ลูกกำพร้า (2481)
ลูกกำพร้า (2481/1938) ท่านใดยังไม่ได้ดู ควรหาโอกาศไปดูเสีย เพราะหมดโปรแกรมนี้ จะส่งไปต่างจังหวัดแล้ว
ในสวนรัก (2481)
ในสวนรัก (2481/1938) ชื่น ลูกชายคนเดียวของ นายเชยเศรษฐีเจ้าของทุ่งสาลีแห่งนครชัยศรี กำลังจะไปเรียนต่อที่กรุงเทพ ก่อนเดินทางชื่นมาบอกลา พิม คนรักซึ่งเป็นเพื่อนตั้งแต่เด็ก แต่เมื่อมาถึงกรุงเทพแทนที่ชื่นจะตั้งใจศึกษาร่ำเรียน กลับเอาเงินที่นายเชยส่งเสียไปปรนเปรอวิลัย ผู้หญิงหากิน หลงลืมพิมเสียสิ้น อีกฟากหนึ่ง พระยาวินิจวิจารณา ข้าราชการเบี้ยบำนาญเดินทางมานครชัยศรีเพื่อขายที่ให้แก่นายเชยได้พบพิมที่อาสาพายเรือไปส่งที่บ้านนายเชย ระหว่างทางได้พูดจากันจึงรู้ว่าพิมคือลูกสาวของ พร น้องสาวของตน พระยาวินิจฯ จึงขออุปการะพิมให้ไปอยู่ที่กรุงเทพ แล้วล้มเลิกความคิดที่จะขายที่ให้นายเชย เมื่อมาอยู่กรุงเทพได้สักพัก พิมก็ต้องประหลาดใจมาก เพราะตกกลางคืนพระยาวินิจฯ มักจะไม่อยู่บ้าน จึงชวน ต่อม คนใช้แอบสะกดรอยตามพระยาวินิจฯ จนมาถึงภัตตาคารที่ซึ่งวิลัยทำงานอยู่ แทนที่จะได้พบพระยาวินิจฯ พิมกลับได้พบชื่นกำลังครวญเพลงอยู่แทน ต่อมช่วยพาชื่นให้มาพบกับพิม เมื่อชื่นเห็นพิมอยู่ในสถานที่แบบนี้ก็เข้าใจผิด ด่าทอพิมเสียๆ หายๆ พิมเสียใจเป็นอันมาก จึงเขียนจดหมายถึงนายเชยเล่าสิ่งที่ตนพบ เพื่อให้นายเชยเรียกตัวชื่นกลับนครชัยศรี เมื่อนายเชยได้ทราบข่าวจึงหยุดส่งเงินให้ชื่นทันที เมื่อวิลัยรู้ว่าชื่นไม่มีเงินก็ตีจากไป ชื่นสำนึกในความผิดจึงกลับไปขอคืนดีกับพิม
พระร่วง (ขอมดำดิน)
พระร่วง (ขอมดำดิน) (2480/1937) เมื่อ 700 ปีล่วงมาแล้ว สมัยนั้น เมืองละโว้เป็นเมืองขึ้นของขอม นายคงเครา พ่อเมืองละโว้ต้องส่งส่วยน้ำไปบรรณาการทุกๆ ระยะ 3 ปี นายร่วง ลูกนาย คงเครา พ่อเมืองละโว้ เป็นศิษย์ร่วมอาจารย์หัดกระบี่กระบองกับนายขวัญ นายขวัญมีคู่รักคนหนึ่งชื่อ ลูกอิน คืนวันหนึ่ง นายขวัญปรึกษานายกลับ เพื่อนซึ่งค่อนข้างอัตคัดผมสักหน่อย ว่าจะไปหาลูกอินเพื่อจะลาไปส่งส่วยน้ำยังธานีขอม เมื่อร่ำลาคู่รักเรียบร้อยแล้ว นายขวัญกับพวกก็ลาไปยังธานีขอมเพื่อจะส่งส่วยน้ำตามประเพณี เมื่อถึงธานีขอมแล้ว นายขวัญเกิดไปชอบพอได้เสียกับ ผกา ธิดาพญาอำนาจ ซึ่งขณะนี้หมั้นอยู่กับนักฉกาจ อาจารย์เอกของพระเจ้าพันธุมฯ ขณะที่นายขวัญลักลอบร่วมรักกับผกานี่เอง นักฉกาจซึ่งไม่พอใจอยู่แล้วเห็นเหตุการณ์เข้า จึงพร้อมด้วยพญาอำนาจได้ทำการจับกุมนายขวัญฐานต่อสู้ทหารขอม ขณะที่นายขวัญต้องโทษ ผกา แม่เมียต่างชาติพยายามช่วยเหลือสามีต่างแดนจนพ้นโทษจนได้ แต่กว่าจะหลุดพ้นออกมาได้ก็ต้องทรมานทรกรรมแทบเลือดตาจะกระเด็น หลุดจากการเป็นนักโทษ นายขวัญและพวกก็เดินทางกลับละโว้ 3 ปีผ่านไป ละโว้เกิดขาดแคลนน้ำ พระเจ้าพันธุมฯ ทรงใช้ให้นักคุ้มเป็นข้าหลวงไปทวงส่วยน้ำยังเมืองละโว้ แต่นายร่วง ซึ่งขณะนี้ได้เป็นพ่อเมืองแล้ว ได้ใช้ปัญญาอันหลักแหลม ใช้ให้นักคุ้มซึ่งมาทวงส่วยน้ำนั้นนำส่วยน้ำกลับไปด้วยตนเอง เมื่อนักคุ้มถูกนำส่วยน้ำไปเช่นนั้น พระเจ้าพันธุมฯ ทรงกริ้วมาก หาว่าเมืองละโว้หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ดังนั้นจึงได้ให้พญาอำนาจและนักฉกาจควบคุมกองทัพไปเพื่อจะราวีละโว้ แต่เมื่อกองทัพถูกส่งไป ผกา แม่เมียรักต่างชาติของนายขวัญก็ปลอมเป็นชายติดตามไปด้วย เมื่อยกกองทัพไป ฝ่ายทหารกรุงละโว้รู้เรื่องเข้า จึงให้ผู้หญิงสาวชาวละโว้ออกมายั่วยวนทหารขอม ในที่สุด ทหารขอมก็แตกทัพเพราะเสียกลผู้หญิง พญาอำนาจและนักฉกาจถึงแก่ความตาย พร้อมด้วยผกาก็ถูกพญาอำนาจบิดาฟันตาย ขณะที่จะเข้าไปช่วยนายขวัญ สามี ขณะที่ขอมแตกทัพนี้ นักคุ้มคนเดียวที่ยังรอดชีวิตไปได้ จึงรีบเดินทางไปเฝ้าพระเจ้าพันธุมฯ พระเจ้าพันธุมฯ จึงใช้พญาเดโชให้ดำดินไปจับนายร่วงที่กรุงสุโขทัย... (ที่มา: นิตยสารชุมนุมภาพยนตร ตุลาคม พ.ศ. 2480)
เพลงหวานใจ 2480

เพลงหวานใจ (2480/1937) เรืออากาศเอกจำรัส เยี่ยมพะโยมนายทหารแห่งกองทัพอากาศสยามประสบอุบัติเหตุขณะขับเครื่องบินตกลงป่าประเทศซานคอสซาร์ โชคดีที่ ลิลิน ลูกสาวช่างปั้นหม้อช่วยเหลือไว้ วันหนึ่ง ขณะที่จำรัสออกไปเดินเล่นในป่า พบสาวงามนางหนึ่งกำลังเล่นน้ำอยู่ในห้วย หญิงสาวอ้างว่าเป็นนางกำนัลของพระราชินีและเชื้อเชิญจำรัสเข้าไปในพระราชวัง แท้จริงแล้วเธอคือพระราชินีแห่งประเทศซานคอสซาร์ ขณะนั้น ประเทศซานคอสซาร์กำลังตกอยู่ในอันตรายเนื่องจากผู้สำเร็จราชการทหารรับสินบนจากประเทศยูราวีในการเช่าเมืองประเทศซานคอสซาร์ต่อ เพียงเพราะต้องการเงินหกแสนเหรียญไปซื้อสร้อยไข่มุกให้ มาลา นางละครผู้โด่งดัง ราชเลขานุการบังเอิญรู้แผนการเข้า จึงขอร้องให้จำรัสช่วย โดยวางแผนออกข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ว่าจำรัสมาติดพันมาลาเพื่อหันเหความสนใจ และใช้ลิลินเบี่ยงเบนความสนใจผู้สำเร็จราชการ โดยให้ปลอมตัวเป็นนางละครเต้นยั่วยวน แผนการของราชเลขานุการมีทีท่าจะเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อผู้สำเร็จราชการเห็นลิลินก็ตกตะลึงในความงามจนลืมมาลาไปชั่วขณะ จนกระทั่งถึงกำหนดวันลงนามสัญญาเช่าเมือง ผู้สำเร็จราชการทหารเผอิญอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ซึ่งลงข่าวว่ามาลากำลังรักกับจำรัส ก็หมดรักในตัวมาลา จึงระงับการลงนามสัญญา เมื่อภารกิจลุล่วงไปด้วยดีและเครื่องบินซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว เรืออากาศเอกจำรัสจึงถวายบังคมลาพระราชินีแห่งประเทศซานคอสซาร์กลับสู่ประเทศสยาม

เลือดชนบท 2480
