ผีไม้จิ้มฟัน (2550/2007) สัจจะต้องรักษา ความแค้นต้องชำระ คำสัญญาจึงต้องทวงถาม ต่อให้เหลือซากกะแค่ไม้จิ้มฟัน… เจ้าพ่อต้นไทร สิ่งศักดิ์สิทธิ์สุดเฮี้ยนประจำซอยชื่อดี ฟังมงคล.. ซอยสุขคติ ลือกันนมนานว่า เจ้าพ่อเป็นนายทหารเก่าที่มีเกียรติยศ เป็นคนเฉียบขาด ยึดมั่นสัจจะแบบนายทหาร แต่ตายอย่างผิดธรรมชาติก่อนเวลาอันควร จึงเป็นผีเจ้าพ่อสิงสถิตย์ที่ต้นไทร ไม่ไปไหน ทั้งเฮี้ยน ทั้งศักดิ์สิทธ์ ผู้คนมากราบไหว้บนบาน เอก (บริวัตร อยู่โต), แว่น (ธีพร วีระจิตเอกวิชัย), ดอน (เฮนรี่ เดอ มาร์เซียค์) และ โม้ (นพดล ซอยสกุล) กลุ่มนักเรียนมัธยมที่ทำตัวเหลวไหล วันๆ ไม่เคยท่องหนังสือเรียน สมคบกับ พี่ควายน้อย (อี๊ด โปงลางสะออน) มอ’ไซค์วินเจ้าประจำ คอยมาร่วมก๊วนเหลวไหลด้วยประจำ วันสอบเอนทรานซ์ใกล้เข้ามา ความที่ไม่เคยท่องหนังสือเรียน เอาแต่เที่ยวเล่น ดริงค์ดื่ม เหล่หญิง เอกและเพื่อนๆ อยากเอนทรานซ์ติด จึงหันมาพึ่งเจ้าพ่อต้นไทร แค่จุดธูปบนบานเจ้าพ่อต้นไทรไม่นาน ทุกคนก็สมหวัง ไม่ว่าจะเรื่องเรียน เรื่องหญิง น้องเบลล์ (แอนนา - ปรางค์ทิพย์ เศวตประสาธน์) ที่ดอนเหล่มานาน ก็สอยมาอยู่ข้างกาย พี่ควายน้อยเองก็พลอยได้มอเตอร์ไซค์คันใหม่ ถึงเวลาต้องแก้บน เกิดเหตุไม่คาดฝัน... ต้นไทรถูกตัดหายไปแล้ว !!! ต้นไทรหายไป เอกและเพื่อนๆ ยังไม่ได้แก้บนเจ้าพ่อต้นไทร ชีวิตทุกคนที่บนบานไว้ ถูกคุมคามด้วยเหตุร้ายต่างๆ ราวกับมีสายตาน่ากลัวคู่หนึ่ง คอยจ้องมองอยู่ตลอดเวลา แต่ละคนเจอเหตุร้าย ชวนให้ขนลุกตามๆ กัน เอกและเพื่อนๆ เริ่มปฏิบัติการตามล่าหาต้นไทร ไม่ว่าเศษเสี้ยวชิ้นส่วนของต้นไทรจะยังอยู่ที่ไหน ต้องหาให้เจอ เพราะนี่คือหนทางเดียว ที่จะช่วยให้พ้นจากการถูกผีหลอกไปตลอดชีวิต ว่าแต่.. จะให้แก้บนกับอะไรล่ะ โต๊ะ เก้าอี้ เขียงสับหมู ไม้เกาหลัง ไม้กวาด ไม้แขวนเสื้อ ไม้ตะเกียบ ไม้เสียบลูกชิ้น หรือจะต้องแก้บนกับเจ้าไม้เล็กๆ กระจอกๆ กระจิ๋วหลิวอย่าง เจ้า “ไม้จิ้มฟัน” เนี้ยนะ ?!??
หอแต๋วแตก (2550/2007) ความสนุกกำลังจะเกิดขึ้นเมื่อ หมอผีอินเตอร์ถูกอิมพอร์ตมาปราบผีสาวคลิปวีดีโอฉาว และผีกระเทยไฮโซที่หอพักชายของสามสาวกระเทยรุ่นใหญ่ อุ๊ย! … ว้าย!…ต๊าย!…แต๋วกลัวฮ่าา !!!!!! สามกระเทยรุ่นใหญ่ อดีตเจ้าของค่ายมวยแต่โดนโกง เลยมาร่วมลงทุนสร้างหอพักชายแต่แล้ว เกิดมีคนมาตายในหอกลายเป็นผีออกอาละวาด เขาทั้งสามจะจัดการอย่างไร ก่อนที่ผู้เช่าจะย้ายออกไปหมด
เปนชู้กับผี (2549/2006) เรื่องราวรักชวนสยองที่เกี่ยวพันกับหญิงสาวสองคน… คนหนึ่งนวลจันสาวน้อยจากต่างจังหวัด ผู้เข้ามาตามหาคนรักที่หายสาบสูญไป… อีกคนคือรัญจวนเศรษฐีนีม่าย ผู้ลึกลับซึ่งมีเสียงล่ำลือกันว่าเธอซ่อนชายชู้ไว้คนหนึ่ง ซึ่ง ชายคนนั้นไม่ใช่คน
ผีคนเป็น (2549/2006) เมย์ หญิงสาวที่มีอาชีพนักแสดงตัวประกอบ เธอมีความฝันว่าสักวันจะต้องเป็นนักแสดงเด่นดังมีชื่อเสียง วันหนึ่ง เมย์รับงานเป็นนักแสดงที่ได้รับบทเป็นติ่งให้กับการทำแผนประกอบคำรับสารภาพให้ตำรวจ ด้วยการแสดงที่สมจริง มีอารมณ์ร่วม และดูไม่น่าเบื่อ ทำให้เมย์เป็นที่สนใจ ชื่นชอบ ของนักข่าว และบางสิ่งที่ไม่อาจรู้ได้ว่ามันคืออะไร จนในที่สุด เมย์ได้กลายมาเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงจริง ๆ และได้รับทาบทามให้แสดงนำในเรื่อง "ผีคนเป็น" ซึ่งสร้างมาจากเรื่องจริง โดย เมย์ ต้องแสดงเป็น ติ่ง หญิงสาวที่มีอาชีพนักแสดงการทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่าง ๆ ในคดีฆาตกรรม "มีน" อดีตนางสาวไทยที่ถูกฆ่าอย่างอำมหิต จนเป็นคดีสะเทือนขวัญ โดยมี หมอจรัล ผู้เป็นสามีและ คุณไฝ ตกเป็นผู้ต้องสงสัย และเธอจะต้องถูกผีของคุณมีนเข้าสิงด้วย ซึ่งระหว่างการถ่ายทำอยู่นั้น เธอได้ประสบกับเรื่องแปลก ๆ ทั้งที่เกิดขึ้นกับตัวเมย์เองจนควบคุมตัวไม่ได้ เรื่องมีอยู่ว่าคุณมีนที่อุ๋มแสดงนั้นซึ่งมีตัวตนจริงๆ เธอเป็นสาวประเภทสองและเธอเป็นนางรำ นอกจากนี้เธอยังเป็นแฟนคลับของเมย์อีกด้วยจนเธออยากทำศัลยกรรมบนใบหน้าเพื่อให้สวยเหมือนเมย์แต่เธอเสียชีวิตไปแล้วจากการทำศัลยกรรมบนใบหน้า หลังจากนั้นวิญญาณของเธอพยายามสิงร่างของเมย์หลายครั้ง ตลอดจนคนในกองถ่ายทั้งหมดก็ค่อย ๆ ตายไปทีละคน ๆ เพราะเป็นฝีมือของวิญญาณสาวประเภทสอง จนในที่สุดวิญญาณสาวประเภทสองสิ่งร่างของเมย์โดยสมบูรณ์แบบ
ผีอยากกลับมาเกิด re-cycle (2549/2006) ถึงแม้ว่าเส้นทางการเป็นนักเขียนนิยายรักโรแมนติกของ “ฉีสิน” (ลีซินเจี๋ย-The Eye) จะประสบความสำเร็จอยู่ในระดับเบสต์เซลเลอร์ ถึงขนาดที่ว่านิยายหลายต่อหลายเรื่องของเธอถูกผู้สร้างภาพยนตร์นำมาดัดแปลงสร้างเป็นภาพยนตร์ก็ตาม แต่การที่จู่ๆ ผู้จัดการของเธอลุกขึ้นมาประกาศว่าฉีสินจะพลิกรูปแบบงานเขียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งให้จับตาดู “Re-Cycle” งานเขียนชิ้นใหม่ที่แตกต่างจากงานเขียนทุกชิ้นที่ผ่านมาของเธอ เพราะเป็นการพลิกรูปแบบงานเขียนจากนวนิยายโรแมนติกมาเป็นนวนิยายตื่นเต้นระทึกขวัญให้สื่อมวลชนได้รับรู้ ทั้งๆ ที่ตัวฉีสินเองยังตัดสินใจไม่ได้เลยว่าเนื้อหาหรือเรื่องราวในนิยายเรื่องใหม่ของตนจะออกมาเป็นอย่างไร กลายเป็นแรงกดดันซ้อนที่ส่งผลให้ฉีสินเองตั้งตัวแทบไม่ทัน ในขณะเดียวกันกับที่ “ห้าวหลัน” (เจตริน วรรธนะสิน) ชายหนุ่มที่เป็นคนรักเก่าซึ่งเลิกรากันไปเมื่อ 8 ปีที่แล้วจู่ๆ ก็กลับมาหาเธอเพื่อขอสานต่อความรักครั้งเก่า หลังจากที่เขาเคยบอกเลิกเธอเพื่อไปแต่งงานกับผู้หญิงอื่น ทันทีที่ฉีสินเริ่มต้นจรดตัวอักษรกับงานเขียนชิ้นใหม่ที่มีชื่อว่า “Re-Cycle” ดูเหมือนว่ามีพลังอำนาจและสภาพบรรยากาศบางอย่างที่ชวนขนลุกเกิดขึ้นกับชีวิตของเธอ เมื่อมีเหตุการณ์เหนือคำอธิบายหลายอย่างเกิดขึ้น จนราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังครอบงำความคิดและนำชีวิตของเธอไปสู่เหตุการณ์ประหลาดที่เต็มไปด้วยความลึกลับ และแน่นอนว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่ชวนตื่นตระหนกและเต็มไปด้วยความหวาดสะพรึงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิตของเธอ ไม่ว่าจะเป็นเสียงหอบลมหายใจประหลาดจากโทรศัพท์ลึกลับกลางดึก เงามืดของผู้หญิงผมยาวที่แว่บเข้ามาในทุกจังหวะการเคลื่อนสายตาของเธอ รวมไปถึงกระจุกเส้นผมขนาดยาวบนพื้นในห้องน้ำ ฯลฯ สำหรับจิตวิญญาณของนักเขียนอย่างฉีสินแล้วนี่คือการต่อยอดและขยายขอบเขตแห่งจินตนาการที่ดิบ สด เต็มไปด้วยพลังที่ชวนค้นหาและน่าติดตามอย่างแท้จริง ทำให้เธอตัดสินใจนำรายละเอียดและเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาถ่ายทอดลงในนวนิยายเรื่องใหม่ทันที โดยที่แม้แต่เธอเองก็คงไม่คิดว่า 2 สิ่งที่กำลังก้าวเข้ามาสู่ชีวิตของเธอ ไม่ว่าจะเป็นการกลับมาของอดีตคนรักและการเริ่มต้นเขียนนวนิยายสยองขวัญ คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางสู่ห้วงแห่งความหวาดสะพรึงอย่างที่ไม่เคยมีขอบเขตแห่งจินตนาการใดที่มนุษย์เคยคาดคิดและล่วงรู้มาก่อน เมื่อโลกแห่ง “Re-Cycle” กลับมีตัวตนขึ้นมาจริงและนำตัวเธอเข้าไปยังในที่ที่ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะย่างกราย แต่ละเหตุการณ์ต่างผุดขึ้นตรงหน้าราวดอกเห็ดที่เธอต้องพานพบ ตั้งแต่การเผชิญหน้ากับเหล่าวิญญาณนับพันนับหมื่นที่รายล้อมอยู่รอบตัว อุโมงค์มดลูกสยองสีแดงก่ำ ซากศพที่ตกลงจากฟากฟ้าราวกับห่าฝน สวนสนุกผี ซากสรรพสิ่งที่ถูกละทิ้งในโลกแห่งรีไซเคิล ฯลฯ ว่ากันว่านี่คือสิ่งที่แม้แต่นักเขียนอย่างเธอก็ยากที่จะจินตนาการถึง เมื่อทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนชวนให้เกิดควมรู้สึกที่ชวนขนลุกแทบทั้งสิ้น

