นานาช่า (2548/2005) เด็กชายยอดหญ้า หรือ เชียงเป็นเด็กชาวเขากำพร้าที่ได้บาทหลวงโจเซฟดูแล แต่เขามักถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวน้ำความโชคร้ายมาสู่หมู่บ้าน เขาจึงต้องถูกขับออกจากหมู่บ้านไปอยู่โรงเรียนนานาชาติ เขาได้มีโอกาสพบกับเพื่อนคนอื่นมากมาย เมื่อเซียงเข้ามาเรียนวันแรก เพื่อนๆมักมองว่าเขาเป็นคนแปลก เขาอาศัยอยู่กับตาหยอง ภารโรงของโรงเรียนและบูด เด็กผู้ชายอายุคราวเดียวกันที่มักพูดภาษาอีสานทั้งเรื่อง ด้วยความไร้เดียงสาและความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้โรงเรียนเกิดความปั่นป่วนหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทำถ่อประปาแตกหรือชนต้นไม้ในสวนล้ม แต่นานเข้าเพื่อนๆก็ต่างเอ็นดูเซียงและคอยช่วยเหลือเสมอ เซียงได้มิตรภาพและความสนุกสนานจากโรงเรียนนานาชาติ แต่เขาก็ยังต้องประสบกับโชคร้าย นั่นคือ เขาได้เข้าไปพัวพันกับโจรเรียกค่าไถ่ที่แฝงตัวมาเป็นครูในโรงเรียน เขากับเพื่อนๆ จึงร่วมมือกันหาทางกำจัดโจรนั้น
The Bullet Wives เดอะ เมีย (2548/2005) ปัจจุบัน ณ กองบัญชาการศูนย์พิทักษ์เมียหลวง หรือ FCWI (First Class Wife International) องค์การที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อปกป้องและรักษาความปลอดภัยจากเมียน้อย แต่ฝ่ายเมียน้อยก็ไม่น้อยหน้า พวกเธอได้ก่อตั้งสมาคมลับ ในนามของ พรรคเมียน้อย หรือ EMWI (Economy Wife International) ขึ้นมาเช่นกัน ภารกิจเร่งด่วนคือสังหารเมียหลวง เพื่อเปลี่ยนสถานภาพจากเมียน้อยให้เป็นเมียหลวงอย่างถาวร ฝ่ายเมียหลวง จิตตรา สาวสวยสดใสที่ชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีน เพราะแต่งงานได้ปีเดียวสามีก็ไปมีเมียน้อย สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือ ความแค้นในตัว มายา เมียน้อยผู้เพียบพร้อมด้วยวัยสาว ความสวย การศึกษาและร่ำรวย มายา จึงเป็นคู่ต่อสู้ที่สมศักดิ์ศรีกับ จิตตรา ที่สุด ณ ตรอกเมียน้อย ดินแดนแห่งการเสวยสุข แหล่งกบดานเร้นลับของพรรคเมียน้อย ที่นี่เต็มไปด้วยร้านทำผม ห้องเช่าสุดหรู ตรอกซอกซอยเหมาะเป็นทีและหลบหนีการไล่ล่าที่สุด พลพรรคเมียน้อยวัยใส เอวบาง ขาเรียวยาว มีอยู่มหาศาล พวกหล่อนทำให้ตรอกเมียน้อยเป็นปราการยิ่งใหญ่เกินกว่าใครจะหักลงได้ ช่วงเวลาแห่งการช่วงชิงความเป็นหนึ่งใกล้เข้ามา พรรคเมียน้อยเริ่มยุทธการ กลายพันธุ์ เปลี่ยนเมียน้อยให้เป็นเมียหลวงอย่างถาวร ภารกิจเร่งด่วน คือ สังหารฝ่ายเมียหลวง จิตตราล่วงรู้ถึงภัยที่กำลังคุกคามเธอ แต่จิตตราก็ยังนิ่งสงบ ไม่เคลื่อนไหวใดๆ ทุกคนรู้ว่า สงครามนี้จวนเจียนจะระเบิดศึกแล้ว แสงแดด เมียหลวงและน้องสาวของจิตตรา สาวแสนดี อ่อนแอ เปราะบางเสียเหลือเกิน เหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นเป้าให้เมียน้อยดอดเข้าตีท้ายครัว แต่แล้วฝ่ายเมียน้อยเอง กลับสืบพบความลับที่แม้แต่ตัวแสงแดดเองก็ไม่รู้ ความลับที่จะเป็นชนวนให้อภิมหาสงครามเปิดฉากขึ้น ความลับที่สั่นคลอนวงการเมียทั่วประเทศนี้คืออะไร? ตรอกเมียน้อยจะซ่อนตัว เสวยสุขได้ต่อไปได้หรือ? ภารกิจกลายพันธุ์ของเหล่าเมียน้อยบรรลุเป็นจริงได้หรือ? ทั้งหมดนี้เป็นกดระเบิดของศึกอันใหญ่หลวง เมื่อ เมียหลวง VS เมียน้อย อมตะวาจา เสียทองเท่าหัว ไม่ยอมเสียผัวให้ใคร ยังใช้ได้เสมอ ภารกิจนี้ต้องสู้จนตัวตาย ไว้ลายเมียหลวง
คนเห็นผี 10
