อุบัติร้ายอุบัติรัก 2564

อุบัติร้ายอุบัติรัก (2564/2021) อุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีเมื่อหลายปีก่อน ทำให้ชื่อของ พลอยพิมล กลายเป็นศัตรูตัวร้ายของตระกูลเตชพิพัฒน์ นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ความเคียดแค้นชิงชังในตัวหญิงสาวในฐานะคนร้ายที่ขับรถชน กาลรุจิ พี่สาวคนเดียวของ ทิศผาติ ลูกชายของบ้านเตชพิพัฒน์ จนพิการเป็นแรงเกลียดชังทำลายล้าง ทำให้พลอยพิมลต้องหายสาบสูญอย่างไร้ร่องรอย ทิศผาติกลับมาเพื่อสืบหาคนที่ทำร้ายพี่สาว และเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารบริษัทเครื่องสำอางบุญศรี แต่ยังไม่ทันจะได้ทำตามความตั้งใจแรก เขากลับตกหลุมรัก จิตสกาว เลขาฯสาวที่มีบุคลิกแปลกๆ ต่างจากผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยพบมา เพราะเธอมีท่าทางหวาดกลัวและคอยแต่จะหลบหน้าเขา ผิดกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่คอยแต่จะวิ่งเข้าหาเขา เพลย์บอยหนุ่มก็เลยแพ้ทางเป็นฝ่ายตามจีบเลขาฯตัวเอง หลังจากกาลรุจิประสบอุบัติเหตุก็เก็บตัวเงียบอยู่แต่กับบ้าน ก่อนหน้าที่จะพิการ กาลรุจิเคยถูกจับตามองว่าจะเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่จะประสบความสำเร็จ และยังเคยหมั้นหมายกับ นิติ ปรีชายุทธา ลูกชายของเจ้าสัวรถทัวร์สายเหนือ แต่หลังจากที่เธอประสบอุบัติเหตุจนพิการ ทั้งงานทั้งคู่หมั้นก็หายไปทั้งหมด กาลรุจิจึงตัดสินใจจะลุกขึ้นสู้อีกครั้งด้วยการรับเป็นผู้สนับสนุนโครงการเพื่อสังคมของชมรมขับขี่ปลอดภัย ธุรกิจเครื่องสำอางจึงตกเป็นของทิศผาติ ซึ่งได้ ธเรศ พี่ชายนอกไส้ของทิศผาติที่สนิทที่สุด มาคอยช่วยดูแลงานด้านบริหารเป็นอย่างดี ความสัมพันธ์ของเจ้านายกับเลขาฯพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จนถึงขนาดวางแผนชีวิตร่วมกัน ทว่าสิ่งที่เก็บซ่อนมาตลอดกลับมาเปิดเผยในวันที่ทุกอย่างกำลังจะลงตัวทั้งงานและความรัก เมื่อกาลรุจิได้เจอกับพลอยพิมลอีกครั้งในงานเปิดตัวโครงการของชมรมขับขี่ปลอดภัยที่กาลรุจิเป็นประธาน เหมือนทุกอย่างพร้อมใจกันพังทลาย เพราะพลอยพิมลหญิงสาวที่ทิศผาติตามหามาตลอด ก็คือจิตสกาวคนใกล้ตัวและใกล้ใจของทิศผาตินั่นเอง อุบัติรักที่เกิดขึ้นอย่างสวยงาม กลายเป็นอุบัติร้ายในชั่วพริบตา ทิศผาติ กับ จิตสกาว จะยังจับมือกันไว้ได้หรือไม่ หรือใครคนใดคนนึงจะชิงปล่อยมือและผลักไสอีกคนออกจากชีวิต

มายาเสน่หา 2564

มายาเสน่หา (2564/2021) ชาครีย์กับมนสิชา คู่สามีภรรยาที่แต่งงานกันมาได้ 7 ปี เป็นการแต่งงานกันตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะความรักที่หวือหวา แต่ทั้งคู่ไม่มีลูกด้วยกัน นิสัยก็ต่างกัน มนสิชาค่อนข้างเป็นคนละเอียดอ่อน ช่างจัดแจง มีพิธีรีตอง ใส่ใจกับทุกเรื่อง ในขณะที่ชาครีย์ไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยและไม่เก็บเรื่องจุกจิกมาใส่ใจ ไลฟ์สไตล์ต่างกัน เมื่อเวลาผ่านไป แค่ความรักมันไม่พอ ในที่สุดจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของชีวิตคู่ก็มาถึง เมื่อ มะลิ แม่ครัวใหญ่ของบ้านชาครีย์พาหลานสาวชื่อสวรสมาอยู่ด้วย สวรสเป็นหญิงสาวที่หน้าตาสะสวยยิ้มแย้มแจ่มใส ช่างพูดช่างคุย สวรสตกหลุมรักชาครีย์ตั้งแต่แรกเห็น ระเบิดสำคัญอีกลูกคือความขัดแย้งของสองแม่ ระหว่างเมทินีแม่ของมนสิชา กับ จินตนาแม่ของชาครีย์ ทั้งคู่ต่างก็อยากจะให้ลูกของตัวเองหย่าขาดจากกัน กลายเป็นความขัดแย้งของสองครอบครัว ที่มนสิชากับชาครีย์พยายามกระชับความสัมพันธ์นี้ไว้ ชีวิตคู่ของทั้งสองรายล้อมไปด้วยปัญหาและอุปสรรครอบด้าน ทั้งสองแม่ที่หายใจเข้าออกเป็นใบหย่า ไหนจะสวรสสาวใช้สายมโนที่พร้อมจะเสียบตลอดเวลา ยังจะมีภควัตเพื่อนของมนสิชาที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเป็นมากกว่าเพื่อน และปัญหาภายในบริษัทของชาครีย์เองที่บั่นทอนสุขภาพจิต กลายเป็นความเครียด ทุกอย่างเข้ามาในเวลาเดียวกัน เพราะความกลัดกลุ้มกับปัญหาชาครีย์จึงนัดเพื่อนสนิทไปดื่มเพื่อระบายความเครียด แต่เพราะเหล้ากลับทำให้ชีวิตของเขาต้องพังทลาย เมื่อเค้าตื่นขึ้นมาในสภาพเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงกับสวรส และช็อกยิ่งกว่าที่รู้ว่ามนสิชามาเห็นตนกับสวรสในสภาพนี้ไปแล้ว มนสิชาขอนัดหย่ากับเขาทันที!! ขณะที่ชาครีย์กำลังขับรถไปที่เขตด้วยความกลัดกลุ้มนั้น เขาไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีจักรยานยนต์คันหนึ่งขับมาประกบด้านข้างแล้วชักปืนยิงใส่ เปรี้ยง!! ชาครีย์ตื่นขึ้นมาอีกครั้งใน รพ. แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือการที่เขาเห็นว่าร่างของตัวเองกำลังนอนให้น้ำเกลือระโยงระยางอยู่บนเตียงในห้องพักโดยที่ตัวเองเป็นเพียงวิญญาณที่ยืนอยู่ข้างเตียง เขาไม่สามารถพูดจาสื่อสารกับใครได้เลย ไม่มีใครมองเห็นเขาแม้แต่คนเดียว ณ นาทีนี้คือชาครีย์ยังไม่ตาย แต่วิญญาณเขายังไม่สามารถหาทางกลับเข้าร่างได้นั่นเอง มนสิชาแทบช็อกเมื่อรู้ข่าว ทุกคนต่างรอคอยปาฏิหาริย์ เพื่อจะทำให้ชาครีย์ฟื้นกลับมาอีกครั้ง ทุกวันชาครีย์ได้แต่คุยกับวิญญาณที่อยู่ในสถานพักฟื้นที่ร่างเขาพักรักษาตัวอยู่ ซึ่งคอยช่วยเหลือเขา การได้คลุกคลีกับวิญญาณเหล่านั้นก็ได้สอนบทเรียนและให้มุมมองความคิดเรื่องชีวิตคู่กับชาครีย์อย่างประเมินค่าไม่ได้ และการที่เขากลายเป็นวิญญาณอย่างนี้ทำให้เขารู้ธาตุแท้ของใครหลายคนที่เขาคาดไม่ถึง อีกทั้งยังเข้าใจในตัวมนสิชาดีขึ้น ได้เห็นภรรยาในมุมที่เขาไม่รู้มาก่อน ชาครีย์ได้แต่เสียใจที่เขามองภรรยาผิดไป ขณะเดียวกันสวรสก็เข้ามาแสดงตัวว่าเป็นเมียอีกคนของชาครีย์อย่างเปิดเผย และประกาศว่าเธอท้องกับชาครีย์ ระหว่างที่ชาครีย์นอนเป็นผัก เมธัสกับตุลยาและเบญจมาศเพื่อนของชาครีย์ ก็พยายามติดต่อสื่อสารกับวิญญาณของชาครีย์จนได้ ส่วนภากรและเอกทัตที่เป็นทั้งเพื่อนและลูกน้องในบริษัทของชาครีย์ก็ยังคงขับเคี่ยวกันเพื่อหาต้นเหตุของคนที่บ่อนทำลายชาครีย์ลับหลัง ซึ่งคนที่น่าสงสัยที่สุดก็คือ ภควัต ทุกคนต่างมีผลประโยชน์จากการตายของชาครีย์ทั้งนั้น แต่ต่างกันที่เป้าหมาย บางคนอยากให้เขาฟื้น แต่ก็มีไม่น้อยที่อยากให้เขาตายไปจริงๆ สุดท้ายเพราะความรักอันบริสุทธิ์ สามารถนำทางวิญญาณของชาครีย์กลับเข้าร่างสำเร็จ แต่...การกลับมามีชีวิตของเขาอาจจะต้องแลกกับการที่จะสูญเสียเธอไปหรือไม่ เพราะคนบงการที่แท้จริงยังลอยนวล

Help Me คุณผีช่วยด้วย 2564

Help Me คุณผีช่วยด้วย (2564/2021) Help me คุณผีช่วยด้วย มุทิตา สาวสวยรวยเสน่ห์ ที่ใคร ๆ ก็ต้องอิจฉา เพราะมีคู่หมั้นที่ทั้งหล่อ ทั้งรวย สุดแสนเพอร์เฟกต์อย่าง เขตขันธ์ ทั้งคู่กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ที่สวยหรู โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ชีวิตกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อมุทิตาได้มาเจอกับ อานนท์ วิญญาณผีหนุ่มขี้หึง ที่ตายก่อนกำหนด และดันตกกระไดพลอยโจน มาเป็นบัดดี้กับมุทิตา ความซวยกลับกลายเป็นดี เพราะอานนท์มีภารกิจต้องมาช่วยเหลือทั้งคนและวิญญาณมากมาย นอกจากนี้อานนท์ยังมาเป็นที่ปรึกษาความรักให้มุทิตากับเขตขันธ์ และดูแลปกป้องเธออีกด้วย ความวุ่นวายของคนกับผีจึงบังเกิดเป็น “Help Me คุณผีช่วยด้วย”

เล่ห์บรรพกาล 2563

เล่ห์บรรพกาล (2563/2020) เกิดเหตุการณ์ตึกถล่มติดๆ กันหลายครั้งไล่ตั้งแต่จันทบุรีมาถึงกรุงเทพ แต่ละครั้งก็จะพบอักขระประหลาดเขียนไว้ที่เสาอาคารก่อนจะเกิดเหตุการณ์ไม่กี่วัน เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนหวาดกลัวว่าจะเป็นเรื่องของอาถรรพ์หรือไม่ เพราะที่ดินที่สร้างตึกเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่เป็นที่ดินเก่าของ ขุนอุทัยโยธิน ขุนนางหนุ่มในสมัยรัชกาลที่ 5 ด้วยกันทั้งสิ้น นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้ก็ยังมีผู้พบเอกสารโบราณของขุนอุทัยโยธินที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งมีอักขระแบบเดียวกับที่ปรากฏบนเสาอาคารที่ถล่มทุกแห่งด้วย จึงยิ่งทำให้ข่าวเรื่องอาถรรพ์ของขุนอุทัยโยธินแพร่สะพัด สร้างความหวาดกลัวให้ผู้คนมากยิ่งขึ้น เพลิงฟ้า นักข่าวของสถานีช่อง 6 สังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นและตัดสินใจสืบเรื่องราวของอักขระปริศนานั้นต่อ และพบว่ามันเกี่ยวข้องกับ ศาสตราจารย์อดุล จุลโภค ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ และยังเป็นอดีตคณะกรรมการที่ปรึกษาของคณะรัฐบาล แต่ปัจจุบันศาสตราจารย์อดุลได้ออกมาจากคณะกรรมการดังกล่าวแล้วด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ ศาสตราจารย์อดุลมีภรรยาที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเพลิงฟ้า ชื่อว่า ปักบุญ และมีหลานสาวหนึ่งคน ชื่อว่า ตัวไหน – สิตางศุ์ ปักบุญ หรือในอดีตก็คือเด็กหญิงที่เคยเป็นข่าวว่าระลึกชาติได้ เคยเป็นเด็กในการอุปการะของ นายพลคิด อิทธิวงศ์ อดีตนายทหาร นายพลคิดมีบุตรชายคนหนึ่ง คือ คราส อิทธิวงศ์ ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ช่วยของรองนายกรัฐมนตรี ปรีดา หัวหน้าคณะที่ปรึกษาของคณะรัฐบาล นายพลคิดกับศาสตราจารย์อดุล หมายมั่นปั้นมือให้คราสกับสิตางศุ์แต่งงานกัน นายพลคิดให้เหตุผลว่าปักบุญมองเห็นว่าสิตางศุ์กับคราสเป็นเนื้อคู่กันมาก่อน เพลิงฟ้ากับสิตางศุ์มีโอกาสได้เจอกันโดยบังเอิญ เมื่อเพลิงฟ้าได้สัมผัสตัวสิตางศุ์ ความสามารถในการระลึกชาติของเพลิงฟ้าที่สะกดไว้ ก็ค่อยๆตื่นขึ้นมาทีละน้อย เริ่มเกิดคดีฆาตกรรมลึกลับขึ้นกับคนรอบตัวของเพลิงฟ้า และเมื่อเพลิงฟ้าแตะที่ตัวเหยื่อ ก็เริ่มเห็นบางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการตาย เช่น สีที่บ่งบอกจิตใจของฆาตกร สถานที่ อาวุธ ฯลฯ และตัวอักขระลึกลับเหมือนกับที่ปรากฏในที่เกิดเหตุระเบิด เพลิงฟ้ามั่นใจว่าการตายของคนเหล่านี้ เกี่ยวข้องกับเหตุวินาศกรรมในที่ดินของขุนอุทัยแน่ จึงไปขอความช่วยเหลือจากสิตางศุ์ ยิ่งสืบทั้งคู่ก็ยิ่งรู้สึกได้ว่ามีบุคคลบางกลุ่มอยู่เบื้องหลัง คดีฆาตกรรมทั้งหมด เป็นไปเพื่อจุดประสงค์บางอย่างซึ่งอันตรายขึ้นเรื่อยๆ และนอกจากนั้น ทั้งคู่ยังได้รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายคือเพื่อนในวัยเด็กของตนนั่นเอง เพลิงฟ้าเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวในอดีตทั้งหมด และได้เห็นเทวรูป”กาลเทพ”ที่มีพลังอำนาจสามารถเห็นอนาคตได้ และผู้ที่ควบคุมอนาคตได้ ก็เท่ากับได้พลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมาไว้ในมือ ในอดีตขุนอุทัย ได้รู้ถึงพลังอำนาจของเทวรูปกาลเทพ จึงกลัวว่าจะมีคนเอาเทวรูปไปใช้ในทางที่ผิด จึงทำพิธีสะกดเทวรูปไว้กับวิญญาณคน 9 คน ซึ่งถ้าคนทั้งเก้าไม่ได้เกิดมาในชาติเดียวกัน และถูกฆ่าพร้อมกันในชาตินั้น ก็จะไม่มีทางคลายมนต์สะกดได้ แต่ในชาตินี้คนทั้ง 9 ได้กลับมาเกิดพร้อมกันอีกครั้ง จึงเป็นที่มาของคดีฆาตกรรมประหลาดที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งตนกับสิตางศุ์จะต้องหยุดยั้งให้ได้ เทวรูปกาลเทพได้กลืนกินชีวิตผู้คนมาหลายร้อยปี เพราะทุกคนต่างก็หวังจะได้เป็นผู้ครอบครอง แต่ก็ไม่มีใครได้สมใจ “อดีตชาติ”เกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง เกิดด้วยฝีมือใคร ส่งผลร้ายถึงปัจจุบันอย่างไร ใครกันบ้างต้องรับโทษ แล้วใครจะหยุดยั้งเหตุร้ายเหล่านี้ได้ มาติดตามกันได้ใน “เล่ห์บรรพกาล”

ลับลวงใจ 2562

ลับลวงใจ (2562/2019) โจ้ หนุ่มหล่อโปรไฟล์เริ่ด ผู้มีSex appealสูงเป็นตำนาน “รักแรก”ของผู้หญิงนับไม่ถ้วน ต่อ CEO หนุ่มหล่อ เข้ม เก่ง เป๊ะ เนี้ยบ ปากร้ายที่หัวใจบาดเจ็บหนักจาก”รักแรก”จนปิดตายเรื่องชีวิตคู่ หันมาโดดเด่นเรื่องงานสุดขั้ว ไลฟ์สไตล์ของผู้ชาย2คนนี้แทบไม่มีโอกาสได้พบเจอกันเลยแต่เพราะ “ความรัก” ทำให้ทั้งคู่ต้องกลายเป็นคู่อาฆาตกันอย่างดุเดือด เมื่อ วี “รักแรก”ของต่อดันไปหลงติดกับดักความเจ้าชู้ของโจ้ จนทิ้งต่อไปหาโจ้ในวันแต่งงานของทั้งคู่ แต่สุดท้ายวีก็ต้องเป็นฝ่ายโดนโจ้ทิ้งไปเช่นกัน ต่อฝังใจกับโจ้และความรักของตนเองจนกลายเป็นความแค้น โจ้ยังคงหว่านความหวังเรี่ยราดให้กับผู้หญิงคนแล้วคนเล่า จนมาเจอ หมอดี คุณหมอที่อ่อนโยน จริงใจ โจ้คือ “รักแรก”ของหมอดี ทุกอย่างเหมือนจะลงเอยอย่างลงตัว หากโจ้ไม่เจอกับ กิ๊ฟ เพื่อนรักของหมอดี กิ๊ฟคือทายาทตระกูลวงศ์ว่านเครือ บริษัทโฮลดิ้ง คัมปะนี ยักษ์ใหญ่ที่มีกิจการมากมาย กิ๊ฟเป็น1ใน3สาวโสดผู้บริหารของวงศ์ว่านเครือ อีก2คนคือ ตุ้ม น้องสาวผู้อ่อนต่อโลกที่ต่อทั้งรักทั้งหวง และ นิ้ง สวย เก่ง เซ๊กซี่ ถูกเสป็คโจ้มาก ทั้ง3สาวเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆทั้งประเทศเพื่อหวังจะตกถังข้าวสาร ต่อ นอกจากเป็นไม้เบื่อไม้เมากับโจ้แล้ว เค้ายังคอยระรานผู้หญิงทุกคนที่โจ้คบ โดยเฉพาะหมอดี ต่อปรามาสหมอดีที่ไม่เลือกคบคนทำให้ทั้งคู่มักจะปะทะคารมกันอยู่เรื่อยๆ โจ้เริ่มหาเป้าหมายใหม่ที่สูงกว่าหมอดี คือกิ๊ฟเพื่อหวังพลิกชีวิตเป็นเศรษฐีในพริบตา ขณะที่หยอดเสน่ห์ใส่กิ๊ฟ โจ้ก็ยังเก็บแต้มกับตุ้มอีกคนโดยหวังเป็นตัวสำรองหากพลาดจากกิ๊ฟ เมื่อมีโอกาสก็หันมาหานิ้งอีกทางเลือกแต่นิ้งไม่เล่นด้วย ในที่สุดโจ้ก็ทำสำเร็จเค้าทิ้งหมอดีผู้หญิงที่ตัวเองรักที่สุด มาแต่งงานกับกิ๊ฟ สร้างแผลเป็นที่เป็น”รักแรก”ให้กับหมอดี ต่อเข้ามาเสียบในจังหวะและเวลาที่ถูกต้อง ในสถานการณ์ครอบครัวที่เน่าในของโจ้และความโลภทำให้โจ้เลือกกิ๊ฟและทิ้งหมอดี แต่เมื่อเห็นต่อไปคบหมอดี โจ้ก็เริ่มหวงก้างพยายามขอคืนดีกับหมอดี แต่หมอดีไม่หลงกลแถมยังคบต่ออย่างเปิดเผย ทำให้โจ้แค้นแทบคลั่งและเอาความแค้นครั้งนี้ไปลงกับตุ้ม. ความรักของต่อกับหมอดีจะต้องเจอกับความแค้นและการช่วงชิงจากโจ้ในรูปแบบไหนบ้าง? โจ้จะจัดการกับโลกหลายใบของตัวเองอย่างไร? สุดท้ายใครจะต้องเป็นคนรับผิดชอบกับ“ความลับลวงใจ”ครั้งนี้บ้าง? มาติดตามเอาใจช่วยและสะใจกับผลกรรมจากความรักของพวกเค้าเหล่านี้ได้ใน " ลับลวงใจ "

ดั่งพรหมลิขิตรัก 2561

ดั่งพรหมลิขิตรัก (2561/2018) รสิกา (โรส) ครีเอทีฟโฆษณาสาวสวยบุคลิกทันสมัย มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก แต่กลับคลั่งไคล้การอ่านนิยายและดูหนังประเภทย้อนอดีต ข้ามภพข้ามชาติเป็นชีวิตจิตใจ ในห้องนอนของรสิกาจึงมีแผ่นหนังและหนังสือพวกนี้สะสมไว้เป็นจำนวนมาก วันหนึ่งรสิกาไปซื้อหนังสือนิยายพีเรียดสมัยรัชกาลที่ 6 ตอนปลาย (พ.ศ. 2466-2474) มาจากร้านหนังสือลึกลับในตลาดนัดสวนจตุจักร เรื่อง “ดั่งพรหมลิขิตรัก” เป็นหนังสือเก่า ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ 25 ปีที่แล้ว สภาพหนังสือก็เก่าแก่ไปตามกาลเวลา ตัวหนังสือชื่อเรื่องที่หน้าปกเลือนรางไปเล็กน้อย กระดาษเนื้อในก็เป็นสีเหลืองเก่าๆ แต่รสิกาก็ซื้อมาเพราะอ่านแล้วรู้สึกเหมือนใครบางคนเขียนถึงตน รสิกาหยิบหนังสือนิยายเล่มนั้นขึ้นมาอ่าน ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนบรรยากาศรอบตัวมีภาพของบ้านเมืองในยุคเดียวกับในหนังสือซ้อนทับขึ้นมาแบบรางๆ จนอินกับเนื้อเรื่องในนิยายมากถึงขั้นบอกกับบัวและอำพล ผู้เป็นพ่อและแม่ว่า เนื้อเรื่องในนิยายจะต้องเป็นอดีตชาติของตนกับหม่อมเจ้าดนัยเทพรังสรรค์ พรหมกุล (ท่านชายก้อง) ผู้เป็นพระเอกในนิยายแน่ๆ แต่ยิ่งอ่าน รสิกาก็ยิ่งทนไม่ได้เพราะการะเกด นางเอกในนิยายที่รสิกาปักใจเชื่อว่าเป็นอดีตชาติของตนนั้นถูกบุษริน ผู้เป็นแม่เลี้ยง และบุษยาลูกติดสามีเก่าของบุษรินกดขี่ห่มเหงและเอารัดเอาเปรียบทุกทาง การะเกดเป็นคนเรียบร้อยมาก หัวอ่อน ไม่สู้คน และทั้งที่เป็นลูกสาวเจ้าพระยาแต่กลับชอบหมกตัวทำกับข้าว ทำขนมอยู่แต่ในครัว ไม่ยอมออกไปไหนนอกจากไปวัด รสิกาอ่านแล้วก็คิดว่าจะต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นการะเกดจะไม่มีวันได้เจอกับท่านชายก้องแน่นอน และตนก็จะไม่ได้พบท่านชายในฝันที่กำลังปลื้มอยู่ด้วยนั่นเอง รสิกาพยายามเลียนแบบวิธีเดินทางย้อนอดีตแบบหนังเรื่องต่างๆ แต่งตัวให้เหมือนสมัยรัชกาลที่ 6 ตอนปลาย หาสิ่งของเครื่องใช้สมัยนั้นมาตกแต่งห้อง และพยายามสะกดจิตตัวเองว่าตนคือการะเกด แต่ก็ยังไม่สามารถเดินทางย้อนเวลากลับไปได้ มีนและโอม เพื่อนสนิทของรสิกาที่ทำงานอยู่บริษัทเดียวกันรู้เรื่องเข้าก็หาว่ารสิกาบ้า ที่มโนตามนิยายเป็นตุเป็นตะขนาดนี้ ทั้งคู่พยายามพูดให้รสิกาเลิกคิดเพ้อเจ้อ แต่รสิกาก็ยืนยันหนักแน่นว่าตนไม่ได้คิดไปเอง และจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเนื้อเรื่องในนิยายนั้นเป็นเรื่องของตนกับท่านชายก้องจริงๆ เมื่อวิธีการเดินทางย้อนเวลาแบบหนังเรื่อง Somewhere in time, Back to the future และอีกหลายเรื่องที่รสิกางัดมาใช้ไม่ได้ผล รสิกาจึงไปหาซื้อกระจกแบบในนิยายเรื่องทวิภพมาตั้งไว้ในห้องนอน แล้วนั่งจ้องนอนจ้องทั้งวันทั้งคืน แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของท่านชายก้องในกระจกบานนั้น แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ขณะที่รสิกาอ่านนิยายอยู่นั้นบรรยากาศรอบตัวของรสิกาก็เปลี่ยนจากยุคปัจจุบัน กลายเป็นสมัยรัชกาลที่ 6 รสิกาประหลาดใจมาก แต่ก็ดีใจด้วยที่ตนสามารถเดินทางย้อนเวลามาหาท่านชายก้องได้แล้วจริงๆ รสิกาตามการะเกดมาที่วังทินวงศ์ และบังเอิญรวมร่างเข้ากับการะเกด ที่วังทินวงศ์กำลังมีงานเลี้ยงวันเกิดของ ม.ร.ว. วิไลเลขา ทินวงศ์ (หญิงแต้ว) ขณะที่หม่อมพรรณรายกำลังจะประกาศหมั้นระหว่างหญิงแต้วกับท่านชายก้อง รสิกาก็โผล่มากลางงานคัดค้าน ทำให้แขกเหรื่อในงานแตกตื่น หม่อมเจ้ารวีโชติ พ่อของหญิงแต้วให้คนรับใช้ช่วยกันไล่จับรสิกาโยนออกไปนอกงาน รสิกาวิ่งหนีไปชนกับท่านชายก้องที่มาร่วมงานด้วย ท่านชายก้องเห็นหน้ารสิกาก็จำได้ เพราะรสิกาเคยช่วยท่านชายก้องไว้ไม่ให้ถูกรถชนโดยบังเอิญ ด้วยเหตุนี้ท่านชายก้องจึงช่วยให้รสิกาหนีออกจากงานเลี้ยงไปได้แบบหวุดหวิด โดยที่ทั้งคู่ยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกันเลย หลังจากช่วยใหรสิกาหนีออกจากงานเลี้ยงไปได้แล้ว จิตใจของท่านชายก้องก็พะวงอยู่แต่กับรสิกา อยากรู้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน สร้างความน้อยใจให้หญิงแต้วมาก จน พีระ ผู้ติดตามและควบตำแหน่งเพื่อนสนิทของท่านชายก้องต้องออกปากเตือนท่านชายก้องให้ใส่ใจความรู้สึกของหญิงแต้วบ้าง เพราะถึงแม้ท่านชายก้องจะไม่ได้รักหญิงแต้ว แต่ก็ตกปากรับคำกับผู้ใหญ่ไปแล้วว่าจะยอมหมั้นหมายด้วย จึงควรถนอมน้ำใจหญิงแต้วบ้าง เพราะหญิงแต้วรักท่านชายก้องมากจริงๆ ในขณะเดียวกัน ชวาลา (ต้น) ผู้เป็นญาติสนิทของท่านชายก้องก็ดูออกว่าพีระแอบรักหญิงแต้วมานานโดยที่ท่านชายก้องไม่รู้เรื่อง แต่เพราะความเจียมตัวว่าเป็นเพียงลูกมหาดเล็กในวังที่ได้รับการชุบเลี้ยงอย่างดี ได้เรียนหนังสือเท่าเทียมกับท่านชายก้องทุกอย่างเพื่อจะได้ติดตามรับใช้ท่านชายก้องอย่างใกล้ชิด จึงทำให้พีระยอมเก็บงำความรู้สึกของตัวเองมาโดยตลอด ชวาลาเคยบอกให้พีระสารภาพกับท่านชายก้อง เพราะถ้าท่านชายก้องรู้ว่าพีระรักหญิงแต้ว ท่านชายก้องจะต้องสนับสนุนความรักของพีระกับหญิงแต้วแน่นอน แต่พีระไม่อยากสร้างความลำบากใจให้หญิงแต้ว จึงยอมเจ็บเสียเอง รสิกาได้เจอกับการะเกด และได้คุยกันเรื่องแหวนแก้วใสที่ได้มาจากตลาดโดยบังเอิญ แหวนวงนี้จะผูกพันระหว่างรสิกากับการะเกด เมื่อคนนึงใส่แหวนร่างของอีกคนจะกลายเป็นร่างใสทันที การะเกดให้รสิกาเป็นคนสวมแหวนเพื่อให้ตัวเองกลายเป็นร่างใส และมีเวลาเขียนนิยายที่ตัวเองชอบให้สำเร็จ รสิกายอมรับสมอ้างสวมรอยเป็นการะเกดเพราะอยากจะช่วยการะเกดเอาคืนบุษรินและบุษยาอยู่แล้ว จวงรู้สึกว่าการะเกดมีอาการเพี้ยนๆ พูดจาด้วยภาษาไม่คุ้นหู แถมยังจำเรื่องราวของตัวเองไม่ได้อีกด้วย แต่เธอก็ดีใจมากที่คุณหนูของตนเริ่มสู้คน ไม่ใช่คนหัวอ่อน เรียบร้อยที่ชอบเก็บตัวทำอาหารอยู่แต่ในครัวเหมือนเมื่อก่อนก็ยุให้การะเกดทวงเครื่องเพชรที่บุษรินยืมไปแล้วไม่ยอมคืนเอากลับมาให้ได้ รสิการับปากว่าจะจัดการให้ เพราะหมั่นไส้สองแม่ลูกตัวแสบตั้งแต่ตอนอ่านนิยายแล้ว รสิกาเริ่มปฏิบัติการเอาคืนบุษรินกับบุษยาแทนการะเกด โดยการทวงเครื่องเพชรคืนต่อหน้าเจ้าพระยารามณรงค์เดชและชรินทร์ผู้เป็นพี่ชายของการะเกด เจ้าพระยารามณรงค์เดชไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน พอรู้เข้าก็สั่งให้บุษรินคืนเครื่องเพชรให้การะเกด เพราะเครื่องเพชรชุดที่บุษรินยืมไปนั้นเป็นของนวลลออ แม่ของการะเกดที่เสียชีวิตไปแล้ว ก็ยิ่งสร้างความโกรธแค้นให้กับสองแม่ลูกมากขึ้นไปอีก บาดแผลในใจรุ่นพ่อแม่ที่เป็นความบาดหมางของบ้านการะเกดกับหญิงแต้ว สมัยที่พระยารามณรงค์กับท่านชายรวีโชติยังเป็นหนุ่มอยู่นั้นเคยหลงรักผู้หญิงคนเดียวกัน นั่นก็คือนวลลออซึ่งเป็นข้าหลวงคนสนิทของเสด็จพระองค์หญิงตำหนักริมน้ำ แต่นวลลออเลือกที่จะแต่งงานกับเจ้าพระยารามณรงค์เดช หม่อมเจ้ารวีโชติจึงประชดรักด้วยการแต่งงานกับหม่อมประภา ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของนวลลออทั้งที่ไม่ได้รัก ซึ่งหม่อมประภาก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าหม่อมเจ้ารวีโชติไม่ได้รักตน แต่ก็ยอมแต่งงานด้วยเพราะหม่อมประภารักหม่อมเจ้ารวีโชติมาก และนั่นก็เป็นบาดแผลในใจของหม่อมประภามาตลอด เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้หม่อมเจ้ารวีโชติโกรธแค้นเจ้าพระยารามณรงค์เดชมาก และถึงแม้ว่านวลลออจะเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่คลอดการะเกดได้ไม่นาน แต่หม่อมเจ้ารวีโชติก็ยังผูกใจเจ็บมาจนทุกวันนี้ ทางด้านท่านชายก้องก็ถูกหม่อมเจ้าหญิงแพรวพรรณราย ผู้เป็นแม่เร่งรัดเรื่องการหมั้นกับหญิงแต้ว แต่ท่านชายก้องยังไม่อยากหมั้น เพราะตอนนี้จิตใจพะวงอยู่แต่กับรสิกา จึงตอบบ่ายเบี่ยง และอ้างเสด็จพระองค์หญิงตำหนักริมน้ำ ผู้เป็นป้า อย่างไรก็ตาม เสด็จพระองค์หญิงตำนักริมน้ำก็คัดค้านได้ไม่เต็มที่นัก เพราะการหมั้นหมายครั้งนี้เป็นคำสัญญาระหว่างพ่อของท่านชายก้อง ผู้เป็นน้องชายแท้ๆ ของตนกับหม่อมเจ้ารวีโชติ ถึงแม้ว่าพ่อของท่านชายก้องจะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่หม่อมเจ้ารวีโชติก็ยังยึดถือคำสัญญานั้นไว้อย่างเหนียวแน่น เพราะหวังสมบัติของท่านชายก้อง รสิกากับท่านชายก้องพยายามตามหากันและกัน แต่ก็คลาดกันแบบหวุดหวิดอยู่หลายครั้ง แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ในที่สุดพรหมลิขิตก็ทำให้รสิกาและท่านชายก้องได้พบกันจนได้ ต่อมา รสิการู้ว่าท่านชายก้องเป็นว่าที่คู่หมั้นของหญิงแต้วก็เสียใจ และสับสนว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี เพราะถึงแม้ว่าตนจะเป็นผู้หญิงยุคใหม่ที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะแย่งคนรักของใคร และยิ่งได้รู้จากพีระว่าหญิงแต้วรักท่านชายก้องมาก รสิกาก็ยิ่งลำบากใจ จากความตั้งใจเดิมที่อยากมาช่วยให้การะเกดได้พบรักกับท่านชายก้อง ก็เกิดลังเลใจเพราะสงสารหญิงแต้ว นับวันรสิกาก็ยิ่งสร้างความแปลกใหม่และทำให้ ท่านชายก้อง ชวาลาและพีระอึ้งไปตามๆ กัน กับความคิดก้าวหน้าเกินผู้หญิงในยุคนี้ ทั้งที่เรียนแค่การบ้านการเรือน แถมยังชอบเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านตามที่ชรินทร์เคยเล่าให้ฟังอีกด้วย และที่น่าแปลกไปกว่านั้นก็คือ การะเกดมักจะดัดแปลงเครื่องแต่งกายให้มีความแปลกใหม่และล้ำสมัยอยู่เสมอเมื่อพบกัน จนสาวๆ คนอื่นมองด้วยความชื่นชอบและอยากจะแต่งตัวตามด้วย หญิงแต้วเสียใจมากที่ท่านชายก้องเลือกการะเกด พีระเข้ามาปลอบใจ และพูดเตือนสติให้คิดทบทวนดูให้ดีว่าแท้จริงแล้วหญิงแต้วรักท่านชายก้องจริงหรือไม่ หรือแค่รู้สึกว่าต้องรักเพราะเชื่อตามคำพูดที่ผู้ใหญ่พูดกรอกหูมาตั้งแต่เด็กว่าต้องหมั้นกับท่านชายก้องเมื่อโตขึ้นเท่านั้น หญิงแต้วเก็บคำพูดของพีระมาคิดทบทวนอย่างรอบคอบ แล้วตัดสินใจยอมถอย ไม่ใช่เพื่อท่านชายก้อง แต่เพื่อความสุขของตัวเอง เพราะไม่อยากทนทุกข์ทรมานที่ต้องอยู่กับผู้ชายที่ไม่ได้รักตนไปจนชั่วชีวิตแบบหม่อมประภา หลังจากที่หญิงแต้วตัดใจจากท่านชายก้องได้แล้ว ก็พบว่าแท้จริงแล้วคนที่รักและหวังดีกับตนมาตลอดก็คือพีระ หญิงแต้วตกลงใจรับรักพีระ แต่หม่อมเจ้ารวีโชติและหม่อมประภารังเกียจที่พีระมีชาติกำเนิดที่ต่ำต้อย เป็นแค่ลูกมหาดเล็ก แต่ท่านชายก้องกับชวาลาก็ช่วยเหลือจนพีระกับหญิงแต้วสมหวังได้ในที่สุด เมื่อเหตุการณ์ร้ายๆ ผ่านไป ท่านชายก้องก็ให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอการะเกด ทำให้รสิกาคิดหนัก เพราะไม่รู้ว่าตนจะอยู่ในยุคนี้ได้อีกนานแค่ไหน ท่านชายก้องรู้ความลับเรื่องรสิกากับการะเกดว่าทั้งคู่เป็นคนละคนกัน แต่ท่านชายก้องยืนยันจะแต่งงานกับรสิกาไม่ว่ารสิกาจะมีชีวิตอยู่ในยุคนี้ได้อีกนานแค่ไหนก็ตาม เพราะถ้าไม่ได้แต่งงานกับรสิกาท่านชายก้องก็จะไม่แต่งงานกับใครอีก ในคืนวันแต่งงานรสิกาได้หายตัวไปอย่างถาวร รสิกากลับมาใช้ชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบันและไม่สามารถย้อนกลับไปสู่อดีตได้อีกแล้ว....มาร่วมลุ้นไปกับความรักของทั้งคู่ว่าพรหมลิขิตจะทำให้ทั้งสองกลับมาเจอกันอีกหรือไม่

