Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ (2555/2012) Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ ทุกความหมายที่ทำให้คุณอบอุ่นเหมือนได้กลับมาอยู่ที่ "บ้าน" "บ้าน" คือ สถานที่แห่งการเกิด เติบโต ตั้งต้น หรือ ลาจาก "บ้าน" คือ ที่ที่รวมเรื่องราวในความทรงจำ "บ้าน" คือ ที่ที่ต้องกลับมาทำตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับใครสักคน และสำหรับพวกเขาเหล่านี้ "เชียงใหม่" คือ "บ้าน" ในความหมายทั้งหมด ที่ที่ทำให้พวกเขารู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้อยู่ "บ้าน" คืนสุดท้ายก่อนจบจากโรงเรียน เน (จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล) เลือกใช้วันสุดท้ายของชีวิต นักเรียน ม.6 เก็บทุกเรื่องราวความทรงจำลงบนภาพถ่าย โดยไม่ได้คิดว่าจะมีใครยังอยู่ที่โรงเรียน จนกระทั่งเขาได้พบกับรุ่นน้อง ม.3 จอมกวน บีม (กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา) นักกีฬาบาสของโรงเรียน ที่ย่องมาขอภาพถ่ายสาวสวยในฝันที่ตัวเองแอบชอบจากช่างกล้องมือหนึ่งในโรงเรียนอย่างเขา มิตรภาพของรุ่นพี่-รุ่นน้องที่เกิดขึ้นในค่ำคืนสุดท้ายก่อนจบการศึกษาในสถานที่ที่เป็นเสมือนบ้านหลังที่ 2 ของเด็กทุกคน กับบทสนทนาเรื่องราวต่างๆของช่วงชีวิตที่ผ่านมาในอดีต ทำให้มีอะไรบางอย่างที่เชื่อมถึงกันเกิดขึ้น ในวันที่ บัวจัน (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) ต้องสูญเสียคนรักไปอย่างไม่มีวันกลับ ทุกสิ่งในบ้านเธอจึงต้องกลายเป็นผู้ดูแลทุกอย่าง ทั้งบ้าน คนงาน หนี้สิน รวมถึงความรักของหลาน 2 คน เหว่า (ณัฐพงษ์ อรุณเนตร์) กับ ชมภู่ (ทิพปภา แซ่โง้ว) และกระดาษแผ่นเล็กๆที่สามีเขียนไว้ดูต่างหน้า กับความทรงจำดีๆที่ยังอยู่ คำสัญญาที่ให้กันไว้ว่าเราจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ยิ่งเสมือนเป็นสิ่งตอกย้ำตลอดเวลา บัวจันจะผ่านพ้นและลืมรักครั้งนี้ได้อย่างไร ก่อนงานวิวาห์จะเริ่มต้นระหว่าง เสี่ยเล้ง (เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์) นักธุรกิจหนุ่มชาวใต้ และ ปรียา (ศิรพันธ์ วัฒนจินดา) ว่าที่เจ้าสาว ที่กลับมาจัดงานแต่งงานที่เชียงใหม่ เพื่อเติมเต็มความฝันให้สวยหรูสมใจ ณ บ้านเกิด โดยมีน้องชาย เลี่ยม (วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล) และ น้าอร (พุทธชาด พงศ์สุชาติ) อาสาเป็นผู้เนรมิตงานแต่งให้สมดังใจของเธอ แต่การกลับมาบ้านครั้งนี้ ทำให้ปรียาได้พบกับ พี่เป๊ก (สุพจน์ จันทร์เรือง) อดีตคนรักครั้งแรกของเธอ ที่เขามาพร้อมกับการทวงถามสัญญาและความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้กัน เมื่อความรัก ความทรงจำย้อนกลับมาอีกครั้ง ปรียาจะตัดสินใจเลือกรักและมีความสุขกับใครก่อนวันแต่งงานของเธอครั้งนี้
ห่วยขั้นเทพ Suck Seed!! ชีวิตมันต้องลองซักซี้ดนึง!! (2554/2011) เป็ด (จิรายุ ละอองมณี) เด็กประถมสุดเห่ย ที่ไม่เคยฟังเพลง นอกจากจะไม่ชอบฟังเพลงและยังเข้าใจเอาเองผิด ๆ ว่า เพลงเร็วเรียกเพลงร็อค เพลงช้าเรียกเพลงรัก ส่วนเพลงไทยนั้นก็มีแค่สองประเภทคือ เพลง แกรมมี่ และ อาร์เอส เป็ด หัดเล่นดนตรีเพียงเพราะแอบหลงรัก เอิญ (ณัฐชา นวลแจ่ม) เพื่อนร่วมห้องได้ทำให้เขารู้จักกับเพลง และความรัก เอิญ สอน เป็ด ว่าเวลาเราฟังเพลงก็จะเหมือนมีเพื่อนมาอยู่ข้าง ๆ เป็ด เลยอยากเป็นคนข้าง ๆ เอิญ บ้าง ยิ่งรู้ว่า เอิญ เป็นสาวหูเหล็ก เป็นสาวกเพลงร็อคที่คลั่งไคล้กีตาร์ฮีโร่เป็นชีวิตจิตใจ เป็ด จึงเกิดแรงฮึดที่จะผันตัวเองจากไอ้แหยขี้อายให้กลายเป็น ร็อคเกอร์ แต่รักครั้งแรกก็ต้องแตกสลาย เมื่อเธอต้องย้ายไปไกลแสนไกล เวลาผ่านไปไวถึง ม.6 เอิญ ก็กลับมาพร้อมกับความน่ารักและฝีมือกีตาร์ขั้นเทพ เป็ด ที่ยังเห่ยเหมือนเดิมจึงจับมือกับ คุ้ง (พชร จิราธิวัฒน์) มือกีตาร์ของวงนั้นมีบ้านเป็นโรงรับจำนำซึ่งเปรียบเสมือนดีสนีย์แลนด์ของเพื่อน ๆ ของเก่าของคนอื่นจะกลายมาเป็นของเล่นชิ้นใหม่ของ คุ้ง เสมอ ตั้งแต่ประถมยันมัธยมคุ้งคือผู้นำเทรนด์ ไม่ว่าจะเป็นเกมส์แฟมิคอม โรลเลอร์เบลด ตู้สติ๊กเกอร์ เกมเต้น โฟโต้ฮันท์ คุ้ง เป็นต้องได้ประเดิมเป็นคนแรก เป็นเพื่อนสนิทสุดเกรียนที่วัน ๆ คิดแต่จะหม้อหญิง พ่วงด้วย เอ็กซ์ (ธวัช พรรัตนประเสิรฐ) มือกลองบ้าพลังที่อยากสอยดาวโรงเรียนที่แอบชอบอยู่ รวมกันเป็นสามตัวห่วย