The Eye 10 คนเห็นผี 10 (2548/2005) เคยคิดมั้ยว่า บางครั้ง…คุณอาจนั่งอยู่คนเดียวในมุมมืดแต่มีชีวิตที่ไร้ร่างรุมล้อม บางครั้ง…คุณอาจเดินบนสะพานสวนกับอีกนับชีวิตที่ล่องลอยอยู่แบบไร้ลมหายใจ และบางครั้ง…คุณอาจนอนหลับขณะที่หลายวิญญาณต่างจ้องมองคุณอยู่ ณ ปลายเท้า ทางเดียวที่จะรู้ ทางเดียวที่จะพิสูจน์ความลึกลับนี้ได้ นั่นคือการท้าทายและเห็นผีสักครั้งในชีวิตกับ “วิธีเห็นผี” ที่ชวนขนหัวตั้ง คงไม่มีใครปฏิเสธได้ถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้นในระดับโลกของ “The Eye คนเห็นผี” หนังสยองขวัญสั่นประสาทจากเอเชียที่หยิบเอาประเด็นชีวิตหลังความตาย และการสัมผัสหยั่งรู้ถึงสิ่งที่เรียกว่า “ผี” ก่อนเวลาอันควรที่มันจะเป็นของ“มนุษย์” ที่ตกอยู่ในสถานะของการเป็นผู้ถูกเลือกที่อาจ “เลือกไม่ได้” และ “ไม่ได้เลือก” ที่จะต้องเผชิญกับเหล่า “คนที่ตายไปแล้ว” ด้วยแนวคิดที่แปลกและแตกต่างจากภาพยนตร์ทั่วไปในแนวทางเดียวกัน ผสมผสานกับความสามารถเฉพาะตัวในการหยิบเอาเทคนิคพื้นฐานของภาพยนตร์ ตั้งแต่การนำเสนอมุมภาพ, เทคนิคการตัดต่อ, การออกแบบเสียง ดนตรีและซาวด์เอฟเฟกต์ รวมไปถึงการใช้เทคนิคพิเศษทางด้านภาพมารองรับไอเดียและมุมมองของเรื่องราวตลอดจนวิธีการนำเสนอเนื้อหาของหนังที่เล่นกับความเชื่อที่ได้รับปลูกฝังและถ่ายทอดกันมาหลายชั่วอายุคนได้ถูกจุด และเมื่อคนดูได้สัมผัสกับภาพตรงหน้าจึงไม่น่าแปลกใจที่ “คนเห็นผี” ของ “2 พี่น้องตระกูลแปง” จะสร้างความรู้สึกหวาดสะพรึงให้เกิดอาการหนาวเหน็บจนถึงขั้วกระดูกทั้งคอหนังที่เป็นชาวเอเชียไปจนถึง ยุโรป อเมริกา และทั่วโลก ใน “คนเห็นผี ภาคแรก” (2545) เราได้รู้ว่าหญิงสาวที่ได้รับการเปลี่ยนเยื่อกระจกตากับคนที่ตายไปแล้วทำให้เกิดปรากฏการณ์เห็นผี ใน “คนเห็นผีภาค 2” (2547) ผู้หญิงท้องที่อยู่ตรงกลางระหว่างความตายและการให้กำเนิดก็เป็นอีกหนึ่งวิธี และสำหรับการกลับมาเป็นครั้งที่ 3 ของคนเห็นผีใน “The Eye 10 คนเห็นผี 10” 2 พี่น้องตระกูลแปงได้หยิบเอาความเชื่อในการเห็น “คนตาย” ของคนเอเชียที่บอกเล่ากันมาแต่ละชั่วอายุคนมาถ่ายทอดบนแผ่นฟิล์มโดยนำเอา 8 วิธีในปรากฏการณ์การเห็นผีที่เหลืออยู่มาถ่ายทอดเป็นเรื่องราวผ่านมุมมอง “การเห็น” ของวัยรุ่นหนุ่มสาวชาวเอเชียกลุ่มหนึ่งที่เดินทางมาเที่ยวเมืองไทยตามคำชวนของเพื่อนชาวไทย แต่ทันทีทั้งหมดตัดสินใจร่วมกันค้นหาประสบการณ์บางอย่างร่วมกันตามรายละเอียด และเงื่อนไขที่ปรากฏอยู่ในหนังสือเล่มเก่าๆ ที่ชื่อว่า “วิธีเห็นผี” ประสบการณ์ “การเห็น” และ “ชีวิตที่เหลืออยู่” ของทุกคนก็เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง 2 พี่น้องตระกูลแปงเลือก “เร แมคโดแนลด์” มาประกบคู่นักแสดงสาวเซ็กซี่ “ตั๊ก-บงกช คงมาลัย” และ 4 นักแสดงวัยรุ่นชื่อก้องแห่งเอเชีย “เฉินป๋อหลิน” (ไต้หวัน), “อิซาเบลลา เหลียง” (ฮ่องกง), “เคต หยวน” (ฮ่องกง) และ “กู๋หยู่” (จีน) ท้าทุกดวงวิญญาณและความเชื่อด้วยการร่วมปลุกผีขึ้นมาจากหลุมอีกครั้ง แต่จะเป็นอย่างไรเมื่อพวกเขาได้เข้าไปในโลกที่มนุษย์ไม่ควรจะรับรู้ ได้เห็นสิ่งที่พวกเราไม่ควรจะเห็นกับวิธีเห็นคนตายตามความเชื่อโบราณที่หลายคนเคยพิสูจน์ หลายคนเคยท้าทาย และหลายคนต้องพบกับสิ่งเร้นลับที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้…
บุปผาราตรี เฟส 2 (2548)
เรื่องย่อ : บุปผาราตรี เฟส 2 (2548/2005) ออสการ์อพาร์ทเมนต์ ขึ้นชื่อลือชาว่าเฮี้ยนนักเฮี้ยนหนา โดยเฉพาะห้อง 609 ที่เจ้าของอพาร์ทเมนต์ถึงกับปิดตายทั้งชั้น "รับประกันความเฮี้ยน" จะมีก็แต่แก๊งโจรมือใหม่หัดปล้น และ ทิพย์ สาวตาบอด ที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับใครเขา ขอเปิดห้องพักหน้าตาเฉย แต่เมื่อคนอยู่ดีไม่ว่าดีดันไปยุ่มย่ามในที่ของผี เจ้าของห้อง 609 อย่าง บุปผา เลยระเบิดแรงอาฆาตตามคำขอ อพาร์ทเมนต์ผีสิงจึงได้อลหม่านฮาแตกอีกครั้ง!! คณะตลกตกอับ ตัดสินใจผันเปลี่ยนอาชีพมาเป็นโจรปล้นธนาคาร พวกเขาหอบเงินหลบหนีตำรวจไปกบดานอยู่ ณ อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งโดยหารู้ไม่ว่ามันคืออพาร์ทเมนต์ผีสิง ระหว่างที่พวกโจรกำลังจะทำการแบ่งเงินกันนั้น พวกเขาพบว่าเงินก้อนนั้นได้หายไปอย่างลึกลับ... พวกโจรออกค้นหาทุกซอกทุกมุมในอพาร์เมนต์ เหลืออยู่แต่เพียงชั้น 6 ที่เจ้าของอพาร์ทเมนต์ปิดตายไว้ห้ามไม่ให้ใครเข้า โจรทั้งสี่ไม่ฟังคำเตือนออกค้นหาเงินในชั้น 6 จนได้พบว่าเงินซ่อนอยู่ในห้อง 609 แต่พวกเขาก็ไม่สามารถนำเงินออกจากห้องนั้นได้เพราะถูกผีเจ้าของห้องออกมาหลอกหลอน โจรทั้งสี่จึงต้องคิดหาวิธีเอาเงินออกจากห้อง 609 ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้จะกลัวผีเพียงไรก็ตาม ขณะเดียวกัน ตำรวจก็เริ่มระแคะระคายแกะรอยโจรทั้งสี่มาถึงอพาร์ทเมนต์แล้ว
จอมขมังเวทย์ (2548/2005) ปี 2547 ระหว่างการเคลื่อนย้ายนักโทษพิเศษจากเรือนจำเก่า...ประตูคุกเคลื่อนเปิดออกพราหมณ์ร่ายมนต์พิธีเดินนำขบวนผู้คุมขยับปืน ขยับตัว แววตาหวาดกลัวกึ่งระแวดระวังทุกสายตาจับจ้องไปยังที่ร่างของนักโทษพิเศษที่เดินออกมาเสียงร่ายมนต์ดังกึกก้องสายลมกระโชกพัดกรู เกรียวร่างของนักโทษพิเศษผู้นั้นถูกจองจำด้วยพันธนาการที่แน่นหนาผิดธรรมดาสองเท้าตีตรวนสองมือมัดตรึงกับขื่อไม้ดวงตามีผ้าคาดไว้แน่นหนา กระทั่งปากก็มีผ้ามัดปิดไว้ท่ามกลางเสียงร่ายมนต์ดังกึกก้องสายลมกระโชกพัดกรูเกรียวหากสังเกตสักนิดนักโทษพิเศษที่ถูกปิดตาไว้นั้นเดินตรงทางมั่นคงราวกับตาเห็น !! อิทธิ อดีตนายตำรวจหน่วยพิเศษเคยจับคนร้ายที่แก่กล้าทางอาคมหนังเหนียวฟันแทงไม่เข้ามานับไม่ถ้วน แต่ตัวเองกลับต้องโทษคดีวิสามัญคนร้ายจนกลายเป็นนักโทษถูกขังลืมอยู่ในคุกมืดแดนจองจำพิเศษ 10 ปีผ่านไป อิทธิ หายตัวอันตรธานไปจากห้องขังที่ปิดทึบราวกับล่องหนร้อนถึง พ.ท.ทศพล อดีตเพื่อนนายตำรวจได้ออกคำสั่งจับตายอิทธิ ร้อยตรี สันตินายตำรวจเจ้าของพื้นที่ออกติดตามสืบสาวหาตัวอิทธิแต่กลับพบเจอเหตุประหลาดลี้ลับอิทธิฤทธิ์เหนือมนุษย์ที่ล้วนแต่เคยได้ยินแต่คำร่ำลือ ไม่ว่าจะการเสกตะปูเข้าตัวคนหรือคนร้ายที่คงกระพันหนังเหนียว ฯลฯเส้นทางแห่งอาคมอันน่าสะพรึงกลัวอำนาจเหนือธรรมชาติของอิทธิไม่ได้ทำให้สันติหวาดกลัว กลับเพิ่มความมุ่งมั่นจะจับกุมอิทธิให้จงได้โดยไม่สนใจว่าจะต้องใช้วิธีการใดวิถีทางใด ไม่ว่าจะต้องเปลี่ยนตัวเองขนาดไหน สันติรู้ว่ากำลังเผชิญหน้ากับจอมขมังเวทย์ผู้ครองครอบอาคมเวทย์ทางเดียวที่จะสยบอิทธิคือต้องเป็นให้เหนือกว่าจอมขมังเวทย์

หลวงพี่เท่ง (2548/2005) หลวงพี่เท่ง (เท่ง เถิดเทิง) พระหนุ่มเจ้าปัญญา ที่ย้ายมาจำวัดโทรม ๆ ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ขณะที่ชาวบ้านเสื่อมศรัทธา ในศาสนาและหลงงมงายในความเชื่อทรงเจ้าเข้าผี ที่อาศรมของท่านเพิ่มเป็นที่พึ่งทางใจ และการขอฝนในฤดูที่แห้งแล้ง หลวงพี่เท่งจึงตั้งปณิธานกับใจตนที่จะพัฒนาจิตใจของชาวบ้าน ไปในทางที่ถูกต้อง โดยมีสองลูกศิษย์สุดเพี้ยนคอยช่วยเหลือ มัคฑายคส่ง ชายวัยกลางคนที่อยู่กับวัดมาตั้งแต่เด็ก แต่กลับกลัวผีขึ้นสมอง เจ้าเพี้ยนเด็กหนุ่มหน้าตาดี ท่าทางเพี้ยนหลงรักพะเนียงสาวเจ้าสุดหัวใจ มักแอบมองพะเนียงเวลาทรงเจ้าเป็นประจำ ถึงแม้ว่าทุกครั้งที่แอบมองพะเนียง เพี้ยนจะถูกทำร้ายกลับมาทุกที อาศรมของท่านเพิ่ม เป็นอาศรมที่เปิดขึ้นเพื่อเอาเงินโดยวิธีทรงเจ้า โดยให้พะเนียงลูกสาวคนสวย ทำหน้าที่เป็นคนเจ้าเข้าทรง พร้อมทั้งพี่หมึก ลูกน้องตัวแสบที่ร่วมขบวนการหลอกเงินชาวบ้าน เมื่อหลวงพี่เท่งเข้ามาสร้างความเชื่อที่ถูกต้อง ชาวบ้านเริ่มศรัทธา อาศรมรายได้ลดน้อยลง ท่านเพิ่มมีอคติและเป็นไม้เบื่อไม้เมากับหลวงพี่เท่ง จึงพยายามกำจัดหลวงพี่เท่ง โดยร่วมมือกับนักพัฒนาตุ๋ย ว่าที่ผู้สมัคร อบต. ชายสองหน้าใช้ท่านเพิ่มเป็นหัวคะแนนในการหาเสียง แลกกับความร่วมมือในการกำจัดหลวงพี่เท่ง โดยการปล่อยข่าว และส่งสมุนไปทำร้ายคนที่เชื่อพระมากกว่าเจ้าพ่อในอาศรม เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามได้ใน หลวงพี่เท่ง

ตุ๊กตาเฮี้ยน (2548/2005) แพทย์หนุ่ม และสาวพยาบาลที่เป็นคู่รักกัน แต่ต่างฝ่ายต่างทำงานอยู่ในโรงพยาบาลคนละ แห่ง เมื่อทั้งคู่ได้ให้คำสาบานร่วมกันต่อหน้าตุ๊กตาสาบาน ซึ่งมีความเชื่อว่าหากเป็นคู่รัก สาบาน แต่ใครคนหนึ่งกลับผิดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับตุ๊กตาตัวนั้น เมื่ออาถรรพ์เร้นลับจาก ตุ๊กตาดุจดั่งมีภูตผีวิญญาณสิงอยู่ และก่อเหตุการณ์สุดสะพรึงติดตามไปทุกหนแห่งเหมือน เงาตามตัว มันคือฝันร้ายที่คอยหลอกหลอนชีวิตจนไม่อาจหลีกหนีมันได้ เพียงเพราะการ ผิดคำสาบานเหล่านั้นได้กลับกลายมาเป็นอาถรรพ์คำสาปที่รอการทวงคืน
