ต้มยำกุ้ง 2 (2556)

ต้มยำกุ้ง 2 3D (2556/2013) เมื่อสาเหตุการฆาตกรรม เสี่ยสุชาติ เจ้าของปางช้างผู้กว้างขวาง คือการถูกกระแทกเข้าอย่างจังในจุดตาย 3 แห่งโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ หลักฐานทั้งหมดบ่งชี้มัดตัว ไอ้ขาม เนื่องจากเขาเป็นคนสุดท้ายที่ถูกพบอยู่ในที่เกิดเหตุกับผู้ตาย ขามจึงต้องหลบหนีจากการจับกุมและการตามล่าเพื่อทวงแค้นจาก ปิงปิง-ซือซือ หลานสาวฝาแฝดของเสี่ยสุชาติ แต่โชคยังเข้าข้างเมื่อระหว่างการหลบหนี ขามได้รับการช่วยเหลือจาก จ่ามาร์ค ตำรวจสากลที่ถูกส่งมาจากซิดนีย์เพื่อจัดการภารกิจบางอย่าง ขามหนีการตามล่าพร้อมกับการตามหา ขอน ช้างตัวเดียวที่เป็นเสมือนทั้งเพื่อนและพี่น้องที่ถูกขโมยไปเมื่อหลายวันก่อน ยิ่งหนีขามก็ยิ่งต้องเข้าไปพัวพันกับองค์กรลึกลับที่ถูกควบคุมโดย แอล ซี นายใหญ่ผู้คลั่งไคล้การสะสมนักสู้จากทั่วโลกอย่างลับๆ ทำให้เหล่านักสู้ที่ถูกตีตราด้วยตัวเลข ไม่ว่าจะเป็น ทเวนตี้ หรือ Number 2 ล้วนแต่มีเป้าหมายอยู่ที่การจัดการไอ้ขามเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างของนายใหญ่

ต้มยำกุ้ง (2548)

The Protector ต้มยำกุ้ง (2548/2005) การเดินทางข้ามโลกของ “ขาม” (จา พนม ยีรัมย์) เด็กหนุ่มบ้านป่าที่ชีวิตต้องพลิกผันโดยเงื้อมมือของผู้มีอิทธิพลระดับประเทศที่ลักพาช้างพลายสองพ่อลูก ซึ่งเด็กหนุ่มและ “พ่อของขาม” (โสรธร รุ่งเรือง) เขารักดั่งชีวิต และมีความมุ่งหมายอันสูงสุดที่จะมอบเป็นคชบาทแด่ในหลวง ไปขาย ณ ประเทศออสเตรเลีย ทางเดียวที่จะช่วยเหลือและรักษาชีวิตของช้างอันเป็นที่รักของเขาได้ นั่นก็คือ การบุกตะลุยถึงถิ่นเสือ โดยการเดินทางข้ามโลก เรื่องไม่ง่ายอย่างใจคิด แม้เขาจะได้รับความช่วยเหลือจาก “จ่ามาร์ค” (หม่ำ จ๊กมก) นายตำรวจไทยและ “ปลา” (บงกช คงมาลัย) สาวไทยที่ถูกหลอกมาขายตัวในซิดนีย์ก็ตาม แต่ที่นั่น เขากลับต้องไปพัวพันกับการไล่ล่าของแก๊งมาเฟียที่นำโดย “มาดามโรส” (จิน ซิง) ที่มีลูกสมุนต่างชาติที่เต็มไปด้วยฝีมือทางการต่อสู้อย่าง “จอห์นนี่” (จอห์นนี่ เหงียน) และ “ทีเค” (นาธาน โจนส์) พร้อมลูกสมุนย่อยที่มีฝีไม้ลายมือทางการต่อสู้เหลือรับอย่าง “คาโปเอร่า” (ลาธีฟ คราวเดอร์) และ “วูซู” (จอน ฟู) อย่างไม่ได้ตั้งใจ ณ วินาทีนี้ การต่อสู้ข้ามชาติเพื่อเอาชีวิตรอดของเด็กหนุ่มและเพื่อนพ้อง ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เพื่อตามหาและช่วยเหลือ พ่อใหญ่ และ ขอน ช้างพ่อลูก ที่เปรียบได้กับญาติพี่น้องของเขา นำไปสู่บททดสอบและการต่อสู้ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาให้โลกได้ล่วงรู้ถึง อานุภาพของ "ไม้มวยไทยโบราณ" ที่หนักหน่วง รุนแรง และยังไม่เคยได้รับการเปิดเผยมาก่อน โดยเฉพาะ "ตำนานมวยคชสาร"

เกิดมาลุย (2547)

