาต้องนั่งรถเมล์ไปโรงเรียนนี่แหละครับ เลยถูกเพื่อนๆ ล้อจนเก็บเอาอารมณ์โกรธมาอาละวาดให้ผมฟังบ่อยๆ ก็เขาเคยแต่นั่งรถยนต์ไปเรียนเหมือนเพื่อนของเขานี่ครับ แล้วแม่ก็อุตส่าห์ขับรถมารับผมกับพี่ปาแล้วพาไปส่งบ้านคุณย่า แม้ผมจะสงสารที่แม่จะต้องขับรถไกลๆ แต่คนอย่างผมก็ไม่ตกหลุมอุบายตื้นๆ ของแม่หรอกครับที่จะให้พวกเราสงสารแล้วไปอยู่ด้วย แม่จึงไม่วายบ่นน้อยใจว่าไม่มีใครรักแม่สักคน จริงๆ ผมก็สงสารแม่เหมือนกัน แม้บางทีจะดูเหมือนพ่อแม่จะไม่รักเรา แต่ว่าที่จริงแล้วทั้งพ่อทั้งแม่เขาคงรักเราหรอก แม้ว่าเขาจะโกรธกันเองและไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนอย่างพ่อแม่ผม พี่ปาเขียนจดหมายถึงพ่อและเล่าให้ฟังว่าเขามาอยู่บ้านคุณย่ากับผม เขาเขียนตอนหนึ่งว่า...หนูอยากให้พ่อแม่คืนดีกัน แม่คงคิดถึงพ่อเหมือนกัน แต่แม่เป็นคนมีทิฐิ พวกเราไม่รู้หรอกครับว่าทิฐิแปลว่าอะไร ดูเหมือนลุงป๋องจะแปลว่าต่างคนต่างไม่อยากง้อกันนี่แหละ ก็คงเหมือนผมกับพี่ปาเวลาโกรธกัน ต่างคนต่างไม่ยอมง้อกันก่อน แต่ไปๆ มาๆ ต่างคนต่างก็เผลอลืมไปว่าเราโกรธกัน โดยเฉพาะตอนดูโทรทัศน์เรื่องที่เราชอบดูทั้งคู่ เลยเผลอวิพากษ์วิจารณ์เสียนี่ แต่พวกผู้ใหญ่เขาจะเป็นอย่างเราหรือเปล่าก็ไม่รู้ซี อีกไม่กี่วันผมกับพี่ปาก็ได้รับจดหมายตอบจากพ่อบอกว่าคิดถึงตามธรรมเนียม ไม่ได้พูดถึงแม่เลย พ่อคงคิดว่าที่พี่ปาเขาเขียนไปเรื่องแม่นั้น เขาคงแก่แดดเขียนไปเอง ทำไมหนอพ่อเขาถึงไม่บอกมาสักคำว่าเขาก็อยากคืนดีกับแม่ ก็คงให้คำว่าทิฐิเหมือนแม่นี่แหละ เฮ้อ...ต่างคนต่างทิฐิ พวกเราลูกๆ ก็แย่กันเท่านั้นเอง เกิดมาเป็นลูกที่พ่อกับแม่เขาเก็บเอาเจ้าตัวทิฐิเข้าไว้กันคนละมากๆ นี่ ผมละเบื่อที่ซู้ด แต่แล้วไม่รู้ยังไง วันหนึ่งแม่ก็บอกเราสองคนว่า แม่จะกลับมาอยู่บ้านเราสักพัก เราตื่นเต้นที่จะได้กลับไปอยู่บ้านกับแม่ แม้ว่าพ่อจะไม่อยู่ก็ตาม ก็ยังดีกว่าอยู่บ้านคุณย่าโดยไม่มีทั้งพ่อทั้งแม่ แต่ก็บังเอิญมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นครับ เกิดเปลี่ยนรัฐบาลขึ้นมาอย่างกะทันหันด้วยเหตุผลอะไรมันนอกเหนือความสามารถที่จะรับรู้ของเด็กๆ อย่างผม แล้วทีนี้ลุงรองก็ต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย เพิ่งเป็นเก้าอี้กำลังจะอุ่นๆ เท่านั้นเอง ประโยคท้ายนี่ก็ลุงป๋องของผมตามเคยเป็นคนพูดให้ผมจำขี้ปาก เรื่องมันไม่น่าจะเกี่ยวกับผมและพี่ปา แต่ก็เกี่ยวเข้าจนได้ เพราะแม่งดเรื่องที่เราจะกลับไปอยู่บ้านเอาไว้ชั่วคราว แม่อ้างว่าเขาจะว่าได้ว่าพอเห็นเขามีบุญก็วิ่งเข้าไปหา หัวใจผมห่อเหี่ยวลงไปหลังจากพองโตมาสองสามวัน แล้วแม่ก็เกิดมีเรื่องกระทบกระเทือนเรื่องงานของแม่ในอีกไม่นานต่อมาครับ โดยคำสั่งของรัฐมนตรีคนใหม่ให้แม่เป็นผู้ตรวจราชการประจำกระทรวง ดูเหมือนว่าตำแหน่งของแม่จะกลับถอยลงแม้จะอยู่ในอัตราเงินเดือนเดิม เรื่องแม่ถูกย้ายตำแหน่ง แม่คงเสียใจเหมือนกัน บังเอิญอีกสองวันต่อมาโรงเรียนหยุดกลางเทอม นอกจากผมกับพี่ปาไม่ได้กลับไปอยู่บ้านแล้ว ยังไม่ได้พบแม่อย่างเก่าเสียด้วย ผมลืมเล่าเรื่องพี่จ้อยเข้าไป แปลกนะครับเรื่องลุงรองพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี พี่จ้อยเขาดูอายๆ ชอบกล อันที่จริงไม่เห็นว่าน่าอายอะไร ถึงเราจะยังเด็กๆ เราก็ต้องเรียนรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่ตำแหน่งคงที่ มีระยะเวลามีเทอม หรือจะเป็นเพราะพี่จ้อยแกเบ่งเอาไว้มากก็ไม่รู้ ผลสุดท้ายผมกับพี่ปาก็ต้องผิดหวังไม่ได้กลับไปอยู่บ้านเรากับแม่ พ่อก็หายเงียบไปเหมือนกัน พ่อคงนึกว่าเราสองคนพี่น้องมาอยู่รวมกันที่บ้านคุณย่าสบายดีแล้ว เพราะพ่อคงไว้ใจคุณย่าให้เลี้ยงลูกของพ่อยิ่งกว่าให้อยู่กับทางด้านแม่ พ่อก็เลยหายเงียบไปเลยทั้งเดือน หรือพ่อจะมีแฟนใหม่จริงๆ อย่างที่ลุงป๋องพูดเล่นอยู่เสมอก็ไม่รู้ ลุงป๋องเคยพูดบ่อยๆ ว่าผู้ชายใกล้ใครก็มักจะอดไม่ได้ โดยเฉพาะถ้าห่างจากภรรยา แล้วนี่พ่อกำลังว้าเหว่ กำลังโกรธกับแม่ด้วย เกือบเดือนหลังจากนั้นผมจึงได้รับจดหมายจากพ่อ พ่อเขียนมาบอกสั้นๆ ว่าถ้าผมกับพี่ปาอยากไปอยู่กับแม่ที่บ้านคุณยายก็ให้ไปอยู่เถอะ สงสารแม่เขา คุณย่าอ่านจดหมายแล้วก็หัวเราะว่าน่ากลัวพ่อจะมีเมียใหม่แล้วจริงๆ แต่ทว่าพี่ปาเขาคงกลัวเหมือนกัน เด็กผู้หญิงมักอ่อนไหวกว่าเด็กผู้ชายนี่ครับ อยู่ๆ พี่ปาเขาเป็นอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ เขาเกิดปวดท้องไม่สบายขึ้นมากะทันหัน ผมเลยฝากพี่จ้อยไปบอกแม่ พอกลับมาบ้านผมก็ไม่เห็นพี่ปาเขาเป็นอะไร เห็นนอนอ่านหนังสือการ์ตูนอย่างสบายใจ แต่พอคืนนั้นแม่กับน้าใหม่มาหา อยู่ๆ เขาก็เกิดปวดท้องขึ้นมา ยังกับว่าเขาแกล้งเรียกร้องความสนใจอย่างนั้นแหละ พี่ปากลายเป็นโรคปวดท้องเป็นประจำ นอกจากปวดท้องแล้วยังหงุดหงิดอีกด้วย เราเริ่มทะเลาะกันอีกเหมือนตอนอยู่บ้าน จนคุณย่าบ่นว่ามีกันสองคนพี่น้องน่าจะรักกันให้มาก ผู้ใหญ่เขาไม่รู้หรอกครับว่าไอ้ที่หมั่นพูดหมั่นจี้อยู่เสมอว่า พ่อก็ไม่มีแม่ก็ไม่มี หรือพ่อแม่ก็เลิกกัน มันทำให้เด็กอย่างพวกเรารู้สึกยังไง ลุงป๋องมาเยี่ยมเราบ่อยคงเพราะพ่อสั่งฝากฝังเอาไว้ แล้วก็ระยะหลังนี่ดูเหมือนว่าลุงป๋องจะมาเพื่อให้บังเอิญพบกับน้าใหม่ด้วย ผมยังบังเอิญแอบได้ยินข่าวใหม่ว่าลุงป๋องเขาแอบตกลงเป็นแฟนกับน้าใหม่ แต่มีข้อแม้ว่าคุณยายจะต้องห้ามล่วงล้ำอธิปไตยของเขาทั้งสอง ลุงป๋องกับน้าใหม่พาพี่ปาไปตรวจที่โรงพยาบาล หมอก็บอกว่าไม่ได้เป็นโรคอะไร แต่พี่ปาก็ยังปวดท้องอีกแหละ ดูท่าทางของเขาไม่ได้แกล้งแน่ๆ พอเรื่องป่วยของพี่ปารู้ถึงพ่อ พ่อก็ส่งข่าวมาว่าจะกลับมาเยี่ยมพวกเราก่อนที่จะเซ็นสัญญากับทางโน้นเป็นการถาวร พอพ่อมาถึงพี่ปาก็เริ่มปวดท้องอีกจนได้ จนเดือดร้อนต้องให้คู่รักคู่ใหม่อย่างลุงป๋องและน้าใหม่ต้องเป็นธุระพาไปหา หมออู๊ด แต่หมอก็กลับแนะนำว่าต้องให้พ่อกับแม่ดีกันพี่ปาถึงจะหาย ว่าที่จริงผมก็งงๆ อยู่เหมือนกัน พี่ปาเขาปวดท้องของเขา ผมไม่เห็นมันจะเกี่ยวกันที่ตรงไหนเลย แต่เรื่องคืนดีของพ่อแม่นั่นแหละครับเป็นเรื่องใหญ่ เพราะดูท่าทางจะไม่มีใครยอมลงให้ใคร แม่ก็กลัวจะเสียหน้าที่ตัวเองต้องเป็นฝ่ายตกต่ำ ข้างพ่อก็ไม่อยากง้องอนแม่ น้าใหม่กับลุงป๋องจึงต้องทำตัวเป็นพ่อสื่อแม่ชักเพื่อประสานรอยร้าวให้ครอบครัว แต่ก็ดูจะไม่มีอะไรก้าวหน้า จนพ่อเขาต้องรีบกลับไปทำงาน แต่ก่อนที่พ่อจะขึ้นเครื่องบิน พ่อเขาก็กอดพี่ปาแล้วบอกว่า บางทีถ้าพ่อกลับมาอีกหน เราทั้งคู่ก็อาจได้กลับไปอยู่บ้านเราเหมือนเก่าก็ได้ น้าใหม่บอกพวกเราว่าพ่อแม่มีหวังกลับมาคืนดีกัน แต่แม่ยังเขินอยู่ แหม..ทีโกรธกันไม่เห็นเตรียมอะไรเลย เราสองคนพี่น้องจึงต้องร้องเพลงรอไปก่อน ครับ...เป็นอันว่าผมกับพี่ปากำลังรอให้พ่อกับแม่เขากลับมาคืนดีกันด้วยความหวัง มีความหวังแบบนี้ผมไม่รังเกียจที่จะรอเลย ให้ตายเถอะ (ขออุทานอย่างลุงป๋องเป็นครั้งสุดท้าย) เด็กอย่างเราคงเป็นอย่างที่ลุงป๋องว่านั่นแหละครับ คือต้องร้องเพลงรอเอาไว้ก่อน รอให้โต รอให้เป็นผู้ใหญ่ รอให้พร้อมที่จะรับผิดชอบบ้านเมืองในอนาคต ก็ผู้ใหญ่เขายกย่องว่าเราเป็นหัวใจ เป็นอนาคตของชาตินี่ครับ ข้อสำคัญระหว่างที่เราเป็นหัวใจของชาติ แล้วก็กำลังรอการรับผิดชอบบ้านเมืองต่อจากผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็ต้องช่วยให้เราพร้อมหน่อยนะครับ อย่าปล่อยให้รอไปตามบุญตามกรรมของเรานะครับ ถ้าอยากเห็นอนาคตของชาติดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ล่ะก็...

