ปล้นนะยะ (2547/2004) เรื่องราวครั้งหนึ่งในชีวิตของกะเทยสาว 4 คน 4 สไตล์ ที่ตัดสินใจร่วมมือกันปล้นเงินจากธนาคารหน้าปากซอย โดยหวังว่าเงินที่ได้จากการปล้นนั้นจะสามารถทำให้ชีวิตสาวประเภทสองของพวกเธอเติมเต็มจนสมบูรณ์ได้ แต่แผนการปล้นของพวกเธอนั้นไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด เพราะในขณะที่พวกเธอปล้นอยู่นั้นโจรวัยรุ่นอีกกลุ่มหนึ่งกลับบุกมาปล้นธนาคารนั้นพร้อมๆกัน คราวนี้เรื่องวุ่น ๆ ของการต่อสู้แก่งแย่งเงินที่ปล้นจึงเกิดขึ้น กะเทยสาว โจรมือใหม่ ที่รักความสวยความงามมากกว่าทุกอย่างในโลก ต้องเผชิญกับโจรหนุ่มและอุปสรรคต่าง ๆ รวมไปถึงตำรวจผู้ห้าวหาญที่นำพลล้อมอยู่แล้วภายนอกธนาคาร โจรสองกลุ่มประกอบด้วย แก๊งค์สวยประหารทั้ง 4 , โจรวัยรุ่นหนุ่มหน้าใส ทั้ง 4 และรปภ.ธนาคารที่ร่วมมือวางแผนปล้น ต้องติดอยู่รวมกันในธนาคาร โดยมีผจก.สาริน และลูกค้าหลากหลายอาชีพเป็นตัวประกันอยู่ แล้วเรื่องวุ่น ๆ ต่าง ๆ ก็เกิดขึ้นเมื่อโจรทั้งสองฝ่ายต่างพยายามแย่งเงินกัน และหาวิธีหนีเอาตัวรอดจากตำรวจที่ล้อมอยู่ให้ได้ในขณะที่ฝ่ายตำรวจก็พยายามที่จะช่วยเหลือตัวประกันและบุกขจับโจรทั้งหมดให้ได้เหตุการณ์ตึงเครียดที่ตำรวจล้อมจับโจรปล้นธนาคารนี้ยืดเยื้ออยู่ถึงสามวันและโด่งดังไปทั่วเมืองกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนสนใจ ทุกคนเข้าใจว่าสถานการณ์ในธนาคารนั้นคงร้ายแรงและตึงเครียดเมื่อต้องอยู่กับโจรหนุ่มในสถานการณ์วุ่น ๆ ต่าง ๆ เช่น หญิงท้องแก่กำลังจะคลอดลูกออกมา ไฟดับ ไม่มีอาหารกิน และต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขเหมือนออกค่าย ทำให้โจรทั้งสองกลุ่มจากที่เกลียดกันต่างเริ่มรู้กันและเริ่มมีความเข้าอกเข้าใจกัน เห็นใจกันจนเกิดความรู้สึกดีและเป็นมิตรต่อกัน แม้ว่าทั้งสองคนจะเป็นคนคนละแบบที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง นอกจากจะเกิดระหว่างกลุ่มโจรทั้งสอง แล้วยังรวมไปถึงเหล่าตัวประกันคนอื่น ๆด้วย สามวันสามคืนภายในธนาคารนั้น ได้เกิดเรื่องต่าง ๆ ที่ไม่คาดคิดมากมาย
มหัศจรรย์...พันธุ์รัก (2547/2004) เรื่องราวของ แมกซ์ (ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์) อาร์ตไดเรคเตอร์นิตยสารเล่มหนึ่ง ที่อกหักยับเยินเมื่อพบว่า ทราย (สุชาญา ไกรสุวรรณ) แฟนสาวที่กำลังจะขอแต่งงานกำลังอยู่กับชายอื่น ความผิดหวังนี้กลับกลายเป็นเหตุที่ทำให้เขาได้พรวิเศษจากทะเล ทำให้เขาสามารถมองเห็นความคิดที่แท้จริงของคนได้ แมกซ์ ก็รู้สึกสนุกกับการใช้อำนาจนี้มองความคิดของคนอื่น รวมถึงเพื่อนสนิทอย่าง เอก (ชัยลดล โชควัฒนา) เซลล์ขายรถที่กำลังหลอกคนอื่นว่าตัวเองเป็นเจ้าของบริษัท และเพื่อนสไตล์ลิสเกย์ชื่อ ป๊อป (โจอี้ บาซู) ทำให้ แมกซ์ ได้รู้ว่า ป๊อป นั้นแอบหลงรักตัวเองอยู่ แมกซ์ ได้เตือน เอก ให้อยู่กับความเป็นจริง แต่ตัวเขาเองกลับไม่กล้าใช้อำนาจวิเศษนี้กับ พิมภัทรา (รัฐพร วัฒนสมบัติ) หมอสาวที่ตนหลงรัก และมาจากสังคมที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะกลัวความจริงจะทำให้เขาผิดหวัง แม้จะรู้ภายหลังว่า พิม มีแฟนอยู่แล้ว คือ หมอวัชระ (ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี) หมอหนุ่มฐานะและหน้าที่การงานดี แต่สุดท้ายเขากล้าเผชิญความจริงในใจพิมผู้หญิงที่เขารักด้วยตัวของเขาเอง

บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม (2547/2004) ปฏิบัติการพิสูจน์ศักดิ์ศรีความเป็น “บอดี้การ์ดมือ 1” แห่งยุคเริ่มต้นขึ้นเมื่อ “วงศ์คม” (หม่ำ จ๊กม๊ก) บอดี้การ์ดหนุ่มผู้เคร่งขรึมซึ่งสืบทอดสายเลือดมาจากตระกูลบอดี้การ์ดอันเลื่องชื่อ แน่นอนว่าความยำเกรงในระดับฝีมือและความสามารถเฉพาะตัวได้รับการยอมรับผ่านภารกิจและหน้าที่ในการปกป้องและอารักขา “เพชรพันธการ” ตระกูลอภิอัครมหาเศรษฐีอันดับ 1 แห่งเอเชียมาหลายชั่วอายุคน จนกระทั่งบทบาทและหน้าที่การเป็นบอดี้การ์ดมือ 1 ของเขาได้ถูกท้าทายขึ้นในระหว่างภารกิจอารักขา “ท่านโชติ เพชรพันธการ” (หงา คาราวาน) อภิอัครมหาเศรษฐีอันดับ 1 แห่งเอเชียที่กำลังอยู่ในระหว่างพิธีเซ็นสัญญาธุรกิจหมื่นล้านกับบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านธุรกิจไอทีของอเมริกา เมื่อกลุ่มบุคคลลึกลับซึ่งนำโดย “อาทิตย์” (ยิ่งยง ยอดบัวงาม) พร้อมเหล่ามือสังหารระดับพระกาฬ (ซึ่งประกอบไปด้วย “เอ๋ จารชน, เต๋อ เชิญยิ้ม, อาแปะ เถิดเทิง และ จเร เชิญยิ้ม” เหล่านักแสดงตลกชื่อดังของเมืองไทยกับการพลิกบทบาทสุดเข้มครั้งสำคัญ) ได้ก่อปฏิบัติการลอบสังหารที่แสนอุกอาจและเต็มไปด้วยความแยบยลหมายปลิดชีวิตท่านโชติ เพชรพันธการ แต่ก็ไม่ได้เล็ดรอดสายตาบอดี้การ์ดมือ 1 อย่างวงศ์คม กลับกันได้นำเอาปฏิภาณไหวพริบและความสามารถเฉพาะตัวที่มีอยู่อย่างเต็มพิกัดช่วยเหลือและปกป้องเจ้านายของตนได้สำเร็จ พร้อมเสนอให้ยกเลิกการเซ็นสัญญาธุรกิจหมื่นล้านออกไป เพราะอาจะจะเผชิญกับอันตรายถึงชีวิตจากสิ่งที่ดักรออยู่ข้างหน้า เพียงทว่ามีอยู่สิ่งหนึ่งที่อยู่นอกเหนือจากความสามารถของเขาโดยสิ้นเชิง นั่นคือความดื้อดึงในการยืนยันที่จะเซ็นสัญญาต่อไปจากเจ้านายของตนนั่นเอง โดยที่ไม่มีใครคาดคิดภารกิจสำคัญที่สมาชิกในตระกูลบอดี้การ์ดต่างสืบทอดต่อเนื่องกันมากำลังจะจบลงในเงื้อมมือของวงศ์คมนั่นเอง เมื่อเขาไม่สามารถปกปักอารักขาชีวิตเจ้านายของเขา ท่านโชติอภิอัครมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งเอเชียถูกลอบสังหารในที่สุด โดยศัตรูที่เขาไม่อาจลืมได้ตลอดชีวิต เป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ที่ผู้ภักดีอย่างวงศ์คมไม่อาจยกโทษและให้อภัยในสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ได้ เขาจำยอมต้องถอนตัวจากการเป็นบอดี้การ์ดประจำตระกูลเพชรพันธการ แต่ทว่าถูก “คุณหญิงรัตนา” (อรัญญา นามวงศ์) ภรรยาของท่านโชติห้ามเอาไว้ ด้าน “ชายชล เพชรพันธการ” (ท็อป-พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร) ทายาทคนเดียวของท่านโชติ คุณหญิงรัตนาและตระกูลเพชรพันธการโกรธแค้นและหมดความเชื่อถือในตัววงศ์คม ปฏิเสธความห่วงใยที่แสนซื่อสัตย์จากบอดี้การ์ดประจำตระกูลอีกต่อไป โดยหันไปพึ่งบอดี้การ์ดรองบ่อนที่ไม่เพียงไร้น้ำยาและเต็มไปด้วยความฉ้อฉล จนเกือบเสียชีวิตจากแผนการเด็ดชีพทายาทเพชรพันธการระลอกสองของเหล่ามือสังหารที่เด็ดชีพบิดาของตน เมื่อไม่มีคนคุ้มครอง เรื่องราวทุกอย่างกลับพลิกผัน ชายชลลืมนึกไปว่าเป้าหมายต่อไปของพวกมันก็คือตนนั่นเอง แผนการโค่นอัครมหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจมหาศาลเพื่อผลประโยชน์ที่ไม่อาจประมาณค่าได้จึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสิ่งที่เขาต้องเผชิญล้วนเต็มไปด้วยภยันตรายล้อมอยู่รอบด้านเกินกว่าเด็กหนุ่มธรรมดาๆ อย่างเขาจะรับมือไหว ชายชลรอดชีวิตและหลบหนีจากการถูกตามล่าอย่างหวุดหวิดโดยบอดี้การ์ดทุกคนที่ปกป้องชีวิตของตนต่างเสียชีวิตหมด โดยได้ครอบครัวของ “ป๊อก” (แอร์-ภุมวารี ยอดกมล) เด็กสาวจิตใจงามให้ความช่วยเหลือและให้ที่พัก โดยที่ไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มที่น่าสงสารที่เธอช่วยเหลือนั้นคือทายาทของอัครมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดแห่งเอเชีย ถึงแม้ว่าชีวิตของป๊อกจะแวดล้อมไปด้วยภาพที่ไม่น่าประทับใจเท่าไรนักสำหรับชายชล โดยเฉพาะ “แม่แจ่ม” (อาภาพร นครสวรรค์) ของป๊อกที่ไม่ต่างอะไรจากมิจฉาชีพในคราบของนักร้องคาเฟ่ที่มีเทคนิคในการหลอกสั่งอาหารจากบรรดานักเที่ยวไปวันๆ แต่จริง ๆ แล้วก็เพื่อเลี้ยงปากท้องครอบครัวของตน แต่ชายชลกลับมองป๊อกและสมาชิกในครอบครัวอย่างเข้าใจซึ่งทำให้ชายชลได้รู้จักกับชีวิตอีกด้านหนึ่งที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน ชายหนุ่มแทบลืมเรื่องเลวร้ายที่ผ่านมาถ้าเผอิญว่าเหล่าศัตรูตัวฉกาจ บรรดามือสังหาร และเหล่านักฆ่าระดับพระกาฬที่ถูกส่งตรงมาเด็ดชีพเขาโดยเฉพาะไม่ออกตามล่าสังหารเขาอีกครั้ง ด้วยความสามารถและไหวพริบอันเฉียบแหลม มีเพียงคนเดียวที่จะแก้ไขสถานการณ์อันเลวร้ายและช่วยชีวิตทายาทที่เหลืออยู่ของตระกูลเพชรพันธการ จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากเขาคนนี้ คนที่กลับมาเพื่อไถ่บาปและแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในชีวิตซึ่งไม่มีวันลืมเลือน เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีความเป็นที่สุดแห่งบอดี้การ์ดอันดับ 1 นาม “วงศ์คม” เจ้าของฉายา “บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม”

