เวลา Anatomy of Time
เวลา Anatomy of Time (2565/2022) "แหม่ม" หญิงชราวัย 70 ปี ดูแลสามีของเธอ ในช่วงสุดท้ายในชีวิตของเขา เธอมองย้อนกลับไปยังอดีตอันเปี่ยมไปด้วยความสูญเสีย ความขมขื่น แต่ก็ตราตรึงไปด้วยความสุขเมื่อครั้งเธอยังสาว
รักเป็นบ้า CRAZY LOVE (2560/2017) เมืองไท (อนุพงศ์ สกุลมงคลลาภ) อาศัยอยู่ฝั่งมหาชัยส่วนแฟนสาววัยละอ่อนชื่อ ฟ้า (ประวีวรรณ สิงห์โต) อาศัยอยู่ฝั่งท่าฉลอม บ้านของเมืองไทนั้นเป็นท่าเรือข้ามฟากไปฝั่งท่าฉลอม ซึ่งด้านบนเป็นที่พักของเมืองไท ส่วนด้านล่างเป็นท่าเรือข้ามฟากและสภาพแวดล้อมของเมืองไท ประกอบไปด้วยบุคคลหลากหลายประเภทเช่น คุณลำยง แซ่หลีพนักงานเก็บค่าโดยสารเรือข้ามฟาก ที่เอาใจใส่เมืองไท ยิ่งกว่าคนรักเสียอีก และสาวตูนพนักงานทำความสะอาดร้านอาหารที่อยู่ติดกับบ้านเมืองไท มีอาชีพเสริมคือบริการสยิวทางโทรศัพท์ โดยมีเมืองไทเป็นหนุ่มในจินตนาการของตูน ในขณะที่งานของเมืองไทราบรื่นรุ่งเรื่องแต่ชีวิตรักกลับมีอันจบลงอย่างไม่เป็นท่า โดย ฟ้า เป็นฝ่ายทิ้งเขาไปอย่างไม่ใยดีพร้อมทิ้งคำถามที่ค้างคาใจให้เมืองไท ได้คิดว่าผู้หญิงต้องการอะไร เมืองไท เผลอไปทำร้าย หญิงบ้า (อิสซาเบล่า เลเต้) ที่บุกเข้ารื้อค้นข้าวของของเขาถึงในบ้าน และในตัวหญิงบ้า มียาติดตัวมาด้วยจำนวนหนึ่ง เมืองไทจำต้องดูแลหญิงบ้าอย่างที่ไม่เคยทำให้ใครมาก่อน ทั้งป้อนข้าว ป้อนน้ำ ฯลฯ หญิงบ้ามีอาการชัก เป็นโรคประจำตัว และการชักนั้นรุนแรงขึ้นทุกวัน เมืองไทจึงต้องเฝ้าดูตลอดเวลา เพื่อป้อนยา ตามคำแนะนำของพี่สาวที่เป็นหมอ เพราะเวลาชักหญิงบ้าจะกัดลิ้นตัวเองและถ้าพลาดการให้ยา นั่นอาจหมายถึงชีวิต
อีปึก อัศจรรย์วันแห่งศรัทธา

อีปึก อัศจรรย์วันแห่งศรัทธา (2560/2017) จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ของนักร้องลูกทุ่งสาวชื่อดัง "สาวมาด เมกะแด๊นซ์" ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของวัยเรียน จุดเปลี่ยนของชีวิตในก้าวแรกที่เดินบนเส้นทางสายดนตรี จวบจนนาทีที่ป่วยหนักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ด้วยอาการครรภ์เป็นพิษอย่างรุนแรง ทำให้ความดันโลหิตสูงจนเลือดออกไปทับก้านสมอง ได้สามีสุดที่รัก กรุง สุขสันต์ มานอนเฝ้าดูอาการโดยไม่เคยทิ้งไปไหน และยอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ภรรยากลับมามีชีวิตที่แข็งแรงอีกครั้ง และเชื่อว่าเป็นการเกิดปาฏิหาริย์จากพญานาคที่มาช่วยให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น

คนขับรถ DRIVER (2560/2017) คนขับรถเล่าเรื่องราวของ เกด (ศิตา ชุติภาวรกานต์) ผู้หญิงสวยและแสนดีคนหนึ่งที่ เต้ (ภูริ หิรัญพฤกษ์) สามีของเธอหายตัวไปแบบติดต่อไม่ได้หลังจากทริปดูงานที่เกาหลี เกดร้อนใจจึงปรึกษาตั้ม(ปฏิพล นาคะประเสริฐกุล) เพื่อนที่เป็นตำรวจให้ช่วยสืบดูแต่ตั้มคิดว่าเต้คงไปเถลไถลที่ไหนต่อตามประสาผู้ชายจึงให้เกดรอดูอีกสองสามวัน เกดรอไม่ไหวจึงขอให้ แมค (ปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโนทัย) คนขับรถของเต้พาเธอไปสืบดูที่ออฟฟิสจนเจอบิลค่าไฟบ้านหลังที่เธอไม่เคยรู้จัก เกดขอให้แมคขับรถพาเธอไปตามหาบ้านหลังนั้นหวังว่าจะเจอสามีสุดที่รัก แต่สิ่งที่เธอค้นพบกลับเป็นเบาะแสสู่ความลับที่เจ็บปวดที่ทำให้เธอไม่สามารถไว้ใจใครได้อีกตลอดไป คนขับรถเป็นภาพยนตร์แนวดราม่าที่มีความเป็นอีโรติกและทริลเล่อร์ผสมอยู่ นำแสดงโดย ปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโนทัย, ภูริ หิรัญพฤกษ์, ปฏิพล นาคะประเสริฐกุล และนางเอกใหม่ประเดิมผลงานภาพยนตร์เรื่องแรก ศิตา ชุติภาวรกานต์ เขียนและกำกับโดย ฐิติพันธ์ รักษาสัตย์ อำนวยการสร้างโดย ปฐมกฤษณ์ สุดสระ
