ละโว้ภาพยนตร์
น้องเมีย (2521/1978) เรื่องราวของคู่สามีภรรยา "แสง" (สรพงศ์ ชาตรี) และ "ปราง" (วิยะดา อุมารินทร์) ที่ล่องเรือจากปากน้ำโพเข้ากรุงเทพฯ เพื่อขายแตงโม โดยมี "ทับทิม" (ลลนา สุลาวัลย์) น้องสาวของปรางขอติดเรือมาเที่ยวเมืองหลวงด้วย แต่เมื่อมาถึงปรางกลับตัดสินใจทิ้งแสงเพื่อหางานที่ดีกว่า แสงคลั่งและขายข้าวของทุกอย่างแม้จะถูกกดราคาเพื่อเอาเงินมาใช้ตามหาปราง ทิ้งให้ทับทิมเลี้ยงดูลูกชายตามลำพัง โชคร้ายกระหน่ำซ้ำเติมทำให้แสงเริ่มท้อใจและเห็นความดีในตัวทับทิม ในขณะที่ปรางรู้ตัวว่าถูกหลอกจึงคิดกลับมาหาแสงแต่เมื่อเห็นภาพสามคนเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ทำให้เธอเกิดความละอายใจเกินกว่าที่จะกลับไป
แสง ล่องเรือมากรุงเทพฯ เพื่อขายทราย ขณะที่จอดเรืออยู่นั้น ปราง เมียสาวของเขาซึ่งเบื่อหน่ายชีวิตชาวเรือได้หนีขึ้นฝั่งไป ทิ้งลูกแบเบาะไว้ให้ ทับทิม น้องสาวอายุ 15 คอยดูแล แสงจึงออกตระเวนตามหาปรางแทบพลิกแผ่นดิน ขณะเดียวกัน เขาก็พยายามปลุกปล้ำทับทิมอยู่เป็นประจำ เพราะเมามายจนหลงคิดว่าเป็นเมียของตน แต่ทับทิมก็เอาตัวรอดได้เสมอ และไม่เคยทิ้งเขากับลูกไว้เพียงลำพัง
เทพธิดาโรงแรม (2517/1974) มาลี หญิงสาวจากเมืองเหนือที่ถูกชายหนุ่มล่อลวงมาขายตัวในกรุงเทพ ตอนแรกเธอก็ปฏิเสธและขัดขืน แต่แล้วเธอก็เรียนรู้ว่ายิ่งขัดขืนเธอก็ยิ่งถูกซ้อมอย่างทารุณ เธอจึงจำใจรับสภาพการเป็น "เทพธิดาโรงแรม" มาลีประกอบอาชีพขายตัว และยินดีกับคำกล่าวชมของชายหนุ่มที่จริงใจกับเธอว่า "มาลีเป็นกะหรี่ที่สวยที่สุดในโลก" ส่งเงินไปให้ที่บ้านเธอให้สร้างบ้านใหม่ แต่แล้วชีวิตเธอก็พลิกพันไปเมื่อชายหนุ่มที่ล่อลวงเธอมา หรือ แมงดาของเธอ ถูกยิงเสียชีวิต ชีวิตเธอจึงต้องระเห็จออกจากโรงแรม และเริ่มตกต่ำลง และนี่ทำให้หญิงสาวได้รับบทเรียนสำคัญของชีวิตที่ผลักดันให้เธอเลิกอาชีพโสเภณีและเลิกพึ่งพิงเพศชายเป็นสำคัญ
ไอ้แกละเพื่อนรัก (2515/1972) สุขสดชื่นรื่นรมย์ ชมสนุกสุขใจ แต่งเรื่อง-แต่งเพลง-เขียนบทและกำกับการแสดงโดย สุรพล โทณะวณิก 35 ม.ม.สี เสียง สโคป ฟัง 10 เพลงเอกอันแสนไพเราะ ขอแนะนำ มาร์ค เลสเตอร์ เมืองไทย ด.ช.อวบ สมชาติ ผู้แสดงเป็น ไอ้แกละเล็ก ตลอดเรื่อง เรื่องราวของ แกละ หนุ่มกำพร้าผู้ยากจน ซึ่งได้บังเอิญไปช่วยเหลือเด็กน้อยกำพร้าชื่อเดียวกัน จากการถูกนักเลงทำร้าย ทั้งคู่จึงได้กลายเป็นเพื่อนต่างวัยที่คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จนเมื่อ แกละหนุ่ม ไปสมัครทำงานเป็นลูกจ้าง ที่บาร์แห่งหนึ่ง และจับพลัดจับผลูได้เป็นนักร้องประจำบาร์ ทำให้เขาต้องพบกับเรื่องวุ่นวาย