เรื่องย่อ : ศพ (2549/2006) บางคนอาจเคยตั้งคำถาม ในขณะที่หลายคนเพียงแค่สงสัย แล้วถ้าเป็นคุณล่ะจะทำอย่างไร เมื่อมองยังร่างที่ปราศจากลมหายใจตรงหน้า ไม่รู้ประวัติ ไม่รู้ที่มา รู้แต่เพียงว่านี่คือร่างกายที่ไร้ชีวิตที่นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 2 ทุกคนต่างให้ความเคารพในฐานะ “อาจารย์ใหญ่” ครูผู้บริจาคร่างกายเป็นวิทยาทานเพื่อให้กับนักศึกษาแพทย์ทุกคนได้เรียนรู้ถึงความซับซ้อนภายในร่างกายมนุษย์ และนำความรู้ที่ได้จากร่างอาจารย์ไปเป็นประโยชน์ในการรักษาผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อไป มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับอาจารย์ใหญ่ แต่สำหรับ “ไหม” (ณัทธมนกาญจน์ ศรีนิกรโชติ) แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นประสบการณ์จริงที่ชวนขนลุก ซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างที่เธอเข้าเรียนชั่วโมงแรกของวิชากายวิภาคศาสตร์ เมื่อจู่ๆ ร่างของอาจารย์ใหญ่ที่นอนสงบนิ่งก็เงื้อมมือขึ้นมาบีบคอเธอ เหตุการณ์ต่อจากนั้นได้สร้างความหวาดผวามากยิ่งขึ้น เมื่อเธอรู้สึกว่ามีวิญญาณของผู้หญิงที่ไม่รู้จักคอยติดตามเธอไปในทุกที่ ตั้งแต่ชั้นเรียน ห้องน้ำ มุมมืดในห้องพัก รวมทั้งข้างตัวเธอบนเตียงนอนที่บ้าน ในท่ามกลางความสับสน และสถานการณ์ที่กำลังเลวร้ายลง “อาจารย์นายแพทย์ประกิต” (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) ดูเหมือนจะเป็นคนเดียวที่แสดงความห่วงใยไหม และตัดสินใจยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือลูกศิษย์คนนี้ในทุกวิถีทาง ไหมเริ่มตั้งคำถามและค้นหาคำตอบอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน นั่นคือการค้นหาที่มาของอาจารย์ใหญ่ แต่ดูเหมือนยิ่งสาวยิ่งลึก และมีบางสิ่งที่ซับซ้อนเกินกว่าที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอจะต้านทานไหว บางอย่างที่เกี่ยวพันและเชื่อมโยงถึงผู้หญิงที่ชื่อ “ดาหวัน” กับร่างของอาจารย์ใหญ่ตรงหน้าเธอ ความจริงในด้านมืดที่ชวนขนลุก และเหตุการณ์ที่เลวร้ายในอดีตได้กลับมาหลอกหลอนเธอขึ้นอีกครั้ง…

โกยเถอะโยม (2549/2006) นิ่งสงบ สยบ ความผวา แต่ถ้าผีมา...ก็ตัวใครตัวมัน เรื่องราวเกี่ยวกับผีเด็กเร่ร่อน (น้องพี มกจ๊ก) ที่ต้องการตามหาพ่อ ซึ่งไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน แต่ด้วยความเหงาและอยากมีเพื่อน ผีเด็กจึงชอบปรากฏตัวให้ผู้คนได้เห็นอย่างซุกซน ซึ่งในการปรากฏตัวทุกครั้งได้สร้างความอลหม่านวุ่นวายและความหวาดกลัวให้กับชาวบ้าน จนชาวบ้านทุกคนต้องรวมพลคนกลัวผีขึ้นมาและแห่กันไปพึ่งหลวงพ่อ (จตุรงค์ พลบูรณ์) เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน เรื่องราวความน่ากลัวต่างๆ ถูกเล่าผ่านบรรดาชาวบ้านที่นำทีมโดย เจ๊หลี (วนิดา แสงสุข) เจ้าของร้านขายของชำที่มีลูกสาวชื่อ กิ๊ก (พิมพ์ชนก พลบูรณ์) ที่ไปแอบชอบกับเด็กวัดก้นกุฏิที่ชื่อ หรั่ง (จามร ตันธนะศิริวงษ์) โดยมี กบ (โก๊ะตี๋ อารามบอย) เด็กวัดคู่หูที่คอยช่วยเหลือทั้งสองจากการขัดขวางความรักของ เจ๊หลี ตามขบวนมาด้วย ลุงชู (จิ้ม ชวนชื่น) ภารโรงมาดเนี้ยบที่แอบชอบ เจ๊หลี จนออกนอกหน้า มาพร้อมกับเฮียเท๊งขายหมู (แอนนา ชวนชื่น) และชาวบ้านอีกมากมายที่ต่างเจอเรื่องวุ่นๆ และความน่ากลัวของผีเด็ก จึงมารวมตัวกันที่ศาลาวัดและเล่าเรื่องราวความหวาดกลัวเหล่านั้นด้วยมุขตลกต่างๆ และร่วมกันคิดหาวิธีกำจัดผีเด็กให้พ้นไป
กระสือ (2549/2006) คืนวันเพ็ญ....คืนแห่งการสืบทอด เมื่อเธอคือทายาทคนต่อไป !!! พลอย นักศึกษาสาวสวยฐานะยากจน จึงหาเงินเรียนด้วยการไปทำงานเป็นสาวโคโยตี้ แต่เธอมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลบ่อย ๆ จึงทำให้เธอได้พบรักกับหมอโอ๊ต ชายหนุ่มอนาคตไกล และเมื่อถึงวันที่พลอยอายุครบ 20 ปี ซึ่งตรงกับวันลอยกระทงพอดี ทำให้เธอได้รู้ความจริงบางอย่างเกี่ยวกับตัวเธอ เมื่อเธอพบว่าเธอเป็นกระสือ ซึ่งสืบทอดสายเลือดมาจากยายของเธอ มันเป็นเรื่องเลวร้ายที่ยากเกินจะยอมรับได้ และเธอจะทำอย่างไรต่อไป

เรื่องย่อ : โคลิค เด็กเห็นผี (Colic) (2549/2006) คุณเคยรู้จักเด็กหรือมีลูกที่มีอาการอย่างนี้บ้างไหม ร้องไห้เป็นประจำทุกวันและเวลาเดียวกัน ไม่หยุดและรุนแรง ติดต่อกันเป็นเวลานาน ระวัง!!! นั่นคือสัญญาณของความน่ากลัว เตรียมผวากับสิ่งที่จะตามมาหลอกหลอน เมื่อ “แพรพลอย” (พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) AE สาวกับ “ป้องภพ” (วิทยา วสุไกรไพศาล) ผู้กำกับหนังโฆษณาหนุ่มไฟแรง ได้ตัดสินใจแต่งงานกันหลังจากที่แพรตั้งท้องโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ทั้งคู่จึงตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตและขยับขยายครอบครัวใหม่ด้วยการย้ายบ้านไปอาศัยอยู่กับแม่และน้าสาวของป้องภพแถบชานเมือง แต่การเริ่มต้นไม่ดีเท่าที่ควรเพราะป้องภพทำแต่งานไม่มีเวลามาสนใจแพรซึ่งกำลังตั้งท้องแก่ขึ้นทุกที ความกดดันต่างๆ จากฝ่ายชายทำให้แพรต้องหันหน้าไปปรึกษาและหาอะไรทำเพื่อลดความเครียดด้วยการวาดภาพประกอบให้กับหนังสือที่ “จีน” (กุณฑีรา สัตตบงกช) เพื่อนสนิทดูแลอยู่ คืนหนึ่งแพรเห็นบ้านน้าเบญซึ่งปลูกอยู่ใกล้ๆ กับบ้านหลังใหญ่ของแม่ป้องภพมีไฟลุกไหม้ จึงเข้าไปดูและพยายามหาทางช่วยน้าเบญออกมา ในขณะที่แพรเองก็เจ็บท้องและกำลังจะคลอดลูกพอดี หลังจากการคลอดลูกกลับมาไม่นาน “น้องปั้น” (ลูก) ก็กลับส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างรุนแรงและน่ากลัว หมอตั้งข้อสงสัยว่าน้องปั้นน่าจะเป็น “โรคโคลิค” ซึ่งเด็กที่เป็นโรคนี้จะร้องไห้อย่างรุนแรงและตรงเวลาเป็นประจำทุกวันโดยไม่สามารถหาสาเหตุและวิธีรักษาได้ แต่โดยปกติโรคนี้จะหายไปเองเมื่อเด็กอายุ 3 ถึง 6 เดือน แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปน้องปั้นก็ยังไม่หายจากโรคโคลิค ปั้นยังคงร้องไห้อย่างรุนแรงทุกวัน และดูเหมือนจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ทุกคนในครอบครัวและจีนซึ่งเข้ามาช่วยดูแลน้องปั้นต่างก็พบกับเรื่องราวประหลาดๆ มากมาย ทำไมโรคนี้จึงไม่หายไปจากเด็กคนนี้ ทำไมเรื่องต่างๆ จึงเกิดขึ้นทุกครั้งที่เขาเริ่มร้องไห้ อะไรคือสาเหตุที่แท้จริง ร่วมพิสูจน์ความจริงที่มาพร้อมความหลอนนี้ได้ใน “โคลิค เด็กเห็นผี”