เลือดชนบท (2480/1937) ปรุง สาวชาวบ้านอาศัยอยู่กับแม่อย่างสงบสุขอยู่ที่เมืองอ่างทอง จนกระทั่งแม่มีสามีใหม่ชื่อ โฉม ซึ่งเป็นคนสำมะเลเทเมาและเป็นผีการพนันอย่างสาหัส วันหนึ่งโฉมแพ้พนันชนไก่ เถ้าแก่อ้วน แต่ไม่มีเงินเพียงพอจะชำระหนี้ จึงยกปรุงให้แต่งงานกับเถ้าแก่อ้วน ปรุงชอกช้ำใจเป็นอันมากจึงตัดสินใจฆ่าตัวตายโดยเขียนจดหมายลาตายถึงมารดา แต่ขณะที่ปรุงกำลังจะกระโดดน้ำหมายปลิดชีวิตของตน เดชะบุญที่ จิตต์ ซึ่งออกมาทอดแหหาปลามาพบเข้าจึงช่วยชีวิตปรุงได้ทัน แต่ไม่มีใครรู้ว่าปรุงนั้นรอดชีวิต จิตต์พาปรุงมาพักที่บ้านและดูแลเป็นอย่างดีจนทั้งสองเกิดสมัครรักใคร่กัน หลายเดือนถัดมา ในวันสงกรานต์ จิตต์และปรุงพากันมาเที่ยวงานเฉกเช่นชาวบ้านคนอื่นๆ เยมส์ และ ทองต่อ เห็นปรุงกำลังร้องเพลงและจำได้ว่าปรุงเป็นคนเดียวกับที่กระโดดน้ำตาย อาศัยที่เป็นน้องชายนายอำเภอจึงนำตัวปรุงไปสอบสวน โฉมทราบข่าวกระวีกระวาดมารับตัวปรุง และหว่านล้อมเยมส์ให้ไปขโมยโฉนดที่ดินที่อำเภอ โดยสัญญาว่าจะยกปรุงให้ หารู้ไม่ว่าโฉนดที่ดินนั้นเป็นโฉนดปลอมที่โฉมเอาไปหลอกเถ้าแก่อ้วน เถ้าแก่อ้วนจึงไปฟ้องนายอำเภอให้จับกุมโฉมกับพรรคพวกได้สำเร็จ ปรุงกับจิตต์จึงได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
Placeholder
นางนาคคืนชีพ (2480/1937) "นางนาคพระโขนง" เท่าที่ทราบกันแต่เพียงว่า ได้ถูกถ่วงน้ำและหายสาบสูญไปนั้น บัดนี้นางนาคได้กลับคืนชีพมาอีก และหนีจากถ่วงน้ำมาแผลงฤทธิ์ ดุร้าย น่าหวาดเสียว น่าตื่นเต้น และแสดงอภินิหารร้ายกาจกว่าเก่าหลายสิบเท่า (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน ศรีกรุง 8 มิถุนายน พ.ศ. 2480)
วิวาห์เที่ยงคืน (2480)
วิวาห์เที่ยงคืน (2480/1937) เบ็ญจา กับ ประคอง สองศรีพี่น้องเป็นเด็กกำพร้าแม่ ส่วนพ่อก็ถูกผู้ร้ายฆ่าตาย ในเวลาต่อมาประคองผู้พี่ตกเป็นภรรยาของ มงคล นักเลงพนันที่ชอบใช้กำลังข่มเหงภรรยา เบ็ญจาพลอยต้องทุกข์ระทมในการอยู่ร่วมกับพี่เขยซึ่งแสนจะกักขฬะและจ้องจะล่วงเกินตัวเองอยู่เสมอ โชคดีที่ หลวงราญรณกาจ ตำรวจสันติบาลนำกำลังทำลายซ่องการพนันของมงคล เบ็ญจาและประคองจึงต้องออกไปทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพ วันหนึ่ง เบ็ญจาเห็นประกาศหาหญิงสาวเป็นแบบปั้นตุ๊กตาในหนังสือพิมพ์ โดย เสน่ห์ บุตรชายหลวงราญรณกาจ ผู้ไม่เคยมีความรักแต่ชอบสะสมตุ๊กตาเป็นชีวิตจิตใจ ว่าจ้าง แนม ปั้นตุ๊กตาให้ เบ็ญจาจึงลองสมัครและได้รับการคัดเลือกให้เป็นแบบตุ๊กตา แต่เมื่อใกล้ถึงกำหนดส่งงาน แนมเกิดเลินเล่อชนตุ๊กตาแตก เบ็ญจาจึงอาสาปลอมตัวเป็นตุ๊กตาประวิงเวลาจนกว่าแนมจะปั้นตุ๊กตาตัวใหม่เสร็จ เมื่อเสน่ห์เห็นตุ๊กตาที่แนมนำมามอบให้ ก็พึงพอใจในฝีมือมาก หารู้ไม่ว่าตุ๊กตานั้นเป็นหญิงสาวปลอมตัวมา ตกค่ำ เมื่อทุกคนในครอบครัวของเสน่ห์หลับเบ็ญจาจึงจะค่อยๆ ย่องกลับบ้าน ฟากมงคลซึ่งถูกจองจำอยู่ในคุกก็อาฆาตหลวงราญรณกาจยิ่งนัก