ชั่วโมงต้องมนต์ 2561

ชั่วโมงต้องมนต์ (2561/2018) บุญสิตาสาวสุดเฉิ่ม ซื่อ โลกสวย ใจดีเธอกลับเจอแต่โชคร้ายต้องใช้หนี้พนันแทนสมศรีแม่เลี้ยง โดนทรายพี่สาวลูกติดแม่แย่งแฟน แถมยังตกงานในเวลาเดียวกันเรียกได้ว่าถึงคราวเคราะห์ปีชงดวงตกของบุญสิตาจริงๆ ณฤทธิ์เกย์ขี้วีน เซเลปไฮโซเจ้าของบริษัทมาร์คเอ็นเตอร์เทนเมนธ์ บริษัทที่ปั้นนางแบบนายแบบชื่อดัง ทั้ง พุฒิเมธ เจนนี่ จัสติน และดนุดล จนดังตอนยังมีชีวิต ณฤทธิ์ไม่เคยยอมใครไม่เว้นแม้แต่สมบัติ พ่อของตัวเองที่ทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง สมบัติโทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุทำให้ลูกชายเสียชีวิต วิญญาณณฤทธิ์เห็นสภาพพ่อตัวเองก็รู้แล้วว่าพ่อรักตนเองมากแค่ไหน ณฤทธิ์ได้แต่ภาวนาให้ใครซักคนมาช่วยเขา เมื่อโชคชะตาได้นำพาให้ณฤทธิ์มาพบกับบุญสิตา... ณฤทธิ์ ผีเกย์ไฮโซที่มาเปลี่ยนชีวิต บันดาลทั้งงาน เนื้อคู่ และความวุ่นวายในชีวิตให้กับบุญสิตาพร้อมๆกัน ณฤทธิ์ไม่ใช่นางฟ้า หรือ กามเทพแต่เป็นวิญญาณเร่ร่อนที่จะมาสิงร่างของบุญสิตานั้นเอง พุฒิเมธ หรือเมธ ดาราชื่อดังลูกพี่ลูกน้องที่พ่อของณฤทธิ์รับมาเป็นลูกชายบุญธรรม เมื่อณฤทธิ์ตายเมธจึงต้องรับช่วงงานทุกอย่างของสมบัติ และของณฤทธิ์ที่ได้สร้างไว้ เมธรู้สึกค้างคากับการตายของณฤทธิ์ จึงขอให้สมบัติเก็บศพณฤทธิ์ไว้ 100 วัน ระหว่างนั้นเองวิญญาณณฤทธิ์ก็ถูกดูดไปที่ห้องเวลาชีวิต ณฤทธิ์ร้องขอเวลาที่จะอยู่บนโลก เวลาจึงให้โอกาสณฤทธิ์สามารถอยู่บนโลกได้อีก 100 วัน ณฤทธิ์ดีใจจึงถามเรื่องที่ตนสามารถเข้าร่างของบุญสิตาได้ เวลาบอกว่าการใช้ร่างของคนอื่น ร่างกายทั้งคุ่จะต้องเข้ากันได้ ที่สำคัญจะยืมร่างได้ก็ต่อเมื่อเจ้าของร่างอนุญาต แต่ถ้าไม่อนุญาตก็ต้องอาศัยตอนเผลอ แล้วขโมยตอนที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว แต่จะเป็นการเพิ่มบาปให้กับตนเอง ก่อนที่จะไปเกิดภายใน100วัน ณฤทธิ์มีเป้าหมาย3อย่างที่เค้าต้องทำให้สำเร็จให้ได้ และคนที่จะมาช่วยให้เป้าหมายของเขาสำเร็จได้ ก็คือบุญสิตา ในที่สุดณฤทธิ์ก็จัดการทุกอย่างในชีวิต ทั้งเรื่องครอบครัว และเรื่องงานได้ทันภายในระยะเวลาร้อยวัน เหลือแค่เรื่องเมธกับบุญสิตา บุญสิตารู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเมธ เมธเหมาะกับเจนนี่มากกว่า ณฤทธิ์พูดให้บุญสิตาคิด เปิดใจตัวเอง.... มาร่วมลุ้นไปกับความรักของเขาและเธอว่าจะลงเอยกันอย่างไร...ชั่วโมงต้องมนต์

หนึ่งด้าวฟ้าเดียว 2561

หนึ่งด้าวฟ้าเดียว (2561/2018) ในรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยา เป็นยุคสมัยที่สงบสุข ปราศจากศึกใหญ่มาหลายปี แต่ก็ยังมีภัยจากพวกขุนนางทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง ที่คอยรังแกประชาชนตาดำๆอยู่ แต่ก็ยังโชคดีที่มี เสือขุนทอง คอยช่วยเหลือพวกชาวบ้านจากเงื้อมมือขุนนางชั่ว และปล้นพวกเศรษฐีหน้าเลือดมาช่วยคนยากจน เป็นเหมือนวีรบุรุษของเหล่าคนยาก ขุนทองมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว และได้รับความช่วยเหลือจากชาวบ้านทำให้พ้นเงื้อมมือของทางการมาได้ตลอด จนกระทั่งวันหนึ่ง ขุนทองได้รู้ข่าวเกี่ยวกับ พระสมุทรวาณิช ขุนนางใหญ่ผู้ร่ำรวยซึ่งเป็นชาวโต้ระกี่ (ตุรกี) ขุนทองรอเวลาแก้แค้นมาตลอดเพราะพระสมุทรวาณิชเคยเป็นเพื่อนรักกับพ่อของตน แต่เกิดอิจฉาริษยา หักหลังพ่อของตนและฆ่าล้างครอบครัวอย่างเหี้ยมโหด ทำให้ชีวิตตนต้องพลิกผันมาเป็นจอมโจรขุนทองอย่างทุกวันนี้ เมื่อรู้ข่าวว่าพระสมุทรวาณิชจะจัดงานแต่งงานให้ลูกสาวคนสวยชื่อ สาลิกา กับ ขุนเผด็จ ขุนนางหนุ่มรูปงาม ขุนทองเลยคิดจะจับตัวสาลิกามาเพื่อแก้แค้น แต่แผนการของขุนทองก็เกิดผิดพลาด สาลิกาโดนขุนเผด็จแทงบาดเจ็บสาหัส ขุนทองตกใจรีบพาสาลิกาหนีไปรักษาตัวในป่า ขุนทองดูแลสาลิกาจนเกิดเป็นความผูกพันกันขึ้นอย่างไม่รู้ตัว แต่ทั้งคู่ก็ต้องหักห้ามใจไว้ เพราะสาลิกามีขุนเผด็จแล้ว ส่วนขุนทองก็ท่องขึ้นใจตลอดเวลาว่าสาลิกาเป็นลูกสาวของศัตรูที่ฆ่าครอบครัวของตน สาลิกาเป็นห่วงพ่อกับแม่มาก ด้วยความสงสารขุนทองจึงพาสาลิกากลับมาส่งบ้านอย่างปลอดภัย สาลิกาพยายามไม่คิดถึงขุนทองและคิดจะเป็นภรรยาที่ดีของขุนเผด็จ แต่ขุนเผด็จกลับรังเกียจสาลิกาเพราะสาลิกาหายไปกับโจรหลายวัน เป็นหญิงมีมลทินซะแล้ว สาลิกาเสียใจที่ขุนเผด็จไม่เชื่อในความบริสุทธิ์ของตน ขุนทองรู้ข่าวจึงบุกมาหาสาลิกาชวนหนีไปอยู่ด้วยกัน ทำให้สาลิกาเปิดใจและตกลงจะใช้ชีวิตร่วมกับขุนทอง ขุนทองตัดสินใจใช้ชีวิตอย่างเงียบๆกับสาลิกาจนมีลูกด้วยกันคือ ขันทอง เวลาผ่านไปจนขันทอง 5 ขวบ พระสมุทรวาณิชก็ตามตัวเจอ และฉวยโอกาสที่ขุนทองพาลูกไปหาของป่า ก็บุกลักพาตัวลูกสาวกลับไป ขุนทองจะไปตามตัวสาลิกากลับมาแต่พระสมุทรได้ส่งสาลิกาเข้าวังไปเป็นคุณท้าวในวังแล้ว ขุนทองไม่ละความพยายามโดยบุกไปชิงตัวสาลิการะหว่างติดตามขบวนเสด็จประพาสป่าแต่ก็ไม่สำเร็จ ต่อมาไม่นานก็รู้ข่าวร้ายว่าสาลิกากระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ขุนทองเสียใจถึงที่สุด แต่ไม่เชื่อว่าสาลิกาจะฆ่าตัวตาย เลยพาขันทองไปฝากพระภิกษุที่ตนนับถือให้ช่วยดูแลขันทองแทนตน ก่อนที่ตนเองจะหาทางสืบความจริงเกี่ยวกับการตายของสาลิกา โดยขุนทองได้เข้าอาสาร่วมรบในศึกพระเจ้าอลองพญาแต่กลับถูกคนไทยด้วยกันหลอกไปให้พวกอังวะฆ่าตาย ทำให้ขุนทองไม่ได้กลับไปหาลูกอีกเลย กาลเวลาผ่านไป ในรัชสมัยของพระเจ้าเอกทัศแห่งกรุงศรีอยุธยา ไม่กี่ปีหลังจากพระเจ้าอลองพญาแห่งกรุงอังวะทรงยกทัพมาล้อมอยุธยาแต่กลับสิ้นพระชนม์ไปก่อนจะทำสงครามจบ กรุงศรีอยุธยาก็กลับสู่ความสงบสุขอีกครั้งหนึ่ง ประเทศต่างๆ พากันส่งเรือสำเภา บรรทุกเครื่องราชบรรณาการมายังกรุงศรีอยุธยา เช่นเดียวกับเรือสำเภาจากเมืองโต้ระกี่ (ตุรกี) ที่ส่งเครื่องราชบรรณาการมาพร้อมกับ สิขันทิน ขันทีคนใหม่ ที่ได้รับมอบหมายให้เข้าไปทำหน้าที่อยู่ในฝ่ายในของวังหลวง สามปีผ่านไป แมงเม่า ลูกสาวของเศรษฐี มิ่ง แห่งบ้านนางเลิง กำลังอยู่ในวัยแตกเนื้อสาว มีชายหนุ่มมากมายหมายปองสาวน้อยคนนี้ แต่ว่าแมงเม่าไม่เคยยอมตกลงปลงใจรับหมั้นผู้ชายคนใด เศรษฐีมิ่งก็ไม่สามารถบังคับแมงเม่าได้ เพราะแมงเม่ามีนิสัยแก่นแก้ว ดื้อรั้น เอาแต่ใจ ไม่ยอมคน อีกทั้ง กรมขุนวิมล (เม่า) เชื้อพระวงศ์ชั้นสูงผู้มีบุญคุณกับแมงเม่าและครอบครัว เคยขอร้องไว้ว่าอย่าบังคับใจแมงเม่า เศรษฐีมิ่งจึงไม่กล้าขัดพระทัย แมงเม่ามีความสามารถอ่านออกเขียนได้ผิดจากหญิงสาวทั่วไป เนื่องจากที่บ้านเศรษฐีมิ่งเป็นโรงทำกระดาษและซ่อมแซมสมุดหนังสือต่างๆ สิ่งที่แมงเม่าสนใจเป็นพิเศษก็คือกลอักษร แมงเม่ามักจะใช้เวลาว่างศึกษาหาความรู้เรื่องกลบทเหล่านั้นจาก ม่วง พี่ชายแท้ๆ อยู่เสมอ ม่วงเป็นลูกชายคนโตของเศรษฐีมิ่ง เศรษฐีมิ่งจึงหวังจะให้ม่วงมีบุตรสืบสกุลและสืบทอดกิจการทำกระดาษของครอบครัว แต่ม่วงกับ อิน เมียสาว ไม่เคยมีความสัมพันธ์กันเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะทุกครั้งอินมักจะโวยวายว่าผีของอิ่ม พี่สาวแท้ๆ ของอินที่เป็นเมียคนแรกของม่วงจะมาหักคอเธอ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงไม่ค่อยราบรื่นนัก ม่วงจึงมักจะไปพักค้างคืนอยู่กับ ยี่สุ่น โสเภณีในโรงรับชำเราเป็นประจำ ม่วงมักจะมีเรื่องราวชกต่อยกับ กล้า นักเลงหัวไม้จากบ้านริมโรงฆ้อง แต่กล้าก็มักจะแพ้ม่วงเสมอ กล้าแค้นมากและคิดจะหยามม่วงด้วยการเอาแมงเม่าเป็นเมียให้ได้ ระหว่างเที่ยวเล่นอยู่ในเมือง แมงเม่าเห็นที่หน้าร้านขายเครื่องหอมมีทหารมายืนคุ้มกันใครบางคนอยู่ จึงหยุดรอดู แต่กลับถูกพวกทหารไล่ แมงเม่าไม่พอใจมาก จึงมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน หลวงศรีขันทิน ขันทีหนุ่มที่อยู่ในร้านเครื่องหอมได้ยินเสียงเอะอะ ก็ออกมาดูและกล่าวขอโทษแมงเม่าแทนทหารของตน แมงเม่ามองการแต่งกายที่ผิดแปลกไปจากขุนนางอื่นที่ตนเคยเห็น อีกทั้งใบหน้าที่งดงาม ตัวหอมฟุ้งราวกับนางในในวัง สร้างความแปลกใจแก่หญิงสาวเพราะหลวงศรีขันทินคนนี้จะเป็นหญิงก็ไม่ใช่เป็นชายก็ไม่เชิงแต่ความจริงแล้วหลวงศรีขันทินรูปงามก็คือ ขันทอง จารบุรุษที่จำเป็นต้องปลอมตัวเป็นขันทีแทนสิขันทินที่เสียชีวิต และเข้าไปยังฝ่ายในเพื่อสืบหาสาเหตุการตายอย่างเป็นปริศนาของพ่อและแม่ของเขาในวังด้วย แมงเม่าหนีการดูตัวออกมาเดินเล่นที่ตลาด แต่หญิงสาวกลับได้พบกับ ออกญาสีหราชเดชะ ที่ถูกทำร้ายจนปางตาย ก่อนตาย ออกญาสีหราชเดชะฝากกล่องใบบอกที่สลักเสลาเป็นรูปปีกผีเสื้องดงามไว้กับแมงเม่า เมื่อแมงเม่าเปิดออกดูด้านในก็พบว่าใบบอกถูกเขียนเป็นรหัสลับที่อ่านไม่ออก แมงเม่าจึงฝากใบบอกไว้กับม่วงไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกัน กรมขุนวิมลก็ทรงให้ออกพระศรีขันทินไปรับตัวแมงเม่าเข้ามาในวังหลวงเพื่อช่วยแก้กลอักษรที่ฝ่ายตำหนักของ เจ้าจอมเพ็ญ ส่งมา แต่ไม่มีผู้ใดในตำหนักของกรมขุนวิมลสามารถแก้กลอักษรนั้นได้ กลอักษรที่เจ้าจอมเพ็ญส่งมาซึ่งมีความสลับซับซ้อนมาก แม้แต่แมงเม่าเองก็ยังจนปัญญา ขันทองเห็นกลอักษรนั้นก็ดูออกทันทีว่าเป็นกลอักษรที่ใช้วิธีการอ่านแบบตารางหมากรุก จึงช่วยสอนแมงเม่าโดยให้แมงเม่าสัญญาว่าจะเก็บเรื่องที่เขาเป็นคนสอนไว้เป็นความลับ ทำให้ขันทองกับแมงเม่าได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น เจ้าจอมเพ็ญเป็นเจ้าจอมคนโปรดของพระเจ้าเอกทัศ แต่นางกลับไม่พอใจอยู่แค่นั้น เพราะนางต้องการเป็นแม่หยั่วเมืองผู้มีอำนาจสูงที่สุดในแผ่นดิน นางจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้มีพระหน่อกับพระเจ้าเอกทัศ แม้กระทั่งจ่ายเงินให้ขรัวเถื่อนจากพม่าใช้วิธีการทางไสยศาสตร์เพื่อให้ตัวเองประสบความสำเร็จ โดยมี จมื่นศรีสรรักษ์ ญาติผู้น้องของเจ้าจอมเพ็ญ และ เลื่อน ข้าหลวงคนสนิท คอยปกปิดความผิดให้ ทางด้าน พระยาพลเทพ ผู้อยู่เบื้องหลังการส่งใบบอกที่เป็นความลับราชการไปให้ฝ่ายอังวะและเป็นผู้ที่ทำร้ายออกญาสีหะราชเดชะจนถึงแก่ความตาย ก็สั่งให้ ขุนแผลงฤทธิ์ สืบหากลักใบบอกจากแมงเม่าและลอบทำร้ายแมงเม่าระหว่างที่ตามกรมขุนฯเสด็จประพาสป่าแต่ขันทองก็ช่วยไว้ได้ทัน จากเหตุการณ์โกลาหลครั้งนี้ทำให้พระราชาข่านเสียชีวิต จำต้องเลือกหัวหน้าขันทีคนใหม่โดยเจ้าจอมเพ็ญเสนอให้หลวงศรีขันทินได้รับตำแหน่งนี้ ขันทองจึงได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็น พระศรีขันทิน สร้างความคับแค้นใจให้กับ ศรีมะโนราช ขันทีคู่อริของขันทองเป็นอย่างมาก พระยาพลเทพให้คนไปเผาเรือนแมงเม่าเพื่อชิงกลักใบบอก แต่ใบบอกที่ได้มากลับเป็นเพียงเพลงยาวที่ขันทองเขียนเป็นรหัสลับให้แมงเม่า หลังจากที่บ้านถูกไฟไหม้จนหมดเนื้อหมดตัว เศรษฐีมิ่งจึงตัดสินใจจะให้แมงเม่าไปอยู่ในความดูแลของกรมขุนวิมลในวังหลวงเพื่อจะได้ปลอดภัยจากคนที่ไม่หวังดี แมงเม่าจำเป็นต้องยอมเพราะไม่อยากให้ทุกคนเดือดร้อน เมื่อเข้าไปอยู่ในวังแล้ว ขันทองกับแมงเม่าก็ยิ่งได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นจากการรับใช้กรมขุนวิมล ทำให้ทั้งสองยอมรับหัวใจตัวเองว่ามีความรักให้กัน แต่ขันทองก็ยังไม่ได้สารภาพความจริงกับแมงเม่าว่าที่จริงเขาคือใคร เพราะหน้าที่ของจารบุรุษที่ยังค้ำคออยู่ ขณะที่แมงเม่าก็สับสนว่าตนเองไปรักใคร่ชอบพอกับชายที่เป็นขันทีได้อย่างไร ในวังเกิดเหตุมีจารบุรุษปลอมตัวเข้ามาในวัง พอดีกับที่ เยื้อน ทาสสาวในเรือนขันทองรู้ความลับว่าขันทองไม่ใช่ขันทีแต่เป็นชายแท้ เยื้อนรีบหนีและขอความช่วยเหลือจากศรีมะโนราช ขันทองกังวลว่าเยื้อนจะนำความเดือดร้อนมาให้จึงลักพาตัวเยื้อนไปไว้ที่ค่าย พระยาตาก ให้ช่วยคุมตัวไว้ ทางด้านศรีมะโนราชก็เอาข้อมูลจากเยื้อนไปบอก พระยากำแหง หรือ ออกญาวัง ทำให้ขันทองตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นจารบุรุษ แต่ แน่น ก็ช่วยโกหกจนขันทองรอดตัวไปได้ แต่พระยากำแหงก็ยังไม่ปักใจเชื่อเพราะเขาสงสัยท่าทางของออกพระศรีฯ ที่ดูเฉลียวฉลาด ไม่เหมือนขันทีทั่วไป จึงคอยจับตาดูออกพระศรีฯ ไม่ให้คลาดสายตา ขันทองได้ช่วยแมงเม่าถอดรหัสจากใบบอกของออกญาสีหราชเดชะ และได้พบว่าเนื้อหาในใบบอกนั้นเป็นข้อมูลทางการทหารของอยุธยา และรายชื่อขุนนางที่ต้องการสวามิภักดิ์กับทางอังวะ แมงเม่าบอกขันทองว่าใบบอกนี้มาพร้อมกับกล่องใบบอกที่มีลวดลายปีกผีเสื้อ ขันทองเอะใจเพราะว่าลายปีกผีเสื้อนั้นเป็นลายประจำตัวของเจ้าจอมเพ็ญ ทั้งคู่จึงสงสัยว่าเจ้าจอมเพ็ญจะมีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ ขันทองแค้นใจมาก เพราะนั่นเท่ากับว่าเจ้าจอมเพ็ญเกี่ยวข้องกับการตายของเสือขุนทองด้วย การศึกเริ่มประชิดใกล้เข้ากรุงศรีอยุธยาขึ้นทุกที แต่คราวนี้ฝ่ายอังวะไม่ได้ยกทัพใหญ่มาอย่างคราวก่อน หากมาเป็นแบบกองโจรกลุ่มเล็ก ค่อยๆ บุกตามหัวเมืองทีละแห่ง เมืองต่างๆ พากันร้องขออาวุธสนับสนุนจากกรุงศรีอยุธยา ทว่าเหล่าขุนนางใหม่ที่ไร้ประสบการณ์ต่างคาดการณ์ผิด จึงไม่ยอมมอบอาวุธให้ตามที่มีการร้องขอ เพราะกลัวว่าหัวเมืองต่างๆ จะนำอาวุธเหล่านั้นกลับมาโจมตีกรุงศรีอยุธยาเสียเอง เหล่าทหารกองโจรจากกรุงอังวะจึงยิ่งรุกคืบเข้ามาใกล้ขึ้นๆ สถานการณ์ในพระนครจึงเลวร้ายลงทุกที ในที่สุด ขันทองก็ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับการตายของพ่อและแม่ของตน ภารกิจจารบุรุษของตนก็น่าจะเสร็จสิ้นแล้ว ถ้าไม่ติดว่าเป็นห่วงแมงเม่า ด้วยเพราะพระยากำแหงเองก็มีใจให้แมงเม่าเหมือนกับตน ซ้ำยังชิงสารภาพรักตัดหน้าตนเสียอีก ขันทองจึงตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้แมงเม่าฟังอย่างไม่ปิดบังอีกต่อไป ขันทองบอกว่าตนไม่ใช่ขันที แต่เป็นจารบุรุษที่แฝงตัวมาสืบหาข่าวที่ฝ่ายใน แมงเม่ารู้สึกขัดเขินขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าออกพระศรีฯ ไม่ได้เป็นขันทีอย่างที่คิด แต่เป็นชายหนุ่มเต็มตัว ขันทองยังคงปฏิบัติหน้าที่ออกพระศรีขันทินไปพร้อมๆ กับพยายามข่มความโกรธแค้นชิงชังเจ้าจอมเพ็ญ ผู้ที่เป็นสาเหตุการตายของมารดาของตน โดยมีแมงเม่าคอยให้กำลังใจอยู่ไม่ห่าง สถานการณ์ในอโยธยาเลวร้ายขึ้นทุกวันเมื่อฝ่ายอังวะบุกมาล้อมเมืองไว้ทุกทิศทาง ผู้คนในวังหลวงต่างก็ตระเตรียมหาทางหนีทีไล่กันหากเกิดศึกสงครามขึ้น ในที่สุด ฝ่ายอังวะก็ใช้วิธีจุดไฟเผาฐานกำแพงเมืองจนกำแพงเมืองถล่มแล้วบุกเข้ามาในเมือง ผู้คนในวังหลวงต่างวิ่งหนีเอาตัวรอดกันอลหม่าน ขันทองกับแมงเม่าหนีจากวังไปสมทบกับชุมนุมพระยาตากที่ระยอง ที่นั่น แมงเม่าได้พบกับม่วง อิน เศรษฐีมิ่งและครอบครัวที่เหลืออีกครั้ง ขันทองตัดสินใจร่วมทัพพระยาตากเพื่อ โดยศึกครั้งสำคัญศึกหนึ่ง ก็คือการตีเมืองจันทบูรณ์ ศึกนี้ทัพพระยาตากมีกำลังน้อยกว่าศัตรูมากนัก แต่จำเป็นต้องบุกเข้าตี ทำให้พระยาตากทรงใช้กลยุทธ “ทุบหม้อข้าว” ด้วยการให้ทหารกินให้อิ่ม แล้วทุบหม้อข้าวหม้อแกงให้แตกทั้งหมด ซึ่งถ้าชนะศึกก็จะได้กินข้าวกันที่จันทบูรณ์ แต่ถ้าแพ้ ก็ให้อดตายกันทั้งกองทัพไปซะเลย ทัพของพระยาตากมีกำลังใจถึงที่สุด เลยสามารถยึดเมืองจันทบูรณ์ได้สำเร็จ และเป็นฐานที่มั่นที่สำคัญในการกู้กรุงในเวลาต่อมา หลังจากขับไล่พวกอังวะไปได้แล้ว พระยาตากก็ยกทัพลงมายังเมืองธนบุรีศรีมหาสมุทรเพื่อสร้างเป็นพระมหานครแห่งใหม่แทนกรุงศรีอยุธยาที่เหลือเพียงซากปรักหักพัง และเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ ขณะที่ขันทองก็เข้ารับราชการเป็นพระศรีสัจจา มีหน้าที่ดูแลด้านการปรับปรุงเส้นทางคมนาคมต่างๆให้สะดวกยิ่งขึ้น ขันทองกับแมงเม่าเริ่มต้นสร้างครอบครัวไปพร้อมๆ กับไพร่ฟ้าอาณาประชาราษฎร์ที่ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้งภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่แห่งกรุงธนบุรี

ชาติเสือพันธุ์มังกร 2561

ชาติเสือพันธุ์มังกร (2561/2018) ทรงวาด เด็กชายผู้ตั้งชื่อตามสถานที่เกิดคือ”ถนนทรงวาด” ด้วยความที่พ่อ แม่ และอา อพยพมาจากเมืองจีน ต้องต่อสู้ดิ้นรนอย่างยากลำบาก ทรงวาดกับน้องสาวจึงเติบโตมาอย่างปากกัดตีนถีบก่อนที่ทรงวาดจะได้ช่วยชีวิตนักการเมืองระดับประเทศคนหนึ่งไว้จากการลอบสังหารโดยบังเอิญ ทรงวาดจึงได้มาเป็นบุตรบุญธรรมของนักการเมืองผู้นั้น ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น และได้เรียนหนังสือสูงขึ้น ในขณะที่พ่อของทรงวาดกับอาคือ ลิ้มเม้งฮง ได้สาบานเป็นพี่น้องกับ โอ๊วฮุ่ยเชี้ยง นักเลงคนหนึ่งของเยาวราช ได้ร่วมกันทำกิจการบ่อนและโรงน้ำชาเพื่อค้าประเวณีขึ้นแต่พ่อของทรงวาดถูกยิงตายจากการเอาตัวเองเข้ารับกระสุนแทนน้องชาย ลิ้มเม้งฮงล้างแค้นให้พี่และขึ้นเป็นเจ้าพ่อคนหนึ่งของเยาวราช กิจการโรงน้ำชาของลิ้มเม้งฮงกำลังไปได้ดี จึงคิดขยายกิจการ ด้วยการหลอกซื้อตึกแถวหกห้องของ “ตระกูลลี้” แต่หลังจากโอนแล้วก็ชักดาบไม่จ่ายเงิน แถมเอาคนมาฆ่าล้างบ้านตระกูลลี้ จนเหลือ ปิ่นมุก(เตียงจู) บุตรสาววัยสิบกว่าคนเดียว โอ๊วฮุ่ยเชี้ยงต้องการจะฆ่าปิดปากปิ่นมุกเด็กสาวหวาดกลัวและต่อสู้ คว้าตะเกียบฟาดเข้าหน้าโอ๊วฮุ่ยเชี้ยงจนไฟไหม้ใบหน้าครึ่งซีก ก่อนที่ปิ่นมุกจะหนีรอดไปได้ ทรงวาดเติบโตขึ้นจนสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้ แต่ขณะเรียนอยู่ปีสุดท้าย ก็ถูกคู่แข่งทางการเมืองของพ่อบุญธรรมกลั่นแกล้ง จนต้องออกจากโรงเรียน ชาญยุทธ(อ้าย)พี่ชายบุญธรรมซึ่งดำเนินรอยตามพ่อมาเล่นการเมือง ได้ส่งทรงวาดกลับมาเยาวราช และออกทุนให้เปิดร้านค้าขายข้าวสารชื่อ “โฮ่ว เฮง จั่น”ขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับการส่งข่าว และทำตามที่พี่และพ่อบุญธรรมสั่งทุกอย่าง แต่ทรงวาดก็เลือกที่จะทำตามนั้น เพราะดีกว่าที่ตนต้องกลับไปรับช่วงโรงน้ำชาที่ตนรังเกียจ ทรงวาดเริ่มกิจการค้าข้าวอย่างราบรื่น โดยมี ทิเหล็ง อดีตคนลากรถเป็นมือขวาจนกระทั่งทรงวาดได้มาพบกับเตียงจูโดยบังเอิญที่ศาลเจ้า ทรงวาดรู้จากทิเหล็งว่าเตียงจูต้องกลายเป็นเด็กเร่ร่อนอาศัยศาลเจ้านอนเพราะอาของตน จึงคิดจะไถ่โทษด้วยการเอาเตียงจูมาเลี้ยง ทรงวาดเลี้ยงเตียงจูอย่างเข้มงวด และพยายามให้เตียงจูเรียนหนังสือให้ได้สูงที่สุด เพื่อชดเชยที่ ป่วยซัง น้องสาวแท้ๆของตนไม่ได้เรียนหนังสือ เตียงจูพยายามหาโอกาสฆ่าลิ้มเม่งฮงเพื่อแก้แค้นให้ครอบครัว แต่ก็แพ้ความดีของทรงวาด เตียงจูซึ้งใจและเริ่มรู้สึกรักทรงวาดขึ้นมาแบบเงียบๆ โดยที่แม้แต่ตนเองก็ไม่รู้สึกตัวทรงวาดดำเนินกิจการค้าข้าวไป และพยายามไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจการโรงน้ำชาและบ่อนของครอบครัว แต่ก็มักจะมีเหตุจำเป็นที่ดึงให้ทรงวาดต้องเข้าไปคอยช่วยเหลือเรื่อยมา ด้วยนิสัยคนจริงของตนจึงเป็นเหตุทำให้ทรงวาดได้รับการยอมรับนับถือจากเหล่านักเลงเป็นวงกว้าง และชื่อของทรงวาด หรือ “เถ้าแก่เสือ”ก็ติดทำเนียบเจ้าพ่อเยาวราช แม้ว่าทรงวาดเองจะไม่ตั้งใจให้เป็นอย่างนี้ก็ตาม ทรงวาดค้าขายข้าวจนร่ำรวยขึ้นมากพร้อมกับส่งเตียงจูเรียนจนสอบติดคณะแพทยศาสตร์ รวมทั้ง ก๊กไช้ น้องชายของทิเหล็งก็สอบติดคณะนิติศาสตร์เช่นกัน ก๊กไช้แอบหลงรักเตียงจูแต่ไม่กล้าแสดงออก ในขณะที่ทรงวาดเองก็มองทั้งสองคนเหมือนน้องมาตลอด แต่ยิ่งใกล้ชิดเตียงจูมากเท่าไหร่ ทรงวาดก็ยิ่งหวั่นไหวมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว จนเป็นเหตุให้ทรงวาดปฏิเสธการแต่งงานกับ ไต้เกียว หลานสาวคนสวยของโอ๊วฮุ่ยเชี้ยง ทำให้โอ๊วฮุ่ยเชี้ยงอาฆาตทรงวาดมาตลอด ทรงวาดยังต้องทำตามที่ชาญยุทธสั่งในหลายเรื่อง รวมทั้งต้องปกป้องน้องสาวและครอบครัวด้วย เลยถูกเพ่งเล็งจากทางตำรวจ โดยเฉพาะกลุ่ม “สี่คิง” ซึ่งเป็นตำรวจที่คุมเยาวราช จักรวรรดิ พลับพลาไชยทั้งหมด โดยมีสิบตำรวจเอก รณชิต เป็นไม้เบื่อไม้เมากับทรงวาดมาตลอด รณชิตเป็นตำรวจหนุ่มรูปหล่อ อนาคตไกล เลยทำให้สาวๆในเยาวราชหลายคนมองกันตาเป็นมัน รวมทั้ง ลี่เง็ก ลูกสาวของลิ้มเม่งฮงด้วย แต่รณชิตก็ไม่สนใจใคร เพราะผู้หญิงคนเดียวที่รณชิตมีใจด้วยกลับเป็นเตียงจูนั่นเอง ทรงวาดต้องสู้กับอำนาจมืดของกลุ่มอิทธิพลทางการเมือง และทางธุรกิจเพื่อช่วยเหลือพี่ชายและพ่อบุญธรรมมาโดยตลอด และเรื่องหัวใจ ก็ต้องต่อสู้กับคู่แข่งที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้เช่นกัน.... มาเอาใจช่วย ”ทรงวาด” ชายหนุ่มผู้มีหัวใจที่แข็งแกร่งและมั่นคงแห่งเยาวราชว่าจะผ่าฟันอุปสรรคในเส้นทางรักและเส้นทางรบไปได้อย่างไร...เพื่อให้ได้เดินบนเส้นทางที่ตนต้องการจริงเสียที

พ่อยุ่งลุงไม่ว่าง 2560

พ่อยุ่งลุงไม่ว่าง (2560/2017)