Ghost Game ล่า-ท้า-ผี (2549/2006) เรื่องราวเกิดขึ้นในซีซั่นที่ 2 ของเรียลลิตี้ โชว์ โดยทีมงานได้รวบรวมคน 11 คน ที่พร้อมจะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งลี้ลับ โดยพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตร่วมกันในพิพิธภัณท์สงครามแห่งหนึ่งในประเทศกัมพูชา ซึ่งคนชุดสุดท้ายที่เคยเข้ามาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ต่างต้องตายอย่างน่าสยดสยองโดยไม่มีใครทราบสาเหตุ หลังจากนั้น...ไม่มีใครกล้าเข้าไปที่นั่นอีกเลย เหล่าผู้แข่งขันทั้ง 11 คน ประกอบไปด้วยหนุ่มสาวซึ่งผ่านการคัดเลือกมาจากผู้สมัครอาชีพต่าง ๆ สองคนในจำนวนนี้ คือ ดาว (น้ำตาล - ศุภัทรศิริ ปฐมนุพงษ์) แชมป์เก่าจากซีซั่นที่แล้ว และ ยุทธ์ (วิทย์ - พชรพล จั่นเที่ยง) รองแชมป์ซึ่งเป็นคู่ปรับเก่าของดาว ทั้งสองจะต้องเข้าประลองเกมกับผู้ท้าชิงหน้าใหม่อีก 9 คน คือ เจย์ (จีน - ธัญนันท์ มหาพิรุณ) ช่างภาพ, แอ๊นท์ (แหม่ม-วัชรินทร์ จินะมุสิ) พริตตี้สาว, ยศ (ปอ - ปานเวทย์ ไสยคล้าย) ลูกคนทรงเจ้า, มิค (เค - ทวีศักดิ์ ภมรพล) นักแสดงหนุ่ม, เกด (จุ้มจิ้ม - กิตติลักษณ์ จุลลัษเฐียร) เภสัชกร, เข็มทิศ (อ๊อฟ - ปองศักดิ์ รัตนพงษ์) หนุ่มลูกไฮโซ, ขวัญ (แนม - ซีแนม สุนทร) นักศึกษาสาว รวมทั้งกุ้งและกั้ง (แนน - ณัชธน์กมล และ นุ่น - ชเนษฎ์ผกา ก่อสุวรรณ) สองศรีพี่น้อง สิ่งเดียวที่น่าจะเป็นเหตุผลหลักของการมาเล่นเกมนี้ก็คือ เงินรางวัล 5 ล้านบาท สำหรับผู้ชนะที่สามารถอยู่ได้เป็นคนสุดท้าย ซึ่งถือว่าเป็นเงินรางวัลสูงสุดอย่างที่รายการไหน ๆ ไม่กล้าให้ เงิน 5 ล้านนี้เองที่ดึงพวกเขาทั้ง 11 คน ให้ต้องมาร่วมชะตากรรมในพิพิธภัณท์สงครามแห่งนี้ ซึ่งไม่เพียงจะมีคนตายอย่างลึกลับเท่านั้น ในอดีตเมื่อครั้งสงครามล้างเผ่าพันธุ์ ที่นี่เคยเป็นคุกของเขมรแดงมาก่อน คุกที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทรมานและคร่าชีวิตคนบริสุทธิ์ ด้วยความทรมานในรูปแบบที่ไม่น่าเชื่อมากมายและเกินกว่าที่ใครจะคิดถึง! จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ถ้าสถานที่นี้จะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความรู้สึกเจ็บแค้น...เกลียดชัง...และความอาฆาตที่ไม่ยอมไปผุดไปเกิด วิญญาณและความอาฆาตที่วนเวียนอยู่นี้ กำลังถูกท้าทาย ซึ่งถือว่าเป็นจุดประสงค์หลักของเรียลลิตี้ โชว์ นี้ ด้วยการลบหลู่สารพัดวิธีจากผู้เข้าแข่งขัน ทั้ง 11 คน โดยไม่มีผู้แข่งขันคนใดรู้มาก่อนเลยว่า มันคือสิ่งที่จะดึงพวกเขาให้เผชิญหน้ากับวิญญาณร้ายอันน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง ภารกิจในการท้าทายและลบหลู่ของพวกเขา ทั้ง 11 คน อยู่ท่ามกลางการใช้ชีวิตร่วมกันอย่างหวาดระแวงว่าสิ่งลี้ลับต่าง ๆ ที่พวกเขาต้องผจญนั้น เกิดจากการสร้างสถานการณ์ของผู้จัดรายการ หรือว่ามาจากการกลั่นแกล้งของผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ...หรือแม้กระทั่งเกิดจากสิ่งลี้ลับจริง ๆ กันแน่? พบกับ บทสรุปของเรียลลิตี้โชว์ที่คุณจะไม่มีวันคาดเดาตอนจบได้
ลาง หลอก หลอน | BLACK NIGHT (2549/2006) NEXTDOOR – ฮ่องกง กรกฎาคม ตามจันทรคติ เป็นเดือนแห่งเทศกาลของภูตผี ผู้คนจุดธูปเผากระดาษตามท้องถนนเพื่อเซ่นไหว้ผีเร่ร่อน เหตุการณ์น่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้นซ้ำๆ ในคืนอาถรรพ์ เมื่อเจนสาวชาวไต้หวัน (แสดงโดย Annie LIU) มาเยี่ยม Joe แฟนตำรวจหนุ่ม (แสดงโดย Dylan KUO) แต่กลับพบว่าเขาเริ่มมีสัมพันธ์สวาทกับเพื่อนบ้าน สาวสวยจากจีนแผ่นดินใหญ่ Hosie (แสดงโดย Race WONG) และเมื่อความรักและความคาดหวังที่แรงกล้า กลับถูกตอบแทนด้วยความหลอกลวง ความหายนะจึงจำต้องเกิดขึ้น. ท่ามกลางเสียงแปลกประหลาดจากการกระทบกันของลูกหิน เสียงประตูถูกเคาะอย่างฉับพลัน เมื่อมองผ่านรูกุญแจประตูเห็นเป็นเงารูปร่างน่ากลัว… เรื่องราวของสามชีวิตในชะตาที่โยงใยกันจนเป็นเงื่อนปมได้คลี่คลายออกอย่างระทึกขวัญ และให้แง่คิดแบบ ขนหัวลุก DARK HOLE – ญี่ปุ่น ว่าที่เจ้าสาว Yuki (แสดงโดย Asaka SETO) ต้องทนทรมานกับฝันร้ายของเธอมาตลอด วันหนึ่งเธอสังเกตเห็นเด็กในชุดสีเหลือง ซึ่งเคยเห็นในฝันบ่อยๆ ได้ปรากฏตัวขึ้นในชีวิตจริง มีแต่เพียงเธอเท่านั้นที่สังเกตเห็นเด็กคนนี้ได้ แต่เมื่อใดที่เธอจำเขาได้จริงๆ เขาก็จะหายไปเหลือเพียงน้ำกองหนึ่ง เธอรู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์ประหลาดนี้ คู่หมั้นของเธอ Satoshi (แสดงโดย Takashii KASHIWABARA) จึงแนะนำให้เธอไปพบจิตแพทย์ Dr. Kawai (แสดงโดย Tomorowo TAGUCHI) และในที่สุดจิตแพทย์ท่านนี้ก็สามารถค้นพบสาเหตุของฝันร้ายของเธอได้หลังจากรักษาเธอมาหลายต่อหลายครั้ง เนื่องจากเธอสูญเสียความทรงจำในวัยเด็กเมื่อตอนอยู่ชั้นประถม และบังเอิญช่วงนั้นทั้งเพื่อนและแม่ของเพื่อนเธอได้ตายไปอย่างประหลาดและ เป็นปริศนา Yuki กลัวมากเมื่อเธอพบความเกี่ยวเนื่องกันระหว่างความฝันของเธอและอุบัติเหตุครั้งนั้น หนึ่งระหว่างการรักษาโดยการสะกดจิต เธอได้เปิดเผยความลับถึงเรื่องที่เธอมีสัตว์เลี้ยงที่แสนประหลาด… THE LOST MEMORY – ไทย ปราง (แสดงโดย พิชญ์นาฎ สาขากร) แม่หม้ายและ ซัน ลูกชาย (แสดงโดย เด็กชายอธิพันธ์ ฉันทอภิชัย) ทั้งคู่ ดูน่าจะมีความสุข เว้นแต่ว่ามีชายคนหนึ่งคอยติดตามเธอทุกแห่งหน เธอเชื่อว่าเขาถูกจ้างวานโดย วิทย์ อดีตสามีเธอ (แสดงโดย ขจรศักดิ์ รัตนนิสสัย) เธอเชื่อว่าเขามุ่งร้ายที่จะจับลูกชายเธอไป ชีวิตเธออยู่ท่ามกลางความหวาดผวาจนแทบจะเป็นบ้า ระหว่างการสืบหาความจริงนั้น เธอได้พบห้องเช่าแห่งหนึ่งที่ดูคุ้นตา และเริ่มจำได้ว่า แพรว เพื่อนของเธอ (แสดงโดย นัชชา บุตรศรี) ซึ่งเคยเป็นเพื่อนรักของเธอและวิทย์ ตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย แต่ความทรงจำของเธอเลือนหายไปอยู่ตลอดเวลา ยิ่งนึกก็ยิ่งพบว่าเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัวในอดีตนั้นหลอกหลอนเธอเหมือนหนังเก่า ที่ฉายซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จบ ความทรงจำที่ลึกที่สุดมันเจ็บปวดเกินกว่าที่จะรับได้ มันยังคงสถิตย์ในห้วงลึกของจิตใจเธอ และความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่าง วิทย์ กับ แพรว ก็คือกุญแจไขปริศนาของมรสุมในอดีตเธอ
เด็กหอ (2549/2006) ชาตรี (ชาลี ไตรรัตน์) อายุ 12 เรียน ม.1 ถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำอย่างฉุกละหุก สาเหตุเป็นเพราะ ชาตรี รู้ความลับบางอย่างของคุณพ่อ การต้องย้ายโรงเรียนกลางเทอมเป็นเรื่องโหดร้ายมาก ไหนจะห้องเรียนใหม่ ไหนจะเรือนนอนที่ไม่สนิทใจเหมือนอยู่บ้าน ที่แย่ที่สุด คือ ต้องนอนเตียงเก่าของคนอื่น ชาตรี ไม่ค่อยมีเพื่อน มีที่สนิทกันจริงๆ แค่คนเดียว เขาสองคนมักแอบไปนั่งเล่นที่สระน้ำเก่าหลังโรงเรียนเสมอๆ อาจด้วยทั้งความเหงา ความซน หรือความรู้สึกอะไรบางอย่าง จึงตัดสินใจใช้สระว่ายน้ำเก่าหลังโรงเรียนเป็นเครื่องระบายความเหงาและความเศร้าอยู่เป็นประจำ มีเรื่องเล่าว่าหลายปีมาแล้ว ก่อนที่โรงเรียนจะสร้างสระว่ายน้ำใหม่ สระแห่งนี้เคยเป็นที่เล่นน้ำของพวกเด็กๆ ในช่วงสุดสัปดาห์ แต่ปัจจุบันสระกลับถูกปิดตาย มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับสระน้ำนั้น ถ้าคุณเชื่อเรื่องเล่าในโรงเรียนประจำ และสัญญาว่าจะไม่บอกใคร ชาตรีพร้อมจะเล่าความลับบางอย่างให้คุณรู้