เมื่อถูกปล่อยตัวจากเรือนจำจึงตรงดิ่งไปที่บ้านหลวงราญรณกาจหมายจะเอาชีวิต แต่เคราะห์ดี เป็นเวลาที่เบ็ญจากำลังจะกลับบ้าน จึงได้เห็นคนลอบเข้ามา เบ็ญจารีบผละไปปลุกเสน่ห์ และปราบคนร้ายได้ทัน เสน่ห์จึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วตุ๊กตาที่แนมนำมามอบให้นั้นเป็นเบ็ญจาปลอมตัวมา ก็พอดีกับที่นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน
Placeholder
บัวในบึง
บัวในบึง (2480/1937) ณ ท้องทุ่งตำบลโพนทอง จังหวัดลพบุรีวันนี้ครอบครัวของ นายโชติ กับ นางเพิ่ม กำลังต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจากกรุงเทพ นั่นคือ คุณนายแข เศรษฐินีม่ายที่พา ประเสริฐ ลูกชายมาเยี่ยมนายโชติ ซึ่งช่วยดูแลที่นาของตนโอกาสนี้เองทำให้ประเสริฐได้พบกับ พูน ลูกสาวของนายโชติ มิตรไมตรีที่เด็กน้อยมีให้กันเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ประเสริฐไม่ลืมที่จะหยิบกล้องมาถ่ายรูปพูนไว้เป็นที่ระลึกก่อนจะลากลับกรุงเทพฯ ในเช้าวันรุ่งขึ้น 10 ปีผ่านไป ประเสริฐเติบโตเป็นหนุ่มรูปงามคุณนายแขซึ่งบัดนี้ชราลงไปมากได้วานให้ประเสริฐเป็นธุระในการไปดูแลที่นาและถือโอกาสเยี่ยมเยียนครอบครัวนายโชติประเสริฐทำตามคำมารดาโดยมี เปี๊ยก คนใช้คนสนิทร่วมเดินทางไปด้วยอย่างเกียจคร้าน เพ็ญศรี หลานรักของคุณนายแข คู่หมั้นของประเสริฐรบเร้าจะขอไปด้วย แต่ประเสริฐหาข้ออ้างเพราะไม่อยากพาเพ็ญศรีไป เมื่อถึงโพนทอง ประเสริฐได้พบหญิงสาวคนหนึ่งกำลังดำนา ประเสริฐจำได้ในทันทีว่าเธอคือ พูน เด็กสาวที่ประเสริฐเคยพบในวัยเด็ก หนุ่มสาวสองคนจ้องกันไม่วางตา จนเปี๊ยกต้องกระทุ้งนายหนุ่มให้รู้สึกตัว ระหว่างที่ประเสริฐพักอยู่ที่โพนทอง เขามักจะไปเดินเล่นหาวิวสวยๆ ถ่ายรูป วันหนึ่งประเสริฐเหลือบไปเห็นอันธพาลใช้กำลังจะปลุกปล้ำพูน ประเสริฐกับเปี๊ยกรีบเข้าไปชกเจ้าแก่นกับเจ้าเหลือและพากันตกลงไปในบึงทั้งคนช่วยและคนร้าย ที่สุดเจ้าแก่นกับเจ้าเหลือเป็นฝ่ายแพ้รีบวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ก่อนกลับ ประเสริฐขอสองสามีภรรยาพาพูนไปเที่ยวที่กรุงเทพ และสัญญาว่าจะดูแลพูนให้ดีเท่าชีวิต พูนตกตะลึงเมื่อเห็นบ้านอันโอ่อ่าของประเสริฐคุณนายแขต้อนรับพูนเป็นอย่างดี ยกเว้นก็แต่เพ็ญศรีที่แสดงท่าทีหึงหวงเมื่อเห็นประเสริฐเอาอกเอาใจพูนอย่างออกนอกหน้า คุณนายแขระอาใจ จำต้องขอให้ลูกชายพาพูนกลับไปโพนทอง เพราะเห็นแก่หลานสาวของตน ประเสริฐไม่ยอมทำตาม หนำซ้ำยังไปหาบ้านเช่าให้พูนพำนักเป็นการถาวร เมื่อหนุ่มสาวสองคนได้อยู่ตามลำพังรสรักจึงบังเกิดขึ้น ประเสริฐประเคนเสื้อผ้าอาภรณ์ดีๆ ให้พูนใส่ระหว่างที่พูนมีชีวิตหรูหราอยู่ในกรุงเทพ หารู้ไม่ว่าทำให้นางเพิ่มทุกข์ใจเพราะเป็นห่วงบุตรสาวจนล้มป่วย