มันมากับความมืด (2514/1971) ข้อความบนใบปิด ละโว้ภาพยนตร์ ตื่นตามาใหม่ไม่เหมือนใคร ในปี 2515 มันมากับความมืด 35 ม.ม.ซูเปอร์ซีเนมาสโคป สีอิสต์แมน สรพงศ์ ชาตรี (นัยนา ชีวานันท์) ร่วมด้วย สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์, ถนอม อัครเศรณี, เบญจมาภรณ์, ดามพ์ ดัสกร, (พนม นพพร), คมน์ อรรฆเดช ฯลฯ จุไร เกษมสุวรรณ ถ่ายภาพ ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล กำกับการแสดง หม่อมอุบล ยุคล ณ อยุธยา อำนวยการสร้าง ละโว้ภาพยนตร์ จัดจำหน่าย
ฝนเหนือ (2513/1970) เรื่องราวของเชิง ช่อตำแย และเพลิน เดียวดาย สองหนุ่มพเนจรเกิดไปขัดผลประโยชน์ของเสือคล้าม ที่หมายจะเอาที่ดินเขาชมพูของกำนันฉะมาเป็นของตน การห้ำหั่นกันด้วยชั้นเชิงจึงเกิดขึ้น ท่ามกลางความรักระหว่างเชิงกับฝนเหนือ และเพลินกับตุ๊กตุ่น ลูกสาวสุดหวงของกำนันฉะ ฝนเหนือ สาวน้อยที่เกิดมาท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก ลูกสาวกำนันฉะ ผู้กว้างขวางและคหบดีแห่งหมู่บ้านวังชมพู ที่ต้องร่วมมือกับ เชิง ช่อตำแย หนุ่มกะล่อนนักถ่ายรูป เพลิน เดียวดาย หนุ่มขี้เหงาหัวใจว้าเหว่ และไว ว่องวิทย์ หนุ่มบ้านนอกขี้กลัว เพื่อกำจัดเสือคร้าม ที่ปลอมตัวเป็นนักธุรกิจเพื่อที่จะมากว้านซื้อที่ดินในหมู่บ้านเพื่อใช้เป็นฐานในการผลิตยาเสพติด
ฟ้าคะนอง (2513/1970) จริกา นางพยาบาลจากกรุงเทพฯ ที่เดินทางไปทำงานยังปราสาทฟ้าคะนอง ที่แหลมฟ้าคะนอง บริเวณชายฝั่งทะเลฝั่งตะวันออกของไทย ซึ่งเป็นปราสาทเก่าแก่เกือบ 100 ปีของเจ้าคุณสุธาธรรม อดีตสมุหเทศาภิบาลสมัยก่อน ที่เกาะแห่งนี้มีความลับเรื่องสมบัติโจรสลัดมูลค่ากว่าร้อยล้านบาทซ่อนอยู่ ในขณะที่ปราสาทฟ้าคะนองก็เต็มไปด้วยความลึกลับน่ากลัวและผู้คนที่ไม่ปรกติ
ณ อ่าวกระทิง จริกาได้มาที่นี่เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปเป็นพยาบาลประจำที่แหลมฟ้าคะนอง พอลุงย้ำได้ยินจึงรีบห้ามไม่ให้ไป เพราะเมื่อไปที่นั่นแล้วจะไม่มีใครได้กลับมา เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ ดุรงค์ มารับตัวจริกาซึ่งเป็นคนที่ประกาศรับสมัครนางพยาบาลประจำ ทั้งสองจึงรีบแล่นเรือไปที่แหลมฟ้าคะนอง ทว่าเมื่อจริกามาถึงก็พบกับความลึกลับและน่ากลัวของที่นี่ ความหายนะกำลังจะมาเยือนหรือไม่
