สัญชาตญาณโหด (2522)

เรื่องย่อ : สัญชาตญาณโหด (2522/1979) “ทด” เป็นทหารผ่านศึกที่มีอาการจิตหลอน จึงต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ทดเริ่มมีอาการดีขึ้นมาก “ธาดา” จึงไปรับทดกลับมาอยู่ที่บ้าน ธาดาทำงานอยู่กับ “วิฑูรย์” และ “พิมพ์” พิมพ์คอยช่วยเหลือดูแลครอบครัวของธาดาทุกเรื่อง วิฑูรย์ให้ธาดาเป็นเพื่อนในการติดต่อธุรกิจของเขา หลังจากนั้นไม่นานลูกน้องของวิฑูรย์ถูกตำรวจจับขณะลักลอบขนผงขาว วิฑูรย์กลัวธาดาจะปาก โป้งจึงนำพวกมาทำร้ายเธอที่บ้าน ทดเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างและเกิดจิตหลอนเห็นเป็นศัตรูบุก ทดจึงใช้ปืนยิงพวกวิฑูรย์ตายหมด ทดต้องไปขึ้นศาล ศาลตัดสินว่าทดไม่มีความผิดและได้รับการปล่อยตัวกลับบ้าน

ขุนศึก (2519)

ขุนศึก (2519/1976) 15 ปี หลังจากกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พระเจ้าบุเรงนอง สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ทรงกรีธาทัพไทย พร้อมด้วยถสมเด็จพระเอกาทศรถ พระอนุชา เข้ายึดเมืองแกลงอันเป็นเมืองเชื่อมเขตแดนไทยกับพม่า ได้ทรงหลั่งอุทกธาราประเทศตัดไมตรีกับพม่า พม่ายกกำลังบุกไทย เสมาคุมทหารกองหนึ่งจากท่านขุนลิต ขุนลิตสู้จนตัวตาย เสมาสืบทอดเจตนารมณ์ทำงานต่อจากขุนลิต รวบรวมกองอาสาและนำเรื่องกราบเรียนพระธรรมนูญ พระธรรมนูญรับเสมาเข้าร่วมรบ ทัพหน้าของพระธรรมนูญเข้าตีทัพพม่า จนพม่าถอยทัพกลับ บ้านเมืองจึงสงบ และเสมาได้บรรดาศักดิ์เป็นขุนแสนศึกพ่าย

พยัคฆ์ร้ายไทยถีบ (2518)

พยัคฆ์ร้ายไทยถีบ (2518/1975) สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นเข้ามาตั้งฐานทัพอยู่ในประเทศไทยในการทำสงครามโลก รัฐบาลไทยจำยอมและต้องให้ความร่วมมือกับทางญี่ปุ่น แต่ก็ได้เกิดขบวนการต่างๆ ขึ้นมากมายเพื่อต่อต้านกองทัพญี่ปุ่นเพื่อปกป้องรักษาความเป็นไทย พจน์ ถูกทหารญี่ปุ่นจับตัวไปเพราะเข้าใจว่าเขาเป็นขโมย แต่ อรุณี ซึ่งเป็นพวกเสรีไทยปลอมตัวเข้าไปตีสนิทกับทหารญี่ปุ่นเพื่อสืบข่าว ช่วยพจน์ให้พ้นผิดได้ อรุณีทราบข่าวว่ากองทัพญี่ปุ่นจะพิมพ์ธนบัตรจำนวน 100 ล้านบาทขึ้นมาใช้เอง พล ซึ่งเป็นคนรักของอรุณีได้รับมอบหมายให้ทำลายงานนี้ซะ พลขอให้พจน์ซึ่งตอนนี้เป็นหัวหน้าขบวนการไทยถีบช่วยด้วย พลและพจน์นำลูกน้องไปทำลายเงินทั้งหมด และได้ต่อสู้กับทหารญี่ปุ่นจนได้รับชัยชนะ และตัดสินใจไปอยู่กับขบวนการเสรีไทยเพื่อช่วยชาติต่อไป

