ตะลุมพุก มหาวาตภัยล้างแผ่นดิน (2545/2002) พุทธศักราช 2505 การที่สาวอุดมการณ์สูงอย่าง กุลสตรี (พรหมพร) ถูกส่งตัวมาประจำที่กองเรือตรวจอากาศที่อ่าวนครศรีธรรมราช ทำให้เธอได้เรียนรู้เรื่องราวมากมาย ทั้งเรื่องงานและความรัก และเพื่อพิสูจน์ความเชื่อของเธอ อันตรายของพายุที่กำลังจะเกิด ทำให้เธอได้ขึ้นไปที่แหลมตะลุมพุกกับจ่าสมใจ (ฉัตรชัย) ผู้ไม่เคยเชื่อเช่นเธอ เรื่องราวบนแหลมตะลุมพุก นอกจากความสวยงามและวิถีชีวิตบริสุทธิ์ของชาวแหลมตะลุมพุก และอันตรายของพายุที่ทั้งคู่ต้องเผชิญแล้ว การได้พบเรื่องราวของความรักบริสุทธิ์ที่ไม่ลงตัวของ 2 หนุ่ม 1 สาว และแรงกดดันของชุมชนที่ทำให้ พร้าว (ธันญ์) หนุ่มไทยเข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปของ ซากีนะห์ (ศศิธร) สาวชาวมุสลิม ความรักของทั้งสองได้ก่อตัวขึ้นพร้อมกับความไม่พอใจของ ซอและ (ม.ร.ว.มงคลชาย) หนุ่มชาวมุสลิมซึ่งเป็นคู่หมั้นของซากีนะห์ จนนำไปสู่ปัญหาที่ทำให้พร้าวต้องไปจากแหลมตะลุมพุก เพื่อลดปัญหาที่จะเกิดกับซากีนะห์คนที่เขารัก พร้าวหนีใจตัวเองไม่พ้น พายุใหญ่เริ่มพัดกระหน่ำแหลมอย่างบ้าคลั่ง เหมือนอารมณ์ที่กดดันของเธอและเขา ในที่สุดพร้าวจึงตัดสินใจกลับมาที่ตะลุมพุกอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์รักแท้ที่มีต่อซากีนะห์ พร้าวต้องเผชิญหน้ากับหายนะและอันตรายของคลื่นบ้าพายุคลั่งเป็นเพียงด่านแรกเท่านั้น เพราะสิ่งที่รอการกลับมาของพร้าวคือความแค้นของซอและ ที่รุนแรงไม่แพ้พายุที่กำลังโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง พร้าวต้องฝ่าฟันไปให้ได้ สิ่งที่เหนือความคาดคิดของทุกคน คือพายุคลั่งลูกนี้มาทวงหา และตัดสินชะตาความกล้าตัวตนของคนที่อยู่บนแหลมทั้งหมดและเรื่องราวของแหลมตะลุมพุก ที่ทั้งกุลสตรีและจ่าสมใจได้พบไม่เพียงทำให้พวกเขาจดจำ แต่มันเปลี่ยนชีวิตของคนทั้งคู่ตลอดไป และทำให้ทั้งคู่รู้จักคุณค่าของชีวิตที่แท้จริง ชะตากรรมที่ทุกคนต้องมาร่วมกันครั้งนี้มันใหญ่ รุนแรง และน่ากลัว เกินกว่าที่ทุกคนจะรอดชะตากรรมนี้
๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ (2545/2002) คืนออกพรรษาที่นี่ไม่เหมือนที่ไหน ๆ ในโลกเพราะที่นี่ คือ ริมฝั่งโขง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย หลังพระอาทิตย์ตกดิน ผู้คนที่ไหน ๆ พากันเข้าบ้าน กินข้าว พูดคุย ดูโทรทัศน์ หลับนอน แต่ที่นี่ คนนับหมื่นนับแสนแห่แหนกันมานั่งรอ ยืนรอ นอนรอ อยู่ริมตลิ่ง สองตามองจ้องจับอยู่ที่กลางแม่น้ำบังคับกล้ามเนื้อตาว่าอย่ากระพริบ เพราะวินาทีไหนก็ไม่รู้ ลูกไฟสีแดงส้มขนาดเท่าไข่ไก่จะผุดขึ้นสู่ท้องฟ้าให้ตกตะลึงพรึงเพริดและหายวับไปในเวลาเพียง 2-3 วินาที ลูกเด็กเล็กแดง คนหนุ่มสาวต่างร้อง เฮ! อย่างกับเชียร์บอล