คุณยายสายเดี่ยว 2550

คุณยายสายเดี่ยว (2550/2007) คุณยายสายเดี่ยว เป็นเรื่องราวของ คุณยายกับหลานที่บังเอิญต้องมาสลับร่างกัน ทำให้ได้เรียนรู้ชีวิตของคนที่ต่างวัยกันอย่างที่ไม่เคยได้รู้มาก่อน แม้นวาด มีสามีคือนายโชคชัยมีอาชีพรับราชการและเสียชีวิตไปหลายปีแล้วมีลูกสองคนคือ มณีรัตน์และเมทินี มณีรัตน์แต่งงานกับเอกชัยที่รับราชการกระทรวงมหาดไทย ทิ้งลูกชายไว้ที่บ้านที่กรุงเทพฯ คือ รดิฐ และจุฑา ส่วนเมทินีแต่งานกับภุชงค์ซึ่งเป็นผู้บริหารบริษัทเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทาง เกษตร มีลูกสาวคนเดียวคือ กษมา รดิฐ เป็นพี่ชายคนโต ส่วนจุฑาและกษมาเป็นทั้งเพื่อนและญาติกัน แม้นวาดเป็นคนที่ถูกสอนมาอย่างหญิงยุคเก่าเธอจึงวิตกกับการเปลี่ยนแปลงรอบ ๆ ตัว เธอชอบจับตามองทุกคนในครอบครัว ส่วนเมทินีมักจะเกิดปัญหากับสามีอยู่บ้างเพราะภุชงค์มองว่าแม่ยายมีมุมมอง ไม่เหมือนคนรุ่นใหม่ แต่ภุชงค์เลี้ยงลูกเหมือนเป็นเพื่อน แม้นวาดจึงไม่เคยเข้าใจว่าทำไมกษมากับภุชงค์ตีเสมอกัน แม้นวาดพยายามจะให้เมทินี ไปเตือนภุชงค์ ทำให้ภุชงค์โกรธแม้นวาดว่าคิดแบบไร้เหตุผล เมื่อหลาน ๆ โตขึ้น แม้นวาดกังวลในตัวของกษมามากกว่าคนอื่น เพราะกษมาค่อนข้างรั้นและเฮี้ยวเปรี้ยวจนเข็ดฟันและมองโลกอย่างวัยรุ่นกษมา กลับมาจากการเป็นนักศึกษาทุนที่ต่างประเทศ โดยนั่งเครื่องมาลำเดียวกับดุสิตและภาวิต แต่ไม่ได้คุยกัน ภาพของกษมาโดนจับตามองจากทุกคนบนเครื่อง เพราะหล่อนทำเหมือนมองไม่เห็นสายตาใคร ทำให้ภาวิตนึกขำหล่อนแต่ไม่ได้ใส่ใจ พอถึงสนามบิน มีสาวสวยมารับภาวิต ชื่อพนิดา ซึ่งเป็นลูกสาวของนาย อดิเรก นักการเมืองอาชีพและคุณบังอรศรีเพื่อนร่วมรุ่นของแม้นวาด กษมาพยายามจะขอไปอยู่หอพักเพราะกลัวว่าจะต้องอยู่กับคุณยายภุชงค์กับเมทินี หว่านล้อมอย่างไรก็ไม่สำเร็จ แต่หล่อนต้องจำใจอยู่กับแม้นวาดจนได้ แม้นวาดมีโลกอีกมุมหนึ่ง จนกลายเป็นปัญหาไปหมดสำหรับกษมาครั้งแรกที่พบกันแม้นวาดแทบหัวใจวายตาย เมื่อกษมาจัดการแปลงโฉมตัวเองไปในสภาพที่แม้นวาดรับไม่ได้ แม้นวาดจึงโทรไปหาทิพย์สมรเพื่อนที่เป็นเจ้าของร้านทำผมเพื่อที่จะให้มาแปลง โฉมกษมาให้เป็นเหมือนเดิม กษมาทั้งโกรธและขำ ที่หล่อนถูกทำเหมือนเด็กเล็ก กษมาแอบไปสมัครเป็นพริ้ตตี้ในระหว่างปิดเรียน โดยไม่บอกใคร นอกจากเพื่อนสนิทอย่างนิลุบล เมื่อหล่อนรู้ว่าคุณยายจะจัดงานเลี้ยงรับเธอในงานวันเกิดของคุณยาย เธอจึงไปหาซื้อของขวัญมาให้และยังนัดดนัยเพื่อนหนุ่มให้มาแสดงตัวเป็นแฟนของหล่อนด้วย ดุสิตอาของภาวิตทำงานอยู่ในบริษัทดนตรีในตำแหน่งประชาสัมพันธ์อาวุโส และได้ชื่อเลื่องลือเรื่องความเจ้าชู้เป็นสุดยอด ตามประวัตินั้นเคยจีบคุณแม้นวาดแต่ไม่สำเร็จ เลยไม่ยอมแต่งงาน ส่วนภาวิตถูกพนิดาตามติดแจ แต่ภาวิตก็ไม่คล้อยตามหล่อนอีกและภาวิตบอกพนิดาว่าถ้าอยากแต่งงานกับเขาก็ ต้องมาอยู่กับเขาที่ร้านขายของเก่า พนิดาคิดมากและไม่กล้าตัดสินใจ บังอรศรีแม่ของพนิดาพยายามแนะนำคุณก้อนทองให้กับพนิดา แต่พนิดากลับเมินเฉย วันหนึ่ง ที่ร้านของภาวิต มีชายแก่คนหนึ่งก้าวมาพร้อมกับย่ามเก่า ๆ เอาหีบไม้คู่หนึ่งมาให้ลวดลายบนหีบไม้นั้นสวยมาก จนภาวิตยอมรับเอาไว้ แม้กลัวว่าเป็นของโจร เมื่อภาวิตรับของแล้วผู้ชายคนนี้ก็หายไป ภาวิตเปิดกล่องดูไม่พบอะไรนอกจากกระดาษเขียนข้อความเอาไว้เป็นคำกลอนแต่ภาวิ ตไม่ได้ใส่ใจ สมพงษ์คนงานในร้านไม่ทราบนำหีบไม้ไปวางโชว์ตอนที่ภาวิตไม่อยู่ เหตุประหลาดเกิดขึ้นกับหีบไม้คู่นั้นเมื่อมีป้ายราคามาปรากฎที่หีบไม้ในวัน ที่กษมามาดูของที่ร้านพอดี มารตีหลานสาวของภาวิตที่มาช่วยสมพงษ์ไม่ทราบเลยบอกขายให้กับกษมา กษมาคิดจะมอบหีบไม้นี้ให้กับแม้นวาดในวันเกิด แต่มีเหตุให้กษมาและแม้นวาดไม่เข้าใจกัน แม้นวาดและกษมาจึงหงุดหงิด กษมานึกในใจอยากให้แม้นวาดเข้าใจตัวเองและแม้นวาดก็อยากให้กษมาเข้าใจตนเอง เหมือนกัน ขณะที่กษมามอบหีบไม้ที่ซื้อมาให้แม้นวาดก็มีอุบัติเหตุตอนเปิดหีบไม้ ทำให้หีบไม้ร่วงหลุดมือไป ทำให้ทั้งคู่หมดสติไปทั้งคืน เช้าวันต่อมากษมาเอ่ยปากอยากดื่มไวน์ ทำให้คนรับใช้ประหลาดใจ พอกษมาเข้าห้องน้ำเธอก็ตกใจเพราะเงาในกระจกกกลับกลายเป็นร่างของ แม้นวาด กษมาในร่างแม้นวาดเอะอะโวยวาย แต่ไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่กษมาในร่างแม้นวาดบอก ทุกคนมองเหมือนเป็นเรื่องตลก กษมาในร่างแม้นวาด ถามหาตัว กษมา จึงทราบว่าอยู่ที่โรงพยาบาล กษมาตัวจริงพยายามหาสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ จึงนึกถึงหีบไม้ที่ทำตกไว้ แต่พอไปหากลับไม่พบ เธอจึงขอเบอร์ ภาวิต จากมารตีเพื่อเรียกภาวิตมาพบ ทำให้ภาวิตรู้ว่ากษมาและแม้นวาดสลับร่างกัน กษมาที่อยู่ในร่างของแม้นวาด ทำให้ลืมตัวทำเรื่องที่ไม่ควรทำหลาย อย่าง กษมาในร่างแม้นวาดมาหาแม้นวาดในร่างกษมาที่โรงพยาบาล ทั้งสองพยายามจะสลับตัวกันแต่ก็ทำไม่สำเร็จ ทั้งสองจำต้องสลับร่างกันอยู่ เวลาต่อ มา กษมา ย้ายมาอยู่บ้านของแม้นวาด ทำให้ภุชงค์เชื่อว่าแม้นวาดทำร้ายกษมา และไม่สบายใจเพราะกษมาเปลี่ยนไป เวลาที่ภุชงค์จะกอดกษมา ก็โดนแม้นวาดในร่าง กษมาทำร้าย ส่วนแม้นวาดที่เขาไม่ชอบหน้าก็พยายามมาเคล้าเคลียกับเขา สองยายหลานสงบศึกและเริ่มเปิดใจให้กันกัน โดยแม้นวาดไปเรียนหนังสือ กษมาไปงานสังสรรค์เพื่อนเก่าและเป็นนายกสมาคมเพื่อนรุ่นเก่ากษมาใน ร่างของแม้นวาดก็สนิทสนมกับภาวิตจนพนิดาหึง และแม้นวาดในร่างของกษมาก็สนิทสนมกับดุสิตมากขึ้น ยิ่งทำให้เกิดเรื่องยุ่งวุ่นวายมากขึ้นจนเวลาผ่าน ไป ภาวิตพยายามหาวิธีที่จะให้กษมาและแม้นวาดกลับคืนร่างเดิม ภาวิตนึกถึงหีบไม้ใบอีกใบพร้อมกับคำกลอนปริศนาในกล่องไม้ จึงบอกให้กษมาและ แม้นวาดตั้งจิตให้มั่นแล้วลองกลับหีบไม้อีกครั้ง ในที่สุดทั้งสองก็ได้กลับสู่สภาพเดิม แม้นวาดและกษมาได้เห็นตัวตน ของกันและกันมากยิ่งขึ้นและเปิดใจ เข้าหากันจนเป็นยายหลานที่รักกันมาก กษมามีความคิดเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นและไม่ทำตัวเหลวไหล ส่วนแม้นวาดย้อนกลับมามอง การใช้ชีวิตของหนุ่มสาว รุ่นใหม่ด้วยใจเป็นกลาง รวมถึงความรักของดุสิตที่มีให้ด้วย จึงรับรักคำขอแต่งงานของดุสิต สำหรับภาวิตและกษมาก็เข้าใจกัน และมีความรักต่อกัน คำกล่าวเรียกแม้นวาดเป็นคุณยายสายเดี่ยว ยังเป็นคำพูดที่ทุกคนประทับใจและอดขำไม่ได้ ถึงแม้ว่าสุดท้ายแม้นวาดจะประกาศในงานสมาคมนักเรียนเก่า ว่าเธอแขวนสายเดี่ยวแล้วก็ตาม