ทองดีฟันขาว (2560)

ทองดี ฟันขาว (2560/2017) เรื่องราวความกล้าหาญและความจงรักภักดีในช่วงชีวิตสำคัญของ “นายทองดี ฟันขาว” นักสู้หัวใจแกร่งที่มากความสามารถและฝีไม้ลายมวย โชคชะตานำพาให้เขาได้เป็นทหารเอกคู่ใจแห่งพระเจ้าตากสินมหาราช และพลีชีพต่อสู้ปกป้องบ้านเมืองจนกลายเป็นวีรบุรุษของชาวไทยที่รู้จักกันในนาม “พระยาพิชัยดาบหัก” ทองดี นักสู้หัวใจแกร่ง ผู้มีความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อรักษาคำมั่นสัญญา กล้าหาญจงรักภักดี มีความสามารถและฝีไม้ลายมือทางหมัดมวยและดาบอย่างหาตัวจับยาก เขาไม่ชอบกินหมาก จึงเป็นที่มาของฉายา ทองดีฟันขาว ชีวิตของเขาต้องระหกระเหินจากครอบครัวตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย และต้องออกเดินทางหาเงินเลี้ยงตัวจากการชกมวย และร่ำเรียนวิชามวยเพิ่มเติมจากบรรดาครูมวยตามเมืองต่างๆ จนสุดท้ายโชคชะตาและวีรกรรมอันเลื่องชื่อของเขาก็นำพาให้เขาได้เป็นทหารเอกคู่ใจแห่ง พระเจ้าตากสินมหาราช และพลีชีพต่อสู้ปกป้องบ้านเมืองจนกลายเป็นวีรบุรุษของชาวไทย ที่รู้จักกันในนาม พระยาพิชัยดาบหัก

พรหมจรรย์ สวยพันธุ์สยอง (2558/2015) เนญ่า (ไอยวริญท์ โอสถานนท์ โธมัส) หญิงสาวผู้ปิดกั้นความรักจากผู้ชายทุกคนเพราะมีความเชื่อว่าผู้ชายทุกคนเจ้าชู้ และเห็นผู้หญิงเป็นแค่เครื่องเล่นบำเรอความใคร่ ได้เดินทางไปเที่ยวที่จังหวัดทางเหนือตามคำชักชวนของ แพรว (พัทธ์ธีรา ศรลัมพ์) กับ กิ๊บ สองเพื่อนหญิงคนสนิท เนญ่า ไม่พอใจเมื่อเห็นว่า กิ๊บ แอบนัด พัตโตะ (ธนันท์รัฐ ยันต์ฉิมพลี) แฟนหนุ่มกับเพื่อนชายอีกสองคนที่ชื่อ ยิม (กวินพนธ์ พานิชพงษ์) และ มาวิน (กวี วงศ์จันทรา) มาด้วย กิ๊บ วางแผนให้ยิมหลอกฟัน เนญ่า เพื่อต้องการพิสูจน์ว่าที่ เนญ่า เป็นเลสเบี้ยนหรือผู้หญิงแท้ เนญ่า ไม่ชอบหน้า มาวิน แต่กลับรู้สึกดีกับ ยิม เพราะหลงเชื่อว่า ยิม เป็นสุภาพบุรุษ ในขณะเดียวกัน มาวิน กลับเริ่มสนใจในตัว เนญ่า เพราะเข้าใจผิดคิดว่า เนญ่า ยังบริสุทธ์ ในระหว่างที่ทุกคนใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านพักในป่าลึก เนญ่า ได้เดินหลงเข้าไปในป่าและเจอกับหญิงสาวที่มีรอยสักเต็มตัวโดยเฉพาะรอยสักเสือที่อยู่ด้านหลัง เนญ่า กลับออกมาจากป่าโดยที่จำไม่ได้ว่าตัวเองถูกหญิงสาวคนนั้นสักรูปเสือเอาไว้ที่แผ่นหลัง หลังจากวันนั้น เนญ่า ก็มีท่าทีและพฤติกรรมที่แปลกไปพร้อมกับเกิดเหตุการณ์ที่ มาวิน ถูกเสือฆ่าตาย ทุกคนเริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับ เนญ่า และเสือที่ออกมาตามฆ่าพวกเขาเป็นเสือจริงหรือเสือสมิงตามที่ชาวบ้านล่ำลือกันแน่ เรื่องราวความลี้ลับที่แฝงไปด้วยเสน่หาแห่งความตายภายใต้มนต์ไสยศาสตร์ของรอยสัก เสือกำลังรอคอยเพื่อให้คุณได้พิสูจน์ความจริง
มาดพยัคฆ์ (2558/2015) สารคดีร้อยเรียงเรื่องราวผ่านบทสัมภาษณ์ของ สามารถ พยัคฆ์อรุณ และผู้คนรอบข้างที่มี่ส่วนเกี่ยวข้อง เริ่มตั้งแต่วัยเด็กที่เริ่มต้นชกมวย ผสมด้วยการถ่ายทำจำลองการชกมวยไทยจนเป็นแชมป์ รวมไปถึงคลิปการชกตั้งแต่ชกมวยสากล จนได้ตำแหน่งแชมป์โลกจนถึงเสียเข็มขัด และคลิปการชกมวยไทยเมื่อคราวกลับมาต่อยมวยไทยอีกครั้ง จนได้ตำแหน่งนักมวยไทยยอดเยี่ยมประจำปี พ.ศ. 2531 โดยภาพยนตร์แบ่งการเล่าเรื่องออกเป็น 5 ยก ได้แก่ ยกที่ 1 กำเนิดพยัคฆ์, ยกที่ 2 ทางพยัคฆ์ผ่าน, ยกที่ 3 พยัคฆ์คำราม, ยกที่ 4 พยัคฆ์ลำบาก และยกที่ 5 ชาติพยัคฆ์ต้องไว้ลาย