เกิดมาลุย (2547/2004) โดยเรื่องราวพูดถึงการเผชิญหน้า กับเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดในชีวิต ที่อยู่นอกเหนือจากความควบคุม อันนำมาซึ่งความเป็นความตายของผู้คนจำนวนมาก เมื่อตกอยู่ภายใต้การจับกลุ่มของผู้ก่อการร้าย ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย ที่ตั้งใจสร้างความปั่นป่วนให้กับประเทศไทย พร้อมกับชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมชายแดน ที่พวกเขาและเธอตั้งใจนำข้าวของมาบริจาค และช่วยพัฒนาหมู่บ้าน วิธีเดียวที่จะรักษาชีวิตของพวกพ้องและชาวบ้าน คือต้องนำเอาความสามารถเฉพาะตัวทางด้านกีฬาในแต่ละประเภท มาผสมผสานในการต่อสู้ด้วยมือเปล่า โดยมีเงื่อนไขของเวลา ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นให้ได้

องค์บาก (2546)

องค์บาก (2546/2003) ในประวัติศาสตร์หมู่บ้านหนองประดู่ ที่ยาวนานตั้งแต่ครั้นสมัยสงครามไทยกับพม่า ตำนานของครูดำ ผู้แกร่งกล้าด้วยศิลปะการต่อสู้ คือชายไทยผู้กล้าที่เคยแหวกฝ่ากองทัพพม่า ไปแย่งชิงเอาองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ที่ถูกทหารพม่าบุกมาปล้นสดมภ์ และแย่งชิงไปจากหมู่บ้าน เมื่อคราครั้งกระโน้นได้เป็นผลสำเร็จ จนเกิดปาฏิหาริย์แห่งรอยบาก อยู่บนพระพักตร์ขององค์พระ ว่ากันว่าร่องรอยดังกล่าว คือบาดแผลจากการต่อสู้ ที่เกิดจากอิทธิฤทธิ์ขององค์พระศักดิ์สิทธิ์ ที่รับแทนคมหอกคมดาบ ที่ทหารพม่าถาโถมฟาดฟัน เข้าใส่ร่างของครูดำนั่นเอง ว่ากันว่าความเชื่อดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับครูดำ และผู้คนในหมู่บ้านได้ถูกเล่าขาน สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แต่แล้วองค์บากกลับถูก ดอน (วรรณกิตย์ ศิริพุฒ) อดีตลูกหลานบ้านหนองประดู่ ที่ปัจจุบันหันหน้าเข้าสู่โลกแห่งความชั่วช้าอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งเรื่องของยาเสพติด การพนัน และที่ร้ายแรงที่สุด คือการแอบตัดเศียรองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ไปให้กับนักสะสมวัตถุโบราณ ที่มีจิตใจชั่วช้าในกรุงเทพ ในคืนก่อนงานเฉลิมฉลองงานบุญ ที่ชาวหนองประดู่จัดขึ้น เพื่อเฉลิมฉลองศรัทธาต่อองค์บาก ที่ได้หมุนเวียนมาครบ 24 ปี ส่งผลให้เหตุการณ์ดังกล่าว สร้างความสะเทือนใจ ต่อทุกชีวิตในบ้านหนองประดู่ โดยเฉพาะบรรดาผู้เฒ่าผู้แก่ ที่รอวันนี้มาค่อนชีวิต ราวกับว่านี่คือกงล้อแห่งศรัทธา ที่หมุนเวียนบรรจบมา เพื่อทดสอบในศรัทธาแห่งความความผูกพัน และพลังแห่งความดีงาม ของผู้คนในบ้านหนองประดู่อีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะกับผู้ที่ได้รับการสืบทอดชะตากรรม จากองค์บากโดยตรงอย่าง ทิ้ง (จา พนม ยีรัมย์) เด็กหนุ่มลูกกำพร้า ที่ได้รับการชุบเลี้ยงเติบโต จนมีสายเลือดของบ้านหนองประดู่อย่างข้นคลั่ก รวมทั้งเคล็ดวิชานวอาวุธ (อาวุธที่ก่อเกิดจากอวัยวะสำคัญ ในร่างกายของมนุษย์ทั้ง 9 อันประกอบไปด้วย 1 ศรีษะ 2 หมัดกร้าวแกร่ง 2 แรงกระทุ้งของศอก ตอกย้ำความหนักหน่วงของ 2 เข่า และความคล่องแคล้วว่องไวของ 2 เท้า) ผสมผสานกับศิลปะมวยไทยโบราณ ที่ได้รับการถ่ายทอดจากพระครู หลวงพ่อผู้เป็นดั่งเสาหลัก ที่เคารพนับถือของผู้คนในหมู่บ้านหนองประดู่ ลูกศิษย์คนสำคัญของครูดำ ปูชนียบุคคลที่มีคุณอนันต์ของหมู่บ้าน การเดินทางมุ่งหน้าสู่หนทางแห่งการต่อสู้ การทบทวนจิตวิญญาณแห่งความใฝ่ดี และการเผชิญหน้ากับโลกใหม่ ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ลุ่มหลงนิยมในวัตถุเงินทอง ท่ามกลางแสงสีของเมืองหลวง ที่เต็มไปด้วยความคดโกง หลอกหลวง และแก่งแย่งชิงดี ทิ้งได้พบกับบททดสอบแห่งศรัทธา และภาระรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น อันตรายมากขึ้น โดยมีคนๆ เดียวในเมืองหลวง ที่จะช่วยทิ้งตามหาดอนได้คือ หำแหล่ หรือ ยืนยง (หม่ำ จ๊กหมก) ลูกชายของผู้ใหญ่น้อย อีกหนึ่งลูกหลานบ้านหนองประดู่ ที่ถูกส่งมาเล่าเรียน เพื่อกอบโกยเอาความรู้ นำกลับไปพัฒนาถิ่นเกิด แต่กลับกลายเป็นว่า ทิ้งถูกหำแหล่ ที่บัดนี้เปลี่ยนรูปโฉมเป็น ไอ้ยอร์จ หนุ่มหัวทองไร้ซึ้งหัวจิตหัวใจ หลอกขโมยเอาถุงห่อของมีค่า ที่รวบรวมเอาแบ๊งค์ยี่สิบเก่าๆ เงินเหรียญ และบรรดาทรัพย์สมบัติของผู้เฒ่าผู้แก่ ลูกหลานของบ้านหนองประดู่ ที่รวบรวมให้ทิ้งเพื่อเป็นทุนรอน ในการตามหาองค์บากในเมืองใหญ่ ไปวางเดิมพันในมวยเถื่อนเสียแล้ว เส้นทางในการเสาะหาองค์บาก ดึงเอาทิ้งเข้าไปเกี่ยวข้อง กับชีวิตของผู้คนอันหลากหลายในเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น เง็ก (รุ่งระวี บริจินดากุล) หญิงสาวสู้ชีวิต ที่ถูกความเหลวแหลกของเมืองหลวง กัดกินทั้งร่างกายและจิตใจ, หมวยเล็ก (ภุมวารี ยอดกมล) เด็กสาวแก่นแก้ว ที่งดงามทั้งหน้าตาและจิตใจ, ไอ้เป๋ง (เชษฐวุฒิ วัชรคุณ) นักเลงหัวไม้ หัวโจกของบรรดาจิ๊กโก๋คุมซอย คู่ปรับคนสำคัญของยอร์จ ความเป็นจริงในความหวังที่ไม่เพียงดูริบหรี่ แต่กลับเริ่มไกลห่าง ออกไปจากตัวทิ้งมากขึ้นทุกที เมื่อจิตศรัทธาแห่งความดีงาม จากคนรอบข้างที่มีต่อองค์บาก ค่อยรางเลือนมากยิ่งขึ้น กลับกันกับชักนำให้ทิ้ง ถล้ำเข้าไปสู่วังวนแห่งการต่อสู้ ที่ดูเหมือนจะขัดกับถ้อยคำที่พร่ำสอนจากพระครู เมื่อทิ้งถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้อง กับเกมการต่อสู้และการไล่ล่า ที่อบอวลไปด้วยความชั่วร้าย จากทั้งคนไทยด้วยกันเองและชาวต่างชาติ และนี่คือจุดเริ่มต้น ของการเดินทางแห่งจิตศรัทธา ที่นำมาซึ่งการต่อสู้ เพื่อพิสูจน์ศักดิ์ศรีของศิลปะการต่อสู้ ที่เรียกขานว่า แม่ไม้มวยไทยโบราณ

ปล้นบ้าๆบวมส์ๆ (2522)
ปล้นบ้าๆบวมส์ๆ (2522/1979) "มากู่ร้องเสียงหัวเราะให้ก้องโลก ให้เหงือกลั่น สั่นกระเดือกจนขากรรไกรค้าง เมื่อนักปล้นขี้ลืมปล้นธนาคาร"

