นาค รักแท้ วิญญาณ ความตาย (2548/2005) ตำนานผีไทยที่ยังคงวนเวียนอยู่ในกรุงเทพถึง พ.ศ. นี้ เพื่อพิสูจน์ว่าความรักอยู่เหนือความตาย มาก (ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์) ชายหนุ่มที่ฝันร้ายเห็นผีสาวตาดำ ปากดำและหน้าผากเป็นรูโบ๋ ซึ่งเขาไม่สามารถอธิบายภาพสยองให้ใครเข้าใจได้ มีเพียงแต่ นาค (ภัทรธิดา พัชรวีรพงษ์) แฟนสาววัยรุ่นและว่าที่เจ้าสาว ที่คอยปลอบประโลมเขา ในตลาดขายของเก่าแห่งหนึ่ง มากได้ไปเจอเข็มกลัดรูปไข่หน้าตาประหลาด สีซีดและเย็นเฉียบ แต่บางอย่างดลใจให้เขาซื้อมัน เพื่อเป็นของขวัญแต่งงานให้กับนาก มาก กับ นาค หาบ้านในหนังสือพิมพ์ และพบหลังหนึ่งแถวย่านพระโขนงที่ประกาศขายในราคาถูกมาก นายหน้าค้าบ้านจอมงมงาย แองเจิล (มีศักดิ์ นาครัตน์) เสนอขายบ้านให้กับวัยรุ่นคู่นี้ถูกๆ เป็นบ้านทรงไทยอายุร้อยกว่าปีซึ่งต้องซ่อมแซมก่อนเข้าอยู่ แต่ก็เป็นบ้านในฝันที่ มาก กับ นาค จะเริ่มต้นชีวิตแต่งงานร่วมกัน หนุ่มสาวคู่นี้ไม่รู้เท่าทันสัญญาปลอมของแองเจิลที่จะยึดบ้านคืนก่อนวันวิวาห์พวกเขา แองเจิลแอบย่องมาตอนกลางคืนเพื่อลงมือทำแผนชั่ว แต่ก็ต้องพบกับผีสาวในฝันร้ายของมาก แองเจิลจำได้ว่าเธอ คือ แม่นาก (พรทิพย์ ปาปะนัย) เธอตามหลอกเขาไปถึงรถไฟฟ้า เขาถูกฆ่าตายอย่างสยดสยอง ซึ่งดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุรถไฟที่ประหลาด มาก กับ นาค ยังไม่รู้ว่า แองเจิล ตายแล้ว ทั้งสองฉลองวันแต่งงานอันหวานชื่นกับญาติมิตรและครอบครัว แต่เหตุร้ายเกิดขึ้นอีกครั้งหลังวันแต่งงาน เมื่อทั้งคู่กลับมายังเรือนหอกลางดึก และพบว่าของขวัญถูกขโมยไป ระหว่างทางไปทำงาน มากเห็นหัวขโมยขายของขวัญแต่งงานของเขาบนถนน เขาพยายามจะจับขโมย แต่พวกมันหนีขึ้นรถตู้ไปโดยทำร้าย มาก จนสลบแล้วทิ้งไว้กลางถนน นาครีบไปที่โรงพยาบาลก็พบว่า มาก อยู่ในอาการสาหัส เมื่ออยู่กันตามลำพังสองคน เขากลับตื่นขึ้นมาช่วงสั้นๆ เพื่อบอก นาค ให้ไปตามหาแม่นากพระโขนง นาคไปปรับทุกข์กับคุณยายของเธอ (มารศี อิสรางกูล ณ อยุธยา) คุณยายจึงเล่าให้ฟังเรื่องตำนานแม่นากพระโขนง หญิงสาวที่ตายท้องกลมและกลายเป็นผีกลับมาอยู่กับสามี พี่มาก (จรัญ งามดี) และผู้คนที่ไปขัดขวางเธอพากันตายอย่างลึกลับ เมื่อมีคนตายแบบแปลกๆ มากขึ้นเรื่อยๆ พวกชาวบ้านจึงได้หาพระมาขับไล่วิญญาณชั่วร้ายนี้ออกไป พระได้ทำพิธีตัดกะโหลกหน้าผากออกมาเป็นรูปวงรีเพื่อสะกดวิญญาณไว้ภายใน โดยท่านได้เป็นผู้เก็บเอาไว้หลายปีจนกระทั่งมันหายไปกับกาลเวลา รอให้คนมาค้นพบ นาคเริ่มโยงใยระหว่างเข็มกลัดกับอาการของ มาก นี่จะใช่เข็มกลัดที่สะกดวิญญาณของแม่นากพระโขนงไว้ไหม
ยาสั่ง (2548/2005) อำนาจแห่งไสยศาสตร์ ปลุกเสกยาอันตราย สั่งตาย สั่งเป็น เอกดำรงค์ นายทหารหนุ่มได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้รับความช่วยเหลือจาก แสงหล้า หญิงสาวชาวเขา ทั้งคู่เกิดความรักต่อกัน เมื่อเอกดำรงหายดี เขาจำเป็นต้องเดินทางกลับบ้านและสัญญากับแสงหล้าว่าจะกลับมารับ แต่แม่ของแสงหล้ากลัวว่าเขาจะผิดสัญญา จึงปลุกเสกยาสั่งให้เขากิน หากเขาไม่กลับมาตามสัญญา ยานี้จะออกฤทธิ์ทันที จนกระทั่งเขากลับบ้าน แม่ของเขาได้มั่นหมาย นุช ให้ แต่เขาปฏิเสธ แม่ของเขาจึงใช้วิธีทำเสน่ห์จากพ่อหมอฝีมือดี ทำให้เขาลืมสัญญาที่มีต่อแสงหล้า ยาสั่งจึงเริ่มออกฤทธิ์ เขาจะรอดพ้นจากอำนาจยาสั่งและมนต์เสน่ห์ได้หรือไม่...
บุปผาราตรี เฟส 2 (2548)
เรื่องย่อ : บุปผาราตรี เฟส 2 (2548/2005) ออสการ์อพาร์ทเมนต์ ขึ้นชื่อลือชาว่าเฮี้ยนนักเฮี้ยนหนา โดยเฉพาะห้อง 609 ที่เจ้าของอพาร์ทเมนต์ถึงกับปิดตายทั้งชั้น "รับประกันความเฮี้ยน" จะมีก็แต่แก๊งโจรมือใหม่หัดปล้น และ ทิพย์ สาวตาบอด ที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับใครเขา ขอเปิดห้องพักหน้าตาเฉย แต่เมื่อคนอยู่ดีไม่ว่าดีดันไปยุ่มย่ามในที่ของผี เจ้าของห้อง 609 อย่าง บุปผา เลยระเบิดแรงอาฆาตตามคำขอ อพาร์ทเมนต์ผีสิงจึงได้อลหม่านฮาแตกอีกครั้ง!! คณะตลกตกอับ ตัดสินใจผันเปลี่ยนอาชีพมาเป็นโจรปล้นธนาคาร พวกเขาหอบเงินหลบหนีตำรวจไปกบดานอยู่ ณ อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งโดยหารู้ไม่ว่ามันคืออพาร์ทเมนต์ผีสิง ระหว่างที่พวกโจรกำลังจะทำการแบ่งเงินกันนั้น พวกเขาพบว่าเงินก้อนนั้นได้หายไปอย่างลึกลับ... พวกโจรออกค้นหาทุกซอกทุกมุมในอพาร์เมนต์ เหลืออยู่แต่เพียงชั้น 6 ที่เจ้าของอพาร์ทเมนต์ปิดตายไว้ห้ามไม่ให้ใครเข้า โจรทั้งสี่ไม่ฟังคำเตือนออกค้นหาเงินในชั้น 6 จนได้พบว่าเงินซ่อนอยู่ในห้อง 609 แต่พวกเขาก็ไม่สามารถนำเงินออกจากห้องนั้นได้เพราะถูกผีเจ้าของห้องออกมาหลอกหลอน โจรทั้งสี่จึงต้องคิดหาวิธีเอาเงินออกจากห้อง 609 ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้จะกลัวผีเพียงไรก็ตาม ขณะเดียวกัน ตำรวจก็เริ่มระแคะระคายแกะรอยโจรทั้งสี่มาถึงอพาร์ทเมนต์แล้ว
ผวา (2548/2005) "แก้ว" รีบเดินทางกลับบ้านเกิดที่ต่างจังหวัดทันที เมื่อได้รับข่าวว่าก้อย (น้องสาว) เกิดอาการผีเข้า พร้อม ๆ กันกับเพื่อนนักเรียนอีกหลายคน ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเอง และเพื่อนเมื่อตอนเป็นเด็ก แก้วพยายามหาทางรักษาก้อย โดยได้รับความช่วยเหลือจากหมอดนัย ที่ระบุอาการดังกล่าวเรียกว่า "โรคอุปทานหมู่" ทำให้ขัดกับหลักความเชื่อของคนในหมู่บ้านที่ยังงมงาย กับเรื่องไสยศาสตร์ เหตุการณ์ในอดีตของแก้ว เริ่มย้อนกลับเข้ามาสร้างความน่าสะพรึงกลัวให้กับเธออีกครั้ง หลังจากที่ เธอเคยพยายามหลีกหนีมันไปเป็นเวลานาน ขณะนั้นเองแก้วได้พบกับเพื่อนสนิทในวัยเด็กคนหนึ่ง ที่กลายมาเป็นครูในโรงเรียนของน้องสาว และเธอเป็นคนที่เก็บงำความลับต่าง ๆ เอาไว้ ซึ่งจะช่วย คลี่คลายปมปัญหาเรื่องของเด็กชายที่หายสาบสูญไปในอดีต เมื่อสิ่งที่พวกเธอเคยร่วมกันทำ เอาไว้ ในวัยเด็กได้กลายมาเป็นผลในวัยปัจจุบันอย่างคาดไม่ถึง...