ดั่งดวงตะวัน 2550

ดั่งดวงตะวัน (2550/2007) ในยุคสมัยพ.ศ.2518 เป็นยุครุ่งเรืองของการแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตร จากโรงเรียนชายอันเกรียงไกร 4 โรงเรียน นำทัพโดยหนุ่ม สุดหล่อ เท่ โด่งดังที่สุดในรุ่น 4 คนคือ หิน อ๊อด แก้ว และธง สาวๆ เรียกพวกเขาทั้ง 4 ว่า จตุรเทพ และจากการแข่งขันฟุตบอลนี้ ทำให้ทั้ง 4 คน ได้รู้จักจนกลายเป็นเพื่อนรัก จวบจนกลายเป็นหนุ่มใหญ่ในปัจจุบัน หิน จอมเกเร ภายหลังเรียนจบเข้ารับราชการเป็นตำรวจ แต่ด้วยความประพฤตินอกคอก เลือดร้อน ชอบลุยจับโจรมือเปล่า ทำให้ได้เป็นแค่จ่า จ่าหินมีลูกชาย ชื่อดิน เข้ารับราชการเป็นตำรวจเหมือนจ่าดิน แต่นิสัยแต่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทำให้เลื่อนขั้นเป็นหมวดในเวลาไม่นาน ติดตามต่อได้ใน ดั่งดวงตะวัน

