ธารรักในลับแล (2494)
ธารรักในลับแล (2494/1951) เรื่องราวการผจญภัยอันลึกลับซึ่งมีสาเหตุมาจากคณโฑสังคโลกเก่าแก่คู่หนึ่ง อันเป็นมรดกตกทอดของตระกูลของภรรยา พระยาพิชัย เมื่อภรรยาเสียชีวิตลง พระยาพิชัยจึงเก็บรักษาคณโฑไว้รวมกับของเก่าที่ตนสะสม ค่ำวันหนึ่ง พระยาพิชัยได้ยินเสียงคนลอบเข้ามาในบ้าน จึงเรียกให้ เอนก ลูกชายไปไล่จับ ปรากฏว่าคนร้ายขโมยคณโฑไปได้ใบหนึ่ง ส่วนอีกใบทำตกแตกไว้ พระยาพิชัยเหลือบไปเห็นลายแทงขุมทรัพย์ซึ่งถูกเก็บซ่อนอยู่ในคณโฑที่แตกใบนั้น และรู้ตัวคนร้ายในทันทีว่าเป็น ชนา ลูกชายที่มีกับภรรยาเดิม พระยาพิชัยให้เอนกออกตามหาชนาตามลายแทงสมบัติ โดยมี วิทย์ และ วนิดา คู่หมั้น ตามไปด้วยจุดมุ่งหมายคือเทพปรางค์ ในจังหวัดอุตรดิตถ์ แต่การกระทำของพวกเขาก็ไม่อาจเล็ดลอดสายตาของชนา และถูกขโมยลายแทงสมบัติไปในที่สุด เอนก วิทย์ และวนิดา ได้รับความช่วยเหลือจาก หนานตา คนในพื้นที่ เจ้าของช้างพาไปที่เทพปรางค์ เอนกกับวิทย์ล่วงหน้ามาซุ่มดูจนเห็นแน่ชัดแล้วว่าชนาพบสมบัติ จึงเข้าไปแย่งชิง วิทย์ชักปืนขึ้นยิงชนาเพื่อช่วยเอนกที่กำลังเป็นรอง ทันใดนั้น เทพปรางค์ก็สั่นสะเทือนและค่อยๆ ถล่มลงมา ทำให้วิทย์กับเอนกต้องรีบหนีออกจากภายในเทพปรางค์หนานตาซึ่งรออยู่ภายนอก เมื่อเห็นถ้ำถล่มจึงคิดไม่ซื่อหลอกวนิดาให้เข้าเมืองไปเรียกคนมาช่วยวิทย์กับเอนกแต่แท้จริงแล้วประสงค์ในตัววนิดา เคราะห์ดีที่มีชาวลับแลมาช่วยเอนกไว้ได้ ทำให้วนิดารอดพ้นจากหนานตา
สาวน้ำเค็ม (2494)

สาวน้ำเค็ม (2494/1951) เปนนิทานชีวิตรักของลูกสาวแดนน้ำเค็ม บู๊ ตื่นเต้น ผจญภัย (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน พิมพ์ไทย 26 มีนาคม พ.ศ. 2494)

เลือดล้างแค้น (2494)
เลือดล้างเลือดแค้น (2494/1951) ... ภาพยนตร์ชีวิต ... สีธรรมชาติ ... ทั้งรัก ทั้งแค้น เสียสละ เสทือนใจยิ่ง เปนงานชิ้นใหม่ยอดเยี่ยมเหมือนกับรวม น้ำผึ้ง, เลือด, หัวเราะ, และน้ำตา, ไว้ในเรื่องเดียวกันอย่างสมบูรณ์!
อ้ายย่ามแดง (2493)

อ้ายย่ามแดง (2493/1950) ภาพยนตร์ไทยแนวแปลก จากชีวิตจริง ที่ลือกันทุกมุมเมือง รัก คติ ตื่นเต้น น่าดู หวาดเสียว