Six หกตายท้าตาย (2547/2004) ฝ้าย เด็กสาวคนเดียว ในกลุ่มมีอาการคล้ายๆ ประสาทหลอน เหม่อลอย บางครั้งเธอเหมือนตกอยู่ในโลกของความฝัน ฝันแปลกๆ คอยรบกวนจิตใจของฝ้ายอยู่เสมอ รวมทั้งเหตุการณ์ที่เธอไปเจอซินแสโดยบังเอิญ และซินแสได้เตือนให้ระวังเภทภัยจากเลข 6 ด้วยว่า ชีวิตของเธอเฝ้าวนเวียนเกี่ยวข้องกับเลข 6 มากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะห้องพักเลข 6 หรือกระทั่งวันอายุ 24 ที่รวมกันแล้วได้เลข 6 เพื่อนๆ จึงพากันเป็นห่วงโดยเฉพาะ ภัทร ผู้ซึ่งเกิดวันเดียวเดือนเดียวปีเดียวกับเธอ คืนก่อนวันครบรอบวันเกิด 24 ปีของ ฝ้าย เพื่อนทั้ง 6 คนนัดกันมาอวยพรวันเกิดให้เธอ พวกเขาได้เดินทางไปฉลองกันที่ชานเมือง อ๋อง สังเกตเห็นดาวงู ซึ่งเป็นดาวที่ไม่ปรากฎบ่อยนักในช่วงฤดูฝน อ๋อง รีบตรวจชะตาเพื่อนๆ ทุกคนว่ากำลังจะมีเคราะห์ร้าย หรือชะตาถึงฆาต เพราะทั้งหมดจับได้ไพ่ Death กันหมด การที่ อ๋อง เป็นผู้ช่ำชองในเรื่องโหราศาสตร์ และไสยศาสตร์ รวมทั้งถูกเพื่อนในกลุ่มกล่าวหาว่างมงาย ทั้งยังถากถางและท้าทาย โดยเฉพาะ กานต์ ซึ่งเป็นคนใจร้อนและค่อนข้างเป็นนักเลง และ ตรี ซึ่งเป็นคนปากไม่ดี ทั้งปากอย่างใจอย่าง ทั้งที่กลัวก็ยังกล้าท้า และใช้วาจาข่ม อ๋อง ทว่ามีเพียงคนเดียวที่คัดค้านนั่นคือ นัฐ เพราะเป็นคนขี้กลัว ทั้งยังขี้ใจน้อยอีกด้วย ลอเซอ ที่เพื่อนๆ ชอบเรียกว่า ทิดเซอ พูดให้ข้อคิดกับเพื่อน ก่อนที่ความเชื่อและการท้าทายจะกลายเป็นความขัดแย้ง จนเป็นเหตุให้ทั้งหมดต้องเดินทางไปพิสูจน์ สิ่งที่น้อยคนจะมีโอกาสได้เห็นคฤหาสน์ร้าง ที่เชียงใหม่ อันเป็นมรดกของยายทวดของ ภัทร และเป็นที่เล่าลือกันมานานถึงความน่ากลัว ด้วยว่าเจ้าของบ้านได้นำโลงศพคนตาย 6 คนเก็บไว้ในบ้าน เช้าวันที่ 6 มิถุนายน ทั้งหมดนัดรวมตัวกันที่ปั๊มแห่งหนึ่ง ก่อนออกเดินทางต่าง ได้ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก หากแต่ภาพถ่ายนั้นปรากฎแต่เพียงรูปรถ และสิ่งอื่นๆ ยกเว้นรูปของพวกเขาทั้งหมด ระหว่างทางก็มีเหตุการณ์ประหลาดเช่น อีกาบินชนหน้ากระจกรถจนเปื้อนเลือด รถบรรทุกเฉี่ยว ในค่ำคืนที่พวกเขาเดินทางไปถึงคฤหาสน์ บรรยากาศวังเวง ต่างออกสำรวจบริเวณต่างๆ ของบ้าน จากนั้น อ๋อง ได้นำเพื่อนๆ เริ่มพิธีปลุกผีด้วยการเล่น ผีถ้วยแก้ว และเริ่มพิสูจน์วิธีการเห็นผีด้วย 6 วิธีที่แตกต่างกัน คือ ใช้ผ้าห่อศพปิดตา กระดูกคนตายกับไม้ระกำแขวนคอส่องกระจก คาบใบมีดโกนหน้าอ่างน้ำมนต์ นอนคาบธูปนำวิญญาณ ท่องนโมย้อนหลัง 16 จบ เผากระจุกผมผีตายโหง เงินปากผีคาบไว้ในปาก เพ่งมองผ่านก้นบาตรพระ ด้วยการจับไม้สั้นไม้ยาว เพื่อเสี่ยงดวงว่าใครจะได้ท้าลองวิธีไหน และแยกย้ายกันไปแต่ละจุด คนละวิธี โดยมี ภัทร เป็นจุดศูนย์รวมโดยจับตาดูทุกคนผ่านกล้องโทรทัศน์วงจรปิด
ตุ๊กแกผี (2547/2004) เรื่องราวสยองขวัญนี้เริ่มต้นมาจาก “กล่องไม้เล็กๆ เก่าคร่ำคร่าใบหนึ่ง” ที่ไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรอยู่ภายในนั้น… กลุ่มนักสำรวจทางธรณีวิทยากลุ่มหนึ่งนำโดย “อาจารย์มาเอดะ ชู” (คาซึกิ ยาโน) และภรรยาสาว “มิโย” (คาโนะ ไซโต) พร้อมด้วยคณะลูกศิษย์ “นิพนธ์” (สรายุทธ์ ศรี ทอง), “ไก่” (หญิง-ไอศิกา ตั้งศิริธานนท์), “ประพัฒน์” (พลกฤษณ์ จักรสุวรรณ) และ “แบม” (น้ำฝน-โสภิตา ศรีบาลชื่น) ออกเดินทางสำรวจถ้ำแห่งหนึ่งเพื่อการศึกษาทางธรณีวิทยา พวกเขาขุดค้นพบตัวอย่างสายแร่และหินประเภทต่างๆ มากมายรวมถึงกล่องไม้ปิดตายใบหนึ่ง พวกเขานำมันติดตัวกลับมาด้วย ขณะปีนขึ้นปากถ้ำ หลังจากเสร็จสิ้นการสำรวจในค่ำคืนนั้น มาเอดะ ชูหัวหน้าทีมสำรวจชาวญี่ปุ่นเผลอทำกล่องไม้ใบนั้นตกลงสู่ก้นถ้ำอย่างไม่ตั้งใจ กล่องไม้แตกกระจายอยู่ในถ้ำแห่งนั้น และเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในกล่องไม้ใบนั้น นั่นคือ “ซากตุ๊กแกตัวหนึ่งที่ถูกพันด้วยสายสิญจน์และปิดทับด้วยยันต์แดงลงอาคมผืนหนึ่ง” ไม่มีใครสังเกตเห็นและรู้เลยว่าความลึกลับอันน่าสะพรึงกลัวกำลังค่อยๆ คืบคลานเข้ามา… กลุ่มนักสำรวจทีมเดิมมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองหลวงอย่างรีบเร่ง แข่งกับกลุ่มก้อนเมฆสีทะมึนบนท้องฟ้าที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าหากัน และเตรียมปล่อยสายฝนสายหนักลงมา และโดยไม่คาดคิด รถของคณะสำรวจเกิดดับกลางคันอย่างหาสาเหตุไม่ได้ พวกเขาจึงต้องมุ่งหน้าหาที่พักในป่าใกล้ๆ แห่งหนึ่งแทน และ “กระท่อมกลางป่า” ก็เป็นที่พักที่พวกเขาพบเจอ โดยไม่รีรอ พวกเขาเข้าสู่กระท่อมแห่งนั้นเพื่อหลบสายฝนที่กำลังเทกระหน่ำลงมา