เลือดชนบท 2480
เลือดชนบท (2480/1937) ปรุง สาวชาวบ้านอาศัยอยู่กับแม่อย่างสงบสุขอยู่ที่เมืองอ่างทอง จนกระทั่งแม่มีสามีใหม่ชื่อ โฉม ซึ่งเป็นคนสำมะเลเทเมาและเป็นผีการพนันอย่างสาหัส วันหนึ่งโฉมแพ้พนันชนไก่ เถ้าแก่อ้วน แต่ไม่มีเงินเพียงพอจะชำระหนี้ จึงยกปรุงให้แต่งงานกับเถ้าแก่อ้วน ปรุงชอกช้ำใจเป็นอันมากจึงตัดสินใจฆ่าตัวตายโดยเขียนจดหมายลาตายถึงมารดา แต่ขณะที่ปรุงกำลังจะกระโดดน้ำหมายปลิดชีวิตของตน เดชะบุญที่ จิตต์ ซึ่งออกมาทอดแหหาปลามาพบเข้าจึงช่วยชีวิตปรุงได้ทัน แต่ไม่มีใครรู้ว่าปรุงนั้นรอดชีวิต จิตต์พาปรุงมาพักที่บ้านและดูแลเป็นอย่างดีจนทั้งสองเกิดสมัครรักใคร่กัน หลายเดือนถัดมา ในวันสงกรานต์ จิตต์และปรุงพากันมาเที่ยวงานเฉกเช่นชาวบ้านคนอื่นๆ เยมส์ และ ทองต่อ เห็นปรุงกำลังร้องเพลงและจำได้ว่าปรุงเป็นคนเดียวกับที่กระโดดน้ำตาย อาศัยที่เป็นน้องชายนายอำเภอจึงนำตัวปรุงไปสอบสวน โฉมทราบข่าวกระวีกระวาดมารับตัวปรุง และหว่านล้อมเยมส์ให้ไปขโมยโฉนดที่ดินที่อำเภอ โดยสัญญาว่าจะยกปรุงให้ หารู้ไม่ว่าโฉนดที่ดินนั้นเป็นโฉนดปลอมที่โฉมเอาไปหลอกเถ้าแก่อ้วน เถ้าแก่อ้วนจึงไปฟ้องนายอำเภอให้จับกุมโฉมกับพรรคพวกได้สำเร็จ ปรุงกับจิตต์จึงได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
Placeholder
นางนาคคืนชีพ (2480/1937) "นางนาคพระโขนง" เท่าที่ทราบกันแต่เพียงว่า ได้ถูกถ่วงน้ำและหายสาบสูญไปนั้น บัดนี้นางนาคได้กลับคืนชีพมาอีก และหนีจากถ่วงน้ำมาแผลงฤทธิ์ ดุร้าย น่าหวาดเสียว น่าตื่นเต้น และแสดงอภินิหารร้ายกาจกว่าเก่าหลายสิบเท่า (ที่มา: หนังสือพิมพ์รายวัน ศรีกรุง 8 มิถุนายน พ.ศ. 2480)
วิวาห์เที่ยงคืน (2480)
วิวาห์เที่ยงคืน (2480/1937) เบ็ญจา กับ ประคอง สองศรีพี่น้องเป็นเด็กกำพร้าแม่ ส่วนพ่อก็ถูกผู้ร้ายฆ่าตาย ในเวลาต่อมาประคองผู้พี่ตกเป็นภรรยาของ มงคล นักเลงพนันที่ชอบใช้กำลังข่มเหงภรรยา เบ็ญจาพลอยต้องทุกข์ระทมในการอยู่ร่วมกับพี่เขยซึ่งแสนจะกักขฬะและจ้องจะล่วงเกินตัวเองอยู่เสมอ โชคดีที่ หลวงราญรณกาจ ตำรวจสันติบาลนำกำลังทำลายซ่องการพนันของมงคล เบ็ญจาและประคองจึงต้องออกไปทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพ วันหนึ่ง เบ็ญจาเห็นประกาศหาหญิงสาวเป็นแบบปั้นตุ๊กตาในหนังสือพิมพ์ โดย เสน่ห์ บุตรชายหลวงราญรณกาจ ผู้ไม่เคยมีความรักแต่ชอบสะสมตุ๊กตาเป็นชีวิตจิตใจ ว่าจ้าง แนม ปั้นตุ๊กตาให้ เบ็ญจาจึงลองสมัครและได้รับการคัดเลือกให้เป็นแบบตุ๊กตา แต่เมื่อใกล้ถึงกำหนดส่งงาน แนมเกิดเลินเล่อชนตุ๊กตาแตก