เมื่อลูกไฟพิศวงพุ่งขึ้นตรงนั้นตรงนี้นับสิบนับร้อยตลอดลำน้ำ ส่วนคนเฒ่าคนแก่พากันร้องสาธุ การณ์เป็นอย่างนี้ หลายสิบปีดีดักมาแล้ว ลูกไฟพิศวงนี้มาจากไหน มันคืออะไร ไสยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือปรากฏการณ์ธรรมชาติ คุณศรัทธาในสิ่งใด คุณมีเหตุผลไหม ขณะนี้ผู้คนบนฝั่งไทย กำลังโห่ร้องยินดีกับบั้งไฟพญานาค ไอ้คานหนุ่มโพนพิสัย กำลังกระโดดตบมือแบบกิ๊ฟมีไฟฟ์อย่างกับนักบาสเอ็นบีเอ กับหลวงพ่อโล่ห์ ณ วัดลาว ต่างลิงโลดกับวีรกรรมร่วมกัน วีรกรรมดำน้ำลงไปฝังลูกบั้งไฟดิบใต้ลำน้ำโขงก่อนคืนออกพรรษา ส่วนหมอนรติ ประจำโรงพยาบาลหนองคายนั้นเล่าก็กำลังเฝ้ารวบรวมหลักฐานเพื่อสนับสนุนทฤษฎีที่ว่าลูกไฟนี้เกิดจากการหมักหมมของซากพืชซากสัตว์ ใต้ลำน้ำโขงก่อตัวเย็นก้อนก๊าซถูกดูดให้ลอยขึ้นเหนือพื้นน้ำโดยดวงจันทร์และเกิดปฏิกิริยาสันดาบกับโอโซนในอากาศ ส่วน ด๊อกเตอร์สุรพล แห่งภาควิชาเทคโนธรณี ม.ขอนแก่น ก็ออกมาชูจักกะแร้ ค้านทุกอย่างที่หมอนรติเชื่อ ก็แม่น้ำโขงไหลเชี่ยวออกอย่างนั้น ซากอะไรจะไปสะสม ส่วนก้อนก๊าซจะเกิดได้เล่าโขงต้องหยุดไหล 5 วัน และมีอุณหภูมิเลยจุดเดือดไป 526 องศา สำหรับด๊อกเตอร์ลูกไฟนี้เป็นฝีมือมนุษย์แน่นอน ขณะที่ครูใหญ่ แม้จะสอนวิชาคณิตศาสตร์มาทั้งชีวิต แต่ความเป็นคนหนองคาย รักหนองคาย ทำให้เขาไม่อยากรู้เลยว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร และหากมีอะไรสักอย่างที่ครูทำโดยไม่ได้ขอรับเงินเดือนหลวงล่ะก็ สิ่งนั้นคือหยุดยั้งพวกชอบพิสูจน์ให้เด็ดขาด คืนออกพรรษาคืนนี้อาจเหมือนหรืออาจไม่เหมือนคืนออกพรรษาปีก่อน...เพราะปีนี้ คานทำคอแข็ง ตาแข็ง และเสียงแข็งบอกหลวงพ่อโล่ห์ว่า "ปีนี้เราเลิกเถอะครับหลวงพ่อ"
ขังแปด (2545/2002) บางครั้งในโลกที่เต็มไปด้วยอิสรภาพ ความรู้สึกภายในอาจไม่ต่างกับการถูกจองจำ เฉกเช่นชะตากรรมของหญิงสาวสองกลุ่มที่ผูกพันเกี่ยวโยงสัมพันธ์กันด้วยสายใยแห่งความเป็นเพื่อน ความรัก ความเอื้ออาทร แม้ว่าพวกเธอจะมีพื้นฐานของชีวิตที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเธอมีเหมือนกันก็คือชะตากรรมที่ถูกกำหนดโดยเพศชาย “สหมงคลฟิล์ม” ภูมิใจเสนอผลงานเรื่องแรกของนักเขียน-นักวิจารณ์ภาพยนตร์ที่อยู่ในแวดวงงานเขียนมากว่า 3 ทศวรรษ “สนานจิตต์ บางสพาน” เรื่อง “ขังแปด” ดัดแปลงจากนิยายของ “อ้อย อัจฉริยกร” และบันดาลใจจากเรื่องสั้น “วันเวลาของกะหรี่คนหนึ่ง” โดย “อีแร้ง” “ขังแปด” เป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่มีพื้นเพแตกต่างกันไปอันประกอบด้วย “ดาวไสว, พักตร์, เพ็ญ, จอย, ก้อย, หวี และ เทวีรัตน์” คือกลุ่มนักโทษหญิงเด็ดขาดใน “แดน 8” ทั้งหมดมาจากภูมิหลังที่แตกต่างทั้งครอบครัว สภาพแวดล้อม และพื้นฐานทางจิตใจ แต่ทั้งหมดคือ “นญ.