กระสือ วาเลนไทน์ (2549/2006) สิบสี่กุมภาพันธ์ สองพันสี่ร้อยแปดสิบสี่ วันแสนดี วันที่รัก ปักใจสอง หวังให้เธอ เคียงอยู่ เป็นคู่ครอง ไม่หวังปอง สิ่งอื่นใด ในโลกา แต่ชะตา กลับกลั่นแกล้ง ไม่เข้าข้าง จำต้องห่าง ร้างไกล ให้โหยหา ขอจงรอ รอพี่หน่อย นะแก้วตา รอพี่มา กลับใกล้ชิด นิจ…นิรันดร์ ในยุคสมัยที่ “มนุษย์” เมินเรื่อง “นรก-สวรรค์” ไม่สนใจใน “กฎแห่งกรรม” ไม่ศรัทธา “การทำความดี” ไม่ใยดีในเรื่อง “ความรัก” และไม่ปักใจเชื่อว่า “กระสือ” จะมีจริง ผู้กำกับ “ยุทธเลิศ สิปปภาค” จะยำแกนเรื่องทั้งหมด มาให้ได้สัมผัสกันแบบ “ดราม่า” จริงจัง แต่ไม่เจือจางอารมณ์ “ขันพองสยองเกล้า” ที่จะทำให้คุณต้องกลับไปทบทวนคำตอบของ “Do You Believe in Destiny?” กันใหม่อีกหลายตลบ ผ่านการแสดงหนังใหญ่ครั้งแรกของนักแสดงหญิงรุ่นใหม่ “พลอย จินดาโชติ” และนักแสดงชายเจ้าบทบาท “ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์” กับการถ่ายทอดความรักของพยาบาลสาวและภารโรงหนุ่ม ท่ามกลางบรรยากาศโรงพยาบาลเก่าแก่ ที่มีเสียงร่ำลือหนาหูถึง “กระสือสาว” นางหนึ่ง…อยู่บ่อยครั้ง ในภาพยนตร์รักซาบซึ้งชวนสยอง ของยุทธเลิศ “กระสือวาเลนไทน์” 9 กุมภาพันธ์ 2549 แล้วคุณจะซึ้งจนขนหัวลุก ณ โรงพยาบาลเก่าแก่แห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ…มีเรื่องราวความรักถือกำเนิดขึ้น พยาบาล “สาว” (พลอย จินดาโชติ) แสนสวยบุคลิกดี ซึ่งถึงแม้ว่าเธอเพิ่งจะย้ายมาประจำการ ณ โรงพยาบาลแห่งนั้นได้ไม่นานนัก แต่เธอก็เป็นที่รักใคร่ชอบพอของเพื่อนร่วมงานทุกคนในโรงพยาบาล ไม่เว้นแม้แต่ภารโรง “หนุ่ม” (ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) คนซื่อที่ถูกชะตากับพยาบาลสาวตั้งแต่แรกเห็นในวันวาเลนไทน์ของปี 2549 นี้ด้วย “ดอกกุหลาบ” ดอกแรกที่สาวได้รับจากภารโรงหนุ่มโดยบังเอิญในวันแห่งความรักนั้น นำไปสู่จุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งคู่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ประหลาดและความผูกพันกันอย่างคาดไม่ถึง หรือพรหมลิขิตที่สาวเชื่อมั่นอยู่เสมอจะชักพาให้เธอพบกับความรักครั้งใหม่ หลังจากที่ถูกหักอกกับรักครั้งเก่า จนต้องพกพาความบอบช้ำย้ายเข้ามาทำงาน ณ โรงพยาบาลแห่งนี้…ที่ความรักกำลังดำเนินไป ก่อนหน้านี้สาวมักจะมีอาการประหลาดที่ต้องตื่นขึ้นมาอาเจียนในทุกๆ เช้า และทุกครั้งสิ่งที่เธออาเจียนออกมานั้นดูไม่แตกต่างจากรกเด็กที่เธอเคยเห็นในห้องคลอดเลยสักนิด รวมทั้งเธอยังมีอาการเห็นภาพซ้อนแวบเข้ามาในสมองอย่างไม่มีที่มาที่ไป และภาพที่เห็นนั้นล้วนแล้วแต่เป็นภาพของโรงพยาบาลแห่งเดียวกันนี้ในยุคสงครามเมื่อกว่าหกสิบปีที่ผ่านมา เท่านั้นไม่พอ สาวยังได้พบกับ “ภาพถ่ายเก่าๆ ใบหนึ่ง” ในกล่องเหล็กซึ่งถูกวางอยู่ในห้องพักของเธอมาเนิ่นนาน ในภาพนั้นเป็นภาพของหนุ่มในชุดทหารสมัยสงครามถ่ายคู่กับเธอในชุดพยาบาลในยุคเดียวกัน และด้านหลังภาพถ่ายเป็นลายมือของหนุ่มที่เขียนถึงเธอ จากข้อความบางอย่าง มันได้บ่งบอกว่าในชาติที่แล้วทั้งสองคนนี้คือคู่รักกัน แต่ยังไม่ทันที่สาวจะนำภาพถ่ายใบนั้นไปให้หนุ่มคลายความเคลือบแคลงสงสัยของเธอลง อุบัติเหตุหนึ่งกลับทำให้หนุ่มกลายเป็นอัมพาต และไม่สามารถสื่อสารใดๆ ได้นอกจากแค่การกะพริบตา หรือเวรกรรมกำลังจะตามมาสนองคู่รักเมื่อชาติที่แล้วคู่นี้อย่างเท่าทัน ขณะเดียวกันในค่ำคืนแห่งความสับสน สาวกลับค้นพบความจริงอันน่าสะพรึงกลัวภายในร่างกายของเธออย่างยากที่เธอจะเชื่อได้…มันคืออะไรกัน หรือเธอเองจะมีส่วนผูกโยงกับ “กระสือสาว” ที่ถูกร่ำลือถึงบ่อยๆ ณ โรงพยาบาลเก่าแก่แห่งนี้…เรื่องราวความรักกำลังจะจบลง

โบกี้เฮี้ยน (2549/2006) *ปีอาจไม่ตรง* พิสิทธิ์ ชายหนุ่มผู้หนีการจับกุมของตำรวจมาที่สถานีรถไฟแห่งหนึ่ง จนกระทั่งเขาได้พบกับแสงเดือน สาวน้อยผู้ตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกพบและทั้งคู่เกิดความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งจนยากจะห้ามใจ พิสิทธิ์สัญญาจะพาแสงเดือนไปด้วย แต่กลับทิ้งเธอไว้ที่สถานีรถไฟ โชคร้ายที่เธอพอกับกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งซึ่งฉุดเธอไปข่มขืนและฆ่าตายบนโบกี้ที่จอดอยู่โดดเดี่ยว ทำให้วิญญาณของเธอแค้นใจมากจึงรอคอยการกลับมาของพิสิทธิ์ เพื่อแก้แค้นทีเขาผิดสัญญากับเธอ
ผีนางตานี (2549/2006) ความรักต่างภพ ระหว่างคนกับผีสาวที่มิอาจเป็นไปได้ ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีโจรออกอาละวาด จนทางราชการต้องส่ง ปลัดอำนาจ เข้ามาดูแล จนเขาได้พบ เดือน ลูกสาวผู้ใหญ่บ้านที่แอบหลงรักเขา และ ตานี หญิงสาวลึกลับที่เขาแอบหลงใหล แต่แล้ว แพร แฟนสาวของปลัดก็ปรากฏตัวขึ้น ทำให้เดือนไม่พอใจ จึงขอให้เสือมูนอันธพาลประจำหมู่บ้านจับตัวแพรไปข่มขืน แต่นางตานีมาช่วยไว้ได้ และสร้างความหวาดกลัวให้แก่ทุกคน รวมทั้งปลัดอำนาจที่เพิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้วนางตานีที่เขาหลงรักก็คือผีตานี ซึ่งเขาไม่อาจใช้ชีวิตร่วมกันได้ เขาจึงไถ่โทษด้วยการสร้างศาลให้นางตานี
ผีนางตะเคียน (2549/2006) ค่ำคืนแห่งไฟราคะของผีร้าย ที่จะสะกดทุกคนด้วยความตาย ( คำโปรย ) นายชาญ ได้ขายบ้านให้แก่ครอบครัวหนึ่ง โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่ากำลังจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น เพราะในบ้านหลังนั้นมีเตียงไม้ตะเคียนโบราณซึ่งมีผีนางตะเคียนสิงอยู่ และออกหลอกหลอนคนในบ้าน จนพ่อ และ ปั้น ลูกชายคนโต ต้องตายเพราะน้ำมือของนางผีร้าย
Art Of The Devil ลองของ (2548/2005) เรื่องราวของความสัมพันธ์ระหว่างเด็กวัยรุ่นทั้ง 6 คน…ต๊ะ ปอ คิ้ม แต นุช และโก้ ซึ่งเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมที่ต่างจังหวัด ปัจจุบันทุกคนแยกย้ายเข้ามาเรียนในกรุงเทพ… มหานครแห่งทางเลือกและอนาคตที่ดีกว่า … พวกเขามีโอกาสกลับมาพบกันอีกครั้งในช่วงปิดเทอม ด้วยการกลับมาเยี่ยม “ ครูพนอ ” อดีตครูที่เคยสอนพวกเขาสมัยมัธยมและเป็นแม่เลี้ยงของต๊ะ …… และเหตุการณ์ที่ ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ในช่วงเวลาค่ำคืนแห่งความน่ากลัวนั้น… ความลับในอดีตบางอย่างของเพื่อนทั้ง 6 ที่ไม่เคยปริปากบอกกันก็ค่อยๆ เปิดเผยออกมาพร้อมกับการตายอย่างสุดสยอง…. เรื่องราวเกี่ยวพันกับครูพนอ ครูสาวเสน่ห์แรงแม่เลี้ยงของต๊ะ เสน่ห์ของเธอแรงจนชายที่อยู่รอบตัวเธอต่างพากันหลงใหลและทำของใส่เธอเพื่อให้เธอหลงเสน่ห์ เมื่อการโดนของเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกจน ทำให้เธอเสียสติ เธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จะเพี้ยน บ้าเหมือนคนโรคจิต ครูพนอพยายามที่จะเอาของออกจากตัวเธอ โดยได้เดินทางไปหาหมอแขกเพื่อทำพิธีให้ด้วยการกินเนื้อสดๆ ของผู้ที่ทำของใส่เธอ แต่เกิดความผิดพลาดแทนที่ของจะออกจากตัวเธอ มันกลับส่งผลทำให้เธอมีพลังและอำนาจมากขึ้น เธอถลำลึก และ กลับกลายเป็นผู้หลงใหลในไสยศาสตร์มนตร์ดำนั้นเสียเอง …. และในค่ำคืนนี้ครูพนอจะใช้มนตร์ดำ กับ ลูกศิษย์ของเธอ และพาพวกเธอเข้าสู่โลกแห่งการชำระแค้นด้วยไสยศาสตร์….
