หวานใจนายเรือ (2481)
หวานใจนายเรือ (2481/1938) ร.ท. เกษม ยุทธนาวิน ร.น. กับ ร.ต.ชลัชชาญนาวี ร.น. ต้องเดินทางไปฝึกยิงปืนป้อม ณ สถานีฝึกสัตหีบชั่วคราว วันหนึ่ง ขณะที่เกษมกับชลัชเดินเล่นที่ชายหาด ได้ยินเสียงร้องเพลงของหญิงสาว จึงเดินตามหาเสียงนั้น บังเอิญเห็นคนร้ายกำลังฉุดคร่าหญิงเจ้าของเสียง ทั้งสองจึงเข้าไปช่วย และโดนแทงบาดเจ็บ ชายชราคนหนึ่งวิ่งเข้ามาช่วย และพาเกษมไปทำแผลที่บ้าน จึงได้ทราบว่าหญิงสาวนั้นชื่อเพลินใจ อาศัยอยู่กับพ่อคือ พร เพียงสองคน พวกที่เข้ามาทำร้ายตนนั้นคือสมุนของ ทองอ่อน ซึ่งต้องการลายแทงขุมทรัพย์โจรสลัดที่พรครอบครอง จึงมักส่งสมุนมากลั่นแกล้งสองพ่อลูกอยู่เสมอ เกษมติดใจในน้ำเสียงของเพลินใจจึงเสนอให้เพลินใจไปเรียนร้องเพลงที่กรุงเทพ เพื่อให้เพลินใจพ้นน้ำมือของทองอ่อน โดยให้อาศัยอยู่ที่บ้าน พระยาพัศดุนาวา-การ ผู้เป็นบิดาของตน พรมีสีหน้าตกใจเมื่อได้ยินชื่อพระยาพัศดุฯ แต่ก็กำชับบุตรสาวให้อยู่ในโอวาทของท่าน ส่วนตัวเกษมเองต้องฝึกงานอยู่ที่สัตหีบต่อ เพลินใจตั้งใจเรียนร้องเพลงเป็นอย่างดีจนได้สมญานามว่า นักร้องเสียงทอง และเป็นที่หมายปองของ ประกอบ บุตรบุญธรรมของพระยาพัศดุฯ ไม่นาน เกษมก็กลับมารับราชการที่กรุงเทพฯ และเริ่มสนิทสนมกับเพลินใจมากขึ้นทำให้ พิศมัย คู่หมั้นของเกษมเกิดความหึงหวง ทองอ่อนสมคบกับ เถ้าแก่เลี่ยงฮง แซ่อึ้ง เจ้าของเรือตังเก ตามหาขุมทรัพย์โจรสลัด พรเริ่มกังวลว่าทองอ่อนจะรู้ที่ซ่อน จึงปรึกษา ทองต่อ น้องภรรยา ให้ไปเยี่ยมเพลินใจที่บ้านพระยาพัศดุฯ แทน และเล่าความหลังว่าหลังจากภรรยาเสียชีวิตได้ฝาก ประกอบ ลูกชายให้พระยาพัศดุฯ เลี้ยงดู และได้แอบซ่อนสมุดข่อยลายแทงขุมทรัพย์ในห้องเครื่องลายครามที่บ้านพระยาพัศดุฯ เมื่อทองต่อเดินทางมาพักที่บ้านพระยาพัศดุฯ ก็พยายามหาโอกาสขโมยสมุดข่อยแต่โดนประกอบจับได้ จึงต้องบอกความจริงว่าประกอบกับเพลินใจมีความเกี่ยวดองกันและรีบลากลับสัตหีบ พิสมัยร้องขอให้ คุณนายแจ่ม มารดา เร่งรัดการแต่งงานของตนกับเกษม พระยาพัศดุฯ จำต้องแบ่งรับแบ่งสู้ยอมตกลง เพลินใจกลับมาจากเรียนร้องเพลงเผอิญได้ยินสองแม่ลูกกล่าวดูถูกเหยียดหยามตนเอง