-นักโทษหญิง” ที่ถูกศาลพิพากษาลงโทษขั้นเด็ดขาด แน่นอนเวลาที่เนิ่นนานในคุกย่อมก่อให้เกิดเรื่องราวมากมาย สำหรับชีวิตที่อยู่ภายในกำแพงสูง รั้วลวดหนาม และกฎเหล็ก ทุกคนต่างถูก “ขัง” ทั้งความขัดแย้ง ความรุนแรง กามารมณ์ ความฝันถึงอิสรภาพ “มาลี, อรุณวรรณ, เอียด” คือกลุ่มโสเภณีอิสระที่แทบจะไม่แตกต่างไปจากกลุ่มนักโทษเด็ดขาดเช่น “ดาวไสว, พักตร์, เพ็ญ” และคนอื่นๆ โลกภายนอกกำแพงคุก อาจจะดูมีอิสระ มีเสรีภาพ แต่ใครเล่าจะพิสูจน์หรือยืนยันได้ว่ามันปลอดภัย อบอุ่นกว่าโลกหลังกำแพงคุก ภายใต้อิสระเสรีภาพของ “มาลี, อรุณวรรณ, เอียด” เธอก็คือหญิงสาวที่ถูกพันธนาการกักขังด้วยพันธะและเงื่อนไขของชีวิตของชีวิตแตกต่างกันไปตามสถานภาพ ความคิด และภูมิหลังของแต่ละคน แต่หญิงสาวสองกลุ่มแทบจะไม่แตกต่างในความคิดและพฤติกรรมที่เชื่อมั่นว่าพวกเธอมีศักดิ์และศรีเทียบเท่ากับผู้ชายในสังคมไทย เธอไม่เคยป่าวประกาศ แต่เธอกระทำให้โลกได้เห็นและรับรู้ “ดาวไสว ไพจิตร” ถูกชะตากรรมกำหนดให้เส้นทางชีวิตของเธอต้องผ่านโลกของหญิงสาวทั้งสองกลุ่มในฐานะเพื่อนสมาชิกของสังคม นักโทษหญิง และโสเภณีอิสระในฐานะผู้สังเกตการณ์ โลกหลังกำแพงคุกและโลกนอกกำแพงคุกได้ถูกร้อยรัดให้เป็นโลกใบเดียว โลกใบที่มนุษย์ทุกผู้ทุกนามล้วนกักขังด้วย “พันธนาการแห่งชีวิต” ที่อาจจะเป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่กำแพงสูง ลวดหนาม ลูกกรงเหล็ก ห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ไปจนกระทั่ง “ใจ” ผ่านสายตา ความทรงจำ และบันทึกของ “ดาวไสว ไพจิตร” อดีตนักโทษหญิงเด็ดขาด ซึ่งได้รับอิสรภาพสู่ “คุกใหม่” แห่งชีวิตที่เต็มไปด้วยการดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด เปรียบเสมือนเธอก้าวออกจาก “คุก” หนึ่ง เพื่อที่จะไปรับโทษทัณฑ์ในอีก “คุก” หนึ่ง ซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และนั่นคือ “ขังแปด” นวนิยายที่เขียนขึ้นจากชีวิตจริงของ “ดาวไสว ไพจิตร” และทำให้เธอกลายเป็นนักเขียนชื่อดังในเวลาต่อมา… “ขังแปด” เป็นผลงานการกำกับและเขียนบทครั้งแรกของ “สนานจิตต์ บางสพาน” โดยได้ดัดแปลงจากบทประพันธ์ในชื่อเรื่องเดียวกันของ “อ้อย อัจฉริยกร” และเรื่องสั้น “วันเวลาของกะหรี่คนหนึ่ง” โดย “อีแร้ง” นำแสดงโดยนักแสดงคุณภาพชั้นนำของเมืองไทยอันประกอบด้วย “สรวงสุดา ลาวัลย์ประเสิร์ฐ, ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี, ดิลก ทองวัฒนา, พิชญ์นาฎ สาขากร, ภัทรวรินทร์ ทิมกุล และ กนกพร โลศิริ”