แต่แล้วไอแห่งความสยองจากกล่องไม้ลึกลับที่ตามติดพวกเขามาจากถ้ำแห่งนั้นอย่างไม่รู้ตัว ก็ค่อยๆ เริ่มเผยความน่าสะพรึงกลัวออกมา และเข้าห้ำหั่นชีวิตนักสำรวจเหล่านั้นทีละคน…ทีละคน “ขวัญไพลิน” (โอ๋-รุ่งระวี บริจินดากุล) นักเขียนสาวชื่อดังที่ผลงานเรื่องล่าสุดของเธอที่ชื่อ “ตุ๊กแกผี” กลายเป็นนิยายติดอันดับขายดีขึ้นมาทันทีที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งแรก ได้เดินทางมาพบปะนักอ่านที่เป็นแฟนหนังสือของเธอที่จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ เธอแวะซื้อของที่ระลึกฝากคนใกล้ชิดของเธอ รวมทั้ง “กล่องไม้เล็กๆ ลายเก่าใบหนึ่ง” ที่เธอได้ซื้อจากคนพื้นเมืองที่นั่น ความลึกลับอันน่าสะพรึงกลัวกำลังย้ายสู่ที่สิงสถิตสถานใหม่แล้ว… ในห้วงเวลาเดียวกันนั้น ขวัญไพลินเริ่มรู้สึกพรั่นพรึงถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังจดจ้องและลอบมองเธออยู่ทุกขณะจิต “ตุ๊กแก” ตัวละครที่เธอเขียนถึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตเธอมากขึ้น ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน มันก็จะปรากฏตัวให้เธอได้เห็นตลอดเวลา เธอกำชับ “ป้าสาย” (สุชาดา อีแอม) แม่บ้านชาวเขมรของเธอ ให้จัดการไม่ให้มีตุ๊กแกเข้ามาในบ้านอีกอย่างเด็ดขาด แต่ป้าสายเตือนขวัญไพลินให้ได้รู้ว่า ตุ๊กแกนั้นอาจไม่ใช่ตุ๊กแกธรรมดา เพราะเธอสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจบางอย่างจากมัน และแล้วเหตุการณ์แปลกประหลาดก็ค่อยๆ เริ่มก่อตัวและกล้ำกรายเข้าสู่ชีวิตผู้คนที่อยู่รอบข้างเธอ “นิดา” (วันทิพย์ ภวภูตานนท์) บรรณาธิการสำนักพิมพ์ที่เธอส่งเรื่องให้ เป็นคนที่ใกล้ชิดกับเธอมากที่สุดคนหนึ่ง ด้วยความชื่นชมและชื่นชอบในผลงานเรื่อง “ตุ๊กแกผี” ก็ต้องพบกับเหตุการณ์ประหลาดที่ต้องเอาชีวิตเข้าแลกนี้ด้วยเช่นกัน ขวัญไพลินเริ่มแน่ใจแล้วว่ามันต้องมีสาเหตุมาจากตุ๊กแกอย่างแน่นอน แต่ไม่มีใครเชื่อเธอเลย แม้แต่ “วิฑูรย์” (พีท ทองเจือ) แพทย์สาขาจิตเวช แฟนหนุ่มของเธอ เพื่อที่จะหาทางรักษาแต่เนิ่นๆ วิฑูรย์จึงได้ขอร้องให้เธอลองไปเช็กสมอง เพราะเขาเห็นว่าขวัญไพลินมีอาการผิดปกติ เริ่มเห็นภาพหลอนและจินตนาการเกินจริง ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่เธอเป็นอย่างมาก เพราะเธอมั่นใจว่าสิ่งที่เธอเห็นนั้นเป็นความจริงไม่ใช่ภาพหลอนแต่อย่างใด ขวัญไพลินเริ่มระแวงและหวาดหวั่นในชะตาชีวิตของเธอที่อาจจะต้องจบลงเช่นเดียวกับคนรอบข้าง เธอเริ่มค้นหาสาเหตุและวิธีจัดการกับความสยองขวัญเหล่านั้น โดยหารู้ไม่ว่าต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดอาจจะมาจาก…ตัวเธอเอง เรื่องราวลึกลับสยองขวัญอันน่าสะพรึงกลัวยังคงอยู่รอบๆ ตัว และดำเนินต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด…
ครูแก แรงรัก แรงอาถรรพ์ (2547/2004) ครูฉาย (จรัล เพ็ชรเจริญ) ครูหนังตะลุงที่มีตัวหนังตะลุงเอกที่เป็นตัวตลก และเป็นตัวชูโรงประจำคณะ โดยท่านให้ความเคารพรัก และเทิดทูนตัวหนังตัวนี้อย่างสูงโดยเรียกอย่างยกย่องว่า ครูแก ซึ่งเป็นขวัญใจของคนดูหนังตะลุงทั่วภาคใต้ที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า ไอ้แก ซึ่งมีคำร่ำลือว่าตัวหนัง ไอ้แก นั้นมีชีวิตมักจะแสดงอะไรแปลก ๆ ได้เสมอ และเมื่อเผลอมันจะลุกขึ้นเดินเหินแอบขึ้นไปยืนปร๋ออยู่กับตัวหนังตัวนางตัวหนึ่งที่ชื่อว่า พยอม (ปรางทอง ชั่งธรรม) ซึ่งตำนานของมันมาจาก แก (ภาณุ สุวรรณโณ) นายหนังตะลุงฝีมือดีผู้ถูกกีดกันจาก พ่อของพยอม สาวคนรักจนทำให้เธอต้องฆ่าตัวตาย เขาได้นำหนังเท้าของเธอมาทำเป็นตัวหนังตะลุงเพื่อให้เป็นตัวแทนของเธอ และเมื่อเขาใกล้เสียชีวิตก็ได้สั่งลูกศิษย์ให้นำหนังเท้าของมาทำตัวหนังตะลุงด้วยอีกตัว จนกลายเป็นตัวตลกยอดนิยม นี่เองเป็นที่มาของความรักอมตะที่แม้แต่กาลเวลาและความตายก็ไม่อาจพรากทั้งคู่ให้จากกันได้