เด่น เด๋อ เทพ ชวนเพื่อนๆ ไปปล้นธนาคารแล้วหนีตำรวจได้ และขณะหลบหนีรถเกิดตกคลอง เอ๋ผ่านมาจึงช่วยไว้ เอ๋ชวนพวกเด่นไปที่บ้าน เสี่ยบู๊พ่อของเอ๋ถูกโกงไพ่แต่พวกเด่นช่วยไว้ได้ เด่นนำเงินที่ปล้นไปฝากไว้ที่ป้าหอม แล้วไปหางานทำที่กรุงเทพฯ แต่หาไม่ได้จึงชวนกันไปหาเอ๋ที่บ้าน และได้รู้จักกับแอนพี่สาวเอ๋ เด่นชวนเอ๋กับแอนไปหาป้าหอมเพื่อเอาเงินที่ฝากไว้ แต่พอมาถึงป้าหอมตายไปแล้ว ป้าหอมนำเงินที่พวกเด่นฝากไว้ถวายวัดเพื่อสร้างโบสถ์ เป็นขณะเดียวกับที่ตำรวจมาจับพวกเด่นที่วัด และเสี่ยบู๊เพิ่งรู้ว่าพวกเด่น คือพวกที่ปล้นธนาคารของตัวเอง ทั้งหมดถูกจับ

สุภาพบุรุษเสือไทย (2522/1979) ชีวิตของ "กำนันไทย" ที่ดูจะราบรื่นต้องมาพังทลาย เมื่อรับ "แฉล้ม" มาเป็นเมียน้อยเพื่อชดใช้หนี้ เมื่อ "คง" ชู้รักเก่าของแฉล้มมาปรากฏตัว แฉล้มกลับหลอกกำนันไทยว่าคงเป็นญาติ กำนันไทยผู้มีน้ำใจเชื้อเชิญให้คงมาอาศัยด้วยกัน หารู้ไม่ว่านั่นเป็นการต้อนรับโจรให้เขามาอยู่ในบ้านและส่งผลให้ชีวิตเขาต้องพังทลาย ภรรยาถูกฆ่าเสียชีวิต เขาถูกใส่ร้ายว่าเป็นฆาตกร ต้องหลบหนีกระเซอะกระเซิง แม้พยายามจะดับแค้นด้วยธรรมะแต่ด้วยความชั่วของคนเลวทำให้เขาต้องกลายเป็นเสือที่กลับมาเพื่อชำระแค้น
10 ยอดแสบ (2521)

10 ยอดแสบ (2521/1978) สิบคนผจญชีวิต ต่างความคิดต่างความฝัน แต่อย่างหนึ่งซึ่งเหมือนกัน สิ่งนั้นคือ "ความแสบ" เพลง สิบยอดแสบ, ในตาเธอมีดาว, ฉันรวยแล้วจ้า, ลืมเสียเถิดความทุกข์ แพ็ต ชวน โย ไปดูซุปเปอร์มาเก็ตปากซอยที่เจ้าของร้านถูกยิงตายตอนดึก และได้เห็นพวก พรหมเข้าไปเอาทองจากในร้าน ทั้งคู่ขโมยทองและรถของพรหมหนีไปโดยชวนโรจน์ มาร่วมทีมอีกคน หาญ ตามไปเจอพวกโย แต่โชคดีที่ ธง ช่วยเอาไว้ได้ หาญกลับไปตาม ตะวัน และพรหม ตกดึกตะวันพาลูกน้องไปจัดการพวกธงแต่ตะวันถูกธงจับได้ ตะวันหลอกพวกธงให้เอาทองมาให้เพื่อไปแลกผงขาวจาก เล่าสือ ธงนำทอง 10 แท่งมาให้ตะวัน ระหว่างนั้น นิตยา มาเตือนธงให้ระวังตะวัน ธงและเพื่อนจึงรู้ตัวว่าถูกหลอก และวางแผนหาทางเอาทองคืน แพ็ตและโยไปชวนปรีชา มาทำงานด้วยกัน ส่วนโรจน์ก็ไปชวน พรเทพ ซึ่งเป็นนักเปิดเซฟมาอีกคน ทุกคนให้ปรีชาเป็นผู้จีบเมเด็นท์ (นางนกต่อ) เพื่อให้รู้วิธีไปพบเล่าสือ ปรีชาให้เมเด็นท์พาตะวันออกไปกินข้าวนอกบ้าน เพื่อที่พวกเขาจะได้ไปเอาทองกลับมาได้ และเดินทางไปหาเล่าสือที่เชียงใหม่ ตะวันกลับมารู้เรื่องจึงฆ่าเมเด็นท์ตาย และพาลูกน้องตามพวกธงไป พวกธงมาหาเล่าสือที่เชียงใหม่ เอาทองมาแลกกับผงขาวและพลอยจากเล่าสือ แต่พวกตะวันตามมาขัดขวางจึงเกิดการต่อสู้ขึ้น พวกธงฆ่าพวกตะวันตายหมด นิตยานำตำรวจขึ้นมาเอาผงขาวจากพวกธงไป แต่พวกเขายังแอบซ่อนพลอยเอาไว้ได้ แต่นิตยาไม่ยอม ทำให้เรื่องราวไม่จบลงอย่างที่พวกธงต้องการ