คู่กรรม (2516)
คู่กรรม (2516/1973) มีประโยชน์อะไรที่จะตั้งทิฐิเข้าหากัน ทิฐิมานะ ความใจแข็ง เป็นของดี ถ้าหากนำมาใช้ในทางที่ถูก แต่จะมีประโยชน์อะไรที่จะนำมาใช้กับคนที่เรารัก ชีวิตคนเรานั้นไม่ยืนยาวนักหรอก โดยเฉพาะเวลาสำหรับความรักมักผ่านไปเร็วเสมอ ผู้ผ่านเวลานั้นมาแล้ว ย่อมซึมซับในหัวใจ เวลา...ที่ไม่ว่าสิ่งแวดล้อมจะเป็นเช่นไร หัวใจจะยังอบอุ่นด้วยความหวัง แม้...ในยามที่เวลานั้นจะไม่ถอยกลับคืนมาอีก ผู้นั้นก็ยังมีความสุข ด้วยรำลึกถึงความสุขที่เคยผ่านมาแล้วเป็นเครื่องปลอบใจ จำไว้...ถ้าเราเข้าใจคนที่เรารัก ดวงไฟดวงนั้นจะอบอุ่นอยู่ในหัวใจเสมอ ชีวิตจะมีความหมายอะไร ถ้าในครั้งหนึ่งไม่เคยรู้จักความรักอันอ่อนโยน ไม่เคยสัมผัสแม้ความผูกพันอันดื่มด่ำ ที่จะยอมสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างได้หมด เพียงเพื่อคนที่เรารัก
ขุนทาส (2513)
ขุนทาส (2513/1970) ย้อนไปเมื่อรัชกาลที่ 5 ทรงประกาศเลิกทาส แต่พระยามหินทร์ (ฑัต เอกฑัต) ซึ่งเป็นเจ้าเมืองหนึ่งไม่ยอมทำตามพระประสงค์ ยังคงใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงทาสในเรือนอยู่ต่อไป ทาสในเรือนจึงคิดหลบโดยมีอีเครือ (เพชรา เชาวราษฎร์) ไต้เหลียน (เนาวรัตน์ วัชรา) เจ้าพัน (เพชร พิษณุ) เจ้ากิ่ง (ฤทธี นฤบาล) เป็นหัวหอกนำทาง แต่เหมือนเคราะห์ซ้ำเมื่อกลุ่มทาสเหล่านั้นถูกไกวซง (วิชิต) หัวหน้าจีนฮ่อซึ่งเป็นพ่อไต้เหลียนบังคับเอาตัวไปเป็นทาสใช้แรงงานก่อสร้างค่ายจีนฮ่อและทำทารุณกรรมยิ่งกว่าตอนที่อยู่กับพระยามหินทร์เสียอีก อีเครือจึงหลบหนีออกมาเพื่อจะหาคนไปช่วยทาสเหล่านั้นและได้พบกับ ร.อ.ขุนรณชิต (มิตร ชัยบัญชา) ซึ่งกำลังออกตามหาทาสเหล่านั้นตามคำสั่งของเจ้าพระยาภูธร (อดุลย์ ดุลย์รัตน์) ขุนรณชิตจึงต้องปลอมตัวเข้าไปเป็นทาสในค่ายจีนฮ่อและได้ร่วมมือกับเจ้าพัน เจ้ากิ่ง ช่วยเหลือทาสเหล่านั้นให้พ้นมือจีนฮ่อ
ไก่ฟ้า (2512)
ไก่ฟ้า (2512/1969) ข้อความบนใบปิด สบายใจฟิล์ม เสนอ.. ไก่ฟ้า บทประพันธ์ ของ เยี่ยม พลอยบุศย์ มิตร ชัยบัญชา โสภา สถาพร แมน ธีระพล เมตตา รุ่งรัตน์ ขบวนดาราคับคั่ง จรูญ สินธุเศรษฐ์, ขวัญตา บัวเปลี่ยนสี, มาลี เวชประเสริฐ, เปิ่น, บีช, ทองฮะ, ก๊กเฮง, แป้น ปลื้มสระไชย, สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม, จำนงค์ บำเพ็ญทรัพย์, พิภพ ภู่ภิญโญ, ปราณีต คุ้มเดช, เทียนชัย, สมาน, อมร ฯลฯ อุบล เจริญพงศ์ อำนวยการสร้าง สมควร กระจ่างศาสตร์ กำกับการแสดง สมาน ทองทรัพย์สิน-เขียวหวาน ภักดีวิจิตร ถ่ายภาพ สบายใจฟิล์ม จัดจำหน่าย
ดิน น้ำ ลม ไฟ (2512)

ดิน น้ำ ลม ไฟ (2512/1969) ข้อความบนใบปิด วัฒนภาพยนตร์ ไพรัช กสิวัฒน์ สร้างความยิ่งใหญ่อีกครั้งให้เหนือกว่า น้อยไจยา จุฬาตรีคูณ สันกำแพง ครั้งแรกที่จ้าวสังเวียนในอดีตโคจรมาพบกันให้เกรียงไกร คือ... ชูชัย พระขรรค์ชัย (เทพบุตรสังเวียน) สุรชัย ลูกสุรินทร์ (เสือสำอางค์) ดิน น้ำ ลม ไฟ บทประพันธ์ของ อรชร สมบัติ เมทะนี นำ อรัญญา นามวงษ์ สุทิศา พัฒนุช พบ ครรชิต ขวัญประชา ร่วมด้วย รุจน์ รณภพ, สุวิน สว่างรัตน์, ไสล พูนชัย, รสสุคนธ์ กสิวัฒน์, สีเทา, ธัญญา ธัญญารักษ์, ชาย, เลิศ, พิภพ ภู่ภิญโญ, สมพงษ์ พงษ์มิตร และ ล้อต๊อก ขอแนะนำสองดาวรุ่งดวงใหม่ จอมใจ จรินทร์ โขมพัสตร์ อรรถยา ปรีชา ทรัพย์พระวงศ์-สมาน ทองทรัพย์สิน-ปง อัศวินิกุล ถ่ายภาพ ไพรัช กสิวัฒน์ กำกับการแสดง รสสุคนธ์ กสิวัฒน์ อำนวยการสร้าง ฟัง 8 เพลงเอก 35 ม.ม.ซีเนมาสโคป สีอิสต์แมน นวฤทธิ์ฟิล์ม จัดจำหน่าย 

 
ดอกอ้อ (2511)
ดอกอ้อ (2511/1968) ดอกอ้อ เมื่อตอนยังเล็กๆ อาศัยอยู่และหนีตายข้ามโขงมายังฝั่งไทยกับแม่และป้าแหวน (มนัส บุญยเกียรติ) ซึ่งเป็นแม่นม ระหว่างหลบหนีมานั้น แม่ก็ถูกฆ่าตาย ส่วนป้าแหวนก็ถูกยิงได้รับบาดเจ็บและพลัดหลงกัน แม่ครูพร (ศรินทิพย์ ศิริวรรณ) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงเรียนพรพิทยา เห็นเหตุการณ์จึงช่วยนางเอกซึ่งมีชื่อว่า อ๋อ มาเลี้ยงไว้แทน แต่เพราะเห็นว่าชื่อ อ๋อ นั้นไม่ค่อยจะเพราะ แม่ครูพรจึงเปลี่ยนชื่อให้ใหม่ว่า ดอกอ้อ (เพชรา เชาวราษฏร์) ส่วนชื่อจริงๆ ของดอกอ้อ ก็คือ กมลมาศ สิทธิกร ซึ่งสลักไว้ในเหรียญห้อยคอที่ติดตัวดอกอ้อมานั่นเอง 15 ปีต่อมา ดอกอ้อก็โตเป็นสาวและเป็นครูสอนที่โรงเรียนของแม่ครูพร โดยมีเพื่อนซี้อยู่สองคนซึ่งแม่ครูพรเลี้ยงมาพร้อมๆ กันคือ เมี่ยง (ดอกดิน กัญญามาลย์) ทำหน้าที่เป็นภารโรง ส่วน เอื้องคำ (อรสา อิศรางกูร ณ อยุธยา) นั้นเป็นแม่ครัว นอกจากนี้ยังมี ภาณี (ชฎาพร วชิรปราณี) ซึ่งแม่ครูพรเลี้ยงมาแต่เด็กๆ แต่ภาณีไม่ค่อยจะถูกชะตากับดอกอ้อ วันหนึ่ง พิทักษ์ (แมน ธีระพล) ซึ่งได้รับมรดกที่ดินโรงเรียนที่แม่ครูพรเช่าก็ขอขึ้นค่าเช่าที่ดิน ภาณีจึงได้รู้จักสนิทสนมกับพิทักษ์ ต่อมาแม่ครูพรก็มอบสายสร้อยและเหรียญสลักชื่อสกุลให้ดอกอ้อ ทำให้ภาณีไม่พอใจ ดอกอ้อจึงตัดความรำคาญยกสายสร้อยของตนเองให้ภาณีไปโดยไม่รู้ว่านั่นเป็นสร้อยนามสกุลของตนเอง ดอกอ้อ เมี่ยงและเอื้องคำ พานักเรียนไปเที่ยวป่าและหลงป่าจึงได้พบกับผู้การวิคุณ (อดุลย์ ดุลยรัตน์) ที่ไล่ยิงพวกคนร้ายผ่านมา วิคุณสนใจในตัวดอกอ้อ ส่วนภาณีนั้นก็ขโมยเงินแม่ครูหนีเข้ากรุงเทพฯ ดอกอ้อจะไปตามภาณี แต่เกิดการยิงกันและมีชายคนหนึ่งถูกยิงบาดเจ็บมาซ่อนตัวในโรงเรียน เขาบอกแต่ชื่อว่า นายอ่อน (มิตร ชัยบัญชา) ดอกอ้อสงสารจึงช่วยเหลือนายอ่อนจนอาการดีขึ้น แท้จริงแล้ว นายอ่อนก็คือ เจ้าตรีทศวงศ์ นายพลทหารบกลาว ซึ่งหนีภัยการเมืองและกำลังถูกนายพิทักษ์กับพวกที่รับจ้างทหารลาวตามฆ่า ผู้การวิคุณจึงวางแผนให้เจ้าตรีทศวงศ์ไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านของพี่สุทธิ (สุวิน สว่างรัตน์) ในกรุงเทพฯ โดยวางแผนให้เห็นว่า นายอ่อนถูกยิงตายและทหารไทยนำศพไป ทำให้ดอกอ้อซึ่งไม่รู้แผนนี้เสียใจเพราะเริ่มมีใจให้นายอ่อนแล้ว ต่อมาพิทักษ์พูดสู่ขอดอกอ้อกับแม่ครู แต่ครูไม่ชอบนิสัยนักเลงของพิทักษ์ จึงให้ดอกอ้อหนีไปเรียนต่อในกรุงเทพฯ ฝ่ายนายอ่อนเมื่อมาอยู่กรุงเทพฯ ก็ปลอมตัวเป็นคนตาบอดชื่อนายนิ่มและสนิทสนมกับลูกสาวพี่สุทธิซึ่งตาบอดเช่นกันชื่อว่า อ้อย (ด.ญ.จิระวดี อิศรางกูร ณ อยุธยา) ส่วนนายทักษ์เมื่อรู้ว่า แม่ครูกีดกันไม่ให้แต่งงานกับดอกอ้อ ก็ลอบเผาโรงเรียนทิ้ง ครูพรจึงต้องเข้ากรุงเทพฯไปอยู่กับดอกอ้อ
พระลอ (2511)

พระลอ (2511/1968) พระลอดิลกราช โอรสกษัตริย์แห่งเมืองแมนสรวงผู้ได้รับการร่ำลือไปทั่วสารทิศในเรื่องรูปโฉมอันงดงาม วันหนึ่ง พระลอได้ฟังพรรณนาถึงความงามของ พระเพื่อน และ พระแพง สองพี่น้องเจ้าหญิงแห่งเมืองสรอง พระลอจึงออกเดินทางมุ่งหน้าตามหาเจ้าหญิง เป็นจุดเริ่มต้นไปสู่โศกนาฏกรรมความรักครั้งยิ่งใหญ่ที่กลายเป็นตำนาน

สมบัติแม่น้ำแคว (2511)
