วังนางโรม

วังนางโรม (2498/1955) ละโว้ภาพยนตร์ ทุ่มเทอย่างมหาศาล ฟันฝ่าเกาะทมิฬที่โหดร้ายทารุณ เพื่อให้กลายมาเป็นภาพยนตร์อมตะ ด้วยฉากวิจิตรพิสดาร โดยใช้เวลาถ่ายทำอย่างประณีตถึง 2 ปีเต็ม ซีนิมาสโคป สีวิจิตร พระยาวุฒิศักดิ์ธำรง ถูกพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย จึงพาครอบครัวและหลวงราชไมตรีคนเก่าแก่ย้ายจากพระนครไปอยู่เกาะทมิฬ วรรณจิราลูกสาวคนโตได้รู้จัก แพน หนุ่มชาวเกาะและเกิดรักใคร่กัน อยู่มาวันหนึ่งเกิดกาฬโรคขึ้นบนเกาะ ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก กร้าว หัวหน้าชาวเกาะเชื่อว่าเป็นเพราะเทพแห่งสมุทรลงโทษที่ชาวเกาะรับคนแปลกถิ่นไว้ เจ้าคุณซึ่งมีความรู้ด้านการแพทย์จึงช่วยรักษาชาวเกาะแต่ตนเองต้องสูญเสีย วาทินี ลูกสาวคนเล็กไป เมื่อโรคร้ายผ่านพ้นไป ชาวเกาะจึงจัดพิธีสังเวยเทพพระสมุทร โดยนำ โรย หญิงสาวที่สวยที่สุดในเกาะให้เทพพระสมุทรเข้าทรงเพื่อเลือกเจ้าบ่าว โรยซึ่งแอบรักแพนจึงเลือกแพนแต่แพนปฏิเสธ วรรณจิราเห็นใจแพนทั้งสองจึงไปปลูกเรือนหอไว้เชิงผาวังนางโรม ซึ่งมีตำนานว่าเมื่อห้าร้อยปีก่อน มีนายทหารหนุ่มรักกับสาวชาวเกาะชื่อ นางโรม นายทหารสัญญาว่าจะกลับมารับนางโรมไปเป็นภรรยา แต่นางโรมรอเท่าไหร่ทหารหนุ่มก็ไม่มา จึงตัดสินใจกระโดดจากหน้าผาและสาปแช่งไว้ว่าหากชาวเกาะคนใดผิดหวังในความรักให้มากระโดดที่หน้าผานี้ กร้าวซึ่งแอบรักโรยกล่าวหาว่าแพนดูหมิ่นเทพพระสมุทร จึงยกกำลังคนไปกวาดล้างชาวพระนคร แพนขัดขวางและท้ากร้าวต่อสู้ด้วยขวานยาวตัวต่อตัวตามประเพณีโบราณ กร้าวเสียชีวิตจากการแข่งขัน แพนจึงขอให้ สังค์ เป็นหัวหน้าชาวเกาะต่อไป วันหนึ่งมีคนนำข่าวมาแจ้งว่าพระยาวุฒิศักดิ์ธำรงพ้นมลทิน เจ้าคุณจึงจะกลับพระนคร วรรณจิราขออยู่กับแพนต่อที่เกาะนี้แต่หลวงราชไมตรีไม่เห็นด้วยวรรณจิรากลัวหลวงราชฯ จะฆ่าแพนจึงต้องยอมกลับพระนครโดยผูกผ้าโพกผมไว้เป็นพยานรัก แพนรีบมาหาวรรณจิราทันทีที่รู้ข่าวแต่ไม่ทัน จึงตรงไปยังผานางโรมโดยปฏิญาณว่า ถ้าวรรณจิราไม่กลับมาก่อนพระอาทิตย์ตกดินจะสังเวยชีวิตตน อีกด้านหนึ่ง เรือของพระยาวุฒิศักดิ์ธำรงเกิดขัดข้อง วรรณจิราจึงตัดสินใจกระโดดลงน้ำว่ายกลับมาหาแพน แต่ไม่ทันก่อนพระอาทิตย์ตกดิน แพนจึงจบชีวิตตัวเอง