แดดร้อน ลมแรง ความรักกำลังจะมา (2536/1993) แดดร้อน ลมแรง ความรักกำลังจะมา เป็นภาพยนตร์ไทยวัยรุ่นที่ออกฉายในปี 2536 นำแสดงโดย: ศรราม เทพพิทักษ์, แอน ทองประสม, เอก โอรี, ธัญญาเรศ รามณรงค์, ตรี สุขเกษม และเนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ กำกับการแสดงโดยอินทัช
กระโปรงบานขาสั้น (2536/1993) แซ็กถูกไล่ออกจากโรงเรียนเก่า ได้มาอยู่โรงเรียนใหม่ แซ็กตกหลุมรักใบเฟิร์นตอนไปดูแอโรบิค และได้พบกับใบเฟิร์นอีกที่สนามเทนนิส แต่แซ็กได้แต่แอบมอง แซ็กได้รู้จากแพรว่าพรุ่งนี้เป็นวันเกิดใบเฟิร์นแซ็กจึงซื้อกล่องดนตรีให้เป็นของขวัญวันเกิด ใบเฟิร์นชวนแซ็กไปงานวันเกิดด้วย ระหว่างนั้นแซ็กโดยพวกบอมส์ขับรถชนกับรถจักรยานของแซ็กแต่แซ็กก็ขี่ไปจนถึงบ้านใบเฟิร์น พอมาถึงก็เจอแพรระหว่างคุยกันก็เกิดอุบัติเหตุทำให้แพรไปกอดกับแซ็ก ใบเฟิร์นผ่านมาเห็นพอดีเลยเข้าใจผิด พอถึงเวลาเปิดห่อของขวัญใบเฟิร์นชอบของขวัญของแซ็กมาก จึงมาขอโทษแซ็ก แล้วทั้งสองก็เข้าใจกัน ใบเฟิร์นถูกขโมยชิงสร้อยคอและรุมทำร้าย ระหว่างทางแซ็กผ่านมาเห็นจึงเข้าช่วย จนแซ็กถูกทำร้ายบาดเจ็บ บอมส์ผ่านมาโดยบังเอิญจึงเข้าช่วย จนใบเฟิร์นเข้าใจว่าบอมส์เป็นคนช่วย บอมส์และเพื่อนได้ขโมยจักรยานของแซ็กไป แซ็กท้าบอมส์ชก จนเรื่องถึงหู ครูชาลี แซ็กถูกไล่ออกอีกครั้ง แซ็กจึงจะกลับกรุงเทพระหว่างทางแซ็กพบบอมส์และเพื่อนถูกทำร้าย แซ็กจึงเข้าช่วยบอมส์จนทำให้บอร์มเข้าใจแซ็กว่าแซ็กเป็นคนดี สุดท้ายแซ็กและ ใบเฟิร์นก็เข้าใจกัน
โจ๋ไม่โจ๋หัวใจให้โจ๋ (2535/1992) ครอบครัวของโจ๋ย้ายบ้านบ่อยโจ๋จึงไม่ค่อยมีเพื่อน มีเพียงลิดาที่เป็นเพื่อนที่รู้ใจ แต่พ่อของทั้งสองมีเรื่องทะเลาะกันเสมอ พ่อจึงกีดกันไม่ให้ลิดาคบกับโจ๋ โจ๋ถูกจิ๊กโก๋ทำร้าย พ่อของลิดาช่วยไว้และห้ามไม่ให้มายุ่งกับลิดาอีก ครอบครัวของโจ๋ต้องย้ายบ้านอีกครั้ง ก่อนไปโจ๋ต้องเข้าแข่งกีฬาแทนเพื่อนที่เคยมีเรื่องกัน โจ๋กลายเป็นที่รักของเพื่อนๆ และคุณครูพ่อของลิดาเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ โจ๋และพ่อมาช่วยไว้ ทั้งสองครอบครัวจึงเข้าใจกันและยอมให้โจ๋และลิดาคบกันต่อไป