คนเห็นผี THE EYE (2545/2002) “มาน” (หลี่ซินเจี๋ย) ตาบอดตั้งแต่อายุสองขวบ สิบแปดปีต่อมา เธอเข้ารับการผ่าตัดตา และสามารถกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์แปลกๆ ที่เกิดขึ้นตามมาหลายเหตุการณ์ทำให้เธอเชื่อว่ายังมีอะไรอีกมากมายที่อยู่เหนือการมองเห็นของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรากฏตัวของร่างลึกลับในชุดดำที่เห็นรางๆ ซึ่งดูเหมือนจะทำให้เธอมองเห็นความตายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เหตุการณ์แปลกเหนือคำบรรยายได้รับการคลี่คลายในเวลาต่อมา เมื่อเธอมองตัวเองในกระจกแล้วพบว่า ภาพที่สะท้อนออกมาไม่ใช่เธอ แต่เป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ชื่อ “หลิง” (ฌัชฌา รุจินานนท์) หญิงสาวจีนที่เกิดในเมืองไทยซึ่งเป็นเจ้าของดวงตาที่เธอมองเห็นอยู่ ภาพฝันร้ายเหล่านี้ทำให้มานแทบประสาทเสีย หลังจากผิดหวังที่ไม่สามารถสืบหาความจริงได้ มานตัดสินใจเดินทางไปยังเมืองไทยเพื่อตามหาหมู่บ้านของหลิง พร้อมกับ “โล” (ลอเรนซ์ ชู) จิตแพทย์หนุ่มที่ดูแลการปรับตัวของเธอในโลกใหม่ ที่นั่นเธอพบว่าหลิงเป็นผู้ที่มีสัมผัสพิเศษ แต่พรสวรรค์ของเธอกลับไม่สามารถช่วยเหลือหมู่บ้านจากพระเพลิงที่โหมไหม้ได้ ทั้งนี้เพราะไม่มีใครเชื่อคำทำนายของเธอแม้แต่คนเดียว ด้วยความเสียใจเธอจึงตัดสินใจฆ่าตัวตายในที่สุด ดูเหมือนตอนนี้มานจะเป็นผู้สืบทอดชะตากรรมของหลิง นั่นก็คือคุณสมบัติในการมองเห็นหลายๆ สิ่งที่หลายคนไม่ต้องการจะเห็น ระหว่างที่เธอกำลังจะเดินทางออกจากประเทศไทย เธอพบกับยมทูตในร่างสีดำอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอไม่ได้พบเพียงร่างเดียว แต่เป็นจำนวนนับร้อย มันเป็นลางบอกเหตุว่าโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่…กำลังจะเกิดขึ้น!!!
Earth Crying ธรณีกรรแสง (2545/2002) ภาพยนตร์อมตะเพื่อเทิดพระคุณแม่ ที่สะท้อนชะตากรรมและการต่อสู้ของคนเป็นแม่ที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวอยู่รอดและให้ลูกเป็นคนดี เป็นเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่ยากจนข้นแค้นต้องต่อสู้กับการเอารัดเอาเปรียบของเศรษฐีนายทุนจนทำให้ผู้เป็นพ่อต้องพิการสูญเสียแขนทั้งข้างในขณะพลิกผืนแผ่นดินที่แข็งกระด้าง เพื่อทำนา ทำให้ภาระหน้าที่เลี้ยงดูครอบครัวตกอยู่กับผู้เป็นแม่ “แม่” กับชะตากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มิเพียงต้องต่อสู้กับนายทุนที่คอยก่อกวนเอาเปรียบ ยังต้องต่อสู้กับความยากลำบากในการพลิกฟื้นผืนนาเพื่อเพาะปลูกเลี้ยงชีพบน ผืนดินหวงแหนที่แห้งแล้ง แม้กระทั่งคนในหมู่บ้านยังท้อแท้ทิ้งถิ่นไปหาที่ทำกินใหม่ “แม่” กับการต่อสู้ ที่ดูเหมือนไม่มีวันรู้จบ จนลูกเติบโตเป็นหนุ่มกล้าแกร่ง อาจหาญเป็นปรปักษ์ต่อกรเศรษฐีนายทุน และถูกบีบคั้นให้กลายเป็นโจรปล้นฆ่าถูกตามล่าเอาชีวิต แม่จำต้องปกป้องลูกและความถูกต้องด้วยลิขิตชีวิตของตัวเอง ที่แม้แผ่นดินยังต้องร้องไห้ให้กับชะตากรรมของเธอ