นายโชติจึงเดินทางมาตามตัวพูน แต่คุณนายแขกลับบอกว่า ประเสริฐได้พาพูนกลับโพนทองไปนานแล้ว แจ๋ว คนใช้ในบ้านรีบเสนอหน้าฟ้องว่าประเสริฐแอบไปเช่าบ้านอยู่กับพูน นายโชติจึงรีบไปลากพูนกลับโพนทองโดยไม่รีรอ ประเสริฐกลับมาบ้านเช่าคล้อยหลังที่นายโชติกลับไปไม่นาน และต้องเสียใจอย่างหนักเมื่อเปี๊ยกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง พูนกลับมาโพนทองไม่นานนางเพิ่มก็สิ้นใจ แถมนายโชติต้องมาตาบอดเพราะถูกเจ้าแก่นกับเจ้าเหลือทำร้ายซ้ำร้ายพูนยังต้องเลี้ยงดูบุตรซึ่งถือกำเนิดขึ้นกับประเสริฐเพียงลำพัง เมื่อ นางพลอย แม่สื่อมาคะยั้นคะยอจะพาพูนไปหาสามีใหม่ พูนจึงยอมตามนางพลอยไปเพื่อตัดรำคาญ แต่ในระหว่างที่เดินผ่านบึงบัวพูนก็ระลึกคำสอนของมารดาที่ให้ประพฤติตนดั่งดอกไม้ที่ดีงาม พูนจึงหันหลังเดินกลับไปที่บ้านร้องไห้เสียใจที่ไม่เชื่อคำสอนของมารดา นายปลื้มอดเวทนาไม่ได้ จึงเดินทางมาตามตัวประเสริฐที่กรุงเทพ แต่กลับพบประเสริฐกำลังเข้าพิธีแต่งงาน
เมืองทอง

เมืองทอง (2480/1937) ชีวิตของ ฉัย ต้องพลิกผันเมื่อ นายสุด ผู้เป็นพ่อโดนเสือกินระหว่างการเดินทางไปค้าขายยังต่างถิ่นส่วน นางคำ ผู้เป็นแม่ ก็ยังมาตรอมใจตายตามพ่อไปอีกคนก่อนตายนางคำได้สั่งเสียให้ฉัยไปขออาศัยอยู่กับ นายเหมือน ผู้มีศักดิ์เป็นลุง นายเหมือนและ นางสลวย สองสามีภรรยาเป็นเศรษฐีที่มีจิตเมตตา สงสารชะตากรรมของฉัยจึงรับอุปการะส่งเสียให้ฉัยได้ร่ำเรียนในโรงเรียนเหมือนเด็กๆ ทั่วไป 15 ปีผ่านไป ฉัย เป็นผู้ใหญ่พอที่จะช่วยแบ่งเบางานของนายเหมือน ช่วยเก็บเงินค่าค้าไม้ ส่วน เพ็ญศรี ลูกสาวของนายเหมือนก็โตเป็นสาวงาม มีหนุ่มมากมายมาติดพันโดยเฉพาะ สอน คู่ปรับในวัยเด็กของฉัยที่เพียรมาขอความรักเพ็ญศรี แต่เพ็ญศรีไม่มีทีท่าจะรักตอบ เพราะมอบใจให้ฉัยไปหมดแล้ว นายเหมือนผู้รักฉัยดั่งลูกในไส้ก็มิได้รังเกียจฉัยแต่อย่างใด จึงส่งเสริมให้หนุ่มสาวได้ครองรักกัน ฝ่ายสอน เมื่อไม่สมหวังในความรักก็บ่ายหน้าเข้าหาสุรา และคิดแก้แค้นฉัยโดยทำทีมาเสนอค้าไม้ราคาถูก อ้างว่าพ่อค้าไม้คนหนึ่งนำมาแต่ภรรยาเสียชีวิตระหว่างการเดินทางจึงต้องรีบกลับไปจัดการทำพิธีศพ ฉัยตกหลุมพรางเข้าอย่างจัง ตามสอนไปหาพ่อค้าไม้อย่างว่าง่าย แต่แทนที่สอนจะพามาพบพ่อค้าไม้กลับพาฉัยมาที่ราชสีมาฮอลล์อันอุดมไปด้วยนางระบำ สอนเรียกให้เฉลียวมาร้องเพลงให้ฉัยฟัง จังหวะนั้นเอง ทองย้อยก็มาหาเรื่องชกต่อยกับฉัยและอาศัยช่วงชุลมุนขโมยกระเป๋าเงินของฉัยไป ทำให้ฉัยไม่กล้ากลับไปพบนายเหมือนจึงกลับไปที่บ้านเก่าของตน ฉัยได้มาเจอกับ แหน เพื่อนสมัยเด็กกำลังขลุกตัวอยู่กับ นายกอง นักวิทยาศาสตร์คร่ำครึ ที่พยายามเล่นแร่แปรธาตุหวังจะเปลี่ยนพริกเปลี่ยนกะปิให้เป็นทอง ฉัยเลยหลอกว่าให้ผสมใบตองลงไปด้วย นายกองเชื่อสนิทรีบไปปลูกต้นกล้วยหมายจะเอามาเปลี่ยนเป็นทอง