สิ่งเล็กเล็ก ที่เรียกว่า..รัก (2553/2010) น้ำ (พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) สาวน้อย ม.1 วัย 14 หน้าตาธรรมดา ๆ กระเดียดไปทางไม่สวย หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ขี้เหร่นั่นแหละ แต่เธอดันไปแอบชอบ พี่โชน (มาริโอ้ เมาเร่อ) พี่ม.4 ที่หล่อ เท่ ที่สุดในโรงเรียน แล้วแถมยังใจดีอีกตะหาก ทำให้น้ำมีคู่แข่งเป็นสาว ๆ ทั้ง ม.ต้น และ ม.ปลาย ที่มีแต่คนสวย ๆ เต็มไปหมด แต่น้ำไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เธอพยายามลุยทำทุกอย่าง สู้ทุกรูปแบบเพื่อที่จะเก่งและสวย แล้วเด่นขึ้นในโรงเรียนให้ได้ เพราะแอบหวังในใจเล็ก ๆ ว่าถ้าทำสำเร็จพี่โชนอาจจะหันมามองเธอซักครั้ง น้ำ ทำตั้งแต่เอามะขามเปียกมาขัดผิว สมัครเป็นนางรำแม้จะถูกคัดออก หัดเป่าคาริเน็ตแล้วสมัครเข้าวงโยธวาทิตเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ ๆ พี่โชน ด้วยความช่วยเหลือของเพื่อน ๆ แก๊งหน้าแย่ ในที่สุด น้ำ ก็ได้เป็นดรัมเมเยอร์มือหนึ่งของโรงเรียน จนตอนที่เรียนอยู่ ม.3 เธอได้เป็นดาวของโรงเรียน จริง ๆ! น้ำ ตกเป็นเป้าสายตาของหนุ่ม ๆ ทั้งโรงเรียน มีคนเข้ามาจีบเป็นสิบ ๆ คน ยกเว้นคนที่เธอรอคอยอยู่คนเดียว โชน แล้วเรื่องราวความรักของ น้ำ จะเป็นอย่างไร โชน จะหันมาสนใจเธอมั้ย สุดท้ายแล้วความรัก ความฝัน กับความเป็นจริง จะได้พบกันเมื่อไหร่ เวลาคงเป็นคำตอบของทุกอย่างเอง
บุญชู จะอยู่ในใจเสมอ (2553/2010) งานเลี้ยงส่งกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เมื่อ บุญโชค (อาร์ตี้) พลาดการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจากปีที่แล้ว ปีนี้บุญโชคก็ทำสำเร็จจนสามารถสอบเข้าเรียน “หมอ” ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้ แต่เป็น “หมอสมุนไพร” โดย พ่อบุญชู (สันติสุข พรหมศิริ) และ แม่โมลี (จินตหรา สุขพัฒน์) ต้องตัดใจส่งลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตัวเองไปเรียนไกลถึงเชียงราย กลุ่มเพื่อน นิ้ง (สายป่าน), หยอน (ว่าน), ปพาฬ (แก๊ปเปอร์) ก็เลยเลี้ยงส่งบุญโชคไปเป็นนิสิตเฟรชชี่ปี 1 แต่โมลีใจกำลังสลายเพราะทนคิดถึงลูกไม่ไหว บุญชู และโมลี จึงโทรชักชวนเดอะแก๊งค์ ไวยากรณ์ (วัชระ ปานเอี่ยม), หยอย (เกียรติ กิจเจริญ), นรา (อรุณ ภาวิไล), ประพันธ์ (เกรียงไกร อมาตยกุล), เฉื่อย (ดร.นฤพนธ์ ไชยยศ) , คำมูล (กฤษณ์ ศุกระมงคล) ไปเยี่ยมลูกชาย และความวุ่นวายต่างๆ ก็พัดเข้าสู่เมืองเหนือทันที ก้าวแรกที่เหยียบเมืองเหนือก็เป็นเรื่อง เมื่อบุญชูโดนล้วงกระเป๋าขณะเดินเที่ยวในถนนคน เดิน กลุ่มเพื่อนก็เลยต้องไล่ล่าโจรกันกลางตลาด ทำเอาวุ่นวายไปทั้งตลาด แต่โชคดีที่ จันทร์ผา (ณัฐฐาวีรนุช ทองมี) เข้ามาช่วยจับโจรและคืนกระเป๋าเงินให้แก่บุญชู เล่นเอาบุญชูทั้ง ทึ่ง ในความเก่ง และ อึ้ง ในความน่ารัก หรือว่างานนี้ จันทน์ผา จะทำให้หัวใจบุญชูหวั่นไหว?! ทางด้าน บุญโชค ก็ใช่ย่อย วันแรกที่เข้ามหาวิทยาลัยก็ได้เจอกับสาวสวยสดใส จันทร์หอม (จีน เกล้าแก้ว สินเทพดล) นิสิตเฟรชชี่เหมือนกันที่บุญโชคแอบปิ๊งตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ โดยมี พี่หมอ (นะโม ทองกำเหนิด) รุ่นพี่ที่เรียนแล้วเรียนอีกมาเป็นพี่เลี้ยงจีบหญิง แถมยังทำตัวเป็นกูรูเรื่องสมุนไพร โดยชักชวนบุญโชคเข้าไปหาประสบการณ์แปลกๆ ในป่า แล้วความอยากรู้อยากเห็นของพี่หมอก็เป็นเรื่อง เมื่อต้องประจันหน้ากับกลุ่มอิทธิพลมืดที่กำลังตัดไม้ทำลายป่า ทั้งบุญโชคและพี่หมอก็เลยต้องหนีสุดชีวิต เมื่อถูกไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด และก็มีวีรสตรีขี่ม้าขาวมาช่วยชีวิตของทั้งคู่ นั่นก็คือ “จันทร์ผา” โดยพาไปอาศัยอยู่ที่บ้านของตน บุญโชคจึงได้พบกับ “จันทร์หอม” ซึ่งเป็นน้องสาวของจันทร์ผาอย่างไม่คาดฝัน ด้าน บุญชู และ โมลี มาหาลูกชายที่หอพัก จนได้รู้ว่าบุญโชคเข้าป่าไปหลายวันแล้ว ทุก คนจึงพร้อมใจกันไปตามหาบุญโชคในป่า ทำให้บุญชูได้พบเจอกับจันทร์ผาอีกครั้ง และด้วยความสนิทสนมเกินกว่าเหตุ ที่ทำเอาโมลีถึงกับเกิดลมหึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อสัญชาติญาณของตัวแม่รู้สึกว่าบุญชูกำลังจะมี “กิ๊ก” ถ้าคุณเป็น “โมลี” จะทำอย่างไร?.. เมื่อบุญชูมี “กิ๊ก” จะหันหน้าไปพึ่งบุญโชคก็คงยาก เพราะบุญโชคก็จะเริ่มมี “กิ๊ก” เหมือนกัน และที่สำคัญไปกว่านั้น กิ๊กของทั้งคู่ดันเป็นพี่น้องกัน