เต็งพิธีกรและโปรดิวเซอร์หนุ่มโสดเจ้าของรายการสารคดีสั้น “1 นาที Happy life” เต็งเช่าเวลาสถานีและหาโฆษณาเอง แม้รายการจะไม่โด่งดังมากมายแต่ก็พอเลี้ยงตัวและลูกน้อง2คน อันได้แก่ เวนิส ตากล้องหนุ่มหน้าตี๋ สมญา “ปากหมาหน้าตี๋” ลูกเจ้าของบริษัททัวร์ที่ทำตัวขัดใจป๊ากับม๊าที่หมายมั่นให้เป็นไกด์และดูแลบริษัททัวร์”ดียิ่งขึ้น” ของตระกูลต่อไป กับทอย ธุรกิจกองกับลุ๊คสาวมาดทะมัดทะแมง พูดจาขวานผ่าซาก ใครเห็นก็คิดว่าทอมบอย แต่จริงๆ นางเป็นผู้หญิงมาก ผู้หญิงแบบร้ายลึกเจ้าแผนการเสียด้วย เจ้าของสมญา “ทอมแอ๊บ” ผู้ให้สมญากันก็ไม่ใช่ใครอื่นก็เวนิสนั่นเอง คู่กัดขาประจำ คู่นี้เหมือนจะเหมาะกันดีถ้าทอยไม่ดันไปแอบรักเต็งเข้าซะก่อน งานคือชีวิตของเต็ง ทุกสิ่งอย่างวนเวียนเป็นกิจวัตร เขียนสคริปต์ ออกกองเป็นพิธีกร คุมตัดต่อ เช็คเทป วนอยู่แบบนี้ แต่แล้วโลกที่เหมือนเป็นเซฟโซนของเต็งก็ถูกวางระเบิดโดยผู้ก่อการร้ายที่คลานตามกันออกมา ไอ้โต๊ด น้องชายแท้ๆ ลูกชายคนโปรดของแม่ที่รักการแทงหวยเป็นชีวิตจิตใจ (สังเกตได้จากชื่อลูกๆ) ครอบครัวก็พอมีฐานะเพราะพ่อมีธุรกิจครอบครัวเป็นร้านขายวัสดุก่อสร้างอยู่ปราจีนบุรี ประกอบกับแม่ที่แพ้แรงอ้อนของโต๊ด เลยต้องส่งโต๊ดไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา ซึ่งเหตุผลที่โต๊ดอยากไปเรียนต่อก็เพราะยื้อไม่อยากทำธุรกิจร้านขายวัสดุก่อสร้างของครอบครัวต่อนั่นแหละ หลังจากเต็งพี่ชายเอาตัวรอดไปทำงานที่ตนรัก โต๊ดเลยกลายเป็นความหวังเดียวที่จะสืบทอดกิจการของครอบครัวซึ่งโต๊ดไม่ชอบ แต่แล้วโต๊ดก็ทำเรื่องงามหน้า ไปต่อโทไม่ทันไรก็ทำพาย สาวไทยลูกสาวไฮโซตระกูลดังท้อง ทั้งที่ครอบครัวพายไม่ชอบไม่ยอมรับโต๊ดแม้จะให้คบเป็นแฟนยังไม่ยอม แต่ด้วยเป็นคนที่พื้นฐานจิตใจดีทั้งคู่เลยไม่คิดทำแท้ง ได้แต่โกหกปกปิดความลับดังกล่าวจนไม่มีใครจับได้ แต่มีท้องก็ต้องมีคลอด ทั้งคู่จึงจำเป็นต้องบินกลับเมืองไทยมาขอความช่วยเหลือจากเต็งพี่ชายปากร้าย ใจอ่อนคนเดียวของโต๊ด เรื่องพายท้องต้องเป็นความลับสุดยอด เพราะพายกลัวครอบครัวตัดหางปล่อยวัดตัดออกจากกองมรดก พายยังรักตัวเองกลัวจนกลัวลำบาก และโต๊ดก็กลัวแม่งดส่งเสียแล้วบีบให้กลับไปขายทรายขายกระเบื้องที่ปราจีน เรื่องทั้งคู่มีลูกจึงต้องเป็นความลับสุดยอด เต็งจำใจช่วยให้ที่พักกับโต๊ดและพายเพื่อคลอดลูกเพราะเห็นแก่หลาน ชีวิตบริสุทธิ์ที่จะเกิดมาลืมตาดูโลก แต่เรื่องไม่จบแค่นั้น ไอ้น้องชายตัวแสบกับคนรัก ไข่เสร็จก็จะบิน กลับทิ้งให้เต็งช่วยเลี้ยงหลานถึง 2 ปี ทั้งคู่จะได้กลับไปเรียนต่อให้จบเพื่ออนาคตของครอบครัว และจะได้หาทางให้ทางบ้านพายยอมรับโต๊ดและแต่งงานกันก่อนจะเปิดเผยเรื่องลูกทีหลัง เต็งด่าน้องชายไม่ยั้งที่หาเรื่องเดือดร้อนมาให้แต่ก็ใจอ่อนรับเลี้ยงเจ้าหลานตัวน้อย ที่หลงรักตั้งแต่แรกเห็น เต็งได้รับสิทธิ์ตั้งชื่อหลาน เต็งใช้สิทธิ์นั้นทันทีเรียกหลานว่า กาโม่ ซุปเปอร์ฮีโร่ในใจเต็งในอดีต ทั้งโต๊ดและพายไม่ปลื้มนัก แต่มีหรือที่เต็งจะฟัง เต็งต้องรับบท”ลุงหลานอ่อน”จำเป็นอย่างกระทันหันเลยต้องหาผู้ช่วยเลี้ยง หันซ้ายหันขวาก็เห็น “งามพิศ เนอร์สเซอรี่โฮม” เนอร์สเซอรี่ใกล้บ้าน เต็งจึงเข้าไปติดต่อทำให้ได้เจอกับ งามพิศ เจ้าของเนอร์สเซอรี่วัย 40 ปลายๆ สาวใหญ่ไร้คู่เจ้าชู้เผื่อฟลุ๊ค นางถูกตาต้องใจเต็งแต่แรกเห็น หมั่นหยอดขนมจีบเต็ง อารมณ์ประมาณขอความกระชุ่มกระชวยให้ป้านิดนึง ไม่ได้หวังอะไรมาก แต่ถ้าฟลุ๊คได้ก็เอา ลำพังป้าก็พาขำๆ ไม่เท่าไหร่ เต็งพอรับได้ แต่หลานสาวป้าที่จบพยาบาลมาทำหน้าที่พี่เลี้ยงกาโม่ให้นี่สิ มันใช่เลย โจรขโมยหัวใจชัดๆ เต็งถึงขั้นยอมทิ้งชีวิตโสดที่หวงแหนนักหนา ไม่น่าเชื่อว่านี่คือรักครั้งแรกของเต็ง ชิดดาว คือชื่อของผู้หญิงคนนี้ ที่ทำให้จากนี้ชีวิตเต็งจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เต็งอาศัยเรื่องต้องเลี้ยงหลานเป็นขออ้างจนได้ออกเดทกับชิดดาว ความที่ชอบเค้ามากเห็นเขาขี้ขำก็ปล่อยมุกเป็นการใหญ่ แต่มุกกลับด้านชนิดขำไม่ออกเพราะชิดดาวร้องไห้ออกมาแล้วขอตัวออกไปจากร้านอาหารเลย เต็งงงมากรีบตามหาไปทั่วก็ไม่เจอ แต่พอกลับมาที่ร้านอาหารก็เห็นชิดดาวนั่งยิ้มอยู่แล้วและกล่าวขอโทษตนบอกว่าเป็นคนเซนสิทีฟมากไม่มีอะไร เต็งก็ยังงงอยู่ๆ รู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา เพื่อนร่วมงานคนสนิทของชิดดาวคือ ลูกกวาด และลูกกวาดก็เป็นเพื่อนซี้กับทอย ความเคลื่อนไหวของเต็งกับชิดดาว จึงไม่พ้นสายตาทอยไปได้ ทอยได้แต่จับตาดูอยู่ห่างๆอย่าง ไม่พอใจ เพื่อนข้างบ้านคุณชาย กับ คุณหญิง ที่ย้ายมาอยู่ติดกับบ้านเต็งได้ไม่นานนัก ก็เพิ่งได้สมาชิกคนใหม่คลอดไล่ ๆ กันกับกาโม่ ชื่อว่า คุณหลวง ...ที่จริงทั้งสองคนไม่ได้ชื่อนี้หรอกแต่เปลี่ยนเองเพราะอยากให้คนอื่นเรียกว่าคุณชาย คุณหญิง เลยเปลี่ยนชื่อเล่นเป็น ชาย และ หญิง เลยเป็นที่มาของลูกชายที่ชื่อว่า หลวง เต็งเลยเกิดความคิดพิเรนทร์ที่จะตีสนิทเพื่อขอนมแม่มาให้หลานชายตัวเองกินเพราะพายและโต๊ดต้องกลับไปเรียนต่ออาทิตย์หน้า โดยอาศัยรูปร่างหน้าตาของตนตีซี้ทาง น้องหนู หลานสาวคุณชายคุณหญิง แต่หารู้ไม่ความจริงน้องหนูสมอ้างเป็นหลาน จริงๆ คือเด็กรับใช้ตะหาก นั่นเป็นสาเหตุให้เพื่อนบ้านสองหลังต้องกลายมาเป็นคนรู้จักกันทั้งที่ก่อนหน้านี้ต่างคนต่างอยู่ เข้าออกคนละเวลาแทบไม่เคยเจอหน้ากันเลยแบบชีวิตคนกรุงสมัยนี้ ความรักของเต็งเพิ่งจะเริ่มแตกยอดอ่อนไม่นาน ก็ถูกเด็ดยอดทิ้งเพียงแค่ชั่วข้ามคืน เมื่อเต็งไปกินข้าวเย็นบ้านชิดดาวและพบกับคนรักของชิดดาวชื่อ โต้ นายแบบรูปหล่อหุ่นเฟิร์ม โต้เป็นลูกของเพื่อนแม่ชิดดาว เป็นเพื่อนกันแต่เด็ก เพิ่งจะหันมาคบหากันตอนพ่อแม่ของชิดดาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทั้งคู่ เต็งและโต้ เขม่นและข่มกันอยู่ในทีนับแต่วันแรกที่เจอกัน และท่าทางของชิดดาวก็จริงจังกับโต้ ปิดประตูตายไม่ให้โอกาสเต็งเลย และแล้วความโกลาหลก็บังเกิดในวันที่โต๊ดและพายพากาโม่กลับจากโรงพยาบาลมาบ้านเต็ง ซึ่งเป็นวันที่พ่อกับแม่มาเยี่ยมเต็งที่บ้านโดยไม่ได้นัดหมาย และจะพักอยู่บ้านเต็ง 1 อาทิตย์!!! เต็งเลยต้องพากาโม่ไปฝากไว้ที่บ้านชิดดาว ส่วนโต๊ดกับพายก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปอเมริกาทันทีในคืนนั้น แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็บังเกิดหลังจากฝากฝังหลานชายกันดิบดี จะเป็นเหตุบังเอิญหรือฟ้ากำหนดไม่ทราบได้ เต็งได้หอมแก้มชิดดาวอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทั้งคู่ต่างเขินอาย รีบแยกย้ายกันแทบไม่ทัน เต็งแอบไปดูกาโม่ที่เนอร์สเซอรี่ทำให้ได้ความรู้ใหม่ว่าจะเอานมแม่คนอื่นมาให้กาโม่กินสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ต้องผ่านการคัดกรองเชื้อโรค แผนการขอนมจากเต้าจากเพื่อนข้างบ้านเป็นอันต้องพับเก็บไปโดยมีชิดดาวเป็นคนให้คำแนะนำที่ถูกต้องเรื่องนมแม่กับเต็ง ขณะที่เต็งกำลังจะได้อยู่กับชิดดาวตามลำพัง โต้ก็เข้ามาขัดจังหวะพอดี โต้มาบอกชิดดาวว่าตนได้เข้าสังกัด ละออง ผู้จัดการดาราชื่อดัง ตนกำลังจะดัง จำเป็นต้องปิดเรื่องตนมีแฟนแล้ว ขออย่าให้ชิดดาวแสดงตัวว่าเป็นแฟน ให้บอกว่าเป็นญาติห่างๆแทน ถ้าชิดดาวอยากเห็นตนประสบความสำเร็จก็ขอให้ช่วยตน ชิดดาวเต็มใจช่วยอย่างไม่อิดออด โดยไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้วโต้เอาตัวเข้าแลกแอบคบหากับละอองอย่างลับๆเพื่อความดังและเงินทอง นอกจากเต็งจะต้องมีภาระเลี้ยงหลาน ยังต้องตั้งรับกับความระแวงของพ่อกับแม่ที่คอยจับผิดแล้ว เต็งยังต้องเผชิญกับปัญหาโฆษณาบริษัททัวร์จะถอนการสนับสนุนเหตุผลเพราะเวนิสไม่ยอมหมั้นกับกิ่งหลิว สาวที่ม๊าหาให้...ทอยเลยไปช่วยขอสปอนเซอร์จากบริษัทชีวิตชีวาโอสถให้แทน แต่โลกกลมเมื่อผู้จัดการฝ่ายการตลาดกลับเป็นเพื่อนรุ่นพี่สุดซี้ของละออง การเป็นสปอนเซอร์ใหม่ให้รายการของเต็งต้องแลกมาด้วยพิธีกรร่วมคนใหม่เพื่อเพิ่มสีสันให้รายการน่าสนใจยิ่งขึ้น พิธีกรหนุ่มคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นไกลคือ โต้ เด็กปั้นคนใหม่ของละอองนั่นเอง ด้วยความที่โต้เขม่นหมั่นไส้เต็งอยู่เป็นทุน เลยมีแผนการจะเขี่ยเต็งออกจากรายการและตนจะเป็นพิธีกรเดี่ยวของรายการเพียงคนเดียวแทนให้ได้ วันหนึ่งคนส่งของใช้เด็กมาส่งของที่บ้านโดยที่เต็งไม่อยู่ แต่แม่เต็งอยู่หน้าบ้านพอดี เลยรู้ความจริงและเข้าใจว่าเต็งมีลูกแต่ปิดบังไว้ แม่ไม่ได้โกรธเรื่องแอบมีลูกอย่างที่สองคนพี่น้องกลัว อาจจะเพราะเป็นเต็ง ลูกชายไม่โปรดก็เป็นได้ แต่แม่กลับกลายเป็นน้อยใจ งอนเต็งตัดสินใจกลับบ้านที่ปราจีนทันทีและบอกเลยว่าจะไม่กลับมาเหยียบบ้านเต็งอีก ด้านโต้ก็กลัวเต็งจะอีโก้ยอมให้รายการเจ๊งดีกว่าให้โต้เป็นพิธีกรร่วม โต้เลยมาออกปากขอให้ชิดดาวช่วยพูดกับเต็ง ให้ทวงบุญคุณที่ช่วยเลี้ยงหลาน ตนจะได้ประสบความสำเร็จมีเงินมาแต่งงานสร้างครอบครัวกับชิดดาว ชิดดาวรู้สึกลำบากใจมากแต่ก็จำต้องพูดเมื่อเต็งมาถามความคิดเห็น เต็งหลุดพูดไปว่าที่ชิดดาวมาพูดแบบนี้ห่วงตนกับหลานหรือแฟนตัวเองมากกว่ากัน และนี่เองก็เป็นจุดร้าวๆเล็กๆในความสัมพันธ์ที่กำลังพัฒนาอยู่ลึกๆแบบช้าๆของทั้งคู่ ด้านลูกกวาดเมื่อเจอเวนิสก็ชอบทันที เรื่องนี้เหมือนเป็นเครื่องพิสูจน์ใจทอยว่าคิดกับเวนิสยังไงกันแน่ และลูกกวาดก็ทำให้เวนิสรู้ความจริงชัดๆว่าทอยแอบชอบเต็งอย่างหมดหัวใจ อยู่ๆ ชิดดาวก็ลาหยุดกะทันหันกลับไปรีสอร์ท”ชิดจันทร์ใกล้ดาว”ของพี่สาว ชิดจันทร์ กับพี่เขย เก่ง ให้เหตุผลว่าพี่สาวท้องใกล้คลอด ไปช่วยงานไม่มีกำหนดกลับ เต็งแอบคิดว่าชิดดาวโกรธตนแน่ๆ ซึ่งด้วยนิสัยชอบหนีปัญหาของชิดดาว ชิดจันทร์ก็จับได้ว่าน้องสาวไม่สบายใจเรื่องผู้ชาย2คนเข้ามาพัวพัน เมื่อชิดดาวไม่อยู่ก็เลยได้โอกาสที่ทอยที่จะเข้ามาดูแลกาโม่และเข้ามาใกล้ชิดช่วยเหลือเต็ง ถึงขั้นนอนค้างบ้านเต็งเพื่อดูแลกาโม่ แล้วทอยก็ห้ามใจตัวเองไม่ไหวแอบหอมแก้มเต็งตอนหลับที่โซฟา แต่หารู้ไม่ว่าเต็งไม่ได้หลับจริงและรู้ตัวตลอดแต่แกล้งหลับหนีความอึดอัดไป นั่นเองเลยทำให้เต็งชัดเจนว่าทอยคิดยังไงกับตน การทำรายการร่วมกันกับโต้และละอองมีปัญหามากมาย ละอองเข้ามาวุ่นวายจนเหมือนเป็นรายการตัวเองเพราะถือว่าตัวซี้กับสปอนเซอร์ เปลี่ยนแปลงรูปแบบรายการตามใจชอบและเน้นโต้ลดบทบาทเต็ง การได้ทำงานด้วยกันนี้เองก็ทำให้เต็งและทอยระแคะระคายถึงความสัมพันธ์ของโต้และละอองที่ลึกซึ้งเกินผู้จัดการกับดาราในสังกัดแต่เต็งสั่งห้ามทอยพูดให้ชิดดาวฟังเด็ดขาดเพราะเต็งกลัวชิดดาวจะเสียใจ ยิ่งสร้างความหมั่นไส้ชิดดาวให้กับทอยมากขึ้น ช่วงที่ชิดดาวยังไม่กลับมา เต็งต้องเลี้ยงกาโม่เอง เต็งกลัวจะหลงรักหลานชายเลยต้อง สั่งใจตัวเองและพูดบอกตลอดเวลาว่าจะไม่ทำตัวผูกพันกับกาโม่ จะรักษาระยะความห่างแบบลุงหลานที่สนิทกันแค่ผิวเผิน เพราะกลัวผูกพันและต้องเสียใจเมื่อถึงเวลาที่ต้องจากกัน แต่ดูท่าทางแล้วเต็งไม่น่าจะทำได้ ความหลงหลานเริ่มก่อตัวขึ้นลึกๆในใจเต็ง 1เดือนผ่านไป ชิดดาวก็กลับมาอย่างไม่คาดฝันหลังจากได้รับคำแนะนำจากพี่สาวว่าผู้หญิงก็มีสิทธิ์เลือกคนที่ดีที่สุดให้กับตัวเองเหมือนกัน ไม่ใช่ต้องเป็นฝ่ายรอให้ผู้ชายเลือกฝ่ายเดียว เต็งดีใจมาก และก็ไม่อยากพลาดโอกาสอีกเพราะรู้ว่าโต้กำลังนอกใจชิดดาว เต็งช่างใจไปมาก่อนจะกล้าเปิดใจพูดตรงๆกับชิดดาวว่าชอบชิดดาวมาก ชิดดาวเงียบไม่ตอบอะไรเลี่ยงกลับบ้านไปเลย เต็งทำใจว่าชิดดาวคงจะหนีไปอีก แต่แล้วผิดคาด ชิดดาวยังอยู่ ทำทุกอย่างเหมือนปกติ ที่แท้ชิดดาวก็กำลังให้โอกาสตัวเองที่จะได้เลือกคนที่เหมาะสมที่สุด ใครกันแน่คือคนที่เธอพูดเต็มปากได้ว่า รัก ไม่ใช่แค่สนิทสนมหรือผูกพันเพราะเพียงแค่คบกันมานาน ผ่านเวลาถึงกาโม่ 8 เดือนก็เกิดปัญหา กาโม่ยังไม่ยอมเดินซะที เต็งกังวลมากเพราะไปเทียบกับลูกคนอื่น ซึ่งพัฒนาการเด็กแต่ละคนไม่เท่ากันและไม่เหมือนกัน ชิดดาวพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยกาโม่ให้เดินแต่ก็ล้มเหลวจนกระทั่งกาโม่ได้ 1 ขวบก็เดินเองเฉยเลยซึ่งเป็นเรื่องของพัฒนาการในเด็กแต่ละคนช้าเร็วต่างกัน แต่ปัญหาต่อมาก็คือกาโม่ไม่ยอมพูดเสียที กาโม่ฉลองวันเกิดขวบแรกกันพร้อมหน้าแม้แต่โต๊ดกับพายก็วีดีโอคอลล์มาอวยพรลูกชาย แต่ความเคลื่อนไหวทั้งหมดของกาโม่ก็อยู่ในสายตาของพ่อแม่เต็งตลอดเพราะมีน้องหนูสาวใช้ข้างบ้านคอยเป็นสายรายงาน แม่เต็งยังงอนด้วยความเข้าใจผิดว่าเต็งปิดเรื่องเมียและลูกกับตน เลยไม่ยอมติดต่อไม่ยอมพูดด้วย ทั้งที่กำลังเห่อและหลงกาโม่มากแม้จะได้เห็นเพียงแค่รูปแอบถ่ายทางโทรศัพท์มือถือก็ตาม ความลับไม่มีในโลก เรื่องโต้และละอองดังเป็นข่าวขึ้นมาเพราะฝีมือละอองเอง เพื่อกระตุ้นกระแสให้โต้ หลังทำพิธีกรกับเต็งมานานก็ยังไม่แจ้งเกิดซะที กระแสละอองคบกับโต้เป็นที่สนใจมากและโต้ก็ได้งานละครเป็นตัวร้ายหลายเรื่อง โต้ขาดการติดต่อกับชิดดาวไปเลย เลยทำให้ชิดดาวสนิทกับเต็งและเปิดใจให้กันมากขึ้นโดยมีกาโม่เป็นสื่อ และในวันเกิดของชิดดาวที่บ้านเต็ง โต้ก็มาปรากฏตัวหน้าตาเฉยเพราะฝีมือไส้ศึกซึ่งก็คือทอย งานวันเกิดกร่อยสนิท แต่ก็เคลียร์ขึ้นทุกฝ่าย โต้ไม่พอใจที่ชิดดาวกับเต็งเริ่มคบหากัน เลยทำตัวเป็นหมาหวงก้างด้วยการไม่ยอมทิ้งงานพิธีกรที่ทำกับเต็งทั้งที่ตัวเองมีงานละครรุม ด้านทอยกับเวนิสก็เปิดใจกันตรงๆ เวนิสสารภาพว่าชอบทอย ทอยปิดโอกาสใส่แบบไม่เหลือเยื่อใย เวนิสเลยยอมเปิดใจให้โอกาสลูกกวาดเข้ามาเป็นคนสนิท ลูกกวาดแฮปปี้มากเพราะนางทอดสะพานรอมานาน แม้รู้ว่าเวนิส ชอบทอยมากกว่าตัวเธอเองก็เถอะ เต็งและชิดดาวกังวลเรื่องกาโม่ไม่ยอมพูดซะทีเลยพาไปปรึกษาหมอเด็กแล้วกาโม่ก็โชว์เรียกชิดดาวว่า”แม่”(แม้จะไม่ชัดนักก็ตาม)ต่อหน้าหมอเลย กาโม่จำมาจากเพื่อนๆที่เนอร์สเซอรี่พูดกันทุกวัน ทำเอาชิดดาวน้ำตาซึมเลยทีเดียว และหลังจากนั้นไม่นานกาโม่ก็เรียกเต็งว่า “ป้อ” เต็งไม่ยอมพยายามให้เรียกลุง แต่ยากเกินไปสำหรับเด็ก เต็งไม่ยอมเพราะพ่อจริงๆอยู่เมืองนอกกำลังจะมารับตัวกาโม่คืนปีหน้าแล้ว พอนึกถึงจุดนี้เต็งก็อดใจหายไม่ได้ อีกปีเดียวก็ต้องจากกันแล้ว เวลาผ่านไปไวมากงานวันเกิด 2 ขวบของกาโม่ งานวันเกิดจัดกันเล็กๆ แค่ชิดดาว เต็งและกาโม่ที่ร้านไอศกรีม มีพนักงานร้านมาร้องเพลงอวยพรให้ แต่ที่ขาดไปคือปีนี้โต๊ดกับพาย ไม่โทรมาอวยพรลูกชายเหมือนเคย เต็งและชิดดาวอดใจหายไม่ได้ที่ใกล้เวลาที่โต๊ดจะมารับ กาโม่คืนไปแล้ว เต็งพยายามเข้มแข็งทำปากดีว่าตนทำใจไว้มานานแล้ว รอวันนี้อยู่ แต่ก็นะปากอย่างใจอย่าง ลับหลังทุกคนตอนกลางคืนก็แอบกอดกาโม่น้ำตาแตกจนได้ เต็งผุดโปรเจ็คถ่ายรายการที่ระยองเพื่อฉลองวันเกิดให้ชิดดาวและเลี้ยงส่งกาโม่ก่อนกลับสู้อ้อมอกพ่อแม่ตัวจริง...โต้ติดคิวถ่ายละครเลยไม่ไป ทอยแอบมาบอกโต้ว่าเต็งถ่ายรายการ บังหน้าที่จริงจะไปเที่ยวระยองกับชิดดาวและจะขอชิดดาวแต่งงานในคืนวันเกิด ระหว่างอยู่ระยอง ทอยก็แอบส่งคลิปมายั่วโมโหโต้ตลอด จนโต้ทนไม่ไหวด้วยอารมณ์หมาหวงก้าง เลยสร้างสถานการณ์ผิดคิวชกพระเอกหน้าแตก จนกองถ่ายต้องยกกอง แล้วโต้ก็รีบไประยองขัดจังหวะเต็งจะให้แหวนเป็นของขวัญวันเกิดชิดดาวพอดิบพอดี แต่ที่คาดไม่ถึงก็คือละอองรู้ทันทุกอย่างแอบตามมาพบกับชิดดาวที่ระยองเช่นกัน งานปาร์ตี้จบลงอย่างกร่อยที่สุดของที่สุด เต็งกลับมาถึงบ้านแทบช็อคเมื่อเจอโต๊ดนั่งรออยู่ที่โถงบ้าน เต็งพยายามเก็บความรู้สึกเตรียมใจรับการจากลาของกาโม่ แต่โต๊ดกลับบอกว่าตนเลิกกับพายแล้วและเรียนไม่จบ ฝากกาโม่ไว้กับเต็งต่ออีก เต็งทำเล่นใหญ่โกรธน้องชาย ด่าแหลกแต่ลึกๆแอบดีใจสุดๆ แต่เต็งดีใจได้ไม่นานเต็งก็ต้องช็อคของแท้ เมื่อชิดดาวลาออกอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย เปลี่ยนเบอร์มือถือใหม่ ไม่มีใครติดต่อได้เลย ไม่มีใครรู้ว่าย้ายไปอยู่ไหน มีงามพิศคนเดียวที่รู้แต่ชิดดาวขอร้องป้าให้เก็บเป็นความลับ ชิดดาวกลับมาอยู่ที่รีสอร์ทของชิดจันทร์ด้วยสาเหตุที่ละอองมาคุยแบบเปิดอกที่ระยองว่าเธอคบกับโต้ และสั่งให้ชิดดาวไปให้พ้นจากชีวิตโต้ ขู่จะดับอนาคตในวงการของโต้และจะปิดรายการของเต็งให้ตกงานไปเลย ชิดดาวกลัวทุกคนจะเดือดร้อนเพราะรู้ว่าละอองทำได้จริงๆ เลยเป็นฝ่ายหนีทุกอย่างมา ชิดดาวยอมสารภาพกับชิดจันทร์อย่างเปิดใจว่ารักเต็งชนิดหมด หัวใจไปแล้ว โต๊ดนัดเต็งไปเจอกันที่บ้านพ่อแม่ บอกว่าตนเพื่อสารภาพความจริงทั้งหมดแล้วว่ากาโม่คือลูกชายของตน พ่อแม่อยากเจอหลานมาก พอเต็งไปถึงกลับพบว่าโดนโต๊ดหลอก โต๊ดเผ่นไปแล้วพร้อมเงินไปเรียนต่อให้จบและจะยืมปากเต็งให้สารภาพความจริงเรื่องกาโม่เป็นลูกโต๊ดกับพ่อแม่แทนตน เต็งเจ็บใจน้องชายจอมกระล่อนมากที่ถูกหลอกใช้ แต่ก็สบายใจที่ได้เคลียร์ทุกอย่าง แม่ยื่นข้อเสนอจะเลี้ยงกาโม่ให้ เต็งลังเล แต่สุดท้าย...งานวันเกิดครบ 3 ขวบของกาโม่กาโม่ก็ยังอยู่กับลุงเต็ง นับแต่วันนั้นเลยทำให้แม่งอนเต็งต่อไปอีกระลอก อารมณ์คนแก่อยากเลี้ยงหลาน วันเกิดกาโม่ปีนี้ไม่มีชิดดาว แต่เต็งก็ยังเอาเทียนวันเกิด 3 ขวบไปฝากงามพิศส่งไปให้ชิดดาวด้วยเพราะชิดดาวสะสม ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ จากชิดดาว เต็งเศร้าและพยายามทำใจ ซึ่งก็ดีที่ไม่รู้ข่าวเพราะเก่งพี่เขยชิดดาวได้พาเพื่อนรุ่นน้อง ปั๊ม ชายหนุ่มหน้าตาดี ฐานะดีเจ้าของร้านเบเกอร์รี่ดังในเมือง “ปั๊มขนม” มาแนะนำให้ชิดดาวรู้จักในวันเกิด ด้วยความเป็นคนอารมณ์ดี สุภาพอ่อนโยน ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาจีบเลยทำให้ชิดดาวรับเป็นเพื่อนได้ไม่ยาก แม้มิตรภาพของทั้งคู่จะพัฒนาไปได้ด้วยดีแต่ในใจของชิดดาวก็ยังไม่เคยลืมเต็งได้เลย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าปั๊มคือเพื่อนผู้ชายที่สนิทที่สุดของชิดดาวในตอนนี้ เวลาผ่านไป 1 ปี โต้ได้เป็นพระเอกเรื่องแรกประกบกับ หนมอบ นางเอกวัยรุ่น เน็ทไอดอล ละอองเปิดเกมคู่จิ้นเพื่อสร้างกระแสให้โต้ โต้แอบลักลอบคบหากับหนมอบจริงๆ ด้านทอยเองเมื่อไม่มีชิดดาวร่วม 3 ปี ก็เข้ามาใกล้ชิดกับเต็ง ดูแลเต็งและกาโม่ จนแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ทอยถือหลักรักแท้แพ้ใกล้ชิดและดูท่าว่าจะสำเร็จด้วยดีอย่างน้อยกาโม่ก็ติดทอยมากและจำชิดดาวไม่ได้เลยเพราะห่างกันไปนาน ด้านลูกกวาดและเวนิสก็ไปได้สวย ถูกใจป๊ากับม๊า จนวางแพลนจะแต่งงานกันทั้งที่เวนิส ก็รู้อยู่เต็มอกว่ารักทอยแต่มันเป็นไปไม่ได้ก็เลือกอยู่กับความจริง รักคนที่เขารักเราดีกว่า ส่วนลูกกวาดเองก็รู้ว่าเวนิสไม่ลืมทอย แต่ลูกกวาดก็ถือคติแค่ตนรักเวนิสก็พอ เวนิสจะรักคนอื่นมากกว่าก็ไม่สำคัญ เมื่อหาจุดบรรจบกันได้แบบนี้มันก็คือความลงตัวที่จะใช้ชีวิตคู่กันได้ เวลาผ่านไปจนกาโม่อายุ 5 ขวบกว่า กาโม่ติดทอยมาก ไม่มีชิดดาวเหลืออยู่ในความทรงจำเลย เต็งพยายามเล่าเรื่องชิดดาวว่าเลี้ยงกาโม่มาแต่เกิด รักกาโม่มาก ให้ดูรูป เพื่อไม่ให้กาโม่ลืม แต่กาโม่กลับรำคาญและแอนตี้เสียด้วยซ้ำ เบื่อที่เต็งพยายามพูดถึงคนที่ตนไม่รู้จักอยู่ ได้ เต็งเสียใจแต่ก็ไม่ละความพยายาม ด้วยแอบหวังว่าวันหนึ่งชิดดาวจะกลับมา แค่ตนได้พูด ถึงเอ่ยถึงก็สุขใจแล้ว กาโม่เองก็เริ่มมีปัญหาที่โรงเรียน เพื่อนสงสัยตามประสาเด็กไร้เดียงสาว่าทำไมกาโม่ไม่ มีพ่อมีแม่ คุณหลวงเพื่อนสนิทข้างบ้านเดือดร้อนแทนจนเกิดเรื่องผลักกันล้ม จนครูต้องเรียกผู้ปกครองมาพบ คุณชายและคุณหญิงเลยสั่งห้ามคุณหลวงคบกับกาโม่เพราะเป็นเด็กมีปัญหาทำให้คุณหลวงโดนตำหนิและตัดคะแนนความประพฤติเดี๋ยวจะสอบไม่ได้ที่1 ของระดับชั้นเหมือนเดิม กาโม่เลยขอร้องเต็งให้เป็นพ่อตนได้มั้ย เต็งลำบากใจมากเพราะคำขอล่าสุดของ น้องชายที่เต็งไม่ได้บอกใคร โต๊ดกับพายเรียนจบแล้วและกลับมาคืนดีกัน ทั้งคู่ได้งานรายได้ดีทำที่อเมริกา เลยวางแผนจะมารับกาโม่ไปอยู่ด้วยกันช่วงปลายปี โต๊ดกำชับให้เต็งเริ่มบิวท์เรื่องโต๊ดและพายกับกาโม่ และขอให้เต็งปรับตัวห่างๆ กาโม่ อย่าติดกันแจ อย่าให้เรียกพ่อ พ่อใหญ่ อะไรห้ามหมด จากนี้ไปช่วยดูแลแบบห่างๆ เวลาแยกจะได้ไม่ลำบากใจกันทุกฝ่าย และให้เต็งหลอกล่อกาโม่ไปทำวีซ่าไว้แต่เนิ่นๆ เวลาต้องเดินทางฉุกละหุกจะได้ไม่มีปัญหา นับเป็นคำขอที่ยากมากสำหรับเต็ง ยากกว่าตอนขอให้ช่วยเลี้ยงมากมายนัก เต็งเองก็ไม่เคยลืมชิดดาวเลย แม้เจ้าตัวไม่อยู่ เห็นหลังคาบ้านก็ยังดี เต็งแอบปีนเข้าบ้านชิดดาวไปรดน้ำดูแลสวนหย่อมและจ่ายค่าน้ำให้ตลอด3-4ปีที่ผ่านมาด้วยแอบหวังว่าชิดดาวจะกลับมาบ้านซักวัน ทอยแอบรู้เรื่องนี้แม้จะน้อยใจแต่ก็ไม่แคร์ ด้านชิดดาว..ความสัมพันธ์กับปั๊มก็พัฒนามาด้วยดีอย่างต่อเนื่อง จนพี่สาวและพี่เขยยุให้ปั๊มขอชิดดาวแต่งงาน ปั๊มสร้างซิทโรแมนติกตามหนังแอบฝังแหวนในขนมปัง พอชิดดาวเห็นแหวนก็บอกยังไม่พร้อม ปั๊มเข้าใจและขอโทษ บอกว่าจะรอต่อไปจนกว่าชิดดาวจะเปิดใจให้ตน ชิดจันทร์และเก่งเสียดายมาก แต่ก็ยังแอบลุ้นต่อ จนวันหนึ่งมีการ์ดเชิญแต่งงานของลูกกวาดกับเวนิสส่งมาถึงชิดดาวที่รีสอร์ท ป้างามพิศส่งมาให้นอกเหนือจากเทียนวันเกิดทุกปีที่เต็งมาฝากเอาไว้ เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน ชิดดาวตัดสินใจไปร่วมงาน ชิดจันทร์และเก่งกลัวเจอเต็งและถ่านไฟเก่าจะคุขึ้นมาอีก เลยจัดฉากให้ปั๊มได้ตามไปส่งกรุงเทพด้วยซึ่งชิดดาวก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เต็งยังคงไปรดน้ำต้นไม้ที่บ้านชิดดาวยามวิกาลเหมือนเคยๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่าวันนี้ชิด ดาวกลับมาบ้านแล้ว แต่ชิดดาวปิดไฟบ้านทั้งหลังเพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าตนกลับมา ตอนแรกชิดดาวได้ยินเสียงคนโดดเข้าบ้าน ตกใจมากคิดว่าขโมยแต่พอรู้ว่าเป็นเต็งมารดน้ำต้นไม้ให้ตนก็ รู้สึกตื้นตันใจมากได้แต่แอบมองเต็งผ่านหน้าต่างโถง มีเพียงกระจกหน้าต่างบางๆ ขวางกั้น ความคิดถึงเอาไว้ ชิดดาวขาดความมั่นใจเลยพาปั๊มเข้างานแต่งเวนิสกับลูกกวาดด้วย แต่คลาดที่จะเจอ กับเต็ง แต่เห็นกาโม่ที่อยู่กับทอย ชิดดาวดีใจน้ำตาซึมที่ได้เห็นหน้ากาโม่ในรอบหลายปี ทอย บอกกับเต็งหลังเลิกงานว่าชิดดาวมางานและเน้นว่ามาพร้อมกับแฟนใหม่ คืนนั้นเองเต็งก็บุกหาชิดดาวถึงบ้านขณะที่ปั๊มอยู่ด้วย ทั้งคู่ได้เจอกันครั้งแรกในรอบ 3-4 ปี คำแรกที่เต็งบอกชิดดาวทั้งน้ำตาคือประโยคสั้นๆ แต่มาจากก้นบึ้งหัวใจว่า “คิดถึงมาก” แล้วสวมกอดชิดดาวเอาไว้ขอร้องว่าอย่าหนีตนไปไหนอีก ชิดดาวเลือกที่จะนิ่งไม่ตอบคำถามเต็ง ทั้งเต็งทั้งปั๊มและครอบครัวชิดดาวที่รีสอร์ทต่างลุ้นว่าชิดดาวจะตัดสินใจยังไง แต่แล้วปั๊มก็กลับไปรีสอร์ทตามลำพัง ส่วนชิดดาวเหมือนมีระฆังมาช่วยชีวิต จำเป็นต้องอยู่ต่อแบบมีเหตุผลรองรับ นั่นก็คืองามพิศไม่ค่อยสบาย ป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะแรก ช่วงรักษาและดูแลสภาพจิตใจจึงขอร้องให้ชิดดาวมาช่วยดูแลกิจการเนอร์สเซอรี่แทนไปก่อน เต็งเซอร์ไพรส์สุดๆเมื่อเจอชิดดาวไปแอบดูกาโม่ที่โรงเรียน เต็งดีใจมากแนะนำกับ กาโม่อย่างเยอะแยะ แต่ปฏิกิริยาจากกาโม่กลับติดลบ ชิดดาวถึงกลับน้ำตาตก กาโม่วัย5ขวบเศษจำชิดดาวไม่ได้เลยและไม่ยอมรับชิดดาวเข้ามาในครอบครัวไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม เต็งหนักใจมากหลังจากดีใจที่ชิดดาวยอมอยู่กรุงเทพต่อได้ไม่นาน อุปสรรคความรักระหว่างตนกับชิดดาวยังไม่จบลงง่ายๆ นอกจากเรื่องกาโม่แล้ว ยังมีจอมป่วนเจ้าเก่า “โต้ “ที่ยังทำตัวเป็นหมาหวงก้างตามแรงยุยงของทอย ทั้งที่โต้เองก็ไม่ซื่อสัตย์ต่อชิดดาว เจ้าชู้ไปทั่ว แอบนอกใจละออง คบหากับหนมอบอีกตะหาก โต้โกรธมากที่ชิดดาวยอมรับกลายๆ ว่าเลือกเต็งทิ้งตน โต้ร่วมมือกับละอองบีบสปอนเซอร์ถอนตัวและคุยกับทางสถานีให้ระงับการต่อสัญญากับรายการของเต็งที่จะหมดพอดี ขณะเดียวกันเวนิสก็ถูกขอร้องเชิงบังคับจากป๊ากับม๊าให้มาช่วยงานที่บริษัทเพื่อครอบครัวตัวเองลำพังค่าจ้างตากล้องคนเดียวยังเลี้ยงตัวไม่พอเลย ตอนนี้ไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้วถ้ามีลูกอีกจะทำยังไง เวนิสจนด้วยเหตุผลเลยคุยกับเต็งตรงๆ เต็งเข้าใจและทำใจที่รายการของตนจะต้องปิดตัว ลงแล้วจริงๆ ทอยเห็นความสัมพันธ์ของชิดดาวกับเต็งกำลังพัฒนาเลยใช้กาโม่เป็นเครื่องมือ โดยยุแยงว่าชิดดาวจะแต่งงานกับเต็งและมีลูกด้วยกัน กาโม่จะเป็นหมาหัวเน่าเพราะเต็งรักชิดดาวมากกว่า และต้องรักลูกของตัวเองที่เกิดมามากกว่ากาโม่และจะส่งตัวกาโม่คืนให้พ่อ กาโม่เชื่อทอยและทำตามทอยยุทุกอย่างเพื่อไม่ให้ชิดดาวกับเต็งชอบกันเพื่อกาโม่จะได้อยู่กับลุงเต็ง ตลอดไป ทอยปั่นหัวกาโม่และสร้างสถานการณ์ต่างๆ จนกาโม่ทะเลาะกับเต็งเพราะกาโม่แสดงกริยาและคำพูดหยาบคายใส่ชิดดาวอย่างไม่รู้จักเด็กรู้จักใหญ่ เต็งโกรธมากจนเผลอฟาดก้น กาโม่ไปอย่างแรง กาโม่เสียใจมากเพราะเต็งไม่เคยตีตนมาก่อน และด้วยความเครียดเรื่องงานเลยทำให้เต็งหลุดปากไล่กาโม่กลับไปอยู่กับพ่อ กาโม่เสียใจร้องไห้โฮเกลียดชิดดาวที่มาแย่งความรักและโกรธเต็งจนไม่ยอมพูดด้วยไม่ให้เข้าห้องนอน...ชิดดาวไม่สบายใจมาก โทษว่าเป็น ความผิดตัวเอง แต่เต็งยืนยันว่าถึงเวลาที่ตนต้องทำเพื่อตัวเองแล้ว เต็งรักชิดดาวและจะแต่งงานกับชิดดาว...ชิดดาวลำบากใจที่เหมือนอยู่ตรงกลางความขัดแย้ง แต่ความรักของเต็งและชิดดาวที่มีต่อกันมันพิสูจน์ด้วยเวลาหลายปี มันแข็งแรงพอที่จะเปลี่ยนชิดดาวไม่ให้เป็นผู้หญิงที่วิ่งหนีปัญหาอีกต่อไปแล้ว ตัวเต็งเองก็เปลี่ยนไป สุขุมรอบคอบขึ้น มีสติยั้งคิดขึ้น มีเหตุผลและความรับผิดชอบ นั่นก็เพราะที่ผ่านมาเต็งเสมือนได้เป็นพ่อคน ไม่ใช่หนุ่มโสดลอยชายไปวันๆอีกแล้ว ตลอดเวลาที่มีความวุ่นวายเกิดขึ้นในบ้านเต็ง มีเวนิสที่คอยต่อจิ๊กชอว์อยู่ จนได้หลัก ฐานว่าทอยคือคนที่อยู่เบื้องหลังการยุแหย่กาโม่ให้เกลียดชิดดาว และในวันที่รายการของเต็งออกอากาศเป็นเทปสุดท้าย ทุกคนมารวมตัวดูกันที่บ้านเต็ง เมื่อรายการจบทุกคนก็เก็บของ เวนิสพูดตรงๆกับทอยว่าตนรู้เรื่องทุกอย่างขอให้หยุดทำร้ายพวกเขาซะทีและพูดต่อหน้าเต็งด้วย ขณะกำลังดราม่าชิดดาวก็มาที่บ้านเหมือนระฆังช่วยชีวิตทอยไว้ได้ทัน...ทอยเลี่ยงออกไปจากบ้าน เวนิสไม่ยอมจบง่ายๆ ตามไปเคลียร์ ทอยก็ชัดเจนว่าตนรักเต็งและจะไม่ยอมหยุดแค่นี้แน่ ส่วนชิดดาวมาหาเต็งก็เพื่อจะบอกว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่ชัดเจนเรื่องของทั้งคู่ เธอเอาแต่หนีปัญหา แต่ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะอยู่ที่นี่เพื่อเต็ง เต็งดีใจที่สุดในชีวิตและขอชิดดาว แต่งงาน ชิดดาวตอบรับคำขอของเต็ง ทอยมาดักเจอกาโม่ที่โรงเรียนเพราะเต็งสั่งห้ามกาโม่ติดต่อกับทอยอีก ทอยยุแยงกาโม่ ว่าชิดดาวแต่งงานเข้าบ้านวันไหนวันนั้นกาโม่กระเด็นออกจากบ้านไปอยู่กับพ่อแน่ๆ กาโม่กลัวที่ต้องไปอยู่กับโต๊ด นี่คือโอกาสสุดท้ายของกาโม่ ทอยเลยสั่งให้เชื่อฟังตนทำตามที่ตนบอกทุกอย่าง กาโม่หัวอ่อนอยู่แล้วเลยเชื่อทำตามที่ทอยบงการ เต็งและชิดดาวพากาโม่มากินข้าวนอกบ้านแล้วคุยอย่างเปิดใจ กาโม่ให้ความร่วมมือทุกอย่างเพราะทอยสั่งมาให้นิ่งๆ ว่าง่าย เออออตามน้ำไปก่อน จนกว่าทอยจะสั่งเป็นอย่างอื่น ทุก อย่างเลยดูเหมือนราบรื่น การเตรียมงานแต่งของเต็งและชิดดาวเริ่มเดินหน้า ชิดดาวพาเต็งไปพบพี่สาวพี่เขย ทุกอย่างผ่านฉลุย...เต็งพาชิดดาวไปพบพ่อแม่ที่ปราจีนก็ผ่านฉลุยเช่นกัน แต่แล้วก็เกิดดราม่าเมื่อแม่เต็งพูดโพล่งว่าให้เลือกวันแต่งงานในช่วงโต๊ดจะกลับมาเมืองไทย กาโม่ซึมไปถนัดใจร้องไห้ระหว่างกลับบ้านตลอดทางจนหลับไป ถึงเวลานอนก็ยังร้องไห้กลัวเต็งจะส่งตัวคืนพ่อ กาโม่คาดคั้นให้เต็งรับปากว่าจะเลี้ยงกาโม่ไม่ให้ไปอยู่กับโต๊ด เต็งก็อ้อมแอ้มพูดไม่เต็มปากเพราะตอนนี้โต๊ดกับพายพร้อมทุกด้านและต้องการลูกกลับไปเลี้ยงเองก่อนกาโม่จะโต กว่านี้ รู้เรื่องมากพอที่จะไม่ยอมรับโต๊ดและพาย แล้วจะสายเกินไป และแล้ววันมงคลก็มาถึง..งานเช้าจัดตามประเพณีไทยจัดขึ้นที่บ้านชิดดาว เต็งกับขบวนขันหมากตั้งรอเวลาฤกษ์ที่หน้าบ้านเต็ง ส่วนบ้านเจ้าสาวก็กั้นประตูเงินประตูทองพร้อม แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อกาโม่ผลักชิดดาวตกบันไดบ้านชั้นบน กาโม่กลัวและร้องไห้โฮ ไม่อยากทำแต่ถูกทอยล้างสมองขู่ว่าคือโอกาสสุดท้ายถ้าเต็งแต่งงานกับชิดดาวเมื่อไหร่ กาโม่ก็ต้องไปอยู่กับพ่อเมื่อนั้น กาโม่หลับหูหลับตาทำทั้งที่ไม่อยากทำเ
เพชรกลางไฟ 2560