โอเคเบตง (2546/2003) ธรรม (ภูวฤทธิ์) อยู่บวชอยู่ที่วัดป่า และศึกษาพระธรรมมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ หลังจากพ่อแม่เสียชีวิต วันหนึ่ง จันทร์ พี่สาวเพียงคนเดียวของธรรม เสียชีวิตอย่างกะทันหันเนื่องจากเหตุการณ์ระเบิดที่สถานีรถไฟ ธรรมต้องลาสิกขาบทออกมาเพื่อดูแล มารีอา (ด.ญ.สรัญญ่า) ลูกกำพร้าของพี่สาวที่เกิดจาก กาเซ็ม สามีชาวมุสลิม เขาต้องพบกับความยากลำบากในการปรับตัว จากเดิมที่ใช้ชีวิตทางธรรมอย่างเรียบง่ายเพื่อศึกษาพระพุทธศาสนา กลับต้องมาใช้ชีวิตทางโลก อยู่ท่ามกลางความแปลกใหม่ มีสิ่งยั่วยวนมากมาย โดยได้รับความช่วยเหลือจาก หลิน (จีรนันท์) หญิงสาวที่อาศัยอยู่ตรงข้ามร้านเสริมสวยของจันทร์ และ เฟิร์น (สรวงสุดา) นักร้องสาวคาเฟ่ เพื่อนสนิทของจันทร์ ธรรมต้องพบความสับสนครั้งใหญ่ในชีวิต เมื่อพบว่าตัวเองมีความรู้สึกดีๆ กับ หลิน แต่แท้ที่จริงเธอเป็นคนรักของ ฟารุก (อรรถพร) มุสลิมหัวก้าวหน้า หนึ่งในผู้นำขบวนการแบ่งแยกดินแดน ซึ่งถูกทางการไทยกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการระเบิดที่ทำให้พี่สาวของธรรมเสียชีวิต หลินตัดสินใจเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม เพื่ออยู่เคียงข้างชายที่เธอรัก ขณะเดียวกันธรรมก็ต้องแยกจากมารีอา เมื่อกาเซ็ม พ่อแท้ๆ รับเธอไปอยู่ด้วยที่ประเทศมาเลเซีย ด้วยความผิดหวังในความรัก ธรรมต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของอบายมุข แต่ที่สุดแล้วเขาก็ได้เรียนรู้ที่จะปรับตัว มีชีวิตอยู่อย่างมีสติ และดำเนินชีวิตต่อไปข้างหน้า
ฅนปีมะ (2546/2003) เรื่องราวทั้งหมดได้เกิดขึ้น เมื่อคนทั้งสี่มาพบกันที่ริมน้ำใต้สะพานซึ่งทั้งสี่คนหนีมาจากคนละทิศ โดยมี นกหนุ่มบ้านนอกเป็นนักมวยที่มีความสามารถและใฝ่ฝันอยากเข้าวงการแสดง แต่ชีวิตต้องผิดหวังเพราะถูกผู้หญิงหลอกจนหมดอาลัยตายอยาก นกบังเอิญได้มาเจอกับ เป้า กุ้ง และ เดวิด ซึ่งทั้งสามคนก็ต่างใฝ่ฝันอยากเป็นในสิ่งที่ตนปรารถนาและใฝ่ฝัน เป้า ฝันอยากเป็นนักร้องลูกทุ่งชื่อดังแบบ สายัณต์ สัญญา ส่วน กุ้ง เป็นลิเกซึ่งอยากดังแบบ กุ้ง สุทธิราช และ เดวิด นักมายากลซึ่งใฝ่ฝันว่าสักวันจะได้ไปเล่นเคียงข้าง เดวิด คอปเปอร์ฟิวส์ นักมายากลระดับโลก แต่ก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งสามคนหนีหัวซุกหัวซุน เข้ากรุงเทพฯ จนพบกันนก เมื่อทั้งสี่คนตกลงเป็นเพื่อนกันแล้ว พระอินทร์เกิดเห็นใจคนทั้งสี่จึงได้ส่งตัวเทวดานาม สายฟ้า ลงมาช่วยเหลือคนทั้งสี่ แล้วสายฟ้าก็ได้มารวมกลุ่มกับกลุ่ม “ฅนปี มะ” กับเขาด้วย แต่สายฟ้าก็ไม่ได้มีอิทธิฤิทธิ์ จะใช้ได้ยามคับขันหรือบางทีก็ไม่มีเลย จนมาวันหนึ่งกลุ่มปีมะเดินมาถึงสถานสงเคราะห์ได้พบกับ โอ๋ และ บี ทุกคนประทับใจในความสวยและดูมีเมตตาใจดีเหมือนนางฟ้า ซึ่งโอ๋และบี เป็นคนดูแลสถานสงเคราะห์เด็ก “บ้านน้ำใจ” ของนายอำนาจซึ่งเบื้องหลังเป็นผู้ค้ายาบ้ารายใหญ่ และเป็นสถานที่ที่ทำให้ได้พบกับ เด็กบอยซึ่งถูก นายอำนาจสั่งตัดตอนครอบครัวบอยจึงหนีเตลิดมาพบกลุ่มปีมะ ซึ่งบอยเองก็ไม่รู้เรื่องแต่แม่บอยได้ให้ของสำคัญไว้กับบอยก่อนที่จะแยกย้ายกันหนีออกมาจากบ้านซึ่งของสำคัญที่บอยติดตัวมานี้ ทำให้นายอำนาจสั่งลูกน้องตามล่าเอามาให้ได้ ทำให้เกิดเรื่องราวยุ่งและเกิดการไล่ล่า โดยกลุ่มคนปีมะ รวมทั้ง โอ๋ และ บี บอย ต้องทั้งสู้และหนีกันจนต้องมาพัวพันกันและคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จนสามารถนำหลักฐานมา จับตัวนายอำนาจและสมุนได้ เหตุการณ์ทุกอย่างจบลงด้วยดี ต่างคนต่างได้ทำในสิ่งที่ปรารถนา ถึงแม้จะไม่เหมือนที่ฝันเอาไว้
บุปผาราตรี (2546)

เรื่องย่อ : บุปผาราตรี (2546/2003) บุปผา (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) ผีสาวสุดสยอง วิญญาณพยาบาทที่คอยวนเวียนอยู่ในอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งเพื่อรอคอยเอก (กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์) คนรักที่ทอดทิ้งเธอไปในอดีต ความเฮี้ยนของเธอทำให้ผู้คนหวาดผวาพากันย้ายออกไปตามๆ กัน เดือดร้อนถึงเจ๊สี่เจ้าของออสการ์อพาร์ทเมนท์ที่ต้องความหาหมอผีฝีมือดีจากทุกสารทิศมาเพื่อขับไล่ผีสาวตนนี้ออกไปให้จงได้ บุปผา ราตรี นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่หนึ่งถูก เอก ลูกเศรษฐีหลอกตามจีบจนใจอ่อน แต่เมื่อเธอตั้งครรภ์ เอกกลับพาเธอไปทำแท้งและหนีไปเรียนต่อเมืองนอกทันที กระทั่งวันหนึ่ง เจ๊สี่ เจ้าของออสการ์อพาร์ตเมนต์ที่บุปผาเช่าอยู่ เห็นเธอเงียบหายไปจึงได้งัดห้องเข้าไป และพบว่าบุปผาตายมาเกือบเดือนแล้วจากการตกเลือดหลังทำแท้ง เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องสยองขวัญปั่นป่วนทั้งอพาร์ตเมนต์ เมื่อผีบุปผาเกิดเฮี้ยนออกมาอาละวาด เจ๊สี่ เจ้าของกิจการอพาร์ทเมนท์ ที่มีธุรกิจเข้าทรงเป็นอาชีพเสริม พออยู่มาวันหนึ่ง อพาร์ทเมนท์ของเจ๊สี่เกิดมีผีสาวปรากฎกายขึ้น จนเป็นที่หวาดผวาต่อบรรดาผู้เช่าห้องพักทั้งหลาย ร้อนถึงเจ๊สี่ ที่ต้องตามหมอผีที่ว่าเก่งมากำจัด แต่ก็ยังโดนผีสาวเล่นงานจนเตลิดเปิดเปิง สร้างความหวาดผวาต่อผู้เช่าอพาร์เมนท์ที่เหลือเป็นอย่างยิ่ง เป็นผลให้กิจการห้องเช่าของเจ๊สี่ทำท่าจะไปไม่รอด แต่แล้ววันหนึ่ง มีชายหนุ่มนิรนามเดินเข้ามาที่อพาร์ทเมนท์ และหายตัวเข้าไปในห้องผีสิงนั้นอย่างปริศนา นับจากวันนั้น ผีสาวก็ไม่ปรากฎกายให้เห็นอีก จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นานนัก ผู้คนก็เริ่มได้ยินเสียงร้องโหยหวนของชายหนุ่มนิรนาม ดังออกมาจากห้องผีสิง ผู้เช่าที่เหลือพากันย้ายออกจนหมด เพราะทนกลัวผีต่อไปอีกไม่ไหว เจ๊สี่หมดทางเลือก จึงตัดสินใจโทรไปตามหมอผีเขมรที่เก่งที่สุด มาจัดการกับผีร้าย ก่อนที่ชายหนุ่มและกิจการอพาร์ทเมนท์ของเธอจะไปไม่รอด...