แม่เบี้ย (2558/2015) ความลุ่มหลงแห่งอิสตรี จะเปิดความลับแห่งอสรพิษ เบื้องลึกของความรัก ตัณหาราคะ เหล่าคนบาป และความเร้นลับแห่งอสรพิษ ทุกเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ ชนะชล สุพรรณภูมิ (ชาคริต แย้มนาม) ประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ผู้มั่งคั่งมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเป็นเจ้าของ "เรือนไทยโบราณริมแม่น้ำ" ทำให้ภาคภูมิ (จิรวิชญ์ พงษ์ไพจิตร) เลขาคนสนิทได้พาเขาไปดูเรือนไทยโบราณที่ อ.บางปลาม้า สุพรรณบุรี ของ เมขลา พลับพลา (กานต์พิสชา เกตุมณี) เจ้าของบริษัท "เมขลาทัวร์" ซึ่งเป็นเพื่อนหญิงรุ่นพี่ของภาคภูมิ ที่นั่น ชนะชลเกิดความลุ่มหลงในความเร้นลับของบรรยากาศเรือนไทยโบราณแห่งนั้น รวมทั้งเสน่ห์อันยั่วยวนใจ ของเมขลาเจ้าของบ้าน ทำให้ทั้งสองติดต่อกันเรื่อยมาจนก้าวข้ามไปสู่ความสัมพันธ์ฉันชู้สาวอย่างลึกซึ้ง และที่เรือนไทยแห่งนี้ ชนะชลได้ค้นพบขนบธรรมเนียนประเพณีไทยที่บ้านนั้นรักษาไว้อย่างเคร่งครัดพร้อมกับความลึกลับที่มี "งูเห่ายักษ์" แฝงเร้นความน่าสะพรึงกลัวในบ้านนั้น และคอยจับจ้องทำร้ายเขาในทุกขณะจิต และที่นี่เขาก็ได้พบกับ ลุงทิม (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) คนเก่าแก่แห่งครอบครัวพลับพลาผู้เฝ้าดูแลและกุมความลับเหนือธรรมชาติของเรือนไทยโบราณแห่งนี้ ซึ่งชนะชลรู้สึกคุ้นเคยกับชายชราผู้นี้เป็นพิเศษราวกับเคยรู้จักกันมาแต่เก่าก่อน รวมถึงการล่วงรู้ความลับดำมืดในบ้านเรือนไทยหลังนี้ที่ได้สร้างความปวดร้าวใจแก่ คุณโกสุม (อาภา ภาวิไล) มารดาของเมขลาเป็นยิ่งนัก ซึ่งมันอาจจะเกี่ยวพันกับปริศนาชีวิตในอดีตของเขาที่ยังไม่อาจคลี่คลาย ยิ่งเวลาผ่านไป สัมพันธ์สวาทของชนะชลและเมขลาก็ยิ่งดำดิ่งเป็นปมลึก และนั่นได้นำพาทั้งคู่และคนรอบข้างไปสู่หายนะแห่งชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ไหมแก้ว (ภัทรนันท์ รวมชัย) ภรรยาของชนะชลที่ไม่อาจยอมรับการนอกใจของสามีได้ และ พจน์ (ชัยวัฒน์ ทองแสง) เพื่อนสนิทและคู่ขาของเมขลาที่หึงหวงอย่างรุนแรงต่อการปันใจของเธอให้ชายอื่น รวมถึง คุณ (งูเห่ายักษ์) ที่ปรากฏตัวให้ชนะชลและเมขลาเห็นบ่อยขึ้น และแสดงอำนาจเร้นลับมากขึ้นทุกที ราวกับจะดึงสติทั้งคู่ให้กลับมาอยู่ในทำนองคลองธรรม ก่อนที่เรื่องราวทุกอย่างจะพลิกผันจบลงด้วยการแก้แค้น, ชำระบาป และความตาย เมขลาจึงจำต้องคลี่คลายปัญหาด้วยการตัดใจลา ยุติความสัมพันธ์กับชนะชลอย่างเด็ดขาด เพื่อมิให้งูเห่ายักษ์พรากชีวิตของเขาไป ในขณะที่ชนะชลเองก็ได้ค้นพบรากเหง้าชีวิตอันเป็นต้นกำเนิดของเขาไปพร้อมๆ กับตระหนักถึงบาปที่ตนก่อไว้เช่นกัน
ขรัวโต อมตะเถระกรุงรัตนโกสินทร์ (2558/2015) ภาพยนตร์ถ่ายทอดเรื่องราว ชีวประวัติของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี วัดระฆังโฆสิตาราม ตั้งแต่เกิดจนบวชเรียน จนค้นพบสุดยอดแห่งพระคาถาชินบัญชรที่มีคุณวิเศษ โดยแบ่งช่วงชีวิตของขรัวโต ทั้งหมด 4 ช่วง ช่วงแรกว่าด้วยชีวิตวัยเด็ก ของเด็กชายโต (ชัยธวัฒน์ เนื่องจำนงค์) ซึ่ง ขรัวโต วัยเด็กก็เป็นเหมือนเด็กเล็กทั่วไปที่รักสนุก แต่ท่านเป็นเด็กที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีต่อผู้อื่น มีเมตตา ที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือ ท่านฉายแววในการเป็นคนที่มีหัวใจใฝ่เรียนรู้ ท่านร่ำร้องจะเรียนหนังสือ จนมารดาต้องพาไปฝากเรียนกับหลวงตาแก้ว ที่เป็นเหมือนครูคนแรกของท่าน ช่วงที่ 2 อยู่ในช่วงที่ ขรัวโต บวชเณร ท่านก็ตัดสินใจมุ่งที่จะบวชเป็นสามเณรอย่างจริงจัง