มนต์รักลูกทุ่ง (2548/2005) บุญเย็น (เอกราช สุวรรณภูมิ) ชนะเลิศการประกวดร้องเพลงประจำปี ลุงชื่น (เทพ โพธิ์งาม), แว่น (ยิ่งยง ยอดบัวงาม) และ บุปผา (อาภาพร นครสวรรค์) ต่างพากันดีใจ บุญเย็นได้เข้าไปร้องเพลงในกรุงเทพ เขามาบอกลา คล้าว (นันทวัฒน์ อาศิรพจนกุล) และ ทองกวาว (ลักขณา วัธนวงส์ศิริ) ทั้งคู่ต่างดีใจกับบุญเย็น คล้าวรักอยู่กับทองกวาว แต่กลัวจะไม่สมหวังเพราะคล้าวจน ที่นาก็จำนองกับ จอม (กรุง ศรีวิไล) แต่ทองกวาวยืนยันในรักมั่น คล้าวสัญญาว่าถ้าขายข้าวได้จะไปหมั้นทองกวาว จอมมาทวงหนี้คล้าว คล้าวไม่มีให้ จอมจึงยึดที่นา ทองกวาวจึงเอาเงินที่มีอยู่มาให้คล้าวใช้หนี้ จอมโกรธที่ยึดที่นาของคล้าวไม่ได้ จึงไปต่อว่า ทองก้อน (ไพโรจน์ ใจสิงห์) และ ทับทิม (ดวงชีวัน โกมลเสน) พ่อแม่ของทองกวาว ทองก้อนและทับทิมจึงส่งทองกวาวไปอยู่กับ ป้าทองคำ (น้ำเงิน บุญหนัก) ที่กรุงเทพ โดยให้บุปผาและ หมึก (ตูมตาม เชิญยิ้ม) ไปดูแล ทองกวาวได้รู้จักกับ ธรรมรักษ์ (โอลิเวอร์ บีเวอร์) หลานของป้าทองคำ ซึ่งป้าทองคำหวังจะให้หลานทั้งคู่แต่งงานกัน เพื่อสมบัติจะได้ไม่ตกเป็นของคนอื่น คล้าวเศร้าโศกเสียใจที่น้ำท่วมทุ่งนาข้าวเสียหาย ได้บุญเย็น ลุงชื่น และพวกคอยปลอบ ลุงชื่นบอกบุญเย็นให้ตามหาทองกวาว บุญเย็นพบทองกวาวที่กรุงเทพและบอกเรื่องคล้าว ทองกวาวขอให้บุญเย็นบอกคล้าวให้ไปสู่ขอ ทองกวาวจะได้กลับบ้านซะที คล้าวดีใจไปยืมเงิน หมู่น้อย (เจี๊ยบ เชิญยิ้ม) ซื้อทองสองสลึงไปหมั้น พ่อแม่ทองกวาวไล่ส่ง เรียกค่าสินสอดสิบหมื่น ธรรมรักษ์เสียการพนัน หวังจะหลอกเอาเงินป้าจึงทำเป็นชอบทองกวาว โดยให้เพื่ออนชื่อ ธีระ (โจอี้ บาซู) หัวหน้าวงดนตรีมากันบุปผา ทั้งหมดเดินทางมาบ้านทองกวาว ด้วยความคิดถึงทองกวาวรีบมาหาคล้าว แต่พบอยู่กับ สายใจ (ไอริน จันยดา) ทำให้ทองกวาวเข้าใจผิด ทองกวาวจึงตกลงหมั้นกับธรรมรักษ์ ทองก้อนดีใจรีบไปป่าวประกาศว่า จะหมั้นลูกสาวด้วยเงินและทองมากมาย บุญเย็นพา ฤทัย (ทอฝัน จิตธาราทิต) เมียของธรรมรักษ์มาบ้านทองกวาว ธรรมรักษ์โกรธมาก บอกฤทัยเป็นนักร้องในวงธีระ ฤทัยแกล้งตีสนิทกับคล้าวเพื่อให้ธรรมรักษ์หึง เรื่องจึงแดงออกมา ป้าทองคำไล่ธรรมรักษ์และเมียกลับไป ข่าวการหมั้นของทองกวาวกับธรรมรักษ์ที่ทองก้อนประกาศไปเข้าหู เสือทุม (ฤทธิ์ ลือชา) เสือทุมจึงวางแผนปล้นแต่ไม่ได้อะไร จึงจับตัวทองกวาวและป้าทองคำไปเรียกค่าไถ่ คล้าวและตำรวจตามไปช่วยไว้ ป้าทองคำเป็นเถ้าแก่สู่ขอทองกวาวให้คล้าว ซึ่งพ่อทองก้อนและแม่ทับทิมไม่กล้าปฏิเสธ ทั้งคู่จึงแต่งงานกัน...
จี้ Andaman Girl (2548/2005) เรื่องราวของ พี (อัมรินทร์ นิติพน) อดีตผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ถึงคราวดวงตกแบบสุดๆ ต้องจับพลัดจับผลูมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์โป๊ โดยได้ จี้ (ศุภักษร ไชยมงคล) หญิงสาวสุดเซ็กซี่ มาเป็นนางเอก ส่วนพระเอก คือ ม้าจอมพลัง (นิรุติ สาวสุดชาติ) ผู้ชอบฟันนางเอกเป็นชีวิตจิตใจ เมื่อทุกอย่างพร้อมเปิดกล้อง กองถ่ายหนังโป๊ของพีก็เริ่มถ่ายทำ ทีมงานทุกคนตั้งความหวังกับภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าจะได้กลับมาในวงการอีกครั้ง แต่พีเกิดตกหลุมรักจี้เข้าอย่างจัง ซึ่งพีรู้ตัวดีว่าเขาไม่สามารถทำภาพยนตร์เรื่องนี้ให้จบลงได้ นอกจากนี้ จี้ยังมีโรคประจำตัวคล้ายฮีสทีเรีย มักจะมีอาการกำเริบเป็นระยะ ๆ อีกด้วย อีกสิ่งหนึ่งที่พีและทีมงานทุกคนไม่รู้ คือ จี้ นางเอกแสนเซ็กซี่ของพวกเขาเป็นลูกสาวเจ้าพ่อโหด ซึ่งหลบหนีการแต่งงานมา เจ้าพ่อประกาศกร้าวว่า "ใครทำเยื่อพรหมจรรย์ของลูกสาวขาด ผู้นั้นจะต้องตาย!!" ชะตากรรมของกองถ่ายดวงกุดจะเป็นยังไง เตรียมลุ้นกับภาพยนตร์รัก สนุก เสี่ยงตาย ได้ใน จี้