สมบัติแม่น้ำแคว (2511/1968) แมน ธีระพล พา มิตร ชัยบัญชา เพื่อนคู่หู ไปเยี่ยม ยามาโมโต นักสมุทรศาสตร์ชาวญี่ปุ่นที่เกาะแห่งหนึ่งของอ่าวไทย ในอดีตนั้น ยามาโมโต ก็คือพันโททหารญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ลำเลียงทองคำมูลค่ามหาศาลจากพม่าจะไปญี่ปุ่น แต่เรือบรรทุกทองคำถูกเรือฝ่ายสัมพันธมิตรยิงจมลงกลางอ่าวไทย จุดที่เรือจมนั้นก็มีแต่พันตรีทานากะคนเดียวที่รู้ตำแหน่ง เมื่อสงครามยุติ พันตรีทานากะก็กลับไปอยู่ฮ่องกง ขณะที่แมนกับมิตรไปหายามาโมโตนั้น มิตรก็ได้พบกับไพลินลูกสาวคนสวยของผู้ใหญ่สิน มิตรกับไพลินจึงเริ่มรักใคร่ชอบพอกัน ชัช เป็นหัวหน้าขบวนการใต้ดินสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้จับตาดูพฤติกรรมการเลี้ยงหอยมุขของยามาโมโต เพราะคิดว่ายามาโมโตจะต้องรู้จุดที่เรือบรรทุกทองคำจมลง จึงแกล้งมาเลี้ยงหอยมุขอยู่บนเกาะแห่งนี้เพื่อจะหาโอกาสนำทองคำกลับไปญี่ปุ่น ต่อมา ยามาโมโต ก็ได้รับโทรเลขด่วนจากทานากะ บอกให้รีบเดินทางไปฮ่องกงเพื่อทานากะจะบอกจุดที่เรือบรรทุกทองคำจมลง ยามาโมโตและโชโกะจึงเดินทางไปฮ่องกง แมนรู้เรื่องก็แอบตามไปด้วย โดยแมนก็ไม่รู้ว่าชัชได้ส่งสมุนสะกดรอยตามไปด้วยเช่นกัน สมุนของชัชเข้าถึงตัวทานากะได้ก่อนและฆ่าทานากะตายก่อนที่ทานากะจะบอกความจริงว่า เรือบรรทุกทองคำจมอยู่ ณ จุดใด ย้อนกลับมาที่เกาะในอ่าวไทย ก็มีนักดำน้ำขี้เมาอยู่คนหนึ่งชื่อ ตาบุญ ตาบุญรู้ว่าจุดที่เรือบรรทุกทองคำจมลงนั้นอยู่ตรงไหน ตาบุญสนิทสนมกับไพลิน มีอะไรก็จะเล่าบอกไพลิน จุดเรือจมนี้ตาบุญก็เคยเล่าบอกไพลินแล้ว แต่ไพลินไม่เชื่อ คิดว่าตาบุญพูดเรื่อยเปื่อยตามประสาคนเมา แล้วจู่ๆ วันหนึ่ง ตาบุญก็พาไพลินไปยังจุดที่เรือจม ตาบุญดำน้ำลงไปงมเอาเศษไม้ป้ายชื่อเรือมาให้ไพลินดู เมื่อรู้จุดที่เรือจม ยามาโมโตกับสินจึงพาชาวบ้านไปงมหาทองคำ เมื่อได้ทองคำขึ้นมาแล้วก็ถูกชัชกับสมุนดักปล้นเอาทองคำไป ไพลินและโชโกะถูกจับเป็นตัวประกัน มิตรกับแมนก็ขับเครื่องบินบินสกัดรถบรรทุกทองของชัช เกิดการต่อสู้กัน ชัชขับรถบรรทุกทองหนีไปได้ แต่ระหว่างทาง รถก็เกิดระเบิดขึ้นเพราะยามาโมโตได้แอบซุกระเบิดไว้ในหีบบรรจุทองคำ ทำให้ชัชกับสมุนเสียชีวิต ไม่มีใคร
จุฬาตรีคูณ (2510)