ครั้งนี้โลกฉุดไม่อยู่ (2535/1992) ภาพยนตร์สะท้อนชีวิตวัยรุ่นจากสามครอบครัวที่มีปัญหาแตกต่างกัน อันเกิดจากช่องว่างระหว่างวัยและความไม่เข้าใจกันของคนในครอบครัว เรื่องราวของแก๊งนักซิ่งบ้านรวย วันหนึ่งกฤษณะ เด็กขาดความอบอุ่นซิ่งรถจนเกิดอุบัติเหตุ แต่อุบัติเหตุคราวนั้นก็ทำให้เขาได้พบกับจินดาหรา สาวผู้เกิดในตระกูลร่ำรวย มองโลกในแง่ดีจนกฤษณะหลงรัก จินดาหรามีน้องแฝดชาย-หญิงสองคน คือจามิกรและจามิกา แต่จามิกาสาวน้อยหัวอ่อนถูกญาติขอไปเลี้ยงสอนให้เธออยู่ในกรอบ และให้เกลียดกลัวผู้ชาย แต่ในส่วนลึกของจิตใจเแล้วเธอต้องการใครสักคนมาแทนที่สิ่งที่ขาดหายไปในชีวิต จนเผลอใจไปมีสัมพันธ์กับวิภาดาหญิงห้าวที่อยู่ใกล้ชิดตลอด ความเลวร้ายเริ่มต้นขึ้นเมื่อกฤษณะลงแข่งรถอีกครั้งและก่ออุบัติเหตุทำให้เพื่อนของเขาเสียชีวิต เขาจึงหนีไปอยู่เชียงใหม่ ฝ่ายจามิกาซึ่งเคยมีใจให้กฤษณะก็หนีตามกฤษณะไปด้วย ความกดดันบางอย่างทำให้ทั้งคู่มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งต่อกัน เมื่อได้รู้เรื่องราวต่างๆ วิภาดาโกรธมาก เธอแฉเรื่องราวความสัมพันธ์ลับๆระหว่างตัวเองและจามิกาให้ทุกคนได้รู้ รอยแผลจากการเปิดโปงนี้สาหัสมากจนเกินเยียวยา และแผ่ขยายเป็นวงกว้างอย่างฉุดไม่อยู่
อนึ่งคิดถึงพอสังเขป (2535/1992) อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ เมื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทย์และสายศิลป์ไม่ถูกกัน มักจะหาเรื่องแกล้งกันเสมอ จนครูในโรงเรียนต่างพากันเอือมระอา นอกจากนี้ โรงเรียนได้รับครูฝึกสอนเข้ามาใหม่ หนึ่งในนั้นคือทองเอก (จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์) ซึ่ง แต้ว (สายธาร นิยมการณ์) นักเรียนสาวสายศิลป์แอบชื่นชม ความสัมพันธ์ระหว่างครูฝึกสอนกับนักเรียน กลายเป็นบทเรียนชีวิตสำคัญให้นักเรียนทั้งรุ่นได้เติบโตขึ้น ภาพยนตร์วัยรุ่นที่ประสบความสำเร็จทั้งในแง่รายได้ เสียงวิจารณ์ และรางวัล เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทย์และสายศิลป์ที่ไม่ถูกกัน นับเป็นหนึ่งในผลงานที่น่าจดจำของ บัณฑิต ฤทธิ์ถกล ที่ยังได้รับการพูดถึงมาจนปัจจุบัน รวมทั้งเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดการสร้างภาพยนตร์ที่มีจุดศูนย์กลางเป็นชีวิตของเด็กมัธยมฯ อีกมากมาย
รองต๊ะแล่บแปล๊บ (2535/1992) ทัช (ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง) เด็กหนุ่มที่รักการเต้นเป็นชีวิตจิตใจ ทั้งปู่และพ่อของเขาต่างก็เป็นนักเต้นเช่นเดียวกัน ซึ่งปู่เคยบอกเขาว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเต้น คือ รองเท้า ดังนั้น เขาจึงออกตามหารองเท้าคู่ที่ถูกใจ จนไปสะดุดตารองเท้าคู่หนึ่ง