บังเกิดเป็นความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจจึงเก็บข้าวของกลับมาหาบิดาที่สัตหีบ จากนั้น พร เพลินใจ และทองต่อก็เริ่มออกตามหาขุมทรัพย์ จนในที่สุดก็พบหีบสมบัติบรรจุเพชรนิลจินดาและทองคำมากมายทองอ่อนซึ่งสะกดรอยตามมาจึงแย่งชิงสมบัติไป เกษม ชลัช และประกอบนำเจ้าหน้าที่ไล่ตามทองอ่อนจนทัน เกิดการปะทะกันแต่ก็จับกุมทองอ่อนกับพวกได้สำเร็จ
สาวสมัยใหม่ (2481)
ถ่านไฟเก่า 2481
ถ่านไฟเก่า (2481/1938) พระยาอุปถัมภ์ เป็นคนหวงสมบัติมาก ด้วยความที่กลัวเงินทองของตนจะรั่วไหล จึงบังคับให้ อดุลย์ ลูกชายคนโตแต่งงานกับ สมนึก ลูกสาวของลำไย น้องสาวของตน แต่อดุลย์แอบมีเมียลับๆ อยู่แล้วชื่อ จินตนา ซึ่งมีฐานะยากจน พระยาอุปถัมภ์ยื่นคำขาดว่าจะตัดพ่อตัดลูกหากอดุลย์ไม่เลิกกับเมียเก็บ อดุลย์จึงบากหน้าไปขอเลิกกับจินตนาและมอบเงินให้จำนวนหนึ่ง จินตนาผู้ยึดมั่นในศักดิ์ศรี ไม่ขอรับเงินและออกจากชีวิตของอดุลย์ไปอย่างเด็ดเดี่ยว แล้วไปอยู่กับป้าที่นครสวรรค์ผ่านไปปีเศษ เถ้าแก่เอี้ยหลง ปู่ของจินตนาเสียชีวิต ก่อนตายได้ทำพินัยกรรมยกมรดกให้จินตนา เธอจึงเดินทางไปรับมรดกและอยู่กับป้าที่สงขลา เถกิง น้องชายของอดุลย์ต้องไปรับราชการที่สงขลา ก่อนเดินทาง พระยาอุปถัมภ์ได้กำชับให้เถกิงไปทำความรู้จักกับหลานสาวเถ้าแก่เอี้ยหลง เพราะได้ยินกิตติศัพท์ว่าร่ำรวย และละโมบอยากได้สมบัติคนอื่นมาสมทบสมบัติของตน จึงทำให้เถกิงได้พบจินตนาโดยไม่รู้ว่าเธอคืออดีตเมียเก็บของพี่ชาย จินตนาจำนามสกุลของเถกิงได้ จึงคิดแก้เผ็ดพระยาอุปถัมภ์และอดุลย์ด้วยการแกล้งทำเป็นสนิทสนมกับเถกิงต่อหน้าคนทั้งหลาย ถ่านไฟเก่าจึงปะทุ อดุลย์เกิดความหึงหวงจินตนา เมื่อถูกอดุลย์ละเลยบ่อยครั้งเข้าสมนึกจึงหันไปรักกับเถกิง วันหนึ่ง สมนึกบังเอิญได้รู้ความจริงว่าจินตนาเคยเป็นเมียเก็บของอดุลย์ จึงไปหารือกับอดุลย์เพื่อซ้อนกลจินตนา ด้วยการประกาศหมั้นต่อหน้าธารกำนัล พระยาอุปถัมภ์สมปรารถนา แต่จินตนาเกิดความเศร้าขึ้นในจิตใจ พระยาอุปถัมภ์เกิดความสงสัยในพฤติกรรมอันแปลกประหลาดของทั้งสี่ ก็ปีนไปแอบฟังบนต้นไม้ที่ทุกคนหลบมาคุยกัน แล้วความจริงก็กระจ่างว่าจินตนาและอดุลย์ยังมีใจให้แก่กัน ก่อนจะร่วงหล่นลงมากลางวงสนทนา พระยาอุปถัมภ์ก็หยุดเจ้ากี้เจ้าการ เพราะยังไงแกก็ได้หลานสาวเศรษฐีเป็นลูกสะใภ้อยู่ดี