ลิขิตกามเทพ 2550

ลิขิตกามเทพ (2550/2007) พินิจนัย หนุ่มหล่อ ลูกชายของ บดินทร์ พ่อเลี้ยงจอมเจ้าชู้แห่งเมืองตาก เขากำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก มี จินดา แม่บ้าน กับ สุจิตรา น้าสาวที่หวังว่าสักวันจะเปลี่ยนสถานะเป็นแม่ คอยดูแล พินิจนัย ต้องดูแลกิจการสารพัดแทนพ่อ และด้วยนิสัยที่ชอบเก็บตัว เงียบขรึม เอาแต่ใจตัวเอง และไม่สนใจผู้หญิงคนไหนเลย เนื่องจากเคยถูก เภรี ลูกสาวเศรษฐีหักอก เพราะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นหนุ่มบ้านนอกยากจน ด้วยเหตุนี้ทำให้พ่อเลี้ยงบดินทร์ กลัวว่าลูกชายจะกลายเป็นเกย์ กับ ภูษิต เพื่อนรักที่สนิทกันมากของพินิจนัย จึงตัดสินใจจะจับคู่ พินิจนัย กับ ลูกสาวของ คุณนายจันทร์เพ็ญ เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็ก ซึ่งก็เข้าทาง คุณนายจันทร์เพ็ญพอดี โดยนัดกันว่าจะพาลูกชายมาเลือกคู่ที่กรุงเทพฯ พินิจนัยรู้ก็รีบเผ่นหนี ตามภูษิตเข้ากรุงเทพฯทันที ด้านภูษิตเองก็อยากจะให้เพื่อนรักเจอรักใหม่เสียทีจึงพา พินิจนัยไปเที่ยวผับเผื่อเจอสาวๆสักคนจะได้เลิกเกลียดผู้หญิง กานพลู สาวสวยน่าสงสาร อายุ 25 ปี อาศัยอยู่กับ คุณนายจันทร์เพ็ญ ป้าแท้ๆที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด เพราะแม่ของกานพลูผูกคอตายหนีความอับอายจากการท้องไม่มีพ่อ กานพลูทำงานบ้านราวกับคนใช้และยังถูกโขกสับจากภัสสร และ พรรณทิพา พี่สาวทั้ง 2 คนลูกของป้า มีเพียง พิบูลย์ ลูกชายคนเล็กของคุณนายคนเดียวเท่านั้นที่คอยปกป้องกานพลู แต่กลับถูกสองสาวหาว่ากานพลูจะจับพิบูลย์เพื่อ ไต่เต้ามาเป็นน้อง สะใภ้ของพวกเธอ กานพลู มีคนรักชื่อ ภาดา เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง ทำงานที่เดียวกัน กานพลูเก็บเงินซื้อคอนโดแต่ผ่อนใช้ชื่อภาดา ส่วนภาดาก็ต้องการไต่เต้า จึงฉวยโอกาสขณะที่ตาม เภรี ลูกเจ้าของบริษัท ไปประชุมที่ต่างจังหวัด โดยการมอมเหล้าแล้วปล้ำเภรี เองก็ชอบภาดาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงยินยอม วันหนึ่งกานพลูไปเห็นการ์ดเชิญให้ไปงานฉลองหมั้นของภาดากับเภรี กานพลูเสียใจมากจนเกือบฆ่าตัวตาย แต่โชคดีที่ บุตรา เพื่อนสนิท ตามมาพบและพาไปเลี้ยงวันเกิดตนเองที่ผับซึ่งเป็นที่เดียวกับที่พินิจนัยทา เที่ยว พินิจนัยกับภูษิตดื่มแต่น้ำผลไม้ ส่วนกานพลูดื่มเหล้ายอมใจ จนเมามาย ขณะที่บุตรากับเพื่อนคนอื่นๆพากันไปเต้นรำ กานพลูเดินเปะปะจนเกือบถูกพวกวัยรุ่นฉุดโชคดีที่ พินิจนัยช่วยไว้ได้ทัน ภูษิตเห็นก็เข้าใจผิดว่าพินิจนัยหิ้วหญิงมาได้จึงไล่ให้พากลับโรงแรมด้วย ด้านบุตราก็คิดว่ากานพลูหนีกลับบ้านไปก่อน พินิจนัยไม่รู้จะทำอย่างไรดี เพราะขับรถ วนเวียนตามทางที่กานพลูบอกจนใกล้เช้าก็ไม่ถึงสักที พินิจนัยจึงตัดสินใจจอดรถรอจนกว่ากานพลูจะสร่างเมา จนเผลอหลับไปอีกคน รุ่งเช้ากานพลูตกใจตื่นเห็นตัวเองอยู่ในรถกับชายแปลกหน้าแถมสภาพตัวเองก็ดู ไม่ได้จึงเข้าใจว่าถูกพินิจนัยข่มขืน เรื่องลุกลามจนถึงตำรวจ พินิจนัยจึงอ้างว่าเขากับกานพลูเป็นแฟนกันแล้วกอดจูบกานพลูโชว์ตำรวจ ด้านกานพลูก็กลัวตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งเหมือนกันเลยปล่อยเลยตามเลย พินิจนัยเบื่อความวุ่นวายที่กรุงเทพฯจึงขับรถกลับบ้านที่ตากซึ่งก็สวนทางกับ พ่อเลี้ยงบดินทร์ ที่มากรุงเทพ เพื่อมาพบหน้าว่าที่ลูกสะใภ้คุณนายจันทร์เพ็ญกับลูกสาวผิดหวังที่ไม่ได้เจอ ลูกชายพ่อเลี้ยง ด้านพ่อเลี้ยงก็ติดใจอยากได้ลูกสาวคนใดคนหนึ่งของจันทร์เพ็ญมาเป็นภรรยาแต่ เปลี่ยนใจเอาดื้อเมื่อเขาเห็นกานพลู คุณนายยอมยกกานพลูให้แต่โดยดีเพื่อแลกกับเงินห้าล้านบาทกับเครื่องเพชรและ เงินเดือนประจำ พินิจนัยไม่พอใจเมื่อรู้ว่าพ่อของเขาจะแต่งงานกับหลานสาวเพื่อนตัวเอง แต่ก็แอบห่วงพ่อเพราะกลัวโดนหลอก ประกอบกับสุจิตราและสาวิตรี เพื่อนของสุจิตรา ยุยงจนทำให้พ่อลูกทะเลาะกัน และเมื่อถึงวันแต่งงานพินิจนัยกับกานพลู ทั้งคู่ต่างตกใจเพราะไม่คิด ว่ากานพลูจะต้องมาเป็น แม่เลี้ยงของผู้ชายที่ข่มขืนตนเอง ส่วนพินิจนัยก็ถูกภัสสรกับพรรณทิพาเป่าหูว่ากานพลูผ่านผู้ชายชื่อภาดามาแล้ว ก็ยิ่งทำให้พินิจนัย มีอคติกับกานพลู มากขึ้น เมื่อถึงเวลาเข้าหอกานพลูโวยวายไม่ยอม จนบดินทร์เบื่อเลยเรียกอีหนูมานอนแทนส่วนกานพลูก็หนีไปนอนกับจินดาพ่อเลี้ยง แต่งงานได้เจ็ดวันก็หัวใจวายตาย กานพลูจึงกลายเป็นแม่ม่ายทรงเครื่องและเป็นคู่กัดกับลูกเลี้ยงอย่างพินิจนัย กานพลูมางานแต่งงานของภาดาโดยมีพินิจนัยตามติดมาร่วมงานด้วย เมื่อทั้งสี่คนได้พบกันต่างคนต่างตกใจเพราะเภรีพึ่งรู้ว่า พินิจนัย คือเศรษฐีตัวจริง ส่วนภาดาก็ก็อึ้งในความสวยขึ้นและรวยขึ้นของกานพลู ภาดาจึงตัดสินใจทิ้งเภรีเพราะเขาได้ปอกลอกเภรีจนหมดตัว ส่วนเภรีก็คิด จะคืนดีกับพินิจนัยเลยใส่ความกานพลูจนพินิจนัยยิ่งเกลียดกานพลู วันหนึ่งพินิจนัยกับกานพลูเกิดได้เสียกัน จนกานพลูท้อง แต่ทุกคนเข้าใจว่า ท้องกับพ่อเลี้ยงมีแต่จินดาเท่านั้นที่รู้ความจริงทั้งหมด เภรีแค้นกานพลูจึงดักยิงแต่พินิจนัยก็ช่วยเอาไว้ทัน กานพลูแค่หกล้ม ผ่าท้องเอาลูกสาว ออกมาพรรณทิพาแค้นเลยจ้างแก๊งจับเด็กไปขายให้ไปขโมยลูกกานพลู แต่พินิจนัยก็ช่วยไว้ได้ทัน กานพลูจึงตัดสินใจจากไปเพื่อความสบายใจของพินิจนัยแต่ก็ได้พาหัวใจของพินิจ นัยไปด้วย จินดาสงสารจึงบอกความจริงทั้งหมด พินิจนัยเมื่อรู้ว่าเด็กคือลูกสาวของตนเองก็ยิ่งเสียใจ ตามหาแทบพลิกแผ่นดิน ภาดาแค้นจึงสมคบกับเภรีอีกครั้ง ภาดาไปลอบยิงพินิจนัยอาการสาหัส แต่ภาดากับเภรีก็โดนตำรวจจับ จินดาขอร้องให้กานพลูไปดูแลภูษิตก็เข้ามาบอกความจริงเรื่องในผับคืนนั้น ว่าพินิจนัยต่างหากที่ช่วยกานพลูไม่ให้โดนข่มขืน ในที่สุดกานพลูกับพินิจนัยก็ปรับความเข้าใจกันทั้งสองตกลงไปอยู่ในไร่ที่ กานพลูซื้อไว้อยู่กับลูกแห่งนั้นอย่างสงบตลอดไป

เทวดาสาธุ (2549)

เทวดาสาธุ (2549/2006) คุณ ผู้ชมจะสนุกไปกับสถานการณ์ที่เต็มไปด้วย เรื่องราวประหลาด หลากความต้องการของมนุษย์ที่ไม่รู้จักจบจักพอ กับการรับมือของ สาธุ เทวดาหนุ่มมือใหม่ รับบทโดย อ้น-สราวุฒิ ที่บางครั้งถูกบ้าง ผิดบ้าง แต่ก็ค่อยๆ หัดกันไป...แบบใจเย็นๆและคุณจะได้พบว่า วันๆหนึ่งคนเราร้องขอความช่วยเหลือต่อสิ่งศักดิ์มากมาย... บางคำขอ..แปลกพิศดาร อย่างที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนแถมสิ่งศักดิ์ในยุคนี้ ต้องทำตัว up date ทันสมัยสุดๆ ไม่อย่างงั้น จะเอาท์ ไม่รู้เท่าทันคำของ ลูกช้างทั้งหลาย เรื่องราวคำขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (ที่มา: broadcastthai.com)