แต่ราคาแพงแสนแพงเกินกว่าที่เขาจะสามารถซื้อได้ แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เมื่อในคืนหนึ่งได้มีฟ้าผ่าลงมาหลายแสนโวลต์ลงมาที่รองเท้าคู่นั้น เมื่อทัชเดินผ่านร้านรองเท้าอีกครั้งหนึ่ง แล้วพบว่า เจ้าของเอารองเท้าคู่นั้นลงจากตู้โชว์ เนื่องจากรองเท้าอยู่ในสภาพที่ยับเยินจนแทบดูไม่ได้ เจ้าของร้านถามว่าเขายังต้องการรองเท้าคู่นี้อยู่อีกหรือไม่ เมื่อเขาตอบว่า ต้องการ เจ้าของร้านจึงขายรองเท้าให้ในราคาที่ถูกแสนถูก กระทั่งเขานำรองเท้ากลับมาทำความสะอาดที่บ้าน เขากลับพบว่ารองเท้ากลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิต และจะขยับเต้นเมื่อเสียงเพลงดังขึ้น หลังจากสวมใส่รองเท้าคู่ใหม่ การเต้นของทัชพัฒนาขึ้น จนทัชและเพื่อนร่วมทีมต่างมั่นใจว่า จะได้รับชัยชนะในการแข่งขันประกวดเต้น ซึ่งต้องแข่งขันกับทีมที่เป็นแชมป์เมื่อปีก่อน ต่อมา ทัชได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่ง (วาสนา พูนผล) เป็นครั้งแรก หลังจากนั้นทั้งคู่ก็สนิทสนมกัน จนเธอตั้งชื่อรองเท้าของทัชว่า “ดุ๊กดิ๊ก” ความสัมพันธ์ของทั้งคู่คงจะไม่มีอุปสรรคอันใด ถ้าหากหญิงสาวที่เขาหลงรักไม่มีคนรัก (ภาณุเดช วัฒนสุชาติ) อยู่แล้ว คนรักของเธอก็คือ พี่ชายของคู่แข่งในการเต้นของเขานั่นเอง ก่อนวันแข่งขัน “ดุ๊กดิ๊ก” ถูกทำลายจนพัง ไม่สามารถใช้ใส่เต้นในวันที่จะแข่งขันได้ เมื่อวันแข่งขันมาถึง ในขณะที่ทัชรู้สึกถอดใจ ยอมแพ้ เนื่องจากไม่มีเจ้าดุ๊กดิ๊ก และไม่มีผู้หญิงที่คอยเป็นกำลังใจเขาตลอดมา แต่ในที่สุดทัชก็ติดสินใจลงแข่งขันในวินาทีสุดท้าย ผลการแข่งขันปรากฏว่าทีม “เท้าไฟ” ของทัชได้ที่ 2 แพ้ทีม “แม็กม่า” ของเอ็กซ์ (จตุรงค์ โกลิมาศ) ไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น แต่แล้วความจริงก็ปรากฏเมื่อ ตั๊ก (บริบูรณ์ จันทร์เรือง) น้องชายของทัช ได้ออกมาบอกว่า ทีมของเอ็กซ์ข่มขู่กรรมการให้ตัดสินให้ทีมตนเองชนะ ในที่สุดทีมของทัชก็ได้รับชัยชนะในการแข่งขัน แม้ว่าในการแข่งขันทัชจะไม่ได้ใส่ “ดุ๊กดิ๊ก” ลงแข่งเลยก็ตาม
กลิ้งไว้ก่อนพ่อสอนไว้ (2534/1991) เรื่องราวของเด็กนักเรียนชั้น ม.6 กลุ่มหนึ่ง ชื่อ กลุ่มหินกลิ้ง มี ก้าน (ปฏิภาณ ปฐวีกานต์) ประธานกลุ่มหินกลิ้ง ผู้มีพรสวรรค์ทางด้านศิลปะ แต่ชอบใช้ในทางที่ไม่ค่อยได้เรื่อง, หมี (ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) เป็นนักรัก แต่อกหักตลอดเรื่อง, บิ๊ก ประธานชมรมบาสเก็ตบอลหน้าตาดี