ลูกกำพร้า (2481)
ลูกกำพร้า (2481/1938) ท่านใดยังไม่ได้ดู ควรหาโอกาศไปดูเสีย เพราะหมดโปรแกรมนี้ จะส่งไปต่างจังหวัดแล้ว
ในสวนรัก (2481)
ในสวนรัก (2481/1938) ชื่น ลูกชายคนเดียวของ นายเชยเศรษฐีเจ้าของทุ่งสาลีแห่งนครชัยศรี กำลังจะไปเรียนต่อที่กรุงเทพ ก่อนเดินทางชื่นมาบอกลา พิม คนรักซึ่งเป็นเพื่อนตั้งแต่เด็ก แต่เมื่อมาถึงกรุงเทพแทนที่ชื่นจะตั้งใจศึกษาร่ำเรียน กลับเอาเงินที่นายเชยส่งเสียไปปรนเปรอวิลัย ผู้หญิงหากิน หลงลืมพิมเสียสิ้น อีกฟากหนึ่ง พระยาวินิจวิจารณา ข้าราชการเบี้ยบำนาญเดินทางมานครชัยศรีเพื่อขายที่ให้แก่นายเชยได้พบพิมที่อาสาพายเรือไปส่งที่บ้านนายเชย ระหว่างทางได้พูดจากันจึงรู้ว่าพิมคือลูกสาวของ พร น้องสาวของตน พระยาวินิจฯ จึงขออุปการะพิมให้ไปอยู่ที่กรุงเทพ แล้วล้มเลิกความคิดที่จะขายที่ให้นายเชย เมื่อมาอยู่กรุงเทพได้สักพัก พิมก็ต้องประหลาดใจมาก เพราะตกกลางคืนพระยาวินิจฯ มักจะไม่อยู่บ้าน จึงชวน ต่อม คนใช้แอบสะกดรอยตามพระยาวินิจฯ จนมาถึงภัตตาคารที่ซึ่งวิลัยทำงานอยู่ แทนที่จะได้พบพระยาวินิจฯ พิมกลับได้พบชื่นกำลังครวญเพลงอยู่แทน ต่อมช่วยพาชื่นให้มาพบกับพิม เมื่อชื่นเห็นพิมอยู่ในสถานที่แบบนี้ก็เข้าใจผิด ด่าทอพิมเสียๆ หายๆ พิมเสียใจเป็นอันมาก จึงเขียนจดหมายถึงนายเชยเล่าสิ่งที่ตนพบ เพื่อให้นายเชยเรียกตัวชื่นกลับนครชัยศรี เมื่อนายเชยได้ทราบข่าวจึงหยุดส่งเงินให้ชื่นทันที เมื่อวิลัยรู้ว่าชื่นไม่มีเงินก็ตีจากไป ชื่นสำนึกในความผิดจึงกลับไปขอคืนดีกับพิม
เพลิงพิศวาส (2481)
เพลิงพิศวาส (2481/1938) สุวรรณเกสร บุตรี ท้าวพรหมทัตแห่งเมืองพาราณสีผู้มีพระสิริโฉมงดงามยิ่งนัก แต่นางมีลักษณะประหลาดอย่างหนึ่ง คือตั้งแต่เกิดจนอายุได้สิบห้าไม่พูดกับชายใดเลย แม้พระบิดานางก็ไม่พูดด้วยจนสร้างความแปลกพระทัยต่อท้าวพรหมทัตยิ่งนัก ท้าวพรหมทัตจึงสั่งแต่งสารไปถึงเจ้านครต่างๆ ว่าพระองค์จะยกพระธิดาให้ หากมีใครสามารถชวนพระธิดาเจรจาด้วยได้พระองค์ก็จะจัดงานอภิเษกสมรสและยกพระนครให้ครอบครอง แต่ก็ไม่มีใครทำได้สำเร็จ กระทั่ง สรรพสิทธิ์บุตรเศรษฐีผู้มีสติปัญญาและเวทมนต์ ทราบเรื่องจากอำมาตย์ท่านหนึ่ง สรรพสิทธิ์จึงได้เข้าเฝ้าพระธิดา พร้อมทั้งหว่านล้อมพระธิดาด้วยนิทานเวทย์มนต์ปริศนา พาให้พระธิดาเกิดความข้องใจจนตรัสถามและเกิดชอบพอในการสนทนา สรรพสิทธิ์จึงได้อภิเษกสมรสกับนางสุวรรณเกสรทั้งได้ครองรักและดูแลพาราณสีร่วมกัน ทว่า นานวันเข้า สรรพสิทธิ์เสวยสุขารมณ์กับนางสุวรรณเกสรจนชักเบื่อหน่ายกับความมั่งมีในวัง จึงขอลาพระชายาออกประพาสไพรกับพี่เลี้ยงคู่ชีวิตที่ไว้วางพระทัย แต่ระหว่างประพาส สรรพสิทธิ์บังเอิญเห็นร่างของกวางตัวหนึ่งนอนตาย ก็นึกสนุกจึงถอดดวงวิญญาณเข้าสิงร่างกวางเพื่อเชยชมธรรมชาติในป่า ฝ่ายพี่เลี้ยงเห็นทีว่าร่างอันไร้วิญญาณของสรรพสิทธิ์จะเป็นประโยชน์แก่ตน จึงเข้าสิงร่างสรรพสิทธิ์หมายแอบอ้างครองบัลลังก์และตัวเจ้าหญิง แต่เพราะเจ้าหญิงและสรรพสิทธิ์นั้นรู้ทัน จึงหาทางวางแผนด้วยเล่ห์กลและเวทย์มนต์ จนสามารถกำจัดพี่เลี้ยงทรยศและกลับคืนสู่พาราณสีตามเดิม
พระร่วง (ขอมดำดิน)
พระร่วง (ขอมดำดิน) (2480/1937) เมื่อ 700 ปีล่วงมาแล้ว สมัยนั้น เมืองละโว้เป็นเมืองขึ้นของขอม นายคงเครา พ่อเมืองละโว้ต้องส่งส่วยน้ำไปบรรณาการทุกๆ ระยะ 3 ปี นายร่วง ลูกนาย คงเครา พ่อเมืองละโว้ เป็นศิษย์ร่วมอาจารย์หัดกระบี่กระบองกับนายขวัญ นายขวัญมีคู่รักคนหนึ่งชื่อ ลูกอิน คืนวันหนึ่ง นายขวัญปรึกษานายกลับ เพื่อนซึ่งค่อนข้างอัตคัดผมสักหน่อย ว่าจะไปหาลูกอินเพื่อจะลาไปส่งส่วยน้ำยังธานีขอม เมื่อร่ำลาคู่รักเรียบร้อยแล้ว นายขวัญกับพวกก็ลาไปยังธานีขอมเพื่อจะส่งส่วยน้ำตามประเพณี เมื่อถึงธานีขอมแล้ว นายขวัญเกิดไปชอบพอได้เสียกับ ผกา ธิดาพญาอำนาจ ซึ่งขณะนี้หมั้นอยู่กับนักฉกาจ อาจารย์เอกของพระเจ้าพันธุมฯ ขณะที่นายขวัญลักลอบร่วมรักกับผกานี่เอง นักฉกาจซึ่งไม่พอใจอยู่แล้วเห็นเหตุการณ์เข้า จึงพร้อมด้วยพญาอำนาจได้ทำการจับกุมนายขวัญฐานต่อสู้ทหารขอม