เรื่องย่อ : ซุ้มมือปืน (2548/2005) “ซุ้มมือปืน” คือเรื่องราวที่สะท้อนตัวละครที่เกี่ยวข้องในโลกอาชญากร ธุรกิจผิดกฎหมาย อำนาจและอิทธิพลมืด ตัวหนังเองไม่ได้เน้นเรื่องราวไปที่ตัวของมือปืนอย่างเดียว แต่โยงใยไปถึงระบบหรือตัวคนที่เกี่ยวข้องซึ่งล้วนหลากสีสันอาชีพไม่ว่าจะเป็นมือปืนรับจ้าง เจ้าพ่อหรือผู้มีอิทธิพล นักการเมือง และพวกในเครื่องแบบนอกรีตและแตกแถวในสังคมไทย หนังเล่าเรื่องผ่าน “สหายแทนไท” (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) มือปืนรับจ้างอดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ที่ผ่านสมรภูมิรบมานักต่อนักจนว่ากันว่าเป็นมือปืนระดับพระกาฬที่หาตัวจับยาก เป้าหมายของเขาแต่ละรายล้วนเป็นผู้มีอิทธิพลในสังคม โดยที่หลายคนอาจไม่เคยคาดขึ้นว่าบ่อยครั้งที่จุดเริ่มต้นของความสูญเสียเลือดเนื้ออาจเกิดจากปมความขัดแย้งเพียงจุดเล็กๆ ที่ขยายผลไปสู่วงกว้างของผู้คนหลากรายระดับชั้นในสังคม ดังเช่นที่กำลังเกิดขึ้นในครั้งนี้ที่เริ่มต้นจากการไม่ลงรอยในเส้นทางธุรกิจระหว่าง “กำนันเบิ้ม” (ธนิตย์ จิตนุกูล) และ “หลีเม้ง” (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) เจ้าพ่อยาเสพติดรายใหญ่ โดยมีตัวกลางคือ “ชบา” (บงกช คงมาลัย) อดีตคนรักกำนันเบิ้ม แม่ม่ายสาวที่หน้าฉากคือเจ้าของบาร์ แต่แท้จริงแล้วเบื้องหลังคือคนจัดหามือปืนให้กับผู้มีอิทธิพล ได้รับว่าจ้างให้ส่งมือปืนชั้นดีไปเก็บขาใหญ่แห่งเยาวราชอย่างหลีเม้ง อันนำไปสู่ปมแห่งความขัดแย้งระหว่างผู้มีอิทธิพลทั้งในและนอกเครื่องแบบ ซึ่งเกี่ยวพันและโยงใยไปสู่ “เสธ.สุพงศ์” (สมภพ เบญจาธิกูล) อีกหนึ่งตัวหมากสำคัญในโลกแห่งอำนาจและอิทธิพลมืด โดยมี “อิฐ อัมพวา” (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) อดีตทหารหนุ่มอนาคตไกลผู้ผันตัวเข้าสู่วงจรอุบาทว์ และเป็นศัตรูต่างขั้วอุดมการณ์ของสหายแทนไทมาก่อนหน้า ทุกความเคลื่อนไหวของบรรดาเจ้าพ่อทั้งหลายล้วนตกอยู่ในสายตาของ “สารวัตรชาติ” (สันติสุข พรหมศิริ) ตำรวจฝีมือดีที่มีภารกิจในการกวาดล้างงานนอกระบบทุกรูปแบบ ซึ่งเขาจะเป็นผู้ที่จัดการให้วงจรอุบาทว์เหล่านี้หมดสิ้นไปหรือเลือกที่จะให้โลกของอาชญากรรมที่เต็มไปด้วยอำนาจและเงินตราดังกล่าวคงอยู่ และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวของ “ซุ้มมือปืน” ที่ไม่ว่าคุณจะเป็นใครหรืออยู่ชนชั้นใดของสังคมก็ไม่มีสิทธิ์หลีกเลี่ยงวงจรดังกล่าวที่ค่อยๆ คืบคลานเข้าสู่วิธีแห่งการดำรงอยู่ของคุณโดยไม่รู้ตัวดังเช่นที่เกิดขึ้นกับ “ไอ้น้อย” (ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) เด็กหนุ่มนักดนตรีที่ชะตากรรมต้องกับเลือดและความตาย…

แท็กซี่…ดุ (2548/2005) บุญมี ซื้อรถแท็กซี่มือสองจาก เฮียตง เพื่อหารายได้เลี้ยงชีพ ซึ่งได้รับหญิงสาวผู้โดยสารให้ไปส่งที่วัดแห่งหนึ่ง เมื่อมาถึงวัดแล้วเธอก็หายตัวไปในพริบตา ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ประสบกับเหตุการณ์ลี้ลับมาตลอด ทุกคนที่เคยได้ นั่งรถคันนี้ต่างก็ขวัญผวาและยืนยันว่าพบเห็นวิญญาณสาวนั่งอยู่เบาะข้างหลังรถคันนี้ และครั้งหนึ่งที่บุญมีรอด จากการถูกโจรป้นทรัพย์ที่แฝงตัวเป็นผู้โดยสารบนรถ รวมทั้งในความฝันก็ปรากฏภาพของวิญญาณสาวที่มี หน้าตาเหมือนกับหญิงสาวผู้โดยสารที่หายตัวไปอย่างลึกลับและบ้านหลังหนึ่งที่อาจไขปมปริศนานี้ได้ พร้อม ทั้งเงื่อนงำที่ เฮียตง และ บุญหลาย ได้ปิดบังมาตลอด
อาถรรพ์บ้านนางรำ (2548/2005) เรือนไทยหลังเก่าของท่านเจ้าคุณ ในอดีตกาลเคยเป็นโรงเรียนสอนนาฏศิลป์ ต่อมาจึง กลายเป็นมรดกสืบทอดมาสู่ มาโนช และ จาริยา สองสามีภรรยาทายาทมหาเศรษฐีพยายาม จะปฏิรูปสถานที่แห่งนี้ให้เป็นบ้านพักตากอากาศ จึงให้ เจนภพ เพื่อนรักที่เป็นสถาปนิก หนุ่มพร้อมกับ มิ่ง และ ใจ เข้ามาช่วยดูแลปรับปรุงสถานที่ ในความรู้สึกของเจนภพที่ สัมผัสถึงความลี้ลับราวกับมีบางอย่างที่มองไม่เห็นนั้นอยู่รอบๆตัวตลอดเวลา พร้อมกับ ภาพนางรำที่ปรากฏขึ้นในความทรงจำและเสียงเครื่องดนตรีไทยยิ่งดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จน เกิดความน่าสะพรึง แรงอาถรรพ์ในเรือนไทยแห่งนี้อาจเป็นลางบอกเหตุเตือนชีวิตของผู้ที่ พยายามจะทำลายมรดกอันหวงแหนรักษา
เรือนเจ้าพระยา (2548/2005) ความบาดหมางที่มีต่อกันมานานระหว่างเรือนของ พระยารามราชภักดี กับ หลวงราชเสมอ ใจ สองตระกูลที่มียศถาบรรดาศักดิ์ชั้นขุนนางตั้งอยู่สองฟากฝั่งเจ้าพระยา หลวงราชเสมอ ใจ ได้ฝากบุตรชายเข้ารับราชการกับ พระยาสุรสิทธิ์เดชา ได้รับบรรดาศักดิ์เป็น ขุนไพรี พินาศ เมื่องานสมโภชตามประเพณีที่ทำให้ขุนไพรีได้พบกับ จำปา บุตรสาวของ พระยา รามราชภักดี ความรักได้เริ่มต้นบนความขัดแย้งที่สืบต่อมาสู่รุ่นหลังเสมือนเป็นอุปสรรค พลัดพรากความรักให้อยู่ไกลกันมาตลอด แต่เมื่อขุนไพรีพลาดพลั้งมือสังหาร หลวงพนม เบญจา บุตรชายของพระยารามราชภักดี เพื่อช่วยเหลือทาสสินไถ่ที่ถูกข่มเหงรังแก เสมือน สร้างรอยร้าวลึกอย่างทวีคูณ เมื่อความมุ่งมั่นในรักที่เหนือสิ่งอื่นใดมาพรากจาก แต่ความ บาดหมางระหว่างสองตระกูลยังไม่สิ้นสุดฤาจะหาสิ่งอื่นใดมาสมานรอยร้าว และความรัก บรรจบลงได้
อาถรรพ์ มุกอันดามัน (2548/2005) ? ลิลลี่ สาวผู้นำกลุ่มและคณะสำรวจ เดินทางไปเกาะมุก เพื่อค้นหา “มุกดามัน” มหาขุมทรัพย์อัน ล้ำค่าตามคำเล่าลือ ในการเดินทางครั้งนี้โดยมีผู้เฒ่า ฮัมมูเลาะ หัวหน้าหมู่บ้านในเกาะเป็นผู้นำ ทางพร้อมกับ นายะ เด็กสาวที่มีสัมผัสที่ 6 และเชื่อลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นในการ เดินทางครั้งนี้ เมื่อความโลภหลงที่ครอบงำจิตใจของนักสำรวจในกลุ่ม สิ่งที่จะนำพวกเขาสู่การ ผจญภัยอันท้าทายกับความลี้ลับ และเผชิญกับดินแดนอาถรรพ์ที่ไม่มีใครเคยรอดชีวิตกับมาได้อีก
ชู้ทะเล (2548/2005) ? ไอ้ขุน หนุ่มชาวเลที่แอบหลงรัก มะลิ ภรรยาสาวไต้ก๋ง ด้วยแรงแห่งรักที่ทำให้ทั้งคู่พากันหนีไป อาศัยอยู่กับ ศักดิ์ น้องชายขุนที่เกาะมุก แต่เมื่อขุนต้องออกเดินทางไปทะเล จนถูกมรสุมพัดพาไป ติดเกาะแห่งหนึ่ง เชอรี่ หญิงสาวที่ช่วยชีวิตขุนไว้ ความใกล้ชิดเอาใจใส่ซึ่งกันและกันที่ทำให้ทั้ง สองเกิดความรักและความสัมพันธ์อันลึกซึ้งขึ้น ในช่วงเวลาเดียวกันที่มะลิและศักดิ์ต่างก็คิดว่าขุน ตายแล้ว ทั้งสองจึงเกิดรักกัน เมื่อขุนหวนคิดถึงมะลิขึ้นมา จึงเดินทางกลับมา ณ เกาะแห่งนี้อีก ครั้ง การพบกันที่ต่างฝ่ายต่างไม่คาดคิดมาก่อน กาลเวลาที่ทำให้สองสายสัมพันธ์กำลังผันแปรไป อย่างไม่มีวันหวนกลับ
เลื้อยสยอง (2548/2005) ร.ต.อ. หญิง นรินทร แห่งหน่วยปราบปรามพิเศษได้ตามจับ มิคาอิล ผู้ก่อการร้ายข้าม ชาติแต่เขาหนีรอดไปได้ ศาสตราจารย์แคล้ว ได้คิดค้นระบบเลเซอร์ทำลายล้างสูงได้ สำเร็จโดยใช้เงินทุนของมิคาอิล แต่ถูกขัดขวางโดย ดร.วุธ ซึ่งไม่เห็นด้วยกับการ ทดลอง และในการทดลองครั้งนี้ได้ทำปฏิกิริยากับงูเห่าตัวหนึ่งโดยบังเอิญ จึงทำให้งู ขยายร่างใหญ่ขึ้น และสร้างความหายนะให้แก่ผู้ที่เผชิญหน้ากับมัน...

เรื่องย่อ : ผวา (2548/2005) "แก้ว" รีบเดินทางกลับบ้านเกิดที่ต่างจังหวัดทันที เมื่อได้รับข่าวว่าก้อย (น้องสาว) เกิดอาการผีเข้า พร้อม ๆ กันกับเพื่อนนักเรียนอีกหลายคน ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเอง และเพื่อนเมื่อตอนเป็นเด็ก แก้วพยายามหาทางรักษาก้อย โดยได้รับความช่วยเหลือจากหมอดนัย ที่ระบุอาการดังกล่าวเรียกว่า "โรคอุปทานหมู่" ทำให้ขัดกับหลักความเชื่อของคนในหมู่บ้านที่ยังงมงาย กับเรื่องไสยศาสตร์ เหตุการณ์ในอดีตของแก้ว เริ่มย้อนกลับเข้ามาสร้างความน่าสะพรึงกลัวให้กับเธออีกครั้ง หลังจากที่ เธอเคยพยายามหลีกหนีมันไปเป็นเวลานาน ขณะนั้นเองแก้วได้พบกับเพื่อนสนิทในวัยเด็กคนหนึ่ง ที่กลายมาเป็นครูในโรงเรียนของน้องสาว และเธอเป็นคนที่เก็บงำความลับต่าง ๆ เอาไว้ ซึ่งจะช่วย คลี่คลายปมปัญหาเรื่องของเด็กชายที่หายสาบสูญไปในอดีต เมื่อสิ่งที่พวกเธอเคยร่วมกันทำ เอาไว้ ในวัยเด็กได้กลายมาเป็นผลในวัยปัจจุบันอย่างคาดไม่ถึง...

Happy Inn โรงเตี๊ยม (2548/2005) เรื่องราวเริ่มต้นจากโรงเตี๊ยมเก่าๆ แห่งหนึ่งที่ซึ่งไม่มีคนมาใช้บริการแต่มีคนอาศัยอยู่ 3 คน คือป้าแต๋ว เจ้าของโรงเตี๊ยม โหน่ง และ จอร์ด โรงเตี๊ยมแห่งนี้จึงกลายมาเป็นที่นัดหมายของคน 3 กลุ่มที่มีจุดหมายแตกต่างกัน ริต้ายอมหลับนอนกับเสี่ยติ่ง เพื่อเช็ค 5 ล้านบาท ต่อมาเมื่อเมียหลวงของเสี่ยรู้ จึงจ้าง 2 นักสืบมาตามเก็บภาพไปแบล็คเมล์ ส่วนกลุ่ม3 โจร ได้เดินทางมาเอาเงิน 10 ล้านที่ซ่อนไว้ในโรงแรมนี้ แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ 2 นักสืบที่ได้ยินคำสั่งแล้วไปทำผิดจาก " เก็บภาพมาให้ได้ " เป็น " เก็บมาให้ได้ " แล้วเงิน 10 ล้านที่ซ่อนไว้ของสามโจรหายไปจากที่ๆ ควรจะอยู่ เรื่องราวเริ่มวุ่นวายเริ่มต้นขึ้นเมื่อมีสพชัย จอมซวยเข้ามาพักในโรงแรมนี้โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย แล้วยังมีจอร์ด บริกรปัญญาอ่อนผู้ทำให้เรื่องสับสนอลหม่านไปหมด
คนหอนขี้เรื้อน ในคืนเดือนเสี้ยว Werewolf in Bangkok (2548/2005) สิงห์ (ทศพร รถกิจ) กับ ใหญ่ (จ๊อด เชิญยิ้ม) กำลังล่าหมาป่าตัวสุดท้ายที่กัด เดือน (ปริญญาทิพย์ หนูเทศ) เมียสาวของสิงห์ที่ท้องแก่ ที่ตึกต้องห้ามมี ตาย้อย(โย่ง เชิญยิ้ม)กับหลาน ชื่อ อนิรุธ (สายัณห์ ดอกสะเดา) อาศัยอยู่ เป็นทายาทหมาป่าตัวสุดท้าย ที่ยังวัยเยาว์จึงถูกตาย้อยกักขังล่ามโซ่ไว้อย่างปลอดภัย ภายในห้องลับ ๆ ภายในตึกจึงเป็นที่มาของตึกต้องห้าม ซึ่งไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไป แม้กระทั่งซอยที่เป็นที่ตั้งของตัวตึกก็ยังไม่มีใครกล้าเดินเฉียดเข้าไป คงมีแต่ แฟร้งค์ (โหน่ง ชะชะช่า)หนุ่มคุ้ยเขี่ยเท่านั้นที่หนีการไล่กระทืบจาก น้าแดง(ค่อม ชวนชื่น)กับถั่วดำ (สังข์ ดอกสะเดา)เข้ามาหลบภัยในซอยต้องห้ามและรอดตัวได้ทุกครั้ง แต่แล้วครั้งสุดท้ายนี้เอง ที่แฟร้งค์ไม่สามารถออกจากซอยได้ เนื่องจากน้าแดงกับไอ้ถั่วดำเฝ้าอยู่ปากซอยแฟร้งค์จึงหลบเข้าไปในตัวตึกต้องห้าม และคืนนั้นเป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวง จึงโดนอนิรุธ ผู้กลายร่างเป็นหมาป่ากัดเข้าที่ต้นคอ แฟร้งค์หนีออกมาได้ด้วยความงุนงง ขุนเดช(สมเล็ก ศักดิกุล) หัวหน้าแก๊งค์คุ้ยเขี่ยผู้ฉ้อฉลและมี ขุนหนวก(สุเทพ สีใส)เลขาประจำตัวขุนเดชทราบเรื่องที่น้าแดงกับไอ้ถั่วดำไม่สามารถนำตัวแฟร้งค์มาร่วมแก๊งค์ได้ เนื่องจากแฟร้งค์หนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในซอยต้องห้ามทุกครั้ง ขุนเดช จึงมอบหน้าที่นี้ให้กับ ฉู่ฉี่(เดบาร่าห์ ซี)ดำเนินการต่อ ฉู่ฉี่ หญิงสาววัย 18 ปี ที่ทั้งห้าวและบ้าบิ่นมีความสนิทสนมกับแฟร้งค์อยู่แล้ว จึงเข้ามาชักชวนแฟร้งค์ให้เข้าแก๊งค์ แต่แฟร้งค์ไม่ยอมเพราะกลัวขุนเดชขี้โกง ฉู่ฉี่สังเกตเห็นแฟร้งค์มีพฤติกรรมคล้ายหมาขึ้นทุกที จนฉู่ฉี่แปลกใจแต่แฟร้งค์ก็ปฏิเสธทุกครั้งไป สิงห์กับใหญ่ก็ว่าจ้างให้ขุนเดชกับพวกแก๊งค์คุ้ยเขี่ยช่วยสืบหาตัวหมาป่า คืนนี้เดือนเสี้ยวแฟร้งค์ เกิดอาการเจ็บปวดขึ้นตามร่างกายและกลายร่างเป็นหมาป่าในที่สุด แต่สารรูปกลับไม่เหมือนหมาป่าตามตำนาน แต่กลับเป็นหมาป่าขี้เรือน ในขณะที่ฉู่ฉี่โดนพวกน้าแดงกับไอ้ถั่วดำฉุดกระชากหมายจะปลุกปล้ำ พอดีที่แฟร้งค์กลายร่างเป็นหมาป่าขี้เรื้อนและตามไปช่วยฉู่ฉี่ไว้ได้ น้าแดงไอ้ถั่วดำจึงแจ้งพวกขุนเดช สิงห์ใหญ่และพวกแก๊งค์ คุ้ยเขี่ยให้บุกเข้าไปในตึกต้องห้าม และพบตาย้อยกับอนิรุธ แต่อนิรุธหนีไปได้และสวนกันกับแฟร้งค์หมาป่าขี้เรือนสิงห์กับใหญ่และคนอื่น ๆ คิดว่าแฟร้งค์เป็นหมาป่าขี้เรื้อน เป็นตัวที่กัดเดือนจึงตามล่าเอาชีวิตเพื่อควักหัวใจไปให้เดือนกินแต่ขุนเดชไม่ได้ตามไปแต่กลับจับอนิรุธที่ร่างกายอ่อนแอหลบซ่อนตัวอยู่บริเวณหน้าตึก ต่อมาฉู่ฉี่คิดว่าแฟร้งค์เป็นหมาป่าขี้เรื้อนจึงมาพบตาย้อยเพื่อให้ช่วยรักษา แต่อนิรุธถูกขุนเดชจับตัวไป ฉู่ฉี่กับ ตาย้อย จึงแอบเข้าไปช่วยอนิรุธออกมาได้ ขุนเดชรู้โกรธมากจึงกลายร่างเป็นหมาป่าและตามล่าตัวอนิรุธ ส่วนสิงห์กับใหญ่ก็ตามล่าแฟร้งค์หมาป่าขี้เรือนอย่างกระชั้นชิด แล้วสิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้นเมื่ออนิรุธที่ร่างกายอ่อนแอกับแฟร้งค์หมาป่าขี้เรือนวิ่งชนกันจังเบ้อเริ่มและกลายร่างเป็นหมาป่าที่ทั้งสูงทั้งใหญ่และน่ากลัว ทำให้ฉู่ฉี่ถึงกับตะลึงกับภาพที่เห็นสิงห์กับใหญ่จำหมาป่าขุนเดชได้และรู้ความจริงว่าขุนเดชคือหมาป่าที่ตัวเองล่าอยู่