แต่ตดเหม็นมาก และก๋อย ผู้มีความสามารถทางด้านภาษาไทย คือพูดติดอ่างทุกคำ พวกเขาทั้งสี่เป็นกลุ่มนักเรียนแสบซ่า สร้างปัญหาให้กับโรงเรียนทุกปี แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีรุ่นน้อง ม.5 ชื่อ แฉก (ปราโมทย์ แสงศร) ที่ขอสืบทอดเจนารมย์ของกลุ่มหินกลิ้งต่อไป กลุ่มหินกลิ้งถูกสบประมาทจากกลุ่มเพื่อนผู้หญิงว่า เป็นกลุ่มบ๊วย ไม่มีอนาคต อยู่เสมอ แต่กลุ่มหินกลิ้งก็ไม่หยุดซ่า สร้างวีรกรรมมิได้หยุดหย่อน พวกเขาได้ไปมีเรื่องทะเลาะวิวิทกับนักเรียนต่างโรงเรียนเพราะไปแย่งจีบหญิงคนเดียวกัน ทำให้พวกเขาถูกทำทัณฑ์บน และพวกเขาได้ไปมีเรื่องกับเด็กนักเรียนต่างห้องที่เกเรไม่แพ้กัน ชื่อ กรด (วิทิต แลต) มีฝีมือในการชู้ตบาสที่ไม่มีใครเหมือน การมีเรื่องในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นสัมพันธภาพระหว่างเพื่อน กรด ได้เข้ามาอยู่ในกลุ่มหินกลิ้งในเวลาต่อมา วันหนึ่ง แฉกถูกคู่อริที่เคยมีเรื่องกันครั้งก่อนตีหัวสลบเกือบเอาชีวิตไม่รอด และกรด ต้องลาออกจากโรงเรียนไปทำงานเพราะไม่มีเงินเรียน ก้านเริ่มตระหนักถึงเรื่องความไม่แน่นอน และอนาคตของตัวเอง พวกเขากลับตัวกลับใจ เริ่มต้นเป็นคนดีของพ่อแม่ ครู อาจารย์ และเพื่อน ก่อนจบการศึกษาทุกคนได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมครบรอบ 25 ปีของโรงเรียน ก่อนถึงวันงาน ก้านตั้งปณิธานกับตัวเองและเพื่อนๆ ว่า "พรุ่งนี้จะเป็นวันของเรา" วันงานพวกเขาตั้งใจทำอย่างดีที่สุด และแล้วทุกกิจกรรมที่พวกเขาทำล้วนประสบความสำเร็จสร้างความภาคภูมิใจให้กับตัวของพวกเขาเอง ว่า ครั้งหนึ่ง พวกเขาเคยทำประโยชน์ให้กับโรงเรียนที่พวกเขารักเช่นกัน หลังจากนี้พวกเขาจะต้องแยกย้ายไปตามทางของตัวเอง พวกเขามีฝันความฝันและต้องทำให้เป็นจริงให้ได้ เพราะพวกเขาเชื่อว่า "พรุ่งนี้จะเป็นวันของเรา"
หวานมันส์ ฉันคือเธอ 2 (2531/1988) หลังจากที่ต้นและนับเดือนกลับเข้าสู่ร่างเดิม ก็นำความดีใจมาสู่ทั้งสอง แต่ความที่ทั้งสองสลับร่างกันนานเกินไป จึงมีบางครั้งที่ทั้งคู่เกิดอาการ “เผลอหลุด” แสดงท่าทางผิดเพศออกมา ครอบครัวของต้นต้องเข้ากรุงเทพฯเพราะหน้าที่การงาน พ่อจึงฝากต้นไว้กับครูเชวง ต้นย้ายเข้ามาอยู่ในหอพักของตาและยายวัยเก๋า ต้นได้รู้จักพี่เจี๊ยบรุ่นพี่เพล์บอย ถือคติ “ฟันแหลก” ฝ่ายครูเชวงรับคำสั่งพ่อของต้นอย่างเคร่งครัด เรียกอั๋น เพื่อนสุดแสบของต้น มาคุยเพื่อให้เป็นสายลับคอยจับตาดูต้นตลอดเวลา