เจ้านกกระจอก MUNDANE HISTORY (2553/2010) เอก เด็กหนุ่มอายุ 19 ปี ลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียงโรงพยาบาล เขาพยายามลุกขึ้นมาแต่ไม่สามารถทำได้ ร่างกายท่อนล่างของเขาไม่มีความรู้สึกใดๆ ทันใดนั้นธานินทร์ ชายวัยห้าสิบเศษๆ ผู้เป็นบิดาของเอกก็เดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาบอกกับเอกว่าเอกสามารถกลับบ้านได้ในวันพรุ่งนี้ วันรุ่งขึ้นเอกกับธานินทร์กลับมาถึงบ้านพร้อมด้วย ปัน บุรุษพยาบาลวัยสามสิบต้นๆ ปันอุ้มเอกขึ้นไปที่ห้องนอนของเอกแล้ววางเขาลงบนเตียง หลังจากนั้นเขาก็เช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เอก แล้ววันแต่ละวันก็ค่อยๆ ผ่านไปโดยที่ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมากนัก ปันเช็ดตัวให้เอก หรือไม่ก็เข็นรถเข็นไปรอบๆ บ้าน บางครั้งปันพยายามชวนเอกคุย แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลสำเร็จนัก นานๆ ครั้งที่ธานินทร์จะโผล่เข้ามาทักทายแล้วชวนทั้งสองพูดคุย แต่เปรียบเสมือนจะมีกำแพงที่มองไม่เห็นคั่นกลางพ่อกับลูกอยู่
ตุ๊กกี้ เจ้าหญิงขายกบ (2553/2010) กระจกวิเศษบอกข้าเถิด... ใครงามเลิศในปฐพี? ฉับพลันนั่นเองร่างของหญิงสาวสวย รูปร่าง เตี้ย ล่ำ ผิวพรรณงดงามประดุจคล้าย กบ อ๊บ อ๊บ ก็ปรากฎบนหน้ากระจก หล่อนเป็นแม่ค้าต่างด้าวนามว่า ตุ๊กกี้ (สุดารัตน์ บุตรพรม) ความสามารถพิเศษเพาะเลี้ยงกบได้ไซส์ขนาดใหญ่ยักษ์ ในแบบที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนที่สำคัญแถมยังพูดคุยกับกบรู้เรื่อง บางวันบ่นพึมพำกับกบยักษ์ในกะละมัง แต่เมื่อต้องปะทะคารมกับบรรดาเหล่าแม่ค้าในตลาด หล่อนก็แอบเผลอ เขวี้ยงปากบใส่แทนอาวุธประจำกายไปบ้างในบางที และบางครั้งก็เผลอใจจูบปากกบ เพราะหวังลึก ๆ สักวันกบจะกลายเป็นเจ้าชายสุดหล่อขึ้นมา ณ บัดดล ตามแบบฉบับเทพนิยายเมื่อจูบกบ ฉับพลันกบจะกลายร่างเป็นเจ้าชาย ส่วนตุ๊กกี้ตั้งใจบรรจงจูบกบ แต่ดันหยิบผิดกลายเป็นจูบตัวเงินตัวทอง แล้วหล่อนก็กลับกลายเป็นเจ้าหญิงขึ้นมา ใช่แล้วล่ะ! หล่อนคือ เจ้าหญิงตุ๊กกี้ ที่หายสาปสูญไปนานกว่า 20 ปีแห่งแคว้นปาดังราวี แถมยังเป็นเจ้าหญิงรัชทายาทเพียงองค์สุดท้ายที่เหลืออยู่เพียงพระองค์เดียวอีกด้วย หล่อนคือความหวังของชาวปาดังราวีทั้งหมดทั้งมวล โชคชะตาเหมือนเล่นตลกจากแม่ค้าขายกบสัญชาติต่างด้าวธรรมดาคนนึงที่ต้องรับผิดชอบแค่กบหยิบมือในกาละมัง ต้องมารับบทบาทและภารกิจเจ้าหญิงที่ใหญ่หลวงอันหนักอึ้ง ได้ใกล้ชิดกับ อ๊บองครักษ์สุดหล่อ (หลุยส์ สก็อตต์) หน้าตาดีมากกกก มาดเท่ห์สไตล์ลูกครึ่ง แตกต่างกับหล่อนอย่างสิ้นเชิง ที่ต้องคอยช่วยเหลือปกป้องให้แคล้วคลาดรอด พ้นจากการไล่ล่าของเหล่ากบฏตัวร้ายที่ถูกส่งมาเพื่อปฏิบัติภารกิจช่วงชิงตัวเจ้าหญิงโดยเฉพาะคอยตามจับตัวเจ้าหญิงตลอดเวลาเมื่อมีโอกาส จนกลายเป็นมหกรรมศึกชิงนางขึ้น เจ้าหญิงอะร๊ายยย...หน้าตาคล้ายกบ ตัวเตี้ยล่ำ บ้าผู้ชาย ปากจัดจ้าน ก่อเรื่องวุ่นวายและยุ่งเหยิงเต็มไปหมด แต่เพื่อสร้างปรากฎการณ์แห่งวงการเจ้าหญิง ที่เป็นเอกลักษณ์รวมถึงความแตกต่างที่เจ้าหญิงองค์ไหนก็เทียบชั้นไม่ได้ ทุกอย่างจะต้องถูกเสกออกมาให้เพอร์เฟคสมบูรณ์พร้อมเป็นเจ้าหญิงอย่างสมศักดิ์ศรี หล่อนจึงถูกจับโมดิฟายด์ยกเครื่องใหม่หมดทั้งตัว เข้าคอร์ส ฝึกหลักสูตรแบบฉบับเจ้าหญิงกับบรรดาครูฝึกผู้เชี่ยวชาญปรมาจารย์ขั้นเทพในหลายสาขา ตุ๊กกี้จะผ่านบททดสอบครั้งนี้ได้หรือไม่ แล้วปาดังราวีจะได้กลายเป็นประเทศเอกราชหรือเปล่า ภารกิจของประเทศชาติช่างยิ่งใหญ่ แต่เรื่องหัวใจช่างสำคัญยิ่งนัก คงต้องเอาใจช่วยและลุ้นกับความกล้า เพี้ยน บ้าบิ่น อันสุดฮาที่ใครก็บ้าไม่ได้เท่าหล่อนอีกแล้วในชาตินี้
