ดราม่า
ชายสะไบ (2493/1950) เรื่องของลูกทุ่งและการล้างทุ่งเพื่อแก้แค้นกัน ด้วยหมัดต่อหมัด ดาบต่อดาบ สุรสิทธิ์เป็นเจ้าหนุ่มเลือดไพร่ ผู้เผยอพิศมัยในลูกสาวของนายทุน จนกระทั่งพบกับความทารุณกลั่นแกล้งอย่างเจ็บแสบจากทัต เอกทัต หัวแก้วหัวแหวนของนายทุน ผู้ซึ่งปองสาวงามนั้นอยู่เหมือนกัน พรรณี สำเร็จประสงค์ แม่สาวผู้นี้ เปนตัวการที่ความงามของหล่อนสร้างความเกลียดให้เกิดแก่ชีวิตของคนหลายคนเชื่อมโยงกันไป ดีที่สุดที่สุรสิทธิ์แสดงได้ ก็คือบทบาทเมื่อเขารู้ตัวว่าเมียของเขากำลังจะมีลูกถึงกับตื่นเต้นโลดถลาจะไปตามหมอตำแยทั้งที่เมียเพิ่งตั้งไข่ได้ 1 เดือน ดีที่สุดของทัต เอกทัต ก็คือบททารุณทั้งอย่างเลือดร้อนและเลือดเย็นของเขา ดีที่สุดในบรรดาตัวประกอบ ก็คือ ม.ล. เตาะ โกมารชุน ซึ่งแสดงบทบาทเป็นแม่เฒ่า ของสุรสิทธิ์ได้อย่างมีชีวิตชีวา และดีที่สุดในกะบวนจี้เส้นด้วยหน้าตายและหนวดจิ๋มคือจำรูญ หนวดจิ๋ม (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน สยามนิกร 11 กันยายน พ.ศ. 2493)
ลานท่าฟ้า (2491/1948) ภาพยนต์ไทยเรื่องแรกหลังสงคราม ของบริษัทดาราภาพยนต์ (ที่มา: นิตยสาร จอเงิน พฤษภาคม พ.ศ. 2491)
ชอนกาเหว่า (2489/1946) เพราะความเหลวแหลกของ ประเวศทำให้เขาถูก นายประวัติ ผู้เป็นบิดา เฉดหัวออกไปจากบ้าน ประเวศจึงต้องออกรอนแรมไปยังหมู่บ้านชอนกาเหว่า สถานที่ที่เขาได้พบกับ ผู้ใหญ่ฟื้น เพื่อนของบิดา ทว่าผู้ใหญ่ฟื้นกลับไม่รู้จักประเวศ ประเวศจึงเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น นายเริกษ์ และขอทำงานในไร่ฝ้ายของผู้ใหญ่ฟื้น ฝ่ายนายประวัติ หลังจากไล่ประเวศลูกชายออกจากบ้าน ก็ชักชวน จามรี หลานสาวมาช่วยงาน รวมถึงไปช่วยดูแลไร่ฝ้ายของผู้ใหญ่ฟื้น ทำให้เธอได้พบกับประเวศ แต่เพราะท่าทียียวนของประเวศทำให้เธอไม่อยากจะผูกสมัครรักใคร่ทั้งที่ในใจก็แอบชอบ กระทั่งประเวศรู้ข่าวว่า นายยศ ลูกเขยของผู้ใหญ่ฟื้นกำลังคิดจะโกงฝ้าย และจับจามรีเป็นตัวประกัน ด้วยความรักประเวศจึงเร่งรุดไปช่วยจนเกิดการต่อสู้ขึ้น ในจังหวะเดียวกับที่ประวัติและผู้ใหญ่ฟื้นเดินทางมาพบเข้า จึงช่วยประเวศล้างบางพวกคิดคดทรยศ แต่น่าเสียดายที่ผู้ใหญ่ฟื้นพลาดท่าเสียชีวิต ประเวศและจามรีจึงดูแลไร่ฝ้าสืบไป
เลือดไทย (2484/1941) สร้างจากชีวิตแท้ของไทยใกล้แม่โขงที่ยอมสละชีวิตและเลือดเนื้อ เพื่อป้องกันอิสรภาพและทรัพย์สิน เพราะโจรหมู่หนึ่งคอยรังควาน ปล้นสะดมอยู่ไม่หยุด แม้ว่าเลือดจะสาดราดแผ่นดิน ไทยในยามนี้ก็คิดแต่เพียงว่า เขาสูญสิ้นแต่ร่างกาย ส่วนชื่อเสียงของผู้ทำดีย่อมไม่หายไปจากโลกนี้เท่านั้น แม้ว่าจะเป็นท่ามกลางความเวิ้งว้างว่างเปล่าเช่นนี้ ... แต่ก็ใช่ว่าจะไร้เสียซึ่งความรักความหวานหยาด เยิ้มเสียทีเดียวไม่ .. เลือดไทยต้องสู้ - สู้จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ถ้าสู้ไม่ได้ก็จงเอาร่างของเราถมไว้บนแผ่นดินไทยนี้ ดีกว่าจะต้องตกไปเปนทาษของผู้อื่น ... เมื่อเกิดมีคน ขายชาติ, หมู่คณะ ขายชาติเกิดขึ้นเพียงคนเดียว ผลที่ได้ รับก็คือ ... ภายในค่ายน้อย ๆ ที่ชาวไทย - เลือดไทยเรา ต้องร่วมใจกันสู้ฝ่ายอธรรม - สู้ - สู้ จนกระทั่งโลหิตหยด สุดท้าย เพื่อเกียรติศักดิ์ของไทย ... อย่างนี้ใครจะทนได้ แต่ถ้าใครไม่ปรารถนาที่จะอยู่ในสภาวะเช่นนี้ ก็ต้องสู้ - สู้เพื่อไว้ลายของชายชาติเสือ ผู้มีเลือดเนื้อเป็นไทย ... นี่คือคนขายชาติ แนวที่ 5 ฉะนั้น จงร่วมใจร่วมกายกันปราบ ปรามแนวที่ 5 เสียแต่บัดนี้ (ที่มา: นิตยสารประมวลภาพยนตร์ พฤษภาคม พ.ศ. 2484)