ตั้งวงเพื่อจีบสาวสวย คุ้ง อาจจะมีชะตากรรมเป็นถึงไอดอลของโรงเรียน ถ้าจะไม่มีกรรมมาบังให้คุ้งดันมีฝาแฝดชื่อ เค น้องชายที่ทั้งเรียนเก่งกว่า ที่สำคัญเคยังเป็นมือกีตาร์ของวงโรงเรียนที่ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนเข้าประกวด Hot Wave Music Award ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความฮ็อตของ เค จะทำให้ คุ้ง กลายเป็นแค่ฝาแฝด เค ในสายตาของทุกคน ในปีสุดท้ายของชีวิตมัธยมปลาย เมื่อวงของ เค ลงสมัคร Hot Wave โดยมี เอิญ เข้าร่วมในฐานะนักร้องนำ เป็ด และ คุ้ง จึงจับมือกันปฏิวัติตัวเองฟอร์มวง SuckSeed ขึ้นมา หาญกล้าท้าแข่งเพื่อพิสูจน์ให้คนที่พวกเขาทั้งรักทั้งอยากเอาชนะได้เห็นว่า พวกเขาไม่ใช่แค่ "ตัวห่วย" อย่างที่ใคร ๆ คิด
บ้านฉัน.. ตลกไว้ก่อน (พ่อสอนไว้) (2553/2010) ต๊อก (ชวิน ลิขิตเจริญพงษ์) เกิดมาในครอบครัวที่สืบทอดเสียงหัวเราะกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ วันที่ต๊อกเกิด คุณพ่อ (จตุรงค์ พลบูรณ์) ถึงกับประกาศออกไมค์ว่า "เด็กคนนี้เกิดมาเพื่อที่จะปราบหม่ำ คว่ำโก๊ะตี๋ ขยี้ถั่วแระ แซะโหน่ง ชะชะช่า ตามล่าเท่ง แล้วมาเฉ่งจตุรงค์!" เพราะความหวังของคุณพ่อคือการปั้นต๊อกให้กลายเป็นหัวหน้าคณะตลกคาเฟ่ที่ฮาที่สุดในประเทศไทย โดยไม่ได้เฉลียวคิดเผื่อใจสักนิดเลยว่าทายาทของครอบครัวตลกจะเกิดมาเป็นเด็กฝืด! ตั้งแต่เล็กจนโต ทุกครั้งที่ขึ้นเวที ต๊อกสามารถสะกดคนดูให้เงียบกริบด้วยมุกสุดแป้ก แต่ต๊อกก็ยังมุมานะที่จะเป็นตลกแบบคุณพ่อ เพราะกลัวว่าคุณพ่อจะไม่รักถ้าเขาไม่ตลก ทำให้ต๊อกเพียรพยายามคิดมุกอยู่ตลอดเวลา แล้ววันหนึ่งเพื่อนผู้มีปัญหาสิววัยรุ่นก็นำพาให้ต๊อกได้มาเจอกับ หมอน้ำแข็ง (พอลล่า เทเลอร์) ที่คลินิกรักษาสิวชื่อดังของจังหวัด ผู้มีเสียงหัวเราะไพเราะที่สุดในโลก เมื่อคุณหมอแสนสวยชมว่าต๊อกตลกดี ต๊อกก็ตกหลุมรักผู้หญิงที่มีอายุมากกว่าเขาถึง 1 รอบในวินาทีนั้น นับแต่นั้นมา ต๊อกเพียรทำร้ายผิวหน้าตัวเองด้วยการกินช็อกโกแลตแทนข้าว เพื่อจะได้บากหน้าปุปะกลับไปให้คุณหมอลูบไล้ทุกสัปดาห์ รวมถึงหาหนทางที่จะได้ไปกินข้าวกันสองต่อสองอีกด้วย หลังจากที่แวะเวียนไปคลินิกอยู่บ่อยครั้ง ต๊อกก็สนิทสนมกับคุณหมอน้ำแข็งมากขึ้น จนได้มาล่วงรู้ภายหลังว่าคุณหมอน้ำแข็งเองก็มีปัญหาหัวใจที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ ถึงแม้ ตั๊กแตน ชลดา จะบอกว่าคนที่ไม่ใช่แฟน ทำแทนทุกเรื่องไม่ได้ แต่แฟนตัวปลอมอย่างต๊อกก็มุ่งมั่นจะปกป้องคุณหมอที่รักอย่างสุดความสามารถ เพียงแต่ปัญหาของผู้ใหญ่ บางครั้งก็ยากเกินกำลังสมองเด็ก 12 ขวบจะขบคิด งานนี้ต๊อกจึงต้องอาศัยคุณพ่ออีกแรง ในการช่วยเยียวยาหัวใจให้กับคุณหมอสิวคนสวยด้วยวิถีของตลกคาเฟ่
อาฟเตอร์สคูล วิ่งสู้ฝัน (2553/2010) ในโรงเรียนระดับมัธยมมีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง มีเด็กนักเรียนหลายคนที่อยากจะเดิน ตามฝันของตัวเอง พีท (คิริน - อติวิชญ์ เอี่ยมยอดสิน) มีความต้องการจะตั้งวงดนตรีเป็นของตัวเอง เมื่อบังเอิญไปเห็น เกรท (อีฟ - ภรณ์รวี อนันตกุล) เล่นเปียโนในห้องดนตรีของโรงเรียนได้อย่างไพเราะ พีทจึงไปชวน มะนาว (สายป่าน - อภิญญา สกุลเจริญสุข) เพื่อนนักเรียนที่ดูห้าว ๆ เพราะต้องช่วยเหลือตัวเองและทำงานช่วย แม่ (แพร - รัชนี ศิระเลิศ) เพราะ พ่อ (บี๋ - ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์) ได้ทิ้งเธอกับแม่ไปอยู่กับเมียน้อย มะนาวเห็นดีด้วยกับความคิด ของพีท จึงยอมไปบ้านเกรทกับพีทเพื่อขอร้องให้ คุณแม่สุดเผด็จการ (จิ๊ก - เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์) ยอมให้เกรท ร่วมก่อตั้งวงกับเพื่อน ๆ แต่คุณแม่ไม่เห็นด้วยเพราะ มองว่าเป็นอาชีพเต้นกินรำกินและฐานะระดับมหาเศรษฐี อย่างเธอไม่จำเป็นต้องให้ลูกสาวไปทำงานอาชีพนี้ ส่วน คุณพ่อ (เคน สทรุทเคอร์) ไม่ได้คัดค้านอะไรเพราะเข้าใจ ความ รู้สึกของลูกได้ดี ในขณะที่ พ่อของพีท (อี๊ด - สุเทพ ประยูรพิทักษ์) กับ แม่ของพีท (ใหม่ - นัฎฐา ลอยด์) กลับสนับสนุนความคิดของลูกเป็นอย่างดี นอกจากจะซื้อเครื่องดนตรีให้แล้ว ยังยกห้องใต้ดินให้เป็นห้องซ้อม ดนตรีด้วย แต่เพราะใจมันเรียกร้องเกรทจึงหาทางหนีแม่ไปซ้อมดนตรีกับเพื่อน ๆ หลังเลิกเรียนจนได้ ถึงแม้จะ เป็นเวลาอันน้อยนิดแต่ก็มีค่าสำหรับเธอ การตั้งวงดนตรีดูเหมือนจะราบรื่นแต่การหามือกลองเป็นเรื่องใหญ่ ในที่สุดพีทได้ไปเจอ จอห์น นี่ (หลุยส์ เฮสดาร์ซัน) เด็กหนุ่มลูกครึ่งกำพร้าทั้งพ่อและแม่ที่ห้องซ้อมแห่งหนึ่ง จึงชักชวนมาร่วมวงด้วย เพราะเห็นว่าจอห์นนี่ตีกลองได้เก่งและพีทยังได้ไปขอให้ ต้น (ฝุ่น - ตากเพชร เลขาวิจิตร) เพื่อนรุ่นพี่ในโรง เรียนมาช่วยเป็นหัวหน้าวง เพราะต้นเป็นนักดนตรีในผับมาก่อน แต่ต้องลาออกตามคำขอร้องของผู้จัดการ เพราะต้นอายุยังไม่ ถึงเกณฑ์ที่จะทำงานในผับได้ เมื่อทุกอย่างลงตัวทุกคนจึงร่วมกันสานฝันจนเป็นวงดนตรี ขึ้นมาได้และตั้งชื่อวงว่า “AFTER SCHOOL” และวงน้องใหม่วงนี้ก็มีโอกาส ได้โชว์ฝีมือและความสามารถ เป็นครั้งแรกในงาน “MUSIC DAY” ของโรงเรียนจนเป็นที่ถูกอกถูกใจของเพื่อนในโรงเรียน โดยเฉพาะ เชอร์์รี่ (ดิว - อริสรา ทองบริสุทธิ์) นักเรียนสาวสุดเปรี้ยวทายาทเจ้าของธุรกิจชื่อดัง เธอจึงว่าจ้างให้ วง AFTER SCHOOL ไปเล่นในงานวันเกิดของเธอที่บ้านพักตากอากาศที่หัวหิน เพราะเชอร์รี่แอบปลื้มในตัวของจอห์นนี่ จนออกนอกหน้าทำให้มะนาวรู้สึกเจ็บจี๊ดในใจ เพราะมะนาวเองก็แอบชอบจอห์นนี่มากกว่าคำว่าเพื่อนแต่ไม่ แสดงให้ใครเห็น ทีี่หัวหินวง AFTER SCHOOL ไม่ได้แสดงในงานวันเกิดเชอร์รี่เพราะจอห์นนี่เกิดมีเรื่องกับ แจ๊ส (ฟรอยด์ - ณัฎฐพงศ์ ชาติพงศ์) พี่ชายของเชอร์รี่ก่อนที่งานจะเริ่มขึ้น ทั้ง ๆ ที่วันนี้เกรทแอบหนีคุณแม ่ มากับเพื่อน ๆ ได้ เพราะคุณแม่กับคุณพ่อไปติดต่อธุรกิจที่ต่างประเทศพอดี และแจ๊สเองเกิดชอบเกรทขึ้นมาจึง พยายามตามจีบทุกวิถีทางแต่ไม่สำเร็จ พอมีคนนอกเข้ามามีความสัมพันธ์กับคนในวงมากขึ้น จึงส่งผลกระทบต่อการซ้อมของวงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากจอห์นนี่ขาดการซ้อมบ่อยขึ้นเพราะต้องแบ่งเวลาไปให้กับเชอร์รี่จนต้นต้องให้จอห์นนี่ ออกจากวง ส่วนเกรทก็ถูกคุณแม่จับได้ว่าไปซ้อมดนตรีกับเพื่อน ๆ จึงถูกกัก บริเวณทำให้วง AFTER SCHOOL ต้องสะดุดและหยุดวงอย่างน่าเสียดาย แต่พีทก็พยายามที่จะแก้้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้ดีที่สุด โดยมีพ่อเป็นคนให้ คำแนะนำและค่อย ๆ แก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ในขณะที่ทุกคนกำลังหาทางออกให้กับตนเองอยู่นั้น ได้เกิดข่าวร้ายขึ้น กับต้นเมื่อจูน ( มิว - ด.ญ. นันท์ภัส เลิศนามเชิดสกุล ) น้องสาววัย 6 ขวบที่ พ่อของต้น (ปั๋ง - ประกาศิต โบสุ- วรรณ) ได้ฝากให้ครอบครัวของมะนาวช่วยดูแล โดนลูกหลงจากการยิงของเด็กวัยรุ่นขณะที่กำลังเล่นตามลำ พังอยู่ที่สนามเด็กเล่น กระสุนฝังลึกเข้าไปในสมองและอยู่ในจุดอันตรายจนไม่สามารถผ่าตัดได้ ส่วนจอห์นนี่ ต้องสูญเสียยายซึ่งเป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ไป โดยที่ไม่มีโอกาสได้รู้ว่าพ่อกับแม่ของเขาอยู่ที่ไหนจอห์นนี่ จึงหันไปพึ่งพายาเสพติดเพื่อเป็นทางออกให้กับตัวเอง พอเชอร์รี่มาเห็นสภาพของจอห์นนี่ที่เปลี่ยนแปลงไปเป็น คนละคนเชอร์รี่จึงทิ้งจอห์นนี่ไปอีกคน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องจูนทำให้มะนาวต้องมาตามจอห์นนี่ เพื่อไปช่วยเป็นกำลังใจให้กับ ต้นแต่กลับมาเจอสภาพที่น่าสมเพชของจอห์นนี่ มะนาวจึงต้องใช้กำลังและคำพูดเข้าสั่งสอนจนจอห์นนี่สำนึก ได้ในขณะที่นั่งรถแท็กซี่ไปโรงพยาบาล จอห์นนี่เกิดคิดไอเดียขึ้นมาได้จึงเข้าไปที่สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งเพื่อ ขอร้องให้ผู้ดำเนินรายการช่วยประกาศข่าวร้ายของน้องจูนให้ผู้ชมทางบ้านรับรู้ พร้อมทั้งช่วยกันส่งแรงใจไป ให้น้องจูน ทำให้มะนาวมีความรู้สึกที่ดีกับจอห์นน่ีมากขึ้น จากข่าวที่ออกอากาศไปทำให้้ผู้ชมช่วยกันภาวนาให้ กับน้องจูน และเพื่อน ๆ ทุกคนก็ได้มาหาต้นที่โรงพยาบาลเพื่อเป็นกำลังใจ เหมือนปาฎิหาริย์มีจริงกระสุนได้ เคลื่อนตัวออกจากจุดอันตราย ทำให้หมอสามารถผ่าตัดช่วยชีวิตน้องจูนเอาไว้ได้ต้นพูดขอบใจมะนาวแต่มะนาว บอกว่าคนที่ทำให้เกิดปาฎิหาริย์กับน้องจูนคือจอห์นนี่ ทำให้ต้นมีความรู้สึกที่ดีกับจอห์นนี่เหมือนเดิม เชอร์รี่มา หาต้นที่โรงพยาบาลและทำตัวเหมือนเป็นแฟนของต้น แต่ถูกมะนาวกีดกันเพราะมะนาวรู้ดีว่าเชอร์รี่เป็นผู้หญิง แบบไหนและแกล้งบอกว่าเกรทเป็นแฟนของต้น ทำให้เชอรี่ถึงกับเสียหน้าเพราะต้นก็ไม่ได้สนใจในตัวเธอเช่น กันมีเพียงพีทเท่านั้นที่ยังมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับเชอร์รี่ เมื่อเพื่อน ๆ ทุกคนมีความเข้าใจกันเป็นอย่างดีวง AFTER SCHOOL จึงกลับมาอีกครั้งและได้รับ การติดต่อให้ไปเล่นโชว์ตามที่ต่าง ๆ รวมไปถึงลานกิจกรรมหน้าสยามดิสคัฟเวอรี่ ทุกคนได้นำเพลงที่ร่วมกันแต่ง และเป็นชื่อเดียวกับวงมาร้องโชว์ โดยมีเนื้อหาสำคัญที่พูดถึง “เวลาหลังเลิกเรียนซึ่งเป็นเวลาอันน้อยนิดแต่มีค่า มหาศาล” ในขณะที่วง AFTER SCHOOL กำลังเล่นอยู่บนเวทีด้วยความสุขสนุกสนานนั้น คุณแม่ของเกรท ได้มานั่งทานอาหารในร้านบริเวณนั้นพอดี จึงมองเห็นลูกสาวเล่นดนตรีอยู่บนเวทีได้อย่างชัดเจน เธอรีบเดินฝ่า ฝูงชนเพื่อไปห้ามลูกสาวทันที.......ำให้เพื่อนๆกลับมาเข้าใจกัน
ความสุขของกะทิ (2552/2009) จาก “วรรณกรรมซีไรต์” ที่กุมหัวใจผู้อ่านทั่วประเทศ ลัดฟ้าสู่ระดับโลกด้วยความประทับใจ พร้อมแล้วที่จะมาเติมเต็มและแบ่งปันความสุข ในรูปแบบภาพยนตร์ที่ใครๆ ต่างเฝ้ารอ จากปลายปากกาเขียนบทภาพยนตร์ครั้งแรกของ “งามพรรณ เวชชาชีวะ” เจ้าของบทประพันธ์รางวัลซีไรต์ ครั้งแรกที่คุณจะได้รู้จัก “หนูน้อยกะทิ” โดยกลุ่มผู้สร้างภาพยนตร์น้องใหม่ “ภาพยนตร์ชูใจ” พร้อมทีมนักแสดงและทีมงานเบื้องหลังระดับ “หัวกะทิ” ที่จะเนรมิตจินตนาการจากตัวหนังสือสู่แผ่นฟิล์มอย่างละเมียดอารมณ์ ในภาพยนตร์อิ่มอุ่นใจเรื่อง “ความสุขของกะทิ” เติมเต็มความสุขทุกหัวใจ 8 มกราคม 52 วันไหน ๆ หัวใจก็มีความสุข “ไม่เคยมีใครพูดถึงแม่” “กะทิ” (น้องพลอย-ภัสสร คงมีสุข) เด็กหญิงวัย 9 ขวบ ที่ต้องผ่านประสบการณ์การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด เมื่อ “แม่” (รัชนก แสง-ชูโต) ต้องจากไปก่อนวัยอันควรด้วยโรคร้ายที่มิอาจรักษา กะทิต้องผ่านขั้นตอนความสุขและทุกข์ ความผูกพันและการพลัดพราก ความสมหวังและความสูญเสียที่มากเกินกว่าที่เด็กวัยเดียวกันนี้จะรับไหว “น้ำตาไม่อาจแทนความโศกเศร้าได้” กะทิได้เรียนรู้และตัดสินใจด้วยตัวเองผ่านสิ่งละอันพันละน้อยใน “ลิ้นชักแห่งความทรงจำ” ที่แม่เตรียมไว้ให้ก่อนสิ้นลมหายใจว่าความทุกข์จากการสูญเสียนั้นมิอาจพรากความสุขจากความรักและความผูกพันของแม่ที่มีต่อเธอได้ “อดีตเหมือนเงา บางครั้งทอดนำทางอนาคต” เด็กน้อยเติบโตขึ้นจากประสบการณ์นี้ด้วยความเชื่อมั่นและกำลังใจในการดำรงชีวิตจากบุคคลใกล้ชิด…ผู้ที่เธอรักและรักเธอ ไม่ว่าจะเป็น “ตา” (สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์) และ “ยาย” (จารุวรรณ ปัญโญภาส) ผู้ที่รักหลานกะทิดุจชีวิต, “น้าฎา” (เข็มอัปสร สิริสุขะ), “น้ากันต์” (กฤษฎา สุโกศล แคลปป์), “ลุงตอง” (ไมเคิล เชาวนาศัย) และ “พี่ทอง” (นิธิศ โค้วสกุล) ที่ต่างเข้ามาสร้างสีสัน แบ่งปันความสุข และเติมเต็มชีวิตให้หนูน้อยกะทิรู้สึกว่า เธอไม่ได้ขาดอะไร และสามารถดำรงชีวิตต่อไปได้เฉกเช่นเด็กๆ ในวัยเดียวกัน ใครจะรู้ว่า แท้จริงแล้วในความโศกเศร้านี้ ก็มี… “ความสุขจริงแท้อันยิ่งใหญ่” ที่ได้เบ่งบานในหัวใจของ “เด็กหญิงกะทิ” อยู่เช่นกัน “ความสุขของคนรอบข้าง คือความสุขของเราด้วย…ความสุขแบ่งปันกันได้ วันไหนๆ ก็มีความสุข”
หม่ำเดียว หัวเหลี่ยม หัวแหลม (2551/2008) จะบ้าตาย เมื่อฟ้าบันดาลให้เด็กคนนึงมาเกิดยังโลกมนุษย์ จะเลือกคู่พ่อลูกชนิดที่ว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ก็ไม่ได้ ดันเลือกผลไม้หน้าตาจิ้มลิ้มมาขึ้นเป็นลูกต้นกระบองเพชรซะนี่ เมื่อ หม่ำ (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) หนุ่มไม่หล่อร่างไม่แมนชาวยโสธรหอบกระเป๋าเข้ากรุงฯ มาหางานทำเพื่อส่งเสียตัวเองเรียนภาษาจีน (อยากเป็นไกด์) โดยมาอาศัยอยู่บ้านสุดหรูของเจ้านายเก่าแม่ ที่ปล่อยรกร้างมานานแสนนาน แต่คืนแรกที่ย่างกรายเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ ก็เป็นเรื่องซะแล้ว เมื่อจู่ ๆ น้องเดียว (พัทธดนย์ เกลี้ยงจันทร์) เด็กหัวแหลม โผล่พรวดพราดแบบไม่มีร่องรอยเข้ามาในบ้าน เรียกหม่ำว่า พ่อ หน้าตาเฉย แถมบอกอีกว่าให้พ่อรีบแต่งงานกับแม่เร็ว ๆ จะได้มาเกิดเป็นลูกหม่ำซะที ไม่ทันการณ์ขึ้นมาตัวจะดวงคุดไปเกิดเป็น ลูกหมา หน้าบ้านแทน แม้หม่ำจะเชื่อได้ไม่เต็มร้อย แต่ก็เลือกที่จะไม่ลบลู่อันใดสบายใจกว่าเป็นกอง ก่อนที่แม่หมาจะท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทน น้องเดียวเลยต้องรีบพาหม่ำไปพบกับ ฟ้า (เบญจวรรณ อาร์ตเนอร์) สาวสวยสง่างามราวนางฟ้าไม่ปาน ว่าที่แม่ และ ว่าที่เมียของพ่อ ทันทีที่หม่ำได้เห็นฟ้า ก็ถึงกับคอตกเดินกลับบ้านอย่างสิ้นหวัง และบอกเดียวให้ทำใจไปเกิดเป็นลูกหมาซะเถอะ เพราะลำพังจะไปจีบก็คงจะไม่มีน้ำยาพอ ซ้ำร้ายฟ้ายังมีหนุ่มมาดหล่อประกบข้างกายอยู่ก่อนแล้ว ระหว่างเลือกเป็น ลูกหมา กับ ลูกหม่ำ เดียวขอเลือกเป็นลูกหม่ำดีกว่าจะมีพี่น้องมีหาง เดียวจึงอาสาวางแผนจีบสาวเพื่อให้หม่ำได้ใจแม่ มิตรภาพอันน่ารักเหลือล้นของพ่อลูกในอนาคตคู่นี้นับวันยิ่งมากขึ้นทุกที ๆ แผนจีบสาวของพ่อลูกคู่ไม่เหมือน จะทำสำเร็จก่อนหมาคลอดลูกได้หรือไม่