เอ้ก อี เอ้ก เอ้ก แฟนลั้ลลา (2553/2010) คุน (จาตุรงค์ พลบูรณ์) จะแต่งงานกับ บุษบา (อัฐมา ชีวนิชพันธ์) วันที่จะไปรับชุดแต่งงาน คุนถูกจับข้อหาเป็นฆาตกรฆ่านักการเมือง จากเจ้าบ่าว คุน เลยกลายเป็น นช.คุน แทน เจ้าพ่อดม (อุดม ทรงแสง) กับ ลูกแจ๊ส (ผดุง ทรงแสง) ผู้มีอิทธิพลนอกคุกตามราวี นช.คุน เพราะคิดว่า นช.คุน เก็บคลิปเอาไว้ ถึงขนาดสั่งย้าย นช.คุน ให้ไปอยู่แดน 8E88 (แดนประหาร) เพื่อต้องการกดดันให้ นช.คุน ส่งคลิปคืน แต่ นช.คุน ไม่รู้เรื่อง สองพ่อลูกจึงขู่ฆ่า บุษบา ส้ม (มารี เออเจนี เลอเลย์) ลูกนักการเมืองที่ถูก นช.คุนฆ่า ต้องการคลิปเพื่อเปิดโปงคนร้ายตัวจริง จึงให้ บอส (จักรพันธ์ วงศ์คณิต) เพื่อนชายคนสนิทเข้าไปในคุก เพื่อไปตีสนิทกับ นช.คุน เพราะคิดว่า นช.คุน ต้องรู้เรื่องคลิป ปฏิบัติการแหกคุกเพื่อหาคลิปจึงได้เริ่มต้นขึ้น
ดวงอันตราย POP STAR (2553/2010) หลังกลับมาจากเรียนต่อที่เมืองนอก ดูเหมือนว่าดวงชีวิตของ เจย์ (มณฑล จิรา) นักร้องชื่อดังกำลังจะกลับมารุ่งอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการได้ออกอัลบั้มใหม่ กับค่ายเพลงต่างชาติชื่อดัง จากการผลักดันของพ่อซึ่งเป็นผู้จัดการสวนตัว แต่มีสิ่งหนึ่งค้างคาใจเจย์ตลอดมา นั่นคือการที่อดีตคนรักของเขาอย่างนุ้ยกลายเป็นเมียใหม่ของพ่อ เพราะนั่นทำให้เขาคิดว่าเป็นสาเหตุสำคัญให้แม่ฆ่าตัวตาย จึงทำให้เขาไม่พอใจพ่อ และ นุ้ย (บงกช คงมาลัย) รวมไปถึงชีวิตที่ทุกอยางล้วนถูกกำหนดโดยพ่อ ด้วยเหตุผลที่ว่าการเป็นซุปเปอร์สตาร์จะให้ใครรู้ว่ามีแฟนไม่ได้ แต่หารู้ไม่ว่า เหตุผลสำคัญที่ทำให้นุ้ยยอมเป็นเมียใหม่ของพ่อเจย์ ก็เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับเจย์ เพราะแท้จริงแล้วชีวิตที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้ หาได้ทำให้นุ้ยมีความสุขแต่อย่างใด เพราะพ่อของเจย์ยังคงเจ้าชู้อยู่เหมือนเดิม จนกระทั่ง แม่นุ้ย ซึ่งเป็นคนที่เชื่อในเรื่องหมอดูและการทำนายทายทักได้พา นุ้ย ไปหาหมอดู และทักว่าดวงไม่ดีให้ระวังสัตว์สี่เท้า เพศตรงข้ามจะนำโชคร้ายมาให้ ต้องถือศีล 5 และต้องทำตามหมอดู ทุกอย่างชีวิตจะดีขึ้น รวมทั้งให้เลิกกับพ่อของ เจย์ และการที่นุ้ยเลิกกับ พ่อเจย์ นุ้ยจะได้ค่าเลิกและค่าเลี้ยงดูลูกเป็นเงินจำนวนมหาศาล แต่นุ้ยก็ไมอยากเพราะเป็นห่วง น้องแพร์ ขณะที่ เจย์ เองเริ่มมีอาการประสาทหลอน เป็นผลจากฤทธิ์ยาที่พ่อเป็นคนสั่งให้กินตลอดเวลา ทำให้ยิ่งรู้สึกตนเหมือนเป็นหุ่นยนต์ที่ต้องทำตามความต้องการของพ่อ ทำให้เค้ายิ่งรู้สึกคิดถึงแม่ และยิ่งทำเจ็บปวดและเคียดแค้นที่ต้องอยู่ใกล้ ๆ นุ้ย เพราะความจริงแล้ว นุ้ย คือผู้หญิงที่ เจย์ เคยรักมาก แต่พ่อของเค้าทำให้ต้องเลิกกัน วันหนึ่ง เจย์ เกิดประสาทหลอน บังเอิญกับที่พ่อตกบันไดลงมาทำให้คิดว่าตัวเองเป็นคนฆ่าพ่อ จึงพยายามอำพรางศพไว้ในห้องโดยไม่ให้ใครรู้ และระแวงว่าทุกคนจะสงสัยการหายไปของพ่อโดยเฉพาะ นุ้ย แต่หารู้ไม่ว่าความจริงทุกอยางที่เกิดขึ้นล้วนอยู่ในสายตาของนุ้ยมาโดยตลอด ไม่วาเรื่องใด ๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นกับชีวิตเธอและ เจย์ เพียงทว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากการกระทำที่ถูกกำหนดโดยใครบางคน หรือเป็นเพราะดวงกันแน่