สาวเปิ่นเจ้าเสน่ห์ 2549

สาวเปิ่นเจ้าเสน่ห์ (2549/2006) สาวเปิ่นเจ้าเสน่ห์ เป็นเรื่องราวของ กุ้งแก้ว สาวสวย แสนเปิ่น แต่มีน้ำใจ ซื่อน่ารัก ถือคติ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย เกิดมากุ้งแก้วไม่เคยพูดโกหกกับใครเลย กุ้งแก้วเป็นลูกสาวของ นางรัชนี แม่ม่ายที่เป็นแม่ค้าขายขนมหวานและอาหาร สมาชิกที่บ้านกุ้งแก้วมี 4 คน คือ ป้ายุพิน กับ ลูกสาวชื่อ พจมาน อยู่ด้วยกัน ป้ายุพินเป็นพี่สาวของนางรัชนี เป็นม่ายและเลี้ยงดูลูกสาวด้วยความรัก ป้ายุพินกับแม่รัชนีมักจะทะเลาะและถกเถียงกันทุกวัน ด้วยต่างคนต่างชื่นชม ลูกตัวเองแล้วข่มลูกคนอื่น แต่การถกเถียงไม่ได้โกรธหรือจริงจังอะไรมากนัก เถียงกันเพื่อทำให้บ้านไม่เงียบเหงาเท่านั้นเอง พจมานเป็นพนักงานขายเครื่องสำอางจึงสวยมาก แต่งตัวเก่ง ผิดกับกุ้งแก้วที่แต่งตัวเรียบร้อย จึงถูกพี่พจมานต่อว่ากุ้งแก้วที่เป็นคนเชย เปิ่นเสมอ ซึ่งกุ้งแก้วก็ยอมรับในความจริงข้อนี้ กุ้งแก้วเรียนจบแต่ยังหางานที่มั่นคงทำไม่ได้ ได้แต่ทำงานชั่วคราวเป็นรายวัน รายสัปดาห์ จนสุดท้ายโรงแรมแกรนด์เดอวิวรับเข้าทดลองงาน แค่เริ่มงานวันแรกความมีน้ำใจของกุ้งแก้วก็ก่อเรื่องให้กับกุ้งแก้วเสียแล้ว เมื่อระหว่างการเดินทางไปทำงานที่โรงแรม กุ้งแก้วเห็นรถมอเตอร์ไซค์ชนเด็กขายพวงมาลัย และมีคนขับรถเก๋งคันหนึ่งลงไปช่วย กุ้งแก้วก็เข้าไปช่วยด้วย เลยถูกเจ้าของรถเก๋งชวนไปโรงพยาบาลด้วย เพื่อเป็นพยานยืนยันกับตำรวจว่าเขาเป็นพลเมืองดี ไม่ได้เป็นคนขับรถชนเด็ก กุ้งแก้วไปด้วยโดยดี เพราะผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้ารูปร่างหน้าตาเหมือนกับเจ้าบ่าวที่กุ้งแก้ว เพิ่งจะฝันถึงเมื่อคืน เจ้าของรถเก๋งที่กุ้งแก้วไปด้วยนั้นชื่อ พีร์ เป็นลูกชายของ คุณนายอรสา ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรม แกรนด์เดอวิวนั่นเอง คุณนายอรสามีลูก 3 คนคือ พีร์ ลูกชายคนโต นิสัยเรียบร้อย สุภาพ ขยันทำงาน มีความรับผิดชอบ ภาสกรเป็นลูกคนกลาง เป็นคนคุยสนุก ร่าเริง เสน่ห์แรง ขวัญใจสาวๆ ผู้หญิงในสเป็กต้องสวย เพียบพร้อม ดูดี มีรสนิยม สุนิสา คือลูกสาวคนสุดท้องของ คุณนายอรสา สุนิสาหวงพี่ชายทั้งสองมาก คัดเลือกคนที่จะมาเป็นพี่สะใภ้เป็นพิเศษ เพราะกุ้งแก้วต้องไปโรงพยาบาลกับพีร์จึงทำให้เข้าไปทำงานสาย ไปรายงานตัวกับ คุณนวล หัวหน้าไม่ทัน นวลถือว่ากุ้งแก้วไม่มีความรับผิดชอบจึงไม่รับเข้าทำงานด้วย เผอิญพีร์ได้ยินจึงบอกให้นวลรับกุ้งแก้วเข้าทำงาน เพราะเห็นกุ้งแก้วเป็นคนดีมีน้ำใจ โดยกุ้งแก้วไม่รู้ว่าพีร์เป็นลูกเจ้าของโรงแรม กุ้งแก้วคิดว่าพีร์เป็นลูกค้ามาใช้บริการ ด้วยความที่พีร์เป็นหนุ่มเนื้อหอมจึงมีผู้หญิงมาหลงรักสองคนชื่อ ศศินา กับ ลีลานุช ศศินาเป็นลูกสาวของ คุณสุนทร ซึ่งเป็นเพื่อนกับ คุณพงศ์ บิดาของพีร์ที่เสียชีวิตไปแล้ว และถือหุ้นส่วนอีกเล็กน้อยใน โรงแรม สุนทรมีลูก 3 คนคือ กำชัย ลูกชายคนโต นิสัยใจร้อน เด็ดขาด มุทะลุ วู่วาม โลภ ขี้โกง ศิริพร ลูกสาวคนที่สอง สวย แต่เจ้าอารมณ์ ส่วนศศินา ลูกสาวคนเล็กสุด ใจร้อน ชอบเอาชนะ แพ้ไม่เป็น ขี้อิจฉา คุณสุนทรเคยตกลงไว้กับคุณพงศ์พ่อของพีร์ จะให้ภาสกรแต่งงานกับศิริพร พีร์แต่งงานกับศศินา เมื่อคุณพงศ์เสียชีวิต ภาสกับพีร์มาบริหารงานที่โรงแรม โดยมีคุณสุนทรกับกำชัยมาช่วยงานด้วยในบางวัน คุณสุนทรกับกำชัยทำธุรกิจบ้านจัดสรร เป็นงานส่วนตัวแต่บริหารงานผิดพลาดกิจการขาดทุน ธนาคารกำลังจะยึดทรัพย์สิน จึงหวังให้ลูกสาวทั้งสองคนแต่งงานกับลูกชายคุณนายอรสาโดยเร็วที่สุด เพื่อนำสินสอดทองหมั้นมากอบกู้กิจการก่อนล้มละลาย แต่ภาสกรกับพีร์กลับปฏิเสธเพราะไม่ได้ชอบศิริพรกับศศินาแบบชู้สาวเลย ส่วนลีลานุชน้องเล็กที่เอาแต่ใจตัวเอง ผู้หญิงอีกคนที่มาหลงเสน่ห์พีร์ เป็นน้องสาวคนสุดท้องของ เสี่ยวิโรจน์ เจ้าของภัตตาคารเกรดเอชื่อดังของเมืองไทย เสี่ยวิโรจน์มีน้องสาวอีกคนชื่อ ชลลดา สาวสวยน่ารัก มีเหตุผล เมื่อกุ้งแก้วมาทำงานวันแรกที่โรงแรม เห็นพีร์กำลังหนีผู้หญิงสองคนที่ตามเขา เพราะศศินากับลีลานุช ต่างคนต่างต้องการแย่งชิงและครอบครองพีร์แต่เพียงผู้เดียว ทั้งสองคนมักจะตามตื้อชายหนุ่มจนพีร์รำคาญ และทนความเจ้าอารมณ์ของสองสาวไม่ได้ พีร์จึงหนีเหตุการณ์ชุลมุน พีร์ให้กุ้งแก้วช่วยโกหกสาวว่าไม่เห็นเขา กุ้งแก้วเป็นคนเปิ่น ซื่อ ไม่เคยพูดโกหกมาก่อน ยอมพูดโกหกเพื่อช่วยพีร์ แต่เมื่อโกหกไปแล้ว กุ้งแก้วไม่สบายใจ กลับระแวงว่าพีร์เป็นผู้ชายหนีผู้หญิง เพราะไปทำผิดอะไรกับผู้หญิงมาหรือเปล่า พีร์ตัดปัญหาด้วยการพากุ้งแก้วหนีออกมาด้วยกัน เมื่อออกจากโรงแรมแล้วพีร์หิว กุ้งแก้วจึงชวนพีร์ทานข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง ร้านรถเข็นริมถนน กุ้งแก้วซื่อมาก ทานเสร็จพีร์จะเลี้ยงแต่กุ้งแก้วไม่ยอม หารสองจ่ายค่าอาหาร ทำให้พีร์รู้สึกขำและประทับใจในความไม่ละโมภอยากได้ของกุ้งแก้ว ผลจากการไปทานส้มตำกับกุ้งแก้ว คืนนั้นพีร์ปวดท้อง ท้องเสียเพราะอาหารเป็นพิษ ต้องเข้าโรงพยาบาล ส่วนกุ้งแก้วมาทำงานตามปกติ หล่อนเก็บกระเป๋าเงินที่แขกของโรงแรมทำหล่นไว้ได้ ข้างในกระเป๋ามีเงินสดเป็นดอลลาร์แสนกว่าเหรียญ เป็นเงินไทยสี่ห้าล้านบาท กุ้งแก้วตกใจรีบนำไปมอบกับนวลซึ่งเป็นหัวหน้า วันรุ่งขึ้นความดีของกุ้งแก้วระดับผู้บริหารชื่นชมมาก และเจ้าของเงินคือ มิสเตอร์จอห์น เศรษฐีนักธุรกิจระหว่างประเทศ ซึ่งชื่นชมความซื่อสัตย์ของคนไทยจึงจัดงานแถลงข่าวที่โรงแรมและมอบรางวัลแก่ เธอ วันแถลงข่าวพีร์มาในงานด้วย กุ้งแก้วได้เลื่อนตำแหน่งจากพนักงานผู้ช่วยในครัวมาเป็นพนักงานต้อนรับ และกุ้งแก้วตกใจมากที่รู้ว่าพีร์ เป็นระดับผู้บริหารของโรงแรม ในงานกุ้งแก้วเป็นที่สนใจของนักข่าว พจมานเองก็อยากดังมาร่วมงานกุ้งแก้ว พลอยทำให้ได้รู้จักกับทุกคนในงานด้วย ลีลานุชกับศศินาเห็นพีร์แสดงท่าทีสนิทสนมกับกุ้งแก้ว จึงอิจฉากุ้งแก้ว และเห็นกุ้งแก้วเป็นศัตรูหัวใจเพิ่มอีกคน ที่จะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ ส่วนมิสเตอร์จอห์นตั้งแต่รู้จักกับกุ้งแก้ว ความน่ารัก ความซื่อผสมความเปิ่น ทำให้ มิสเตอร์จอห์นหลงรักกุ้งแก้ว มาตามจีบตามเอาใจกุ้งแก้วเป็นประจำ ฝ่ายคุณสุนทร กับกำชัย ต้องการเงินมาพยุงฐานะของตัวเอง จึงจ้างคนมาจับพีร์ไปเรียกค่าไถ่ บังเอิญกุ้งแก้วเห็นเหตุการณ์ จึงถูกจับตัวไปด้วย และด้วยความซื่อ ความเปิ่นของกุ้งแก้ว ช่วยพีร์หนีออกมาได้ ทำให้พีร์ประทับใจในตัวกุ้งแก้ว และเลื่อนตำแหน่งกุ้งแก้วมาเป็นเลขาของพีร์ ทั้งสองคนเริ่มรักกัน แต่ต่างฝ่ายต่างเก็บความรู้สึกไว้ในใจ ไม่มีใครปริปากพูดออกมา ในขณะที่พีร์สนิทสนมกับกุ้งแก้ว มิสเตอร์จอห์นก็มาตามตื้อเทียวไล้เทียวขื่อกุ้งแก้ว จนสร้างความไม่พอใจให้กับพีร์หลายครั้ง แล้วกุ้งแก้วยังต้องเผชิญกับการราวีของศศินาและลีลานุช ที่กลัวว่ากุ้งแก้วจะมาแย่งพีร์ไป คุณสุนทรกับกำชัยทำงานพลาดเรื่องการจับตัวพีร์ไปเรียกค่าไถ่ จึงวางแผนใหม่ ให้ศิริพร ยั่วภาสแล้วใส่ยานอนหลับ หวังจับภาสแต่งงานให้ได้ แต่ชลลดาล่วงรู้แผนการก่อนจึงช่วยภาสไว้ได้ ทำให้ภาสซึ่งประทับใจและแอบรับชลลดามาตลอดสารภาพรักกับชลลดา สุนทรกับกำชัยเข้าตาจน ต้องการเงินมากอบกู้ฐานะอย่างรวดเร็วจึงยอมทำผิดกฎหมายอีก โดยการค้ายาเสพติด ด้วยการหลอกใช้พจมานซึ่งมาหลงรักและเข้าใจว่ากำชัยรักตนจริงเป็นเครื่องมือ พจมานนั้นเมื่อเห็นกุ้งแก้วสนิทสนมกับพีร์ ตัวเองจึงหาทางไปสนิทสนมกับกำชัย และมิสเตอร์จอห์นแทน แต่มิสเตอร์จอห์นรักเดียวใจเดียวอยู่กับกุ้งแก้ว กำชัยจึงทำดีกับพจมานเพื่อหวังหลอกใช้ กำชัยทำเป็นรักพจมาน และหลอกให้พจมานขนยาเสพติด ครั้งแรกผ่านไปด้วยดี ได้เงินมามากมาย แต่กำชัยโลภจึงให้พจมานทำงานอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พจมานพลาดเกือบถูกจับ แต่ไหวตัวทันรีบโยนของทิ้งลงในคลอง ทำให้กำชัยเสียหายมากต้องหาเงินไปคืนเจ้าพ่อ เพราะรับเงินมาก่อนแล้ว กำชัยบังคับให้พจมานไปเอาเงินมาจากกุ้งแก้ว กุ้งแก้วรู้ความจริงสงสารญาติผู้พี่ ถ้าไม่มีเงินอาจถูกเจ้าพ่อฆ่าตาย กุ้งแก้วยอมรับปากแต่งงานกับมิสเตอร์จอห์น เพราะเขาสัญญาจะให้เงินกุ้งแก้วหลายสิบล้านไปช่วยพจมาน พีร์ไม่รู้ความจริงผิดหวังในตัวกุ้งแก้ว คิดว่ากุ้งแก้วเหมือนผู้หญิงทั่วไปที่รักเงิน บูชาเงินเป็นพระเจ้า เลือกแต่งงานกับคนที่รวยกว่า พีร์จึงบอกกับมารดาจะแต่งงานกับศศินา ตามที่ผู้ใหญ่เคยตกลงกันไว้ พีร์กับกุ้งแก้วต่างคนต่างเจ็บปวดเพราะรัก กุ้งแก้วไม่กล้าบอกความจริงกลัวพีร์โกรธ ใกล้ถึงวันแต่งงานของกุ้งแก้วกับมิสเตอร์จอห์น ซึ่งถ้าแต่งงานกันแล้ว กุ้งแก้วจะต้องตามมิสเตอร์จอห์นไปอยู่ต่างประเทศ พจมานรู้ความจริงว่ากำชัยไม่ได้รักเธอเลย เธอเสียใจมาก ที่อุตส่าห์ทำทุกอย่างเพื่อช่วยกำชัยเพราะเธอรักเขา พจมานยังล่วงรู้อีกว่าวันเกิดเหตุที่เธอเกือบถูกจับนั้น จริงๆ แล้วเป็นแผนการของกำชัยทั้งหมด ของที่หล่อนโยนลงทะเลก็เป็นแค่แป้งธรรมดา ตำรวจที่ตามจับวันนั้นก็เป็นคนของกำชัยเอง พจมานจึงแจ้งตำรวจให้จับกำชัย พจมานสารภาพกับพีร์ เรื่องที่บังคับให้กุ้งแก้วแต่งงานกับจอห์น พีร์เมื่อรู้ความจริงทำทุกวิถีทางที่จะกีดขวางการแต่งงานของกุ้งแก้วกับ จอห์น พีร์ปฏิเสธการแต่งงานกับศศินา ทำให้ศศินาโกรธกุ้งแก้ว จะยิงกุ้งแก้ว แต่พีร์เอาตัวมาขวางกระสุนไว้ กำชัยถูกจับคดียาเสพติด สุนทรถูกจับเพราะยักยอกเงินโรงแรม ศศินาถูกจับเพราะทำร้ายร่างกายพีร์ ท้ายที่สุดพีร์กุ้งแก้วไม่ถือโทษยกฟ้อง ศศินาเป็นบ้า ศิริพรทำใจยอมรับได้กับทุกอย่าง กุ้งแก้วและพีร์ปรับความเข้าใจกันได้ในที่สุด