นับจากวันที่ฉัยหายตัวไป เพ็ญศรีก็ไม่เป็นอันกินอันนอนล้มป่วยเป็นไข้ เดือดร้อนถึงนายเหมือนที่ต้องตามหมอมารักษา แต่ก็ไม่หาย นายเหมือนจึงชวนเพ็ญศรีไปเปลี่ยนบรรยากาศยังบ้านเดิมของฉัย เพ็ญศรีหูผึ่ง ลุกขึ้นกุลีกุจอเก็บข้าวของเดินทางไปบ้านเกิดของฉัยอย่างฉับพลัน สอนรีบตามมาเป่าหูเพ็ญศรีว่าที่แท้ฉัยกลับมาหาแหนคนรักเก่า เป็นจังหวะเดียวกับที่เพ็ญศรีเห็นแหนกำลังป้อนมะพร้าวใส่ปากฉัย สอนกระหยิ่มยิ้มย่อง ในใจคิดว่าเพ็ญศรีจะเป็นของตนก็คราวนี้ แต่การณ์กลับเป็นว่า เปิดโอกาสให้ฉัยได้ปรับความเข้าใจกับเพ็ญศรี สอนประจักษ์แก่ตาถึงความรักของทั้งสองจึงสารภาพความจริงและยอมตัดใจจากเพ็ญศรี ระหว่างที่เรื่องราวกำลังจะจบด้วยดี นายกองก็กระหืดกระหอบมาต่อว่าฉัยที่บังอาจมาหลอกให้ตนปลูกกล้วยเสียเกือบครึ่งปีฉัยเลยว่า ค่ากล้วยค่าใบตองที่นายกองเสียไปนั่นล่ะเท่ากับค่าทอง

กุหลาบพระนคร

กุหลาบพระนคร (2480/1937) 1 เมษายน วันขึ้นปีใหม่ของชาวสยาม ใครๆ ไม่ว่าหนุ่มสาวต่างทำใจเบิกบานต้อนรับความสุข แต่ปีใหม่มิได้เปลี่ยนเอาความจนของปีเก่าของคนจนไปด้วยเลย คงต้องต่อสู้กับความจนต่อไป วินัย สุปานันท์ ถูกความหมุนเวียนเปลี่ยนชีวิตของเขาแทบจะนับครั้งไม่ถ้วน บิดาคือ ร้อยเอกหลวงสัจจาวุธ เสียชีวิตไปก่อนที่เขาจะเป็นหนุ่ม ทิ้งแม่เจียมและ นิจ น้องสาวที่ยังเล็กให้เผชิญชีวิตตามลำพัง บัดนี้ความหมุนเวียนเปลี่ยนให้แม่เจียมที่เคยแข็งแรงทำงานเลี้ยงลูกอย่างขันแข็ง มาเป็นแม่เจียมที่ตามองอะไรไม่เห็นไม่อาจทำงานได้ อนาถหนาครอบครัวเล็กๆ ต้องประสบมรสุม ทำให้วินัยซึ่งอีกสองเดือนกว่าๆ ก็จะจบการโรงเรียน ต้องตัดใจลาออกมาทำงานเลี้ยงแม่และน้อง มาเป็นกรรมกรถีบสามล้อ และได้ ถึก คนถีบสามล้อเป็นเพื่อนรักกัน อีกแห่งหนึ่งในความเป็นอยู่ของชาวพระนครณ บ้านของคนผู้มั่งมีแล้ว คือบ้านของ พันโทพระยาสรรพาวุธ นายทหารนอกราชการ กับ สุณี ลูกสาวผู้กำลังเป็นกุหลาบดอกที่งามเด่นอยู่ในพระนคร จึงมีชายหนุ่มและกระทั่งแก่หลายรายจ้องมองสุณีด้วยความปรารถนาจะได้ครอง แต่ดูเหมือนไม่มีใครได้ใกล้ชิดเกินไปกว่านายเรืออากาศเอกอารี สมัครยุทธ์ ในสังกัดกรมทหารอากาศ สามารถไปมาหาสู่ที่บ้านได้บ่อยๆ ซึ่ง นิ่ม หญิงคนใช้ที่ต้องคอยเปิดประตูบ้านให้รถเข้าคุ้นเคย วันนี้อารีมาหาสุณีเพื่อแจ้งข่าวว่าเขาถูกย้ายไปประจำกองบินที่ 5 ประจวบคีรีขันธ์ แล้วถามถึงเรื่องส่วนตัว แต่สุณีนิ่งเฉยอารีจึงกลับไปอย่างผิดหวังเช่นเคย วันนี้เจ้าคุณพ่อกับสุณีไปธนาคารเพื่อเบิกเงินสด 6 พันบาทสำหรับจะซื้อที่ดินที่มีคนมาบอกขายแต่ระหว่างเดินทางกลับบ้าน รถยนต์เกิดเสียกลางทางเจ้าคุณไม่รอให้คนขับซ่อม เรียกรถสามล้อกลับบ้านกับลูก บังเอิญวินัยถีบสามล้อมาพอดี รับไปส่งถึงบ้าน เจ้ากรรม