แม้ว่ามารดาจะยังรักเป็นห่วง อยากให้อยู่ใกล้ ๆ แต่ท่านก็ยืนยันชัดเจนว่าต้องการจะบวชเรียน จนโยมแม่ต้องยอมตามใจ ซึ่งหลังจากที่ท่านพบความจริงว่า ท่านไม่ใช่ลูกของพ่อที่เลี้ยงดูท่านมา ท่านก็ขอลาบวชเรียนและไม่สึกอีกเลย ช่วงที่ 3 สามเณร ท่านบวชต่อเป็น พระโต (ปรัชญา ประทุมเดช) เป็นช่วงที่ท่านออกธุดงค์กับอาจารย์อีกคนคือ ขรัวตาแสง ได้ร่ำเรียนวิชาต่าง ๆ รวมถึงออกเดินทางไปตามสถานที่ต่าง ๆ ได้พบเห็นชีวิตทางโลกมากขึ้น และช่วงปัจฉิมวัยของ ขรัวโต (เศรษฐา ศิระฉายา) ในชีวิตจริง ขรัวโต ท่านไม่ได้เป็นพระที่เคร่งเครียด ท่านเป็นพระที่อารมณ์ดี จิตใจดี มองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน ท่านนำธรรมะมาสอนประชาชนด้วยถ้อยคำที่ฟังง่าย ๆ แต่คมคาย แฝงปรัชญาธรรมะ และอารมณ์ขัน
คีตราชนิพนธ์ บทเพลงในดวงใจราษฎร์ (2558/2015) ไม่เฉพาะเพียงความสมบูรณ์พูนสุขทางกายเท่านั้นที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใส่พระทัยพสกนิกร โดยริเริ่มโครงการต่าง ๆ มากมายเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีและยั่งยืนของพี่น้องชาวไทย หากในแง่การเติมเต็มพลังใจ พระองค์ท่านยังพระราชทานขวัญ กำลังใจ แด่ประชาชนผ่านบทเพลงพระราชนิพนธ์อันแฝงไปด้วยปรัชญาการดำเนินชีวิตมากมายหลายต่อหลายเพลง และ 4 บทเพลงพระราชนิพนธ์ใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รังสรรค์แรงบันดาลใจให้ 4 ผู้กำกับชั้นแนวหน้าของเมืองไทย ถ่ายทอดเรื่องราวสู่ 4 ภาพยนตร์ "The Singers" เพลงพระราชนิพนธ์ที่เป็นแรงบันดาลใจ "ชะตาชีวิต" เรื่องราวของ หญิงชราสองคน จากสองครอบครัวที่มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งในด้านฐานะและสถานภาพในสังคม แต่ทั้งคู่มีความเหมือนกันในแง่ของสภาพจิตใจเมื่อทั้งสองได้โคจรมาพบกันและรับรู้เรื่องราวของกันและกันการผจญภัยของสองย่ายายจึงเริ่มต้นขึ้น ย่าเป้า อยู่ในครอบครัวที่เป็นเจ้าของกิจการมีลูกหลานมากมายแต่ล้วนแล้วแต่แก่งแย่งชิงดีกันบ้างก็เสแสร้งเอาใจเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองจน ย่าเป้า รู้สึกเบื่อและเหนื่อยหน่ายกับลูกหลานเหล่านี้ ด้าน ยายเงิน มีชีวิตที่ลำบากอยู่ในชุมชนเล็กๆ กลางเมืองใหญ่ที่วุ่นวายอยู่กับหลานสาววัยหกขวบที่สุขภาพไม่ใคร่ดีนักเพียงลำพัง จนวันหนึ่ง ยายเงิน โดนจับเพราะขายแผ่นหนังและเพลงเก่า ๆ โดยไม่มีใบอนุญาต ต้องประกันตัวและเสียค่าปรับในอัตราสูงเธอและหลานจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร แต่เมื่อฟ้าส่งให้ทั้ง ย่าเป้า กับ ยายเงิน มาพบเจอกันความเห็นอกเห็นใจก็เริ่มต้นขึ้นและเมื่อถึงจุดวิกฤตจุดหนึ่งของชีวิตเธอก็ได้ตัดสินใจที่จะใช้เสียงเพลงของเธอทั้งสองเพื่อที่จะฝ่าฟันกับอุปสรรคนั้นไปให้ได้ "อมยิ้ม" เพลงพระราชนิพนธ์ที่เป็นแรงบันดาลใจ "ยิ้มสู้" เรื่องราวของ เด็กชายคนหนึ่ง ที่กลายเป็นตัวประหลาดในสายตาคนในโรงเรียน เพราะไม่เคยมีใครเห็นเขาโกรธร้องไห้ หัวเราะ หรือแม้แต่ยิ้ม เขาคือคำถามของทุกคน คือของเล่นแสนสนุกน่าแกล้ง แต่ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้หรือคิดทำความรู้จักเขาจริง ๆ และทุกคนก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้ข่าวว่าคนที่หน้าตายนิ่งเฉยไม่เคยขยับอย่างเขากำลังจะเล่นละคร แถมเล่นกับนักเรียนหญิงสุดสวยแสนป๊อบของโรงเรียนที่เขาแอบชอบ แต่เธอก็มีแฟนเป็นนักกีฬาสุดเท่เนตไอดอล ความเป็นไปไม่ได้ที่สุดกำลังจะเกิดในโรงเรียน เขาจะเล่นละครได้ไหมนักเรียนหญิงสุดสวยกำลังจะเจอกับอะไร