เขยใหญ่ สะใภ้เล็ก 2549

เขยใหญ่ สะใภ้เล็ก (2549/2006) เขยใหญ่สะใภ้เล็ก เป็นเรื่องราวของ วิศวา หนุ่มรูปหล่อวัยเบญจเพส เกิดความเบื่อหน่ายสังคมเมืองหลวงที่สับสนวุ่นวาย หลังจากผิดหวังในความรักจาก อุบลวรรณ จึงย้ายไปทำงานต่างจังหวัด ซึ่งวิศวาได้ไปอาศัยอยู่กับ นายวงศ์ ซึ่งเป็นลุงของเขา นายวงศ์เป็นนักเลงเก่ามีลูกน้องหลายคน แต่วัยที่ล่วงเลยไปทำให้เขาวางมือและหันมาทำการเกษตร นายวงศ์มีลูกชายชื่อ วันเผด็จ ซึ่งมีนิสัยบ้าระห่ำไม่กลัวใคร วันเผด็จมีเพื่อนหญิงคนเดียวที่คบสนิทสนมด้วยชื่อ ใยบัว ทั้งคู่นิสัยคล้ายกันมาก เรียนหนังสือด้วยกันตั้งแต่มัธยมจนจบมหาวิทยาลัยในจังหวัด ไร่ของนายวงศ์อยู่ติดกับไร่ของ นายสายสมิง ทั้งคู่เป็นศัตรูคู่แข่งกันมาตั้งแต่รุ่นหนุ่ม ต่างก็เป็นนักเลงที่มีประวัติน่ายำเกรง งานในไร่ให้ลูกๆ ดูแลแล้วสอนให้ลูกตนถือลูกของอีกฝ่ายเป็นศัตรูคู่แค้น แต่วันเผด็จกับใยบัวไม่สนใจทั้งคู่เป็นคนหัวแข็งมาตั้งแต่เด็ก เลือกที่จะคบหาเป็นเพื่อนสนิทโดยที่พ่อไม่อาจห้ามปรามได้ คนงานในไร่ต่างยำเกรงคนทั้งสอง เมื่อนายหนุ่มสาวปรองดองกันคนงานก็คบหาสนิทสนมกัน นายสายสมิงไม่พอใจที่ใยบัวขัดใจเขา แต่ ปู่แสบ บิดาวัยแปดสิบของเขา นักเลงตัวจริงเสือที่ถอดเขี้ยวเล็บ หวังให้ลูกชายล้างมือจากการเป็นนักเลงโดยเด็ดขาด และห่วงหลานสาวทั้งสองคน รุ้งไหม เป็นลูกสาวคนโตที่นายสายสมิงภูมิใจแถมเกรงใจ รุ้งไหมเป็นสาวสวย ทำงานเก่ง รุ้งไหมเลือดพ่อแรงในเรื่องเห็นคนไร่โน้นเป็นศัตรู เธอจึงเป็นคู่อริของวันเผด็จมาตั้งแต่เด็ก แต่ใยบัวได้รู้หัวใจตัวเองว่ามีใจให้กับวันเผด็จเกินเพื่อนและเก็บซ่อนไว้อย่างมิดชิด ความใส่ใจที่มีต่อวันเผด็จนั้นมากมายจนทำให้ใยบัวรู้ว่า หญิงสาวคนเดียวที่วันเผด็จแอบสนใจคือรุ้งไหม วิศวาขับรถมาหาวันเผด็จพบรถของรุ้งไหมจอดเสียอยู่ข้างทางจึงช่วยเหลือ พาไปตามช่างมาลากรถไปซ่อมและพาเธอไปส่งที่บ้าน ทำให้รุ้งไหมประทับใจในความเอื้อเฟื้อของเขามาก รุ้งไหมรู้ว่าน้องสาวแอบไปจัดงานเลี้ยงอยู่ในไร่จึงตามมาและเกิดปะทะคารมกับวันเผด็จ รุ้งไหมโกรธจัดขี่จักรยามพุ่งชนเขาล้มลงแล้วจากไปอย่างไม่ใยดี วันเผด็จกระดูกข้อเท้าแตกต้องนอนโรงพยาบาลหลายวัน นางลำดวน แม่เลี้ยงของวันเผด็จเห็นเป็นโอกาสที่จะแนะนำสาวสวย จิระนันท์ ให้มาเฝ้าดูแลวันเผด็จที่โรงพยาบาล วันเผด็จไม่ถูกใจคนเฝ้าไข้คนใด โทรตามใยบัวให้มาคุยแก้เหงากระทั่งให้มานอนเฝ้าตอนกลางคืน รุ้งไหมสานความสัมพันธ์กับวิศวาตามประสาหนุ่มสาวยุคใหม่และมีหัวใจตรงกัน วันเผด็จแนะนำให้วิศวาให้รู้จักใยบัว ใยบัวตกใจที่รู้ว่าวิศวาเป็นหลานของนายวงศ์ วิศวาขอให้ใยบัวปิดเรื่องนี้ไว้ก่อนเพราะกลัวว่ารุ้งไหมจะรับไม่ได้ ถ้าต้องเกี่ยวข้องกับลูกหลานของนายวงศ์ นายสายสมิงได้รับรางวัลพ่อดีเด่นประจำปีหลังจากนายวงศ์ได้ไปเมื่อปีที่แล้ว ใยบัวจัดงานฉลองให้พ่อปู่แสบเชิญนายวงศ์กับนางลำดวนมาร่วมงาน รุ้งไหมเองก็คิดจะเปิดตัววิศวาในงานนี้ นายสายสมิงต้อนรับวิศวาอย่างจำใจและไม่พอใจมากขึ้นที่เห็นวันเผด็จ ต่อหน้าวันเผด็จนายสายสมิงพูดจากับวิศวาด้วยดี ยกเขาขึ้นมาข่มด้วยเห็นว่าวันเผด็จเป็นศัตรูและเป็นเพียงชาวไร่ธรรมดาโดยไม่รู้ว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกัน วันเผด็จยังเจ็บแปลบในใจที่รุ้งไหมยอมรับวิศวาจึงออกจากงานไปดื่มเหล้าต่อที่โรงแรมหรูในเมือง จิระนันท์มาพบวันเผด็จที่ดื่มจนเมา เขายังมีสติพอที่เรียกให้ใยบัวมารับ ใยบัวจึงให้พนักงานบริการช่วยพาขึ้นไปที่พักบนห้อง ช่วยเช็ดตัวให้ก่อนที่จะขับรถกลับบ้าน จิระนันท์เห็นใยบัวหายเข้าไปในห้องพักวันเผด็จในโรงแรม จึงโทรศัพท์ไปบอกนางลำดวนและแจ้งให้ทางบ้านใยบัวรู้ เรื่องราวจึงบานปลายแม้ทุกคนไม่พบใยบัวในห้องมีเพียงวันเผด็จเมาหลับไม่รู้เรื่อง แต่ก่อเหตุทะเลาะลงมือใส่กันจนเรื่องไปจบที่โรงพัก จิระนันท์กับนางลำดวนพาลหาว่าเธอเป็นต้นเหตุเป็นคนวางแผนจะปล้ำวันเผด็จตอนเขาเมา วันเผด็จโกรธจนทนไม่ไหวเขาไม่ยอมให้ใครทำให้ใยบัวเสียหาย จึงขอรับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับใยบัวด้วยความรัก นายสายสมิงได้ทีให้วันเผด็จยกขบวนขันหมากไปขอใยบัวก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ใยบัวย้ายไปอยู่บ้านนายวงศ์ จิระนันท์ก็ย้ายมาอยู่ด้วยในฐานะหลานของนางลำดวน ใยบัวออดอ้อนเอาใจวันเผด็จเพราะต้องการยั่วจิระนันท์ วันเผด็จคิดว่าเขารักใยบัวและมีความสุขที่มีเธอมาอยู่ร่วมบ้าน เมื่อแน่แก่ใจเช่นนั้นเขาก็ใช้สิทธิ์ของสามีทำให้เธอตกเป็นของเขา ใยบัวยอมเป็นของเขาอย่างเต็มใจและเปี่ยมสุข นายสายสมิงไม่ยอมรับวิศวาทั้งยังพยายามกีดกัน ปู่แสบที่ป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลขอร้องให้รุ้งไหมรีบแต่งงานภายในสามวัน วิศวารีบรับคำแล้วจัดงานอย่างใหญ่โต หลังจากแต่งงานนายสายสมิงให้วิศวาย้ายมาอยู่ที่บ้าน วิศวายอมทุกอย่างเพราะรักรุ้งไหมอย่างใจจริง นายสายสมิงแกล้งวิศวาทุกวิถีทางจน นางดวงดาว ผู้เป็นภรรยาต้องเตือนสามีอย่าได้รังแกเขยใหญ่จนเกินไป ให้คิดถึงลูกสาวที่ไปเป็นสะใภ้เล็กที่บ้านโน้น จิระนันท์วางแผนร้ายจ้าง นายไฟ ให้ลักพาตัวใยบัวไปโดยให้นางลำดวนหลอกพาใยบัวออกมาจากบ้าน นายไฟกลับหักหลังเอาตัวไปกักทั้งสามคนเพื่อเรียกค่าไถ่ วันเผด็จกับวิศวาพร้อมกับตำรวจตามไปช่วยใยบัวกับนางลำดวนออกมาอย่างปลอดภัย นายไฟซัดทอดว่าจิระนันท์เป็นคนจ้างวาน เรื่องร้ายทั้งหมดผ่านพ้นไปสองครอบครัวเริ่มสานสัมพันธ์ที่ผูกกันหลายชั้นจนแยกไม่ออก ใยบัวตั้งท้องวันเผด็จกลายเป็นลูกเขยคนโปรด รุ้งไหมย้ายไปอยู่กับวิศวาที่บ้านพักในเมืองซึ่งสะดวกต่อการทำงาน วันเผด็จยอมเอาใจพ่อตาโดยการแบ่งเวลาพาลูกมานอนด้วย พยายามอยู่ร่วมกันอย่างประนีประนอม และถนอมความรักที่ได้มาอย่างยากเย็น ความแค้นของคนรุ่นพ่อจึงยุติลงเพราะพ่ายต่อความรักของคนรุ่นลูก

จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า 2549

จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า (2549/2006) วรเทพ สุรสิทธิ์ เศรษฐีเจ้าของรีสอร์ตสุรสิทธิ์กำลังป่วยหนัก จึงเรียกทายาททั้งหมดมาฟังประกาศพินัยกรรม ทุกคนประหลาดใจที่มรดกส่วนหนึ่งตกเป็นของหลานสาวของวรเทพ ที่เกิดกับลูกชายคนสุดท้องของตระกูลคือ บุรินทร์ ที่เสียชีวิตไปแล้ว เป็นเหตุให้ ปรเมศวร์ และปารมี สองพี่น้องที่เป็นญาติฝ่าย สาวิกา ภรรยานายวรเทพ ต้องเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อตามหาตัวทายาทนิรนามคนนี้ ในที่สุดก็พบ จันทร์เจ้า ลูกสาวของนายบุรินทร์ในบ้านเกสต์เฮาส์ให้ฝรั่งเช่าอยู่อย่างแออัด จันทร์เจ้าอายุ 18 ปีชอบแต่งตัวเป็นทอมบอย และอยู่ในความดูแลของ มะลิ แคลาย นักร้องที่มีอาชีพเสริมคือการเปิดสำนักทรงหลอกชาวบ้านหากินไปวันๆ โดยมีจันทร์เจ้าเป็นลูกมือ บางครั้งจันทร์เจ้าก็ถูกประทับทรงเสียเอง เพราะพูดภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสได้ เพราะไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เล็กจนอายุ 10 ขวบ พอพ่อเสียชีวิตก็เลยต้องกลับเมืองไทย หลายครั้งจันทร์เจ้าก็ เห็นภาพนิมิตเข้าจริงๆ และช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากหลายๆ หนจนคนแถวนั้นนับถือ จันทร์เจ้าเองก็กลัวความสามารถพิเศษของตัวเองอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อปรเมศวร์และปารมีเข้ามาลองของให้จันทร์เจ้าประทับทรงให้ จันทร์เจ้าเห็นร่างสว่างไสวของคนคนหนึ่งมานั่งร่วมอยู่ด้วย และกระซิบบอกให้จันทร์เจ้าตามปรเมศวร์กลับไปที่ไร่ มะลิไม่ยอมเพราะกลัวจันทร์เจ้าจะถูกหลอก แต่ปรเมศวร์ยืนยันว่าจันทร์เจ้าต้องอยุ่ในความปกครองของเขาตามกฎหมาย จันทร์เจ้าเองก็อยากไปเพราะต้องการรู้เรื่องแม่ที่ตนเองไม่รู้จักมาก่อน จันทร์เจ้าเริ่มเห็นวิญญาณสว่างไสวบ่อยครั้งขึ้น สร้างความหวาดกลัวให้แก่จันทร์เจ้า, มะลิ และข้าวต้มมัด ลูกสมุนวัยเด็กยิ่งนัก ปรเมศวร์พาจันทร์เจ้ากับข้าวต้มมัดไปที่รีสอร์ทสุรสิทธิ์ ปรเมศวร์สั่งให้จันทร์เจ้าทำตัวให้สมกับเป็นทายาทของตระกูลผู้ดี แต่จันทร์เจ้าออกฤทธิ์ออกเดชเต็มที่ทำให้ปรเมศวร์ต้องใช้กำลังกายกำลังใจกำ หราบจันทร์เจ้า ติดตามต่อได้ใน จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า

เธอคือดวงใจ 2549

เธอคือดวงใจ (2549/2006) ปฐวี ชายหนุ่มซึ่งมีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักแต่งเพลงเหมือนกับ ปรีชา อาของเขา และได้ผันตัวเองไปเป็นพระเอกละครเวทีชื่อดัง โดยปฐวีแอบหลงรักดอกฟ้าที่ชื่อ อรุณรัศมี สาวสวยจิตใจดีมีความเป็นผู้ดีเต็มตัว ซึ่งอรุณรัศมีเป็นลูกสาวของ สุเทพ พ่อค้าใหญ่เจ้าของบ้าน “ศุระการ” แต่ชีวิตของอรุณรัศมีต้องถูกโอบล้อมเอาไว้จากพ่อและ พัลลภ พี่ชายของเธอ พัลลภเป็นลูกชายคนโตของสุเทพและรับราชการทหาร เป็นคนขี้โมโห มุทะลุ หัวรุนแรง อีกทั้งยังมักใหญ่ใฝ่สูง สนใจเล่นการเมือง เขาลงเล่นการเมืองในเครื่องแบบทหาร และติดตามนายพลจนทำให้ครอบครัวเดือดร้อนในที่สุด ติดตามต่อได้ใน เธอคือดวงใจ

เจ้าบ่าวก้นครัว 2548

เจ้าบ่าวก้นครัว (2548/2005) ปู่จารึก ต้องการให้ ดร.แทนขวัญ หลานสาวแต่งงานกับ เขม พ่อครัวปริญญาตรีจากคณะคหกรรม หลานของ สัจจะ เพื่อนรักของปู่ และ สหชาติ พ่อของเธอก็เห็นด้วยกับปู่จารึก แทนขวัญตัดสินใจทาจะสืบหาข้อบกพร่องของเขมเพื่อมาหักล้างกับปู่ เธอจึงไปหา ปลาบู่ เพื่อนสนิทที่คอนโด ปลาบู่พยายามโน้มน้าวให้ทำตามที่ปู่ต้องการ แต่แทนขวัญไม่ยอมและลากปลาบู่ไปดูเขมที่ร้านอาหารของเขา เมื่อแทนขวัญกับปลาบู่เข้าไปในร้านก็เห็นเขมอยู่ท่ามกลางเพื่อนผู้หญิงและกระเทย และบริกรในร้านก็มีแต่หนุ่มล่ำทั้งนั้น แทนขวัญกลับไปหลังจากมั่นใจว่าได้ข้อมูลเด็ด เขมมองพฤติกรรมของแทนขวัญอย่างขำๆที่เธอคิดว่าเขาไม่รู้เรื่องการมาสืบครั้งนี้ ดร.พลาย เพื่อนของเขมเห็นใจที่เขมถูกคลุมถุงชน แต่เขมกลับไม่คิดมากเพราะมั่นใจว่าจะตกลงกับแทนขวัญได้ พลายบอกเขมว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะเขาดูดวงชะตาของทั้งคู่แล้วซึ่งทั้งคู่เป็นเนื้อคู่กัน แทนขวัญรีบพาปู่จารึกมาดูพฤติกรรมเกย์ของเขม แต่กลับพบสาวๆ กำลังโต้เถียงกันเพราะแย่งที่จะคุยกับเขม ปู่จารึกยิ้มที่ข้อมูลของแทนขวัญผิดพลาด ลาบู่มาปรึกษาเรื่องการส่งออกตุ๊กตาผ้าที่กรมส่งเสริมการส่งออก และพลายมาเป็นที่ปรึกษาให้ ปลาบู่ปิ๊งพลายทันที และรีบโทรนัดเจอกับพลายในวันถัดมา พลายเริ่มหวั่นๆ ในความใจกล้าของเธอ ปลาบู่รู้ว่าพลายดูดวงแม่นมากเลยอ้อนวอนให้ดูดวงให้ด้วย พลายยิ่งคิดมากเมื่อกลับคอนโดแล้วรู้ว่าปลาบู่อยู่ห้องตรงข้าม เขารีบเช็คดวงของปลาบู่แล้วก็ได้รู้ว่าเธอเป็นคู่แท้ของเขา ปู่จารึกพาแทนขวัญมาให้พลายดูดวงชะตาให้ พลายทำนายว่าแทนขวัญจะต้องแต่งงานภายใน 3 เดือน ติดตามต่อได้ใน เจ้าบ่าวก้นครัว