ข้าวเหนียวหมูปิ้ง (2549/2006) คู่นี้หนุงหนิงแนบแน่นไม่ใช่แฟนแต่มากกว่าเพื่อน เรื่องเล่ามิตรภาพของเด็กหญิงวัย 8 ขวบกับเจ้า Dog ตัวจิ๋ว หนีบลูกซึ้งส่งเสียงโฮ่งๆ เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคุณ กะเทาะสายใยแห่งมิตรภาพความรู้สึก ที่ครั้งหนึ่งเด็กๆ ทุกคนเคยมีให้กับเพื่อนแท้ 4 ขา สำหรับ “ข้าวเหนียว” (นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ) แล้ว การที่จู่ๆ “แม่บี” (สินิทธา บุณยศักดิ์) พาข้าวเหนียวมาฝากไว้ที่บ้านญาติๆ โดยไม่ทันตั้งตัว ข้าวเหนียวอดน้อยใจแม่บีไม่ได้จริงๆ นะ ถึงแม้ว่าในบ้านหลังใหม่จะมีญาติๆ ของแม่อยู่กันตั้งหลายคน ไม่ว่าจะเป็น “ยายอุ่น” (มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา), “ป้าเกด” (เนาวรัตน์ ซื่อสัตย์), “อาเปี๊ยก” (เปี๊ยก ดีเจสยาม) แต่ทำไมนะข้าวเหนียวยังรู้สึกเหงาอยู่เลย ก็คงมีแต่ “น้าเล็ก” (พัชรศรี เบญจมาศ) นี่แหละที่ข้าวเหนียวรู้สึกสนิทหน่อย อาจจะเป็นเพราะน้าเล็กแกคงรู้ว่าข้าวเหนียวเหงาและอดคิดถึงแม่ไม่ได้นั่นเอง เหมือนอย่างเคยวันนี้ข้าวเหนียวโดดเรียนอีกแล้ว ข้าวเหนียวเดินเรื่อยเปื่อยไปแถวสยามเห็นคนซื้อหมูปิ้ง แต่ที่น่าแปลกใจมีเจ้าหมาน้อยตัวสีน้ำตาลท่าทางมันดูน่าสงสารเหมือนข้าวเหนียวเลย มันคงหิวนะ เห็น ส่งเสียงร้องขอกินหมูปิ้งจากคนขายและคนซื้อที่ยืนอยู่ ดูๆ ไปข้าวเหนียวว่าหน้าตามันตลกดี ปากมอมๆ สีดำ ท่าทางน่ารักจัง คิดแล้วก็อยากเป็นเพื่อนกับมัน ข้าวเหนียวเลยตัดสินใจอุ้มมันใส่กระเป๋าเอากลับไปบ้านด้วยดีกว่า อย่างน้อยถึงมันไม่มีใครมันก็ยังมีข้าวเหนียว เอางี้นะ ข้าวเหนียวจะตั้งชื่อมันว่า “หมูปิ้ง” “ข้าวเหนียวกับหมูปิ้ง” ฟังดูน่ารักดี แต่ไม่ใช่ว่าข้าวเหนียวจะเลี้ยงหมูปิ้งได้ง่าย ๆ นะ เพราะน้าเล็ก เคยบอกว่า ที่บ้านคับแคบแล้วยายอุ่นเองก็แพ้ขนหมาด้วย คงเลี้ยงหมาไม่ได้ ยังไงก็ตามข้าวเหนียวจะไม่มีวันทิ้งหมูปิ้ง ข้าวเหนียวตัดสินใจเอามันขึ้นไปเลี้ยงบนดาดฟ้าดีกว่า เวลาหมูปิ้งส่งเสียงจะได้มีใครรู้ และทุกๆ วันข้าวเหนียวก็จะเอาหมูปิ้งใส่กระเป๋าไปโรงเรียนด้วยกัน อีกอย่างข้าวเหนียวไม่อยากให้หมูปิ้งอยู่คนเดียว เพราะแถวบ้านชอบมีพวกจับหมามาด้อมๆ มองๆ ด้วย แต่แล้ววันหนึ่งฝนตกหนักมาก หมูปิ้งที่อยู่บนดาดฟ้าเลยไม่สบาย ข้าวเหนียวตัดสินใจทุบกระปุกพี่หมูเอาเงินพาหมูปิ้งไปหาหมอ หลังจากนั้นที่บ้านก็รู้กันว่าข้าวเหนียวแอบเลี้ยงหมูปิ้ง น้าเล็กบอกว่ายายอุ่นแพ้ขนหมา จะเอาหมูปิ้งไปปล่อย แต่ข้าวเหนียวขอร้องไว้ว่ารอให้มันหายจากไข้ก่อนได้ไหมน้าเล็ก แม่บีจ๋า ข้าวเหนียวคิดถึงแม่บีจัง เมื่อไรแม่บีจะกลับมา น้าเล็กจะเอาหมูปิ้งไปปล่อยไหมเนี้ยะ
วัยอลวน 4 : ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น (2548/2005) รุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ รุ่นไหน ก็อลวน ปัจจุบัน ตั้ม (ไพโรจน์ สังวริบุตร) อดีตหนุ่มน้อยหน้าคม กับ โอ๋ (ลลนา สุลาวัลย์) สาวน้อยเจ้าแง่แสนงอน ยังรักกันแนบแน่นไม่เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือวัยและน้ำหนักตัว ตั้มในวัยเฉียด 50 เป็นทนายหนุ่มใหญ่ ที่ลักยิ้มและเขี้ยวเสน่ห์ยังเขย่าหัวใจสาวๆ ได้เสมอ ส่วน โอ๋ กับรอบเอวที่เพิ่มพูนขึ้นหนึ่งเท่าตัว เป็นแม่บ้านที่น่ารัก อบอุ่น ของ ใบตอง (คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์) ลูกสาวที่กำลังเรียนอยู่ชั้นปี 4 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ กับ หนามเตย (วศิษฏ์ ผ่องโสภา) ลูกชาย ม. 6 ที่รักสวยรักงามจนน่าหวาดเสียว วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ตั้มและสมาชิกในครอบครัว พ่วงด้วย ป้าอ้อ (จิระวดี อิศรางกูร ณ อยุธยา) พี่สาวของโอ๋ ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับตั้มมานานปี