ชัตเตอร์ ภาพถ่ายวิญญาณหลอน (2548/2005) หนึ่งภาพถ่ายมรณะ หนึ่งวิญญาณตามหลอกหลอนกับหนึ่งครอบครัวที่ต้องเผชิญ จงระวัง ! ความตายอาจอยู่ใกล้ตัวคุณ นักแทน ชายหนุ่มผู้รักในการถ่ายภาพ เขาพยายามถ่ายภาพวิวเพื่อส่งให้กับนิตยสาร ท่องเที่ยว และเขาก็พบว่าภาพที่เขาถ่ายมีวิญญาณปรากฏอยู่ ซึ่งเป็นภาพวิญญาณปริศนา ที่มากับฟิล์มเก่าสมัย 20 ปีก่อน และตั้งแต่นั้น แทนก็เจอะเจอกับเหตุการณ์แปลก ๆ และ สยองขวัญ จนไม่เป็นอันทำอะไร เขาจึงพยายามหาทางสืบหาแหล่งที่มาของฟิล์มและ วิญญาณร้าย จนได้รู้ความจริงทั้งหมดว่าแท้จริงแล้วฟิล์มนั้นเป็นของทศ ซึ่งเป็นฆาตกร จึง ทำให้วิญญาณนั้นกลายเป็นวิญญาณที่เต็มไปด้วยความอาฆาต และรอวันกลับมาแก้แค้น โดยใช้แทนเป็นคนนำไปสู่เรื่องราวทั้งหมด...
นาค รักแท้ วิญญาณ ความตาย (2548/2005) ตำนานผีไทยที่ยังคงวนเวียนอยู่ในกรุงเทพถึง พ.ศ. นี้ เพื่อพิสูจน์ว่าความรักอยู่เหนือความตาย มาก (ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์) ชายหนุ่มที่ฝันร้ายเห็นผีสาวตาดำ ปากดำและหน้าผากเป็นรูโบ๋ ซึ่งเขาไม่สามารถอธิบายภาพสยองให้ใครเข้าใจได้ มีเพียงแต่ นาค (ภัทรธิดา พัชรวีรพงษ์) แฟนสาววัยรุ่นและว่าที่เจ้าสาว ที่คอยปลอบประโลมเขา ในตลาดขายของเก่าแห่งหนึ่ง มากได้ไปเจอเข็มกลัดรูปไข่หน้าตาประหลาด สีซีดและเย็นเฉียบ แต่บางอย่างดลใจให้เขาซื้อมัน เพื่อเป็นของขวัญแต่งงานให้กับนาก มาก กับ นาค หาบ้านในหนังสือพิมพ์ และพบหลังหนึ่งแถวย่านพระโขนงที่ประกาศขายในราคาถูกมาก นายหน้าค้าบ้านจอมงมงาย แองเจิล (มีศักดิ์ นาครัตน์) เสนอขายบ้านให้กับวัยรุ่นคู่นี้ถูกๆ เป็นบ้านทรงไทยอายุร้อยกว่าปีซึ่งต้องซ่อมแซมก่อนเข้าอยู่ แต่ก็เป็นบ้านในฝันที่ มาก กับ นาค จะเริ่มต้นชีวิตแต่งงานร่วมกัน หนุ่มสาวคู่นี้ไม่รู้เท่าทันสัญญาปลอมของแองเจิลที่จะยึดบ้านคืนก่อนวันวิวาห์พวกเขา แองเจิลแอบย่องมาตอนกลางคืนเพื่อลงมือทำแผนชั่ว แต่ก็ต้องพบกับผีสาวในฝันร้ายของมาก แองเจิลจำได้ว่าเธอ คือ แม่นาก (พรทิพย์ ปาปะนัย) เธอตามหลอกเขาไปถึงรถไฟฟ้า เขาถูกฆ่าตายอย่างสยดสยอง ซึ่งดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุรถไฟที่ประหลาด มาก กับ นาค ยังไม่รู้ว่า แองเจิล ตายแล้ว ทั้งสองฉลองวันแต่งงานอันหวานชื่นกับญาติมิตรและครอบครัว แต่เหตุร้ายเกิดขึ้นอีกครั้งหลังวันแต่งงาน เมื่อทั้งคู่กลับมายังเรือนหอกลางดึก และพบว่าของขวัญถูกขโมยไป ระหว่างทางไปทำงาน มากเห็นหัวขโมยขายของขวัญแต่งงานของเขาบนถนน เขาพยายามจะจับขโมย แต่พวกมันหนีขึ้นรถตู้ไปโดยทำร้าย มาก จนสลบแล้วทิ้งไว้กลางถนน นาครีบไปที่โรงพยาบาลก็พบว่า มาก อยู่ในอาการสาหัส เมื่ออยู่กันตามลำพังสองคน เขากลับตื่นขึ้นมาช่วงสั้นๆ เพื่อบอก นาค ให้ไปตามหาแม่นากพระโขนง นาคไปปรับทุกข์กับคุณยายของเธอ (มารศี อิสรางกูล ณ อยุธยา) คุณยายจึงเล่าให้ฟังเรื่องตำนานแม่นากพระโขนง หญิงสาวที่ตายท้องกลมและกลายเป็นผีกลับมาอยู่กับสามี พี่มาก (จรัญ งามดี) และผู้คนที่ไปขัดขวางเธอพากันตายอย่างลึกลับ เมื่อมีคนตายแบบแปลกๆ มากขึ้นเรื่อยๆ พวกชาวบ้านจึงได้หาพระมาขับไล่วิญญาณชั่วร้ายนี้ออกไป พระได้ทำพิธีตัดกะโหลกหน้าผากออกมาเป็นรูปวงรีเพื่อสะกดวิญญาณไว้ภายใน โดยท่านได้เป็นผู้เก็บเอาไว้หลายปีจนกระทั่งมันหายไปกับกาลเวลา รอให้คนมาค้นพบ นาคเริ่มโยงใยระหว่างเข็มกลัดกับอาการของ มาก นี่จะใช่เข็มกลัดที่สะกดวิญญาณของแม่นากพระโขนงไว้ไหม

เรื่องย่อ : โคตรเพชฌฆาต (2548/2005) เรื่องราวที่น่าขนพองสยองเกล้ากับความตายที่เป็นปริศนาของคนในหมู่บ้านคลองบางมุด เมื่อสถานที่เงียบสงบร่มเย็น ชาวบ้านใช้ชีวิตอยู่กันตามประสาชาวชนบท แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ประหลาด เมื่อมีชาวบ้านพบศพชายนิรนามมาตายอยู่ที่ริมฝั่งคลอง หลังจากนั้นไม่นานก็มีชาวบ้านหลายคนหายตัวไปอย่างลึกลับ ด้วยเหตุนี้จึงเกิดการค้นหาปริศนาที่ว่าอะไรเป็นสาเหตุของการตายของพวกชาวบ้านและศพนิรนามนั้น กระทั่งได้พบรอยประหลาด ซึ่งรอยประหลาดนั้นคล้ายกับรอยของสัตว์ขนาดใหญ่ เหตุนี้ทำให้ชาวบ้านเชื่อว่า เจ้ารอยประหลาดนี้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์สะเทือนขวัญจนยากที่จะลืมได้ และยังคงอยู่ในความทรงจำของชาวบ้านคลองบางมุดตลอดมา

ชาวบ้านบางมุด จังหวัดชุมพร ต่างร่ำลือถึงจระเข้ที่อาศัยอยู่ในคลองบางมุด อันเป็นสาเหตุของคดีคนหายหลายรายอย่างไร้ร่องรอย สร้างความหวาดกลัวไปทั่วทั้งจังหวัด นายอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน และกำนันเกณท์ลูกบ้านเพื่อออกจัดการกับเจ้าจระเข้ตัวนี้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครสามารถจัดการกับมันได้ จนเมื่อ "จำนง" นายทหารประจำหน่วยรบชุมพร กลับมาจากราชการ ถูกผู้ใหญ่ขอร้องให้ทางทหารช่วยจัดการปราบจระเข้ตัวนี้ เขาจึงร่วมมือกับนรินทร์และชาวบ้าน ออกตามล่าเพื่อปราบเจ้าจระเข้ยักษ์ เขาต้องพบอุปสรรคมากมาย ทั้งการขัดแย้งกับทางราชการและความดุร้ายของเจ้าจระเข้ยักษ์นี้

นรินทร์ นายตำรวจหนุ่ม ออกตามหาชายคนหนึ่งที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย ก่อนจะพบว่าเป็นฝีมือของจระเข้ที่อยู่ในลำคลองอันเป็นสายน้ำแห่งวิถีชีวิตของชาวบางมุด ซึ่งสร้างความน่าสะพรึงกลัวด้วยขนาดอันใหญ่โตและมีรอยด่างที่ลำตัว เขาและเจ้าหน้าที่รวมถึงชาวบ้านจึงต้องร่วมมือกันปราบมันท่ามกลางอุปสรรคมากมาย

คนเห็นผี 10
The Eye 10 คนเห็นผี 10 (2548/2005) เคยคิดมั้ยว่า บางครั้ง…คุณอาจนั่งอยู่คนเดียวในมุมมืดแต่มีชีวิตที่ไร้ร่างรุมล้อม บางครั้ง…คุณอาจเดินบนสะพานสวนกับอีกนับชีวิตที่ล่องลอยอยู่แบบไร้ลมหายใจ และบางครั้ง…คุณอาจนอนหลับขณะที่หลายวิญญาณต่างจ้องมองคุณอยู่ ณ ปลายเท้า ทางเดียวที่จะรู้ ทางเดียวที่จะพิสูจน์ความลึกลับนี้ได้ นั่นคือการท้าทายและเห็นผีสักครั้งในชีวิตกับ “วิธีเห็นผี” ที่ชวนขนหัวตั้ง คงไม่มีใครปฏิเสธได้ถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้นในระดับโลกของ “The Eye คนเห็นผี” หนังสยองขวัญสั่นประสาทจากเอเชียที่หยิบเอาประเด็นชีวิตหลังความตาย และการสัมผัสหยั่งรู้ถึงสิ่งที่เรียกว่า “ผี” ก่อนเวลาอันควรที่มันจะเป็นของ“มนุษย์” ที่ตกอยู่ในสถานะของการเป็นผู้ถูกเลือกที่อาจ “เลือกไม่ได้” และ “ไม่ได้เลือก” ที่จะต้องเผชิญกับเหล่า “คนที่ตายไปแล้ว” ด้วยแนวคิดที่แปลกและแตกต่างจากภาพยนตร์ทั่วไปในแนวทางเดียวกัน ผสมผสานกับความสามารถเฉพาะตัวในการหยิบเอาเทคนิคพื้นฐานของภาพยนตร์ ตั้งแต่การนำเสนอมุมภาพ, เทคนิคการตัดต่อ, การออกแบบเสียง ดนตรีและซาวด์เอฟเฟกต์ รวมไปถึงการใช้เทคนิคพิเศษทางด้านภาพมารองรับไอเดียและมุมมองของเรื่องราวตลอดจนวิธีการนำเสนอเนื้อหาของหนังที่เล่นกับความเชื่อที่ได้รับปลูกฝังและถ่ายทอดกันมาหลายชั่วอายุคนได้ถูกจุด