แผ่นดินหัวใจ 2548

แผ่นดินหัวใจ (2548/2005) โมฬี เป็นสาวชาวกรุงซึ่งเลือกที่มารับราชการที่อำเภอบางส้มเปรี้ยวในตำแหน่ง พัฒนากร ต่อมาเมื่อเธอได้สร้างความคุ้นเคยกับชาวบ้านมากขึ้น ก็รู้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ทางจังหวัดมักจะส่งปุ๋ยมาช้า ทำให้ต้องไปซื้อจากร้านเถ้าแก่ฮงในจังหวัดซึ่งมีอยู่ร้านเดียวและแพงมาก หลังจากนั้นโมฬีก็ร่วมงานกับ กำนันไก่โต้ง หรือ ศรา กำนันของอำเภอบางส้มเปรี้ยว โมฬีและศรามักจะมีปากเสียงกันอยู่เสมอๆ เพราะศราไม่แน่ใจในความสามารถของโมฬี งานแรกที่ทั้งคู่ต้องทำร่วม กันคือเข้าไปเก็บข้อมูลจากแรงงานคืนถิ่น โมฬีให้คำแนะนำเรื่องการปลูกพืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นการเสริมรายได้อีกทาง หนึ่ง จากการปรึกษาเรื่องแรงงานคืนถิ่นทำให้ทั้งสองรู้ว่ามีทัศนคติในการดำเนินการ เรื่องนี้ โดยยึดหลักเศรษฐกิจแบบพอเพียงของในหลวงเหมือนกัน ท่ามกลางความราบรื่นในเรื่องการปรึกษางาน ศราก็อดไม่ได้ที่จะยั่วเย้าให้เกิดการต่อปากต่อคำ และแล้วเมล็ดดอกรักที่เริ่มฝังตัวในหัวใจ รอวันผลิบานโดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัว และเรื่องเร่งด่วนที่ทั้งสองคนจะ ต้องรีบทำก่อนคือเรื่องปุ๋ยที่ขาดแคลน ศราสงสัย กำนันเลิศฤทธิ์ ที่แนะนำชาวบ้านให้ซื้อปุ๋ยแพงจากร้านเถ้าแก่ฮงแต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้ โมฬีไปตามเรื่องปุ๋ยกับ สืบศักดิ์ เกษตรจังหวัดที่ถูกระบบอิทธิพลกลืนกิน แต่ด้วยความอ่อนหวานและนอบน้อมของโมฬีทำให้สืบศักดิ์รับปากว่าจะเร่งเรื่อง ปุ๋ยให้ ในที่สุดโมฬีก็สามารถทำให้บางส้มเปรี้ยวได้รับปุ๋ยมาใช้ เรื่องที่บางส้มเปรี้ยวได้ปุ๋ยไปใช้ทำให้ ส.ส.พล ผู้มีอิทธิพลใหญ่โกรธมาก เพราะที่ผ่านมาเขาใช้อิทธิพลหน่วงเหนี่ยวการสั่งจ่ายปุ๋ยให้ล่าช้า เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ส.ส.พลเรียกกำนันเลิศฤทธิ์ลูกน้องคนสนิทมา สั่งการ หลังจากนั้นกำนันเลิศฤทธิ์ก็ไปข่มขู่สืบศักดิ์ไม่ให้ขัดขวางการทำงานของระบบ อิทธิพล และรายต่อไปที่เลิศฤทธิ์ต้องจัดการคือศราแต่คนที่รับเคราะห์แทนก็คือโมฬี แต่เธอไม่เป็นอะไรเพราะคนร้ายเพียงแค่ยิงขู่เท่านั้น เรื่องนี้โมฬีไม่กล้าบอกใคร เธอแน่ใจว่าคนที่คนร้ายต้องการขู่นั้นน่าจะเป็นศรามากกว่า เพราะเป็นเจ้าของรถที่เธอขับไป โมฬีสับสนและกลัวจึงกลับบ้านที่กรุงเทพ แต่ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจกลับไปทำงานต่อที่บางส้มเปรี้ยว และเพื่อไปเตือนศราที่กำลังมีคนคิดปองร้าย เมื่อศรารู้ความจริงจาก โมฬีก็ตกใจมาก เขาแสดงความรู้สึกของหัวใจอกมาเป็นคำพูดห่วงใย เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งโครงการต่างๆที่โมฬีร่วมคิดร่วมทำกับศราก็ สำเร็จเป็นรูปร่างขึ้นทำให้ชาวบ้านที่ตกงานมีรายได้พอเลี้ยงตัว พร้อมกับความสัมพันธ์ของโมฬีกับศราก็แนบแน่น ศรารู้ตัวว่ารักโมฬีแต่ไม่กล้าบอกเธอ ส่วนโมฬีเองก็มีความรู้สึกที่ดีตอบเช่นกัน และเมื่อโมฬีมีปัญหาเรื่องการหาตลาดสมุนไพรไม่ได้เพราะขาดประสบการณ์ ศราแสดงให้โมฬีรู้ว่าเธอจะไม่ต้องเดียวดายเพียงลำพัง เขาพร้อมที่จะโอบอุ้มและฝ่าฟันไปด้วยกันกับเธอ โดยได้รับความช่วย เหลือจาก หลวงตาบูลย์ ผู้ที่ชาวบ้านให้ความนับถือ ทำให้ปัญหาทุกอย่างลุล่วงไปด้วยดี ส.ส.พลวางแผนเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากความสำเร็จของโครงการปลูกพืชผักไว้ เสริมอาชีพของศราและโมฬี โดยแทรกอิทธิพลเข้ามาเพื่อผลประโยชน์ที่จะได้รับอย่างมหาศาล โดยจัดส่งเมล็ดพันธุ์ผักมาให้ทดลองปลูกฟรี แต่ส่งมาเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้นและราคาที่ระบุไว้ก็แพงมาก ศราและโมฬีตัดสินใจให้ลูกบ้านเข้าร้องเรียนรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรโดยผ่านทาง อินเตอร์เน็ต โมฬีกลับบ้านที่กรุงเทพ และขอให้ วิริยา นักข่าวสาวเพื่อนสนิทให้ช่วยทำข่าวความไม่ชอบมาพากลของเมล็ดพันธุ์ผักและ ปุ๋ยราคาแพงที่แพร่ระบาดไปทั่วท้องถิ่น ดร.อนล ติดต่อกับศราว่าท่านรัฐมนตรีได้รับอีเมล์ของชาวบ้านแล้วและไฟเขียวให้ลุยสืบ ข้อเท็จจริงได้ แต่เป็นข่าวร้ายของส.ส.พล ดังนั้นเขาจึงสั่งกำนันเลิศฤทธิ์ให้ไปทำลายหลักฐานที่มีอยู่กับสืบศักดิ์ให้ หมดสิ้น โมฬีไปสืบหาหลักฐานจากสืบศักดิ์และได้พบเอกสารหลักฐานชิ้นหนึ่งโดยบังเอิญ แต่ไม่สามารถนำออกมาได้ ส.ส.พลและคณะมาเยี่ยมชมที่อำเภอบางส้ม เปรี้ยวมีนักข่าวติดตามมาทำข่าวเป็นกลุ่มใหญ่รวมทั้งวิริยาด้วย โมฬีบังเอิญได้ยินกำนันเลิศฤทธิ์ข่มขู่สืบศักดิ์เรื่องให้ทำลายหลักฐาน ทำให้โมฬีฉุกคิดถึงเอกสารที่เห็นในห้องทำงานของสืบศักดิ์ เธอตัดสินใจที่จะไปเอาเอกสารนี้มาให้ได้ เมื่อถึงห้องทำงานของสืบศักดิ์โมฬีก็ลงมือค้นจนเจอเอกสารแล้วรีบโทรหาวิริยา ซึ่งอยู่ที่งาน ขณะกำลังจะกลับโมฬีก็เจอสืบศักดิ์ยืนอยู่ที่หน้าประตู เขาขอร้องไม่ให้โมฬียุ่งกับเรื่องนี้พร้อมกับขอเอกสารคืน เมื่อโมฬีไม่ยอมจึงเกิดการยื้อแย่งขึ้น โมฬีตีศีรษะชายหนุ่มด้วย เซรามิค เมื่อได้หลักฐานมาแล้ววิริยาก็ทำการออกอากาศสดเปิดโปงหลักฐานการฉ้อฉลของ ขบวนการนี้ทั้งหมด โมฬีหนีศรากลับกรุงเทพเพราะความเข้าใจผิด ศราวางแผนไปสู่ขอโมฬีถึงที่บ้านโดยไม่ให้รู้ตัว พร้อมกับโทรไปขอความร่วมมือจากพ่อ-แม่ของโมฬีด้วย วันงานมาถึงโมฬีแปลกใจที่เห็นชาวบ้านกลุ่มใหญ่และขบวนกลองยาวแห่ขันหมาก ศราปรับความเข้าใจกับโมฬีพร้อมทั้งสารภาพว่ารักเธอตั้งแต่แรกพบเลยทีเดียว