2549
เรื่องย่อ : ฅนไฟบิน (2549/2006) ปี พ.ศ. 2398 เป็นต้นมาได้เกิดอาชีพ “นายฮ้อย” ขึ้นมา เพราะประเทศต้องการทำนาเพื่อนำข้าวส่งออกต่างประเทศ เหล่ากลุ่มนายฮ้อยเหล่านี้ต้อนควายเพื่อมาขายยังกรุงเทพฯ นายฮ้อยบางกลุ่มก็เป็นโจรแฝงมาเพื่อปล้นควายและฆ่าชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนโดยทางการมิได้เข้าช่วยเหลือแต่อย่างใด หนำซ้ำ “พระยาแหว่ง” (ลีโอ พุฒ-พุฒิพงศ์ ศรีวัฒน์) ยังต้องการให้ฆ่าควายให้หมดอีกด้วยเพื่อจะได้ขายรถไถฝรั่งให้กับประชาชนใช้แทนควาย กลุ่มนายฮ้อยโจรเหล่านี้ต้องเผชิญกับ “โจรบั้งไฟ“ (ชูพงษ์ ช่างปรุง) ผู้ออกปล้นด้วยเหตุผล 2 ประการคือ ช่วยเหลือชาวบ้านผู้ทุกข์ยาก และที่สำคัญหาคนที่ฆ่าพ่อแม่ของตน จนกระทั่งเจอกับ “นายฮ้อยสิงห์” (สามารถ พยัคฆ์อรุณ) และเชื่อมั่นว่าเป็นคนฆ่าพ่อแม่ของตนจริงๆ ในขณะที่พระยาแหว่งจ้างโจรปล้นฆ่านายฮ้อยได้หมด แต่กลับไม่สามารถฆ่านายฮ้อยสิงห์คนที่ไม่เคยแพ้ใครได้ พระยาแหว่งจึงวางแผนหลอกใช้โจรบั้งไฟและ “ปอบดำ” (พันนา ฤทธิไกร) ผู้ลึกลับและมีความแค้นอยู่กับนายฮ้อยสิงห์มานาน จึงตกลงใจช่วยเหลือโดยทันที ทั้งพระยาแหว่งและโจรบั้งไฟต่างก็หลงรัก “อีสาว” (กัญญาภัค สุวรรกูฏ) ลูกสาวคนเดียวของปอบดำ แต่ปอบดำก็ไม่ยอมให้ใครได้อีสาวไปครอง… “นายฮ้อยสิงห์” ยังไม่รู้ว่าตนเองถูกปองร้าย… ชีวิตของ “อีสาว” ยังมีความลึกลับที่ยังไม่เปิดเผย… “โจรบั้งไฟ” และ “พระยาแหว่ง” ยังไม่รู้ความลับของ “ปอบดำ” แต่ทั้งสามก็ต้องร่วมมือกันเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ของแต่ละคน…
เรื่องย่อ : ศพ (2549/2006) บางคนอาจเคยตั้งคำถาม ในขณะที่หลายคนเพียงแค่สงสัย แล้วถ้าเป็นคุณล่ะจะทำอย่างไร เมื่อมองยังร่างที่ปราศจากลมหายใจตรงหน้า ไม่รู้ประวัติ ไม่รู้ที่มา รู้แต่เพียงว่านี่คือร่างกายที่ไร้ชีวิตที่นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 2 ทุกคนต่างให้ความเคารพในฐานะ “อาจารย์ใหญ่” ครูผู้บริจาคร่างกายเป็นวิทยาทานเพื่อให้กับนักศึกษาแพทย์ทุกคนได้เรียนรู้ถึงความซับซ้อนภายในร่างกายมนุษย์ และนำความรู้ที่ได้จากร่างอาจารย์ไปเป็นประโยชน์ในการรักษาผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อไป มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับอาจารย์ใหญ่ แต่สำหรับ “ไหม” (ณัทธมนกาญจน์ ศรีนิกรโชติ) แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นประสบการณ์จริงที่ชวนขนลุก ซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างที่เธอเข้าเรียนชั่วโมงแรกของวิชากายวิภาคศาสตร์ เมื่อจู่ๆ ร่างของอาจารย์ใหญ่ที่นอนสงบนิ่งก็เงื้อมมือขึ้นมาบีบคอเธอ เหตุการณ์ต่อจากนั้นได้สร้างความหวาดผวามากยิ่งขึ้น เมื่อเธอรู้สึกว่ามีวิญญาณของผู้หญิงที่ไม่รู้จักคอยติดตามเธอไปในทุกที่ ตั้งแต่ชั้นเรียน ห้องน้ำ มุมมืดในห้องพัก รวมทั้งข้างตัวเธอบนเตียงนอนที่บ้าน ในท่ามกลางความสับสน และสถานการณ์ที่กำลังเลวร้ายลง “อาจารย์นายแพทย์ประกิต” (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) ดูเหมือนจะเป็นคนเดียวที่แสดงความห่วงใยไหม และตัดสินใจยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือลูกศิษย์คนนี้ในทุกวิถีทาง ไหมเริ่มตั้งคำถามและค้นหาคำตอบอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน นั่นคือการค้นหาที่มาของอาจารย์ใหญ่ แต่ดูเหมือนยิ่งสาวยิ่งลึก และมีบางสิ่งที่ซับซ้อนเกินกว่าที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอจะต้านทานไหว บางอย่างที่เกี่ยวพันและเชื่อมโยงถึงผู้หญิงที่ชื่อ “ดาหวัน” กับร่างของอาจารย์ใหญ่ตรงหน้าเธอ ความจริงในด้านมืดที่ชวนขนลุก และเหตุการณ์ที่เลวร้ายในอดีตได้กลับมาหลอกหลอนเธอขึ้นอีกครั้ง…
เรื่องย่อ : มนุษย์เหล็กไหล (2549/2006) ตามความเชื่อที่ว่าเมื่อใดก็ตามที่ “เหล็กไหลจันทรา” (ความเย็น) และ “เหล็กไหลสุริยัน” (ความร้อน) รวมตัวกันคราใด ก็จะนำมาซึ่งขุมพลังแห่งอำนาจอเนกอนันต์อันยากเกินกว่าสรรพวุธอื่นใดจะสามารถสยบและหยุดยั้งได้ แต่แล้วแผนการครอบครองเหล็กไหลดังกล่าวของ “อุสมาห์” (อานนท์ สายแสงจันทร์) หัวหน้ากลุ่มผู้ก่อการร้ายจากตะวันออกกลางหาได้เป็นอย่างที่คิดไม่ ถึงแม้ “อารีนา” (เมทินี กิ่งโพยม) สมุนมือขวาของตนจะสามารถแย่งชิงเหล็กไหลจันทรา (วัชรธาตุหรือ หยดน้ำฟ้าอันศักดิ์สิทธิ์) มาจาก “พูนิมา” (จิณวิภา แก้วกัญญา) กุมารีผู้ปกป้องประจำอารามแห่งหนึ่งในทิเบตมาได้แล้วก็ตาม แต่ในระหว่างการปล้นตัวอุสมาห์ผู้ก่อการร้ายข้ามชาติจากเรือนจำคุ้มครองพิเศษจากทางการไทยเกิดความผิดพลาดขึ้นจนนำไปสู่การระเบิดครั้งใหญ่ในเรือนจำ จนทำให้เหล็กไหลสุริยันทิ่มแทงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายของ “ฌาน” (วสันต์ กันทะอู) นักดับเพลิงหนุ่มผู้มีปัญหาในการควบคุมอารมณ์ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ต้องตื่นตะลึงกับพลังลึกลับและฤทธานุภาพของเหล็กไหลที่อยู่ในตน ทางเดียวที่จะไม่ให้พลังแห่งความร้อนแรงที่เกิดขึ้นจากเหล็กไหลแผดเผาเลือดเนื้อและร่างกายของฌาน