มหาภัยพันหน้า (2521)
มหาภัยพันหน้า (2521/1978) หนึ่งหน้า มีไว้เพื่อบุพการี ร้อยหน้า มีไว้เพื่อสาวๆ พันหน้า เมื่อถึงคราวพิฆาตศัตรู พันตำรวจตรีสกาว (สมบัติ เมทะนี) และสิบตำรวจเอกไวย (ลักษณ์ อภิชาติ) จากหน่วยสืบสวนพิเศษของกรมตำรวจ ได้ปลอมตัวมาเป็นพลเมืองดีเพื่อขจัดเหล่าคนชั่วในประเทศไทยทั้งหลาย แต่เพื่อให้แนบเนียนและไม่มีใครรู้ว่าเป็นตำรวจ สกาวจึงต้องปลอมตัวเป็นบุคคลต่างๆ เพื่อตามล่าคนร้าย เขาจึงได้ชื่อว่า "มหาภัยพันหน้า" อีกทั้งได้รับการร่วมมือจาก คุณดื้อ (อรัญญา นามวงษ์) มาช่วยกันปราบปรามอีกแรง
จ่ากำแพงดิน (2521)

จ่ากำแพงดิน (2521/1978) เรื่องราวของสามทหารเรือ จ่ารบ (สมบัติ เมทะนี) จ่าราวี (ดามพ์ ดัสกร) และ จ่าดำ (อดินันท์ สิงห์หิรัญ) ที่มีภารกิจลับในการปราบปรามยาเสพติดในจังหวัดเชียงใหม่ พวกเขาต้องต่อกรกับ พ่อเลี้ยงอินถา (กำธร สุวรรณปิยะศิริ) นักค้าของเถื่อน ยาเสพย์ติด และโสเภณี ผู้ทรงอิทธิพล แต่งานนี้ไม่เพียงแต่พวกเขาสามคนเท่านั้นที่ต้องการตัวพ่อเลี้ยงอินถา ยังมีตำรวจลับอย่าง พ.ต.ต. นิรันด์ (วิทยา สุขดำรงค์) ที่ตามจับตาอาชญากรกลุ่มนี้อยู่

ตบะแตก (2520)

ตบะแตก (2520/1977) โกรธไม่เป็น กลัวอย่างเดียว กลัวทนไม่ได้ ผลงาน ลุย ประกันคุณภาพ รุจน์ รณภพ เสนอ ตบะแตก

ตำรวจพัทยาได้ข่าวว่ามีแก็งค์ลักพาผู้หญิงไปขายเมืองนอก หนีมากบดานในพื้นที่ ผู้กองไทยแท้ ได้รับมอบหมายภารกิจให้ตามจับคนร้ายแก๊งค์นี้ อีกด้านหนึ่ง แสนรัก หญิงสาวที่ออกมาตามหาน้องสาวที่พัทยาไปมีเรื่องในร้านของอุกฤษ ซึ่งแท้จริงคือที่กักขังหญิงสาวที่ถูกจับตัวมา ผู้กองไทยแท้สั่งให้ลูกน้องสะกดรอยตามแสนรักและพวก จนผู้กองและแสนรักได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น และนอกเหนือจากนั้นเป้าหมายของทั้งคู่คือการต่อสู้ตาต่อตา ฟันต่อฟันที่หมายจะทลายแก๊งลักพาตัวนี้ให้หมดสิ้นไป

ศาลปืน (2520)

ศาลปืน (2520/1977) สันติสุชาภาพยนตร์ เสนอภาพยนตร์เหนือความยิ่งใหญ่มโหฬารที่สุด สร้างจากนิยายในนิตยสาร บางกอก ของ ศักดิ์ สุริยา

เมื่อเจ้าพ่อทรงอิทธิพลแห่งภูพานอย่าง "ดวงเมือง" (เกชา เปลี่ยนวิถี) ใช้วิธีศาลเตี้ยที่เรียกว่า "ศาลปืน" กำจัดเหล่าผู้ต่อต้าน "ปฏิวัติ" (สมบัติ เมทะนี) ผู้มาเพื่อทวงแค้นจากการที่พ่อของเขาถูกฆ่าตายเพื่อฮุบเอากิจการโรงเลื่อยของพ่อเขาไป แต่งานนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่ออิทธิพลของเจ้าพ่อดวงเมืองใหญ่คับฟ้า ปฏิวัติจึงหาแนวร่วมอย่าง "บุญโฮม" เพื่อนเก่า และ "เสือพลุ" (นาท ภูวนัย) ขุนโจรที่ชอบช่วยเหลือชาวบ้านคนจนจากการกดขี่ของอิทธิพล นอกจากนี้ยังได้รับความช่วยเหลือจาก "อุ๋ย" (ปิยะมาศ โมนยะกุล) ลูกสาวดวงเมืองเองที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของบิดาอีกด้วย