เบ็ญจาจึงอาสาปลอมตัวเป็นตุ๊กตาประวิงเวลาจนกว่าแนมจะปั้นตุ๊กตาตัวใหม่เสร็จ เมื่อเสน่ห์เห็นตุ๊กตาที่แนมนำมามอบให้ ก็พึงพอใจในฝีมือมาก หารู้ไม่ว่าตุ๊กตานั้นเป็นหญิงสาวปลอมตัวมา ตกค่ำ เมื่อทุกคนในครอบครัวของเสน่ห์หลับเบ็ญจาจึงจะค่อยๆ ย่องกลับบ้าน ฟากมงคลซึ่งถูกจองจำอยู่ในคุกก็อาฆาตหลวงราญรณกาจยิ่งนัก เมื่อถูกปล่อยตัวจากเรือนจำจึงตรงดิ่งไปที่บ้านหลวงราญรณกาจหมายจะเอาชีวิต แต่เคราะห์ดี เป็นเวลาที่เบ็ญจากำลังจะกลับบ้าน จึงได้เห็นคนลอบเข้ามา เบ็ญจารีบผละไปปลุกเสน่ห์ และปราบคนร้ายได้ทัน เสน่ห์จึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วตุ๊กตาที่แนมนำมามอบให้นั้นเป็นเบ็ญจาปลอมตัวมา ก็พอดีกับที่นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน
หลอกเมีย 2480
หลอกเมีย (2480/1937) จำรัส กับ ลาวรรณ สองสามีภรรยาย้ายมาอยู่ที่บ้านใหม่ และได้ คุณอึ หรือชื่อเดิมว่า หนอม มาเป็นคนรับใช้ แต่เมื่อย่างเข้ามาสู่ในบ้านมิวายโรคเดิมของจำรัส คือ โรคกลัวเมีย ก็พลันกำเริบ เพียงแค่ลาวรรณตำหนิเรื่องการติดรูปบนผนังว่าต้องเอารูปของตนไว้ข้างบน บ่ายวันหนึ่ง หนอมคนรับใช้คู่ใจเอาหนังสือพิมพ์มาให้จำรัสดูรูปสาวน้อยนั่งตกปลา แถมยังยุยงเจ้านายให้หาทางไปดูตัวจริง จำรัสนึกสนุกคิดอุบายหลอกลาวรรณว่าการงานวุ่นวายจนเป็นโรคเส้นประสาท และอ้างว่าหมอแนะนำให้ไปตกปลาเพื่อเป็นการผ่อนคลายลาวรรณไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของจำรัสจึงเห็นดีด้วย ที่สระน้ำตามประกาศในหน้าหนังสือพิมพ์จำรัสได้พบกับสาวน้อยตามใจหวัง และพยายามหาโอกาสเข้าไปทำความรู้จักจนได้นามบัตรและทราบว่าชื่อกมล วันต่อๆ มา จำรัสก็กุเรื่องโกหกลาวรรณเพื่อไปที่บ้านกมล ตามที่อยู่บนนามบัตร ทำให้ได้พบ เถ้าแก่กิมหมง บิดาของกมล ซึ่งเคยมาขอทำประกันโรงสีของตนและวางแผนจะเผาโรงสีเพื่อเอาเงินประกัน ลาวรรณระอาความเจ้าชู้ของสามี ขนาดขู่จำรัสว่าจะพาไปให้หมอเพื่อผ่าเส้นประสาททิ้ง จำรัสก็ไม่มีทีท่าว่าจะเกรงกลัว ยังวางแผนหลอกลาวรรณว่าต้องไปทำงานที่เชียงใหม่ แต่ความจริงแล้วไปพักอยู่กับ ทองอ่อน เพื่อนสนิท ฝ่ายลาวรรณ เมื่อสามีไม่อยู่จึงเดินทางไปที่บ้านเถ้าแก่หมงประกาศตนว่าเป็นภรรยาของจำรัส และสั่งห้ามกมลไม่ให้มายุ่งเกี่ยวกับจำรัสอีก พอจำรัสไปขอพบกมลจึงโดนเถ้าแก่กิมหมงไล่ตะเพิดข้อที่ว่ามีภรรยาแล้วยังมาหลอกลูกสาวตน จำรัสเดินคอตกกลับบ้าน มิวายโดนลาวรรณซักไซ้จับได้ว่าจำรัสไม่ได้ไปเชียงใหม่จริงจำรัสจึงโดนภรรยาฟาดจนต้องนอนซม การหลอกเมียของจำรัสจึงจบลงแต่เพียงเท่านี้
กุหลาบพระนคร

