ตุ๊ดตู่กู้ชาติ (2561)
ตุ๊ดตู่กู้ชาติ Last Heroes (2561/2018) เรื่องราวของหมู่บ้านคุ้งระกาหมู่บ้านนอกเมืองหลวงที่มีวิถีชีวิตแบบบ้าน ๆ ทำนาทำไร่เลี้ยงช้างตามภาษาชาวบ้านธรรมดา แต่ที่ทำให้หมู่บ้านคุ้งระกาดูไม่ธรรมดาก็เพราะมีชายไทยหัวใจหญิงอย่าง ป้าแฟง (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา), เดือน (เจริญพร อ่อนละม้าย), ทองหอม (ชาญณรงค์ ขันทีท้าว), ทองก้อน (นพดล ทรงแสง) และ สร้อย (น้องบิว ขาวคง) ที่คอยสร้างสีสันให้กับหมู่บ้านแห่งนี้ แต่ความสุขมักจะอยู่ได้ไม่นานเมื่อทัพของ มังตราบุเรง (รัฐภูมิ โตคงทรัพย์) ลูกชายของ พระเจ้าอโนรธา ปะละมินถิ่น (นพพล โกมารชุน) เจ้าเมืองยโสธาราวดี ได้หวังยกทัพมาตีเมืองอโสรยาเมืองหลวงของไทย แต่ทว่าการที่จะเข้าตีเมืองอโสรยาได้นั้นทัพของ มังตราบุเรง จำเป็นต้องผ่านทางหมู่บ้านคุ้งระกาที่ตั้งขวางทางอยู่ ทำให้หมู่บ้านคุ้งระกาตกอยู่ในอันตราย เมื่อพ่อใหญ่แห่งหมู่บ้านคุ้งระการู้ข่าวจึงเรียกชาวบ้านมาประชุมเพื่อหาอาสาสมัครไปสืบความ ที่เมืองยโสธาราวดีว่ากองทัพจะยกทัพมาตีหมู่บ้านของตนเมื่อใด ชาวบ้านเมื่อได้ฟังต่างเกี่ยงกันไม่มีใครอาสา มีเพียงกลุ่มของ ป้าแฟง ชายไทยหัวใจหญิงที่ขออาสาทำเพื่อประเทศชาติไปสืบความที่เมืองยโสธาราวดี แต่ถ้าจะไปกันแค่กลุ่มของ ป้าแฟง อาจทำไม่สำเร็จพ่อใหญ่จึงให้ ไกร (อนุสรณ์ มณีเทศ), บุญถึง (อัครัช จิตตะศิริ) และ แสน (รังสรรค์ ปัญญาเรือน) ไปช่วยอีกแรง แล้วทั้งกลุ่มก็ออกเดินทางไปยังเมืองยโสธาราวดี โดยการปลอมตัวเป็นทหารของทัพยโสธาวดีที่กำลังเดินทัพกลับเมือง เมื่อไปถึงเมืองยโสธาราวดีกลุ่มของ ป้าแฟง ก็แอบไปอยู่ในกลุ่มของนางรำเพื่อจะได้เข้าถึงตัวของ มังตราบุเรง ได้โดยง่าย ส่วนคนที่เหลือก็ได้แอบไปสืบความกับเหล่าทหาร หลังจากที่ได้แยกย้ายกันไปสืบความ ในที่สุดพวกเขาก็ได้รู้วันยกทัพของเมืองยโสธาราวดี ที่จะบุกมาตีหมู่บ้านของพวกเขา แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะหนีกลับไปบอกความลับที่รู้มา พวกเขาก็ถูกจับได้เสียก่อน
เทยทอมเกย์ เฮ..ป่วนเมือง The rainbow (2559/2016) ทับทิมที่เป็นดั่งอัญมณีศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้านแห่งหนี่งได้หายสาบสูญไปหลายชั่วอายุคน เวลาต่อมา อัญมณีนี้ถูกนำออกมาเป็นของขวัญในงานแต่งของ เสี่ยหวาง (สายเชีย วงศ์วิโรจน์) โดยอ้างว่าเป็นทับทิมที่เป็นมรดกตกทอดประจำตระกูลของเสี่ยหวาง ข่าวนี้สะพัดออกไปถึง 2 กะเทยนางโชว์ (สังคม ขามสำโรง และ ไหล เป็นต่อ) ที่กำลังมีปัญหาชีวิตตกต่ำ ทั้งสองคนเกิดความโลภหวังขโมยทับทิมกลางงานแต่งงาน ชีวิตความเป็นอยู่ของ เทย (กนกรัชต์ หรเวชกุญ) ทอม (ณปภัช แช่มช้อย) เกย์ (อิชย์ภูมิ ธนัทโชค) หนุ่มหล่อสาวสวยที่เมืองหนองคายได้เปลี่ยนไป หลังจากกะเทยนางโชว์สองคนได้ขโมยทับทิมประจำตระกูลของเจ้าพ่อ การไล่ล่าจากมือปืนสังหารที่พิการทางสายตา (สาลินี ดอกกระโดน) พร้อมด้วยเจ้าพ่อ นำให้ทุกคนหลุดเข้าไปในหมู่บ้านลับแลในตำนานซึ่งเป็นที่มาของอัญมณี เหมือนกับปาฏิหาริย์ที่นำพาให้ทับทิมได้กลับมาหมู่บ้าน การต่อสู้และหนีเอาตัวรอดของคนกลุ่มนี้ดำเนินไปอย่างอลเวง
ชายสะไบ (2493)