วางแผนขับรถขึ้นไปเซอร์ไพร์สวันเกิดให้ใบตอง โดยที่ไม่รู้เลยว่า แม่ลูกสาวตัวน้อยของพ่อ มีแฟนเป็นไอ้หนุ่มวิจิตรศิลป์ผมยาวนามว่า วิชาญ (รังสิต ศิรนานนท์) อยู่ที่นั่น ซ้ำร้ายเจ้าหนามเตยลูกแม่ ก็ดันหมายเอาวาระรวมญาตินี้ เป็นวันเปิดเผยตัวตนเสียด้วย ตั้มยังแอบไปหา คุณนิด (พจนีย์ อินทรมานนท์) กิ๊กเก่าที่ไปเปิดร้านอาหารที่เชียงใหม่ แต่บอกโอ๋ว่า แวะไปหาแอ๊ด (จีรศักดิ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา) เพื่อนเก่าที่สอนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อความแตก โอ๋ก็อาละวาดบ้านแตก เหมือนในหนังภาคก่อนๆ
นานาช่า (2548/2005) เด็กชายยอดหญ้า หรือ เชียงเป็นเด็กชาวเขากำพร้าที่ได้บาทหลวงโจเซฟดูแล แต่เขามักถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวน้ำความโชคร้ายมาสู่หมู่บ้าน เขาจึงต้องถูกขับออกจากหมู่บ้านไปอยู่โรงเรียนนานาชาติ เขาได้มีโอกาสพบกับเพื่อนคนอื่นมากมาย เมื่อเซียงเข้ามาเรียนวันแรก เพื่อนๆมักมองว่าเขาเป็นคนแปลก เขาอาศัยอยู่กับตาหยอง ภารโรงของโรงเรียนและบูด เด็กผู้ชายอายุคราวเดียวกันที่มักพูดภาษาอีสานทั้งเรื่อง ด้วยความไร้เดียงสาและความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้โรงเรียนเกิดความปั่นป่วนหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทำถ่อประปาแตกหรือชนต้นไม้ในสวนล้ม แต่นานเข้าเพื่อนๆก็ต่างเอ็นดูเซียงและคอยช่วยเหลือเสมอ เซียงได้มิตรภาพและความสนุกสนานจากโรงเรียนนานาชาติ แต่เขาก็ยังต้องประสบกับโชคร้าย นั่นคือ เขาได้เข้าไปพัวพันกับโจรเรียกค่าไถ่ที่แฝงตัวมาเป็นครูในโรงเรียน เขากับเพื่อนๆ จึงร่วมมือกันหาทางกำจัดโจรนั้น
Beautiful Wonderful Perfect เอ๋อเหรอ (2548/2005) หนูชื่อ “ลูกแก้ว” (เกรซ นวรัตน์) มีพ่อชื่อ “ปรีชา” (ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง) เป็นหัวหน้าพนักงานขับรถทัวร์ แม่ชื่อ “วรรณ” (ปุ๊กกี้ ปริศนา) เป็นแม่บ้าน บ้านของหนูเปิดเป็นร้านขายรองเท้า หนูจึงมีรองเท้าใหม่ใส่อยู่บ่อยๆ แม่วรรณของหนูเป็นแม่ที่ใจดีที่สุดในโลก ไม่เคยดุด่าหนูเลย แต่พ่อปรีชาของหนูจะเป็นคนดุ ดุจนหนูกลัว และบางครั้งแม่ก็จะทะเลาะกับพ่อ เพราะทนที่พ่อตีหนูไม่ไหว พ่อจะชอบสั่งให้ลูกแก้วทำนู่นทำนี่ตามที่พ่อต้องการ หนูไม่เข้าใจแต่หนูก็ไม่เคยขัดคำสั่งพ่อ เพราะแม่จะสอนหนูอยู่ตลอดให้รักและเชื่อฟังพ่อ และหนูก็คิดอยู่เสมอว่าพ่อปรีชาของหนูไม่ใช่พ่อที่ดุที่สุดในโลกหรอก หนูมีเพื่อนสนิทชื่อ “ต๋อง” (อาร์มี่ วีรภักดิ์) ต๋องมีพ่อชื่อ “สำรวย” (โหน่ง ชะชะช่า) ซึ่งใจดีมากๆ ไม่เคยดุด่าต๋องเลย “แม่แอ๋ว” (ยู่ยี่ อลิสา) ของต๋องก็สวยและใจดีพอๆ กับแม่วรรณของหนู บ้านของต๋องจะอยู่ใกล้กับบ้านของหนู และต๋องก็เรียนอยู่ห้องเดียวกับหนูด้วย ต๋องจะเป็นเด็กพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ต๋องจะไม่ค่อยพูดมาก แต่จะยิ้ม หัวเราะ และอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา แต่หนูก็ไม่เข้าใจว่าทำไมหลายคนชอบมองต๋องด้วยสายตาแปลกๆ และมักจะเรียกต๋องว่า “ไอ้เอ๋อ” ตลอดเวลา และพ่อปรีชาก็ไม่ชอบให้หนูไปยุ่งกับครอบครัวของต๋องซะเท่าไร พ่อมักจะดุหนูอยู่เสมอเวลาที่หนูแอบไปเล่นกับต๋องว่า “ไอ้แก้ว ป๊าบอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้ไปยุ่งกับไอ้ครอบครัวปัญญาอ่อนนี่” แต่ยังไงหนูก็ยังชอบเล่นกับต๋องอยู่ดีไม่ว่าใครจะว่ายังไงก็ตาม ที่โรงเรียน เพื่อนส่วนใหญ่ก็จะดีกับหนูและต๋อง ยกเว้นพวก “ไอ้เบิ้ม” ที่ชอบมารังแกต๋องอยู่เรื่อย แต่ไม่ต้องห่วงเพราะหนูจะช่วยเหลือต๋องทุกครั้งที่พวกไอ้เบิ้มมารังแก แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ ตอนที่หนูกับต๋องกำลังเล่นกันอยู่ที่สถานีขนส่ง ไอ้เบิ้มคนเดิมนี่แหละมันพาลูกสมุนของมันมาเพื่อแก้แค้นที่หนูไปต่อยมันตาปูด ทำให้หนูกับต๋องต้องหนีเอาตัวรอดก่อน เพราะพวกมันเยอะกว่า นั่น…ประตูช่องเก็บกระเป๋ารถทัวร์เปิดอยู่ สองขาของหนูเร็วเท่าความคิด หนูคว้าแขนต๋องหลบเข้าช่องเก็บกระเป๋านั้นทันที ไม่กี่นาทีถัดมา ช่องประตูนั้นก็ถูกปิดลง ความมืดเข้าครอบงำ และแล้วอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมา หนูกับต๋องก็ถูกพาหลงมาผจญภัยในกรุงเทพฯ กันแค่สองคน แรกๆ หนูก็เฉยๆ นะ ไม่รู้สึกกลัวอะไร