ฮวงจุ้ย-ฟ้า-ดิน-คน-ลิขิต (2546/2003) เป็นเรื่องเกี่ยวกับศาสตร์ฮวงจุ้ย และฮวงซุ้ย จะพูดถึงหลักการของความเชื่อ หรือไม่เชื่อให้เป็นความรู้ และเป็นวิจารณญาณในการตัดสินใจของคนดู เรื่องเริ่มขึ้นที่ครอบครัวหนึ่งซึ่งประกอบไปด้วย เตี่ย อาม่าและลูกชายหญิง 4 คนมีอาเฮียไช้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงทำให้กิจการรุ่งเรือง แต่ความรักความสัมพันธ์ภายในครอบครัวทำให้เกิดเรื่องขึ้น อาเฮียไช้ซึ่งแทบจะเป็นคู่บุญบารมีของเตี่ย ที่เตี่ยเจริญรุ่งเรืองมาได้ทุกวันนี้ก็เพราะเขา อาเฮียไช้เป็นเด็ก รุ่นน้องของเตี่ย รักชอบพอกัน ร่วมกันก่อสร้างตัว แต่ความสัมพันธ์ที่ว่าก็ต้องแตกสลายลงเนื่องจากอาเฮียไช้ เกิดความรักชอบพอกับลูกสาวของเตี่ย ซึ่งถ้านับกันจริง ๆ ก็แทบจะพูดได้ว่าเป็นหลาน แต่อาเฮียไช้ชอบเนื่องจากความสนิทสนมและเห็นน้ำใจกันมา ซึ่งทั้งหมดนี้กลับถูกขีดขวางจากเตี่ย และความเจริญก้าวหน้าของโรงงานจนทำให้เตี่ยหลงลืมประเด็นนี้ไป หลานที่มีชื่อว่าหยกกลับไม่ได้รักอาเฮียไช้ อาเฮียไช้จึงรู้สึกว่าชีวิตเขาไม่เคยสมหวังสิ่งใดสักอย่างทั้งในเรื่องของการงานที่เป็นรองเตี่ยมาตลอดและในเรื่องความรัก อาเฮียไช้จึงเกิดความอาฆาตแค้น เขาได้พบกับซินแสหม่าซึ่งเก่งทางด้านศาสตร์ฮวงจุ้ย – ฮวงซุ้ย ดูโชคชะตาแต่เป็นคนเลว เจ้าเล่ห์ และละโมบซินแสหม่าได้ชี้แนะอาเจ็กไปในทางที่ผิดโดยให้ของที่เป็นอัปมงคลไปทำลายหลักฮวงจุ้ยที่ดีของเตี่ยเพื่อทำลายตระกูลนี้ให้สิ้นซาก ด้วยอาถรรพ์หรืออุบัติเหตุไม่ทราบได้ เตี่ยกับอาม่าได้เสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำตาม แต่หยกลูกสาวคนโตรอดได้ราวปาฏิหาริย์ หลังจากนั้นซินแสหม่าได้เข้ามาจัดการทำพิธีฝังศพเตี่ยกับอาม่า โดย ให้ทุกอย่างผิดหลักตามพิธีที่ดีเพื่อให้ครอบครัวของเตี่ยเกิดความพินาศอีก หลังจากนั้นคนในครอบครัวของเตี่ย ก็เกิดเรื่องร้ายขึ้นตลอด หยกเสียคนรักไป บอยลูกชายคนรองเสียชีวิต ป๊อปลูกชายซึ่งกลับมาจากเมืองนอก ได้ค้นพบความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในบริษัทจนทำให้ตนเองถูกทำร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด มุกดาลูกสาว คนเล็กซึ่งเป็นคนที่มีสัมผัสพิเศษเกิดอาการป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุและมุกดาได้เสียคนรักไปอีกคน ทุกอย่างกำลังเดินไปในทิศทางที่เลวร้าย แต่ตระกูลนี้ได้รับการช่วยเหลือจากซินแสหนุ่มคนหนึ่งชื่อโย เขาค้นพบสาเหตุว่าสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายมาจากการวางฮวงจุ้ยและฮวงซุ้ยที่ผิดนั่นเอง ทั้งหมดจึงต้องเดินทางไปที่ฮวงซุ้ยเพื่อทำพิธีขุดศพขึ้นมาฝังใหม่ แต่การเดินทางไปในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะว่ามีอาเจ็กและซินแสหม่าคอยขัดขวางทุกวิถีทาง แต่ความดีย่อมชนะความชั่ว ทั้งหมดสามารถแก้อาถรรพ์ได้สำเร็จ วิญญาณของเตี่ยกับอาม่าและคนอื่นๆ ได้พ้นทุกข์และอาเฮียไช้กับซินแสหม่าก็ได้รับผลตอบแทนในสิ่งที่ตนเองทำ
บุปผาราตรี (2546)

เรื่องย่อ : บุปผาราตรี (2546/2003) บุปผา (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) ผีสาวสุดสยอง วิญญาณพยาบาทที่คอยวนเวียนอยู่ในอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งเพื่อรอคอยเอก (กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์) คนรักที่ทอดทิ้งเธอไปในอดีต ความเฮี้ยนของเธอทำให้ผู้คนหวาดผวาพากันย้ายออกไปตามๆ กัน เดือดร้อนถึงเจ๊สี่เจ้าของออสการ์อพาร์ทเมนท์ที่ต้องความหาหมอผีฝีมือดีจากทุกสารทิศมาเพื่อขับไล่ผีสาวตนนี้ออกไปให้จงได้ บุปผา ราตรี นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่หนึ่งถูก เอก ลูกเศรษฐีหลอกตามจีบจนใจอ่อน แต่เมื่อเธอตั้งครรภ์ เอกกลับพาเธอไปทำแท้งและหนีไปเรียนต่อเมืองนอกทันที กระทั่งวันหนึ่ง เจ๊สี่ เจ้าของออสการ์อพาร์ตเมนต์ที่บุปผาเช่าอยู่ เห็นเธอเงียบหายไปจึงได้งัดห้องเข้าไป และพบว่าบุปผาตายมาเกือบเดือนแล้วจากการตกเลือดหลังทำแท้ง เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องสยองขวัญปั่นป่วนทั้งอพาร์ตเมนต์ เมื่อผีบุปผาเกิดเฮี้ยนออกมาอาละวาด เจ๊สี่ เจ้าของกิจการอพาร์ทเมนท์ ที่มีธุรกิจเข้าทรงเป็นอาชีพเสริม พออยู่มาวันหนึ่ง อพาร์ทเมนท์ของเจ๊สี่เกิดมีผีสาวปรากฎกายขึ้น จนเป็นที่หวาดผวาต่อบรรดาผู้เช่าห้องพักทั้งหลาย ร้อนถึงเจ๊สี่ ที่ต้องตามหมอผีที่ว่าเก่งมากำจัด แต่ก็ยังโดนผีสาวเล่นงานจนเตลิดเปิดเปิง สร้างความหวาดผวาต่อผู้เช่าอพาร์เมนท์ที่เหลือเป็นอย่างยิ่ง เป็นผลให้กิจการห้องเช่าของเจ๊สี่ทำท่าจะไปไม่รอด แต่แล้ววันหนึ่ง มีชายหนุ่มนิรนามเดินเข้ามาที่อพาร์ทเมนท์ และหายตัวเข้าไปในห้องผีสิงนั้นอย่างปริศนา นับจากวันนั้น ผีสาวก็ไม่ปรากฎกายให้เห็นอีก จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นานนัก ผู้คนก็เริ่มได้ยินเสียงร้องโหยหวนของชายหนุ่มนิรนาม ดังออกมาจากห้องผีสิง ผู้เช่าที่เหลือพากันย้ายออกจนหมด เพราะทนกลัวผีต่อไปอีกไม่ไหว เจ๊สี่หมดทางเลือก จึงตัดสินใจโทรไปตามหมอผีเขมรที่เก่งที่สุด มาจัดการกับผีร้าย ก่อนที่ชายหนุ่มและกิจการอพาร์ทเมนท์ของเธอจะไปไม่รอด...

ตะเคียน (2546/2003) “กำนันวิทยา” และ “โลไกร” สองเพื่อนพรานเข้าป่าล่าสัตว์ เป็นเหตุให้ “นางตะเคียน” ผู้ปกปักรักษาป่าโกรธแค้น และฆ่าโลไกรตาย เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้กำนันวิทยาเคียดแค้น และในขณะเดียวกันก็ต้องเลี้ยงดู “คำทอง” ซึ่งเป็นลูกชายของโลไกรจนโตเป็นหนุ่ม คำทองหลงรัก “พร” ลูกสาวคนเดียวของกำนันวิทยา แต่กำนันวิทยากลับสนับสนุน “ไตร” วิศวกรสร้างเขื่อนให้รักกับพร ทำให้คำทองต้องผิดหวัง เมื่อเขื่อนสร้างเสร็จทำให้น้ำท่วมหมู่บ้าน ในขณะที่กำนันวิทยาก็ต้องรีบตัดต้นไม้ที่ได้รับสัมปทานให้เสร็จก่อนที่น้ำจะท่วมหมดและทำให้เสียหายเป็นเงินมหาศาล กำนันวิทยาตัดต้นไม้ทุกชนิดที่อยู่ในพื้นที่ไม่เว้นแม้ต้นตะเคียนยักษ์ที่น่ากลัว หลังจากนั้นเรื่องราวที่น่ากลัวก็เกิดขึ้นกับคนรอบข้าง รวมทั้งพรที่ต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราโดยไม่ทราบสาเหตุ “กำนันวิทยา, คำทอง, ไตร และ ปีเตอร์” จึงมีภารกิจที่ต้องทำ ทั้งหมดต้องไปเอาวิญญาณของตอตะเคียนที่จมอยู่ใต้น้ำขึ้นมาปลูกใหม่ เพื่อเป็นการขอขมาและช่วยเหลือพรที่นอนไม่ได้สติให้กลับมาเหมือนเดิม ทั้งหมดไม่รู้ว่ากำลังลงไปเผชิญกับสิ่งที่น่ากลัวที่แอบซ่อนอยู่ใต้น้ำแห่งนั้น…
ดึก ดำ ดึ๋ย (2546/2003) เรื่องราวความสนุกสนานเริ่มขึ้นเนื่องจากหมู่บ้านของคนผิวดำแห่งหนึ่งเกิดเรื่องราวสยองขวัญทุกวัน เพราะมีคนในหมู่บ้านถูกฆาตกรรมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสาวสุดเซ็กซี่ จึงทำให้ เทพ (เทพ โพธิ์งาม) เด่น (เด่น ดอกประดู่) มาด (สามารถ พยัคฆ์อรุณ) ระ (เขาทราย แกแลคซี่) เพื่อนต่างวัยทั้ง 4 คน จำเป็นต้องเดินทางไปยังหมู่บ้านแห่งนี้ เพื่อปฏิบัติภารกิจในการสืบหาตัวฆาตรกร ตามที่ได้รับว่าจ้างมาโดยที่ไม่รู้ว่าหมู่บ้านนี้อยู่ไหน รู้แต่ว่าให้ไปถามหารายระเอียดกับคนผิวดำที่เป็นกระเป๋ารถโดยสารเท่านั้น ทั้ง 4 พบกับความโชคร้ายในการเดินทาง เมื่อรถที่โดยสารมาเกิดเสียระหว่างทาง ทั้งหมดจึงต้องเดินทางต่อไปด้วยเท้าเปล่าจนกระทั่งมาถึงกระท่อมกลางป่าของ สองตายาย (อุดม ชวนชื่น และ น้อย โพธิ์งาม) ที่อาศัยอยู่กับ สวย หลานสาวสุดเซ็กซี่ ที่ให้การต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ตกดึกทั้งหมดแทบช็อก เมื่อ สวย ถูกฆ่าตายโดยอสูรกาย และสองตายายก็กลายเป็นกระหัง ทั้ง 4 จึงต้องหนีเตลิดความน่ากลัวแบบไม่คิดชีวิต จนกระทั่งเดินทางมาถึงโรงแรมเก่าๆ แห่งหนึ่ง ที่ภายในโรงแรมกำลังสนุกสนานไปด้วยเสียงดนตรีและผู้คน โดยมีผู้จัดการแก่ๆ (สีเทา) และพนักงานสาวผมทองแสนสวยให้การต้อนรับ ทั้ง 4 ยังได้รับรายละเอียดว่าใครที่มาพักโรงแรมแห่งนี้มักจะกลายเป็นศพทุกคน แต่ทั้ง 4 ก็ไม่สนใจ เพราะต้องการที่พักผ่อนเพียงอย่างเดียว ในคืนนั้นก็มีเหตุการณ์ชวนขนหัวลุกหลายเรื่อง เมื่อทั้งหมดได้เห็น แหม่ม สาวถูกฆ่าตายโดยอสูรกายตนนั้น แต่พอทุกคนที่เข้าไปช่วยเหลือกลับเจอแต่ความว่างเปล่า ทั้งๆ ตอนกลางวันที่ผ่านมายังคราคร่ำไปด้วยผู้คน แต่ทุกคนต้องเก็บความกลัวเอาไว้ มิหนำซ้ำยังเจอผียายแก่ตาแก่ขายข้าวแกงหลอกจนต้องวิ่งหน้าตั้ง และยังถูกนายอำเภอ (ดี๋ ดอกมะดัน) และลูกน้องไล่ยิงอีกด้วย ทั้ง 4 ต้องวิ่งหนีนายอำเภออย่างไม่คิดชีวิตจนพลัดหลงเข้าไปในหมู่บ้านของคนป่า แต่พระเจ้ายังเข้าข้างเมื่อหัวหน้าหมู่บ้านยอมใช้ชีวิต แต่ต้องใช้ชีวิตและความเป็นอยู่เช่นเดียวกัน มิฉะนั้นมีทางเลือกอีกทางเดียวคือความตาย ในเมื่อไม่มีทางเลือกในขณะที่ lถานการณ์กำลังจะเป็นไปได้ด้วยดี สาวชาวป่าถูกฆ่าตายโดยอสูรกายตัวเดิม แต่ทุกคนคิดว่าเป็นฝีมือของชายแปลกหน้าที่เพิ่งมาเยือน จึงทำให้ทั้ง 4 ต้องหนีตายอย่างทุลักทุเลด้วยผ้าห่อกายเพียงน้อยนิด แบบชุดผ้าเตี่ยวของคนป่า ในที่สุดนักสืบจำเป็นอย่าง เทพ เด่น มาด ระ ก็มาพบกระท่อมหลังหนึ่งที่มีศพนอนเรียงรายนับไม่ถ้วน ทุกคนในกระท่อมช่วยกันชำแหละและหั่นศพเหล่านั้นออกเป็นชิ้นๆโดยไม่มีความสะทกสะท้านหรือเกรงกลัวต่อกฎหมายแต่อย่างใดทั้ง 4 จึงบุกเข้าไปในกระท่อม เพื่อจับกุมทั้งหมดไปส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดี เพราะแน่ใจว่ากลุ่มคนเหล่านี้คือฆาตรกรอย่างแน่นอน ทุกคนปฏิเสธพร้อมทั้งบอกความจริงว่า ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อช่วยเหลือ หลวงพ่อ (กรุง ศรีวิไล)เนื่องจากเมรุของวัดมีที่อยู่ไม่พอที่จะเผาศพคนตายหลายคนที่มีมากมายวันละหลายๆ ศพหลวงพ่อจึงขอบิณฑบาตเพื่อให้ชาวบ้านที่มีใจบุญกุศลต้องถูกจับดำเนินคดี แต่นักสืบจำเป็นทั้ง 4 ไม่ยอม พร้อมทั้งนิมนต์เอาตัวหลวงพ่อส่งให้กับตำรวจพร้อมชาวบ้านทั้งหมด แล้วค่อยพิสูจน์ความจริงกันบนศาล ในขณะที่ทุกคนกำลังเดินทางออกจากวัด อสูรกายก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่หอระฆัง เหตุการณ์จะลงเอยอย่างไร