อั๋นชวนเจี๊ยบมาวางแผนพิสูจน์ความเป็นชายของต้น แผนแรก เจี๊ยบกับอั๋นทำให้ต้นถูกนับเดือนตบหน้าฉาดใหญ่ เมื่อวันหนึ่งนับเดือนไปชวนต้นติวหนังสือ แต่ได้ยินเสียงผู้หญิงผู้ชายโรมรันกันอยู่ในห้องของต้น โดยไม่รู้ว่าเป็นเสียงพี่เจี๊ยบกับคู่ขาที่มาขอยืมห้องชั่วคราว แผนที่2 ยิ่งทำให้นับเดือนยิ่งเข้าใจผิดหนักไปใหญ่เมื่อเจี๊ยบกับอั๋นวางแผนให้แสงโสมเข้าไปยั่วต้นถึงในห้อง นับเดือนโกรธและเหลือทน ต้นพยายามจะอธิบายให้นับเดือนเข้าใจ แต่นับเดือนไม่เปิดโอกาส การสอบไล่ยิ่งใกล้เข้ามา ต้นไม่เป็นอันดูหนังสือ นับเดือนเพื่อนที่เคยรู้ใจก็มาห่างเหินเพราะความเข้าใจผิด วันหนึ่งพ่อของนับเดือนผ่านมาพบต้นกำลังจับมือนับเดือน เพื่อขอปรับความเข้าใจ เรื่องจึงลุกลามใหญ่โต เมื่อพ่อนำเรื่องนี้ไปบอกกับครุใหญ่ ถึงพฤติกรรมที่เหมาะสม เมื่อเรื่องราวเลวร้าย นับเดือนก็โกรธ พ่อแม่ก็ไม่อยู่ ต้นรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว ต้นจึงขอลาออกจากโรงเรียน ท่ามกลางความตะลึงของทุกคน วันต่อมา นับเดือนไปหาต้นที่หอพัก แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน …
หวานมันส์ ฉันคือเธอ (2530/1987) ต้น นักกีฬาดาวเด่นจอมห้าว กับ นับเดือน นักเรียนหญิงหัวแถวแสนเรียบร้อย ไม่ถูกกันตั้งแต่วันแรกพบ แต่แล้ววันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้ทั้งคู่สลับร่างกันจนเกิดเรื่องวุ่นๆ จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปสุดขั้ว แต่ยิ่งนานวันทั้งคู่สนิทสนมกันเพราะต้องคอยปรึกษาปัญหาส่วนตัว จนถึงเรื่องเพื่อนและครอบครัว ทำให้ทั้งสองเข้าใจกันมากขึ้น และพยายามหาวิธีคืนร่างกายก่อนที่พ่อของต้นจะย้ายบ้าน เกิดอุบัติเหตุทำให้นับเดือน และต้นสลับร่างกัน จากชายหนุ่มที่แข็งแรงเป็นนักกีฬาโรงเรียน กลายเป็นคนนุ่มนวลสะอาด และเรียนเก่ง ผิดกับนับเดือนที่เคยรักสวยรักงาม เรียนเก่ง กลายเป็นผู้หญิงห้าว และทะลึ่ง ทั้งสองทำตัวจนเป็นที่สงสัยของเพื่อนๆ เมื่อไปทัศนาจรกัน นับเดือนในร่างต้นจึงถูกแกล้งเสมอ โดยมีนับเดือนคอยช่วย ทั้งสองต้องศึกษาชีวิต และร่างกายของกันและกัน ทำให้ทั้งสองเข้าใจกันมากขึ้น และพยายามหาวิธีคืนร่างกายก่อนที่พ่อของต้นจะย้ายบ้าน นับเดือนในร่างต้นน้อยใจต้นที่ไม่สนใจ ต้นตามไปง้อ และทะเลาะกันจนตกเขา เหตุมหัศจรรย์เกิดขึ้นอีกครั้ง ทั้งสองกลับคืนร่างเดิม และกลายเป็นเพื่อนรักกันตลอดไป