ชายสะไบ (2493/1950) เรื่องของลูกทุ่งและการล้างทุ่งเพื่อแก้แค้นกัน ด้วยหมัดต่อหมัด ดาบต่อดาบ สุรสิทธิ์เป็นเจ้าหนุ่มเลือดไพร่ ผู้เผยอพิศมัยในลูกสาวของนายทุน จนกระทั่งพบกับความทารุณกลั่นแกล้งอย่างเจ็บแสบจากทัต เอกทัต หัวแก้วหัวแหวนของนายทุน ผู้ซึ่งปองสาวงามนั้นอยู่เหมือนกัน พรรณี สำเร็จประสงค์ แม่สาวผู้นี้ เปนตัวการที่ความงามของหล่อนสร้างความเกลียดให้เกิดแก่ชีวิตของคนหลายคนเชื่อมโยงกันไป ดีที่สุดที่สุรสิทธิ์แสดงได้ ก็คือบทบาทเมื่อเขารู้ตัวว่าเมียของเขากำลังจะมีลูกถึงกับตื่นเต้นโลดถลาจะไปตามหมอตำแยทั้งที่เมียเพิ่งตั้งไข่ได้ 1 เดือน ดีที่สุดของทัต เอกทัต ก็คือบททารุณทั้งอย่างเลือดร้อนและเลือดเย็นของเขา ดีที่สุดในบรรดาตัวประกอบ ก็คือ ม.ล. เตาะ โกมารชุน ซึ่งแสดงบทบาทเป็นแม่เฒ่า ของสุรสิทธิ์ได้อย่างมีชีวิตชีวา และดีที่สุดในกะบวนจี้เส้นด้วยหน้าตายและหนวดจิ๋มคือจำรูญ หนวดจิ๋ม (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน สยามนิกร 11 กันยายน พ.ศ. 2493)

ดาบทหารเสือ (2493)
ดาบทหารเสือ (2493/1950) ครอบครัวของ รุ่ง และ จัน ชาวบ้านด่าน จังหวัดสุโขทัย เคยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขตามประสาพ่อแม่ลูก จนกระทั่งวันหนึ่ง สอน เพื่อนบ้านชักชวนให้รุ่งไปประดาบกับนักเลงบ้านหนองดินแดง แต่รุ่งไม่อยากมีเรื่องตีรันฟันแทงกับใครจึงไม่ขอร่วมด้วยปรากฏว่าสอนเสียชีวิตในการประดาบ ชาวบ้านพากันรุมประณามรุ่ง ซ้ำร้ายยังพาลรังเกียจครอบครัวของรุ่งไปด้วย จนเป็นเหตุให้ เรือง ลูกสาวเพียงคนเดียวของรุ่งต้องตายเพราะไม่มีหมอคนไหนยอมรักษาเรืองซึ่งกำลังป่วยการสูญเสียเรืองทำให้รุ่งบันดาลโทสะฆ่าหมอตายและหนีหายไปตั้งแต่วันนั้น 5 ปีผ่านไป สุโขทัยถูกรุกรานจากศัตรู สาเหตุมาจาก โต พ่อของจัน เป็นไส้ศึกให้ฝ่ายเขมร และยังคิดจะยกลูกสาวให้แม่ทัพเขมรเพื่อแลกกับตำแหน่งผู้ครองอาณาจักรสุโขทัย รุ่ง ซึ่งบัดนี้กลายเป็นเสือออกปล้นชาวบ้าน ได้พบอาจารย์เฒ่าผู้หนึ่งเตือนสติว่า ควรจะเอากำลังไปต่อสู้ศัตรูที่กำลังทำร้ายสุโขทัย เสือรุ่งจึงจับดาบทหารเสือขึ้นปกป้องบ้านเกิดจากน้ำมือศัตรู
Placeholder