คือจะต้องเรียนรู้การควบคุมสภาวะความรุ่มร้อนในอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดจากส่วนลึกในจิตใจของตนให้จงได้และเรียนรู้ที่จะควบคุมพลังจากเหล็กไหลที่ตอนนี้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเลือดเนื้อและร่างกาย และที่สำคัญจะต้องรับมือกับพลานุภาพของเหล็กไหลจันทราที่บัดนี้ถูกนำไปพัฒนาระดับขั้นของพลังเพิ่มทวีคูณขึ้นไปอีกจากกลุ่มก่อการร้ายของอุสมาห์ และนี่คือจุดเริ่มต้นของการปะทะกันระหว่างพลานุภาพของเหล็กไหลทั้ง 2 ขั้วภารกิจอันยิ่งใหญ่ของชายหนุ่มอย่างฌาน หรืออีกนัยหนึ่งคือ “มนุษย์เหล็กไหล”
เรื่องย่อ : โคตรรักเอ็งเลย (2549/2006) เลิฟสตอรีจี๊ดโดนใจเมื่อ “รงค์” (อุดม แต้พานิช) นักเขียนบทตลกกำลังตกที่นั่งลำบากกับอาถรรพ์ชีวิตคู่ที่ดูเหมือนจะไร้ปัญหา แต่ทว่ามันมีอยู่จริงเพราะ “แดง” (วิสา สารสาส) ภรรยาสุดที่รักดันไปเกิดมีกิ๊กกั๊กปันใจให้กับหมอตรวจภายในที่แสนสุภาพสุดหล่อนามว่า “รักษา” (อัครา อมาตยกุล) อันที่จริงจะโทษแดงฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เพราะว่ารงค์เองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เพราะทั้งคู่แต่งงานกันมานานเรื่องของความกุ๊กกิ๊กโรแมนติกก็เริ่มห่างหายไปตามกาลเวลา ทำให้อะไรในชีวิตมันไม่ฟู่ฟ่ากระชุ่มกระชวยเหมือนเดิม ประกอบกับแดงเองก็มาถูกใจหมอตรวจมะเร็งปากมดลูกเข้าอีก ถึงใจจะหวั่นไหวเธอก็พยายามตัดใจเลี่ยงไปตรวจมะเร็งเต้านมตามคลินิก ก็เจ้ากรรมดันเป็นคลินิกของรักษาเข้าอีก ทำเอาแดงเสียการทรงตัวและหัวใจไปกับความสุภาพของหมอหนุ่ม แล้วแดงจะทนได้อย่างไร ในขณะเดียวกันกับที่รงค์น้อยผู้น่าสงสารต้องหาทางออกโดยพึ่งดร.อ่าง ทำเอาแดงน้อยใจสามี จึงเริ่มสานต่อความสัมพันธ์กับรักษา ดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้ง รงค์รับรู้ถึงความสัมพันธ์แบบลับๆ ล่อๆ ของเมียเข้าจากไดอารีเล่มแดง อารมณ์ปรี๊ดขึ้น ผัวเมียเคลียร์กันไม่ลง แดงขับรถออกจากบ้านตกเขาทันที เดือดร้อนถึงปอเต็กตึ๊งที่ต้องตามไปเก็บ รงค์ได้แต่เสียใจที่ทำให้เมียต้องจากไปโดยที่ยังไม่ทันได้พูดจากันให้เข้าใจ รงค์อยู่บ้านชักรู้สึกหวั่นๆ ข้าวของในบ้านเริ่มเปลี่ยนที่อยู่บ่อยๆ เขาบอกกับทุกคนว่าเมียของเขากลับมาที่บ้านแน่นอน เพื่อนได้แต่บอกให้ทำใจ แต่คุณพระช่วย แดงมาที่บ้านรงค์จริงๆ มาให้เห็นตัวเป็นๆ เลย เอาล่ะสิ คราวนี้เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร แดงตายหรือไม่ตายกันแน่ ถ้าตายแล้วกลับมาหลอนรงค์เพื่ออะไร หาคำตอบได้ใน “โคตรรักเอ็งเลย” ภาพยนตร์ตลกลากเลือดชวนค้นหาว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านเนิ่นนานไปเพียงไหน ความรักระหว่างคนสองคนจะยังคงมั่นคง ซาบซึ้ง เหมือนกับครั้งแรกเขาที่ตกหลุมรักกันหรือไม่ อาถรรพ์ของชีวิตคู่แก้ไขได้อย่างไร และมันคืออะไรกันแน่ ไม่นานเกินรอได้ดูกันแน่นอน 27 กรกฎาคมนี้ในโรงภาพยนตร์