เพชรกลางไฟ (2560/2017)

ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังจากการสิ้นพระชนม์ของ เสด็จในกรมฯ ผู้เป็นพระบิดา หม่อมเจ้าหญิงอุรวศี ก็ถูกกีดกันไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตำหนักใหญ่ ซึ่งเป็นที่อยู่ของ หม่อมต่วน หม่อมใหญ่ของเสด็จพ่อ เพราะหม่อมต่วนเกลียดชัง หม่อมสลวย หม่อมแม่ของอุรวศี ที่มาแย่งชิงความรักของเสด็จฯ ไปจากเธอ แม้ว่าเสด็จฯ จะมี หม่อมเรี่ยม เป็นหม่อมอีกคน ก็ไม่ถูกชิงชังเท่าหม่อมสลวย อุรวศีเป็นห่วงว่าห้องทรงพระอักษรของเสด็จพ่อจะไม่มีคนดูแลความสะอาด จึงขัดคำสั่งของหม่อมต่วน แอบเข้าไปทำความสะอาดห้อง แต่กลับพบว่าหม่อมต่วนให้คนมาเก็บหนังสือในห้องทั้งหมด ถวายแด่เสด็จเสนาบดี โดยมี อนล เป็นคนที่มาขนย้ายหนังสือตามคำสั่ง อนลเข้าใจว่าอุรวศีเป็นนางข้าหลวงในวัง จึงไม่ได้ใช้คำราชาศัพท์ด้วย อุรวศีไม่ได้แก้ไขความเข้าใจผิดนั้น และขอหนังสือของเสด็จฯ เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกไม่กี่เล่ม อนลพยายามจะสานสัมพันธ์ต่อด้วยการชวนให้อุรวศีมาดูเครื่องเรือนที่ต้องการเก็บไว้ แต่อุรวศีตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ไปที่ตำหนักใหญ่อีก เมื่ออนลรู้ความจริงว่าอุรวศีเป็นถึงหม่อมเจ้าหญิง จึงฝากจดหมายขอประทานอภัยมากับ จัน คนสนิทของอุรวศี อุรวศีรับจดหมายไว้ แต่ไม่คิดจะตอบเพราะจะไม่เหมาะสมหากถูกจับได้ว่าส่งจดหมายติดต่อกับชายหนุ่ม หม่อมสลวยพาอุรวศีไปฝากไว้ที่ตำหนักของเสด็จพระองค์หญิงฯ ซึ่งเป็นเสด็จป้าของอุรวศี โดยให้เหตุผลว่าจะมีคนงานมาก่อสร้างกำแพงวัง กั้นระหว่างตำหนักใหญ่ของหม่อมต่วนกับเรือนที่เสด็จพ่อประทานให้หม่อมสลวยกับอุรวศี อีกทั้งหม่อมสลวยเองก็จะไม่อยู่สักพัก จึงเกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่งามขึ้น ในตำหนักของเสด็จป้า อุรวศีต้องเผชิญหน้ากับพระธิดาของเสด็จพ่อกับหม่อมต่วนอีกสามองค์ คือ หม่อมเจ้าหญิงติโลตตมา หม่อมเจ้าหญิงอทริกา และ หม่อมเจ้าหญิงอรุณวาสี ในบรรดาเจ้าพี่หญิงทั้งสาม ท่านหญิงอรุณวาสีเป็นคนที่อุปนิสัยดีที่สุด ส่วนท่านหญิงติโลตตมาและท่านหญิงอทริกานั้น คอยจ้องแต่จะหาเรื่องอุรวศีอยู่เป็นประจำ แต่อุรวศีก็เอาตัวรอดมาได้ด้วยพระเมตตาของเสด็จป้า อุรวศีคอยให้หม่อมสลวยมารับออกไปจากตำหนัก แต่หม่อมสลวยก็หายไป อุรวศีจึงขอประทานอนุญาตจากเสด็จป้ากลับไปเยี่ยมบ้าน และได้รู้ความจริงจาก จางวางสม และ แสง ตากับยาย ว่าหม่อมแม่ของเธอแอบหนีไปแต่งงานใหม่กับเถ้าแก่ บุญทัน คนรักเก่าตั้งแต่ก่อนจะถวายตัว และอพยพไปอยู่ที่เมืองนครสวรรค์แล้ว ส่วนอุรวศีก็จะให้อยู่กับเสด็จป้าฯ เป็นการชั่วคราวเพื่อให้พ้นเงื้อมมือของหม่อมต่วน จนกว่า หม่อมเจ้าวิสสุกรรม พระเชษฐาของอุรวศีจะเสด็จกลับจากต่างประเทศมาอยู่ด้วยกัน หม่อมต่วนเรียกให้อุรวศีไปพบที่ตำหนักใหญ่และดูถูกเหยียดหยามหม่อมสลวยที่ใฝ่ต่ำ เป็นถึงหม่อม แต่กลับลงไปเกลือกกลั้วกับสามัญชน อุรวศีเสียใจมาก อนลมาพบอุรวศีกำลังร้องไห้ จึงพูดให้กำลังใจอุรวศี ทำให้อุรวศี รู้สึกดีขึ้นมาก อุรวศีได้ยินว่าอนลกำลังจะไปราชการที่หัวเมือง จึงแอบฝากจดหมายไปถึงหม่อมสลวย ก่อนจะกลับไปอาศัยกับเสด็จป้าระหว่างรอจดหมายตอบกลับมา หม่อมต่วนเอาเรื่องที่หม่อมสลวยแต่งงานใหม่ไปฟ้องเสด็จป้า แต่เสด็จป้าไม่สนพระทัย ทำให้หม่อมต่วนโกรธแค้นมาก คิดจะพาหม่อมเจ้าหญิงทั้งสามกลับวัง แต่ท่านหญิงติโลตตมาเตือนว่าถ้าไม่มีใครอยู่คอยขวาง อุรวศีจะประจบเอาสมบัติของเสด็จป้าไปหมด หม่อมต่วนจึงอนุญาตให้ท่านหญิงติโลตตมากับท่านหญิงอทริกาอยู่ต่อไปได้ แต่ท่านหญิงอรุณวาสีต้องกลับวังเพราะเข้าข้างอุรวศีมากเกินไป หม่อมต่วนกำชับท่านหญิงทั้งสองให้หาทางกลั่นแกล้งอุรวศีจนอยู่ที่นั่นต่อไปไม่ได้ ท่านหญิงติโลตตมาและท่านหญิงอทริกาจึงสั่งห้ามนางข้าหลวงในตำหนักพูดจากับอุรวศี ทำให้ทุกคนคอยหลบหน้าหลบตาอุรวศี อุรวศีรู้เข้า ก็ตัดปัญหาด้วยการเข้าเฝ้าคอยถวายงานเสด็จป้าบ่อยๆ จะได้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับใคร ด้านอนล เมื่อไปถึงเมืองนคสวรรค์ ก็ได้พบกับ ดวงแข บุตรีของ พระยาไกรเพชรรัตน์ และ คุณหญิงไกรเพชรรัตน์ ซึ่งมีท่าทางสนใจเขาอย่างเห็นได้ชัด แต่อนลไม่ได้สนใจดวงแขเลย เพราะชายหนุ่มมีใจให้อุรวศี แม้จะรู้ดีว่าไม่มีหวัง เพราะอุรวศีเป็นถึงหม่อมเจ้าหญิง อนลสืบหาตัวบุญทันจากทนายหน้าหอของพระยาไกรเพชรรัตน์ และนำจดหมายจากอุรวศีไปมอบให้หม่อมสลวยด้วยตัวเองได้สำเร็จ ขณะที่อุรวศีก็ถูกท่านหญิงทั้งสองแอบเข้ามาค้นห้อง และพบจดหมายที่อนลเขียนเพลงยาวส่งมาให้ อุรวศีไปทวงจดหมายคืน ท่านหญิงทั้งสองกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่กลับเอามาคืนให้ต่อหน้าเสด็จป้า เพราะหวังจะให้เสด็จป้ากริ้วอุรวศี ทว่าเคราะห์ดีที่อุรวศีไปปรึกษา สร้อย ข้าหลวงคนสนิทของเสด็จป้าก่อน เสด็จป้าทรงรู้ทัน จึงไม่ทรงเอาพระทัยใส่ข้อหาที่ท่านหญิงทั้งสองใส่ร้าย ทำให้ท่านหญิงติโลตตมาไม่พอพระทัยมาก คิดว่าเสด็จป้าเข้าข้างอุรวศีมากกว่า ขณะที่เสด็จป้าก็ทรงเป็นห่วงอนาคตข้างหน้าของอุรวศี จึงทรงฝากฝังให้สร้อยคอยดูแลอุรวศีหลังจากที่พระองค์มีอันเป็นไป และให้สร้อยมองหาคู่ครองที่เหมาะสมกับชาติกำเนิดของอุรวศีให้ด้วย ในงานฉลองเสกสมรสระหว่าง หม่อมเจ้าหญิงเมรา พระธิดาของหม่อมเรี่ยม กับ หม่อมเจ้าอธิป พระโอรสของเสด็จในกรมฯ อีกวังหนึ่ง อุรวศีและเพื่อนๆ นางข้าหลวงต่างก็ไปร่วมงานนี้กัน โดยมีสร้อยไปคอยควบคุมดูแล อีกทั้งคอยสอดส่องหาชายหนุ่มเชื้อพระวงศ์ที่เหมาะสมคู่ควรกับอุรวศี ในที่สุดสร้อยก็ตัดสินใจว่า หม่อมเจ้าสุรคม พระอนุชาต่างมารดาของหม่อมเจ้าอธิป เป็นผู้ที่เหมาะสมกับอุรวศีที่สุด หม่อมเจ้าสุรคมเองก็ดูเหมือนจะพอพระทัยในตัวอุรวศีเช่นกัน ในงานเดียวกัน อนลถือจดหมายของหม่อมสลวยมาหาโอกาสมอบให้กับอุรวศี อุรวศีขอร้องอนลไม่ให้มาพบเธออีก เพราะเรื่องที่เกิดคราวก่อน เสด็จป้าเว้นโทษให้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น อนลผิดหวังที่ความรักระหว่างเธอกับเขา ช่างมีอุปสรรคมากเหลือเกิน     ที่บ้านของ พระยารัชปาลี บิดาของอนล มีผู้อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน คือ เกื้อ ผู้มีศักดิ์เป็นอาของอนล เกื้อขาพิการมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาอับอายที่ไม่เหมือนคนอื่น จึงมุมานะเรียนหนังสือจนเก่ง เกื้อเป็นคนหัวก้าวหน้า สนใจระบอบการปกครองที่เอาอย่างมาจากฝรั่ง และมองว่าระบอบการปกครองที่เป็นอยู่ จะทำให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าได้ยาก ระหว่างที่อนลไปเยี่ยมเกื้อที่บ้าน ก็แอบได้ยินเกื้อ กับ อนึก พี่ชายของอนลที่เป็นทหาร กำลังสมคบคิดกันวางแผนบางอย่างซึ่งอนลยังจับใจความไม่ได้ชัดเจน จึงได้แต่เก็บความสงสัยไว้ ขณะเดียวกัน ดวงแขกับคุณหญิงไกรเพชรรัตน์มาพักที่บ้านของพระยารัชปาลีโดยอ้างว่าเพื่อรักษาตัว คุณหญิงรัชปาลีเองก็เห็นดีเห็นงามด้วย เพราะต้องการจับคู่ดวงแขกับอนล ดวงแขพยายามเอาตัวมาใกล้ชิดอนล แต่อนลก็ไม่ได้มีท่าทีชอบพอตอบกลับ หม่อมเอื้อน หม่อมแม่ของท่านชายสุรคม คิดจะทาบทามอุรวศีให้กับท่านชายสุรคม เมื่อหม่อมต่วนรู้เข้าก็เกิดความริษยา ไม่อยากให้อุรวศีได้ดีไปกว่าลูกๆ ของตน จึงเล่าเรื่องที่หม่อมสลวยหนีไปแต่งงานใหม่ให้หม่อมเอื้อนฟัง และเสนอว่าหากท่านชายสุรคมเสกสมรสกับท่านหญิงอรุณวาสี จะแถมทรัพย์สินเงินทองให้ท่านชายสุรคมไปด้วย หม่อมเอื้อนลังเลเพราะเห็นแก่ทรัพย์สมบัติที่จะได้จากหม่อมต่วน เมื่อเรื่องนี้รู้ถึงหูเสด็จป้า ก็ทรงกริ้วมาก เพราะทรงหมายมั่นปั้นมือว่าจะให้ท่านชายสุรคมเสกสมรสกับอุรวศี ด้านคุณหญิงรัชปาลีเห็นว่าอนลไม่กระตือรือร้นเรื่องดวงแข จึงแอบไปตกลงกับคุณหญิงไกรเพชรรัตน์และรวบรัดหมั้นหมายอนลไว้กับดวงแขโดยที่อนลปฏิเสธไม่ได้ ขณะเดียวกัน อนลก็สังเกตเห็นความผิดปกติของอนึกกับเกื้อที่มักจะออกไปด้วยกันตอนกลางคืนบ่อยๆ ชายหนุ่มพยายามเลียบๆ เคียงๆ ถามเกื้อ ทว่าเกื้อก็ได้แต่อารมณ์เสียหงุดหงิดใส่ ทำให้อนลคิดจะหาคำตอบให้ได้ว่าอนึกกับเกื้อกำลังทำอะไรกันอยู่ เสด็จป้าประชวรหนักและทรงรู้พระองค์ดีว่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน เสด็จป้ารับสั่งกับคุณสร้อยให้ตามท่านหญิงทั้งหมดเข้าเฝ้า หม่อมต่วนจึงรีบนำท่านหญิงทั้งสามมาเข้าเฝ้าเพราะไม่อยากให้อุรวศีได้สมบัติจากเสด็จป้าไปคนเดียว เสด็จป้าจึงทรงแบ่งทรัพย์สินที่มีให้แก่หลานๆ ทุกคน อุรวศีได้ส่วนแบ่งจากเสด็จป้ามากที่สุด ทำให้หม่อมต่วนไม่พอใจเป็นอย่างมาก หม่อมต่วนวางอุบายจะฮุบสร้อยพระศอที่เสด็จป้าประทานให้อุรวศี แต่อุรวศีรู้ทัน เอาสร้อยพระศอคืนมาได้อย่างชาญฉลาด ด้านเกื้อก็ทนเก็บความลับคับอกไว้ไม่ไหว จึงมาสารภาพกับอนลว่าเขากับอนึกและนายทหารอีกหลายคน กำลังวางแผนที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครอง อนลตกใจมาก เพราะนั่นเท่ากับว่าเกื้อกับอนึกมีส่วน   เกี่ยวข้องด้วย อนลรีบไปเตือนเกื้อให้ถอนตัวออกมาจากขบวนการ เกื้อขอร้องให้อนลไปตามตัวอนึกกลับบ้าน แต่ระหว่างนั้น ข่าวเรื่องขบวนการดังกล่าวได้เล็ดรอดออกไป และมีนายทหารบุกมาจับกุมตัวผู้ร่วม ขบวนการดังกล่าว อนลโชคร้ายที่อยู่ในที่เกิดเหตุ จึงพลอยติดร่างแหไปด้วย ขณะที่อนึกหนีเอาตัวรอดไปได้อย่างหวุดหวิด ระหว่างการสอบปากคำ อนลไม่ยอมพูดอะไรเลยเพราะไม่อยากให้เกื้อกับอนึกได้รับโทษ แต่นั่นกลับทำให้พระยารัชปาลีโกรธจัด เพราะคิดว่าอนลมีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆ พระยารัชปาลีจึงประกาศตัดพ่อตัดลูกกับอนล เกื้อร้อนใจมากที่อนลถูกจับตัว จึงไปปรึกษากับอนึก อนึกได้แต่บ่ายเบี่ยงเพราะกลัวความผิด และคิดจะหาทางหลบหนีออกจากพระนครสักพัก ดวงแขมาโวยวายกับพระยารัชปาลีและคุณหญิงรัชปาลีเรื่องที่อนลถูกจับกุมตัวไป ทั้งๆ ที่อีกไม่กี่วันจะถึงงานหมั้น อนึกสบโอกาส จึงขันอาสาเป็นเจ้าบ่าวให้ดวงแขเสียเอง จะได้มีข้ออ้างที่จะหลบหนีไปที่หัวเมืองสักพัก ดวงแขยินยอมเปลี่ยนตัวเจ้าบ่าวเพราะไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นหม้ายขันหมาก เกื้อเริ่มรู้สึกไม่ยุติธรรมที่อนลจะต้องรับผิดแทนเขากับอนึก จนกระทั่งถึงวันงานแต่งงานของอนึกกับดวงแข เกื้อจึงบุกเข้าไปประกาศความจริงกลางงานว่าเขากับอนึกเป็นผู้ร่วมขบวนการ ไม่ใช่อนล อนึกโกรธจัด ลงมือทำร้ายร่างกายเกื้อ พระยารัชปาลีจึงมั่นใจว่าอนึกทำผิดจริง อนึกสำนึกผิดในสิ่งที่ทำลงไป จึงเขียนจดหมายสารภาพความจริงและยิงตัวตายเพื่อชดใช้ความผิดที่ก่อขึ้น อนลได้รับการปล่อยตัวเนื่องจากไม่มีส่วนรู้เห็นกับแผนการ แต่อนลก็สลดใจมากที่อนึกต้องมาเสียชีวิต และเกื้อก็ต้องถูกลงโทษด้วยการคุมขัง หลังการสิ้นพระชนม์ของเสด็จป้า ตำหนักของเสด็จป้าก็ถูกปิดลง นางข้าหลวงในตำหนักต่างก็แยกย้ายกันไปตามทาง อุรวศีจึงต้องกลับมาอยู่ที่เรือนปั้นหยาที่เสด็จพ่อประทานให้ระหว่างรอให้ท่านชายวิสสุกรรมเสด็จกลับจากต่างประเทศ โดยมีสร้อยตามมาดูแลตามที่ได้รับปากกับเสด็จป้าไว้ ด้านอนลก็ผ่านมาที่เรือนของอุรวศีด้วยความบังเอิญและได้พบกับอุรวศีอีก ทั้งคู่ต่างแบ่งปันความทุกข์ที่มีให้กัน ทำให้ยิ่งรู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น เจ้าพี่หญิงทั้งสามเสด็จมาที่เรือนของอุรวศีเพื่อต่อว่าเรื่องที่ท่านชายสุรคมจะถอนหมั้นกับท่านหญิงอรุณวาสี เพื่อไปเสกสมรสกับอุรวศี อุรวศีจึงต้องไปพูดกับท่านชายสุรคมด้วยตัวเอง แต่ท่านชายสุรคมไม่ทรงฟัง และทรงยืนยันว่าจะรอจนกว่าอุรวศีจะเปลี่ยนพระทัย ขณะเดียวกัน อุรวศีก็ได้รับจดหมายจากท่านชายวิสสุกรรมว่ากำลังจะกลับมาถึงประเทศไทย ทว่าเมื่อถึงวันกลับ กลับมีแต่ หม่อมเจ้าอรชุน พระโอรสองค์โตของหม่อมต่วน เสด็จกลับมาเพียงผู้เดียว เมื่อสอบถามก็ได้ความว่า ท่านชายวิสสุกรรม สิ้นชีพิตักชัย   ด้วยโรคท้องร่วงระหว่างทาง อุรวศีสะเทือนพระทัยมากเพราะเท่ากับไม่เหลือใครเป็นที่พึ่งแล้ว ถึงอย่างนั้นหม่อมต่วนก็ยังกลั่นแกล้งอุรวศีไม่ยอมเลิกราด้วยการไม่ยอมมอบพระอัฐิของท่านชายวิสสุกรรมให้อุรวศีไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี อนลช่วยอุรวศีด้วยการปล่อยข่าวลือว่ามีคนพบยมบาลมารับคนตายที่ยังไม่ได้ทำบุญตามประเพณี หม่อมต่วนหวาดกลัวมาก จึงรีบคืนพระอัฐิของท่านชายวิสสุกรรมให้กับอุรวศีทันที นางแสง ยายของอุรวศี ล้มป่วยหนัก อุรวศีอาสามานอนเฝ้านางแสงโดยไม่บอกให้ใครรู้ นางแสงก็เสียชีวิตหลังจากที่เรือนปั้นหยาถูกไฟไหม้และรู้ว่าท่านชายวิสสุกรรมสิ้นชีพิตักชัย ที่เรือนของอุรวศีก็เกิดเพลิงไหม้ สาเหตุของไฟเกิดจากการเผากิ่งไม้ใบไม้ที่หม่อมต่วนเป็นคนสั่งให้เผา เมื่อไฟยังไม่ดับดี ก็เกิดลุกลามไปติดกับตัวเรือน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตสามคน คือ คุณสร้อย ผิน (แม่ของจัน) และบ่าวของคุณสร้อย แต่คนภายนอกเข้าใจว่าหม่อมสลวยกับอุรวศีอยู่ในบ้านหลังนั้นและเสียชีวิตไปแล้ว ทุกคนจึงปล่อยให้เข้าใจผิดไปแบบนั้น เพราะหวาดกลัวว่าหากหม่อมต่วนรู้ว่าหม่อมสลวยและอุรวศียังไม่ตาย ก็จะหาโอกาสทำร้ายกันอีกไม่มีที่สิ้นสุด จางวางสมเสนอให้หม่อมสลวยกับอุรวศีหนีไปอยู่ที่นครสวรรค์กับบุญทัน จะได้พ้นเงื้อมมือของหม่อมต่วน ขณะที่หม่อมต่วนก็ล้มเจ็บหนักเนื่องจากความรู้สึกผิดชอบชั่วดีกัดกินจิตใจ ที่บ้านของอนล คุณหญิงรัชปาลีที่ป่วยกระเสาะกระแสะหลังจากที่อนึกฆ่าตัวตาย ไม่นานคุณหญิงรัชปาลีก็เสียชีวิตลงเช่นกัน อนลได้ข่าวจากเกื้อว่าอุรวศีสิ้นพระชนม์ในกองไฟพร้อมหม่อมสลวย ก็ยิ่งสะเทือนใจมาก ดวงแขกับบิดามารดามาร่วมงานศพของคุณหญิงรัชปาลีเพราะหวังจะกลับมาสานสัมพันธ์กับอนลอีกครั้ง อนลตัดสินใจออกจากพระนคร ไปรับตำแหน่งอักษรเลขที่เมืองนครสวรรค์ตามคำชักชวนของพระยาไกรเพชรรัตน์ ดวงแขพยายามเข้ามาใกล้ชิดกับอนลมากขึ้น เพราะคิดว่าอนลอาจจะมีเยื่อใยอยู่บ้างจากตอนที่เคยเป็นคู่หมั้นกัน แต่อนลก็ไม่เคยเปิดใจให้ดวงแขเลยสักครั้ง ด้านอุรวศีหลบหนีหม่อมต่วนไปอาศัยอยู่ในเรือนแพที่เมืองนครสวรรค์ และเปลี่ยนชื่อเป็นอุษา โดยมีจัน กับ ผ่อง พี่สาวของสลวยติดตามไปด้วย ผ่องมีฝีมือด้านการทำอาหาร จึงทำขนมจีนน้ำยาขายที่หน้าแพ ทำให้อุรวศีต้องออกมาช่วยงานบ่อยๆ ถึก กับ คล้อง บ่าวชายของอนลแวะมาซื้อขนมจีนน้ำยาไปให้จึงจึงหว่านล้อมให้อนลกินขนมจีน ระหว่างที่อุรวศีกับจันพากันไปเก็บผักเพื่อจะมาขาย ก็เกิดอุบัติเหตุเรือชนเข้ากับเรือของอนลเข้า อนลเห็นหน้าอุรวศีก็จำได้ทันที อุรวศีกับจันรีบกลับเรือนแพเพราะกลัวความแตก ผ่อง หม่อมสลวยและบุญทันช่วยกันโกหกเอาตัวรอด แต่อนลก็ไม่เชื่อ จึงสั่งให้ถึกกับคล้องคอยจับตาดูเวลา   ที่ผ่องกับจันออกจากบ้านไป เมื่อสบโอกาส ก็เข้าไปในเรือนแพเพื่อจับผิดให้อุรวศีปฏิเสธไม่ได้ อนลยินดีมากที่รู้ว่าอุรวศียังไม่ตาย และตั้งปณิธานว่าขอติดตามอุรวศีไปตลอดชีวิต ดวงแขวางแผนรวบรัดอนลให้แต่งงานด้วยด้วยการเข้าไปในเรือนที่อนลพักอยู่ยามวิกาล อนลเห็นท่าไม่ดี จึงหลบไปอีกห้องก่อน เมื่อคุณหญิงไกรเพชรรัตน์เข้ามาตามที่ตกลงกันไว้กับดวงแข จึงเอาผิดอนล ไม่ได้ แต่คุณหญิงก็ยังยืนยันให้อนลรับผิดชอบ อนลจึงขอลาออกจากตำแหน่งอักษรเลข เมื่อพระยาไกรเพชรรัตน์รู้เข้าก็ไม่พอใจคุณหญิงกับดวงแขมากที่สิ้นคิด ใช้วิธีต่ำช้าเพื่อมัดมือชกอนลให้เป็นลูกเขย พระยาไกรเพชรรัตน์ไปขอร้องอนลไม่ให้ลาออก แต่จะฝากฝังให้ไปทำงานกับเจ้าเมืองอุทัยธานีแทน จางวางสมส่งข่าวว่าหม่อมต่วนตายแล้ว ที่ตำหนักใหญ่ก็กำลังวุ่นวายเรื่องแบ่งสมบัติกัน อนลถามอุรวศีว่าอุรวศีคิดจะกลับพระนครหรือไม่ อุรวศีไม่เห็นประโยชน์ที่จะกลับไป ในเมื่อตอนนี้ก็มีความสุขดี อนลบอกข่าวเรื่องที่เขากำลังจะย้ายไปเป็นอักษรเลขที่เมืองอุทัยธานี จึงจะขอแต่งงานกับอุรวศีก่อน หม่อมสลวยยกให้เป็นการตัดสินใจของอุรวศี อุรวศีตอบตกลง ทั้งคู่จึงพากันย้ายไปอยู่ที่อุทัยธานี ช่วยกันทำมาหากิน ครองรักกันอย่างมีความสุขโดยไม่มีช่องว่างระหว่างชนชั้นมาเป็นอุปสรรคอีกต่อไป
อาคม 2560