จนกระทั่งหนูกับต๋องโดนพวกคนใจร้ายจับมาขังไว้ แถมยังใช้ให้เดินขายผลไม้แถวชายหาดพัทยาอีก แค่นั้นยังไม่พอ พวกมันยังบังคับให้หนูกับต๋องขึ้นโชว์ชกมวยให้พวกฝรั่งที่มาเที่ยวบาร์ดูอีก ถ้าไม่เชื่อฟัง พวกมันก็จะทำร้ายพวกหนู…โหดร้ายที่สุดในโลก หนูต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อช่วยต๋องและเพื่อนๆ ที่ถูกจับตัวมาซะแล้ว แต่ลำพังเด็กตัวเล็กๆ อย่างหนูจะไปสู้แรงพวกผู้ใหญ่หน้าซื่อใจร้ายพวกนี้ได้ยังไงกัน แต่เอ๊ะ…นั่นไม้ขีดไฟในมือของต๋องนี่นา ได้การล่ะ เผาบ้านมันซะเลย ใจร้ายกับพวกหนูดีนัก พวกเราหนีเร็ว…ววว แล้วมาดูกันว่าเหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อไป… หนูกับต๋องและพรรคพวกจะเอาตัวรอดกันได้มั้ย พวกผู้ใหญ่ใจร้ายจะโดนลงโทษยังไง และจะมีใครมาช่วยพวกหนูทันหรือเปล่า ยังไงลูกแก้วกับต๋องต้องขอกำลังใจจากพี่ๆ ด้วยนะคะ มนุษย์ทุกคนย่อมมีคุณค่าของความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน ไม่มีใครจะได้รับสิทธิพิเศษที่แสดงว่าตนเองนั้นมีคุณค่าความเป็นมนุษย์เหนือผู้อื่น และแน่นอนมนุษย์ทุกคนย่อมต้องการให้ผู้อื่นได้ประจักษ์ถึงคุณค่าและความมีอยู่ของตนเอง
แฟนฉัน (2546/2003) เรื่องราวในวัยเด็กของ "เจี๊ยบ" ที่มีเพื่อนสนิทคือ "น้อยหน่า" เด็กหญิงข้างบ้าน ที่เป็นเพื่อนเล่นมาด้วยกันตลอด แต่เด็กชายก็อยากมีเพื่อนๆ ผู้ชาย และเล่นตามประสาเด็กชายบ้าง ทำให้เขาหันไปเข้ากับกลุ่มเด็กชายจอมซ่า ที่มี "แจ๊ค" เป็นหัวโจก ทว่าการเข้ากับกลุ่มของแจ๊ค กลับทำให้น้อยหน่าเพื่อนรักต้องเสียใจ และยังทำให้เจี๊ยบพลั้งพลาดทำร้ายจิตใจของน้อยหน่าโดยไม่ตั้งใจ กว่าเจี๊ยบจะรู้ตัวว่าทำให้น้อยหน่าเสียใจ เธอก็ย้ายบ้านไปเสียก่อนที่เขาจะได้เอ่ยปากคำว่าขอโทษออกมา หลังจากย้ายบ้านไปเป็นเวลานาน เจี๊ยบได้กลับมาอีกครั้งเพื่อร่วมงานแต่งงาน ของ น้อยหน่า ความทรงจำในวัยเด็กที่เคยเลือนราง แต่เมื่อหลับตาลง ความทรงจำต่างๆ กลับค่อยๆ แจ่มชัดเหมือนเพิ่งผ่านไปเมื่อไม่กี่วันก่อน เจี๊ยบกับน้อยหน่า บ้านของทั้งสองอยู่ติดกันจึงเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เด็ก เหตุนี้ทำให้เจี๊ยบติดสอยห้อยตามน้อยหน่า และคลุกตัวอยู่กับเพื่อนผู้หญิง จนทำให้แก๊งเพื่อนผู้ชายยั่วเย้าให้หัวเสียอยู่บ่อยๆ แต่เมื่อเริ่มโต เจี๊ยบก็เริ่มอยากเที่ยวเล่นแบบเด็กผู้ชาย จึงพยายามพิสูจน์ตัวเองแม้จะทำให้น้อยหน่าเสียใจก็ยอม เจี๊ยบเพียรมาด้อมๆ มองๆ บ้าน น้อยหน่าเพื่อหาโอกาสกล่าวคำขอโทษ กระทั่งยอมมาตัดผมกับพ่อน้อยหน่าที่บ้านก็ยอม แต่จนแล้วจนรอด เจี๊ยบก็ยังไม่ได้ขอโทษสักที จนถึงวันที่น้อยหน่าต้องย้ายบ้านไปอยู่ที่จังหวัดอื่น
ช้างเพื่อนแก้ว (2546/2003) “ช้างเพื่อนแก้ว” สื่อถึงเรื่องราวแห่งความผูกพันระหว่างคนกับช้างโดยแสดงผ่านตัวละครอย่าง “เด็กชายแสง” และ “ช้าง” เพื่อนรักของเขา แสงและช้างเกิดและเติบโตมาพร้อมกัน โดยมี “หล้า” พ่อของแสงคอยเลี้ยงดู หล้าทำงานเป็นควาญช้างอยู่ทางภาคเหนือโดยรับจ้างชักลากไม้ให้กับพวกนายทุน เขาทำงานโดยที่ไม่รู้เลยว่าแถบที่ต้องพาช้างไปลากไม้นั้นได้รุกล้ำเข้าไปในเขตแดนของประเทศพม่าซึ่งเป็นสนามรบของพวกชนกลุ่มน้อย เมื่อเกิดเรื่องราวขึ้นพวกนายทุนได้สั่งคนให้ตามล่าควาญช้างทุกคน และเผาทำลายหมู่บ้านทิ้ง หล้าจึงสั่งให้แสงหนีไปอยู่กับน้าที่กรุงเทพฯ แสงพาช้างตามหาน้าจนหลงเข้าไปในตึกร้าง และเริ่มออกเร่ร่อนหาเงินจนต้องหลงเข้าไปอยู่ในเงื้อมมือของนายทุนค้ายาบ้า แสงและช้างจะหลุดรอดจากพวกเดนสังคมได้หรือไม่ มิตรภาพและศรัทธาของพวกเขาเท่านั้นที่จะเป็นสิ่งนำทางให้พวกเขาฝันฝ่าอุปสรรคนั้นได้
ชื่ออุ้มมีบุญนำหน้า (2539/1996) บุญอุ้มและปื้ดเป็นเพื่อนสนิทกัน บุญอุ้มมักมาหาปื้ดที่บ้านเช่าเสมอๆ โดยเพื่อนๆไม่รู้ว่าบุญอุ้มแอบมาชอบมิเชล สาวน้อยลูกครึ่งที่อยู่ซอยเดียวกัน บุญอุ้มแอบมาหลบอยู่บนหลังคารถร้างเพื่อดูมิเชลเข้าบ้าน เขารู้สึกผิดหวังที่มีหนุ่มๆ มาส่งมิเชลเสมอ ปื้ดและเพื่อนๆ รู้ว่าบุญอุ้มชอบมิเชลจึงเสนอแผนการให้ได้รู้จักกัน โดยให้เพื่อปลอมเป็นจิ๊กโก๋ไปลวนลามมิเชลที่กำลังจะเข้าบ้าน โดยให้บุญอุ้มไปช่วยไล่พวกจิ๊กโก๋หนี เหตุการณ์เป็นไปตามคาด ทั้งสองได้รู้จักสนิทสนมกัน ดิ๊บซึ่งเป็นเพื่อนคนหนึ่งเกิดหมั่นไส้บุญอุ้ม จึงบอกกับมิเชลทำให้มิเชลโกรธอุ้ม แต่ก็ยังฟังเหตุผลของบุญอุ้ม และทั้งคู่เข้าใจกัน มิเชลบอกกับบุญอุ้มว่าจะไปเรียนต่อเมืองนอกให้ไปส่งเธอด้วย ทุกคนมาส่งมิเชล แต่ไม่เห็นบุญอุ้ม จนสุดท๊ายมีรถโรลซรอยด์แล่นมาจอด บุญอุ้มมาพร้อมเจ้าคุณปู่ ทุกคนจึงรู้ว่าบุญอุ้มเคยเล่าว่าเขาเป็นหลานชายเจ้าคุณปู่คือเรื่องจริง