กุหลาบพระนคร (2480/1937) 1 เมษายน วันขึ้นปีใหม่ของชาวสยาม ใครๆ ไม่ว่าหนุ่มสาวต่างทำใจเบิกบานต้อนรับความสุข แต่ปีใหม่มิได้เปลี่ยนเอาความจนของปีเก่าของคนจนไปด้วยเลย คงต้องต่อสู้กับความจนต่อไป วินัย สุปานันท์ ถูกความหมุนเวียนเปลี่ยนชีวิตของเขาแทบจะนับครั้งไม่ถ้วน บิดาคือ ร้อยเอกหลวงสัจจาวุธ เสียชีวิตไปก่อนที่เขาจะเป็นหนุ่ม ทิ้งแม่เจียมและ นิจ น้องสาวที่ยังเล็กให้เผชิญชีวิตตามลำพัง บัดนี้ความหมุนเวียนเปลี่ยนให้แม่เจียมที่เคยแข็งแรงทำงานเลี้ยงลูกอย่างขันแข็ง มาเป็นแม่เจียมที่ตามองอะไรไม่เห็นไม่อาจทำงานได้ อนาถหนาครอบครัวเล็กๆ ต้องประสบมรสุม ทำให้วินัยซึ่งอีกสองเดือนกว่าๆ ก็จะจบการโรงเรียน ต้องตัดใจลาออกมาทำงานเลี้ยงแม่และน้อง มาเป็นกรรมกรถีบสามล้อ และได้ ถึก คนถีบสามล้อเป็นเพื่อนรักกัน อีกแห่งหนึ่งในความเป็นอยู่ของชาวพระนครณ บ้านของคนผู้มั่งมีแล้ว คือบ้านของ พันโทพระยาสรรพาวุธ นายทหารนอกราชการ กับ สุณี ลูกสาวผู้กำลังเป็นกุหลาบดอกที่งามเด่นอยู่ในพระนคร จึงมีชายหนุ่มและกระทั่งแก่หลายรายจ้องมองสุณีด้วยความปรารถนาจะได้ครอง แต่ดูเหมือนไม่มีใครได้ใกล้ชิดเกินไปกว่านายเรืออากาศเอกอารี สมัครยุทธ์ ในสังกัดกรมทหารอากาศ สามารถไปมาหาสู่ที่บ้านได้บ่อยๆ ซึ่ง นิ่ม หญิงคนใช้ที่ต้องคอยเปิดประตูบ้านให้รถเข้าคุ้นเคย วันนี้อารีมาหาสุณีเพื่อแจ้งข่าวว่าเขาถูกย้ายไปประจำกองบินที่ 5 ประจวบคีรีขันธ์ แล้วถามถึงเรื่องส่วนตัว แต่สุณีนิ่งเฉยอารีจึงกลับไปอย่างผิดหวังเช่นเคย วันนี้เจ้าคุณพ่อกับสุณีไปธนาคารเพื่อเบิกเงินสด 6 พันบาทสำหรับจะซื้อที่ดินที่มีคนมาบอกขายแต่ระหว่างเดินทางกลับบ้าน รถยนต์เกิดเสียกลางทางเจ้าคุณไม่รอให้คนขับซ่อม เรียกรถสามล้อกลับบ้านกับลูก บังเอิญวินัยถีบสามล้อมาพอดี รับไปส่งถึงบ้าน เจ้ากรรม ท่านเจ้าคุณและสุณีลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ที่เบาะสามล้อ วินัยกลับถึงบ้าน จึงรู้ว่าผู้โดยสารลืมกระเป๋าทีแรกถึกว่าให้เอาไปลงทุนเปิดร้านขายของ แต่แม่เจียมว่าให้เอาไปคืนเขาและขอให้เขา เขาอาจเห็นความดีและหางานดีๆ ให้ทำ ถึกพยายามทักท้วง แต่แม่เจียมบอกว่า ลูกผู้ชายเราควรจะทำตนให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นบ้างชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และรัฐธรรมนูญ สิ่งเหล่านี้อีกที่เราควรรักและหวงไว้ประดุจชีวิตของเรา