ความจริงที่ถูกเปิดเผยอาจเปลี่ยนความรู้สึกใครบางคนไปตลอดกาล "ฝนตกที่ห้วยขาแข้ง" เพลงพระราชนิพนธ์ที่เป็นแรงบันดาลใจ "สายฝน" เรื่องจริงของ สืบ นาคะเสถียร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์ป่าห้วยขาแข้ง นักสู้ผู้อุทิศชีวิตเพื่อผืนป่าเมืองไทย ในช่วงสี่ปีสุดท้ายที่เขามุ่งมั่นและต่อสู้เพื่อยุติการตัดไม้ทำลายป่าและล่าสัตว์ป่าอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฏหมาย สืบ ยืนหยัดต่อกรกับอิทธิพลมืด นักการเมือง และเจ้าหน้าที่รัฐที่ทุจริตด้วยมือเปล่าและหัวใจที่จะไม่ยอมให้ผืนป่าของเมืองไทยต้องหมดสิ้นไปเพราะความโลภและเห็นแก่ตัว "ดาว" เพลงพระราชนิพนธ์ที่เป็นแรงบันดาลใจ "ความฝันอันสูงสุด" ใคร ๆ ก็รู้ว่า การได้เป็นคนเชิญธงชาติของโรงเรียนเป็นความฝันอันสูงสุดของนักเรียนทุกคน ดังนั้น ทันทีที่ครูประกาศหาคนเชิญธงคนใหม่แทนพี่ ป.6 ที่กำลังจะจบไป การแข่งขันของหนุ่มน้อยสองคนจึงเกิดขึ้นสำหรับ โก้ (อภิธาร รุ่งเจริญรอด) การได้เชิญธงชาติจะทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับสาวที่เขาตั้งเป้าว่าต้องจีบเป็นแฟนให้ได้ก่อนสอบปลายปี แต่สำหรับ หนึ่ง (กฤตเมธ เมืองดี) การได้เป็นคนเชิญธงชาติมีความสำคัญมากกว่าที่ใครจะคาดถึง การแข่งขันที่มีจำนวนดาวเป็นตัวตัดสิน จะทำให้ความฝันอันสูงสุดของหนึ่งเป็นจริงได้หรือไม่!?
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๖ อวสานหงสา

ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๖ อวสานหงสา (2558/2015) ในปี พ.ศ. 2135 หลังพ่ายศึกยุทธหัตถี ฝ่ายหงสาวดีพระเจ้านันทบุเรง ทรงโทมนัสที่ต้องสูญเสียพระราชโอรส จึงมีรับสั่งให้คลอกไฟเหล่าแม่ทัพนายกอง ที่ตามเสด็จพระมหาอุปราช ให้ตายตกตามกัน ทั้งยังระบายพระโทสะไปที่ พระสุพรรณกัลยา องค์ประกัน และพระราชโอรสธิดาถึงสิ้นประชนม์ชีพ ข้าง สมเด็จพระนเรศวร นั้น มีพระราชประสงค์จะนำทัพปราบหงสาวดี ให้ราบคาบ มิให้ตกค้างเป็นเสี้ยนหนาม ครั้นมาได้ทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ ของพระพี่นาง และพระราชนัดดาก็ยิ่งโทมนัส จึงตัดสินพระทัยยกทัพใหญ่ หมายเหยียบหงสาวดีให้ราบเป็นหน้ากลอง ในระหว่างที่เดินทางมาถึงเมืองเมาะตะมะได้จับตัว พระยาลอ ผู้สำเร็จราชการแทน ที่พระเจ้านันทบุเรง ส่งให้มาปกครองเมือง ถูก เม้ยมะนิก ราชธิดาของ ศิริสุธรรมราชา เจ้าเมืองเมาะตะมะลอบสังหาร เพื่อแก้แค้นแทนบิดา พร้อมรวบรวมชาวรามัญเพื่ออาสาขอเข้าร่วมรบพม่ากับชาวอโยยา แต่ครั้นเมื่อทัพของพระองค์เสด็จถึงหงสาวดีก็พบแต่เพียงเศษซากของมหานครอันเคยยิ่งใหญ่ ด้วยนัดจินหน่อง ราชบุตรพระเจ้าตองอูได้วางอุบาย เชิญพระเจ้านันทบุเรงพร้อมกวาดต้อนผู้คนแลทรัพย์ศฤงคารของหงสาไปไว้ยังตองอูจนหมดสิ้น ครั้งนั้น สมเด็จพระนเรศวร จึงทรงยกทัพตามขึ้นไปถึงเมืองตองอู มีพระราชบัญชาให้ เมงเยสีหตู เจ้าเมืองส่งตัว พระเจ้านันทบุเรงออกมาถวาย ด้านนัดจินหน่องเห็นว่าพระเจ้านันทบุเรง ที่เชิญมานั้น เป็นภัยชักศึกเข้าบ้าน จึงหมายยืมมือ สมเด็จพระนเรศวร สังหาร พระเจ้านันทบุเรง เสีย แต่เมื่อ สมเด็จพระนเรศวร ได้ทอดพระเนตรเห็น พระเจ้านันทบุเรง ที่ทรงทุพพลภาพเป็นที่น่าสมเพช ก็ให้สลดพระราชหฤทัย ระหว่างนั้น เมงราชาญี เจ้าเมืองยะไข่ได้แต่งทัพเป็นกองโจร ตีลัดตัดเสบียงอยุธยามิให้ส่งข้าวน้ำขึ้นไปเลี้ยงทัพที่ล้อมพระนครตองอูอยู่ สมเด็จพระเอกาทศรถ จึงแบ่งทัพลงมาหมายจะเผด็จศึกยะไข่มิให้เป็นหอกข้างเเคร่ แต่ทรงพลาดท่าถูกเมงราชาญีจับตัวได้ พระราชมนู จำต้องขันอาสานำกำลังลงมา