เพลิงอาฆาต (2493)
เพลิงอาฆาต (2493/1950) ชาญและสมัครเปนเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ตราบจนกระทั่งโต เขาทั้งสองก็ยังคบหากัน เปนที่สนิทสนม ศึกษาวิชามาในแขนงเดียวกันและในที่สุดก็มีความเห็นตรงกันในเรื่องของการปลุกเสกชีวิตมนุษย์ที่สิ้นแล้วดังกล่าวเบื้องต้น ซ้ำร้ายกว่านั้น ทั้งชาญและสมัครต่างรักในหญิงคนเดียวกัน เธอคือวัลลภา ธิดาสาวของพระสมบูรณ์ธนทรัพย์ คหบดีผู้มั่งคั่ง วันหนึ่ง สรศักดิ์ได้รับจดหมายประหลาดขอเชิญให้ไปพบที่ ก.ม. ที่ 1 ทางสายกรุงเทพนครปฐม เพื่อ จะคลี่คลายปัญหาที่น่าหนักใจให้แก่นายแพทย์สรศักดิ์ กำหนดเวลา 24 น. และขอร้องให้ไปแต่ผู้เดียว ในคืนนั้น นายแพทย์สรศักดิ์ไปตามนัด เมื่อถึงสถานที่นัดหมายก็รู้สึกว่าถูกบังคับให้ไป ณ สถานที่แห่งหนึ่งโดยไม่รู้สึกตัว พบตัวเองภายในห้องหนึ่งซึ่งไม่มีผู้คนเลย แต่ได้ยินเสียง พูดแต่ไม่เห็นตัวผู้พูด และในที่สุด นายแพทย์สรศักดิ์ก็ได้ ทราบว่าพระสมบูรณ์ที่ได้ฟื้นขึ้นมาใหม่นั้นมิใช่พระสมบูรณ์ที่แท้จริง เป็นอาชญากรตัวฉกาจที่สร้างความอลเวงให้เกิดด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ทันสมัย ต่อจากนั้น สงครามวิทยาศาสตร์ระหว่างสองพรรคก็ได้บังเกิดขึ้น (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน พิมพ์ไทย 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2493)
ทุ่งทมิฬ (2493)

ทุ่งทมิฬ (2493/1950) เป็นเรื่องชีวิตที่เปนไปได้ของลูกชาวทุ่ง เปนเรื่องของชายใจพระซึ่งถูกเหตุการณ์และเพื่อนฝูงบีบรัดข่มเหงให้เปนโจร แต่เมื่อกลายเปนโจรแล้วก็เปนโจรที่เต็มไปด้วยความเมตตาจิตต์และต้องเผชิญกับบรรดาศัตรูด้วยเล่ห์เหลี่ยมไหวพริบอย่างคมคายตลอดทั้งเรื่อง (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน พิมพ์ไทย 6 สิงหาคม พ.ศ. 2493)