จุฬาตรีคูณ (2510/1967) อริยวรรต (มิตร ชัยบัญชา) จอมกษัตริย์แห่งแคว้นมคธ ต้องการรวมแผ่นดินชมพูทวีปให้เป็นหนึ่ง ยาตราทัพมาหยุดถึงริมฝั่งแม่น้ำคงคา เตรียมตัวข้ามไปยังกรุงพาราณสี แต่ราตรีนั้นฝันเห็นนิมิตหมาย ดารารายพิลาส (เพชรา เชาวราษฎร์) หญิงสาวสะอื้นร่ำไห้ชิงชังในความงามของตนเอง ด้วยความรุ่มร้อนพระทัยอยากพบเจอตัว จึงสั่งเลิกทัพแล้วชักชวนน้องรัก ขัตติยะราเชนทร์ (สมบัติ เมทะนี) ให้ร่วมออกเดินทางไปด้วยกัน กระนั้นด้วยความเฉลียวฉลาดของพระอนุชา ล่วงรู้ได้ว่านั่นย่อมเป็นเหตุลางร้าย พยายามขัดขวางแนะนำให้กลับไปอภิเษกสมรสพระคู่หมั้น อาภัสรา (เนาวรัตน์ วัชรา) ที่แม้จะเป็นคนรักของตน แต่พระราชบิดาทรงจัดการหมั้นหมายไว้ก่อนสวรรคต จึงมิอาจขัดคำสั่งพระทัย แต่สุดท้ายก็มิอาจขืนความดื้อด้านของราชะกษัตริย์ ยินยอมออกนำทางสู่กรุงพาราณสี พร้อมอีกหนึ่งบริวารตัวดำ (ดอกดิน กัญญามาลย์) อริยวรรต ปลอมตัวเป็นพราหมณ์ วิพาหะ ขณะที่ ขัตติยะราเชนทร์ ปลอมเป็น กัญญะ ผู้มีเสียงเสนาะปานนกโกกิลา ทั้งสองเข้าไปถึงชานเมืองพาราณสีวันเดียวกับที่เจ้าหญิง ดารารายพิลาส ทรงหมั้นกับ กาฬสิงหะ กษัตริย์แห่งเวสาลีและเสด็จมานมัสการองค์ศิวะเทพที่เทวาลัย เมื่อนางแม่มดผู้ดูแลวิหาร เทวตี อัญเชิญเสด็จเจ้าหญิงเข้าสู่เทวาลัยใต้เงื้อมผา มีแต่เหล่าพี่เลี้ยงนางกำนัลตามเสด็จ ทันใดนั้นเกิดแผ่นดินไหวหินถล่มลงมาทับนางแม่มดและเหล่านางกำนัลตายสิ้น ส่วนเจ้าหญิงนั้น วิพาหะ เข้าไปช่วยพาตัวออกมาได้อย่างหวุดหวิด จากการช่วยชีวิตครั้งนี้ ทำให้สองสหายได้เข้าไปอยู่ในพระราชวังตามคำเชิญของพระเจ้ากรุงพาราณสี
ผู้ชนะสิบทิศ ภาคสมบูรณ์ บุเรงนองถล่มหงสาวดี (2510)
ปผู้ชนะสิบทิศ ตอน ถล่มหงสาวดี (2510/1967) จะเด็ด ได้รับมอบหมายให้ปราบเมืองแปร แต่กลับหนีทัพไปพาตัว กุสุมา คนรักกลับออกมาจากหงสา แม้พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้จะพิโรธจนตัดความสัมพันธ์ แต่ด้วยความปรีชาสามารถของจะเด็ด ความสัมพันธ์จึงกลับมาราบรื่นตามเดิม วันหนึ่ง เมื่อ ไขลู จากหงสาวดี กลับมากำจัดพระมหาเถร พระอาจารย์ของทั้งคู่ จะเด็ดและพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ จึงร่วมกันยกทัพเพื่อถล่มหงสาวดีให้พินาศเพื่อเป็นการล้างแค้น
ผู้ชนะสิบทิศ ภาค 2 บุเรงนองลั่นกลองรบ (2510)
ผู้ชนะสิบทิศ ตอน บุเรงนองลั่นกลองรบ (2510/1967) เรื่องราวต่อเนื่องจากเหตุการณ์ที่พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ยกทัพบุกมายังเมืองแปร ด้วยความพิโรธจากการกระทำของจะเด็ด แต่กลับต้องแตกทัพกลับไป ขณะเดียวกัน สอพินยา แห่งหงสาวดี ก็ได้ลักลอบพาตัวกุสุมา คนรักของจะเด็ด กลับมายังหงสา เมื่อเรื่องราวเริ่มบานปลาย จะเด็ดจึงตัดสินใจกลับไปตองอูอีกครั้งเพื่อพิสูจน์ตัวเองต่อพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ พระองค์จึงสั่งให้จะเด็ดเตรียมทัพเพื่อตีเมืองแปรเป็นการไถ่โทษ