ปฏิวัติ (สมบัติ เมทะนี) เดินทางมายังภูพานเพื่อทวงกรรมสิทธิ์ในโรงลื่อยของพ่อของเขาคืน โดยที่พ่อของปฏิวัติได้ถูกดวงเมือง (เกชา เปลี่ยนวิถี) และใบแดง (มานพ อัศวเทพ) ฆ่าตายและชิงหุ้นส่วนไป ปฏิวัติได้ขอความช่วยเหลือจากบุญโฮมเพื่อนกันในสมัยเด็กๆ และบุญโฮมได้ขอความช่วยเหลือต่อไปที่พลุ หรือ เสือพลุ เพลิงฟ้า (นาท ภูวนัย) ขุนโจรที่ชอบช่วยเหลือชาวบ้านคนจนจากการกดขี่ของอิทธิพล แต่บุญโฮมถูกฆ่าตายเสียก่อน ด้วยวิธีการศาลเตี้ยของดวงเมืองที่เรียกว่าศาลปืน ปฏิวัติและเสือพลุจึงต้องร่วมมือกัน โดยมีมาลีทิพย์ (นัยนา ชีวานันท์) หญิงสาวพื้นที่ซึ่งเสือพลุหลงรักอยู่คอยให้การช่วยเหลือคนทั้ง 2

ปฏิวัติได้พบกับดวงดาราหรือ อุ๋ย (ปิยะมาศ โมนยะกุล) ลูกสาวดวงเมือง เธอได้แยกออกจากพ่อของเธอแล้ว แต่พี่ชายของเธออีก 2 คนคือ เดชกำพล (ดามพ์ ดัสกร) และเดชกำปนาท (ฉัตร มงคลชัย) ยังคงทำงานอยู่กับดวงเมืองผู้เป็นพ่อ โดยเฉพาะเดชกำพลที่เป็นคนเลือดร้อนได้ลอบทำร้ายปฏิวัติและเสือพลุหลายครั้ง นอกจากนี้ ปฏิภาณ น้องชายของปฏิวัติได้เดินทางมาช่วยพี่ชายอีกคน ยังได้ช่วยเหลือบุญถึง (ลักษณ์ อภิชาติ) ให้พ้นจากการรังแกของลูกน้องเดชกำพลอีกด้วยและเงาจันทร์ น้องสาวบุญถึง

ในที่สุด ปฏิวัติ เสือพลุ ปฏิภาณ ดวงดารา มาลีทิพย์ ก็ได้ร่วมมือกันในการกำจัดอิทธิพลดวงเมือง และนำดวงเมืองเข้าสู่ศาลปืนเพื่อให้รับสารภาพก่อนจะถูกจับส่งให้ทางกฎหมายต่อไป

บินเดี่ยว (2520)
บินเดี่ยว (2520/1977) ข้อความบนใบปิด วินโปรดักชั่นฟิล์ม เสนอ ภาพยนตร์บู๊ อินทรีแดง ตอนใหม่ บู๊ระเบิด ฮาสะบั้น สนุกสุดยอด นำโดย...พระเอกอินทรีแดงคนใหม่ สิงหา สุริยง นัยนา ชีวานันท์ ไพโรจน์ ใจสิงห์ เมตตา รุ่งรัตน์, ล้อต๊อก, ชูศรี มีสมมนต์, โดม สิงห์โมฬี, ไกร ครรชิต ฯลฯ ขอแนะนำ โสฬส บุญยงค์ ดาวร้ายหน้าใหม่ บินเดี่ยว บทประพันธ์ของ...เศก ดุสิต วิน วันชัย สร้างและกำกับ สันติสุชาภาพยนตร์ จัดจำหน่ายทั่วประเทศ
เทวดาเดินดิน (2519)

เทวดาเดินดิน (2519/1976) เรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นที่ทำงานเถื่อน เริ่มจากขนยาเสพติด ขโมยของปล้นร้านทอง ขโมยรถ และฆ่าคน พวกเขาใช้ชีวิตอย่างอิสระและไม่เกรงกลัวกฎหมาย จนได้รับฉายาว่า "เทวดาเดินดิน" แต่ก็ถูกตำรวจตามล่าจนต้องหนีลงใต้