ขณะที่นายขวัญต้องโทษ ผกา แม่เมียต่างชาติพยายามช่วยเหลือสามีต่างแดนจนพ้นโทษจนได้ แต่กว่าจะหลุดพ้นออกมาได้ก็ต้องทรมานทรกรรมแทบเลือดตาจะกระเด็น หลุดจากการเป็นนักโทษ นายขวัญและพวกก็เดินทางกลับละโว้ 3 ปีผ่านไป ละโว้เกิดขาดแคลนน้ำ พระเจ้าพันธุมฯ ทรงใช้ให้นักคุ้มเป็นข้าหลวงไปทวงส่วยน้ำยังเมืองละโว้ แต่นายร่วง ซึ่งขณะนี้ได้เป็นพ่อเมืองแล้ว ได้ใช้ปัญญาอันหลักแหลม ใช้ให้นักคุ้มซึ่งมาทวงส่วยน้ำนั้นนำส่วยน้ำกลับไปด้วยตนเอง เมื่อนักคุ้มถูกนำส่วยน้ำไปเช่นนั้น พระเจ้าพันธุมฯ ทรงกริ้วมาก หาว่าเมืองละโว้หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ดังนั้นจึงได้ให้พญาอำนาจและนักฉกาจควบคุมกองทัพไปเพื่อจะราวีละโว้ แต่เมื่อกองทัพถูกส่งไป ผกา แม่เมียรักต่างชาติของนายขวัญก็ปลอมเป็นชายติดตามไปด้วย เมื่อยกกองทัพไป ฝ่ายทหารกรุงละโว้รู้เรื่องเข้า จึงให้ผู้หญิงสาวชาวละโว้ออกมายั่วยวนทหารขอม ในที่สุด ทหารขอมก็แตกทัพเพราะเสียกลผู้หญิง พญาอำนาจและนักฉกาจถึงแก่ความตาย พร้อมด้วยผกาก็ถูกพญาอำนาจบิดาฟันตาย ขณะที่จะเข้าไปช่วยนายขวัญ สามี ขณะที่ขอมแตกทัพนี้ นักคุ้มคนเดียวที่ยังรอดชีวิตไปได้ จึงรีบเดินทางไปเฝ้าพระเจ้าพันธุมฯ พระเจ้าพันธุมฯ จึงใช้พญาเดโชให้ดำดินไปจับนายร่วงที่กรุงสุโขทัย... (ที่มา: นิตยสารชุมนุมภาพยนตร ตุลาคม พ.ศ. 2480)
ผีตายซาก
ผีตายซาก (2480/1937) ที่พระนครศรีอยุธยา หมอคำ แพทย์แผนโบราณชักจูงสี่หนุ่ม กั่ว แก้ว พิศ และ ทอง ไปแสวงโชค ตามลายแทงซึ่ง ขุนอัคนีฯ นายทหารที่เสียชีวิตในสนามรบได้สั่งเสียให้ฝังตำราชุบชีวิตไว้พร้อมศพของตนใต้เจดีย์ สี่หนุ่มตกลงร่วมขบวนไปขุดศพเพราะหวังว่าอาจจะเจอสมบัติอย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่อขุดพบศพตามลายแทง หมอคำไม่รอช้าผสมยาชุบชีวิตตามตำรา และลองกรอกยาให้ขุนอัคนีฯ หลายต่อหลายครั้งก็ยังไม่เป็นผล หมอคำจึงชวนกั่วและพิศไปขุดศพที่เพิ่งตายมาทำการทดลอง ทิ้งทองกับแก้วเฝ้าศพขุนอัคนีฯคล้อยหลังหมอคำ ขุนอัคนีฯ ก็ลุกพรวดตรงมาจับบ่าแก้ว ทั้งสองสะดุ้งตัวลอยวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องของผู้หญิงก็ดังขึ้น