หมัดพ่อค้า (2474/1931) เป็นเรื่องเกี่ยวแก่การชิงรักระหว่างพ่อค้าชาวกองเกวียน มีการยกพวกปล้นกองเกวียน การต่อสู้กันด้วยอาวุธปืนและหมัดมวยอย่างโลดโผน (ที่มา: หนังสือพิมพ์ศรีกรุง ธันวาคม พ.ศ. 2474)

เลือดแค้น 2471

เรื่องย่อ : เลือดแค้น (2471/1928) เป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรก ที่มีความลึกลับ เกี่ยวกับการผจญภัยและการต่อสู้ในเชิงหมัดมวยอย่างน่าตื่นเต้น ถ้าว่าถึงตลกคะนอง ก็เป็นตลกที่ไม่ได้แกล้งให้ตลก เป็นตลกที่อาศัยเกิดจากลักษณะเดิมของตัวผู้แสดงเอง มีตาเชยเตี้ยเป็นต้น ลักษณะของตาเชย ผู้ดูโดยมากที่ไปเที่ยวตำบลบางลำพู คงจะได้เคยเห็น แกเดินชมอากาศอยู่ตามแถวนั้นบ่อยๆ หรือมิฉะนั้นก็แถวหน้าโรงปีนัง ผู้ทำเรื่อง เลือดแค้น ได้ใช้ความระวังหลายประการที่จะไม่ให้เลือดแค้นกลายเป็นเลือดไม่แค้นหรือเลือดจืด มีเหตุผลกินกลืนกันสมเรื่อง ตลอดจนภูมิฐานฐานะของบุคคลและการแต่งตัว ที่จัดให้เหมาะแก่ลักษณะ เหมาะแก่เวลาที่ควรไม่ควร ถ้าจะกล่าวแล้วเรื่อง เลือดแค้น ถึงจะมีข้อที่น่าติอยู่บ้าง แต่ก็เชื่อว่าน้อยที่สุด ท้องเรื่อง เลือดแค้น แสดงถึงน้ำใจของน้องเมียนายทองใบ ที่พยายามแก้แค้นแทนพี่สาวอันเนื่องจากนายทองใบทิ้งพี่สาวและทำทารุณโหดร้ายเมื่อ 20 ปีก่อน จึงตามมาแก้แค้นโดยปลอมตัวเป็นคนลึกลับ ท่านจะได้เห็นการต่อสู้กันบนเรือใบกลางทะเล การต่อสู้ในบ้าน และการต่อสู้ชิงนางกลางทุ่ง การต่อสู้นี้ล้วนไปด้วยหมัดมวยและอาวุธปืน ทุกตอนจะทำให้ท่านรู้สึกพอใจ ในที่สุดท่านจะต้องออกปากว่า "หนังไทยเรื่องนี้ของเขาควรผูกโบว์แดงให้ได้" พูดถึงผู้แสดง มีโดยมากนับว่าใช้บทบาทได้สนิท ผู้ที่ควรได้รับความชมเชยชั้นเยี่ยมของการแสดงในเรื่องก็คือ จรวย วีละเวีย ลีละชาติ นางเอกผู้เป็นตัว "สุลักษณ์" บุตรี เลี้ยงของนายทองใบ จรวยได้วางบทบาทสมแก่เป็นตัวภาพยนตร์ได้ดีจริงๆ ดีจนควรนับได้ว่าอยู่เหนือนางเอกภาพยนตร์ไทยที่ท่านเคยเห็นมา เช่น ยามโกรธ ยามตกใจ ดีใจ ยามออเซาะ เหล่านี้ ชวนให้รู้สึกว่าจรวยไม่มีการเก้อเขินแต่อย่างใดเลย ถัดจากนี้ก็ตัวพระเอกพระรองและตัวประกอบอีก ซึ่งมีบทดีไม่แพ้แม่จรวย นอกจากนั้นยังแสดงการชกต่อยและการขี่ม้าขี่ฬาคล่องแคล่วอย่างน่าชม บางคนสังเกตว่าพยายามเลียนจากบท ฮูด กิ๊บสัน หรือ เคน เมย์นาดไม่ผิดเลย ยังมีผู้แสดงที่ควรได้รับความชมเชยเป็นพิเศษอีกคนหนึ่ง คือ นายไกวัลย์ ซึ่งแสดงเป็นตัวบ้าหรือใบ้ นายคนนี้ เมื่อแสดง "ไม่คิดเลย" ยังมีอาการขวางๆ รีๆ อยู่มาก ครั้น มาแสดงเรื่องนี้กลับมีสภาพเป็นคนละคน การแสดงของนาย ไกวัลย์ในเรื่อง "เลือดแค้น" สกปรกโสมมเหลือกำลัง เสื้อผ้า ขาดกะรุ่งกะริ่งผมเผ้ายาวเหมือนบ้าหอบฟาง เพราะถูกเกณฑ์ให้เป็นคนใบ้เนื่องจากในเรื่องถูกน้องชายโกงสมบัติ ตามสังเกตดูเหมือนนายไกวัลย์จะเลียนแบบ "ลอน ชานีย์" เอา เสียจริงๆ ถึงหากบทจะด้อยกว่าลอน ชานีย์ ก็ยังนับว่าเป็น ลอน ชานีย์ ไทยได้ ไม่อายคนดูทีเดียว ตัวนี้คู่หูกับตาเชยเตี้ย นับว่าเป็นผู้ทำให้เรื่องครึกครื้นมากอยู่ (ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวภาพยนตร์ กรกฎาคม พ.ศ. 2471)