อาคม (2560/2017) เงินสามารถซื้อได้ทุกอย่างแม้กระทั่งความถูกต้อง กฎหมายไม่สามารถทำอะไรคนเลวได้ ทรงกลด จึงตัดสินใจพิพากษาคนชั่วเหล่านี้ด้วยตัวเขาเอง....ครอบครัวของทรงกลดเคยถูกนักธุรกิจโกงและโยนความผิดให้ ครอบครัวทรงกลดกลายเป็นแพะรับบาป และต้องหนีจากการฆ่าปิดปาก และเพราะ ฮันเตอร์ ผู้มีวิชาอาคม เขาช่วยชีวิตทรงกลดไว้ ทรงกลดกลับมาในนามของคิม และจัดการล้างแค้นนักธุรกิจชื่อดัง รวยติดอันดับต้นๆในประเทศ ร้อยตำรวจเอกทีเกื้อ มีสัมผัสพิเศษ ทำให้พอเดาได้ว่าคิมจัดการกับเหยื่อด้วยวิธีไหน ทีเกื้อพยายามไล่ล่าคิม แต่ก็พลาดทุกครั้งไป เหยื่อรายล่าสุด คมกฤช... ทว่าคมกฤชกลับเสียชีวิตลงโดยที่คิมไม่ได้ตั้งใจ คมกฤชถูกส่งมาที่โรงพยาบาลที่แพทย์หญิงเอื้อกานต์ทำงานอยู่ เอื้อกานต์เป็นพี่สาวฝาแฝดของทีเกื้อ และมีสัมผัสพิเศษเช่นทีเกื้อ เอื้อกานต์รู้ว่านายคมกฤชไม่ได้ตายโดยธรรมชาติ เอื้อกานต์บอกใครไม่ได้ว่าคมกฤชเสียชีวิตจากการโดนอาคม แต่ให้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ว่าคมกฤชเสียชีวิตเพราะหัวใจวาย คิมรู้สึกแปลกใจกับการตายของคมกฤช คิมเข้าไปขโมยผลการชันสูตรศพคมกฤชจึงได้พบกับเอื้อกานต์ เอื้อกานต์เห็นคิมยิ่งตกใจเพราะเหมือนกับทรงกลดคนรักเก่าของตนเองที่จากไปแล้ว หากแต่บุคลิกต่างกันมาก เอื้อกานต์พยายามใช้พลังจิตตรวจดูว่าคิมใช่ทรงกลดรึเปล่า แต่คิมใช้พลังจิตปิดกั้นไว้ ยิ่งทำให้เอื้อกานต์สับสน คิมมีลูกมือคอยช่วยงานคือ แดน เด็กหนุ่มผู้ที่มีชะตาชีวิตไม่ต่างจากคิม ทีเกื้อถูกส่งมาให้ดูแลความปลอดภัย ธีรนัฐ ผู้เป็นพ่อแท้ๆแต่ไม่มีใครรู้เลยนอกจากคนในครอบครัว เพราะเอื้อกานต์กับทีเกื้อเป็นลูกเมียน้อย ทีเกื้อยิ่งอึดอัดเพราะต้องมาทำงานใกล้ สัตตบงกช ซึ่งเป็นอดีตคนรัก แต่ตอนนี้เป็นคู่หมั้นกับ ด็อกเตอร์ธีรภูมิ พี่ชายต่างมารดา คิมเริ่มจัดการเหยื่อรายต่อไป เกริกภพ เจ้าของสินค้าสำเร็จรูป แต่สินค้าที่ขายไม่ได้มาตรฐานจนผู้บริโภคหลายคนร้องเรียน คิมแฝงตัวเข้าไปสืบเรื่องสารพิษและได้พบกับเอื้อกานต์อีกครั้ง เอื้อกานต์ที่ช่วยเหลือคนไข้และพยายามสืบเรื่องสารพิษที่ปล่อยจากโรงงานเกริกภพ จนถูกลูกน้องของเกริกภพทำร้าย คิมตามมาช่วยทัน คิมแกล้งปลอมเป็นนักข่าวเข้ามาทำงานจิตอาสาที่โรงพยาบาล จึงเริ่มสนิทกับเอื้อกานต์ คิมปล่อยอาคมใส่เกริกภพจนตาย แต่คิมรู้สึกผิดเมื่อเห็นลูกชายของเกริกภพต้องกำพร้าพ่อ เอื้อกานต์กลับไปสถานที่ที่คิมเคยทำอาคมจึงรู้ว่า ฮันเตอร์ คือคนทำให้เกริกภพตาย คิมตั้งใจว่าจะไม่ฆ่าใครอีกแต่จะใช้สื่อจัดการเปิดโปงแทน ฮันเตอร์ยอมตกลงให้คิมใช้วิธีของคิมจัดการกับเหยื่อ คิมเริ่มไปป่วนที่ห้างของเสี่ยเดชา แต่เดชาก็ใช้เงินปิดข่าวได้ทุกอย่าง และยังให้คุณหญิงอับสรเปลี่ยนบทสัมภาษณ์ใส่ร้ายคิมในรายการข่าวด้วย คิมจึงต้องกลับมาใช้อาคมเหมือนเดิม ทีเกื้อจำต้องไปดูแลความปลอดภัยให้ธีรนัฐ ระหว่างทางถูกแก๊งปาหินปาใส่รถธีรภูมกับสัตตบงกช ที่เกื้อให้ทุกคนรออยู่ในรถ แต่ก้อนหินนั้นมีกลิ่นฉุน ที่เกื้อตามแก๊งวัยรุ่นที่ก่อเหตุ เมื่อกลับมาพบว่าทุกคนในรถสลบไป เอื้อกานต์เห็นทุกอย่างในนิมิตจึงรีบตามมาและพาไปพักที่บ้านของคุณตา ทุกคนจึงต้องค้างคืนที่นี่ ยายยิ้มกับคุณตาคนดูแลบ้าน ได้เล่าเรื่องของทรงกลด คนรักเก่าของเอื้อกานต์ที่จากไปแล้วเอื้อกานต์ก็ไม่เปิดใจรักใครอีกเลยให้คิมฟัง แม้แต่นภ ซึ่งเป็นตำรวจเพื่อนสนิททีเกื้อ คิมเองเริ่มสบสันในความรู้สึก ธีรภูมิเห็นท่าทีของทีเกื้อกับสัตตบงกช ทีเกื้อยอมรับว่าเคยเป็นคนรักของสัตตบงกช ธีรภูมรู้สึกผิดที่หมั้นกับสัตตบงกชเพราะเหตุผลทางธุรกิจและเพื่อให้สัตตบงกชจะได้มีเงินใช้หนี้แทนแม่และเพื่อปกปิดการเป็นเกย์ของธีรภูมิ คิมเริ่มโดนเหยื่อมาทวงความยุติธรรม อาจารย์ได้เตือนเขาแล้วว่าเมื่อก้าวสู่เส้นทางการล้างแค้น นั่นหมายถึง กำลังเดินบนเส้นทาง ‘ผู้ก่อกรรมร้าย’ คิมยอมรับผลกรรมทุกอย่าง เดชาก็หัวใจวายแต่จู่ๆก็เด้งตัวขึ้นมาเหมือนผีเข้า คิมแค่ใช้อาคมให้เดชาทรมานแต่เดชากลับตาย คิมสืบจนรู้ว่าแท้จริงเหยื่อทุกคนที่ตายเพราะ ฮันเตอร์ คิมรู้สึกผิดหวังในตัวอาจารย์ ทีเกื้อสืบจนรู้ว่าเหยื่อทุกคนเกี่ยวข้องกับ ทรงพล นักลุงทุนและเป็นประธานก่อตั้งบริษัท TB Group ในยุคฟองสบู่แตก บริษัทของ เกริกภพ เดชา และ ธีรนัฐ ก็ได้รับความช่วยเหลือจาก TB Group เช่นกัน แต่เมื่อ 5 ปีก่อนบ้านของทรงพลโดนโจรยกเค้า คนร้ายสารภาพว่าในบ้านมีเงินสดอยู่มากและทองรูปพรรณ อีกทั้งทรงพลยังถูกซักฟอกเรื่องคดียาเสพติดอีกด้วย ทรงพลปฎิเสธทุกข้อกล่าวหาและพาครอบครัวหนี แต่โชคร้ายเครื่องบินโดนวางระเบิด ทุกคนเสียชีวิต เดชาขึ้นเป็นประธานคนต่อไปของ TB Group และโจรยกเค้าก็คือคนของ เกริกภพ จากข้อมูลทั้งหมดทำให้ทีเกื้อคิดว่า คิมมีส่วนเกี่ยวข้องกับทรงพล เหยื่อรายต่อไปคือ ธีรนัฐ เพราะ T.N. Entertainment ได้โจมตีข่าวทรงพล การแก้แค้นเริ่มขึ้น คิมป่วนสัญญาณออกอากาศเพื่อเปิดโปงความเลวของสถานีที่ช่วยปกปิดความผิดของเดชา จน T.N. Entertainment โดนซักฟอกเหมือนทรงพล เมื่อเทียบเรื่องราวเหตุการณ์ที่ได้จากทีเกื้อ เอื้อกานต์มั่นใจมากขึ้นว่าคิมคือทรงกลดคนรักเก่าของตัวเอง ทีเกื้อกับเอื้อกานต์จึงต้องช่วยกันหาทางขัดขวางคิมและปกป้องธีรนัฐ แต่เหยื่อตัวจริงคือ คุณหญิงอัปสร ภรรยาของธีรนัฐ คุณหญิงอัปสรได้ถูกอาคมจนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล เอื้อกานต์เอาชีวิตตัวเองเข้าแลกเพราะมันคือทางที่จะช่วยชีวิตคนไข้ไว้ได้ เธอไม่สามารถปล่อยคนไข้ตายไปต่อหน้าต่อตาถึงแม้คุณหญิงอัปสรจะเกลียดเธอก็ตาม ทีเกื้อใช้พลังพิเศษดูดพิษให้เอื้อกานต์แต่เอื้อกานต์ต้องเป็นเจ้าหญิงนิทรา คิมเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดยอมใช้อาคมเพื่อถอนอาคมให้เอื้อกานต์ ถึงแม้จะรู้ดีว่าการแก้อาคมจะทำให้พลังตนเองลดลงกว่าครึ่งและต้องใช้เวลาฟื้นฟูอีกนานก็ตาม อาจถึงขั้นเสียชีวิต แต่คิมก็ยอมเพราะคิมห่วงชีวิตเอื้อกานต์มาก ทีเกื้อแปลกใจที่คิมกลับมาช่วย คิมสารภาพว่าตนเองคือทรงกลดและคนที่ทำให้คิมรอดชีวิตมานั้นคือ ฮันเตอร์ ตนเป็นศิษย์ของฮันเตอร์ที่ตั้งใจถ่ายทอดวิชาให้ ทีเกื้อสงสัยอีกว่าทำไมทรงกลดต้องใส่หน้ากากหนัง ปลอมตัวเป็นคิม แต่ทรงกลดก็ไม่ยอมบอก บอกแค่กลับมาช่วยชีวิตเอื้อกานต์ ฮันเตอร์ให้ทรงกลดเปลี่ยนวิธีจัดการเหยื่อเพราะทีเกื้อเดาทางได้หมด คิมต้องกลับมาเป็นทรงกลดเพราะใบหน้าของคิมถูกตำรวจสเก็ตภาพไว้แล้ว ทรงกลดขอวิธีถอนพิษอาคมแต่ฮันเตอร์ท้าทายให้ไปฟื้นฟูพลังมาให้เท่าหรือมากกว่าเดิมเสียก่อน ทรงกลดเก็บตัวฝึกวิชาครั้งนี้ ทรงกลดต้องรอดเพื่อกลับไปช่วยชีวิตเอื้อกานต์ ทีเกื้อเฝ้าไข้เอื้อกานต์ไม่ห่าง สัตตบงกชดูแลทีเกื้อด้วยความเป็นห่วง จนคุณหญิงอัปสรสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ทั้งสองรับตรงกันว่าเคยรักกัน แต่รับปากว่าตราบใดที่สัตตบงกชยังเป็นคู่หมั้นของธีรภูมิจะไม่ทำอะไรเสียหาย คุณหญิงอัปสรพอใจในคำตอบของทั้งคู่ นภ พาศักดิ์ชาย เจ้าของบริษัทขนส่งมวลชน ไปหลบที่เซฟเฮาส์ ทรงกลดแก้แค้นโดยการส่งพลังจิตเพื่อสร้างภาพหลอนให้ศักดิ์ชายเห็นเป็นภาพเครื่องบินระเบิด ตอนนี้พลังของทรงกลดฟื้นฟูสำเร็จเขามีพลังมากกว่าเดิม อาจจะมากกว่าฮันเตอร์ด้วยซ้ำ เอื้อกานต์รู้สึกตัวแล้วและรู้ว่าคิมกับทรงกลดคือคนเดียวกัน เอื้อกานต์ขอให้ทรงกลดกลับมาเดินทางที่ถูกต้อง ทรงกลดใจอ่อน ฮันเตอร์จึงคิดหาทางกำจัดเอื้อกานต์เพราะเอื้อกานต์เป็นอุปสรรคต่อการแก้แค้นของทรงกลด ทรงกลดกับเอื้อกานต์เริ่มใช้ชีวิตอย่างมีความสุข มีคนสวมรอยเป็นคิมและฆ่าคน ทรงกลดจึงสืบจนรู้ว่าเป็นฝีมือของศักดิ์ชายและศักดิ์ชายเป็นคนอยู่เบื้องหลังการระเบิดเครื่องบิน จนทำให้ครอบครัวทรงกลดต้องตาย ไม่มีใครคิดว่าทรงกลดจะรอดมาได้และกลับมาแก้แค้น ทวงความยุติธรรมให้พ่อ ด้วยวิธีที่ทุกคนคาดไม่ถึง ทรงกลดไม่ยอมหยุดเขาไม่รอกฎแห่งกรรม ทีเกื้อจึงพาทรงกลดไปห้องศักดิ์ชาย แต่ศิกดิ์ชายกำลังทุกข์ทรมานกับโรงมะเร็งจนต้องร้องขอความตายจากทรงกลด ความตายคือหนทางเดียวที่จะทำให้ศักดิ์ชายพ้นทุกข์ ทรงกลดไม่เคยเจอเหยื่อที่ร้องขอความตาย เขาสับสนว่าควรทำอย่างไร ทรงกลดจะพ้นจากพันธนาการความแค้น หรือ ปล่อยให้ศักดิ์ชายรับผลกรรม และเอื้อกานต์จะทำให้ทรงกลดคนเดิมกลับมาได้หรือไม่ ความแค้นในใจของทรงกลดจะดับลงด้วยวิธีได ติดตามได้

นางทาส 2559

นางทาส (2559/2016) เย็น (มทิรา ตันติประสุต) เด็กสาวอายุ 16 เกิดในครอบครัวยากจน ถูกขายมาเป็นทาสในบ้านพระยาสีหโยธิน (ณัฐวุฒิ สกิดใจ) เพื่อเอาเงินไปให้พ่อแม่ที่กำลังลำบาก ทันทีที่เข้ามาในบ้านหลังนี้เย็นต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งของคนที่อยู่มาก่อน แต่โชคดีที่ได้ ฟัก (ขวัญฤดี กลมกล่อม) และเที่ยง (ดนัย จารุจินดา) ทาสรุ่นพี่คอยช่วยเหลือเอาไว้ เย็นเริ่มรู้เรื่องราวความเป็นไปในบ้านหลังนี้อย่างดี แต่สิ่งที่เย็นไม่เคยรู้เลยก็คือ การแย่งชิงอำนาจกันในหมู่ของภรรยาท่านเจ้าคุณ นั่นคือ คุณหญิงแย้ม (วิริฒิพา ภักดีประสงค์) เอกภรรยา และอนุภรรยาอีกสองคน คือ สาลี่ (หยาดทิพย์ ราชปาล) และบุญมี (ณัฐฐชาช์ บุญประชม) ทำให้เรือนนั้นเหมือนตกอยู่ในสงครามไม่มีผิด การชิงอำนาจยิ่งเข้มข้นมากกว่าเดิมเมื่อท่านเจ้าคุณได้เลื่อนขั้นเป็นพระยา และคุณแย้มได้รับแต่งตั้งเป็น “คุณหญิงแย้ม” ทำให้สาลี่อิจฉาจนบางครั้งหักหน้าคุณหญิง วิธีเดียวที่จะทำให้ท่านเจ้าคุณรักได้นั้นคือการมีลูกแต่ไม่มีภรรยาคนไหนทำได้ วันหนึ่งคุณหญิงโดนโจรวิ่งราวแต่กลับได้ เย็น ทาสสาวในบ้านช่วยไว้ ทำให้คุณหญิงแย้มประทับใจ และคิดยกเย็นมาเป็นเมียน้อยท่านเจ้าคุณ จึงให้ขึ้นมารับใช้บนเรือน แถมยังขัดสีฉวีวรรณจนเย็นสวยขึ้นผิดหูผิดตา ในที่สุดท่านเจ้าคุณจึงเอ่ยปากขอเย็นมาเป็นเมียอีกหนึ่งคน สาลี่และบุญมีรู้เรื่องเข้าจึงพยายามขัดขวางแต่ไม่สำเร็จ จนกระทั่งคุณหญิงแย้มและเย็นท้องขึ้นมาพร้อมกัน สร้างความเกลียดชังให้สาลี่และบุญมีอย่างมาก เมื่อถึงวันคลอดทั้งคุณหญิงและเย็นคลอดลูกพร้อมกัน ลูกชายของคุณหญิงเสียชีวิต ส่วนเย็นคลอดลูกสาว ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง คุณหญิงเสียใจที่ลูกของตัวเองตาย ด้วยความที่กลัวว่าฐานะของตนเองจะสั่นคลอนเลยให้ฟักไปขอลูกจากเย็นมาเป็นลูกตน เพราะตอนนี้ท่านเจ้าคุณไม่อยู่ และทาสทั้งเรือนไม่มีใครรู้เรื่องนี้ เย็นรักลูกมากไม่อยากให้ลูกไป แต่ด้วยบุญคุณที่คุญหญิงมีให้เลยยอมยกลูกให้คุณหญิง ท่านเจ้าคุณตั้งชื่อลูกว่า แดง หรืออุ่นเรือน เย็นคอยเฝ้าดูแลคุณหนูแดงเป็นอย่างดีแต่ไม่สามารถบอกใครได้ว่านี่คือลูกของตนเอง วันหนึ่งพี่ชายของเย็นมาขอเงินกับเย็นที่เรือน บอกว่าพ่อไม่สบายหนักมาก เย็นจึงถอดสร้อยคอที่ท่านเจ้าคุณให้ไป ในเวลาเดียวกันบุญมีมาเห็นและไปยุแยงท่านเจ้าคุณว่าเย็นคบชู้ ท่านเจ้าคุณโมโหขาดสติสั่งเฆี่ยนเย็นและสั่งไม่ให้ขึ้นมาบนเรือนอีก เย็นเสียใจมากที่จะไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับลูกของตนเองอีกแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปคุณแดงเติบโตขึ้นเป็นเด็กน่ารัก แต่กลับได้รับการเสี้ยมสอนจากบุญมีให้เกลียดเย็นผู้เป็นแม่ เย็นเสียใจมาก บุญมีแสดงตนว่ามีลูกกับท่านเจ้าคุณ ทั้งๆที่ลูกนั้นเกิดมาจาก เที่ยง ทาสหนุ่มที่ตนแอบหลงรัก แต่ด้วยฐานะต่างจึงไม่สามารถแสดงออกได้ ส่วนสาลี่ติดการพนันอย่างหนักหน่วงและคบหากับพวกนักเลง จึงถูกปลดไปเป็นทาส เย็นเข้ามาช่วยดูแลจนสาลี่ซึ้งใจในความดี หลังจากที่สาลี่หมดวาสนา พระมหาเทพจึงวางแผนใส่ร้ายท่านเจ้าคุณให้รับผิดแทนตน สาลี่มีหลักฐานที่พระมหาเทพทุจริตทั้งหมดจึงจะนำหลักฐานออกมาแฉ พระมหาเทพเลยขู่จะทำร้ายคุณแดง ให้เย็นเอาหลักฐานมาให้ เย็นแอบขโมยหลักฐานแต่ฟักกลับเป็นคนไปแทน ทำให้ฟักรับเคราะห์แทน แต่ก็ช่วยคุณแดงได้สำเร็จ ท่านเจ้าคุณซาบซึ้งน้ำใจสาลี่ที่ช่วยเรื่องหลักฐาน แต่สาลี่ต้องติดคุกในสิ่งที่ตนทำ วันหนึ่งพี่ชายของเย็นมาขอไถ่ถอนตัวเย็น ความจริงจึงปรากฏว่าชายคนนั้นเป็นพี่ชายของเย็น ไม่ใช่ชู้ อีกทั้งยังเป็นคนเดียวกับคนที่เคยช่วยเหลือท่านเจ้าคุณเมื่อครั้งไปราชการเพื่อรบกับข้าศึก ท่านเจ้าคุณรู้สึกผิดมากจึงยอมปล่อยให้เย็นไปกับพี่ชาย จนกระทั่งคุณแย้มมาสารภาพว่าคุณแดงไม่ใช่ลูกของตนแต่เป็นลูกของเย็น แม้เย็นจะเป็นไทแต่ด้วยความห่วงลูกจึงไม่ยอมกลับไป ท่านเจ้าคุณจึงยกเย็นขึ้นมาเป็นอนุภรรยาอีกครั้งและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

ข้าบดินทร์ 2558

ข้าบดินทร์ (2558/2015) ในสมัยรัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่เมืองปากน้ำ สมุทรปราการ เหม เป็นบุตรชายคนเดียวของ พระยาบริรักษ์ ผู้มีหน้าที่คอยดูแลจัดเก็บค่าระวางจากเรือที่ขนสินค้าที่เข้ามาในประเทศสยามโดยวัดจากความกว้างของปากเรือ ส่วนมารดาคือ คุณหญิงชม ซึ่งมีเชื้อสายมอญคลองบางหลวง เหมเป็นเด็กหนุ่มที่มีรูปงาม ผิวเนื้อเหลืองดั่งทองจนได้ชื่อว่าพ่อเหมรูปทอง เป็นที่รักใคร่ของทุกคนในบ้าน เหมมีความสนใจใคร่รู้ในเรื่องของชาววิลาศ (อังกฤษ) อย่างมาก เพราะในเมืองปากน้ำมีพวกฝรั่งวิลาศมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเนื่องจากเป็นเมืองท่าสำคัญ ในขณะที่ชาวบ้านทั่วไปต่างพากันหวาดกลัวพวกวิลาศ เพราะเห็นว่ารูปร่างหน้าตาสีผมสีผิวแตกต่างจากคนทั่วไป