คู่แท้ปาฏิหาริย์ (2546/2003) ทานน้ำ (ณัฐฐาวีรนุช ทองมี) ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่ออกจะเชย ๆ เธอมักจะทำอะไรเปิ่น ๆ เป๋อ ๆ อยู่ตลอดเวลา และเพราะไม่ค่อยสุงสิงกับใครนัก ทำให้เธอไม่ค่อยมีเพื่อน แต่เธอก็แอบหลงรักรุ่นพี่ ที่เรียนมาด้วยกัน เขาชื่อว่า พี่เอก (ปิยะ วิมุกตายน) เธอคอยตามเขา ไม่ว่าเขาจะเรียนที่ไหน ทำงานอะไร แม้ตัวเธอจะไม่ชอบสักเท่าไหร่ แต่เพราะเขาคนเดียวเท่านั้น ที่เธอใฝ่ฝันว่าจะได้ใกล้ชิด และหากเรื่อง 'ปาฏิหาริย์' ไม่ได้เกิดขึ้นกับชีวิตเธอ เธอก็คงได้แต่แอบรักเขาอย่างนี้เรื่อย ๆ ในวันปีใหม่ น้ำตั้งใจจะสารภาพรักกับพี่เอกตามที่ ตุ่น (หทัยรัตน์ เจริญชัยชนะ) เพื่อนเพียงคนเดียวของเธอแนะนำ แต่ทุกอย่างก็ผิดพลาดไปหมด น้ำจึงได้แต่นั่งเหงา และรู้สึกท้อแท้กับชีวิตที่ไม่มีอะไรดีขึ้นมา แม้แต่งานโฆษณาที่เธอทำ ก็เกิดความผิดพลาดจนถูกต่อว่าเหมือนเคย แต่ครั้งนี้มันเกิดร้ายแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา น้ำต้องตกอยู่ในอันตราย เธอได้แต่เปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ในวินาทีนั้นเอง ชายหนุ่มรูปหล่อขี่ม้าขาวมาช่วยชีวิตเธอไว้ และไม่ใช่ครั้งเดียว เขาปรากฎตัวช่วยเธอถึงสามครั้งในวันเดียวกัน น้ำ ทั้งแปลกใจและประหลาดใจที่ชายหนุ่มรูปหล่อที่มาช่วยเธอคือ หมูตอน (เจษฏาภรณ์ ผลดี) เด็กอ้วนหุ่นฮิปโปเมื่อสมัยเรียน เขาเปลี่ยนไปจนน้ำจำไม่ได้ น้ำได้แต่สงสัยว่า ทำไมหมูตอนถึงปรากฎตัวช่วยเธอได้ทุกครั้ง หมูตอนบอกว่าที่เขามาช่วยน้ำ ก็เพราะคำมั่นสัญญาที่เขาเคยให้ไว้ ถ้าน้ำต้องการความช่วยเหลือ... เขาจะมา หมูตอนอาสาช่วยทำให้ความรักของน้ำสมหวัง เขาจับเธอแปลงโฉมเป็นสาวสวยคนใหม่ ที่ใคร ๆ ต่างก็ต้องแปลกใจ แต่น้ำก็ยังไม่กล้าทำอะไรด้วยตัวเอง หมูตอนจึงต้องวางแผนสารพัด ทำให้พี่เอกหันมาสนใจ และรักเธอให้ได้ ระหว่างนี้เอง ความสนิทสนมและความผูกพัน ที่ทั้งสองเคยมีก็กลับมาอีกครั้ง น้ำมีความสุขอย่างประหลาด เธอได้หัวเราะ และร่าเริงขึ้น แม้จะถูกแซวว่าเป็นเพราะเธอมีความรักกับหมูตอน แต่น้ำกลับปฏิเสธว่า เป็นเพราะความรักของพี่เอกต่างหาก ยิ่งน้ำสนิทกับพี่เอกมากเท่าไร หมูตอนก็ยิ่งเงียบหายไปเท่านั้น ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่น้ำคิด ทำให้น้ำรู้สึกแย่ เพราะการหายตัวไปของหมูตอน น้ำพยายามร้องเรียกหาหมูตอนหลายครั้ง แต่เขาไม่เคยแสดงตัวอีกเลย จนวันหนึ่ง น้ำตัดสินใจเดินลงไปบนถนน แล้วหมูตอนก็โผล่มาช่วยเธอจริง ๆ นี่คือสิ่งที่เธอกำลังรอคอย และต้องการให้เกิดขึ้นจริง ๆ หมูตอนต่อว่าน้ำที่ทำอะไรโง่ๆ อย่างนี้ น้ำขอให้หมูตอนอย่าจากเธอไปอีก ...เขาให้สัญญา ความห่างเหินของน้ำ ทำให้พี่เอกกลับมาหาน้ำ แต่ครั้งนี้ต่างจากทุกครั้งเพราะความกดดัน ทำให้พี่เอกล่วงเกินน้ำ น้ำขัดขืนจนโรคหัวใจของเธอกำเริบ เธอแน่นหน้าอก และหายใจไม่ออก พี่เอกได้แต่ตกใจทำอะไรไม่ถูก ขณะที่น้ำกำลังจะแย่... น้ำฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาล หมูตอนเป็นคนพาน้ำมาอีกแล้ว เขาจึงได้รู้จากหมอว่า หัวใจของน้ำกำลังแย่ ต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจโดยเร็วที่สุด หมูตอนไม่รู้จะช่วยน้ำได้ยังไง สิ่งที่ทำได้เพียงอย่างเดียว คือทำให้น้ำมีความสุขที่สุด ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ หมูตอนทำทุกอย่างเพื่อให้น้ำมีความสุข นับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของน้ำ หมูตอนสารภาพรักกับน้ำ น้ำเองก็เพิ่งรู้ใจตัวเองว่า เธอรักหมูตอนเช่นกัน ในช่วงเวลาแห่งความสุขนั่นเอง หมูตอนเกิดอาการผิดปกติ เขาเจ็บปวดและทรมาน ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ เลือนหายไปต่อหน้าต่อตาน้ำ สุดท้ายความรักของทั้งคู่จะลงเอยอย่างไร หมูตอนหายไปไหน แล้วทานน้ำจะทำอย่างไร...
มหาอุตม์ (2546/2003) มีหลายเหตุผลที่ทำให้ “มหาอุตม์” เป็นภาพยนตร์ไทยหวังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ประจำปี 2546 ที่ไม่ควรพลาด ตั้งแต่การกลับมาร่วมงานกันเป็นครั้งที่ 3 ระหว่าง “สหมงคลฟิล์ม” กับ “อ๊อกไซด์ แปง” หลังจากความสำเร็จมหาศาลของ “คนเห็นผี” (The Eye) เมื่อปีกลาย ภายใต้มุมมองและการนำเสนอในรูปแบบภาพยนตร์แอคชั่นรูปแบบใหม่ โดยผสมผสานระหว่างพิธีกรรม ความเชื่อในเรื่องราวเหนือธรรมชาติ ความเป็นอมตะอยู่ยงคงกระพัน หนังเหนียวฟันแทงไม่เข้า จากการการสักยันตุ์มหาอุตม์ของคนไทยกับจินตนาการในส่วนวิชวลเอฟเฟกต์ทางด้านภาพที่น่าจับตามองมากที่สุดเพื่อเนรมิตฤทธานุภาพ อิทธิฤทธิ์ พลังอำนาจที่เกิดจากยันต์มหาอุตม์ โดยเฉพาะการอุด หยุดลูกกระสุนปืน ยิงไม่เข้า รวมไปถึงฉากแอคชั่นซีนที่โชว์โปรดักชั่นอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะฉากการเผชิญหน้าและการต่อสู้ระหว่างผู้มีพลังมหาอุตม์ และฉากไคลแมกซ์ของภาพยนตร์ ประเด็นที่ภาพยนตร์เรื่อง “มหาอุตม์” ต้องการนำเสนอคือใช่ว่าคนทุกคนที่ผ่านการสักยันต์มหาอุตม์จะได้สัมผัสและรู้ซึ้งถึงพลานุภาพของสิ่งที่เป็นคุณอนันต์หรือโทษมหันต์เหมือนกันทุกคน พลังทุกอย่างในโลกล้วนอุบัติและมีวันดับสูญ หากไม่รู้จักรักษาคุณความดีที่เป็นบ่อเกิดแห่งขุมพลังนั้น ในช่วงปลายทศวรรษที่ 70 “จ่าทองคำ” และ “จ่าขจร” สองเพื่อนรักที่ต่างเคยร่วมสักยันต์มหาอุตม์มาด้วยกันออกปฏิบัติภารกิจลับในชายแดนกับข้าศึกในฐานะทหารรับจ้าง กลับต้องพบกับความสูญเสียครั้งสำคัญเมื่อหน่วยรบของตนถูกข้าศึกทำลายล้างจนสูญสิ้น ในขณะที่กำลังรอความตายโดยไร้ซึ่งกองหนุนจากกองทัพ ทั้งคู่กลับพบว่าพลังมหาอุตม์อยู่ยงคงกระพันชาตรีได้ช่วยพลิกสถานการณ์ให้กลายเป็นโอกาส แต่โดยที่ไม่มีใครคาดคิด พลังที่ไร้ขอบเขตกลับทำให้ทั้งคู่ต้องพบกับความเป็นจริงที่เศร้าสลด อดีตวีรบุรุษของชาติอย่าง “ขจร” (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) หายสาบสูญไปในระหว่างสงครามจากความผิดพลาดบางอย่างที่เกิดขึ้น ส่วน “ทองคำ” (ธีรยุทธ ปรัชญาบำรุง – ขุนแผน, บางระจัน) หรือจ่าทองคำในอดีตเผชิญกับบาดแผลที่ติดค้างอยู่ในหัวใจจนต้องหันไปพึ่งใบบุญของพระธรรม ตัดสินใจบวชตลอดชีวิตเป็นหลวงพ่อทองคำเพื่อเป็นการไถ่บาป พร้อมชุบเลี้ยงเด็กน้อยที่รอดชีวิตจากการเข่นฆ่าในสมรภูมิโดยตั้งชื่อให้ว่า “เจตน์” (ชาติชาย งามสรรพ์) จนเติบใหญ่โดยมี “ชัย” (ชิน ตั้งสกุลสถาพร) เด็กขี้กลัวซึ่งเป็นลูกไล่ของเด็กเกเรอย่าง “ไอ้ดำ” และ “ไอ้เคน” (กัมปนาท แย้มวิมล) เป็นเพื่อนสนิทและน้องชายเพียงคนเดียว เจตน์เรียนรู้และสัมผัสกับแง่มุมของความตายมาตั้งแต่เยาว์วัย แท้จริงแล้วด้วยเด็กน้อยถึงต้องชะตาฆาต แต่ยังคงยืนหยัดมีชีวิตอยู่ได้เพราะได้หลวงพ่อที่คอยต่ออายุขัย เปิดโลกทางธรรม และถ่ายทอดพลังมหาอุตม์เพื่อปกปักรักษาคุ้มกันภัยให้โดยการสักยันต์ แต่เด็กน้อยก็ต้องเรียนรู้ศึกษาเคล็ดวิชาความดี ประพฤติตัวภายใต้เงื่อนไขและกฎข้อห้ามของการฝึกฝนพลังมหาอุตม์ โดยไม่เคยได้รู้ถึงพลังอำนาจแห่งมหาอุตม์อย่างแท้จริง จนกระทั่งเมื่อเริ่มเติบโตขึ้นเป็นหนุ่ม ในระหว่างตรวจดูความเรียบร้อยในสนามยิงปืนที่ตนเองทำงานอยู่ เขาได้พบกับ “มล” (อัญชสา ตั้งมงคลกุล) โปรแกรมเมอร์สาวปากดีที่ไม่กลัวเกรงใครทำปืนลั่นเข้าใส่เจตน์อย่างจัง ดีที่พลังมหาอุตม์คุ้มกันไว้ แต่เมื่อชะตาถูกลิขิตไว้แล้ว ย่อมเป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ ชัยถูกไอ้เคนและไอ้ดำลากเข้าไปในวังวนของยาเสพติดโดยมี “เมธา” (สุเมธ องอาจ) เพลย์บอยนักธุรกิจหนุ่มที่หน้าฉากเป็นเจ้าของกิจการที่ถูกกฎหมาย แต่แท้จริงแล้วเบื้องหลังเป็นผู้ก่อการร้ายสำคัญที่ทางการซึ่งนำโดย “ผู้กองมณฑล” (พิเศก อินทรครรชิต) กำลังหมายหัวและเป็นที่ต้องการตัว และนี่เองที่ทำให้เจตน์เรียนรู้สัจธรรมข้อหนึ่งที่ว่าทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนมีวันดับสูญ เมื่อมหาอุตม์ไม่สามารถป้องกันภัยได้อย่างที่เคย ลูกกระสุนปืนแล่นเข้าสู่ร่างของเจตน์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในขณะที่หลวงพ่อทองคำต้องพบกับฝันร้ายในอดีตอย่างขจรที่ตามมาหลอกหลอนอีกครั้งด้วยอวิชชาแห่งพลังอำนาจที่ประหลาดพิสดารไปมากกว่ายันต์มหาอุตม์ที่คุ้นเคย ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเลวร้ายลงทุกที ความหวาดหวั่นที่หลวงพ่อทองคำเคยคาดการณ์กำลังจะเกิดขึ้น ท่ามกลางวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกลับเกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดเมื่อหลวงพ่อเสียชีวิตจากน้ำมือของขจรเพราะต้องการพิสูจน์ว่า มหาอุตม์ยังคงแกร่งกล้าอย่างที่เคยเป็นหรือไม่ ระหว่างอวิชชากับมหาอุตม์สิ่งใดที่แข็งแกร่งที่สุด และนี่คือจุดเริ่มต้นของ “มหาอุตม์” ศาสตร์วิชาที่มาพร้อมกับความแกร่งกล้าแห่งจิตใต้สำนึกของความดีงามที่พร้อมพลิกทุกชีวิต ตอกย้ำทุกชะตากรรม สิ่งที่เจตน์จะต้องเผชิญไม่ได้เป็นเพียงเคล็ดวิชาที่ทวีคูณพละกำลังเหนืออนันต์อย่างการอาบน้ำว่าน 108 หรือเพิ่มห้วงจิตแห่งพลังศรัทธาเท่านั้น แต่ยังเป็นบททดสอบจิตวิญญาณของสามัญสำนึกแห่งความเป็นคน
คืนไร้เงา (One Night Husband) (2546/2003) สิปาง สาวทันสมัย ได้พบรักกับ นภัทร อาจารย์มหาวิทยาลัย และตัดสินใจแต่งงานกันในเวลาไม่นาน แต่ในคืนวันแต่งงาน นภัทรกลับหายตัวไปอย่างลึกลับ ทำให้สิปางต้องออกตามหา ด้วยความช่วยเหลือของ ชาติชาย และ บุษบา พี่ชายและพี่สะใภ้ของนภัทร ในระหว่างนั้น สิปางก็ได้ใกล้ชิดกับบุษบา และพบว่าหล่อนอยู่ในโลกที่แตกต่างกับเธออย่างสิ้นเชิง สิปาง (นิโคล เทริโอ) หญิงสาวสวยทันสมัย เธอพบรักกับนภัทร (วรวิทย์ แก้วเพชร) ซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยและตกลงแต่งงานกันในเวลาไม่นาน เขาก็หายตัวไปหลังจากได้รับโทรศัพท์ลึกลับในคืนวันแต่งงาน ด้วยความวิตกกังวลกับการหายตัวไปของนภัทร สิปางจึงเริ่มออกติดตามหา ด้วยความช่วยเหลือของชาติชาย (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) และบุษบา (สิริยากร พุกกะเวส) พี่ชายและพี่สะใภ้ของนภัทร ในระหว่างนั้น สิปางได้พยายามเข้ามาใกล้ชิดกับบุษบาเพื่อค้นหาความจริงเกี่ยวกับนภัทร เธอพบว่าบุษบาอยู่ในโลกที่แตกต่างกับสิปางอย่างสิ้นเชิง เธอเป็นแบบฉบับของแม่บ้านช้างเท้าหลังที่มีชีวิตอยู่ใต้บงการของสามี เมื่อสิปางเข้าใกล้ความจริงเกี่ยวกับนภัทรมากขึ้น โฉมหน้าใหม่ของสามีคืนเดียวของเธอก็ค่อยๆ ปรากฏให้เห็นเด่นชัดขึ้นทีละน้อย ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่างสิปางกับบุษบายิ่งนานวันยิ่งแนบแน่น การได้เรียนรู้ชีวิตในโลกที่แตกต่างกันทำให้สิปางถึงกับต้องคิดทบทวนความเห็นเดิมที่เธอเคยมีต่อความรัก การเสียสละ และความหมายของการดำรงชีวิตเสียใหม่ สิปางเริ่มต้นตั้งคำถามกับทุกอย่างในชีวิตซึ่งนำไปสู่จุดจบอันน่าสะเทือนใจ