คืนพระจันทร์เต็มดวง (I-San Special) (2546/2003) คืนพระจันทร์เต็มดวง (I-San Special) เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับการเดินทางกลับบ้าน ของชาวบ้านแถบภาคอีสานกลุ่มหนึ่ง จากกรุงเทพฯไปจังหวัดหนองบัวลำภู โดยรถโดยสารพิเศษสายอีสาน ทั้งหมดเดินทางออกจากสถานีขนส่งหมอชิต ในคืนพระจันทร์เต็มดวง ระหว่างทางผู้โดยสารแต่ละคนได้สวมบทบาทต่างๆ ตามตัวละครในละครโทรทัศน์ และเรื่องราวชีวิตจริงของผู้โดยสารบนรถ ก็ดำเนินไปพร้อมกับเรื่องราวในละครตลอดการเดินทาง คืนพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งทุกสิ่งสามารถเกิดขึ้นได้ โดยไม่มีสาเหตุ ทั้งความสุข สนุก เศร้า หรือสยองขวัญในบางคราว ก็เกิดขึ้นในชั่วระยะเวลาเดินทางระหว่างกรุงเทพถึงหนองบัวลำพู เพ็ญประภา (เมสินี แก้วราตรี) หญิงสาวที่ต้องซัดเซพเนจรหลังจากที่พ่อฆ่าตัวตาย เพราะถูกแม่เลี้ยงใจร้ายปอกลอก เอาทรัพย์สมบัติไปหมด คือบทบาทของตัวละครนิยายน้ำเน่าทางวิทยุ ที่เธอสวมบทบาท ในขณะที่ตัวเธอในความเป็นจริง ต้องเดินทางหนีจากกรุงเทพ พร้อมบาดแผลในใจ และบางสิ่งที่เธอเก็บซ่อนไว้ลำพัง ไม่อาจบอกใคร แดนนี่ (มาร์ค แซล์มอน) เศรษฐีหนุ่มรูปงาม เจ้าของโรงแรมสุดหรูในหนองบัวลำพู ที่ในชีวิตจริง เป็นฝรั่งลูกครึ่ง ซึ่งเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วประเทศไทย โดยที่ไม่มีใครสังเกตว่า เขามีพฤติกรรมต้องสงสัย มาธวี (ภูริดา วิจิตรพันธ์) หญิงชั่วร้าย ผู้ทำให้พ่อของเพ็ญประภาสิ้นเนื้อประดาตัวจนต้องฆ่าตัวตาย แต่ความจริงเธอเป็นเพียงเจ้าของร้านอาหารในหนองบัวลำพู ซึ่งเปิดกิจการมาได้ 5 ปีแล้ว มะลิ (เจนนาฟี) สาวจิตใจดีที่คอยช่วยเหลือเพ็ญประภา ที่ในชีวิตจริง เธอเป็นเพียงสาวพม่า ที่ตั้งใจจะเดินทางกลับบ้านเกิด โดยผ่านเข้าไปทางแม่สาย แต่เธอไม่นึกเฉลียวใจว่าขึ้นรถผิดคัน ทุกสิ่งล้วนสร้างจากความว่างเปล่า ไม่ว่าจะเป็นฉากโรงแรมอันหรูหรา คอกม้า สระว่ายน้ำ อาหารรสเลิศ เครื่องใช้วิจิตร ล้วนถูกสมมติขึ้น บนรถโดยสารคันนี้ ซึ่งตรงข้ามกับความเป็นจรงกับที่ตาเห็น
ดึก ดำ ดึ๋ย (2546/2003) เรื่องราวความสนุกสนานเริ่มขึ้นเนื่องจากหมู่บ้านของคนผิวดำแห่งหนึ่งเกิดเรื่องราวสยองขวัญทุกวัน เพราะมีคนในหมู่บ้านถูกฆาตกรรมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสาวสุดเซ็กซี่ จึงทำให้ เทพ (เทพ โพธิ์งาม) เด่น (เด่น ดอกประดู่) มาด (สามารถ พยัคฆ์อรุณ) ระ (เขาทราย แกแลคซี่) เพื่อนต่างวัยทั้ง 4 คน จำเป็นต้องเดินทางไปยังหมู่บ้านแห่งนี้ เพื่อปฏิบัติภารกิจในการสืบหาตัวฆาตรกร ตามที่ได้รับว่าจ้างมาโดยที่ไม่รู้ว่าหมู่บ้านนี้อยู่ไหน รู้แต่ว่าให้ไปถามหารายระเอียดกับคนผิวดำที่เป็นกระเป๋ารถโดยสารเท่านั้น ทั้ง 4 พบกับความโชคร้ายในการเดินทาง เมื่อรถที่โดยสารมาเกิดเสียระหว่างทาง ทั้งหมดจึงต้องเดินทางต่อไปด้วยเท้าเปล่าจนกระทั่งมาถึงกระท่อมกลางป่าของ สองตายาย (อุดม ชวนชื่น และ น้อย โพธิ์งาม) ที่อาศัยอยู่กับ สวย หลานสาวสุดเซ็กซี่ ที่ให้การต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ตกดึกทั้งหมดแทบช็อก เมื่อ สวย ถูกฆ่าตายโดยอสูรกาย และสองตายายก็กลายเป็นกระหัง ทั้ง 4 จึงต้องหนีเตลิดความน่ากลัวแบบไม่คิดชีวิต จนกระทั่งเดินทางมาถึงโรงแรมเก่าๆ แห่งหนึ่ง ที่ภายในโรงแรมกำลังสนุกสนานไปด้วยเสียงดนตรีและผู้คน โดยมีผู้จัดการแก่ๆ (สีเทา) และพนักงานสาวผมทองแสนสวยให้การต้อนรับ ทั้ง 4 ยังได้รับรายละเอียดว่าใครที่มาพักโรงแรมแห่งนี้มักจะกลายเป็นศพทุกคน แต่ทั้ง 4 ก็ไม่สนใจ เพราะต้องการที่พักผ่อนเพียงอย่างเดียว ในคืนนั้นก็มีเหตุการณ์ชวนขนหัวลุกหลายเรื่อง เมื่อทั้งหมดได้เห็น แหม่ม สาวถูกฆ่าตายโดยอสูรกายตนนั้น แต่พอทุกคนที่เข้าไปช่วยเหลือกลับเจอแต่ความว่างเปล่า ทั้งๆ ตอนกลางวันที่ผ่านมายังคราคร่ำไปด้วยผู้คน แต่ทุกคนต้องเก็บความกลัวเอาไว้ มิหนำซ้ำยังเจอผียายแก่ตาแก่ขายข้าวแกงหลอกจนต้องวิ่งหน้าตั้ง และยังถูกนายอำเภอ (ดี๋ ดอกมะดัน) และลูกน้องไล่ยิงอีกด้วย ทั้ง 4 ต้องวิ่งหนีนายอำเภออย่างไม่คิดชีวิตจนพลัดหลงเข้าไปในหมู่บ้านของคนป่า แต่พระเจ้ายังเข้าข้างเมื่อหัวหน้าหมู่บ้านยอมใช้ชีวิต แต่ต้องใช้ชีวิตและความเป็นอยู่เช่นเดียวกัน มิฉะนั้นมีทางเลือกอีกทางเดียวคือความตาย ในเมื่อไม่มีทางเลือกในขณะที่ lถานการณ์กำลังจะเป็นไปได้ด้วยดี สาวชาวป่าถูกฆ่าตายโดยอสูรกายตัวเดิม แต่ทุกคนคิดว่าเป็นฝีมือของชายแปลกหน้าที่เพิ่งมาเยือน จึงทำให้ทั้ง 4 ต้องหนีตายอย่างทุลักทุเลด้วยผ้าห่อกายเพียงน้อยนิด แบบชุดผ้าเตี่ยวของคนป่า ในที่สุดนักสืบจำเป็นอย่าง เทพ เด่น มาด ระ ก็มาพบกระท่อมหลังหนึ่งที่มีศพนอนเรียงรายนับไม่ถ้วน ทุกคนในกระท่อมช่วยกันชำแหละและหั่นศพเหล่านั้นออกเป็นชิ้นๆโดยไม่มีความสะทกสะท้านหรือเกรงกลัวต่อกฎหมายแต่อย่างใดทั้ง 4 จึงบุกเข้าไปในกระท่อม เพื่อจับกุมทั้งหมดไปส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดี เพราะแน่ใจว่ากลุ่มคนเหล่านี้คือฆาตรกรอย่างแน่นอน ทุกคนปฏิเสธพร้อมทั้งบอกความจริงว่า ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อช่วยเหลือ หลวงพ่อ (กรุง ศรีวิไล)เนื่องจากเมรุของวัดมีที่อยู่ไม่พอที่จะเผาศพคนตายหลายคนที่มีมากมายวันละหลายๆ ศพหลวงพ่อจึงขอบิณฑบาตเพื่อให้ชาวบ้านที่มีใจบุญกุศลต้องถูกจับดำเนินคดี แต่นักสืบจำเป็นทั้ง 4 ไม่ยอม พร้อมทั้งนิมนต์เอาตัวหลวงพ่อส่งให้กับตำรวจพร้อมชาวบ้านทั้งหมด แล้วค่อยพิสูจน์ความจริงกันบนศาล ในขณะที่ทุกคนกำลังเดินทางออกจากวัด อสูรกายก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่หอระฆัง เหตุการณ์จะลงเอยอย่างไร
แฟนฉัน (2546/2003) เรื่องราวในวัยเด็กของ "เจี๊ยบ" ที่มีเพื่อนสนิทคือ "น้อยหน่า" เด็กหญิงข้างบ้าน ที่เป็นเพื่อนเล่นมาด้วยกันตลอด แต่เด็กชายก็อยากมีเพื่อนๆ ผู้ชาย และเล่นตามประสาเด็กชายบ้าง ทำให้เขาหันไปเข้ากับกลุ่มเด็กชายจอมซ่า ที่มี "แจ๊ค" เป็นหัวโจก ทว่าการเข้ากับกลุ่มของแจ๊ค กลับทำให้น้อยหน่าเพื่อนรักต้องเสียใจ และยังทำให้เจี๊ยบพลั้งพลาดทำร้ายจิตใจของน้อยหน่าโดยไม่ตั้งใจ กว่าเจี๊ยบจะรู้ตัวว่าทำให้น้อยหน่าเสียใจ เธอก็ย้ายบ้านไปเสียก่อนที่เขาจะได้เอ่ยปากคำว่าขอโทษออกมา หลังจากย้ายบ้านไปเป็นเวลานาน เจี๊ยบได้กลับมาอีกครั้งเพื่อร่วมงานแต่งงาน ของ น้อยหน่า ความทรงจำในวัยเด็กที่เคยเลือนราง แต่เมื่อหลับตาลง ความทรงจำต่างๆ กลับค่อยๆ แจ่มชัดเหมือนเพิ่งผ่านไปเมื่อไม่กี่วันก่อน เจี๊ยบกับน้อยหน่า บ้านของทั้งสองอยู่ติดกันจึงเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เด็ก เหตุนี้ทำให้เจี๊ยบติดสอยห้อยตามน้อยหน่า และคลุกตัวอยู่กับเพื่อนผู้หญิง จนทำให้แก๊งเพื่อนผู้ชายยั่วเย้าให้หัวเสียอยู่บ่อยๆ แต่เมื่อเริ่มโต เจี๊ยบก็เริ่มอยากเที่ยวเล่นแบบเด็กผู้ชาย จึงพยายามพิสูจน์ตัวเองแม้จะทำให้น้อยหน่าเสียใจก็ยอม เจี๊ยบเพียรมาด้อมๆ มองๆ บ้าน น้อยหน่าเพื่อหาโอกาสกล่าวคำขอโทษ กระทั่งยอมมาตัดผมกับพ่อน้อยหน่าที่บ้านก็ยอม แต่จนแล้วจนรอด เจี๊ยบก็ยังไม่ได้ขอโทษสักที จนถึงวันที่น้อยหน่าต้องย้ายบ้านไปอยู่ที่จังหวัดอื่น
คนบอ ผีบ้า ป่าช้าแตก (2546/2003) เลอเลิศ (กรรชัย กำเนิดพลอย) มีเหตุบังเอิญให้ต้องมาปักหลักอยู่ในหมู่บ้านเนินยายอูม หมู่บ้านเล็ก ๆ บนไหล่เขาในจังหวัดชัยภูมิ อันมี วัดป่าตะเคียนแดง อารามสถานอันงดงามด้วยทัศนียภาพตามธรรมชาติ และพระภิกษุผู้เคร่งครัดในศีลธรรม แต่สิ่งที่เป็นที่ขึ้นชื่อลือชามากกว่าเรื่องใด ๆ ก็คือ 'ความเฮี้ยน' ของบรรดาภูติผีปีศาจ ที่พาเอาหลายคนขยาดกันเป็นทิวแถว นอกจากนี้ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ยังเป็นที่รวมของคนหลากประเภท ที่ล้วนแล้วแต่แสบ ๆ คัน ๆ กันไปคนละแบบสองแบบ และเมื่อความแสบของคน มาเจอกับความเฮี้ยนของผี เมื่อนั้นเรื่องราวความสยอง ปนความบวมส์ในอารมณ์จึงเกิดขึ้น... เลอเลิศเกิดมีความคิดอุตริ อยากจะเอาป่าช้ามาทำเป็นรีสอร์ท และเพราะความที่เป็นคนไม่กลัวผี ก็เลยทำให้แม้พวกผี ๆ จะรู้สึกไม่ชอบใจยังไง ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรเขาได้ เรียกว่าเป็นคนที่สร้างความเอือมระอา ให้กับพวกผีได้อย่างสุด ๆ ก็เลยกลายเป็นที่มาของเรื่องยุ่ง ๆ จนอลเวงกันไปหมดทั้งผีทั้งคน
นายอโศกกับนางสาวเพลินจิต (2546/2003) “นายอโศกกับน.ส.เพลินจิต” หนึ่งในภาพยนตร์ไทยประจำปี 2546 ที่ “สหมงคลฟิล์ม” ตั้งใจนำเสนอเป็นพิเศษในฐานะตัวสอดแทรกที่แตกต่างจากหนังไทยที่คุ้นตา โดยหวังให้เป็นทางเลือกใหม่ของหนังไทยในยุคนี้ที่คอหนังก็มีโอกาสที่จะเลือกลองสัมผัสกับบางสิ่งบางอย่างที่ดูแปลกตาได้โดยไม่ผิดกติกา จากฝีมือของ “ทศพล ศิริวิวัฒน์” นักคิด ครีเอทีฟ พิธีกร นักเขียน นักแสดงหนุ่มเลือดถา’ปัดที่คนทั่วไปรู้จักกันดีในฉายา “ทศ 108 มงกุฎ” พลิกตัวใส่เกลียว 2-3 รอบครึ่งรับบทบาทใหม่ถอดด้ามเป็นครั้งแรกในชีวิตในฐานะ “ผู้กำกับภาพยนตร์” แถมพ่วงตำแหน่งคนเขียนบทติดตัวมาด้วยเป็นทูอินวัน โดยได้ผู้กำกับอย่าง “พีระพันธ์ เหล่ายนตร์” (ผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง “กำเพง” และมือตัดต่อ “เกิร์ลเฟรนด์ฯ”) มาร่วมบรรจงถ่ายทอดเรื่องราวบิดๆ เบี้ยวๆ ของผู้คนในสังคมเมืองภายใต้การจัดวางเหลี่ยมมุมองศาที่แตกต่างจากมุมมองเดิมๆ ที่แสนคุ้นตามาสัมผัสกับรสชาติใหม่ๆ ของหนังไทยที่ท้าให้คุณลิ้มลอง เรื่องราวของคนบ้าหนังสือ “How to” 2 คนที่บังเอิญมาเจ๊อะกัน สานฝันร่วมกัน แต่ต่างกันตรงที่ว่าคนหนึ่งนั้นเสาะหาทุกวิธีเพื่อฆ่าตัวตาย อีกคนรวบรวมทุกกลเม็ดเด็ดซะเพื่ออยากรวย แล้วคุณคิดว่าอะไรล่ะที่มันควรจะเกิดขึ้น “เกี้ยง” (เติ้ล-ตะวัน จารุจินดา) ชายหนุ่มชนชั้นกลางผู้เบื่อหน่ายกับชีวิต แถมยังพ่ายรักจาก “ลิลลี่” นางแบบสาวเกรดบีชนิดบ่ท่า ทำให้สมองของชายหนุ่มฉุกคิดเพียงสิ่งเดียวคือยุติชีวิตของตัวเองเพื่อประชดรัก โดยศึกษาวิธีตายจากหนังสือ “How to Kill Yourself Softly” แต่ทำยังไงก็ไม่สำเร็จจนกระทั่งการปรากฏของสาว “อ้อน” (แน๊ท วรรธนะภัฏ) หญิงสาวพนักงานร้านสะดวกซื้อ น่ารัก ฉลาด จอมวางแผน ชอบอ่านหนังสือ “How to Get Rich By Yourself” เธอผู้มีปรารถนาอย่างแรงกล้าจนถึงกับตั้งมั่น มุ่งมั่น และอาจจะไปไกลจนถึงหมกมุ่นมากถึงมากที่สุดกับความต้องการเพียงหนึ่งเดียวในชีวิต นั้นคือต้องรวยเท่านั้น!!! จึงไม่น่าแปลกใจถ้าคุณเห็นสาวน้อยหน้าตาดีที่มีบุคลิกพิเศษคือการใช้เวลาว่างในการเป็นเด็กแจก Sampling ตัวอย่างสินค้าทดลองใช้, สาวพริตตี้หน้ามน จนถึงเป็นสาวพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าหลากแบรนด์ภายใต้คติพจน์ “เงินเท่านั้นคือพระเจ้า” ซึ่งแท้จริงแล้วเธอนั้นเป็นเพียงนางฟ้าหรือปีศาจชั่วนิรันดร์ที่สวรรค์เบื้องบนส่งมาให้เขากันแน่…
จ.เจี๊ยวจ๊าว (2546/2003) จ..เจี๊ยวจ๊าว เป็นเรื่องราวของ เบิ้ม เด็กหนุ่มซื่อบื้อคนหนึ่ง ที่อยู่ดี ๆ ก็พยายามปล้ำสาวเพื่อนซี้ ตามแรงยุของกลุ่มเพื่อนผู้ชาย แต่ไม่สำเร็จ ซ้ำถูกเพื่อสาวถีบเข้าที่เป้าอย่างจัง อันบันดาลให้เกิดสิ่งประหลาด เมื่อน้องชายตรงหว่างขาของเขา สามารถสื่อสารกับเขาได้ แถมน้องชายซึ่งแสนจะเก็บกด และต้องการจะแอ้มหญิงให้ได้สักคน ก็อาละวาดไม่ยอมหยุด ทำให้เด็กหนุ่มต้องพยายามแก้ไขสถานการณ์ความวุ่นวายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากความทะเล้น และความฮาไร้ขีดจำกัดของเจ้า จ..เจี๊ยวจ๊าว ท่ามกลางการยุยงจากกลุ่มเพื่อนชายจอมทะเล้น เด็กหนุ่มจะสามารถเอาชนะความซน และการก่อกวนจากน้องชายจอมทะลึ่งของเขาได้อย่างไร และเขาจะได้รู้จักกับความรักที่แท้จริงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของจิตใจ และกำลังใจจากความรักที่แท้จริงเท่านั้น.

ชื่อชอบ ชวนหาเรื่อง (2546/2003) เรื่องราวชีวิตสุดหักเหปนเปเสียงฮาเฮ กับชีวิตลูกผู้ชายชื่อแปลกๆ คำเดียวโด่เด่ว่า ชอบ (สิทธา เลิศศรีมงคล) นายคนนี้กำลังคบหาดูอกดูใจกับ อินทุอร (เพชรรัตน์ พุ่มคำ) แล้วทำไมล่ะ กับการคบหาผู้หญิง มันผิดแปลกตรงไหน !! ถ้าอินทุอรเป็นหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาก็ไม่เป็นไร แต่เธอเป็นถึงลูกพ่อเลี้ยงผู้กว้างขวาง ใหญ่คับทุกตารางนิ้วของภาคเหนือ! เรื่องไม่ธรรมดาก็ไม่ธรรมดายิ่งกว่า เมื่อ พ่อเลี้ยงโพ (สะอาด เปี่ยมพงษ์ศานต์) พ่อของอินทุอร ให้นายชอบพิสูจน์รักแท้ที่มีต่อลูกสาว โดยให้นายชอบใช้เวลา 7 วัน เดินทางไปภาคเหนือ และระหว่างทางต้องหาเรื่อง และมีเรื่องไปตลอดทาง จนกว่าจะไม่มีใครกล้าจะหาเรื่องด้วย หากสำเร็จก็จะยกลูกสาวให้ พร้อมสมบัติทรัพย์สินอีกครึ่งหนึ่ง แต่บุพเพกลับอาละวาด ให้มาพบกับ นลิน (ดาราวัลย์ วิไลงาม) สาวเหนือผู้อาภัพรัก ที่ต้องการกลับเหนือเพื่อรักษาแผลใจ โดยไม่มีเงินติดตัวซักแดง แล้วยุทธการหาเรื่องทั่วราชอาณาจักร ก็เริ่มขึ้นพร้อมคู่หูคนใหม่