และเมื่อคนดูได้สัมผัสกับภาพตรงหน้าจึงไม่น่าแปลกใจที่ “คนเห็นผี” ของ “2 พี่น้องตระกูลแปง” จะสร้างความรู้สึกหวาดสะพรึงให้เกิดอาการหนาวเหน็บจนถึงขั้วกระดูกทั้งคอหนังที่เป็นชาวเอเชียไปจนถึง ยุโรป อเมริกา และทั่วโลก ใน “คนเห็นผี ภาคแรก” (2545) เราได้รู้ว่าหญิงสาวที่ได้รับการเปลี่ยนเยื่อกระจกตากับคนที่ตายไปแล้วทำให้เกิดปรากฏการณ์เห็นผี ใน “คนเห็นผีภาค 2” (2547) ผู้หญิงท้องที่อยู่ตรงกลางระหว่างความตายและการให้กำเนิดก็เป็นอีกหนึ่งวิธี และสำหรับการกลับมาเป็นครั้งที่ 3 ของคนเห็นผีใน “The Eye 10 คนเห็นผี 10” 2 พี่น้องตระกูลแปงได้หยิบเอาความเชื่อในการเห็น “คนตาย” ของคนเอเชียที่บอกเล่ากันมาแต่ละชั่วอายุคนมาถ่ายทอดบนแผ่นฟิล์มโดยนำเอา 8 วิธีในปรากฏการณ์การเห็นผีที่เหลืออยู่มาถ่ายทอดเป็นเรื่องราวผ่านมุมมอง “การเห็น” ของวัยรุ่นหนุ่มสาวชาวเอเชียกลุ่มหนึ่งที่เดินทางมาเที่ยวเมืองไทยตามคำชวนของเพื่อนชาวไทย แต่ทันทีทั้งหมดตัดสินใจร่วมกันค้นหาประสบการณ์บางอย่างร่วมกันตามรายละเอียด และเงื่อนไขที่ปรากฏอยู่ในหนังสือเล่มเก่าๆ ที่ชื่อว่า “วิธีเห็นผี” ประสบการณ์ “การเห็น” และ “ชีวิตที่เหลืออยู่” ของทุกคนก็เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง 2 พี่น้องตระกูลแปงเลือก “เร แมคโดแนลด์” มาประกบคู่นักแสดงสาวเซ็กซี่ “ตั๊ก-บงกช คงมาลัย” และ 4 นักแสดงวัยรุ่นชื่อก้องแห่งเอเชีย “เฉินป๋อหลิน” (ไต้หวัน), “อิซาเบลลา เหลียง” (ฮ่องกง), “เคต หยวน” (ฮ่องกง) และ “กู๋หยู่” (จีน) ท้าทุกดวงวิญญาณและความเชื่อด้วยการร่วมปลุกผีขึ้นมาจากหลุมอีกครั้ง แต่จะเป็นอย่างไรเมื่อพวกเขาได้เข้าไปในโลกที่มนุษย์ไม่ควรจะรับรู้ ได้เห็นสิ่งที่พวกเราไม่ควรจะเห็นกับวิธีเห็นคนตายตามความเชื่อโบราณที่หลายคนเคยพิสูจน์ หลายคนเคยท้าทาย และหลายคนต้องพบกับสิ่งเร้นลับที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้…
บุปผาราตรี เฟส 2 (2548)
เรื่องย่อ : บุปผาราตรี เฟส 2 (2548/2005) ออสการ์อพาร์ทเมนต์ ขึ้นชื่อลือชาว่าเฮี้ยนนักเฮี้ยนหนา โดยเฉพาะห้อง 609 ที่เจ้าของอพาร์ทเมนต์ถึงกับปิดตายทั้งชั้น "รับประกันความเฮี้ยน" จะมีก็แต่แก๊งโจรมือใหม่หัดปล้น และ ทิพย์ สาวตาบอด ที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับใครเขา ขอเปิดห้องพักหน้าตาเฉย แต่เมื่อคนอยู่ดีไม่ว่าดีดันไปยุ่มย่ามในที่ของผี เจ้าของห้อง 609 อย่าง บุปผา เลยระเบิดแรงอาฆาตตามคำขอ อพาร์ทเมนต์ผีสิงจึงได้อลหม่านฮาแตกอีกครั้ง!! คณะตลกตกอับ ตัดสินใจผันเปลี่ยนอาชีพมาเป็นโจรปล้นธนาคาร พวกเขาหอบเงินหลบหนีตำรวจไปกบดานอยู่ ณ อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งโดยหารู้ไม่ว่ามันคืออพาร์ทเมนต์ผีสิง ระหว่างที่พวกโจรกำลังจะทำการแบ่งเงินกันนั้น พวกเขาพบว่าเงินก้อนนั้นได้หายไปอย่างลึกลับ... พวกโจรออกค้นหาทุกซอกทุกมุมในอพาร์เมนต์ เหลืออยู่แต่เพียงชั้น 6 ที่เจ้าของอพาร์ทเมนต์ปิดตายไว้ห้ามไม่ให้ใครเข้า โจรทั้งสี่ไม่ฟังคำเตือนออกค้นหาเงินในชั้น 6 จนได้พบว่าเงินซ่อนอยู่ในห้อง 609 แต่พวกเขาก็ไม่สามารถนำเงินออกจากห้องนั้นได้เพราะถูกผีเจ้าของห้องออกมาหลอกหลอน โจรทั้งสี่จึงต้องคิดหาวิธีเอาเงินออกจากห้อง 609 ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้จะกลัวผีเพียงไรก็ตาม ขณะเดียวกัน ตำรวจก็เริ่มระแคะระคายแกะรอยโจรทั้งสี่มาถึงอพาร์ทเมนต์แล้ว
ตุ๊กตาเฮี้ยน (2548/2005) แพทย์หนุ่ม และสาวพยาบาลที่เป็นคู่รักกัน แต่ต่างฝ่ายต่างทำงานอยู่ในโรงพยาบาลคนละ แห่ง เมื่อทั้งคู่ได้ให้คำสาบานร่วมกันต่อหน้าตุ๊กตาสาบาน ซึ่งมีความเชื่อว่าหากเป็นคู่รัก สาบาน แต่ใครคนหนึ่งกลับผิดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับตุ๊กตาตัวนั้น เมื่ออาถรรพ์เร้นลับจาก ตุ๊กตาดุจดั่งมีภูตผีวิญญาณสิงอยู่ และก่อเหตุการณ์สุดสะพรึงติดตามไปทุกหนแห่งเหมือน เงาตามตัว มันคือฝันร้ายที่คอยหลอกหลอนชีวิตจนไม่อาจหลีกหนีมันได้ เพียงเพราะการ ผิดคำสาบานเหล่านั้นได้กลับกลายมาเป็นอาถรรพ์คำสาปที่รอการทวงคืน
แท็กซี่…ดุ (2548/2005) บุญมี ซื้อรถแท็กซี่มือสองจาก เฮียตง เพื่อหารายได้เลี้ยงชีพ ซึ่งได้รับหญิงสาวผู้โดยสารให้ไปส่งที่วัดแห่งหนึ่ง เมื่อมาถึงวัดแล้วเธอก็หายตัวไปในพริบตา ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ประสบกับเหตุการณ์ลี้ลับมาตลอด ทุกคนที่เคยได้ นั่งรถคันนี้ต่างก็ขวัญผวาและยืนยันว่าพบเห็นวิญญาณสาวนั่งอยู่เบาะข้างหลังรถคันนี้ และครั้งหนึ่งที่บุญมีรอด จากการถูกโจรป้นทรัพย์ที่แฝงตัวเป็นผู้โดยสารบนรถ รวมทั้งในความฝันก็ปรากฏภาพของวิญญาณสาวที่มี หน้าตาเหมือนกับหญิงสาวผู้โดยสารที่หายตัวไปอย่างลึกลับและบ้านหลังหนึ่งที่อาจไขปมปริศนานี้ได้ พร้อม ทั้งเงื่อนงำที่ เฮียตง และ บุญหลาย ได้ปิดบังมาตลอด
อาถรรพ์บ้านนางรำ (2548/2005) เรือนไทยหลังเก่าของท่านเจ้าคุณ ในอดีตกาลเคยเป็นโรงเรียนสอนนาฏศิลป์ ต่อมาจึง กลายเป็นมรดกสืบทอดมาสู่ มาโนช และ จาริยา สองสามีภรรยาทายาทมหาเศรษฐีพยายาม จะปฏิรูปสถานที่แห่งนี้ให้เป็นบ้านพักตากอากาศ จึงให้ เจนภพ เพื่อนรักที่เป็นสถาปนิก หนุ่มพร้อมกับ มิ่ง และ ใจ เข้ามาช่วยดูแลปรับปรุงสถานที่ ในความรู้สึกของเจนภพที่ สัมผัสถึงความลี้ลับราวกับมีบางอย่างที่มองไม่เห็นนั้นอยู่รอบๆตัวตลอดเวลา พร้อมกับ ภาพนางรำที่ปรากฏขึ้นในความทรงจำและเสียงเครื่องดนตรีไทยยิ่งดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จน เกิดความน่าสะพรึง แรงอาถรรพ์ในเรือนไทยแห่งนี้อาจเป็นลางบอกเหตุเตือนชีวิตของผู้ที่ พยายามจะทำลายมรดกอันหวงแหนรักษา

เรื่องย่อ : ผวา (2548/2005) "แก้ว" รีบเดินทางกลับบ้านเกิดที่ต่างจังหวัดทันที เมื่อได้รับข่าวว่าก้อย (น้องสาว) เกิดอาการผีเข้า พร้อม ๆ กันกับเพื่อนนักเรียนอีกหลายคน ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเอง และเพื่อนเมื่อตอนเป็นเด็ก แก้วพยายามหาทางรักษาก้อย โดยได้รับความช่วยเหลือจากหมอดนัย ที่ระบุอาการดังกล่าวเรียกว่า "โรคอุปทานหมู่" ทำให้ขัดกับหลักความเชื่อของคนในหมู่บ้านที่ยังงมงาย กับเรื่องไสยศาสตร์ เหตุการณ์ในอดีตของแก้ว เริ่มย้อนกลับเข้ามาสร้างความน่าสะพรึงกลัวให้กับเธออีกครั้ง หลังจากที่ เธอเคยพยายามหลีกหนีมันไปเป็นเวลานาน ขณะนั้นเองแก้วได้พบกับเพื่อนสนิทในวัยเด็กคนหนึ่ง ที่กลายมาเป็นครูในโรงเรียนของน้องสาว และเธอเป็นคนที่เก็บงำความลับต่าง ๆ เอาไว้ ซึ่งจะช่วย คลี่คลายปมปัญหาเรื่องของเด็กชายที่หายสาบสูญไปในอดีต เมื่อสิ่งที่พวกเธอเคยร่วมกันทำ เอาไว้ ในวัยเด็กได้กลายมาเป็นผลในวัยปัจจุบันอย่างคาดไม่ถึง...