โชคสองชั้น 2470

เรื่องย่อ : โชคสองชั้น (2470/1927) นายกมล มาโนช (มานพ ประภารักษ์) พระเอกของเรื่อง เป็นนายอำเภอหัวเมืองฝ่ายเหนือ ได้รับมอบหมายให้ลงมาสืบจับผู้ร้ายคนหนึ่งซึ่งซ่อนตัวอยู่ในกรุงเทพ นายกมลเข้ามาพักอยู่ที่บ้านพระยาพิชัย (อุทัย อินทร์วงศ์) และมีหลานชื่อว่า นางสาววลี ลาวัณยลักษณ์ (หม่อมหลวงสุดจิตตร์ อิศรางกูร) ซึ่งทั้งสองได้พบรักกันโดยเร็ว แต่นายวิง ธงสี (มงคล สุมนนัฏ) ซึ่งหมายปองนางสาววลีอยู่แล้วและชอบไปมาหาสู่พระยาพิชัยเป็นเนือง ๆ และนายวิงคนนี้ก็คือคนร้ายที่นายกมลกำลังสืบจับอยู่นั่นเอง นายวิงไหวตัวทันเรื่องที่นายกมลตามคนร้าย จากนั้นนายวิงก็วางแผนร้ายโดยส่งพรรคพวกลูกสมุนเข้ามาทำร้ายนายกมล แต่นายกมลมีความชำนาญในการระวังภัยจากโจรจึงต่อกรขัดขวางกำลังได้ จนนายวิงและพรรคพวกต้องหลบหนีไป นายกมลไล่ตามจับแต่เกิดหลงทาง นายวิงได้วกกลับมาที่บ้านพระยาพิชัยและจับนางสาววลีไป แต่นายกมลมีเชาวน์ที่ดี เข้าใจว่าเป็นแผนลวง จึงวกกลับบ้านพระยาพิชัยและได้พบนายวิง นายกมลจึงตามล่านายวิงไปจนสุดทางและเกิดการต่อสู้ขึ้น จนกระทั่งตำรวจที่พระยาพิชัยโทรไปแจ้งมาสมทบร่วมจับนายวิงและสมุนได้ทันเวลา นายวิงจึงถูกตำรวจจับเข้าตะราง ส่วนนายกมลมีโชคสองชั้น นอกจากจะจับผู้ร้ายได้แล้วยังได้นางสาววลีมาเป็นภรรยาอีกด้วย

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 7 รายการ