แอบคนข้างบ้าน (2546/2003) อ๊อด (เทิง เถิดเทิง) ชายหนุ่มอายุประมาณ 29 ปี นักแซ้งค์แห่งท่าฉลอม มีเมียชื่อ แวว (อัญชิสา เลี่ยวไพโรจน์ - กิ๊ฟ) อาชีพรับจ้างซักผ้า และงานอดิเรก เล่นหวยจับยีกี (ออกทุกชั่วโมง) ชีวิตคู่ของอ๊อด แววเป็นไปอย่างลุ่มๆ ดอนๆ ด้วยอาการนกเขาของอ๊อดไม่ขัน ส่วนเมียนั้นอารมณ์หงุดหงิดเสมอๆ พตท.สรรเสริญ ชำนาญกิจ (จิรกิตต์ สุวรรณภาพ - วาม) นายตำรวจมือปราบคนดังแห่งท่าฉลอม มีแฟนสาวชื่อ น้ำทิพย์ (ศิริญญา กุตตะนันท์ - ปูนิ่ม) สารวัตรโชว์ฝีมือจับผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นชื่อ วิลลี่ พ่อค้ายาบ้ารายใหญ่ ขณะเดียวกัน อ๊อดปฏิบัติภาระกิจตามปกติในบ้านหลังหนึ่ง อ๊อดและลูกน้องคนสนิทกำลังลงมือ แต่หารู้ไม่ว่าบ้านที่ปฏิบัติการอยู่นั้นเป็นบ้านตำรวจ ทันใดนั้นเมียเจ้าของบ้านก็กลับจากการทำงาน อ๊อดยังอยู่ในบ้าน จึงต้องหลบซ่อนตัว และอ๊อดหลบออกไปได้อย่างฉิวเฉียด เวลาต่อมา คนร้ายชื่อ วิลลี่ ดันมาตายในห้องขัง และทิ้งปมปริศนาไว้เพียงตัวเลขที่พื้นว่า 33/9 สารวัตรจึงให้ จ่าจิ้ม (อาคม ปรีดากุล - ค่อม) กับ จ่าแหลม (อำพล รัตนวงษ์ - โต) หาสายสืบมาช่วยงานด่วน เบิร์ด (ธวัชชัย คชาอนันต์ - แฮ๊ค) คือมือวางอันดับ 1 จากแฟ้มคนร้ายที่เด็ก ปื๊ด (สุธน เวชกามา - อ่าง) เป็นคนเขียนอันดับไว้ให้ 1-9 เบิร์ดได้รับการติดต่อจากจ่าจิ้ม จ่าแหลม เพื่อเป็นสายสืบในคดีดังกล่าว หลังจากที่เบิร์ดไม่ผ่านการทดสอบ จ่าทั้งสองจึงตามหาตัวปื๊ด ปื๊ดบอกว่า "เบอร์น้อย ก็เก่งน้อย เบอร์มากก็เก่งมาก" อ๊อด คือบุคคลในแฟ้มในอันดับที่ 9 จ่าทั้งสองจึงไปดักพบ อ๊อด, อ๊อดปฏิเสธในเบื้องต้น แต่โดนจ่าทั้งสองขู่ จึงพาจ่าทั้งสองมาขอกับแวว แววเห็นว่าผัวตัวเอง น่าจะทำตัวให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ มิหนำซ้ำยังโก้เสียอีก ที่ได้เป็นสายให้ตำรวจ ในที่สุดอ๊อดจำต้องรับงานแอบดูชาวบ้าน ตามคำขอของตำรวจ และบ้านหลังดังกล่าวคือ บ้านเลขที่ 33/9 แต่ปรากฎว่าบ้านเลขที่ 33/9 ไม่มี มีแต่ 33/9 ก,ข,ค,ง,จ ฯลฯ แววจึงให้อ๊อดดูบ้าน เลขที่ 33/9 ก. แทน เพราะรับเงินค่าจ้างมาแล้ว จ่าทั้งสองเมื่อรู้ว่าบ้านที่รายงานมานั้นไม่ใช่หลังเป้าหมาย จึงรายงานให้สารวัตรทราบ สารวัตรจึงมีคำสั่งให้ดูทุกบ้านที่เป็น 33/9 ก,ข,ค,ง,จ ฯลฯ แต่แววไม่ให้อ๊อดรับงานอีกต่อไป ด้วยเกรงว่าจะกระทบกระเทือนลูกค้าที่มาจ้างซักผ้า จ่าทั้งสองรายงานสารวัตร เรื่องที่อ๊อดไม่รับงาน และจ่าทั้งสองยังยืนยันอีกว่า ไอ้อ๊อด คนนี้เซียนที่สุด สารวัตรจึงขอให้จ่าตามอ๊อดมา อ๊อดเห็นสารวัตร ก็จำได้ว่าสารวัตรคือ คนคนเดียวกับหญิงสาวที่พบในบ้าน อ๊อดเดาได้ว่าสารวัตรเป็นตุ๊ด และด้วยความกลัว อ๊อดจึงรีบบอกสารวัตรว่า จะไม่บอกใครว่าสารวัตรเป็นตุ๊ด การปฏิบัติงานจึงเริ่มขึ้น...
191 1/2 มือปราบทราบแล้วป่วน (2546/2003) ตำรวจสายตรวจ 191 สองคนที่ต่างกันสุดขั้ว แต่ต้องมาทำงานด้วยกัน คนหนึ่งเป็นนายร้อยตำรวจไฟแรง อีกคนหนึ่งเป็นจ่าแก่ที่หมดไฟแล้ว ความต่างและทิฏฐิไม่ยอมหันหน้าเข้าหากันของทั้งสอง ก่อให้เกิดความไม่ลงรอยกันมากมาย แต่ละคดีทำให้แต่ละคนได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้นเรื่อย ๆ และเหตุการณ์ก็นำพาให้ได้พบกับนักข่าวสาวคนหนึ่งที่เพิ่งจบใหม่ และเลือกเป็นนักข่าวสายอาชญากรรม เธอกลายเป็นตัวป่วนตลอดการทำงาน แต่ก็เป็นตัวกลางประสานความขัดแย้งของทั้งสองด้วยโดยไม่รู้ตัว หลังจากทั้งสามคนได้ผ่านปัญหาต่างๆ ร่วมกัน ในที่สุด ก็กลายเป็นความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ และความผูกพัน วันหนึ่ง โชคชะตาทำให้ทั้งสามคนมาพบกับ โทนี่ โจรกลับใจที่เข้ากรุงเทพเพื่อตามหาน้องชายชื่อจืด โทนี่กับจืดถูกตำรวจจับ ในฐานะผู้มีส่วนรู้เห็นในการซื้อขายยาทั้งสองยืนกรานปฏิเสธแต่ไม่มีใครเชื่อ ต่อมาหมวดชาติได้เลื่อนยศเป็นร้อยตำรวจโท จ่าได้เลื่อนยศเป็นนายร้อย ส่วนนักข่าวสาวก็ได้รับการยอมรับจากหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานให้เป็นนักข่าวอาชญากรรมดีเด่นและกลายเป็นคนที่รู้ใจของตำรวจหนุ่มในที่สุด
หลบผี ผีไม่หลบ (2546/2003) เรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่องทั้งหมดนี้ เริ่มขึ้นเมื่อนักศึกษาวิชาการภาพยนตร์จากสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง เดินทางไปถ่ายทำภาพยนตร์เกี่ยวกับเรื่องภูตผีเพื่อส่งอาจารย์ โดยมีอาจารย์สำอางเป็นผู้นำการเดินทางและกลุ่มนักศึกษา ญา, วิทย์, แป๋ม, ชัย, อู๊ด, บุญมาก การเดินทางเต็มไปด้วยความสนุกสนานของวัยรุ่นที่ชอบเฮฮา แต่แล้วเหตุการณ์ก็เปลี่ยนไปเมื่อรถบัสที่โดยสารมาเกิดดับไปเฉย ๆ อย่างหาสาเหตุไม่ได้ เหมือนมีฮีโร่มาช่วย อัศวินขี่ม้าขาวก็ไม่ใช่ แต่กลับเป็นควายเหล็ก (รถอีแต๋นเก่าๆ) ขับมาโดย "คำมี" ชาวบ้านผู้ใจเหมือนจะดีที่ผ่านมาพอดี เรื่องราวเริ่มวุ่นวายคลายเครียดเข้าไปอีก นักศึกษาอีกกลุ่มที่มีอาจารย์ทูนนำมาก็มารถเสียที่แห่งเดียวกัน เป็ด, เปิ้ล, เอส, เจน, หนูนา บังเอิญต้องมาพักที่หมู่บ้านเดียวกัน แถมยังมา ถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีภูตผีสิ่งลี้ลับเหมือนกันอีกต่างหาก ความโกลาหลปนฮา ชิงไหวชิงพริบกันและกันก็เกิดขึ้น นักศึกษากลุ่มแรกแกล้งไปหลอกผีอีกกลุ่มจนเจอดีผีของจริงเข้า ทุกคนต้องขวัญกระเจิง ขนหัวลุก เพราะผีที่เจอตัวนี้ คือผีปอบเจ้าประจำของหมู่บ้าน หลังจากที่ซุ่มเก็บตัวมานานหลายปี เมื่อมีกลุ่มนักศึกษาแปลกหน้าเข้าเยือนมันก็เลยกลับมาอาละวาดอีกหน คราวนี้ยายผีปอบมีฤทธิ์มากว่าทุกครั้ง แม้แต่หมอผีมือดีก็ยังไม่วายถูกลูบคมตามสไตล์ผี นักศึกษาทุกคนที่เห็นเหตุการณ์เข้าเลยขวัญหนีดีฝ่อไปขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่บ้าน แต่เรื่องกลับหักมุมอีกครั้ง เมื่อผู้ใหญ่บ้านที่เป็นที่พึ่งสุดท้าย ก็กลายเป็นผีเสียเอง แล้วพวกนักศึกษาก็เริ่มเข้าใจคำที่ว่า วิ่งป่าราบเป็นเช่นไร นักศึกษาแปลกหน้าของหมู่บ้านนี้ จะเอาตัวรอดจากการหลอกหลอนของบรรดาผีๆ เหล่านี้ได้ยังไง คงต้องติดตามดูในโรงภาพยนตร์ เพราะขืนขยายความออกไปมุขจะฝืดเสียหมด หลบผี..ผีไม่หลบพร้อมเข้าฉายปลายมีนาคมนี้ทั่วประเทศ และขอยืนยันจากทีมงานผู้สร้างว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ตลก ชนิดที่ต้องตามไปดูจนจบแล้วคนดูจะเข้าใจว่าถูกหลอกแค่ไหน
สตรีเหล็ก 2 (2546/2003) หลังจากที่ทีมประสบความสำเร็จ ในการครองแชมป์กีฬาแห่งชาติเมื่อปี (ภาค) ที่แล้ว ก็เกิดการแตกแยกกันของทีม โดยที่ โหน่ง, เอพริล, เมย์, จูน ได้แยกตัวออกไปสร้างทีมวอลเล่ย์บอลกะเทย และมี หน่อง กะเทยน้องใหม่ มาเป็นคู่หูคนใหม่ของโหน่ง ภายใต้สังกัดของสโมสร โดยมี อากู๋ เป็นผู้ดูแลทีม เพราะข้อเสนอและผลประโยชน์ทางธุรกิจต่างๆ ทำให้ทีมของโหน่งเติบโต และประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ทีมสตรีเหล็กเดิมที่เหลือ จุง, มล และ ชัย ยังคงเล่นวอลเล่ย์บอลต่อไปทั้ง จนกระทั่งสองทีมได้มาเจอกันอีกครั้ง!
Sayew สยิว (2546/2003) ปี พ.ศ. 2535 ปีสุดท้ายแห่งยุคทองของ “นิตยสารปลุกใจเสือป่า” ระดับมวลชน และปีแห่งความผันผวนปรวนแปรทาง “การเมือง” “เต่า” สาวห้าวทอมบอยนักศึกษาคณะอักษรฯ เธออาศัยอยู่กับป้าซึ่งเปิดร้านขายอาหารใต้อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โดยมี “จ้อน” ซึ่งเป็นเด็กหนุ่มติ๋มๆ ที่อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์เดียวกันเป็นเพื่อนสนิท นอกจากนี้เต่ายังหลงรัก “น้องหมวย” นักศึกษาสาวสวยรุ่นน้องผู้มากด้วยเสน่ห์และจริตจกร้านอย่างถอนตัวไม่ขึ้น เต๋าหารายได้พิเศษลับๆ โดยการรับจ้างเขียนเรื่องสั้นประสบการณ์ทางเพศให้กับนิตยสารปลุกใจเสือป่าที่ชื่อ “สยิว” ซึ่งบริหารงานโดย “เฮียกังฟู” บรรณาธิการผู้คร่ำหวอดในวงการและมีอุดมการณ์อันสูงส่ง แต่การณ์กลับไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อสถานการณ์ของตลาดกำลังเปลี่ยนไป ผู้อ่านกำลังต้องการเรื่องที่มีสำนวนและเนื้อหาโจ๋งครึ่มมากขึ้น เต่าได้รับการเรียกร้องจากเฮียกังฟูให้เปลี่ยนสำนวนและเนื้อหาของเธอให้เข้ากับตลาด แถมเธอยังต้องพบกับคู่ปรับคนสำคัญซึ่งเป็นนักเขียนหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรงที่มีสำนวนโจ๋งครึ่มเนื้อหาวิตถารสะใจผู้อ่านจนได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เขามีชื่อว่า “หนุ่มพลังม้า” เต่าต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเขียนเรื่องที่จริงๆ แล้วเธอเองก็ยังไม่มีประสบการณ์ เส้นทางการผจญภัยของเต่าที่ว่าด้วยจินตนาการทางเพศจึงเริ่มสาหัสขึ้น เธอเริ่มหยิบยืมเรื่องราวของผู้คนรอบข้างในชีวิตเธอ ชาวบ้านบริเวณอพาร์ตเมนต์ต่างถูกจินตนาการของเธอสร้างเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น “พี่แดง” สาวใหญ่กลางคืนทรงมโหระทึก, “คุณนายช้อย” ผู้แสนเปลี่ยวข้างอพาร์ตเมนต์, “พันธ์” และ “ขวัญ” พี่เขยน้องเมียอารมณ์กรุ่น แต่จนแล้วจนรอด ผลงานของเธอก็ยังไม่เข้าเป้าที่เฮียกังฟูต้องการ ปัญหาต่างๆ ที่รุมล้อมเต่าเริ่มเขม็งเกลียวเข้ามามากขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องงานเขียนของเธอ วิทยานิพนธ์ซึ่งกำลังมีทีท่าว่าจะไปไม่รอด น้องหมวยซึ่งกำลังมีเด็กหนุ่มต่างคณะมาติดพัน และที่สำคัญที่สุดคือการถูกท้าทายและคุกคามจากหนุ่มพลังม้า เต่าพยายามต่อไปอีกครั้ง โดยการไปขอคำปรึกษากับ “ลุงหมอ” หรือที่ประชาชนรู้จักกันดีในนามของหมอสาวเซ็กซี่ที่มีชื่อว่า “ชไมพร” แห่งคอลัมน์ “ชไมพรสอนรัก” ซึ่งเป็นคอลัมน์ตอบจดหมายปัญหาทางเพศจากทางบ้าน ด้วยสำนวนเซ็กซี่แกมหยอก ทำให้คอลัมน์นี้เป็นที่พึ่งของผู้คนเสมอมา เต่าพยายามเลียบเคียงถามในสิ่งที่ตนเองไม่เข้าใจ เพราะไม่เคยมีประสบการณ์ ลุงหมอตอบเพียงว่าหน้าที่ของนักเขียนนั้นมีเพื่อเติมเต็มสิ่งที่คนอ่านขาดหายไป ส่วนเรื่องของประสบการณ์เมื่อถึงเวลาแล้วเต่าจะรู้เอง เต่ายังคงไม่เข้าใจสิ่งที่ลุงบอกเท่าไรนัก เวลาเส้นตายที่เหลือเพียงน้อยนิดทำให้โลกในจินตนาการและโลกในความเป็นจริงของเต่าเริ่มหลอมเข้าหากันอย่างชุลมุนวุ่นวาย และเต่าก็ตัดสินใจโดดเข้าสู่สนามที่หนักข้อขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลักลอบดูกิจกรรมหนังสดในห้องลึกลับที่ทั้งอพาร์ตเมนต์ต่างไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นเจ้าของห้องนี้ การเข้าหาน้องหมวยอย่างเข้าด้ายเข้าเข็ม แต่กลับได้พบว่าน้องหมวยไวไฟไม่สนเพศเสียยิ่งกว่าที่เธอคิด และสุดท้ายเธอตัดสินใจเอาตัวเองเข้าเสี่ยงไปหาหนุ่มพลังม้าถึงรังที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัว และอุปกรณ์วิตถารพิสดารพันลึกร้อยแปดของเขาเพื่อแลกกับประสบการณ์จริง! ผลลัพธ์สุดท้ายเต่าได้พบกับความจริงในชีวิตของเธอจนได้ โดยผู้ให้คำตอบนั้นกับเธอคือจ้อนหนุ่มติ๋มที่อยู่เคียงข้างเธอตลอดเวลานั่นเอง และนั่นทำให้ผลงานการเขียนและชีวิตของเธอพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที ไม่ต่างจากวิถีชีวิตของผู้คนที่กำลังถูกปลอบประโลมด้วยละครทีวีน้ำเน่าอยู่ดีๆ ก็ถูกกระชากความฝันไปด้วยวิถีทางแห่งการเมือง…
ว้ายบึ้ม! เชียร์กระหึ่มโลก (2546/2003) เรื่องเกี่ยวกับทีมเชียร์ลีดเดอร์ในสถาบันแห่งหนึ่ง โดยสมาชิกในทีมเดิมไม่พอใจทีมกะเทยมาร่วมอยู่ในทีม จึงได้พากันลาออก ทำให้สมาชิกที่เหลืออยู่ (ที่เป็นกะเทย) มุ่งมั่นที่จะสร้างทีมของตนขึ้นมาใหม่เพื่อเข้าแข่งขัน ภายใต้ความกดดันรอบด้าน แต่พวกเขาได้รับความร่วมมือจากเพื่อนๆ อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นนักกีฬาฟุตบอล (ผู้ชายล้วน) พวกเขาทั้งหลายต้องประสบปัญหาในการสรรหาผู้ร่วมทีมเพิ่มเติม ปัญหาระหว่างผู้ชายทั้งแท่งที่ต้องเข้าร่วมงาน และคลุกคลีอยู่กับกะเทย แต่ด้วยน้ำใจนักกีฬาและมีเหตุการณ์ต่างๆเข้ามาบีบคั้นทำให้พวกเขาทุกคนต้องหันมาร่วมมือกัน เพื่อจะนำทีมไปสู่ชัยชนะ ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่มีให้กัน โดยไม่มีการแบ่งแยกว่าเราเป็นชายหรือนายเป็นหญิง หรือ กะเทยทุกคนเท่าเทียมกัน และทั้งหมดต้องร่วมกันเป็นทีม จึงจะประสบความสำเร็จ
พันธุ์ร็อกหน้าย่น (2546/2003) เรื่องราวของกลุ่มนักดนตรีวงร็อกแอนด์โรล ระดับซูเปอร์สตาร์ ที่มีประวัติโด่งดังยาวนานในอดีตวงหนึ่ง แม้ปัจจุบันแต่ละคนต่างเข้าสู่วัยทอง และแยกวงกันไปนานเกือบ 30 ปี แต่ด้วยความรักและความผูกพัน ในสิ่งที่ตัวเองยึดมั่นในดนตรีร็อก ที่อัดแน่นอยู่เต็มหัวใจ ทำให้กลุ่มนักดนตรีร็อกวงนี้ อยากที่จะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อประกาศศักดาร็อกเกอร์ ที่ชื่อว่า "เดอะดีโน่ แบนด์" ให้ทุกคนได้ประจักษ์ ในคอนเสิร์ตรวมพลวงร็อก ครั้งยิ่งใหญ่ของเมืองไทย หากแต่การร้างราเวที ที่ยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ ได้สร้างปัญหาแก่พวกเขามากมาย ไม่ว่าจะเป็น.. สังขารของแต่ละคน ที่น่าจะกลับไปเลี้ยงหลานอยู่ที่บ้าน มากกว่าที่จะไปยืนอยู่บนเวที หรืออุปสรรคนานัปการ ที่จะทำให้กลับมาเป็นที่ยอมรับ จากแฟนเพลงร็อกยุคใหม่ได้หรือไม่.. รวมไปถึงปัญหาส่วนตัว ที่นัวเนียกันไม่จบ แต่ความปรารถนาที่จะกลับมาทำ ในสิ่งที่พวกเขารักอีกครั้ง กับ "โอกาส" ซึ่งเหลือเพียงไม่มาก ในระยะเวลาช่วงปลายชีวิตครั้งนี้ พวกเขาก็พร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง ด้วยความเชื่อมั่นในคำว่า Rock Never Die แต่ถ้าจะต้องตาย ก็ขอวาดลวดลายอีกสักครั้ง
แมนเกินร้อย แอ้มเกินพิกัด (2546/2003) เอ็ม” ชายหนุ่มอนาคตไกล ผู้กอบกุมคำว่าประสบความสำเร็จอย่างมากมายในชีวิต ทั้งเรื่องงาน อาชีพ และความรัก ไม่ใช่สิ … มันไม่ใช่รัก แต่เป็น เซ็กซ์ ล้วนๆเลยต่างหาก สาวสวยหลายคนพยายามทอดถ่ายร่างกายให้กับเขา ซึ่งเขาเองก็ไม่เคยเอ่ยปฏิเสธ กระทั่งใครบางคนบนฟ้าทนกับพฤติกรรม “นอนไม่เลือกคน” ของเขาไม่ไหว “พระเจ้า” ปรากฎตัวขึ้นในรูปสิ่งมีชีวิตที่แสนแปลกตา พร้อมข้อเสนอที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ นั่นคือจงหยุดบริหารเสน่ห์ในการแอ้มสาวซะ แล้วเก็บความรู้สึกดี ๆ ที่มีไว้เพื่อเตรียมมอบให้สำหรับหญิงที่ตนรักเท่านั้น มิฉะนั้นสิ่งที่เรียกว่า “แย่และเลวร้ายที่สุดในชีวิต” จะเกิดขึ้นกับตัวเขาอย่างแน่นอน แล้วชายหนุ่มผู้ซึ่งเชื่อในเสน่ห์และลีลาการแอ้มของตัวเอเกินร้อยอย่างเอ็มจะทำอย่างไร