เฮี้ยน (2546/2003) ภายใต้ท้องฟ้าที่เงียบสงบ ดูเหมือนว่าบางสิ่งที่เป็นตัวแทนของความเศร้า ผิดหวัง และเต็มไปด้วยความอ่อนแอ ท้อแท้ สูญสิ้นซึ่งความหวังนอนทอดตัวสงบนิ่งอยู่ในเบื้องลึกแห่งก้นบึ้งของห้วงอารมณ์ที่โอบอุ้มไปด้วยความหวาดกลัวที่แสนเปราะบาง กำลังมีการเคลื่อนไหวอยู่อย่างเงียบๆ ราวกับกำลังเรียกร้องและรอคอยให้ใครบางคนที่พร้อมจะย่างกรายเข้ามาสัมผัสถึงดวงจิตที่อัดแน่นไปด้วยความร้อนรุ่มกระวนกระวายไปทุกอณูแห่งความรู้สึกคั่งแค้นใจเพื่อรอการสะสาง บัดนี้ใกล้มาถึงจุดสิ้นสุดแห่งการเดินทาง เป็นการมาถึงของอาการที่คนทั่วไปรู้จักกันดีที่ถูกเรียกขานสั้นๆ ว่า “เฮี้ยน” สำหรับ “ปอวรีร์” (ทราย เจริญปุระ) หญิงสาวที่ไม่เคยก้มหัว สนใจ หรือแคร์ใครหน้าไหนในโลก โดยเฉพาะมนุษย์เพศชายทุกคน นอกจาก “กิ๊ฟ” (อินทรา วีระวัธนชัย) เพื่อนสาวเพียงคนเดียวในขณะนี้ที่ทั้งคู่ต่างเลือกปักหลักใช้ชีวิตคนกลางคืนที่แวดล้อมไปด้วยแสงสี เหล้า ยา ด้วยกันในฐานะสาวเสิร์ฟในผับชื่อดัง และซุกหัวนอนอยู่ในอพาร์ตเมนต์เดียวกัน ดูเหมือนว่านี่คือวิถีแห่งการใช้ชีวิตที่ค่อนข้างล่อแหลมและไม่เคยบันยะบันยังของหญิงสาวที่ไร้อนาคตในสายตาของใครหลายๆ คนอย่างปอ จนกระทั่งการตื่นขึ้นมาในเตียงโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หลังจากคืนที่แสนสาหัสเกิดขึ้นในชีวิตของปอผ่านพ้นไป พร้อมร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจากการถูกทำร้ายโดยฝีมือของ “ไอ้อ๊อด” (วรรณกิตย์ ศิริพุฒ) นักเลงขี้ยาเอเยนต์ค้ายาเสพติดที่จับได้ว่าถูกหญิงสาวที่คอยปล่อยของอย่างปอยักยอกเสียเอง แต่ในระหว่างที่วินาทีที่พยายามยื้อชีวิตตัวเองให้รอดจากเงื้อมมือของมัจจุราช ทำให้ปอพลาดท่าหมดสติตกลงไปในบึงใหญ่แห่งหนึ่ง หลังจากได้รับการตรวจร่างกายอย่างละเอียดจาก “หมอฤดี” (อรัญญา นามวงศ์) รอง ผอ.โรงพยาบาลที่เป็นเจ้าของไข้ สิ่งที่สร้างความช็อกให้กับปอมากที่สุดก็คือ การที่รู้ว่าตนเองกำลังตั้งท้องได้ 10 สัปดาห์แล้ว ถึงแม้ว่าจะถูกคนทั่วไปมองว่าหญิงสาวที่ไร้อนาคตอย่างปอพยายามที่จะกำจัดลูกในท้อง แต่ดูเหมือนว่ามีเพียงหมอฤดีเพียงคนเดียวที่คอยเข้าใจและเป็นกำลังใจให้กับปอ ในขณะที่กำลังวุ่นวายใจกับสถานการณ์ที่ยากเกินกว่าที่จะตั้งรับได้ทัน สิ่งที่หญิงสาวที่ไม่เคยรักชีวิตของตัวเองอย่างปอต้องเผชิญกับบางสิ่งบางอย่างที่ยากเกินอธิบายที่เริ่มเข้ามาคุกคามทั้งจากการสัมผัส มองเห็น ได้ยินทั้งภาพและเสียงอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนในโรงพยาบาล เริ่มต้นจากเสียงร้องของเด็กที่ไม่สามารถหาต้นตอได้ ตุ๊กตาที่ขยับได้เองของคนไข้เด็กที่อยู่ในห้องผู้ป่วยรวม ภาพหลอนของ “หญิงสาว” (ปรางทอง ชั่งธรรม) ที่ตนไม่เคยรู้จัก รวมไปถึงภาพเสมือนที่ดูเหมือนจริงซึ่งล้วนมีภาพของตัวเองเข้าไปอยู่ร่วมในเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นทุกครั้ง พร้อมกับมีภาพของคนอีกหลายคนและอีกหลายเหตุการณ์ที่ดูเหมือนจะจริงจังและรุนแรงมากขึ้นทุกที ในขณะเดียวกันกับที่ “พัฒน์” (กรุณพล เทียนสุวรรณ) เจ้าหน้าที่ติดตามการรักษาของศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติดคนใหม่ก็ถูกสิ่งเข้ามาประกบกับปอ เพราะเกรงว่าจะยังคงมีประวัติการใช้ยาในตัวปอ โดยที่ไม่มีใครรู้ว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยากเกินกว่าคำอธิบายที่ชักนำทุกคนย้อนกลับไปสู่ต้นตอของปรากฏการณ์ที่นิยามได้ด้วยคำจำกัดความว่า “เฮี้ยน”
๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ (2545/2002) คืนออกพรรษาที่นี่ไม่เหมือนที่ไหน ๆ ในโลกเพราะที่นี่ คือ ริมฝั่งโขง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย หลังพระอาทิตย์ตกดิน ผู้คนที่ไหน ๆ พากันเข้าบ้าน กินข้าว พูดคุย ดูโทรทัศน์ หลับนอน แต่ที่นี่ คนนับหมื่นนับแสนแห่แหนกันมานั่งรอ ยืนรอ นอนรอ อยู่ริมตลิ่ง สองตามองจ้องจับอยู่ที่กลางแม่น้ำบังคับกล้ามเนื้อตาว่าอย่ากระพริบ เพราะวินาทีไหนก็ไม่รู้ ลูกไฟสีแดงส้มขนาดเท่าไข่ไก่จะผุดขึ้นสู่ท้องฟ้าให้ตกตะลึงพรึงเพริดและหายวับไปในเวลาเพียง 2-3 วินาที ลูกเด็กเล็กแดง คนหนุ่มสาวต่างร้อง เฮ! อย่างกับเชียร์บอล เมื่อลูกไฟพิศวงพุ่งขึ้นตรงนั้นตรงนี้นับสิบนับร้อยตลอดลำน้ำ ส่วนคนเฒ่าคนแก่พากันร้องสาธุ การณ์เป็นอย่างนี้ หลายสิบปีดีดักมาแล้ว ลูกไฟพิศวงนี้มาจากไหน มันคืออะไร ไสยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือปรากฏการณ์ธรรมชาติ คุณศรัทธาในสิ่งใด คุณมีเหตุผลไหม ขณะนี้ผู้คนบนฝั่งไทย กำลังโห่ร้องยินดีกับบั้งไฟพญานาค ไอ้คานหนุ่มโพนพิสัย กำลังกระโดดตบมือแบบกิ๊ฟมีไฟฟ์อย่างกับนักบาสเอ็นบีเอ กับหลวงพ่อโล่ห์ ณ วัดลาว ต่างลิงโลดกับวีรกรรมร่วมกัน วีรกรรมดำน้ำลงไปฝังลูกบั้งไฟดิบใต้ลำน้ำโขงก่อนคืนออกพรรษา ส่วนหมอนรติ ประจำโรงพยาบาลหนองคายนั้นเล่าก็กำลังเฝ้ารวบรวมหลักฐานเพื่อสนับสนุนทฤษฎีที่ว่าลูกไฟนี้เกิดจากการหมักหมมของซากพืชซากสัตว์ ใต้ลำน้ำโขงก่อตัวเย็นก้อนก๊าซถูกดูดให้ลอยขึ้นเหนือพื้นน้ำโดยดวงจันทร์และเกิดปฏิกิริยาสันดาบกับโอโซนในอากาศ ส่วน ด๊อกเตอร์สุรพล แห่งภาควิชาเทคโนธรณี ม.ขอนแก่น ก็ออกมาชูจักกะแร้ ค้านทุกอย่างที่หมอนรติเชื่อ ก็แม่น้ำโขงไหลเชี่ยวออกอย่างนั้น ซากอะไรจะไปสะสม ส่วนก้อนก๊าซจะเกิดได้เล่าโขงต้องหยุดไหล 5 วัน และมีอุณหภูมิเลยจุดเดือดไป 526 องศา สำหรับด๊อกเตอร์ลูกไฟนี้เป็นฝีมือมนุษย์แน่นอน ขณะที่ครูใหญ่ แม้จะสอนวิชาคณิตศาสตร์มาทั้งชีวิต แต่ความเป็นคนหนองคาย รักหนองคาย ทำให้เขาไม่อยากรู้เลยว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร และหากมีอะไรสักอย่างที่ครูทำโดยไม่ได้ขอรับเงินเดือนหลวงล่ะก็ สิ่งนั้นคือหยุดยั้งพวกชอบพิสูจน์ให้เด็ดขาด คืนออกพรรษาคืนนี้อาจเหมือนหรืออาจไม่เหมือนคืนออกพรรษาปีก่อน...เพราะปีนี้ คานทำคอแข็ง ตาแข็ง และเสียงแข็งบอกหลวงพ่อโล่ห์ว่า "ปีนี้เราเลิกเถอะครับหลวงพ่อ"