เการักที่เกาหลี Sorry ซารังเฮโย (2553/2010) หนึ่งคนไปตามหาความรัก หนึ่งคนไปตามหาความสวยงามให้ชีวิต หนึ่งคนไปตามหาคนที่รัก หนึ่งคนไปตามหาพรสวรรค์ ต่างคนต่างความฝัน แต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นคือ เกาหลี ประเทศแห่งความโรแมนติก ความวุ่นวายและความสนุกเริ่มต้นขึ้นเมื่อ คะน้า (ฮารุ สุประกอบ) สาวน้อยผู้คลั่งไคล้ซีรี่ย์เกาหลีเกิดหลงรัก อาจู (โน อาจู) พระเอกเกาหลีในซีรี่ย์ ชักชวน มะระ (ธัญญา รัตนมาลากุล) พี่สาวที่ฝันอยากศัลยกรรมหน้าใหม่ให้แบ๊วอย่างสาวเกาหลี ตะลุยเกาหลีหวังตามหารักแท้ โดยหารู้ไม่ว่า ชาย (รัชชานนท์ สุขประกอบ) เพื่อนสนิทที่ตามไปเกาหลีด้วยนั้น แอบหลงรักเธออยู่ รวมถึง วอน (ศรัณย์ ศิริลักษณ์) ที่ทำตัวเรียนแบบเกาหลีทุกอย่างเพื่อเอาใจคะน้า และมีความฝันจะได้เป็นนักร้องเกาหลี ความรักครั้งนี้สร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และน้ำตา มิตรภาพของคำว่าเพื่อน กับหัวใจที่มีให้เฉพาะคนที่รัก ก่อให้เกิดความทรงจำสีชมพูในเมืองสีขาวที่เต็มไปด้วยหิมะ ความรักจะสมหวังหรือไม่ ความฝันจะเป็นจริงหรือไม่ สิ่งที่ตามไขว่คว้าจะได้มาหรือไม่ เอาใจลุ้นกันเขาและเธอได้ใน เการัก ที่เกาหลี Sorry ซารังเฮโย
เรา สองสาม คน (2553/2010) เมื่อ สุนทรีย์ (รัตนรัตน์ เอื้อทวีกุล) สาวหูตึงหลงรักหนุ่มออฟโรดที่ชื่อ ส้มฉุน (มณฑล จิรา) ในทริปคาราวานทัวร์ออฟโรดไปเวียดนาม ในระหว่างการเดินทาง เธอ ได้ปะติดต่อเรื่องราวความรักของ เธอ กับ ส้มฉุน ด้วยความเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างเพราะเครื่องช่วยฟังไม่ค่อยชัดนัก สุนทรีย์ กลับพบว่า เต๋อ (อริย์กันตา มหาพฤกษ์พงศ์) เพื่อนสาวสายตาสั้นจอมเฟอะฟะที่ร่วมเดินทางมาพร้อมกันในครั้งนี้คือคนที่ ส้มฉุน จีบและทั้งสองแอบใจตรงกัน แต่ความรู้สึกของ เต๋อ ละ เธอจะทำยังไงกับความรู้สึกของเธอ ตัดสินใจปล่อยให้ เพื่อนเจ็บเชื่อตามที่ สุนทรีย์ บอกว่าเธอคือคนที่ ส้มฉุน จีบในยามที่เธอมองเห็นชัดบ้างไม่ชัดบ้าง หรือทำเป็นหูดับแล้วเดินจากไป
ลุงบุญมีระลึกชาติ Uncle Boonmee Who Can Recall His Past Lives (2553/2010) ลุงบุญมีที่กำลังล้มป่วยด้วยอาการไตวาย บุญมีรู้ว่าตนเองจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึง 48 ชั่วโมง และเชื่อว่าความเจ็บป่วยที่เป็นอยู่อาจเกี่ยวกับกรรมที่เขาเคยฆ่าสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ตายไปหลายราย เขาถูกภรรยาที่ตายไปมาหลอกหลอนในสภาพผู้บริบาลรักษา ลูกชายที่หายสาบสูญไปนานก็กลับมาจากป่าในสภาพที่คล้ายลิง เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ลุงบุญมีสามารถระลึกชาติได้ และติดตามไปยังสถานที่ที่เกี่ยวของกับอดีตชาติของเขา ก่อนจะเสียชีวิตไปพร้อมๆ กับการสนทนาถึงเรื่องราวของชีวิตตนเอง ที่กินเวลานานหลายร้อยปี
นางตะเคียน (2553/2010) คำ 2 คำ ที่สามารถปลุกซากศพขึ้นมาได้ คือคำว่า ความรัก และ ความแค้น ใยบัว (จีรนันท์ มะโนแจ่ม) เป็นเพียงลูกจ้างรายวันในโรงงานโรงงานเย็บผ้า(รองเท้า) ในกรุงเทพฯ ถึงจะมีความรู้น้อย แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาเป็นที่สะดุดตาของผู้พบเห็น จนกระทั่งได้พบและรู้จักกับ พิชาน (พีระพันธ์ อารียาพันธ์) พนักงานฝ่ายบริหารของโรงงาน แต่หลังจากมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง พิชาน กลับนำคลิปภาพไปอวดเพื่อน เพื่อน ๆ ของ พิชาน ที่เห็นคลิปต่างแสดงอาการกระหายที่จะมีความสัมพันธ์กับเธออย่างเปิดเผย ทำให้เธอรู้สึกอับอายและเสียใจในการกระทำของ พิชาน และเป็นเวลาที่ พิชาน ก็ถูกส่งตัวไปควบคุมโรงงานที่ต่างจังหวัดระยะหนึ่งอย่างเร่งด่วน ขณะเดียวกัน โรงงานก็ประกาศปลดคนงานในแผนกที่เธอทำอยู่ออกทั้งหมด ใยบัว จึงเดินทางกลับบ้านห้วยน้ำหอม ซึ่งเป็นชนบทที่ห่างไกล การคมนาคมไม่สะดวก พบว่า พ่อ แม่ และน้องสาวต่างก็เสียชีวิตด้วยโรคร้าย และอุบัติเหตุในเวลาไล่เลี่ยกันทั้งสามคน ใยบัว พยายามติดต่อ พิชาน แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ ใยบัว ก็ยิ่งรู้สึกสิ้นหวังในชีวิต ไม่อาจหลอกตัวเองได้อีกต่อไปว่า พิชาน รักเธอจริง ๆ จึงตัดสินใจผูกคอตายที่ต้นตะเคียนใหญ่ ด้วยผลกรรมและจิตที่ยึดมั่นอยู่กับอารมณ์ก่อนตาย ใยบัว จึงเกิดเป็นอสุรกายรอคอยคนรักวนเวียนอยู่ในบริเวณที่ตนผูกพัน การปรากฏตัวของ ใยบัว เพื่อสื่อให้ชาวบ้านช่วยทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้บ้างจึงกลายเป็นสร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้าน แม้แต่หมอเอี่ยม ผู้ที่ชาวบ้านนับถือว่าเป็นหมอด้านคุณไสยที่เก่งที่สุดและต้องการเชือกผูกคอตาย เศษผ้ามัดตราสัง ตาปูตอกโลงศพและอื่น ๆ ของผีตายโหงอย่าง ใยบัว ไปทำของขลังขายยังต้องล่าถอย เมื่อเผชิญหน้ากับ ใยบัว เมื่อย้ายกลับมากรุงเทพฯอีกครั้งและรู้จากเพื่อนของ ใยบัว ว่า ใยบัว กลับไปห้วยน้ำหอมตั้งแต่ถูกปลดออกจากงาน พิชาน จึงชวนเพื่อนสองคนลาพักร้อน เดินทางไปยังบ้านของ ใยบัว และพบว่า ใยบัว เตรียมต้อนรับอยู่แล้วเหมือนรู้ว่าเขาจะมา เพื่อนของ พิชาน กลับคิดว่า พิชาน แค่ติดใจในรสรักของ ใยบัว เท่านั้น เมื่อมีโอกาส เพื่อนทั้งสองจึงพยายามขอมีความสัมพันธ์กับ ใยบัว บ้าง ใยบัว ปฏิเสธ เพื่อนของ พิชาน ทั้งสองจึงหันมาใช้กำลัง ต่อมาก็พบว่าทั้งสองกลายเป็นศพไปแล้ว ชาวบ้านเชื่อว่าการตายของทั้งสองคนเป็นฝีมือของ ใยบัว จึงพยายามบอก พิชาน แต่ พิชาน ก็ไม่เชื่อ เพราะเขาสามารถใช้ชีวิตร่วมกับ ใยบัว ได้เหมือนคนปกติทั่วไป กระทั่งผู้ที่บอกเขาว่า ใยบัว ตายไปแล้วต่างสิ้นชีวิตลงด้วยอาการต่าง ๆ กัน พิชาน จึงยอมพิสูจน์จนเห็นกับตาตนเองว่า ใยบัว ตายไปแล้วจริง ๆ และคิดหลบหนีกลับกรุงเทพฯ แต่ ใยบัว ไม่ยอมให้ พิชาน จากเธอไปง่าย ๆ เธอใช้อำนาจของอสุรกายบังคับให้ พิชาน ต้องอยู่กับเธอต่อไป ชาวบ้านพยายามช่วยเหลือ พิชาน แต่กลับถูก ใยบัว อาละวาดจนต้องหนีไปพึ่งเจ้าอาวาส หมอเอี่ยมไม่ละความพยายาม จึงแอบไปทำพิธีสะกดต้นตะเคียนเหนือหลุมศพของ ใยบัว หมายกำจัดวิญญาณของ ใยบัว ท่ามกลางการเอาใจช่วยของชาวบ้านที่ติดตามมาดูพิธีของหมอเอี่ยม แต่ในขณะที่ ใยบัว จะพ่ายแพ้แก่ หมอเอี่ยม พิชาน ซึ่งอยู่ในอาการซีดเซียวใกล้เป็นซากศพก็ลุกขึ้นมาช่วยเหลือ ใยบัว ทำให้หมอเอี่ยมถูก ใยบัว ฆ่าตาย เจ้าอาวาสเห็น ใยบัว จะสร้างกรรมชั่วมากขึ้น จึงเทศนาให้ ใยบัว ฟังทำให้ ใยบัว สงบลง หลังจากนั้น ชาวบ้านก็ไม่เห็น พิชาน อีกเลย ส่วน ใยบัว ก็ไม่มาปรากฏร่างให้ใครเห็นอีก ต่อมาเจ้าอาวาสจึงให้ชาวบ้านช่วยกันรื้อบ้านของ ใยบัว เพื่อมาสร้างเป็นกุฏิพระ ในระหว่างการรื้อถอนนั้นเองชาวบ้านก็พบซากศพแห้งกรังซุกซ่อนอยู่มุมหนึ่ง ทำให้ชาวบ้านเกิดคำถามขึ้นมาว่า นั้นเป็นศพของใคร
โป๊ะแตก (2553/2010) ตามติดชีวิตกองถ่ายแบบฮากระจายไปกับหลากหลายคาแร็คเตอร์ เล่นจริง อำจริง ของผู้อำนวยการสร้างจอมเฮี้ยบ, ผู้กำกับปากร้าย, ดาราขี้วีน, ตลกจอมเครียด, ทีมงานขี้เมาท์ และอีกมากมายก่ายกอง(ถ่าย) หนุกหนานขำกลิ้งไปกับตลกสุดโต่ง, ดราม่าสุดแสนโศกา, แอ็คชั่นมันส์ระเบิด(เละ), สยองขวัญสั่นประสาท ยันฉากเลิฟซีนสุดซี้ดกับเหล่าผู้ชายหลายบาป...ว่าเข้าไปนั่น คละเคล้ามุขเด็ดขำเข็ดฟัน เฮฮาน้ำตาเล็ดตลอดเรื่อง กับ โป๊ะแตก หนังตลกรสชาติใหม่สไตล์ หนังซ้อนหนัง ตลกซ้อนตลก ที่จะทำให้คุณฮาไม่เสร็จกันเลยทีเดียว
ผู้หญิง 5 บาป 2 (2553/2010) ผู้หญิงสาว 5 นางในชุดเซ็กซี่ ที่สภาพขาด ๆ วิ่น ๆ ถูกพันธนาการด้วยโซ่ห้อยจากหลังคาสูง ทั้งหมดเริ่มได้สติ ลืมตางัวเงียผสมงุนงงว่าตัวเองมาอยู่ในสภาพแบบนี้กันได้เช่นไร แต่ต่างคนก็เคยเจอะเจอพบปะกันในแวดวง Celebritiy กันอยู่บ้าง การสนทนาทักทายระหว่างกันดำเนินไปได้สักพัก ก็ปรากฏเสียงลึกลับออกมาบ่งบอกถึงความวิปริตอยู่ในที เพราะเป็นเสียงสังเคราะห์ที่ไม่อาจแยกแยะได้ว่าเป็นชายหรือหญิง หนุ่มหรือแก่ รู้แต่เพียงว่าเสียงนั่นเป็นต้นเหตุที่นำพวกเธอทุกคนมารวมกัน ณ.