เรื่องย่อ : พรางชมพู กะเทยประจัญบาน (2545/2002) บนสมรภูมิสู้รบเดือดของชนกลุ่มน้อย บริเวณรอยต่อชายแดนไทย ...ความขัดแย้งจนเลือดพล่าน ผสานความฮาแตก ระเบิดขึ้นเมื่อเครื่องบินลำหนึ่ง ร่วงลงอย่างไม่คาดฝัน ปล่อย 6 กะเทยผู้รอดชีวิต ให้จิตตกระหกระเหิน สะเทินน้ำสะเทินบกอยู่กลางป่า ร้อนถึงทหารนอกราชการ ต้องรับภารกิจไม่ธรรมดา ด้วยการบุกป่าฝ่าดง ข้ามเขตสู้รบ เข้าไปช่วยพวกเธอ ให้รอดกลับบ้านเกิดได้โดยสวัสดิภาพ ผู้กองหนุ่มไฟแรง ผู้กองสมพงษ์ (พุฒิชัย อมาตยกุล) รับหน้าที่นำหน่วยทหารเฉพาะกิจครั้งนี้ เพื่อออกปฏิบัติการอันแสนจะไร้สาระ ในสายตาของ จ่าเริง (สรพงษ์ ชาตรี) ทหารรุ่นดึก ผู้จงเกลียดจงชังสาวประเภทสองเข้าไส้ โดยมี หมู่ปกรณ์ (โกวิทย์ วัฒนกุล) เป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในหน่วย เหล่าทหารหาญมาดแมนทั้งหมด ต้องเปิดฉากเจรจาต่อรอง ขอแลกตัว 6 กะเทยไทยใจกระตู้วู้ ที่จับพลัดจับผลูตกเป็นเชลยของชนกลุ่มน้อย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะอันไม่จำเป็น แต่แล้วแผนการเกิดผิดพลาด จนลุกลามเป็นเหตุให้เกิดการเข้าใจผิด กับกองกำลังรักษาดินแดนประเทศเพื่อนบ้าน ความปรารถนา ที่จะได้กลับเมืองไทย อย่างสงบสุขของผู้รอดชีวิต กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการโจมตีกันอย่างดุเดือด ระหว่างทหารหลายฝ่ายหลายชาติที่เกี่ยวข้อง ในเวลาเดียวกับที่ศึกภายนอกดุเดือดสุดขีด ศึกภายในทั้งระหว่างกะเทยด้วยกัน และกะเทยกับทหารก็เริ่มแสบร้อนเผ็ดมันตามไปด้วย เหล่าสาวๆ ที่นำโดย เกษม (เสรี วงษ์มณฑา), สมหญิง (อรนภา กฤษฎี), ชิชา (ธงธง มกจ๊ก) ซึ่งแตกต่างกันทั้งวัย นิสัย และความเลิศเลอเพอร์เฟ็คต์ ของเรือนกาย ก่อวิวาทะแบ่งพวกแบ่งฝ่ายกันเองอย่างไม่วายเว้น สร้างความเหม็นเบื่ออย่างยิ่งยวด แก่จ่าเริงที่เกลียดกะเทย เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ความขัดแย้งจึงยิ่งกลายเป็นจุดบั่นทอน ให้การเดินทางของพวกเขา วุ่นวายยากเย็นขึ้นทุกที การไล่ล่าของชนกลุ่มน้อย ตามติดมากระชั้นชิด บีบคั้นให้ฝ่ายไทย ต้องหลบหนีอย่างชุลมุน มาจนถึงจุดนัดพบ เพียงเพื่อจะได้รู้ความจริงว่า เฮลิค็อปเตอร์ที่ทางการรับปากไว้ ว่าจะส่งมาช่วยนั้น ไม่มีวันมาตามที่พวกเขาคาดหวัง มีแค่คำสั่งง่ายๆ แต่ทำตามยากเหลือร้าย นั่นคือ พวกเขาต้องดิ้นรน หาทางรอดกลับสู่มาตุภูมิกันเอาเอง! แต่ท่ามกลางความขัดแย้งอันสุดป่วนหัวใจนี้.... พวกเขาและพวกเธอ จะเริ่มต้นการผจญภัยครั้งใหญ่กันอย่างไร ที่ไม่เพียงแค่เพื่อรักษาชีวิตอันมีค่าของตัวไว้ แต่ยังเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของทหารห้าว กับสาวประเภทสอง ให้โลกต้องจารึกไว้ด้วย?!!