ในการแข่งว่าวชิงเงินเดิมพันที่เมืองปากน้ำ สมิงสอดน้อย นำว่าวกุลา (จุฬา) ของตนขึ้นแข่งกับว่าวของนักเลงคนอื่นๆ และสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย เหมกับพวกนำว่าวปักเป้าของตัวเองมาท้าประลองวางเดิมพันกับสมิงสอดน้อย สมิงสอดน้อยชะล่าใจ คิดว่าเด็กอย่างเหมไม่น่ามีพิษสงอะไรจึงรับคำท้าของเหม แต่ผลการแข่งขันกลับออกมาว่าเหมเป็นฝ่ายที่สามารถตัดสายป่านว่าวของสมิงสอดน้อยได้สำเร็จ สมิงสอดน้อยจึงทั้งเสียหน้าและเสียเงินพนันให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างเหมจนได้ เหมไปเรียนวิชาทำสายป่านว่าวให้คมมาจาก ลุงรี แขกที่มารับใช้ แหม่มมาเรีย ฝรั่งชาววิลาศในเมืองปากน้ำ เหมกับแหม่มมาเรียสนิทสนมกันจนเหมได้เรียนรู้ภาษาวิลาศจากแหม่มมาเรียไปด้วย พระยาบริรักษ์ปรึกษากับคุณหญิงชมเรื่องที่ได้ยินข่าวลือว่าเหมไปทำตัวสนิทสนมกับพวกวิลาศ จึงเรียกตัวเหมมาสอบถามให้รู้เรื่อง เหมก็แก้ตัวไปว่าต้องการเรียนภาษาวิลาศเพื่อมาแบ่งเบาภาระของพระยาบริรักษ์ที่มีหน้าที่ต้องติดต่อกับพวกวิลาศเป็นประจำ พระยาบริรักษ์เจอลูกประจบเข้า ก็พูดไม่ออก แต่ในใจจริงแล้วไม่อยากให้เหมไปสนิทสนมกับพวกวิลาศนัก เพราะท่านมีความคิดฝังหัวว่าพวกวิลาศไม่ได้มาดี แต่จะมาเอาชาวสยามไปเข้ารีต หรือไม่ก็หวังจะมายึดครองประเทศแบบเดียวกับที่กำลังรุกรานพม่าอยู่ในขณะนั้น คุณหญิงชมแนะให้พระยาบริรักษ์นำตัวเหมไปฝากเรียนวิชากับพระครูโพ เจ้าอาวาสวัดท้ายน้ำ เพื่อจะได้รับราชการต่อไปภายหน้า อีกทั้งก็ยังสามารถแยกเหมออกมาจากพวกวิลาศได้ด้วย พระยาบริรักษ์ก็เห็นด้วยกับความคิดของคุณหญิง เหมไม่อยากไปเรียนหนังสือที่วัด เพราะรู้ว่าพ่อกับแม่ต้องการให้เหมอยู่ห่างจากพวกวิลาศ จึงชักชวนให้ บุษย์ ลูกสมุนคนสนิท พากันหนี แต่ก็ถูกไล่ตามจับตัวมาจนได้ บุษย์จะถูกลงโทษ เหมขอร้องไว้ คุณหญิงชมจึงตัดสินใจให้ทั้งเหมและบุษย์ไปเรียนหนังสือที่วัดด้วยกัน เมื่อไปถึงที่วัด ท่านพระครูโพตรวจดวงชะตาของเหมแล้ว ก็รู้ว่าชีวิตของเหมจะต้องผ่านบททดสอบอย่างหนักเหมือนทองคำที่ต้องผ่านกระบวนการต่างๆ มากมายกว่าจะเป็นทองรูปพรรณอันงดงาม ท่านพระครูถามเหมว่าอยากเรียนวิชาการต่อสู้หรือไม่ แต่พระยาบริรักษ์ต้องการให้เหมเรียนหนังสือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น พระยาบริรักษ์ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ด่านท่าเรือตามปกติ หลวงสรอรรถ เข้ามาเจรจากับพระยาบริรักษ์เพื่อขอให้ลดค่าระวางปากเรือให้กับเรือของกะปิตันฝรั่ง แต่พระยาบริรักษ์ไม่ยอม เพราะไม่ไว้ใจชาววิลาศกับหลวงสรอรรถเป็นทุนเดิม เนื่องจากเคยมีเหตุการณ์ที่กะปิตันแมคโดแนลลักลอบนำสินค้าหลบหนีภาษีเข้ามาในสยาม ขณะที่หลวงสรอรรถก็เข้ามาติดต่อกับพระยาบริรักษ์เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงภาษี หลวงสรอรรถไม่พอใจที่พระยาบริรักษ์ไม่ยอมช่วยเหลือ จึงคิดจะไปเข้าหาเจ้าพระยาพระคลังเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ก็รู้ดีว่ายากที่จะสำเร็จ เพราะเจ้าพระยาพระคลังเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่เด็ดขาด หลวงสรอรรถบังเอิญได้พบกับขบวนของหลานสาวท่านเจ้าพระยาพระคลังทั้งสามคน อันได้แก่ ทับทิม บัว และ ลำดวน หลวงสรอรรถนึกชอบใจในความงามของบัวซึ่งกำลังจะได้แสดงเป็นนางสีดาที่ตำหนักอัมพวาแทนทับทิมที่กำลังจะแต่งงานกับหมื่นพิพิธภูบาล จึงคิดจะเข้าทางหาเจ้าพระยาพระคลังโดยผ่านทางบัว หลวงสรอรรถไปเยี่ยมเจ้าพระยาพระคลัง พร้อมด้วยข้าวของเครื่องใช้โดยอ้างว่านำมาให้ใช้ในงานแต่งงานของทับทิม และกำไลข้อมือมากำนัลแด่หลานสาวของท่าน แต่เจ้าพระยาพระคลังรู้ทันว่าหลวงสรอรรถต้องการอะไร จึงปฏิเสธไปอย่างไม่ไยดี หลวงสรอรรถได้แต่กลับไปอย่างหงุดหงิดที่ไม่มีอะไรสำเร็จสักอย่าง ปิ่น มารดาของสามสาว กับทับทิมสงสัยว่าหลวงสรอรรถจะมาชอบพอบัว แต่ก็เห็นว่าไม่เหมาะสม เพราะหลวงสรอรรถนั้นมีภรรยาหลวงอยู่ก่อนแล้ว เหมเริ่มปรับตัวได้ จึงเรียนหนังสือได้อย่างรวดเร็ว ช่วงบ่ายๆ ระหว่างที่พระครูโพจำวัด เหมก็มักจะใช้เวลาไปเที่ยวเล่นในบริเวณวัดเพียงลำพัง ขณะที่เจ้าบุษย์แอบหลบไปจีบแม่แสงเนย ลูกสาวของจีนจู๊ เหมบังเอิญเห็นกลุ่มนายทหารที่ซุ่มฝึกซ้อมวิชาดาบอยู่ในดงตาลหลังป่าช้า จึงแอบเข้าไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในกลุ่มนายทหารที่ซุ่มซ้อมดาบนั้น มีสมิงสอดน้อยที่เคยแพ้พนันว่าวกับเหมรวมอยู่ด้วย เหมถูกจับได้ว่ามาแอบดู พุ่ม ชายพิการร่างแคระ หลานของพระครูโพช่วยขอร้องให้ปล่อยเหมไป แต่สมิงสอดน้อยยังแค้นเรื่องเก่าอยู่ ไม่ยอมปล่อยไปเปล่าๆ จึงท้าให้เหมมาสู้กัน ถ้าเหมแพ้ จะต้องถูกตัดลิ้น เหมฮึดสู้กับสมิงสอดน้อยจนสามารถทำร้ายสมิงสอดน้อยได้แต่ก็พ่ายไปในที่สุด สมิงสอดน้อยยอมปล่อยเหมไป ขรัวปู่ยม ผู้ฝึกสอน เหล่าสมิงเห็นแววในตัวของเหม จึงอาสาจะฝึกสอนวิชาดาบอาทมาตให้กับเหม เหมนั้นแม้จะกลัวพ่อกับแม่รู้ แต่อีกใจก็อยากเรียน จึงตกลงมาขอเป็นศิษย์ด้วยอีกคน บุษย์ได้ยินมาว่าแหม่มมาเรียไม่สบายหนัก เหมจึงหาโอกาสตอนที่คุณหญิงชมไปทำบุญที่วัด ลักลอบออกไปเยี่ยมแหม่มมาเรียที่บ้าน แหม่มมาเรียนั้นป่วยเป็นโรคฝีในท้อง จึงต้องใช้ฝิ่นเพื่อบรรเทาอาการปวด ทว่าพระยาบริรักษ์ บิดาของเหมนั้นตั้งข้อรังเกียจสินค้าชนิดนี้ ดังนั้น ไมเคิล เจเมสัน สามีของแหม่มมาเรีย จึงต้องแอบนำฝิ่นเข้ามาอย่างยากลำบาก หลายครั้งแหม่มมาเรีย จึงต้องเจ็บปวดทุรนทุรายเนื่องจากมีฝิ่นไม่พอบรรเทาอาการปวด แต่ถึงกระนั้นแหม่มมาเรียก็ยังเอ็นดูเหม และสอนภาษาวิลาศให้กับเหมด้วยความเต็มใจ ขากลับ เหมกับบุษย์ได้พบกับลำดวนที่แอบปีนต้นไม้ขึ้นไปดูเหมเข้าไปในบ้านของพวกวิลาศแล้วลงมาไม่ได้ เหมกับบุษย์จึงช่วยกันพาตัวลำดวนลงมา บัวกับพวกบ่าววิ่งตามมาหาลำดวนจนเจอ บัวเห็นหน้าเหมเข้าก็ประทับใจในความรูปงามของเหมทันที ลำดวนเปรยกับบัวว่าอยากมีพี่ชายใจดีแบบเหมบ้าง บัวเขินอาย นึกถึงแต่หน้าของพ่อเหมรูปทองตลอดเวลา ในวันงานแต่งงานของทับทิมกับหมื่นพิพิธภูบาล มีคนใหญ่คนโตมาร่วมงานกันคับคั่ง รวมทั้งพระยาราชสุภาวดี (ซึ่งภายหลังจะได้เป็นเจ้าพระยาบดินทรเดชา) พระยาบริรักษ์พาเหมกับคุณหญิงชมมาร่วมงานด้วย ระหว่างที่นั่งสนทนากันประสาผู้ใหญ่ พระยาราชสุภาวดีนำข่าวมาแจ้งว่ามีพระบรมราชโองการให้เหล่าขุนนางระมัดระวังตัวให้ดีเวลาติดต่อกับพวกวิลาศ เนื่องจากทางพม่าเพิ่งจะเสียเมืองยะไข่กับตะนาวศรีให้พวกวิลาศไป ฉะนั้นอย่าทำอะไรที่พวกวิลาศจะใช้เป็นข้ออ้างในการยึดครองเมืองได้ โดยเฉพาะพระยาบริรักษ์ซึ่งเคยมีเรื่องวิวาทกับพวกวิลาศบ่อยๆ พระยาบริรักษ์จำใจต้องรับปากเพราะว่าเป็นพระบรมราชโองการ จึงขัดขืนไม่ได้ เหมกับบุษย์ไปเดินดูรอบๆ งาน และได้พบกับ คุณชายช่วง บุตรชายคนโตของพระยาพระคลัง คุณชายช่วงมีความสนใจในภาษาวิลาศเหมือนกัน เมื่อรู้ว่าเหมรู้ภาษาวิลาศจึงให้ความสนใจอย่างมาก ลำดวนมาเจอกับเหม เหมพูดคุยเล่นหัวกับลำดวนอย่างสนิทสนม ลำดวนดีใจที่มีพี่ชายที่ใจดีเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง ระหว่างเดินกลับขึ้นเรือน เหมกับพระยาบริรักษ์เกือบมีเรื่องกับหลวงสร-อรรถ แต่โชคดีที่ได้คุณชายช่วงมาช่วยไว้ทันเวลา หลวงสรอรรถได้แต่แค้นใจที่ทั้งพระยาบริรักษ์และเหมดูจะเป็นศัตรูกับเขาไปทั้งสองคน ด้านคุณปิ่นเห็นหน้าเหมแล้วนึกชอบใจ จึงคิดจะจับคู่ให้เหมกับบัว จึงให้แม่สื่อไปทาบทามขอวันเดือนปีเกิดของเหมมา ด้านพระยาบริรักษ์เองก็ไม่ค่อยได้ดุด่าเหมเรื่องวิลาศอีก เนื่องจากคุณชายช่วงมีท่าทีสนับสนุนเหมให้เรียนภาษาวิลาศไว้ พระครูโพเริ่มสอนวิชาตำราพิชัยสงครามให้กับเหม ขณะที่วิชาดาบกับขรัวปู่ยมก็ก้าวหน้ามากขึ้น สมิงสอดน้อยเริ่มยอมรับในตัวเด็กหนุ่มถึงกับอาสามาเป็นคู่ซ้อมให้ สมิงสอดน้อยกำลังจะไปทัพเพราะได้ยินข่าวว่าทางกรุงศรีสัตนาคนหุตกำลังเรียกระดมพล จึงต้องขึ้นไปสอดแนมที่โคราช เหมถูกเรียกตัวมาพบคุณชายช่วงเพราะคุณชายช่วงมีหนังสือภาษาวิลาศเล่มใหม่มาอวด เหมมาถึงเรือนตอนที่พวกสาวๆ อาบน้ำกันพอดี บัวเขินอายเมื่อรู้ว่าเหมเห็นเธอกำลังอาบน้ำอยู่ แต่จริงๆ แล้วเหมไม่ได้คิดอะไรกับบัวเลย เหมเอาขนมมาฝากลำดวน พวกบ่าวไพร่ก็เอาไปลือกันว่าเหมจะใช้ลำดวนเป็นสะพานเข้าจีบบัว ลำดวนรบเร้าให้บัวฝากใบพลูไปให้เหมเพราะอยากมีพี่ชาย บัวอิดออดแต่ยอมมอบใบพลูฝากลำดวนไปให้เหมในที่สุด บุษย์ล้อเลียนเหมว่าสาวเจ้ามีใจให้ แต่เหมกลับไม่สนใจ เพราะยังห่วงเรื่องเล่นเรื่องเที่ยวมากกว่าจะสนใจผู้หญิง พระยาบริรักษ์ออกไปรับเรือกำปั่นขนสินค้าของคุณไมเคิล เจเมสัน โดยมีหลวงสรอรรถมาเป็นนายหน้าเหมือนเช่นเคย สินค้าที่บรรทุกมาในระวางนั้นมีตุ๊กตากระเบื้องที่แอบซุกซ่อนฝิ่นเพื่อใช้บรรเทาอาการป่วยของแหม่มมาเรียอยู่ด้วย แต่หลวงสรอรรถกลับขนตุ๊กตาทั้งหมดไปใส่โกดังจนหมดเพราะหวังจะฮุบฝิ่นไว้เป็นของตัวเอง แล้วโทษว่าเป็นคำสั่งของพระยาบริรักษ์ มิสเตอร์เจเมสันพยายามมาติดต่อพระยาบริรักษ์เพื่อขอของคืนโดยนำสินบนมาให้ พระยาบริรักษ์ไม่พอใจ มิสเตอร์เจเมสันก็เข้าใจผิดว่าพระยาบริรักษ์จะฮุบของไว้ ทั้งคู่จึงก่อเรื่องวิวาทกันขึ้นมาอีก มิสเตอร์เจเมสันสะบักสะบอมกลับไป คุณหญิงชมฝันร้ายว่าฟ้าผ่าไฟไหม้กลางเรือน พระยาบริรักษ์นิ่งงันเพราะมันหมายความว่าบ้านช่องจะแตกยับอัปราภายในไม่กี่วัน แต่ก็ฝืนปลอบใจคุณหญิงชมว่าไม่ร้ายแรงอะไร ตกดึกคืนนั้นเหมได้ไปร่วมพิธีปลุกเสกของขลังกับกลุ่มของสมิงสอดน้อยที่วัด และได้รับผ้าประเจียดกับว่านเกราะเพชรไพฑูรย์ ซึ่งมีสรรพคุณทำให้หนังเหนียว จากขรัวปู่ยมมาเก็บไว้ คืนเดียวกันนั้น พระพิชัยปราการคนสนิทของเจ้าพระยาพระคลัง มาตามตัวพระยาบริรักษ์ไปพบกับพระยาสมุหกลาโหมด้วยราชการด่วน ทว่าระหว่างทางไปที่เรือนของพระยาพระคลัง พระยาปลัดสมุทรปราการมาดักซุ่มเตือนภัยพระยาบริรักษ์ว่า มีผู้พบศพของมิสเตอร์เจเมสันถูกฆ่าตัดหัวหลังจากมีเรื่องวิวาทกับพระยาบริรักษ์ พระยาบริรักษ์ใจหายวาบ เพราะรู้ว่าตนเองกำลังถูกเพ่งเล็งว่าเป็นคนฆ่า ซึ่งการขัดขืนพระบรมราชโองการนั้นมีโทษถึงขั้นประหารและริบเรือน พระยาบริรักษ์จึงเร่งเดินทางกลับไปเตือนทุกคนที่บ้านให้แยกย้ายกันไปซ่อนตัวยังที่ปลอดภัย แต่ก็ไม่ทันการณ์ ทหารของพระยาสมุหกลาโหมบุกเข้ามาจับตัวพระยาบริรักษ์กับคุณหญิงชมไว้ได้ เหมที่กระโดดน้ำหนีไปได้แล้ว กลับหวนมาช่วยคุณหญิงชม แต่ก็ประดาบสู้แรงของขุนสิทธิสงคราม ทหารของพระยาสมุหกลาโหมไม่ได้ จึงถูกจับตัวไปด้วยอีกคน พระยาบริรักษ์ คุณหญิงชมและเหม ถูกนำตัวไปขังไว้ในสถานที่คุมขังนักโทษ ได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส แต่กระนั้นพระยาบริรักษ์ก็ไม่ยอมรับว่าเป็นผู้สังหารมิสเตอร์เจเมสัน พระยาพระคลังเองก็ไม่เชื่อว่าพระยาบริรักษ์จะเป็นผู้สังหารชาววิลาศคนนั้น แต่หลักฐานหลายๆ อย่างกลับบ่งชี้ไปในทางนั้นทั้งหมด ทุกคนต่างกังวลว่าหากยังลงโทษคนที่กระทำผิดไม่ได้ พวกวิลาศอาจจะหาเรื่องทำสงครามกับประเทศสยามก็เป็นได้ พระยาปลัดสมุทรปราการมาขอร้องให้พระยาบริรักษ์เห็นแก่ชาติบ้านเมืองและส่วนรวมด้วยการยอมรับสารภาพความผิด พระยาบริรักษ์จึงยอมสารภาพ แม้จะฝืนใจเพียงใดก็ตาม แต่ความจริงแล้ว คนที่ฆ่ามิสเตอร์เจเมสันคือหลวงสรอรรถ ส่วนสาเหตุที่ฆ่าก็คือหักหลังกันเรื่องฝิ่นที่ลักลอบขนเข้ามา หลวงสรอรรถนั้นกุมความลับดำมืดของพระยาปลัดสมุทรปราการไว้ จึงบังคับให้พระยาปลัดสมุทรปราการมาเกลี้ยกล่อมให้พระยาบริรักษ์ยอมรับสารภาพแทน ด้านบุษย์กับ ไปล่ ผู้เป็นพ่อ หลังจากหนีรอดไปได้ ไปล่ก็คิดจะกลับมาช่วยพระยาบริรักษ์ แต่บ่าวคนอื่นๆ ไม่เห็นด้วย ต่างเข้ามารุมทำร้ายไปล่แล้วชิงเงินที่พระยาบริรักษ์แบ่งมาให้ ก่อนจะหลบหนีไป ไปล่กลายเป็นอัมพาตพูดไม่ได้ สองพ่อลูกต้องไปอาศัยพระครูโพอยู่ที่วัด สมิงสอดน้อยรู้เรื่องที่เหมถูกจับตัวไป จึงคิดจะไปชิงตัวเหมมา แต่พระครูโพกับขรัวปู่ยมห้ามไว้ บอกว่าไม่มีใครขัดขวางชะตากรรมได้ สมิงสอดน้อยจึงต้องยอมวางมือแต่โดยดี เมื่อทางบ้านของลำดวนรู้ข่าวของเหมกับพระยาบริรักษ์ การจับคู่ของเหมกับบัวจึงเป็นอันต้องตกไป คุณปิ่นกับ ขุนนาฏยโกศล ผู้เป็นสามี จึงคิดจะส่งบัวเข้าไปถวายตัวในวังเสด็จในกรม เ พราะไม่ไว้ใจหลวงสรอรรถที่แวะเวียนมาบ่อยๆ บัวเองก็จำเป็นต้องตัดใจจากเหม ขณะที่ลำดวนเมื่อรู้ข่าวของเหม ก็ได้แต่นอนร้องไห้สงสารพี่ชายรูปทองที่ต้องประสบเคราะห์กรรมสาหัส คุณปิ่นพาบัวและลำดวนมาเดินตลาด ขณะเดียวกันนั้น พะทำมะรงก็พาบรรดานักโทษที่ไม่มีญาติคอยหาเลี้ยง ออกมาเดินขอทานตามถนน ซึ่งในนั้นก็มีพระยาบริรักษ์ คุณหญิงชมและเหมรวมอยู่ด้วย คุณหญิงชมเป็นลมตรงหน้าขบวนของคุณปิ่นพอดี คุณปิ่นไม่กล้าเข้าไปช่วยเหลือเพราะกลัวจะติดร่างแหไปด้วย บัวเองก็ไม่กล้าขัดคำสั่งมารดา ลำดวนสงสารเหมกับแม่จับใจ รีบคว้าแตงกวาไปป้อนให้คุณหญิงชมได้กินพอหายร้อน เหมกับแม่ซาบซึ้งในน้ำใจของลำดวนอย่างมาก พอคุณปิ่นตั้งสติได้ ก็กระชากตัวลำดวนกลับไปทันที พระยาบริรักษ์ คุณหญิงชมและเหมเดินทางเข้ามาในพระนครเพื่อฟังการตัดสินโทษ พระยาบริรักษ์ถูกตัดสินให้ทวนพระยาบริรักษ์ ๕๐ ที ริบราชบาตร แล้วเอาตัวพร้อมกับลูกเมียไปเป็นตะพุ่นหญ้าช้าง พระยาบริรักษ์ทนการถูกลงทัณฑ์ไม่ไหว เสียชีวิตหลังจากตกเป็นตะพุ่นหญ้าช้างได้ไม่นาน ด้านสองแม่ลูกต้องถูกเกณฑ์ไปยังที่ต่างๆ เมื่อนานวันเข้า ก็หายสาบสูญไป ไม่มีใครรู้ว่าไปอยู่ ณ แห่งหนตำบลใด ๙ ปีผ่านไป เกิดความวุ่นวายขึ้นในเขมร พระยาบดินทรเดชาได้เกณฑ์ไพร่พลขึ้นไปยังเมืองพัตบองเพื่อตระเตรียมรับมือกับญวน ในการนี้คณะปี่พาทย์ละครของขุนนาฏยโกศลถูกเกณฑ์ตามไปแสดงให้ขุนนางผู้ใหญ่ดูด้วย คุณปิ่นไม่ได้อยากไปนักเพราะกลัวลำบาก ขณะที่ท่านขุนนาฏยโกศลนั้นไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้นัก เพราะมีคู่หูใหม่คือ หมื่นวิชิตชลหาญ ที่มักจะนำสุรามามอบให้ท่านขุนบ่อยๆ แต่ที่จริงแล้วหมื่นวิชิตฯ นั้นหวังจะมาพบหน้าลำดวนที่ตอนนี้ได้รำเป็นตัวนางสีดาแทนบัวที่เข้าไปถวายตัวในวังเสด็จในกรมแล้ว คุณปิ่นเข้าไปหาบัวในวังเพราะหวังว่าบัวจะสามารถช่วยทูลขอให้ยับยั้งการเดินทางได้ ทว่าชีวิตของบัวในวังนั้นไม่ได้มีความสุขสบายเหมือนที่หวังไว้ เพราะเสด็จในกรมไม่ทรงโปรดนางละคร แต่กลับทรงไปขลุกอยู่กับพวกตัวละครนอกแทน บัวจึงไม่สามารถช่วยเหลือคุณปิ่นได้ คุณปิ่นจึงได้แต่หนักใจกับการเดินทาง เพราะเกรงว่าการไปอยู่ใกล้แม่ทัพนายกองทั้งหลาย จะทำให้ลำดวนเสียชื่อเสียง หมื่นวิชิตฯ ได้ข่าวการเดินทางครั้งนี้ จึงหาทางขอเป็นคนคุมกระบวนคณะละครจากพระมหานครไปส่งที่เมืองเวียงจันทน์ เพราะหวังว่าจะได้ใกล้ชิดกับลำดวน ระหว่างการเดินทางมุ่งสู่เมืองเวียงจันทน์ หมื่นวิชิตฯ ก็หาทางเข้าใกล้ลำดวน แต่ลำดวนก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะไม่นึกชอบหมื่นวิชิตฯ ที่ดีแต่อวดเบ่งใส่คนอื่น ชอบคุยโตโอ้อวดว่าตนเป็นหลานของพระยานครนายก ในเมื่อสาวเจ้าไม่สนใจ หมื่นวิชิตฯ ก็เอาใจท่านขุนนาฏยโกศลแทนด้วยการนำสุราอย่างดีที่ขนมาด้วยให้ท่านขุนดื่มไม่อั้น ในขบวนดังกล่าวมีควาญช้างสองคนร่วมเดินทางมาด้วย ทั้งสองมีชื่อว่า ส่ง กับ มา นายส่งเป็นคนตาฟาง ส่วนนายมาเป็นคนหูหนวก อยู่มาวันหนึ่ง ขุนนาฏยโกศลดื่มเหล้าจนเมามายแล้วไปปีนต้นตาล ก่อนจะตกลงมาขาหักทั้งสองข้าง หมื่นวิชิตฯ ได้ยินว่ามีพวกกรมช้างนอกของ ขุนศรีไชยทิตย มาโพนช้างอยู่ละแวกเมืองโคราช จึงสั่งให้นายส่งกับนายมาไปขอความช่วยเหลือ นายส่งกับนายมาอิดออดไม่อยากไป แต่ก็ขัดหมื่นวิชิตฯ ไม่ได้ ลำดวนกับ หุ่น เพื่อนสนิท ออกไปตักน้ำด้วยกันในลำธาร ก็บังเอิญได้พบกับพวกที่มาโพนช้าง หนึ่งในนั้นก็มีเหมซึ่งมีหน้าที่เป็น “เสดียง” อยู่ด้วย แต่ลำดวนจำเหมไม่ได้ เพราะรูปลักษณ์ภายนอกของเหมเปลี่ยนไปมาก ส่วนหนึ่งเพราะเหล่าควาญช้างต้องถือกรรมซึ่งมีข้อห้ามต่างๆ มากมาย เช่น ห้ามตัดผมหรือว่าหนวดเครา ห้ามพูดจากับผู้หญิง ฯลฯ นายส่งกับนายมาไปตามขุนศรีไชยทิตย ปลัดในกรมพระคชบาลที่กำลังมาโพนช้างละแวกนั้นมาดูอาการของขุนนาฏยโกศล ตอนแรกขุนศรีไชยทิตยไม่คิดจะช่วยเพราะกำลังโพนช้างติดพันอยู่ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจพาพรรคพวกมาช่วยในภายหลัง ขุนศรีไชยทิตยอาสานำทางชาวคณะไปส่งที่เมืองพัตบองให้ ลำดวนกับหุ่นได้นั่งช้างตัวที่เหมเป็นคนคุมอยู่ เหมคอยดูแลและกันท่าหมื่นวิชิตฯ ให้ลำดวน ทว่าเหมกลับไม่กล้าบอกความจริงกับลำดวนว่าตนเองคือใคร บางครั้งเหมก็เผลอพูดจาเกี้ยวพาราสีลำดวนจนต้องไปต่อกรรมกับขุนศรีไชยทิตยอยู่บ่อยๆ ลำดวนเองจากที่เคยหวาดกลัวเสดียงหน้าดุ ก็เริ่มรู้สึกอบอุ่นและคุ้นเคยกับเหมอย่างประหลาด ยิ่งได้รู้ว่าคุณปิ่นก็คุ้นหน้าเสดียงหนุ่ม ลำดวนก็มั่นใจว่าเขากับเธอต้องเคยรู้จักกันมาก่อนอย่าง แน่นอน ไม่แน่ว่าเสดียงหนุ่มอาจจะเป็นพี่เหมที่เธอผูกพันด้วยอย่างมาก ด้านหมื่นวิชิตฉวยโอกาสตอนที่ลำดวนเดินไปทำธุระในทุ่ง ตั้งใจจะเข้าไปลวนลาม เหมเห็นเข้าพอดี จึงลอบทำร้ายหมื่นวิชิตฯ เพื่อเป็นการสั่งสอนโดยให้ทุกคนเข้าใจว่าหมื่นวิชิตฯ ถูกผีป่าทำร้าย จนต้องทำพิธีขอขมาผีป่ากันยกใหญ่ ขุนศรีไชยทิตยสังเกตเห็นรอยเท้าช้างใหม่ ก็รู้ว่าเป็นเจ้าสังข์ ช้างเชือกที่กำลังตามจับตัวอยู่ จึงสั่งให้พวกคณะละครหยุดรอระหว่างที่ไปโพนช้างกัน การโพนช้างครั้งแรกไม่ประสบความสำเร็จ ซ้ำยังมีควาญช้างตายไปหนึ่งคน ลำดวนร้องไห้เป็นห่วงว่าเสดียงหนุ่มจะตาย แต่เหมปลอดภัยดี ลำดวนลองเรียกเสดียงหนุ่มว่าเหม เหมชะงักแล้วรีบเดินหนีไป แต่ตกดึกคืนนั้นเหมก็แอบเอาพวงมาลัยดอกลำดวนมาแขวนไว้ให้ที่เพิงพัก ก่อนจะวางแผนพาแม่โต ช้างพังคู่ใจไปเป็นนกต่อจับตัวเจ้าสังข์มาจนสำเร็จ หมื่นวิชิตฯ กระวนกระวายใจเพราะเรื่องลำดวนไม่มีความคืบหน้า จึงเข้าไปทาบทามสู่ขอกับท่านขุนนาฏยโกศลกับคุณปิ่น แต่ทั้งคู่ยืนยันว่าต้องถามความสมัครใจของลำดวนก่อน หมื่นวิชิตฯ ปรึกษากับพรรคพวกเพื่อหาวิธีที่จะได้ลำดวนมาเป็นเมีย ก็ได้รับคำแนะนำให้แสดงละครหลอกโดยใช้นายส่งกับนายมาให้เป็นประโยชน์ หมื่นวิชิตฯ จึงจ้างวานให้ทั้งสองคนไปลวนลามลำดวนขณะอาบน้ำอยู่ที่ลำธาร ทว่าแผนการกลับผิดพลาดจนเหมจับได้ ควาญทั้งสองซัดทอดว่าหมื่นวิชิตฯ เป็นคนสั่งให้ทำ หมื่นวิชิตฯ ไม่ยอมรับ ซ้ำยังจับตัวควาญทั้งสองไว้เพื่อลงโทษที่ใส่ความเขาด้วยการตัดลิ้น เหมแอบเข้าไปปล่อยตัวควาญทั้งสองคนไปเพราะรู้ดีว่าหมื่นวิชิตฯ เป็นต้นคิด ขุนนาฏยโกศลเรียกเหมเข้าไปขอบคุณที่ช่วยเหลือลำดวนไว้ ก่อนจะจำได้ว่าเหมคือลูกชายของพระยาบริรักษ์ที่ถูกลงโทษให้ไปเป็นตะพุ่นหญ้าช้าง เมื่อคุณปิ่นรู้เข้าก็ไม่สบายใจ จึงเข้ามาพูดกับเหมเพื่อให้เหมได้รู้ว่าในตอนนี้ฐานะของลำดวนกับเหมต่างกันมากเพียงใด เหมจึงได้แต่เศร้าใจในโชคชะตาของตน วันรุ่งขึ้นหลังจากเดินทางถึงเมืองพัตบอง ลำดวนกับเหมก็ต้องแยกย้ายกันไปตามทางของใครของมัน เหมบังเอิญได้พบกับสมิงสอดน้อย สหายเก่าที่ตอนนี้ได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นหลวงกำแหงพิชิต หลวงกำแหงฯ เลี้ยงดูปูเสื่อเหมอย่างเต็มที่ให้สมกับที่ไม่ได้พบกันมานาน ตกดึกคืนนั้น เหมที่มึนด้วยฤทธิ์สุรา ก็บุกบั่นไปหาลำดวนถึงที่เรือน ทั้งคู่เปิดใจให้กันและกันโดยไม่มีสิ่งใดมากั้นขวาง เหมตั้งใจว่าจะต้องลบล้างมลทินและพิสูจน์ตัวเองให้คุณปิ่นได้เห็นให้จงได้ เจ้าพระยาบดินทรเดชามีคำสั่งให้พระศรีสิทธิสงครามเร่งจัดหานายทหารมีฝีมือเข้ามาประจำการในกองทัพ จึงได้จัดให้มีการประลองขึ้น หมื่นวิชิตฯ ก็มีชื่อในการประลองด้วย แต่หมื่นวิชิตฯ กลัวจะขายหน้าเพราะตนนั้นไม่มีฝีมือ จึงไปนัดแนะกับครูดาบที่ตัวเองต้องประลองด้วย แต่ก็ไม่สามารถตบตาเจ้าพระยาบดินทรเดชากับพระศรีสิทธิสงครามได้ การประลองจบไปโดยที่ยังหานายทหารที่มือฝีมือจริงๆ ไม่ได้สักคน หมื่นวิชิตฯ เห็นเหมเข้ามาชมการประลองด้วย ก็นึกหมั่นไส้ จึงแกล้งเสนอชื่อเหมให้เข้าไปประลอง กับพระศรีสิทธิสงคราม เหมใช้วิชาดาบอาทมาตที่เรียนมาจากขรัวปู่ยมประลองกับพระศรีสิทธิสงครามจนได้รับชัยชนะ!!! เจ้าพระยาบดินทรเดชาจึงรับเหมเข้าเป็นทหารในกองทัพทันที ขุนนาฏยโกศลชื่นชมในความสามารถของเหม ขณะที่คุณปิ่นก็เริ่มจะอ่อนลงนิดหน่อยแล้ว พระยาปลัดสมุทรปราการ เพื่อนสนิทของพระยาบริรักษ์ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ถูกเกณฑ์มาทัพในครั้งนี้ด้วย ตั้งแต่พระยาบริรักษ์เสียชีวิต เหมกับคุณหญิงชมตกระกำลำบากเป็นตะพุ่นหญ้าช้าง พระยาปลัดสมุทรปราการก็ไม่เคยให้ความช่วยเหลือใดๆ ดังที่เคยให้สัญญากับพระยาบริรักษ์ไว้ เหมไม่ได้คิดแค้น แต่ชายหนุ่มก็เชื่อว่ากรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนอง เมื่อกองทัพยกมาถึงเมืองโปริสารท เหมก็ได้พบกับบุษย์ ซึ่งตอนนี้ได้ไปเป็นไพร่ในสังกัดของเจ้าพระยาพระคลัง บุษย์ทำหน้าลาดตระเวนดูลู่ทางจะนำทัพของเจ้าพระยาพระคลังมาสมทบกับทัพของเจ้าพระยาบดินทรเดชาเพื่อเตรียมตัวตีเมืองไซ่ง่อน แต่ก่อนหน้านั้น ทัพของทั้งสองพระยาได้ร่วมมือกันตีค่ายญวนที่ปากคลองวามะนาว เหมเป็นผู้ออกอุบายเข้าไปประชิดกำแพงเมืองแล้วเข้าตีจนค่ายของข้าศึกแตกพ่ายเป็นผลสำเร็จ ทำให้ได้รับความดีความชอบเป็นอันมาก พระยาบดินทรเดชาจึงทำหนังสือขอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ปลดเหมกับคุณหญิงชมออกจากการเป็นตะพุ่นหญ้าช้างให้ การรบครั้งต่อมาที่เมืองโจฎก ทัพของเจ้าพระยาบดินทรเดชาล้อมเมืองโจฎกไว้แล้ว ขณะที่พระยาปลัดสมุทรปราการเป็นผู้คุมทัพช้างมาทำศึก แต่พระยาปลัดสมุทรปราการเคลื่อนขบวนมาอย่างเชื่องช้าเพราะความรักสบายของตัว จึงทำให้ราชการศึกเสียหายเป็นอันมาก เหมเป็นผู้ออกความคิดพิชิตค่ายเข้าตีเมืองโจฎกได้อีกครั้ง เจ้าพระยาบดินทรเดชาโกรธมากที่พระยาปลัดสมุทรปราการทำให้เสียงานเสียการ จึงมีคำสั่งลงโทษให้ตัดศีรษะพระยาปลัดสมุทรปราการเสียบประจานไว้กลางทัพ เพื่อไม่ให้ผู้อื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง หลังจากนั้นก็มีการบุกเข้าตีเมืองต่างๆ อีกหลายครั้ง และไทยก็เป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะเหนือญวนทุกครั้ง พระบรมราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวสิ้นพระชนม์ เหมจึงต้องเดินทางกลับพระนครกับกองทัพเพื่อมาร่วมงานพระเมรุ เหมที่ตอนนี้ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นหมื่นสุรบดินทร์ ได้กลับไปพบกับคุณชายช่วง ที่ตอนนี้มีบรรดาศักดิ์เป็นหลวงสิทธิ์นายเวรแล้ว คุณชายช่วงดีใจมากที่เหมสามารถลบล้างมลทินให้ตัวเองได้ คุณชายช่วงเองยังคงสนใจเรื่องของวิลาศเหมือนเช่นเดิม ท่านเล่าให้เหมฟังว่านายห้างหันแตร หรือมิสเตอร์ฮันเตอร์ เจ้านายเก่าของมิสเตอร์เจเมสัน ตอนนี้ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหลวงอาวุธวิเศษประเทศพานิช และทำการค้าขายอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ กับทางสยาม ในเวลานั้น นายห้างหันแตรกำลังติดต่อมาเพื่อขายเรือกลไฟที่เดินเรือด้วยพลังจักรไอน้ำ เหมเตือนว่าให้ตรวจดูสภาพของเรือให้ดีก่อนซื้อ คุณชายช่วงพอใจมาก คิดอยากจะได้เหมมาทำงานด้วย เหมกลับไปหาคุณหญิงชมที่พำนักอยู่กับครอบครัวของขุนนาฏยโกศลที่กรุงเก่า คุณหญิงดีใจมากที่เหมประกอบคุณงามความดีจนได้ปลดตะพุ่น เหมเกริ่นกับคุณหญิงชมว่าอยากจะให้ไปสู่ขอลำดวนกับขุนนาฏยโกศล คุณหญิงเองก็ยังจำความมีน้ำใจของลำดวนเมื่อตอนที่นำแตงกวามาให้กินได้ดีอยู่ จึงยินดีกับเหมด้วย เหมเริ่มฝันว่าจะสร้างบ้านอยู่ที่กรุงเก่ากับแม่ลำดวนเมียรัก คุณชายช่วงได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นจมื่นไวยวรนาถ และได้ขอตัวเหมมาช่วยทำงานด้วย เหมได้กลับไปเรียนภาษาอังกฤษอีกครั้งกับครูปีเตอร์ มิชชันนารีที่เดินทางมากับคณะนายแพทย์ของ แดน บีช แบรดลีย์ (หมอบรัดเลย์) แม้เหมจะเรียนภาษาอังกฤษ แต่ก็เรียนเพื่อให้รู้ทันพวกวิลาศเท่านั้น เพราะเหมไม่ไว้ใจพวกวิลาศอีกแล้วเนื่องจากประสบการณ์ที่เคยได้รับมา เหมได้พบกับลำดวนและบัวในช่วงที่มีงานพระเมรุในพระนคร เมื่อบัวได้พบเหม ความรู้สึกเก่าๆ ก็เริ่มหวนกลับมาอีกครั้ง ฐานะของบัวในวังของเสด็จในกรมก็เริ่มจะไม่แน่นอน เนื่องจากกรมหลวงรักษรณเรศร์เองก็มีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้น บัวรู้สึกอิจฉาลำดวนที่ได้หัวใจของเหมไป และเฝ้าแต่คิดว่าตนเองเคยรักเหมมาก่อน ถ้าครั้งนั้นไม่ใจเร็วด่วนได้ ตัดสินใจเข้ามาถวายตัวเพราะเห็นแก่ความสุขสบายแล้วล่ะก็ ป่านนี้ก็คงได้ครองคู่อยู่กับเหมไปแล้ว เหมถูกงูมีพิษกัดระหว่างทางกลับบ้าน บังเอิญที่หมอบรัดเลย์ผ่านมาพบพอดี จึงให้ความช่วยเหลือเหมเป็นอย่างดี ทำให้เหมเริ่มคลายความระแวงสงสัยในตัวของฝรั่งวิลาศลงไปได้บ้าง หมื่นวิชิตฯ ต้องการเอาชนะใจลำดวน จึงเข้ามาขอความช่วยเหลือจากบัว แต่พอพูดถึงเหม หมื่นวิชิตฯ ก็สังเกตเห็นว่าบัวมีปฏิกิริยากับชื่อนี้ จึงรู้ว่าบัวก็มีใจชอบเหมเหมือนกัน หมื่นวิชิตฯ ยุยงให้บัวทำเสน่ห์ใส่เหมเพื่อแย่งเหมมาจากลำดวน บัวถูกหว่านล้อมจนยอมทำตามที่หมื่นวิชิตฯ แนะนำ หลวงกำแหงฯ พาพุ่ม หลานชายพระครูโพที่ตอนนี้เป็นหมอดูทำเสน่ห์มาหาเหมเพื่อแจ้งข่าวหมื่นวิชิตฯ และบัวที่ไปขอให้พุ่มทำเสน่ห์ใส่ลำดวนกับตัวเหม ทั้งๆ ที่การทำเสน่ห์นั้นเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ทุกคนจึงร่วมมือกันวางแผนจับหมื่นวิชิตฯ กับบัวให้ได้คาหนังคาเขาขณะทำพิธี หมื่นวิชิตโกรธแค้นที่ถูกหลอกจึงฆ่าพุ่มตาย ก่อนจะหลบหนีไป เหมประกาศก้องว่าจะจับหมื่นวิชิตฯ มาลงโทษให้ได้เพื่อเซ่นดวงวิญญาณของพุ่ม ด้านบัวนั้นพยายามอ้อนวอนขอความเห็นใจจากเหม แต่เมื่อได้รับคำยืนยันจากเหมว่าเขาไม่เคยมีเยื่อใยใดๆ กับเธอเลย บัวรู้สึกอับอายและสำนึกผิดกับลำดวนอย่างมาก หลังจากที่กรมหลวงรักษรณเรศร์ถูกถอดพระยศและถูกตัดสินประหารชีวิต ทุกคนในวังก็ต่างพากันแยกย้ายกันไป บัวจึงตัดสินใจตามหม่อมดวงแขไปอยู่ที่เมืองลำปาง อุทิศตนให้กับพระพุทธศาสนาเพื่อชดใช้กรรมที่ก่อไว้ในชาตินี้ ด้านคุณหญิงชมก็เดินทางไปสู่ขอแม่ลำดวนกับท่านขุนนาฏยโกศลกับคุณปิ่น ตอนแรกคุณปิ่นก็ทำท่าจะไม่ให้เพราะหวงลูก แต่ท่านขุนก็เกลี้ยกล่อมจนคุณปิ่นเห็นใจในความรักของหนุ่มสาว จึงยอมยกลำดวนให้เหมแต่โดยดี คุณชายช่วง เหมและบรรดาเสนาบดีต่างๆ มารอรับเรือกลไฟที่นายห้างหันแตรนำมาส่งมอบให้สยาม แต่เมื่อเรือกลไฟมาถึงจริงๆ กลับมีสภาพเก่า ไม่เหมาะสมกับราคาที่เรียก ทางสยามจึงปฏิเสธการซื้อ ทำให้นายห้างหันแตรโกรธมาก นายห้างหันแตรพยายามหาเรื่องทางฝั่งสยาม ที่หนักสุดก็ถึงขั้นข่มขู่ว่าจะยิงสลุตไปทางพระบรมมหาราชวัง เหมจึงวางแผนให้จับตัวนายห้างหันแตรและกะปิตันบราวน์ไปขังไว้ ถ้าจะมีปัญหา ใดๆ เกิดขึ้นตามมา เหมก็ขอรับผิดชอบเองแต่เพียงผู้เดียว เมื่อถูกปล่อยตัวออกมาก นายห้างหันแตรและกะปิตันบราวน์โกรธมากถึงขึ้นอาฆาตเหมไว้ว่าจะต้องกลับมาจัดการกับเหมให้ได้ ก่อนที่ทั้งคู่จะแล่นเรือกลไฟออกไปจากประเทศสยาม พระยาปากน้ำมาแจ้งกับคุณชายช่วงและเหมว่า จับตัวคนรับใช้ชาวอินเดียของมิสเตอร์เจเมสันที่ถูกฆ่าตาย ซึ่งเป็นต้นเหตุให้พระยาบริรักษ์พ่อของเหมได้รับโทษได้ คนรับใช้รายนั้นสารภาพว่ามิสเตอร์เจเมสันถูกหลวงสรอรรถฆ่าตาย เพราะหลวงสรอรรถต้องการยักยอกฝิ่นที่มิสเตอร์เจเมสันลักลอบนำเข้ามาไปเป็นของตัวเอง ด้วยเหตุนี้มลทินของพระยาบริรักษ์จึงได้รับการชำระสะสาง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงพระราชทานบำเหน็จให้เหมเป็น “หลวงสุรบดินทร์” เพื่อตอบแทนความทุกข์ยากและประกาศถึงความจงรักภักดีของพระยาบริรักษ์ ส่วนหลวงสรอรรถที่ตอนนี้ได
หัวใจปฐพี 2558

หัวใจปฐพี (2558/2015) เมื่อสถานการณ์ป่าไม้ไทย ตกอยู่ในสภาวะวิกฤต ท่านอธิบดียิ่งยศ เจ้ากรมอุทยาน จึงได้จัดตั้งหน่วยงานพิเศษขึ้นมาเพื่อตรวจสอบและปราบปรามการบุกรุกป่าไม้ในเขตอุทยานโดยเฉพาะ (DNP)