แก้เอา สมเด็จพระเอกาทศรถ กลับคืน และยกทัพกลับยังอยุธยา ข้างฝ่ายพุกามประเทศนั้นได้บังเกิดกษัตริย์ชาตินักรบขึ้นมา แทนพระเจ้าชนะสิบทิศ มีพระนามว่า พระเจ้ายองยาน ตามชื่อพระนครที่ปกครอง พระเจ้ายองยาน ทรงขยายแสนยานุภาพครอบคลุมดินแดนพม่าตอนบน เข้ายึดครองหัวเมืองในรัฐไทยใหญ่ทั้งหลาย และทรงกรีฑาทัพเข้าตีเมืองยองห้วยและเมืองแสนหวีซึ่งขณะนั้นล้วนเป็นเมืองประเทศราชของอยุธยา เมื่อ สมเด็จพระนเรศวร ทรงล่วงรู้ก็ทรงมีพระราชดำริที่จะตัดไฟเสียแต่ต้นลม ไม่ให้อธิราชศัตรูพลิกฟื้นขึ้นมา เป็นเสี้ยนหนามแผ่นดินอยุธยาได้อีก สมเด็จพระนเรศวร จึงได้เสด็จยกกองทัพไปตีอังวะ ครั้งนั้น พระมหาเถรคันฉ่อง และ พระอัครมเหสีมณีจันทร์ ซึ่งกำลังทรงพระครรภ์ก็ทูลขอให้งด ซึ่งราชการสงคราม สมเด็จพระนเรศวร จึงทรงให้สัญญาว่า จะเสด็จไปทำศึกครานี้เป็นครั้งสุดท้าย เมื่อเสด็จถึงเมืองเชียงใหม่ก็ยั้งทัพจัดกระบวนอยู่หนึ่งเดือน แล้วให้ทัพ สมเด็จพระเอกาทศรถ ยกขึ้นไปทางเมืองฝาง ส่วนกองทัพหลวงยกไปทางเมืองหาง ตั้งค่ายหลวงประทับอยู่ที่ทุ่งแก้ว อยู่มา สมเด็จพระนเรศวร ทรงพระประชวรจึงโปรดให้ข้าหลวงรีบเชิญเสด็จ พระเอกาทศรถ มาเฝ้า ครั้นมาถึงได้ 3 วัน สมเด็จพระนเรศวร ก็เสด็จสวรรคตเมื่อวันจันทร์ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 สมเด็จพระเอกาทศรถ จึงได้อัญเชิญพระบรมศพ สมเด็จพระนเรศวร กลับกรุงศรีอยุธยาราชธานี

น้ำมันพราย 3D SPELL 3D (2557/2014) เรื่องราวชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชื่อว่า แพร (วนิดา เติมธนาภรณ์) ดูเผิน ๆ แพร เป็นผู้หญิงธรรมดา ๆ เหมือนคนอื่นทั่วไป จะต่างก็เพียงแค่ แพร เป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างหน้าตาดี ถึงขั้นสวยเลยล่ะ ระดับอดีตดาวมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว มีแต่หนุ่ม ๆ มาขายขนมจีบไม่ว่างเว้น ตั้งแต่คนใกล้ตัว ไปจนถึงชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ในที่ทำงาน จนเป็นที่อิจฉาริษยาของเพื่อนร่วมงานผู้หญิงคนอื่น ๆ ไปทั่ว! จริง ๆ แล้วการดำเนินชีวิตของ แพร เกือบจะปกติเหมือนคนอื่นทั่ว ๆ ไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะความสวยของตัวเองมาทำลายมันเสียก่อน มันคือสาเหตุ ชนวน ต้นเหตุปมปัญหาทั้งหมด และเป็นสิ่งที่นำพาเรื่องราวอันน่าสยองขวัญ น่าสะพรึงกลัวอย่าง น้ำมันพราย เข้ามาวังวนชีวิตของ แพร และคนรอบข้างไปในที่สุด
เพชฌฆาต The Last Executioner (2557/2014) เชาวเรศน์ จารุบุณย์ (วิทยา ปานศรีงาม) เป็นมือประหารคนสุดท้ายของประเทศไทย ที่ปลิดชีวิตนักโทษด้วยวิธีการยิงเป้าจากนักดนตรีหนุ่มผู้หลงใหลในเพลงร็อคแอนด์โรล และเล่นดนตรีให้กับเหล่าทหารไอจีในช่วงสงครามเวียดนาม เขาต้องเลือกทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ผู้คุมในเรือนจำเพื่อความมั่นคงของครอบครัวที่เขารักเขาใช้ชีวิตทั้งชีวิตยอมรับกรรมดีกรรมชั่วที่เกิดจากหน้าที่ของเขา ในการทำหน้าที่เป็นเพชฌฆาตผู้ปลิดชีพนักโทษมาแล้วถึง 55 คน ตลอดกว่า 19 ปี ในเรือนจำกลางบางขวางหรือที่รู้จักกันดีในนาม คุกเสือใหญ่ หรือ The Bangkok Hilton