ในปี พ.ศ. 2520 ต้อย (ต่อลาภ กำพุศิริ) ปลอมตัวเป็นลูกศิษย์วัด แล้วนำผงขาวไปส่งลูกค้าแต่ถูกตำรวจตามล่า ขณะกำลังหนีเอาตัวรอด ต้อยขับรถชนรถ พล (สรพงษ์ ชาตรี) ที่กำลังมีเรื่องกับนักข่าวไพบูลย์ และกำลังจะถูกตำรวจเล่นงาน พลจึงกระโดดขึ้นรถต้อยและหนีไปด้วยกัน ต้อยขอตามไปอยู่กับพลด้วย พลแนะนำให้รู้จักกับน้อง (วิยะดา อุมารินทร์) พวกเขาไม่ทำงานเที่ยว เอาแต่ขโมยของ ปล้นฆ่าคนตามอำเภอใจ ไพบูลย์จึงให้ฉายาทั้งสามว่า เทวดาเดินดิน

ทั้งสามหนีการตามล่าของสารวัตรบุญลงภาคใต้ ระหว่างหนี พลช่วยแอ๊ด (กิตติ ดัสกร) ที่เกือบตกรถไฟไว้ได้ จึงตกลงเป็นเพื่อน และพาไปอยู่ด้วยกัน ทั้งหมดชวนกันปล้นธนาคารที่บูลย์ (บู๊ วิบูลย์นันท์) ทำงานอยู่ บูลย์ขอเข้าเป็นพวกและร่วมทีมอีกคน ทั้งหมดปล้นฆ่าไปทั่ว คืนหนึ่งขณะที่พวกพลเริงร่ากับเงินที่ปล้นมาได้ สารวัตรบุญพาตำรวจล้อมจับ แต่พวกพลไม่ยอมจึงต่อสู้กับตำรวจ จนทำให้บูลย์ถูกยิงตาย

พล น้อง ต้อย และแอ๊ด หนีเข้าไปในป่าเลาะซึ่งเป็นเขตอันตราย น้องถูกกับดักที่ขาบาดเจ็บ พวกพลถูกชาวป่าเลาะจับตัวไปสอบสวน ตกดึกหมู่บ้านป่าเลาะถูกบุกแอ๊ดสู้จนตาย ชาวป่าเลาะเป็นฝ่ายชนะ แต่ต้องการให้ พล น้อง ต้อย ออกจากหมู่บ้านไป น้องกำลังจะตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว น้องอยากจะไปพัทยา พลตกลงจะพาไป ขณะที่พล ต้อย และน้อง กำลังไปพัทยา ก็ถูกตำรวจตามล่าและปิดล้อม ทุกคนหนีขึ้นไปบนตึกและยึดชั้นบนได้ นักข่าวไพบูลย์แอบขึ้นไปคุยกับพล และพยายามกล่อมให้พลยอมจำนน แต่พลไม่ยอม สุดท้ายทั้งหมดจึงถูกตำรวจฆ่าตาย

ชุมแพ (2519)

ชุมแพ (2519/1976) เพิก ชุมแพ (สมบัติ เมทะนี) กลับมายังชุมแพอีกครั้งหลังจากที่ต้องจากไปนานเพราะพ่อของเขาถูกฆ่าตาย โดยศัตรูเก่าของเขาคือจ่าบุญถม (เกชา เปลี่ยนวิถี) ตำรวจเก่าเจ้าของฉายา จ่าถม นิยมไถ เพราะจ่าถมมีธุรกิจผิดกฎหมายหลายอย่างรวมทั้งในอิทธิพลในการรีดไถชาวบ้านมากมาย

จ่าถมใช้ความคุ้นเคยกับ ร.ต.อ.ไชโย วีรพล (นาท ภูวนัย) นายตำรวจมือปราบที่มาชอบพอกับดวงพร (ธัญญรัตน์ โลหะนันท์) มาสร้างอิทธิพลในอีกทางหนึ่ง แต่ผู้กองไชโยเป็นตำรวจตงฉินเมื่อรู้เข้าก็แยกตัวห่างจากจ่าถม ในขณะที่เพิกเองก็ทำการตอบโต้จ่าถมด้วยการขัดขวางการรีดไถของจ่าถมทำให้จ่าถมโกรธมากจึงตามตัว ภู น้ำพอง (ดามพ์ ดัสกร) ลูกเก่ามาช่วยจัดการกับเพิก