ท่านเจ้าคุณและสุณีลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ที่เบาะสามล้อ วินัยกลับถึงบ้าน จึงรู้ว่าผู้โดยสารลืมกระเป๋าทีแรกถึกว่าให้เอาไปลงทุนเปิดร้านขายของ แต่แม่เจียมว่าให้เอาไปคืนเขาและขอให้เขา เขาอาจเห็นความดีและหางานดีๆ ให้ทำ ถึกพยายามทักท้วง แต่แม่เจียมบอกว่า ลูกผู้ชายเราควรจะทำตนให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นบ้างชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และรัฐธรรมนูญ สิ่งเหล่านี้อีกที่เราควรรักและหวงไว้ประดุจชีวิตของเรา

ปิดทางรัก
ปิดทางรัก (2480/1937) พระสำราญรณกิจ เป็นคู่แค้นกับพระสัมฤทธิ์รณการ เพื่อนบ้าน แม้ทั้งสองจะเกลียดกันมากแค่ไหนก็ตาม ลูกของคนทั้งสองกลับมีใจสมัครรักใคร่กัน ไม่เว้นแม้แต่คนใช้ กล่าวคือ สมศักดิ์ ลูกชายของพระสัมฤทธิ์รักอยู่กับ อุไรวรรณ ลูกสาวของพระสำราญ ส่วน อารี พี่ชายของอุไรวรรณ ก็คบหาอยู่กับ สลับศรี น้องสาวของสมศักดิ์ กระทั่งวันหนึ่ง พระสำราญกับพระสัมฤทธิ์ท้ากันว่า หากลูกสาวของใครหนีตามลูกชายของอีกฝ่าย ผู้นั้นจะต้องเสียเงินเดิมพันเป็นจำนวนสองหมื่นบาทสมศักดิ์ไม่อยากตกเป็นเครื่องมือเล่นพนันของสองคู่แค้นจึงชักชวนอุไรวรรณหนีไปอยู่ด้วยกัน อุไรวรรณก็แสนซื่อ หนีตามสมศักดิ์ไปอย่างว่าง่าย พระสัมฤทธิ์รีบมาเยาะเย้ยพระสำราญแถมด้วยการทวงเงินเดิมพัน พระสำราญไม่อยากเสียทั้งเงินเสียทั้งหน้า จึงโกหกว่าอุไรวรรณเพียงแต่ไปอยู่ที่เพชรบุรี เมื่อทั้งสองมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน สมศักดิ์ก็ใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย พาเพื่อนมากินเลี้ยงฟุ่มเฟือยไม่เว้นแต่ละวัน เงินจึงหมดลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้ง อุไรวรรณก็ตั้งท้อง สมศักดิ์จึงพยายามไปหางานทำแต่ก็โดนปฏิเสธ วันหนึ่ง ขณะที่สมศักดิ์คอตกกลับมา ก็เจอะกับพระสำราญยืนอยู่ที่หน้าบ้าน พระสำราญเสนอเงินให้สมศักดิ์จำนวนสองพันบาท เป็นค่าเลิกยุ่งเกี่ยวกับอุไรวรรณ สมศักดิ์หัวหมอ แสร้งทำเป็นรับเงิน ก่อนจะคาบข่าวไปบอกบิดาแล้วจัดการให้อารีกับสลับศรีจดทะเบียนแต่งงานกัน พระสัมฤทธิ์รู้ดังนั้นก็รุดมาทวงเงินเดิมพันที่บ้านพระสำราญ เป็นเวลาเดียวกับที่อุไรวรรณคลอดบุตรเป็นประจักษ์พยานพอดี สมศักดิ์เห็นท่าว่าพ่อตากำลังจนมุมเป็นแน่แล้ว ก็เลยเฉลยว่าตนนั้นได้จัดการให้อารีแต่งงานกับสลับศรีเป็นที่เรียบร้อย พระสัมฤทธิ์เจ็บใจที่ชวดเงินเดิมพันไปต่อหน้าต่อตา ก็ง้างไม้ตะพดหมายจะฟาดหัวลูกชายตัวแสบให้หายแค้น พระสำราญจึงเอาตัวเข้าช่วย พร้อมออกปากห้ามพระสัมฤทธิ์ทำอะไรลูกเขยของตน เรื่องจึงจบลงด้วยประการฉะนี้
กะเหรี่ยงไทรโยค 2479