เลือดแค้น 2471

เรื่องย่อ : เลือดแค้น (2471/1928) เป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรก ที่มีความลึกลับ เกี่ยวกับการผจญภัยและการต่อสู้ในเชิงหมัดมวยอย่างน่าตื่นเต้น ถ้าว่าถึงตลกคะนอง ก็เป็นตลกที่ไม่ได้แกล้งให้ตลก เป็นตลกที่อาศัยเกิดจากลักษณะเดิมของตัวผู้แสดงเอง มีตาเชยเตี้ยเป็นต้น ลักษณะของตาเชย ผู้ดูโดยมากที่ไปเที่ยวตำบลบางลำพู คงจะได้เคยเห็น แกเดินชมอากาศอยู่ตามแถวนั้นบ่อยๆ หรือมิฉะนั้นก็แถวหน้าโรงปีนัง ผู้ทำเรื่อง เลือดแค้น ได้ใช้ความระวังหลายประการที่จะไม่ให้เลือดแค้นกลายเป็นเลือดไม่แค้นหรือเลือดจืด มีเหตุผลกินกลืนกันสมเรื่อง ตลอดจนภูมิฐานฐานะของบุคคลและการแต่งตัว ที่จัดให้เหมาะแก่ลักษณะ เหมาะแก่เวลาที่ควรไม่ควร ถ้าจะกล่าวแล้วเรื่อง เลือดแค้น ถึงจะมีข้อที่น่าติอยู่บ้าง แต่ก็เชื่อว่าน้อยที่สุด ท้องเรื่อง เลือดแค้น แสดงถึงน้ำใจของน้องเมียนายทองใบ ที่พยายามแก้แค้นแทนพี่สาวอันเนื่องจากนายทองใบทิ้งพี่สาวและทำทารุณโหดร้ายเมื่อ 20 ปีก่อน จึงตามมาแก้แค้นโดยปลอมตัวเป็นคนลึกลับ ท่านจะได้เห็นการต่อสู้กันบนเรือใบกลางทะเล การต่อสู้ในบ้าน และการต่อสู้ชิงนางกลางทุ่ง การต่อสู้นี้ล้วนไปด้วยหมัดมวยและอาวุธปืน ทุกตอนจะทำให้ท่านรู้สึกพอใจ ในที่สุดท่านจะต้องออกปากว่า "หนังไทยเรื่องนี้ของเขาควรผูกโบว์แดงให้ได้" พูดถึงผู้แสดง มีโดยมากนับว่าใช้บทบาทได้สนิท ผู้ที่ควรได้รับความชมเชยชั้นเยี่ยมของการแสดงในเรื่องก็คือ จรวย วีละเวีย ลีละชาติ นางเอกผู้เป็นตัว "สุลักษณ์" บุตรี เลี้ยงของนายทองใบ จรวยได้วางบทบาทสมแก่เป็นตัวภาพยนตร์ได้ดีจริงๆ ดีจนควรนับได้ว่าอยู่เหนือนางเอกภาพยนตร์ไทยที่ท่านเคยเห็นมา เช่น ยามโกรธ ยามตกใจ ดีใจ ยามออเซาะ เหล่านี้ ชวนให้รู้สึกว่าจรวยไม่มีการเก้อเขินแต่อย่างใดเลย ถัดจากนี้ก็ตัวพระเอกพระรองและตัวประกอบอีก ซึ่งมีบทดีไม่แพ้แม่จรวย นอกจากนั้นยังแสดงการชกต่อยและการขี่ม้าขี่ฬาคล่องแคล่วอย่างน่าชม บางคนสังเกตว่าพยายามเลียนจากบท ฮูด กิ๊บสัน หรือ เคน เมย์นาดไม่ผิดเลย ยังมีผู้แสดงที่ควรได้รับความชมเชยเป็นพิเศษอีกคนหนึ่ง คือ นายไกวัลย์ ซึ่งแสดงเป็นตัวบ้าหรือใบ้ นายคนนี้ เมื่อแสดง "ไม่คิดเลย" ยังมีอาการขวางๆ รีๆ อยู่มาก ครั้น มาแสดงเรื่องนี้กลับมีสภาพเป็นคนละคน การแสดงของนาย ไกวัลย์ในเรื่อง "เลือดแค้น" สกปรกโสมมเหลือกำลัง เสื้อผ้า ขาดกะรุ่งกะริ่งผมเผ้ายาวเหมือนบ้าหอบฟาง เพราะถูกเกณฑ์ให้เป็นคนใบ้เนื่องจากในเรื่องถูกน้องชายโกงสมบัติ ตามสังเกตดูเหมือนนายไกวัลย์จะเลียนแบบ "ลอน ชานีย์" เอา เสียจริงๆ ถึงหากบทจะด้อยกว่าลอน ชานีย์ ก็ยังนับว่าเป็น ลอน ชานีย์ ไทยได้ ไม่อายคนดูทีเดียว ตัวนี้คู่หูกับตาเชยเตี้ย นับว่าเป็นผู้ทำให้เรื่องครึกครื้นมากอยู่ (ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวภาพยนตร์ กรกฎาคม พ.ศ. 2471)