ที่นี้ เสียงลึกลับกล่าวทักทายทุกคน มันไม่ใช่การบันทึกเทปไว้ เพราะมันสามารถโต้ตอบกับ 5 สาวได้เป็นอย่างดี แสดงว่ามันกำลังจับตาดูทุกคนอยู่ มันบอกว่าเป็นแฟนคลับ และชื่นชอบในความสามารถ ความสวยงามของทุกคน แต่น่าเสียดายที่มันต้องฆ่า 4 ใน 5 อนงค์เพื่อเซ่นทรวงสังเวยแก่เทพโพไซดอนที่มันเคารพนับถืออยู่ แล้วใครกันล่ะคือคนที่จะโชคดีมีโอกาสรอดชีวิตกลับออกไป ถึงตรงนี้ 5 สาวต่างลนลานกลัวตายกันยิ่งขึ้น บ้างก็ออดอ้อนวิงวอน บ้างก็ขอความเมตตาสงสาร บ้างก็เอาแต่ร้องไห้ แต่มีอยู่ 2 คนที่พยายามเสนอเงื่อนไขเอาตัวเข้าแลกกับอิสรภาพ เสียงลึกลับดูเหมือนจะไม่ใส่ใจในทุกข้อเสนอและความทุนรนทุรายกลัวตายของแต่ละคน เงื่อนไขเดียวของมันก็คือ ให้แต่ละสาวเล่าเรื่องบาปเกี่ยวกับเซ็กซ์ที่ตัวเองก่อขึ้นเอาไว้ เรื่องของใครเลวร้ายที่สุด คนนั้นแหละที่จะถูกไว้ชีวิต ซึ่งการวินิจฉัยเป็นดุลย์พินิจเฉพาะตัวของเจ้าเสียงมรณะ ใครไม่เล่าก็จะถูกดึงร่างแยกส่วนได้ตายอย่างแสนทรมาน ใครโกหกก็จะถูกเหล็กแหลมทิ่มแทงเพราะมันรู้ในทุกเรื่องของทุกคน อย่าลืมว่ามันคือแฟนคลับเดนตายของ 5 สาว มาลองติดตามกันดูว่า บาปของทั้ง 5 สาวจะดำเนินไปในรูปแบบใด ใครจะบาปกว่ากัน และใครจะบาปที่สุด พร้อมบทสรุปที่สุดแสนจะคาดเดากับน้องแพนด้าบาปที่ 6 ส่วนจะหักมุมกว่าภาคแรกหรือไม่นั้น คงต้องเชิญทุกท่านไปพิสูจน์ด้วยสายตาของตัวเอง ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ
3 ย่าน (2553/2010) เรื่องวุ่น ๆ เกิดขึ้น ณ ท่าจอดรถทัวร์แห่งหนึ่ง เมื่อ น้าค่อม (อาคม ปรีดากุล) พนักงานขับรถทัวร์ กำลังวิ่งไล่จับจู๋จี๋กับ ตุ๊กกี้ (ปานวาด เหมมณี) บัสโฮสเตสสาวสวย ขณะจะเข้าด้ายเข้าเข็มก็บังเอิญเหลือบไปเห็นศพหญิงสาวถูกฆ่าตายอยู่ในรถ ทั้งคู่รีบมาบอกกับ เจ๊เกี๊ยว (โซเฟีย ลา) เจ้าของรถทัวร์ ซึ่งกลัวว่าเรื่องดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อธุรกิจเดินรถ ทั้ง 3 คนจึงร่วมมือกันปฏิบัติการแผนอำพรางศพโดยตั้งใจจะเอาศพไปทิ้งระหว่างทาง การเดินทางที่วุ่นวายของทั้ง 3 คนกับผีสาวสุดเฮี้ยนก็เริ่มต้นขึ้น และเพิ่มความยุ่งยากเข้าไปอีกเมื่อตำรวจ (อดิเรก วัฏลีลา) จอมสอดรู้สอดเห็นขอเดินทางไปด้วย ภารกิจใหม่ของทั้ง 3 คนคือ ทำยังไงก็ได้เพื่อให้ผีหลอกพวกตนแต่ห้ามหลอกตำรวจและผู้โดยสาร โดยในกลุ่มผู้โดยสารนั้นมีชายหนุ่ม 2 คน มีพฤติกรรมที่น่าสงสัยแอบหลบหนีลงจากรถทัวร์ลงมา ก่อนที่เรื่องราวบนรถทัวร์จะเกิดความโกลาหลไม่เว้นแม้แต่ตำรวจ พระสงฆ์ ก็ต้องวิ่งหนีผีสาวกันจ้าละหวั่น สองหนุ่มต้องสงสัยที่หนีลงจากรถทัวร์มาคือ หอย (เกียรติศักดิ์ อุดมนาค) และ บิ๊ก (ทองภูมิ สิริพิพัฒน์) เพื่อนรักที่กำลังถกเถียงกัน เมื่อแผนปล้นรถทัวร์ไม่สำเร็จ แล้วจะหาเงินที่ไหนไปจ้างเก็บนักฆ่าที่กำลังตามล่าตนอยู่ ทั้งคู่ทะเลาะกันในเรื่องที่ทำให้ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายนี้ ก็เพราะความขี้หึงเกินเหตุ ซึ่งเรื่องทั้งหมดมาจากความเข้าใจผิด เมื่อหอยมีเหตุบังเอิญมาเจอกับ บิ๊ก แล้วชวน บิ๊ก มาที่บ้านจึงได้พบกับ เชอร์รี่ภรรยาแสนสวยของ หอย คืออดีตแฟนสาวของ บิ๊ก เมื่อเจอกันอีกครั้ง เชอร์รี่ และ บิ๊ก คุยกันอย่างสนิทสนม โดยมี หอย นึกระแวงว่าเมียรักกำลังสวมเขา เพื่อนรักกำลังหักหลัง หอย จึงคิดว่าหนี้แค้นต้องล้างด้วยชีวิต ยืมมือฆ่าคนน่าจะเป็นทางออกทางเดียวที่จะเช็ดถูคราบสนิมที่เกาะกินใจให้สิ้น แต่ทุกแผนย่อมมีพลั้งพลาด หอย กลับเป็นคนทำให้เรื่องเดือดร้อนเข้าตัวเองอย่างไม่สามารถจะหยุดมันลงได้ รักสามเส้าเรื่องใหม่จะจบลงแบบใด ชะตาเท่านั้นเป็นผู้ลิขิต รุ่งขึ้นของวันใหม่ โก๊ะ (เจริญพร อ่อนละม้าย) ผู้กำกับหนังตกอับกำลังถ่ายหนังเรื่องใหม่ที่จะพิสูจน์พื้นที่ของผู้กำกับหนังของตัวเองที่เหลือน้อยเต็มที ซึ่งมี แอนดี้ Zสมพงษ์ คุนาประถม) พระเอกตกยุคแสดงนำ และมี เป้ย (ปิยา พงศ์กุลภา) นักแสดงสาวผู้กำลังหวังไต่เต้าทางการแสดงร่วมเล่นด้วย ซึ่ง โก๊ะ แอบมีสัมพันธ์สวาทกับ เป้ย อย่างลับ ๆ ปัญหาของ โก๊ะ กับโปรดิวเซอร์ใหญ่ (ปฏิญญา ควรตระกูล) ผู้จัดการกองถ่ายจอมป่วน (ดวงฤดี บุญบำรุง) อีกทั้งธุรกิจกองถ่ายสุดเปิ่น (ขวัญนภา เรืองศรี) ก็แย่พอแล้ว สำหรับการทำงานกองถ่าย ปัญหากับนักแสดงลืมตัวอย่าง แอนดี้ ก็ยิ่งทำให้แทบจะกระอักเลือด เหมือนผีซ้ำชะตาซวยโก๊ะมารับรู้ความลับบางอย่างเข้า มันเหมือนรถสิบล้อบี้ทับร่างอวบ ๆ แล้วถอยมาทับอีกรอบ มันทำให้น้ำตาลูกผู้ชายต้องไหลหลั่ง โก๊ะ ต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อจบปัญหาทุกเรื่องลงให้ได้