กลัวเมีย 2479

กลัวเมีย (2479/1936) จำรัส เป็นผู้จัดการบริษัทสากลประกันภัย มีภรรยาชื่อ ลาวรรณ ชีวิตการแต่งงานของเขาไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด เหตุเพราะเป็นโรคกลัวเมียขึ้นสมอง ผัน เพื่อนของจำรัสแนะนำ หมอแนม ซึ่งมีความสามารถสับเปลี่ยนวิญญาณมนุษย์กับผีได้ รุ่งขึ้นจำรัสจึงไปหาหมอแนมให้ช่วยรักษาโรคกลัวเมีย หมอแนมจัดการเปลี่ยนวิญญาณให้จำรัสและกำชับว่าห้ามยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงที่อายุอ่อนกว่า วิธีรักษาของหมอแนมประสบผลดีเกินคาด ไม่ว่าจำรัสจะทำอะไรลาวรรณก็ไม่ดุด่าเหมือนแต่ก่อน จนจำรัสย่ามใจเผลอไปยุ่งกับ ทองฟู นางบำเรอที่มาขอทำประกันความงามที่บริษัทของจำรัส โรคกลัวเมียจึงกลับมาเยือนจำรัสเหมือนอย่างเคย

เลือดชาวนา
เลือดชาวนา (2479/1936) เปรม ปลอดภัย เป็นลูกชาวนาเมืองอยุธยา อาศัยอยู่กับ ปลั่ง มารดาซึ่งเป็นอัมพาต เปรมคบหาอยู่กับ น้อย นาสวน ลูกสาวของ เนย เศรษฐีประจำตำบล แต่ด้วยความยากจนข้นแค้นของเปรม จึงถูกเนยกีดกัน บ่ายวันหนึ่ง เนยและน้อยไปปรึกษากำนันอ่วมในการประกอบพิธีสมโภชแม่โพธิ์สพ เป็นเวลาเดียวกับที่เจือ จิตต์อารี หนุ่มชาวกรุงหลานกำนันอ่วมมาเยี่ยมน้าของตน เจือประทับใจในความงามของน้อยจึงหาโอกาสใกล้ชิดน้อยด้วยการร้องเพลง ถึงแม้เปรมจะแสดงตัวว่าเป็นคนรักของน้อยก็ตาม ทั้งสองจึงทะเลาะกัน เจือเป็นฝ่ายแพ้ วันหนึ่งเปรมออกจากบ้านเพื่อไปซื้อยาให้แม่ที่ตลาด ผ่านร้านสุรา มุ้ยหลี ซึ่งเพื่อนของเปรมกับพรรคพวกของเจือกำลังต่อยตีกันอยู่ เปรมเข้าไประงับเหตุการณ์แต่กลับถูกตำรวจจับกุม ระหว่างถูกควบคุมตัวเปรมขอร้องตำรวจกลับไปบอกแม่ ตำรวจเห็นใจจึงพากันไปที่บ้านเปรม แต่ปรากฏว่าบ้านของเปรมถูกไฟโหมไหม้ เปรมฝ่ากองเพลิงเข้าไปช่วยแม่ไว้ได้ทัน จากนั้นจึงพาแม่ไปรักษาตัวที่กรุงเทพ เผอิญหมอที่ทำการรักษาเป็นน้องชายของปลั่ง จึงช่วยรักษาและออกเงินให้เปรมปลูกบ้านใหม่พร้อมมอบเงินให้อีกจำนวนหนึ่ง เปรมรีบกลับมาหาน้อยที่อยุธยาด้วยความดีใจ แต่ขณะนั้น น้อยกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับเจือ เปรมจึงยอมเป็นฝ่ายเสียสละ เพราะไม่อยากให้น้อยอกตัญญูต่อบิดา แต่น้อยยืนกรานว่าหัวเด็ดตีนขาดจะไม่แต่งงานกับเจือ เจือแอบฟังอยู่โดยตลอดซาบซึ้งถึงรักแท้ที่ทั้งสองมีให้กัน จึงมอบแหวนแต่งงานให้เปรมแทนที่ตน
จันทร์เจ้าขา 2479