Six หกตายท้าตาย (2547/2004) ฝ้าย เด็กสาวคนเดียว ในกลุ่มมีอาการคล้ายๆ ประสาทหลอน เหม่อลอย บางครั้งเธอเหมือนตกอยู่ในโลกของความฝัน ฝันแปลกๆ คอยรบกวนจิตใจของฝ้ายอยู่เสมอ รวมทั้งเหตุการณ์ที่เธอไปเจอซินแสโดยบังเอิญ และซินแสได้เตือนให้ระวังเภทภัยจากเลข 6 ด้วยว่า ชีวิตของเธอเฝ้าวนเวียนเกี่ยวข้องกับเลข 6 มากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะห้องพักเลข 6 หรือกระทั่งวันอายุ 24 ที่รวมกันแล้วได้เลข 6 เพื่อนๆ จึงพากันเป็นห่วงโดยเฉพาะ ภัทร ผู้ซึ่งเกิดวันเดียวเดือนเดียวปีเดียวกับเธอ คืนก่อนวันครบรอบวันเกิด 24 ปีของ ฝ้าย เพื่อนทั้ง 6 คนนัดกันมาอวยพรวันเกิดให้เธอ พวกเขาได้เดินทางไปฉลองกันที่ชานเมือง อ๋อง สังเกตเห็นดาวงู ซึ่งเป็นดาวที่ไม่ปรากฎบ่อยนักในช่วงฤดูฝน อ๋อง รีบตรวจชะตาเพื่อนๆ ทุกคนว่ากำลังจะมีเคราะห์ร้าย หรือชะตาถึงฆาต เพราะทั้งหมดจับได้ไพ่ Death กันหมด การที่ อ๋อง เป็นผู้ช่ำชองในเรื่องโหราศาสตร์ และไสยศาสตร์ รวมทั้งถูกเพื่อนในกลุ่มกล่าวหาว่างมงาย ทั้งยังถากถางและท้าทาย โดยเฉพาะ กานต์ ซึ่งเป็นคนใจร้อนและค่อนข้างเป็นนักเลง และ ตรี ซึ่งเป็นคนปากไม่ดี ทั้งปากอย่างใจอย่าง ทั้งที่กลัวก็ยังกล้าท้า และใช้วาจาข่ม อ๋อง ทว่ามีเพียงคนเดียวที่คัดค้านนั่นคือ นัฐ เพราะเป็นคนขี้กลัว ทั้งยังขี้ใจน้อยอีกด้วย ลอเซอ ที่เพื่อนๆ ชอบเรียกว่า ทิดเซอ พูดให้ข้อคิดกับเพื่อน ก่อนที่ความเชื่อและการท้าทายจะกลายเป็นความขัดแย้ง จนเป็นเหตุให้ทั้งหมดต้องเดินทางไปพิสูจน์ สิ่งที่น้อยคนจะมีโอกาสได้เห็นคฤหาสน์ร้าง ที่เชียงใหม่ อันเป็นมรดกของยายทวดของ ภัทร และเป็นที่เล่าลือกันมานานถึงความน่ากลัว ด้วยว่าเจ้าของบ้านได้นำโลงศพคนตาย 6 คนเก็บไว้ในบ้าน เช้าวันที่ 6 มิถุนายน ทั้งหมดนัดรวมตัวกันที่ปั๊มแห่งหนึ่ง ก่อนออกเดินทางต่าง ได้ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก หากแต่ภาพถ่ายนั้นปรากฎแต่เพียงรูปรถ และสิ่งอื่นๆ ยกเว้นรูปของพวกเขาทั้งหมด ระหว่างทางก็มีเหตุการณ์ประหลาดเช่น อีกาบินชนหน้ากระจกรถจนเปื้อนเลือด รถบรรทุกเฉี่ยว ในค่ำคืนที่พวกเขาเดินทางไปถึงคฤหาสน์ บรรยากาศวังเวง ต่างออกสำรวจบริเวณต่างๆ ของบ้าน จากนั้น อ๋อง ได้นำเพื่อนๆ เริ่มพิธีปลุกผีด้วยการเล่น ผีถ้วยแก้ว และเริ่มพิสูจน์วิธีการเห็นผีด้วย 6 วิธีที่แตกต่างกัน คือ ใช้ผ้าห่อศพปิดตา กระดูกคนตายกับไม้ระกำแขวนคอส่องกระจก คาบใบมีดโกนหน้าอ่างน้ำมนต์ นอนคาบธูปนำวิญญาณ ท่องนโมย้อนหลัง 16 จบ เผากระจุกผมผีตายโหง เงินปากผีคาบไว้ในปาก เพ่งมองผ่านก้นบาตรพระ ด้วยการจับไม้สั้นไม้ยาว เพื่อเสี่ยงดวงว่าใครจะได้ท้าลองวิธีไหน และแยกย้ายกันไปแต่ละจุด คนละวิธี โดยมี ภัทร เป็นจุดศูนย์รวมโดยจับตาดูทุกคนผ่านกล้องโทรทัศน์วงจรปิด
นางครวญ (2547/2004) เพียงออ หญิงสาวงามในตระกูลราชนิกูลอันสูงศักดิ์ มิอาจสมปรารถนาในความรักและ ความหมายแห่งชีวิต ด้วยการถูกกักขังและขวางกั้นให้พลัดพรากจาก แสน หนุ่มสามัญชนหนึ่งใน วงปี่พาทย์ ความสิ้นหวังแห่งรักที่จะนำชีวิตจบลง แต่คำสาบานของหญิงสาวในร่างวิญญาณที่ ยังคงยึดมั่นในรักไปทุกภพทุกชาติ เมื่อแสนเกิดในภพใหม่นามว่า ไกร หนึ่งในสมาชิกวงปี่พาทย์ อีกครั้ง จุดเริ่มต้นแห่งการรอคอย พร้อมกับความอาฆาตพยาบาท ทุกคนกำลังเผชิญความสยองใน ค่ำคืนแห่งความตาย และอาถรรพ์แห่งบทเพลง “นางครวญ”
ตุ๊กแกผี (2547/2004) เรื่องราวสยองขวัญนี้เริ่มต้นมาจาก “กล่องไม้เล็กๆ เก่าคร่ำคร่าใบหนึ่ง” ที่ไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรอยู่ภายในนั้น… กลุ่มนักสำรวจทางธรณีวิทยากลุ่มหนึ่งนำโดย “อาจารย์มาเอดะ ชู” (คาซึกิ ยาโน) และภรรยาสาว “มิโย” (คาโนะ ไซโต) พร้อมด้วยคณะลูกศิษย์ “นิพนธ์” (สรายุทธ์ ศรี ทอง), “ไก่” (หญิง-ไอศิกา ตั้งศิริธานนท์), “ประพัฒน์” (พลกฤษณ์ จักรสุวรรณ) และ “แบม” (น้ำฝน-โสภิตา ศรีบาลชื่น) ออกเดินทางสำรวจถ้ำแห่งหนึ่งเพื่อการศึกษาทางธรณีวิทยา พวกเขาขุดค้นพบตัวอย่างสายแร่และหินประเภทต่างๆ มากมายรวมถึงกล่องไม้ปิดตายใบหนึ่ง พวกเขานำมันติดตัวกลับมาด้วย ขณะปีนขึ้นปากถ้ำ หลังจากเสร็จสิ้นการสำรวจในค่ำคืนนั้น มาเอดะ ชูหัวหน้าทีมสำรวจชาวญี่ปุ่นเผลอทำกล่องไม้ใบนั้นตกลงสู่ก้นถ้ำอย่างไม่ตั้งใจ กล่องไม้แตกกระจายอยู่ในถ้ำแห่งนั้น และเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในกล่องไม้ใบนั้น นั่นคือ “ซากตุ๊กแกตัวหนึ่งที่ถูกพันด้วยสายสิญจน์และปิดทับด้วยยันต์แดงลงอาคมผืนหนึ่ง” ไม่มีใครสังเกตเห็นและรู้เลยว่าความลึกลับอันน่าสะพรึงกลัวกำลังค่อยๆ คืบคลานเข้ามา… กลุ่มนักสำรวจทีมเดิมมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองหลวงอย่างรีบเร่ง แข่งกับกลุ่มก้อนเมฆสีทะมึนบนท้องฟ้าที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าหากัน และเตรียมปล่อยสายฝนสายหนักลงมา และโดยไม่คาดคิด รถของคณะสำรวจเกิดดับกลางคันอย่างหาสาเหตุไม่ได้ พวกเขาจึงต้องมุ่งหน้าหาที่พักในป่าใกล้ๆ แห่งหนึ่งแทน และ “กระท่อมกลางป่า” ก็เป็นที่พักที่พวกเขาพบเจอ โดยไม่รีรอ พวกเขาเข้าสู่กระท่อมแห่งนั้นเพื่อหลบสายฝนที่กำลังเทกระหน่ำลงมา แต่แล้วไอแห่งความสยองจากกล่องไม้ลึกลับที่ตามติดพวกเขามาจากถ้ำแห่งนั้นอย่างไม่รู้ตัว ก็ค่อยๆ เริ่มเผยความน่าสะพรึงกลัวออกมา และเข้าห้ำหั่นชีวิตนักสำรวจเหล่านั้นทีละคน…ทีละคน “ขวัญไพลิน” (โอ๋-รุ่งระวี บริจินดากุล) นักเขียนสาวชื่อดังที่ผลงานเรื่องล่าสุดของเธอที่ชื่อ “ตุ๊กแกผี” กลายเป็นนิยายติดอันดับขายดีขึ้นมาทันทีที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งแรก ได้เดินทางมาพบปะนักอ่านที่เป็นแฟนหนังสือของเธอที่จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ เธอแวะซื้อของที่ระลึกฝากคนใกล้ชิดของเธอ รวมทั้ง “กล่องไม้เล็กๆ ลายเก่าใบหนึ่ง” ที่เธอได้ซื้อจากคนพื้นเมืองที่นั่น ความลึกลับอันน่าสะพรึงกลัวกำลังย้ายสู่ที่สิงสถิตสถานใหม่แล้ว… ในห้วงเวลาเดียวกันนั้น