องค์บาก 3 (2553)

องค์บาก 3 (2553/2010) หลังจากพ่ายแพ้แก่ ภูติสางกา (ชูพงษ์ ช่างปรุง) สูญเสียทั้ง 2 บิดา ออกญาสีหเดโช (สันติสุข พรหมศิริ) และ เชอนัง (สรพงษ์ ชาตรี) รวมทั้งบรรดาพี่น้องแห่งชุมโจรผาปีกครุฑ ทุกศาสตร์ยุทธ์ที่ถูกบ่มเพาะฝึกฝนมาทั้งชีวิตของเทียน (ทัชชกร ยีรัมย์) ล้วนถูกทำลายย่อยยับจนหมดสิ้น ต้องโทษฑัณฑ์ถูกทรมานพิการเจียนตาย เหลือเพียงแค่ลมหายใจอันรวยริน ฤาชีวิตทั้งมวลล้วนจบสิ้นลง ดั่งคำทำนาย เมื่อครั้งถือกำเนิด ยามใดจับต้องศาสตรา ชีวิตจักมืดมนต้องโทษทุกข์แสนสาหัส ท่ามกลางบ่วงกรรมที่ยังคงดำเนินเกี่ยวพันสืบเนื่องต่อไป บัดนี้ร่างที่ไร้ชีวิตของบุรุษนักสู้ผู้เป็นตำนานได้รับความช่วยเหลือถูกลำเลียงขนย้ายส่งต่อไปยังหมู่บ้านอโรคยา ที่ในอดีต เทียน และ พิม (พริมรตา เดชอุดม) เคยใช้ชีวิตเติบโตเรียนรู้เรื่องสมุนไพรใบยาบ่มเพาะสมาธิ ซึมซับวิชาโขนนาฏศิลป์ โดยมีเหล่าผู้คนในหมู่บ้านทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็กผู้เฒ่าผู้แก่ หรือกระทั่งคนบ้าที่ไร้สติแต่ไม่เคยมีพิษภัยกับใครอย่าง ไอ้เหม็น (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) ก็ต่างมาร่วมกันหลอมจิต ศรัทธารวมเป็นหนึ่งช่วยกันหล่อพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเพื่อส่งจิตระลึกให้เทียนฟื้นคืนสติกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ขณะที่พิมเองได้นำเอาท่วงท่าการร่ายรำดัดตัวตามรูปแบบของนาฏศิลป์โขนโบราณ มาช่วยในการรักษาบำบัดร่างกายที่เสื่อมสลายโดยมี ครูบัว (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) ที่ปัจจุบันกลายเป็นพระบัวเปิดทางให้เทียนได้เริ่มต้นเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึกควบคุมร่างกาย กล่อมเกลาสภาวะจิตให้นิ่ง เรียนรู้และต่อสู้กับด้านมืดในใจ เพื่อบรรลุถึงจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ที่หลับใหล หลอมหลวมเข้ากับ พลังศรัทธาอันแรงกล้า จากธาตุธรรมชาติทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ ผสมผสาน จนก่อเกิดการค้นพบ นาฏยุทธ์ ศาสตร์และศิลปะการต่อสู้อันทรงอานุภาพอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ในขณะที่แผนการณ์ต่าง ๆ ของ พระยาราชเสนา (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) ล้วนแต่บรรลุตามความประสงค์แทบทั้งสิ้น โดยมีเป้าหมายหลักคือ การก้าวขึ้นสู่ความเป็น จอมราชันย์ที่พร้อมสยบทุกสิ่ง และแน่นอนว่าเมื่อรวมเหล่านักฆ่ามากฝีมือ และบรรดาไพร่พลที่มีอยู่รายล้อมรอบตัวอันมากมายมหาศาลด้วยแล้ว ภายใต้ผืนนภา และเหนือพื้นพสุธาอันกว้างใหญ่ไพศาลย่อมไร้ซึ่งผู้กล้ารายใดที่คิดจะต่อกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ ภูติสางกา ฑูตสังหารที่มาพร้อมกับ ภูติยุทธ์ ศาสตร์การต่อสู้ที่ไร้รูปแบบและร่องรอย อยู่เคียงข้างและรวมเป็นหนึ่งเดียวด้วยแล้ว ดูเหมือนว่าทุกสรรพสิ่งล้วนสยบนิ่งอยู่แทบเท้าเลยทีเดียว และทันทีที่พระยาราชเสนารู้ว่าบัดนี้เทียนได้รับการชุบชีวิตจากชาวหมู่บ้านคณะโขนด้วยแล้ว คำสั่งเลือดและการระดมเหล่าทหารและขุมกำลังทั้งหมดถูกส่งไปเพื่อทำลายร้างและเข่นฆ่าผู้คนในหมู่บ้านที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างทันท่วงที โดยที่ตัวพิมเองถูกทหารจับตัวกลับไปยังพระราชวังเพื่อสำเร็จโทษอาญาคชฑัณฑ์ (ใส่ตะกร้อให้ช้างเตะ) ต่อหน้าหมู่ทาสและกลุ่มประชาชนทั้งหมด ทำให้เทียนที่บัดนี้กำลังเรียนรู้และก้าวเข้าสู่วิถีสมาธิอันสงบนิ่ง ต้องยอมละตัวเองออกจากดวงจิตอันบริสุทธ์เพื่อเผชิญกับวิบากกรรมและขวากหนามที่เป็นอุปสรรคซึ่งถูกลิขิตไว้อย่างไม่จบสิ้น จากเหล่าอริราชแลศัตรูอันชั่วร้ายที่ยังคงหมายที่จะคร่าเอาชีวิตเทียน ไม่ว่าจะเป็น ภูติสางกา หรือ พระยาราชเสนา เอง ในขณะเดียวกันดูเหมือนว่า ความแค้นและพลังจากด้านมืดในจิตของเทียนเอง ก็พร้อมที่จะถาโถมเข้าครอบงำ ทำลายและทำร้ายเทียนตลอดเวลา ทางเดียวที่จะเอาชนะกรรมที่เริ่มก่อตัวขึ้น นั่นคือต้องเผชิญหน้าและเรียนรู้ที่จะควบคุมและเอาชนะจิตใจตนเองให้ได้ เตรียมพบกับการเผชิญหน้าและศึกการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต กับอภิมหาภาพยนตร์แอ็คชั่นที่คนทั้งโลกรอคอยกับบทสรุปของ องค์บาก 3 จุดกำเนิดขององค์บาก ตำนานการต่อสู้แห่งจิตวิญญาณ หลอมรวมพลังศรัทธาอันมุ่งมั่นที่ไม่เคยดับสูญของบุรุษผู้เกิดมาเพื่อเป็นตำนาน

เขี้ยว อาฆาต (2553/2010) พุทธศักราช 2526 บริเวณหนองงูเห่า จังหวัดสมุทรปราการ ยังเป็นเพียงพื้นที่รกร้างว่างเปล่า แต่อนาคตมันถูกกำหนดให้เป็นสนามบินนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย บรรดาตึกรามบ้านช่อง และที่พักอาศัยต่างพากันผุดขึ้นมาตามความเจริญอย่างคาดไม่ถึง ทันทีที่รถแมคโครขุดเนื้อดินลงไปบริเวณนั้น ก็พบกับงูเห่านับร้อยถูกหั่นเป็นท่อน ๆ ดิ้นตายอนาถ ภาพสยดสยองยังคงติดตาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ พร้อมกับเกิดเสียงเล่าขานถึงอาถรรพ์ของวิญญาณงูเจ้าที่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หลังจากอพาร์ทเม้นท์ถูกสร้างเสร็จ เรื่องราวสยองขวัญก็บังเกิดขึ้นจากผู้ถูกกระทำที่เฝ้ารอวันล้างแค้นอย่างแสนสาสม จนกระทั่งคืนที่พายุพัดกระหน่ำเข้ามา มันเป็นวันสิ้นสุดของการรอคอย นิน (ขวัญข้าว เศวตวิมล) หญิงสาวทายาทเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ ต้องเผชิญกับแรงอาฆาตของงูเจ้าที่ ผู้คนที่เคยอาศัยอยู่ในตึกต่างทยอยย้ายออกไปจนเกือบหมด ฝูงงูจำนวนมากเริ่มรุกล้ำ และไล่ทำร้ายคนจนเสียชีวิต สดายุ (อัครา อมาตยกุล) แพทย์คนหนึ่งในหน่วยฉุกเฉินถูกเรียกตัวมาปฏิบัติงานอย่างเร่งด่วน แต่ต้องผจญกับสถานการณ์รุนแรงจนควบคุมไว้ไม่อยู่ ทำให้บรรดาคนที่มีชีวิตอยู่ต้องออกมารวมตัวต่อสู้เพื่อที่จะเอาชีวิตรอดต่อไป เรื่องราวไสยศาสตร์ถูกนำมาเชื่อมโยงกับเหตุการณ์จนเป็นที่น่าหวาดกลัวของทุกคน ความลับที่ถูกซุกซ่อนไว้ในห้องที่ปิดตายจะช่วยคลี่คลายปริศนาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น แท้จริงมันเป็นเรื่องของธรรมชาติ หรือมนุษย์เป็นผู้อยู่เบื้องหลังกันแน่ เมื่อมนุษย์ริอาจท้าทายกับกฏเกณฑ์ทางธรรมชาติ
คนไท ทิ้งแผ่นดิน มหาสงครามเพื่อแผ่นดินสุดท้าย (2553/2010) ภาพยนตร์ไทยอิงแนวประวัติศาสตร์กล่าวถึงกลุ่มบรรพบุรุษไทย ที่รวมตัวกันกอบกู้และต่อสู้จากการรุกรานของกลุ่มชนฮาน เพื่ออิสรภาพและเพื่อความเป็นไท แม้นจะแลกมาด้วยการเสียสละทุกอย่างก็ตาม เมื่อกว่าหนึ่งพันปีก่อน ตอนใต้ประเทศมองโกเลียมีชนกลุ่มน้อยที่เรียกตนเองว่า ไท ที่ตกอยู่ภายใต้กฏระเบียบและการปกครองของเมืองฮานมหาอำนาจ ชาวไท เป็นผู้ซึ่งรักความสงบ ความสุข ไม่คิดร้ายกับผู้อื่นมีความเมตตาและเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนร่วมโลกสิ่งเหล่านี้คือวิถีชีวิตที่ชาว ไท ยึดถือเป็นแบบอย่างมาช้านาน แต่ก็ยังไม่วายที่จะถูกกดขี่ข่มเหงต่างๆนาๆ จากผู้ปกครองและทหารฮานเมืองมหาอำนาจในยุคนั้น กลุ่มคนไทถูกกดขี่ข่มเหงมาช้านานถึงเวลาแล้วที่พวกเหล่าไทต้องผนึกรวมตัวกันขับไล่ปราบปรามเหล่าทหารและผู้นำฮานเพื่ออิสรภาพสู่มวลชนชาวไท สมัครสมานสามัคคี รักชาติ รักแผ่นดิน รวมพลังให้เป็นปึกแผ่นขับไล่อธรรม เพื่อได้มาซึ่งความเป็นไท อิสรภาพและความยุติธรรม