จันทร์เจ้าขา (2479/1936) จากเรื่องอ่านเล่นลือชื่อมาเปนลครร้องเรื่องที่ดูไม่น่าเบื่อ จากเรื่องลครที่ดูกันไม่เบื่อมาเปนภาพยนตร์พากย์ชั้นมโหฬาร คือ "จันทร์เจ้าขา" ของ "พรานบูรพ์" (ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพฯ วารศัพท์ พฤษภาคม พ.ศ. 2479)

ดงตาล 2479
ดงตาล (2479/1936) เปนหนังไทยเรื่องแรกของ "พรานบูรพ์" "ดงตาล" เปนเรื่องรักที่ดุดันน่าหวาดเสียว แต่ "ดงตาล" แสดงโดยคนตลก ๔ คน คือ สุคนธ์, ทองถม, แส และชื้น "ดงตาล" ถ่ายทำในท่ามกลางวิวงามตามธรรมชาติแห่งเกาะยอ ทะเลสาบสงขลา (ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามราษฎร์ เมษายน พ.ศ. 2479)
แก่นกะลาสี 2479
แก่นกะลาสี (2479/1936) จ่าโทว่อง นักเรียนใหม่โรงเรียนชุมพลทหารเรือถูก จ่าโทเอื้อม เขม่น ทันทีที่เห็นหน้า ทั้งสองมีเรื่องชกต่อยเป็นประจำ โดยที่ต่างคนต่างไม่ทราบว่ากำลังคบผู้หญิงคนเดียวกันคือ ศรีสวาท ต่อมาทั้งสองได้รับเลือกให้ไปปฏิบัติราชการรับเรือตอร์ปิโดที่ประเทศอิตาลี ระหว่างการเดินทางจ่าโทเอื้อมประสบอุบัติเหตุแต่จ่าโทว่องช่วยเหลือไว้ทัน ทั้งสองจึงยุติการทะเลาะกันนับแต่นั้นเป็นต้นมา จ่าโทว่องเปิดใจเรื่องคนรักทำให้จ่าโทเอื้อมรู้ความจริง จ่าโทว่องจึงเสียสละศรีสวาทให้แก่จ่าโทเอื้อม แต่ขณะที่อยู่ต่างเมืองจ่าโทเอื้อมนึกสนุกไปจีบสาวอิตาลี จ่าโทว่องแอบถ่ายรูปไว้และส่งไปให้ศรีสวาท เมื่อศรีสวาทได้รับจดหมายเห็นรูปบาดตาจึงหันไปหาเสี่ยเซ้งซึ่งพี่ชายแนะนำให้รู้จัก ถึงเวลาที่เรือหลวงเจ้าพระยากลับสู่น่านน้ำไทย จ่าโทว่องกับจ่าโทเอื้อมต่างตรงดิ่งไปหาศรีสวาทยอดรัก เมื่อรู้ว่าศรีสวาทเปลี่ยนใจจึงหันกลับไปตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ราชการทหาร