เมื่อไปถึงที่มาของเสียงก็พบศพหญิงสาวถูกบีบคอตาย แต่ไร้ร่องรอยของขุนอัคนีฯ เที่ยงคืนวันหนึ่ง สนาน นัดแนะ เพลินพิศ มาพลอดรักกันในสวน ขณะที่หนุ่มสาวกำลังกอดรัดกัน ขุนอัคนีฯก็โผล่เข้ามาบีบคอสนานสลบคามือ เพลินพิศตื่นตระหนกกรีดร้องสลบไปอีกคน ขุนอัคนีฯ พลิกดูใบหน้าของเพลินพิศแล้วให้นึกถึง สุดา เมียรักที่ต้องจากกันเมื่อครั้งไปออกรบ จึงอุ้มเพลินพิศหายไปในความมืด นายพิณ และ นางสิน ผู้เป็นพ่อและแม่ของเพลินพิศ เห็นลูกสาวหายไปนานจนผิดสังเกตจึงตระเวนเดินหาจนมาพบสนานที่เพิ่งฟื้นจากการสลบ จึงไปตามตัวหมอคำ เมื่อหมอคำได้ฟังความจากสนานจึงปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือของขุนอัคนีฯ และบอกให้ทุกคนเริ่มออกตามหาเพลินพิศในเวลากลางวัน เพราะเป็นเวลาที่ขุนอัคนีฯ หมดฤทธิ์และคงจะหลบซ่อนตัวในโลงศพที่วัดร้างสักแห่งเป็นแน่ ทุกคนแยกย้ายกันออกตามหา จนพบร่องรอยว่าขุนอัคนีฯ ว่าจ้างแท็กซี่ขนโลงศพสองโลงไปส่งที่โกดังสินค้าสนานและหมอคำจึงรีบไปยังที่หมายตามคำบอกเล่าของคนขับแท็กซี่ เพลินพิศพยายามหาทางหลบหนีแต่ขุนอัคนีฯ ตามมาทัน โชคดีที่สนานและหมอคำมาถึง หมอคำจึงใช้มีดอาคมแทงขุนอัคนีฯ กลายเป็นซากศพสิ้นฤทธิ์ตั้งแต่นั้นมา
Placeholder
นางนาคคืนชีพ (2480/1937) "นางนาคพระโขนง" เท่าที่ทราบกันแต่เพียงว่า ได้ถูกถ่วงน้ำและหายสาบสูญไปนั้น บัดนี้นางนาคได้กลับคืนชีพมาอีก และหนีจากถ่วงน้ำมาแผลงฤทธิ์ ดุร้าย น่าหวาดเสียว น่าตื่นเต้น และแสดงอภินิหารร้ายกาจกว่าเก่าหลายสิบเท่า (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน ศรีกรุง 8 มิถุนายน พ.ศ. 2480)
Placeholder
เมืองทอง

เมืองทอง (2480/1937) ชีวิตของ ฉัย ต้องพลิกผันเมื่อ นายสุด ผู้เป็นพ่อโดนเสือกินระหว่างการเดินทางไปค้าขายยังต่างถิ่นส่วน นางคำ ผู้เป็นแม่ ก็ยังมาตรอมใจตายตามพ่อไปอีกคนก่อนตายนางคำได้สั่งเสียให้ฉัยไปขออาศัยอยู่กับ นายเหมือน ผู้มีศักดิ์เป็นลุง นายเหมือนและ นางสลวย สองสามีภรรยาเป็นเศรษฐีที่มีจิตเมตตา สงสารชะตากรรมของฉัยจึงรับอุปการะส่งเสียให้ฉัยได้ร่ำเรียนในโรงเรียนเหมือนเด็กๆ ทั่วไป 15 ปีผ่านไป ฉัย เป็นผู้ใหญ่พอที่จะช่วยแบ่งเบางานของนายเหมือน ช่วยเก็บเงินค่าค้าไม้ ส่วน เพ็ญศรี ลูกสาวของนายเหมือนก็โตเป็นสาวงาม มีหนุ่มมากมายมาติดพันโดยเฉพาะ สอน คู่ปรับในวัยเด็กของฉัยที่เพียรมาขอความรักเพ็ญศรี แต่เพ็ญศรีไม่มีทีท่าจะรักตอบ เพราะมอบใจให้ฉัยไปหมดแล้ว นายเหมือนผู้รักฉัยดั่งลูกในไส้ก็มิได้รังเกียจฉัยแต่อย่างใด จึงส่งเสริมให้หนุ่มสาวได้ครองรักกัน ฝ่ายสอน เมื่อไม่สมหวังในความรักก็บ่ายหน้าเข้าหาสุรา และคิดแก้แค้นฉัยโดยทำทีมาเสนอค้าไม้ราคาถูก อ้างว่าพ่อค้าไม้คนหนึ่งนำมาแต่ภรรยาเสียชีวิตระหว่างการเดินทางจึงต้องรีบกลับไปจัดการทำพิธีศพ ฉัยตกหลุมพรางเข้าอย่างจัง ตามสอนไปหาพ่อค้าไม้อย่างว่าง่าย แต่แทนที่สอนจะพามาพบพ่อค้าไม้กลับพาฉัยมาที่ราชสีมาฮอลล์อันอุดมไปด้วยนางระบำ สอนเรียกให้เฉลียวมาร้องเพลงให้ฉัยฟัง จังหวะนั้นเอง ทองย้อยก็มาหาเรื่องชกต่อยกับฉัยและอาศัยช่วงชุลมุนขโมยกระเป๋าเงินของฉัยไป ทำให้ฉัยไม่กล้ากลับไปพบนายเหมือนจึงกลับไปที่บ้านเก่าของตน ฉัยได้มาเจอกับ แหน เพื่อนสมัยเด็กกำลังขลุกตัวอยู่กับ นายกอง นักวิทยาศาสตร์คร่ำครึ ที่พยายามเล่นแร่แปรธาตุหวังจะเปลี่ยนพริกเปลี่ยนกะปิให้เป็นทอง ฉัยเลยหลอกว่าให้ผสมใบตองลงไปด้วย นายกองเชื่อสนิทรีบไปปลูกต้นกล้วยหมายจะเอามาเปลี่ยนเป็นทอง นับจากวันที่ฉัยหายตัวไป เพ็ญศรีก็ไม่เป็นอันกินอันนอนล้มป่วยเป็นไข้ เดือดร้อนถึงนายเหมือนที่ต้องตามหมอมารักษา แต่ก็ไม่หาย นายเหมือนจึงชวนเพ็ญศรีไปเปลี่ยนบรรยากาศยังบ้านเดิมของฉัย เพ็ญศรีหูผึ่ง ลุกขึ้นกุลีกุจอเก็บข้าวของเดินทางไปบ้านเกิดของฉัยอย่างฉับพลัน สอนรีบตามมาเป่าหูเพ็ญศรีว่าที่แท้ฉัยกลับมาหาแหนคนรักเก่า เป็นจังหวะเดียวกับที่เพ็ญศรีเห็นแหนกำลังป้อนมะพร้าวใส่ปากฉัย สอนกระหยิ่มยิ้มย่อง ในใจคิดว่าเพ็ญศรีจะเป็นของตนก็คราวนี้ แต่การณ์กลับเป็นว่า เปิดโอกาสให้ฉัยได้ปรับความเข้าใจกับเพ็ญศรี สอนประจักษ์แก่ตาถึงความรักของทั้งสองจึงสารภาพความจริงและยอมตัดใจจากเพ็ญศรี ระหว่างที่เรื่องราวกำลังจะจบด้วยดี นายกองก็กระหืดกระหอบมาต่อว่าฉัยที่บังอาจมาหลอกให้ตนปลูกกล้วยเสียเกือบครึ่งปีฉัยเลยว่า ค่ากล้วยค่าใบตองที่นายกองเสียไปนั่นล่ะเท่ากับค่าทอง