ผู้ใหญ่เสือ (มานพ อัศวเทพ) ศัตรูเก่าอีกคนของเพิกออกปล้นชาวบ้านโดยใช้ชื่อเสือเพิกทำเพิกเป็นที่ต้องการตัวของทางการ โดยเฉพาะผู้กองไชโยที่ต้องการจับเพิกให้ได้ เพิกไปขอความช่วยเหลือจากพิณ ภูเขียว (ครรชิต ขวัญประชา) เพื่อนเก่าพร้อมกับจับตัวแววดาว (ปิยะมาศ โมนยะกุล) หญิงสาวที่จ่าถมหมายปองมาสอบสวนแต่สุดท้ายก็ปล่อยตัวไป

ภูวางแผนลอบฆ่าเพิก แต่ดอน (ลักษณ์ อภิชาติ) ลูกน้องของจ่าถมที่เพิกเคบช่วยไว้ไม่ลงมือสังหารเพิก ทำให้ดอนต้องหลบหนีมาเข้ากับเพิก จากนั้นเพิกก็วางแผนตอบโต้ครั้งใหญ่ จับดวงพรที่ไม่รู้การกระทำของพ่อไปไว้ที่อื่น จับตัวจ่าถมและผู่ใหญ่เสือมาแล้วลลวงให้ลูกน้องของทั้งสงคนมาช่วยและพาไปชุมนุมกันอยุ่ที่รังใหญ่ของจ่าถม จากนั้นเพิกก็ให้คนไปแจ้งผู้กองไชดยยกกำลังมาจับจ่าถมและพวก การปะทะครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น จ่าถมถูกจับ ส่วนภูก็ตายไปในการดวลปืนกันผู้กองไชโย ส่วนเพิกจะขอไปมอบตัวในวันรุ่งชึ้น และเมื่อวันนั้นมาถึงความจริงก็เปิดเผยว่า แท้จริงแล้วแววดาวคือ ร.ต.ท.หญิงแววดาว ส่วนเสือเพิกคือ นายอำแภอ เพิก ชุมแพ นายอำเภอคนใหม่

ไอ้เหล็กไหล (2518)
ไอ้เหล็กไหล (2518/1975) จากการแย่งกันซื้อพลอยสีฟ้าที่ชาวบ้านขุดได้ ซึ่งต่อมาสหาย (สมบัติ เมทะนี) เป็นผู้รับซื้อพลอยเม็ดนั้นไว้ ทำให้โกศัย (ดามพ์ ดัสกร) พ่อค้าพลอยจอมโหดไม่พอใจสั่งลูกน้องไปฆ่าสหายทันที แต่โชคดีที่สร้อยมุกดา (อรัญญา นามวงษ์) มาช่วยสหายไว้ได้ทัน โกศัยส่งลูกน้องตามไปทำร้ายสหายอีกในขณะที่อยู่กับปรารถนา (อัมรัตน์ ขัตติยา) น้องสาวของโกศัย แต่ครั้งนี้ แฉ ชูเพลิง (กรุง ศรีวิไล) ก็เข้ามาช่วยสหายไว้อีก ต่อมาบ้านของสุปราณี (นัยนา ชีวานันท์) ถูกโกศัยเผาทิ้ง สุปราณีกับพ่อจึงต้องมาอาศัยอยู่กับสหาย โกศัยได้ทีแกล้งหลอกให้ปรารถนาซึ่งหลงรักสหายนำระเบิดเวลาไปซุกไว้ในรถยนต์โดยหลอกว่าเป็นเทปบันทึกเสียงเพื่อจะให้ปรารถนาได้รู้ความจริงว่าสหายมีอะไรกับสุปราณี แต่แฉก็ควบมอเตอร์ไซด์ตามไปบอกสหายได้ทัน การรวมตัวของสหายกับแฉทำให้โกศัยต้องจับตัวสร้อยมุกดาและสุปราณีไปขังไว้ที่โกดังเก็บอาวุธเถื่อนเพื่อลวงสหายกับแฉมาฆ่า แต่สหาย คำสิงห์ (ลักษณ์ อภิชาติ) กับพวกและแฉ ชูเพลิงในมาดนายตำรวจก็ระดมกำลังเข้าไปทลายโกดังแห่งนั้นได้สำเร็จ
นักเลงเทวดา (2518)
นักเลงเทวดา (2518/1975) เรื่องราวของ เทหรือเทวดา นายตำรวจหนุ่มซึ่งแฝงตัวมาในมาดของนักเลงฝีมือดีที่เหล่าอันธพาลต้องพากันขยาด แต่สำหรับสาวๆ แล้วเขาคือ นักรักผู้ยิ่งใหญ่ ปฏิบัติการสืบหาคนร้ายจึงเริ่มขึ้นพร้อมกับความรักเสมอ จนเขาถูกขนาดนามว่า พระยาเทครัว มากกว่าเป็นนักเลงเทวดา

หน้าที่