อยากอยู่อย่างใหญ่ BORN TO BE YAI (2557/2014) ชัย ชัยปรีชา (สรวิชญ์ สุบุญ) เป็นคนเมืองชาละวัน จากเด็กชายบ้านนอก การศึกษาแค่ ป.6 ทั้งๆ ที่ชัยอยากเรียนต่อใจจะขาด แต่ขาดแค่ความพร้อมของครอบครัว คำสอนของคุณปู่ที่พูดถืงแต่อนาคตที่ดี ขัดกับคำพูดของคุณพ่อที่ไม่ให้ชัยเรียนต่อมัธยม คุณแม่สงสารชัยแต่ก็ขัดคุณพ่อไม่ได้ คุณพ่อเพียงคิดแค่จะให้ชัยออกมาช่วยกันทำนาทำสวน เก็บดอกเก็บผลไปขาย หรือรับจ้างตามอย่างพวกพี่ๆ ที่มาช่วยกันทำมาหากิน แม้จะต้องออกจากระบบการศึกษาตามความต้องการของคุณพ่อ แต่ชัยก็ไม่ยอมปล่อยโอกาสที่ผ่านเข้ามาในชีวิตให้ผ่านเลยไปเฉยๆ เขาคว้าโอกาสไว้ และไขว่คว้าหาอนาคตที่ตัวเองต้องการด้วยตนเอง จนในที่สุดโชคชะตาของเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๕ ยุทธหัตถี

ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๕ ยุทธหัตถี (2557/2014) ในปี พ.ศ. 2129 พระเจ้านันทบุเรง ทรงแค้นเคืองที่ต้องปราชั­ยต่อ สมเด็จพระนเรศฯ อย่างย่อยยับ ทั้งต้องเสียไพร่พลและพระสิริโฉม จึงระบายความแค้นนั้นไปที่องค์พระสุพรรณกั­ลยา เมื่อ สมเด็จพระมหาธรรมราชา พระราชบิดาทราบค­วามก็ให้โทมนัสด้วยสำนึกว่าชะตากรรมของพระ­ราชธิดาและแผ่นดินอยุธยาที่ถูกกระทำการย่ำ­ยีก็ด้วยเพราะพระองค์ทรงแปรพักตร์ไปเข้าข้­างศัตรู จนตรอมพระทัยเสด็จสวรรคต สมเด็จพระนเรศฯ ทรงมีพระชนมายุ 31 พรรษา จึงเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติค­รองกรุงศรีอยุธยาสืบต่อจากพระราชบิดา สมเด็จพระมหาธรรมราชา หรือ (สมเด็จพระสรรเพ็ชญ์ที่ 1) ข่าวการผลัดแผ่นดินของกรุงศรีอยุธยารู้ไปถึง พระเจ้านันทบุเรง แห่งกรุงหงสาวดี พระเจ้านันทบุเรง พระราชโอรสในพระเจ้าบุเรงนอง สำคัญว่าราชอาณาจักรสยาม หรืออาณาจักรอยุธยาจะไม่เป็นป­กติสุขเป็นช่องชวนชิงเชิง จึงโปรดให้พระราชบุตร พระมังสาม­เกียด หรือ(พระมังกะยอขวาที่ 1) พระมหาอุปราชเจ้าวังหน้ากรีฑาทัพไปตีกรุงศรีอยุธยาอีกคำรบ นำกองทัพทหาร 240,000 นาย (สองแสนสี่หมื่นนาย) มาตีกรุงศรีอยุธยาหมายจะชนะศึกในครั้งนี้ สมเด็จพระนเรศวร ทรงทราบว่า พม่ายกทัพใหญ่มาตี จึงทรงเตรียมไพร่พล มีกำลัง 100,000 นาย (หนึ่งแสนนาย) เดินทางออกจากบ้านป่าโมก อ่างทองไปสุพรรณบุรี ข้ามน้ำตรงท่าท้าวอู่ทอง ลพบุรี และตั้งค่ายหลวงบริเวณหนองสาหร่าย โดย สมเด็จพระนเรศวร โปรดให้ พระราชมนู แต่­งพลเป็นทัพหน้าขึ้นไปลองกำลังข้าศึกถึงหนอง­สาหร่าย ทัพหน้า พระราชมนู ปะทะเข้ากับทัพพม่าถึงขั้­นตะลุมบอน แต่กำลังข้าง พระราชมนู น้อยกว่าจึงแตกพ่ายถ­อยลงมาเป็นอลหม่าน สมเด็จพระนเรศฯ ทราบความจึงออกอุบายให้ทัพข้าศึกไล่เตลิดลงมาจนเสียกระบวนแล้วจึงทรงนำกำลังออกยอทัพข้าศึก ครั้งนั้นพระคชสารทรงของสมเด็จพระนเรศฯ นามเจ้าพระยาไชยานุภาพ และพระคชสารทรงของสมเด็จพระเอกาทศรถคือเจ้าพระ­ยาปราบไตรจักรต่างตกมัน วิ่งเตลิดแบกพลฝ่าเข้าไปในทัพพม่ารามัญกลางว­งล้อมข้าศึก และหยุดอยู่หน้าช้าง พระมังสามเกียดพระมหาอุปร­าชา พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นพระมหาอุปราชาทรงพระคชสารอยู่ในร่มไม้กับเหล่าพระยาขุนศึก จึงทราบได้ว่าพระคชสารทรงของสองพระองค์หลงถลำเข้ามาถึงกลางกองทัพข้าศึก และตกอยู่ในวงล้อมข้าศึกแล้ว แต่ด้วยพระปฏิภาณไหวพริบของสมเด็จพระนเรศวร ทรงเห็นว่าเป็นการเสียเปรียบข้าศึกจึงไสช้างเข้าไปใกล้ แล้วตรัสถามด้วยคุ้นเคยมาก่อนแต่วัยเยาว์ว่า "พระเจ้าพี่เราจะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกัน ให้สมพระเกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิด ภายหน้าไปไม่มีพระเจ้าแผ่นดินที่จะได้ยุทธหัตถีแล้ว" พระมังสามเกียดพระมหาอุปราชาได้ยินดังนั้น จึงไสพระคชสารนามว่า พลายพัทธกอเข้าชนเจ้าพระยาไชยานุภาพเสียหลัก พระมังสามเกียดพระมหาอุปราชาทรงฟันสมเด็จพระนเรศวรด้วยพระแสงของ้าว แต่ สมเด็จพระนเรศวร ทรงเบี่ยงหลบทัน จึงฟันถูกพระมาลาหนังขาด จากนั้น เจ้าพระยาไชยานุภาพชนพลายพัทธกอเสียหลัก สมเด็จพระนเรศวร ทรงฟันด้วยพระแสงของ้าวถูก พระมังสามเกียด พระมหาอุปราชา เข้าที่อังสะขวา สิ้นพระชนม์อยู่บนคอช้าง ส่วน สมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงฟันเจ้าเมืองจาปะโรเสียชีวิตเช่นกัน พม่าจึงยกทัพกลับกรุงหงสาวดีไป นับแต่นั้นมาก็ไม่มีกองทัพใดกล้ายกมากล้ำกรายกรุงศรีอยุธยาอีกเป็นระยะเวลาอีกยาวนาน