เชื้อไม่ทิ้งแถว 2470
เรื่องย่อ : เชื้อไม่ทิ้งแถว (2470/1927) เป็นเรื่องสมเหตุสมผล พร้อมไปด้วยคติสอนใจ โลดโผน โศก รัก ตลก คะนอง กับยังมียวดยานเกือบทุกประเภทแสดงประกอบอยู่ในเรื่อง เช่น รถยนต์ รถไฟ เรือยนต์ เรือแข่ง เรือกระฐินหลวง เครื่องบิน ฉวี (พระเอก) ต้องผจญภัยไม่แต่เพียงในเรื่องเท่านั้น แม้แต่นอกเรื่องก็ถูกผจญภัยด้วย ดังข่าวตกเครื่องบินในขณะทำการแสดง ดังปรากฏในข่าวหนังสือพิมพ์ที่เคยลงซู่ซ่ากันมาแล้ว ผู้ที่ได้รับความชมเชยเป็นพิเศษยังมีอีก เช่น เล็ก ซึ่งแสดงเป็นตัวนางลม้าย ภรรยานายสมบุญ (เชงจู) ผู้นี้นับว่าทำหน้าที่แม่ได้สนิทมาก โรคปากมากก็เป็นที่ 1 บูชาพ่อหลานชาย (สนอง) เสียเป็นเทวดา เข้าใกล้ผัวทีใดเป็นมีเรื่องทะเลาะกับผัววันยังค่ำ ทุกสิ่งของแม่ลม้ายไม่มีสิ่งใดที่จะเหลือไว้ให้สงสัยเลยว่าพ่อหลานชายยอดยากของแก เป็นบรมจอมโจรที่จะคอยล้วงตับแกในวันแล้ววันอีก ถ้าผัวคัดค้านถึงเรื่องพ่อหลานชายคนนี้ แม่ลม้ายเป็นแหงคัดค้านเสียจนคอหอยแทบจะระเบิดทีเดียว ในที่สุดนายสมบุญก็ต้องยอมแพ้ตามเคย เพราะทนปากแม่ลม้ายไม่ไหว ยังอีกคนหนึ่งคือ ตุ๊ ซึ่งแสดงเป็นนางผ่อง คนใช้ผู้สัตย์ซื่อของนางเอก นางผ่องคนนี้ไม่แต่เป็นคนใช้ที่ซื่อสัตย์ ยังทำหน้าที่เป็นตัวโจ๊กของเรื่องได้อย่างขบขันมาก ความขบขันของนางผ่องผู้นี้จะเห็นได้คราวหนึ่ง เผอิญไปแอบเห็นนายสาวกำลังกอดกับพระเอก นางผ่องจะเกิดรู้สึกขันอย่างไรไม่ทราบ ถึงกับปล่อยถาดถ้วยกาแฟลงไปกับพื้นดังโครมใหญ่ ยังอีกตอนหนึ่ง อารามตกใจว่าคู่รัก ของนายสาวถูกเจ้าสนั่น ตัวโกงหลอกเอาไป วิ่งกระหืดกระหอบไปบอกนายเสียจน "หางหงษ์" หลุด ความจริง สังขารของนางผ่อง ประกอบกับท่าทางที่แสดง ก็ชวนให้ น่าขันอยู่แล้ว ยิ่งไปทำอาการจูบพระธรณีในขณะที่วิ่งจนนางหางหงษ์หลุด จึงดูอาการคล้ายๆ กับลูกฟักใบเขื่องๆ ตกตุบลงในกองดินอย่างหนักๆ ตอนนี้จะทำให้ท่านผู้ดูถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหวทีเดียว เพื่อเป็นหลักฐานแสดงให้ท่านเห็นว่าเรื่อง "เชื้อไม่ทิ้งแถว" เป็นเรื่องควรแก่การทัศนาของท่านเพียงใด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินี ภายหลังเมื่อได้ทอดพระเนตรแล้ว มีพระราชดำรัสชมเชยว่า "เรื่องนี้ของเขาพอดูได้" (ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวภาพยนตร์ พ.ศ. 2470)

หน้าที่