พสุ (ดิน) ข้าราชการป้าไม้ ที่ขัดแข้งขัดขานายทุนไปทั่วประเทศ ถูกสั่งย้ายมาเป็นหัวหน้าหน่วยงานพิเศษแห่งนี้ทันที โดยมี ภูริช (ภู) รุ่นน้องผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้คนสนิทที่พบกันสมัยเมืองนอกมาช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับหน่วยงาน เรื่องราวความวุ่นวายได้เกิดขึ้นเมื่อวันหนึ่ง มีจดหมายคำร้องเมื่อ 20 ปีที่แล้ว จากนายพิภพ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ที่เสียชีวิตอย่างโด่งดัง เพราะฆ่าตัวตายเพื่อปกป้องพื้นป่าได้ถูกนำมาตั้งบนโต๊ะของพสุอย่างไม่มีที่มาที่ไป ในจดหมายได้เขียนไว้ว่า นายศักดิศร และ นายเอเดน ทำธุรกิจผิดกฎหมาย เผาป่าอีกทั้งยังตั้งรีสอร์ทภูพาราไดซ์ในเขตพื้นที่อุทยาน พสุจัดการรื้อคดีนี้อีกครั้ง แม้จะรู้ว่ามีเจ้าหน้าที่หลายคนที่หายสาบสูญไปเพราะรื้อคดีนี้ ท่านอธิบดีพยายามเตือนว่าจะทำกรมเดือดร้อน แต่พสุก็ไม่ฟัง และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพราะหลังจากรื้อคดีนี้กรมอุทยานก็ถูกข่มขู่จากบุคคลนิรนาม แด่พสุก็ไม่ยอมแพ้ และคิดว่าการข่มขู่เจ้าหน้าที่ครั้งนี้ต้องเป็นฝีมือนาย นายศักดิศร เจ้าของรีสอร์ทภูพาราไดซ์ ที่เสียผลประโยชน์อย่างแน่นอน พสุพยายามสืบเรื่องของนายศักดิศร จนทำให้พสุถูกลอบทำร้ายจากมือสังหารสาวคนหนึ่ง (เรน) จนเกือบตาย โชคดีที่ภูริชช่วยไว้ได้ทัน ทว่ามือสังหารก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งไว้เพียงสร้อยรูปใบไม้เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญให้พสุ พสุพยายามสืบหาเจ้าของสร้อยจนได้รู้จักกับเรน พสุสงสัยว่าเรนเป็นเจ้าของสร้อยจึงพยายามแกล้งทำความรู้จัก ตีสนิทกับเรน ไปหาเรนบ่อยครั้ง จนทั้งคู่สนิทกันในระดับหนึ่ง ทว่าเรนก็ไม่มีพิรุธใด ๆ ออกมาให้พสุได้จับผิด นอกจากความรู้สึกดี ๆ ที่เรนมีให้พสุ พสุเองก็เช่นกัน แต่แล้วในขณะที่ความสัมพันธ์ทั้งคู่กำลังพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เรนก็หายตัวไปอย่างปริศนาและไร้ร่องรอย พสุรู้สึกใจหายที่ไม่ได้เจอเรน แต่ก็ต้องยุติเรื่องเรนเอาไว้ก่อน เมื่อศาลประกาศว่าศักดิศรมีความผิดจริง ให้คืนที่ดินให้กับกรมอุทยาน แต่ทั้งนี้กลับมีคำสั่งให้เปิดประมูลรีสอร์ทต่อ นั่นหมายความว่าพสุเพียงแค่กำจัดศักดิศรออกจากเขตอุทยาน แต่ไม่สามารถกำจัดนายทุนออกจากเขตอุทยานได้ พสุจำต้องยอมให้มีการประมูลรีสอร์ท แต่มีข้อแม้ว่าจะเลือกนายทุนที่มีเจตนารมณ์ไม่ทำให้ป่าเสื่อมโทรม เอวา ลูกสาวเดวิดนายทุนชาวอเมริกา มาขอเอกสารการประมูลรีสอร์ทและได้พบกับภูริช ภูริชจำเอวาได้ดี เค้าเคยช่วยชีวิตเอวาไว้ แต่กลับโดนเอวาด่ากลับ ภูริชจึงจัดการเอาคืนกวนประสาทเอวาต่าง ๆ นานา การประมูลเหมือนจะผ่านไปด้วยดี แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อผู้เข้าร่วมประมูลรีสอร์ทภูพาราไดซ์ถูกลอบทำร้ายและสั่งเก็บทีละคน เดวิด พ่อของเอวา นายทุนชาวอเมริกาที่สร้างความดีให้กับประเทศเจ้าของมูลนิธิอุปการะเด็กด้อยโอกาสตามชายแดน (คล้าย ๆ NGO) ถูกยิงจนสาหัส เอวา คู่กัดรักแรกพบของภูริชก็ถูกลูกน้องศักดิศรลักพาตัว โชคดีที่ภูริชช่วยไว้ได้ ทุกคนจึงมั่นใจว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ต้องเป็นฝีมือของศักดิศรที่แค้นทุกคน ศักดิศรถูกจับข้อหาทำร้ายผู้อื่น แต่แล้วเรื่องราวกลับตาลปัตรเมื่อพสุสืบจนพบว่า นายเดวิด นายทุนใสซื่อใจสะอาดต่างหากที่ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการสร้างสถานการณ์ทั้งหมดเพี่อครอบครองรีสอร์ทและโยนความผิดให้ศักดิศร ซ้ำร้ายพสุต้องอึ้งไปอีกเมื่อเรนมือสังหารที่คอยตามฆ่าเค้า ผู้หญิงที่เค้ารู้สึกดีด้วยปรากฏตัวอีกครั้งในฐานะลูกสาวเดวิด บุคคลอันตราย ที่พสุต้องกำจัดไปให้พ้นผืนป่า พสุและภูริชไปเยี่ยมศักดิศรที่คุก เพี่อถามเรื่องราวทั้งหมด จนรู้ว่าเดวิดชั่วครบรส ทั้งค้าไม้เถื่อนสัตว์ป่า รุกล้ำพื้นที่อุทยาน โดยการเอามูลนิธิของตนมาบังหน้า และเป็นคนวางแผนทุกอย่าง ตั้งแต่นำจดหมายคำร้องของพิภพไปให้พสุเพี่อให้ตนได้รีสอร์ท พสุพยายามถามถึงเอเดน ตัวการที่อยู่เบื้องหลังคดีเมื่อ 20 ปีที่แล้วจากศักดิศร แต่ศักดิศรบอกว่าตนก็ไม่เคยเห็นหน้าเอเดนเช่นกัน ใครที่เห็นเอเดนจะต้องตาย ยังไม่ทันสืบอะไรได้มากนักก็หมดเวลาเยี่ยม วันรุ่งขึ้นพสุกลับมาเยี่ยมศักดิศรอีกครั้ง ก็พบว่าศักดิศรโดนลักพาตัวหายไปจากห้องขังเสียแล้ว พสุประกาศความเป็นศัตรูกับเดวิดอย่างเต็มรูปแบบ และบอกว่าตนจะหาหลักฐานมาเปิดโปงเดวิด เพี่อเอารีสอร์ทกลับคืนมาให้ได้ในขณะที่เรนก็ประกาศกับพสุว่าตนจะปกป้องเดวิดเอง เรนบอกพสุว่า ที่แกล้งทำดีกับพสุเมื่อก่อน เพราะเดวิดส่งเรนไปสืบเรื่องพสุ และเรนก็ไม่ได้มีความรู้สึกใด ๆ กับพสุเลย เรนรู้สึกเสียใจที่โชคชะตาทำให้ เธอกับพสุต้องอยู่กันคนละโลก ในขณะที่พสุรู้สึกผิดหวังในตัวเรน คิดไม่ถึงว่าเรนจะเลวได้ถึงขนาดนี้ โดยที่พสุไม่รู้เลยว่า เรนน่าสงสารต้องทำดามเดวิดทุกอย่าง เพราะต้องการความรักจากพ่อ ต่างจากเอวาที่พ่อรัก ตามใจทุกอย่างและไม่เคยบอกความชั่วของตนให้เอวารู้เลย พสุพยายามทุกวิถีทางให้รีสอร์ทกลับเป็นของกรมอุทยาน จนในที่สุดศาลก็ตัดสินให้ยืดคดีนี้ไปก่อน ผลการตัดสินในครั้งนี้ สร้างความแค้นใจให้กับเดวิดเป็นอย่างมาก เดวิดไม่รอช้ารีบส่งอาร์มลูกชายคนโต ไปจัดการเก็บพสุทันที โชคดีที่เรนรู้เรื่องจึงพยายามโทรมาเตือนพสุ พสุบอกว่าถ้าต้องกลัวทุกอย่างจนไม่กล้าทำอะไรเลย สู้ตายซะดีกว่า ตนขอเลือกที่จะตายในหน้าที่ ในขณะที่อาร์มกำลังจะเป่าหัวพสุ ทว่าเรนก็ตามมาช่วยได้ทันเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้พสุรู้สึกได้ว่าเรนก็ไม่ได้เลวร้ายเหมือนกับเดวิด เรนเองก็รู้สึกว่าบางทีตนอาจจะตกหลุมรักพสุไปแล้ว ภูริชพยายามสืบเรื่องเดวิดจากเอวา แต่ก็ต้องพบว่าเอวา ใสซื่อบริสุทธิ์ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรของพ่อตัวเองเลย จนภูริชแอบสงสารเอวาไม่ได้ว่าถ้าวันหนึ่งเอวารู้ความจริงขึ้นมาจะเสียใจขนาดไหน หลังจากเรนช่วยชีวิตพสุ ก็ทำให้เรนโดนเดวิดตำหนิ และลงโทษอย่างรุนแรงจนเรนอดสงสัยไม่ได้ว่าตนใช่ลูกแท้ ๆ ของเดวิดรึเปล่า เรนไม่มีรูปตอนเด็กหรือแม้กระทั่งความทรงจำตอนเด็ก เรนพยายามถามอาร์ม พี่ชายที่แสนดี แต่อาร์มก็ไม่ยอมบอก แล้วความจริงก็ปรากฏเมื่อเรนแอบได้ยินเดวิดคุยกับอาร์มว่าเรนเป็นเพียงแค่ลูกบุญธรรมที่เดวิดรับมาเลี้ยงเท่านั้น เรนตกใจที่ได้รับรู้ความจริง แต่ก็ตัดสินใจไม่แสดงตนออกมา เพราะเห็นแก่จุรีจันทร์แม่ของเอวาและอาร์ม ที่รักและดูแลตนเหมือนแม่และพี่ชายแท้ ๆ ทางด้านพสุ หลังจากพยายามสืบประวัติเดวิด ก็พบว่าเดวิดแต่งงานกับภรรยาชาวไทยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว และเป็นช่วงเดียวกับที่มีคดีนายพิภพพอดี พสุสันนิษฐานว่าเดวิดอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว แต่ทุกคนก็ยังไม่ปักใจเชื่อเพราะไม่มีหลักฐาน ภาคินจึงวางแผนปล่อยข่าวว่ามีหลักฐานผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับคดีเมื่อ 20 ปีที่แล้วออกไป เพี่อให้เดวิดเผยไต๋ออกมา แล้วเดวิดก็ติดกับร้อนตัว ส่งเรนมาขโมยหลักฐาน ทำให้พสุมั่นใจว่าเดวิดอยู่เบื้องหลังคดีนี้ พสุไม่ยอมแพ้ พยายามสิบทุกวิถีทางเพี่อเปิดโปงความชั่วของเดวิด และโชคก็เข้าข้างพสุ พสุสืบจนรู้ว่านายศักดิศรยังไม่ตาย พสุรีบไปหานายศักดิศร ศักดิศรบอกพสุว่า ตนถูกลูกน้องของเดวิดชิงตัวไปเพี่อฆ่าปิดปาก โชคดีที่ลูกน้องของตนเข้ามาช่วยได้ทัน ตนเลยหนีไปกบดานอยู่ที่ชายแดน และทำให้รู้แผนการของเดวิดว่าเดวิดค้าของเถื่อนและยาเสพติดข้ามชาติ และที่ผืนนี้ก็เป็นทำเลดีของพวกมัน ที่จะทำชั่วทุกอย่างได้ครบวงจร เดวิดตั้งใจจะเปิดบ่อน และใช้รีสอร์ท เพี่อฟอกเงินและบังหน้า พสุจึงขอร้องให้ศักดิศรยอมมอบตัว และมาเป็นพยานเปิดโปงความชั่วของเดวิด ทว่าโชคร้ายที่เดวิดรู้ทัน เดวิดส่งคนมาชิงตัวศักดิศรได้สำเร็จ พสุต้องเสียพยานสำคัญให้เดวิด ส่วนตนเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด โชคดีที่พสุจับ เรนเป็นตัวประกัน พสุจึงรอดชีวิตมาได้ในระหว่างที่พสุจับตัวเรนไปนั้น พสุมีโอกาสได้ใกล้ชิดเรนอีกครั้ง พสุพยายามกล่อมเรนให้ทำในสิ่งที่ถูกต้องจนเรนเริ่มลังเล หลังจากศักดิศรถูกเดวิดจับตัวไป พสุตกที่นั่งลำบาก เพราะพสุเป็นคนใช้ตำแหน่งประกันตัวศักดิศรออกมา ถ้าหากศักดิศรไม่มามอบตัว พสุจะต้องรับผิดชอบ โดยการออกจากราชการ ภูริชต้องการช่วยพสุ จึงตัดสินใจบุกเดี่ยวคฤหาสน์หรูกลางกรุงของเดวิด เพี่อช่วยศักดิศร ภูริชลอบเข้าไปบ้านเดวิด โดยมีทิชาแฮกเกอร์มือโปรผู้ช่วยในทีม คอยเคลียร์พื้นที่ดูต้นทางให้จากกล้องวงจรปิด แต่สุดท้ายภูริชก็พลาดท่าโดนเดวิดจับได้ ภูริชเอาตัวรอดโดยการบอกว่าตนกับเอวาเป็นแฟนกันเอวาเห็นแก่ที่ภูริชคอยช่วยชีวิตตนหลายครั้ง จึงยอมรับว่าเป็นแฟนภูริช ภูริชจึงรอดมาได้ ทางด้านเรน เมื่อได้ข่าวว่าพสุกำลังถูกสอบว่ามีส่วนรู้เห็นกับการหายไปของศักดิศร ก็อดเป็นห่วงพสุไม่ได้ เรนตัดสินใจแอบปล่อยตัวศักดิศรออกมา แต่มีข้อแม้ว่าพสุจะต้องไม่ขุดคุ้ยเรื่องเมื่อ 20 ปีก่อน ข้าราชการตงฉินอย่างพสุไม่ยอม แต่ภูริชตัวยุ่งก็แอบไปตกลงกับเรนอย่างลับ ๆ จนได้ตัวศักดิศรมา แต่ก็ต้องพบว่าศักดิศรโดนยาพิษจนเสียสติไปเสียแล้ว ศักดิศรจึงไม่สามารถพูดถึงเรื่องหลักฐานเปิดโปงเดวิดได้อีก ในขณะที่พสุกำลังวุ่นวาย โดนคณะกรรมการสอบสวน เดวิดก็อาศัยจังหวะนี้วิ่งเต้นกับศาลปกครองเพื่อไห้คุ้มครองพื้นที่ เดวิดสร้างหลักฐานเท็จ ใช้ช่องว่างทางกฎหมาย ทนายมือดี จนในที่สุดศาลตัดสินว่าอนุญาตให้เดวิดสามารถเช่าที่ดินเพี่อประกอบการได้ เดวิดจัดงานเปิดตัวรีสอร์ทอย่างยิ่งใหญ่ โดยวางแผนว่า ในขณะที่ทุกคนสนใจงานเปิดรีสอร์ทตนจะให้อาร์มแอบไปขนอาวุธเถื่อนและยาเสพติดไปที่ชายแดน เรนไม่อยากให้พ่อทำผิดอีกจึงแอบนำเรื่องราวทั้งหมดมาบอกพสุ พสุจะแจ้งตำรวจเพื่อจับกุม แต่ภูริชรู้ว่าทำไปก็เท่านั้น มีแต่จะทำให้เดวิดไหวตัวทัน เพราะเดวิดมีเส้นสายมาก ภูริชจึงหยุดพสุไว้และบอกว่าตนมีวิธีเด็ดกว่าที่จะจัดการกับเดวิด ภูริชให้ลูกน้องพ่อเข้าจับกุมและยึดสินค้าของเดวิดก่อนจะนำอาวุธและระเบิดทั้งหมดเหล่านั้น ย้ายมาไว้บริเวณรีสอร์ท โดยไม่บอกพสุ เดวิดกดปุ่มปล่อยลูกโป่งเปิดริสอร์ท แต่แทนที่ลูกโป่งจะลอยขึ้นฟ้า กลับกลายเป็นระเบิดทำลายล้างรีสอร์ทจนราบเป็นหน้ากลองด้วยอาวุธสงครามของเดวิดเอง ยาเสพติดของเดวิดถูกทำลายไปพร้อมกับรีสอรทด้วย เดวิดแค้นใจ โวยวายเรียกร้องความเสียหายกับท่านอธิบดี แต่ท่านอธิบดีก็บอกว่าทางกรมไม่ได้ทำผิดสัญญา เพราะสัญญาฉบับนี้เป็นสัญญาเช่าพื้นที่ป่าเพี่อประกอบการ ไม่ได้เช่ารีสอร์ท เพี่อประกอบการ หากพิจารณาตามกฎหมายแล้ว กรมก็ยังมีพื้นที่ป่าให้เดวิดเช่า ภูริชหัวเราะเยาะ แล้วบอกเดวิดว่าจะได้ทำรีสอร์ทเชิงอนุรักษ์ได้สมใจ เดวิดใช้อำนาจทั้งหมดที่มี ทำทุกวิถีทางเพื่อกดดันสื่อและผู้ใหญ่ให้ไล่พสุออกจากราชการจนสำเร็จ พสุโดนบีบให้ออกจากราชการ และพสุก็ต้องเศร้าขึ้นไปอีกเมื่อรู้ความจริงว่า ที่เรนแกล้งยอมมาเป็นพวกตน ยอมปล่อยตัวศักดิศร และบอกข่าวครั้งนี้ เป็นแผนการของเดวิดที่จะทำให้พสุตายใจทั้งนั้น แต่ที่ผิดแผนคือ เดวิดแค่ต้องการให้พสุเป็นแพะรับบาปว่าค้ายา ไม่คิดว่าภูริชจะจัดการทำ เรื่องทุกอย่างจนบานปลายยุ่งเหยิงขนาดนี้ เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ภูริชรู้สึกผิดต่อพสุจึงมาหาเอวา เพื่อขอร้องให้เอวาช่วยพูดกับเดวิดให้ เอวาทั้งโกรธทั้งโมโหภูริชที่ภูริชระเบิดรีสอร์ทของพ่อ จ้องเป็นศัตรูพ่อแต่ยังมีหน้ามาขอให้ตนช่วย แต่เอวาเห็นว่าพสุเป็นคนดี จึงพยายามช่วย ภูริชรู้สึกขอบคุณเอวา คิดไม่ถึงว่าเดวิดที่ร้ายกาจ จะมีลูกที่ใจกว้างแบบนี้ พสุทั้งเสียใจที่โดนผู้หญิงที่ไว้ใจหักหลัง ยอมล้มเลิกอุดมการณ์เพี่อชาติ และขอเป็นฝ่ายลาออกจากงานราชการไปอย่างหมดท่า เมื่อพสุออกจากทีมไป ทีมก็เหมือนขาดหัวเรือ ภาพพจน์ขององค์กรก็ตกต่ำลงทุกที สมาชิกทุกคนหมดหวัง และท้อแท้ไปตาม ๆ กัน ศักดิศรก็ไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้น พสุกลับบ้านมาช่วยตาพิทักษ์ทำงานที่ชมรมรักต้นไม้ และเริ่มเห็นด้วยกับแม่ที่คอยห้ามไม่ให้เขารับราชการแล้วว่า ข้าราชการดี ๆ นั้นอยู่ไม่ได้จริง ๆ พสุท้อแท้ถึงขีดสุด โชคดีที่ยังมีตาพิทักษ์คอยให้กำลังใจให้พสุเห็นค่าของงานพิทักษ์ป่าไม้และงานราชการว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ ทางด้านเดวิด หลังจากพสุถูกเด้งออกไป เดวิดก็เริ่มโครงการชั่วอีกครั้งโดยการวางแผนส่งของเถื่อนชุดใหญ่ โชคดีที่พสุสามารถกลับมาได้ทันพร้อมกับหลักฐานเปิดโปงความผิดของเดวิด และบอกว่า ทั้งหมดเป็นแผนที่ท่านอธิบดีได้วางไว้เพี่อให้ตนออกไปรวบรวมหลักฐานจัดการเดวิด พสุนำหลักฐานเด็ดที่ได้มาทั้งหมดส่งฟ้องศาล เดวิดแค้นใจเอาความโมโหมาลงที่เรน และเผลอพูดไปว่าเรนไม่ใช่ลูกของตน เดวิดรู้ว่าพสุรักเรน จึงขู่ว่าจะทำร้ายเรน เพื่อแลกกับหลักฐาน ทว่าพสุกกลับเลือกที่จะทำตามความถูกต้องยอมทิ้งความรัก เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้บ้านเมือง เดวิดจับเรนมัดไว้ในป่า แล้วจุดไฟเผาป่าโดยรอบ เพื่อให้ไฟลามมาหาเรนอย่างช้า ๆ ด้วยความอัจฉริยะของภาดิน เจ้าหน้าที่ในทีม ผู้เชี่ยวชาญด้านป่าไม้ ภาคินสามารถคำนวณได้ว่า บริเวณภูสรวงจะเกิดฝนตกหนักในตอนเย็น ถึงแม้เกิดไฟป่าขึ้นมาจริง ฝนก็จะสามารถดับไฟป่าได้อย่างง่ายดาย ภูริชตัดสินใจแก้ปัญหานี้โดยการบอกความจริงทุกอย่างกับเอวา เพราะเอวาเป็นคนเดียวที่จะสามารถหยุดเดวิดและช่วยเรนได้ เมื่อเอวารู้ความจริง เอวาก็โมโหมากและบุกไปหาเดวิดเพี่อถามหาเรนทันที เอวาทั้งเสียใจ ทั้งผิดหวังในตัวเดวิด ทางด้านพสุ พสุรีบไปช่วยเรนทันที เรนตื่นตระหนกอย่างมากกับเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าในครั้งนี้ และเพราะเหตุการณ์นี้เอง จึงทำให้เรนที่เป็นโรคดิสโซสิเอทีฟ เกิดการกระตุ้นความทรงจำและสามารถจำเรื่องราวในอดีตได้บางส่วน เรนเห็นภาพตัวเองในวัยเด็กถูกมัดเป็นตัวประกันไว้กับต้นไม้ทว่าพ่อ (พิภพ) ก็มาช่วยเรนได้ทัน เรนเล่าภาพที่ตนเห็นทั้งหมดให้พสุฟังและขอให้พสุช่วยตามหาพ่อให้พสุรับปากว่าจะช่วยโดยที่พสุไม่รู้เลยว่า พ่อที่แท้จริงของเรนก็คือพิภพ ข้าราชการผู้ซื่อสัตย์ที่พสุยกย่อง หลังจากรอดชีวิตมาได้ เรนเลือกที่จะกลับบ้านอีกครั้งเพื่อสืบเรื่องราวตัวเอง เอวาออกหน้าปกป้องเรนและขอร้องให้เดวิดยุติเรื่องราวทุกอย่าง โดยขู่ว่าจะนำหลักฐานทั้งหมดไปแจ้งความกับตำรวจจนเดวิดต้องยอมรับปากไปก่อน ในขณะที่ภูริชรู้สึกเป็นห่วงเอวาที่ได้รับรู้ความจริงของพ่อ ภูริชพยายามโทรหาเอวา แต่เอวาก็ไม่รับสาย จนกระทั้งภูริชรู้ข่าวว่าเอวากำลังจะกลับอเมริกา ภูริชร้อนใจและรู้ใจตนเองว่ารู้สึกดีกับเอวา ภูริชรีบบุกไปหาเอวาและรั้งเอวาไว้ เอวาละอายใจจึงบอกว่าตนไม่มีหน้าที่จะอยู่แผ่นดินไทยอีก ทางด้านเรน หลังจากเหตุการณ์ในป่า ทำให้เรนเห็นภาพในอดีตชัดขึ้น เรนเห็นภาพผู้ชายคนหนึ่งยิงพ่อ ผู้ชายคนนั้นชื่อว่าเอเดน ทว่าผู้ชายคนนั้นยังไม่ทันหันมาให้เห็นหน้า ความทรงจำก็หายไป เรนจึงไม่รู้ว่าเอเดนเป็นใคร? และเหตุการณ์ที่โหดร้ายในครั้งนี้นี่เอง ที่ทำให้เรนเป็นโรคดิสโซสิเอทีฟเรนเด็กตัวเล็ก ๆ เห็นพ่อตัวเองโดนยิงตายต่อหน้าต่อตา ทำให้กระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรงจนความจำหายไป เรนเล่าให้พสุฟังว่า เรนเห็นพ่อตัวเองถูกยิง จากคนที่ชื่อว่าเอเดน พสุตกใจ และบอกเรนว่าตนก็พยายามสืบหาเอเดนอยู่เหมือนกัน พสุพยายามให้เรนนึกหน้าเอเดน แต่เรนกลับจำไม่ได้ เรนพยายามถามพสุว่าเคยมีเจ้าหน้าที่อุทยานคนไหนเคยโดนยิงตายบ้างมั้ย พสุจึงบอกว่าไม่มี มีแต่นายพิภพที่ยิงตัวตายในป่าเพี่อต่อต้านการสร้างเขื่อน เรนสงลัยว่านายพิภพอาจเป็นพ่อของตน จึงพยายามหารูปพิภพจากในอินเตอร์เนต ในที่สุดเรนก็รู้ความจริงแล้วว่าตนคือลูกของพิภพ ข้าราชการที่ทุกคนเข้าใจว่ายิงตัวตาย ทันทีที่เรนรู้ความจริงความทรงจำเรนก็กลับคืนมาทั้งหมด ทำให้เรนจำหน้าเอเดนได้ และรู้ความจริงว่าเอเดนคือ เดวิด พสุเองก็ตามสืบจนรู้ว่า เมื่อ 20 ปีก่อน พิภพซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ทำให้ไปขัดผลประโยชน์พวกเอเดน พวกมันฆ่าพิภพ แล้วเอาตัวเรนไปเป็นตัวประกัน โชคดีที่คุณจุรีจันทร์เป็นคนดี รับปากว่าจะเลี้ยงเรนเหมือนลูก พสุรู้ทันทีว่าเอเดนก็คือเดวิดนั่นเอง พสุคิดว่าหากเรนรู้ความจริง จะต้องทำอะไรบางอย่างแน่ ๆ และก็เป็นอย่างที่พสุเดาจริง ๆ เรนคิดจะจบเรื่องราวทุกอย่างด้วยตนเอง เรนอยากยุติเรื่องราวทุกอย่าง เรนตัดสินใจที่จะฆ่าเดวิดและฆ่าตัวตายไปพร้อมกับเดวิด โชคดีที่พวกพสุมาช่วยได้ทัน เดวิดและเรนจึงรอดชีวิตมาได้ เอวาขอให้เดวิดหยุดทุกอย่าง ยอมมอบตัว แต่มีเหรอที่คนอย่างเดวิดจะยอมง่าย ๆ เดวิดแกล้งเล่นละครเป็นคนชั่วกลับใจ เพื่อรอโอกาสที่จะกอบโกยกำไรจากการขนของเถื่อนชุดใหญ่ ชุดสุดท้ายแบบจัดเต็ม ก่อนจะหนีไปต่างประเทศ เดวิดทำตามแผนจัดการขนของเถื่อนชุดใหญ่ แต่พสุได้ข่าวจึงคิดว่านี่เป็นโอกาสที่จะทำให้เค้ารวบตัวเดวิดได้คาหนังคาเขาและปิดคดีนี้ได้ พสุ ภูริชและตำรวจวางแผนจับกุมเดวิด พสุและเจ้าหน้าที่วางกำลังอย่างรัดกุมในบริเวณที่สายข่าวรายงานว่าเป็นจุดขนถ่ายสินค้า ทว่า เมื่อไปถึงทุกอย่างกับว่างเปล่า พวกเดวิดเปลี่ยนแผนย้ายไปอีกที่ ทุกอย่างผิดแผน พสุจึงต้องแก้สถานการณ์โดยการล่วงหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจเพี่อไปสกัดเดวิดไว้ก่อน เมื่อพสุไปถึงจุดขนถ่ายสินค้า จึงเกิดการต่อสู้กัน พสุมีกำลังน้อยกว่าพวกเดวิดที่อาวุธครบมือพสุจึงเกือบพลาดท่าเสียทีพวกเดวิด ในจังหวะนั้นเองศักดิศรที่หายจากการโดนวางยาพิษก็ปรากฏตัวขึ้น และช่วยพวกพสุไว้ได้ทัน ศักดิศรฆ่าเดวิดเพี่อเป็นการแก้แค้น ทุกคนคิดว่าเดวิดตายแล้วจึงจัดการเคลียร์พื้นที่ ทว่าเดวิดยังไม่ตายลุกขึ้นมากวาดยิงพสุ และภูริชอีกครั้ง ทว่าเอวาเข้ามาบังไว้ เดวิดเสียใจที่เป็นคนยิงลูกตัวเอง ด้วยความตกใจ จึงทำให้เดวิดพลาดท่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญฆาตกรรมยิงซ้ำอีกครั้งจนตาย เป็นการปิดตำนานความชั่วร้ายของเดวิด เอวาถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล ในขณะที่อาร์ม และศักดิศรถูกจับและต้องไปชดใช้ความผิดตามกระบวนการทางกฎหมาย การกระทำของพสุ ทำให้พสุกลายเป็นฮีโร่ สังคมยกย่องพสุ ในฐานะช้าราชการที่มีความซื่อตรงต่อหน้าที่ ในที่สุดพสุก็สามารถพิสูจน์ให้พ่อเห็นว่า ข้าราชการดี ๆ ก็สามารถยืนหยัดอยู่ได้ในสังคมไทย โดยมีเรนคอยเป็นกำลังใจให้ ส่วนเอวาก็ได้บริจาคทรัพย์สินทั้งหมดของเดวิดให้กับกรมอุทยาน เพื่อฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม และใช้ชีวิตอย่างพอเพียงกับภูริชที่ตั้งใจจะรับราชการ เพราะรู้แล้วว่าอาชีพข้าราชการสำคัญขนาดไหน ประเทศจะอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีข้าราชการน้ำดี และคอยเป็นรากแก้วที่แข็งแรงให้กับประเทศ ส่วนหน่วยงานพิเศษ DPN ของท่านอธิบดี และกรมอุทยานก็ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ เพื่อทำหน้าที่เป็นรากแก้ว รากที่ไม่มีใครมองเห็น แต่เป็นรากที่แข็งแรงที่สุด ที่คอยรักษาผืนป่าทำให้แผ่นดินยังดำรงไว้ต่อไป
ใต้เงาจันทร์ 2558

ใต้เงาจันทร์ (2558/2015) ใต้เงาจันทร์ นั้นมีมนตรา แสงนวลกระจ่าง โอบเอื้อ อบอุ่น ประโลมหัวใจดั่งเป็นเพื่อน แต่หากความรักมีเกินสองให้ต้องเลือก ก็ขอจันทร์ทอแสงส่อง ต้องหัวใจ ว่าใจของใครจะทอเงาทาบชิด สนิทแนบใจของเธอ