จันดารา ปัจฉิมบท (2556/2013) หลังจากเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นในบ้านพิจิตรวานิช ทำให้ จัน ดารา (มาริโอ้ เมาเร่อ) และ เคน กระทิงทอง (ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต) สหายสนิทของเขาต้องหนีภัยอันเกิดจากการกระทำอันเหี้ยมโหดของ คุณหลวงวิสนันท์เดชา (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) ผู้ที่เขาคิดว่าเป็นพ่อบังเกิดเกล้านานถึง 17 ปี ไปพำนักอยู่กับ คุณท้าวพิจิตรรักษา (รัดเกล้า อามระดิษ) ผู้เป็นญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ที่เมืองพิจิตร ช่วงระยะเวลาที่อยู่ที่เมืองพิจิตรนี้ จัน เป็นสุขทั้งกายใจ และรู้สึกถึงอิสรภาพของชีวิตอย่างแท้จริง เขายังคงติดต่อทางจดหมายกับ ไฮซินธ์ (สาวิกา ไชยเดช) เพื่อนหญิงในดวงใจอันเป็นรักบริสุทธิ์ของเขาอยู่เสมอมา และคาดหวังว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่อันสดใสที่เมืองนี้พร้อม ๆ กับการตามค้นหาพ่อแท้ ๆ ของเขาไปด้วย แต่เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้งให้วันชื่นคืนสุขอยู่กับเขาเพียงไม่นาน เมื่อในที่สุด จัน ก็ได้ล่วงรู้ความจริงอันไม่คาดฝันเรื่องพ่อผู้ให้กำเนิดแท้จริงที่เขารอคอยมานานจากปากคำของ ร้อยตำรวจเอกเรืองยศ (เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์) ผู้กุมความลับอันน่าอดสูเกี่ยวกับ ตระกูลพิจิตรวานิช นี้ไว้มาตลอดทั้งชีวิต จัน พยายามทำใจให้ผ่านช่วงชีวิตอันแสนทุกข์ทรมานนี้ไปให้ได้ จนกระทั่ง น้าวาด (บงกช คงมาลัย) ได้เดินทางมาแจ้งข่าวเรื่อง คุณหลวง ล้มป่วยลงอย่างฉับพลัน เนื่องจากเกิดเหตุบางอย่างขึ้นกับ คุณแก้ว (โช นิชิโนะ) และ คุณขจร (ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) และแล้วสงครามแห่งการชำระแค้นและทวงคืนทุกอย่างให้กลับมาเป็นของเขาและ ตระกูลพิจิตรวานิช ก็ได้เปิดฉากขึ้นในทันทีตามคำสั่งเสียสุดท้ายของ คุณท้าว ยายผู้คอยบงการและพลิกผันชะตาชีวิตของ จัน ให้ตกอยู่ในด้านมืดอย่างคาดไม่ถึง จัน กลับมาอย่างสง่าผ่าเผยในฐานะเจ้าของบ้านคนใหม่ และมีสิทธิในทรัพย์สมบัติและอำนาจทั้งหมดภายในบ้าน แต่เท่านั้นยังไม่สาแก่ใจของเขา เมื่อสัตว์ร้ายและตัณหาราคะในใจปะทุออกมาอย่างรุนแรง เมื่อเขาเห็นภาพ คุณบุญเลื่อง (รฐา โพธิ์งาม) กับ คุณหลวง ยังรักใคร่กันเป็นอย่างดี จัน จึงใช้เสน่ห์แห่งความเป็นชายหนุ่มรูปงามหลอกล่อจน คุณบุญเลื่อง ตกเป็นของเขาอย่างสมยอม และเมื่อ คุณหลวง ได้เห็นภาพร่วมรักอันเร่าร้อนของทั้งคู่ ทำให้เขาสิ้นสติและกลายเป็นอัมพาตไปในที่สุด กระจกเงาแห่งความชั่วร้ายได้สะท้อนภาพคุณหลวงมาสู่ตัว จัน อย่างไม่มีผิดเพี้ยน การล้างแค้นอันน่าขยะแขยงนี้ดูเหมือนจะปิดฉากอย่างสมบูรณ์แบบด้วยชัยชนะของ จัน ดารา แต่เพียงผู้เดียว ถ้าเขาไม่ได้รับบทเรียนชีวิตอันยิ่งใหญ่จากศัตรูคู่อาฆาตอย่าง คุณแก้ว ที่เอาคืนจันอย่างสาสม รวมถึงคนรอบข้างที่คอยห่วงใยเขาเสมอมาอย่าง น้าวาด, เคน และ คุณบุญเลื่อง ที่ค่อย ๆ ตีตัวออกห่างจาก จัน ไปเรื่อย ๆ อำนาจและทรัพย์สมบัติจะมีค่าอะไร หากไร้คนที่รักและห่วงใยเราอย่างจริงใจอยู่เคียงข้าง

หน้าที่