พญาน้อยชมตลาด (2478/1935) พญาน้อย ราชบุตรของพระเจ้าช้างเผือกมีอุปนิสัยชอบเอาแต่ใจตนเอง เป็นที่กลุ้มใจของพระราชบิดา จึงจัดการอุปภิเษกแต่พญาน้อยก็ยังไม่เลิกนิสัย วันหนึ่ง มะโดด กับ มะดวด มหาดเล็กคู่ใจของพญาน้อยมาถวายรายงานว่าพบสาวงามและเชิญพญาน้อยไปทอดพระเนตร พญาน้อยจึงทำทีเป็นเสด็จเยี่ยมทุกข์สุขของราษฎร เมื่อไปถึงตลาดท้ายเมืองตะเกิง พญาน้อยตรงดิ่งไปยังร้านแป้งน้ำมัน ซึ่ง เม้ยเจิง เป็นเจ้าของและพยายามเกี้ยวพาราสี แต่เม้ยเจิงมีสามีแล้วชื่อ มะเทิ่ง เมื่อเม้ยเจิงปฏิเสธหนักเข้า พญาน้อยผู้เอาแต่ใจจึงข่มขู่ว่าจะทำร้ายมะเทิ่งหากเม้ยเจิงไม่ยอมเป็นสนมเอก เม้ยเจิงจึงต้องตามพญาน้อยเข้าวัง พญาน้อยนำเม้ยเจิงแอบไว้ในห้องหนึ่งและให้คนหว่านล้อมเม้ยเจิง แต่นางก็เอาแต่ร้องไห้รำพันถึงสามีมะดวด กับ มะโดด แนะนำให้พญาน้อยจูบเม้ยเจิง ปรากฏว่าได้ผลดีเกินคาด เม้ยเจิงลืมมะเทิ่งเสียสิ้น ขนาดมะเทิ่งถวายฎีกาต่อพระเจ้าช้างเผือก เม้ยเจิงก็กลับให้การว่าตามพญาน้อยมาโดยสมัครใจ มะเทิ่งจึงต้องกลับบ้านทั้งน้ำตาพร้อมเงินค่าทำขวัญ 50 ชั่ง ปล่อยให้เม้ยเจิงมีความสุขกับพญาน้อย

เลือดจีนต่างด้าว 2478

เลือดจีนต่างด้าว (2478/1935) เปนเรื่องประพันธ์ทางจีน - ไทย รักแกมตลก แกมต่อสู้ครึกโครม แสดงสภาพโคแก่ชอบหญ้าอ่อน สภาพเจ้าชู้ยักษ์ น้ำใจหนุ่มผิวเหลืองผู้รักชาติ ยิ่งชีพ มีระบำโป๊ แลการยั่วยวนร้อยแปด (ที่มา: นิตยสารภาพยนต์สยาม กรกฎาคม พ.ศ. 2478)