ชุมเสือแดนสิงห์ ตอนกระตุกติ่งเจ้าพ่อ

เรื่องย่อ : ชุมเสือแดนสิงห์ ตอนกระตุกติ่งเจ้าพ่อ (2545/2002) ในยุคเสื่อมทุกคนหันไปเป็นโจร เสือใหญ่ เจ้าพ่อใหญ่ที่โหดเหี้ยมแต่เชื่อถือเรื่องโชคลางอย่างแรง เจ้าของชุมโจรเสือใหญ่ ภายในเมืองคนดี เกิดถูกฝันร้ายทักว่า “ต้องแต่งงาน ไม่งั้นตาย” เสือใหญ่จึงมอบหมายให้ เสือเล็ก น้องชายออกตามหาติ่งสาวปริศนา ที่มีปานแดงรูปหัวใจที่หน้าอก โดยมี สมร ปืนคู่, ภิบูรณ์ รัง และสนิม ซ่อมรถ สามสมุนตัวป่วน พร้อมพวกโจรที่ว่างงานมานานกว่า 100 ชีวิต ตามไปเป็นลูกมือ แต่แผนการทั้งหมด กลับไปเข้าหูพวกชุมชนมืด กลุ่มคนที่โกรธแค้น และต้องการโค่นล้มเสือใหญ่ โดยไม่มีใครคิดว่าติ่งที่เสือใหญ่กำลังตามหา คือลูกสาวขี้เมาของหัวหน้าชุมชนมืดนั้นเอง พวก สมร ภิบูรณ์ ออกตามหาจนหมดแรงก็ยังไม่เจอ แต่เหมือนโชคเข้าข้างพวกเขาไปเจอกับ ปัด สาวขายของเร่ที่มีหน้าตาเหมือนติ่งเปี๊ยบ พวก สมร ภิบูรณ์ จึงจัดการจับตัวปัดไปย้อมแมวให้กลายเป็นติ่ง และพาไปส่งให้เสือใหญ่ แต่ในระหว่างทางพวกเขาถูกชุมชนมืดรุมกินโต๊ะ และชิงตัวปัดไปได้ในที่สุด เสือใหญ่โกรธมากที่รู้ว่าเจ้าสาวถูกชิงตัวไป จึงจ้างนักฆ่า 4 ธาตุ มือปืนรับจ้างระดับท๊อปไฟว์ อันประกอบด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ ไปชิงตัวเจ้าสาวกลับมา ในขณะที่เสือเล็กพบว่าสาวติ่งแท้จริงคือคนรักลับๆ ที่แอบ มีสัมพันธ์กันมานาน เขาจึงทรยศพี่ชายแอบจ้าง ยอด (Mr.Climax) มือปืนรับจ้างอันดับหนึ่งที่ทุกวันนี้ตกอับ เพราะถูกพวกนักฆ่า 4 ธาตุ หักหลัง และทำให้เขาความจำเสื่อม ได้แต่ปล้นปั้มกินไปวันๆ ออกไปชิงตัวติ่งมาอีกทางพวกนักฆ่า 4 ธาตุ บุกไปถล่มชุมชนมืดจนราบ แต่กลับไปเจอติ่งเอากลางถนนดื้อๆ ในขณะที่ยอดได้ปัดไป แต่กลับลืมว่าต้องเอาไปส่งที่ไหน ด้านปัดเมื่อได้พบยอดก็ดีใจสุดๆ เพราะเธอคือภรรยาของยอดก่อนที่ยอด จะความจำเสื่อม เธอพยายามทุกอย่างที่จะทำให้ยอดฟื้นความจำ แต่ก็ไม่เป็นผล อีกด้านเสือใหญ่ที่แสนปลื้มกับเจ้าสาวที่ตนได้มา กลับพบว่าติ่งเป็นสาวชอบเซ็กซ์ซาดิส ในขณะที่ความฝันเตือนห้ามเสือใหญ่มีอะไรกับติ่ง ก่อนแต่ง ทำให้เสือใหญ่ไม่เป็นอันนอนต้องคอยหลบติ่งตลอดคืน ด้านหัวหน้าชุมชนมืดที่เป็นห่วงว่าลูกสาวตัวเองจะทำอะไรเสือใหญ่ไปซะก่อน จึงสั่งเร่งแผนการลับขุดอุโมงค์ลอบเข้าเมืองคนดี เพื่อล่มเสือใหญ่ให้เร็วที่สุด เวลาผ่านไปจนถึงวันแต่งงานของเสือใหญ่ ขณะที่พิธีกำลังจะเริ่ม พวกชุมชนมืดก็ขุดถึงเมืองคนดี และ บุกถล่มพวกเสือใหญ่จนย่อยยับ ด้านยอดที่เดินทางมาเมืองคนดีด้วยเรื่องส่วนตัวพร้อมกับปัด ก็ได้มีโอกาส ชำระแค้นกับพวก 4 ธาตุ และได้ความทรงจำของตัวเองกลับคืนมาในที่สุด

ผีหัวขาด (2545/2002) ไอ้เดี่ยว (ณานิศ ใหญ่เสมอ) เป็นเด็กหนุ่มกำพร้าผู้มีความสามารถด้านหมัดมวย วันหนึ่งเขาพบกับกลุ่มโจรที่ขโมยตัดเศียรพระพุทธรูป เขาจึงเข้าขัดขวางทว่าพาดท่าถูกฟันคอขาด ท่ามกลางฝนฟ้าคะนองเกิดสายฟ้าฟาดลงตรงเศียรพระที่ไอ้เดี่ยวชิงคืนมา จนเศียรพระนั้นละลายหลอมรวมเป็นหนึ่งเดี่ยวกับร่างไอ้เดี่ยว ทำให้ไอ้เดี่ยวได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมากลายป็นผีหัวขาด กลับไปจัดการกับพวกมารศาสนา และชำระแค้นกับคนที่ฆ่ามัน เพื่อนำความสงบสุบกลับคืนมาสู่หมู่บ้านใต้อีกครั้ง ไอ้เดี่ยว (ต๊ะ ณานิศ ใหญ่เสมอ) เป็นเด็กหนุ่มกำพร้าผู้ได้ร่ำเรียนวิชามวยมาจากพ่อที่เป็นนักมวยเก่า ก่อนที่พ่อตายจากไป ท่านสั่งเสียให้ไอ้เดี่ยวออกตามหาเพื่อนเก่าชื่อ โกร๋น (เทพ โพธิ์งาม) ที่หมู่บ้านใต้ เมื่อย้ายไปที่นั่น ไอ้เดี่ยวตัดสินใจลงแข่งควายกับสมพงษ์ และต่อยมวยกับไอ้มาด (ธนิสร สัตยมงคล) ในงานประจำปีของหมู่บ้าน เพื่อหาเงินมาช่วยปลดหนี้ให้เพื่อนใหม่ชื่อไอ้หมึก (ชูศรี เชิญยิ้ม) ไอ้เดี่ยวเริ่มถูกไอ้มาดและสมพงษ์เขม่น เพราะนอกจากจะชนะทั้งต่อยมวยและแข่งความแล้ว สาวสวยประจำหมู่บ้านอย่าง ทับทิม (นพวรรณ ศรีนิกร) ยังดูจะมีใจให้ไอ้เดี่ยวอีก หลังจากการแข่งชกมวย เสือเม่น (อภิชาติ ชูสกุล) ลอบเข้าไปตัดเศียรพระในโบสถ์ ไอ้เดี่ยวเห็นเข้าจึงตามไปขัดขวาง แต่ถูกไอ้มาดและสมพงษ์ดักทำร้าย ไอ้มาดใช้มีดฟันคอเดี่ยวตายคาที่ ท่ามกลางฝนฟ้าคะนอง และเกิดสายฟ้าฟาดลงตรงเศียรพระที่ไอ้เดี่ยวชิงคืนมาจากเสือเม่น จนเศียรพระนั้นละลายหลอมรวมเป็นหนึ่งเดี่ยวกับร่างไอ้เดี่ยว ทำให้ไอ้เดี่ยวได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมากลายป็น ผีหัวขาด กลับไปจัดการกับพวกมารศาสนา และชำระแค้นกับคนที่ฆ่ามัน เพื่อนำความสงบสุบกลับคืนมาสู่หมู่บ้านใต้อีกครั้ง ก่อนที่ร่างมันจะหายไปพร้อมกับแสงตะวันของวันใหม่
1+1 เป็นสูญ (2545)

เรื่องย่อ : 1+1 เป็นสูญ (2545/2002) สมชาย (ปีแอร์ เพิง) เป็นหนุ่มนักพนันวัย 30 ปี ผู้กำลังเจอปัญหาหนักหน่วง ที่ดูเหมือนยิ่งแก้ก็ยิ่งถลำลึก ยิ่งหนีมันก็ยิ่งตามหลอกหลอน การกระโดดตึกอำลาโลกที่ยุ่งเหยิงใบไปให้รู้แล้วรู้รอด คือทางออกทางเดียวที่ผุดขึ้นมาในสมองของเขา โกโก้ (อริศรา วงษ์ชาลี) เป็นหญิงสาวหลุดโลกที่กำลังจมอยู่กับความทุกข์ ในผลของการกระทำที่เกิดขึ้นจากอารมณ์ชั่ววูบ ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ยิ่งนึกก็ยิ่งเจ็บ และเท่าที่เธอคิดออก ไม่มีวิธีไหนอีกแล้ว ที่จะดีไปกว่ายุติชีวิตบ้า ๆ ของตนด้วยการดิ่งตัวลงจากตึกสูง ๆ ซักหลัง แล้วโชคชะตาก็เล่นตลก! เขากับเธอโคจรมาเจอกัน บนดาดฟ้าตึกเดียวกัน และด้วยความมุ่งมั่นเหมือนกัน ก่อนที่สมชายจะทิ้งตัวลงสู่พื้นเบื้องล่าง สายตาของเขาเหลือบไปเห็นโกโก้ ผู้กำลังอยู่ในอากัปกริยาคล้าย ๆ กัน สัญชาตญาณบางอย่างในตัวทำให้เขาหลงลืมความทุกข์ได้ชั่วขณะ แล้วถลันเข้าห้ามปรามความบ้าระห่ำของเธอในทันที นับจากวินาทีนั้น ชีวิตของคนสิ้นหวังทั้งสอง กลับพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ สมชายกับโกโก้แลกเปลี่ยนเรื่องราวของกันและกัน จนต่างได้ข้อสรุปใหม่ว่า ในเมื่อพวกเขากล้าหาญถึงกับคิดฆ่าตัวตายได้ แล้วจะมีอะไรในโลกนี้อีกล่ะที่พวกเขาจะทำไม่ได้?

เสือตุ๋ย ต๊ะติ๊งโหน่ง (2545)

เรื่องย่อ : เสือตุ๋ย ต๊ะติ๊งโหน่ง (2545/2002) ศรีนวลนักจัดรายการวิทยุได้ชักชวน ผู้ฟังรายการวิทยุของเขาไปร่วมถอดกฐินสามัคคีด้วยกัน เดินทางด้วยรถบัสคันใหญ่ มีแฟนร่วมทอดกฐินกันมากมาย แต่การเดินทางไปทอดกฐินครั้งนี้ กลุ่มมิจฉาชีพได้ฝากธนบัตรปลอม ไปกับรถที่ไปทอดกฐินด้วย โดยบอกให้คนขับรถมอบกล่องสองกล่องที่ฝากไป จะมีผู้หญิงที่ทัดดอกไม้สีแดง มารับ รถกฐินวิ่งมาได้ครึ่งทาง ก็ถูกพวกโจรของเสือตุ๋ยดักปล้นเอาต้นกฐินพร้อมกับกล่องเงินที่ฝากกับรถไป ศรีนวลจึงชวนพักพวกที่ใจสู้ ตามเสือตุ๋ยไปเพื่อหวังเอาต้นกฐินกับกล่องเงินคืน ส่วนนางโจรดอกไม้แดง คอยรถไม่ผ่านมาตามกำหนดเวลาเกิดความโกธรออกติดตาม เสือตุ๋ยได้พาต้นกฐินมาซ่อนไว้ในบ้านร้าง ศรีนวลและพวก ได้ตามมาพบ และหาอุบายแย่งต้นกฐินไปจากเสือตุ๋ยได้ ศรีนวลเมื่อได้ต้นกฐินแล้วก็กลับมารถบัสที่จอดคอยอยู่ ส่วนพรรคพวกที่คอยอยู่บนรถบัสก็ถูกโจรดอกไม้แดงจับเป็นตัวประกัน โจรดอกไม้แดงต่อรองกับศรีนวลว่า ให้เอาต้นกฐินกับกล่องเงินแลกกับตัวประกัน พอดีเสือตุ๋ยมาพบและได้ช่วยพวกศรีนวล เกิดการต่อสู้กับโจรดอกไม้แดง ด้วยความฉลาดของเสือตุ๋ย จัดการกับพวกดอกไม้แดงพ่ายแพ้ไป เสือตุ๋ยจึงมอบต้นกฐินให้ศรีนวล ไปทอดตามต้องการ

7 ประจัญบาน (2545)

เรื่องย่อ : 7 ประจัญบาน (2545/2002) หลังจากร่วมฟันฝ่าอุปสรรคอันแสนสาหัส กินลูกตะกั่ว คั่วดินปืน คลุกข้าวต่างน้ำมาด้วยกัน หลายต่อหลายครั้ง รวมทั้งได้โอกาสที่จะสละเลือดเนื้อ ไปกับภารกิจรบ จนแทบจะต้องพลีชีพเพื่อชาติมาก็หลายครา แต่ไม่มีภารกิจครั้งไหน จะหล่อหลอมเหล่าผองเพื่อนชายไทย จนถึงขั้นผูกจิตผูกใจชายหนุ่ม 7 คน ที่แตกต่างกันด้วยวุฒิภาวะ คุณลักษณะ หรือที่เรียกว่ารูปร่างหน้าตา ไปจนถึง 2 วุฒิ นั่นคือคุณวุฒิและวัยวุฒิ ให้ร่วมสมัครสมานกลมเกลียว เกี่ยวก้อยสาบาน จนกลายเป็นพี่น้อง ที่ไม่ได้คลานออกมาจากท้องพ่อท้องแม่เดียวกันได้ เท่ากับการที่พวกเขาเป็นตัวแทนผืนแผ่นดินไทย ออกร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่หนีบจักแร้กันและกัน ต่อสู้กับเหล่าอริผองภัย ที่มารุกรานชาติไทยในสงครามเวียดนามหรอก

หลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจรบเพื่อชาติ เหล่าผองเพื่อนทั้ง 7 หรือที่รู้จักกันดีในนามของ 7 ประจัญบาน คือ จ่าดับ จำเปาะ (อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง), หมัด เชิงมวย (เท่ง เถิดเทิง), ตังกวย แซ่ลี้ (ทศ-ทศพล ศิริวิวัฒน์), อัคคี เมฆยันต์ (อ่ำ-อัมรินทร์ นิติพน), ดั่น มหิทธา (ต้น-พิเศก อินทรครรชิต), กล้า ตะลุมพุก (แช่ม แช่มรัมย์), จุก เบี้ยวสกุล (ค่อม ชวนชื่น) ก็ต่างแยกย้ายกันไปตามแดนดินถิ่นมาตุภูมิ ที่ต่างถือกำเนิดกันไป กลับไปหาเหล่าผู้คนที่อยู่ข้างหลัง ที่คอยเป็นกำลังใจ รอคอยวีรบุรุษในใจของพวกเขามาตลอดชีวิต บ้างก็ได้ดิบได้ดี บ้างก็ยังคงวนเวียนไป ตามวัฏจักรแห่งการดิ้นรนต่อสู้ เพียงทว่าครานี้ ไม่ได้รบราฆ่าฟันกับผู้คนต่างชาติ ที่เคยมารุกรานอีกต่อไป แต่เป็นการดิ้นรนต่อสู้กับบางสิ่ง ที่สถิตย์อยู่ภายในจิตใจของตนเองต่างหาก

สำหรับคนที่ชีวิตวนเวียนอยู่ในสังเวียนแห่งการต่อสู้อย่าง หมัด เชิงมวย ถ้าเลิกรบแล้วจะทำอะไร เป็นคำถามที่ประจัญบานหนุ่ม ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการชกมวยอย่าง หมัด เชิงมวย เองก็ไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้ สิ่งเดียวที่ยังพอทำได้ก็คือ การใช้ฝีมือชั้นเชิงในการชกมวยหากิน ที่พึ่งเดียวที่หมัดนึกได้ก็คือ ค่ายมวยของ สงวน (อี๊ด-สุเทพ ประยูรพิทักษ์) พี่ชายของหมัด ถึงแม้ว่าคราครั้งก่อน ที่พี่น้องคู่นี้ได้ร่วมวงศ์ไพบูลย์กัน จะส่งผลให้สงวนถึงกับต้องเสียขาไป 1 ข้าง จากการเดิมพันวางแผนล้มมวย เพราะนี่คือสิ่งเดียว ที่จอมประจัญบานอย่างหมัด ไม่เคยทำได้สำเร็จนั้นเอง ..การล้มมวย