เด็ดดวงใจ 2479
เด็ดดวงใจ (2479/1936) เปนเรื่องรักแกมโศก ของหนุ่มสาวชาวชนบท ที่ฝ่ายหญิงถูกพรากไปโดยเจ้าหนุ่มชาวกรุง เปนเรื่องยอดรักยอดโศกเจือคติจับใจ (ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพฯ วารศัพท์ มิถุนายน พ.ศ. 2479)
จันทร์เจ้าขา 2479

จันทร์เจ้าขา (2479/1936) จากเรื่องอ่านเล่นลือชื่อมาเปนลครร้องเรื่องที่ดูไม่น่าเบื่อ จากเรื่องลครที่ดูกันไม่เบื่อมาเปนภาพยนตร์พากย์ชั้นมโหฬาร คือ "จันทร์เจ้าขา" ของ "พรานบูรพ์" (ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพฯ วารศัพท์ พฤษภาคม พ.ศ. 2479)

ปิศาจเครือฟ้า ภาคจบ
ยอดหญิง
ยอดหญิง (2479/1936) ยอดหนังไทยพากยแบบหนัง พูด ของบริษัท 101 ฉายที่ วัฒนกร วันที่ 16 ถึง 19 มกราคมนี้ รอบเช้าอาทิตย์และรอเคจันทร์อังคารมีจําอวตสลับ

พญาน้อยชมตลาด (2478/1935) พญาน้อย ราชบุตรของพระเจ้าช้างเผือกมีอุปนิสัยชอบเอาแต่ใจตนเอง เป็นที่กลุ้มใจของพระราชบิดา จึงจัดการอุปภิเษกแต่พญาน้อยก็ยังไม่เลิกนิสัย วันหนึ่ง มะโดด กับ มะดวด มหาดเล็กคู่ใจของพญาน้อยมาถวายรายงานว่าพบสาวงามและเชิญพญาน้อยไปทอดพระเนตร พญาน้อยจึงทำทีเป็นเสด็จเยี่ยมทุกข์สุขของราษฎร เมื่อไปถึงตลาดท้ายเมืองตะเกิง พญาน้อยตรงดิ่งไปยังร้านแป้งน้ำมัน ซึ่ง เม้ยเจิง เป็นเจ้าของและพยายามเกี้ยวพาราสี แต่เม้ยเจิงมีสามีแล้วชื่อ มะเทิ่ง เมื่อเม้ยเจิงปฏิเสธหนักเข้า พญาน้อยผู้เอาแต่ใจจึงข่มขู่ว่าจะทำร้ายมะเทิ่งหากเม้ยเจิงไม่ยอมเป็นสนมเอก เม้ยเจิงจึงต้องตามพญาน้อยเข้าวัง พญาน้อยนำเม้ยเจิงแอบไว้ในห้องหนึ่งและให้คนหว่านล้อมเม้ยเจิง แต่นางก็เอาแต่ร้องไห้รำพันถึงสามีมะดวด กับ มะโดด แนะนำให้พญาน้อยจูบเม้ยเจิง ปรากฏว่าได้ผลดีเกินคาด เม้ยเจิงลืมมะเทิ่งเสียสิ้น ขนาดมะเทิ่งถวายฎีกาต่อพระเจ้าช้างเผือก เม้ยเจิงก็กลับให้การว่าตามพญาน้อยมาโดยสมัครใจ มะเทิ่งจึงต้องกลับบ้านทั้งน้ำตาพร้อมเงินค่าทำขวัญ 50 ชั่ง ปล่อยให้เม้ยเจิงมีความสุขกับพญาน้อย