ม. 6/2 ห้องครูวารีเทอม 2 (2539/1996) วารียังเป็นครูฝึกสอนห้อง ม.6/2 นักเรียนทุกคนกำลังจะสอบเพื่อสำเร็จการศึกษา และมีความฝํนในอนาคต ชีวิน สันต์ เอก และเพื่อนๆ พาสาวๆไปเที่ยว ถูกอาร์มก่อกวน และมีนักเลงอยู่แถวนั้นเกิดเข้าใจผิดจึงตีกัน สันต์ถูกตีเขาที่ลูกตาจึงถูกส่งโรงบาล หมอต้องผ่าตัดแต่แม่ของสันต์ไม่มีเงิน หวาน แจน นุช จึงไปขอร้องให้อาจารย์ใหญ่ช่วย เพราะสันต์เป็นนักกีฬามวยประจำโรงเรียนที่สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนเสมอ ทุกคนจึงช่วยกันจัดงานเพื่อเอาเงินมาช่วยสันต์ อาร์มมาขอโทษและขอร่วมงานด้วย เอกไปเล่นละคอนแต่ไม่บอกทุกคนและไม่ได้ไปช่วยงาน ทำให้เพื่อนๆโกรธเอก งานสำเร็จไปด้วยดี เอกนำเงินจากการเล่นละคอนมาช่วยสันต์ ทุกคนจึงเข้าใจในตัวเอก สันตืขอบใจเพื่อนๆ ที่ช่วยเขาให้ได้เงินรักษาตา มิตรภาพ มิตรภาพระหว่างเพื่อนจึงเหมือนเดิม ทุกคนตั้งใจเรียน และสอบไล่เพื่อเตรียมตัวพบความสมหวังในชีวิตต่อไป ในห้องเรียน ม.6/2 ยังมีครูวารีเป็นครูประจำชั้นเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมิตรภาพของนักเรียนในห้องที่แน่นแฟ้นกันมาก ทั้งหมดเข้าใกล้ช่วงการสอบก่อนสำเร็จการศึกษาทว่าเกิดเรื่องร้ายขึ้นเมื่อ "สันต์" เพื่อนในกลุ่มเกิดเหตุทะเลาะวิวาทจนบาดเจ็บที่ดวงตาต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน ทว่าฐานะทางบ้านของสันต์นั้นยากจน เหล่าเพื่อนๆจึงพยายามหาเงินมาช่วยด้วยวิธีต่างๆ เพื่อให้เพื่อนได้หายจากการบาดเจ็บและจบการศึกษาไปพร้อมกัน
ตัวเก็งเต็งหนึ่ง (2538/1995) วิทยาลัย สหวิทยาลัย ตั้งกฎขึ้นมาว่า เมื่อมีการเรียนการสอนก็ต้อง มีการแข่งขันระหว่างห้องขึ้นด้วย เด็กๆทั้งสองห้องจึงต้องฝึกฝนในเชิงกีฬากันเป็นอย่างมากเพื่อเอาชนะซึ่งกันและกัน ด้วยความกลัวว่าเด็กนักเรียนของตนจะแพ้ อาจารย์เฉียงจึงแอบผลิตยาโด๊ปที่สกัดจากสารธรรมชาติขึ้นหวังให้นักเรียนกิน เพื่อต้องการให้ชัยชนะตกเป็นของนักเรียนห้อง 1 โดยใช้ชุ่ม ซึ่งเป็นนักการภารโรง มาเป็นหนูลองยา แต่.. เรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไร จะจบลงแบบไหน และถ้วยคะแนนรวมจะตกเป็นของใคร ติดตามได้ในภาพยนตร์เรื่องนี้
ประถม มัธยม เปรี้ยวอมหวาน (2538/1995) ชีวิตในโรงเรียนใครว่าน่าเบื่อ ชีวิตช่วงไหนล่ะจะประทับใจน่าจดจำเท่าชีวิตวัยเรียนไม่มีอีกแล้ว อย่าลืมบันทึกเก็บเรื่องราวเหล่านั้นไว้เล่าให้ใครต่อใครฟังเหมือนเรื่องราวที่เราจะเล่าให้พวกนายฟังอยู่นี้ไง ที่โรงเรียนประถมมัธยม แหล่งกำเนิดเรื่องราวหรรษา ใครๆ ในโรงเรียนน้อยรายที่ไม่รู้จักนายกลอนกับนายแลกเกอร์สองพี่น้องคู่ฃี้ ทั้งคู่รักเรียน รักที่จะร่วมกิจกรรมของโรงเรียน กลอนมีเพื่อนร่วมชั้นชื่อสลึง มีนิสัยออกจะต๊องๆ แต่จริงใจมีน้ำใจกับเพื่อน กลอนเป็นชายในดวงใจของลูกเกด สาวที่ครอบครัวร่ำรวยแต่ขาดความรักความเข้าใจ เคยคิดฆ่าตัวตาย แต่กลอนช่วยไว้ทัน กลอนมีสาวในดวงใจชื่อ ทราย ที่มีน้องสาวน่ารักชื่อ เพลง ทรายมีมดแดงมาแฝงช่อมะม่วง นำทีมโดย ปลั๊ก เปลียก แห้ง กล้วย ทั้งสี่มักมาหลีทราย จน เพลงต้องหาทางตอบโต้เพื่อป้องกันพี่สาว กลอนกับน้องแลกเกอร์ หางานทำเพื่อแบ่งเบาภาระของแม่โดยเปิดแผงขายเครื่องประดับ ขายดีจนเป็นที่หมั่นไส้ของรวย พี่ชายของปลั๊ก ที่เปิดร้านดอกไม้แถวนั้น ปลั๊กสั่งชายร่างยักษ์ไปเล่นงานกลอนจนข้าวของเสียหายแต่เขาไม่โชคร้ายเกินไปเพราะลีลาการขายเกิดไปสะดุดตา พี่ไหม ที่เปิดร้านขายดอกไม้และเป็นคู่แข่งของรวย โดยมีน้องชายชื่อเกลียวมาคอยช่วยเหลือ พี่ไหมให้กลอนมาช่วยส่งดอกไม้ที่ร้าน ลูกเกดยังหมั่นไปมาหาสู่กลอน โดยที่ไม่รู้ว่า สลึง แอบชอบอยู่ กลอน สลึง แลกเกอร์ เพลง เข้าไปช่วยที่ร้านดอกไม้ของพี่ไหม ลูกค้าแน่นจนส่งแทบ ไม่ทัน เดือดร้อนถึง รวย ทนไม่ได้ จึงส่งปลั๊กกับพวกให้หาทางทำลาย พร้อมกันนั้นเรื่องรักของกลอนก็ชักจะยุ่งๆ เมื่อทรายนั้นรู้ว่ากลอนคบหาลูกเกดมาก่อน เรื่องจึงชักยุ่ง ไหนจะผจญกับศึกรัก จึงเป็นปัญหาหนักอกที่ต้อง หาทางแก้ไขให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี