โอเคเบตง (2546/2003) ธรรม (ภูวฤทธิ์) อยู่บวชอยู่ที่วัดป่า และศึกษาพระธรรมมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ หลังจากพ่อแม่เสียชีวิต วันหนึ่ง จันทร์ พี่สาวเพียงคนเดียวของธรรม เสียชีวิตอย่างกะทันหันเนื่องจากเหตุการณ์ระเบิดที่สถานีรถไฟ ธรรมต้องลาสิกขาบทออกมาเพื่อดูแล มารีอา (ด.ญ.สรัญญ่า) ลูกกำพร้าของพี่สาวที่เกิดจาก กาเซ็ม สามีชาวมุสลิม เขาต้องพบกับความยากลำบากในการปรับตัว จากเดิมที่ใช้ชีวิตทางธรรมอย่างเรียบง่ายเพื่อศึกษาพระพุทธศาสนา กลับต้องมาใช้ชีวิตทางโลก อยู่ท่ามกลางความแปลกใหม่ มีสิ่งยั่วยวนมากมาย โดยได้รับความช่วยเหลือจาก หลิน (จีรนันท์) หญิงสาวที่อาศัยอยู่ตรงข้ามร้านเสริมสวยของจันทร์ และ เฟิร์น (สรวงสุดา) นักร้องสาวคาเฟ่ เพื่อนสนิทของจันทร์ ธรรมต้องพบความสับสนครั้งใหญ่ในชีวิต เมื่อพบว่าตัวเองมีความรู้สึกดีๆ กับ หลิน แต่แท้ที่จริงเธอเป็นคนรักของ ฟารุก (อรรถพร) มุสลิมหัวก้าวหน้า หนึ่งในผู้นำขบวนการแบ่งแยกดินแดน ซึ่งถูกทางการไทยกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการระเบิดที่ทำให้พี่สาวของธรรมเสียชีวิต หลินตัดสินใจเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม เพื่ออยู่เคียงข้างชายที่เธอรัก ขณะเดียวกันธรรมก็ต้องแยกจากมารีอา เมื่อกาเซ็ม พ่อแท้ๆ รับเธอไปอยู่ด้วยที่ประเทศมาเลเซีย ด้วยความผิดหวังในความรัก ธรรมต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของอบายมุข แต่ที่สุดแล้วเขาก็ได้เรียนรู้ที่จะปรับตัว มีชีวิตอยู่อย่างมีสติ และดำเนินชีวิตต่อไปข้างหน้า
ฮวงจุ้ย-ฟ้า-ดิน-คน-ลิขิต (2546/2003) เป็นเรื่องเกี่ยวกับศาสตร์ฮวงจุ้ย และฮวงซุ้ย จะพูดถึงหลักการของความเชื่อ หรือไม่เชื่อให้เป็นความรู้ และเป็นวิจารณญาณในการตัดสินใจของคนดู เรื่องเริ่มขึ้นที่ครอบครัวหนึ่งซึ่งประกอบไปด้วย เตี่ย อาม่าและลูกชายหญิง 4 คนมีอาเฮียไช้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงทำให้กิจการรุ่งเรือง แต่ความรักความสัมพันธ์ภายในครอบครัวทำให้เกิดเรื่องขึ้น อาเฮียไช้ซึ่งแทบจะเป็นคู่บุญบารมีของเตี่ย ที่เตี่ยเจริญรุ่งเรืองมาได้ทุกวันนี้ก็เพราะเขา อาเฮียไช้เป็นเด็ก รุ่นน้องของเตี่ย รักชอบพอกัน ร่วมกันก่อสร้างตัว แต่ความสัมพันธ์ที่ว่าก็ต้องแตกสลายลงเนื่องจากอาเฮียไช้ เกิดความรักชอบพอกับลูกสาวของเตี่ย ซึ่งถ้านับกันจริง ๆ ก็แทบจะพูดได้ว่าเป็นหลาน แต่อาเฮียไช้ชอบเนื่องจากความสนิทสนมและเห็นน้ำใจกันมา ซึ่งทั้งหมดนี้กลับถูกขีดขวางจากเตี่ย และความเจริญก้าวหน้าของโรงงานจนทำให้เตี่ยหลงลืมประเด็นนี้ไป หลานที่มีชื่อว่าหยกกลับไม่ได้รักอาเฮียไช้ อาเฮียไช้จึงรู้สึกว่าชีวิตเขาไม่เคยสมหวังสิ่งใดสักอย่างทั้งในเรื่องของการงานที่เป็นรองเตี่ยมาตลอดและในเรื่องความรัก อาเฮียไช้จึงเกิดความอาฆาตแค้น เขาได้พบกับซินแสหม่าซึ่งเก่งทางด้านศาสตร์ฮวงจุ้ย – ฮวงซุ้ย ดูโชคชะตาแต่เป็นคนเลว เจ้าเล่ห์ และละโมบซินแสหม่าได้ชี้แนะอาเจ็กไปในทางที่ผิดโดยให้ของที่เป็นอัปมงคลไปทำลายหลักฮวงจุ้ยที่ดีของเตี่ยเพื่อทำลายตระกูลนี้ให้สิ้นซาก ด้วยอาถรรพ์หรืออุบัติเหตุไม่ทราบได้ เตี่ยกับอาม่าได้เสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำตาม แต่หยกลูกสาวคนโตรอดได้ราวปาฏิหาริย์ หลังจากนั้นซินแสหม่าได้เข้ามาจัดการทำพิธีฝังศพเตี่ยกับอาม่า โดย ให้ทุกอย่างผิดหลักตามพิธีที่ดีเพื่อให้ครอบครัวของเตี่ยเกิดความพินาศอีก หลังจากนั้นคนในครอบครัวของเตี่ย ก็เกิดเรื่องร้ายขึ้นตลอด หยกเสียคนรักไป บอยลูกชายคนรองเสียชีวิต ป๊อปลูกชายซึ่งกลับมาจากเมืองนอก ได้ค้นพบความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในบริษัทจนทำให้ตนเองถูกทำร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด มุกดาลูกสาว คนเล็กซึ่งเป็นคนที่มีสัมผัสพิเศษเกิดอาการป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุและมุกดาได้เสียคนรักไปอีกคน ทุกอย่างกำลังเดินไปในทิศทางที่เลวร้าย แต่ตระกูลนี้ได้รับการช่วยเหลือจากซินแสหนุ่มคนหนึ่งชื่อโย เขาค้นพบสาเหตุว่าสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายมาจากการวางฮวงจุ้ยและฮวงซุ้ยที่ผิดนั่นเอง ทั้งหมดจึงต้องเดินทางไปที่ฮวงซุ้ยเพื่อทำพิธีขุดศพขึ้นมาฝังใหม่ แต่การเดินทางไปในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะว่ามีอาเจ็กและซินแสหม่าคอยขัดขวางทุกวิถีทาง แต่ความดีย่อมชนะความชั่ว ทั้งหมดสามารถแก้อาถรรพ์ได้สำเร็จ วิญญาณของเตี่ยกับอาม่าและคนอื่นๆ ได้พ้นทุกข์และอาเฮียไช้กับซินแสหม่าก็ได้รับผลตอบแทนในสิ่งที่ตนเองทำ
ฅนปีมะ (2546/2003) เรื่องราวทั้งหมดได้เกิดขึ้น เมื่อคนทั้งสี่มาพบกันที่ริมน้ำใต้สะพานซึ่งทั้งสี่คนหนีมาจากคนละทิศ โดยมี นกหนุ่มบ้านนอกเป็นนักมวยที่มีความสามารถและใฝ่ฝันอยากเข้าวงการแสดง แต่ชีวิตต้องผิดหวังเพราะถูกผู้หญิงหลอกจนหมดอาลัยตายอยาก นกบังเอิญได้มาเจอกับ เป้า กุ้ง และ เดวิด ซึ่งทั้งสามคนก็ต่างใฝ่ฝันอยากเป็นในสิ่งที่ตนปรารถนาและใฝ่ฝัน เป้า ฝันอยากเป็นนักร้องลูกทุ่งชื่อดังแบบ สายัณต์ สัญญา ส่วน กุ้ง เป็นลิเกซึ่งอยากดังแบบ กุ้ง สุทธิราช และ เดวิด นักมายากลซึ่งใฝ่ฝันว่าสักวันจะได้ไปเล่นเคียงข้าง เดวิด คอปเปอร์ฟิวส์ นักมายากลระดับโลก แต่ก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งสามคนหนีหัวซุกหัวซุน เข้ากรุงเทพฯ จนพบกันนก เมื่อทั้งสี่คนตกลงเป็นเพื่อนกันแล้ว พระอินทร์เกิดเห็นใจคนทั้งสี่จึงได้ส่งตัวเทวดานาม สายฟ้า ลงมาช่วยเหลือคนทั้งสี่ แล้วสายฟ้าก็ได้มารวมกลุ่มกับกลุ่ม “ฅนปี มะ” กับเขาด้วย แต่สายฟ้าก็ไม่ได้มีอิทธิฤิทธิ์ จะใช้ได้ยามคับขันหรือบางทีก็ไม่มีเลย จนมาวันหนึ่งกลุ่มปีมะเดินมาถึงสถานสงเคราะห์ได้พบกับ โอ๋ และ บี ทุกคนประทับใจในความสวยและดูมีเมตตาใจดีเหมือนนางฟ้า ซึ่งโอ๋และบี เป็นคนดูแลสถานสงเคราะห์เด็ก “บ้านน้ำใจ” ของนายอำนาจซึ่งเบื้องหลังเป็นผู้ค้ายาบ้ารายใหญ่ และเป็นสถานที่ที่ทำให้ได้พบกับ เด็กบอยซึ่งถูก นายอำนาจสั่งตัดตอนครอบครัวบอยจึงหนีเตลิดมาพบกลุ่มปีมะ ซึ่งบอยเองก็ไม่รู้เรื่องแต่แม่บอยได้ให้ของสำคัญไว้กับบอยก่อนที่จะแยกย้ายกันหนีออกมาจากบ้านซึ่งของสำคัญที่บอยติดตัวมานี้ ทำให้นายอำนาจสั่งลูกน้องตามล่าเอามาให้ได้ ทำให้เกิดเรื่องราวยุ่งและเกิดการไล่ล่า โดยกลุ่มคนปีมะ รวมทั้ง โอ๋ และ บี บอย ต้องทั้งสู้และหนีกันจนต้องมาพัวพันกันและคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จนสามารถนำหลักฐานมา จับตัวนายอำนาจและสมุนได้ เหตุการณ์ทุกอย่างจบลงด้วยดี ต่างคนต่างได้ทำในสิ่งที่ปรารถนา ถึงแม้จะไม่เหมือนที่ฝันเอาไว้
สวนสนุกผี (The Park) (2546/2003) 14 ปีก่อน เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ตกลงมาจากชิงช้าสวรรค์ในสวนสนุกแห่งหนึ่ง เธอสิ้นใจทันที ด้วยเหตุนี้สวนสนุกจึงถูกสั่งให้ปิดตาย วันนี้เยน และเพื่อน ๆ กำลังกลับมา ณ สวนสนุกร้างแห่งนี้ เพื่อตามหาพี่ชายที่หายไป อลัน พี่ชายของเยน หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเป็นเวลากว่า 6 ปี หลังจากที่เขาแอบเข้าไปในสวนสนุกร้างแห่งนั้น ยู แม่ของเธอที่เป็นหมอผีรู้วิธีจับผีด้วยกล้องดูดวิญญาณ เชื่อว่าลูกชายของเธอได้เสียชีวิตลงแล้ว เยนไม่เคยเชื่อในพลังลึกลับที่แม่มีอยู่ และมั่นใจว่าพี่ชายของเธอจะต้องมีชีวิตอยู่ และคิดไว้ว่าจะไปที่สวนสนุก เพื่อรับตัวพี่ชายกลับบ้าน เคน, พิ้งกี้, ซัน, แดน, วายวาย, คาโห และเยน มาถึงสวนสนุก ยามแก่ปรากฎตัวขึ้น เขาขัดขวางไม่ให้พวกเด็ก ๆ ได้เข้าไป เพราะว่ามันคือสวนสนุกผีสิง พวกเขาไม่เชื่อในสิ่งที่ยามบอก จึงตัดสินใจแอบกลับเข้าไปกลางดึก เรื่องราวแปลก ๆ เริ่มเกิดขึ้น คาโหถ่ายวีดีโอไว้ด้วยกล้อง บางสิ่งบางอย่างปรากฎขึ้นในฟิล์ม เขาหนีไปตามทาง จนกระทั่งมาพบกับบ้านผีสิง หนึ่งชั่วโมงถัดมา ทุกคนกลับมารวมตัวกันที่จุดนัดพบ แล้วก็ได้พบว่าคาโหหายไป ทั้งหมดจึงตัดสินใจแยกกันออกเป็น 2 ฝ่ายเพื่อออกตามหา เพื่อน ๆ ของเธอค่อย ๆ ตายไปอย่างลึกลับ คนแล้วคนเล่า ตอนนี้เยนเชื่อแล้วว่า ผีร้าย ณ ที่แห่งนี้ ต้องการที่จะเอาชีวิตของทุกคน ยามถือขวานเดินตรงเข้ามาที่ด้านหลังของเยน เพื่อพยายามฆ่าเยน แต่แม่ของเยนก็ปรากฎตัวขึ้น เพื่อช่วยชีวิตเธอได้ซะก่อน พวกเขาพยายามจับผีด้วยกล้องดูดวิญญาณ แต่พวกเขาจะสามารถเอาชีวิตรอดได้หรือไม่...
บิวตี้ฟูล บ๊อกเซอร์ (2546/2003) เป็นเรื่องจริงของชายคนหนึ่ง ที่มีจิตใจเป็นหญิงมาตั้งแต่เด็ก และมีความใฝ่ฝันว่าจะเป็นผู้หญิงในวันข้างหน้า ในวัยเยาว์ เขาได้ใช้ชีวิตเร่ร่อนช่วยพ่อแม่ในจังหวัดต่างๆ รวมทั้งเคยบวชเรียนเป็นเณรติดตามพระธุดงค์ แล้วเขาก็ได้เข้าสู่วงการมวยไทยในเวลาต่อมา ซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ชีวิตเขาล้วนมีความขัดแย้งภายในจิตใจ เขามีทั้งความอ่อนโยน รักสวยรักงาม และขณะเดียวกันเขาก็มีความเป็นนักสู้ไม่แพ้ชายชาตรี และแล้ว การโคจรสู่มหาศึกที่โตเกียวโดมก็ได้เริ่มขึ้น เขาได้พบกับคู่ต่อสู้ซึ่งเป็นนักมวยปล้ำหญิงที่มีชื่อว่า เคียวโกะ อิโนะอุเอะ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการต่อสู้ที่มีความขัดแย้งทางร่างกายและจิตใจสำหรับเขาเป็นอย่างมาก
เรื่องย่อ : คนสั่งผี (2546/2003) เรื่องราวของชายหนุ่มผู้มีวิถีชีวิตต่างจากคนทั่วไป เมื่อเขามีอำนาจที่สามารถควบคุมสิ่งที่มีพลังเร้นลับเหนือธรรมชาติให้เข้ามาอยู่ในการปกครองได้ โดยอาศัยเทคโนโลยีใหม่บวกกับพลังทางไสยศาสตร์มาเป็นเครื่องมือ ปิโรญาณ เป็นชายหนุ่มเจ้าของเวบไซต์ชื่อ www.ผีหลอก.com มีอุปนิสัยสันโดษ และไม่เคยรู้จักความหมายของคำว่ารัก ทุกๆ วันเขาจะออกตามล่าหาดวงวิญญาณใหม่ๆ มาไว้ใช้งานในการรับจ้างหลอกตามคำสั่งของลูกค้าทางอินเตอร์เน็ต จนกระทั่งวันหนึ่งโชคชะตาได้นำเอาผีสาวมาเข้ามาเกี่ยวพันกับชีวิต ทำให้ ปิโรญาณ รู้จักกับคุณค่าของคำว่ารักเป็นครั้งแรก แต่ก็ต้องเผชิญกับศัตรูที่คาดไม่ถึง แม้ด้วยพลังใจที่แข็งแกร่งบวกกับอานุภาพของความรัก ทำให้เขาฝ่าฟันอุปสรรคครั้งนี้ไปได้ แต่ปิโรญาณยังต้องเผชิญกับปัญหาสำคัญที่ทำให้เขาต้องใช้การตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ และจุดจบของเรื่องราวทั้งหมดคือบทสรุปทุกๆ อย่างในชีวิตของเขา
บุปผาราตรี (2546)

เรื่องย่อ : บุปผาราตรี (2546/2003) บุปผา (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) ผีสาวสุดสยอง วิญญาณพยาบาทที่คอยวนเวียนอยู่ในอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งเพื่อรอคอยเอก (กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์) คนรักที่ทอดทิ้งเธอไปในอดีต ความเฮี้ยนของเธอทำให้ผู้คนหวาดผวาพากันย้ายออกไปตามๆ กัน เดือดร้อนถึงเจ๊สี่เจ้าของออสการ์อพาร์ทเมนท์ที่ต้องความหาหมอผีฝีมือดีจากทุกสารทิศมาเพื่อขับไล่ผีสาวตนนี้ออกไปให้จงได้ บุปผา ราตรี นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่หนึ่งถูก เอก ลูกเศรษฐีหลอกตามจีบจนใจอ่อน แต่เมื่อเธอตั้งครรภ์ เอกกลับพาเธอไปทำแท้งและหนีไปเรียนต่อเมืองนอกทันที กระทั่งวันหนึ่ง เจ๊สี่ เจ้าของออสการ์อพาร์ตเมนต์ที่บุปผาเช่าอยู่ เห็นเธอเงียบหายไปจึงได้งัดห้องเข้าไป และพบว่าบุปผาตายมาเกือบเดือนแล้วจากการตกเลือดหลังทำแท้ง เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องสยองขวัญปั่นป่วนทั้งอพาร์ตเมนต์ เมื่อผีบุปผาเกิดเฮี้ยนออกมาอาละวาด เจ๊สี่ เจ้าของกิจการอพาร์ทเมนท์ ที่มีธุรกิจเข้าทรงเป็นอาชีพเสริม พออยู่มาวันหนึ่ง อพาร์ทเมนท์ของเจ๊สี่เกิดมีผีสาวปรากฎกายขึ้น จนเป็นที่หวาดผวาต่อบรรดาผู้เช่าห้องพักทั้งหลาย ร้อนถึงเจ๊สี่ ที่ต้องตามหมอผีที่ว่าเก่งมากำจัด แต่ก็ยังโดนผีสาวเล่นงานจนเตลิดเปิดเปิง สร้างความหวาดผวาต่อผู้เช่าอพาร์เมนท์ที่เหลือเป็นอย่างยิ่ง เป็นผลให้กิจการห้องเช่าของเจ๊สี่ทำท่าจะไปไม่รอด แต่แล้ววันหนึ่ง มีชายหนุ่มนิรนามเดินเข้ามาที่อพาร์ทเมนท์ และหายตัวเข้าไปในห้องผีสิงนั้นอย่างปริศนา นับจากวันนั้น ผีสาวก็ไม่ปรากฎกายให้เห็นอีก จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นานนัก ผู้คนก็เริ่มได้ยินเสียงร้องโหยหวนของชายหนุ่มนิรนาม ดังออกมาจากห้องผีสิง ผู้เช่าที่เหลือพากันย้ายออกจนหมด เพราะทนกลัวผีต่อไปอีกไม่ไหว เจ๊สี่หมดทางเลือก จึงตัดสินใจโทรไปตามหมอผีเขมรที่เก่งที่สุด มาจัดการกับผีร้าย ก่อนที่ชายหนุ่มและกิจการอพาร์ทเมนท์ของเธอจะไปไม่รอด...

คืนพระจันทร์เต็มดวง (I-San Special) (2546/2003) คืนพระจันทร์เต็มดวง (I-San Special) เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับการเดินทางกลับบ้าน ของชาวบ้านแถบภาคอีสานกลุ่มหนึ่ง จากกรุงเทพฯไปจังหวัดหนองบัวลำภู โดยรถโดยสารพิเศษสายอีสาน ทั้งหมดเดินทางออกจากสถานีขนส่งหมอชิต ในคืนพระจันทร์เต็มดวง ระหว่างทางผู้โดยสารแต่ละคนได้สวมบทบาทต่างๆ ตามตัวละครในละครโทรทัศน์ และเรื่องราวชีวิตจริงของผู้โดยสารบนรถ ก็ดำเนินไปพร้อมกับเรื่องราวในละครตลอดการเดินทาง คืนพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งทุกสิ่งสามารถเกิดขึ้นได้ โดยไม่มีสาเหตุ ทั้งความสุข สนุก เศร้า หรือสยองขวัญในบางคราว ก็เกิดขึ้นในชั่วระยะเวลาเดินทางระหว่างกรุงเทพถึงหนองบัวลำพู เพ็ญประภา (เมสินี แก้วราตรี) หญิงสาวที่ต้องซัดเซพเนจรหลังจากที่พ่อฆ่าตัวตาย เพราะถูกแม่เลี้ยงใจร้ายปอกลอก เอาทรัพย์สมบัติไปหมด คือบทบาทของตัวละครนิยายน้ำเน่าทางวิทยุ ที่เธอสวมบทบาท ในขณะที่ตัวเธอในความเป็นจริง ต้องเดินทางหนีจากกรุงเทพ พร้อมบาดแผลในใจ และบางสิ่งที่เธอเก็บซ่อนไว้ลำพัง ไม่อาจบอกใคร แดนนี่ (มาร์ค แซล์มอน) เศรษฐีหนุ่มรูปงาม เจ้าของโรงแรมสุดหรูในหนองบัวลำพู ที่ในชีวิตจริง เป็นฝรั่งลูกครึ่ง ซึ่งเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วประเทศไทย โดยที่ไม่มีใครสังเกตว่า เขามีพฤติกรรมต้องสงสัย มาธวี (ภูริดา วิจิตรพันธ์) หญิงชั่วร้าย ผู้ทำให้พ่อของเพ็ญประภาสิ้นเนื้อประดาตัวจนต้องฆ่าตัวตาย แต่ความจริงเธอเป็นเพียงเจ้าของร้านอาหารในหนองบัวลำพู ซึ่งเปิดกิจการมาได้ 5 ปีแล้ว มะลิ (เจนนาฟี) สาวจิตใจดีที่คอยช่วยเหลือเพ็ญประภา ที่ในชีวิตจริง เธอเป็นเพียงสาวพม่า ที่ตั้งใจจะเดินทางกลับบ้านเกิด โดยผ่านเข้าไปทางแม่สาย แต่เธอไม่นึกเฉลียวใจว่าขึ้นรถผิดคัน ทุกสิ่งล้วนสร้างจากความว่างเปล่า ไม่ว่าจะเป็นฉากโรงแรมอันหรูหรา คอกม้า สระว่ายน้ำ อาหารรสเลิศ เครื่องใช้วิจิตร ล้วนถูกสมมติขึ้น บนรถโดยสารคันนี้ ซึ่งตรงข้ามกับความเป็นจรงกับที่ตาเห็น
ชายา (2546/2003) ความลุ่มหลงริษยาของชายาแห่งเขมร นำมาสู่อำนาจแห่งแรงพิศวาสอาฆาตที่ตามติดริษยา ทุกชาติภพจวบจนปัจจุบัน ปริศนาอาถรรพ์ของกำไลข้อเท้าโบราณที่เก็บงำมากว่า 1000 ปีกำลังจะถูกเปิดเผยผ่านความรักและความแค้น...
สนิมสร้อย (2546/2003) จากวรรณกรรมลือเลื่องของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ มาเป็นภาพยนตร์โดย จรูญ วรรธนะสิน สนิมสร้อย เป็นเรื่องราวของสำนักโสเภณีชั้นสูงแห่งหนึ่งเมื่อเกือบ 50 ปีที่ผ่านมา.. "บ้านพี่สมร" ภายใต้ พ.ร.บ. ว่าด้วยการค้าหญิงและเด็กหญิง พ.ศ.2471 ขณะที่กรุงเทพฯ ยังไม่มีศูนย์การค้า คอกเทลเลานจ์ สถานบริการอาบอบนวด ฯลฯ สตรีโดยทั่วไปในสังคมไทย การศึกษายังค่อนข้างถูกจำกัด และถูกอบรมให้ต้องอยู่กับบ้านเฝ้ากับเรือน เสรีภาพที่ผู้ชายจะพบปะกับผู้หญิง ยังไม่ง่ายเหมือนทุกวันนี้ ความเป็นอยู่ในสังคมขณะนั้นกำลังฟื้นตัว แต่ผู้หญิงส่วนหนึ่ง ก็ยังต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อหนีความยากจน มาเป็นโสเภณีด้วยความสมัครใจ ระบบซ่องแบบบ้านตอนนั้น กำลังแพร่กระจายไปตามย่านต่างๆ ของกรุงเทพฯ เป็นรอยต่อเริ่มที่จะมีการนำเด็กมาขายสู่อาชีพนี้ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ (หนุ่ม) ในขณะนั้น ได้ใช้เวลากินนอนอยู่ใน "บ้านพี่สมร" เกือบปี เขียนเรื่องนี้ขึ้นจากชีวิตที่มีตัวตนจริง อย่างไม่ดูถูกเหยียดหยาม หากแต่เต็มไปด้วยลมหายใจของความเป็นมนุษย์มนา จนได้รับการยกย่อง จากวงการวรรณกรรมในเวลาต่อมาว่า เป็นเสมือนมหากาพย์แห่งกะหรี่ ที่ไม่หยาบสกปรกเฉาะแฉะลามกอนาจาร หากเปี่ยมด้วยเรื่องของชีวิต ความรัก และตัณหา ระคนเสียงหัวเราะ ร้องไห้ โศกสลด สะเทือนอารมณ์ และเจ็บๆ คันๆ จนยากที่จะรับรู้ไว้ด้วยอารมณ์วางเฉย เป็นเรื่องของเจ้าสำนัก พี่สมร ซึ่งมีการศึกษาดีพอใช้ แต่บาดแผลจากความหลัง ความเก็บกดจากอาชีพที่ทำ กลายมาเป็นอาการทางจิต "มาโซคิสม์" เสมือนเป็นการลงโทษตนเอง ก่อนจะสมอารมณ์หมาย เรื่องของ ก้าน ม.ด. ที่มีศรัทธาเทอดทูลพี่สมร จนรู้สึกเหมือนหมามีเจ้าของ ทุกครั้งที่สบตากับเจ้าสำนัก เรื่องของผู้หญิงส่วนหนึ่ง ที่ไม่เพียงเพราะการศึกษาต่ำหรือความยากจน หากยังถูกรังแกเอาเปรียบทางเพศจากผู้ชาย ผลักดันมาสู่อาชีพนี้ เช่น สิรี สมทรง วงเดือน มาลี บังอร ฯลฯ และแน่นอน เรื่องของผู้ชายหลายอาชีพ ที่เข้ามาเที่ยวมาหลงไหลร่ำรัก ดุจเช่น ป๋าพร คุณเชลา คุณทนิน ฯลฯ รวมทั้งอีกหลายๆ ชีวิตที่เป็น ตำรวจ ซึ่งเข้ามาเกี่ยวข้องกับคนในบ้านนี้ ทั้งเป็นการส่วนตัว และหน้าที่ตามกฎหมาย สนิมสร้อย พิมพ์เป็นหนังสือสู่สายตาผู้อ่านก่อน จัน ดารา ราว 5 ปี กอปรด้วยลีลาการเขียน ของภาษาทางอารมณ์ที่คมคาย เจ็บคัน ขำขัน ฯลฯ โด่งดังจนมีผู้ติดตามอ่านกันอย่างงอมแงม ในหนังสือสยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ ของท่านอาจารย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช และพิมพ์รวมเล่มสำหรับผู้อ่าน ที่หมุนเวียนเปลี่ยนรุ่นมาอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ แพรวสำนักพิมพ์ กำลังจะพิมพ์เป็นครั้งที่ 8 ชีวิตเหล่านั้น ได้ถูกปลุกขึ้นมาให้โลดแล่นอยู่บนจอยักษ์ ในรูปแบบของภาพยนตร์ที่ไม่หยาบโลน จากฝีมือของผู้กำกับฯ เรื่อง เชอรี่ แอน - จรูญ วรรธนะสิน ซึ่งสร้างในแนวจั๊กจี้ ขำขัน สะเทือนอารมณ์ ทั้งร้องไห้และหัวเราะ ในความเป็น ผู้หญิง-ผู้ชาย ซึ่งเฉี่ยวไปเฉี่ยวมากับเรื่องพรรค์นี้ ในแนวที่ยังไม่เคยมีใครสร้างเป็นหนังมาก่อน ไม่ว่าหนังไทยหรือหนังเทศ... สนิมสร้อย จึงมีเอกลักษณ์ที่คอหนังพลาดไม่ได้เด็ดขาดใน พ.ศ.นี้
บ้านหลังนี้ผีดุ (2546/2003) "ไฟร์เบิร์ด" หรือ "วิหกไฟ" เป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่ชอบพิสูจน์บ้านผี ประกอดด้วยเพื่อน 2 กลุ่ม คือ เบียร์( หลุยส์ สก็อตต์) ,บ๊อบ (ภารู ภานุวัฒน์วนิชย์) และเอมี่ (เดบาร่าห์ ซี),คิงคอง ( ธวัช ทัศนาพลพินิจ) ทั้งสองกลุ่มแม้จะไม่ค่อยถูกกันนัก แต่ก็ถูกป๋อง ดีเจรายการผีชื่อดังจับมารวมกลุ่มกันลุยพิสูจน์ สถานที่ที่มีข่าวว่าผีเฮี้ยนเมื่อกลุ่มไฟร์เบิร์ดเข้าไปพิสูจน์ผีในบ้านร้างที่มีข่าวว่าผีเฮี้ยน เพราะมีผู้หญิงมาแขวนคอตายที่นี่ เอมี่ได้พบสิ่งแปลกประหลาดจนเธอขนพองสยองเกล้า เมื่อเธอบอกเพื่อนในกลุ่มก็ไม่มีใครเชื่อ จนทุกคนได้เจอเหตุการณ์แปลกประหลาดมากมายด้วยตนเองและปรึกษากันว่าคดีนี้ต้องมีเงื่อนงำ แต่ยิ่งสืบก็ยิ่งพบว่าคดีนี้ไม่ใช่คดีเแขวนคอตายธรรมดา แต่เรื่องที่น่ากลัวแฝงอยู่ ทั้งหมดทุ่มสุดตัวกับเรื่องนี้จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
ตะเคียน (2546/2003) “กำนันวิทยา” และ “โลไกร” สองเพื่อนพรานเข้าป่าล่าสัตว์ เป็นเหตุให้ “นางตะเคียน” ผู้ปกปักรักษาป่าโกรธแค้น และฆ่าโลไกรตาย เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้กำนันวิทยาเคียดแค้น และในขณะเดียวกันก็ต้องเลี้ยงดู “คำทอง” ซึ่งเป็นลูกชายของโลไกรจนโตเป็นหนุ่ม คำทองหลงรัก “พร” ลูกสาวคนเดียวของกำนันวิทยา แต่กำนันวิทยากลับสนับสนุน “ไตร” วิศวกรสร้างเขื่อนให้รักกับพร ทำให้คำทองต้องผิดหวัง เมื่อเขื่อนสร้างเสร็จทำให้น้ำท่วมหมู่บ้าน ในขณะที่กำนันวิทยาก็ต้องรีบตัดต้นไม้ที่ได้รับสัมปทานให้เสร็จก่อนที่น้ำจะท่วมหมดและทำให้เสียหายเป็นเงินมหาศาล กำนันวิทยาตัดต้นไม้ทุกชนิดที่อยู่ในพื้นที่ไม่เว้นแม้ต้นตะเคียนยักษ์ที่น่ากลัว หลังจากนั้นเรื่องราวที่น่ากลัวก็เกิดขึ้นกับคนรอบข้าง รวมทั้งพรที่ต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราโดยไม่ทราบสาเหตุ “กำนันวิทยา, คำทอง, ไตร และ ปีเตอร์” จึงมีภารกิจที่ต้องทำ ทั้งหมดต้องไปเอาวิญญาณของตอตะเคียนที่จมอยู่ใต้น้ำขึ้นมาปลูกใหม่ เพื่อเป็นการขอขมาและช่วยเหลือพรที่นอนไม่ได้สติให้กลับมาเหมือนเดิม ทั้งหมดไม่รู้ว่ากำลังลงไปเผชิญกับสิ่งที่น่ากลัวที่แอบซ่อนอยู่ใต้น้ำแห่งนั้น…
ขุนศึก (2546/2003) ก่อนวันประกาศอิสรภาพของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชนั้น พระเจ้าบุเรงนอง วางอุบายหมายลอบปลงพระชนม์ ซึ่งยังความโทมนัสให้แก่สมเด็จพระนเรศวรอย่างมาก เมื่อจาตุรงคบาทนักรบประกบฝีเท้าช้างคนหนึ่งต้องพลีชีพเพื่อพระองค์ในกาลนี้ เสมา ลูกชายช่างตีดาบ ซึ่งเดินทางกลับจากเรียนวิชาดาบกับ อาจารย์ขุน เข้าประลองแข่งขันในการหาจาตุรงคบาทคนใหม่ ด้วยความที่เขามีฝีมือดาบอันโดดเด่น จึงได้รับตำแหน่งครูฝึกทหารในเรือน ขุนราม แต่นั่นถือเป็นการหยามศักดิ์ศรีของ หมู่ขัน นายทหารเอกของกรุงศรี ที่ติดภาระต้องไปประจำการที่ด่านหน้า เขาไม่พอใจในตัวลูกช่างตีดาบคนนี้มาก และรอวันที่จะได้ตัดสินกันอย่างแท้จริง ความแค้นยิ่งทวีคูณมากขึ้น เมื่อเรไร คู่หมั้นของหมู่ขัน เกิดชอบพอกับเสมา หมู่ขันโกรธแค้นมาก จึงจับตัวจำเรียง น้องสาวของเสมาไปเป็นทาสขัดดอก คืนนั้น เสมา พร้อมเพื่อนอีกสองคน ตัดสินใจบุกเรือนหมู่ขัน เพื่อนำตัวจำเรียงกลับมา แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อกลอุบายของหมู่ขัน จนต้องหนีเข้าไปอยู่ในกองโจรของ ขุนรณฤทธิ์พิชัย หมู่ขันสบโอกาส จึงประกาศว่า เสมาเป็นกบฎ ขณะที่อยู่กับพวกกองโจร เสมา และกลุ่มกองโจรช่วยกันสกัดทัพหน้าของพม่าที่บุกเข้ามา ครั้งหนึ่ง เสมา ได้มีโอกาสได้เข้าช่วย พระเอกาทศรถ ในการศึก และได้ลดโทษไปเป็น ตะพุ่น เลี้ยงช้าง ที่นั่น เสมา ได้เรียนรู้ถึงหัวใจของนักรบ เมื่อเขาทราบข่าวการยกทัพครั้งใหญ่ของพม่า เสมาทนเห็นทหารไทยถูกเข่นฆ่าอีกไม่ได้ จึงเข้าไปช่วยในสนามรบ กระทั่งสามารถฆ่าแม่ทัพพม่าลงได้ จึงได้รับความดีความชอบกลับมา และวันแห่งการตัดสินฝีมืออย่างแท้จริงระหว่างเสมา กับหมู่ขันก็มาถึง เมื่อทั้งสองได้ประลองฝีมือต่อหน้าพระที่นั่ง เพื่อหาผู้ที่เหมาะกับตำแหน่งจาตุรงคบาท นักรบประกบฝีเท้าช้างของสมเด็จพระนเรศวร ในการศึกยุทธหัตถีครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างกษัตริย์สองแผ่นดิน
เยาวราช (2546/2003) เยาวราช Bangkok China Town ย่านไชน่าทาวน์แห่งเมืองไทย ที่นี่ได้เกิดเรื่องราวต่างๆ มากมาย ความรัก ความแค้น การต่อสู้ อำนาจ การทรยศหักหลัง ผลประโยชน์อันมหาศาลของผืนดินเพียงไม่กี่หยิบมือของเยาวราชแห่งนี้ ปกคลุมด้วยบารมีของเจ้าพ่อที่แบ่งปันพื้นที่ปกครองอย่างสันติมาอย่างช้านาน ฝั่งเยาวราชเป็นอาณาจักรของเจ้าพ่อตง มีซาเล้ง เป็นมือขวา ฝั่งพาหุรัดเป็นถิ่นของเจ้าพ่อดาดา มี เกาลัด เป็นคนสนิท อำนาจของอีกฝ่ายถูกท้าทาย จนกลายเป็นความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างสองขั้ว
ดึก ดำ ดึ๋ย (2546/2003) เรื่องราวความสนุกสนานเริ่มขึ้นเนื่องจากหมู่บ้านของคนผิวดำแห่งหนึ่งเกิดเรื่องราวสยองขวัญทุกวัน เพราะมีคนในหมู่บ้านถูกฆาตกรรมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสาวสุดเซ็กซี่ จึงทำให้ เทพ (เทพ โพธิ์งาม) เด่น (เด่น ดอกประดู่) มาด (สามารถ พยัคฆ์อรุณ) ระ (เขาทราย แกแลคซี่) เพื่อนต่างวัยทั้ง 4 คน จำเป็นต้องเดินทางไปยังหมู่บ้านแห่งนี้ เพื่อปฏิบัติภารกิจในการสืบหาตัวฆาตรกร ตามที่ได้รับว่าจ้างมาโดยที่ไม่รู้ว่าหมู่บ้านนี้อยู่ไหน รู้แต่ว่าให้ไปถามหารายระเอียดกับคนผิวดำที่เป็นกระเป๋ารถโดยสารเท่านั้น ทั้ง 4 พบกับความโชคร้ายในการเดินทาง เมื่อรถที่โดยสารมาเกิดเสียระหว่างทาง ทั้งหมดจึงต้องเดินทางต่อไปด้วยเท้าเปล่าจนกระทั่งมาถึงกระท่อมกลางป่าของ สองตายาย (อุดม ชวนชื่น และ น้อย โพธิ์งาม) ที่อาศัยอยู่กับ สวย หลานสาวสุดเซ็กซี่ ที่ให้การต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ตกดึกทั้งหมดแทบช็อก เมื่อ สวย ถูกฆ่าตายโดยอสูรกาย และสองตายายก็กลายเป็นกระหัง ทั้ง 4 จึงต้องหนีเตลิดความน่ากลัวแบบไม่คิดชีวิต จนกระทั่งเดินทางมาถึงโรงแรมเก่าๆ แห่งหนึ่ง ที่ภายในโรงแรมกำลังสนุกสนานไปด้วยเสียงดนตรีและผู้คน โดยมีผู้จัดการแก่ๆ (สีเทา) และพนักงานสาวผมทองแสนสวยให้การต้อนรับ ทั้ง 4 ยังได้รับรายละเอียดว่าใครที่มาพักโรงแรมแห่งนี้มักจะกลายเป็นศพทุกคน แต่ทั้ง 4 ก็ไม่สนใจ เพราะต้องการที่พักผ่อนเพียงอย่างเดียว ในคืนนั้นก็มีเหตุการณ์ชวนขนหัวลุกหลายเรื่อง เมื่อทั้งหมดได้เห็น แหม่ม สาวถูกฆ่าตายโดยอสูรกายตนนั้น แต่พอทุกคนที่เข้าไปช่วยเหลือกลับเจอแต่ความว่างเปล่า ทั้งๆ ตอนกลางวันที่ผ่านมายังคราคร่ำไปด้วยผู้คน แต่ทุกคนต้องเก็บความกลัวเอาไว้ มิหนำซ้ำยังเจอผียายแก่ตาแก่ขายข้าวแกงหลอกจนต้องวิ่งหน้าตั้ง และยังถูกนายอำเภอ (ดี๋ ดอกมะดัน) และลูกน้องไล่ยิงอีกด้วย ทั้ง 4 ต้องวิ่งหนีนายอำเภออย่างไม่คิดชีวิตจนพลัดหลงเข้าไปในหมู่บ้านของคนป่า แต่พระเจ้ายังเข้าข้างเมื่อหัวหน้าหมู่บ้านยอมใช้ชีวิต แต่ต้องใช้ชีวิตและความเป็นอยู่เช่นเดียวกัน มิฉะนั้นมีทางเลือกอีกทางเดียวคือความตาย ในเมื่อไม่มีทางเลือกในขณะที่ lถานการณ์กำลังจะเป็นไปได้ด้วยดี สาวชาวป่าถูกฆ่าตายโดยอสูรกายตัวเดิม แต่ทุกคนคิดว่าเป็นฝีมือของชายแปลกหน้าที่เพิ่งมาเยือน จึงทำให้ทั้ง 4 ต้องหนีตายอย่างทุลักทุเลด้วยผ้าห่อกายเพียงน้อยนิด แบบชุดผ้าเตี่ยวของคนป่า ในที่สุดนักสืบจำเป็นอย่าง เทพ เด่น มาด ระ ก็มาพบกระท่อมหลังหนึ่งที่มีศพนอนเรียงรายนับไม่ถ้วน ทุกคนในกระท่อมช่วยกันชำแหละและหั่นศพเหล่านั้นออกเป็นชิ้นๆโดยไม่มีความสะทกสะท้านหรือเกรงกลัวต่อกฎหมายแต่อย่างใดทั้ง 4 จึงบุกเข้าไปในกระท่อม เพื่อจับกุมทั้งหมดไปส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดี เพราะแน่ใจว่ากลุ่มคนเหล่านี้คือฆาตรกรอย่างแน่นอน ทุกคนปฏิเสธพร้อมทั้งบอกความจริงว่า ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อช่วยเหลือ หลวงพ่อ (กรุง ศรีวิไล)เนื่องจากเมรุของวัดมีที่อยู่ไม่พอที่จะเผาศพคนตายหลายคนที่มีมากมายวันละหลายๆ ศพหลวงพ่อจึงขอบิณฑบาตเพื่อให้ชาวบ้านที่มีใจบุญกุศลต้องถูกจับดำเนินคดี แต่นักสืบจำเป็นทั้ง 4 ไม่ยอม พร้อมทั้งนิมนต์เอาตัวหลวงพ่อส่งให้กับตำรวจพร้อมชาวบ้านทั้งหมด แล้วค่อยพิสูจน์ความจริงกันบนศาล ในขณะที่ทุกคนกำลังเดินทางออกจากวัด อสูรกายก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่หอระฆัง เหตุการณ์จะลงเอยอย่างไร
แฟนฉัน (2546/2003) เรื่องราวในวัยเด็กของ "เจี๊ยบ" ที่มีเพื่อนสนิทคือ "น้อยหน่า" เด็กหญิงข้างบ้าน ที่เป็นเพื่อนเล่นมาด้วยกันตลอด แต่เด็กชายก็อยากมีเพื่อนๆ ผู้ชาย และเล่นตามประสาเด็กชายบ้าง ทำให้เขาหันไปเข้ากับกลุ่มเด็กชายจอมซ่า ที่มี "แจ๊ค" เป็นหัวโจก ทว่าการเข้ากับกลุ่มของแจ๊ค กลับทำให้น้อยหน่าเพื่อนรักต้องเสียใจ และยังทำให้เจี๊ยบพลั้งพลาดทำร้ายจิตใจของน้อยหน่าโดยไม่ตั้งใจ กว่าเจี๊ยบจะรู้ตัวว่าทำให้น้อยหน่าเสียใจ เธอก็ย้ายบ้านไปเสียก่อนที่เขาจะได้เอ่ยปากคำว่าขอโทษออกมา หลังจากย้ายบ้านไปเป็นเวลานาน เจี๊ยบได้กลับมาอีกครั้งเพื่อร่วมงานแต่งงาน ของ น้อยหน่า ความทรงจำในวัยเด็กที่เคยเลือนราง แต่เมื่อหลับตาลง ความทรงจำต่างๆ กลับค่อยๆ แจ่มชัดเหมือนเพิ่งผ่านไปเมื่อไม่กี่วันก่อน เจี๊ยบกับน้อยหน่า บ้านของทั้งสองอยู่ติดกันจึงเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่เด็ก เหตุนี้ทำให้เจี๊ยบติดสอยห้อยตามน้อยหน่า และคลุกตัวอยู่กับเพื่อนผู้หญิง จนทำให้แก๊งเพื่อนผู้ชายยั่วเย้าให้หัวเสียอยู่บ่อยๆ แต่เมื่อเริ่มโต เจี๊ยบก็เริ่มอยากเที่ยวเล่นแบบเด็กผู้ชาย จึงพยายามพิสูจน์ตัวเองแม้จะทำให้น้อยหน่าเสียใจก็ยอม เจี๊ยบเพียรมาด้อมๆ มองๆ บ้าน น้อยหน่าเพื่อหาโอกาสกล่าวคำขอโทษ กระทั่งยอมมาตัดผมกับพ่อน้อยหน่าที่บ้านก็ยอม แต่จนแล้วจนรอด เจี๊ยบก็ยังไม่ได้ขอโทษสักที จนถึงวันที่น้อยหน่าต้องย้ายบ้านไปอยู่ที่จังหวัดอื่น
คลับซ่า ปิดตำราแสบ (2546/2003) เมื่อผู้บริหารคนใหม่ของโรงเรียนสมชาย - สายสมรวิทยา ต้องการพลิกโฉมหน้าของโรงเรียน ซึ่งมีประวัติก่อตั้งยาวนานกว่า 53 ปี ให้กลายมาเป็นโรงเรียนชายล้วน และหญิงล้วนให้ได้ ท่ามกลางเสียงคัดค้านของอาจารย์รุ่นเก่า และบรรดาลูกศิษย์ทั้งหมด กลุ่มผู้บริหารจึงยื่นเงื่อนไขว่า ทุกคนจะต้องทำชื่อเสียง และผลกำไรมาสู่โรงเรียน ให้ได้ภายในเทอมแรก หากไม่เป็นไปตามเงื่อนไข ทางผู้บริหารก็จะเปลี่ยนแปลงนโยบายทันที ทั้งลูกศิษย์และอาจารย์จึงต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อพลิกสถานการณ์วิกฤต ให้กลับมาเหมือนเดิม แม้จะมีความหวังเพียงน้อยนิดก็ตาม... ท่ามกลางบรรยากาศซึมเศร้า.. แต่แล้ว โรงเรียนก็เกิดมีสีสันขึ้นมา เมื่อมีเด็กหนุ่มรูปหล่อชื่อ โด่ง (แทค - ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม) ก้าวเข้ามาเป็นนักเรียนใหม่ ที่โรงเรียนสมชายสายสมรวิทยาด้วยมาดเท่ โดนใจบรรดานักเรียนหญิงเข้าอย่างจัง มิหนำซ้ำยังมีแนวโน้มว่าจะคว้า แป้ง (ต้อง - ศุภัชญา รื่นเริง) ที่ ตึ๋ง (โก้ บีมิกซ์ - จตุโชค หวังสุวรรณกิจ) หนุ่มแหยประจำโรงเรียน แอบหลงรักมาตั้งแต่ ป.1 ไปครองอีก สร้างความขัดใจกับตึ๋งเป็นที่สุด โอ๊ต (เจเจ - เจตต์ กลิ่นประทุม) ไอคิวต่ำ และ แท็ต (แจ๊ค - บริวัตร อยู่โต) หนุ่มฟันเหยินหน้าผี ก็คอยเป็นลูกยุตลอดเวลา ทำให้ตึ๋งไม่สบอารมณ์ และตั้งตัวเป็นศัตรูกับโด่งไปโดยปริยาย ด้วยความซ่าและเท่แบบเกินพิกัดของโด่ง กลายเป็นที่ถูกใจบรรดาหญิงทั้งโรงเรียน ทำให้บรรดาหนุ่มเห่ยทั้งหลาย พากันมาขอร่ำเรียนวิชา จนโด่งต้องเปิด "คลับซ่า" ขึ้นมาแบบลับๆ ที่โรงยิมร้างหลังโรงเรียน รับโมดิฟายชายหนุ่มทั้งหลาย เพียงไม่กี่วัน สมาชิก "คลับซ่า" ก็ล้นทะลัก ไม่เว้นแม้แต่ สาลี่ (กิ๊บซี่ - วนิดา เติมธนาภรณ์) ซึ่งถูก พิงค์ (โบว์ - ยุคลธร พินิจ) ปฏิเสธไม่ให้เข้าร่วมชมรมเชียร์ลีดเดอร์ เพราะความเห่ย ก็ตบเท้าเข้ามาเป็นสมาชิกหญิงเดียวในคลับ ทุกคนที่เข้าไปทำการฝึกกับโด่งใน "คลับซ่า" ล้วนดูดีขึ้นทั้งนั้น ทำให้ ตึ๋ง, แท็ต และ โอ๊ต ซึ่งเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลง ของบรรดาเพื่อนเห่ยๆ ของตนเริ่มใจคอไม่ดี อยากเข้า "คลับซ่า" ก็อยาก แต่ก็กลัวเสียฟอร์ม เลยไม่มีใครเอ่ยปากขึ้นก่อน.. แต่แล้วจู่ๆ แท็ตที่เพื่อนๆ ล้อว่าเป็นหนุ่มหน้าผี ก็เกิดหน้าเด้งขึ้นมาผิดหูผิดตา ตึ๋งและโอ๊ตเลยจับได้ว่าที่แท้ แท็ตแอบไปเข้า "คลับซ่า" มาแล้ว แท็ตเลยต้องยอมรับว่า เพราะตนอยากจะเป็นแฟนกับพิงค์ เชียร์ลีดเดอร์ในฝัน เลยต้องทำการโมดิฟายตัวเอง โอ๊ตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเพื่อน เลยตัดสินใจจะไปเข้าคลับซ่าบ้าง เพื่อให้โด่งสอนวิธีเอาชนะใจ โย (อุ้ย - จารุพรรณ ตั้วเครือ) หวานใจซึ่งเป็นทอมโหดของตนเหมือนกัน แม้ตึ๋งจะพยายามยับยั้ง ไม่ให้เพื่อนไปรวมกลุ่ม "คลับซ่า" แต่ก็ไม่เป็นผล วันหนึ่ง โด่งกำลังมีเรื่องกับอดีตคู่ปรับเก่า ในโรงเรียนดัดสันดาน บังเอิญตึ๋งขับรถเวสป้าผ่านมาพอดี เลยช่วยโด่งไว้ได้ทัน โด่งรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ จึงเสนอตัวช่วยให้ตึ๋งสมหวังกับแป้ง แต่ตึ๋งไม่รับ และยืนยันว่าจะทำให้แป้งรักด้วยตัวเอง ทำให้โด่งเห็นถึงความซ่าที่ซ่อนอยู่ในตัวตึ๋ง ทำให้โด่งคิดหาวิธีดึงออกมา เพื่อช่วยให้ตึ๋งได้สมหวังในความรัก โด่งคิดจัดงานปาร์ตี้ "คลับซ่า" เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเพื่อนๆ และที่สำคัญ ต้องการกระตุ้นให้ตึ๋งกล้าที่จะดึงความสามารถ ที่ตัวเองซ่อนอยู่ข้างใน ออกมาให้ทุกคนได้เห็นให้ได้ จากนั้นจึงกระจายข่าวงานปาร์ตี้กันแบบลับๆ บัตรเข้างานถูกกระจายไปแบบหมดเกลี้ยงภายในพริบตา.. ในวันงาน มีการเปิดตัวบรรดาหนุ่มๆ ที่ผ่านการโมดิฟายแล้ว ให้ทุกคนได้เห็นบนเวที และด้วยแผนอันแยบยลของโด่ง ทำให้บรรดาเพื่อนทุกคน กำลังเข้าใจกันได้ด้วยดี แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพราะมีบรรดากลุ่มกระเทยคาบข่าวงานปาร์ตี้ลับๆ ในครั้งนี้ไปฟ้องอาจารย์ กลุ่มอาจารย์เลยบุกเข้ามาใน "คลับซ่า" สั่งปิดงานทันที พร้อมกับประกาศแยกตัวโรงเรียน ออกเป็นโรงเรียนชายล้วน และโรงเรียนหญิงล้วน อย่างเป็นทางการ โด่งถูกเรียกไปทำทัณฑ์บน หากทำผิดแค่ครั้งเดียวจะต้องโดนไล่ออก ส่วนตึ๋งซึ่งเข้าใจว่าสิ่งที่โด่งต้องการจะทำ ไม่ใช่แค่การไล่จีบหญิง แต่เป็นการทำให้เด็กที่ขึ้นชื่อว่า ไม่เอาไหน ได้รู้จักคำว่า Go For It พวกตึ๋งพยายามปลุกระดมให้ทุกคนเห็นด้วย แต่ทุกคนก็ตกอยู่ในสถานการณ์กล้าๆ กลัวๆ แล้วสถานการณ์เลวร้ายก็เกิดขึ้น เมื่อกลุ่มคนร้ายที่หนีตำรวจ บุกเข้ามายึดโรงยิม หรืออดีต "คลับซ่า" ของเด็กๆ โดยจับตัวนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งเป็นตัวประกัน โดยหนึ่งในนักเรียนกลุ่มนั้น มีแป้งรวมอยู่ด้วย ตึ๋งรู้เข้าจึงขอร้องให้โด่งหาทางช่วยแป้งออกมา.. แม้โด่งจะถูกทำทัณฑ์บน แต่เพื่อเพื่อน โด่งจึงตัดสินใจร่วมมือกับตึ๋ง วางแผนเข้าไปชิงตัวประกันออกมา โด่งกับตึ๋งเกือบจะเพลี้ยงพล้ำ แต่ในช่วงวินาทีหน้าสิ่วหน้าขวาน สมาชิกชาว "คลับซ่า" ทุกคน ก็บุกฮือกันเข้ามาเพื่อช่วยเหลือ ด้วยแผนอันชาญฉลาดของโด่ง บวกกับความกล้าหาญของตึ๋ง และพลังของลูกผู้ชาย "คลับซ่า" ทุกคน สามารถสยบคนร้ายได้สำเร็จ ในขณะที่ทุกคนกำลังฮือฮากับความสำเร็จอยู่นั้น ผู้บริหารก็ออกมาประกาศว่า ถึงแม้โด่งจะช่วยกู้สถานการณ์เลวร้ายของโรงเรียนไว้ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นการละเมิดทัณฑ์บน โด่งจึงต้องถูกไล่ออก!! เมื่อสถานการณ์กลับพลิกผัน กลุ่ม "คลับซ่า" จะร่วมต่อสู้เรียกร้อง ให้โด่งพ้นจากการถูกไล่ออกหรือไม่...
คนบอ ผีบ้า ป่าช้าแตก (2546/2003) เลอเลิศ (กรรชัย กำเนิดพลอย) มีเหตุบังเอิญให้ต้องมาปักหลักอยู่ในหมู่บ้านเนินยายอูม หมู่บ้านเล็ก ๆ บนไหล่เขาในจังหวัดชัยภูมิ อันมี วัดป่าตะเคียนแดง อารามสถานอันงดงามด้วยทัศนียภาพตามธรรมชาติ และพระภิกษุผู้เคร่งครัดในศีลธรรม แต่สิ่งที่เป็นที่ขึ้นชื่อลือชามากกว่าเรื่องใด ๆ ก็คือ 'ความเฮี้ยน' ของบรรดาภูติผีปีศาจ ที่พาเอาหลายคนขยาดกันเป็นทิวแถว นอกจากนี้ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ยังเป็นที่รวมของคนหลากประเภท ที่ล้วนแล้วแต่แสบ ๆ คัน ๆ กันไปคนละแบบสองแบบ และเมื่อความแสบของคน มาเจอกับความเฮี้ยนของผี เมื่อนั้นเรื่องราวความสยอง ปนความบวมส์ในอารมณ์จึงเกิดขึ้น... เลอเลิศเกิดมีความคิดอุตริ อยากจะเอาป่าช้ามาทำเป็นรีสอร์ท และเพราะความที่เป็นคนไม่กลัวผี ก็เลยทำให้แม้พวกผี ๆ จะรู้สึกไม่ชอบใจยังไง ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรเขาได้ เรียกว่าเป็นคนที่สร้างความเอือมระอา ให้กับพวกผีได้อย่างสุด ๆ ก็เลยกลายเป็นที่มาของเรื่องยุ่ง ๆ จนอลเวงกันไปหมดทั้งผีทั้งคน
มวยไทย นายขนมต้ม (2546/2003) นายขนมต้ม (ภาณุทัต รัตนไตร) ลูกชายของนายเกิดและนางอี่ ชาวบ้านกุ่ม แขวงขุนเสนา มีพี่สาวชื่ออีเอื้อย ทั้งสามถูกพม่าฆ่าตายตั้งแต่ขนมต้มยังเด็ก จึงอาศัยอยู่กับหลวงตาคง (เล็ก เฉยสวัสดิ์)วัดปีกกาจนเติบใหญ่ นายขนมต้มถูกอ้ายดำรังแก แต่มี ชายนิรนาม (ดามพ์ ดัสกร) ช่วยไว้ ทำให้ขนมต้มเห็นคุณค่าของแม่ไม้มวยไทย จึงขอร้องให้ชายนิรนามสอนให้แต่ถูกปฏิเสธ นายสอน (ไกร ครรชิต) และ อ้ายดำ ขอท้ามวยกับชายนิรนาม ถึงสองครั้งสองคราแต่ถูกปฏิเสธ ขนมต้มขอสู้กับอ้ายดำและเป็นฝ่ายชนะ นายสอนผู้เป็นพ่อจึงขอแก้มือ และทำให้รู้ว่า ชายนิรนามคือคนที่เขาตามหา หวังให้ร่วมรับศึกกับพม่า ทำให้ทั้งหมดร่วมใจกันคิดสู้พม่า และหลังจากนั้น ขนมต้มกับอ้ายดำ ก็เป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่นั้นมา จากนั้น ขนมต้มได้ลาหลวงตาคง เดินทางร่วมกับอ้ายดำไปป่าโมก เพื่อฝึกวิชามวยเพิ่ม โดยขนมต้มไปอาศัยอยู่กับ ทองอยู่ (นิวัติ พิบูลย์ศิริ) และนางยมซึ่งเป็นญาติ ขณะที่อ้ายดำไปหาครูเสา (มีศักดิ์ นาครัตน์) ข่าวข้าศึกพม่าประชิดกรุงศรีฯ และจะมีทัพพม่าผ่านทางป่าโมก พันเพชร (ยอดชาย เมฆสุวรรณ) กับ ครูสุก (สมชาติ ประชาไทย) ได้วางแผนดัน อ้ายเปลว (สุเมธ อ่อนนวล) เป็นนายทัพ โดยเรียกครูเสากับทองอยู่มาประชุม ครูเสาได้ต่อว่าครูสุก ที่ให้อ้ายเปลวออกไปรบกับพม่า โดยไม่ให้พวกตนไปด้วย ครูสุกบอกว่าพวกครูเสาเป็นเพียงทัพหลัง หาใช่ดั่งอ้ายเปลว ที่เป็นเหมือนนายทัพ และกล่าวว่าหากคิดว่ามีฝีมือดีก็ลองดู... วันต่อมา อ้ายดำและ อ้ายเทียบ (เฉลิมชัย สายทอง) นำพวกแอบซุ่มโจมตีฆ่าพม่าได้ยี่สิบคน แต่อ้ายดำได้รับบาดเจ็บ ครูสุกจึงมีความโกรธแค้น ที่อ้ายดำและอ้ายเทียบพร้อมพรรคพวก ทำได้เช่นเดียวกับอ้ายเปลว อีกทั้งทราบข่าวว่า ขนมต้มกับออนุ่น ซึ่งเป็นฝ่ายสอดแนม กำลังเดินทางไปกรุงศรีฯ จึงตามไปดักรอในป่าที่โพงเพง เมื่อประจันหน้ากันแล้ว ครูสุกได้ใช้แม่ไม้มวยไทยกับขนมต้มจนได้รับบาดเจ็บ และฆ่าออนุ่นตาย เหตุเพราะต้องการทราบว่า ขนมต้มเรียนแม่ไม้มวยไทยมาจากใคร เพราะคนๆ นั้นคือคนที่ครูสุกตามหาอยู่ อีกทั้งหมายจะฆ่าขนมต้มด้วย แต่ชายนิรนามมาช่วยไว้ทัน เมื่อทุกคนทราบว่า ครูสุกดักทำร้ายขนมต้มและฆ่าออนุ่นตาย จึงมีความโกรธแค้นและยกพวกมาจับครูสุก ครูสุกขัดขืนและหนีไป ส่วนอ้ายเปลวโดนจับและกักตัวไว้ แต่ จั๊กกะจั่น (บุญธิดา นาคเจริญ) แอบมาช่วยให้อ้ายเปลวหนีไป หลังจากทุกคนทราบว่า ครูสุกและอ้ายเปลวหักหลังคนไทยด้วยกัน โดยอ้ายเปลวนำทัพพม่าบุกป่าโมก จึงให้ขนมต้มกับอ้ายมิ่งขึ้นกรุงศรีฯ ขออาวุธและทหารมาช่วย แต่ระหว่างทาง เจอครูสุกดักรอขอประลองมวย ครูสุกแพ้จึงคิดใช้ดาบฆ่าขนมต้ม แต่ชายนิรนามมาช่วยไว้ทัน และฟันครูสุกคอขาดกระเด็น จากนั้นทั้งสองจึงเดินทางต่อ แต่ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ฝ่ายป่าโมก โดนพม่าซึ่งมีอ้ายเปลวเป็นคนนำทัพโจมตี ทำให้นายสอน, ครูทองอยู่, ครูเสา, จั๊กกะจั่น, มะขาม, อ้ายดำ ตายสิ้น รวมทั้งพันเพชรด้วย ทำให้อ้ายเปลวเกิดความละอายใจ และด้วยความแค้น จึงวิ่งไล่ฆ่าพม่าและคนไทยด้วยกันโดยไม่ยั้งคิด กรรมตามสนองอ้ายเปลวคนขายชาติ มังทอคะยา (อาคะเน บุญเกิด) สั่งจับอ้ายเปลวเป็นเชลย รวมกับคนไทยคนอื่นด้วย ที่ค่ายกักกัน มีการเกณฑ์เชลยไทยมาสร้างเจดีย์หลวง ตามความประสงค์ของพระเจ้ามังระ (ครรชิต ขวัญประชา) ขนมต้มกลายเป็นเชลยศึก และเมื่อทราบเรื่องราวต่างๆ จากอ้ายโตจึงเกิดความเดือดดาล เมื่อเจอกับอ้ายเปลว ทั้งคู่จึงต่อสู้กันด้วยลีลาแม่ไม้มวยไทย แต่ มังสุรนาถ (สมเกียรติ พัฒนทรัพย์) มาห้ามไว้และกล่าวว่า เหตุใดคนไทยจึงชอบมีเรื่องวิวาทกัน และสั่งให้ทั้งสองสู้กัน หากใครแพ้จะถูกบั่นหัวเสียบประจาน ผลออกมาขนมต้มเป็นฝ่ายชนะ เพื่อไม่ให้เป็นการขายหน้าแผ่นดินไทย ขนมต้มจึงต่อยอ้ายเปลวจนตาย ตายด้วยน้ำมือคนไทยด้วยกัน ดีกว่าถูกพม่าบั่นคอเสียบประจาน ตราบจนถึงวาระที่พระเจ้ามังระจัดฉลองพระเจดีย์ จึงได้มีพระราชโองการให้เบิกตัวนายขนมต้มจากที่คุมขัง มาแสดงฝีมือมวยไทยหน้าพระที่นั่ง โดยมีเดิมพันว่า หากขนมต้มแพ้จะถูกบั่นคอ แต่หากชนะขนมต้มประสงค์สิ่งใดก็ทูลขอได้ การต่อสู้มวยไทยของขนมต้ม เป็นไปตามลีลาแม่ไม้มวยไทยที่เป็นต้นตำรับขนานแท้ จนเอาชนะพม่าได้ถึงสิบคน ในเวลาเพียงกะลายังไม่จมน้ำ พระเจ้ามังระทรงให้รางวัลแก่ขนมต้ม เป็นนางสนมถึงสองคนเพื่อไปทำเมีย แต่ขนมต้มปฏิเสธและทูลขอให้พระเจ้ามังระ ทรงพระราชทานอภัยโทษแก่คนไทยได้เป็นอิสระ ไม่ตกเป็นเชลยของพม่าอีกต่อไป พระเจ้ามังระเป็นกษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ ทรงปลดปล่อยคนไทยเป็นอิสระจากการตกเป็นเชลยศึกของพม่า และทรงตรัสชมขนมต้มว่า "คนไทยนี้มีพิษสงรอบตัว แม้มือเปล่ายังเอาชนะคนได้ถึงเก้าคนสิบคน นี่หากว่ามีเจ้านายดี มีความสามัคคีกัน ไม่ขัดขากันเอง และไม่เห็นแก่ความสุขส่วนตัว และโคตรตระกูลแล้ว ไฉนเลยกรุงศรีอยุธยาจะเสียทีแก่ข้าศึก ดั่งที่เห็นอยู่ทุกวันนี้"
ศพใต้เตียง (2546/2003) สุเชาว์ (พิเศก อินทรครรชิต) เซลล์แมนหนุ่มที่อานคตไกล โดยมีดาริน (อริศรา วงษ์ชาลี) แฟนสาวที่ทำงานที่เดียวกัน ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองกำลังเป็นไปได้ด้วยดี จนกระทั่งเพ็ญพรรณ(ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) ผู้จัดการคนใหม่ก้าวเข้ามาพร้อมหยิบยื่นอนาคตการงานอันสวยหรูให้สุเชาว์ โดยต้องแลกกับความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง แต่เรื่องทั้งหมดก็หาได้พ้นสายตาของดาริน ทุกเรื่องได้ประดังเข้ามาหาเธอ ทั้งความรักและเรื่องของการตัดสินใจบางอย่างชีวิตของดารินตกอยู่ในฝันร้าย โดยมีภาพของเพ็ญพรรณและสุเชาว์คอยหลอกหลอน เช่นเดียวกับสุเชาว์ที่ต้องตกอยู่ในภาพฝันร้ายของเขาไปตลอดกาล...กับภาพฝันร้ายของใครบางคนที่นอนรอเขาอยู่ ณ ใต้เตียง
นายอโศกกับนางสาวเพลินจิต (2546/2003) “นายอโศกกับน.ส.เพลินจิต” หนึ่งในภาพยนตร์ไทยประจำปี 2546 ที่ “สหมงคลฟิล์ม” ตั้งใจนำเสนอเป็นพิเศษในฐานะตัวสอดแทรกที่แตกต่างจากหนังไทยที่คุ้นตา โดยหวังให้เป็นทางเลือกใหม่ของหนังไทยในยุคนี้ที่คอหนังก็มีโอกาสที่จะเลือกลองสัมผัสกับบางสิ่งบางอย่างที่ดูแปลกตาได้โดยไม่ผิดกติกา จากฝีมือของ “ทศพล ศิริวิวัฒน์” นักคิด ครีเอทีฟ พิธีกร นักเขียน นักแสดงหนุ่มเลือดถา’ปัดที่คนทั่วไปรู้จักกันดีในฉายา “ทศ 108 มงกุฎ” พลิกตัวใส่เกลียว 2-3 รอบครึ่งรับบทบาทใหม่ถอดด้ามเป็นครั้งแรกในชีวิตในฐานะ “ผู้กำกับภาพยนตร์” แถมพ่วงตำแหน่งคนเขียนบทติดตัวมาด้วยเป็นทูอินวัน โดยได้ผู้กำกับอย่าง “พีระพันธ์ เหล่ายนตร์” (ผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง “กำเพง” และมือตัดต่อ “เกิร์ลเฟรนด์ฯ”) มาร่วมบรรจงถ่ายทอดเรื่องราวบิดๆ เบี้ยวๆ ของผู้คนในสังคมเมืองภายใต้การจัดวางเหลี่ยมมุมองศาที่แตกต่างจากมุมมองเดิมๆ ที่แสนคุ้นตามาสัมผัสกับรสชาติใหม่ๆ ของหนังไทยที่ท้าให้คุณลิ้มลอง เรื่องราวของคนบ้าหนังสือ “How to” 2 คนที่บังเอิญมาเจ๊อะกัน สานฝันร่วมกัน แต่ต่างกันตรงที่ว่าคนหนึ่งนั้นเสาะหาทุกวิธีเพื่อฆ่าตัวตาย อีกคนรวบรวมทุกกลเม็ดเด็ดซะเพื่ออยากรวย แล้วคุณคิดว่าอะไรล่ะที่มันควรจะเกิดขึ้น “เกี้ยง” (เติ้ล-ตะวัน จารุจินดา) ชายหนุ่มชนชั้นกลางผู้เบื่อหน่ายกับชีวิต แถมยังพ่ายรักจาก “ลิลลี่” นางแบบสาวเกรดบีชนิดบ่ท่า ทำให้สมองของชายหนุ่มฉุกคิดเพียงสิ่งเดียวคือยุติชีวิตของตัวเองเพื่อประชดรัก โดยศึกษาวิธีตายจากหนังสือ “How to Kill Yourself Softly” แต่ทำยังไงก็ไม่สำเร็จจนกระทั่งการปรากฏของสาว “อ้อน” (แน๊ท วรรธนะภัฏ) หญิงสาวพนักงานร้านสะดวกซื้อ น่ารัก ฉลาด จอมวางแผน ชอบอ่านหนังสือ “How to Get Rich By Yourself” เธอผู้มีปรารถนาอย่างแรงกล้าจนถึงกับตั้งมั่น มุ่งมั่น และอาจจะไปไกลจนถึงหมกมุ่นมากถึงมากที่สุดกับความต้องการเพียงหนึ่งเดียวในชีวิต นั้นคือต้องรวยเท่านั้น!!! จึงไม่น่าแปลกใจถ้าคุณเห็นสาวน้อยหน้าตาดีที่มีบุคลิกพิเศษคือการใช้เวลาว่างในการเป็นเด็กแจก Sampling ตัวอย่างสินค้าทดลองใช้, สาวพริตตี้หน้ามน จนถึงเป็นสาวพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าหลากแบรนด์ภายใต้คติพจน์ “เงินเท่านั้นคือพระเจ้า” ซึ่งแท้จริงแล้วเธอนั้นเป็นเพียงนางฟ้าหรือปีศาจชั่วนิรันดร์ที่สวรรค์เบื้องบนส่งมาให้เขากันแน่…
จ.เจี๊ยวจ๊าว (2546/2003) จ..เจี๊ยวจ๊าว เป็นเรื่องราวของ เบิ้ม เด็กหนุ่มซื่อบื้อคนหนึ่ง ที่อยู่ดี ๆ ก็พยายามปล้ำสาวเพื่อนซี้ ตามแรงยุของกลุ่มเพื่อนผู้ชาย แต่ไม่สำเร็จ ซ้ำถูกเพื่อสาวถีบเข้าที่เป้าอย่างจัง อันบันดาลให้เกิดสิ่งประหลาด เมื่อน้องชายตรงหว่างขาของเขา สามารถสื่อสารกับเขาได้ แถมน้องชายซึ่งแสนจะเก็บกด และต้องการจะแอ้มหญิงให้ได้สักคน ก็อาละวาดไม่ยอมหยุด ทำให้เด็กหนุ่มต้องพยายามแก้ไขสถานการณ์ความวุ่นวายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากความทะเล้น และความฮาไร้ขีดจำกัดของเจ้า จ..เจี๊ยวจ๊าว ท่ามกลางการยุยงจากกลุ่มเพื่อนชายจอมทะเล้น เด็กหนุ่มจะสามารถเอาชนะความซน และการก่อกวนจากน้องชายจอมทะลึ่งของเขาได้อย่างไร และเขาจะได้รู้จักกับความรักที่แท้จริงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของจิตใจ และกำลังใจจากความรักที่แท้จริงเท่านั้น.
คู่แท้ปาฏิหาริย์ (2546/2003) ทานน้ำ (ณัฐฐาวีรนุช ทองมี) ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่ออกจะเชย ๆ เธอมักจะทำอะไรเปิ่น ๆ เป๋อ ๆ อยู่ตลอดเวลา และเพราะไม่ค่อยสุงสิงกับใครนัก ทำให้เธอไม่ค่อยมีเพื่อน แต่เธอก็แอบหลงรักรุ่นพี่ ที่เรียนมาด้วยกัน เขาชื่อว่า พี่เอก (ปิยะ วิมุกตายน) เธอคอยตามเขา ไม่ว่าเขาจะเรียนที่ไหน ทำงานอะไร แม้ตัวเธอจะไม่ชอบสักเท่าไหร่ แต่เพราะเขาคนเดียวเท่านั้น ที่เธอใฝ่ฝันว่าจะได้ใกล้ชิด และหากเรื่อง 'ปาฏิหาริย์' ไม่ได้เกิดขึ้นกับชีวิตเธอ เธอก็คงได้แต่แอบรักเขาอย่างนี้เรื่อย ๆ ในวันปีใหม่ น้ำตั้งใจจะสารภาพรักกับพี่เอกตามที่ ตุ่น (หทัยรัตน์ เจริญชัยชนะ) เพื่อนเพียงคนเดียวของเธอแนะนำ แต่ทุกอย่างก็ผิดพลาดไปหมด น้ำจึงได้แต่นั่งเหงา และรู้สึกท้อแท้กับชีวิตที่ไม่มีอะไรดีขึ้นมา แม้แต่งานโฆษณาที่เธอทำ ก็เกิดความผิดพลาดจนถูกต่อว่าเหมือนเคย แต่ครั้งนี้มันเกิดร้ายแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา น้ำต้องตกอยู่ในอันตราย เธอได้แต่เปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ในวินาทีนั้นเอง ชายหนุ่มรูปหล่อขี่ม้าขาวมาช่วยชีวิตเธอไว้ และไม่ใช่ครั้งเดียว เขาปรากฎตัวช่วยเธอถึงสามครั้งในวันเดียวกัน น้ำ ทั้งแปลกใจและประหลาดใจที่ชายหนุ่มรูปหล่อที่มาช่วยเธอคือ หมูตอน (เจษฏาภรณ์ ผลดี) เด็กอ้วนหุ่นฮิปโปเมื่อสมัยเรียน เขาเปลี่ยนไปจนน้ำจำไม่ได้ น้ำได้แต่สงสัยว่า ทำไมหมูตอนถึงปรากฎตัวช่วยเธอได้ทุกครั้ง หมูตอนบอกว่าที่เขามาช่วยน้ำ ก็เพราะคำมั่นสัญญาที่เขาเคยให้ไว้ ถ้าน้ำต้องการความช่วยเหลือ... เขาจะมา หมูตอนอาสาช่วยทำให้ความรักของน้ำสมหวัง เขาจับเธอแปลงโฉมเป็นสาวสวยคนใหม่ ที่ใคร ๆ ต่างก็ต้องแปลกใจ แต่น้ำก็ยังไม่กล้าทำอะไรด้วยตัวเอง หมูตอนจึงต้องวางแผนสารพัด ทำให้พี่เอกหันมาสนใจ และรักเธอให้ได้ ระหว่างนี้เอง ความสนิทสนมและความผูกพัน ที่ทั้งสองเคยมีก็กลับมาอีกครั้ง น้ำมีความสุขอย่างประหลาด เธอได้หัวเราะ และร่าเริงขึ้น แม้จะถูกแซวว่าเป็นเพราะเธอมีความรักกับหมูตอน แต่น้ำกลับปฏิเสธว่า เป็นเพราะความรักของพี่เอกต่างหาก ยิ่งน้ำสนิทกับพี่เอกมากเท่าไร หมูตอนก็ยิ่งเงียบหายไปเท่านั้น ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่น้ำคิด ทำให้น้ำรู้สึกแย่ เพราะการหายตัวไปของหมูตอน น้ำพยายามร้องเรียกหาหมูตอนหลายครั้ง แต่เขาไม่เคยแสดงตัวอีกเลย จนวันหนึ่ง น้ำตัดสินใจเดินลงไปบนถนน แล้วหมูตอนก็โผล่มาช่วยเธอจริง ๆ นี่คือสิ่งที่เธอกำลังรอคอย และต้องการให้เกิดขึ้นจริง ๆ หมูตอนต่อว่าน้ำที่ทำอะไรโง่ๆ อย่างนี้ น้ำขอให้หมูตอนอย่าจากเธอไปอีก ...เขาให้สัญญา ความห่างเหินของน้ำ ทำให้พี่เอกกลับมาหาน้ำ แต่ครั้งนี้ต่างจากทุกครั้งเพราะความกดดัน ทำให้พี่เอกล่วงเกินน้ำ น้ำขัดขืนจนโรคหัวใจของเธอกำเริบ เธอแน่นหน้าอก และหายใจไม่ออก พี่เอกได้แต่ตกใจทำอะไรไม่ถูก ขณะที่น้ำกำลังจะแย่... น้ำฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาล หมูตอนเป็นคนพาน้ำมาอีกแล้ว เขาจึงได้รู้จากหมอว่า หัวใจของน้ำกำลังแย่ ต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจโดยเร็วที่สุด หมูตอนไม่รู้จะช่วยน้ำได้ยังไง สิ่งที่ทำได้เพียงอย่างเดียว คือทำให้น้ำมีความสุขที่สุด ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ หมูตอนทำทุกอย่างเพื่อให้น้ำมีความสุข นับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของน้ำ หมูตอนสารภาพรักกับน้ำ น้ำเองก็เพิ่งรู้ใจตัวเองว่า เธอรักหมูตอนเช่นกัน ในช่วงเวลาแห่งความสุขนั่นเอง หมูตอนเกิดอาการผิดปกติ เขาเจ็บปวดและทรมาน ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ เลือนหายไปต่อหน้าต่อตาน้ำ สุดท้ายความรักของทั้งคู่จะลงเอยอย่างไร หมูตอนหายไปไหน แล้วทานน้ำจะทำอย่างไร...
หลอน (2546/2003) เรื่องราวอาถรรพ์ และความเชื่อ และตำนานของสิ่งเร้นลับในแต่ละภาคของไทย แบ่งการเล่าเรื่องออกเป็น 4 ภาค ซึ่งแต่ละภาคจะนำเสนอถึงวัฒนธรรมความเป็นอยู่และความเชื่อของภาคนั้นๆ แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนไทยที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน และมีการใช้ภาษาท้องถิ่นถ่ายทอดเรื่องราวเพื่อให้ดูสมจริง ผีโพง เรื่องเล่าของของภาคเหนือ ที่เล่าขานสืบต่อกันมาว่าผีโพงเกิดมาจาก "ว่านยา" ของผู้มีอาคมที่เลี้ยงเอาไว้ เมื่ออาคมแก่กล้ามากขึ้นว่านยาจะกลายร่างเป็น "ผีโพง" ที่ลักษณะเหมือนเจ้าของอาคมออกหาสัตว์เล็กๆ กิน ปกติผีโพงจะไม่ทำร้ายใคร จะทำร้ายก็ต่อเมื่อมนุษย์ผู้นั้นรู้ตัวตนจริงของผีโพงว่าเป็นใคร นางตะเคียน ผีภาคกลาง จะถ่ายทอดเรื่องราวของหญิงสาวที่ถูกฆ่าตายใต้ต้นตะเคียน วิญญาณของเธอจึงอาฆาต และรอวันล้างแค้นคนที่ทำร้ายเธอ พรายตานี เรื่องราวของวิญญาณหญิงสาวที่มีห่วงไม่ยอมไปผุดไปเกิด เธออาศัยอยู่ในต้นกล้วย หากมีชายใดที่หลงเข้ามาเธอจะใช้เสน่ห์ร่ายมนตร์เพื่อผูกมัดเขา แต่ถ้าความรักถูกขัดขวางเธอจะดุร้ายทันที ด้าน ปอบ ผีภาคอีสาน เรื่องราวของผู้มีอาคมในหมู่บ้านที่กระทำผิดข้อห้ามที่เรียกว่า คะลำ ทำให้เกิดโทษหนักฐานผิดครู วิญญาณของบรมครูจึงมาลงโทษให้ กลายเป็นปอบ
จังหวัด 77 (2546/2003) ไทยทาวน์ คือ ย่านหนึ่งที่อยู่ใกล้กับฮอลลีวู้ด ในนครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ย่านแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นบ้านหลังหนึ่งของคนไทยกว่า 5 หมื่นคนเลยก็ว่าได้ ที่อพยพเข้ามาในประเทศนี้ ด้วยเหตุที่ย่านนี้เป็นเสมือนประตูเข้าสู่ประเทศอเมริกาสำหรับคนไทย ย่านนี้จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นเสมือนจังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย ครอบครัวคนไทยครอบครัวหนึ่งที่ประกอบกิจการร้านอาหาร ต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อเลี้ยงชีวิตให้อยู่รอด ท่ามกลางสังคมบริโภคนิยมที่มีความเจริญเติบโตที่รวดเร็วมาก ในขณะที่ตัวพวกเขาเอง พยายามคงไว้ซึ่งประเพณีและวัฒนธรรมดั้งเดิมของตัวเองเอาไว้ การต่อสู้ทางวัฒนธรรม ระหว่างความเป็นไทย กับวัฒนธรรมของชาวอเมริกาในย่านชายฝั่งตะวันตก ที่เต็มไปด้วยเพลงฮิพฮอพ ยาเสพติด การแข่งรถบนท้องถนนและความรุนแรงต่างๆ ทั้งหมดนี้ส่งผลให้แพท (ไมค์ กิ่งโพยม) เด็กหนุ่มคนหนึ่งต้องเสียคน[
มหาอุตม์ (2546/2003) มีหลายเหตุผลที่ทำให้ “มหาอุตม์” เป็นภาพยนตร์ไทยหวังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ประจำปี 2546 ที่ไม่ควรพลาด ตั้งแต่การกลับมาร่วมงานกันเป็นครั้งที่ 3 ระหว่าง “สหมงคลฟิล์ม” กับ “อ๊อกไซด์ แปง” หลังจากความสำเร็จมหาศาลของ “คนเห็นผี” (The Eye) เมื่อปีกลาย ภายใต้มุมมองและการนำเสนอในรูปแบบภาพยนตร์แอคชั่นรูปแบบใหม่ โดยผสมผสานระหว่างพิธีกรรม ความเชื่อในเรื่องราวเหนือธรรมชาติ ความเป็นอมตะอยู่ยงคงกระพัน หนังเหนียวฟันแทงไม่เข้า จากการการสักยันตุ์มหาอุตม์ของคนไทยกับจินตนาการในส่วนวิชวลเอฟเฟกต์ทางด้านภาพที่น่าจับตามองมากที่สุดเพื่อเนรมิตฤทธานุภาพ อิทธิฤทธิ์ พลังอำนาจที่เกิดจากยันต์มหาอุตม์ โดยเฉพาะการอุด หยุดลูกกระสุนปืน ยิงไม่เข้า รวมไปถึงฉากแอคชั่นซีนที่โชว์โปรดักชั่นอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะฉากการเผชิญหน้าและการต่อสู้ระหว่างผู้มีพลังมหาอุตม์ และฉากไคลแมกซ์ของภาพยนตร์ ประเด็นที่ภาพยนตร์เรื่อง “มหาอุตม์” ต้องการนำเสนอคือใช่ว่าคนทุกคนที่ผ่านการสักยันต์มหาอุตม์จะได้สัมผัสและรู้ซึ้งถึงพลานุภาพของสิ่งที่เป็นคุณอนันต์หรือโทษมหันต์เหมือนกันทุกคน พลังทุกอย่างในโลกล้วนอุบัติและมีวันดับสูญ หากไม่รู้จักรักษาคุณความดีที่เป็นบ่อเกิดแห่งขุมพลังนั้น ในช่วงปลายทศวรรษที่ 70 “จ่าทองคำ” และ “จ่าขจร” สองเพื่อนรักที่ต่างเคยร่วมสักยันต์มหาอุตม์มาด้วยกันออกปฏิบัติภารกิจลับในชายแดนกับข้าศึกในฐานะทหารรับจ้าง กลับต้องพบกับความสูญเสียครั้งสำคัญเมื่อหน่วยรบของตนถูกข้าศึกทำลายล้างจนสูญสิ้น ในขณะที่กำลังรอความตายโดยไร้ซึ่งกองหนุนจากกองทัพ ทั้งคู่กลับพบว่าพลังมหาอุตม์อยู่ยงคงกระพันชาตรีได้ช่วยพลิกสถานการณ์ให้กลายเป็นโอกาส แต่โดยที่ไม่มีใครคาดคิด พลังที่ไร้ขอบเขตกลับทำให้ทั้งคู่ต้องพบกับความเป็นจริงที่เศร้าสลด อดีตวีรบุรุษของชาติอย่าง “ขจร” (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) หายสาบสูญไปในระหว่างสงครามจากความผิดพลาดบางอย่างที่เกิดขึ้น ส่วน “ทองคำ” (ธีรยุทธ ปรัชญาบำรุง – ขุนแผน, บางระจัน) หรือจ่าทองคำในอดีตเผชิญกับบาดแผลที่ติดค้างอยู่ในหัวใจจนต้องหันไปพึ่งใบบุญของพระธรรม ตัดสินใจบวชตลอดชีวิตเป็นหลวงพ่อทองคำเพื่อเป็นการไถ่บาป พร้อมชุบเลี้ยงเด็กน้อยที่รอดชีวิตจากการเข่นฆ่าในสมรภูมิโดยตั้งชื่อให้ว่า “เจตน์” (ชาติชาย งามสรรพ์) จนเติบใหญ่โดยมี “ชัย” (ชิน ตั้งสกุลสถาพร) เด็กขี้กลัวซึ่งเป็นลูกไล่ของเด็กเกเรอย่าง “ไอ้ดำ” และ “ไอ้เคน” (กัมปนาท แย้มวิมล) เป็นเพื่อนสนิทและน้องชายเพียงคนเดียว เจตน์เรียนรู้และสัมผัสกับแง่มุมของความตายมาตั้งแต่เยาว์วัย แท้จริงแล้วด้วยเด็กน้อยถึงต้องชะตาฆาต แต่ยังคงยืนหยัดมีชีวิตอยู่ได้เพราะได้หลวงพ่อที่คอยต่ออายุขัย เปิดโลกทางธรรม และถ่ายทอดพลังมหาอุตม์เพื่อปกปักรักษาคุ้มกันภัยให้โดยการสักยันต์ แต่เด็กน้อยก็ต้องเรียนรู้ศึกษาเคล็ดวิชาความดี ประพฤติตัวภายใต้เงื่อนไขและกฎข้อห้ามของการฝึกฝนพลังมหาอุตม์ โดยไม่เคยได้รู้ถึงพลังอำนาจแห่งมหาอุตม์อย่างแท้จริง จนกระทั่งเมื่อเริ่มเติบโตขึ้นเป็นหนุ่ม ในระหว่างตรวจดูความเรียบร้อยในสนามยิงปืนที่ตนเองทำงานอยู่ เขาได้พบกับ “มล” (อัญชสา ตั้งมงคลกุล) โปรแกรมเมอร์สาวปากดีที่ไม่กลัวเกรงใครทำปืนลั่นเข้าใส่เจตน์อย่างจัง ดีที่พลังมหาอุตม์คุ้มกันไว้ แต่เมื่อชะตาถูกลิขิตไว้แล้ว ย่อมเป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ ชัยถูกไอ้เคนและไอ้ดำลากเข้าไปในวังวนของยาเสพติดโดยมี “เมธา” (สุเมธ องอาจ) เพลย์บอยนักธุรกิจหนุ่มที่หน้าฉากเป็นเจ้าของกิจการที่ถูกกฎหมาย แต่แท้จริงแล้วเบื้องหลังเป็นผู้ก่อการร้ายสำคัญที่ทางการซึ่งนำโดย “ผู้กองมณฑล” (พิเศก อินทรครรชิต) กำลังหมายหัวและเป็นที่ต้องการตัว และนี่เองที่ทำให้เจตน์เรียนรู้สัจธรรมข้อหนึ่งที่ว่าทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนมีวันดับสูญ เมื่อมหาอุตม์ไม่สามารถป้องกันภัยได้อย่างที่เคย ลูกกระสุนปืนแล่นเข้าสู่ร่างของเจตน์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในขณะที่หลวงพ่อทองคำต้องพบกับฝันร้ายในอดีตอย่างขจรที่ตามมาหลอกหลอนอีกครั้งด้วยอวิชชาแห่งพลังอำนาจที่ประหลาดพิสดารไปมากกว่ายันต์มหาอุตม์ที่คุ้นเคย ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเลวร้ายลงทุกที ความหวาดหวั่นที่หลวงพ่อทองคำเคยคาดการณ์กำลังจะเกิดขึ้น ท่ามกลางวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกลับเกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดเมื่อหลวงพ่อเสียชีวิตจากน้ำมือของขจรเพราะต้องการพิสูจน์ว่า มหาอุตม์ยังคงแกร่งกล้าอย่างที่เคยเป็นหรือไม่ ระหว่างอวิชชากับมหาอุตม์สิ่งใดที่แข็งแกร่งที่สุด และนี่คือจุดเริ่มต้นของ “มหาอุตม์” ศาสตร์วิชาที่มาพร้อมกับความแกร่งกล้าแห่งจิตใต้สำนึกของความดีงามที่พร้อมพลิกทุกชีวิต ตอกย้ำทุกชะตากรรม สิ่งที่เจตน์จะต้องเผชิญไม่ได้เป็นเพียงเคล็ดวิชาที่ทวีคูณพละกำลังเหนืออนันต์อย่างการอาบน้ำว่าน 108 หรือเพิ่มห้วงจิตแห่งพลังศรัทธาเท่านั้น แต่ยังเป็นบททดสอบจิตวิญญาณของสามัญสำนึกแห่งความเป็นคน
เรื่องรัก น้อยนิด มหาศาล (2546/2003) เคนจิ (ทาดาโนบุ อาซาโนะ) ชายหนุ่มชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่ในประเทศไทย เขาครุ่นคิดเรื่องฆ่าตัวตายอยู่ตลอดเวลา วันหนึ่งเขาพบเจอกับ น้อย หญิงสาวชาวไทย ในตอนที่น้องของเธอถูกรถชน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่บ้านพักของเขา พี่ชายของเขาที่หนีความผิดมาจากญี่ปุ่น ถูกเพื่อนยากูซ่าฆ่าตาย เพื่อนพี่ชายเขากำลังจะฆ่าเคนจิ แต่หลังไฟดับ เคนจิเป็นผู้เดียวที่รอดชีวิต เขาเจอน้อยอีกครั้ง ที่ห้องสมุด ที่ทำงานของเขา เมื่อน้อยเอากระเป๋าของเขามาคืน เคนจิไปพักที่บ้านน้อย และเรื่องราวต่าง ๆ ก็ดำเนินไป
คืนไร้เงา (One Night Husband) (2546/2003) สิปาง สาวทันสมัย ได้พบรักกับ นภัทร อาจารย์มหาวิทยาลัย และตัดสินใจแต่งงานกันในเวลาไม่นาน แต่ในคืนวันแต่งงาน นภัทรกลับหายตัวไปอย่างลึกลับ ทำให้สิปางต้องออกตามหา ด้วยความช่วยเหลือของ ชาติชาย และ บุษบา พี่ชายและพี่สะใภ้ของนภัทร ในระหว่างนั้น สิปางก็ได้ใกล้ชิดกับบุษบา และพบว่าหล่อนอยู่ในโลกที่แตกต่างกับเธออย่างสิ้นเชิง สิปาง (นิโคล เทริโอ) หญิงสาวสวยทันสมัย เธอพบรักกับนภัทร (วรวิทย์ แก้วเพชร) ซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยและตกลงแต่งงานกันในเวลาไม่นาน เขาก็หายตัวไปหลังจากได้รับโทรศัพท์ลึกลับในคืนวันแต่งงาน ด้วยความวิตกกังวลกับการหายตัวไปของนภัทร สิปางจึงเริ่มออกติดตามหา ด้วยความช่วยเหลือของชาติชาย (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) และบุษบา (สิริยากร พุกกะเวส) พี่ชายและพี่สะใภ้ของนภัทร ในระหว่างนั้น สิปางได้พยายามเข้ามาใกล้ชิดกับบุษบาเพื่อค้นหาความจริงเกี่ยวกับนภัทร เธอพบว่าบุษบาอยู่ในโลกที่แตกต่างกับสิปางอย่างสิ้นเชิง เธอเป็นแบบฉบับของแม่บ้านช้างเท้าหลังที่มีชีวิตอยู่ใต้บงการของสามี เมื่อสิปางเข้าใกล้ความจริงเกี่ยวกับนภัทรมากขึ้น โฉมหน้าใหม่ของสามีคืนเดียวของเธอก็ค่อยๆ ปรากฏให้เห็นเด่นชัดขึ้นทีละน้อย ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่างสิปางกับบุษบายิ่งนานวันยิ่งแนบแน่น การได้เรียนรู้ชีวิตในโลกที่แตกต่างกันทำให้สิปางถึงกับต้องคิดทบทวนความเห็นเดิมที่เธอเคยมีต่อความรัก การเสียสละ และความหมายของการดำรงชีวิตเสียใหม่ สิปางเริ่มต้นตั้งคำถามกับทุกอย่างในชีวิตซึ่งนำไปสู่จุดจบอันน่าสะเทือนใจ
Macabre Case of Prompiram คืนบาป พรหมพิราม (2546/2003)  “พรหมพิราม” เป็นชื่ออำเภอเล็กๆ ในจังหวัดพิษณุโลก ศพของหญิงสาวคนหนึ่งถูกพบที่ริมทางรถไฟในอำเภอแห่งนี้ การตายของเธอคล้ายกับว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่ท้ายที่สุดจากการสืบสวนของตำรวจถึงเหตุการณ์สืบเนืองอันน่าขยะแขยงที่ไปไกลเกินความคาดหมายก็ได้เปิดเผยออกมา พบว่าเธอชื่อ “สำเนียน” หญิงสาวชาวบ้าน ผู้ซึ่งตกเป็นเหยื่อของความหื่นของพวกผู้ชายเกือบทั้งตำบล ตอนมีชีวิตเธอเป็นคนมีสติไม่ค่อยสมประกอบ และได้ดั้นด้นออกจากภูมิลำเนาเพื่อไปหาสามีที่จังหวัดอุตรดิตถ์โดยรถไฟ แต่ถูกไล่ลงจากขบวนรถที่สถานีรถไฟ อ.พรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก เนื่องจากไม่มีเงินตีตั๋วรถไฟ แต่ไม่รู้เลยว่าจะเป็นการลงรถไฟเที่ยวสุดท้ายในชีวิต เมื่อมีคนพบศพของหญิงสาวดังกล่าวเสียชีวิตโดยปริศนาที่รางรถไฟในเวลาต่อมา เรื่องราวในภาพยนตร์จับความในวันท้ายๆ ของ “สำเนียน” เปิดเผยการตกเป็นเหยื่อที่ถูกรุมโทรมอย่างโหดร้าย เหตุการณ์สืบเนื่องที่ทำให้เธอเหมือนตกลงไปหลุมขวาก ตลอดจนการตายของเธอสะท้อนให้เห็นถึงความความเลือดเย็นที่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์ด้วยกัน ความเสื่อมทรามในก้นบึ้งของจิตใจมนุษย์ถูกตอกย้ำให้เห็นในภาพยนตร์เรื่องนี้จะรบกวนและแม้กระทั่งท้าทายผู้ชมให้ตระหนักถึงมหันตภัยที่ผู้หญิงถูกคุกคาม เรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องหนัก แต่วิธีการนำเสนอในภาพยนตร์ได้ดำเนินไปโดยอาศัยกลเม็ดที่ชวนให้ติดตามอย่างเร้าใจ การเคลือบด้วยอารมณ์ขันทำให้การชมเป็นไปด้วยความราบรื่นโดยไม่เสียประเด็นนั้นเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ ผู้กำกับ “มานพ อุดมเดช” เลือกใช้องค์ประกอบทางด้านเทคนิคพื้นฐานของภาพยนตร์ทั้งในด้านการตัดต่อ, เทคนิคทางด้านภาพ, ดนตรีประกอบ ฯลฯ บอกเล่าเหตุการณ์อย่างมีชั้นเชิงคล้ายกับการปลอกหัวหอมที่จะนำไปสู่ใจกลางของหัวหอม ภายใต้การโปรดิวซ์โดย “ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล” ยกทีมงานผู้อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์แห่งสยามประเทศอย่าง “สุริโยไท” มาผลิตเป็นผลงานที่น่าจับตา ซึ่งรวมถึง “ริชาร์ด ฮาร์วีย์” คอมโพสเซอร์ระดับโลก (Animal Farm, สุริโยไท) มาถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครและบรรยากาศที่น่าสะเทือนใจลงบนตัวโน้ตในภาพยนตร์แนวอาชญกรรมชีวิตระทึกขวัญเรื่องนี้ “สารวัตรหนุ่มใหญ่” (หมู สมภพ เบญจาธิกุล) ที่มากด้วยไหวพริบ และ “ผู้หมวดหนุ่มหน้าใหม่” (กมล ศิริธรานนท์) ที่เพิ่งย้ายราชการมาใหม่ต้องรับผิดชอบคดีการเสียชีวิตของ “หญิงสาวไม่ทราบชื่อ” (พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) เมื่อเข้าไปรับผิดชอบคดีที่ดูเหมือนเป็นการเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ แต่พอเข้าไปใกล้รูปคดีมากยิ่งขึ้นกลับพบเงื่อนงำบางอย่างที่บ่งบอกว่านี่คือคดีฆาตกรรมที่อื้อฉาวที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งดึงเอาผู้คนหลากอาชีพหลายวัยจากชนชั้นต่างๆ ในอำเภอนั้นถึง 30 ชีวิตเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของหญิงสาวรายดังกล่าวภายใต้คดีฆาตกรรมข่มขืนกระทำชำเราหาใช่อุบัติเหตุอย่างที่บางคนคิด ภายใต้แรงกดดันที่ถูกเร่งเร้าจากทุกทิศทางทำให้สารวัตรต้องเร่งคลี่คลายประเด็นและสรุปรูปคดีให้เร็วที่สุด ภายใต้เส้นตายที่ถูกกำหนดและเร่งรัดจากเบื้องบน…

ชื่อชอบ ชวนหาเรื่อง (2546/2003) เรื่องราวชีวิตสุดหักเหปนเปเสียงฮาเฮ กับชีวิตลูกผู้ชายชื่อแปลกๆ คำเดียวโด่เด่ว่า ชอบ (สิทธา เลิศศรีมงคล) นายคนนี้กำลังคบหาดูอกดูใจกับ อินทุอร (เพชรรัตน์ พุ่มคำ) แล้วทำไมล่ะ กับการคบหาผู้หญิง มันผิดแปลกตรงไหน !! ถ้าอินทุอรเป็นหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาก็ไม่เป็นไร แต่เธอเป็นถึงลูกพ่อเลี้ยงผู้กว้างขวาง ใหญ่คับทุกตารางนิ้วของภาคเหนือ! เรื่องไม่ธรรมดาก็ไม่ธรรมดายิ่งกว่า เมื่อ พ่อเลี้ยงโพ (สะอาด เปี่ยมพงษ์ศานต์) พ่อของอินทุอร ให้นายชอบพิสูจน์รักแท้ที่มีต่อลูกสาว โดยให้นายชอบใช้เวลา 7 วัน เดินทางไปภาคเหนือ และระหว่างทางต้องหาเรื่อง และมีเรื่องไปตลอดทาง จนกว่าจะไม่มีใครกล้าจะหาเรื่องด้วย หากสำเร็จก็จะยกลูกสาวให้ พร้อมสมบัติทรัพย์สินอีกครึ่งหนึ่ง แต่บุพเพกลับอาละวาด ให้มาพบกับ นลิน (ดาราวัลย์ วิไลงาม) สาวเหนือผู้อาภัพรัก ที่ต้องการกลับเหนือเพื่อรักษาแผลใจ โดยไม่มีเงินติดตัวซักแดง แล้วยุทธการหาเรื่องทั่วราชอาณาจักร ก็เริ่มขึ้นพร้อมคู่หูคนใหม่

กากีสหัสวรรษ (2546/2003) ตัณหา...ราคะ...เลือด...ความตาย!!! บทสรุปสุดท้ายแห่งชีวิต ความสวย...เซ็กซี่ ทำให้เธอมีชีวิตที่สูงส่งบนกองเงินกองทอง... ดูราวกับว่าเธอคือความใฝ่ฝันของหญิงสาวหลายคนที่คิดอยากจะมี...แต่สิ่งนั้นเอง...กลับเป็นสิ่งที่ทำลายชีวิต..ของเธอ ผิดด้วยหรือ? ที่เธอกลายเป็นสิ่งหมายปองของทุกชายที่พบเจอ ผิดด้วยหรือ? ที่ชายทุกคนหลงใหล...ช่วงชิงเธอ ฟ้า กำหนด...โศกนาฏกรรมแห่งรัก โชคชะตา...นำเธอให้พบเจอกับสิ่งร้ายๆเพียงสิ่งเดียวที่จะหยุดยั้งเรื่องราว...ของเธอและพวกเขาได้...คือ..."ชีวิต!!!"

หน้าที่