เงิน เงิน เงิน (2508/1965) เพลงพราว...ดาวพรู...ดูเพลิน เมื่อได้ชม เงิน เงิน เงิน ฉายแล้วจ้า...เฉลิมเขตร์ ไม่รวยก็ปิ๋ว... หนังมาตรฐาน ระบบซูเปอร์ซีเนสโคป สีอิสต์แมน เต็มจอยักษ์เฉลิมเขตร์ ฟัง 14 เพลงเพราะ จาก 15 ยอดนักเพลง เพลงพราว ดาวพรู ดูเพลิน 62 ดารา 14 เพลงเอก ทั่วโลกยอมรับแล้วว่า "เงิน เงิน เงิน" เป็นหนึ่งไม่มีสอง! 35 ม.ม.เสียงในฟิล์ม ซุปเปอร์ซีเนสโคป สีอิสต์แมน ขุนหิรัญ (อบ บุญติด) นายทุนเงินกู้ วัตโกเศรษฐกิจ มอบหมายให้หลานชาย ตุ๊ อรรคพล ((มิตร ชัยบัญชา)) เอาสัญญาเงินกู้ไปขู่บังคับชาวบางรื่นสุข ให้ย้ายออกด่วนเพื่อเอาที่ดินไปทำธุรกิจตึกแถวร่วมกับ คุณนายเม้า (สุลาลีวัลย์ สุวรรณทัต) หุ้นส่วน ซึ่งอรรคพลไม่ชอบวิธีการเช่นนี้ และเมื่อได้พบกับชุมชนที่สุขสงบ เรียบง่าย รวมทั้งกลุ่มวงดนตรีแก๊งค์เด็กวัดอารามบอย ทำให้ความหวังที่จะทำธุรกิจบันเทิงอย่างที่ตนเองฝันไว้ผุดขึ้นมาอีกครั้ง จึงรวมกลุ่มกับแก๊งค์เด็กวัดเพื่อเปิดกิจการไนท์คลับ แต่ก็ถูกกลั่นแกล้งจากท่านขุน ขณะเดียวกัน ภารดี (สุมาลี ทองหล่อ) น้องสาวแอบรักชอบกับ รังสรรค์ (ชรินทร์ นันทนาคร) ครูสอนเปียโนฐานะยากจน เมื่อหลานชายกับหลานสาวไม่ได้ดังใจ เศรษฐีหน้าเลือดอย่างท่านขุน จึงไล่ทั้งคู่ออกจากบ้าน โดยยื่นเงื่อนไขให้เอาเงินมาไถ่ที่ราคาหนึ่งล้านบาท เหตุการณ์พลิกผันให้อรรคพลพบกับแม่ที่พลัดพรากกัน (วิไลวรรณ วัฒนพานิช) และได้ กิ่งแก้ว (อี๊ด เพชรา เชาวราษฎร์) เด็กขอทานผู้เป็นเสมือนพลังใจ จนทำให้ความสัมพันธ์พัฒนาเป็นความรัก และช่วยกันหาทางนำเงินมาไถ่ถอนที่ได้สำเร็จ เป็นตัวอย่างของภาพยนตร์ที่สามารถเป็นตัวแทนภาพยนตร์ไทยในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ชัดเจน ทำหน้าที่ปลอบประโลมใจคนยากคนจนให้มีความหวัง ที่จะฝันว่า จะมีพระเอกในฝัน หนุ่มหล่อ ลูกมหาเศรษฐีมาช่วย มาหลงรัก และครองรักกับเราอย่างชื่นมื่นสุขใจ
ปักธงไชย (2500/1957) ภาพยนตร์ไทยอิงประวัติศาสตร์จากเหตุการณ์สงครามปราบฮ่อ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2428 เมื่อชาวจีนฮ่อหมู่หนึ่งก่อการกบฏต่อแผ่นดินไทย ล้อมค่ายของกองทัพไทยไว้ทัพหนึ่ง ทางการจึงต้องตั้งปฏิบัติการลับเพื่อส่งตัวร้อยตรีเต็ม นายทหารหนุ่มมากฝีมือกับจ่าโทน นายทหารอาวุโสของกองทัพและกำลังทหารผู้รักชาติยี่สิบสี่นายไปทำหน้าที่ในการจัดส่งยาและกระสุนปืนใหญ่ พร้อมด้วยความตั้งใจที่พวกเขาจะต่อสู้และนำธงชาติไปปักแสดงอธิปไตยไว้ที่ชายแดน แม้รู้ว่าภารกิจในครั้งนี้อาจจะทำให้พวกเขาไม่ได้กลับมา