ขวัญไพลินเริ่มรู้สึกพรั่นพรึงถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังจดจ้องและลอบมองเธออยู่ทุกขณะจิต “ตุ๊กแก” ตัวละครที่เธอเขียนถึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตเธอมากขึ้น ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน มันก็จะปรากฏตัวให้เธอได้เห็นตลอดเวลา เธอกำชับ “ป้าสาย” (สุชาดา อีแอม) แม่บ้านชาวเขมรของเธอ ให้จัดการไม่ให้มีตุ๊กแกเข้ามาในบ้านอีกอย่างเด็ดขาด แต่ป้าสายเตือนขวัญไพลินให้ได้รู้ว่า ตุ๊กแกนั้นอาจไม่ใช่ตุ๊กแกธรรมดา เพราะเธอสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจบางอย่างจากมัน และแล้วเหตุการณ์แปลกประหลาดก็ค่อยๆ เริ่มก่อตัวและกล้ำกรายเข้าสู่ชีวิตผู้คนที่อยู่รอบข้างเธอ “นิดา” (วันทิพย์ ภวภูตานนท์) บรรณาธิการสำนักพิมพ์ที่เธอส่งเรื่องให้ เป็นคนที่ใกล้ชิดกับเธอมากที่สุดคนหนึ่ง ด้วยความชื่นชมและชื่นชอบในผลงานเรื่อง “ตุ๊กแกผี” ก็ต้องพบกับเหตุการณ์ประหลาดที่ต้องเอาชีวิตเข้าแลกนี้ด้วยเช่นกัน ขวัญไพลินเริ่มแน่ใจแล้วว่ามันต้องมีสาเหตุมาจากตุ๊กแกอย่างแน่นอน แต่ไม่มีใครเชื่อเธอเลย แม้แต่ “วิฑูรย์” (พีท ทองเจือ) แพทย์สาขาจิตเวช แฟนหนุ่มของเธอ เพื่อที่จะหาทางรักษาแต่เนิ่นๆ วิฑูรย์จึงได้ขอร้องให้เธอลองไปเช็กสมอง เพราะเขาเห็นว่าขวัญไพลินมีอาการผิดปกติ เริ่มเห็นภาพหลอนและจินตนาการเกินจริง ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่เธอเป็นอย่างมาก เพราะเธอมั่นใจว่าสิ่งที่เธอเห็นนั้นเป็นความจริงไม่ใช่ภาพหลอนแต่อย่างใด ขวัญไพลินเริ่มระแวงและหวาดหวั่นในชะตาชีวิตของเธอที่อาจจะต้องจบลงเช่นเดียวกับคนรอบข้าง เธอเริ่มค้นหาสาเหตุและวิธีจัดการกับความสยองขวัญเหล่านั้น โดยหารู้ไม่ว่าต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดอาจจะมาจาก…ตัวเธอเอง เรื่องราวลึกลับสยองขวัญอันน่าสะพรึงกลัวยังคงอยู่รอบๆ ตัว และดำเนินต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด…
ฟอร์มาลีนแมน รักเธอเท่าฟ้า (2547/2004) แก่นเรื่องนี้คือใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง ผมมองว่าคนสมัยนี้แสวงหาเพื่ออะไร ทุกอย่างล้วนเอาไปไม่ได้หากตายไปแล้ว ทรัพย์สมบัติก็เอาไปไม่ได้ การยึดติดในสิ่งต่างๆ หนังเรื่องนี้นำเสนอให้เห็นถึงเหตุของทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรัก โลภ โกรธ หลงซึ่งจะแสดงออกผ่านทางตัวละคร “ฉัตรทอง” คือความโกรธ, “แก้ว” คือความรัก, ความโลภก็คือ “เฮียกวง” ส่วนความหลงก็มีตัวของ “แหว๋ว” ซึ่งเป็นเรื่องชู้สาว ก็เป็นการแบ่งไปตามตัวละครซึ่งตัวละครทุกตัวก็จะแก้ปัญหากันไปตามทิศทางของเขา แต่สุดท้ายทุกคนจะต้องหยุด ทำให้รู้ว่าเมื่อคุณละแล้วก็จะพบความสุข ซึ่งจะเห็นชัดมากในตัวของเอกชัย สุดท้ายก็ต้องยอมรับในสัจจธรรม ทุกคนต้องปล่อยวางเดินสายกลาง ผมเป็น Film Maker มาตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตการทำงาน จวบจนกระทั่งถึงวันนี้เป็นเวลาร่วมสิบปี เงินก้อนแรกที่ได้มาจากการทำงานก็มาจากการทำหนังไทย ผมถือว่าหนังไทยมีบุญคุณกับผม และเมื่อผมได้มีโอกาสเข้ามากำกับภาพยนตร์เรื่อง “ฟอร์มาลินแมน รักเธอเท่าฟ้า” มันจึงทำให้ผมรู้สึกกลัวและเกร็ง กลัวว่าจะทำให้คนดูผิดหวังกับหนังไทย ผมถึงต้องทุ่มเทความรู้ความสามารถทั้งหมดที่มีอยู่ในหัวให้กับการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ทุกคัตทุกเฟรมที่อยู่ในหนังเรื่องนี้ มันได้ผ่านสายตาของผมมาเกินร้อยครั้งเพื่อทำให้มันสมบูรณ์ที่สุดเมื่อต้องผ่านสายตาผู้ชมในครั้งแรก แรงบันดาลใจที่ทำให้คิดทำภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดมาจากความสนใจในเรื่องราวของคนตายแล้วฟื้น ผมพยายามที่จะคิดหาคำตอบว่า ทำไมคนที่ตายไปแล้วถึงฟื้นขึ้นมา และคำตอบมันก็อยู่ในเรื่องนี้ สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นความโชคดีของผมในการนั่งเก้าอี้เป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องแรกก็คือผมได้ทีมงานและนักแสดงที่มีคุณภาพมากๆ ทุกคนล้วนมีความสามารถสูง พวกเขาได้มาแต่งเติมภาพในฝันของผมให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น วิธีกำกับการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ผมจะเลือกใช้การ Improvisation หรือการด้นสดๆ เพื่อจะได้การแสดงที่ดูเป็นธรรมชาติ-สมจริง จึงจำเป็นต้องใช้นักแสดงที่มีจินตนาการและความสามารถสูง ไม่ใช่ทำตามสั่งแต่นักแสดงจะต้องร่วมคิดร่วมจินตนาการไปกับผมด้วย เขาต้องเชื่อว่าเขาเป็นตัวละครในภาพยนตร์จริงๆ ซึ่งนักแสดงทุกคนก็ทำได้ดีเกินคาด ถ้าจะเปรียบภาพยนตร์เรื่อง “ฟอร์มาลินแมน รักเธอเท่าฟ้า” เป็นอาหารจานหนึ่ง มันคงไม่ใช่แฮมเบอร์เกอร์, หูฉลาม, ปลาซาบะ, เนื้อย่างเกาหลี แต่มันเป็นข้าวมันส้มตำรสแซ่บ ที่มีทั้งเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เต็มครบทุกรสชาติถูกปากคนไทย
มนต์ผีบอก (2547/2004) เมื่อวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งคิดแก้แค้นเพื่อนด้วยวิธีลึกลับทางไสยศาสตร์ โดยการนำดินจากป่าช้า 7 แห่ง ตามตำรา "เจ็ดป่าช้า" มาปลุกเสกด้วยมนต์ผีบอก แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่านอกจากความสะใจที่ได้แล้ว "หายนะ" กำลังไล่ล่าอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย เมื่อความน่าสะพึงกลัวปนสยดสยองของ "เงา" ลึกลับที่มองไม่เห็นได้ตามไล่ล่าอย่างไม่ลดละ พวกเขาจะลบ "อาถรรพ์" นี้ลงได้อย่างไร..??
ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ (2547/2004) ธรรม์ (อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม) ช่างภาพหนุ่มกับ เจน (ณัฐฐาวีรนุช ทองมี) แฟนสาวของเขา ทั้งคู่ขับรถชนหญิงสาวคนหนึ่งอย่างแรง แล้วตัดสินใจขับหนีไป ต่อมาทั้งคู่พบเหตุการณ์ประหลาด เมื่อภาพที่ธรรม์ถ่ายติดแสงเงาประหลาด และบางภาพมีเงาคล้ายกับใบหน้าของผู้หญิงติดมาในรูปด้วย และเป็นที่มาของการสืบเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