แต่การกลับมาครั้งนี้ของหมัดไม่เหมือนก่อน เพราะความตั้งใจไถ่บาป โดยการล้มมวยครั้งประวัติศาสตร์ พร้อมกับโปรโมเตอร์มือดีที่มีชื่อว่า อัคคี เมฆยันต์ ภายใต้แผนการของ อัคคี ประจัญบานหนุ่มที่หลงใหลในเกมการพนัน เป็นชีวิตจิตใจ (ล้อต๊อก) ไฮโล ถั่วโป ป๊อกเด้ง ฯลฯ ไม่มีที่อัคคีไม่รู้จัก แม้แต่บาร์อัคคีอันลือลั่น ก็ได้มาจากการพนัน โดยเหยื่อที่คิดว่าหมูในครั้งนี้คือ เฮียถนอม (สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์) มีศักดิ์เป็นถึงผู้ยิ่งใหญ่ แห่งชุมชนนิวแลนด์ ดินแดนที่เป็นเหมือนสวรรค์ ของเหล่าจีไอต่างชาติฝรั่งอเมริกัน เพราะเป็นที่พัก สถานเริงรมย์ คลับบาร์ในฐานทัพอเมริกันในประเทศไทย แต่เฮียถนอมก็มีจุดอ่อนคือ หมวย (เมย์-กุณฑีรา สัตตบงกช) ลูกสาวสุดเปรี้ยว ที่มาหลงใหลในความหล่อของอัคคีอย่างหัวปักหัวปำ เจ้าของน้ำเสียงหวานปานน้ำผึ้ง อย่างกับบทเพลง 'เถี่ยนมี่มี่' ของหมวย ไม่เคยอยู่ในสเปคของอัคคี แม้แต่นิดเดียว

เรื่องย่อ : มนต์เพลงลูกทุ่งเอฟ.เอ็ม. (2545/2002) เรื่องราวของชีวิตของคนมากมายที่มีจุดหมายเดียวกันคือการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งชิงเงินรางวัลมูลค่า 1 ล้านบาทโดยคุณลุงใจดีที่มีความอยากที่จะเห็นการรวมตัวกันของคนรักเพลงลูกทุ่งในช่วงก่อนวาระสุดท้ายของชีวิต และการประกวดครั้งนี้เองที่ทำให้ชีวิตหลากหลายต้องมาเกี่ยวพันกัน อาทิ หนุ่มจากหมู่บ้านที่ต้องการเงินไปพัฒนาท้องถิ่น, ลิเกหนุ่มที่อยากเป็นนักร้อง, นักร้องคาเฟ่, พระที่ต้องการเงินไปสร้างโบสถ์, นักศึกษา, แฟนเพลงที่อยากเจอนักร้องที่ตนชอบ, หญิงชาวบ้านที่ออกมาตามหาสามีที่หายตัวไปนาน รวมทั้งโจรพันหน้าที่หมายจะมาฉกเงินไป และตำรวจที่มาตามล่าโจรในการประกวดนี้

เรื่องราวสนุกเริ่มต้นขึ้นเมื่อทั้งหมดได้มารวมตัวกันและได้เก็บตัวร่วมกันก่อนประกวด ด้วยความที่แต่ละคนมีบุคลิกที่แตกต่างกัน บางคนก็ไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในเมือง จึงเกิดเป็นเหตุการณ์สนุกๆ ขึ้นมากมาย แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อรางวัล 1 ล้านบาทได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยโดยที่ทุกคนต่างก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอาจจะเป็นโจรพันหน้าปลอมมาขโมยเอาไป…

มนต์เพลงลูกทุ่ง เอฟ.เอ็ม. เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2545 ผลงานร่วมสร้างของ สหมงคลฟิล์ม และ คลื่นลูกทุ่ง เอฟ.เอ็ม. และเป็นผลงานกำกับเรื่องแรกของบัณฑิต ทองดี โดยเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในประวัติศาสตร์ของวงการเพลงลูกทุ่ง และภาพยนตร์ไทย ที่รวบรวมไว้มากที่สุด ตั้งแต่นักร้อง นักแต่งเพลง นักจัดรายการลูกทุ่งเอฟ.เอ็ม. รวมถึงบุคคลที่อยู่ในวงการเพลงลูกทุ่งไทย กว่า 200 ชีวิต มาแสดงในภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน และบทเพลงทั้งที่กำลังได้รับความนิยมในช่วงนั้นและที่เคยได้รับความนิยมก่อนหน้านั้น กว่า 30 เพลง มาใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมทั้งบทเพลงใหม่ที่แต่งขึ้นโดยเฉพาะอีก 1 เพลง

มนต์รักทรานซิสเตอร์ (2544)

เรื่องย่อ : มนต์รักทรานซิสเตอร์ (2544/2001) เรื่องราวของ "แผน" หนุ่มบ้านนอกที่หลงไหลในการร้องเพลง เขาได้พบรักกับ "สะเดา" และได้แต่งงานกัน ชะตาชีวิตของแผนเริ่มพลิกผันเมื่อสะเดาตั้งท้องได้ห้าเดือนแผนก็โดนเกณฑ์เป็นทหาร ในระหว่างที่เป็นทหารนี้เองที่เขาได้ไปประกวดร้องเพลงและได้รางวัลรองอันดับหนึ่ง นั่นทำให้แผนตัดสินใจครั้งใหญ่ในการตามหาฝันในการเป็นนักร้อง เขาหนีทหารและเข้ากรุงไปฝึกเป็นนักร้องอย่างที่มันฝันใฝ่ แต่แผนคิดไม่ถึงเลยว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล

แผน หนุ่มลูกทุ่งที่ใฝ่ฝันจะเป็นนักร้อง แม้จะแต่งงานกับ สะเดา เป็นเรื่องเป็นราวแล้ว แผนก็ยังไม่ล้มเลิกความฝัน มีเสียงวิทยุทรานซิสเตอร์เครื่องเล็กซึ่งเป็นของขวัญวันแต่งงานเป็นสิ่งเดียวที่สร้างความบันเทิงให้กับคู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามัน เสียงเพลงที่ลอยออกมาจากวิทยุทรานซิสเตอร์อดทำให้แผนหลับตาฝันเห็นตัวเองโด่งดังเป็นนักร้องชื่อดังอย่างคนอื่นเขาไม่ได้ แต่เมื่อสะเดาตั้งท้องเข้าสู่เดือนที่ 5 แผนก็ได้รับหมายเกณฑ์ไปเป็นทหาร และนี่เองชีวิตที่รุ่งโรจน์และร่วงโรยของแผนก็ได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากประกวดร้องเพลงได้รางวัลรองอันดับหนึ่ง แผนจึงตัดสินใจหนีทหารเพื่อเป็นนักร้องอย่างจริงจัง แม้จะต้องเป็นเบ๊ประจำวงก็เอา แต่ความอดทนก็มาถึงขีดสุดเมื่อถูกหัวหน้าวงคุกคาม แผนพลั้งมือทำร้ายผู้จัดการจนต้องหนีไปทำงานในไร่อ้อย ดันเกิดความซวยซ้ำซวยซ้อนถึงขั้นติดคุกติดตะรางกว่าจะพ้นโทษ และสิ่งเดียวที่แผนนึกถึงคือใบหน้าอันบริสุทธิ์ของสะเดาเมียรัก ก่อนจะลากสังขารกลับมายังรังรักอันเป็นที่พักใจสุดท้ายของคนชอกช้ำอย่างแผน

มือปืน โลก/พระ/จัน (2544)

เรื่องย่อ : มือปืน โลก/พระ/จัน (2544/2001) กรุงเทพมหานคร ปีพุทธศักราช 2554 เป๋ ปืนควาย (เทพ โพธิ์งาม) อดีตมือปืนรุ่นใหญ่ถูกปล่อยตัวออกจากคุก พร้อมสังขารที่ชราภาพ งานแรกที่ได้รับการติดต่อให้สังหาร เถกิง มือปราบตงฉินฉายา ตำรวจเหล็ก เป๋ จัดการรวบรวมทีมงานที่เคยคุ้นมือ ซึ่งปัจจุบันล้วนได้ชื่อว่าเป็น มือปืนตกรุ่น ไปแล้ว ไม่มีใครสนใจจ้าง นี่จึงเป็นงานที่ทุกคนต้องตะครุบ นอกจากเงินค่าจ้างตัวเลขสูงแล้ว ทุกคนต่างมีความหวังที่จะกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง ได้แก่ หมา ลูกบักเขียบ (หม่ำ จ๊กม๊ก หรือ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) มือระเบิดลูกอิสานจอมโว เอ๋อ เอลวิส (เท่ง เถิดเทิง หรือ พงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ) นักฆ่าหมื่นศพ สิงห์สำอาง ผี ไรเฟิล (ถั่วแระ) นักแม่นปืนจิตหลอน ขณะเดียวกัน คิด ไซเลนเซอร์ (สมชาย เข็มกลัด) มือปืนรุ่นใหม่ค่าตัวราคาแพง และทำงานคนเดียว ก็ได้รับการว่าจ้างให้ลงมือฆ่าตำรวจเหล็กคนนี้ด้วยเช่นกัน การปะทะฝีมือระหว่างมือปืนตกรุ่น กับรุ่นใหม่ไฟแรงจึงโหมปะทุ มิหนำซ้ำความจริงเปิดเผยว่ามีการว่าจ้างผิดตัว ชุลมุนฆ่าจึงเกิดขึ้น และกลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการอาชญากรรม ในตอนท้ายของหนัง มือปืนถูกฆ่าเกือบหมด โดยเป๋ถูกคิดยิงตาย หมาโดนระเบิดที่ตัวเองจุดระเบิดใส่ ผีถูกบาซูก้ายิงตาย โดยเหลือคิดที่รอดชีวิต และ เอ๋อ เอลวิส ที่ปรากฏตัวท้ายฉากเครติดในขณะที่กำลังร้องเพลงในคุก พร้อมเฉลยว่าฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าพ่อแม่ของคิดคือใคร สมชาย เข็มกลัด รับบท สมคิด ไทรงาม "คิด ไซเลนเซอร์" นักฆ่ารุ่นใหม่ที่นิยมใช้ปืนติดลำกล้องเก็บเสียง มือปืนวัยรุ่นหัวกบฏ ไร้สังกัด ไร้ซุ้ม ไม่ยอมคบหาสมาคมกับมือปืนในวงการ ประสบการณ์น้อย แต่ทำงานไม่เคยพลาด ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไป ว่าเป็นใครมาจากไหน คิดไม่ชอบเสียงดัง เขาใช้ปืนสั้น 2 กระบอกติดลำกล้องเก็บเสียง ลงมือด้วยความรวดเร็ว แม่นยำ และเงียบเชียบ ชอบลงมือในที่สาธารณะหรือชุมชน แล้วอาศัยความชุลมุนวุ่นวาย หายตัวไปอย่างรวดเร็ว เป็นมือปืนมาแรง และหาตัวจับยากคนหนึ่งในวงการ ในตอนจบคิดละทิ้งความเคียดแค้น เลิกตามล่าคนที่ฆ่าแม่ ยอมทิ้งปืนของเขาและออกเดินทางไกลต่อไปโดยเรือของชาวประมง สุเทพ โพธิ์งาม รับบท "เป๋ ปืนควาย" นักฆ่ามือเก๋าของวงการ เพิ่งเข้าวงการหลังจากติดคุกนานหลายปี นักฆ่าขาเก๋าของวงการ แยบยลหลักแหลม ลงมือแต่ละครั้งไม่เคยพลาด เป็นเพราะเขาวางแผนอย่างรัดกุม แต่มีครั้งหนึ่งที่เป๋พลาดอย่างใหญ่หลวง เป๋ตัดสินใจข้ามถนนโดยไม่ใช้สะพานลอย เลยโดนสิงห์มอเตอร์ไซด์เสย เป๋ต้องนอนโรงพยาบาลหลายวัน เมื่อออกมา เขากลายเป็นคนขาเป๋ เมื่อหมอต้องตัดกระดูกออกไปหลายนิ้ว ด้วยขาที่เป๋ ประกอบกับอายุที่มากขึ้น สายตาที่สั้นลง ทุกอย่างคืออุปสรรคในการทำงาน เป๋เริ่มทำงานพลาดบ่อยครั้ง จนเขา ต้องถอนตัวออกจากวงการ เป๋ออกมาประกอบอาชีพเป็นเซลแมน ขายเครื่องกรองน้ำตามหมู่บ้าน เป๋เหมือนเสือลำบากที่กำลังเมา เพราะดื่มเหล้าอย่างหนัก เป๋เสียชีวิตจากกระสุนปืนของคิด ไซเลนเซอร์ที่เข้าใจผิดว่าเขาคือคนฆ่าแม่ของตน เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา หรือ หม่ำ จ๊กมก รับบท "หมา ลูกบักเขียบ" นักฆ่าที่ยิงปืนไม่เป็น เลยใช้แต่ระเบิดเป็นอาวุธ นักฆ่าผู้ใช้แต่ระเบิดเป็นอาวุธ (เป็นความลับ ...หมายิงปืนไม่เป็น) หมาเป็นคนโผงผาง พูดจาเสียงดัง เพราะเป็นคนหูตึง ซึ่งเป็นผลมาจากแรงระเบิดของตัวเอง หมามักจะใช้ระเบิดน้อยหน่าเป็นอาวุธ ซึ่งคนอีสานเรียกน้อยหน่าว่า ลูกบักเขียบ หมามีความใฝ่ฝันที่จะเป็นทหาร แต่เขากลับไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด หมาจึงได้แต่แต่งตัวเลียนแบบทหาร และเริ่มศึกษาเรื่องของระเบิด ตั้งแต่ระเบิดขวดยันระเบิดไข่เน่า หมาศึกษาระเบิดจนสามารถทำระเบิดน้อยหน่าขึ้นมาใช้เองได้ในที่สุด ยุคที่การวางระเบิดบ้านคนดังกำลังฮิต หมาได้เงินมากมาย แต่หมากลับใช้เงินหมดไปกับผู้หญิง การเต้นรำและยาบ้า จนในที่สุด หมาก็ติดยาบ้าจนเสียงานเสียการ ทำระเบิดด้านบ่อยครั้ง จนคนเลิกจ้างไปในที่สุด หมาเข้าสู่ยุคตกต่ำ ต้องกลายมาเป็นเสือเต้นแร๊ปโบกรถเข้าปั๊ม แลกเงินเลี้ยงชีพ แต่ได้เงินมาเท่าไร หมาก็ซื้อยาบ้าจากปั๊มที่ตัวเองทำงานอยู่จนหมดไม่เคยเหลือ หมาเสียชีวิตจากระเบิดของตัวเองที่ปลดชนวนจะระเบิดฝรั่งนักฆ่า แต่เอ๋อ ที่ไม่รู้เรื่องได้ยิงหลังของนักฆ่าโดยที่ไม่รู้ว่ามีระเบิดที่หมาปลดชนวนออกไว้ ทำให้ระเบิดทำงานพร้อมกับระเบิดร่างหมา และนักฆ่าฝรั่งไปพร้อมกัน ศรสุทธา กลั่นมาลี หรือ ถั่วแระ เชิญยิ้ม รับบท "ผี ไรเฟิล" นักฆ่าบุปผาชนที่ยิงไรเฟิลจากระยะไกลแม่นยิ่งกว่าจับวาง แต่กลัวผีเป็นที่สุด นักฆ่าผู้รักสันโดษและกัญชาเป็นชีวิตจิตใจ ผีลงมือแต่ละครั้งไม่เคยพลาด และยากที่จะชี้ตำแหน่งเขาได้ เพราะผีสามารถยิงคนจากระยะไกลมากๆ เป็นมือปืนที่ถือได้ว่าแม่นยำที่สุดในวงการ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผีเก็บเป็นความลับ ไม่เคยเปิดเผยให้ใครได้รู้ ผียิงใกล้ไม่แม่น ถ้าอยู่ในระยะใกล้ ผีจะตกที่นั่งลำบากทันที ผีจึงทำตัวห่างไกลกับผู้คนไว้เสมอ ระยะหลังความแม่นยำของผีเริ่มหายไป เมื่อผีสูบกัญชามากจนมือสั่น ทำให้ผีทำงานพลาดบ่อยครั้ง จนผีต้องถอนตัวออกจากวงการ ผีพยายามถือศีลบำเพ็ญเพียร เพราะผีเชื่อว่านี่คงเป็นกรรมที่เขาก่อไว้ ผีทำได้ไม่ดีนัก เขาผิดศีลเป็นประจำ ถึงแม้จะลงทุนนุ่งขาวห่มขาว อาการสั่นกลับยังคงอยู่ ผีปล่อยเลยตามเลย เขาเปลี่ยนอาชีพเป็นคนทรงเจ้า หลอกชาวบ้านที่งมงายไปวันๆ เพื่อเลี้ยงชีพ แต่นานวันเข้าชาวบ้านก็เริ่มจับได้ ผีเปรียบเหมือนเสืออดโซที่กำลังจะอดตาย ผีเสียชีวิตจากการโดนบาซูก้ายิงใส่จนร่างร่วงจากบังเกอร์ และเขาก็ได้พบกับภรรยาอีกครั้งและอยู่ด้วยกันตลอดไป พงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ หรือ เท่ง เถิดเทิง รับบท อดีต "โอ๋ เอ็ม 16 หมื่นศพสิงห์สำอาง" แต่เพี้ยนคิดว่าตัวเองเป็น เอลวิส เพรสลีย์ ใครๆ เลยเรียกว่า "เอ๋อ เอลวิส" ฉายาเดิมคิอ โอ๋ เอ็ม 16 "หมื่นศพสิงห์สำอาง" โอ๋รับจ้างฆ่าคนไม่เว้นว่าจะเป็นหญิงหรือชาย จนกระทั่งวันหนึ่ง โอ๋ ไปเที่ยวที่ เรดิโอ ซิตี้ เพื่อฟังเพลงเอลวิสที่โอ๋ชื่นชอบ วันนั้นร้านถูกวางระเบิด (ฝีมือของหมา) โอ๋โดนลูกหลงส่งเข้าไอซียู พอฟื้นขึ้นมาก็มีอาการเลอะเลือน แต่โอ๋ก็ยังรับงานฆ่าคนได้ แต่พักหลังโอ๋ลงมือแต่ละครั้ง เป้าหมายมักจะรอด แต่คนบริสุทธ์รอบข้างกลับล้มตายกันเป็นเบือ คนจ้างที่มีคุณธรรมหน่อย จึงไม่ค่อยนิยมใช้บริการโอ๋ ยกเว้นการฆ่าล้างโคตร พักหลังโอ๋อาการหนักถึงขนาดคิดว่า ตัวเองเป็นเอลวิส โอ๋เริ่มแต่งตัวเป็นเอลวิส และเริ่มพูดภาษาไทยไม่ชัด การรับงานแต่ละครั้งผู้จ้างต้องพูดภาษาอังกฤษกับเขา จนในที่สุด ก็ไม่มีใครจ้าง หลังจากนั้นชื่อ โอ๋ ก็ถูกเรียกเป็น เอ๋อ แทน เมื่อไม่มีคนจ้าง เอ๋อก็ไม่แคร์ เพราะเขาคือเอลวิส เอ๋อ ตระเวนร้องเพลงตามคาเฟ่ต่างๆ แม้เสียงร้องจะแสนห่วยอย่างไร แต่ก็ไม่มีคาเฟ่ไหนกล้าปฏิเสธเอ๋อ เอลวิสผู้ที่มี เอ็ม 16 ซ่อนอยู่ในกระเป๋ากีตาร์ ในตอนจบ เอ๋อ ถูกจับเข้าคุก และได้เป็นนักดนตรีอยู่ในคุก โดยในฉากที่เล่นดนตรีก็ได้เฉลยคนที่ฆ่าแม่ของ คิด ไซเลนเซอร์ อีกด้วย