วนิดา (2496/1953) ด้วยความแก่นเซี้ยวของ วนิดา ทำให้นายดาว วงศ์วิบูลย์ ผู้เป็นบิดาต้องปวดหัวยิ่งนัก จึงคิดที่จะหาสามีให้วนิดาแต่งงานออกเรือน โดยเลือกจากบัญชีรายชื่อลูกหนี้และสะดุดตาชื่อ นายประจวบ มหศักดิ์ จึงเรียกมาที่บ้านเพื่อยื่นเงื่อนไขให้ประจวบแต่งงานกับวนิดาแลกกับการยกหนี้สินทั้งหมด หะแรกประจวบยืนกรานเสียงแข็งไม่ยอมทำตามเงื่อนไขที่นายดาวเสนอเพราะมีคนรักอยู่แล้วชื่อ ปราณี แต่นายดาวขู่จะประจานสกุลมหศักดิ์ ทำให้นายประจวบจนใจกลับมาสารภาพกับคุณนายน้อม มหศักดิ์ ผู้เป็นมารดาฟัง คุณนายน้อมถึงกับลมจับ เนื่องจากในอดีต เคยใส่ความจนพี่สาวของนายดาวถูกขับไล่ออกจากบ้านมหศักดิ์ คุณนายน้อมขอร้องให้พันตรีประจักษ์หาทางช่วยน้องชาย แต่หนี้สินของนายประจวบนั้นเยอะเกินกำลังของพันตรีประจักษ์จะช่วยเหลือได้ นายประจวบจึงหนีไปภาคใต้เพื่อหาเงินมาชดใช้หนี้สิน พันตรีประจักษ์จึงต้องเป็นฝ่ายแต่งงานกับวนิดา เด็กสาวที่เย่อหยิ่ง แทนประจวบที่หายตัวไป ปราณีเมื่อรู้ว่านายประจวบเป็นหนี้ก็หนีไปแต่งงานกับเศรษฐีสูงวัย ส่วน พิสมัย คู่หมั้นของพันตรีประจักษ์เมื่อรู้เรื่องเข้า ก็หัวเสียเป็นอันมาก พยายามสารพัดวิธีเพื่อกลั่นแกล้งวนิดาโดยมีคุณนายน้อมให้การสนับสนุน ส่วนพันตรีประจักษ์ หลังจากแต่งงานก็หาทางหลีกเลี่ยงวนิดาโดยการออกไปทำงานตลอด จึงไม่รู้เห็นว่าพิสมัยร้ายกาจกับวนิดาเพียงใด วนิดาที่ไม่รู้เบื้องหลังการแต่งงานครั้งนี้ จึงหากิจกรรมในยามว่างโดยการทำงานบ้าน ปลูกพืชสวนครัว และได้รู้จักอำพันกับอำไพ สองพี่น้องบ้านข้างเคียง ซึ่งเล่าเรื่องราวในอดีตของบ้านมหศักดิ์ให้วนิดาฟัง คุณนายน้อมกับพิสมัยกุว่าวนิดาเล่นชู้กับอำพันพันตรีประจักษ์แทนที่จะดีใจกลับรู้สึกหึงหวง และเริ่มแสดงตัวเป็นเจ้าของวนิดา ทำให้พิสมัยยิ่งทวีความเกลียดชังวนิดา วันหนึ่ง วนิดาไปเที่ยวชะอำกับอำพันและอำไพ พันตรีประจักษ์ตามมาหึงหวงวนิดา วนิดาน้อยใจจึงหนีไปขี่ม้าคนเดียวและพลัดตกม้า พันตรีประจักษ์ตามมาเจอและช่วยวนิดาได้ทัน ทั้งสองจึงได้รู้ว่าต่างก็มีใจให้กันในคราวนั้นเอง หลังจากนั้นไม่นาน นายประจวบก็กลับมาที่บ้านมหศักดิ์พร้อมเงินชดใช้หนี้ สร้างความดีใจแก่คุณนายน้อมและพิสมัยยิ่งนัก ปราณีรีบกลับมาหานายประจวบแต่นายประจวบพบรักกับ ชุมศรี เมื่อครั้งไปทำงานที่ภาคใต้ และเริ่มขัดคำสั่งคุณนายน้อม เป็นเหตุให้คุณนายน้อมยอมลดทิฐิลง และปล่อยให้ลูกชายทั้งสองได้เลือกคนรักของตนเอง