เรื่องย่อ : โคลิค เด็กเห็นผี (Colic) (2549/2006) คุณเคยรู้จักเด็กหรือมีลูกที่มีอาการอย่างนี้บ้างไหม ร้องไห้เป็นประจำทุกวันและเวลาเดียวกัน ไม่หยุดและรุนแรง ติดต่อกันเป็นเวลานาน ระวัง!!! นั่นคือสัญญาณของความน่ากลัว เตรียมผวากับสิ่งที่จะตามมาหลอกหลอน เมื่อ “แพรพลอย” (พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) AE สาวกับ “ป้องภพ” (วิทยา วสุไกรไพศาล) ผู้กำกับหนังโฆษณาหนุ่มไฟแรง ได้ตัดสินใจแต่งงานกันหลังจากที่แพรตั้งท้องโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ทั้งคู่จึงตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตและขยับขยายครอบครัวใหม่ด้วยการย้ายบ้านไปอาศัยอยู่กับแม่และน้าสาวของป้องภพแถบชานเมือง แต่การเริ่มต้นไม่ดีเท่าที่ควรเพราะป้องภพทำแต่งานไม่มีเวลามาสนใจแพรซึ่งกำลังตั้งท้องแก่ขึ้นทุกที ความกดดันต่างๆ จากฝ่ายชายทำให้แพรต้องหันหน้าไปปรึกษาและหาอะไรทำเพื่อลดความเครียดด้วยการวาดภาพประกอบให้กับหนังสือที่ “จีน” (กุณฑีรา สัตตบงกช) เพื่อนสนิทดูแลอยู่ คืนหนึ่งแพรเห็นบ้านน้าเบญซึ่งปลูกอยู่ใกล้ๆ กับบ้านหลังใหญ่ของแม่ป้องภพมีไฟลุกไหม้ จึงเข้าไปดูและพยายามหาทางช่วยน้าเบญออกมา ในขณะที่แพรเองก็เจ็บท้องและกำลังจะคลอดลูกพอดี หลังจากการคลอดลูกกลับมาไม่นาน “น้องปั้น” (ลูก) ก็กลับส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างรุนแรงและน่ากลัว หมอตั้งข้อสงสัยว่าน้องปั้นน่าจะเป็น “โรคโคลิค” ซึ่งเด็กที่เป็นโรคนี้จะร้องไห้อย่างรุนแรงและตรงเวลาเป็นประจำทุกวันโดยไม่สามารถหาสาเหตุและวิธีรักษาได้ แต่โดยปกติโรคนี้จะหายไปเองเมื่อเด็กอายุ 3 ถึง 6 เดือน แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปน้องปั้นก็ยังไม่หายจากโรคโคลิค ปั้นยังคงร้องไห้อย่างรุนแรงทุกวัน และดูเหมือนจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ทุกคนในครอบครัวและจีนซึ่งเข้ามาช่วยดูแลน้องปั้นต่างก็พบกับเรื่องราวประหลาดๆ มากมาย ทำไมโรคนี้จึงไม่หายไปจากเด็กคนนี้ ทำไมเรื่องต่างๆ จึงเกิดขึ้นทุกครั้งที่เขาเริ่มร้องไห้ อะไรคือสาเหตุที่แท้จริง ร่วมพิสูจน์ความจริงที่มาพร้อมความหลอนนี้ได้ใน “โคลิค เด็กเห็นผี”