คู่วุ่นวัยหวาน (2529/1986) ชีวิตสนุกๆ ของหนุ่มเสเพลเช่น มีน กำลังเจอปัญหา เมื่อถูกไล่ออกจากบ้านเพราะติดการพนัน จนมาพบกับ เจี๊ยบ ซึ่งคอยช่วยเหลือเขา โดยชวนให้มีนไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน เจี๊ยบมีน้องสาวชื่อ แจง ซึ่งไม่ค่อยถูกกับมีน วันหนึ่ง เมื่อเจี๊ยบจัดการเปิดโปงเรื่องการโกงเงินทุนการศึกษาภายในโรงเรียน ทั้งที่แจงน้องสาวเขาควรจะได้รับ ทำให้เจี๊ยบถูกไล่ออกและส่งตัวไปโรงพยาบาลบ้า ในบ้านจึงเหลือเพียงมีนกับแจงที่ต้องดูแล ทำให้ทั้งคู่สนิทสนมกันมากขึ้น มีนช่วยดูแลแจงให้และทั้งสองเริ่มสนิทกัน มีนตั้งใจเรียนมากขึ้นและสมัครเป็นนักมวย เพื่อชกอย่างถูกต้องบนเวที แต่เมื่อแจงรู้ว่าพวกจิ๊กโก๋ที่เคยทำร้ายเธอเป็นพวกเพื่อนของมีนจึงโกรธมาก มีนเสียใจจึงออกจากบ้าน เจี๊ยบถูกจับอีกครั้งแจงขอให้มีนช่วยตามหา เมื่อพบกันทุกคนต่างเข้าใจกัน
เพื่อน (2529/1986) ข้อความบนใบปิด พลสยามภาพยนตร์ “เรียบ...ง่าย..ความหมายสุดพรรณนา” เรวัต (เต๋อ) พุทธินันท์ อนุสรา จันทรังษี พบดาราวัยรุ่นยอดนิยม เพ็ญ พิสุทธิ์, อาภาวดี เสริมศิริ, เสกสรร ชัยเจริญ, สันติภาพ บุญส่ง อภิชาต โพธิ์ไพโรจน์ บทภาพยนตร์-กำกับการแสดง มานะ พลสยาม อำนวยการสร้าง พลสยามภาพยนตร์ จัดจำหน่าย #ThaiMoviePosters
ปลื้ม (2529/1986) ภาคต่อของ ซึมน้อยหน่อย กะล่อนมากหน่อย (2528) เรื่องราวของกลุ่มชายหนุ่มเพื่อนซี้ที่มาเช่าบ้านอยู่ร่วมกันในเมืองกรุง ต่างคนต่างมีความฝันเป็นของตัวเอง ในขณะที่กลุ่มเพื่อนรักต่างมีคู่ควงที่ราบรื่นจนน่าอิจฉา ชาย กลับเป็นเพียงคนเดียวที่ยังไม่มีใคร วันหนึ่งชายมาขอให้เพื่อนๆ ช่วยจีบ น้ำฝน แต่การช่วยเหลือกลับเป็นเหตุให้ทุกคนผิดใจกัน เขาจึงตัดสินใจว่าต้องพูดกับน้ำฝนให้รู้เรื่องเพื่อประสานรอยร้าวของทุกคนให้ได้ก่อนที่จะสายเกินไป
วันแห่งความรัก (2529/1986) ข้อความบนใบปิด พี.ดี.โปรโมชั่นกรุ๊ป โดย ไพจิตร ศุภวารี สร้างร่วมกับ ซี.เอส.พี.โปรดั๊กชั่น (โดย สรพงศ์ ชาตรี) 7 ดาราวัยรุ่น..โชว์เพลงร็อคร้อนแรง! แข่งลีลารักเริงร่า..สุดหรรษา..สุดเปรี้ยว วันแห่งความรัก VALENTINE ใหม่ ศิริวิมล พบ โจ เสมอใจ ครั้งแรก ยุทธนา แสนเสน่ห์ นายแบบค่าตัวแพงที่สุดในประเทศไทย พบพระเอกล่าสุด จากซี.เอส.พี.ของ สรพงศ์ ชาตรี สรายุทธ คณานุรักษ์ แชมป์เต้นรำจากแคลิฟอร์เนีย จิม เหล่าแสงทอง พบแชมป์เต้นรำจากพัทยา อนันต์ บุนนาค ขอแนะนำ หญิง บุตรน้ำเพชร หน่อย, โจ้ (เล็ก), โจ้ (ใหญ่) หนุ่ม, หมู, เล็ก และหนุ่มสาวชาวเธค จาก ซี.เอส.พี.กว่า 100 คน ปาหนัน ณ พัทลุง, สุริยา ชินพันธ์, สุเชาว์ พงษ์วิไล, จุติมา บุญญาภรณ์, จุ๋มจิ๋ม เข็มเล็ก ดาราเกียรติยศ รุ้งลาวัลย์ ศรีปฏิมากูร, รจนา นามวงศ์ สมนึก เอี่ยวเจริญ กำกับการแสดง พร น้ำเพชร-ชวลิต พงษ์ศิริ บทประพันธ์-บทภาพยนตร์ โสภณ เจนพานิช ถ่ายภาพ (ที่มา :Thai Movie Posters)
ซึมน้อยหน่อย กะล่อนมากหน่อย (2528/1985) เรื่องราวของกลุ่มเพื่อนมหาวิทยาลัยที่มาเช่าบ้านอยู่ใกล้ๆ กับบ้านนักศึกษาสาวน่ารัก เมื่อเพื่อนตกหลุมรักสาวข้างบ้านก็เป็นภาระของเพื่อนๆ ต้องช่วยกัน เพื่อให้เพื่อนรักฝ่าด่านพ่อมหาโหดให้ได้ ภาคแรกของมิตรภาพที่แสนซึ้งของบรรดาเพื่อนแสนกะล่อนจึงเริ่มขึ้น เม้งด้วงชายแว่น กลุ่มเพื่อนรักที่เช่าบ้านอยู่ด้วยความสนุกสนานเฮฮาตามประสาหนุ่มโสดโดยมี มนัส เพื่อนเก่าตามมาสมทบ วันหนึ่งมนัส เกิดชอบพอกับ ป่าน สาวข้างบ้าน แต่กลับถูกขัดขวางจากพ่อของเธอ เขาจึงต้องพิสูจน์ตัวเองเพื่อฝ่าด่านพ่อตามหาโหดให้ได้
เพียงบอกรักฉันสักนิด (2528/1985) ข้อความบนใบปิด OA เสนอ...ผลงานสร้างสรรค์ของ อภิชาต โพธิ์ไพโรจน์ “วัยรุ่น” วัยแรกของการแสวงหา วัยที่เริ่มรู้สึกในเรื่องความรัก วัยที่พบพานกับความผิดหวัง วัยที่คนอื่นยากจะเข้าใจ เพียง..บอกรักฉันสักนิด เรื่องราวของ “ฮูลาฮูป” และ “ถุงโอเลี้ยง” ซึ่งต่อเนื่องกลายมาเป็น “ความรัก” พลวัฒน์ มนูประเสริฐ เชอรี่ ธรรมิกสกุล มาโนช วัฒนบุญญา, สรยุทธ สังข์บัวแก้ว, ศิวพร พิศาลสินธุ์ ร่วมด้วย นักดนตรีคณะไมโคร บุญยงค์ มงคลเมือง ถ่ายภาพ บริพัสตร นุตจรัส-ศรีสุดา โมราราษฎร์ ช่วยกำกับการแสดง อภิชาต โพธิ์ไพโรจน์ บทประพันธ์-บทภาพยนตร์ แมน-ชัชวาล โชติชวาลา อำนวยการสร้าง อภิชาต โพธิ์ไพโรจน์ กำกับการแสดง กลุ่มเรือดำน้ำ ดำเนินงานสร้าง (ที่มา :Thai Movie Posters)
วัยระเริง (2527/1984) ศรีนวลเป็นคุณครูประจำห้อง 650 แต่หลานชายของเธอ เป็นนักดนตรีที่ไม่ชอบไปโรงเรียน เธอจึงให้หลานชายฝึกทักษะดนตรีที่บ้าน แม้เธอได้ปรับปรุงบางวิชาให้เป็นเพลงก็ตาม วิธีนี้ช่วยนักเรียนของเธอพัฒนาความจำ และพวกนักเรียนก็ทำข้อสอบได้ดีมาก เพลงได้รับความนิยมและเจ้าของค่ายเพลงก็ได้เสนอที่จะผลิตผลงานเพลงออกมา แต่ศรีนวลเรียกร้องค่าลิขสิทธิ์ และในวันไหว้ครู วงดุริยางค์ร่วมกับนักเรียนจากห้อง 650 ได้เล่นเพลงเหล่านั้น ซึ่งมันทำให้ศรีนวลและคนอื่นๆ ในโรงเรียนภาคภูมิใจเป็นยิ่งนัก