พบูเพิ่งกลับจากเมืองนอก ซึ่งเธอไปเรียนนับสิบปีแต่กลับเรียนอะไรไม่จบสักอย่าง พบูมีน้องสาวต่างมารดาคือบูรณา ซึ่งแตกต่างกับเธอทุกอย่าง บูรณาเรียบร้อย ตั้งใจเรียน และเชื่อฟังแม่มากการะเกดจึงรับไม่ได้ที่พบูเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบ เพราะหล่อนเป็นคนชอบควบคุม ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน พบูจะว่าการะเกดอย่างไม่เกรงใจ เพราะลึก ๆ พบูคิดว่าการะเกดกับน้องมาแย่งพ่อและครอบครัวไปจากเธอ ตอนเด็กเธออยู่กับย่า จนย่าตาย พบูต้องมาอยู่กับพ่อและแม่เลี้ยง แต่ก็เรียนโรงเรียนประจำ ซึ่งยิ่งทำให้เธอคิดว่าพ่อและแม่เลี้ยงไม่ต้องการให้เธอเป็นส่วนเกินของครอบครัวใหม่ กลับมาเมืองไทยแล้ว พบูยังไม่ยอมทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน การะเกด ซึ่งเป็นคนแนะนำให้พ่อเรียกตัวเธอกลับมาจึงใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดด้วยการระงับบัตรเครดิตของเธอ และจะให้เธอมาทำงานที่โชว์รูมขายรถของพ่อและรับเงินเดือนเหมือนพนักงานทั่วไป ซึ่งเมื่อรู้ว่าเป็นความคิดของพ่อด้วย พบูทั้งโกรธและน้อยใจมาก จึงขนของออกจากบ้านทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะไปไหน เมื่อไม่มีที่ไป พบูตัดสินใจโทรหามธุรสผู้เป็นแม่ ทั้งที่ไม่เคยติดต่อกันมาเลยเป็นสิบปี ความรู้สึกผิดที่เคยทิ้งลูก ทำให้มธุรสตัดสินใจว่าจะต้องช่วยเหลือลูก โดยพบูต้องการแค่ที่พักชั่วคราวจนกว่าจะหางานทำได้ พบูคิดเอาง่าย ๆ ว่าจะหางานทำได้ แต่ในความเป็นจริง การที่เธอเรียนไม่จบอะไรมาสักอย่างทำให้หางานทำยากมาก มธุรสไปปรึกษาแผนกธุรการของเจริญรุ่ง สามีใหม่ สร้อยทิพย์ ลูกน้องของเจริญรุ่งสามารถหาห้องพักในอาคารศศิวงศ์ให้พบูได้ พบูจึงย้ายเข้าไปอยู่โดยไม่รู้ที่มาของการได้ห้องพักนั้น อาคารศศิวงศ์เป็นของศศิวงศ์กรุ๊ป ซึ่งกิจจาก่อร่างสร้างตัวจากผู้รับเหมาก่อสร้างรายเล็ก ๆ จนกลายเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ในเครือศศิวงศ์กรุ๊ป กิจจากำลังคิดจะเกษียณโดยจะยกตำแหน่งประธานบริษัทให้กับหลานชายคนโตคือศตายุ โดยไม่สนใจความรู้สึกของลูก ๆ ทั้งสามคน เพราะเชื่อมั่นในความสามารถของศตายุ กิจจาตอกย้ำอยู่ตลอดว่าลูก ๆ ไม่ได้เรื่อง เจริญรุ่ง ลูกชายคนโต เป็นคนไม่เอาถ่าน ขณะที่งามยิ่งท่าดีทีเหลว และเมฆพัด คนสุดท้อง ซึ่งเป็นลูกเมียน้อยยิ่งแย่ใหญ่ เพราะเกิดมาในช่วงที่กิจการของพ่อกำลังย่ำแย่จนเกือบหมดเนื้อหมดตัว ทั้งที่เป็นคนเอาการเอางานมากกว่าพี่ ๆ กิจจาก็ไม่ค่อยชอบลูกคนนั้นนัก ซึ่งลึก ๆ นอกจากอคติส่วนตัวแล้ว กิจจารู้ดีว่าเมฆพัดไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่ฉาบหน้าเอาไว้ แต่ในอดีตวันที่กิจจาแทบสิ้นเนื้อประดาตัว ก็มีความหวังเกิดขึ้น เมื่อมีหมอดูมาทักว่าจะมีผู้ชายคนหนึ่งมาทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้น จังหวะนั้นเจริญรุ่งในวัย 21 ปี ทำแฟนสาวตั้งท้อง เมื่อศตายุเกิดมา กิจการของกิจจาก็ดีวันดีคืน จนเขาคิดว่าหลานชายคนโตเป็นตัวนำโชค ศตายุโชคร้ายที่แม่ตายในวันที่คลอดเขา แต่ปู่รักและเลี้ยงดูเขาอย่างดี โดยเจริญรุ่งแทบจะไม่มีส่วนในตัวลูกชายเลย การลำเอียงและให้ความสำคัญแต่ศตายุคนเดียวของกิจจา ทำให้ทุกคนในบ้านไม่พอใจโดยเฉพาะงามยิ่งจะแสดงออกชัดเจน แม้เจริญรุ่งเองก็ห่างเหินทำตัวเหมือนไม่ใช่พ่อลูกกับศตายุ เขารักและตามใจธราดล ลูกชายคนเล็กที่เกิดจากธุรสจนเสียคน ตลอดมาศตายุน้อยใจพ่อว่ารักน้องชายมากกว่า จึงชอบหาเรื่องเคี่ยวเข็ญเอากับธราดล ส่วนหนึ่งเพราะนิสัยที่เป็นคนจริงจัง จึงไม่ชอบที่พ่อและน้องชายทำตัวไว้แก่นสาร ธราดลไม่ยอมไปโรงเรียน โดยอ้างว่าอยากไปเรียนต่อเมืองนอก ศตายุไม่ยอม ยื่นคำขาดให้เรียนจบ ม.6 ก่อน เจริญรุ่งพยายามเข้าข้างธราดล แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะสิทธิ์ขาดในบ้าน กิจจาได้มอบหมายให้เขาเป็นคนตัดสินใจ เจริญรุ่งกับธราดลจึงยิ่งเกลียดและต่อด้านศตายุมากจนเห็นเป็นศัตรู ขณะที่เมฆพัดเป็นคนเดียวในบ้านที่ไม่เคยแสดงปฏิกิริยาไม่ดีกับพ่อหรือศตายุ แต่ลึกลงไปในท่าทีที่ไม่เป็นปฏิปักษ์กับใคร มีงามยิ่งเพียงคนเดียวที่รู้จักด้านมืดของน้องชายดีว่าใคร วันหนึ่งศตายุขับรถผ่านร้านอาหารเก่าของบริษัท ซึ่งขาดทุนจนปิดร้างมาเป็นปี แต่เขาอนุมัติงบให้ตกแต่งเพื่อเปิดบริการใหม่ ยังไม่มีความคืบหน้า เขาโกรธมากจึงเล่นงานแผนกธุรการ ซึ่งเจริญรุ่งดูแลอยู่ พ่อไม่สนใจกลับด่าว่าเหมือนเขาไม่ใช่ลูก ทำให้ศตายุยิ่งน้อยใจ แต่เขาก็ไม่เลิกรา ศตายุเร่งจะเอาคำตอบความคืบหน้าของร้านอาหารให้ได้ เจริญรุ่งขี้เกียจจึงสั่งสร้อยทิพย์ให้หาสถาปนิกมารับหน้าแทน และสถาปนิกคนนั้นก็คือบุรี หนุ่มหน้าตี๋ ขี้เล่น อารมณ์ดี เป็นที่รักของคนรอบข้าง บุรีชอบแต่งตัวเซอร์ ๆ เพราะคิดว่าตัวเป็นศิลปิน แต่ในชีวิตอันรื่นรมย์ของบุรี มีความอึดอัดใจอยู่อย่างหนึ่ง คือแม่พยายามจะให้เขาแต่งงานกับเด็กสาวแถวบ้านที่อ่างทองชื่อลูกชุบ เนื่องจากในอดีตพ่อของลูกชุบเคยมีบุญคุณช่วยพ่อของบุรีไว้ แต่ลูกชุบเองก็ไม่ได้ชอบบุรีเหมือนกัน จึงหนีตามผู้ชายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ บุรีรู้ก็คอยให้ความช่วยเหลือ เจริญรุ่งส่งตัวบุรีมาคุยกับศตายุเรื่องร้านอาหารแบบไม่ทันตั้งตัว แต่บุรีคิดไอเดียในการแปลงโฉมร้านอหารได้คร่าว ๆ พอมาคุยกันศตายุพอใจไอเดียของบุรี แต่ไม่พอใจการทำงานของสร้อยทิพย์ และแผนกธุรการ เลยพยายามไล่บี้เอากับสร้อยทิพย์ เป็นความบังเอิญที่คืนนั้นขณะที่สร้อยทิพย์กำลังพยายามหาข้อมูลของร้านอาหารมาตอบ ศตายุให้ได้ พบซึ่งพักอยู่ในอาคารศศิวงศ์เอาคีย์การ์ดไปรูดเข้าห้องฟิตเนส เด็กที่ดูแลจับได้ว่าเป็นคีย์การ์ดห้องพักของบริษัทลูกค้าที่เช่ารายปีไว้ แต่ตอนนี้ว่างอยู่ จึงโทรไปตามสร้อยทิพย์ที่ห้องศตายุ เพราะคิดว่าพบูแอบลักลอบเข้ามาพักในตึก ศตายุก็เลยพลอยรู้เรื่องไปด้วย พบูพอรู้เข้าก็โกรธแม่และสร้อยทิพย์มาก ที่หลอกให้ตัวเองเข้าไปแอบอยู่ในห้องของคนอื่น จึงเก็บของจะย้ายออกในคืนนั้น มธุรสกลัวสร้อยทิพย์จะเดือดร้อนจึงไปคุยกับศตายุ บอกว่าพบูกำลังหางานทำ ขอพักชั่วคราว ศตายุไม่ได้สนใจ คิดจะปล่อยให้พ่อของเขาเป็นคนจัดการ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แต่ขณะจะกลับบ้าน เขาบังเอิญเจอพบูในเลิฟต์เข้าพอดี ก่อนหน้านี้เขาเคยเจอพบูมาก่อน เขาประทับใจเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น พบูเคยช่วยกันเขาจากชคันภา เด็กสาวร่างอ้วน แต่ชอบคิดว่าตัวเองเป็นคนสวยหุ่นดี ลูกสาวของชัชชัย ลูกค้าวิไอพีที่เพิ่งเซ็นสัญญาโครงการใหญ่ไป และกำลังจะเซ็นสัญญาโครงการใหม่ในอีกไม่นาน ชคันภาชอบคอยตามตื้อและคิดไปเองว่าเป็นแฟนเขา ศตายุไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเกรงใจพ่อเธอ เมื่อรู้ว่าพบูคือลูกสาวของมธุรส ศตายุให้เธอขนของกลับไปที่ห้อง และบอกให้เธออยู่ต่อได้ เขาจะจัดการเรื่องทั้งหมดเอง และให้พบูมาเป็นผู้จัดการร้านอาหารที่กำลังปรับปรุงอยู่ ซึ่งเขาจะดึงจากแผนกธุรการมาดูแลเอง เรื่องนี้ทำให้มธุรสประหลาดใจมาก และแอบคิดว่าศตายุคงจะมีใจให้พบูแน่ จากความผิดของสร้อยทิพย์ ศตายุสั่งให้เจริญรุ่งทำรายงานชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เจริญรุ่งไม่สนใจเข้าไปบ่อนจนมาทำงานเอาตอนบ่ายของอีกวัน มาถึงจึงรู้ว่าศตายุไล่สร้อยทิพย์ออก และตั้งกนกวรรณ ลูกน้องของงามยิ่งซึ่งเป็นคนที่ศตายุไว้ใจมาทำแทน และให้พบูเป็นคนดูแลร้านอาหารโดยประสานงานกับบุรี เจริญรุ่งโกรธถึงกับตบหน้าศตายุ แต่ศตายุไม่สนใจ ขณะเดียวกันบุรีเองก็เคยเจอกับพบูมาก่อน โดยที่พบูจำไมได้ ซึ่งครั้งนั้นพบูก็วีนใส่เขา และเมื่อมาเจอกัน บังเอิญว่ารถของพบูถูกคนแกล้งปล่อยลมยางออกหมด บุรีต้องช่วยเปลี่ยนยางให้ แต่พบูก็พูดจาไม่เข้าหูบุรีอีก แต่แม้ว่าเขากับเธอจะกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากันตลอด แต่การได้ลับฝีปากปะทะคารมกับพบูเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่บุรีไม่เคยพลาดเลยทีเดียว พบูเริ่มเจอแม่บ่อยขึ้น เธอไปช้อปปิ้งกินข้าวกับแม่ มีคนโทรมาบอกว่าธราดลถูกตำรวจจับมธุรสรีบโทรหาศตายุ ศตายุรีบไปช่วยประกันตัวให้ ใจจริงเขารักและห่วงน้องมาก แต่การแสดงออกของเขาทำให้ธราดลคิดเหมือนคนอื่นในครอบครัวว่าศตายุชอบวางอำนาจ และทำทุกอย่างเพียงเพื่อจะเอาใจคุณปู่ และธราดลหงุดหงิดที่แม่คอยแต่เกรงใจจนเหมือนกลัวทั้งปู่และศตายุ กิจจากลับจากทัวร์ต่างประเทศกับเด็กสาวรุ่นหลาน เขาสั่งให้ทนายความจัดการเรื่องแต่งตั้งศตายุเป็นประธานและให้จัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ในบริษัท งามยิ่งไม่พอใจ และยิ่งหงุดหงิดเรื่องที่เขาซื้อรถคันละเป็นล้านให้เชอรี่เด็กสาวที่พาไปเที่ยว และเอาหล่อนเข้าไปอยู่ในห้องเพนท์เฮ้าส์ที่เขาซื้อเอาไว้ ต่อมาเชอรี่ถูกปล้นชิงรถ เด็กสาวได้รับบาดเจ็บ รถก็หาย กิจจาสั่งให้ศตายุจัดการเรื่องเงินให้ ตัวเองหันไปคบเด็กใหม่ที่ชื่อลูกตาล โดยไม่รู้ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของเมฆพัดซึ่งโกรธที่พ่อเอาเงินไปปรนเปรอผู้หญิงอื่น ชคันภาเริ่มหึงพบู ทั้งที่ศตายุแสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้มีใจชอบเธอ แต่ชคันภาก็ยังพยายามจะเอาชนะใจศตายุ โดยไม่สนใจท่าทีของศตายุที่มีต่อตัวเอง ศตายุพยายามจะกันชคันภาออกไปอย่างนุ่มนวล จึงขอให้พบูช่วย โดยมีเงื่อนไขให้เธอย้ายไปพักที่ห้องเพนท์เฮ้าส์บนชั้น 31 ซึ่งเป็นห้องพักตามตำแหน่งของเขา เป็นแผนอย่างหนึ่งที่ศตายุอยากใกล้ชิดกับพบูมากขึ้น ตอนแรกพบูไม่ทันได้คิดอะไร จึงยอมตกลงและอยากจะย้ายเข้าไปอยู่ในห้องเพนท์เฮ้าส์ที่หรูหราด้วย ร้านอาหารก้าวหน้าไปมาก พบูได้เชฟซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเรียนเมืองนอกชื่อไมเคิล ภาพลักษณ์ภายนอกของไมเคิลไม่น่าประทับใจ เพราะเขาตัวใหญ่เทอะทะ แต่เป็นลูกเศรษฐีที่มาทำเพราะอยากทำอาหาร และมีฝีมือขั้นเทพจนศตายุปฏิเสธเขาไม่ได้ เมื่อร้านใกล้เสร็จพบูอยากหาของมาแต่งร้าน เลยชวนบุรีให้ไปช่วยเลือกที่ตลาดนัดจตุจักร โดยมีไมเคิลไปด้วย แต่บุรีชวนให้ไปที่อ่างทองแทน เพราะแม่เขารับตะกร้าหวายมาขายอยู่แล้ว พอถึงวันไปไมเคิลท้องเสียไปด้วยไม่ได้ พบูจึงไปกับบุรีแทน บุรีพาพบูไปเที่ยวอยุธยา ขากลับจากบ้านเขา รถเกิดเสีย พบูเลยต้องค้างที่บ้านบุรีหนึ่งคืน ซึ่งทำให้ทั้งสองสนิทสนมและประทับใจในตัวกันและกันมากขึ้น พอกลับมาลูกชุบมาหาบุรีที่คอนโดฯ ซึ่งเป็นคอนโดฯ ของบริษัทที่สร้างให้พนักงานเช่าอยู่ด้านหลังของอาคารศศิวงศ์ ลูกชุบมีปัญหาเรื่องเงิน บุรีจึงให้เงินไป และเมื่อไปส่งบ้านจึงรู้ว่าลูกชุบอยู่อย่างยากลำบาก งามยิ่งรู้เรื่องที่พบูได้อยู่ห้องเพนท์เฮ้าส์ของศตายุ จึงเอาไปพูดในทางเสียหาย ทั้งที่ตั้งแต่ย้ายไปอยู่ ศตายุไม่เคยไปที่ห้องนั้นเลย พบูเริ่มนึกได้ว่าตัวเองตัดสินใจผิด จึงตัดสินใจจะย้ายออก แต่ไปหาดูห้องพักแถวนั้นราคาแพงมาก จึงคิดจะหาห้องที่คอนโดฯ ของพนักงานทางด้านหลังที่ราคาย่อมเยากว่า แต่ที่นั่นห้องไม่เคยว่างเลย พบูไปถามเรื่องห้องพักกับบุรี เพราะรู้ว่าบุรีพักอยู่ที่นั่น วันหนึ่งก็มีคนโทรมาบอกว่าเขาได้สิทธิ์เช่าห้องพัก แต่จะยกสิทธิ์ให้พบู เธอเอาเงินมัดจำไปวาง และคิดว่าเป็นฝีมือของศตายุ แต่ตอนหลังถึงรู้ว่าไม่ใช่ ศตายุให้คนเอาเงินมัดจำมาคืนเพื่อให้พบูอยู่ห้องเพนท์เฮ้าส์ต่อไป แต่ตอนหลังพบูรู้ว่าคนที่หาห้องให้คือบุรี และเธอก็ตัดสินที่จะย้ายไปอยู่ห้องเช่าที่คอนโดฯ ซึ่งทำให้ศตายุไม่ค่อยพอใจ และเริ่มจะรู้ว่าตัวเองกำลังมีศัตรูหัวใจคือบุรี วันหนึ่งชคันภามาหาศตายุที่บริษัทและโวยวายเรื่องที่คนลือกันว่าพบูสนิทสนมกับศตายุต่อหน้าชัชชัย พ่อของหล่อนที่มาประชุม ศตายุจึงตัดสินใจพูดตรง ๆ และยังพูดในทำนองว่าเขามีใจให้พบูจริง ๆ ทำให้ชคันภาโกรธและเสียใจ เมฆพัดได้จังหวะจึงพยายามเข้าไปสนิทสนมกับชคันภา จนเด็กสาวใจอ่อน หันมาควงกับเขาแทน ชคันภาเห็นศตายุอยู่กับพบูอย่างมีความสุขก็แค้นใจ พูดว่าอยากเห็นพบูเสียโฉม ต่อมาก็มีคนเอาน้ำกรดจะมาสาดพบูจริง ๆ แต่บุรีช่วยกันไว้ได้ทันตัวเขาเองโดนน้ำกรดเล็กน้อย ทุกคนคิดว่าเป็นฝีมือของเจมี่แต่ไม่มีหลักฐาน เหตุการณ์นี้ทำให้ศตายุเป็นห่วงพบู คอยรับส่งเธออยู่พักใหญ่ ในขณะที่บุรีเองก็แอบคอยดูแลเธออยู่ห่าง ๆ ตอนนี้ทุกคนในบริษัทรู้แล้วว่าศตายุมีใจกับพบู เพียงแต่พบูไม่ยอมแสดงออก ตลอดมางามยิ่งกับเมฆพัดสงสัยเรื่องราวของศตายุกับเจริญรุ่ง ว่าทั้งสองอาจจะไม่ใช่พ่อลูกกัน เพราะเจริญรุ่งแสดงออกชัดเจนว่าไม่รักศตายุ และวันที่ศตายุเกิดก็ดูมีอะไรปิดบัง จนวันหนึ่งงามยิ่งไปเจอเพื่อนเก่าซึ่งคนข้างบ้านเป็นนางพยาบาล เล่าเรื่องว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมาคลอดลูกแล้วตายทั้งแม่ทั้งลูก แต่แม่สามีของผู้หญิงคนนั้นต้องการหลานชายเพื่อเอาใจสามี เลยไปขอเด็กผู้ชายอีกคนที่แม่ทิ้งไปมาเป็นหลานแทน ทั้งวันเวลา และโรงพยาบาลเป็นเรื่องเดียวกัน งามยิ่งมั่นใจว่าศตายุต้องไม่ใช่ลูกของเจริญรุ่งแน่ แต่เมื่อไปถามเจริญรุ่งกลับยืนยันว่าศตายุเป็นลูกเขาจริง ๆ และท้าให้เอาเส้นผมของเขากับศตายุไปตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งเมื่อไปตรวจผลออกมาปรากฏว่าศตายุเป็นลูกเจริญรุ่งจริง ๆ ทำให้สองพี่น้องผิดหวังมาก ร้านอาหารครัวศศิวงศ์ใกล้เปิด พบูกับบุรีใกล้ชิดกันมากขึ้น ในขณะที่ศตายุเองก็พยายามทำคะแนนตีตื้นขึ้นมาตลอด พบูเริ่มลำบากใจเมื่อเริ่มรู้ใจของชายหนุ่มทั้งสองคน แต่เธอก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร จนในที่สุดก็ถึงวันเปิดร้านอาหาร ด้วยฝีมือของไมเคิลและเก็ท ผู้ช่วยเจ้าสำอาง ทำให้มีคนมาเต็มร้าน มธุรสได้ปะทะฝีปากนิดหน่อยกับการะเกดเรื่องที่หล่อนทำให้พบูต้องระเห็จออกมาจากบ้าน ทั้งมธุรสและมนูพ่อของพบูต่างภูมิใจในตัวเธอที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นและมีงานที่มั่นคง หลังจากร้านอาหารเปิด ศตายุแวะเวียนมาช่วยที่ร้านทุกเย็น วันหนึ่งเขาแอบเห็นหน้าจอโน้ตบุ๊กของพบูเป็นภาพวาดฝีมือบุรี ศตายุหงุดหงิดมาก เขาพยายามจะแสดงให้พบูเห็นถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอแต่พบูก็ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เหมือนเดิม เก็ทซึ่งเป็นผู้ช่วยพ่อครัวรู้เข้าก็เอารูปที่ต๋อยแอบส่งมาให้ เป็นภาพวาดพบูที่บ้านของบุรีตอนที่เธอไปค้างบ้านเขา บุรีแอบวาดแล้วเก็บไว้ใต้เตียง ตอนนี้พบูรู้แล้วว่าทั้งสองคนมีใจกับเธอ แต่เธอไม่รู้จะทำอย่างไร ขณะอยู่ที่ร้านอาหาร มธุรสก็โทรมาบอกข่าวร้ายกับศตายุ ว่าธราดลตกดึกตาย ศตายุเสียใจมากที่น้องชายตาย และโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง พบูสงสารเขามาก ช่วงนี้ลูกชุบซึ่งเพิ่งคลอดลูกทะเลาะกับสามี และหนีกลับไปอยู่ที่บ้านของบุรีก็พยายามโทรหาบุรีตลอดเหมือนจะหาพ่อใหม่ให้ลูก จนบางครั้งบุรีก็อดคิดไม่ได้ว่าหรือตัวเองจะหลีกทางให้พบูกับศตายุ แต่ก็ไม่อาจตัดใจจากพบูได้ ที่งานศพธราดล การะเกดมางานพร้อมกับบูรณา พบูสังเกตเห็นว่าการะเกดปลื้มศตายุมาก และพยายามดันบูรณาให้สนิทสนมกับศตายุ บูรณาก็ดูชื่นชมศตายุเหมือนกัน แต่ความที่เป็นคนเรียบร้อย จึงไม่ค่อยแสดงออก การะเกดถึงขั้นฝากให้บูรณามาฝึกงานที่ศศิวงศ์ ศตายุอยากเอาใจพบูจึงรับปาก ทำให้พบูเริ่มรู้สึกหวง ๆ ศตายุขึ้นมานิดหน่อย วันเผาศพธราดล มธุรสเศร้ามาก รู้สึกผิดว่าตัวเองตามใจลูกจนเสียคนทำให้ลูกไปอยู่บ้านเพื่อน และเสพยาจนเมาแล้วขึ้นไปเดินบนระเบียงจนตกลงมา เจริญรุ่งก็เสียใจมากและโทษว่าเป็นความผิดของศตายุที่เข้มงวดกับน้องมากเกินไป เขาด่าว่าศตายุ จนศตายุเริ่มน้อยใจ ถามว่าถ้าเปลี่ยนกันได้เป็นเขาที่ตายแทนธราดลพ่อจะรู้สึกดีขึ้นไหม เจริญรุ่งตอบว่าใช่ จนศตายุอดไม่ได้ถามว่าเขาไม่ใช่ลูกหรือ ทำไมถึงได้เกลียดเขานัก เจริญรุ่งไม่ตอบแต่บอกว่าคำตอบทุกอย่างอยู่ที่สวนหลังบ้าน ศตายุได้แต่สงสัยเพราะสังเกตมานานแล้วว่าพ่อชอบมานั่งเล่นใต้ซุ้มกุหลาบที่สวนหลังบ้านเสมอ บูรณามาทำงานที่ศศิวงศ์ อยู่แผนกงามยิ่ง ถูกคนนินทาว่าเชย ไม่สมกับเป็นน้องของพบู พบูฟังแล้วโกรธเลยพาบูรณาไปให้เก็ททำผมใหม่ สอนแต่งตัวแต่งหน้าให้ใหม่ บูรณาดีใจมากที่ได้ใกล้ชิดกับพบู และยิ่งอยู่ใกล้ชิดกับศตายุก็ยิ่งรู้ว่าเขารักพบูมากแค่ไหน เธอเองแค่ชื่นชมเขาเท่านั้น มธุรสเองก็สังเกตได้ว่าการะเกดพยายามจะดันลูกสาวตัวเอง เลยแกล้งพูดลองใจศตายุถึงบูรณา ก็เห็นว่าศตายุเห็นบูรณาเป็นแค่น้องสาวของคนที่เขารักเท่านั้น พบูใกล้ชิดกับศตายุมากขึ้นเนื่องจากสงสารที่เขากำลังเศร้า บุรีนึกอยากรู้ความรู้สึกจริง ๆ ของพบู เพราะเขามีความรู้สึกว่าพบูก็มีใจให้เขาเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นเธอคงยอมเป็นแฟนศตายุไปแล้ว จนคืนหนึ่งบุรีกินเหล้าเมา กลับมาห้องลูกชุบแอบเข้าห้องมาค้างด้วย โดยบุรีไม่รู้ ตอนเช้าพบูมาหาเขาเลยเจอเขาอยู่กับลูกชุบ แต่พบูก็ยังทำไม่รู้ไม่ชี้จนบุรีเริ่มจริงจังว่าพบูคิดอย่างไรกับเขากันแน่ วันหนึ่งมธุรสจะเอาข้าวของของธราดลไปบริจาค งามยิ่งผ่านมาพอดีเห็นแปรงผมของธราดลก็เอะใจเพราะเป็นอันเดียวกับที่เจริญรุ่งเคยเอามาให้แล้วบอกว่าเป็นแปรงของศตายุ เพื่อให้เธอเอาเส้นผมเขาไปตรวจ งามยิ่งนึกได้ทันทีว่าเจริญรุ่งโกหก เอาเส้นผมตัวเองกับผมของธราดลไปให้ตรวจ ผลถึงได้ออกเป็นพ่อลูกกัน งามยิ่งหงุดหงิดมากจึงคิดจะไปถามพ่อให้รู้เรื่อง แต่เมฆพัดเสนอว่าจะไปเอง ตอนแรกเมฆพัดพูดดี ๆ กับกิจจา แต่พ่อพูดจาถากถางดูถูกจนเขาเริ่มโกรธ และเมื่อพูดเรื่องศตายุกับเจริญรุ่งออกไปตรง ๆ กิจจาก็พูดแปลก ๆ จนเมฆพัดจับได้ว่าแท้จริงแล้วพ่อเขารู้มานานแล้วว่าศตายุไม่ใช่หลานแท้ ๆ เขาเองที่เป็นคนสั่งให้เจริญรุ่งเก็บความลับนี้เอาไว้ ทั้งที่ทุกข์ใจอึดอัดใจแสนสาหัส เจริญรุ่งก็จำต้องเก็บเอาไว้ ถึงขนาดทำเรื่องหลอกเขากับงามยิ่ง เมฆพัดโกรธมากจนทะเลาะกับกิจจา และเผลอผลักพ่อล้มลงหัวกระแทกโต๊ะ เมฆพัดคิดจะทิ้งพ่อไว้อย่างนั้นโดยไม่ทำอะไร แต่พอลงลิฟต์มาเจอกับลูกตาล เขาเลยต้องพาพ่อส่งโรงพยาบาล แต่ให้ลูกตาลช่วยปิดบังว่าพ่อล้มเอง และเขาพยายามช่วยแล้ว แต่เมื่อมาถึงโรงพยาบาลกิจจาต้องผ่าตัดด่วน และหมอสงสัยว่าเขาเสียเลือดมาก ทั้งที่ก็อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาล ศตายุสงสัยว่าเมฆพัดต้องทำอะไรปู่แน่ แต่ก็ไม่สามารถรู้ความจริงได้ เพราะเมื่อกิจจาออกจากห้องผ่าตัดแล้วกลับไม่รู้สึกตัว และหมอก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเขาจะฟื้นเมื่อไหร่ ศตายุยิ่งเศร้าลงทุกวัน ทั้งเรื่องธราดลและเรื่องปู่ พบูจึงอยู่ใกล้ชิดเขามากขึ้น แต่เธอก็ยังคงทิ้งระยะห่างระหว่างเขากับเธอเหมือนเดิม งามยิ่งหงุดหงิดมาก เพราะตอนนี้รู้แล้วว่าศตายุไม่ใช่หลานแท้ ๆ หล่อนต้องการจะจัดการอะไรกับเขาสักอย่าง แต่พ่อก็ยังไม่ฟื้น และเมฆพัดคิดจะเก็บความลับนี้ไว้แบล็กเมล์พ่ออีกที เพราะรู้ว่ากิจจาพยายามจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ จนวันหนึ่งงามยิ่งทนไม่ไหวเลยส่งคลิปที่สัมภาษณ์นางพยาบาลชราที่รู้เรื่องวันที่เขาคลอดไปให้ศตายุ ศตายุดูคลิปแล้วก็มาหางามยิ่งอย่างโกรธจัด งามยิ่งจึงเล่าทุกอย่างให้ฟังอย่างสะใจ ศตายุไม่พูดอะไรแต่กลับไปบ้าน เขาเอาพลั่วเข้าไปขุดดินที่สวนหลังบ้าน เพราะเจริญรุ่งเคยบอกว่าคำตอบทุกอย่างอยู่ที่นี่ มธุรสเรียกพบูมา เจริญรุ่งมาทันตอนที่ศตายุโค่นต้นกุหลาบแสนรักของเขา เจริญรุ่งโกรธมาก แต่ศตายุไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขาพังโค่นทุกอย่างอย่างบ้าคลั่ง เพราะอยากรู้ว่ามีอะไรอยู่ที่นี่ เจริญรุ่งเลยบอกว่าเขาฝังกระดูกลูกสาวคนโตของเขาไว้ที่นี่ แล้วบอกความจริงว่าลูกของเขาตายพร้อมเมียเขาตั้งแต่วันที่คลอด แต่แม่เขากลัวพ่อจะเสียใจเพราะตั้งความหวังกับหลานคนนี้ไว้มาก เลยไปเอาเด็กผู้ชายที่แม่ทิ้งไปมาเป็นหลานแทน ศตายุอึ้งกับความจริง รู้สึกเหมือตัวเองเป็นคนไร้ค่าที่มาชูคออยู่ในครอบครัวของคนอื่น จากวันนั้นเขาพยายามหลบหน้าพบู จนพิมพ์พรรณเลขาฯ เป็นห่วงโทรบอกพบู พบูจึงหาโอกาสพูดกับเขา ศตายุถามตรง ๆ ว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับเขา พบูยังคงตอบกำกวม บุรีผ่านมาพอดียืนแอบฟัง เขานึกอยู่แล้วว่าพบูต้องตอบแบบนั้น ศตายุทนใช้ชีวิตปกติได้ไม่นาน เขาก็รู้สึกว่าทนอีกต่อไปไหวแล้ว วันหนึ่งก่อนรถจะเลี้ยวเข้าดึกศศิวงศ์ เขาก็ลงจากรถแล้วนั่งแท็กซี่หายไป พิมพ์พรรณเห็นเจ้านายหายไปหลายวันก็โทรบอกพบู เพราะตามหาหลายที่แล้วแต่ไม่รู้ว่าศตายุไปไหน พบูโทรถามมธุรสเลยรู้ว่ามีบ้านเก่าของครอบครัวอีกหลังที่พิมพ์พรรณยังไม่ได้ไปหา พบูแวะไปหาศตายุคืนนั้น มีบุรีขับรถไปให้เพราะเธอไปไม่ถูก เมื่อเข้าไปในบ้านพบูต้องตกใจ เมื่อเห็นศตายุซึ่งเคยเจ้าระเบียบ สะอาดสะอ้าน นอนจมอยู่บนโซฟาเก่า ๆ เนื้อตัวสกปรกเพราะไม่ได้อาบน้ำ และมีกลิ่นเบียร์หึ่ง เธอพยายามจะพูดให้เขากลับไป แต่ศตายุถามเธอเรื่องเดิมว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับเขา พบูไม่รู้จะตอบอย่างไร ศตายุกำลังเมาจึงคาดคั้นจะเอาคำตอบจากเธอให้ได้ บุรีได้ยินเสียงเลยเข้ามาดู ศตายุกำลังสติแตกก็เลยลุกขึ้นมาต่อยบุรี ตอนแรกพบูคิดว่าบุรีจะถอย แต่กลับเป็นว่าบุรีก็ทนมานานเหมือนกันเลยต่อยกันนัวกับศตายุ พบูไม่รู้จะห้ามยังไงเลยขับรถหนีทิ้งบุรีไว้ที่นั่น ศตายุเมามากเลยโดนบุรีต่อยเข้าปลายคางสลบไป พบูขับรถหนีไปหาเก็ท เก็ทให้คำปรึกษาว่าใจจริงพบูรักบุรี แต่สงสารศตายุเลยลังเล แต่พบูไม่คิดอย่างนั้นเธอรู้ว่าลึก ๆ แล้วระหว่างเธอกับศตายุไม่ได้มีแค่ความสงสารอย่างเดียว หากจะเปรียบแล้ว ศตายุเหมือนแสงแดดอันอบอุ่น เห็นได้ชัดเจนเมื่อทอแสงมา ให้ความสว่างไสว ขณะที่บุรีเหมือนสายลมเย็นที่พัดผ่านมาให้ชื่นใจ จับต้องไม่ได้ มองไม่เห็น แต่ก็รู้สึกสบายใจเมื่อได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ให้ความรู้สึกที่ดีด้วยกันทั้งคู่ เมื่อกลับไปที่ห้องพัก บุรีแวะมาหา แล้วถามความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขา บุรีมีความรู้สึกว่าระหว่างเธอกับเขาและศตายุควรจะมีคำตอบที่ชัดเจนสักที แต่พบูก็ยังไม่ยอมตอบอยู่ดี ในที่สุดบุรีก็หลุดปากถามมาว่าอยากให้เขาเป็นฝ่ายถอยออกไปไหม พบูไม่รู้จะตอบอย่างไรก็เลยบอกว่าตามใจเขาอยากทำอะไรก็เชิญ บุรีจึงได้แต่เดินออกจากห้องไปอย่างพ่ายแพ้ วันรุ่งขึ้นศตายุตื่นขึ้น เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดเรื่องกับธราดลที่เขาได้นอนเต็มอิ่ม ศตายุมีสติกลับมา จึงลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วโทรไปง้อพบู เขาขับรถพาเธอไปที่คอนโดฯ ที่เขาซื้อไว้ แล้วบอกความในใจของเขาที่มีต่อเธอว่าเขาคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ เมื่อพบูไม่พูดอะไร ศตายุก็บอกว่าถือว่าเธอตอบรับเขา วินาทีนั้นพบูรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนสำคัญที่สุดในโลกสำหรับเขา ขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดด้วย เพราะใจเธอไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว และเหมือนทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปในทางที่ดี กิจจาฟื้นขึ้นมาเป็นปกติเหมือนเดิม ตอนแรกศตายุกลัวว่าปู่อาจจะไม่ยอมรับเขาเมื่อรู้ว่าเขาไม่ใช่หลาน แต่กิจจากลับบอกว่าเขารู้เรื่องนี้มานานแล้ว เมฆพัดแอบได้ยินสิ่งที่พ่อพูดกับศตายุแล้วยิ่งโกรธ เพราะกิจจารู้ว่าตอนที่ล้มลงไปเมฆพัดเจตนาจะปล่อยให้เขาตาย จึงตัดพ่อตัดลูกกับเมฆพัดไล่เขาออกจากบริษัท เมฆพัดหวังพึ่งชคันภา เพราะพ่อเธอมีบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ แต่กลายเป็นว่าแม้แต่เด็กสาวน่าเกลียดอย่าชคันภาก็ยังรังเกียจเขาด้วย เมฆพัดทั้งสิ้นหวังและคลั่งแค้น เขาจึงคิดจะให้ศตายุตกนรกไปพร้อมกับเขาด้วย ศตายุขอให้พบูย้ายเข้าไปอยู่ที่คอนโดฯ ของเขาพร้อมกับมธุรส พบูตกลง ขณะที่ชีวิตของศตายุเริ่มเข้ารูปเข้ารอย ปู่เขาออกจากโรงพยาบาลได้ พบูก็ได้รับรู้ข่าวว่าบุรีย้ายออกจากห้องพักพนักงานและลาออกจากบริษัทไปแล้วโดยไม่ได้ลาเธอ พบูเสียใจมาก เย็นวันหนึ่ง ที่ร้านอาหารมีลูกค้าจองโต๊ะบนดาดฟ้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นประเภทมาขอแต่งงานหรือฉลองโอกาสพิเศษ ปรากฏว่าลูกเค้าคือศตายุ พบูใจหายเข้าใจผิดว่าศตายุจะมาขอแต่งงาน เธอเผลอตัวพูดปฏิเสธออกมา แต่เขาเพียงเอากุญแจห้องที่คอนโดฯ มาให้เธอเท่านั้น พบูรู้สึกแย่ที่ทำให้ศตายุเสียใจ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ศตายุออกจากร้านเพราะต้องรีบกลับไปเตรียมตัวสำหรับประชุมพรุ่งนี้เช้า แค่เมื่อเข้าไปในรถเขาก็ถูกใครบางคนที่แอบอยู่ในรถโปะยาสลบ เมื่อฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องเล็ก ๆ แห่งหนึ่งขาถูกล่ามโซ่เอาไว้ คนที่เอาตัวเขามาคือเมฆพัดนั่นเอง เมฆพัดวางแผนจะปล่อยให้เขาตายอยู่ที่นี่แล้วถ่ายคลิปวิดีโอไปให้กิจจาดู เมฆพัดคลั่งแค้นมาก เขาไม่ต้องการอะไรนอกจากอยากให้ศตายุต้องทนทรมานเหมือนกับเขา และให้พ่อเขาต้องเสียใจไปตลอดชีวิต เมื่อศตายุหายไปไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน เพราะเมฆพัดไม่ได้ติดต่อไป จนผ่านไปวันหนึ่งศตายุใกล้จะแย่เพราะขาดน้ำ และอากาศที่ร้อนมากเพราะห้องที่ขังเขาไว้ตั้งอยู่กลางแดด เมฆพัดจึงส่งคลิปวิดีโออันแรกไปให้กิจจา กิจจาถามว่าเขาต้องการอะไร เมฆพัดแค่ต้องการให้พ่อเขาเห็นศตายุตายอย่างทรมานเท่านั้น ศตายุพยายามจะต่อสู้แต่ก็ไม่เป็นผล ผ่านไปสองคืน ช่วงค่ำบุรีรู้ข่าว เขาโทรหาพบูบอกว่าพอจะเดาได้ว่าสถานที่ที่ถ่ายคลิปมาเป็นที่ไหนแต่ไม่แน่ใจ พบูขอร้องให้เขาพาเธอไปเดี๋ยวนี้เลย เพราะกว่าจะรอตำรวจคงช้า พอไปถึงตึกร้างที่บุรีสงสัยก็เห็นห้องเก็บของล็อกประตูอยู่ แต่พอเปิดเข้าไปดูก็พบแต่ความว่างเปล่า พบูกำลังจะกลับด้วยความผิดหวัง ก็บังเอิญเห็นกระดุมเสื้อสูทราคาแพงของศตายุหล่นอยู่ที่พื้นก็เลยแน่ใจว่าต้องเป็นที่นี่แน่ เมื่อลองกลับเข้าไปดูอีกทีจึงเห็นว่าด้านในมีแสงไฟ มีห้องแถวเก่า ๆ อยู่ด้านในอีก พบูกับบุรีจึงรีบเข้าไปโดยไม่รู้ว่าเมฆพัดยืนมองอยู่อย่างกระหยิ่มใจ เมื่อเข้าไปที่ห้องแถวเก่า ๆ นั้น ทั้งสองก็เห็นศตายุนอนสลบอยู่ บุรีกลับไปเอาเครื่องมือที่รถเพื่อมาตัดโซ่ พบูเรียกชื่อศตายุจนเขาฟื้นและดีใจมากที่เห็นเธอ เมฆพัดก็เดินถือมีดเข้ามาหลังจากเขาจัดการกับบุรีไปแล้ว เขาขู่ว่าจะกรีดหน้าพบู เพราะรู้ว่าศตายุรักพบูมาก พบูหลบไปอยู่หลังศตายุซึ่งพยายามจะลุกขึ้นบังเธอไว้ทั้งที่แทบจะไม่มีเรี่ยวแรง แต่แล้วเมฆพัดก็เปลี่ยนใจจะไปหยิบโซ่มาล่ามพบูไว้กับศตายุแล้วปล่อยให้ตายไปด้วยกัน พบูโมโหเลยเกิดแรงฮึด ถอดรองเท้าส้นสูงซึ่งเป็นแท่งแก้วคริสตัลปาใส่หน้าเมฆพัดโดนจมูกพัง จังหวะนั้นศตายุตะโกนให้พบูวิ่งหนีออกไป พบูวิ่งออกจากห้อง แต่ยังไปไม่ไกลเมฆพัดก็หัวเราะอย่างไม่แยแสบอกว่าถ้าเธอหนีไปเขาจะแทงศตายุให้ตาย พร้อมกับใช้มีดแทงไปที่ชายหนุ่ม แต่ศตายุยกแขนขึ้นบัง มีดจึงปักเข้าไปที่แขน เมฆพัดดึงมีดออกมาจะแทงซ้ำ พบูก็รีบวิ่งเข้าไปเสียก่อนด้วยความตกใจ พร้อมกับถอดรองเท้าอีกข้างฟาดใส่เมฆพัด แต่เมฆพัดหันกลับมาเงื้อมีดจะแทงเธอ วินาทีนั้นพบูคิดว่าตัวเองคงต้องตาย แต่ศตายุกลับใช้มือจับปลายแหลมของมีดไว้แน่นไม่ให้เมฆพัดแทงเธอได้ พร้อมกับกระชากมีดจากมือเมฆพัดมาแทงเข้าที่ท้องของเขา เมฆพัดล้มลงพร้อมกับที่บุรีซึ่งเพิ่งฟื้นจากการถูกตีหัวก็วิ่งเข้ามา ภาพที่เขาเห็นศตายุปกป้องพบูเป็นภาพที่ทำให้บุรีบอกกับตัวเองว่าเขาตัดสินใจถูกแล้วที่เป็นฝ่ายถอยออกไป เพราะศตายุได้พิสูจน์แล้วว่า เขาไม่ได้มีดีแค่เป็นประธานบริษัทใหญ่โต ร่ำรวย หล่อเหลา มาดดี แต่เขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่รักผู้หญิงคนหนึ่งมากกว่าชีวิตของตัวเอง ไม่นานตำรวจก็มา เพราะตอนที่เจอศตายุ พบูกำลังโทรหาแม่ แต่เมฆพัดเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน แต่มธุรสก็ได้ยินถ้อยคำทั้งหมดจึงรีบไปแจ้งตำรวจ ศตายุถูกนำส่งโรงพยาบาลพร้อมกับเมฆพัด ซึ่งถูกจับกุมในหลายข้อหา รวมทั้งข้อหาที่จ้างคนมาสาดน้ำกรดใส่พบู และจ้างคนมาทำร้ายและชิงรถคู่ขาคนเก่าของกิจจาด้วย ขากลับพบูนั่งรถมากับบุรี ด้วยความรู้สึกผิดต่อบุรี ที่ทำให้เขาต้องผิดหวัง และถึงขนาดนี้บุรีก็ยังตามมาช่วยเธออีกเหมือนทุกครั้งที่เขาเคยช่วยเธอเสมอไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ แต่บุรีบอกว่าเขาเข้าใจ พบูบอกว่าเขาไม่ใช่แค่เพื่อนแต่เขาเป็นคนพิเศษสำหรับเธอ หลังออกจากโรงพยาบาล พบูตัดสินใจย้ายไปอยู่คอนโดฯ ของศตายุกับแม่ วันที่ย้ายของ ศตายุทำเซอร์ไพรส์ด้วยการขอเธอแต่งงาน พบูตอบตกลง มีข้อความส่งเข้ามาจากบุรี ว่าเขากำลังจะเดินทางไ

หน้าที่