มอ๘ (2549/2006) เมื่อนักเรียนชายสุดทะโมนกระโจนมาเรียนรวมกับนักเรียนหญิงสุดเรียบร้อย ก่อให้เกิด “โรงเรียนสหศึกษาแห่งแรก” ในเมืองไทย แต่ความรักแบบปั๊ปปี้เลิฟกลับถูกปิดกั้นจาก “ครูสมปัติ” สุดเฮี้ยบ นักเรียนชายหญิงจะหาทางออกของมิตรภาพความรักได้อย่างไร… ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ. 2500 การศึกษาของไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงและมีการจัดตั้ง “โรงเรียนสหศึกษาแห่งแรก” โดยโรงเรียนหญิงที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนนำร่องคือ “โรงเรียนดรุณีศึกษา” โรงเรียนสตรีที่ชนะเลิศรางวัล “โรงเรียนสตรีดีเด่น“ ติดต่อกันมาถึง 25 ปี ส่วนโรงเรียนชายที่ได้รับเลือกคือ “โรงเรียนอักษรศิลป์” โรงเรียนที่ได้ชื่อว่า “เรียนดี กีฬาเด่น“ “ครูบุญรอด” ครูใหญ่โรงเรียนดรุณีศึกษามอบหมายให้ “ครูสมปัติ” ครูสาวจอมเฮี้ยบและ “ครูเกษร” ครูสาวเรียบร้อยแสนหวานสองศิษย์คนโปรดเป็นผู้คัดเลือกและควบคุมนักเรียนหญิง 15 คนที่ดีที่สุดในโรงเรียนทั้งด้านการเรียนและความเป็นกุลสตรีงามทั้งกายงามทั้งมารยาทเพื่อเข้าร่วมโครงการนี้ โดยให้ครูสมปัติไปเป็นครูประจำชั้น ส่วนครูเกษรให้ไปดูแลเรื่องมารยาท ก่อนไปครูบุญรอดอบรมและย้ำเน้นเรื่องความเป็นกุลสตรีและความมีคุณค่าของผู้หญิง อย่าให้เสียชื่อโรงเรียนที่สร้างสมมายาวนาน ครูสมปัติยืนยันหนักแน่นถึงความมั่นใจกับนักเรียนหญิงที่คัดเลือกเอาไว้และเรียกกลุ่มนี้ว่า “ดอกไม้เหล็ก“ ด้วยความแตกต่างกันระหว่างชายหญิงครูสมปัติต้องเจอเรื่องห่ามๆ ซนๆ ของบรรดานักเรียนชายโรงเรียนอักษรศิลป์ ส่วนครูเกษรและนักเรียนสาวทั้ง 15 คนต้องเจอกับการจีบทุกรูปแบบจากเด็กผู้ชายและครูหนุ่มของโรงเรียนอักษรศิลป์เหตุการณ์วุ่นวายแต่น่ารักๆ ภายในโรงเรียนเกิดขึ้นพร้อมความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างนักเรียนหญิงและนักเรียนชายภายใต้กฎระเบียบที่ครูสมปัติวางไว้อย่างเคร่งครัด ทุกอย่างกำลังไปด้วยดีจนกระทั่งนักเรียนชายไปมีเรื่องชกต่อยในงานก่อเจดีย์ทรายโดยครูชายประจำโรงเรียนไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ กระทรวงศึกษาธิการทราบเรื่อง “คุณหญิงกุหลาบ” จึงแต่งตั้งครูสมปัติขึ้นทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายปกครองของโรงเรียนอักษรศิลป์โดยมีกฎข้อแรกคือ ห้ามนักเรียนมีเรื่องชกต่อยและห้ามมีความรักในโรงเรียนเด็ดขาด เพราะครูสมปัติเห็นว่าความรักในวัยเรียนถ้ามีมากไปเราจะควบคุมกันไม่ได้…