Beautiful Wonderful Perfect เอ๋อเหรอ (2548/2005) หนูชื่อ “ลูกแก้ว” (เกรซ นวรัตน์) มีพ่อชื่อ “ปรีชา” (ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง) เป็นหัวหน้าพนักงานขับรถทัวร์ แม่ชื่อ “วรรณ” (ปุ๊กกี้ ปริศนา) เป็นแม่บ้าน บ้านของหนูเปิดเป็นร้านขายรองเท้า หนูจึงมีรองเท้าใหม่ใส่อยู่บ่อยๆ แม่วรรณของหนูเป็นแม่ที่ใจดีที่สุดในโลก ไม่เคยดุด่าหนูเลย แต่พ่อปรีชาของหนูจะเป็นคนดุ ดุจนหนูกลัว และบางครั้งแม่ก็จะทะเลาะกับพ่อ เพราะทนที่พ่อตีหนูไม่ไหว พ่อจะชอบสั่งให้ลูกแก้วทำนู่นทำนี่ตามที่พ่อต้องการ หนูไม่เข้าใจแต่หนูก็ไม่เคยขัดคำสั่งพ่อ เพราะแม่จะสอนหนูอยู่ตลอดให้รักและเชื่อฟังพ่อ และหนูก็คิดอยู่เสมอว่าพ่อปรีชาของหนูไม่ใช่พ่อที่ดุที่สุดในโลกหรอก หนูมีเพื่อนสนิทชื่อ “ต๋อง” (อาร์มี่ วีรภักดิ์) ต๋องมีพ่อชื่อ “สำรวย” (โหน่ง ชะชะช่า) ซึ่งใจดีมากๆ ไม่เคยดุด่าต๋องเลย “แม่แอ๋ว” (ยู่ยี่ อลิสา) ของต๋องก็สวยและใจดีพอๆ กับแม่วรรณของหนู บ้านของต๋องจะอยู่ใกล้กับบ้านของหนู และต๋องก็เรียนอยู่ห้องเดียวกับหนูด้วย ต๋องจะเป็นเด็กพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ต๋องจะไม่ค่อยพูดมาก แต่จะยิ้ม หัวเราะ และอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา แต่หนูก็ไม่เข้าใจว่าทำไมหลายคนชอบมองต๋องด้วยสายตาแปลกๆ และมักจะเรียกต๋องว่า “ไอ้เอ๋อ” ตลอดเวลา และพ่อปรีชาก็ไม่ชอบให้หนูไปยุ่งกับครอบครัวของต๋องซะเท่าไร พ่อมักจะดุหนูอยู่เสมอเวลาที่หนูแอบไปเล่นกับต๋องว่า “ไอ้แก้ว ป๊าบอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้ไปยุ่งกับไอ้ครอบครัวปัญญาอ่อนนี่” แต่ยังไงหนูก็ยังชอบเล่นกับต๋องอยู่ดีไม่ว่าใครจะว่ายังไงก็ตาม ที่โรงเรียน เพื่อนส่วนใหญ่ก็จะดีกับหนูและต๋อง ยกเว้นพวก “ไอ้เบิ้ม” ที่ชอบมารังแกต๋องอยู่เรื่อย แต่ไม่ต้องห่วงเพราะหนูจะช่วยเหลือต๋องทุกครั้งที่พวกไอ้เบิ้มมารังแก แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ ตอนที่หนูกับต๋องกำลังเล่นกันอยู่ที่สถานีขนส่ง ไอ้เบิ้มคนเดิมนี่แหละมันพาลูกสมุนของมันมาเพื่อแก้แค้นที่หนูไปต่อยมันตาปูด ทำให้หนูกับต๋องต้องหนีเอาตัวรอดก่อน เพราะพวกมันเยอะกว่า นั่น…ประตูช่องเก็บกระเป๋ารถทัวร์เปิดอยู่ สองขาของหนูเร็วเท่าความคิด หนูคว้าแขนต๋องหลบเข้าช่องเก็บกระเป๋านั้นทันที ไม่กี่นาทีถัดมา ช่องประตูนั้นก็ถูกปิดลง ความมืดเข้าครอบงำ และแล้วอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมา หนูกับต๋องก็ถูกพาหลงมาผจญภัยในกรุงเทพฯ กันแค่สองคน แรกๆ หนูก็เฉยๆ นะ ไม่รู้สึกกลัวอะไร จนกระทั่งหนูกับต๋องโดนพวกคนใจร้ายจับมาขังไว้ แถมยังใช้ให้เดินขายผลไม้แถวชายหาดพัทยาอีก แค่นั้นยังไม่พอ พวกมันยังบังคับให้หนูกับต๋องขึ้นโชว์ชกมวยให้พวกฝรั่งที่มาเที่ยวบาร์ดูอีก ถ้าไม่เชื่อฟัง พวกมันก็จะทำร้ายพวกหนู…โหดร้ายที่สุดในโลก หนูต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อช่วยต๋องและเพื่อนๆ ที่ถูกจับตัวมาซะแล้ว แต่ลำพังเด็กตัวเล็กๆ อย่างหนูจะไปสู้แรงพวกผู้ใหญ่หน้าซื่อใจร้ายพวกนี้ได้ยังไงกัน แต่เอ๊ะ…นั่นไม้ขีดไฟในมือของต๋องนี่นา ได้การล่ะ เผาบ้านมันซะเลย ใจร้ายกับพวกหนูดีนัก พวกเราหนีเร็ว…ววว แล้วมาดูกันว่าเหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อไป… หนูกับต๋องและพรรคพวกจะเอาตัวรอดกันได้มั้ย พวกผู้ใหญ่ใจร้ายจะโดนลงโทษยังไง และจะมีใครมาช่วยพวกหนูทันหรือเปล่า ยังไงลูกแก้วกับต๋องต้องขอกำลังใจจากพี่ๆ ด้วยนะคะ มนุษย์ทุกคนย่อมมีคุณค่าของความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน ไม่มีใครจะได้รับสิทธิพิเศษที่แสดงว่าตนเองนั้นมีคุณค่าความเป็นมนุษย์เหนือผู้อื่น และแน่นอนมนุษย์ทุกคนย่อมต้องการให้ผู้อื่นได้ประจักษ์ถึงคุณค่าและความมีอยู่ของตนเอง