Go-Six โกหก ปลิ้นปล้อน กะล่อน ตอแหล (2543)

เรื่องย่อ : โกซิกซ์ โกหกปลิ้นปล้อน กะล่อนตอแหล (2543/2000) "ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกโกหกได้ ยกเว้นความรัก" คุณว่าไหม และนี่คือเรื่องราวความรักของผม

ผมชื่อพลับ อาศัยอยู่กับแม่ ครอบครัวแม่ผมเป็นทหารมาทั้งตระกูล แต่ผมไม่ได้เป็นทหารกับเขาหรอก ผมชอบงานด้านโฆษณามากกว่า ผมจึงเลือกเรียนทางด้านนิเทศศาสตร์ โดยส่วนตัวผมเป็นคนอ่อนโยนและอ่อนไหว ผมเกลียดการโกหกที่สุด ในชีวิตผมจึงไม่เคยโกหก ช่วงผมเรียนจบ ผมไปสมัครงานตามบริษัทต่างๆแต่ไม่มีบริษัทไหนตอบรับผมเข้าทำงานเลย ผมจึงไปทำงานในร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ทำให้ผมได้พบกับเธอ ผมตกหลุมรักเธอทันที เธอทำงานอยู่ที่ร้านอาหาญี่ปุ่นแห่งหนึ่งเช่นกัน ในที่สุดผมก็รู้จักชื่อของเธอ ยูมิ อยู่มาวันหนึ่งผมไปหาเธอ แต่ก็ไม่พบถามเด็กเสิร์ฟที่ร้านจึงรู้ว่ายูมิลาออกไปแล้ว ผมรู้สึกเสียใจมาก ไม่รู้ผมจะได้เจอเธออีกหรือเปล่า

นุก เพื่อนผมทำงานเป็นตากล้องในบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่ง ได้โทรมาชวนผมไปเที่ยวกองถ่ายโฆษณาของเขา เพื่อที่จะได้พบกับเพื่อนเก่าที่เรียนมาด้วยกันและวันนั้นผมก็ได้พบกับยูมิอีกครั้งหนึ่ง เธอเป็นนางแบบโฆษณาให้กับงานชิ้นนั้น นอกจากยูมิแล้ว ผมยังได้พบกับขิง แฟนเก่าสมัยผมเรียน เราเลิกกันเพราะผมคิดว่าผมกับขิงช่างต่างกัน ในขณะที่ผมไม่มีอะไร แต่ขิงกลับมีเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง

ต่อมาทางบริษัทมีโครงการจะทำหนัง ผมถูกเลือกให้เป็นดารานำแสดงร่วมกับขิงและยูมิ เราทั้งสามกลายเป็นดาราด้วยกัน ระหว่างการถ่ายทำผมกับยูมิสนิทกันมากขึ้นและเกิดเป็นความรัก เราทั้งคู่ตกลงที่จะแต่งงานกัน

หลังจากแต่งงานเราทั้งสองก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่เรื่องของผมยังไม่จบลงแค่นั้น เมื่อวันหนึ่งผมพบว่ายูมิมีเรื่องปิดบังผมอยู่ เธอโกหกผมมาตลอด ผมถือว่าเป็นการโกหกครั้งใหญ่ที่สุดที่ผมรับไม่ได้ แล้วผมจะทำอย่างไร จะกลับไปคืนดีกับขิงที่ยังรักผมอยู่ หรือจะกลับไปหายูมิคนที่ผมรักและโกหกผมมาตลอด

ฟ้าทะลายโจร (2543)

เรื่องย่อ : ฟ้าทะลายโจร (2543/2000) เรื่องราวความรักของ "รำเพย" และ "ดำ" ที่ความรักของพวกเขาต้องพลาดจากกันเมื่อมีเหตุให้ดำต้องเข้าสู่เส้นทางมือปืน ส่วนรำเพยกลับหมั้นหมายกับนายตำรวจตามที่พ่อจัดการให้ ด้วยเส้นทางที่ขัดแย้ง ระหว่างนายตำรวจต้องการจับตัวดำมาลงโทษ และดำที่ไม่สามารถจัดการกับนายตำรวจด้วยเห็นแก่ความสุขของรำเพย นำไปสู่ความแคลงใจกับพวกพ้องโจรด้วยกัน และการแก้แค้นของพวกโจรที่ทำให้เขาต้องตัดสินใจเลือกข้าง

ฟ้าทะลายโจร เป็นเรื่องราวของโศกนาฎกรรมความรัก ระหว่าง "รำเพย" หญิงสาวในตระกูลสูงศักดิ์ กับ "เสือดำ" จอมโจรผู้เดียวดายและเปลี่ยวเหงา ทั้งสองพบกันในช่วงปฐมวัย ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ครอบครัวของรำเพย อพยพมาหลบภัย อยู่กับครอบครัวของดำที่สุพรรณบุรี ที่นี่เอง ความสนิทสนมได้ก่อตัวขึ้นช้าๆ และเมื่อเด็กชายดำได้ช่วยปกป้องเด็กหญิงรำเพย จนตัวเองได้รับบาดเจ็บ และฝากรอยแผลเป็นจารึกไว้ที่หน้าผากจนชั่วชีวิต เด็กทั้งสองก็ได้ประทับความทรงจำนั้น ตราตรึงไว้ในหัวใจตลอดไป แม้จะจากกันไปแล้ว ก็ยังเฝ้าถวิลหากันไม่เสื่อมคลาย

สิบปีต่อมา ทั้งสองพบกันอีกครั้งในพระนคร และดำได้ช่วยปกป้องรำเพยไว้เป็นครั้งที่สอง ความทรงจำในวัยเยาว์ที่เขาและเธอมีต่อกัน บัดนี้งอกงามเพิ่มพูน จนกลายเป็นความรักอันจีรังยั่งยืน ดำให้สัญญาว่า เขาจะกลับไปทำไร่ที่สุพรรณ เก็บเงินมาสู่ขอรำเพยให้ได้ ส่วนเธอก็สัญญาว่า ถ้าความรักไม่สมหวัง เธอก็จะหนีตามเขาไป แต่แล้วโชคชะตาก็มักเล่นตลกกับมนุษย์เสมอ เมื่อดำกลับถึงบ้านแล้วพบว่าพ่อถูกฆ่าตาย เขาคว้าปืนออกมา ตามล้างแค้นคนที่ฆ่าพ่อ จนต้องตกระหกระเหิน ไปพบกับกองโจรของเสือฝ้าย และเสือมเหศวร ดำจำต้องตกกระไดพลอยโจนไปด้วย นับแต่นั้นมา ทั่วทั้งสุพรรณก็รู้จักชื่อของ"เสือดำ" สมุนมือขวาของเสือฝ้าย ผู้ยิงปืนแม่นราวจับวาง ส่วนรำเพยถูกบังคับให้รับหมั้นกับ รตอ.กำจร เธอตัดสินใจหนีตามดำไป โดยทั้งสองนัดแนะกันมารอที่ศาลารอนาง สถานที่ซึ่งทั้งสองต่างประทับใจในวัยเด็ก

แต่แล้ว อนิจจา.. โชคชะตาก็เล่นตลกอีกเป็นครั้งที่สอง.. เสือดำบังเอิญติดภารกิจสำคัญ แม้จะพยายามเร่งรีบเพื่อจะมาพบเธอให้ได้ แต่ก็สายไปเสียแล้ว รำเพยรอจนเชื่อว่าเขาคงไม่มาแล้ว จึงกลับไปเข้าพิธีหมั้นกับ รตอ.กำจร ด้วยหัวใจแตกสลาย

หลังงานหมั้น รตอ.กำจร นายตำรวจหนุ่มจากพระนคร ตัดสินใจนำกำลังตำรวจไปกวาดล้างรังโจรเสือฝ้าย เพื่อหวังสร้างผลงาน แต่เสียทีถูกเสือฝ้ายจับตัวได้ เสือฝ้ายให้เสือดำไปสังหาร รตอ.กำจร ครั้นรู้ว่าวาระสุดท้ายของตนมาถึงแล้ว รตอ.กำจร ได้ขอร้องเสือดำให้ส่งข่าวแก่คู่หมั้นของเขา พร้อมมอบรูปถ่ายรำเพยให้ดู เสือดำตกตะลึง เมื่อรู้ว่ารำเพยคือคู่หมั้นของ รตอ.กำจร แต่ด้วย ความรัก ความเสียสละ เขาตัดสินใจปล่อย รตอ.กำจร ไปด้วยดวงใจอันปวดร้าว เมื่อเสือฝ้ายรู้ว่าเสือดำทรยศต่อเขา จึงสั่งให้เสือมเหศวรหลอกเสือดำไปฆ่า แต่เสือดำก็รอดมาได้หวุดหวิด ทั้งยังรู้ข่าวว่าเสือฝ้ายจะยกพวกไปถล่มงานแต่งงานของ รำเพยกับ รตอ.กำจร ในคืนวันงานที่จะถึงนี้ เสือดำก็ตัดสินใจเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อปกป้องคนที่เขารัก ให้พ้นจากอันตรายอีกครั้งหนึ่ง..