สิงห์สันติภาพ (2509)
สิงห์สันติภาพ (2509/1966) ข้อความบนใบปิด หนังบู๊ต้องดู ลือชัย หนังใหญ่ต้อง...นฤชาภาพยนตร์ สิงห์สันติภาพ ของ ส.เนาวราช ลือชัย นฤนาท โสภา สถาพร เมตตา รุ่งรัตน์ ทม วิศวชาติ เชาว์ แคล่วคล่อง, อัญชนา วงศ์เกษม, สุดเฉลียว เกตุผล, สาหัส บุญหลง, ทนงศักดิ์ ภักดีเทวา, จุ๋มจิ๋ม ศรทอง, อดินันท์ สิงห์หิรัญ, ทานทัต วิภาตะโยธิน, สมพล กงสุวรรณ, ชูเตี้ย, บู๊ วิบูลย์นันท์, ทูล, เทียว ธารา, ทศ วงศ์งาม, วงศ์ ศรีสวัสดิ์, สมพงษ์ พงษ์มิตร, พูนสวัสดิ์ ธีมากร ประกอบ แก้วประเสริฐ กำกับการแสดง สานิต-สล้าง ศราภัย ถ่ายภาพ นฤชา จิตรีขันธ์ อำนวยการสร้าง โชติมา จิตรีขันธ์ ประชาสัมพันธ์
ผู้ชนะสิบทิศ ตอน ยอดขุนพล (2509)
ผู้ชนะสิบทิศ ตอน ยอดขุนพล (2509/1966) จะเด็ด สามัญชนผู้ได้รับการเลี้ยงดูจากพระมหาเถร พระอาจารย์แห่งกษัตริย์ตองอู และต่อมา ได้รับเลือกให้เป็นผู้สืบทอด ดาบยอดขุนพล เมื่อถึงรัชสมัยพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ ผู้ซึ่งนับถือจะเด็ดเป็นพระสหายคนสนิท เขาได้รับมอบหมายให้เป็นแม่ทัพปราบเมืองแปร แต่จะเด็ดกลับไปหลงรักและอภิเษกกับ กุสุมา ธิดาพระเจ้าเมืองแปร เป็นเหตุให้พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ทรงพิโรธ และยกทัพบุกยังเมืองแปร
ศึกบางระจัน (2509)
ศึกบางระจัน (2509/1966) เรื่องราวของ ทับ ชายหนุ่มผู้อพยพชาวบ้าน รวมทั้งนิมนต์พระครูธรรมโชติมาอยู่ที่บางระจัน เพื่อเตรียมรับมือกับทัพพม่า เมื่อได้ข่าวว่าข้าศึกกำลังมาเยือนพร้อมด้วยปืนใหญ่ ทับจึงอาสาฝ่าอันตรายเดินทางไปขอปืนใหญ่ในวังหลวง อ้ายทับ แห่งบ้านคำหยาดหัวหน้ากลุ่มโจรที่คอยโจมตีทัพพม่า ต่อมาชาวบ้านคำหยาดไปรวมตัวกับชาวบ้านแห่งค่ายบางระจัน และอ้ายทับได้เป็นหัวหน้ากองทหารแห่งบ้านบางระจัน ชาวค่ายบางระจันสามารถรบโจมตีกับทัพพม่าได้แทบทุกครั้งด้วยความสามัคคีของคนในค่าย แต่ทว่าด้วยกำลังเพียงหยิบมือกับกองทัพขนาดใหญ่ที่หมายบุกไปโจมตีกรุงศรีอยุธยา ทำให้ชาวบ้านบางระจันถูกตีแตกพ่ายเหลือเพียงตำนานเล่าขานวีรกรรมแด่คนรุ่นหลัง