สัตตหีบ 2478

สัตตหีบ (2478/1935) เรื่องราวเกิดขึ้นที่ตำบลสัตหีบ สันต์ ชาญชล หนุ่มประมง สมัครรักใคร่อยู่กับ นวล มิ่งทรัพย์ ลูกสาวของนายเพิ่ม วันหนึ่ง สันต์หาปลาได้มากกว่าปรกติจึงเกิดครึ้มใจชวน ชัย เชาว์งาม เพื่อนรักไปเลี้ยงฉลองกันที่ตลาด จำเพาะพอดี เดช ผู้คุมแห่งคุกสัตหีบซึ่งเบื้องหลังประกอบการทุจริต ได้พาลูกน้องอันธพาลมากินเหล้าในร้านเดียวกันนี้ ก็เกิดเขม่นกันขึ้นจนหวุดหวิดมีเรื่องชกต่อย ระหว่างทางกลับ สันต์พบนวลกำลังรีบไปตลาดเพื่อตามหมอมารักษาพ่อที่ล้มเจ็บ สันต์จึงอาสาอยู่เฝ้านายเพิ่มที่บ้าน ลูกน้องของเดชเห็นนวลก็ทำกิริยากักขฬะ นวลเห็นท่าไม่ดีรีบเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่เดชไม่ยอมลดราวาศอก ปาน เพื่อนของสันต์ผ่านมาเห็นเข้า จึงรีบไปเรียกสันต์ให้มาช่วยนวล ที่สุดก็ไม่พ้นมีเรื่องชกต่อยกัน พอดีมีทหารเรือเดินผ่านมา สันต์กับปาน และลูกน้องของเดชบางส่วนจึงถูกจับขังคุกเป็นเวลา 1 เดือน เดชใช้อภิสิทธิ์ในการเป็นผู้คุม ลงโทษสันต์กับปานให้ทำงานหนักกว่านักโทษคนอื่นๆ หนำซ้ำยังตามรังแกนวลจนนวลรำคาญใจ ตัดสินใจหนีไปอยู่ที่อื่น แต่ถูกลูกน้องของเดชฉุดระหว่างทาง เป็นเวลาเดียวกับที่เรือนจำ นักโทษกำลังเฮโลกันแหกคุก เพราะผู้คุมเอาแต่ละเลยหน้าที่มัวแต่ไปก่อกรรม สันต์กับเพื่อนช่วยกันควบคุมสถานการณ์ กระทั่งเหล่าทหารเรือกระจายกันไปตามนักโทษ สันต์จึงขอออกไปช่วยนวลให้รอดพ้นจากอิทธิพลของเดช

โมรา (2478/1935) จันทโครพ ลาพระฤาษีอาจารย์กลับบ้างเมือง ฤาษีให้ผอบติดตัวไป และห้ามเปิดก่อนถึงเมือง จันทโครพอดไม่ได้เปิดดูผอบกลางทาง มีนางโมราออกมาจากผอบ จันทโครพจึงมีหญิงงามเป็นเพื่อนเดินทาง แล้วก็เกิดเรื่องเมื่อพบโจรไพรโผล่มาชิงนาง เกิดต่อสู้กัน เพื่อแย่งนางระหว่างจันทโครพกับโจร
เมืองแม่หม้าย 2478

เมืองแม่หม้าย (2478/1935) เกสร กับ กำจร สองเพื่อนรักนักเสี่ยงโชคกำลังตกอับถึงขีดสุด แม้แต่ค่าเช่าบ้านก็ยังค้าง นายสุดใจ ถึงสามเดือน ทั้งสองจึงปลอมตัวเป็นหญิงเพื่อเดินทางไปแสวงโชคยังเมืองแม่หม้ายดินแดนลึกลับที่มีแต่ผู้หญิง ระหว่างทางต้องผจญอุปสรรคมากมายแต่ก็รอดพ้นได้จนสามารถมาถึงเมืองแม่หม้าย ทหารเมืองค้นตัวเกสรกับกำจรและอธิบายว่า ก่อนจะเข้ามาอยู่ในเมืองนี้ ทุกคนต้องเข้าพิธีเสี่ยงน้ำสาบานว่าจะซื่อตรงต่อพระจันทร์ ผู้เป็นพระสามีของชาวเมือง หากพระจันทร์โปรดผู้ใดก็จะตั้งครรภ์ ทั้งสองกลัวความแตก จึงโกหกนางพญาว่าเป็นหมอดูและดูดวงชะตาให้นางพญา เมื่อหลอกล่อถามนางพญาจนรู้ว่านางเองก็ต้องการให้มีผู้ชายเข้ามาอยู่ในเมืองจึงเปิดเผยตน นางพญาซึ่งต้องการผู้ชายให้มาอยู่ในเมืองอยู่แล้ว จึงออกคำสั่งห้ามประหารชีวิตสองหนุ่ม แต่มีข้อแม้ว่าเกสรกับกำจรต้องอยู่ที่เมืองแม่หม้ายตลอดไป

กุหลาบเชียงใหม่

กุหลาบเชียงใหม่ (2478/1935) กุหลาบเชียงใหม่ต้องชอกช้ำเพราะหนุ่มโกเสต (ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพฯ วารศัพท์ พฤศจิกายน พ.ศ. 2478)