กะเหรี่ยงไทรโยค (2479/1936) ณ หมู่บ้านลิ่นถิ่น ยังมีความรักของหนุ่มสาวชาวกะเหรี่ยงเกิดขึ้นระหว่าง มาลู แอมพะเวียและ เคอะแปง มาลูนั้นเป็นคนมีฐานะดีในหมู่บ้านเนื่องจากเป็นคนผูกขาดในการทำป่าไม้ เมื่อเห็นความงามของแอมพะเวีย ลูกสาวของ พะโป้ พ่อค้าไม้ก็เกิดความหลงใหล แต่ติดตรงแอมพะเวียนั้นรักอยู่กับเคอะแปงหนุ่มในบ้านของพะโป้ แม้มาลูจะพยายามหาทางเอาชนะใจหรือทำตามประเพณีเท่าไหร่ก็ไม่สามารถพิชิตใจแอม-พะเวียได้ จึงคิดจะกำจัดเคอะแปงด้วยการท้าฟันดาบแต่สุดท้ายก็ยังพ่ายเคอะแปง มาลูจึงยอมรับแต่โดยดีว่าเขามิอาจได้ตัวแอมพะเวียไป หลังจากนั้นพะโป้จึงยกแอมพะเวียให้เคอะแปงได้ครองรักและแต่งงานกันตามประเพณี

เลือดชาวนา
เลือดชาวนา (2479/1936) เปรม ปลอดภัย เป็นลูกชาวนาเมืองอยุธยา อาศัยอยู่กับ ปลั่ง มารดาซึ่งเป็นอัมพาต เปรมคบหาอยู่กับ น้อย นาสวน ลูกสาวของ เนย เศรษฐีประจำตำบล แต่ด้วยความยากจนข้นแค้นของเปรม จึงถูกเนยกีดกัน บ่ายวันหนึ่ง เนยและน้อยไปปรึกษากำนันอ่วมในการประกอบพิธีสมโภชแม่โพธิ์สพ เป็นเวลาเดียวกับที่เจือ จิตต์อารี หนุ่มชาวกรุงหลานกำนันอ่วมมาเยี่ยมน้าของตน เจือประทับใจในความงามของน้อยจึงหาโอกาสใกล้ชิดน้อยด้วยการร้องเพลง ถึงแม้เปรมจะแสดงตัวว่าเป็นคนรักของน้อยก็ตาม ทั้งสองจึงทะเลาะกัน เจือเป็นฝ่ายแพ้ วันหนึ่งเปรมออกจากบ้านเพื่อไปซื้อยาให้แม่ที่ตลาด ผ่านร้านสุรา มุ้ยหลี ซึ่งเพื่อนของเปรมกับพรรคพวกของเจือกำลังต่อยตีกันอยู่ เปรมเข้าไประงับเหตุการณ์แต่กลับถูกตำรวจจับกุม ระหว่างถูกควบคุมตัวเปรมขอร้องตำรวจกลับไปบอกแม่ ตำรวจเห็นใจจึงพากันไปที่บ้านเปรม แต่ปรากฏว่าบ้านของเปรมถูกไฟโหมไหม้ เปรมฝ่ากองเพลิงเข้าไปช่วยแม่ไว้ได้ทัน จากนั้นจึงพาแม่ไปรักษาตัวที่กรุงเทพ เผอิญหมอที่ทำการรักษาเป็นน้องชายของปลั่ง จึงช่วยรักษาและออกเงินให้เปรมปลูกบ้านใหม่พร้อมมอบเงินให้อีกจำนวนหนึ่ง เปรมรีบกลับมาหาน้อยที่อยุธยาด้วยความดีใจ แต่ขณะนั้น น้อยกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับเจือ เปรมจึงยอมเป็นฝ่ายเสียสละ เพราะไม่อยากให้น้อยอกตัญญูต่อบิดา แต่น้อยยืนกรานว่าหัวเด็ดตีนขาดจะไม่แต่งงานกับเจือ เจือแอบฟังอยู่โดยตลอดซาบซึ้งถึงรักแท้ที่ทั้งสองมีให้กัน จึงมอบแหวนแต่งงานให้เปรมแทนที่ตน
เด็ดดวงใจ 2479
เด็ดดวงใจ (2479/1936) เปนเรื่องรักแกมโศก ของหนุ่มสาวชาวชนบท ที่ฝ่ายหญิงถูกพรากไปโดยเจ้าหนุ่มชาวกรุง เปนเรื่องยอดรักยอดโศกเจือคติจับใจ (ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพฯ วารศัพท์ มิถุนายน พ.ศ. 2479)
จันทร์เจ้าขา 2479

จันทร์เจ้าขา (2479/1936) จากเรื่องอ่านเล่นลือชื่อมาเปนลครร้องเรื่องที่ดูไม่น่าเบื่อ จากเรื่องลครที่ดูกันไม่เบื่อมาเปนภาพยนตร์พากย์ชั้นมโหฬาร คือ "จันทร์เจ้าขา" ของ "พรานบูรพ์" (ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพฯ วารศัพท์ พฤษภาคม พ.ศ. 2479)