ขุนแผน (2545/2002) เรื่องเล่าจากปากชาวบ้านขับขานเป็นวรรณกรรมราชสำนัก ว่าด้วยเรื่องของหนึ่งหญิงสองชาย ซึ่งมีชะตาแผลงให้อุตริคิดเล่นเป็นโจรแย่งชิงเมียผัวแต่วัยเยาว์ ใครเล่าจะรู้ว่า เมื่อกาลเติบใหญ่ เหตุคราวนั้น กลับเป็นลางบอกถึง โศกนาฎกรรมแห่งความรักแสนสะเทือนใจ ขุนแผน (วัชระ ตังคะประเสริฐ) ชายผู้ต้องการจะเป็นยอดคนด้วยการเป็นเจ้าของอำนาจวิเศษทั้งสามสิ่ง คือ ดาบฟ้าฟื้น ม้าสีหมอก และกุมารทอง เขาผ่านช่วงชีวิตที่รุ่งโรจน์ และตกต่ำจนถึงขีดสุด ชะตาพลิกพันทำให้ต้องจากพิมพิลาไลยคนรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยเป็นชายหนุ่มรูปงาม ทำให้มีสาวงามมาพัวพันสม่ำเสมอ จวบเมื่อถึงวันที่เขาเข้าใจได้ว่าอำนาจอันยิ่งใหญ่มิได้นำมาซึ่งความสุข และต้องการละทิ้ง ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ด้วยกิเลส และวังวนแห่งตัณหาที่สร้างมา เขาจึงต้องทำใจยอมรับผลกรรม ที่ก่อไว้ ขุนช้าง (อภิชัย นิปัทธหัตพงศ์) ชายร่างอ้วนใหญ่ เกิดมาพร้อมหน้าตาอัปลักษณ์ แต่ไม่ได้อาภัพจนเกินไป ด้วยมีฐานะร่ำรวย เป็นพ่อค้า และคนรับใช้ใกล้ชิดกษัตริย์ เขาหลงรักพิมพิลาไลยด้วยใจที่บริสุทธิ์ ทั้งที่รู้ว่านางมีใจรักมั่นคงให้กับพลายแก้ว แต่แล้วความรักกลับทำให้เขาพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อช่วงชิงนางมาเป็นของตน ไม่ว่าจะด้วยทรัพย์สิน หรือเล่ห์กล จนท้ายที่สุดต้องระทมทุกข์ เพราะความรักที่มากเกินไป พิมพิลาไลย (บงกช คงมาลัย) สาวงามผู้ตกเป็นที่หมายปองของสองชาย จนทำให้ท้ายที่สุดต้องถูกตราหน้าว่าเป็นหญิงสองใจ นางมีใจรักแท้ต่อพลายแก้ว แต่แล้วกลับต้องทุกข์ใจในความมักมากไม่รู้จักพอ จนเมื่อหลงเล่ห์กลจำต้องตกเป็นของ ขุนช้าง ขุนช้างเฝ้าดูแลทะนุทะนอมนางเป็นอย่างดี แต่ทั้งคู่กลับแก่งแย่งนางไปมา จนนางถูกหาว่าเป็นเหตุ แห่งความโกลาหลจนต้องโดนพิพากษา เมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกระหว่างชายสองคนนี้ นางจึงใช้ทางเลือกเป็นเครื่องเตือนสติแก่คนทั้งสอง สุดท้ายชะตากรรมจะนำพาคนทั่งสามไปอย่างไร ติดตามได้ใน “ขุนแผน”
เกิร์ลเฟรนด์ 14 ใสกำลังเหมาะ (2545/2002) บี (ณัฐวรา หงษ์สุวรรณ), ตุ้ม (ปาริชาต แก้วกำพล), นุ้ย (ชโลธร บริราช), ติ๋ม (จีระนันท์ กิจประสาน) สี่สาววัยใสเพื่อนซี้ ทั้งหมดกำลังเรียนอยู่ในชั้น ม.3 โรงเรียนผู้หญิงล้วน มีชีวิตอย่างสนุกสนาน และน่ารักตามวัย เด็กสาววัยใสทั้งสี่มาจากครอบครัวที่แตกต่างกัน พ่อของบี (ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว) เป็นนักเขียน เจ้าของนิยาย ขายดีเรื่อง "ความรักของพ่อนกเงือก" ที่บรรยายถึงความสำคัญของพ่อนกเงือกต่อคู่ชีวิต และลูกที่เพิ่งฟักออกจากไข่ ส่วนแม่ของบีเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุบนถนน ตุ้มเป็นลูกสาวของนายแพทย์ตำรวจ (ณรงค์ ลัมะกานนท์) นุ้ยอยู่กับแม่ (ริสา หงษ์หิรัญ) ที่มีอุปนิสัยห้าวพอกัน เรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ส่วนติ๋มเป็นลูกสาวของนายธนาคารใหญ่ (ศรัณยู วงศ์กระจ่าง) ที่กำลังมีปัญหาเรื่องทุจริตในสถาบันการเงิน อันจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ วันหนึ่ง ขณะที่ทั้งสี่ไปเดินเที่ยวตามศูนย์การค้า นุ้ยถูกรปภ.จับหาว่าขโมยของ ตุ้ม ติ๋ม บีพยายามเข้าไปช่วย แต่พลาดท่ารปภ.ตัวร้าย แต่โชคยังเข้าข้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามาจับ หัวหน้ารปภ.ตัวร้ายได้ทัน การผจญภัยครั้งนั้นส่งผลอย่างมากต่อตุ้ม จากเด็กห้าวท่าทางเหมือนทอมบอย ตุ้มเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่กลายเป็นสาวสวย สร้างความประหลาดใจให้กับหมู่เพื่อนๆ ตุ้มชวนเพื่อนไปเรียนกวดวิชา เตรียมตัวสอบเข้าเรียน ม.4 ทุกคนเห็นด้วย ยกเว้นบี ที่ไม่อยากเรียนสัปดาห์ละ 7 วัน และนี่คือจุดสำคัญ ที่พลิกผันความผูกพันของกลุ่มเพื่อนทั้งสี่ ที่โรงเรียนกวดวิชานี่เอง ตุ้มรู้จักกับเด็กหนุ่มวัยเดียวกันชื่อ แดง (ชาญนนท์ คล่องสุดใจ) หลังจากนั้น ความสัมพันธ์ของกลุ่มเริ่มเปลี่ยนแปลง ตุ้มทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับแฟนหนุ่ม จนไม่เหลือสำหรับเพื่อนๆ ในกลุ่ม สร้างความน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอย่างมากกับบี ซึ่งถือว่าสนิทกับตุ้มที่สุด... ในบรรดากลุ่มเพื่อนๆ กลุ่มที่เหนียวแน่นมาตลอด เริ่มสำแดงความแตกร้าว ตุ้มตีจากไป ตามด้วยบีซึ่งผิดหวังกับเพื่อนสนิท ความผิดหวังทำให้บีตัดสินใจหนีความเบื่อหน่าย ด้วยการพยายามสอบชิงทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ ซึ่งก็ทำให้เธอต้องตีจากกลุ่มกลายๆ นุ้ยก็มีปัญหาความขัดแย้งกับตุ้ม ด้วยความเข้าใจผิดของฝ่ายหลัง ตุ้มคิดว่านุ้ยคิดจะแย่งแฟนตัวเอง เมื่อรอยร้าวในกลุ่มแผ่ขยายกว้าง จนทำท่าว่าความสัมพันธ์อันแนบแน่นมาถึงจุดอวสาน ทำให้ติ๋มที่แต่ไหนแต่ไร ไม่เคยลุกขึ้นมาพูดแสดงความต้องการของตัวเอง ไม่เคยขัดใจเพื่อน ต้องลุกขึ้นมาทำหน้าที่เป็นเสมือนกาวใจ หาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อคงรักษาไว้ซึ่งมิตรภาพ และความรักอันบริสุทธิ์ ที่แต่ละคนเคยให้กันและกัน ความรัก การเสียสละ และการให้อภัย คือทางออกทางเดียวสำหรับพวกเธอ
น.ช. นักโทษชาย (2545/2002) นักโทษคนหนึ่งต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เมื่อได้รับข้อเสนอให้เป็นสายรายงานเพื่อนนักโทษ และเขาจะต้องเลือกระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวกับการช่วยเหลือคนที่อาจต้องการเขา

กำลังแสดงผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